Tag: การนอนหลับ
-
ผู้เชี่ยวชาญออกมาแนะนำให้บริษัทต่างๆ ควรปล่อยให้พนักงานได้งีบในเวลาทำงานบ้าง
ช่วงเวลาในตอนบ่ายๆ หลังจากที่เพิ่งกินข้าวเที่ยงมาหมาดๆ รวมถึงแสงจากหน้าจอคอมหรือหน้าจอมือถือจะทำให้ช่วงบ่ายเป็นช่วยที่คนเรารู้สึกง่วงนอนมากที่สุด ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานหรือการเรียนลดลงเป็นอย่างมาก จากการศึกษาพบว่าหากนอนหลับไม่เพียงพอจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและโรคซึมเศร้า เพราะแบบนี้จึงได้มีนักวิชาการได้ออกมาบอกหัวหน้างานให้พิจารณาถึงการปล่อยให้พนักงานได้งีบหลับในช่วงเวลาทำงานเสียบ้าง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับได้กล่าวว่าบริษัทควรที่จะปล่อยให้พนักงานได้ใช้เวลางีบหลับในออฟฟิศเสียบ้างเพื่อชดเชยการนอนหลับที่ไม่เพียงพอในวันหยุดที่ผ่านมาของพวกเขา จากการศึกษาพบว่าหนึ่งในสี่ส่วนของพนักงานออฟฟิศมีพฤติกรรมการนอนหลับที่แย่ พวกเขาได้พักผ่อนกันเพียงแค่ 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น Dr.Nerina Ramlakhan นักจิตวิทยาผู้ที่ทำการค้นคว้าวิจัยให้กับ Silentnight บริษัทผู้ผลิตเตียงนอนกล่าวว่า “การสูญเสียเวลานอนไปแบบนี้มันเป็นอันตรายต่อผู้คนซึ่งมีปัญหาการนอนหลับมากและจากการค้นคว้าครั้งล่าสุดของ Silentnigh ได้พิสูจน์ว่าคนอังกฤษหลายคนรวมถึงเด็กมีเวลานอนน้อยลง ไม่เหมือนในอดีต ตอนนี้เราถูกล้อมรอบไปด้วยแสงที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างแสงอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หน้าจอคอมพิวพ์เตอร์ ทีวีหรือโทรศัพท์มือถือ การสัมผัสเจ้าแสงประดิษฐ์เหล่านี้เป็นเวลาต่อเนื่องอาจจะส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับของเราและบ่อยครั้งที่เราคิดว่าเราได้รับการพักผ่อนเพียงพอแล้ว แต่ความจริงคือคุณภาพการนอนหลับนั้นย่ำแย่และตื่นมาเราก็ยังคงรู้สึกเหนื่อยอยู่ดี” โดยเมื่อปีที่แล้วเธอก็ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “หากคุณเป็นหนึ่งในยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ของประชาชนที่นอนหลับน้อยกว่าห้าชั่วโมงในแต่ละวัน พอมีการเปลี่ยนเวลาหรือที่เรียกว่า Daylight Saving Time เกิดขึ้นนั่นก็แปลว่าคุณจะได้รับการนอนหลับน้อยลงไปอีกชั่วโมงจากเดิมที่น้อยอยู่แล้ว หัวหน้าบริษัทควรพิจารณาที่จะปล่อยให้พนักงานสามารถงีบหลับเป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้ในออฟฟิศ เพียงแค่สั้นๆ เช่น 20 นาที แต่มันก็ช่วยเพิ่มความต่างอย่างมาก” แต่ไม่ใช่ว่าการงีบหลับเวลาไหนก็ให้ผลดีเท่ากัน ได้มีคุณหมอออกมาแนะนำว่าการงีบหลับที่ดีที่สุดจะอยู่ที่ช่วงเวลา 14.00 – 16.00 น. แต่หากหลังจะงีบหลับช้ากว่านี้มันจะส่งผลกระทบแต่เวลาการนอนในตอนกลางคืนแทน สุดท้ายนี้เธอได้ฝากเอาไว้ว่า “การปล่อยให้พนักงานหลับในออฟฟิศอาจจะดูแปลก…
-
รวมภาพการนอนหลับสุดพิสดาร ที่ไม่ใช่แค่ง่วงถึงจะทำได้ แต่นี่ต้องง่วงมากจริงจริ๊งงง
การนอนหลับ คือวิธีการพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา ช่วยให้เราผ่อนคลายทุกสิ่งอย่าง เข้าสู่โลกแห่งความฝันของการหลับใหล หากว่าเราพักผ่อนเพียงพอก็จะทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น พร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตต่อไปอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากว่าเราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือถ้าตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลยจะสิบโมงเช้า อย่างที่ศิลปินท่านหนึ่งกล่าวไว้แล้วล่ะก็ คุณอาจต้องกลายเป็นเหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ ที่สามารถหาที่หลับที่นอนได้ในทุกที่ทุกเวลา มันดูตลกมากขนาดไหน ขอเชิญไปรับชมกันได้เลยจ้า การมาห้องสมุดไม่ได้แปลว่าต้องเป็นคนรักการอ่านเสมอไป สร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อไม่ให้มีใครมารบกวนเวลานอนของเขาได้ การจะมองหาที่นอนอันแสนสบายในเวลาทำงานถือเป็นเรื่องยาก ที่ยากกว่าคือการแอบหลับโดยไม่ให้เจ้านายเห็น นอนหลับยังพอเข้าใจ แต่นอนกินที่ชาวบ้านเขามากเกินไปมันก็คงไม่ดี เด็กคนนี้เข้าใจเลือกเวลานอนเหลือเกิน จากสภาพแล้ว คงเผลอหลับไปตอนกำลังยืนอยู่แน่ๆ เลย ช่วงเวลาสั้นๆ ก็เพียงพอสำหรับการนอนหลับของเขาแล้ว แม้แต่งาน Academy Awards เธอก็ไม่เว้น อายุมากแล้ว อาจมีเผลอหลับในการให้สัมภาษณ์บ้างเป็นเรื่องธรรมแหละเนาะ ต้องยอมรับว่าที่นั่งแบบนี้มันช่างสบายมากเหลือเกิน การทำงานคงจะกินพลังชีวิตของเธอไปมากเหลือเกิน ต้องจัดลำดับให้ถูกว่านี่มันเป็นเวลาเรียนหรือเวลานอนกันแน่ ที่เหนือกว่าความง่วง คงเป็นความสามารถของลุงแกเนี่ยแหละ การจะทำอย่างนี้ได้ คุณต้องเป็นคนไม่นอนดิ้นเท่านั้น …
-
ผลลัพธ์ของการ “อดนอน” เป็นระยะเวลานาน จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่นอน 6 ชั่วโมง ถึง 10 วัน!?
เราอาจเคยมีความคิดว่าถ้าเราหลับน้อยๆ หรือไม่ต้องหลับเลย เราจะมีเวลามากขึ้นไว้ใช้ทำสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้เยอะขึ้น แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ร่างกายของเราไม่อาจทนรับสภาพนั้นไหวได้ เราจึงควรพักผ่อนกันให้เพียงพอเพื่อเริ่มต้นวันใหม่กันอย่างสดใส แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนยังไม่เชื่อว่าการอดหลับอดนอนมันจะส่งผลเสียอย่างไรกับเรา วันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากชวนทุกคนให้ลองมาดูผลลัพธ์ที่จะได้จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อดหลับอดนอน หรือถ้าเราไม่นอนพักผ่อนไปเลยเป็นเวลานานๆ ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะส่งผลเสียให้กับเราอย่างไรบ้าง เราลองไปดูกันเลยยย ผ่านไป 6 ชั่วโมงหลังจากที่เรานอนไม่หลับในตอนกลางคืน ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มากจนเกินไป ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เราหงุดหงิดและกังวลใจมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ความตึงเครียดและความสับสน ผ่านไป 12 ชั่วโมง สมองของคุณจะตัดการทำงานหลายๆ อย่างที่ดูไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ อย่างเช่น ปฏิกิริยาการตอบสนองและการตัดสินใจ ทำให้คุณรู้สึกเชื่องช้าลงไปบ้าง แต่ยังสามารถรับมือกับหน้าที่ในชีวิตประจำวันได้อยู่ ผ่านไป 24 ชั่วโมง แทนที่เราจะรู้สึกเหนื่อยอ่อน เรากลับจะรู้สึกว่าจู่ๆ ก็มีพลังงานพลุ่งพล่านออกมาจนรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประสาทสัมผัสคมกริบ มองโลกและคนรอบข้างเป็นสิ่งสวยงามที่น่ารื่นรมย์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นผลมาจากการที่สมองของเราเพิ่มระดับของสารโดพามีน (สารความสุข) ชดเชยการอดหลับอดนอนนั่นเอง ผ่านไป 36 ชั่วโมง ระบบความจำและปฏิกิริยาการตอบสนองของเราเริ่มลดน้อยลงไป เพราะสมองยังคงต้องรักษาพลังงานเอาไว้สำหรับการทำงานโดยรวม และเวลานี้คือจุดเริ่มต้นของสภาพร่างกายที่จะถดถอยลงไปเรื่อยๆ การทำงานของร่างกายบางอย่างจะปิดตัวลง เหมือนว่าระบบภูมิคุ้มกันกำลังบั่นทอนการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากๆ …
-
หนุ่มทดลองหลับวันละประมาณ 4 ชั่วโมง ตามเหล่าอัจฉริยะ ด้วยการนอนแบบ Polyphasic!!
