Tag: การทำงาน
-
9 ประโยคไม่ควรพูดกับ “เจ้านาย” ในที่ทำงาน เพราะมันอาจส่งผลต่ออนาคตคุณเลยก็ได้
ในบริบทของการทำงานในบริษัทหรือว่าองค์กรต่างๆ ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ นั้นเป็นสิ่งที่ควรมี โดยเฉพาะระหว่างตัวคุณกับหัวหน้าก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ควรรักษาเอาไว้ให้ดี เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีฝีมือและผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับผู้อื่นอาจทำให้เกิดอคติในตัวเราได้ โดยเฉพาะกับหัวหน้างานที่อาจมองว่าเราเป็นพนักงานที่ไม่รู้จักทีมเวิร์กและไม่รู้จักใช้ชีวิตในสังคม วันนี้เราจึงอยากเสนอ 9 ประโยคที่ไม่ควรพูดอย่างแรง หากไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหัวหน้า ไปดูพร้อมๆ กันเลยว่า มีประโยคไหนบ้าง และทำไมถึงไม่ควรพูด… 1. “ผมอยากได้เงินเดือนเพิ่ม เพราะผมต้องใช้มันสำหรับซ่อมแซมบ้าน” การขอขึ้นเงินเดือนเป็นสิ่งที่ขอได้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก หากคุณเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวเพื่อขอให้เห็นใจนั่นจะยิ่งทำให้การขึ้นเงินเดือนเป็นไปได้ยาก หัวหน้าจะมองว่าให้เงินไปแล้วทางบริษัทจะได้อะไรเป็นการตอบแทน ลองเปลี่ยนเป็นเอาความสามารถเข้าสู้ดีกว่า โชว์ผลงานที่เหมาะสมกับการขึ้นเงินเดือนให้หัวหน้าดูเพื่อพิจารณา แน่นอนว่าบริษัทไหนๆ ก็ย่อมอยากได้คนทำงานเก่ง ฉะนั้นมันจะดีกว่าหากเปลี่ยนเป็นพูดว่า “ผมทำยอดการผลิตได้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่าจากรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ผมจึงมาขอให้หัวหน้าพิจารณาขึ้นเงินเดือนครับ“ 2. “ช่วงบ่ายผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ? งานผมไม่มีอะไรให้ทำแล้ว” เมื่อคุณทำงานจนครบเป้าหมายในแต่ละวันเรียบร้อยแล้ว คุณก็อาจจะอยากกลับบ้านไปพักผ่อน แต่คุณไม่ควรขอกับหัวหน้าตรงๆ แบบนั้น เพราะมันทำให้คุณกลายเป็นคนที่ไม่สนใจจะทำงาน แถมยังได้งานมาทำเพิ่มอีกด้วย จะดีกว่าหากพูดว่า “ช่วงบ่ายผมขอกลับบ้านได้ไหมครับ?“ เฉยๆ โดยไม่ต้องบอกเหตุผล (แต่งานก็ต้องทำให้เสร็จก่อนนะ) พยายามอย่าพูดหรือแสดงความเบื่อหน่ายออกมา 3. “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของนพพลต่างหากครับ” การยอมรับความผิดโดยไม่ตัดสินผู้อื่นนั้นเป็นคุณสมบัติของผู้ที่มีวุฒิภาวะ…
-
ชาวเน็ตแชร์ 20 ไอเดีย ลาออกจากงานอย่างไรให้ “เท่” ที่สุด ฮากันล่ะงานนี้!
ในชีวิตการทำงาน เราจะต้องเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจไม่เป็นอย่างที่ใจต้องการ เช่น เนื้องาน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่บรรยากาศในที่ทำงานเองก็ตาม และเมื่อเจอสิ่งที่ทำให้เครียดมากๆ เข้าจนกระทั่งทนไม่ไหว วิธีแก้ปัญหาที่หลายๆ คนเลือกคือ การลาออก นั่นเอง ตัวอย่างเช่น สมาชิกเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 4543873 ได้มาตั้งกระทู้เล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาอยากลาออกจากที่ทำงาน แต่ด้วยความที่เขาทำงานมาได้เพียง 1 สัปดาห์ เขาเลยไม่อยากลาออกเฉยๆ… ลาออกจากงาน วิธีไหน “เท่” ที่สุดครับ? เขาจึงถามความเห็นชาวเน็ตว่าจะลาออกจากงานอย่างไรให้เท่ที่สุด ทีนี้บอกเลยว่าคำตอบแต่ละคน ฮามากๆ เท่มั้ยล่ะ? นึกว่าเดอะฟาสต์8 “เดินออกจากออฟฟิศ ยกแขนเอาสูทพาดที่ไหล่แล้วสวมแว่นตาดำ หลังจากนั้นมีเอฟเฟกต์ตึกระเบิด เพื่อนร่วมงานนอนบาดเจ็บ แค่คิดก็เท่มากแล้วครับ” ตัดความหวังกันเฉยเลย ฮ่าๆ “ไม่มีใครสน แถมบางคนยังไม่รู้จักคุณด้วยมั้ง ทำอะไรก็ทำเถ๊อะ” อันนี้ไม่ได้ลาออก อันนี้มันลาโลกแล้วว! “เปิดหน้าต่าง แล้วตะโกนดังๆว่า ไปก่อนนะทุกคน แล้วก็กระโดดลงมา” นี่แหละความเท่ที่แท้ทรู “ลาออกแบบได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิม” รวยขนาดนี้ก็นอนดูทีวีอยู่บ้านเถอะพ่อหนุ่ม! “ซื้อทองแจกที่ทำงานคนละเส้นอ่ะครับ หล่อเลยครับ”…
-
6 สัญญาณบ่งบอกว่า “ตับ” ไม่สามารถทนรับ “ไลฟ์สไตล์” คุณได้อีกต่อไป เปลี่ยนด่วน!!
ไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆ บางคนอาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมาได้ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่ชอบออกไปสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ยามดึกบ่อยๆ แน่นอนว่าอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็ย่อมต้องเป็น “ตับ” นั่นเอง วันนี้ #เหมียวตะปู แปลบทความสาระน่ารู้จากเว็บต่างประเทศ ที่พูดถึง 6 สัญญาณอันตรายต่อร่างกายเรา และสามารถสังเกตตนเองได้ว่า ตับของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และควรจะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของตัวเองกันได้แล้ว… 1. รู้สึกว่าในหัวยุ่งเหยิงไปหมด เวลาที่ตับของเราทำงานหนักจนเกินไป จะทำให้ระบบการกรองเลือดในร่างกายของเราแย่ลง ส่งผลให้มีสารพิษต่างๆ นั้นปะปนไปสู่สมองได้มากกว่าคนปกติ อาการดังกล่าวเราสามารถสังเกตได้จากความรู้สึกสับสน มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ และตัดสินใจอะไรต่างๆ ได้ยากยิ่งขึ้น 2. น้ำตาลในเลือดต่ำ หนึ่งในหน้าที่ของตับคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นเวลาที่ตับมีปัญหา ระดับน้ำตาลในเลือดของเราก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ฉุนเฉียวง่าย และไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ 3. ฮอร์โมนไม่มีความสมดุล ตับคืออวัยวะที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนเพศของเรา การทำงานของตับที่ผิดปกติจึงอาจทำให้ระบบฮอร์โมนเอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรนของเรามีความไม่สมดุล จนอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอย่างการขาดความต้องการทางเพศไป หรือมีอาการก่อนเป็นประจำเดือนที่รุนแรงมากกว่าเดิม 4. อารมณ์แปรปรวน ปัญหาในเรื่องของความจำและอารมณ์ที่แปรปรวนอาจเกิดจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับตับ อีกทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากใครสังเกตอาการของตัวเองแล้วคิดว่าน่าจะเป็น ก็ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที 5. ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หลายๆ คนอาจเชื่อว่าการที่เราเป็นหวัดได้ง่ายหรือติดเชื้ออยู่บ่อยๆ…
-
พบกับ Shang Wuyi ชายผู้พิการที่กวาดถนนมากว่า 12 ปี โดยไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว!!
เรื่องของความพิการ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนในครอบครัว เพราะว่าสิ่งนี้มันอาจจะทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเต็มไปด้วยความยากลำบาก และอาจจะทำให้คนๆ นั้นหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเลยก็อาจเป็นไปได้ แม้ว่าจะมีร่างกายที่ไม่ครบ 32 ประการเหมือนกับคนอื่นเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายคนหนึ่งย่อท้อต่อโชคชะตาที่เขาต้องประสบ มากไปกว่านั้นเขาอาจจะทำได้ดีกว่าคนปกติเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาคนนี้ สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญก็คือตลอดระยะเวลากว่า 12 ปีในการทำงาน เขาไม่เคยหยุดแม้แต่วันเดียว!! ถึงจะมีขาเพียงข้างเดียว แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Shang Wuyi ชายผู้พิการวัย 46 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองซีอาน ประเทศจีน เขาเป็นผู้ที่มีอาการหูหนวกและเป็นใบ้มาตั้งแต่กำเนิด หนำซ้ำด้วยความเคราะห์ร้ายก็ทำให้เขาต้องสูญเสียขาข้างหนึ่งไปด้วยอุบัติเหตุในวัยเพียง 7 ปีเท่านั้น แม้ว่าจะมีร่างการที่ค่อนข้างไม่สมประกอบ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับงานที่เขาทำ และงานที่เขาใช้เลี้ยงชีพมาโดยตลอดก็คือ การกวาดถนน ซึ่งเพื่อร่วมงานเขาได้บอกเอาไว้ว่า ตลอด 12 ปีในการทำงานที่ผ่านมา เขาไม่เคยเห็น Shang หยุดพักจากการทำงานเลยแม้แต่วันเดียว มักจะมาทำงานก่อนเวลาเสมอ และไม่เคยหยุดพักแม้แต่วันเดียว โดยเพื่อนร่วมงานของเขาชื่อว่า Yao ได้เล่าว่า ในทุกๆ วัน กะการทำงานจะเริ่มขึ้นในเวลาตีสี่ แต่ว่า Shang มักจะมาทำงานก่อนเสมอ และหากวันใดที่ภรรยาของเขาเกิดป่วยขึ้นมา…
-
จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่เราจะสามารถใช้งานสมองได้แบบ 100% เหมือนในหนังเรื่อง Lucy?
