Tag: การเหยียดเชื้อชาติ
-
สตรีมเมอร์สาว ทำโยคะกับ ‘แฟนหนุ่มชาวเอเชีย’ กลับถูกกลุ่มคนเข้ามารุมคอมเมนต์ ‘เหยียด’
บนโลกนี้มีปัญหาเกี่ยวกับเพศ วัฒนธรรมหรือชาติพันธุ์กันมากมาย แต่หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เรายังไม่สามารถแก้ไขได้ก็คือการเหยียด ปัญหาการเหยียดจริงๆ แล้วมีมานมนานมากแล้วตั้งแต่อดีตกาล ตั้งแต่สมัยประเทศไทยยังมีทาสหรือต่างประเทศยังมีการล่าอาณานิคมอยู่ ซึ่งการเหยียดก็ได้ลามมาถึงปัจจุบัน โดยที่ Lisa Vannatta สตรีมเมอร์เว็บไซต์ Twitch ชื่อดังที่รู้จักกันในนาม STPeach เธอและแฟนหนุ่มของเธอได้ตกเป็นเป้าของการเหยียดหลังจากที่ได้โพสต์วิดีโอการทำ Couples Yoga Challenge หรือโยคะคู่รักนั่นเอง “Couples Yoga Challenge” คือคำท้าทายที่เป็นเทรนด์ไปทั่วโลกออนไลน์ โดยที่จะให้คู่รักแต่ละคู่มาถ่ายวิดีโอการทำโยคะด้วยกัน และอัปโหลดลงในโซเชียลมีเดียอย่างยูทูบหรือเฟซบุ๊ก และแน่นอนว่า STPeach และ Jay แฟนหนุ่มได้ตกลงยอมรับคำท้าครั้งนี้และก็พร้อมถ่ายวิดีโอและอัปโหลดลงในยูทูบเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา แต่ ณ เวลาที่วิดีโอได้ถูกอัปโหลดลงในยูทูบแทนที่จะมีคนเข้ามาชื่นชมกลับกลายเป็นมีคนเข้ามาเหยียดแฟนของเธอกันเต็มไปหมด รวมถึงในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอด้วย เราจะยกตัวอย่างมาให้ได้ชมกันครับ “เชี่ยนี่แม่งโชคดีฉิบหายเลยว่ะ แต่ตูเดาว่ามันไม่รู้วิธีเยหญิงด้วยซ้ำ” “คนทรยศต่อชาติพันธุ์! ฉันขอให้เธอถูกแทงข้างหลัง กระปู๋ของฉันใหญ่กว่าเจ้าหมอนั่นแน่นอน” “เชี่ยจีนเอ๊ย” ซึ่งคนที่เข้ามาร่วมเหยียดไม่ใช่มีเพียงชาวอเมริกาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีชาวสเปนที่เข้ามาร่วมให้ความเห็นในเชิงที่บอกว่าไอ้ชาวเอเชียคนนี้มันโชคดีสุดๆ ไปเลยว่ะ .…
-
หนุ่มผิวสีถูกร้านกักตัว กล่าวหาว่าขโมยเสื้อกันหนาว แม้บริสุทธิ์แต่ไม่มีคำขอโทษสักคำ!?
