Tag: การใช้ชีวิต
-
โอ้จอร์จมันยอดมาก 10 วิธีสุดเจ๋งที่ช่วยให้หายสะอึกได้ แถมไม่ต้องโดนทำให้ตกใจด้วย
อาการสะอึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยฉับพลันและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งก็กลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและเรื้อรัง กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด บอกว่าการสะอึกที่นานที่สุดในโลกเกิดขึ้นกับ Charles Osborne ชายหนุ่มจาก รัฐไอโอวา เขาสะอึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 68 ปีตั้งแต่ 1922 ถึงปี 1990 เลยทีเดียว ในแง่ของสรีรวิทยา การสะอึกเกิดขึ้นเมื่อกะบังลมเคลื่อนไหวผิดจังหวะ บวกกับกล่องเสียงก็ได้ปิดกั้นการไหลของอากาศทำให้เกิดการกระตุกของลมหายใจอันน่ารำคาญพวกนี้ขึ้น การจะให้หายสะอึกไปอย่างถาวรนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบแต่อย่างใด สิ่งที่เราพอจะทำได้ในตอนนี้ มีเพียงวิธีการที่จะทำให้หายสะอึกได้เร็วขึ้นก็เท่านั้น ซึ่งในวันนี้ #เหมียวศรัทธา ก็ได้นำตัวอย่างที่ว่ามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแล้ว ดังต่อไปนี้ อุดหู อุดหูของคุณประมาณ 20-30 วินาที หรือกดบริเวณที่นุ่มๆ ด้านหลังติ่งหู แถวๆ ฐานด้านล่างของกะโหลกศีรษะ นี้จะเป็นการส่งสัญญาณ “ผ่อนคลาย” ผ่านระบบประสาทช่วงคอ หรือเส้นประสาทเวกัส ซึ่งเชื่อมต่อกับกะบังลม ช่วยให้การเกร็งตัวสะอึกลดลง ดื่มน้ำ การกลืนน้ำโดยใช้หลอดจะช่วยผ่อนคลายเส้นประสาทได้ การดื่มจากแก้วน้ำก็อาจมีผลเช่นเดียวกัน วิธีนี้มักจะช่วยหยุดการสะอึกได้ในหลายๆ คน แต่บางครั้งก็อาจจะต้องทำหลายๆ ครั้งหน่อย อุดหู และดื่มน้ำพร้อมกัน อาจจะฟังดูตลกเพราะมันก็เป็นเพียงการทำวิธีหยุดการสะอึกไปพร้อมๆ กันสองแบบเท่านั้น แต่ในตอนที่คุณอุดหูนั้น คุณกำลังกดประสาทเส้นประสาทเวกัสให้ผ่อนคลายจากการเกร็งไปพร้อมๆ กับการดูดน้ำที่จะทำให้มีการกลืนอย่างสม่ำเสมอจนระบบการกลืนกลับมาเป็นปกติ…
-
ชายผู้เติบใหญ่ได้ เพราะหมาป่าช่วยเลี้ยงดูถึง 12 ปี พอกลับมาอยู่กับคน ดันรู้สึกใช้ชีวิตยาก…
ช่วงวัยเจริญเติบโตนั้น สิ่งแวดล้อมและการรับรู้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ที่จะช่วยพัฒนาความคิดและทักษะการใช้ชีวิตให้แก่บุคคลนั้นๆ ต่อไป แต่สำหรับนาย Marcos Rodríguez Pantoja เขาไม่ได้เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ได้เติบโตในสังคมของมนุษย์ เพราะเขาดันไปคลุกคลีกับเหล่าหมาป่ามานานถึง 12 ปีเลยทีเดียว ย้อนไปเมื่อปี 1946 ในเมืองกอร์โดบา ประเทศสเปน นาย Marcos Rodríguez Pantoja สูญเสียแม่ไปเมื่ออายุเพียงแค่ 3 ขวบ และถูกพ่อทิ้งอย่างไม่ใยดี แถมส่งไปให้ผู้หญิงอื่นเลี้ยงดูในเมืองใกล้เคียง และด้วยความที่เขายังเป็นเด็ก ก็เลยถูกส่งตัวขึ้นไปบนภูเขาสูง เพื่อไปทำหน้าที่แทนคนเลี้ยงแกะกว่า 300 ตัว แทนชายแก่คนเก่า เขาจำความได้ว่าชายแก่สอนวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ สอนก่อไฟให้ จนในปี 1954 ชายแก่ก็ได้เสียชีวิตลง ในขณะที่ Marcos ยังมีอายุไม่ถึง 8 ขวบ และเขาต้องใช้ชีวิตต่อไปเพียงลำพัง ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Marcos นั้นใช้ชีวิตอยู่รอดท่ามกลางฝูงหมาป่าได้อย่างไร จนเมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเจอกับเขา ในเวลา 12 ปีให้หลัง คำพูดของเขาก็เปล่งเสียงออกมาคล้ายกับสัตว์…
-
24 วิธีการแก้ปัญหายากๆ กันอย่างชาญฉลาด จะใช้ชีวิตให้ลำบากกันไปทำไมเล่า?!
