Tag: การช่วยเหลือ
-
นักเลี้ยงหมาที่ชาติต้องการ!! หนุ่มติดชื่อ-รูปตัวเองที่หมาจรจัด พร้อมรับผิดชอบถ้าหมาทำเสียหาย
แน่นอนว่าในบ้านเรามีสุนัขจรจัดอยู่เป็นจำนวนมาก และเวลาที่มันอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เราก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องแจ้งกับใครให้จัดการกับปัญหาดังกล่าวดี แต่ในวันนี้ (5 พฤษภาคม 2018) เพจ มัชเฌ Family ได้แชร์เรื่องราวดีๆ บอกเล่าถึงการช่วยเหลือของชายคนนี้ที่มีให้กับเหล่าน้องหมาตามท้องถนน โดยการทำจี้ห้อยคอให้กับพวกมัน ชายหนุ่มทำจี้เอาไว้ให้สุนัขจรจัดห้อยคอ แต่จี้ดังกล่าวนั้นไม่ใช่จี้ธรรมดา เพราะมันคือจี้ที่บ่งบอกว่า เขาพร้อมจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่าง หากน้องหมาจรจัดเหล่านี้ได้ไปสร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับใคร ด้านหลังคือข้อมูลการติดต่อ และเขาบอกว่าตนเองรับเป็นเจ้าของ และพร้อมจะรับผิดชอบแทนมันทุกอย่าง เจ้าของโพสต์อธิบายว่า “พี่ๆ น้องๆ หลายคนคงอยากรู้ว่าหลังรูปที่ผมเอาไปห้อยคอหมา มันมีอะไรหรือมันเขียนว่าอะไร ถ้าเราจะตอบแทนความรักความซื่อสัตย์ที่หมาเขามีให้เรา ฉะนั้นเราก็ต้องปกป้องและคุ้มครองเขาด้วยการรับผิดชอบ รับผิดชอบ รับผิดชอบ รับผิดชอบ รับผิดชอบ” ด้านหน้าคือรูปของเขา นี่คือความช่วยเหลือเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้พวกมันอาจเป็นเพียงสุนัขจรจัดที่ไม่มีใครดูแลอย่างเป็นทางการ แต่อย่างน้อยจี้ห้อยคออันนี้ก็แสดงให้เห็นว่ายังมีคนที่รักและห่วงใยพวกมันอยู่เสมอ และหวังว่าพวกมันจะไม่ได้รับอันตรายจากความไม่ตั้งใจ จนอาจพลั้งพลาดไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ที่มา: มัชเฌ Family
-
‘คุณปู่’ วัย 90 ปี ยอมเสี่ยงชีวิต โดดลงไปช่วยเหลือเด็กน้อยที่กำลังจะจมน้ำ
ร่างกายของเรามีวันเสื่อมสลายตามกาลเวลา แต่ความดีนั้นจะยังคงฝังแน่นอยู่กับคนคนนั้นไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม และการทำความดีของชายชราคนนี้คือข้อพิสูจน์ของความคิดนั้น นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2018 ในเมือง Santai ประเทศจีน เด็กน้อยวัยขวบครึ่งคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่แถวริมแม่น้ำ แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุผลัดตกลงไปด้านล่าง ด้วยความกลัว เขาจึงร้องขอความช่วยเหลือจากคนเดินผ่านไปมา จนทำให้คุณปู่วัย 90 ปีที่บังเอิญได้ยินเข้า รีบวิ่งไปหาเด็กเท่าที่ตัวเองจะสามารถวิ่งได้ไหว ก่อนที่จะกระโจนลงไปช่วยเหลือเด็กคนนั้น แล้วคุณปู่ก็สามารถช่วยเด็กน้อยขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ ส่วนตัวเองนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ตามมาทีหลัง ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลย คลิปในตอนที่ชาวบ้านคนอื่นๆ ตามมาช่วย คุณปู่ได้พูดทิ้งท้ายกับแม่ของเด็กคนนั้นว่า “ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมพอทำได้ ถ้าผมตายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เด็กน้อยไม่ควรจะได้รับในสิ่งนั้น” แล้วคุณปู่ก็ค่อยเดินจากไป ลองคิดดูว่าคุณปู่วัย 90 ปี เดินเหินปกติยังอาจจะไม่ค่อยไหว แต่ความดีที่แกมีติดตัวมาตลอดนั้นทำให้ไม่สามารถเมินเฉยต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กคนนั้นได้จริงๆ ที่มา: medium
-
ชีวิตนั้นมีค่า!! เครื่องบินสละน้ำมันกว่า 30 ตัน ลงจอดฉุกเฉิน เพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสาร
ทุกชีวิตล้วนแต่มีคุณค่าเหนือสิ่งอื่นใด และสิ่งนั้นสามารถพิสูจน์ได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อเครื่องบินลำหนึ่งตัดสินใจสละน้ำมันจำนวนกว่า 30 ตัน เพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสารคนหนึ่งที่เกิดอาการหายใจติดขัด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2018 บนเที่ยวบิน MU578 ของสายการบิน Chinese Eastern Airlines ขณะที่กำลังเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แล้วจู่ๆ ก็มีผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่งเกิดอาการป่วยขึ้นมาอย่างฉับพลัน ลูกเรือบนเครื่องเล่าว่าผู้โดยสารสาววัย 60 ปีคนนี้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่ารู้สึกเจ็บแบบเสียวซ่านไปทั้งตัว และมีอาการหายใจลำบาก ทำให้พนักงานส่งตัวผู้โดยสารคนดังกล่าวไปนั่งบนชั้นธุรกิจแทน เพื่อให้เธอสามารถลงไปนอนราบได้ จากนั้นลูกเรือจึงทำการประกาศขอความช่วยเหลือ ก่อนที่จะมีผู้โดยสาร 2 คนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อาสาออกมาช่วยดูแลผู้ป่วย ทว่า 3 ชั่วโมงต่อมา เธอคนนั้นก็เริ่มมีอาการกระตุกและบอกว่ามีอาการแข็งเกร็งไปตามกล้ามเนื้อ เมื่อกัปตันบนเครื่องบินรับทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว เขาจึงตัดสินใจจะนำเครื่องลงจอดกลางทางที่สนามบินนานาชาติ Anchorage รัฐอะแลสกา แต่ว่าในตอนนั้นเครื่องบินมีน้ำหนักมากเกินไปสำหรับการลงจอดฉุกเฉิน เพราะมีผู้โดยสารอยู่มากถึง 294 คน ด้วยเหตุนั้นเองลูกเรือจึงทำการสละน้ำมันกว่า 30 ตันทิ้งไปกลางอากาศ เพื่อให้เครื่องสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย พอลงจอดเป็นที่เรียบร้อย…
-
11 ภาพบ่งบอกถึงเรื่องราวดีๆ ที่จะทำให้เรามีกำลังใจกับการใช้ชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า
บนโลกของเรายังคงเต็มไปด้วยความสวยงามที่ไม่อาจจางหายไป โดยมีสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มมันเอาไว้ นั่นคือการทำความดีที่ออกมาจากใจของมนุษย์ทุกคน ในชีวิตที่เราอาจมองว่ามันมีแต่ความโหดร้าย แต่แท้จริงแล้วมันกลับไม่ได้มีแค่สิ่งที่ทำลายความรู้สึกของเราเสมอไป ทั้งหมดนี้คือภาพถ่ายและเรื่องราวสุดประทับใจ ที่ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่การทำอะไรที่ใหญ่โต แต่การรับรู้ถึงเรื่องราวของพวกเขานั้นกลับสามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นหัวใจได้อย่างมากมายมหาศาล และเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ เราไปเติมเต็มความสุขของชีวิตพร้อมๆ กันเลย 1. ความเอาใจใส่ของเพื่อนร่วมโลก หลังจากที่หญิงสาวเจ้าของบ้านได้รับการช่วยเหลือถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้านของเธอ พร้อมกับช่วยกันเตรียมอาหารเย็นให้กับลูกๆ ทั้ง 5 คนของหญิงสาวคนนั้น ก่อนที่จะล้างจานทำความสะอาดอะไรให้เรียบร้อย แล้วค่อยจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม 2. นักดับเพลิงผู้ช่วยเหลือแมวน้อย ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์ แม้แต่สัตว์เองก็ยังต้องการความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเจ้าแมวตัวนี้ซึ่งติดอยู่บริเวณด้านบนของตลาด Senan กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ที่กำลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่อยู่ในขณะนั้น นักดับเพลิงจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้มันไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ เลย 3. เด็กๆ ที่ทำทุกอย่างให้พร้อมสำหรับฤดูหนาว เด็กเหล่านี้ช่วยกันเอาเสื้อกันหนาวไปผูกไว้ตามเสาต่างๆ ในประเทศแคนาดา เพื่อต้องการจะมอบไออุ่นให้กับเหล่าคนไร้บ้านหรือคนยากไร้ที่ต้องการสิ่งเหล่านี้ 4. ความหมายของคำว่าน้ำใจนักกีฬา นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นในการแข่งขันบอลโลกปี 2014 เมื่อนักฟุตบอลชาวออสเตรเลีย Mark Bresciano เห็นว่าเชือกรองเท้าของเด็กน้อยคนหนึ่งหลุด โดยที่เด็กไม่สามารถก้มลงไปผูกด้วยตัวเองได้ เขาจึงคุกเข่าลงไปผูกมันให้กับเด็กคนนั้น 5. น้ำใจที่มอบให้กับผู้มองหาโอกาส…
-
โลกใบนี้ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ชม 11 ภาพซึ้งๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ในมุมใดมุมหนึ่งของโลกใบนี้
ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่จะอบอุ่นไปกว่าการที่มนุษย์เราช่วยเหลือกัน การที่เราไม่ทอดทิ้งความหวัง และรอยยิ้มของคนที่รอดพ้นจากเรื่องราวอันเลวร้ายมาได้ โลกใบนี้นั้นอาจจะน่าอยู่กว่าที่เราคิด ขอเพียงแค่เรามองเห็นแสงเล็กๆ ที่จะนำทางเราไป #เหมียวฝึกหัด ขอนำแสงสว่างเล็กๆ ที่ว่ามาให้แก่ทุกๆ คน ผ่านทางภาพถ่ายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในมุมใดมุมหนึ่งของโลกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันดังต่อไปนี้ หญิงชราคนหนึ่งถักหมวกให้กับสุนัขของฉัน หลังจากที่เธอเห็นมัน ตอนที่ฉันพามันไปซื้อของ สุนัขตัวหนึ่งถูกปฏิเสธที่จะรับเลี้ยงมาถึงสามครั้ง เมื่อพวกเราพบกัน มันก็กระโดดเขามาที่ตักผม และพวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น เสื้อกันหนาวของเจ้าแมวน้อย แมวชื่อ Philemon อาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในเมืองที่หนาวเย็นเป็นเวลาหลายปี คนงานของพิพิธภัณฑ์ที่เห็นมันเข้า จึงได้ประกาศว่ามีแมวอยากได้เสื้อคลุมกันหนาวบนเว็บไซต์ของพวกเขา ผู้คนจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กรู้เรื่องนี้เข้า แล้วตอนนี้เจ้าแมวน้อยก็ไม่ต้องกลัวสภาพอากาศหนาวเย็นอีกต่อไป ความรักของแม่ Terri Gurrola ได้กลับมาพบกับลูกสาวหลังจากทำหน้าที่ในอิรักเป็นระยะเวลา 7 เดือน มือเด็กชายชาวยูกันดาที่กุมมือของนักเผยแผ่ศาสนา เป็นภาพเตือนใจที่น่าเศร้าเกี่ยวกับความแตกต่างของผู้คนในโลกนี้ และภาพความอบอุ่นของการช่วยเหลือกัน แม้จะเป็นเพียงการช่วยเหลือที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ก็ตาม น้องชายผู้ไม่สมประกอบของฉันได้มีประสบการณ์ไปเดตเป็นครั้งแรกในคืนนี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้พวกเขาได้พบกัน นี่คือใบหน้าของฉัน ตอนที่คุณหมอบอกว่าการรักษามะเร็งของฉัน ประสบความสำเร็จไปด้วยดีแล้ว!! รถไฟเปลี่ยนตารางเวลาเพื่อเด็กหญิงคนหนึ่ง สถานีรถไฟ Poyakonda เป็นสถานีในเมืองชื่อเดียวกัน ที่มีผู้คนในฤดูหนาวเพียง…
