Tag: การเดินทาง
-
คู่รักรับเลี้ยง ‘สัตว์จรจัด’ 3 ตัว และตั้งใจจะพาพวกมันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุโรป
คำว่าครอบครัว ไม่ได้มีแค่คู่สามีภรรยา ไม่ได้มีแค่พ่อแม่ลูก หรือปู่ย่า ตายาย แต่ครอบครัวสำหรับหลายๆ คน รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงของพวกเขาด้วย เหมือนกับคู่รัก Donata และ Eduardo ครอบครัวของพวกเขามีมากกว่า 2 คน หลังจากมีน้องหมา Pepper กับ Sasha และแมวที่ชื่อ Pancho เข้ามาในชีวิต ส่วนตัว Donata เป็นคนรักสัตว์อยู่แล้ว เพราะเธอเติบโตมากับครอบครัวที่เลี้ยงสัตว์ ต่างกับ Eduardo ที่ไม่ค่อยสนใจสัตว์มากนัก และไม่คิดจะเลี้ยงสัตว์ด้วย แต่แล้วแฟนสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจมารักสัตว์เหมือนกับเธอจนได้ ในช่วง 10 ปีที่แรกที่พวกเขารู้จักและได้อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ยังไม่เคยรับสัตว์มาเลี้ยง แต่ความฝันในการพาสัตว์มาอยู่ในบ้าน ยังคงอยู่ในใจ Donata จนกระทั่งทั้งคู่ย้ายไปอยู่ที่เมืองกีโตประเทศเอกวาดอร์ และสิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือ การเติมเต็มความใฝ่ฝันในการรับเลี้ยงสุนัข ทั้งคู่ไปดูสุนัขในศูนย์พักพิงสัตว์ และลูกหมาตัวแรกที่พวกเขาเจอก็โดนใจทันที พวกเขาตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเจอ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา คู่รักก็ได้พาน้องหมาตัวนั้นกลับบ้านด้วย และตั้งชื่อมันว่า Pepper Pepper เคยเป็นหมาจรจัดมาก่อน มันได้รับการช่วยเหลือจากสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เมื่อย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน มันจึงค่อนข้างเก็บตัวและดูกังวลมาก แต่ขณะเดียวกัน มันเรียนรู้ได้เร็วมาก มันมีความรู้อยากเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านตลอดเวลา…
-
คู่รักออสเตรเลีย พากันขับรถตู้เที่ยวสุดแฮปปี้ 4 ปี เดินทางรวมกว่า 100,000 กิโลเมตร
การเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรเป็นฝันอันแสนหอมหวานที่อยู่ในความคิดของใครหลายคน แต่ก็ด้วยอุปสรรคต่างๆ จึงทำให้ไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ก็ยังคงไม่เป็นจริงสักที แต่ก็มีคู่รักหนุ่มสาวฮิปปี้คู่หนึ่งที่ลงมือทำมันให้กลายเป็นจริงขึ้นมาอย่างไม่สนใจปัญหาใดๆ และไม่กังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าบ้าง จนทำให้ในตอนนี้พวกเขาได้เดินทางรอบประเทศออสเตรเลียด้วยระยะทางกว่า 100,000 กิโลเมตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!! คู่รักฮิปปี้นี้มีชื่อว่า Cleo Codrington และแฟนหนุ่มของเธอ Mitch Cox แฟนหนุ่มของเธอ พวกเขามีอายุเท่ากันที่ 24 ปี และได้เดินทางร่วมกันมาในหลากหลายสถานที่ด้วยรถตู้คันเก่าๆ ยี่ห้อ Toyota Hiace นอกจากจะเป็นพาหนะขับเคลื่อนความฝันแล้ว รถคันนี้ยังได้แปรสภาพกลายเป็นบ้านพักอาศัยให้แก่ทั้งคู่มาเป็นเวลามากกว่า 3 ปีแล้ว การเดินทางของทั้งคู่เป็นไปอย่างเรียบง่ายชนิดที่ว่าค่ำไหนนอนนั่น รวมถึงเรื่องของอาหารการกินที่มีอาหารหลักคือทูน่ากระป๋อง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของทั้งคู่ลดน้อยลงแต่อย่างใด และความโรแมนติกของคู่นี้ก็คือ พวกเขามักจะตื่นเช้ามาดูวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปในทุกวันด้วยกันเสมอๆ “เราอยากจะออกไปทำสิ่งที่ใครหลายคนเสียใจที่ไม่ได้ทำมาก่อนหน้านี้ พวกเราเรียนอยู่ในโรงเรียนและต้องทำทุกอย่างตามตารางเวลามามากกว่า 15 ปีแล้ว การที่เราจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น ตลอดวันจันทร์-วันศุกร์ ไปกับเรื่องพวกนี้มันเหมือนกับเรื่องบ้าบอคอแตกสิ้นดี” “พวกเราไม่มีงานประจำ, ลูกๆ, หนี้สิน หรือภาระผูกพันใดๆ ที่ทำให้พวกเราต้องกลับไป มันช่างเป็นเวลาที่แสนวิเศษสำหรับพวกเราจริงๆ” Cleo…
-
หมู่บ้านในจีน ต้องประสบภาวะการจราจรติดขัด เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยอะเกิ๊น
เมื่อถึงหน้าเทศกาลสำคัญ ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนกลับไปหาพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด หรือบางคนก็อาศัยจังหวะหยุดยาวนี้เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทว่าก็เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเทศกาลมาถึง ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างหนึ่งอย่างแน่นอนก็ปัญหาเรื่องการจราจรหรือรถติดนั่นเอง ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เฉพาะกับประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่กับประเทศใหญ่ๆ อย่างประเทศจีน ก็ต้องประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนที่ส่วนใหญ่จะเป็นวันพักผ่อนใหญ่ของปี สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆ จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางกันไปอย่างล้นหลาม จนรถติดเหมือนกับตังเมเลยก็ว่าได้!! โดยนี่คือภาพของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในมณฑลส่านซี ที่มีนักท่องเที่ยวนับพันไปกระจุกกันอยู่ที่นั่นจนทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปทางไหนได้เลย ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากว่าหมู่บ้านแห่งนี้ มีวิวทิวทัศน์อันสวยงามแถมยังเป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว จึงทำให้เกิดการจราจรติดขัดอย่างหนักขึ้นเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการเริ่มเทศกาลตรุษจีนขึ้น นอกจากนี้ยังมีภาพจากมุมสูงที่ได้แพร่หลายเป็นอย่างมากในสังคมอินเทอร์เน็ตในประเทศจีน โดยภาพที่ว่านี้จะแสดงให้เห็นว่าจำนวนรถที่อยู่ในหมู่บ้านชื่อว่า Yuanjia นั้นมันมากซะจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว สำนักข่าวท้องถิ่นได้รายงานว่าในวันนั้นมีรถที่กำลังต่อคิวกันตามท้องถนนยาวถึง 4 กิโลเมตร และบริเวณทางแยกก็ได้กลายเป็นลานจอดรถไปโดยปริยาย เพราะว่ามันไม่สามารถสวนทางกันได้เหมือนกับที่ควรจะเป็นนั่นเอง เห็นภาพอย่างนี้แล้ว นอนตีพุงอยู่บ้านน่าจะดีกว่า สำหรับหมู่บ้าน Yuanjia เป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามภายในประเทศจีน ซึ่งหมู่บ้านนี้ได้ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับเมืองซีอานกับเมืองเสียนหยาง โดยตำนานเล่าเอาไว้ว่าบริเวณเชิงเขาของหมู่บ้านแห่งนี้ได้เป็นที่กำเนิดของ จักรพรรดิถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง นอกจากนี้หมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของอาหารและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมอีกด้วย สภาพนี้ ถ้าเป็นเราคงจะหัวร้อนน่าดูเลย ที่มา: medium
-
คุณป้าชาวสวนวัย 55 ปี ใช้เซกเวย์ในการขนผัก แหมชีวิตสบายขึ้นเยอะเลยอิหนูเอ้ยย
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในสมัยก่อน ทำให้ในตอนนี้การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีวิธีที่หลากหลาย และก็มีชาวสวนคนหนึ่งที่นำความก้าวหน้านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยการใช้เซกเวย์ ในการขนผัก ซึ่งเธอบอกว่าเทคโนโลยีนี้มันสามารถช่วยให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นอีกเป็นกองเลย โดยชาวสวนคนเก่งที่ว่านี้มีชื่อว่า Gong Rongniang ชาวมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน วัย 55 ปี โดยเธอเล่าให้ฟังว่าการใช้เทคโนโลยีนี้ของเธอเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว จากการช่วยเหลือของลูกชาย ซึ่งในตอนนั้นเธอซื้อเจ้ารถยืนไฟฟ้า 2 ล้อนี้มาจากโลกออนไลนด้วยราคาเพียงแค่ 2,000 หยวน (ประมาณ 9,800 บาท) เท่านั้น ยิ้มแฉ่งมาเชียวนะ เมื่อมันมาถึงบ้านของเธอแล้ว Gong ก็บอกว่าเธอรีบศึกษาวิธีการใช้งานในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็เป็นพาหนะประจำตัวเธอไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เดินทางไปยังบ้านของเพื่อนบ้าน หรือใช้สำหรับเพื่อขนผักจากสวนของเธอด้วย ซึ่ง Gong ได้บอกเอาไว้ว่าเจ้าเซกเวย์คู่ใจของเธอ มันสามารถทำให้การชีวิตประจำวันของเธอง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างงานที่ปกติเคยทำโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงจะสำเร็จ ในตอนนี้เธอใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น ไปได้ทุกที่ที่ต้องการ โดยในทุกๆ วันจะเป็นภาพที่ชินตาของชาวบ้านไปแล้ว สำหรับภาพของ Gong ที่แบกหาบเอาไว้บนบ่าพร้อมทั้งขี่เซกเวย์นี้ไปด้วย ซึ่งเธอบอกเอาว่าเธอเคยแบกผักได้มากสุดถึง…
-
มาอีกคน… มนุษย์ผู้อ้างตัวมาจากปี 8973 เล่าเรื่องราวให้ฟังถึงโลกอนาคต พร้อมภาพหลักฐาน!?
ในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ากระแสการการเดินทางข้ามเวลานั้นจะค่อนข้างได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ ที่มักจะออกมาอ้างว่าพวกเขาน่ะมาจากโลกอดีตนะจ๊ะ พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เราสามารถหาอ่านได้ในหนังสือประวัติศาสตร์ให้ฟัง แต่ทว่าสำหรับหนุ่มกลับเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป หลังจากที่เขาได้อัดคลิปวิดีโออธิบายว่าตัวเขานั้นเดินทางมาจากโลกอนาคต พร้อมกับเล่าเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 8973 ในฟังอีกด้วย William Taylor เริ่มต้นแนะนำตัวเขา พร้อมกับอ้างว่าขณะนี้เขากำลังทำงานในฐานะหน่วยข่าวกรองให้กับรัฐบาลอังกฤษ และตัวเขาจำเป็นต้องออกมาเปิดเผยความจริงบางอย่างให้ทุกคนรู้ “ในโลกอนาคตนั้นจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากๆ ซึ่งมันสามารถเค้นความลับของคุณได้ มีการวางแผนที่จะใช้เจ้าสิ่งนี้กับประชาชน พวกเขาอาจจะตามหาผมหลังจากที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ผมยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อบอกความจริงกับคุณเพื่อหวังว่าบางอย่างจะเปลี่ยนแปลง” ชายหนุ่มกล่าว นอกจากนี้เขายังได้เตือนชาวโลกปัจจุบันตาดำๆ ที่ยังทำตัวตามสบายโดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองอีกว่า “พวกแกน่ะกำลังถูกปรากฏการณ์ Mandela Effect ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ และคิดว่าการเดินทางข้ามเวลาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อันที่จริงแล้ว การเดินทางข้ามมิติเวลานั้นถูกคิดค้นสำเร็จมาตั้งแต่เมื่อปี 1981 แล้ว และตอนนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างเครื่องมือที่ไม่เพียงแค่เดินทางข้ามเวลาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้เราเดินทางไปยังจักวาลต่างๆ ที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนได้อีกด้วย” และยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เขายังอ้างอีกว่าตัวเองเคยเดินทางไปยังปี 3000 มาแล้ว ซึ่งในอนาคตข้างหน้านั้นมนุษย์เราจะอาศัยอยู่ใต้น้ำ ส่วนในปี 8973 นั้นโลกเราจะเต็มไปด้วยหมอกควัน และมนุษย์เราจะใช้การเดินทางบนอากาศแทน “ในปี 8973 นั้น รัฐบาลอังกฤษมีความคิดว่ามนุษย์และเครื่องจักรสามารถรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้” ชายหนุ่มกล่าว และสำหรับใครที่อยากฟังเรื่องราวของโลกจากปี 8973 แบบเต็มๆ…
-
หนุ่มพาตุ๊กตา ‘ก็อตซิลล่า’ ออกทัวร์ แถมตัดต่อให้กลายเป็นภาพฮาๆ ปนน่ารักแบบสุด!!
หากใครที่มีโอกาสเคยได้ดูภาพยนตร์ในตำนานอย่าง ‘Godzilla’ ก็คงจะติดใจในรูปร่างลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ ที่มันทั้งมีความดุดันและน่าเกรงกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ จนมันได้กลายเป็นวายร้ายประจำใจของใครหลายคนเลยทีเดียว ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของมันนี้เอง จึงทำให้มีการผลิตตุ๊กตาของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ขึ้นอย่างมากมายในรูปแบบต่างๆ และได้ทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเกิดนึกสนุกเกี่ยวกับเจ้าตุ๊กตาก็อตซิลล่า เขาจึงพามันไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ มากมาย รวมถึงตัดต่อภาพของมันจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวเน็ตในเวลาต่อมาอีกด้วย เจ้าของพร้อมกับเจ้า Ryan ตุ๊กตาก็อตซิลล่าสุดน่ารักของเขา และนี่คือภาพตุ๊กตาก็อตซิลล่าสุดน่ารัก ที่ผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อว่า @Ryangodzilling ได้นำมาเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับชมกัน ซึ่งตุ๊กตาสุดบ้องแบ๊วตัวนี้เขาได้อธิบายเอาไว้ว่า ได้ซื้อมันมาจากร้านขายของที่ระลึกด้วยราคาเพียงแค่ 8 ดอลลาร์(ประมาณ 250 บาท) เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้มันดูพิเศษก็เพราะว่าเขาได้ตัดต่อรูปของมันระหว่างที่ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ จนได้กลายมาเป็นรูปภาพน่ารักๆ ที่หากใครได้ดูรับรองว่าจะต้องใจละลายไปกับไอเดียสุดบรรเจิดของชายคนนี้อย่างแน่นอน มันจะมาถล่มเมืองแล้ว คุณตำรวจ เลียนวิชาพรางตัวแบบกิ้งก่ามาด้วย นั่งทีกินที่ไปมากกว่าครึ่งเลยนะแก เจ้าคือทายาทคนต่อไป ยิงจรวดใส่มันเลย คุณตำหนวด ไปคาบอาหารมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ พาไปเที่ยวชมงานศิลป์ด้วย อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านเราแล้ว นี่ตูกลายเป็นแม่บ้านไปแล้วหรอเนี่ย ก็อากาศมันหนาวอ่ะ…
-
นักบินอวกาศผู้ใช้ชีวิตในอวกาศนาน 1 ปี เผยว่าการใช้ชีวิตบนนั้น ยากเกินกว่าที่เราจะคาดเดาได้…
นักบินอวกาศอาจเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน เพราะนี่คือหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่จะได้ออกไปอยู่ในอวกาศ ได้เห็นสิ่งสวยงามต่างๆ ที่ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อน หลายคนอาจบอกว่าอาชีพนี้น่าอิจฉาแต่ความเป็นจริงอาชีพนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความยากลำบากและความทุกข์มากมาย Scott Kelly นักบินอวกาศจากสหรัฐอเมริกา จึงได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวให้ทุกคนได้รู้ว่า การใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศนาน 1 ปีของเขานั้นต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรมาบ้าง Scott Kelly ถ่ายภาพเซลฟี่ภายในยานอวกาศมีพื้นหลังเป็นโลกของเรา ชายคนนี้เป็นนักบินอวกาศคนแรกที่ขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่ใน สถานีอวกาศนานาชาติ เป็นเวลานานขนาดนี้ เขาบอกว่าการใช้ชีวิตอยู่นอกโลก เพียงแค่การเดิินก็ทำให้เขาเหนื่อยมากๆ แล้ว เขาจำเป็นต้องเดินอยู่ในอวกาศด้านนอกของสถานีเพื่อเช็คความเรียบร้อยหรือซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของยาน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากๆ นอกจากนั้นยังมีครั้งหนึ่งที่เขาหลงทางอยู่นอกอวกาศหาทางกลับไม่ได้เพราะตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนมันจึงค่อนข้างมืด “ผมต้องอยู่ในสภาพเหมือนกับยืนกลับหัว และแม้ว่ามันจะไม่ได้น่ากลัวอะไรแต่ความก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกนะ” เขาพูดถึงตัวเองในตอนนั้น อีกทั้งบนอวกาศมีเศษหินก้อนเล็กๆ ลอยอยู่เต็มไปหหมด และถ้าหากมันลอยมาโดนตัวก็จะสร้างแรงปะทะได้มากพอสมควรเลยทีเดียว เขาได้พูดถึงนักสำรวจ Ernest Shackleton ผู้ที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในขั้วโลกเหนือได้ โดย Scott บอกว่า “สิ่งที่ผมและเขามีเหมือนกันในการเอาชีวิตรอดคือความอดทน พลังงาน และความกระตือรือร้นที่มีอยู่ในตัว” เขาพูดอีกว่า “แต่ผมคิดว่าเราไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ซะทีเดียว เพราะ Ernest ต้องอยู่กับความพยายามเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศอันเลวร้าย ส่วนของผมมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” สิ่งที่เขาคิดว่ายากที่สุดสำหรับภารกิจนี้ก็คือ การที่ต้องตัดขาดจากครอบครัวหรือคนรู้จักออกไปเป็นเวลานาน โดยที่เขาไม่มีโอกาสเดินทางกลับไปหาญาติสนิทมิตรสหายเหล่านั้นในระหว่างภารกิจได้เลย…
