Tag: การบ้าน
-
คุณน้าชี้แจง ‘ครูตรวจการบ้านผิด’ เป็นเพราะ ‘เร่งรีบและงานเยอะ’ วอนขอความเห็นใจด้วย
จากกรณีของ ‘ครูตรวจการบ้านเด็ก’ ที่กลายเป็นประเด็นให้เหล่าวชาวเน็ตมากมายทั่วไทยต้องมาถกกัน สรุปแล้วคำตอบไหนมันถูกกันแน่!? อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่ : สาวถึงกับงง สอนการบ้านหลานไป คุณครูกลับตรวจว่าผิด สรุปผิดหรือไม่ผิดอย่างไร!? เผื่อใครจำไม่ได้ ลองเอาข้อการบ้านลองไปแซมเปิ้ลสัก 2-3 ข้อกันดูหน่อยก็แล้วกัน สรุปแล้วโจ้เก็บมะม่วงได้ทั้งหมดกี่ผลกันแน่!? ลุงมีฝรั่งทั้งหมดกี่ผล? . จากโจทย์การบ้านเหล่านี้ทำให้มีชาวเน็ตมากมายต่างก็สงสัยว่า เอ๊ะ!? เด็กก็ทำถูกหมดแล้วนี่ แต่ทำไมครูถึงบอกว่าผิดล่ะ หรือมันมีวิธีคิดอย่างอื่นที่ถูกต้องอยู่กันแน่นะ!? #เหมียวหง่าว ขอตั้งข้อสันนิษฐานไว้แบบนี้ครับ หากสังเกตดูดีๆ แล้วในคำสั่งได้บอกเอาไว้ว่าเป็นโจทย์ปัญหาการบวกและการลบ ซึ่งจากภาพที่ยกมานั้นเราจะเห็นได้ว่ามีบางข้อที่ถูก ซึ่ง ‘ตัวเลข’ ในข้อที่ถูกนั้นจะมีจำนวนน้อย แสดงว่าข้อนั้นเป็นข้อที่เด็กหาคำตอบได้จากการลบ แต่กลับกลายเป็นว่าข้อที่ต้องบวกนั้น ‘ผิดหมดเลย’ ตรงนี้อาจจะเป็นได้ว่า คุณครูน่าจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับโจทย์การบ้านอย่างแน่นอน!! ซึ่งล่าสุดเมื่อราวๆ 9 นาฬิกา ของวันนี้ ทางด้านคุณน้าของเด็กที่ทำการบ้านผิด และเป็นคนนำภาพเหล่านี้มาแชร์ในโลกโซเชียล ก็ได้ทำการโพสต์ชี้แจงแถลงไขถึงที่มาของการตรวจการบ้านในครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว ลองไปอ่านโพสต์เต็มๆ กันดูครับ เมื่อทราบดังนั้นแล้วชาวเน็ตมากมายต่างก็เข้าไปให้ความเห็นกันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าคนเรามันผิดพลาดกันได้ เป็นการจบที่สวยงาม…
-
เด็กหญิงทิ้งโน๊ตเจ็บปวดหัวใจ ‘ฉันเกลียดแม่’ เนื่องในวันแม่ มอบให้แด่มารดาผู้ใจร้าย…
วันสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับผู้เป็นบิดามารดา นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้บอกความรู้สึกในใจของลูกที่มีต่อบุพการี โดยส่วนมากแล้วจะเป็นในทำนองของความรัก ความเมตตาที่ได้รับ และตอบแทนกลับด้วยคำขอบคุณ โซเชียลมีเดีย โลกออนไลน์ต่างรวมแชร์ความรู้สึกที่มีเกี่ยวกับแม่ รู้สึกยินดีที่ได้เป็นลูกของแม่ แต่ทว่าเด็กหญิงคนหนึ่ง กลับต้องเสียน้ำตาและมาพร้อมกับความชิงชังผู้เป็น ‘มารดา’ ของตนเอง… โน๊ตเล็กๆ รูปทรงหัวใจ ที่อัดแน่นไปด้วยข้อความถึงคุณแม่ผู้ใจร้าย ถูกนำมาแชร์ผ่านกรุ๊ปพ่อแม่ชาวฮ่องกง ที่ไว้ใช้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลูกๆ สิ่งที่ถูกเขียนภายในนั้น มีใจความว่า “ถึงแม่ผู้ใจร้าย ทุกวันที่แม่คอยบอกให้ทำแต่การบ้าน มันทำให้หนูรู้สึกรำคาญถึงขั้นอยากตาย หนูเกลียดแม่! ขอให้วันแม่นี้เป็นวันที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก จากลูกสาวของแม่” ทางด้านสมาชิกกลุ่มผู้ที่พบเจอกับกระดาษโน๊ตใบนี้ ได้ให้แคปชั่นเอาไว้ว่า “แม่ของเธอคงจะใจสลายหากได้เห็นเข้า” ภายในโน๊ตนั้นมีรูปหัวใจเพียงน้อยนิด และมีรูปวาดใบหน้าโกรธพร้อมกับคำว่า ‘Hate’ ถูกประทับไว้ อีกทั้งยังมีการลงชื่อ Wan Kiu-sheung อันเป็นชื่อของเด็กหญิงผู้เขียนเอาไว้… จากโน๊ตเพียงชิ้นเดียวก็กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงของชาวเน็ตว่า ‘การกดดันทางด้านการเรียนกับลูกนั้นส่งผลกระทบกับความสุขของเด็กหรือไม่’ รวมไปถึงชาวเน็ตหลายท่านรู้สึกเป็นห่วงตัวเด็กคนดังกล่าว เพราะเธออาจจะประสบกับโรคซึมเศร้าเข้าให้แล้ว สำหรับสังคมพ่อแม่ชาวฮ่องกงนั้น รู้ดีว่าเด็กๆ ในยุคปัจจุบันจะต้องเจอกับปริมาณการบ้านที่มากกว่าเดิม ผิดไปจากยุคที่พวกเขาเคยเรียนรู้และผ่านกันมา… “ผมมักจะบอกให้ลูกสาวทำการบ้านทบทวนบทเรียนทุกวัน ถ้าหากว่าเธอไม่ทำ ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าผมปล่อยปละละเลย เธอจะไม่ทำแน่ๆ…