เราอาจเคยได้ยินว่ามนุษย์เราใช้สมองเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงทำให้หลายๆ คนพยายามหาวิธีการที่จะทำให้เราสามารถใช้งานสมองได้มากกว่านั้น หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะใช้ให้มันถึง 100 เปอร์เซ็นต์ไปเลยแบบในหนังเรื่อง Lucy แต่ในความจริงแล้วมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้ก็ได้นะ Marc Ettlinger นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจากกรมกิจการทหารผ่านศึกในสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาพูดว่า ปัจจุบันหลายๆ คนพยายามหาวิธีการที่จะทำให้เราสามารถใช้สมองได้มากกว่าที่เราเข้าใจ ซึ่งเรายึดติดกับความเชื่อนี้ก็เพราะเราเคยได้ยินหลายๆ วิธีที่บอกว่าสามารถช่วยให้เราทำอย่างนั้นได้จริง อย่างเช่นเราเคยได้ยินว่าการหลับ การจดบันทึก การทำกิจกรรมต่างๆ หรือการฝันกลางวันจะสามารถพัฒนาองค์ความรู้และประสิทธิภาพของการคิดของเราได้ จึงทำให้หลายๆ คนออกไปหาอะไรทำ จินตนาการไปถึงสิ่งต่างๆ หรือพักผ่อนเพิ่มอีกซัก 2-3 ชั่วโมง Marc อธิบายว่าการที่เราไม่ออกไปหากิจกรรมใดๆ ทำนอกบ้าน ไม่ชอบจินตนาการ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สิ่งเหล่านั้นจะส่งผลในแง่ลบให้กับกระบวนการการคิดของเราอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวิธีการแก้ไขที่ว่ามาอาจเป็นเพียงตัวที่ช่วยขจัดปัญหาเหล่านั้นออกไป ไม่ได้เป็นสิ่งที่เพิ่มพูนการใช้งานของสมอง แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความคงที่ของระบบการรู้คิดในสมองเรา แต่ทั้งหมดนั้นก็แสดงให้เห็นว่า มันช่วยในการทำงานของสมองให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นไปจากเดิมเหมือนที่เราเข้าใจ นั่นหมายความว่าแท้จริงแล้วที่บอกว่าเราสามารถใช้สมองได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์อาจไม่ได้เป็นความจริง แต่เกิดขึ้นจากจินตนาการของเราที่คิดขึ้นมาและสร้างเป็นเป้าหมายให้กับตัวเองเท่านั้น สิ่งนี้อาจเป็นการคาดการณ์แต่ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ยกตัวอย่างถ้าเราเดินทางย้อนเวลากลับไปบอก Aristotle ว่า ในอนาคตเด็ก…
-
โลกอนาคตมาถึงแล้ว!! 15 ภาพการทำงานของเทคโนโลยี ที่จะทำให้คุณต้องตะลึง ตึงตึง!!
การทำงานของเหล่าเครื่องจักร และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ นั้นมักจะทำให้เราต้องอึ้งอยู่บ่อยครั้ง และบางทีคุณอาจจะต้องอุทานออกมาว่า โอ้พระพุทธเจ้าเลยทีเดียว!! และวันนี้เราก็มีภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ในการทำงานของเหล่าเครื่องจักรที่ว่านั้นมาฝากกัน ซึ่งขอบอกไว้ก่อนเลยว่าแต่ละอันนั้นจะทำให้คุณตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึง ตึง แน่นอน!! 1. แม่เหล็กจิ๋ว Micromotor ที่เอาไว้ช่วยให้เจ้าอสุจิพบกับทางสว่างได้ง่ายๆ 2. หากคุณรู้สึกว่ามดอ้วนไป ก็ต้องใช้ลู่วิ่งของเจ้ามด 3. แปรงทำความสะอาดเจ้าวัวแบบหมุน 4. เครื่องดูดผ้าม่านเพื่อเปิดการแสดง!! 5. เครื่องหมุนน๊อตแบบยืดหยุ่น 6. ต่อไปนี้การปอกแตงโม จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!! 7. รางรถไฟ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด!! ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง 8. การสร้างทางด่วนยกระดับแบบโลกอนาคต ง่ายๆ และรวดเร็ว 9. เครื่องพับจรวดกระดาษ สิ่งประดิษฐ์ที่จะทำให้ชีวิตเด็กหลังห้องง่ายขึ้น!! 10. โต๊ะสนุ๊กที่ช่วยรักษาระดับในระหว่างการเล่นบนเรือสำราญ 11.…
-
15 ภาพ GIF ที่จะช่วยอธิบาย ‘กลไกสิ่งของต่างๆ’ บนโลก และจะทำให้คุณบรรลุถึงสัจธรรม!
จะว่าไปแล้วโลกเรานี่มันก็มีอะไรเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ซึ่งมันเยอะซะจนเราไม่รู้เลยว่า.. เราไม่รู้เรื่องอะไรบ้าง แต่ครั้งนี้เราจะพาไปไขข้อสงสัยกันแบบง่ายๆ ด้วย 15 ภาพ GIF ที่จะอธิบายกลไกการทำงานของสิ่งของต่างๆ เรียกได้ว่าหลังชมภาพเหล่านี้แล้ว หลายคนอาจรู้สึกเหมือนได้ค้นพบสัจธรรมของชีวิตเลยก็ว่าได้ 1. นี่คือการทำงานของกุญแจ 2. ภาพตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า… สถานการณ์รถติดมันเกิดขึ้นได้ง่ายขนาดไหน 3. แผนผังเส้นทางระบบขนส่งของเมืองเบอร์ลิน เมื่อเทียบเส้นทางบนแผนที่จริงๆ 4. สุนัขกินน้ำแบบสโลว์โมชั่น 5. เมื่อคุณวาดเส้นตรงบนวัตถุที่โค้งมน สุดท้ายก็จะได้ภาพแบบนี้… 6. กลไกการทำงานของเครื่องทอผ้า 7. การทำงานของเกียร์รถ 8. รูปแบบการทำงานของระเบิด เมื่อเราดึงสลักออก 9. กลไกการทำงานของพัดลม 10. รูปแบบการทำงานของซิปบนกางเกงยีนส์ 11. พัฒนาการของการจัดฟัน 12. เครื่องทำเพรทเซล ที่ทำออกมาเหมือนโฮมเมดสุดๆ 13. เครื่องตัดลวดมาทำเป็นคลิปหนีบกระดาษ…
-
ฉากอันน่าสะพรึงกลัวของเรือขนาดใหญ่ ขณะกำลังรับมือกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรแอตแลนติก
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของ OOCL Belgium เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ขณะกำลังต่อสู้อยู่กับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าวได้ถูกบันทึกเอาไว้ในปี 2014 โดยในช่วงเวลานั้นได้เกิดเหตุการณ์พายุเฮอร์คิวลีสขึ้น ซึ่งความรุนแรงของมันได้นำความเสียหายอย่างหนักต่อเส้นทางเดินเรือในชายฝั่งคอร์นวอลล์และเดวอน ในคลิปวีดีโอได้ปรากฏให้เห็นว่า ความรุนแรงของพายุได้ส่งผลให้เรือเอียงในระดับ 40 องศา อีกทั้ง คลื่นในมหาสมุทรที่สูงประมาณ 20 เมตร ก็ได้ลุกลามเข้ามาในเรืออย่างรวดเร็ว งานนี้ต้องขอขอบคุณบรรดาลูกเรือเป็นอย่างมาก ที่ได้บันทึกภาพช่วงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้เอาไว้ และนั้นก็ทำให้เราได้เห็นว่า อาชีพขนส่งทางเรือนั้นมันน่ากลัวมากขนาดไหน อย่างไรก็ตาม จากการรายงานระบุว่า เรือ OOCL Belgium ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ซึ่งภายหลังจากที่ซ่อมแซมเสร็จ มันก็ยังคงถูกทำมาใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ สภาพอากาศที่รุนแรง ถือเป็นเรื่องที่ปกติที่มักจะเกิดขึ้นในมหาสมุทร และเรือที่ถูกนำมาใช้สำหรับการขนส่งนั้น ส่วนใหญ่ก็ได้รับการออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อสามารถรับมือกับความน่ากลัวของธรรมชาติได้อย่างสบายๆ มารับชมคลิปวีดีโอไปพร้อมๆ กันเลย ที่มา : dailymail
-
เด็กสาวมาทำงานสาย ถูกเจ้านายบังคับให้ลุกนั่ง 100 ครั้ง จนเป็นเหตุทำให้เธอถึงขั้นเสียชีวิต…
การโดนลงโทษนั้นเราคงจะได้เจอกันมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน เพราะไม่ว่าในสังคมไหนก็จะมีทั้งนั้น ตั้งแต่สังคมครอบครัว สังคมการเรียน แม้แต่สังคมการทำงานเองก็เช่นเดียวกัน ซึ่งในแต่ละที่นั้นก็จะมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป และบางทีอาจตามมาด้วยผลลัพธ์ที่ไม่ดีซักเท่าไหร่นัก… อย่างการลงโทษที่เกินกว่าเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศจีนครั้งนี้ ตามรายงานกล่าวว่ามีเด็กผู้หญิงชื่อ Wu อายุ 15 ปีได้ใช้บัตรประชาชนของเพื่อน สมัครงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง เพื่อหาเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับพ่อ แต่แล้ววันหนึ่งเธอไปทำงานสาย ก็ถูกเจ้านายลงโทษด้วยการให้เธอลุกนั่ง 100 ครั้ง แต่ว่าแม่ของเธอได้บอกกับนักข่าวว่าลูกสาวของเธอพยายามทำได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แต่ก็ถูกบังคับให้ทำต่อไปเรื่อยๆ นั่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตและอาจเจียนออกมาหลังจากที่โดนลงโทษ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลงเพราะระบบทางเดินหายใจล้มเหลวในวันที่ 7 สิงหาคม 2017 ผู้จัดการของเธอในสาขาเมืองจงซานไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในขณะที่ผู้จัดการของบริษัทได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางรายการทีวีไว้ว่า สิ่งที่เด็กสาวคนนี้ต้องเจอนั้นไม่ใช่การลงโทษ แต่ยอมรับว่ามันคือการถูกบังคับให้ลุกนั่งในจำนวนที่มากจนเกินไป… อย่างไรก็ตามทางบริษัทก็ออกมาแจ้งว่าพวกเขาไม่มีข้อมูลของหัวหน้างานต่างๆ ว่าจัดการกับการมาสายกันอย่างไร และสำหรับเหตุการณ์นี้จึงทำให้ทนายความ Ben Norman ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการจ้างงานของอังกฤษ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีการลงโทษทางกายแบบทหารนั้น เป็นสิ่งยอมรับไม่ได้ภายในสถานที่ทำงาน ในกรณีดังกล่าวนั้นหากว่าเด็กสาวคนนี้ต้องลุกนั่งเพราะเรื่องของเพศ อายุ หรือความผิดปกติของร่างกายที่หัวหน้างานสามารถแยกแยะได้นั่นถือว่าเป็นการได้รับความเสียหายบางส่วน แต่มันก็สร้างความรู้สึกแย่ได้มากเพียงพอแล้ว แต่หากว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นพนักงานแค่ถูกเลือกไป ก็อาจแสดงให้เห็นถึงว่าเธอนั้นไม่สามารถทำงานที่นี่ต่อไปได้ และตามมาด้วยการลาออก หรือแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสมควรถูกไล่ออกหากว่าได้มีการว่าจ้างในระยะเวลาที่เพียงพอแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่กฎหมายก็ยังคงมีขึ้นเพื่อช่วยเหลือกับทั้งสองฝ่าย…
