Tag: การเรียนการสอน
-
รัฐ Victoria เตรียมแบน ‘เทพนิยาย’ ออกจากหลักสูตร ปลูกฝังเรื่องความเท่าเทียมแทน
โดยทั่วไปแล้วสื่อการสอนของแต่ละประเทศ ก็จะมีการนำเอาเทพนิยายใส่เข้าไปในหลักสูตรด้วย เรื่องราวในนิทานที่ถูกแต่งขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเมื่อเทียบกับสภาพของสังคมในปัจจุบันแล้วต้องขอบอกเลยว่ามันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ล่าสุดในรัฐ Victoria ของประเทศออสเตรเลียได้ทำการประกาศว่าเตรียมที่จะแบนเทพนิยายพื้นบ้านอย่าง สโนว์ไวท์ หรือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ออกจากหลักสูตรการเรียนการสอน และจะแทนที่ด้วยโปรแกรมการเรียนการสอนที่ชื่อว่า Respectful Relationships เข้าไปแทน เพื่อจัดการกับปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 755 ล้านบาท และมีระยะการดำเนินการประมาณ 2 ปี ในการจัดทำหนังสือ ของเล่น สำหรับนักเรียนชั้นเตรียมอนุบาลเพื่อปลูกฝังความคิดในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศให้เหล่าเด็กๆ ซึ่งเหล่าเทพนิยายทั้งหลายนั้นมีโอกาสที่จะทำให้เด็กผู้ชายมีความคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ และทำให้ผู้หญิงมองว่าเห็นคุณค่าของตัวเองน้อยลง สำหรับโปรแกรมใหม่นี้เด็กๆ จะได้ถูกตั้งคำถามว่าหากเปลี่ยนบทบาทของเหล่าตัวละครในเทพนิยาย อย่างเช่น ให้ผู้หญิงสวมชุดเกราะแล้วไปช่วยเจ้าชาย พวกเขาจะมีความคิดอย่างไร? จากนั้นคุณครูก็จะให้คำแนะนำกับเด็กๆ ถึงเรื่องของความแตกต่างระหว่างร่างกายของเพศสภาพ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเพศใดเพศหนึ่งจะมีความสูงส่งไปมากกว่ากัน แต่ถึงอย่างนั้นระบบการศึกษานี้และการแบนเทพนิยายเรื่องต่างๆ ก็ไม่ได้มีแต่คนที่เห็นด้วยเพียงอย่างเดียว รัฐมนตรีกระทรวงครอบครัวและเด็ก Jenny Mikakos ได้ออกมากล่าวว่า “ฉันอ่านเทพนิยายหลายเรื่องให้กับเด็กๆ ในครอบครัวของฉันฟัง และฉันก็จะทำมันต่อไป และฉันก็อยากจะให้พ่อแม่ทุกคนทำต่อไปเช่นกัน เด็กๆ ควรจะเติบโตมาโดยมีแนวทางชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ใช่นำความรู้สึกเรื่องความหลากหลายทางเพศสภาพไปยัดเยียดให้กับพวกเขา” แต่ถึงอย่างไรทางรัฐบาลก็ได้ออกมาแถลงว่าเทพนิยายจะไม่ถูกแบนออกไปโดยปริยาย แต่จะสนับสนุนให้เกิดการ ‘พูดคุย’…
-
และนี่คือ 5 สาเหตุที่ว่า ทำไมการศึกษาของ ‘ประเทศฟินแลนด์’ อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก!!