-
สุดยอดการตอบปัญหาในการบ้านแบบเด็กน้อยไร้เดียงสา นี่มันตรรกะขั้นเทพชัดๆ
การบ้าน เป็นสิ่งที่คุณครูแต่ละท่านมักจะให้เด็กแต่ละคนได้เอากลับไปทำเพื่อทบทวนบทเรียนและใช้เวลาว่างที่เหลือในการทำความเข้าใจในสิ่งที่เรียนไปในแต่ละวัน แต่ใครจะรู้ว่า คำตอบของเด็กนักเรียนแต่ละคนนั้นจะสามารถทำให้เราคาดไม่ถึงได้กับความคิดแบบเด็กๆ ที่แต่ละคำตอบนั้นมันช่างดูเหมือนไม่มีตรรกะซับซ้อนอะไรใดๆ เลย ทำไมผู้ใหญ่เราถึงคิดไม่ได้นะ คำถาม: จงเขียน 10 คำที่ฉันสามารถสะกดได้ คำตอบ: Ten, Words, I, Can, Spell, Right, Are, Octopus, Seven, Two ครบเป๊ะเลยนะครูขา บันทึกเด็กดี : เช้านี้ก็โอเค ฉันจำไม่ได้ว่ามีวันที่ดีเมื่อไหร่ คำถาม: ถ้า a ยกกำลัง 2 ส่วนด้วย b ยกกำลัง 2 คือคำตอบ คำถามคืออะไร คำตอบ: จงเขียน a ยกกำลัง 2 ส่วนด้วย b ยกกำลัง 2 ยังไงล่ะ ง่ายจะตาย นิทานใสใส: มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เธอมีลูก…
-
‘พ่อไม่เคยอยู่บ้าน’ คำตอบจากการบ้านเด็กชาย ทำให้ได้รู้ถึงความห่างเหินของพ่อลูก…
สำหรับหลายครอบครัว คุณพ่อหรือคุณแม่อาจไม่มีเวลาอยู่กับลูกเพราะต้องทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหารายได้ส่งเลี้ยงครอบครัว แต่ก็ยังมีคู่ชีวิตของตนคอยอยู่ดูแลลูกรักไม่ให้ขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด ลักษณะของครอบครัวแบบนี้อาจจะดูไม่มีปัญหาอะไร ทว่าคำตอบจากการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนคนหนึ่งกลับชี้ให้เห็นว่าครอบครัวมีปัญหาใหญ่เสียแล้ว… แทนที่จะตอบว่ามีคนในครอบครัว 4 คนอย่างที่คุณครูได้ทราบมา แต่เด็กชายกลับตอบว่าครอบครัวของเขามีเพียง 3 คน เพราะไม่นับพ่อที่ไม่ค่อยอยู่บ้าน การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ ถามว่าคนในครอบครัวมีจำนวนกี่คน เด็กชายตอบอย่างหนักแน่นว่า 3 คน การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่ว่านี้เป็นของเด็กชายสกุล Luo ครอบครัวของเขามีกันทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วยพ่อ แม่ เขาและน้องสาวอีกคนหนึ่ง พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันในชุมชนต้าหวู่ มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน วันหนึ่งเด็กชายได้นำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์กลับมาบ้านด้วย แม่ของเขาสังเกตเห็นคำถามข้อแรกที่ถามว่า ‘มีคนในครอบครัวจำนวนกี่คน’ ซึ่งเด็กชายตอบไว้เพียง 3 จึงเรียกมาสอบถามดูว่าเขานับเลขผิดหรืออย่างไร แต่เด็กชายกลับยืนยันหนักแน่นว่า “3 คนเป็นคนตอบที่ถูกต้องแล้ว เพราะพ่อไม่เคยอยู่บ้านเลย” พอได้ยินแบบนั้นคุณแม่ก็รู้สึกหัวเสียมาก จากนั้นจึงส่งรูปการบ้านนี้ไปให้คุณตำรวจ Luo Jian ผู้เป็นพ่อของเด็กชายได้ดู ครอบครัว Luo มีคุณพ่อ คุณแม่ ลูกชายและลูกสาว รวมแล้ว 4 คน ตัวคุณพ่อนั้นทำงานเป็นตำรวจ…
-
เด็กนักเรียน “เผาการบ้าน” ในจังหวะบ้านตัวเองไฟลุกไหม้ พ่อรู้เข้าเอ็งจะโดนตีไหมเนี่ย!?