พวกเราส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เราควรจะต้องนอนหลับให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมงเพื่อการพักผ่อนที่เพียงพอ แต่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าอัจฉริยะหลายๆ คนที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็น Leonardo Da Vinci หรือ Nikola Tesla นั้นใช้เวลาในการนอนต่อวันแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้น นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้หนุ่มนักเขียนในเว็บไซต์ Bright Side ตัดสินใจลองนอนหลับเหมือนอย่างอัจฉริยะเหล่านั้นดูบ้าง เพื่อต้องการทราบว่าสุดท้ายแล้วมันจะส่งผลต่อการทำงานของร่างกายและสมองมากขนาดไหน Da Vinci หนึ่งในอัจฉริยะที่บอกว่าตนเองนอนแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน การนอนหลับของเหล่าอัจฉริยะนั้นถูกเรียกว่าการนอนหลับแบบ Polyphasic หรือการแบ่งให้ตัวเองนอนหลายๆ ครั้งต่อวัน ชายหนุ่มจึงแบ่งเวลาการนอนของตัวเองเป็น 3 ครั้ง นั่นคือการนอนตอนกลางคืนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ตี 1 ครึ่ง ถึงตี 5 ครึ่ง จากนั้นก็จะนอนพัก 25 นาทีตอนช่วงหลังอาหารกลางวัน และหลังจากการทำงานกลับมาบ้าน ชายหนุ่มเริ่มต้นแผนการนอนหลับของตัวเอง โดยเขาจำเป็นต้องพกที่อุดหูและผ้าปิดตาไปทำงานด้วย เพื่อใช้ในการบังคับให้ตัวเองนอนหลับตอนหลังกินข้าวกลางวันไป ซึ่งเขาก็เคยถูกเตือนมาแล้วว่าการวางแผนในครั้งนี้จะทำให้เขาต้องตกอยู่ใน “ภาวะซอมบี้” ซัก 2…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ‘การนอนหลับ’ ให้ครบ 8 ชั่วโมงไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป
การนอนหลับให้ครบ 8 ชั่วโมงก่อนตื่นมาพบเช้าวันใหม่เป็นเรื่องที่เราทุกคนเข้าใจกันมาตั้งแต่เด็กว่าจะทำให้ร่างกายของเราสดชื่น และถือว่าเป็นการพักผ่อนที่เพียงพอ แต่ความเป็นจริงมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เมื่อ Nick Littlehales ที่ปรึกษาเรื่องการนอนหลับของนักฟุตบอลชื่อก้องโลกอย่าง Christiano Ronaldo ได้ออกมาบอกว่าแท้จริงแล้วการนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาแนะนำ วิธีที่เขาบอกว่าดีที่สุดก็คือการแบ่งเวลานอนเป็น 5 ครั้ง ครั้งละ 90 นาที จะทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แน่นอนว่าการจะแบ่งเวลานอนเป็นช่วงๆ คือสิ่งที่เราไม่เคยชินกับมันมาก่อน แต่สิ่งนี้เขาก็ยืนยันว่าจะทำให้การตื่นนอนของเราเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ถ้าหากบางคนไม่อยากไปรับการปรึกษาเพื่อบริหารเวลานอนให้ลงตัว