ในแต่ละวันย่อมต้องเจอกับปัญหาอยู่บ้างในบางครั้ง จนมันอาจทำให้เรารู้สึกว่าการใช้ชีวิตมันช่างยากเสียเหลือเกิน แต่พวกเขาเหล่านี้อาจไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น เมื่อพวกเขาทำเรื่องยากๆ ในชีวิตให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งหมดนี้คือผลงานของคนที่มีไอเดียการแก้ปัญหาต่างๆ ในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร เป็นสิ่งที่เราอาจไม่เคยคิดกันมาก่อน ทั้งๆ ที่บางอย่างนั้นเป็นทางออกที่ง่ายมากจริงๆ การใช้ชีวิตธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดาของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เราลองไปดูกันเลย ถ้าทัชสกรีนโทรศัพท์เราเสีย ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนจอเสมอไป อยากทำเค้ก แต่ไม่มีเครื่องมือทำอาหารที่ลงตัว โชคดีที่ยังมีเครื่องมือช่างอยู่บ้าง สบายใจได้เลย เครื่องทำน้ำอุ่นของที่นี่เขาต่อสายดินเอาไว้ให้พร้อมแล้ว เมื่อการนอนหลับตอนเดินทางไกล จะไม่ทำให้คุณต้องปวดคออีกต่อไป ช้อนเป็นอะไรได้มากกว่าไว้ตักอาหาร ไม่ต้องลำบากมาหาเทียนกันให้ยุ่งยาก “เอาไส้กรอกเข้าเวฟ แต่มันสุกไม่เท่ากันทุกด้าน ทำยังไงดีครับ?” ดูพี่ไว้ไอ้น้อง รองเท้าแตะที่แม้จะถอดทิ้งไว้ในวัด ก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะหาย ของขวัญวาเลนไทน์ เหมาะสำหรับหญิงสาวที่ไม่ชอบกินช็อกโกแลต วิธีนี้บ้านเราคงทำบ่อย โดยเฉพาะช่วงวันสงกรานต์ ถ้าอยากกินช็อกโกแลตตอนแช่อ่าง ก็แค่ใช้ถาดพลาสติกที่มันให้มาในถุงนั่นแหละ เมื่ออาจารย์ใช้เครื่องมือตรวจพบว่าคุณคัดลอกประโยคในวิกิพิเดียมา แทนที่จะแก้งานเรา ให้เข้าไปแก้ประโยคในเว็บแทน บางครั้งเราก็อยากจะสัมผัสไออุ่นของเตาผิง ท่ามกลางความหนาวเย็น …
-
15 สิ่งซึ่งเกิดขึ้นมาจากไอเดียที่เรามองข้ามไป มันควรโผล่มาให้เราใช้ตั้งนานแล้ว
ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันอาจไม่ใช่สิ่งที่กระทบกับชีวิตเรามากนัก เราจึงมักจะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปอยู่เสมอ แต่ทว่าสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้นั้นจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เราเข้าใจเองว่า เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งมันอาจสำคัญกว่าที่เราคิด นี่คือภาพของสิ่งของที่ถูกดัดแปลงมาให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา หลายๆ อย่างเป็นสิ่งที่เรียบง่ายเห็นได้ทั่วไป แต่เพียงแค่ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย มันกลับกลายเป็นการแก้ปัญหาที่เรามองข้ามมาตลอดได้สำเร็จ มันมีอะไรบ้างนั้น ลงไปดูกันเองเลยจ้าาา มือถือแบตหมด แล้วต้องเดินทางอีกหลายสถานี เจ้าสิ่งนี้สามารถช่วยคุณได้ ช่วงเวลาของการรอกาแฟมันอาจไม่ยาวนาน แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้คุณได้ออกไปช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการเก็บขยะรอบๆ หาด หยิบถังออกมาแล้วไปลุยกันเลยยย เราคงไม่อยากล้วงมือเข้าหยิบพวกของดองในขวดโหลกันซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเรามีสิ่งนี้ แม้มันนอนก้นอยู่ เราก็สามารถดึงมันขึ้นมากินได้โดยไม่ต้องเหนียวมือ ประหยัดมือ ด้วยการใช้ที่ตักผงที่สามารถใส่ไว้กับเท้าได้ โรงแรมแห่งนี้รู้ดีว่า สบู่หนึ่งก้อนนั้นไม่มีใครใช้จนหมดหรอก พวกเขาจึงทำรูโบ๋เอาไว้รักษาสิ่งแวดล้อม แถมยังช่วยให้หยิบขึ้นมาได้ง่ายๆ ด้วย บันไดสำหรับเด็กๆ ที่อยากจะเห็นกระบวนการการทำพิซซ่า เนี่ย มันควรจะมีช่องบอกมาตั้งนานแล้วมั้ย ว่านมในขวดเราเหลือเท่าไหร่ ซอสที่สามารถปรับระดับความเผ็ดได้ ตามความชอบของแต่ละคน จอบนรถไฟแสดงให้เราเห็นว่า ขบวนไหนมีที่ว่างเยอะๆ บ้าง ปากกาไฮไลท์…
-
12 เทคนิคตามหลักการทางจิตวิทยา ที่จะทำให้การใช้ชีวิตง่ายและลงตัวมากยิ่งขึ้น
การใช้ชีวิตในแต่ละวันเรามักจะต้องเจอกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยมากวนใจ แต่เรากลับไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรกับมันดี หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่คิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เราขอแนะนำให้ได้ลองมาอ่านเทคนิคเหล่านี้กันดู นี่คือเทคนิคตามหลักการทางจิตวิทยาที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเราได้ หากอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้วมันจะช่วยในเรื่องไหน ก็จงเลื่อนเมาส์ลงไปอ่านกันได้เลยยย 1. การลดความตึงเครียด ถ้าหากว่าเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความกังวลใจอย่างเช่นการออกไปพูดหน้าห้อง หรือการกระโดดบันจี้จัมพ์ การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่เรากำลังกินอะไรสักอย่าง สมองเราจะสั่งการว่า “เราคงไม่กินในเวลาที่เราตกอยู่ในอันตราย เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจึงไม่ตกอยู่ในอันตราย” นั่นเอง 2. การเผชิญหน้า