-
20 ภาพการคมนาคมจากหลากประเทศ วิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละวัน ต้องเดินทางในรูปแบบไหนบ้าง!?
ว่ากันว่าสภาพการจราจรเป็นตัวสะท้อนความจริงหลายๆ ด้านให้แก่ประเทศนั้นๆ อย่างบ้านเราก็เอิ่มมม… คงไม่ต้องพูดถึงก็ได้เนาะ แต่เอาเป็นว่าเราจะขอพาไปชม 20 ตัวอย่างภาพการเดินทางของผู้คนในเมืองจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สภาพการจราจรของแต่ละเมืองแต่ละที่ เป็นตัวชี้วัดคุณภาพชีวิตของประชากรได้ดีในระดับนึงเลยล่ะ 1. ที่เวียดนามผู้คนนิยมที่จะเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และจักรยาน 2. แต่ถ้าข้ามไปฝั่งตุรกีละก็… เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนจะเดินทางโดยสารด้วยเรือเฟอร์รี่ 3. สำหรับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา เราอาจจะได้เห็นภาพการขนย้ายทั้งคน รถ และสิ่งของข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งหนึ่งกันเป็นเรื่องปกติ 4. ที่ประเทศเฮติผู้คนมักจะโดยสารด้วยบริการรถกระบะสองแถว 5. แม้แต่ม้าที่โจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ก็ยังต้องมีแวะเติมน้ำมันกับเขาบ้าง 6. ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ถูกยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งรถรางทั่วถึงมากที่สุดในโลก 7. ที่ประเทศโบลิเวียอาจจะมีความผาดโผนมากกว่าที่อื่น เพราะมีรถกระเช้าสำหรับการเดินทางไว้คอยให้บริการ 8. ว่ากันว่าหากเกิดเป็น ‘ลา’ ในประเทศปากีสถาน คุณจะไม่มีวันตกงานแน่ๆ… 9. ชาวเมืองฮังการีมักจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินกันซะเป็นส่วนใหญ่ 10. และก็เช่นเดียวกันกับที่ประเทศออสเตรีย 11.…
-
Elon Musk กำลังจะสร้างจรวด BFR ที่ให้คนเดินทางข้ามโลก ได้ภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น!!
ในเวลานี้ถ้าหากพูดถึงบุคคลที่มีบทบาทต่อการพัฒนาของเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต เชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ Elon Musk ซีอีโอจาก SpaceX และผู้อยู่เบื้องหลังของยานยนต์ระดับโลกอย่าง Tesla อยู่ในรายชื่อนั้นอย่างแน่นอน และล่าสุดชายคนนี้ได้สร้างความฮืออาขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาได้ประกาศว่ากำลังจะสร้างจรวด ที่ให้คนเดินทางข้ามโลกได้ภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น!! ในงาน International Astronautical Congress 2017 ที่เมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา Elon Musk ได้ออกมาประกาศว่าตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนสร้างจรวดขนส่งที่ใช้ชื่อว่า BFR ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสามารถเดินทางไปที่ต่างๆ ของโลกได้ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ทางซีอีโอของ SpaceX ได้ออกมากล่าวว่าจรวดลำนี้สามารถทำให้คุณเดินทางจากนิวยอร์กไปยังเซี่ยงไฮ้ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น ซึ่งภายในคลิปวิดีโอคอนเซ็ปต์ของจรวด BFR นั้น มันแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งได้ในระยะเวลาอันสั้น ในส่วนของการทำงานนั้น ตัวจรวดนั้นจะจอดอยู่กลางแม่น้ำ จากนั้นผู้โดยสารตั้งนั่งเรือออกไปเพื่อขึ้นจรวดแล้วยิงออกสู่นอกโลก หลังจากนั้นตัวจรวดจะเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด 27,000 กม./ชม. ก่อนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศพร้อมลงจอดในอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งความเร็วระดับนี้ทำให้คุณสามารถเดินทางจากกรุงเทพไปดูไบภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ไปชมคลิปวิดีโอคอนเซปต์ของจรวดลำนี้กันเลย “การเดินทางไปยังเมืองสำคัญๆ ในโลกนั้นจะใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที และการเดินทางไปยังที่อื่นๆ นั้นจะใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น” Elon Musk กล่าวผ่านอินสตราแกรมของเขาหลังจากเปิดตัวเจ้าจรวด BFR ในงาน International…
-
ึระยะทางไม่ใช่ปัญหา!! พบกับ 7 บุคคลที่มีวิธีการเดินทางไปทำงานแบบ ชิคๆ คูลๆ
บางครั้งการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันนั้นอาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลายๆ คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ หรือพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีปัญหาการจราจรสักเท่าไหร่ แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาทางด้านร่างกายหรือใครที่อาศัยอยู่เมืองหลวงแล้วบางครั้งการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย และวันนี้เราก็มีตัวอย่างการเดินทางจากเหล่าผู้คนที่เลือกวิธีไปทำงานที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีการเดินทางไปทำงานอย่างไรกันบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. ชายหนุ่มผู้พายเรือคายัคไปทำงานในทุกๆ วัน สำหรับชาวออฟฟิศในเมืองหลวง การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอาจจะเป็นสิ่งที่สะดวกและช่วยประหยัดเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทว่าบางครั้งปัญหารถติดก็อาจจะทำให้เราไปถึงที่ทำงานสายได้ง่ายๆ คุณ Zach Schwitzky หนุ่มออฟฟิศท่านนี้จึงเลือกใช้วิธีการพายเรือคายัคข้ามแม่น้ำแมนฮัตตันเพื่อไปทำงานแทนทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาพายเรือประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะเดินเท้าต่ออีกประมาณ 45 นาทีจนถึงที่ทำงาน 2. หนุ่มเยอรมันที่ว่ายน้ำไปทำงานทุกๆ วัน คุณ Benjamin David หนุ่มเยอรมันวัย 40 ปีผู้เบื่อหน่ายกับปัญหารถติด เขาจึงเลือกใช้วิธีการว่ายน้ำแทน!! ในทุกๆ เข้าเขาจะกระโดดลงแม่น้ำ Isar และว่ายเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรเพื่อไปทำงาน (อ่านข่างเก่า หนุ่มเยอรมันจิตหงุดเงี้ยว ไปทำงานก็รถติดทุกวัน เลยตัดสินใจว่ายน้ำไปออฟฟิศแม่มเลย..!!) 3. ชายหนุ่มที่ลงทุนสร้างเครื่องบินเพื่อย่นระยะเวลาการเดินทาง คุณ Frantisek Hadrava หนุ่มวัย 45 ปีจากหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกของสาธารณรัฐเช็ก ใช้เวลากว่า 2 ปีเพื่อสร้างเครื่องบินลำเล็กที่ชื่อว่าเจ้า Vampira โดยใช้ต้นแบบจากเครื่องบินเล็กของสหรัฐ ซึ่งเครื่องบินลำดังกล่าวช่วยให้เขาย่นระยะเวลาการเดินทางลงถึง 7 นาทีเลยทีเดียว!! 4. ชายชาวจีนที่เดินทางข้ามแม่น้ำไปทำงานด้วยไม้ไผ่แค่ท่อนเดียว คุณ Fang…
-
ช่างภาพถ่ายทอดเรื่องราว เส้นทางรถไฟในซาฮารา ไปกลับ 8 ครั้ง ระยะรวมกว่า 4,000 กิโลเมตร!!