เขาก็ได้แนะนำวิธีการแบ่งเวลานอนง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ที่ชื่อว่า web-blinds เพียงแค่ใส่เวลาที่คุณต้องตื่นมันก็จะคำนวนเวลาการการหลับ การตื่นนอนที่เหมาะสมให้ทันที แต่นอกเหนือจากเรื่องของเวลาก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้เราหลับสบายมากยิ่งขึ้น อย่างแรกคือเรื่องของเตียงนอนที่เราใช้ ไม่จำเป็นต้องมีความหรูหราหรือฟูกหนาๆ แต่อย่างใด เพราะเขาบอกว่าการนอนให้สบายขอแค่ฟูกที่ด้านในเป็นแผ่นโฟมหนา 10 เซนติเมตรก็พอและถ้าผ้าปู ปลอกหมอนหรือผ้าห่มเพิ่งซักมาใหม่ๆ ก็จะยิ่งดีกับเรามากขึ้นอีก โดยผลลัพธ์นี้เขาได้มาจากการทำงานอยู่ในกลุ่ม Team Sky ที่ตามเก็บข้อมูลจากนักกีฬาในการแข่งขันปั่นจักรยานชื่อดังหลายแห่งเช่น Tour de France ที่จัดในฝรั่งเศส เขาบอกว่า “ลองคิดถึงฟูกเล็กๆ ที่เราใช้เวลาไปนอนเต้นท์หรือตั้งแคมป์ดูสิ ความหนาเพียง 10 เซนติเมตรก็สามารถทำให้เราตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นแล้วจริงมั้ย?” …
-
การทดลองนอน 6 ชั่วโมงกับ 8 ชั่วโมงต่อคืน ชี้ให้เห็นผลต่างของการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ!!
การนอนหลับนั้น นับว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด และการพักผ่อนที่เพียงพอนั้นยังดีต่อสุขภาพด้วย ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีว่าการได้นอน 8 ชั่วโมงนั้นคือระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีความคิดที่ว่าการได้นอน 6 ชั่วโมงนั้นก็ไม่น่าจะส่งผลเสียอะไรมาก จากการหักลบเวลานอนไป 2 ชั่วโมง เพื่อให้เห็นชัดถึงผลกระทบของการนอนที่ไม่เพียงพอ ก็ต้องทำการทดสอบกันจริงๆ โดยผู้ร่วมเข้าทดสอบก็คือ Sarah Chalmers วัย 46 ปี จากสหราชอาณาจักร ซึ่งจะให้เธอนอนในระยะเวลาที่แตกต่างกันระหว่าง 8 ชั่วโมงและ 6 ชั่วโมง จุดมุ่งหมายในการทดสอบนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเรามีเวลานอนหลับที่ไม่เพียงพอจะเป็นอย่างไร โดยก่อนการทดสอบนั้น นักวิจัยได้วิเคราะห์ใบหน้าของ Sarah ด้วยเครื่องสแกนใบหน้า และในตอนท้ายนั้นเราได้เห็นใบหน้าของเธอมีรูขุมขนกว้างขึ้นถึง 2 เท่า พร้อมกับสีหน้าแดงก่ำ Sarah บอกว่า “ฉันดูแก่กว่าวัย 46 ปี มาก ขอบตาดำ ผิวหย่อนคล้อย และรูขุมขนก็กว้างขึ้นมาก แม้จะมองในระยะไกลก็ตาม ฉันรู้สึกเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด และรู้สึกหงุดหงิดง่าย ฉันเกลียดภาพสะท้อนในกระจกทุกครั้งที่เห็น” ในการทดสอบครั้งแรกนั้น Sarah ได้นอนไม่เกิน 4 ชั่วโมงต่อคืน คือตั้งแต่ตี 2…
-
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ ร่างกายจะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าไปนอนในระหว่างที่ยังเมาอยู่!?