-
HR ของบริษัท Google เผย 2 กฎเหล็ก ที่จะทำให้พนักงานอยู่กับคุณไปได้นานที่สุด
การทำงานในบริษัทนั้นปัญหาเรื่องการลาออกคงจะเป็นเรื่องปกติที่สามารถเจอได้ในทุกที่ แต่แล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่าง Google ได้ออกมาบอกว่าต้องทำยังไงจึงจะสามารถรักษาบุคลากรที่ดีไว้กับบริษัทได้ เมื่อผู้ปรึกษาอาวุโสของบริษัท Laszlo Bock ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการ Bloomberg เอาไว้ว่า หลายคนมักไม่สามารถรั้งพนักงานที่ดีเอาไว้กับตัวได้ พนักงานนั้นไม่ได้จะอยู่จะไปเพราะเม็ดเงิน แม้ว่าทางบริษัทจะทำเงินไว้ในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมากก็ยังคงสามารถรักษาพนักงาน 100 คนแรกเอาไว้ได้ เขาจึงแนะนำ 2 แนวคิดที่จะช่วยในการรักษาพนักงานเอาไว้ อย่างแรกเลยก็คือ “คุณภาพของเพื่อนร่วมงาน” นั่นจึงทำให้การคัดเลือกคนเข้าบริษัทมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทำให้มาตรฐานในเรื่องนี้ของบริษัทนั้นถือว่าสูงเลยทีเดียว เพื่อให้ได้พนักงานที่มีประสิทธิภาพดีทุกคน โดยผู้ที่มีสิทธิ์ได้เป็นพนักงานของที่นี่นั้นจะต้องผ่านการคัดกรองจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน และฝ่ายบุคคลที่มีคุณภาพ ท้ายสุดแล้วก็ต้องได้รับการยอมรับจาก CEO ซึ่งก็คือ Larry Page อีกด้วย อีกเรื่องคือ “ความรู้สึกว่างานที่พวกเขาทำนั้นมีความหมาย” เงินจึงไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะการที่มนุษย์ทำอย่างหนึ่งเพื่อบางสิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงเงินเสมอไป โดยมีงานวิจัยหนึ่งพบว่าคนที่สามารถเชื่อมโยงงานขอตัวเองให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความหมาย ก็จะทำให้ผลลัพธ์ดีมากขึ้นถึง 5 เท่าเลยทีเดียว จากสิ่งเหล่านั้นจึงสังเกตได้ว่าไม่แปลกเลยที่บริษัทนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานในหลายด้าน ทั้งเรื่องของอาหารดีๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินซักบาท บริการนวดหรือซักรีดก็ยังมี เพื่อสร้างความหมายให้กับงานที่ทำของทุกคน หากทำได้อย่างสองแนวคิดนี้เขาก็เชื่อว่าจะทำให้สร้างบรรยากาศการทำงานได้ดียิ่งขึ้น การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้พนักงานต้องหยุดความคิดที่จะลาออกไป หากใครชื่นชอบก็ลองเอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้นะ…
-
พาไปเยี่ยม 9 บริษัทสุดเจ๋งที่ใครๆ ก็อยากเข้าไปทำงานด้วยมากที่สุด สวัสดิการดีเวอร์!!
ผู้จัดการส่วนใหญ่อาจจะมองเห็นว่ารายได้นั้นสำคัญกว่าพนักงาน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้มองข้ามความสำคัญหลักไปว่า แท้จริงแล้วความสุขของเหล่าพนักงานก็ช่วยส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัทเหมือนกันนะ เหมือนดังเช่น 9 บริษัทเหล่านี้ ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นบริษัทในฝันที่ใครๆ ต่างก็อยากจะมาร่วมงานด้วย เพราะนอกจากเป็นงานที่มั่นคงแล้ว สวัสดิการยังดี๊ดีอีกด้วย ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่าจะมีบริษัทไหนกันบ้าง คุณชาตรี ตรีศิริพิศาล ทุ่มเงินกว่า 17 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าทริปให้พนักงานกว่า 100 คนไปพักผ่อนที่มัลดัฟส์ คุณชาตรี ตรีศิริพิศาล นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ได้ทุ่มเงินมากถึง 400,000 ปอนด์ หรือราวๆ 17 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าทริปพักผ่อนประจำปีของบริษัทให้กับพนักงานกว่า 100 ชีวิต ได้ไปท่องเที่ยวที่รีสอร์ทหรูใจกลางทะเลที่เกาะมัลดีฟส์ ทั้งนี้ การที่เขาได้ตัดสินใจพาพนักงานไปเที่ยวพักผ่อนนั้น เพื่อเป็นการมอบความสุขให้กับเหล่าพนักงาน เพราะพวกเขาสามารถเพิ่มรายได้ให้บริษัทในแต่ละปีได้ถึง 30% และนี่ก็ไม่ใช่ทริปแรก เพราะคุณชาตรี ได้จัดเตรียมวันหยุดให้กับพนักงานเอาไว้ล่วงหน้า และเก็บเป็นความลับอยู่เสมอ แต่สิ่งเดียวที่พนักงานรู้ก็คือ พวกเขาสามารถคาดเดาได้เลยว่าทริปต่อไปจะต้องได้ไปพักผ่อนในโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวอย่างแน่นอน บริษัทผู้ผลิตคราฟท์เบียร์ ให้พนักงานสามารถลางานไปดูสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ BrewDog บริษัทผู้ผลิตคราฟท์เบียร์สัญชาติสก็อตแลนด์ ได้มอบสวัสดิการให้กับพนักงาน…
-
ผู้บริหาร Dentsu ประกาศลาออกแสดงความรับผิดชอบ หลังพนักงานทำงานหนักจนฆ่าตัวตาย
หากใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้#เหมียวฟิ้นได้เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการทำงานในสไตล์ชาวญี่ปุ่น จนทำให้เกิดความเครียดสะสมและมีการฆ่าตัวตายนับครั้งไม่ถ้วน (อ่านบทความชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากการ “ทำงานหนัก” ได้ที่นี่เลย) ซึ่งในบทความนั้นได้มีการกล่าวถึงพนักงานสาว Matsuri Takahashi วัย 24 ปี ของบริษัทโฆษณา Dentsu Inc. ที่ฆ่าตัวตายเมื่อช่วงปลายปี 2015 เนื่องจากเธอต้องแบกภาระหน้าที่ที่หนักจนเกินไป และมีชั่วโมงการทำงานล่วงเวลามากถึง 105 ชั่วโมงต่อเดือนเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่งเช่น Dailymail, Theguardian และ Businessinsider ได้ออกมารายงานว่าผู้บริหารสูงสุดของ Dentsu Inc. อย่างนาย Tadashi Ishii ได้จัดงานแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งแล้ว ตามรายงานบอกว่านาย Tadashi Ishii ได้โค้งคำนับต่อสื่อมวลชนและกล่าวว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหารในเดือนถัดไปเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยในงานนาย Tadashi ได้กล่าวว่า “การทำงานที่มากเกินไปไม่ควรเกิดขึ้นในญี่ปุ่นเลย ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งและรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และจะขอลาออกในฐานะผู้บริหารในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้” จากข่าวก่อนหน้านี้บอกว่า Matsuri Takahashi ได้รับมอบหมายงานที่เยอะมาก เธอกลับบ้านเร็วสุดคือ 4 ทุ่ม และยิ่งเมื่อเธอผ่านโปรในเดือนตุลาคม 2015…
-
แนวคิดจาก CEO บริษัทคาลบี้ เพราะการพัฒนาบุคลากรสำคัญกว่า การให้ทำโอทีจึงไม่จำเป็น…
พูดถึงในเรื่องของการทำหน้าที่การงานภายในบริษัทเอกชนต่างๆ ผู้บริหาร นายจ้างหรือหัวหน้าใหญ่ มักจะมอบหมายงานให้บุคลากรแต่ละแผนกทำอย่างแข็งขัน แบบชนิดที่ว่ายิ่งทำงานให้บริษัทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงปริมาณงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำไปสู่การทำงานล่วงเวลา โดยในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทไหนๆ ก็มีระบบดังกล่าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นการทำงานที่เร่งด่วน หรืองานสะสมคั่งค้าง แต่มองในอีกมุมหนุึ่งของคนที่ต้องทำงานล่วงเวลา การทำงานแบบนี้ส่งผลดีหรือผลร้ายกับใครกันแน่ พวกเขาเต็มใจที่จะทำหรือไม่? บังคับให้ทำงานเกินเวลาโดยไม่นึกถึงจิตใจของพนักงานเลยรึเปล่า? ด้วยเหตุนี้เองทางด้านคุณ Akira Matsumoto ประธานบอร์ดบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทผลิตขนมในเครือคาลบี้ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวประเด็นการทำงานล่วงเวลาและมุมมองการบริหารงานของบริษัทไว้น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเขาเองนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากการบริหารงานบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะมองกัน นั่นก็คือการลงทุนกับปริมาณงานนั้น แทบจะเทียบกับการลงทุนพัฒนาศักยภาพของพนักงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่มักจะมีภาพติดตาของเหล่าพนักงานบริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกดื่นเพราะต้องทำงานล่วงเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณ Akira Matsumoto แล้วเขากลับแย้งว่า ‘เลิกซะเถอะ กับการทำงานล่วงเวลาเนี่ย’ มุมมองของเขานั้น เล็งเห็นว่าถ้าหากให้พนักงานใช้เวลาไปกับการทำงานล่วงเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาส่วนนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเลย เพราะนั่นคือเวลาว่างของพวกเขาหลังจากการเลิกทำงานตามเวลาปกติ คุณ Akira Matsumoto ไม่กังวลในเรื่องของการจ่ายค่าโอทีเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ถ้าให้พนักงานทำโอทีบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ…
-
5 เหตุผลว่าทำไม “คนเยอรมัน” ทำงานใช้เวลาน้อยกว่าชาติอื่น แต่ได้ประสิทธิภาพงานที่มากกว่า!?