-
คนแปลกหน้าโลกโซเชียล ลงทุนหอบยามาช่วย “เด็กสาว” ที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง
เราอาจเคยมีความคิดว่าคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คงไม่เข้ามาช่วยเหลือเราง่ายๆ หรอก แต่เหตุการณ์นี้จะช่วยเปลี่ยนความคิดนั้นไปโดยปริยาย เพราะเด็กสาวคนหนึ่งในประเทศจีนที่กำลังจะจากโลกนี้ไป กลับได้รับการช่วยเหลือจากชาวเน็ตที่ไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่ Song Shurui เด็กสาววัย 17 ปีในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสจากอาการปอดติดเชื้อภายหลังการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษา โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) ในช่วงเดือนธันวาคม 2017 สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด คุณหมอถึงกับบอก Dai Qinjia แม่ของเธอไว้ก่อนเลยว่า มีโอกาสน้อยมากที่ Song จะเยียวยากลับมาหายเป็นปกติได้ เธออยู่ในจุดที่อาจจะจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ คนเป็นแม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เธอเฝ้าดูแลลูกสาวอยู่ข้างเตียงไม่ห่างไปไหนนานเป็นเวลานับสัปดาห์ เธอบอกว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวฉันกำลังจะตาย ฉันจะทำทุกหนทางเพื่อช่วยเธอด้วยทุกอย่างที่ฉันมี” ในตอนนั้นยาเพียงตัวเดียวที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กสาวได้คือยาที่มีชื่อว่า Cidofovir แต่ว่ายาตัวนี้กลับไม่สามารถหาได้ในพื้นแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนที่พวกเธออาศัยอยู่ ถึงอย่างนั้นคุณแม่ก็ไม่ย่อท้อ Dai ตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือลงไปในโลกโซเชียล หวังให้มีพลเมืองดีซักคนหยิบยื่นโอกาสให้ลูกสาวของเธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง แล้วในที่สุดสวรรค์ก็มีตา คุณแม่ได้รับการตอบกลับจากชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอจึงรีบโทรติดต่อหาเขาในทันที ข้อความจากชาวเน็ตหลายๆ คน ชายผู้ไม่เอ่ยนามคนนี้เล่าว่า “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 2 Dai โทรมาสอบถามถึงข้อมูลตัวยาดังกล่าว…
-
ชาวเน็ตแชร์เรื่องราว “ทำผิดกฎ” เพื่อช่วยผู้อื่น สะท้อนสิ่งที่ถูกมองว่า “ผิด”
เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานถึงเรื่องที่ว่าพวกเรานั้นควรที่จะทำผิดกฎเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกหรือไม่ แน่นอนว่าความเห็นในเรื่องแบบนี้นั้นย่อมแบ่งเป็นสองฝั่งสองฝ่าย ฝ่ายที่บอกว่ากฎหมายนั้นจำเป็นต้องผ่อนผันกันบ้าง และฝั่งที่บอกว่าไม่ว่าอย่างไรกฎก็ต้องเป็นกฎ ไม่อย่างนั้นสังคมก็ไม่สงบสุขกันเสียที อะไรผิดอะไรถูกนั้นมันเป็นเรื่องที่พิสูจน์กันยาก เพราะแต่ล่ะคนก็มีความคิดต่อสิ่งต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน จะไปบอกว่าอะไรเป็นสีขาวหรือดำไปเลยนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเท่าไหร่นัก เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ของเหล่านที่แหกกฎ เพื่อช่วยเหลือใครสักคน ส่วนเรื่องที่ว่ามันเป็นเรื่องผิดหรือถูกนั้น คงต้องให้พวกเพื่อนๆ ตัดสินกันเอาเอง ProbablyStoned0x1A4 เล่าว่า… ตอนที่ผมทำงานอยู่ที่ร้านขายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ผมปล่อยให้ชายไร้บ้านหยิบอาหารสุนัขไปจากร้านได้เลยเพราะผมไม่อยากให้สุนัขของเขาหิวตาย ตอนที่หมดกะของผมในวันนั้น ผมก็บังเอิญไปเห็นชายคนนั้นนั่งกินอาหารสุนัขอยู่กับสุนัขของเขาในลานจอดรถ ผมแทบจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นเลย npanth เล่าว่า… ผมเคยทำงานอยู่ในร้านขายอะไหล่รถในช่วงที่มหาวิทยาลัยหยุดฤดูร้อน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าร้านมาพร้อมแบตเตอรี่รถยนต์ที่พังไปแล้ว เธอแลดูเป็นทุกข์มาก เธอบอกว่าเธอต้องค้างค่าเช่าเพื่อซื้อแบตเตอรี่ เพราะไม่มีแบตเตอรี่ เธอก็ไม่มีรถ ไม่มีงาน เธอถามขอซื้อแบตเตอรี่ที่ถูกที่สุด วันนั้นผมคิดเงินเธอค่าแบตเตอรี่ที่ถูกที่สุดราคา 50 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 1,500 บาท) แต่หยิบแบตเตอรี่อย่างดี ราคา 300 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 9,400 บาท) ให้แก่เธอ TinCanCynic เล่าว่า… ผมสมรู้ร่วมคิดกับเพื่อนร่วมงานและเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อมอบเวลาอยู่บ้าน 2 เดือนให้แก่ลูกน้องของผมหลังจากที่ลูกชายเขาเกิด ลูกของเขาอ่อนแอมากและอาจจะจากไปได้ทุกเมื่อ ลูกน้องของผมไม่มีวันลาเหลืออยู่แล้วแต่พวกเราอยากให้เขาได้อยู่กับลูกให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้…
-
นักกีฬาสกีโอลิมปิก ทำการปิดฟาร์มเนื้อสุนัขที่เกาหลีใต้ แล้วพาหมาๆ กลับไปดูแล
จบลงไปแล้วกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ที่มีนักกีฬาจากหลากหลายชาติเข้าร่วมลงแข่งขันในกีฬาประเภทต่างๆ แต่ว่ามีนักกีฬาคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ไปแข่งกีฬาเพียงอย่างเดียว เพราะเขายังได้แสดงตัวเป็นฮีโร่ ด้วยการช่วยให้ฟาร์มเลี้ยงหมาสำหรับเป็นอาหารในประเทศเกาหลีปิดตัวลง แถมยังได้ช่วยชีวิตของเจ้าขนปุยเป็นจำนวนมากอีกด้วย!! และชื่อของคนๆ นั้นก็คือ Gus Kenworthy นักกีฬาสกีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ในปี 2018 นี้เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จัดขึ้น ณ ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนอกจากผลงานที่โดดเด่นในสนามแข่งแล้ว ชีวิตนอกสังเวียนของเขาก็ดูดีไม่แพ้กันจนถึงขั้นที่อาจได้รับรางวัลฮีโร่ประจำปีเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้ร่วมมือกับองค์กรต่อต้านการทารุณกรรณชื่อว่า Humane Society International ได้เดินทางไปพูดโน้มน้าวใจเจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมา จนทำให้ฟาร์มเลี้ยงหมาแห่งนั้นปิดตัวลงได้สำเร็จ “ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่สถานที่ที่ผมควรนำวัฒนธรรมแบบตะวันตกมาใช้ แต่ว่าเหล่าสัตว์ต่างๆ ที่นี่ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างรุนแรงจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมมากๆ และสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมก็ไม่ควรจะเป็นแพะรับบาปสำหรับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นนี้” Gus เขียนเอาไว้ในอินสตาแกรมของเขา การช่วยเหลือในครั้งนั้นของ Gus สามารถช่วยชีวิตหมาน้อยได้ถึง 90 ตัว แต่นอกจากการช่วยชีวิตหมาที่น่าสงสารเหล่านี้เอาไว้แล้ว เขายังได้วางแผนจะส่งพวกมันไปยังประเทศอเมริกาและประเทศแคนาดา เพื่อที่จะหาบ้านที่อบอุ่นให้กับพวกมัน และในตอนนี้เขาก็ได้รับอุปถัมภ์หมามาไว้ตัวหนึ่งชื่อว่า Beemo “ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะมอบชีวิตที่ดีที่สุดให้กับมัน ผมมั่นใจว่าจะทำให้มันมีความสุขที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้” Gus กล่าว การกระทำแสนงดงามของเขาในครั้งนี้ได้แสดงถึงความมีจิตใจดีของเขา แต่ว่านี่ไม่ใช่การช่วยเหลือแรกของชายคนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2014 ระหว่างที่เขาลงแข่งกีฬาที่ประเทศรัสเซีย เขาก็ได้จุดกระแสเรื่องการดูแลสัตว์ไปทั่วโลก จากการได้ช่วยชีวิตหมาเร่ร่อนที่เดินอยู่ข้างถนนอีกด้วย ในตอนนี้สถานการณ์เรื่องฟาร์มเนื้อหมากำลังดีขึ้นเป็นอย่างมาก…
-
เพื่อนร่วมงานเต็มใจทำโอที 3,300 ชั่วโมง เพื่อแลกให้คุณพ่อได้ไปดูแลลูกป่วยมะเร็ง
สำหรับวัยทำงาน เราอาจจะต้องเจอกับปัญหาในเรื่องของการลางาน เพราะบางครั้งความจำเป็นของเรามันมีมากกว่าวันลาที่ทางบริษัทกำหนดไว้ให้ จนทำให้เรากังวลว่าอาจจะโดนไล่ออกก็เป็นได้ และนั่นก็คือความคิดเดียวกันกับของคุณพ่อคนนี้ เขามีชื่อว่า Andreas Graff เขาทำงานเป็นลูกจ้างที่บริษัทออกแบบแห่งหนึ่งในรัฐเฮ็สเซิน ประเทศเยอรมนี และวันหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับปัญหาในเรื่องของการลา เพราะตัวเองมีความจำเป็นที่จะต้องไปอยู่บ้านเพื่อดูแล Julius ลูกน้อยวัย 3 ขวบ ผู้ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) คุณพ่อ Andreas Graff และลูกชาย Julius เขาบอกด้วยความกังวลใจว่า “ผมเริ่มจากการใช้วันลาพักร้อนจนหมด เพราะผมไม่รู้ว่าจะคาดหวังสิ่งใดได้อีกแล้วในตอนนี้ ผมพยายามคิดว่ามันคือวันหยุดยาว ก่อนที่ผมจะต้องลาออกหรือไม่ก็คงโดนไล่ออก” แต่แทนที่เขาจะโดนไล่ออกหลังจากที่ใช้วันหยุดจนหมด Andreas กลับได้รับการช่วยเหลือที่คาดไม่ถึงจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน การช่วยเหลือที่ว่ามานั้น เกิดจากความคิดของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล Pia Meier ที่ยื่นเรื่องขอความร่วมมือจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ช่วยเปิดกองทุนค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานที่ทำงานเกินเวลาหรือที่เรารู้จักกันว่าการทำโอที เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของลูกจ้างที่กำลังลำบากในครั้งนี้ เมื่อข้อเสนอดังกล่าวได้รับการยอมรับ Pia จึงนำกระดาษตารางเวลาไปแปะประกาศเอาไว้ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของ Andreas สามารถเลือกได้ว่าจะมาทำงานแทนเขาได้วันไหนบ้าง ผลตอบรับที่ได้เหนือความคาดหมายอย่างมาก ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนร่วมงานทั้งหมดกว่า 700 คนมาลงชื่อเอาไว้ อาสาที่จะทำงานแทนคุณพ่อผู้น่าสงสารคนนี้ จนทำให้…
-
หมาถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านซอมซ่อกว่า 8 ปี วันนี้มันมีชีวิตใหม่ และความสดใสน่ารักกว่าเดิม!!