เวลาที่เราเข้าไปในห้องประชุมแล้วคิดว่ามีคนที่ประสงค์ร้ายกับเราอยู่ ให้เราไปนั่งข้างๆ คนคนนั้นเลย เพราะวิธีการนี้จะทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่กล้าที่จะพูดอะไรแย่ๆ หรือทำร้ายจิตใจเราที่นั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้ ลองคิดดูว่าคงไม่มีใครที่จะอยากนั่งข้างๆ กับคนที่เรานินทาอยู่หรอกจริงมั้ย 3. การล้วงข้อมูลจากอีกฝ่าย หากเราต้องการให้เพื่อนบอกอะไรบางอย่างมาก ให้ลองถามเพื่อนไปสัก 1 คำถาม ถ้าหากเพื่อนคนนั้นให้คำตอบแค่กับสิ่งที่เราถามไปเพียงอย่างเดียว ให้เราเงียบแล้วจ้องตาเขากลับไปสักไม่กี่วินาที จากนั้นเดี๋ยวเพื่อนเราก็จะพูดอะไรสักอย่างขึ้นมาเอง อาจดูกวนประสาทไปบ้าง แต่มันได้ผลจริงๆ 4. การสร้างแรงดึงดูด ในบ้านเรามักจะไม่ได้ใช้การจับมือทักทาย แต่หากเรามีโอกาสได้จับมือกับใครสักคน เราควรจะต้องทำให้มือของเราอบอุ่นเข้าไว้ดีกว่าการยื่นมือเย็นๆ ไปจับ และหากเราได้เจอกับใครคนหนึ่งเป็นครั้งแรก การที่เราลอกเลียนแบบลักษณะท่าทางของฝ่ายตรงข้ามอย่างแนบเนียน…
-
แปลก พิสดาร และฮาในเวลาเดียวกัน กับผู้คนที่ใช้ชีวิตใน ‘อีกระดับ’ ของการเป็นมนุษย์
การใช้ชีวิตไปในแต่ละวันของเราบางครั้งอาจทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ซ้ำซากจำเจ รู้สึกไม่สนุกกับมันเลย เพราะหลายๆ คนมักจะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการเร่งรีบออกไปทำงาน แล้วก็กลับมานอนหลับให้ช่วงเวลาผ่านไปอีกวันหนึ่งเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนเหล่านี้แล้ว พวกเขาคงจะไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน และภาพเหล่านี้คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นเลยว่าพวกเขามีหนทางในการใช้ชีวิตที่เจ๋งและแปลกมากขนาดไหน มันคงทำให้ชีวิตของเขาไม่เกิดความเบื่อหน่ายอีกต่อไป เราลองไปชมสิ่งที่พวกเขาทำกันเลยยย เมื่อคุณอยากใส่บิกินี่ เก็บภาพตอนไปเที่ยวทะเล แต่คุณไม่มีวันลาเหลือแล้ว สามหนุ่มผู้ทำให้การออกมาหาอะไรกินนอกบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป เธอคงเบื่อที่จะต้องหายใจร่วมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ กระมัง ในช่วงที่อากาศเย็นจัด แต่ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อเสื้อหนาวมาใส่ ผู้หญิงก็อยากจะมีหนวดเคราบ้างเหมือนกัน รอยยิ้มบนใบหน้า กับคำว่า “ฉันเกลียดทุกคน” บนเสื้อ ทั้งสองอย่างนั้นช่างดูย้อนแย้งกันเหลือเกินนะยาย แม้จะไม่มีกาน้ำร้อนหรือไมโครเวฟ แต่ยังดีที่มีน้ำร้อนตรงอ่างล้างมือล่ะนะ ออกมาข้างนอกแล้ว แต่ดันลืมเอาวิกมาซะได้ ใช้แก้ขัดไปก่อนละกัน จงปลุกความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณ รับรองว่ามือถือของเขาจะไม่หายอย่างแน่นอน ล้มไปยังไงก็ไม่เจ็บ การหาช่วงเวลาส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะ ตอนแบกว่าแปลกแล้ว นี่ไม่อยากจะคิดภาพถึงตอนที่เรียงกันขึ้นไปเลย การเขียนคิ้วสามารถสื่ออารมณ์ได้เป็นอย่างดี สวนสยามทะเลกรุงเทพจะมีเครื่องเล่นอะไรแบบนี้บ้างมั้ย …
-
11 ทริคดีๆ ที่แค่ฟังอาจจะดูบ้าบอ แต่ถ้าลองทำดูจริงๆ จะรู้ว่ามันเวิร์คกว่าที่คุณคิด
เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้เว็บไซต์ Reddit คนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า MastaPJ ได้ออกมาบอกชาวเน็ตว่า ให้มาร่วมกันแชร์ทริคแปลกๆ ที่แค่ฟังอาจจะดูบ้าบอ แต่ถ้าลองทำดูจริงๆ จะรู้ว่ามันเวิร์คกว่าที่คิดกันหน่อย แน่นอนว่าโพสต์ของเขานั้นได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีเหล่าผู้คนบนอินเตอร์เน็ตได้ออกมาแชร์ทริคดีๆ เป็นจำนวนมาก แล้วเพื่อนๆ ล่ะ อยากได้ทริคดีๆ สำหรับใช้ในชีวิตประจำวันไหม? วันนี้ #เหมียวฝึกหัด ได้นำตัวอย่างทริคดีๆ ทริคแปลกๆ จากชาวเน็ตมาให้อ่านกันแล้ว พิซซ่าจะอร่อยขึ้นถ้ามันชื้นๆ หน่อย เพื่อให้พิซซ่ามีรสชาติดีขึ้น ก่อนที่คุณจะอุ่นมันในเตาอบ หรือไมโครเวฟ ให้วางผ้าที่เปียกเล็กน้อยปิดหน้าพิซซ่า หรือฉีดน้ำพรมไว้ โดยเฉพาะที่บริเวณขอบ ลองใช้เทคนิคการผ่อนคลายของแมวดู คุณต้องการที่จะกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นในระหว่างวันหรือเปล่า? ลองอาบแดดเหมือนกับแมวหรือเด็กๆ ดูสิ คว้าหมอนมาแล้วงีบบนพื้นไปเลย เลือกจุดที่มีแสงแดดอบอุ่นด้วยจะยิ่งดี แต่ถ้าอยู่นอกอาคารอย่าลืมทาครีมกันแดดด้วยนะ แล้วก็อย่านอนเกิน 15-20 นาทีเพื่อไม่ให้ผิวไหม้ ใส่ถั่วลิสงเค็มลงในโค้ก ถั่วลิสงจะมีรสหวานๆ เค็มๆ และนุ่มขึ้น เมื่อใส่ลงในโค้ก นักท่องเที่ยวจำนวนมากใช้เคล็ดลับนี้เพื่อรับประทานขนมได้ง่ายขึ้นขณะขับรถ การใส่ถั่วลิสงลงในขวดโค้กทำให้สามารถดื่มน้ำ และกินถั่วได้โดยใช้มือข้างเดียว ถ้าใส่ถุงเท้ามาจากบ้านมันไม่ค่อยสบายเท้า ลองเก็บถุงเท้าใหม่ไว้ที่โต๊ะทำงานเลยสิ เคล็ดลับนี้เป็นประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับผู้หญิง เพราะนอกจากถุงเท้าแล้ว ถ้าคุณใส่ถุงน่องทั้งวันแล้วรู้สึกไม่สบายตัว คุณก็สามารถเตรียมถุงน่องใหม่ไว้เปลี่ยนที่ทำงานได้เลย จะกี่อันก็ได้แล้วแต่คุณชอบ …