โดยส่วนตัวของ#เหมียวฟิ้นเอง เคยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับบริษัทของเยอรมันแห่งหนึ่ง ซึ่งขอบอกเลยว่าบรรยากาศการทำงานนั้นแตกต่างจากการทำงานแบบคนไทยมากๆ อย่างแรกที่เราสัมผัสได้เลยคืองานของพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมาก เวลางานเป็นเวลางาน เวลาพักก็พักกันแบบไม่สามารถตามตัวได้เลย หากเทียบเวลาการทำงานกับบริษัทของไทยแล้ว การทำงานในบริษัทเยอรมันดูจะได้ผลงานเป็นที่น่าพอใจมากกว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้? เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นเพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านบทความบทความหนึ่งของเว็บไซต์ Knote.com ที่เป็นการเปิดเผยถึงเคล็ดลับในการทำงานแบบคนเยอรมัน ว่าทำไมถึงมีประสิทธิภาพมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราลองไปดูกันทีละข้อๆ เลย 1. เวลางานคือเวลาทำงาน ในวัฒนธรรมการทำงานของชาวเยอรมัน พวกเขาจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากงาน การเล่น Facebook การนั่งเมาท์กัน การแว้บไปเปิดเว็บโน่นนี่ระหว่างทำงานแทบจะไม่ใช่วิสัยของพวกเขาเลย ในขณะที่ถ้าเป็นบ้านเรา คุณจะเห็นพนักงานจับกลุ่มคุยกัน บางคนแอบงีบแอบเล่นเกมในที่ทำงาน บางคนเดินไปเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2013 สำนักข่าว BBC ได้เคยทำสารคดีที่ชื่อว่า Make Me a German เกี่ยวกับหญิงสาวชาวเยอรมันที่เดินทางไปทำงานและเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อังกฤษ แต่เธอกลับช็อคมากที่วัฒนธรรมที่นั่นแตกต่างจากบ้านเกิดของเธอโดยสิ้นเชิง “ฉันไปทำงานแลกเปลี่ยนที่อังกฤษมา ฉันทำงานอยู่ในออฟฟิศและผู้คนก็เอาแต่พูดตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ‘คืนนี้ทำอะไรดี?’ และเอาแต่ดื่มกาแฟกันตลอดเวลาเลย” หญิงสาวชาวเยอรมันกล่าว 2. มุ่งเน้นเป้าหมาย สื่อสารโดยตรงเป็นสิ่งที่มีค่า ในการทำธุรกิจแบบชาวเยอรมันจะมีการกำหนดเป้าหมายที่เข้มข้นมาก และมีการสื่อสารกันโดยตรงโดยไม่เกี่ยงว่าคนที่เราต้องสื่อสารด้วยจะมีตำแหน่งที่สูงหรือต่ำกว่าเรา เมื่อลองย้อนมาดูการทำงานในสไตล์ไทยๆ แบบบ้านเรา เราจะมีการพูดคุยกันแบบกลุ่มเล็กๆ…
-
วิจารณ์แซ่ด บทเรียนการงานอาชีพฯ ดูแคลนอาชีพรับจ้าง อาจเป็นการปลูกฝังความคิดด้านเดียว?
การทำงานในสังคมถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก คงไม่มีเด็กหรือวัยรุ่นคนไหนเข้าใจคำว่า “ยาก” ได้อย่างแท้จริงจนกว่าจะลงมือทำหรือได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร แต่กว่าที่พวกเขาจะกลายมาเป็นคนทำงานเต็มตัวได้ก็ต้องได้รับการศึกษา และแบบเรียนที่ดีเสียก่อนนะ แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าแบบเรียนไหนเหมาะแก่การนำมาเป็นหลักในการสอนคนรุ่นใหม่? เพราะอย่างล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ Kanninich ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบบเรียนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยีของระดับชั้น ม.1 โดยในแบบเรียนนี้มีการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการประกอบอาชีพอิสระและการประกอบอาชีพรับจ้าง โดยในแบบเรียนมีการชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของการทำงานทั้งสองแบบ แต่ชาวเน็ตหลายคนมองว่านี่อาจเป็นการชี้นำและการดูถูกดูแคลนการทำงานในแบบการรับจ้างก็เป็นได้ หลังจากที่ภาพของแบบเรียนชิ้นนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้ชาวเน็ตหลายคนแสดงความเห็นออกมาหลากหลายแบบ ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับแบบเรียน โดยฝั่งที่ไม่เห็นด้วยมองว่านี่เป็นการยัดเยียดความคิดการเป็นเจ้าคนนายคนมาเกินไป เพราะหากทุกคนทำหน้าที่เป็นนายจ้างหมดแล้วจะเหลือใครมาทำหน้าที่ลูกจ้างอีก? . ส่วนฝั่งที่เห็นด้วยมองว่าแบบเรียนนั้นถูกเขียนขึ้นมาโดยอิงกับหลักความเป็นจริง ที่ไม่ว่าใครก็อยากจะเป็นเจ้าของกิจการทั้งนั้น เพราะไม่ต้องคอยรอรับคำสั่งจากใคร และเงินที่ได้ทั้งหมดก็เป็นของเราเอง สามารถบริหารจัดการได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย . เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะมันมีทั้งความจริงที่แฝงอยู่ในบทเรียน และเรื่องของการปลูกฝังความคิดแบบด้านเดียว แล้วเพื่อนๆ ล่ะมองประเด็นนี้ว่าอย่างไรบ้าง ลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ ที่มา Kanninich
-
นโยบายบริษัทในสวีเดน ร่วมกันปรับเวลาทำงานเหลือแค่วันละ 6 ชั่วโมง เพื่อเน้นคุณภาพ!?