ในสมัยที่เป็นเด็ก หลายคนคงรู้สึกว่าชีวิตวัยเรียนนี่มันน่าเบื่อสุดๆ การบ้านก็ไม่รู้จะเยอะไปไหน ไม่อยากจะทำ อยากจะเผาการบ้านทิ้งไปอะไรทำนองนี้ใช่ไหม? และยิ่งถ้าคุณคิดว่ามีแต่เด็กไทยที่คิดแบบนั้น คุณคิดผิด!! เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านหลังหนึ่งในมณฑลเสฉวน แน่นอนว่าในเหตุการณ์นั้นย่อมเต็มไปด้วยความโศกเศร้าจากการสูญเสียบ้านทั้งหลัง แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บก็ตาม… แต่กลับกัน เด็กชายผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังนั้นกลับรู้สึกว่า นี่แหละคือโอกาส นี่แหละคือจังหวะที่เขาจะได้เป็นอิสระจากการทำการบ้าน เด็กชายผู้ไร้เดียงสาจึงอัดคลิปเสียงของเขาพร้อมพูดผ่านกล้องว่า “บ้านเราไฟไหม้…เยี่ยม! ฉันจะได้โยนกระเป๋าเรียนเข้าไปซะ” เราจะเห็นว่าเด็กคนนี้นั้นได้พูดอยู่ระหว่างที่กำลังอัดคลิปไปและมองดูบ้านของเขาถูกเผาต่อหน้าต่อตา ซึ่งเจ้าหนูก็ยืนอยู่ข้างถนนอย่างสบายใจ ถ้าเรามองแบบไม่คิดอะไรเราก็คงจะรู้สึกว่าเด็กก็คือเด็ก แต่กลับกันผู้ใหญ่ชาวเน็ตจีนหลายๆ คนกลับมองว่าเด็กคืออนาคตของชาติ และถ้าเด็กทุกคนมีความคิดแบบนี้มันอาจจะเกิดผลเสียตามมาก็เป็นได้… แต่ถึงอย่างนั้นในอีกฝากของชาวเน็ตก็ยังมีอีกฝั่งที่มองว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลกกว่าที่คิดอยู่ ถ้าไม่เชื่อลองดูตัวอย่างข้างล่างได้ นายคนนี้บอกว่า เด็กชาวจีนมีการบ้านที่เยอะมากๆ ฉะนั้นอย่างน้อยไฟไหม้ครั้งนี้ก็ทำให้เจ้าหนูคนนี้มีความคิดสร้างสรรค์ อย่างน้อยก็ยังมองหาเรื่องดีๆ ได้ แม้บ้านตัวเองจะไฟไหม้อยู่ก็ตาม โอเค ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าตัวการคือใคร… ที่มา shanghaiist
-
คุณครูให้การบ้าน ‘3 ข้อดีและข้อเสียของทาส’ กับเด็กป. 4 และคำตอบที่ได้กลับไปทำเอาจุก…
แม้ว่าจะมีลักษณะรูปร่างที่แสดงความเป็นคนไม่ต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในอดีต เคยมีการแบ่งชนชั้นวรรณะจนเกิดกลุ่มคนที่มีชื่อว่า ‘ทาส’ ขึ้นมา โดยกลุ่มคนประเภทนี้จะเป็นคนที่ถูกสังคมมองว่าเป็นผู้คนที่ต่ำต้อยกว่า หรือด้อยกว่าในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็ถูกยกเลิกไปแล้วในประเทศส่วนใหญ่ของโลกปัจจุบัน ซึ่งก็แน่นอนว่าในแต่ละโรงเรียนก็ต้องมีการเรียนวิชาประวัติศาสตร์หรือสังคม เพื่อศึกษาความเป็นมาในอดีตของแต่ละประเทศ ทว่าก็มีคำถามอยู่ข้อหนึ่งที่ได้กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะคำถามที่ว่านั้นดันไปถามถึงข้อดีของ ‘ระบบทาส’ และยิ่งไปกว่านั้นคำตอบของเด็กป.4 ที่ตอบคำถามข้อนี้ก็ได้ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว หน้าตาของการบ้านเจ้าปัญหา เรื่องที่ว่านี้ได้รับการเปิดเผยจาก Trameka Brown-Berry ชาวรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐเมริกาเมื่อว้นที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา โดยเธอได้โพสต์ภาพการบ้านของ Jerome ลูกชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของเธอ ซึ่งในการบ้านที่ลูกของเธอที่ได้รับมานั้นเป็นคำถามที่ถามถึงข้อดี-ข้อเสียของระบบทาส เธอจึงได้ต้องแคปชั่นถามชาวเน็ตว่า “มีใครพบความน่ารังเกียจในการบ้านของเด็กชั้น ป.4 นี้ไหม” และนั่นก็ทำให้มีผู้แชร์ภาพของเธอออกไปนับพันเลยทีเดียว โดยในการบ้านดังกล่าว Jerome เด็กนักเรียนวัย ป. 4 ได้ตอบคำถามที่ถามถึงข้อดีการของระบบทาสไปว่า “ผมรู้สึกว่าระบบทาสมันไม่มีข้อดีใดๆ เลยผมเลยขอไม่ตอบคำถามนี้” และในตอนท้ายที่สุดของการบ้านเขาก็ได้เขียนเพิ่มเติมเอาไว้ว่า “ผมภูมิใจในการการมาเป็นคนผิวสี เพราะว่าพวกเราทั้งมีความแข็งแรงและกล้าหาญ” ซึ่งคำตอบของเด็กคนนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมากมายเลยทีเดียว Jerome เด็กนักเรียนชั้นป.4 และในเวลาต่อมาโรงเรียน Redeemer Lutheran Church and School ซึ่งเป็นโรงเรียนของเด็กคนดังกล่าวก็ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้กับสื่อท้องถิ่นชื่ออย่าง…