ประเทศฟินแลนด์ เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในยุโรปตอนบน มีประชากรประมาณ 5 ล้านคน หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ที่นี่เป็นประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นักเรียนที่มีคุณภาพที่สุดในโลก” ประเมินจากนักเรียนที่จบการศึกษาภาคบังคับของนักเรียนจำนวน 65 ประเทศ และอะไรกันที่ทำให้การศึกษาของพวกเขาดีเยี่ยมขนาดนั้น เราลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. ช่วงเวลาก่อนเข้าเรียน เด็กๆ ที่ฟินแลนด์นั้น จะเข้าโรงเรียนเมื่ออายุ 6-7 ปี และก่อนหน้านั้นก็จะให้เด็กได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่พ่อแม่จะเป็นคนดูแลเด็กๆ เอง ทั้งให้ความรู้ เป็นเพื่อนเล่น และความรัก เพราะเขาเชื่อว่าทั้งความรู้และความรักนั้นต่างก็สำคัญสำหรับเด็กในช่วงวัยนี้ ถ้าเทียบกับบ้านเรานั้นเด็กในช่วงวัยนี้จะต้องเข้าโรงเรียนชั้นอนุบาล (ตั้งแต่ 3 ขวบ ถึง 6 ขวบ) และที่โรงเรียนก็จะมีการสอนให้อยู่ร่วมกันกับเด็กคนอื่นๆ และห้ามไม่ให้พ่อแม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเรียนการสอนแต่อย่างใด เด็กจะมีโอกาสเจอพ่อแม่ก็ต่อเมื่อหลังเลิกเรียนเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามที่ประเทศฟินแลนด์นั้นก็มีโรงเรียนที่คล้ายอนุบาลเหมือนกันนะ ไว้สำหรับพ่อแม่ที่ต้องออกไปทำงาน โดยสถานที่นี้เรียกว่า Daycare ที่จะเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็ก มีคนคอยดูแลพร้อมกับสนามเด็กเล่นให้เล่นทั้งวัน และเท่านั้นยังไม่พอที่ Daycare ยังอนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าไปเป็นเพื่อนเล่นได้ตลอดเวลาด้วย 2. เปิดโอกาสให้เด็กๆ ทำในสิ่งที่สนใจ เด็กๆ…
-
คุณครูปิ๊งไอเดียติดตั้งเครื่องปั่นจักรยานไว้ใต้โต๊ะ เพื่อช่วยให้นักเรียนโฟกัสกับการเรียนมากยิ่งขึ้น!!
ปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปมากแล้ว ทั้งทางด้านเทคโนโลยี แฟชั่น แนวคิดต่างๆ และแน่นอนว่ารวมไปถึง ‘การศึกษา’ ด้วย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีพัฒนาการก้าวไกลไปมากแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่การพัฒนาเนื้อหาของการเรียนการสอนเท่านั้น เพราะการสอนก็ถูกพัฒนาควบคู่ไปด้วยเพื่อทำให้เด็กๆ หันมาสนใจเนื้อหาการเรียนเช่นกัน และนี่ก็คือวิธีการสอนแบบใหม่ ที่สุดแสนจะแปลกของคุณครู Bethany Lambeth โดยเธอได้ทำการติดตั้งเครื่องปั่นจักรยานไว้ที่ใต้โต๊ะของนักเรียน เพื่อทำให้เหล่านักเรียนทั้งหลายหันมาโฟกัสกับการเรียนมากยิ่งขึ้น “ปกติแล้วในวัยเด็กนักเรียนนั้นจะเป็นวัยที่มีพลังงานมากมายมหาศาล และเมื่อพวกเขานั่งเรียนอยู่เฉยๆ ก็หาวิธีที่จะใช้พลังงานเหล่านั้นออกมาทั้ง ทุบโต๊ะ แกล้งเพื่อน หรือหันหน้าคุยกัน มันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะเท้าของพวกเขานั้นเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา นั่นจะทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพงานของนักเรียนของเรา และลดความผิดพลาดในการทำงานได้เป็นอย่างมาก” คุณครู Lambeth กล่าว แล้วสิ่งที่ดีที่สุดของมันก็คือ เหล่านักเรียนนั้นชอบวิธีนี้มากๆ เลยล่ะ!! “มันช่วยให้ฉันได้ออกกำลังกาย และโฟกัสไปกับการเรียนมากยิ่งขึ้น” นักเรียนคนหนึ่งกล่าว ขณะเดียวกันเด็กอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่มีพลังงานเยอะมาก และนี่ก็ทำให้ผมได้ใช้พลังพลังงานเหล่านั้นออกไป ทำให้ผมสามารถหันมาสนใจกับการเรียนได้มากยิ่งขึ้น” เขาได้ทำการปั่นไปเป็นระยะทางกว่า เกือบ 9 กิโลเมตร และสามารถเผาผลาญพลังงานไปได้มากกว่า 133 แคลอรี่ ก่อนเวลา 10 โมงเช้าซะอีก!! แน่นอนว่าใครก็ตามที่อยากได้เจ้าเครื่องปั่นจักรยานติดโต๊ะนี้มาช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้ในเวลาทำงาน…