ในประเทศไทยเราน่าจะคุ้นชินกับการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ตอกบัตรเข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น บางคนอาจจะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่มากเกินไป ยิ่งช่วงบ่ายยิ่งง่วงเหงาหาวนอนจนหลายคนแอบอู้งานเป็นประจำ ด้วยปัญหาเหล่านี้เองทางการของประเทศสวีเดนเลยเริ่มเล็งเห็นถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไข พวกเขาก็เลยเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่จากวันละ 8 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่วันละ 6 ชั่วโมงเท่านั้น (ลดไป 2 ชั่วโมง) เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่ง บอกว่าบริษัทและห้างร้านหลายๆ ที่เริ่มหันมาปรับเวลาทำงานให้เหลือแค่วันละ 6 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่นผู้พัฒนาแอพฯ มือถือ Filimundus ที่ปรับให้พนักงานของพวกเขาทำงานแค่ 6 ชั่วโมงมาตั้งแต่เมื่อปี 2015 แล้ว โดยนายจ้างได้ให้เหตุผลว่าการทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ทำให้งานของพวกเขาไม่ได้ประสิทธิภาพ เพราะต้องจดจ่อกับการทำงานเป็นเวลานานๆ ทำให้สมาธิหรือความสนใจลดน้อยลง ยิ่งใช้เวลาทำงานมากก็ยิ่งใช้เวลาพักมากขึ้น ซึ่งจะเสียเวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ หลังจากที่พวกเขาปรับเวลาทำงานแล้ว ผลงานของพวกเขากลับดีขึ้นกว่าตอนที่ทำงานเต็มเวลาเสียอีก พนักงานและลูกจ้างแต่ละคนมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นกว่าตอนที่ทำ 8 ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะใช้เวลาทำงานน้อยลง ทำให้พวกเขาสามารถเต็มที่กับงานตรงหน้าได้มากขึ้น ตอนนี้เริ่มมีหน่วยงานหลายแห่งทำตามแล้ว เช่นคลีนิค…
-
เครียดเหรอ!? งั้นลอง Niceballs ลูกกระแป๋งบีบเล่น ช่วยคุณผ่อนคลาย จากงานแสนเหนื่อย
หากว่าชีวิตการทำงานของคุณมันน่าเบื่อ เซ็ง ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี งั้นลองมาทำความรู้จักกับ Niceballs อุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณหายเครียดกันดีไหม? เมื่อไม่นานมานี้บริษัท Imaginarte หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการสื่อสารได้คิดค้นอุปกรณ์ช่วยคลายเครียด ที่คุณสามารถหยิบจับหรือเล่นมันได้ตลอดเวลา อุปกรณ์ที่ว่านี้คือ Niceballs ลูกบอลยางนิ่มๆ รูปหัวใจ (เอาน่า เราจะบอกว่ามันเป็นรูปหัวใจ เราจะไม่คิดลึกกว่านั้น) ที่คุณสามารถนำมันไปติดไว้ใต้โต๊ะทำงาน เครียดเมื่อไหนก็เพียงแค่เอื้อมมือลงไปบีบเล่นๆ เพื่อคลายเส้นได้ทันที เท่านี้ก็ช่วยผ่อนคลายให้กับคุณได้แล้ว มันเป็นรูปหัวใจ ย้ำว่า.. มันเป็นรูปหัวใจ อย่าคิดเป็นอย่างอื่นสิ!? เจ้าบอลรูปหัวใจนี้จะมีจุกดูด ทำให้ยึดติดกับโต๊ะทำงานของคุณได้ง่าย แถมเมื่อบีบลงไปแล้วยังสามารถคืนรูปร่างกลับมาเป็นแบบเดิมได้ทันที นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงอยากบีบมันบ่อยๆ นั่นเอง… ลองไปชมคลิปการสาธิตการทำงานของ Niceballs กันเลย ใครที่คลิปวิดีโอไม่ขึ้น คลิกชมได้ที่นี่นะครับ หากใครสนใจอยากจะมีติดโต๊ะทำงานสักอันล่ะก็ ลองกดเข้าไปดูที่เว็บไซต์ imaginarte.com ได้เลยนะ ที่มา boredpanda
-
สุดยอด.. หนังสือแนะนำอาชีพให้นักเรียนญี่ปุ่น ทำเป็นการ์ตูนเหมือนตัวละครในเกม RPG!!
เชื่อว่าในวัยเด็กของทุกๆ คน น่าจะเคยถูกคุณครูที่โรงเรียนถามคำถามแนวๆ ว่า “โตไปอยากเป็นอะไร?” ซึ่งในวัยเด็กของหลายๆ คนก็มักจะตอบคำถามนี้ด้วยอาชีพซ้ำๆ เดิมๆ เช่น ครู ทหาร ตำรวจ หมอ พยาบาล วิศวะกร ฯลฯ เนื่องจากในตอนนั้นองค์ความรู้ของพวกเรายังมีไม่มากพอที่จะเข้าในถึงอาชีพอื่นๆ อีกมากมายในสังคม มันคงจะดีไม่น้อยเลยหากมีใครสักคนคอยบอกเราเมื่อตอนนั้นว่ามันยังมีอาชีพอีกล้านแปดให้เราได้ทำกัน เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอเข้ากับเว็บไซต์ kyuryobank.com เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลฐานเงินเดือนในแต่ละสายอาชีพต่างในญี่ปุ่นมาสรุปสั้นๆ พร้อมกับใส่การ์ตูนในสไตล์เกม RPG ลงไปด้วย ทำให้อ่านง่ายและน่าติดตามสุดๆ เราลองไปดูกันไหมว่าที่ญี่ปุ่นเขาทำอาชีพอะไรบ้าง? แล้วแต่ละอาชีพเขาได้เงินเดือนเท่าไหร่? *รายได้เฉลี่ยทั้งหมดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อปี 1. โปรดิวเซอร์รายการทีวี รายได้เฉลี่ยช่วงวัย 20: 180,475 บาท รายได้เฉลี่ยช่วงวัย 30: 115,777 บาท รายได้เฉลี่ยช่วงวัย 40: 122,587 บาท 2. หัวหน้าบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ รายได้เฉลี่ย: 623,152 บาท 3. สาวเมดคาเฟ่…
-
ผลวิจัยจากสหรัฐฯ เผยว่าการเลือกงานที่ไม่ชอบตั้งแต่เรียนจบ ส่งผลให้สุขภาพแย่ตอนแก่!??
หากคุณรู้สึกจิตตกทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเย็นของวันอาทิตย์ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องฝืนตัวเองตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปตอกบัตรเข้าทำงานล่ะก็ นี่คือข่าวร้ายสำหรับคุณล่ะ นักวิจัยในมหาวิทยาลัย Ohio State University ได้นำข้อมูลจากชาวอเมริกัน 6,432 คนที่มีการเข้าร่วมกับ National Longitudinal Survey of Youth 1979 (หน่วยงานสำรวจผลระยะยาวของเยาวชนนานาชาติ) ที่จะติดตามวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 14 – 22 ปี เมื่อปี 1979 ผู้เข้าร่วมการวิจัยจะถูกถามเพื่อให้คะแนนงานที่ทำอยู่ในระหว่างที่พวกเขามีอายุระหว่าง 25-39 ปี ตั้งแต่ 1 (ไม่ชอบเลย) ถึง 4 (ชอบมาก) และจากนั้นพวกเขาก็จะถูกถามเพื่อให้รายงานปัญหาสุขภาพเมื่อพวกเขามีอายุย่างเข้า 40 ไปแล้ว ผู้คนถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม 1. พึงพอใจงานที่ทำในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง 2. พึงพอใจในงานที่ทำในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง 3. ชอบน้อยแล้วค่อยๆ เพิ่มความชอบในตอนหลัง 4. ชอบมากในตอนแรกและเริ่มไม่ชอบในเวลาต่อมา ในกลุ่มคนที่ให้คะแนนความชอบงานต่ำช่วงตอนเริ่มต้นทำงานนั้น จะมีปัญหาในด้านสุขภาพจิต มีรายงานเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลในช่วงชีวิตหลังจากนั้น ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ต่ำกว่านั้น…
-
16 เบื้องหลังการทำงานเจ๋งๆ ของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา แต่เราอาจไม่เคยทราบกันมาก่อน!?
ในส่วนของวันนี้เราก็มีสาระน่ารู้ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวใกล้ตัวต่างๆ นี่แหละ ที่เพื่อนๆ อาจไม่เคยรู้กันมาก่อนเลยทีเดียว เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ บางอันนี่ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจสุดๆ ไปเลยล่ะ ลองมาดูกันเลยว่าจะเจ๋งขนาดไหน!? เบื้องหลังของตัวละครตัวนี้…เป็นแบบนี้นี่เอง >< การทำกรวยไอศกรีม เบื้องหลังการทำงานของกุญแจ การกระจายของสัญญาณ Wi-Fi ขั้นตอนการผลิตคลิปหนีบกระดาษ การทำสีให้กับหมวกทหาร ท่าเต้นในตำนานของ Jackson ที่ฝ่าทุกกฎของแรงโน้มถ่วง!!! เวลาเจ้าตูบกินน้ำ เครื่องแยกเหรียญ การดัดฟัน ระบบไหลเวียนของอากาศในทรัมเป็ต การผลิตเพรซเซล ขั้นตอนการบรรจุเนยถั่ว สิ่งที่พิสูจน์ว่าถึงถนนจะเพียงพอ แต่พฤติกรรมการขับรถของคนก็ทำให้รถติดได้อยู่ดี การทำป็อบทาร์ต ลักษณะการทำงานของร่างกายเวลาเรากลืน เป็นยังไงล่ะเพื่อนๆ ชอบอันไหนกันมากเป็นพิเศษหรือเปล่า?? โดยส่วนตัวแล้ว #จ่าสิบเหมียว ชอบการทำงานของกุญแจมากๆ เลยอ่ะ นี่ก็พึ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่ามันทำงานแบบนี้ ><…
-
งี้ก็ได้เหรอ!? หนุ่มฝรั่งเศสฟ้องร้องนายจ้าง 14 ล้าน เหตุให้ทำงานน้อยจนกลายเป็นคนซึมเศร้า!?