-
สื่อนอกเผย เด็กจีนใช้เวลาทำการบ้านนานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 3 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก
อย่างที่พวกเราพอจะทราบกันเป็นอย่างดีว่าชาวจีนนั้นถือเป็นอีกหนึ่งชนชาติที่ขยันและทำงานอย่างหนัก แต่นอกจากสองเรื่องนี้แล้วพวกเขายังขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการเรียนการสอนที่หนักหน่วงอีกด้วย จากการรายงานของ Afanti ระบบเก็บข้อมูลขอผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนทั่วประเทศ เผยว่าตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เด็กนักเรียนในระดับชั้นประถมของที่นี่ใช้เวลาทำการบ้านเฉลี่ยมากกว่า 3.03 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกถึง 3 เท่า!! นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยผลการสำรวจระยะเวลาในทำการบ้านของเด็กญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อีก ซึ่งจากรายงานระบุว่าพวกเขาใช้เวลาในทำการบ้านเฉลี่ย 3.7 และ 4.8 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว จากผลการสำรวจในปี 2012 พบว่าเด็กชาวอเมริกันที่มีอายุเฉลี่ย 15 ปีจะใช้เวลาในการทำการบ้านเพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น ระบบการศึกษาของจีนนั้นถูกวิพากษ์วิจารย์ว่าเป็นระบบที่ซ้ำซากจำเจ และไม่ทำให้เด็กเกิดการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้ การบ้านนั้นยังไม่ได้ส่งผลต่อตัวเด็กเท่านั้นแต่ความกดดันจากผู้ปกครองก็ยังเป็นสิ่งที่สร้างความเครียดให้กับเด็กๆ อีกด้วย จากการรายงานของสื่อในท้องถิ่นได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่งที่เล่าว่าเธอมักจะรู้สึกอารมณ์เสียทุกครั้งที่พยายามช่วยสอนการบ้านลูก และเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจขึ้นเมื่อคุณพ่อท่าหนึ่งได้โทษลูกของเขาโดยการจับขึงไว้กลางถนน เนื่องจากเจ้าหนูน้อยไม่ยอมทำการบ้าน ที่มา medium
-
คุณแม่ส่งอีเมลถามคุณครู ถึงสาเหตุของการบ้านที่เยอะเกินไป จนทำให้ลูกเธอเครียด…
เชื่อแน่ว่าเด็กๆ หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าการบ้าน หรือรายงาน ในช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายก่อนหมดชั่วโมง ความฝันถึงเรื่องสนุกหลังเลิกเรียนคงจะพังทลายลงมาอย่างแน่นอน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ การมีการบ้านเนี่ยก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่มันทำให้พวกเราๆ ที่เคยเป็นเด็กกันมาก่อนต้องร้องโอดโอย ก็คือการบ้านที่เยอะต่างหากล่ะ เมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องฮือฮาอย่างมากบนโลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่งได้ทำการส่งอีเมลหาคุณครูของลูกสาวเธอ เพื่อสอบถามถึงเหตุผลที่ลูกของเธอได้รับการบ้านที่มากเกินไป จนต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในทุกคืนเพื่อสะสางงานที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู… Bunmi Laditan คุณแม่ของสาวน้อย Maya วัย 10 ขวบ จากเมือง Quebec ประเทศแคนาดา เธอได้ทำการส่งอีเมลถึงอาจารย์ของลูกสาวเธอถึงสาเหตุที่ลูกสาวต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำการบ้านทุกคืน โดยบางส่วนของข้อความในอีเมลบอกว่า “ลูกของฉันดูแย่ลงมากจากจำนวนของการบ้านที่เธอได้รับในปีนี้ เธอดูเครียดมากและเริ่มมีอาการป่วยที่เห็นได้ชัด เช่น อาการเจ็บหน้าอก