ในช่วงเวลาสนุกสุดเหวี่ยงยามค่ำคืน ที่คุณได้ออกไปดื่มด่ำกับแสงสี เสียงดนตรี ออกลีลาเต้นโดยไม่สนใจใคร พร้อมกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย ยิ่งทวีคูณไปอีกหลายเท่าตัว กว่าจะพอได้ก็ซัดไปหลายแก้ว หลายขวด บางคนยังตาแข็งฮึดสู้ยันสว่าง บางคนก็ร่วงโรยหลับกลางอากาศจนถึงขั้นวาร์ปได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้เอาไว้ก็คือหากว่าเราเข้านอนในระหว่างที่กำลังเมาอยู่ เคยคิดถึงผลที่จะตามมากับร่างกายของเราบ้างมั้ยเอ่ย? เพราะยิ่งดื่มก็ยิ่งทำให้เราอยากหลับมากเท่านั้น มันจะมีผลข้างเคียงอย่างไร มาดูกัน 1. คุณจะหลับลึกได้เร็วกว่าปกติหลายเท่า แอกอฮอล์มีส่วนช่วยทำให้กดส่วนสมองของคุณ นั่นก็หมายความว่าคุณจะหลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็วมากกว่าปกติ (เร็วกว่าปกติประมาณ 4 – 16 นาที) ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นหลับลึกทันที ไม่มีขั้นกึ่งหลับกึ่งตื่น แบบว่าหมดสติไปแล้ว 2. หัวใจจะปั้มเลือดมากกว่าปกติ ในการหลับแบบปกติ ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะสแตนบาย ใช้พลังงานน้อย จึงไม่จำเป็นต้องปั้มเลือดไปเลี้ยงร่างกายมากเท่าไหร่ แต่เมื่อมีแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายปุ๊บ มันจะไปรบกวนระบบการทำงานของร่างกายทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบความดันโลหิต ทำให้ระบบประสาทกับอัตราการเต้นของใจนั้นทำงานอย่างหนักหน่วงส่งผลต่อการนอนหลับด้วยเช่นกัน 3. การนอนหลับแต่สมองยังทำงานอยู่นั้นแทบจะหมดไปเมื่อมีแอลกอฮอล์ REM Sleep คือช่วงเวลานอนหลับแต่สมองยังทำงานอยู่ การหลับแบบนี้สมองจะประมวลผลทำให้เกิดความฝัน โดยจะเกิดขึ้นประมาณ 5 – 7…
-
สดชื่นจังเล้ยยย!! เหมียวแนะนำ 10 วิธีที่ช่วยให้คุณตื่นนอนอย่าง “อารมณ์ดี” ลองมาทำกันดูไหมล่ะ
บ่อยครั้งที่เรามักจะตื่นนอนตอนเช้าด้วยสภาวะงัวเงียและเสียอารมณ์ อาจจะเพราะว่าคุณตื่นนอนแบบผิดๆ วิธีก็เป็นได้นะ แต่หากคุณลองเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ตื่นนอนแบบถูกวิธี มันจะช่วยให้คุณอารมณ์ดีไปทั้งวัน หากอยากรู้ว่าต้องทำไง ลองไปดูกันทีละข้อเลย 1. จัดการงานบ้านต่างๆ ให้เสร็จตั้งแต่ตอนเย็น จัดเตรียมชุดทำงานของวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย 2. ตกแต่งห้องให้สวยงามสบายตา อาจจะหาแจกันดอกไม้เล็กๆ มาวางไว้ในห้อง เพราะสิ่งเหล่านี้คือภาพแรกที่เราจะได้เห็นตอนตื่นนอนนั่นเอง 3. จัดเตียงให้อยู่ใกล้กับหน้าต่าง เพราะแสดงแดดจะทำให้เราตื่นโดยอัตโนมัติ 4. หาโคมไฟมาวางไว้ใกล้ๆ กับเตียง เพราะแสงจากโคมไฟมีอิธิพลต่อการนอนหลับหรือตื่นนอนมาก เปิดไฟสลัวๆ ก่อนนอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น (แต่หากเปิดมันไว้ตลอดคืน อาจจะทำให้นอนหลับได้ไม่ดีพอ) 5. หลีกเลี่ยงการดูข่าว ภาพยนตร์ ละคร ที่มีความรุนแรง เพราะมันอาจจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัว และสมองอาจจดจำจนเก็บไปฝัน ทำให้คุณฝันเรื่องแย่ๆ ก็ได้ 6. ลองเขียนบันทึกประจำวันใส่สมุด หาเรื่องดีๆ มาเขียนลงไป มันจะเป็นการทบทวนความจำของคุณ ช่วยให้หลับไปพร้อมกับความทรงจำนั้น 7. หากเป็นไปได้ควรเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม ไม่ควรนอนดึกจนเกินไป 8. ในห้องนอนไม่ควรมีแสงมากจนเกินไป อย่างเช่นแสงจากหลอดไฟ หรือแสงจากโทรทัศน์ เพราะมันอาจรบกวนการนอนหลับของคุณได้ 9. เมื่อตื่นนอน พยายามยิ้มกับเรื่องง่ายๆ…