หลายๆ คนมักจะบ่นกันว่ามีงานเยอะล้นมือจนอยากจะลาออกไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่กับบางคนแล้ว การไม่มีงานให้ทำกลับกลายเป็นเรื่องที่เขาไม่พอใจจนต้องออกมาฟ้องร้องนายจ้างกันเลยทีเดียว!? เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Odditycentral ได้รายงานว่านาย Frederic Desnard ได้ทำการฟ้องร้องนายจ้างของเขา เนื่องจากนายจ้างปล่อยให้เขาทำงานน้อยเกินไปจนเจ้าตัวรู้สึกเบื่อ ทำให้เกิดสภาวะเครียดและซึมเศร้าตามมา ตามรายงานบอกว่านาย Frederic ได้เข้าทำงานที่บริษัทผลิตน้ำหอม Interparfums อยู่ในประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงปี 2010 – 2014 แต่กลับไม่มีงานอะไรให้ทำนอกจากงานที่เขาได้รับมอบหมายเท่านั้น ทำให้เขาเกิดอาการซึมเศร้าจนเกิดอาการลมชักขณะขับรถและประสบอุบัติเหตุในที่สุด จากอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้นาย Frederic ต้องพักงานและเข้ารับการรักษายายกว่า 7 เดือน ทำให้บริษัทบอกเลิกจ้างกับเขาเมื่อเดือนกันยายนปี 2015 โดยให้เหตุผลว่าปัญหาสุขภาพของเขาส่งผลต่อการทำงาน นั่นยิ่งทำให้เขาซึมเศร้าเข้าไปอีก แต่ทั้งนี้ทางด้านทนายของบริษัทน้ำหอมได้ออกมาโต้แย้งว่าเหตุผลของนาย Frederic ไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหร่ “ถ้าเขาไม่มีอะไรให้ทำตลอด 4 ปี ทำไมบริษัทถึงยังเก็บเขาไว้อีก? และถ้าเขาไม่มีอะไรให้ทำ ทำไมเขาไม่เคยเอ่ยอะไรเลยล่ะ” จากการฟ้องร้องครั้งนั้นทำให้นาย Frederic แพ้คดีและต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับบริษัทโทษฐานหมิ่นประมาทเป็นจำนวนเงิน 1,000 ยูโร หรือประมาณ 4 หมื่นบาท …
-
16 ภาพสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่เข้าใจความรู้สึกของนายเสมอว่า “ชีวิตหลังเรียนจบ” มันไม่ง่ายเลยนะ
หลายคนอาจจะคิดว่าชีวิตหลังจากที่เรียนจบไปแล้วจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าหลังจากเรียนจบ คุณจะต้องเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งมันเป็นชีวิตที่ไม่ง่ายเหมือนในวัยเรียนเลย แค่คิดก็เครียดจะแย่แล้วใช่ไหมละ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะเมื่อคุณรู้สึกกังวลขึ้นมาเมื่อไหร่ อย่างน้อยก็มีพวกสัตว์เลี้ยงแสนรักที่จะอยู่เคียงข้าง และเข้าใจความรู้สึกของคุณเสมอ เพราะความจริงแล้วพวกมันเข้าใจดีว่าชีวิตหลังเรียนจบมันเป็นยังไง ชีวิตในวัยทำงาน มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะบางทีก็โดนเจ้านายด่าเฉยเลย คิดแล้วก็เศร้า ตอนเรียนดีที่สุดแล้ว เพราะไม่ต้องมานั่งเครียดไปกับการทำงาน พวกเราเข้าใจดีว่าชีวิตตอนเรียนกับทำงานมันต่างกันแค่ไหน สีหน้าของปลาทองนี้ แทนเวลาเจ้านายสั่งให้แก้งานได้อย่างดี มันช่างเป็นอะไรที่ ฮึ่ยยยย ไม่อยากจะพูด!!! ไปเรียนยังพอตื่นสายได้นะ ชีวิตจริงเป็นไง บอกแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด ทำงานหนักถึงขั้นไม่สบายเลยก็มี แถมชีวิตก็มีอิสระน้อยลง มันเซงก็ต้องนี้แหละ เราเข้าใจคุณนะ ยังไงก็สู้ๆ ละพวกมนุษย์ เมื่อนายไปทำงาน เวลาเล่นกับเราก็น้อยลง เห็นแบบนี้แล้วก็รู้ทันทีเลยว่า ชีวิตหลังจากเรียนจบมันสนุกน้อยกว่าตอนเรียนเป็นไหนๆ แค่คิดก็เซ็งแว้ววววว ที่มา : distractify
-
14 มนุษย์สุดเจ๋ง ที่สามารถทำงานได้แบบเร็วเว่อร์ เห็นแล้วอยากจะจ้างมาทำงานด้วยที่ซู๊ดดดด
คุณอาจจะเคยเห็นภาพ หรือเรื่องราวของบุคคล ที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถสุดพิเศษ ในการทำสิ่งที่ถนัดได้อย่างรวดเร็ว และความสามารถเหล่านั้น ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา อย่างเช่น สามารถกินเร็วได้ที่สุดในโลก และอีก 14 คนเหล่านี้ ที่สามารถทำในสิ่งที่น้อยคนบนโลกจะสามารถทำได้ นั่นก็คือการทำงานที่แสนรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะการใช้มีด และอื่นๆ อีกมากมาย บอกเลยว่าใครที่ได้รับชมจะต้องทึ่งกับความสามารถของคนเหล่านี้อย่างแน่นอน แต่เหมียวขี้อ้อนว่า กว่าที่พวกเขาจะมีทักษะการใช้มีดที่ชำนาญขนาดนี้ แต่ละคนจะต้องฝึกฝนมาอย่างหนักแน่นอน เพราะกว่าจะเป็นอย่างที่เห็น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ แหม!! ไวจนแทบมองไม่ทันเลยทีเดียว สุดยอด!! แบบนี้ต้องขอยกนิ้วให้เลยฮะ เดี๋ยวๆ มองไม่ทันจริงๆ เร็วเกิ๊นนนน อื้อหือ!! ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย แต่ดูไปดูมาก็เพลินดีเหมือนกันนะ ถ้าอยากจะชำนาญในเรื่องความเร็วแบบนี้… ก็ต้องฝึกฝนให้เยอะๆ หน่อยนะ ป้าดดด เร็วมากจริงๆ สุดยอดไปเลย เสี้ยววินาทีจริงๆ …
-
ชำแหละแยกส่วน ‘ตู้หยอดเหรียญ’ กับกลไกในการแยกแยะเหรียญปลอมอันล้ำโลก!!
นวัตกรรมตู้หยอดเหรียญจำหน่ายสินค้าอัตโนมัตินั้นถือว่ามีมานานแล้วล่ะ แต่ทว่าเราไม่เคยสนใจในรายละเอียดอันลึกซึ้งของมันกันซักเท่าไหร่ อย่างในเรื่องของเหรียญที่นำไปหยอดนั้น ตู้มันจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม เพราะโลกของเรานั้นมีคนที่คิดจะโกงอยู่แล้วล่ะ ฉะนั้นกลวิธีในการป้องกันของตู้ก็ต้องมีติดมา ทางแชแนล Science Channel จาก YouTube ก็ได้ทำคลิปอธิบายกลไกตรวจจับเหรียญปลอมอันน่าสนใจของตู้หยอดเหรียญเอาไว้ดังนี้ เมื่อเหรียญถูกหยอดเข้ามาแล้ว ด่านแรกที่จะเจอก็คือเซ็นเซอร์ตรวจจับขนาดของเหรียญ ตามด้วยด่านที่สองก็คือเซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้า ทำหน้าที่ตรวจจับวัสดุของเหรียญ โดยกระบวนการระบุเหล่านี้ใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว เหรียญปลอมก็จะถูกคัดแยกออกไปต่างหากในช่องเก็บเหรียญทางด้านซ้าย หากเป็นเหรียญที่ถูกต้องก็จะแยกไปในช่องทางด้านขวา เหรียญที่ไม่ตรงตามสเป็คของตู้ก็จะมาเรียงกันเป็นแถวสูง จากนั้นเครื่องก็จะทำการดันเหรียญออกมาเพียงแค่ 1 เหรียญเท่านั้น แล้วก็กลับมาสู่ช่องคืนเหรียญนั่นเอง โดยมีชิ้นส่วนที่ทำงานร่วมกันทั้งหมดประมาณ 85 ชิ้นต่อหนึ่งตู้ และทำการคัดแยกเหรียญประมาณ 50,000 เหรียญต่อปี นอกจากจะเผยให้เห็นระบบกลไกแยกเหรียญปลอมแล้ว ยังเผยให้เห็นถึงวิธีการนำสินค้าในตู้ออกมาสู่ช่องจำหน่ายด้วยนะเออ ที่มา : Science Channel
-
อดีต CTO ของ Facebook เผยประสบการณ์การทำงานกับ Mark Zuckerberg แบบหมดเปลือก!!!
สำหรับการทำงานแน่นอนว่าถ้าได้มีโอกาสไปทำกับบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทนานาชาติด้วยแล้วล่ะก็ คุณจะได้ประสบการณ์ แนวคิด และวิธีทำงานดีๆ มามากมายเลยล่ะ แต่ถ้าคุณได้มีโอกาสทำงานกับ CEO ระดับโลกล่ะ?? วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับ Mark Zuckerberg ผู้เป็น CEO ของเฟซบุ๊คและหนึ่งในผู้ที่รวยที่สุดในโลก ของ Bret Taylor อดีต CTO ของบริษัท Facebook มาฝากกัน ลองมาอ่านเรื่องราวของเขากันดูนะ ^^ Bret Taylor อดีต CTO ของ Facebook สำหรับคำพูดทั้งหมดนี้เป็นคำพูดของเขาเลยนะจ๊ะ #จ่าสิบเหมียว ขออนุญาตไม่ใส่ “” และจะใช้ตัวเอียงแทนนะจ๊ะ จะได้พิมพ์สะดวก และอ่านสะดวกด้วย ^^ ถ้าจะให้ผมตอบโดยตรงล่ะก็ การทำงานร่วมกับ Mark Zuckerberg นั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิตของผมครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากเขาจะมีคุณสมบัติที่น่ายกย่องในฐานะผู้นำแล้ว เขายังมีจิตใจที่เปิดกว้างและพร้อมรับฟังไอเดียใหม่ๆ ของเพื่อนร่วมงานเสมอๆ ถ้าเกิดระหว่างการทำงานมีเรื่องอะไรที่ผมกับเขามีความเห็นที่ไม่ตรงกันแล้วล่ะก็ ไม่เหมือนผู้บริหารรายอื่นๆ ที่ผมเคยทำงานด้วย เพราะพวกเขาจะปรับทัศนะคติผมหรือชักจูงให้ผมเห็นพ้องกับพวกเขา แต่ Mark นั้นกลับทำในสิ่งที่ต่างออกไป เขาจะพยายามถามลึกลงไปว่าทำไมผมถึงมีแนวคิดแบบนั้นและพยายามที่จะเข้าใจผมและมุมมองของผมที่ไม่ตรงกับเขา…
-
สัมภาษณ์วัยรุ่นเกาหลีใต้กับคำว่า ‘นรกโชซอน’ น้อยคนนักที่อยากจะอยู่ในประเทศของตัวเอง!!