-
ศิลปินสร้างผลงาน ที่เล่าถึงความสุขในการ ‘ใช้ชีวิตแบบโสดๆ’ ออกมาได้อย่างสวยงาม
สำหรับใครที่มองว่าใครๆ ที่มีคู่นั้นดูช่างมีความสุขเสียจริง จนบางทีก็อยากจะมีให้เหมือนกับชาวบ้านเขาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าบางที การที่เราใช้ชีวิตอยู่อย่างโสดๆ อย่างเพียงลำพังนั้น อาจจะเป็นชีวิตที่คนมีคู่แอบอิจฉาอยู่ก็เป็นได้ นั่นจึงทำให้ศิลปินชื่อว่า Yaoyao Ma Van As ตัดสินใจถ่ายทอดมุมมองการใช้ชีวิตเมื่อต้องอยู่ลำพัง ออกมาให้ดูว่าจริงๆ แล้วชีวิตประจำวันของคนโสดนั้น มีความสุขที่หาได้ง่ายๆ ขนาดไหน ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่เรามองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วมันอาจเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะตามหามาตลอดทั้งชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งภาพวาดที่ออกมานั้น ก็มีทั้งความน่ารักและความสวยงาม อีกทั้งยังแฝงไปด้วยการสื่อถึงสิ่งง่ายๆ ที่เราสามารถหาได้ในทุกวัน เห็นอย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องไปแอบอิจฉาคนมีคู่กันแล้วนะยะ!! และหากใครที่ชื่นชอบผลงานลายเส้นของศิลปินท่านนี้ก็สามารถไปติดต่ามกันต่อได้ที่ @yaoyaomva ทำงานได้โดยไม่ต้องเป็นมีเรื่องให้คิดกวนใจ นอนเล่นบนเตียงได้ทั้งวัน แถมยังไม่มีใครคอยบ่นคอยว่าอีกด้วย เล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนรักได้แบบสนุกสุดเหวี่ยง แต่งห้องของเราได้แบบตามใจตัวเอง มีเวลาว่างๆ ก็ไปหาหนังสือที่ชอบอ่าน โดยไม่ต้องแคร์ใครเล้ยย เดินกลางฝนแบบคนเดียวก็สดชื่นไปอีกแบบนะ ทำอะไรก็ไม่ต้องอาย จะนั่งท่าไหนก็ได้ อยู่กับความคิดของตัวเอง และดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ ในยามเช้า อยากเที่ยวไหนก็ไปได้เลย ไม่ต้องขออนุญาตใคร ทำสิ่งเพี้ยนๆ ต๊องๆ…
-
ผมเอาอยู่!! หนุ่มนักศึกษาอาศัยอยู่หอร่วมกันกับ ‘แฟนสาวทั้งสองคน’ แถมยังแฮปปี้สุดๆ
เพื่อนๆ เคยมีความรักกันรึเปล่า? ความมรักเนี่ยปกติจะเป็นในรูปแบบ ชาย-หญิง แต่มันก็ยังมีแบบอืื่นเช่น ชาย-ชาย หญิง-หญิง และอีกมากมาย แต่ที่เราจะเอาบทความมาให้ชมเนี่ยมันแปลกยิ่งกว่านั้น เพราะความสัมพันธ์ที่นำมาให้ชมนี้เป็นความสัมพันธ์ของ ชายหนึ่ง-หญิงสอง Joe Freeney และ Katie Aitchison ชายหญิงอายุ 21 ปี ทั้งคู่เปรียบเหมือนอัศวินม้าขาวของกันและกัน และ Clare Verduyn เองก็รู้สึกแบบนั้นกับทั้งคู่เช่นกัน ทั้งสามคนตอนนี้ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคน มีความสัมพันธ์กันแบบรักสามเส้าที่ไม่เศร้า และฝ่ายชายเป็นคนที่ทำงานบ้านเป็นส่วนใหญ่ในความสัมพันธ์แบบ Polyamorous Joe กล่าวว่า “เพื่อนของผมคิดว่าผมเป็นชายที่โชคดีที่สุดในโลก และนึกว่าผมจะสบายเพราะมีแฟนตั้งสองคน แต่จริงๆ มันก็ค่อนข้างวุ่นวายเลยครับ” “เราตกลงกันว่าจะผลัดกันทำอาหาร แต่สุดท้ายก็มักจะเป็นผมที่ต้องทำเองอยู่ดี และผมยังต้องทำความสะอาดและซักผ้าเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย” “แต่ผมรักพวกเธอทั้งคู่และพวกเธอก็รักซึ่งกันละกัน พวกเราเข้ากันได้ดีเลยแหละ” “ผมรู้ว่าคนส่วนมากจะมองพวกเราว่าแปลก แต่ว่าแบบนี้มันดีเลย มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจที่สุดที่ผมเคยได้รับมาเลยล่ะ ตราบใดที่เรายังเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน” Joe ยังพูดต่ออีกว่า “ตอนนอน Clare จะนอนอยู่ตรงกลาง เธอกรนด้วย ซึ่งมันก็รบกวนผมกับ Katie แหละ แต่พวกเราชินแล้ว” “เธอยังเป็นพวกชอบดึงผ้าห่มอีกด้วย มันก็ยากนะครับที่จะนอนหลับฝันดีได้บนเตียงคู่กับผู้หญิงสองคนเนี่ย” Joe ผู้ซึ่งเป็น…
-
ภาพถ่ายเบื้องสูงบอกเล่าอีกมุมมองหนึ่งของชีวิตมนุษย์ อาจจะเป็นอะไรก็ได้ที่จับตาดูเราอยู่
มุมมองจากเบื้องสูง, ภาพถ่ายมุมสูง, มุมมองของนก, มุมมองของพระเจ้า ภาพถ่ายที่มีชื่อเรียกอันหลากหลายนั้นสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้มากกว่าที่เราคิด คุณกำลังทำอะไรในตอนที่ไม่มีใครเห็น แล้วเพื่อนๆ ของคุณล่ะ? ครอบครัวของคุณล่ะ? พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ ช่างภาพ Florian Beaudenon ออกอัลบั้มภาพใหม่ชื่อ “Instant Life” เพื่อพยายามตอบคำถามเหล่านั้นด้วยมุมมองใหม่ที่จะส่องเข้าไปในชีวิตประจำวันของพวกเรา พวกเรากำลังจะได้มองดูผู้คนแต่งหน้า, อ่านหนังสือ หรือทำอาหารเย็น มองมันด้วยมุมมองจากเบื้องสูง ราวกับพระเจ้าที่ค่อยเฝ้ามองดูผู้คนในแบบที่พวกเขาเป็น ไร้ซึ่งการแต่งเติมใดๆ เพียงแค่ตัวของพวกเขา ในแบบที่พวกเขาเป็นจริงๆ ผู้หญิงที่แต่งหน้าก่อนไปทำงาน หญิงสาวที่ทานอาหารคนเดียวหลังจากวันทำงานที่วุ่นวาย หญิงสาวผู้จดบันทึกความคิดอยู่ในมุมๆ หนึ่งของห้อง จิตรกรผู้กำลังรังสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ หนุ่มน้อยผู้กำลังเปลี่ยนแปลงจินตนาการออกมาเป็นรูปภาพ หนอนหนังสือผู้ทำในสิ่งที่เธอรัก เด็กสาวกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก หญิงสาวกับการซ่อมพาหนะของเธอ หญิงสาวผู้มีความสุขกับการได้เลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบ พี่น้องกับของขวัญในวันแห่งความสุข ชีวิตกับสิ่งที่ต้องทำซึ่งมีอยู่มากมาย สองสาวผู้พักผ่อนกับสายน้ำ วินาทีที่บทเพลงถูกเรียบเรียงขึ้น วินาทีที่จิตวิญญาณถูกใส่ลงไปใบบทเพลงนั้น และวินาทีที่บทเพลงเหล่านั้น…