ในทุกๆ ครั้งของการย้ายบ้าน คนเราส่วนใหญ่ก็มักจะจดจำได้ว่าอะไรเป็นสิ่งมีค่าที่เราเป็นเจ้าของบ้าง แต่บางทีสิ่งมีค่านั้นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งของเสมอไป แต่ว่าอาจเป็นสัตว์เลี้ยงก็เป็นได้ ทว่าสำหรับในเคสนี้อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมีหมาตัวหนึ่งที่ถูกเจ้าของเก่าทอดทิ้ง จากการที่พวกเขาย้ายบ้านกันออกไป และมันทำให้หมาตัวนี้เกิดความกลัวจนต้องหมกตัวอยู่ในบ้านหมาหลังน้อยอย่างเพียงลำพัง… เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่เจ้าหมาตัวหนึ่งชื่อว่า Pamela ต้องอาศัยอยู่ในบ้านหมาอันซอมซ่อบริเวณหลังบ้านของครอบครัวหนึ่ง และก็มีอยู่วันหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของมันดูแย่ลงไปอีก เพราะว่าครอบครัวที่ดูแลหมาตัวนี้ถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้ หนำซ้ำพวกเขาทิ้งมันเอาไว้อย่างเดียวดายอีกด้วย “คุณเคยสงสัยไหมว่าหมาที่สามารถทำให้ใจของคุณแทบสลายได้จะมีสภาพเช่นไร?” Janine Guido ผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Speranza Animal Rescue ในรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐฯ เขียนเอาไว้หน้าเพจของเธอ พร้อมกับโพสต์ภาพของเจ้าหมาที่น่าสงสารตัวนี้พร้อมกับแคปชั่นเอาไว้ด้วย “นี่เป็นสถานที่ที่มันอยู่มาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดนี้คือโลกที่มันรู้จัก” วิดีโอความน่ารักของเจ้าหมาตัวนี้ ตอนที่ได้ช่วยเหลือมาแล้ว แน่นอนว่าหมาตัวนี้ได้กลายเป็นหมาเร่ร่อนโดยสมบูรณ์ ซึ่งทาง Guido กล่าวว่าจริงๆ แล้วเธอก็เคยได้เจอกับเจ้าของเก่าของมัน ที่ในตอนนั้นเขากลับเข้ามาเก็บของที่เหลือออกไปจากบ้าน แต่เขาก็ดูจะไม่แยแสหมาตัวนี้แม้แต่น้อย หนำซ้ำยังอยากให้หมาตัวนี้ไปไกลๆ เขา ด้วยการช่วยยกเจ้า Pamela ขึ้นรถให้เธออีกด้วย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้ทำให้เจ้า Pamela ตกใจอย่างเห็นได้ชัด โดยมันเอาแต่ซุกตัวอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ของมัน …
-
เจ้าบูลล์ด็อกถูกทอดทิ้ง แถมเสียขนไปทั้งตัว แต่ความน่ารักของมัน ก็ชนะใจสาวคนหนึ่งได้
เราอาจเคยได้เห็นเรื่องราวของสุนัขจรจัดที่ถูกทิ้งกันมาบ้างไม่มากก็น้อย และนั่นก็คงเป็นสิ่งที่สามารถเรียกน้ำตาจากเหล่าคนที่รักน้องหมากันได้เป็นอย่างดี สำหรับเรื่องของเจ้าหมาตัวนี้เองก็อาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วเราเชื่อว่าตอนจบมันจะต้องทำให้คุณยิ้มได้อย่างแน่นอน นี่คือเรื่องราวของเจ้า Lilou สุนัขพันธุ์บูลล์ด็อกผสมที่ได้รับการช่วยเหลือเอาไว้ตอนที่มีอายุเพียงแค่ 7 เดือน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือนกันยายน 2015 Lilou น้องหมาสายพันธุ์บูลล์ด็อกผสมที่น่าสงสาร ในตอนนั้นร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งยังมีปัญหากับระบบทางเดินหายใจ ทำให้มันต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน ก่อนที่จะถูกส่งไปรับการรักษาที่เหมาะสมในศูนย์ช่วยเหลือสุนัข Northwest Dog Project (NWDP) เมือง Eugene รัฐออริกอน Emma Scott หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือดังกล่าว เล่าว่าในตอนนั้น Lilou ตื่นกลัวผู้คนและทุกอย่างรอบตัว และไม่ร่าเริงเหมือนอย่างสุนัขทั่วไป ทุกๆ กระบวนการการรักษาจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป เธอบอกว่า “ทีมของฉัน และอาสาสมัครทุกๆ คนในศูนย์ช่วยเหลือใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการสร้างความมั่นใจให้กับมัน ในขณะที่ร่างกายของมันก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นเรื่อยๆ” กระบวนการการรักษาได้ทำให้ Lilou มีอาการขนร่วงเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มันเข้าสู่สถานะเปลือย หรือก็คือไม่มีขนใดๆ ห่อหุ้มร่างกายน้อยๆ ของมันอยู่เลย ทุกๆ วันมันจะต้องลงไปอาบน้ำยาฟื้นฟู มีการให้ยา…
-
น้องหมาน้อยน่าสงสารถูกมัดติดกับที่ทิ้งขยะไว้เพียงลำพัง เพื่อจะปล่อยให้มันตาย
เราอาจเคยเห็นน้องหมาถูกทิ้งให้ต้องออกมาเร่ร่อนอยู่ตามข้างถนน แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือการที่เอาน้องหมาไปผูกไว้ในที่ลับตาคนเพื่อปล่อยให้มันหิวตาย เหมือนอย่างสิ่งที่เจ้าหมาตัวนี้ต้องเจอนับว่าเป็นความโหดร้ายอย่างมาก นี่คือเรื่องราวของเจ้า Charlie สุนัขสายพันธุ์พิทบูลผสมวัย 2 ปี มันถูกจับมัดติดกับบริเวณที่ทิ้งขยะในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้และอาจจะต้องอดอาหารตายอยู่ตรงนั้นไปแล้ว แต่โชคดีที่มีคนใจดีสองคนบังเอิญไปเห็นมันเข้าและรีบพาตัวส่งโรงพยาบาล สภาพของ Charlie ถูกผูกติดกับบริเวณที่ทิ้งขยะ มันถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลสัตว์ประจำเมือง สัตวแพทย์จึงทำการตรวจเช็กรอยแผลบนใบหน้าที่เกิดจากการถูกตีของมันดู และสิ่งที่พบก็ทำให้รู้ว่ามันมีอาการบาดเจ็บมากกว่าที่คิด Adria Rebbecchi ผู้อำนวยการกลุ่มดูแลโรงพยาบาลสัตว์บอกว่า “เรายกกรามของมันขึ้นมาพบว่ามีการติดเชื้ออยู่บริเวณของแก้มและริมฝีปาก อีกทั้งยังมีหนอนชอนไชอยู่เต็มไปหมด อาการบาดเจ็บรุนแรงซะจนมันไม่อยากที่จะขยับไปไหนเลย” แพทย์ทุกคนรีบพาตัวเจ้าหมาเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน เพราะอาการติดเชื้อของมันไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือเจ้าหมาอย่างเต็มที่ แม้แต่พ่อของ Adria ที่ตัดสินใจรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของมันทั้งหมด เนื้อเยื่อบริเวณแก้มของ Charlie มีอาการติดเชื้ออย่างหนัก ทำให้แพทย์จำเป็นต้องตัดส่วนนั้นออกไป อีกทั้งพวกเขายังต้องทำในสิ่งที่โหดร้ายแต่จำเป็น โดยต้องผ่าตัดน้องหมาทุกๆ อาทิตย์ เพื่อช่วยให้มันกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม อาการบาดเจ็บของ Charlie ทำให้มันกินอะไรได้ยาก เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีการให้อาหารมันเล็กๆ น้อยๆ แต่หลายๆ มื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหมาจะสามารถฟื้นคืนกลับมาแข็งแรงได้ดังเดิม หลังจากที่อาการของมันเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ มันก็กลายเป็นที่รักของทุกคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
-
แม่หมาใจสลายที่เสียลูกไป แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาความสุขกลับคืนมาให้กับมัน
ว่ากันว่า ‘การให้กำเนิด’ ถือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต เพราะว่ามันช่างเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ ที่จะทำให้อีกหนึ่งชีวิตสามารถมีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบกว้างที่เราอาศัยกันอยู่ และแน่นอนว่าเหล่าคุณแม่เหล่านี้ก็จะต้องพากันดีใจยกใหญ่อย่างแน่นอน แต่จะเป็นอย่างไรถ้าหากเราต้องสูญเสียลูกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีวันกลับ….ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับคนเท่านั้น ทว่ากับสัตว์พวกมันก็มีความรู้สึกเหมือนๆ กัน เช่นเดียวกับเจ้าหมาตัวนี้ที่สูญเสียลูกๆ ของมันไปอย่างกะทันหัน ทำให้มันมีอาการซึมเศร้าจนเห็นได้ชัด จนกระทั่งสวรรค์ได้เมตตาส่งอีกหนึ่งชีวิตมาให้มันดูแลจนเหมือนกับลูกแท้ๆ และนั่นได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปได้ของมันได้เป็นอย่างดี แม่หมา Daya แม่ของลูกๆ ทั้ง 9 ชีวิต นี่คือเรื่องราวของแม่หมาพันธุ์พิทบูลวัย 3 ปีชื่อว่า Daya มันถูกพบเข้าขณะกำลังตั้งท้องโย้และเดินโซซัดโซเซอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ข้างถนนแห่งหนึ่งในรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์สัตว์ไปเห็นมันเข้า จึงได้เข้าช่วยเหลือมันในทันทีทันใด พวกเขาได้นำตัวของ Daya ไปตรวจร่างกายดูว่ามีความผิดปกติใดๆ ที่จะต้องรับการรักษาหรือไม่ และทันใดนั้นเองก็มีเรื่องที่ทำให้หัวใจของทุกชีวิตแทบหยุดเต้นเกิดขึ้น เพราะผลจากการตรวจบ่งบอกว่าลูกๆ ของมันได้จากไปแล้ว ลูกหายไปอย่างไม่มีวันกลับ “ในตอนแรกเจ้า Daya มีลูกๆ ในท้องของมันถึง 9 ชีวิต แต่ผลจากการเอกซเรย์บ่งชี้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอดอยู่ในท้องของมันเลย และมันต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่มาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะว่ามันมีอาการติดเชื้อที่มดลูกอย่างรุนแรง” Jennifer Werner หนึ่งในอาสาสมัครที่ดูแลมันกล่าว การผ่าตัดในครั้งนั้นสามารถรักษาชีวิตเจ้า Daya เอาไว้ได้ แต่ถึงอย่างไรลูกๆ…
-
หมาหายออกไปจากบ้าน พอกลับบ้านมา มี “กระดาษโน้ต” เล่าวีรกรรมของมันมาด้วย!?