Myko Dele ช่างภาพผู้ท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ พร้อมเก็บเล่าเรื่องราวที่บางครั้งเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งในคราวนี้เขาได้เล่าถึงชีวิตของกลุ่มคนเลี้ยงแพะและชาวบ้าน ที่ต้องเดินทางไปกลับด้วยรถไฟขนแร่ที่มีขบวนยาวมากถึง 2.5 กิโลเมตร!! เขาเล่าว่าสายรถไฟดังกล่าวนี้กำเนิดขึ้นในช่วง 60s โดยประเทศฝรั่งเศส ทว่าในภายหลังก็ถูกดำเนินการโดยกลุ่มบริษัท SNIM (Société Nationale Industrielle et Minière) เพื่อใช้ขนส่งแร่เหล็กจากเหมือง Zouérat ไปยังเมืองท่า Nouadhibou ภายในประเทศมอริเตเนีย และด้วยการที่เหมือง Zouérat ไม่มีถนนที่เชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ การนั่งรถไฟขบวนนี้จึงเป็นเส้นทางเดียวที่ชาวบ้านจะสามารถขนส่งผลผลิตของพวกเขาไปยังเมืองท่าได้ นอกจากนั้นทางการรถไฟยังให้ชาวบ้านเดินทางฟรีๆ อีกด้วย Myko ได้เล่าว่าเขาใช้เวลาในการเดินทางไปกับชาวบ้านบนเส้นทางแห่งนี้มากกว่า 8 ครั้ง เขาจึงรู้ว่าชาวบ้านจำเป็นจะต้องใช้เวลา 12 ถึง 20 ชั่วโมงในการเดินทางแต่ละครั้ง ซึ่งมันเป็นเวลานานมากๆ นั่นจึงทำให้เขาสามารถเก็บภาพการเดินทางไว้ได้มากมาย ชาวบ้านเล่าว่าการเดินทางแต่ละครั้ง ถ้าแพะของพวกเขามีท่าทีจะตกรถไฟเมื่อไหร่ พวกเขาจะปาหินให้พวกมันกลับเข้าที่เดิม สาเหตที่พวกเขาต้องเอาผ้ามาปิดหน้านั้น ก็เพื่อป้องกันลมแรง แสงแดดที่สาดส่อง และพายุทรายที่อาจจะพัดผ่านเมื่อไหร่ก็ได้ ทุกการจอดพักรถไฟ จะมีคนขายขนมปังเดินทางมาเพื่อขายขนมปังให้กับชาวบ้านที่ต้องเดินทางไกล ชายหนุ่มพยายามจุดบุหรี่อย่างตั้งใจ แม้จะต้องสู้กับลมที่แรงมากๆ ก็ตาม Myko…
-
หนุ่มวิศวกร ผู้นั่งเครื่องบินเพื่อไปทำงานทุกวัน ใช้เวลาทั้งไปกลับรวมแล้วถึง 6 ชั่วโมง!!
เมื่อคุณได้กลายเป็นมนุษย์วัยทำงาน สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนจะต้องเผชิญในแต่ละวันก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาในการเดินทาง เพราะบางคนบ้านและที่ทำงานก็อยู่ห่างไกลกันซะเหลือเกิน ซึ่งในบางครั้งเราก็ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเป็นชั่วโมง แถมบางวันก็ยังต้องมาเจอกับปัญหาการจราจรติดขัดอีกด้วย เรียกได้ว่าแค่ขาไปก็กินเวลาไปเยอะแล้ว (นี่ยังไม่รวมขากลับอีกนะ) เมื่อเจอปัญหาดังกล่าว หลายคนอาจจะมีวิธีแก้ไขปัญหาด้วยวิธีของตัวเอง บ้างก็ไปทำงานแต่เช้ารถจะได้ไม่ติด บ้างก็เช่าห้องพักใกล้ๆ ที่ทำงาน แต่สำหรับ Curt von Badinski วิศวกรเครื่องกลและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีในซานฟรานซิสโกคนนี้ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปทำงานเฉลี่ยวันละ 6 ชั่วโมง เพราะจากบ้านกับที่ทำงานนั้นอยู่ห่างไกลกันมาก!! ดังนั้นรถยนต์อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วก็เปลี่ยนมานั่งเครื่องบินไปทำงานแทนก็แล้วกัน ในทุกๆ วัน Curt มักจะตื่นนอนตอนตี 5 เขาอาบน้ำแต่งตัว ทานอาหารเช้า และใช้เวลาในการขับรถออกไปยังสนามบิน Bob Hope Burbank เป็นเวลา 15 นาที Curt เดินทางไปทำงานโดยเครื่องบินอยู่เป็นประจำ โดยจะใช้เวลาในการเดินทางไปยังเมือง Oakland ที่อยู่ห่างออกไปไกล 568 กิโลเมตร นานถึง 90 นาที หลังจากนั้น เขาก็ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ต่อเพื่อไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทในซานฟรานซิสโกอีกหนึ่งต่อ…
-
‘Sleep Bus’ บริการรถบัสระดับ 5 ดาว ให้เป็นโรงแรมเคลื่อนที่ พร้อมพาเดินทางข้ามเมือง!!