-
เผยสภาพอันย่ำแย่ภายในค่ายลี้ภัย Moria ต้องรองรับผู้ลี้ภัย 7,000 คน สวรรค์ที่ไม่มีจริงอีกต่อไป…
ประเทศซีเรีย ยังคงอยู่ในช่วงของภาวะสงครามมาจนถึงปัจจุบัน จนทำให้ผู้คนจำนวนมากตัดสินใจลี้ภัยออกมา เพื่อหวังจะมาอาศัยอยู่ในค่ายอพยพเพราะเชื่อว่าจะได้พบกับชีวิตที่ดีกว่าเดิม แต่ความเป็นจริงมันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะทีเดียว หนึ่งในค่ายที่มีผู้อพยพไปเป็นจำนวนมากคือค่ายลี้ภัย Moria ตั้งอยู่บนเกาะเลสบอส ประเทศกรีซ ค่ายแห่งนี้เคยเป็นคุกมาก่อน เคยจุคนได้ 2,000 คน แต่ในปัจจุบันมันได้กลายเป็นค่ายที่มีผู้อพยพอาศัยอยู่มากกว่า 7,000 คน และได้ชื่อว่าเป็น “ค่ายอพยพที่เลวร้ายที่สุดในยุโรป” ค่ายลี้ภัย Moria สถานที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้อพยพในยุโรป เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าการใช้ชีวิตกันอย่างแออัดและถูกล้อมด้วยกำแพงรอบด้านของคนเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง เพราะภายในเขตรั้วไม่สามารถนำกล้องเข้าไปได้ สำนักข่าว BuzzFeed เคยพยายามเข้าไปบันทึกภาพภายในสถานที่นี้ แต่ก็ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่เสียก่อน ซึ่งให้เหตุผลกับสื่อว่า การเข้ามาถ่ายรูปภายในค่ายอพยพถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จนกระทั่งผู้อพยพใช้วิธีการส่งต่อภาพภายในนั้นผ่าน WhatsApp ด้วยสัญญาณมือถือ เพื่อให้คนด้านนอกรับรู้ว่าการใช้ชีวิตของพวกเขาเลวร้ายมากขนาดไหน ทางเดินที่เต็มไปด้วยเต็นท์จำนวนมาก (หากดูไม่ได้ ให้กดที่ลิงก์ Twitter) This one taken after a recent rainstorm, shows the pathways of #MoriaCamp lined with ad…
-
ชีวิตในหมู่บ้านอุณหภูมิ -60 องศาฯ ความหนาวเหน็บนี้กระทบชีวิตชาวบ้านมากแค่ไหน?
ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว หลายๆ คนอาจบ่นว่าบ้านเราไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ซึ่งหากใครชอบอากาศแบบหนาวเย็นแล้วล่ะก็ ลองมาทำความรู้จักกับหมู่บ้าน Verkhoyansk ทางตะวันออกของรัสเซีย ในฤดูหนาวของที่นี่มีอุณหภูมิติดลบกว่า 60 องศาเลยทีเดียว ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Brice Portolano ผู้เข้ามาเก็บภาพการใช้ชีวิตของ Ayal เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้กับแม่ของเขา รอวันที่จะย้ายไปเรียนในเมือง Yakutsk ที่ห่างออกไปกว่า 600 กิโลเมตร ตามรอยพี่ๆ อีก 4 คนของเขา Ayal เด็กหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ . . พ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มหย่ากัน จึงทำให้เขาอาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพังในหมู่บ้านที่ได้รับการบันทึกกินเนสเวิลด์เรคคอร์ดว่า เป็นดินแดนที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันมากที่สุดในโลก โดยช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิจะติดลบที่ 67.8 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนอุณหภูมิจะเพิ่มสูงถึง 37.3 องศา ความหนาวจัดเย็นจัดของที่แห่งนี้ ทำให้การใช้ชีวิตของชาวบ้านแตกต่างออกไปจากพื้นที่อื่นๆ บนโลก น้ำที่พวกเขาใช้จะต้องไปตัดเอาน้ำแข็งจากในลำธารมาวางไว้หน้าบ้าน เมื่อไหร่ที่อยากจะใช้ก็แค่ยกมาละลายในบ้าน ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็มีน้ำประปาเหมือนกัน เพียงแต่น้ำจะมีอุณหภูมิสูงมากเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อระเบิด และไม่สามารถนำน้ำนั้นมาดื่มกินได้ Stroganina ปลาแช่แข็งเหยาะเกลือกับพริก อาหารขึ้นชื่อของที่นี่…
-
วิทยาศาสตร์แห่ง ‘ความกลัว’ ที่บ่งบอกว่าความรู้สึกนี้มันดีต่อสุขภาพของคุณ
ทุกๆ คนมีความกลัวแตกต่างกันไปและเรามักจะคิดว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานี้ไม่ได้มีผลดีกับตัวเราเลย มันเหมือนกับทำให้เสียสุขภาพจิตอยู่เสมอเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรากลัว แต่ความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาบอกว่าความกลัวมันก็ดีต่อสุขภาพเราอยู่เหมือนกัน วันนี้ #เหมียวตะปู จึงชวนให้เพื่อนๆ มาเข้าใจเกี่ยวกับ 6 เหตุผลที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าความกลัวมันส่งผลให้กับสุขภาพของเราในทางที่ดียังไง มีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย 1. ปลดปล่อยความกลัวของคุณออกมา ความรู้สึกกลัวเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่แรกไม่ต่างกับความเศร้า