ในปัจจุบัน คนบางกลุ่มยังคงยึดถือในเรื่องของความแตกต่าง มองว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเพียงเพราะเรื่องของเชื้อชาติหรือสีผิว ทำให้เกิดการเหยียดคนที่เป็นเชื้อชาติอื่นๆ เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่ชายคนนี้ต้องเจอเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนผิวดำ เขาคนนี้มีชื่อว่า James Conley III วัย 29 ปี หนุ่มผิวสีที่เป็นลูกค้าประจำของแบรนด์เสื้อผ้า Old Navy แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับการโดนดูถูกจากร้านเสื้อผ้าที่ตนเองชื่นชอบ James ได้โพสต์สิ่งที่เกิดขึ้นลงในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2018 เรื่องราวมีอยู่ว่าในวันนั้น เขาได้เข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าของร้าน Old Navy สาขาหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า Jordan Creek รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ใส่เสื้อแบรนด์เดียวกันไปด้วย โพสต์ของเขาที่พูดถึงการโดนเหยียดสีผิว จากนั้นเขาก็ถูกผู้จัดการร้านที่ชื่อ Beau Carter เรียกตัวไป เพื่อจะตรวจสอบเสื้อหนาวสีน้ำเงินตัวที่เขาใส่อยู่ เพราะเกิดการตั้งข้อสงสัยว่าเขาได้ขโมยเสื้อตัวนี้ไปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่จริงเสื้อตัวนี้ James ได้มาเป็นของขวัญวันคริสต์มาสในปีที่ผ่านมานี่เอง James (คนซ้าย) ถูกผู้จัดการร้านเรียกไปตรวจสอบว่าเสื้อที่เขาใส่คือตัวของทางร้านหรือเปล่า ผู้จัดการร้านชี้แจงกับเขาว่า “เวลาที่มีลูกค้าใส่เสื้อของ Old Navy เดินเข้ามาในร้าน…
-
เจ้าหญิงไมเคิล หนึ่งในพระราชวงศ์อังกฤษขอโทษชาวเมืองหลังติดเข็มกลัด “เหยียดผิว”
เมื่อเร็วๆ มานี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหนึ่งขึ้นอย่างหนาหูในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ หนึ่งในสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษ โดยในการทรงงานวันนั้นพระองค์ได้ทรงติดเข็มกลัดรูปคนดำเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส ซึ่งในงานนั้นก็มีนางสาว Meghan Markle พระคู่หมั้นของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่มีเชื้อสายแอฟริกันอยู่ด้วย ภาพที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นอย่างหนาหู สำหรับเข็มกลัดที่พระองค์ทรงกลัดไปงานจนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือเข็มกลัดสไตล์ “แบล็กอามัวร์”(Blackamoor) ซึ่งเป็นรูปร่างของคนดำที่สวมเครื่องประดับต่างๆ นานา ทำให้ผู้คนวิจารณ์กันว่าที่พระองค์ทรงติดเข็มกลัดนี้มางาน อาจจะมีนัยของการเหยียดสีผิวแฝงเอาไว้อยู่ เข็มกลัดศิลปะแบบ Blackamoor ที่เป็นที่มาของการเหยียดเชื้อชาติ เข็มกลัดที่ว่านี้เป็นที่สังเกตครั้งแรกโดย Lainey Gossip สื่อบันเทิงชื่อดัง และได้ทำให้นักวิจารณ์บางคนออกมาพูดถึงประเด็นการเหยียดเชื้อชาติของพระองค์ขึ้น โดยสื่อนี้ได้เขียนพาดหัวภาพเอาไว้ว่า “ขณะที่เรากำลังพูดถึงเรื่องนี้กัน คุณคิดว่านางสาว Meghan จะเห็นเข็มกลัดที่เจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ติดมาไหม” โดยภาพของพระองค์ถูกจับได้พร้อมกับ เจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์พระสวามีของพระองค์ ขณะที่กำลังขับรถเข้าไปที่พระราชวังบักกิ้งแฮม ภาพขณะอยู่หน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม และในตอนนี้ก็ได้มีแถลงการณ์ออกมาจากพระองค์แล้ว โดยเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ได้ออกมาบอกว่า เข็มกลัดที่พระองค์ทรงติดไปงาน เป็นของขวัญที่พระองค์ได้รับมานานและได้ทรงติดออกงานสังคมมาหลายงานแล้ว ทั้งนี้พระองค์ก็ได้กล่าวเอาขอโทษเอาไว้ “ฉันขอโทษและเสียใจเป็นอย่างมากที่ทำให้เกิดความขุ่นข้องขึ้น” คำแถลงของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้ สำหรับเจ้าหญิงไมเคิลแห่งเคนต์ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร และได้ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์ และในปัจจุบันพระองค์ก็มีพระชันษาถึง 72 ปีแล้ว ที่มา: metro
-
หญิงสาวที่โดนเหยียดเชื้อชาติ ตัดสินใจเข้าร่วม ISIS เพื่อแก้แค้น ก่อนจะหนีออกมาในภายหลัง…
ใครก็ตามที่โดนดูถูกเหยียดหยามบ่อยๆ มักจะกลายเป็นคนที่มีปมในใจ เขาอาจจะกลายเป็นคนได้สองรูปแบบ ถ้าไม่เป็นคนขี้กลัว ก็อาจจะกลายเป็นคนหัวรุนแรงไปเลย… Tania Georgelas วัย 33 ปี ชาวอังกฤษ-บังคลาเทศ เป็นหนึ่งในคนที่โดนเหยียดเชื้อชาติ จนทำให้เธอกลายเป็นคนหัวรุนแรง และอยากให้ลูกๆ ของเธอป็นผู้ก่อการร้ายในอนาคตด้วย แต่ปัจจุบัน Tania ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองดัลลัส โดยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของอดีตสามี และสามีใหม่ของเธอ ลองไปรับรู้เรื่องราวของเธอ ผ่านบทความที่ #เหมียวขี้ส่อง จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ค่ะ… กว่าจะมาถึงวันนี้ หญิงสาวต้องผ่านอะไรมาเยอะ รวมทั้งการเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผลและปัจจัยอยู่เบื้องหลัง Tania ได้เผยเรืื่องราวชีวิตของเธอระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ The Atlantic ตั้งแต่ออกจากอังกฤษแล้วไปใช้ชีวิตในซีเรีย ก่อนจะกลับมาอยู่ในสหรัฐอเมริกา Tania เป็นหนึ่งในเด็กทั้ง 5 คนที่เกิดในลอนดอน โดยเป็นลูกของคู่รักชาวอังกฤษ-บังคลาเทศ Nural และ Jahanara Choudhury เธอใช้ชีวิตวัยเด็กใน Harrow ซึ่งที่นั่นเธอต้องเจอกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ แม้แต่เพื่อนบ้านเองก็มักจะเอาก้อนหินปาใส่หน้าต่างบ้านของเธอ จนทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก รู้สึกแปลกแยกกับสถานที่แห่งนั้น เมื่อการดูถูกเหยียดหยามทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด Tania ก็คิดหาทางที่จะแก้แค้นคนเหล่านั้น… กระทั่งหญิงสาวอายุ 17 ปี…
-
“เรียนกฎหมายอังกฤษซะบ้าง” คู่รักบริติชกินอาหารไทยแล้วไม่ยอมจ่ายเงินพร้อมพูดจาเหยียดหยาม
กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งให้บริการอาหารแก่ลูกค้าซึ่งลูกค้าก็กินจนหมดแต่กลับมาบอกว่าอาหารไม่ดีและด่าทอพนักงานจนแทบน้ำตาร่วง คุณกิติมา แม้นเหมือนจันทร์ เจ้าของร้านอาหารชื่อว่า Bangkok Canteen ในเมือง Gloucester ได้เล่าให้ฟังว่ามีคู่รักคู่หนึ่งวัยประมาณ 30 ปีได้เข้ามาใช้บริการในร้านอาหารแห่งนี้เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ในคืนวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าพวกเขาได้ต่อว่าพนักงานทั้งคืนพร้อมทั้งหนีไปก่อนที่จะจ่ายเงินค่าอาหารจำนวน 68.50 ปอนด์ (2,976 บาท) สภาพจานอาหารที่คู่รักคู่นี้กินจนเกลี้ยงจริงๆ “ผู้หญิงคนนั้นได้ดูถูกฉันต่างๆ นานาและบอกว่าฉันควรกลับไปที่ที่ฉันจากมาแล้วเรียนกฎหมายของประเทศอังกฤษซะ” “เธอคนนั้นหยาบคายเอามากๆ โดยเธอได้ดูถูกพนักงานเสิร์ฟของฉันสองคนโดยบอกว่า “ถึงจะได้รับเพียงค่าแรงขั้นต่ำแต่ก็ควรรู้กฎหมายในประเทศอังกฤษนะ” แม้ว่าพนักงานเสิร์ฟทั้งสองคนจะเป็นคนอังกฤษก็ตาม” “นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกช็อคอย่างมาก พนักงานของเราเกือบจะร้องไห้อยู่แล้วเพราะว่าพวกเธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต” คุณกิติมา เล่าให้ฟัง ร้านอาหาร Bangkok Canteen โดยคู่รักที่ว่านี้ได้สั่งทอดมันปลาเพื่อเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยและกินมันจนหมดเกลี้ยงทุกอย่าง แต่ว่าหลังจากกินจนหมดพวกเขากลับต่อว่าคุณกิติมาและไม่ยินยอมที่จะจ่ายค่าอาหารโดยให้เหตุผลไว้ว่าทอดมันปลานั้น “เหนียวเกินไป” “ฉันบอกว่าฉันไม่สามารถคืนเงินให้ได้เพราะว่าพวกคุณไม่แจ้งให้รู้ตั้งแต่กินชิ้นแรก ซึ่งฉันรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” “ผู้หญิงคนนั้นก็บอกเราว่าควรจะยอมรับคำวิจารณ์บ้าง แต่ฉันคิดว่าต้องมีความยุติธรรมกับเราบ้างเพราะว่าพวกเขากินอาหารทั้งหมดเข้าไปแล้วทั้งจาน ไม่เหลือไว้แม้กระทั่งผักประดับจานเลย” “โดยปกติแล้วหากอาหารผิดปกติ พวกเรายินดีที่จะเปลี่ยนจานหรือคืนเงินให้แต่ว่านี่พวกเขากินทั้งหมดเข้าไปแล้ว คุณไม่สามารถคืนกล่องช็อกโกแลตเปล่าคืนให้แก่ซุปเปอร์มาเก็ตใช่ไหมล่ะ” “มีลูกค้าจำนวนมากเมื่อคืนวันนั้นและทุกคนที่รับประทานอาหารก็ดูมีความสุขดี” เจ้าของร้านกล่าวเสริม ร้านอาหาร Bangkok ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมเมื่อเดือนที่แล้ว…
-
จีนจัดนิทรรศการภาพถ่าย ‘แอฟริกา’ เทียบชนพื้นเมืองกับสัตว์ป่า… จนกลายเป็นการเหยียดผิว
กลายเป็นประเด็นดราม่าในโซเชียลเมื่อพิพิธภัณฑ์จีนจัดนิทรรศการภาพถ่ายที่มีการเทียบภาพชนพื้นเมืองคู่กับสัตว์ป่า จนถูกมองว่าเป็นการเหยียดชนชาติอื่น นี่คือนิทรรศการภาพถ่ายที่จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ Hubei Provincial Museum เป็นชุดภาพที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสามัคคีระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งถ่ายโดยช่างภาพและนักธุรกิจระหว่างเดินทางไปแอฟริกาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นิทรรศการนี้มีชื่อว่า “This is Africa” ภายใต้หัวข้อ “One’s heart makes one’s appearance” โดยนำเอาภาพเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นชนพื้นเมืองของแอฟริกามาประกบคู่กับภาพสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ในชุดภาพดังกล่าวนี้ประกอบด้วยภาพชายชราประกบคู่กับลิง