เธอตื่นนอนตอนตี 4 และกังวลกับงานที่เธอได้รับ” นอกจากนี้คุณแม่ยังได้บอกกับคุณครูของลูกเธออีกว่า เธอได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแล้ว และพวกเขาเห็นว่าควรที่จะมีการลดจำนวนการบ้านของเด็กลง เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาหลังเลิกเรียนกับครอบครัวบ้าง นี่คือข้อความในอีเมลที่คุณ Bunmi ส่งไปยังคุณครูของลูกสาวเธอ โดยหลังจากนั้น Bunmi ได้แชร์ภาพของอีเมลฉบับนี้พร้อมทั้งข้อความของเธอผ่านทางเฟซบุ๊กว่า“มีใครช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าลูกสาวของฉันอยู่ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงที่โรงเรียนแล้ว แต่ทำไมเธอยังต้องใช้เวลาอีก 2-3 ชั่วโมงต่อคืนที่บ้านเพื่อทำการบ้านอีก เวลาของครอบครัวนั้นไม่สำคัญหรือ?? เวลาที่จะให้เด็กได้พักผ่อนนั้นไม่สำคัญด้วยใช่ไหม?? หรือเธอควรจะเป็นคนบ้างานตั้งแต่อายุ 10 ขวบงั้นหรือ??” นอกจากนี้ข้อความในเฟซบุ๊กของคุณแม่ยังบอกอีกว่าเด็กก็เหมือนผู้ใหญ่นั่นแหละ พวกเขาก็ต้องการเวลาพักหรืออยู่กับครอบครัวเหมือนกัน …
-
แสบทรวง… แฟนเก่าเขียนจดหมายมาง้อ ฝ่ายชายจัดตรวจคำผิด และตัดเกรดกลับไปให้!?
คนเราเมื่อคบกันก็ย่อมมีเลิกรากันเป็นธรรมดา คนที่เลิกกันแบบดีๆ ก็อาจจะกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่สำหรับใครที่เลิกกันแบบไม่ค่อยจะดีก็คงยากที่จะรักษาความสัมพันธ์นั้นๆ ไว้ และเมื่อรู้สึกผิดต่อกัน สิ่งที่พอจะหวังได้ก็คงจะมีเพียงคำขอโทษ ไม่ว่าจะผ่านข้อความ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก หรือจะเป็นกระดาษข้อความธรรมดาๆ เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้มาจากนาย Nick Lutz เขาได้เล่าผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองว่าเพิ่งจะเลิกกับแฟนสาวมาไม่นานนี้ แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงรู้สึกเสียใจเลยเขียนจดหมายมาขอโทษเป็นเรื่องเป็นราว แต่ด้วยลายมือที่อ่านค่อนข้างยากราวกับเด็กหัดเขียนใหม่ๆ และรูปแบบประโยคแปลกๆ เขาก็เลยเอาจดหมายของเธอมาเขียนแก้กำกับไว้ ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นอาจารย์ตรวจงานนักศึกษายังไงยังงั้นเลย สิ่งแรกที่ Nick สนใจไม่ใช่เนื้อหาการขอโทษขอโพยของอดีตแฟนสาว แต่เป็นรูปแบบการเขียน เขาเลยใช้ปากกาแดงเขียนแก้เอาไว้ มีบางคำที่เธอเขียนมาแบบงงๆ และบางตัวอักษรก็เกิน เขาก็เน้นไว้ให้เห็นกันชัดๆ มีการแก้ไขบางคำให้กับจดหมายของเธอ ปิดท้ายด้วยการให้คะแนน เกรด และแสดงความเห็นกับความสัมพันธ์ที่ผ่านมาที่เธอนอกใจเขา หรือนี่อาจจะเป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบในแบบของเขาก็เป็นได้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าภาษาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะบอกรัก บอกเลิก หรือขอโทษนะ ฮร่า ที่มา NICKLUTZ12
-
“เดี๋ยวนี้เขาเก็บข้อมูลแบบนี้แล้วเหรอครับ!?” คุณพ่อปฏิเสธไม่ให้ลูกทำการบ้าน เพราะมีการแฝงขายประกัน
กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว หลังจากมีคุณพ่อคนหนึ่งได้โพสภาพการบ้านของลูกที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู แต่ที่จริงแล้วมีการแฝงการเก็บข้อมูลมาจากบริษัทประกันภัย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของคุณพิทยา (Pittaya Pop Sattaboon) โดยเขาเล่าว่า ทางครูผู้สอนได้มอบหมายการบ้านระบายสีแก่ลูกของเขามา แต่ในการบ้านนั้น มีการแฝงเก็บข้อมูลจากบริษัทประกันภัยบริษัทหนึ่งมาด้วย ทางคุณพิทยาจึงไม่ให้ลูกทำการบ้านดังกล่าว พร้อมเขียนจดหมายชี้แจงไปยังคุณครูว่าเหตุใดจึงไม่ให้ทำการบ้านชิ้นนี้ เมื่อชาวเน็ตเห็นการบ้านดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย มีทั้งที่แซวแบบจิกกัด และบางส่วนก็ไปในแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับการบ้านดังกล่าว ล่าสุดทาง CatDumb ของเราได้ติดต่อไปยังคุณพิทยา และได้สัมภาษณ์คุณพิทยาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น #เหมียวอ๊อดโด้ : ไม่ทราบว่าคุณพิทยารู้สึกอย่างไร ตอนที่เห็นการบ้านชิ้นนี้ครั้งแรกครับ คุณพิทยา : เห็น logo ครั้งแรกเลย ก็พอจะเดาได้ละครับว่า การบ้านอันนี้มันต้องมีอะไรแปลกๆแน่ ยิ่งมีการขอข้อมูลของผู้ปกครองด้วย คิดว่าคงต้องการข้อมูลของผู้ปกครอง ไปทำอะไรสักอย่าง จะเอาไปเสนอแผนประกันกลับมาให้เราต่อ หรือเอาข้อมูลของเราไปขาย มันก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งไม่ว่าเค้าจะเอาข้อมูลไปทำอะไร สุดท้ายมันก็คือการแสวงหาผลประโยชน์ดีๆ นี่เองครับ แล้วก็เป็นการขอข้อมูลที่ผิดวิธี ถ้าอยากจะได้ข้อมูลก็ควรจะทำเป็นหนังสือแจ้งมาเลยว่าผู้ปกครองคนไหนสนใจประกันชีวิตก็กรอกข้อมูล ขอกันตรงๆเลย น่าจะได้ลูกค้าที่ตรงจุดมากกว่าด้วย อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนการหลอกลวงคือ มีการอ้างว่าเป็นโครงการเก็บออมเพื่อการันตีการศึกษาของบุตร ซึ่งพอเข้าไปดูในเว็บไซด์ของบริษัทดังกล่าวก็จะเห็นได้ชัดเจนครับ ว่ามีแต่ประกันชีวิต ไม่ได้มีโครงการเก็บออมเพื่อการันตีการศึกษาของบุตรแต่อย่างใด จะมีที่ใกล้เคียงก็คือ แผนคุ้มครองชีวิตจากแบบประกัน iGrow…
-
เอ่าเฮ้!! โรงเรียนสหรัฐนำร่อง “ยกเลิกการบ้าน” สนับสนุนให้เด็กๆ ไปเล่นนอกบ้านมากขึ้น
ตั้งแต่ไหนแต่ไรเรามักจะถูกคุณครูสั่งการบ้านให้เอาไปทำต่อที่บ้าน เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาและเป็นการวัดด้วยว่าสมองของเราสามารถซึมซับความรู้ได้มากเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับเลยว่าการบ้านทุกวันนี้มันชักจะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จนบางคนทำกันแทบไม่ทัน (หรือบางทีคุณครูอาจจะคิดว่านั่นคือการฝึกความทรหดก่อนการออกไปทำงานจริงๆ หรือเปล่า!?) ด้วยความที่มองว่าการทำบ้านอาจไม่ได้วัดสิ่งต่างๆ หรือการบ้านที่มากเกินไปจะทำให้เด็กซึ่งเป็นวัยที่น่าจะะเรียนรู้ได้อย่างสนุกๆ กว่ามานั่งทำการบ้าน คุณครู Kate Barker ครูใหญ่ของโรงเรียนประถม Cherry Park Elementary ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา เลยออกสั่งยกเลิกการทำการบ้านกับเด็กๆ ให้หมดซะเลย ในเมื่อมีกฎออกมาว่าห้ามไม่ให้เด็กๆ ทำการบ้าน แต่โรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งเฉย เพราะพวกเขาสนับสนุนให้เด็กๆ กลับไปทำกิจกรรมที่บ้านมากขึ้น ทำให้เด็กๆ มีความสุขกับการมาเรียนมากขึ้่น กิจกรรมที่ทางโรงเรียนพยายามสนุบสนุนนั้นต้องได้รับความร่วมมือกับผู้ปกครองด้วย เช่นการกลับไปเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ เล่นเกมกระดาน อ่านหนังสือและทำกิจกรรมต่างๆ เท่าที่จะเป็นไปได้ ด้านครูใหญ่ Barker ได้เผยกับสื่อว่าหลังจากที่ประกาศนโยบายนี้ออกไปให้เด็กๆ ทราบ ทุกคนก็ส่งเสียงเฮกันลั่นโรงเรียน เธอได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่าเด็กๆ ราว 75% ที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นมีฐานะที่สูงกว่าเกณฑ์ยากจนมาก และเด็กๆ หลายคนพูดด้วยภาษาที่แตกต่างกันถึง 30 ภาษา การบ้านจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพวกเขาอีกต่อไป “เราพบว่าการบ้านเพิ่มความไม่เสมอภาคกัน มันเป็นอุปสรรคต่อนักเรียนของเราที่ต้องการกาการส่องเสริมมากที่สุด เมื่อพวกเขากลับบ้านไปพร้อมกับการบ้าน มันไม่ได้เป็นการปฏิสัมพันธ์เชิงบวกสำหรับผู้ปกครองและเด็กเลย” นาง Barker กล่าว …
-
โลกเดี๋ยวนี้มันโหดร้าย… เด็กสาวร้องไห้เป็นเผาเต่า เพราะทำการบ้านคณิตศาสตร์!?
เราทุกคนล้วนมีช่วงเวลาที่ ‘ทำการบ้านไม่ได้’ ทั้งนั้น เพราะมันจะยากขึ้นไปเรื่อยๆ ตามระดับการศึกษาของเรา ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันออกไป บางคนฝึกอ่านฝึกทำจนทำได้ บางคนก็ให้เพื่อนสอน บางคนลอกเพื่อน บางคนตีมึนส่งไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลยก็มี… (เราก็ทำบ่อย) แต่สำหรับเด็กสาวคนนี้ มันกลับเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินจะรับไหวทีเดียว นี่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้ทวิตเตอร์ @FreddyAmazin เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ในคลิปนี้เป็นคลิปเด็กสาวชั้น ป.6 กำลังร้องไห้สะอื้น เนื่องจากการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่ได้รับมอบหมายมามีความยากเกินความสามารถของเธอ จนไม่รู้จะระบายออกทางไหนดี จากคลิปวิดีโอจะเห็นว่าเด็กสาวกำลังโวยวายถึงการบ้านของเธอ เมื่อพี่สาวของเธอมาเห็นเข้าก็ไม่ได้จะสงสารน้องตัวเองเลย แถมอดขำไม่ได้และหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกช่วงเวลาฮาๆ ไว้ให้น้องสาวกลับมาดูในอนาคต คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบชัดๆ ยากจริงโว้ย!! นี่อาจสะท้อนถึงการเลี้ยงดูลูกและวัฒนธรรมการศึกษาในต่างประเทศได้บ้างนะ แต่คงไม่ทั้งหมด เพราะวัยรุ่นหลายๆ คนที่ใช้ชีวิตและเรียนได้อย่างพอดิบพอดีก็มีเช่นกัน ที่มา distractify , @FreddyAmazin
-
เผยการบ้านแสนประทับใจ จากครูญี่ปุ่นให้นักเรียน ‘กอดพ่อแม่ 1 นาที’ แล้วบรรยายความรู้สึก
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กๆ มาก เพราะในช่วงวัยนี้พวกเขาจะปลูกฝังความคิดให้กับเด็กๆ รู้จักการเคารพกฎระเบียบ การมีวินัย มีความรับผิดชอบ นอกเหนือจากความรู้ในเรื่องวิชาการต่างๆ อย่างเช่นเรื่องราวของคุณแม่รายหนึ่งที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า Marie เธอมีลูกสาวที่ยังเรียนอยู่ในชั้นประถมในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอบอกว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ลูกสาวคนเล็กของเธอได้กลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับการบ้านสุดแปลก ลูกสาวบอกกับแม่ว่าไม่มีการบ้านอะไรเลย แต่ได้รับคำแนะนำจากคุณครูมาอย่างหนึ่ง ที่บอกให้เธออธิบายการแสดงความรักผ่านการสัมผัสภายนอก ลูกสาวจึงกลับมาบ้านพร้อมกับกอดคุณแม่ฟอดใหญ่ประมาณ 1 นาที แล้วนำไปเขียนรายงานส่งคุณครู ทำเอาคุณแม่ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหลเลยทีเดียว หลังจากที่เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็สร้างความประทับใจให้กับชาวเน็ตในญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย หลายๆ คนแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้อย่างหลากหลาย เช่น “แม่ของฉันตายตอนที่ฉันอยู่ชั้นประถม และแม้ว่าเราอยากจะกอดเธออีกสักกี่ครั้งเราก็ไม่มีโอกาสแล้ว ฉะนั้นพวกคุณต้องแน่ใจว่าพวกคุณได้กอดพวกเขามามากพอแล้วนะ” “ฉันรอให้ลูกกลับมาที่บ้านไม่ไหวแล้ว ฉันจะได้กอดลูกสักที” “ฉันคิดว่านี่คือการศึกษาที่พวกเราต้องการ” “ฉันเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเลย เพราะฉันเสียแม่ไปตอนที่อยู่ป.6” . และนี่คือการสั่งการบ้านแบบสร้างสรรค์ของคุณครูในญี่ปุ่น ที่ไม่ได้เอาแต่ยัดเยียดหนังสือและการบ้านกองโตๆ ให้พวกเขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงความรักความอบอุ่นที่เด็กๆ จะได้รับจากพ่อแม่ของพวกเขาด้วย เยี่ยมไปเลย!! ที่มา rocketnews24
-
สุดเจ๋ง!! เด็กม.4 ส่งการบ้านวิชาเคมี ด้วยสมุดการ์ตูนความรู้วิชาเคมีผ่านเรื่อง ‘Star Wars’!!