แม้ว่าการทำความดีอาจไม่มีใครเห็น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกสบายใจและมีความสุข เหมือนอย่างเจ้าหมาตัวนี้ที่ได้ทำเรื่องดีๆ เอาไว้โดยที่คนใกล้ตัวของมันไม่รู้เลยว่า สิ่งที่มันทำคือการช่วยชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่งเลยทีเดียว นี่คือเรื่องราวของเจ้าหมาที่มีชื่อว่า Louie ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของ Marolyn Diver ในประเทศนิวซีแลนด์ ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่และธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้เจ้าหมาชอบวิ่งออกไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้ง เจ้าหมาหนุ่ม Louie แต่พอเวลาผ่านไป มันเริ่มแก่ตัวลงเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้มันมีอายุถึง 12 ปี สุขภาพไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ประสาทสัมผัสของเจ้าหมาก็ลดลง ทำให้ครอบครัวที่คอยดูแลมันรู้สึกเป็นห่วงและพยายามให้เจ้าหมาวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ บ้านก็พอ จนกระทั่งในวันหนึ่ง Marolyn เข้าไปทำธุระในเมืองแต่พอกลับมาเจ้าหมากลับหายไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งแม่ของเธอไม่คิดว่ามันจะหายไปแบบนี้ เพราะคิดว่ามันเลิกซนเหมือนแต่ก่อนแล้วซะอีก ทั้งสองคนกลัวว่ามันจะจำทางกลับบ้านไม่ได้ เวลาล่วงเลยผ่านพ้นช่วงกลางวันไป ในที่สุดเจ้าหมาก็กลับมา ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่พวกเขาจะได้ค้นพบเหตุผลว่าทำไมมันถึงหายไปนานแบบนี้ พวกเธอเห็นว่ามีกระดาษลังแผ่นเล็งๆ ผูกอยู่ตรงปลอกคอของเจ้าหมา โดยมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า “Louie คือสุดยอดฮีโร่ประจำวันนี้เลย มันพาผมไปเจอกับ Maddy ที่นอนขอความช่วยเหลืออยู่ใต้กองกิ่งไม้ เยี่ยมไปเลย, Rob” คนในจดหมายที่ชื่อว่า Rob คือชาวสวนที่อยู่ห่างออกไปประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร โดยเขาเลี้ยงหมาตัวหนึ่งชื่อว่า…
-
หนุ่มขับรถบนทางด่วนอยู่ดีๆ ก็เจอลูกหมา 3 ตัว โอ้โห น่ารักซะขนาดนี้ ไม่จอดช่วยก็ใจร้ายเกินไปแล้วล่ะ!!
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2018 เว็บไซต์ The Dodo ได้รายงานเรื่องราวการช่วยเหลืออันน่าประทับใจของชายหนุ่มที่บังเอิญไปเจอเข้ากับเพื่อนใหม่ตัวน้อยแสนน่ารัก 3 ตัว ขณะที่เขากำลังขับรถกลับบ้าน นี่เป็นสิ่งที่ Andrei Matei ได้เจอระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับบ้านหลังจากที่ไปหาแฟนสาวมา ขณะที่กำลังขับอยู่บนถนนไฮเวย์ด้วยความเร็ว ก็ได้เจอกับอะไรซักอย่างข้ามถนนผ่านหน้ารถเขาไป เขาจึงขับรถหลบสิ่งกีดขวางดังกล่าว แต่เมื่อเขาหันไปดูดีๆ เขาก็เห็นว่านั่นมันคือน้องหมาสามตัวที่กำลังเสี่ยงอันตรายกันอยู่บนท้องถนน ชายหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบหยุดรถและถอยรถไปหาพวกมันในทันที น้องหมาแสนน่ารักที่ถูกพบบนถนนใหญ่ Andrei ลงจากรถไปหาน้องหมาทั้งสาม เมื่อพวกมันได้เจอกับเขา ทั้งสามตัวก็วิ่งเข้ามากระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆ ด้วยความดีใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้คือวินาทีเฉียดตายของพวกมัน ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกมันดี แต่ด้วยความน่ารักของน้องหมาทำให้เขาต้องยอมใจอ่อนอุ้มพวกมันขึ้นรถ พากลับบ้านด้วยกันซะเลย ทั้งสามตัวกับอีกหนึ่งคนเดินทางกลับบ้านไปพร้อมๆ กัน ด้วยระยะเวลากว่า 3 ชั่วโมง บวกกับความเหนื่อยล้า ทำให้พวกมันผล็อยหลับไป ในระหว่างการเดินทางกลับบ้าน เขาโพสต์เรื่องราวและรูปของเจ้าหมาลงในเฟซบุ๊ก ทำให้มีคนเข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่เขาควรจะทำต่อไป และเขาก็ได้ติดต่อกับเพื่อนของเพื่อนที่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือสัตว์มาก่อน เขาและผู้หญิงที่ติดต่อไปนัดเจอกันที่คลินิกสัตว์ใกล้บ้าน เพื่อมาคุยกันว่าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าหมาทั้งสามดี ในตอนนั้น เจ้าหมาก็ได้รับการตรวจร่างกายไปพร้อมๆ กัน จากผลตรวจพบว่า…
-
ชายหนุ่มเผย Nintendo และ Pokemon มีส่วนช่วยให้เขาก้าวผ่านความขมขื่นจากการถูกแกล้งเมื่อวัยเด็ก
ในวัยเด็กของหลายๆ คนต้องเคยได้สัมผัสเครื่องเล่นเกมของบริษัท Nintendo มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Gameboy Advance หรือ Nintendo 3DS ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว เชื่อว่าจะต้องรู้จักเกมดังขวัญใจของใครหลายๆ คนอย่าง โปเกมอน แน่นอน เกมดังกล่าวไม่ได้มอบความสนุกสนานให้กับผู้เล่นเพียงอย่างเดียว แต่มันยังช่วยให้เด็กคนหนึ่งสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาอันน่าเศร้าจากการถูกกลั่นแกล้งได้ และเด็กคนนั้นก็นำเรื่องราวดังกล่าวกลับมาเล่าให้ฟังผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ชื่อว่า @Piepoki หลังจากผ่านไปนานกว่า 10 ปี โพสต์ของชายที่ได้รับการช่วยเหลือจากบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่น เรื่องราวของเขาคนนี้เริ่มต้นขึ้นตอนที่เรียนอยู่ประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 ในปี 2004 เมื่อเขาและเพื่อนเล่นเกมโปเกมอนภาค Fire Red อยู่ในขณะนั้น และเขาก็สามารถจับโปเกมอนที่หายากสุดๆ ได้หนึ่งตัว นั่นก็คือเจ้า Deoxys โปเกมอนในตำนานที่ชื่อว่า Deoxys เป็นตัวที่หายากมากๆ ภายในเกม แต่ดีใจได้ไม่นาน เพื่อนของเขาที่มีเซฟเดียวกันกลับเอาโปเกมอนตัวนี้ไปโอนให้กับเซฟของรุ่นพี่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เด็กหนุ่มจึงรู้สึกโกรธอย่างมาก และไม่คุยกับเพื่อนคนนั้นอีกเลย หลังจากนั้นเขาจึงไปคุยกับรุ่นพี่คนนั้น เพื่อขอโปเกมอนในตำนานกลับคืนมา แต่รุ่นพี่กลับบอกว่า ให้ไปหาโปเกมอนหายากอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Arceus มาแลก ไม่อย่างนั้นก็ไม่คืนให้…
-
หญิงสาวทำการผ่าตัด ‘ผีเสื้อปีกหัก’ เพื่อให้มันสามารถโบยบินได้เหมือนตัวอื่นๆ
ผีเสื้อ จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 5 เดือน แต่โชคร้ายที่บางตัวอาจอยู่ไม่ได้นานขนาดนั้น เหมือนกับผีเสื้อตัวนี้ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติบริเวณปีก จนไม่สามารถโบยบินได้เหมือนผีเสื้อตัวอื่นๆ และแน่นอน มันคงตายภายในไม่กี่วัน เนื่องจากไม่สามารถออกไปหาอาหารได้ เดชะบุญของผีเสื้อตัวน้อยตัวนี้ที่มันได้เจอกับ Romy McCloskey หญิงสาวผู้หลงใหลในผีเสื้อผ่านมาเห็นพอดี จึงทำให้มันได้รับความช่วยเหลือในทันที เจ้าผีเสื้อน้อยอายุแค่ 3 วัน เกิดมาพร้อมกับปีกที่ฉีกขาดไปข้างหนึ่ง Romy จึงหวังที่จะใช้การผ่าตัดช่วยเหลือมัน ด้วยความที่ผีเสื้อตัวนั้นมีความบกพร่องบริเวณปีก Romy จึงเปลี่ยนบ้านของตัวเองให้กลายเป็นห้องผ่าตัด หญิงสาวคือดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าระดับมืออาชีพ จึงทำให้ฝีมืการเย็บปักถักร้อยของเธอถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยเจ้าผีเสื้อตัวน้อยนี้ได้อย่างมาก อุปกรณ์ที่ใช้คือ ผ้าขนหนู ไม้แขวนเสื้อ กาวเชื่อม ไม้จิ้มฟัน คอตตอนบัด กรรไกร แหนบ ผงแป้ง และปีกสำรองที่ได้มาจากผีเสื้อที่ตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ใช้ไม้แขวนเสื้อล็อคตัวมันไว้ จากนั้นก็เล็มเอาส่วนที่ฉีกขาดออกไป แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเจ็บหรอกนะ เพราะเธอบอกว่าการตัดปีกของมัน ก็เหมือนกับการตัดผมหรือเล็บของเราน่ะแหละ ความประณีตและอดทนใช้เวลาไปอย่างยาวนาน ทำให้เธอสามารถต่อปีกมันมาได้สำเร็จ แม้เราจะเห็นรอยเชื่อมอยู่บ้าง รวมถึงจุดบนปีกที่แสดงถึงเพศของมันก็ไม่ตรงกับปีกที่มีอยู่จริงๆ แต่อย่างน้อยเธอหวังว่ามันจะกลับมาบินได้เหมือนเดิม หลังจากพักรักษาตัว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทดสอบแล้วว่า…
-
ชาวจีนร่วมใจผสานตัวยาวกว่า 20 เมตร เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง
มีคำกล่าวว่าคนเรานั้นโดยเนื้อแท้แล้วเป็นคนดีเสมอ ซึ่งสำหรับเหล่าผู้กล้าในเหตุการณ์ต่อไปนี้แล้ว คำพูดพวกนั้น ไม่ได้เกินจริงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ท่ามกลางฤดูหนาวในประเทศจีน กลุ่มคนผู้กล้าหาญได้ช่วยชีวิตครอบครัวหนึ่งด้วยการต่อโซ่มนุษย์ดึงขึ้นมาจากทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ทะเลสาบที่สวนสาธารณะ Caoxueqin ในเมืองถังซาน มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีนเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2018 มีครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยคุณแม่และลูกสองคนที่คาดว่าอายุ 3 และ 4 ขวบ เหยียบลงไปบนธารน้ำแข็งบางๆ และตกลงไปในทะเลสาบที่เย็นเฉียบ ในวันที่อุณหภูมิติดลบ 13 องศาเซลเซียส โชคดีที่คนที่เดินผ่านไปมาเห็นเข้าจึงได้ต่อแถวกันเป็นโซ่มนุษย์เพื่อช่วยกันดึงทั้งสามขึ้นมาได้ทันเวลา ต้นแถวและปลายแถวของโซ่มนุษย์ที่ช่วยเหลือครอบครัวที่ตกลงไปในทะเลสาบ เหล่าชายหญิงประมาณ 17 คนจับมือกันเป็นแถวยาวเพื่อช่วยครอบครัวที่ตกลงไปในน้ำ โดยบอกให้แม่ที่กอดลูกทั้งสองไว้แน่นให้จับไม้และเชือกจูงสุนัขเอาไว้ พวกเขาใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 นาทีในการช่วยเหลือแม่ลูกทั้ง 3 โดยที่ล่าสุดทั้งสามอยู่ในสภาพปลอดภัยแล้ว ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งสามจึงลงไปเหยียบธารน้ำแข็งนั้นยังเป็นปริศนา เด็กหญิงและเด็กชายหลังจากได้รับการช่วยเหลือ วิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้โดยช่อง Daily Videos โชคดีจริงๆ ที่มีคนมาเห็นแล้วช่วยเหลือเอาไว้ ที่มา Dailymail
-
เด็กชายไร้บ้านใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์ฯ มาตลอด น้ำตาซึมเมื่อได้เห็นเตียงของตัวเองเป็นครั้งแรก
สำหรับใครหลายคน เตียงนอนอาจจะเป็นเพียงอุปกรณ์สามัญที่มีกันอยู่ในทุกบ้าน และอาจจะละเลยความสำคัญของมันไป แต่สำหรับเด็กบางคนแล้วการได้มีเตียงนอนเป็นของตัวเอง เป็นเสมือนพรจากสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ที่อาจสร้างความสุขให้แก่เขาจนถึงขั้นน้ำตาซึมได้เลยทีเดียว นี่คือเรื่องราวของเด็กชายวัย 8 ปีชื่อว่า Daeyrs และ Dionna แม่ของเขา จากเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตของเขาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้าน เนื่องมาจากแม่ของเขาที่ในอดีตเคยเป็นพยาบาลฝึกหัดเกิดตกงานขึ้นมา จึงทำให้สูญเสียบ้านไปในที่สุด หนูน้อยกับห้องใหม่ของเขา แต่ก็เหมือนกับมีพรจากสวรรค์ส่งมาให้ถึงแม่ลูกคู่นี้ เมื่อทั้งคู่ได้รับบ้านหลังหนึ่งจากทางการรัฐมิชิแกน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน รวมถึงเตียงนอนที่ Daeyrs อยากได้ที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตลอดทั้งชีวิตของเขาที่ผ่านมา ไม่เคยมีเตียงนอนเป็นของตัวเองเลยแม้แต่เตียงเดียว และต้องนอนบนพื้นมาโดยตลอด โดยสิ่งของติดตัวที่ทั้งคู่ได้นำเข้าไปในบ้านใหม่ที่ได้รับมานั้น ก็มีเพียงแค่ ที่นอนแบบเป่าลมพร้อมกับเก้าอี้อีกเพียงแค่ 2-3 ตัวเพียงเท่านั้น นั่นจึงทำให้นักสงคมสงเคราะห์ได้ยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ โดยพวกเขาได้ส่งเรื่องต่อไปยัง Humble Design ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือผู้คนยากไร้ต่างๆ ให้ช่วยเหลือครอบครัวนี้หน่อย ทึ่งไปเลยทีเดียว ตกแต่งจนกลายเป็นบ้านสุดหรูหรา และองค์กรนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พวกเขาได้ช่วยตกแต่งห้องนอนใหม่ให้กับหนูน้อย Daeyrs แบบจัดเต็ม ที่ไม่เพียงมีแต่เตียงนอนนุ่มๆ ที่เขาอยากได้เพียงเท่านั้น เพราะว่ามันยังเต็มไปด้วยของเล่นรวมถึง อุปกรณ์ต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่รอคอยให้หนูน้อยคนนี้ได้เข้ามาเป็นเจ้าของ และแล้วนาทีแห่งความตื้นตันใจก็มาถึงในวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อหนูน้อยคนนี้ได้เข้ามายังบ้านใหม่ของเขา ที่ได้รับการตกแต่งอย่างจัดเต็ม โดยมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นานารวมถึงไฟสวยงามต่างๆ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่รอคอยเขาอยู่นั่นก็คือห้องนอนห้องใหม่ของเขานั่นเอง…
-
นักมวยฟิลิปปินส์บริจาคบ้านจำนวน 100 หลังให้กับผู้ประสบภัยพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน
ในปี 2013 เกิดเหตุการณ์ พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (หรืออีกชื่อคือ Yolanda) ที่คร่าชีวิตผู้คนในประเทศฟิลิปปินส์ไปมากกว่า 3,976 คน เป็นหนึ่งในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ผู้คนในประเทศต้องสูญเสียคนใกล้ชิด กิจการร้านค้า หรือแม้แต่บ้านของพวกเขาไป กลายเป็นบาดแผลในจิตใจของพวกเขาไปตลอดกาล นั่นจึงทำให้นักมวยชาวฟิลิปปินส์ที่ชื่อว่า Nonito Donaire แชมป์ WBA รุ่นฟลายเวท ตัดสินใจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหล่านั้น Nonito นักมวยแชมป์โลก ที่เข้ามาช่วยเหลือคนเหล่านั้น ชายผู้ได้รับฉายาว่า “เดอะแฟลชแห่งฟิลิปปินส์” คนนี้ใช้เงินจากมูลนิธิของตัวเอง และได้รับความช่วยเหลือจากนักธุรกิจชาวอังกฤษที่ชื่อว่า Greg Secker ร่วมกันสร้างบ้านจำนวน 100 หลัง มอบให้กับผู้ประสบภัยที่ไม่มีแหล่งพักพิง โปรเจกต์ของเขามีชื่อว่า “Build a House, Build a Home” โดยต้องการที่จะให้คนเหล่านั้นได้มีที่อยู่ที่ดี และมีบ้านเป็นของตัวเองอีกครั้ง และได้โพสต์ภาพความสำเร็จของโปรเจกต์นี้ลงไปในเฟซบุ๊กของตัวเอง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2018 ภาพถ่ายทางอากาศของบ้านจำนวน 100 หลัง เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้สูญเสีย …
-
หนุ่มไร้บ้านนอนอยู่หน้าสถานรับเลี้ยง เพื่อหวังว่าจะได้เจอสุนัขเพื่อนรักที่หายไปอีกครั้ง
การที่เราจะเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่ง แน่นอนว่าหากเราได้รับมันเข้ามาเลี้ยงแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราก็จะยิ่งมีความรักและความผูกพันธ์กับมันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และถ้าเมื่อมันหายไปเราก็คงจะเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับการได้เสียเพื่อนไปคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่สำหรับคนไร้บ้านแล้ว สัตว์เลี้ยงของพวกเขาเป็นเสมือนเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากที่ลำบากผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกัน และถ้ามันหายไปพวกเขาก็คงไม่มีเงินที่จะไปติดใบประกาศตามหามันกลับมา สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีแค่เพียงการออกตามหาตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ด้วยความหวังว่าจะได้มันคืนกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง มานอนที่หน้าสถานสงเคราะห์เพื่อหวังจะได้เจอหมาของเขาอีกครั้ง และชายไร้บ้านคนนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าเขาไปนอนเฝ้าที่สถานสงเคราะห์ตลอดทั้งคืน เพื่อหวังว่าเมื่อเจ้าหน้าที่จับหมามา มันอาจจะเป็นหมาของเขาที่หายไปก็เป็นไปได้ เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์สัตว์ Dekalb Animal Services ที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาพบหนุ่มไร้บ้านคนหนึ่งมา นอนขดอยู่ที่หน้าประตูสถานสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าชายคนนี้น่าจะมาหาที่นอน แต่ว่าเมื่อไถ่ถามเขาแล้วกลับผิดคาด เพราะว่าเหตุที่เขามาที่นี่เพื่อจะมาตามหาหมาของเขาที่หายไป และเขารู้สึกหมดหวังในการตามหาหมาของเขากลับมา จึงได้มาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่นั่นเอง “พวกเราปลุกเขาขึ้น และเขาคนนั้นก็บอกว่าหมาของเขาได้หายไป จึงอยากให้ช่วยตามหาให้หน่อย” Karen Hirsch โฆษกของสถานสงเคราะห์ดังกล่าวเล่าให้ฟัง ชายผู้ไร้บ้านคนดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า ได้ใช้เงินทั้งหมดที่เขามีนั่งรถบัสมาที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้ เพื่อหวังว่าเขาจะได้พบหมาของเขาอีกครั้ง ด้วยความโชคดี ทำให้เขาได้หมากลับไปอยู่ด้วยอีกครั้งหนึ่ง และดูเหมือนว่าคราวนี้จะเป็นความโชคดีของเขา เพราะจากที่เขาอธิบายลักษณะของคู่หูให้ฟัง ก็พบว่าหมาของเขาได้ถูกรับมาที่นี่เมื่อประมาณ 2…
-
ช้างน้อยแสนซนติดบ่อโคลนขึ้นไม่ได้ เจ้าหน้าจึงช่วยอาสา”แบกขึ้นหลัง” ไปส่งแม่ซะเลย