ความสุข หรือความโกรธ ซึ่งนักจิตวิทยาที่ชื่อ Steve Orma บอกว่า ”การมีความรู้สึกกลัวก็คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีชีวิตรอดต่อไปได้” เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีที่เราจะมีความรู้สึกแบบนี้ 2. ความกลัวทำให้เรารับรู้ถึงอันตราย ความรู้สึกในลักษณะนี้จะส่งผลไปถึงร่างกายของเราในรูปแบบที่เรียกว่า “การตอบสนองแบบสู้หรือหนี” ซึ่งหากเราขาดความกลัวไป เราก็จะไม่สนใจกับอันตรายที่เข้ามาหาและร่างกายเราก็จะไม่ตอบสนองต่อสิ่งนั้นๆ ยกตัวอย่างเวลาที่มีรถวิ่งเข้ามาหาเราด้วยความเร็ว ความกลัวจะทำให้ร่างกายเราตอบสนองและสามารถโดดหลบออกมาได้ในเสี้ยววินาที เราจึงควรต้องขอบคุณมันที่ทำให้เรารอดจากอันตรายมาได้ในหลายๆ ครั้ง 3. ความกลัวคือการเติมเต็มชีวิต เวลาที่เรากลัวเราก็อาจจะหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นไปหรืออาจจะเผชิญหน้าและก้าวผ่านมันไปได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่าเราได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของเราเอง เหมือนเวลาที่เรากลัวการบินอยู่บนท้องฟ้า แต่วันหนึ่งเราสามารถก้าวขึ้นเครื่องบินได้เป็นครั้งแรก การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือเราสามารถออกไปเที่ยวเจอสิ่งใหม่ๆ ได้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น รวมถึงความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเราประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ก้าวผ่านความกลัวของตัวเองไปได้ 4. เป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงาน อย่างคำพูดที่ว่า “กลัวงานไม่เสร็จ” หรือ…
-
คู่แฝดมหัศจรรย์ที่สามารถเข้าใจและรับรู้สิ่งเดียวกันได้ เพราะใช้ “กะโหลกและสมองร่วมกัน”
Tatiana และ Krista Hogan เป็นคู่พี่น้องฝาแฝดวัย 10 ขวบ ที่มีความใกล้ชิดกันเป็นพิเศษในแบบที่แฝดคู่อื่นๆ ไม่เคยได้สัมผัส และไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกว่ามันเป็นอย่างไร เพราะพวกเธอทั้งคู่คือ “ฝาแฝดที่ใช้กะโหลกและสมองร่วมกัน” มาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เกิดมาลืมตาดูโลก แต่ถึงแม้ว่าหนูน้อยจะเกิดมาผิดปกติไม่เหมือนแฝดทั่วๆ ไป แต่นั่นกลับไม่เป็นอุปสรรคเลย เพราะทั้งคู่กลับสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ Tatiana และ Krista หนูน้อยฝาแฝดคู่นี้ ใช้สมองและกะโหลกศีรษะเชื่อมต่อกัน โดยในระหว่างที่พวกเธออยู่ในครรภ์ของมารดาทางแพทย์ก็ได้เผยกับ Felicia แม่และ Brendan ผู้เป็นพ่อว่า ลูกๆ ของพวกเขามีอวัยวะส่วนศีรษะและมีสมองที่เชื่อมต่อกัน อีกทั้งเด็กๆ อาจจะมีชีวิตอยู่อีกเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Felicia จะได้รับข่าวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่เธอก็เผยว่าการทำแท้งไม่ใช่ทางเลือกสำหรับเธอ ซึ่งเธอก็ได้เดินทางไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และเมื่อหนูน้อยทั้งสองได้ลืมตาดูโลก ก็ทำให้แพทย์รู้สึกประหลาดใจว่าพวกเธอสามารถใช้สมองร่วมกันได้อย่างไร? แม้ว่า Tatiana และ…
-
นักบินอวกาศผู้ใช้ชีวิตในอวกาศนาน 1 ปี เผยว่าการใช้ชีวิตบนนั้น ยากเกินกว่าที่เราจะคาดเดาได้…
นักบินอวกาศอาจเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน เพราะนี่คือหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่จะได้ออกไปอยู่ในอวกาศ ได้เห็นสิ่งสวยงามต่างๆ ที่ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมาก่อน หลายคนอาจบอกว่าอาชีพนี้น่าอิจฉาแต่ความเป็นจริงอาชีพนี้ก็ต้องแลกมาด้วยความยากลำบากและความทุกข์มากมาย Scott Kelly นักบินอวกาศจากสหรัฐอเมริกา จึงได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวให้ทุกคนได้รู้ว่า การใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศนาน 1 ปีของเขานั้นต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรมาบ้าง Scott Kelly ถ่ายภาพเซลฟี่ภายในยานอวกาศมีพื้นหลังเป็นโลกของเรา ชายคนนี้เป็นนักบินอวกาศคนแรกที่ขึ้นไปใช้ชีวิตอยู่ใน สถานีอวกาศนานาชาติ เป็นเวลานานขนาดนี้ เขาบอกว่าการใช้ชีวิตอยู่นอกโลก เพียงแค่การเดิินก็ทำให้เขาเหนื่อยมากๆ แล้ว เขาจำเป็นต้องเดินอยู่ในอวกาศด้านนอกของสถานีเพื่อเช็คความเรียบร้อยหรือซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของยาน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากๆ นอกจากนั้นยังมีครั้งหนึ่งที่เขาหลงทางอยู่นอกอวกาศหาทางกลับไม่ได้เพราะตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนมันจึงค่อนข้างมืด “ผมต้องอยู่ในสภาพเหมือนกับยืนกลับหัว และแม้ว่ามันจะไม่ได้น่ากลัวอะไรแต่ความก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกนะ” เขาพูดถึงตัวเองในตอนนั้น อีกทั้งบนอวกาศมีเศษหินก้อนเล็กๆ ลอยอยู่เต็มไปหหมด และถ้าหากมันลอยมาโดนตัวก็จะสร้างแรงปะทะได้มากพอสมควรเลยทีเดียว