เมื่อย้อนไปในวัยเรียน เพื่อนๆหลายคนคงต้องนึกถึงเรื่องการบ้านขึ้นมาก่อนล่ะ เพราะกว่าจะทำเสร็จแต่ละคืนๆนั้น เป็นอะไรที่ลำบากซะจริง แถมคะแนนยังได้มาด้วยความยากลำบากซะด้วย ซึ่งการทำงานส่งแต่ละอย่างนั้นมันไม่ได้มีแค่การเขียนๆ แล้วก็ส่งเพียงอย่างเดียว แต่การจะได้คะแนนเต็มนั้นผลงานจะต้องมีความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ด้วย #เหมียวหง่าว มีผลงานของเด็กนักเรียนชั้น ม.4 ที่ทำสมุดการ์ตูนความรู้วิชาเคมีส่งคุณครู จนได้ 10 คะแนนเต็ม!! มาให้เพื่อนๆได้ชมกัน ที่ต้องบอกไว้เลยว่าอลังการงานสร้างมากๆ ผลงานชิ้นนี้เป็นของชาวเน็ตจากเว็บพันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 2855088 เป็นสมุดการ์ตูนความรู้วิชาเคมี ที่บอกเล่าในเรื่องราวของ Star Wars : The Force Awakens หน้าปกมาก็เจ๋งแล้วบร๊ะ!! เหล่าปฐมพาคียกขโยงกันมาสอนวิชาเคมีกันให้ลึ่ม 5555+ โอ้โห เป็นสมุดภาพ 3 มิติซะด้วยแฮะ เก่งจริงๆเลยเจ้าหนู!! เหล่าตัวโกงแต่ละคนความรู้แน่นปั้กกันทั้งนั้นเลยแฮะ โห….ฉากเด็ดในเรื่องก็ทำออกมาได้สวยแบบสุดยอดดดด!! จริงๆ แล้วผลงานชิ้นนี้มีลูกเล่นอีกเยอะแยะเลยนะ ลองไปชมกันได้ที่คลิปข้างล่างนี้เลย เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะเพื่อนๆ ต้องขอบอกเลยว่าน้องคนนี้เค้าครีเอทมากจริงๆ สมแล้วกับคะแนนเต็ม 10!! แต่เอาจริงๆทำเรื่องนี้เรื่องเดียวน้องเอาเกรด…
-
ลูกชายวัย 6 ขวบแสดงวิธีทำในวิชาคณิตฯได้น่ารักมาก แม่ถึงขั้นอยากเอาไปใส่กรอบ
ในวัยเด็ก เราอาจจะตีความอะไรหลายๆอย่างได้แตกต่างกัน โดยเฉพาะเวลาเจอโจทย์จากๆในบางวิชา ซึ่งครูอาจจะลืมไปว่าถ้าเราใช้คำศัพท์ที่สูงเกินไป เด็กอาจจะไม่เข้าใจได้ แม่ของหนูหน้อยวัย 6 ขวบคนหนึ่ง ได้โพสต์ภาพการตอบคำถามของลูกในวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไร้เดียงสาของเด็กเป็นอย่างมาก คำถามข้อแรกถามว่า “บ๊อบบี้มีเงิน 4 ไดม์ ส่วนเอมี่มีเงิน 30 เพนนี ใครมีเงินมากกว่ากัน” หนูน้อยก็ตอบว่า บ๊อบบี้ ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เพราะ 1 ไดม์ เท่ากับ 10 เซนต์ ดังนั้น 4 ไดม์ ก็ 40 เซนต์ ส่วน 30 เพนนี ก็เท่ากับ 30 เซนต์นั่นเอง แต่พอถึงคำถามข้อต่อไป “รู้ได้ยังไง แสดงวิธีคิด” และนี่ก็คือภาพที่หนูน้อยวาดออกมา แหม่ นี่สินะวิธีคิดของหนูน้อย ช่างน่ารักไร้เดียวสาจริงๆ คุณแม่ถึงกับออกมาบอกว่าจะเอาไปใส่กรอบแล้วแปะหน้าตู้เย็นเลยนะ โตขึ้น หนูน้อยคนนี้ต้องเป็นศิลปินแน่ๆ ที่มา boredpanda