ในประเทศอินเดียเรามักจะพบเห็นเหตุการณ์ สัตว์ติดอยู่ในสถานที่ที่มันไม่ควรอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ ห้วย ลำธาร ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของพวกมันได้ และสาเหตุหลักๆ ก็มาจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ทำให้สัตว์ที่ไม่รู้ประสีประสาต้องติดแหงกอยู่ตามภูมิประเทศต่างๆ เสมอ และเมื่อเร็วๆ นี้ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกเช่นเดียวกัน โดยเหยื่อคราวนี้เป็นลูกช้างสุดน่ารักที่ติดอยู่ในลำคลอง และสิ่งที่มันทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาได้ก็เพราะว่ามีโคลนที่ลื่นๆ คอยสกัดกั้นมันไว้อยู่ แต่ก็เป็นโชคดีของลูกช้างตัวนี้ที่มีคนใจดีไปเห็นแล้ว และได้ให้การช่วยเหลือชนิดที่ว่าแบกขึ้นหลังเลยทีเดียว นอนสบายเชียวนะ เจ้าช้างน้อย เหตุการณ์สุดน่ารักน่าชังนี้เกิดขึ้นในเมือง Ooty ทางตอนใต้ของประเทศอินเดียเมื่อมีลูกช้างหลงฝูงตัวหนึ่ง ไปติดแหงกอยู่ที่บ่อโคลนทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาเดินพร้อมกับฝูงของมันได้ และเมื่อชาวบ้านไปเห็นจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มาให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้รับการแจ้งเหตุดังกล่าว พวกเขาก็รีบไปกักตัวแม่ช้างเอาไว้ก่อนเพราะว่าแม่ของมันเริ่มมีอาการหัวเสียพังรถพังสิ่งต่างๆ และก็เริ่มวิ่งไล่ผู้คน เพราะว่ามันไม่สามารถช่วยลูกของมันขึ้นมาได้ จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังบ่อโคลนที่เจ้าช้างน้อยตัวนี้ไปติดอยู่ เดินมาส่งมันกลับบ้านกันเป็นแถว เจ้าช้างน้อยที่ว่านี้ พวกเขาคาดเอาไว้ว่ามันน่าจะเป็นลูกช้างที่เพิ่งเกิดมาไม่นานนัก โดยมันน่าจะมีอายุเพียง 2-3 วันเท่านั้นนั่นจึงเป็นสาเหตุให้มันไปติดกับบ่อโคลนดังกล่าวนั่นเอง งานนี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายคนกว่าที่จะช่วยเหลือมันขึ้นมาได้ ทว่าเมื่อลูกช้างตัวนี้ปลอดภัยแล้ว มันก็วิ่งหนีอย่างตื่นกลัวตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมัน เจ้าหน้าที่จึงต้องตามจับอยู่นานสองนาน ก่อนที่มันจะยอมจำนนในที่สุด ฮึบ มาช่วยกันเร็วพวกเรา เจ้าช้างน้อยตัวนี้ได้หมดฤทธิ์ลงเพราะความเหนื่อยล้าและหิวโหย เจ้าหน้าที่จึงได้เอาน้ำตาลพร้อมกับน้ำมะพร้าวให้มันกิน และเมื่อมันมีแรงอีกครั้งมันก็เหมือนจะวิ่งหนีออกไปนอกถนนอีก ทีนี้เจ้าหน้าที่ไม่รอช้าจับมันแบกขึ้นหลังกลับเข้าป่าไปส่งคืนแม่ของมันที่คอยอยู่อย่างความเป็นห่วง ขึ้นมาได้ซะที…
-
โดน!! หนุ่มเสพยาอีจนเมา ขโมยเรือเป็ดปั่นไปนั่งเล่นอยู่ที่น้ำพุกลางเมือง เพลินเลยสิเอ็ง
ในการสังสรรค์ยามค่ำคืนก็อาจจะมีกันบ้างบางครั้งที่เรากินเหล้าเยอะเกินจนถึงภาวะที่เรียกว่า ‘เมา’ ซึ่งความเมาในที่นี้ก็ได้สร้างวีรกรรมแปลกๆ ไว้สำหรับใครหลายคน โดยอาจจะมีเรื่องขายหน้าบ้าง เรื่องความกล้าที่มาจากไหนไม่รู้บ้าง แต่โดยรวมแล้วเรามักจะไม่เป็นตัวของตัวเองเสมอเมื่ออยู่ในอารมณ์สุดปั่นเช่นนี้ สำหรับสาเหตุของความเมาก็มีอยู่หลากหลายวิธี และวิธีที่พบเห็นได้ทั่วๆ ไปในทุกหัวมุมเมืองก็คือความเมาที่มาจากฤทธิ์ของสุรา แต่รู้หรือไม่ว่าบางครั้งก็อาจจะมีคนคิดแผลงๆ อยากที่จะมีความเมาที่แตกต่างกับวิธีเดิมๆ โดยพวกเขาได้ลองสิ่งที่เรียกว่ายาเสพติดแทน ไปทำอะไรตรงน้านน และด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้นในเมืองออร์แลนโด ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อมีเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งขโมยเรือเป็ดแล้วปั่นไปที่น้ำพุกลางเมือง แล้วทำอย่างกับตัวเองติดเกาะอยู่ซะอย่างนั้น ซึ่งเรื่องสุดฮานี้ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เอง ชายสุดเมาคนที่ว่านี้มีชื่อว่า Keith Thurston โดยเขาถูกพบขณะนั่งมึนอยู่ที่น้ำพุแห่งหนึ่งในอุทยาน Lake Eola และเมื่อเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือเขาก็บอกว่าเขาเสพยาอีมาเป็นตัน และก็กำลังอยู่ในช่วงเก็ตฮายอยู่จนแทบจะบินขึ้นไปบนสวรรค์เลยก็ว่าได้ ด้วยความเมาแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทำสิ่งที่คนทั่วๆ ไปทำอย่างแน่นอน เพราะความที่เขาหมายมั่นว่าจะไปถึงน้ำพุนั้นให้ได้ พาหนะที่เขาเลือกใช้จึงเป็นเรือเป็ดสุดน่ารัก ผมไม่รู้ผมเมา แต่เมื่อเขาถีบเจ้าเรือนี้ไปจนถึงน้ำพุแล้ว เขาก็ดันปล่อยให้เรือลอยละล่องออกไปซะอย่างงั้น งานนี้เขาเลยติดแหงกอยู่ที่เกาะน้ำพุแห่งนั้นอยู่นานสองนาน เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องมาช่วยเขาออกจากเกาะน้ำพุแห่งนั้น และเมื่อเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ก็พบว่าชายคนนี้เมาอยู่จนสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ก่อนที่ Keith จะถูกส่งไปที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าเขาสูบยาอีมาเกือบเป็นตัน แล้วอยากจะร่วมเดินทางไปกับเจ้าเรือถีบสุดน่ารักอันนี้ เพราะเขาบอกว่าเรือลำนี้ไม่ต่อว่าเขาเหมือนคนอื่นๆ “ เจ้าหน้าที่ที่มาช่วยเหลือได้เขียนรายงานเอาไว้ ต่อมาเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ได้ถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อระงับอาการความเมาของเขาให้น้อยลง และดูเหมือนว่าการเดินทางของเขาจะต้องจบลงด้วยการเข้าตะรางก็อาจจะเป็นไปได้นะ เก็ตฮายจนสบายอยู่ในตะรางไหมล่ะ.. ที่มา: ladbible
-
เจ้าเหมียวถูกช่วยเหลือจากชั้นใต้ดินในสภาพขนยาวพะรุงพะรัง ได้มีชีวิตใหม่อันแสนสุข
การละทิ้งสัตว์เลี้ยงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันและทุกๆ พื้นที่บนโลก ซึ่งการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแล้วทิ้งๆ ขว้างๆ มันเหมือนเป็นการทรมานสัตว์อย่างหนึ่ง เพราะว่าเมื่อรับมาเลี้ยงแล้วก็เป็นการตัดโอกาสที่พวกเขาจะได้ไปอยู่กับคนอื่น เหมือนกับเจ้าแมวตัวนี้ที่ถูกทิ้งอยู่ชั้นใต้ดินของบ้าน และไม่ได้รับการดูแลใดๆ จนมีขนยาวที่พะรุงพะรังและมีน้ำหนักมากกว่า 2.2 กิโลกรัมเลยทีเดียว เจ้า Sinbad กับสภาพสุดจะบรรยาย การช่วยเหลือนี้เกิดขึ้นประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีแมวตัวหนึ่งชื่อว่า Sinbad พันธุ์เปอร์เซีย อายุ 9 ปีได้รับการช่วยเหลือออกจากบ้านของผู้สูงอายุคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถดูแลแมวตัวนี้ได้ เพราะความชราและสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ซึ่งในตอนที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเข้าไปพบมันอยู่ที่ชั้นใต้ดินของบ้าน ในสภาพที่สุดจะมอมแมมและขนของมันก็ไปพันเข้ากับเส้นใยพรมเก่าๆ ทำให้สภาพขนของมันดูคล้ายกับแกะเลยทีเดียว นี่ลากพรมมาทั้งผืนเลยรึเปล่าเนี่ย เจ้าของแมวตัวนี้ได้ยกแมวตัวนี้ให้องค์กรช่วยเหลือสัตว์ Anti-Cruelty Society และเมื่อมันมาถึงที่นี่เจ้าหน้าที่หลายคนก็ถึงกับตกใจ และรีบตัดขนที่พันกับพรมของมันออกเป็นการด่วน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในระยะเวลาหลายปีที่เจ้า Sinbad ได้รับการดูแลเอาใจใส่และไออุ่นจากมนุษย์ ไอ้เงาะถอดรูปแล้ว “มันดูเหนื่อยล้าบ้างบางครั้ง แต่ก็ผ่านกระบวนการทั้งหมดมาด้วยดี ในตอนนี้เราก็กำลังหาบ้านใหม่ให้กับมันอยู่” Colette Bradley เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ขององค์กรนี้กล่าว เมื่อผ่านการตัดขนรวมทั้งทำความสะอาดแล้ว แมวตัวนี้ดูแทบจะไม่ใช่ตัวเดียวกับที่มาเมื่อตอนก่อนหน้านี้เลย โดยขนที่มันโดนตัดออกไปมีน้ำหนักมากกว่า 2.2 กิโลกรัม ซึ่งขนที่หายไปของมันก็ทำให้มันดูสบายตัวขึ้นเป็นกองเลย เหลือตัวนิดเดียวเองนะเนี่ย …
-
สามหนุ่มช่วยเหลือคุณยายไร้บ้าน ด้วยการเปิดโรงแรมมูลค่ากว่า 6,350 บาทให้นอนฟรีๆ
การให้ความช่วยเหลือใครสักคนเมื่อพวกเขาตกทุกข์ได้ยาก นอกจากจะสร้างความสุขให้แก่ผู้รับแล้ว ยังสร้างความสุขให้แก่ผู้ให้อีกด้วยอย่างเอ่อล้นอีกด้วย และถ้ายิ่งเป็นผู้ที่ชีวิตของพวกเขากำลังไร้ทางออกอีกล่ะก็ มีหรือใครที่จะอดช่วยเหลือได้ลงคอ และสำหรับเพื่อนรักสามคนนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่พวกเขาเห็นหญิงชราไร้บ้านคนหนึ่งเดินอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บชายสามคนนี้ก็เข้าไปตรงเข้าไปช่วยเหลือ และยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขาได้เปิดโรงแรมมูลค่ากว่า 145 ปอนด์(ประมาณ 6,350 บาท) ให้หญิงชราภาพนอนฟรีๆ ไปเลย!! เหตุการณ์สุดประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ เมื่อ Roger Hartigan และเพื่อนร่วมงานของเขาสองคนก็คือ Joe Rich และ David Harrison กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเข้าร่วมงานปาร์ตี้คริสต์มาส ทว่าระหว่างทางนั้นพวกเขาก็พบกับหญิงไร้บ้านคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย ด้วยรูปร่างและอายุอานามที่พอเดาได้ว่าแก่อย่างแน่นอน พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปพูดคุยเผื่อจะให้การช่วยเหลือใดๆ ได้บ้าง “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณสามทุ่มได้ ระหว่างทางกลับบ้านผมก็เห็นผู้หญิงคนนี้ เธอดูบอบบางมากๆ และเมื่อเราเข้าไปคุยเธอก็บอกว่าเธอมีอายุมากถึง 71 ปีและตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน” “ในตอนนั้นพวกเราก็ให้เงินเธอพร้อมกับบุหรี่อีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้งพวกเรายังพยายามเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะให้ไปส่งเธอไปที่โรงแรม แต่ก็ไม่มีคันไหนจอดรับเลย” “ดังนั้นพวกเราจึงเดินตามหาโรงแรมเพื่อจะให้หญิงชราคนนี้มีที่หลับที่นอนให้ได้ โดยพวกเราเดินผ่าใจกลางเมืองไปพร้อมๆ กับเธอ และในที่สุดพวกเราก็หาโรงแรมที่ว่างได้ เราเลยเดินพาเธอไปเช็กอินถึงที่เลย” Roger เล่าให้ฟัง สำหรับหญิงชราคนนั้น เธอไม่ได้เปิดเผยชื่อแต่อย่างใด แต่เธอบอกว่าเธออาศัยอยู่ข้างถนนในเมืองบริสตอลมากว่า 18 ปีแล้ว “เธอดูอ่อนแอมากๆ ยังไงพวกเราก็ทิ้งเธอไม่ลงหรอก” “พวกเราคิดว่าเธอคงจะรู้สึกช็อกนิดหน่อย…
-
ผู้คนในอินเดียร่วมแรงร่วมใจ ช่วยชีวิตน้องหมา 3 ตัวที่นอนจมอยู่ในบ่อน้ำมันดินจนปลอดภัย
ในเมือง Udaipur รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ชาวบ้านแถวนั้นบังเอิญไปเจอลูกหมาสามตัวติดอยู่ในบ่อน้ำมันดิน พวกเขาจึงพยายามช่วยชีวิตพวกมันเอาไว้และรีบติดต่อกลุ่ม Animal Aid ให้เข้ามาช่วยด้วยอีกแรง กลุ่มสงเคราะห์สัตว์ดังกล่าวจึงได้โพสต์วิดีโอการช่วยเหลือครั้งนี้เอาไว้ในยูทูบ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2017 ทำให้เราได้เห็นการช่วยเหลือเจ้าหมาทั้งสามตั้งแต่ต้นจนจบว่า สุดท้ายแล้วมันสามารถรอดชีวิตมาได้หรือไม่ ลูกหมาสามตัวติดอยู่ในบ่อน้ำมันดิน ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย ทำได้แค่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร ชาวบ้านที่พบเห็นพยายามช่วยชีวิตพวกมัน ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องงัดบ่อน้ำมันดังกล่าวออกมาทั้งแถบ ความพยายามอย่างยากลำบาก เพื่อให้เจ้าหมาปลอดภัยมากที่สุด ปากล่างของน้องหมาตัวหนึ่งติดอยู่กับบ่อน้ำมัน ทำให้การจะช่วยมันออกมายิ่งยากมากกว่าเดิม เมื่อชาวบ้านสามารถดึงพวกมันออกมาได้แล้ว พวกเขาได้ส่งต่อให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลต่อ พวกเขาจำเป็นต้องให้น้ำดับกระหายน้องหมาผ่านเข็มฉีดยา และใช้พวกน้ำมันพืชในการทำให้เศษน้ำมันที่ติดตัวอยู่อ่อนลง พวกเขาทำอย่างนั้นอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อละลายความเหนียว จนกระทั่งสามารถล้างน้ำมันที่ติดตัวพวกมันออกมาได้มากพอสมควรแล้ว เจ้าหมาทั้งสามอยู่ในสภาพอิดโรย น้ำมันที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทำให้ต้องอาบน้ำเจ้าหมาด้วยสบู่ นวดอยู่นานถึง 3 วัน สภาพร่างกายของมันยังคงย่ำแย่ และไม่รู้ว่าหลังจากนี้มันจะสามารถรอดชีวิตไปได้หรือไม่ แต่ด้วยความรักและพลังใจของพวกมัน ก็สามารถช่วยให้กลับมาร่าเริงได้อีกครั้ง อีกทั้งยังได้เจอแม่ด้วย…
-
อ้ออ๊อย!! เจ้าเสือดาวพลัดตกลงไปในบ่อน้ำ ทำหน้าตาน่าสงสารจนมนุษย์ต้องช่วยเหลือไว้
ด้วยความไม่รู้ภาษีภาษาของสัตว์ ทำให้บางครั้งมันก็มักจะพาตัวเองไปเผชิญอันตรายต่างๆ ด้วยความไร้เดียงสาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมัน และเมื่อเห็นสัตว์กำลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือก็อาจจะเสียชีวิต มีหรือที่มนุษย์โลกผู้มีจิตใจอารีอย่างเราๆ จะไม่ช่วยเหลือแม้ว่าสัตว์ที่ต้องช่วยนั้นจะเป็นสัตว์ป่าที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายอย่างเสือก็ตาม แง ช่วยหนูด้วย ตามรายงานในประเทศอินเดีย มีสัตว์มากกว่า 1,500 ตัวต้องเสียชีวิตจากการพลัดตกไปในบ่อน้ำซึ่งมีมากในประเทศอินเดียเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมืองกูวาฮาติ ในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดียและได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อมีเสือดาวตัวหนึ่งเกิดพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่มีความลึกมากถึง 9.1 เมตรและกำลังร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สถานที่เกิดเหตุคือรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย โดยชาวบ้านที่พบเห็นได้คาดการณ์เอาไว้ว่าเจ้าแมวยักษ์ตัวนี้ น่าจะพลัดตกลงไปในบ่อน้ำเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงแล้ว และเมื่อมาพบเสือตัวนี้อยู่ในบ่อน้ำเข้า พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะโทรแจ้งผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ให้มาช่วยเสือตัวนี้ออกจากบ่อน้ำนี้ทันที เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงพวกเขาก็สรรหาวิธีที่จะนำเสือดาวตัวนี้ขึ้นมาให้ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณเพชฌฆาตอยู่ทำให้การช่วยเหลือมันเป็นไปด้วยความลำบาก และต้องระวังตัวอยู่เสมอ ซึ่งต่างจากการช่วยแกะ ช่วยแพะที่ไม่มีภัยอันตรายเป็นอย่างมาก โดยปกติมันน่ากลัวใช่ไหมล่ะ ซึ่งหลังจากหาวิธีการช่วยเหลือมานาน พวกเขาก็ตกลงกันว่าเพื่อความปลอดภัยของทั้งคนและทั้งเสือ พวกเขาจะยิงยากล่อมประสาทไปที่ตัวเสือก่อนเพื่อให้มันไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้หลังจากนั้นก็จะส่งคนลงไปอุ้มมันขึ้นมา ในตอนนี้ไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ สำหรับผู้โชคดีที่ได้ลงไปสัมผัสเสือตัวเป็นๆ ก็คือ Dr. Bijoy Gogoi สัตวแพทย์มืออาชีพ เขาลงไปด้วยการปีนบันไดลงไปพร้อมกับกำเชือกในมือเพื่อจะผูกเสือตัวนี้แล้วให้คนช่วยดึง และเมื่อลงไปด้านล่างแล้วเขาก็พบว่าเจ้าเสือได้เชื่องเป็นแมวหงอยจากฤทธิ์ของยากล่อมประสาทนั่นเอง …
-
มนุษย์กำลังหาบ้านให้มิ้วน้อย แต่เจ้าอ้วนตัวส้มดันคว้าน้องเอาไว้ ไม่ต้องให้ใครพี่ดูแลเอง…
การได้ช่วยเหลือสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของนับได้ว่าเป็นบุญอันประเสริฐ และนั่นเป็นสิ่งที่ครอบครัวแห่งหนึ่งทำโดยพวกเขาได้ช่วยแมวตัวหนึ่งจากข้างถนน และได้ให้แมวมาพักที่บ้านเพื่อจะหาบ้านที่อบอุ่นให้แก่มัน แต่ปรากฏว่าแมวตัวอ้วนที่พวกเขาเลี้ยงอยู่กลับไม่ยอมปล่อยให้เจ้าแมวที่น่าสงสารไปที่อื่นซะอย่างงั้น ผู้ใช้งานเว็บไซต์ Reddit ชื่อว่า todontblink ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดน่ารักนี้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเป็นเรื่องราวครอบครัวของเขา ที่พยายามจะหาบ้านใหม่ให้แก่ลูกแมวที่เก็บมาเลี้ยง นอนกอดกันเฉยเลย แต่เมื่อมันเข้ามาอยู่ในบ้านก็ดันไปพบรักกับแมวสีส้มตัวอ้วนที่อยู่มาก่อนแล้ว และดูเหมือนว่าลูกแมวที่เข้ามาใหม่จะชอบเจ้าขนปุยสีส้มนี้มากถึงขนาดเดินตามเป็นเงาตามตัวเลย นายจะเอาลูกแมวตัวนี้ไปไหน ฉันไม่ให้!! ลูกแมวตัวนี้ถูกพบกลางถนนชนบทแห่งหนึ่ง โดยการพบกับครอบครัวนี้ครั้งแรกมันดูตื่นกลัวเป็นอย่างมาก ทว่าด้วยจิตใจที่สงสารเมตตาของครอบครัวนี้ จึงได้พยายามช่วยเหลือมันได้สำเร็จ มาเล่นด้วยกันก่อนเนอะ “พวกเราพยายามหาบ้านให้กับมันทั้งการไปถามเพื่อนบ้าน และลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กแต่ก็ไม่มีใครสักคนรับมันไปเลี้ยงเลย” “วันแรกที่ลูกแมวเข้ามาในบ้านของเรามันดูเคอะเขินหน่อยๆ มันหมกตัวอยู่ที่มุมห้องตลอดเวลา แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานมันก็เริ่มไว้ใจเราและเดินไปรอบๆ บ้านเพราะมันรู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัย” ยูสเซอร์ todontblink กล่าว แม้แต่หมามันก็ยังจะผูกสัมพันธ์ด้วย เมื่อลูกแมวสีขาว-ดำ เดินไปสำรวจรอบๆ บ้านและพบกับเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ แมวเจ้าถิ่นก็กอดมันเอาไว้ในอ้อมแขนทันที อีกทั้งมันยังมีการเลียขนให้กันและกันและในที่สุดทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนรักในเวลาแสนรวดเร็ว สมาชิกใหม่ของบ้าน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและพยายามจะทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตทุกๆ อย่างภายในบ้านนี้รวมทั้งหมาในบ้านด้วย มันมักจะชอบอยู่ใกล้ๆ กับใครซักคนและแอบอิงพิงกายกับสิ่งนั้นๆ กอดกันกลมเชียว ช่างน่ารักจริงๆ แผนการหาบ้านใหม่ของครอบครัวนี้ได้พังทลายลง…
-
พี่สาวประกาศตามหา ‘รถบรรทุกของเล่น’ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับน้องชายพิการอีกครั้ง
เทศกาลคริสต์มาส คือวันที่หลายๆ คนจะได้รับของขวัญจากคนในครอบครัว และนั่นคือสิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกดีใจและมีความสุข ซึ่งเป็นเหตุผลให้ผู้ปกครองหลายๆ คนพยายามตามหาของขวัญสุดพิเศษมามอบให้ในวันนั้น เช่นเดียวกับ Cassie Gretschel หญิงสาวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้พยายามตามหาของขวัญให้กับน้องชายของเธอ เธอได้พูดเรื่องราวของน้องชายเธอเอาไว้ใน Reddit ว่า “น้องชายของฉันชื่อ Max เขาได้รับความผิดปกติทางร่างกายและจิตใจมาตั้งแต่ 5 ขวบ จนตอนนี้เขาอายุ 25 แล้ว สิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยเยียวยาเขาได้และเป็นของขวัญที่เขาได้รับในวันคริสต์มาสทุกๆ ปีก็คือ ของเล่นรถกระบะตำรวจสีน้ำเงินที่ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 2000” Max วัย 25 ปีผู้มีความผิดปกติทางจิตและร่างกาย ครอบครัวนี้ได้ให้ของเล่นดังกล่าวกับ Max ในวันคริสต์มาสมาตลอด 17 ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่ของเล่นชิ้นนี้เลิกผลิตไปเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว จึงทำให้ในปี 2017 นี้พวกเธอไม่อาจหาซื้อได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อปีก่อนๆ เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกบอกเล่าในโลกโซเชียลเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2017 เธอได้ขอความช่วยเหลือจากชาวเน็ตในการตามหาของขวัญชิ้นนี้ และนั่นก็ทำให้เราได้รู้เลยว่าทุกคนพร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันจริงๆ ชาวเน็ตคนนี้ช่วยหาร้านที่ขายของเล่นชิ้นนั้นให้กับเธอ พร้อมทั้งอาสาที่จะจัดส่งจากประเทศฝรั่งเศสไปให้ด้วยตัวเอง ส่วนคนนี้ได้ไปเจอและซื้อมันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจะส่งของเล่นไปให้เธอแบบฟรีๆ…