ทุกๆ ครั้งที่ต้องเดินทางไกลๆ การได้พักอยู่บนรถที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย คงจะเพิ่มความสนุกให้กับการเดินทางไม่น้อยเลยนะว่าไหม?? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาการเดินทางข้ามจังหวัดที่ไม่ใช่การเดินทางด้วยเครื่องบิน ตัวเลือกที่มักจะมาเป็นอันดับหนึ่งก็คือรถทัวร์หรือรถบัสโดยสารขนาดใหญ่ และด้วยเหตุผลทางด้านการเดินทางอันยาวนานหลายชั่วโมง ก็คงจะทำให้ต้องนั่งอยู่ในรถน๊าน นานจนเกิดความอึดอัด แต่คงจะดีกว่านี้มากถ้าหากว่ารถบัสสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่ดีกว่านี้ได้ อย่างเช่น Sleep Bus คันนี้แหละ!! บริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่จากเมืองแคลิฟอร์เนีย ผู้เป็นเจ้าของรถบัสคันดังกล่าว ได้ปฏิวัตการเดินทางไกลด้วยรถบัสสุดหรูคันนี้ พวกเขาจะมอบประสบการณ์ระดับโรงแรม 5 ดาวให้กับคุณระหว่างการเดินทางไกล 650 กิโลเมตรจากเมืองซานฟรานซิสโกไปยังเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งทั้งหมดนั้นมีค่าใช้จ่ายเพียง 4000 บาทเท่านั้น ห้องพักสุดหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในรถที่เตรียมไว้สำหรับผู้โดยสาร รถคันดังกล่าวจะมีเวลาการเดินทางที่แน่นอน โดยจะเริ่มออกเดินทางจากซานฟรานซิสโก หรือ ลอสแอนเจลิส เวลา 5 ทุ่มและจะไปถึงปลายทางในเวลา 7 โมงเช้า ภายในรถจะมีห้องนอนทั้งสิ้น 24 ห้อง และยังมีห้องโถงสำหรับสังสรรค์ของคุณและเพื่อนๆ นอกจากนี้ในรถยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งอินเตอร์เน็ตไร้สาย และห้องน้ำที่สุดแสนจะทันสมัย ห้องนอนจำนวน 24 ห้องที่เตรียมไว้สำหรับบริการลูกค้า เตียงนอน ที่อุดหู และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เตรียมไว้ในที่พัก …
-
“The Fly LegsUp” นวัตกรรมเปลี่ยนให้ที่นั่งเครื่องบิน เป็นเตียงสำหรับลูกน้อย จะได้ไม่งอแง
ข่าวดีสำหรับครอบครัวที่มีเจ้าตัวเล็กและต้องการที่จะเดินทางไปเที่ยวยังต่างประเทศ เสียงร้องของพวกเด็กๆ ระหว่างที่เครื่องบินกำลังบินอยู่นั้นคงจะเป็นสิ่งที่กวนใจคุณพ่อคุณแม่และผู้โดยสารคนอื่นๆ อย่างมาก หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลที่สุดก็คือให้พวกเด็กๆ นอนหลับนั่นเอง แต่ว่าการจะนอนหลับในที่นั่งชั้นประหยัดก็ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากเพราะเบาะนั้นมันช่างแคบซะเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้นลองใช้เจ้า The Fly LegsUp หมอนรองขาที่จะเปลี่ยนที่นั่งแคบๆ ให้กลายเป็นเปลนุ่ม สำหรับให้เจ้าตัวเล็กได้นอนหลับและไม่ร้องไห้งอแง The Fly LegsUp นวตกรรมสุดเจ๋งจากประเทศออสเตียเรียที่จะช่วยแก้ปัญหาเด็กน้อยที่ชอบงอแงระหว่างการเดินทางที่ยาวนานบนเครื่องบิน ในหนึ่งชุดสำหรับเด็กจะประกอบด้วย หมอนเป่าลมใบเล็ก 1 ใบ ใบใหญ่ 2 ใบ และถึงสำหรับทำเป็นที่นอนอีก 1 ถุง ซึ่งทั้งหมดนี้มีน้ำหนักแค่ 500 กรัมเท่านั้น ส่วนการทำงานนั้นก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่แขวนถุงไว้กับที่นั่งด้านล่าง และยัดหมอนลงไปแค่นี้ก็จะได้ที่นอนสุดแสนสบายแล้ว ชมการสาธิตวิธีใช้งานของ The Fly LegsUp ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย สนนราคาของอุปกรณ์สำหรับเด็กนั้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท และนอกจากนี้ยังมีแบบสำหรับผู้ใหญ่อีกด้วย แต่ของผู้ใหญ่นั้นจะมีอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะประกอบด้วยหมอนใบเล็กเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้นและราคาอยู่ที่ประมาณ 2,600 บาท คุณ Brionee หนึ่งในผู้ที่เคยได้สัมผัสกับ The Fly LegsUp เล่าถึงความประทับใจของเธอผ่านทางแฟนเพจของผู้ผลิตว่า “ฉันได้ใช้มันระหว่างเดินทางจากออสเตรเลียไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลูกๆ…
-
สุดยอดคัมภีร์เลือกที่นั่ง ในการโดยสาร “ขนส่งมวลชน” ให้มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด!!
การเดินทางไม่ว่าจะมีวิธีไหนก็ล้วนเกิดความเสี่ยงต่อภัยอันตรายต่างๆ ได้เสมอ ไม่ว่าจะด้วยตัวเอง หรือแม้แต่การเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่นๆ อย่างเครื่องบินหรือรถไฟก็ตาม ฉะนั้นวันนี้ #เหมียวมู่ทู่ ก็เลยจะมานำเสนอคัมภีร์ลับสำหรับการเลือกที่นังยังไง ให้เซฟมากที่สุดถ้าต้องเกิดอุบัติเหตุ ว่าแต่จะมีวิธีไหนบ้าง แล้วใช้ได้กับระบบขนส่งชนิดไหนบ้างมาดูกันเลย 1. รถเก๋ง รถแท็กซี่ จุดปลอดภัย: เบาะหลังคนขับและเบาะหลังตรงกลางจะเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดเพราะถ้ารถต้องชนจุดนี้จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดนั่นเอง จุดอันตราย: ที่นั่งข้างๆ คนขับจะอันตรายมากที่สุดเพราะในรถบางรุ่นจะไม่มีถุงลมนิรภัยสำหรับที่นั่งจุดนี้ ทำให้เวลาชนมีโอกาสที่จะหัวฟาดอย่างรุนแรงไม่ก็ทะลุออกจากรถไปได้ 2. รถตู้ จุดปลอดภัย: บางรุ่นจะมีจุดที่นั่งสวนทางกับทางที่รถเคลื่อน ที่จุดนี้ปลอดภัยที่สุดก็เพราะสามารถเข้าออกจากรถได้ง่าย และแรงกระแทกจะไม่ทำให้หน้าต้องพุุ่งไปทิศทางเดียวกับจังหวะที่ชน จุดอันตราย: เช่นเดียวกับรถเก๋ง ที่นั่งข้างคนขับเป็นอะไรที่อันตรายมากที่สุด ยิ่งกับรถตู้ด้วยแล้วกระจกที่แตกสามารถทำอันตรายกับตัวเราได้ง่ายมากๆ แถมยังสามารถนั่งได้ถึงสองคน คนที่อยู่ตรงกลางจะหนีออกมาได้ยากมากๆ 3. รถเมล์ จุดปลอดภัย: ควรจะนั่งในจุดที่จุดตรงข้ามกับทางขึ้นลงและโล่งเพื่อสะดวกในการหนีออกจากตัวรถ ที่สำคัญควรนั่งให้ห่างจากระจกเพื่อลดอัตราได้รับบาดเจ็บในจังหวะที่กระจกแตก จุดอันตราย: จุดที่อันตรายที่สุดก็จะเป็นที่นั่งข้างหลังสุดของตัวรถ เพราะว่ารถเมล์มีตัวป้องกันส่วนหลังที่ต่ำมากๆ ส่วนที่นั่งติดกระจกและทางออกก็ถือว่าอันตรายเช่นกัน 4. รถไฟ จุดปลอดภัย: ควรจะเลือกนั่งตรงกลางโบกี้และนั่งในโบกี้ที่จะกลางขบวนมากที่สุด เพราะในยามที่มีปัญหาจุดนี้จะเป็นจุดที่รับรู้ทุกอย่างได้รวดเร็วรวมถึงอันตรายต่างๆ จะเข้ามาถึงยาก จุดอันตราย: นั่งทิศทางเดียวกับตัวรถ จะเป็นจุดที่อันตรายที่สุด เพราะจะมีโอกาสที่กระเด็นไปข้างหน้ามากที่สุด ส่วนโบกี้ที่อันตรายก็จะเป็นโบกี้หัวและท้ายขบวน 5.…
-