เขาได้พูดถึงนักสำรวจ Ernest Shackleton ผู้ที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในขั้วโลกเหนือได้ โดย Scott บอกว่า “สิ่งที่ผมและเขามีเหมือนกันในการเอาชีวิตรอดคือความอดทน พลังงาน และความกระตือรือร้นที่มีอยู่ในตัว” เขาพูดอีกว่า “แต่ผมคิดว่าเราไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ซะทีเดียว เพราะ Ernest ต้องอยู่กับความพยายามเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศอันเลวร้าย ส่วนของผมมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” สิ่งที่เขาคิดว่ายากที่สุดสำหรับภารกิจนี้ก็คือ การที่ต้องตัดขาดจากครอบครัวหรือคนรู้จักออกไปเป็นเวลานาน โดยที่เขาไม่มีโอกาสเดินทางกลับไปหาญาติสนิทมิตรสหายเหล่านั้นในระหว่างภารกิจได้เลย…
-
ช่างภาพตามถ่าย 20 ภาพห้องนอนของชาวอเมริกัน สะท้อนวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป
ทุกคนไม่ว่าจะจากที่ใดบนโลกใบนี้ ต่างก็มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่สามารถแสดงออกได้จากบุคลิก การแต่งตัว การใช้สิ่งของ และการตกแต่งบ้านต่างๆ นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ Barbara Peacock ซึ่งเป็นนักถ่ายภาพโฆษณา ที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งในอเมริกา รู้สึกสนใจในความต่างของผู้คน เธอจึงสร้างโปรเจกภาพถ่ายใหม่ของเธอขึ้นมา โดยโปรเจกดังกล่าวที่เกิดขึ้นคือ ความต้องการที่จะถ่ายภาพความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เผยให้เห็นถึงวิถีชีวิตในมุมต่างๆ ทั้งในมุมที่หลบซ่อนและในมุมที่เปิดเผย ซึ่งผู้คนในภาพมาจากหลากหลายสถานะ บางคนเป็นเพื่อนของเธอ บางคนเป็นเพียงคนแปลกหน้า ที่เธอเชิญชวนให้เข้ามาร่วมโปรเจคของเธอด้วย จากช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางโซเชียลมีเดีย หรือการ์ดที่ทิ้งไว้ตามร้านค้าท้องถิ่นภายในเมือง Portland รัฐ Oregon ที่เธออาศัยอยู่นั่นเอง จนในที่สุดผลงานของเธอก็พร้อมเผยแพร่ในโลกออนไลน์ อย่างเช่นภาพเหล่านี้… ไลฟ์สไตล์คันทรี่ซึ่งเป็นรากฐานของชาวอเมริกัน คู่รักที่อยู่ในอารมณ์หลับสบายในยามเช้า ชายชรากับแมวตัวหนึ่งในรถบ้านแนววินเทจของเขา คนป่วยที่ต้องการคนดูแล ครอบครัวที่ใช้เวลาด้วยกันในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ชีวิตแสนเหงาของชายโสดที่อาศัยอยู่แมวอีกตัวหนึ่ง ฮิปปี้สาวที่กำลังสูบบุหรี่ตัวแรกหลังจากตื่นนอน เด็กผู้หญิงผู้รักตุ๊กตาที่มีโลกอันสดใสเป็นของตัวเอง เขียนไดอารี่เพื่อเตือนตัวเองในแต่ละวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มผู้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเมื่ออยู่ในโลกของเขา คู่ชีวิตที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานจนเกิดความเคยชินจนลืมความเขินอาย ตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ในบ้านหลังเก่า ศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจของคนๆ หนึ่ง…
-
10 สิ่งที่คุณควรทำก่อน 9 โมงเช้า และมันจะทำให้วันทั้งวันของคุณสดชื่นสุดๆ
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยมีความรู้สึกเกลียดตอนเช้ากันใช่ไหมล่ะ การที่เราต้องตื่นขึ้นมาไม่ว่าจะตื่นไปเรียนหรือตื่นไปทำงานแต่ละวันนั้น เราก็อดคิดไม่ได้ว่าเราจะต้องไปเจออะไร ดังนั้นการเตรียมตัวในช่วงเช้าก็อาจจะช่วยทำให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ดีก็ได้ ทางเว็บไซต์ Business Insider ก็ได้รวบรวมเคล็ดลับ 10 ข้อที่คุณควรทำก่อนเวลา 9.00 น. ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตระหว่างวันได้อย่างแฮปปี้มากขึ้น 1. เดินให้เร็วกว่านี้อีกนิดนึง เปลี่ยนวิธีการเดินแบบช้าๆ เนิบๆ ด้วยการเดินให้เร็วขึ้นอีกนิดนึงกันเถอะ เชื่อไหมว่าการเดินเร็วเป็นเวลา 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้ถึงร้อยละ 35 2. เก็บเตียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย การเก็บที่นอนให้เข้าที่ดูสะอาดตา พร้อมนอนในครั้งต่อไปนอกจากจะทำให้ห้องนอนดูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วยนะ 3. ดื่มน้ำซักแก้วเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย ตอนที่เรานอนหลับ เราสูญเสียน้ำในร่างกายออกไปจากการหายใจ หลังจากที่นอนหลับมาหลายชั่วโมง ลองดื่มน้ำเปล่าซักแก้วดูสิ รับรองว่าสดชื่นแน่นอนจ้า 4. ช่วงเวลาว่างก่อนทำงานก็หาหนังสือซักเล่มมาอ่านฆ่าเวลา อาจจะเป็นหนังสือพิมพ์เล่มเล็กๆ หรือนิตยสารในแบบที่คุณชอบ ช่วงที่กำลังเดินทางไปทำงานหรือไปเรียนก็อ่านอัพเดตเหตุการณ์บ้านเมืองซะหน่อย เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันบ้านเมือง เวลาเค้าเม้าท์อะไรมาจะได้ตอบได้ยังไงล่ะ 5.เขียนข้อความเล็กๆ เพื่อเตือนใจตัวเอง บางคนก็อาจจะเริ่มต้นวันด้วยการโพสต์ข้อความดีๆ เตือนใจตัวเองลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก เชื่อเถอะว่าถ้าคุณโพสต์แต่สิ่งดีๆ ในชีวิต…