-
แม่เป็ดแอบซุกโอพอสซัมน้อยเอาไว้ เพื่อให้ความอบอุ่น หลังจากที่มันสูญเสียแม่แท้ๆ ไป…
สัญชาตญาณของความเป็นแม่คือสิ่งธรรมชาติสร้างไว้ ติดมากับทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ต่างๆ บนโลกใบนี้ แต่บางทีก็เกิดความรักต่างสายพันธุ์เกิดขึ้นซึ่งหลายคนก็คงเห็นกันมาบ้างแล้ว… ยกตัวอย่างเช่น แม่สุนัขกับลูกแมว แต่ในกรณีของชาวเมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย พบเหตุการณ์ที่ทำให้แปลกใจยิ่งกว่านั้น นั่นก็คือแม่เป็ดและลูกโอพอสซัมกำพร้า!! โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อชายผู้เป็นเจ้าของเป็ด ได้เข้าไปตรวจสอบภายในเล้าเลี้ยงเป็ดของเขา ก็พบว่าแม่เป็ดได้ทำการกกลูกโอพอสซัมเอาไว้ พร้อมๆ กับการกกไข่ของมันเองไปด้วย แม่เป็ดดูแลลูกโอพอสซัมกำพร้า ราวกับลูกแท้ๆ ของตัวเอง อาจเป็นเพราะแม่เป็ดรับรู้ได้ถึงความต้องการความช่วยเหลือของเจ้าโอพอสซัมน้อยตัวนี้ที่มีชื่อว่า Daisy ซึ่งมีน้ำหนักตัวเพียง 340 กรัม แต่กลับต้องเผชิญโลกกว้างเพียงลำพังและกำลังมองหาที่ๆ มีความปลอดภัย จึงไปสะดุดตาเข้ากับเล้าของแม่เป็ดตัวนี้เข้า ซึ่งแม่เป็ดตัวนี้แทนที่จะไล่เจ้าโอพอสซัมน้อยออกไป กลับยินดีต้อนรับให้มาอยู่ด้วยกันและยังให้ความอบอุ่นแก่มันอีกด้วย หน้าตาของ Daisy ผู้หน้าสงสาร ต่อมาชายผู้พบเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ได้แจ้งไปยังองค์กรช่วยเหลือสัตว์ Fauna Rescue of South Australia (FRSA) เพื่อนำตัวเจ้า Daisy ไปดูแลต่อในสถานที่ที่เหมาะสมต่อไป เพื่อรอวันที่มันจะกลับมาแข็งแรงมากพอ ก่อนที่จะพร้อมกลับสู่ธรรมชาติตามเดิม “ชายเจ้าของเป็ดรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ในช่วงจังหวะที่เขาเข้าไปดูในเล้าเป็ด แล้วพบเจ้าขนฟูตัวนี้นอนอยู่ ภายใต้ปีกของแม่เป็ดตลอดทั้งคืน” ตัวแทนจากองค์กร FRSA ได้กล่าวไว้ในเพจเฟซบุ๊ก และในปัจจุบันเจ้า…
-
ภาพวินาทีชีวิตกับบทความสุดซึ้ง ชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นใหม่กับการช่วยเหลือของเหล่าพยาบาล
การเกิดแก่เจ็บตาย เป็นวัฏจักรของมนุษย์ที่ดำรงสืบมาบนโลกแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกหนีได้ ไม่ว่าจนหรือรวยล้นฟ้า ทุกคนก็ต้องเข้าสู่วัฏจักรนี้กันทุกๆ คน อยู่ที่ว่าใครจะใช้ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ได้คุ้มค่ากว่ากัน การให้กำเนิดมนุษย์ซักคนหนึ่งจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดมากมายของคนที่เป็นมารดา นับตั้งแต่วันที่เริ่มรู้ว่าตั้งท้อง อาการแพ้ท้องต่างๆ ที่คอยมารบกวนร่างกาย อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างก้าวกระโดด ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้สืบไป Jill Krause นักเขียนแห่งเมืองเท็กซัส ได้ทำการเผยแพร่ช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์ที่แสนจะน่าทึ่งและหาชมได้ยาก กับการคลอดลูกผู้หญิง ความเจ็บปวดที่เธอต้องเจอ รวมไปถึงสิ่งต่างๆที่คอยช่วยเหลือทำให้สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างปลอดภัย ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกบันทึกหลังจากได้รับการอนุญาตจากคุณแม่มือใหม่ 4 ราย ที่ยินยอมที่จะเปิดเผยให้เธอกับช่างภาพที่ชื่อว่า Katie Laecer เข้าไปถ่ายภาพและนำไปเขียนเป็นบทความ ให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่ากว่าจะคลอดลูกออกมานั้นมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้แล้ว แต่ทว่าเด็กน้อยคนนี้ดันไม่ยอมเกิดแบบธรรมดาๆ น่ะสิ คุณแม่ก็เลยจำเป็นต้องคลอดในห้องน้ำซึ่งมันก็ดูโกลาหลเล็กน้อย ภาพถ่ายของเธอไม่ได้เน้นแสดงความเจ็บปวดของการคลอดลูก แต่เน้นไปที่การทำงานของพยาบาลที่คอยช่วยเหลือเหล่าคุณแม่ หากไม่มีพยาบาลเหล่านี้เด็กก็คงคลอดออกมาอย่างไม่ปลอดภัย พยาบาลทั้งหลายจะคอยช่วยเหลือคุณแม่ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด “ฉันจะไม่มีวันลืมใบหน้าของคุณพยาบาลที่เดินตามฉันไปช่วยคุณแม่ที่กำลังจะคลอด ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากๆ กับภาพที่อยู่ตรงหน้า ฉันรู้สึกว่าท้องมวนๆ จนแทบทนไม่ไหว” Jill ได้เขียนในบทความของเธอ “สำหรับฉัน ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงที่รู้สึกว่าผู้หญิงมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก…
-
คุณพ่อระดมทุนค่าอาหารกลางวัน มอบให้โรงเรียนที่ขาดแคลน ชาวเน็ตร่วมบริจาคให้เกือบล้าน!!
ปัญหาความขาดแคลนอาหารกลางวัน เป็นหนึ่งในปัญหาที่โรงเรียนหลายแห่งทั่วโลกกำลังประสบอยู่ การขาดเงินทุนในการสนับสนุนค่าอาหารกลางวัน อาจทำให้พวกเด็กๆ นั้นต้องทนอยู่กับความหิวโหย แต่คุณพ่อท่านหนึ่งได้เล็งเห็นปัญหานี้และเริ่มลงมือที่จะช่วยเหลือพวกเด็กๆ ด้วยการประกาศรับบริจาคจากผู้คนในโลกอินเตอร์เน็ต พบกับเรื่องราวการให้ที่ยิ่งใหญ่ของคุณ Jeffery Lew จากเมือง Seattle คุณ Jeffery Lew ต้องการที่จะมอบเงินเพื่อสมทบทุนให้กับค่าอาหารกลางวัลของโรงเรียนลูกชายเป็นจำนวนเงินประมาณ 3 พันกว่าบาท ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นที่จะขอความช่วยเหลือโดยการระดมทุนผ่านทางเว็บไซต์ GoFundMe หลังจากผ่านไป 10 วันแทบไม่น่าเชื่อว่ามีผู้ให้ความสนใจและร่วมสนับสนุนเงินช่วยเหลือคุณพ่อกว่า 850,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้นคุณ Jeffery จึงได้นำเงินจำนวนหนึ่งมอบให้กับโรงเรียน Seattle Public Schools ของลูกชายเขา และส่วนทีเหลืออีกประมาณ 700,000 บาท ก็นำไปมอบให้กับโรงเรียนอื่นๆ อีกหลายแห่งในรัฐวอชิงตัน “มันเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่กลับได้รับการช่วยเหลืออย่างมาก ผมทึ่งมากับการร่วมมือของผู้คนจากอินเตอร์เน็ต” คุณ Lew บอกกับสำนักข่าว CBS News “บางทีเราอาจจะร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองคนอื่นๆ ในการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือค่าอาหารกลางวันของเด็กๆ” คุณพ่อผู้ใจบุญกล่าวเสริม ซึ่งทางโรงเรียน Seattle Public ก็ได้ออกมาขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณ Lew โดยกล่าวไว้ว่า “ทางโรงเรียนรู้สึกขอบคุณสำหรับเรื่องดังกล่าวอย่างมาก ในฐานะที่เป็นพลเมืองด้วยกันเราสัญญาว่าจะทำหน้าที่ของพวกเรานั่นก็คือการมอบความรู้ให้กับเด็กๆ ในชุมชนให้ดีที่สุดเช่นกัน”…
-
โครงการสุดเจ๋ง ให้นักท่องเที่ยวยืม ‘หมาไร้บ้าน’ เป็นเพื่อนฟรี ถูกใจก็เอากลับบ้านเลย!!
หนึ่งในสถานที่ที่เราชอบไปในวันหยุด ก็คงจะเป็นทะเล และมันจะดีแค่ไหน ถ้าเราได้พาสัตว์เลี้ยงไปเล่นด้วยได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ก็ทำให้เราอดได้เล่นกับสัตว์ในวันหยุดแสนวิเศษเหล่านั้น แต่ล่าสุดมีโครงการดีๆ จาก Kauai Humane Society ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่อยู่บนเกาะ Kauai ในฮาวาย เอาใจคนรักสุนัขด้วยการให้ผู้คนที่มาเที่ยวที่ฮาวายได้เพลิดเพลินไปกับสุนัขจรจัดไร้บ้านหรือบางคนอาจจะช่วยเหลือสัตว์ที่นั่นด้วยก็ได้ สุนัขเหล่านี้เป็นสุนัขมาจากศูนย์พักพิงสัตว์ทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยวสามารถพาสัตว์เหล่านี้ไปเล่นน้ำได้ หรืออาจจะพาไปเดินป่าด้วยก็ได้ ทั้งนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อใจของคนรักสุนัขและดีต่อใจของสุนัขจรจัดที่ต้องการความรักด้วยเช่นกัน โดยสุนัขเหล่านี้จะสวมใส่เสื้อตัวเล็กๆ ที่เขียนว่า ‘Adopt Me’ หรือรับเลี้ยงฉันหน่อยนะ เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงสถานะของมันด้วยว่า เพราะพวกมันไม่มีเจ้าของ และมันก็ต้องการใครสักคนที่พร้อมจะดูแล กลุ่มที่ก่อตั้งโปรแกรมนี้ คาดหวังไว้ว่า การให้นักท่องเที่ยวได้มาเล่นกับสุนัขเช่นนี้ จะเป็นการสร้างมิตรภาพระหว่างคนกับสุนัข เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะมีคนรับไปเลี้ยงมากขึ้น และหากใครอยากช่วยสุนัขเหล่านี้ แม้ว่าจะรับไปเลี้ยงเองไม่ได้ ก็มีช่องทางให้ช่วยอีกมากมาย เช่น การหาบ้านให้มัน บริจาคสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสุนัขที่มีปัญหา ฯลฯ แต่ถ้าใครได้ใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวันจนรู้สึกผูกพันแล้ว หรืออยากจะรับไปเลี้ยงจนสุดหัวใจ ก็สามารถนำสุนัขกลับบ้านด้วยได้เลย ทางด้านศูนย์พักพิงนั้น จะรู้สึกยินดีมากถ้ามีคนรับเลี้ยง และขั้นตอนในการนำไปเลี้ยงนั้นก็ไม่ยุ่งยากด้วย . . . …