บริษัทต่างชาติเตรียมสร้าง ‘แท็กซี่ลอยฟ้า’ เปิดใช้ปี 2020 ปฏิวัติการเดินทางราวกับหนังไซไฟ
การเดินทางด้วยแท็กซี่เริ่มสะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะแทนที่เราจะต้องไปยืนโบกมือหยอยๆ ข้างถนน ตอนนี้ระบบต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาทำให้เราสามารถเรียกแท็กซี่ผ่านสมาร์ทโฟนได้ และคุณเชื่อไหมว่าในอนาคตอันใกล้ มนุษย์เราอาจจะสามารถเรียกแท็กซี่จากทางอากาศได้ด้วย? สิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ “แท็กซี่ลอยฟ้า” ที่แม้จะยังเป็นเพียงแนวคิดหรือคอนเซ็ปต์แต่ก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าแท็กซี่ในรูปแบบนี้กำลังถูกพัฒนาอยู่จริงๆ โดยเจ้าแท็กซี่ลอยฟ้าที่ว่านี้อยู่ในระหว่างการคิดค้นโดย Airbus Group บริษัทที่ผลิตอากาศยานและระบบป้องกันประเทศของยุโรป ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า CityAirbus เจ้า CityAirbus ที่ว่านี้ Airbus Group ต้องอาศัยบริษัทหลายๆ แห่งร่วมกันพัฒนามันขึ้นมา โดยพวกเขาได้มอบหมายงานให้บริษัท MTSI (Modern Technology Solutions, Inc) รับหน้าที่ในการบินทดสอบ ส่วนบริษัท SOAR Oregon จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนการทดสอบ ไอเดียของแท็กซี่ลอยฟ้าจะมีความใกล้เคียงกับระบบของรถไร้คนขับที่บริษัทผู้ผลิตรถ Tesla กำลังพัฒนาอยู่ ผสมกับเทคโนโลยีโดรนที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายเพื่อการถ่ายภาพ ซึ่ง CityAirbus จะมาในรูปแบบของยาน 4 ใบพัดไร้คนขับที่บังคับทิศทางได้เอง สามารถนั่งได้ 1 ที่นั่ง และบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้ถนนหรือรันเวย์ในการออกตัว นอกจากนี้ยาน CityAirbus ยังมาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ที่จะคอยตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าหากคุณนั่งยานที่ว่านี้อยู่บนอากาศ มันก็จะไม่มีทางชนกันเองแน่นอน…
-
สาวที่ต้องย้ายบ้านข้ามประเทศ เลยถือโอกาส พาเจ้าเหมียวขับรถเที่ยว 2 สัปดาห์เลย!!
ปกติเราเลี้ยงแมว เรามักจะให้มันอยู่ในบ้าน และพามันไปเดินเล่นในบางครั้ง แต่สำหรับ Barley แล้ว มันเป็นแมวที่ชอบใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้าน และจะออกไปข้างนอกแค่บางครั้งเท่านั้นเมื่อมีโอกาส Elyse Leyenberger เจ้าของ Barley ย้ายกลับมาจากโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อกลับไปอยู่บ้านเกิดของตัวเองคือเมืองฟิลาเดลเฟีย เลยถือโอกาสพาเจ้าเหมียวเดินทางไกลข้ามประเทศครั้งแรก พวกเขาออกเดินทางในวันที่ 12 สิงหาคม และใช้เวลาเดินทางกว่า 2 สัปดาห์ ในระหว่างการเดินทาง เธอได้สอนให้ Barley ได้เรียนรู้จะอยู่กับสายจูงตลอดเวลา และตามดูแลมันทุกที่ที่มันเดินไป แม้ว่าตลอดการเดินทางนั้น Barley ต้องอยู่แต่ในรถ แต่เมื่อไรที่จอดรถ มันจะเดินสำรวจรอบๆ ทันที . และนี่คือครั้งแรกที่มันได้เห็นโลกกว้าง แน่นอนว่า นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานที่สุดของมัน Leyenberger บอกกับเว็บไซต์ The Dodo ว่า “Barley ชอบเดินไปรอบๆ ที่พักของเราในเยลโลว์สโตน” ในระหว่างทางมันยังได้ชมทะเลเกลือที่ยูทาห์ด้วย ได้ไปดู แบบจำลองวิหารพาร์เธนอน ในแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ได้เห็นธรรมชาติที่หลากหลาย …
-
เหมียวพาชม 25 ไอเดียรอยสักเจ๋งๆ สำหรับคนรักการเดินทาง
#เหมียวบ็อบ เชื่อว่าทุกๆคนต่างก็มีหัวใจแห่งการเป็นนักเดินทางอยู่ในตัวเองกันทุกคน ก็แหมมม การที่เราได้ออกไปยังสถานที่ๆแปลกใหม่ ได้เจอบรรยากาศใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ หรือ วัฒนธรรมใหม่ๆ ไม่ว่าใครก็ต้องชอบอยู่แล้ว ใช่ม๊าาาาาา วันนี้ #เหมียวบ็อบ จะพาเพื่อนๆทุกคนไปดูไอเดียรอยสักที่สุดแสนจะกิ๊บเก๋ชิคๆคูลๆ ที่อาจจะไปสะกิดต่อมความอยากออกไปเที่ยวของเพื่อนๆได้เลยล่ะ 1. รอยสักตัวเลข ลองติจูด และ ละติจูด แบบเท่ห์ๆ 2. คำพูดเท่ห์ๆสำหรับคนที่รักในอิสระก็เจ๋งไม่เบา 3. รอยสักที่บ่งบอกการเดินทางตั้งแต่ป่าจนสู่ปิรามิด 4. เซ็น สแตมป์ และ พร้อมส่งออก 5. บางคนอาจจะออกเดินทางจนหายไปนานๆเลยก็ได้นะ 6. สักเป็นตัวเลขทางหลวงแบบนี้ ก็เท่ห์ไม่เบา 7. รอยสักรูปเข็มทิศที่ได้รับความนิยมสุดๆ 8. รูปโลกแบบนี้ก็ดูแนวๆไปอีก 9. ลายเส้นที่ดูเรียบง่ายแบบนี้ ก็เท่ห์ไม่เบา 10. เรียบๆง่ายๆด้วยคำว่า Explore 11. เครื่องบินที่พร้อมจะออกเดินทาง…
-
หนุ่มอุบลฯโวย เจอตำรวจจับข้อหาไม่มีกันชน เจ้าหน้าที่แจงที่แท้กันชนใกล้พังเต็มที
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา นายสามารถ พุฒพิมพ์ ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม มีด่านบอกด้วย อุบลราชธานี ว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายน เวลาประมาณเที่ยง เจ้าตัวได้ถูก ดต.ชาญณรงค์ สายสุวรรณ ในอ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จับกุมในข้อหาไม่มีกันชนหลัง เนื่องจากเจ้าตัวไม่เคยได้ยินข้อกฎหมายนี้มาก่อนทำให้มีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายก็เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่าข้อหานี้มีจริง และกฏหมายทุกวันนี้บังคับให้รถยนต์ติดตั้งกันชนหลังทุกคัน เจ้าตัวเลยต้องเสียค่าปรับไป 200 บาทตามระเบียบ อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่นี่เลย #อยากทราบว่าข้อหานี้ก็มีด้วยเหรอคะ# วันนี้ขอระบายโดยใช้เฟสบุ๊คคุณหนึ่งฤทัยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า..ข้อหาใหม่จากตำรวจจราจร… โพสต์โดย หนึ่งฤทัย พุฒพิมพ์ บน 22 เมษายน 2016 หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาพากันแสดงความคิดเห็นในเชิงต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมากมาย ต่อมา พ.ต.ท. พีระศักดิ์ สุระมะณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิบูลมังสาหาร ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยบอกว่ารถของคุณสามารถนั้นมีกันชนหน้าที่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีรอยแตกหักและใช้เชือกมัดติดไว้กับรถทั้งด้านซ้ายและขวา ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน แต่เจ้าตัวกลับเถียงและยืนยันว่ากันชนสามารถใช้งานได้ดีแม้จะขับด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ไม่หลุดร่วง ซึ่งในระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเขียนใบสั่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการระบุข้อหา ผู้จับกุมได้ชี้แจงว่า…