อีกภาพเป็นรูปของชายชาวแอฟริกาในท่าที่มองผ่านไหล่ตัวเองประกบกับภาพเสื้อชีต้าที่ทำท่าคล้ายกัน มีภาพเด็กอ้าปากกว้างวางคู่กับภาพกอริลลา และอื่นๆ อีกมากมาย ในบรรดาภาพเหล่านั้นมีภาพของกลุ่มนักเรียนแอฟริกาในประเทศจีนอยู่ด้วย และเมื่อรู้ว่ามีคนเอาภาพพวกเขาไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์โดยประกบคู่กับสัตว์ที่ทำท่าคล้ายกัน จึงได้มีการขอร้องไม่ให้ระบุชื่อของพวกเขา เพราะกลัวจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสงสัยว่าลักลอบเข้ามา หลังจากที่ถูกร้องเรียน ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้เอาภาพดังกล่าวออก อย่างไรก็ตามนักเรียนแอฟริกาได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทางคณบดีของมหาวิทยาลัยทราบ ในขณะที่คนอื่นๆ ได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังสถานทูตแอฟริกาในจีน สำหรับนิทรรศการนี้ได้จัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว เพื่อเป็นการฉลองวันหยุดแห่งชาติ 8 วันของจีน ซึ่งมีคนเข้าเยี่ยมชมพิพิภัณฑ์นั้นไปแล้ว 133,000 คน ต่อมา Wang Yuejun ผู้วางแผนจัดนิทรรศการนี้ได้ออกมาแถลงว่า “เราเข้าใจทุกๆ ความเห็นที่ร้องเรียนเข้ามา แต่ผมอยากเรียนให้ทราบว่าผู้เข้าชมนิทรรศการส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ในทัศนะของคนจีนการเปรียบเทียบคนกับสัตว์นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจเลย” Wang ยังชี้ให้เห็นว่า ชาวจีนมักจะบูชาเทวรูปสัตว์ และในระบบจักรราศีเกิดของจีนก็มีความเกี่ยวข้องกับสัตว์ด้วย…
-
ซุปเปอร์มาร์เก็ตนำ “อาหารต่างชาติ” ออกจากชั้น สะท้อนให้คนเหยียดชนชาติรู้ว่า มันจะแย่เพียงใด…
ในทุกมุมโลกไม่ว่าที่ไหน ก็มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติอยู่เสมอ ซึ่งทัศนคตินี้สามารถเกิดได้กับทุกคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งเป็นเรื่องความคิดเห็นส่วนบุคคล และเพื่อแสดงให้เห็นถึงแนวคิดเหล่านี้ ซุปเปอร์มาเก็ตที่เปิดให้บริการผู้คนมากมายหลากหลายเชื้อชาติ ก็ได้เลือกกระทำในสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความหลากหลายที่หายไป… ให้ความรู้สึกที่แปลกตาอย่างที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเหตุการณ์ที่สินค้าต่างๆ ภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต Edeka ของประเทศเยอรมนี ได้หายไปจนเกือบหมดชั้น ทำให้เกิดความงุงงงแก่ลูกค้าเป็นจำนวนมาก ว่าเพราะอะไรจึงเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เพราะสินค้าที่หายไปนั้นเป็นสินค้าจากต่างประเทศทั้งหมด และวางขายแค่เพียงสินค้าของประเยอรมันเท่านั้น โดยเหตุการณ์นี้เกิดในซุปเปอร์มาร์เก็ต Edeka สาขาของเมืองฮัมบวร์ค โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างคิดว่าสินค้าภายในซุปเปอร์มาเก็ตนั้นหมดสต็อกแล้วหรือ?? แต่เมื่อเข้าไปอ่านป้ายที่กำกับเอาไว้บนแต่ละชั้นด้วยใจความที่แตกต่างกันไป เช่น “ชั้นสินค้าที่ว่างเปล่านั้นจากเหตุที่ไร้สินค้าต่างชาติ” และ “ชั้นวางของที่ไร้ความหลากหลายก็มาพร้อมกับความน่าเบื่อ” เป็นการสะท้อนถึงแนวคิดเหยียดเชื้อชาติได้อย่างเฉียบคมมากๆ ดังนั้นซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ก็จะไม่มีสินค้าที่มาต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศขึ้นชั้นวางขายเลย… “Edeka ยึดมั่นในความหลากหลาย และเราผลิตอาหารหลากหลายประเภท ซึ่งผลิตจากภูมิภาคต่างๆ ของประเทศเยอรมนี” โฆษกของ Edeka กล่าว “แต่การได้พึ่งพาผลิตภัณฑ์ที่มาจากต่างประเทศด้วย ก็จะช่วยให้พวกเราสามารถสร้างความหลากหลายที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าของเราได้อย่างทวีคูณ” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เป็นเพราะทางซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องการสะท้อนให้เห็นถึง แนวคิดการเหยียดผิวและความหลากหลายทางเชื้อชาตินั่นเอง . แล้วเพื่อนๆ ล่ะ…
-
ผลสำรวจเผย คนยุโรป “ไม่สบายใจ” กับการแต่งงานชนชาติ-ศาสนาใดที่สุด ตรงกับที่เราคิดหรือไม่!?
ทวีปยุโรปเป็นทวีปหนึ่งที่มีผู้อพยพไปอยู่เป็นจำนวนมากและมีปัญหาอย่างหนึ่งที่พบบ่อยๆ ก็คือความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติที่เกิดขึ้น นำไปสู่ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติซึ่งทวีความรุนแรงจากในอดีต และอาจจะมากขึ้นในทุกๆ วัน ย้อนกลับไปในปี 2015 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ถามผู้คนจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมด 28 ประเทศ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการเหยียดเชื่อชาติและรวบรวบความคิดเห็นไว้ในรายงาน ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นประเด็นในเวลาต่อมา ชาวเน็ตที่ชื่อว่า Bezzleford ที่มักจะนำข้อมูลทางสถิติต่างๆ มาสร้างเป็นแผนภาพอันเข้าใจง่าย เลยถือโอกาสหยิบผลสำรวจนั้นมาสร้างกราฟิคให้ได้ชมในเรื่อง “คนยุโรปรู้สึกสบายใจหรือไม่ถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับ….. ซึ่งผลการสำรวจก็ออกมาเป็นแบบนี้ คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับคนผิวดำ ผลการสำรวจพบว่าคนยุโรปส่วนมากสบายใจที่ลูกจะมีความสัมพันธ์กับคนผิวดำ คิดเป็นอัตราร้อยละ 64 คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับชาวเอเชีย ผลการสำรวจพบว่าคนยุโรปสบายใจที่จะมีความสัมพันธ์กับชาวเอเชียในอัตราร้อยละ 69 คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับมุสลิม จากภาพจะเห็นได้ว่าคนยุโรปรับได้น้อยที่สุด ถ้าหากลูกของตนไปมีความสัมพันธ์กับคนมุสลิม พื้นที่ที่เป็นสีแดงมีเยอะ และค่าเฉลี่ยก็อยู่ที่ราวร้อยละ 50 คุณรู้สึกสบายใจไหมถ้าลูกของคุณมีความสัมพันธ์กับชาวยิว สุดท้ายคนยุโรปสบายใจ ถ้าลูกมีความสัมพันธ์กับชาวยิวประมาณร้อยละ 69 จากการสำรวจก็จะเห็นว่าคนยุโรปในบางพื้นที่ยังมีอัตราการเหยียดเชื้อชาติอยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักในประเด็นของเรื่องสิทธิมนุษยชน และนอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามยังแสดงความเห็นว่าควรมีมาตรการใหม่ๆ ในการปกป้องชนกลุ่มน้อยด้วยเพื่อความเท่าเทียมกัน เพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ที่มา boredpanda