ประเทศที่มีภาพลักษณ์ดีในแถบเอเชียที่ไม่แพ้ญี่ปุ่นเลยก็คือประเทศเกาหลีใต้ ที่ทำให้คนรู้จักไปทั่วผ่านสื่อทั้งเพลงจากเกิร์ลกรุ๊ปและบอยแบนด์ ดาราคนดังในซีรีย์ และอื่นๆ อีกมากมาย จนทำให้มีภาพลักษณ์ที่ดูดีมากจนชาวต่างชาติอยากจะไปเที่ยว ไปเยือน หรืออยากจะอาศัยอยู่ที่นี่กันเลยทีเดียว!! แต่ทว่าลองมาฟังความคิดเห็นของบุคคลที่อาศัยอยู่ในประเทศกันบ้างดีกว่า โดยรายการ Asian Boss ได้ออกไปทำการสัมภาษณ์บรรดากลุ่มวัยรุ่นกับคำนิยามของ ‘นรกโชซอน’ ว่าเคยได้ยินหรือรู้จักกับคำนี้บ้างหรือไม่? (Hell Joseon – Hell Korea โชซอนคือชื่อเดิมของเกาหลี) สำหรับต่างประเทศอาจจะไม่อยากเชื่อว่าคำนี้เป็นคำที่คนในประเทศเกาหลี ไว้ใช้นิยามบ้านเกิดเมืองนอนของตนเปรียบเหมือนดั่งนรกและล้าหลังด้วยระบบศักดินาต่างๆ ซึ่งทำให้ดูสิ้นหวังกับการที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้ แล้วคำนี้เกิดมาจากอะไร? ก็เป็นเพราะว่าวัยรุ่นที่ให้สัมภาษณ์หลายคนต่างบอกว่าพวกเขาจะต้องเจอกับความกดดันที่เยอะมาก จากทั้งครอบครัวก็ดี จากทั้งการทำงานก็ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการศึกษาที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท๊อปของประเทศ ไหนจะต้องแข่งขันกันเข้าชิงตำแหน่งในบริษัทที่ใหญ่โตอีก เพราะถ้าหากว่าไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ก็จะไม่มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต เพราะจะไปอยู่บริษัทธรรมดา ถึงจะมีงานทำแต่ได้เงินเดือนต่ำถึงต่ำมาก แต่หากใครที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ การเงินพร้อมทุกอย่าง ประเทศนี้จะน่าอยู่มาก (มีแต่พวกลูกนักการเมืองหรือข้าราชการระดับสูง มีเส้นมีสาย) สิ่งที่สะท้อนออกมาได้ชัดเจนมากจากการสัมภาษณ์คือ ‘คนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับท๊อปได้ ก็จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปครอบครอง’ และ ‘แทนที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก กลับต้องมาเป็นในสิ่งที่สังคมขีดเส้นให้เราเป็นแทน’…
-
จะทนเมื่อยมืออีกทำไม!? บ.ญี่ปุ่นออกแบบตุ๊กตา “รองข้อมือ” ช่วยให้การทำงานของคุณสบายยิ่งกว่าเดิม
เรื่องล้ำๆ น่ารักๆ ต้องยอมพี่ญี่ปุ่นเขาเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ ใหม่ๆ อะไรก็ตาม มักจะเกิดขึ้นที่นี่ที่แรกเสมอ อย่างล่าสุดมีบริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ผลิตตุ๊กตาสำหรับรองข้อมือ ช่วยให้การทำงานหน้าคอมนานๆ เป็นเรื่องที่สบ๊ายสบาย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเว็บไซต์ rocketnews24 ได้รายงานว่าบริษัทผลิตตุ๊กตาในญี่ปุ่น ได้นำเอาตัวละครจากวิดีโอเกมสุดน่ารักที่มีชื่อว่า Kapibara-san และ Komasan มาทำเป็นตุ๊กตาและหมอนรองข้อมือสำหรับการทำงาน เพื่อให้เหล่าพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งแช่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ได้รู้สึกผ่อนคลายและไม่ต้องทนกับอาการปวดข้อมมือมากนัก หลังจากที่ตุ๊กตาและหมอนรองข้อมือชุดแรกได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด พวกเขาก็เลยออกแบบตุ๊กตาชุดใหม่ที่มีลวดลายเป็นเจ้า Yokai Watch และเจ้าหมีซุปตาร์ Rilakkuma มาทำเป็นหมอนด้วยเช่นกัน งานนี้ใครมีเพื่อนๆ กำลังจะไปล่ะก็ ฝากหิ้วเลยจ้า หากใครอยากจะเป็นเจ้าของล่ะก็ เขาก็สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 47 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,670 บาทนะจ๊ะ ที่มา boredpanda , rocketnews24
-
18 เรื่องจริงและความโหดร้ายเกี่ยวกับการทำงาน ที่เหล่าบอสและผู้จัดการ เข้าใจกันเป็นอย่างดี…
สำหรับเหล่าลูกจ้างหรือพนักงาน แน่นอนสิ่งที่เราเห็นเหล่านายจ้างหรือแม้แต่ผู้จัดการของเรานั้น คือ พวกเขาน่ะ ‘ใจร้ายและชอบบงการสุดๆ แต่เหมียวอยากจะบอกว่าที่พวกเขาทำไปน่ะก็มีเหตุผลเหมือนกันนะเออ วันนี้เหมียวก็อยากจะตีแผ่ความจริงอีกด้าน ที่เราคงไม่เคยรู้กันมาก่อนกับ 18 เรื่องจริงของการทำงาน ที่เหล่านายจ้างและผู้จัดการเข้าใจกันเป็นอย่างดีเลยทีเดียว ลองมาดูกันเลย!!! เวลาที่มีคนมาหาคุณ มักจะมีแต่ ‘ปัญหา’ เสมอ และนี่คือใบหน้าของคุณ (ขนาดพยายามซ่อนความรู้สึกนะเนี่ย) via GIPHY และนีคือสิ่งที่เหล่าพนักงานคิดว่าเราทำกันอยู่ทั้งวัน (แอบดูพวกมันทำงาน) ที่จริงแล้วเราโคตรจะยุ่ง จนไม่มีเวลาไปจัดการพวกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของพนักงานหรอก แถมเรียนรู้วิธีการใจเย็นอย่างสุดๆ ไปโดยปริยาย -*- เมื่อมีคนมาบอกคุณว่า ชั่วโมงทำงานของพวกเขานานขนาดไหน เราก็ได้แต่ขำในใจ (เพราะของเรานี่งานมันจะวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาเลยทีเดียว!!!) ถ้าชื่อของคุณถูกเอ่ยขึ้นในที่ทำงานล่ะก็ มีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน…พระเจ้า ได้โปรดอย่าเอ่ยชื่อฉันนนน >< และถ้าใครมาโกรธใส่คุณด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวล่ะก็ พวกเขาไม่รู้หรอกว่าคุณอาจบ้าหรือระเบิดได้ถึงขนาดไหน!!! บางครั้งก็รู้สึกว่ากาแฟมันเย้ายวนกว่าผู้ชายซะอีก…แย่จัง -*- เรื่องหยุดงานน่ะเหรอ…เหมือนไม่เคยได้หยุดจริงๆ กับเขาซะที แถมเวลาพยายามแนะนำอะไรดีๆ…
-
เมี้ยววว!! บริษัทญี่ปุ่นปิ๊งไอเดีย ‘เลี้ยงแมวในออฟฟิศ’ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การทำงานในแต่ละที่นั้น มีความยากง่ายแตกต่างกันไป บางทีทำงานแบบสบายๆ แต่บางที่อาจจะต้องการสมาธิในการทำงานสักหน่อย แต่ไม่ว่าที่ไหนหากทำไปได้สักพักแล้วก็อาจจะเกิดความเครียดกันเป็นธรรมดา บริษัทจากญี่ปุ่นแห่งนี้เลยคิดค้นไอเดียแปลกขึ้นมาเพื่อหวังช่วยให้พนักงานของเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทที่แอดเหมียวกำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Ferray Corporation ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ต พวกเขามีวิธีแปลกใหม่ในการช่วยกระตุ้นการทำงานของพนักงานในบริษัทและช่วยเพิ่มความผ่อนคลายด้วยการเลี้ยงแมวไว้ในออฟฟิศ!! ตามรายงานบอกว่าพนักงานในบริษัทแห่งนี้ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าให้นำเอาแมวมาเลี้ยงในออฟฟิศได้ ทำให้ออฟฟิศนี้มีแมวมาป้วนเปี้ยนวิ่งเล่นอยู่ด้วยกันถึง 9 ตัว ทั้งจากพนักงานที่นำมาเลี้ยงเองและแมวจรจัดที่พวกเขาเก็บมาเลี้ยง มากกว่านั้น หากใครยังไม่มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง พวกเขาสามารถจ่ายโบนัสให้กับแมวที่ไม่มีบ้านอยู่ ด้วยการรับมันไปเลี้ยงที่บ้านได้ด้วย ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่บริษัทนี้ตัดสินใจเอาแมวมาเลี้ยงในออฟฟิศ จะทำให้พนักงานในบริษัทมีเรื่องให้พูดคุยกันมากขึ้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วเจ้าเหมียวพวกนี้ก้ได้มีบ้านใหม่ที่เต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์ และมนุษย์ที่จะคอยเล่นกับพวกมันตลอดเวลานั่นเอง เราเริ่มยึดครองออฟฟิศที่ญี่ปุ่นได้แล้ว เป้าหมายการครองโลกอยู่ไม่ไกล ที่มา brightside
-
23 ภาพผลงานสุดเนี๊ยบของเหล่าพนักงาน ที่นายจ้างเห็น คงอยากเลื่อนตำแหน่งให้ทันที!!!
ในการทำงานไม่ว่าจะประเภทไหน หรือทำอะไรก็ตามแต่ ถ้าเราใส่ใจล่ะก็ มันจะออกมาดูดีสุดๆ เลยล่ะ และผลพลอยได้ก็คือ การที่คนอื่นมาเห็นงานของเราและชื่นชมและชื่นใจ และอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งแบบไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว วันนี้ก็มี 23 ภาพของการทำงาน ที่ต้องกล่าวชมเชยพนักงานจากใจจริงๆ ว่าทำงานได้เพอร์เฟ็คต์สุดๆ เลยทีเดียว ลองมาดูกันเลยว่าจะเด็ดขนาดไหน ดูเรียงเข้าสิ สุดยอด!!! กว่าจะได้แบบนี้คงเรียงนานน่าดู อูยยยย น่ากินมาก ขอให้มันเป็นระเบียบแบบนี้ทุกที่นะ -*- ราวกับเป็นศิลปะเลยล่ะ สวยงาม น่าทำงานมากๆ เป็นลูกค้าคงมาซื้อแผงนี้ก่อนเลย เป๊ะมาก หวังว่าจะไม่มีเด็กๆ ตัวป่วนผ่านมาแถวนี้นะ กลัวถล่มจัง ฮ่าๆๆ เพอร์เฟ็คต์!!! แบบนี้นายจ้างไม่รักก็บ้าแล้ว ลูกค้าคงไม่มาทำเละนะ T^T น่ากินกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ไข่แดง ภาพจากมุมสูง…
-
เรื่องราวของ CEO Japan Airline ผู้สมถะ นั่งรถเมล์ไปทำงาน รับเงินเดือนน้อย แต่งตัวธรรมดา!!
คำว่า CEO (ซีอีโอ) มักจะเป็นคำเรียกของตำแหน่งอันใหญ่โตในบริษัททั้งหลาย ภาพลักษณ์ที่ติดตาเลยก็คือจะต้องเป็นผู้ที่ดูดีเนื่องจากเป็นถึงผู้บริหาร มีฐานะร่ำรวย และจะต้องเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตสวยหรูอย่างที่หลายคนเฝ้าฝันถึง แต่กับ CEO ของสายการบิน Japan Airline กลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม เขามีชื่อว่าคุณ Haruka Nishimatsu ได้ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาอันเรียบง่าย เขาไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายผู้เคร่งขรึม แต่ทำตัวเป็นผู้นำบริษัทที่ดี ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมของบริษัทก็เพื่ออนาคตที่แข็งแกร่งของสายการบิน ‘หากการบริหารจัดการเป็นเรื่องยุ่งยากและไกลตัว คล้ายกับว่าผู้คนเบื้องล่างกำลังรอป้อนคำสั่งมาจากฟ้าเบื้องบน ผมอยากจะให้พนักงานของผมได้หัดคิดด้วยตัวเองบ้าง’ ส่วนหนึ่งที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ CBS News เขาเลือกที่จะนั่งรถเมล์ไปทำงาน แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีราคาไม่แพง ในระดับที่พนักงานของเขาเองก็มีสิทธิ์ซื้อมาใส่ อีกทั้งเลือกที่จะรับเงินเดือนน้อยกว่าในอัตราเงินเดือนของผู้บริหารทั่วไปด้วย มีครั้งหนึ่งเขาเคยตัดเงินเดือนตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไล่พนักงานออก เนื่องจากผลกำไรที่ได้น้อยเกินกว่าที่คาดเอาไว้ เขาจึงนำเงินเดือนตัวเองไปเฉลี่ยแจกจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานแทน ภายใต้ความกดดันของพนักงานผู้น้อยในวัฒนธรรมของบริษัทส่วนมาก มักจะถูกกดขี่และใช้งานอย่างหนัก แต่กลับไม่ได้รับการตอบแทนเท่าที่ควรจะได้ ซึ่งทางด้านเหล่าผู้บริหารส่วนมากก็มักจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ มีของหรูหรามากมาย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คุณ Nishimatsu สร้างบรรยากาศและกำลังใจให้กับลูกน้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร่วมรับประทานอาหารกับพนักงานในโรงอาหารเป็นประจำ ลงตรวจพื้นที่การทำงานด้วยตนเอง แบบชนิดที่ว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ กับการที่จะได้เห็นผู้บริหารลงมาใกล้ชิดกับพนักงานขนาดนี้ อีกทั้งยังส่งผลดีในระยะยาวให้กับบริษัทด้วย …
-
กว่าจะได้มาเป็นทองคำอันล้ำค่า กับเบื้องหลังที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและชีวิตของคน!!
ทองคำแท้เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาก นั่นก็เป็นเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่หายากมากๆ กว่าจะได้ทองคำมาต้องลำบากทำเป็นเหมืองที่ต้องลงมือขุดและงมไปทั่วบริเวณ ซึ่งถ้าหากว่าเจอทองคำเมื่อไหร่ นั่นก็หมายถึงเงินเป็นจำนวนมากนั่นเอง แต่ทว่าเงินเหล่านั้นไม่ได้มาถึงมือคนที่ลงแรงกายและหงาดเหงื่อ แต่กลับตกไปเป็นของนายทุนแทน เหมืองทองคำที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากบนโลกใบนี้ ผู้คนที่เป็นแรงงานส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นแรงงานเด็กแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแอฟริกา ที่จะต้องเสี่ยงทั้งชีวิตและสุขภาพร่างกายในระยะยาวให้กับการทำงานอันหนักหน่วง ทั้งก้มและขุดหาทองคำอันล้ำค่าเพื่อแลกกับอาหารและที่อยู่อาศัย Matjaz Krivic ช่างภาพผู้ทำสารคดีเกี่ยวกับแรงงานเหมืองทองคำได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘เด็กที่มีอายุน้อยเพียงแค่ 8 ปี จะต้องทนทำงานหนักแทบทั้งวันและทุกวัน’ ซึ่งภาพชุดนี้เป็นแรงงานเด็กในเหมืองทองคำแห่งหนึ่งจากประเทศบูร์กินาฟาโซ เขาเริ่มต้นการถ่ายทอดชีวิตของคนงานเหมืองในปี ค.ศ. 2012 โดยที่เขานั้นรู้สึกได้ถึงความดิ้นรนและการต่อสู้เพื่อหาหนทางเอาชีวิตรอดภายในประเทศนี้ และรับรู้ได้ถึงความใจกว้างต่อคนงานเหมืองด้วยกันที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยธุรกิจคนงานเหมืองในประเทศนี้ เป็นการค้าขายแรงงานแบบธุรกิจครอบครัว ผู้คนที่ทำงานเหมืองก็มาจากบริเวณใกล้ๆ เหมือง ซึ่ง 1 ใน 3 ของคนงานทั้งหมดเป็นเด็ก การทำงานจะเริ่มต้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และจะจบการทำงานในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ก็เหมือนกับการทำงานทั่วไป แต่ว่าเด็กๆ เหล่านี้จะต้องคอยขุด, งม, ล้างหิน, แบกน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ตลอดระยะเวลา 11…
-
14 ภาพการทำงานของกลไกเครื่องจักรต่างๆ ดูเพลินจนแทบตาลายกันเลยล่ะ!!
จะว่าไปแล้วมนุษย์ก็พึ่งพาเครื่องจักรเพื่อใช้ในการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำเยอะอยู่เหมือนกัน และเราก็มักจะเห็นแต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเท่านั้น ไม่เคยได้เห็นกระบวนการและกลไกต่างๆ ของมันเลย คราวนี้เราจะได้รู้กันแล้วล่ะ อย่ามัวจ้องนานๆ ล่ะ เดี๋ยวจะตาลายซะก่อน!! เป็นไงล่ะ เจอล้อหมุนเข้าไป งงเลย!? ที่มา : thechive
-
14 การทำงานสุดน่าทึ่งของเหล่าเครื่องจักร ที่สวยงามราวกับงานศิลปะก็มิปาน!!!
เคยเห็นเหล่าเครื่องจักรทำงานกันรึเปล่าล่ะ?? เรียกได้ว่าน่าทึ่งกันไม่ใช่ย่อยเลยทีเดียว เพราะว่าเหล่าเครื่องจักรนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้ทำงานชนิดใดชนิดหนึ่งด้วยความเร็ว ไอเดียต่างๆ ที่ออกมานั้นจึงดูครีเอทสุดๆ อย่างไม่ต้องสงสัย วันนี้เหมียวก็มีการทำงานของเครื่องจักรทั้งกว่า 14 แบบมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ว่าแล้วเรามาดูกันเลย ^^ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่สูญเปล่า พร้อมเพรียง พริ้วไหว สวยงาม อย่าเปิดสิ!!! เรียบร้อยฝุดๆ อีกหนึ่งเรื่องที่เครื่องจักรเก่งกว่าเรา ไวมาก พาสต้า ^^ แค่ 5 วิเองเนี่ยนะ ไม่เห็นจะเก่งเลย นี่สินะวิธีการทำลูกโลก เหล่านักเขียนที่ใช้เวลานานๆ จนแฟนๆ รอควรใช้เลยล่ะ อย่าเอาบอลชั้นไป!! สุดยอดไปเลย ไอศกรีมมมม >< อื้อหือออ สุดยอดจริงๆ เลยว่ามั้ย เรียกได้ว่าอาจเป็นศิลปะอีกแขนงได้เลยนะเนี่ย ต้องนับถือคนสร้างจริงๆ ที่มา:…