-
น่ากลัวขึ้นทุกวัน!! แท็กซี่ไล่ผู้โดยสารลงกลางทาง แถมพยายามขับชนหลังถูกถ่ายรูปทะเบียนรถ
ดูเหมือนว่าแท็กซี่สมัยนี้จะเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกวันๆ เพราะล่าสุดมีผู้โดยสารมาร้องเรียนในโลกออนไลน์ว่าถูกคนขับแท็กซี่ไล่ลงจากรถกลางทาง แถมพยายามจะขับชนเพราะเธอถ่ายรูปทะเบียนรถของเขาไว้ด้วย!? เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 เมษายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เมยาวี เกตุแก้ว ได้โพสต์ภาพและข้อความร้องเรียนลงในเพจ ร้องเรียนแท็กซี่ปฎิเสธผู้โดยสาร ร้องเรียนแท็กซี่บริการห่วย บริการแย่ โดยเธอเล่าว่าเธอโบกรถแท็กซี่สีชมพูขาวป้ายทะเบียน ทษ 9817 บริเวณหน้าตลาดโรงเกลือเพื่อเดินทางไปหมู่บ้านมหาดไทย 1 แต่ในระหว่างที่เธอกำลังเดินทางอยู่นั้นเองคนขับแท็กซี่กลับบอกให้เธอลงกลางทาง และเรียกเก็บค่าโดยสาร เธอจึงถ่ายภาพป้ายทะเบียน แต่คนขับรีบกระชากมือถือไปจากเธอและขู่ให้ลบรูปถาพทะเบียนออก เธอจึงรีบลงจากรถและมาถ่ายภาพทะเบียนอีกครั้ง จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็เกิดความโมโหจึงขับรถพุ่งไปหาเธอ โชคดีที่เธอกระโดดหลบออกมาก่อน ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย แท็กซี่คันนี้แย่มากค่ะ#คือเราขึ้นจากหน้าตลาดโรงเกลือขนส่งสายใต้ใหม่จะปัยเอาของที่มหาดไท1แล้วกลับมาสายใต้เจอแท็กซี่ขึ้นแล… โพสต์โดย เมยาวี เกตุแก้ว บน 8 เมษายน 2016 จากนั้นทางเพจร้องเรียนแท็กซี่ฯ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและต่อว่าคนขับแท็กซี่คันนี้ พร้อมกับแนะนำให้โทรไปยังเบอร์ 1197 และ 1584 เพื่อแจ้งหมายเลขทะเบียนและร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนขับรถคันดังกล่าว ทำไมเดี๋ยวนี้พี่แท็กซี่ดุจัง ที่มา เมยาวี เกตุแก้ว
-
ชาวเน็ตตะลึง!! พบรถตู้ติดแหง็กอยู่บนทางข้ามคลอง เหตุเพราะขับตาม GPS!?
ปัจจุบันมีสิ่งช่วยอำนวยสะดวกในการเดินทางมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสัญญาณ GPS ที่จะช่วยนำทางให้เพื่อนๆ ไปยังจุดหมายที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนทั่วโลกก็ตามเค้าก็สามารถพาไปได้หมด ทำให้เวลาเดินทางก็ไม่ต้องเสียเวลามาเปิดแผนที่ศึกษาเส้นทางอีกแล้ว แหม่…ดูสบายจริงใช่มั้ยล่ะ แต่เอาจริงๆ แล้วไอ้เจ้าระบบ GPS นำทางเนี่ย มันไม่ได้มีความแม่นยำชัวร์ 100% ไปซะทีเดียวนะ บางทีก็พาไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้บ้าง บางทีก็ใช้ทางลัดที่แบบว่าเป็นทางก็จริง แต่รถดันผ่านไปไม่ได้ซะงั้น ซึ่ง #เหมียวหง่าว มีตัวอย่างมาให้เพื่อนได้ชมกัน… เรื่องมีอยู่ว่า เพจเฟสบุ๊ค เรารักด่านตรวจ ได้ทำการโพสท์รูปภาพของรถตู้คันหนึ่ง ที่ไปติดค้างเติ่งอยู่บนทางเดินริมคลองเล็กๆ ในจังหวัด นนทบุรี พร้อมกับแคปชั่นว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจ GPS (พี่ก็ยังกล้าขับเข้าไปนะ) สถานที่ : ทางเดินริมคลองพระอุดม จ.นนทบุรี” อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจ GPS (พี่ก็ยังกล้าขับเข้าไปนะ)สถานที่ : ทางเดินริมคลองพระอุดม จ.นนทบุรี Posted by เรารักด่านตรวจ on Saturday, April 2, 2016 จากข้อมูลในภาพพอจะสรุปได้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะขับตาม GPS มาเรื่อยๆ จนมาติดแหง็กอยู่บนทางเดินข้ามคลอง ซึ่งก็บขับต่อไปไม่ได้ด้วยเกรงว่ารถจะตกน้ำ จนสุดท้ายต้องใช้รถยกมาช่วยยกออกไป…
-
ฝรั่งทำคลิปการเดินทางของ Lightsaber ที่เป็นของ Luke Skywalker ก่อนตกถึงมือ Rey ในภาคล่าสุด…
ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังที่มีผู้ติดตามเรื่องราวเยอะที่สุดแล้วล่ะ กับภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: The Force Awakens ซึ่งเรียกติดปากกันว่าภาค 7 นั่นล่ะ และเรื่องที่เป็นคีย์หลักของภาคนี้ก็คือการตามหา Luke Skywalker เจไดคนสุดท้าย และการที่ไลท์เซเบอร์ของเขา เรียกร้องหา Rey ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง ทีนี้เรามาย้อนอดีตกันหน่อยดีกว่า กับการเดินทางของไลท์เซเบอร์ด้ามนี้ ที่เป็นทั้งของ Luke และ Anakin Skywalker มาก่อน ลองมาดูกันเลย!!! ช่วงแรกๆ ตอนที่อนาคินทำไลท์เซเบอร์ตกหายแล้ว Obi Wan เก็บไว้ให้ และการสังหารเคาท์ดูกู จนกระทั่งในภาค 7 นี้ ลองมาชมวิดีโอกันได้เลย เหมือนเป็นการย้อนอดีตเบาๆ เลยนะเนี่ย #จ่าสิบเหมียว รู้สึกว่าเหมือนโตมากับหนังเรื่องนี้จริงๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ รู้สึกเหมือนกันบ้างรึเปล่า >< ปล. ภาคแรกที่ดูคือภาค 1 นะจ๊ะ ไม่ใช่ภาค 4 5 6…
-
ทนไม่ไหวแล้วเฟ้ย!! ชม 19 ผู้โดยสารต้นแบบ ที่ใครได้เดินทางด้วยเป็นต้องเอือม!!
สำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ แล้ว การที่ต้องนั่งในชั้นประหยัด อาจจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ เพราะต้องเจอกับคนหลากหลายประเภท บางคนทำตัวสบายเกิ๊น ทั้งกรนเสียงดัง เท้าเหม็น กินอาหารหกเลอะเทอะข้างๆ คุณ แค่อ่านก็ประสาทเสียแล้วใช่ไหมล่ะ? วันนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปชมตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของผู้โดยสารสุดเอือม ที่คุณไม่อยากเจอแน่ๆ ระหว่างเดินทางด้วยเครื่องบิน จะละเหี่ยใจขนาดไหนลองไปดูกันเลย 1. นั่นถุงเท้าใช่มะ!? 2. มองแว๊บแรกนึกว่ารากไม้ 3. ขอแตะหน่อย 4. เหม็นว๊อย!! 5. “หนูเหม็นจังเลยพี่ชาย” 6. ทำไมวางเรี่ยราดแบบนี้ล่ะพี่ 7. เป็นรูด้วยนะ คลาสสิค!! 8. เติมน้ำแข็งหน่อยไหมพี่? 9. จะดูหนัง เอาเสื้อออกเดี๋ยวนี้!! 10. พาดขาแบบนี้แล้วจะนั่งยังไงล่ะพี่!! 11.…
-
ผู้โดยสารโวยสารการบิน ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงไปด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Call Center บอกให้เอาขึ้นไปได้?
เหมือนจะเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ สำหรับสายการบินนกแอร์ เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งมีประเด็นว่านักบินพากันหยุดงานโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมาไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด ล่าสุดมีผู้โดยสารมาร้องเรียนผ่านโลกออนไลน์อีกแล้วล่ะ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอหนึ่งผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sinart King เป็นคลิปการพูดคุยกับพนักงานของสายการบินนกแอร์คนหนึ่ง ที่ปฏิเสธไม่ให้เธอนำแมว 2 ตัวขึ้นเครื่องด้วยสาเหตุเพราะว่าเครื่องบินลำนั้นเป็นลำเล็ก ไม่สามารถโหลดสัตว์เลี้ยงลงใต้ท้องเครื่องได้ แต่เจ้าของคลิปได้ยืนยันว่าก่อนหน้านี้เธอได้เคยโทรสอบถามกับทาง Call Center มาแล้ว และพนักงานก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องบินลำใหญ่สามารถพาสัตว์เลี้ยงขึ้นไปได้ แต่เมื่อมาเช็คอินที่สนามบินกลับไม่เป็นไปตามที่พนักงานได้พูดไว้ ทั้งนี้พนักงานของแอร์ได้ยื่นข้อเสนอที่จะเปลี่ยนไฟลท์ให้กับผู้โดยสารเป็นช่วงเวลาอื่นแทนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ดูเหมือนจะยังไม่เป็นที่พอใจของผู้โดยสาร จึงได้ถ่ายคลิปวิดีโอการโต้ตอบของพนักงานมาลงในเฟซบุ๊กของเธอ ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง ช่วยกันแชร์ด้วยค่ะ วันนี้เราจะเดินทางไปเชียงใหม่โดยมีแมวไปด้วยสองตัว ก่อนหน้านี้โทรคอนเฟิร์มกับ call center 2-3 ครั้งแล้ว เขายืนยันว่าเครื่องบินที่ไปเชียงใหม่เป็นลำใหญ่ โหลดสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้แน่นอน ให้ติดต่อเคาน์เตอร์เช็คอินวันเดินทางได้เลย ปรากฎว่ามาถึง จนทบอกว่าเป็นเครื่องลำเล็กเพราะบินร่วมกับสายการบินอื่น แมวไปไม่ได้ แต่ที่กากมากคือเราบอกเขาว่าเคยโทรเช็คกับ call center แล้วนะ นางก็บอกว่า call center ไม่ใช่นกแอร์ ไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ตามคลิปเลยเนี่ย อ้าว!! แล้วเวลาลูกค้าโทรติดต่อนกแอร์ เขาก็รู้อยู่เบอร์เดียวนะคะ…
-
พ่อหนุ่มเปลี่ยงแปลงชีวิตตัวเอง ออกทัวร์ทวีปยุโรปโดยไม่ใช้เงินเลย เพื่อการกุศลสำหรับโรคมะเร็ง!!
แทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ กับการตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้ว่าอยากจะออกไปเที่ยวรอบโลก อยากจะทำแบบนี้ให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ก็ไม่อาจทำได้นั่นก็เป็นเพราะว่าด้วยปัจจัยของหน้าที่การงานและเรื่องของการเงิน ซึ่งเวลาที่เราจะเดินทางไปที่ไหนซักที่ มันก็ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พักและอื่นๆ อีกมากมาย ไม่มีทางที่จะไม่ใช้เงิน แต่สำหรับพ่อหนุ่ม Kris Mole วัย 24 ปีผู้นี้ ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าการออกไปผจญภัยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป Kris Mole เดินทางด้วยระยะทางกว่า 15,712 กิโลเมตรแล้ว (9,763 ไมล์) ผ่านทั้งเมืองหลวงเมืองเล็กในยุโรปรวมแล้วทั้งสิ้น 23 เมือง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถระดมทุนสำหรับองค์กร Cancer Research ได้อีกเป็นจำนวนมาก จุดเริ่มต้นการเดินทางของเขานั้นก็มาจากเมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนเคยเป็นคนติดเหล้าและการพนัน จนหมดเนื้อหมดตัว อีกทั้งหลังจากที่คุณป้าของเขาถูกวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็ง เขาจึงตัดสินใจเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง!! ตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 เขาเริ่มต้นทริปไร้การใช้เงินเพื่อการกุศล เดินทางไปทั่วทวีปยุโรป ท้าทายชีวิตด้วยการเสี่ยงถูกจับบนรถไฟโดยที่ไม่ซื้อตั๋ว ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น…
-
รถเมล์สายโหดมุ่งตรงสู่รัฐหิมาจัลประเทศ ข้ามเทือกเขาหิมาลัยลำบากแค่ไหนก็บ่ยั่น!!
การคมนาคมในประเทศอินเดียนั้นยังไม่ค่อยได้รับการพัฒนาเท่าที่ควรซักเท่าไหร่ ซึ่งวิธีการเดินทางไกลของผู้คนในประเทศอินเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการนั่งรถเมล์โดยสารไปยังจุดหมายปลายทาง แต่ละเส้นทางในประเทศอินเดียนั้นก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ เรียกได้ว่าคนขับต้องมีประสบการณ์สูงจริงๆ บวกกับความทรหดอดทนในการฝ่าฟันเส้นทางอันยากลำบาก อย่างเช่นรถเมล์สายนี้ที่มุ่งตรงไปยังรัฐหิมาจัลประเทศ รัฐทางตอนเหนือของอินเดีย ระหว่างทางก็ใช่ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ เพราะต้องใช้เส้นทางเลียบเทือกเขาหิมาลัย ที่เต็มไปด้วยความอันตราย และด้วยขนาดรถที่ใหญ่ทำให้ไม่สามารถสวนทางกันได้เลย เพราะทางแคบมากๆ ไหนจะต้องเจอกับเหล่าฝูงสัตว์เลี้ยงบนตีนเขาอีก แต่ถึงแม้ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ไม่ว่าจะเจอทางแคบ โค้งหักศอก หรือแม้แต่ไม่มีถนนให้วิ่งก็ตาม รถเมล์สายนี้ก็ยังคงให้บริการตามปกติ พาผู้โดยสารไปส่งถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย มั่นใจได้ว่าผู้โดยสารทุกคนจะต้องมีที่นั่ง ชิวๆ บนหลังคาไปเลยจ้า!! ฤดูหนาวมาเยี่ยมเยือน ก็ยังคงให้บริการตามปกติ แต่วันไหนหิมะตกหนักก็ขอพักบ้าง รถเมล์ผู้ร่วมเส้นทางเดียวกันเกิดอาการงอแง ก็ต้องรีบช่วยพาออกไปโดยด่วน เสี๊ยว เสียว!! เห็นมั้ยเอ่ย? อ่าห์!! ในที่สุดก็เจอถนนซักทีเนอะ วิวธรรมชาติระหว่างการเดินทาง สวยจริงๆ …
-
21 ภาพการเดินทางสุดโหดในประเทศอินเดีย ที่ทั้งน่ากลัวและหวาดเสียวฝุดๆ เลย
หากคุณได้เดินทางไปที่ไหนสักที่ แล้วต้องมาเจอกับการเดินทางที่มีถนนสายโหดที่แสนอันตราย รับรองว่านั่นคงเป็นการผจญภัยที่สุดหวาดเสียว และหฤโหดมากแน่ๆ ดังเช่นภาพเส้นทางในประเทศอินเดียที่เราจะนำมาให้ชมในวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่แสนทรหด และน่ากลัวที่สุดเลยก็ว่าได้ และถ้าหากใครที่ได้เจอเส้นทางสุดโหดเหล่านี้ รับรองว่าคุณจะต้องเสียวไปทั้งตัวแน่นอน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 เห็นแบบนี้ก็ยอมคนอินเดียจริงๆ แต่การเดินทางในเส้นทางแบบนี้ มันทั้งเสี่ยงและอันตรายมากๆ เลยนะเนี่ย ที่มา : topyaps