-
ติดตามเหมือนได้รับประสบการณ์จริง กับชีวิต “นักบินสาว” ผู้โด่งดังในอินสตาแกรม
อาชีพนักบินคงเป็นหนึ่งในอาชีพที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็นกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะสามารถทำให้เราได้เดินทางไปตามที่ต่างๆ มากมายทั่วโลก เหมือนนักบินสาว Eva Claire Marseille วัย 31 ปี ที่ตัดสินใจทำตามความฝันของเธอ แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเรียนจบวารสารศาสตร์ และชอบการเขียนเอามากๆ ก็ตาม วันหนึ่งเธอเกิดความสงสัยว่า อาชีพนักเขียนเป็นสิ่งที่เธออยากทำจริงๆ หรือเปล่า และการใช้ชีวิตแบบนั้นคือความต้องการสุดท้ายของเธอหรือไม่? จากนั้นเธอจึงตัดสินใจเรียนต่อในโรงเรียนการบินแทน นี่คืองานที่มอบความท้าทายและการเดินทางไปรอบโลก อย่างที่เธอต้องการ เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่ามากที่สุดในชีวิตของเธอ เธอใช้เวลาถึง 2 ปีเพื่อทำให้ความฝันตัวเองเป็นจริงหลังจากเรียนจบ มาจนถึงตอนนี้เธอได้ถ่ายรูปในขณะที่เธอปฏิบัติหน้าที่ ภาพวิวทิวทัศน์ที่ได้เห็นในห้องคนขับ รวมถึงไลฟสไตล์การได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ จากงานของเธอ ทั้งหมดนั้นทำให้ผู้คนชื่นชอบและติดตามเธอในอินสตาแกรมมากกว่า 76,000 คน และยังมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองชื่อว่า Fly With Eva ที่คอยถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์และทัศนคติที่เธอมีให้กับทุกคน แม้จะต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่มันก็ทำให้เธอมีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว ปัจจุบันการใช้เพศเป็นตัวตัดสิน ไม่ค่อยมีให้พบเห็นกันแล้ว และแม้ว่าในยุคที่เธอเติบโตมา คนส่วนใหญ่มักจะมองว่านักบินหญิงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่นัก แต่เธอก็หวังว่าสิ่งที่เธอได้แสดงให้เห็นนี้ จะช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทุกคน ในการก้าวตามความฝันของอาชีพนี้ได้ งานของเธอตามมาด้วยการเดินทางมากมายทั่วโลก การต้องนั่งอยู่กับที่เฉยๆ…
-
“ก้านแก้ว vs ใจเริง” นางร้ายที่มีความแรงทะลุจอ แต่คนดูกลับชอบ เพราะเบื่อนางเอกโลกสวย
เรียกได้ว่าในช่วงนี้กระแส #ใจเริง #เพลิงบุญ #ก้านแก้ว #หลงไฟ จะมาแรงบนโลกออนไลน์มากจริงๆ และถ้าหากว่ามีการมอบรางวัลตัวละครน่าตบแห่งปี ก็คงจะมีก้านแก้ว VS ใจเริง สองนางนี่แหละที่จะมาเปิดศึกแย่งชิงตำแหน่งนี้ เพราะพวกชีทั้งสวยแซ่บ และร้อนแรงทั้งคู่ ทำเอาคนดูทั้งเกลียดทั้งอิน จนไม่รู้ว่าจะมอบรางวัลให้กับใครดี แหม!! คิดแล้วก็หนักใจจริงๆ สำหรับ ใจเริง และ ก้านแก้ว นั้น ถือเป็นตัวละครที่ถูกจับตามอง และได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากภาพลักษณ์ของพวกเธอจะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตจริงของผู้หญิงบางคนแล้ว เนื้อหาของละครยังให้ข้อคิดที่สอนอะไรหลายๆ อย่างให้แก่คนดูอีกด้วย และเพื่อนๆ เคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เวลาที่เราได้เห็นตัวละครนางเอกแสนดี กลับทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายกับความโลกสวยของพวกเธอ เพราะสุดท้ายบทละครก็เขียนขึ้นมาให้นางเอกได้ลงเอยกับความแฮปปี้อยู่ตลอด ในขณะที่ตัวร้ายก็มักจะมีจุดจบที่ไม่สวยงามเหมือนเคย และนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนดูรู้สึกเบื่อกับละครที่มีเนื้อเรื่อง และจุดจบแบบเดิมๆ จนทำให้หลายคนหันกลับมาเอาใจช่วยผู้หญิงร้ายๆ กันมากขึ้น อย่างตัวละคร ก้านแก้ว จากละครเรื่องหลงไฟ (รับบทโดย ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) หญิงสาวฐานะยากจนที่พยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตที่สวยงาม ก็มาแรงซะจนคนดูติด #ทีมก้านแก้ว กันทั่วโลกโซเชียล โดยเธอนั้น มีอาชีพเป็นผู้หญิงไซด์ไลน์ อยากได้อยากดี…
-
ญี่ปุ่นประสบปัญหาเด็กวัยรุ่นกว่า 61% ไม่สามารถ “เปิดกระป๋อง” ได้อย่างถูกวิธี
การช่วยเหลือตัวเองตอนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวของแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไป การดูแลความสะอาดที่อยู่อาศัย ดูแลสุขภาพของตัวเอง หรือแม้แต่การหาอาหารการกินเพื่อให้อิ่มท้องนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ และในบ้านของใครหลายคนก็คงมีอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้เป็นระยะเวลานานอย่างอาหารกระป๋องอยู่บ้าง การเปิดกระป๋องเหล็กหากว่าไม่มีหูดึงตรงฝา ก็ต้องใช้ที่เปิดกระป๋องแทนและสิ่งนั้นก็กลายเป็นปัญหาสำคัญของเด็กวัยรุ่นในญี่ปุ่นที่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์นั้นได้ จนถึงกับมีการทำการสำรวจเลยทีเดียว เมื่อรายการทีวีในญี่ปุ่นได้ให้แขกรับเชิญสาว Asuka Saito วัย 19 ปีสมาชิกของกลุ่มไอดอล Nogizaka46 ให้มาเจอกับกระป๋องอาหารและที่เปิดกระป๋องวางไว้ข้างหน้าเธอ เพื่อเป็นการดูถึงความสามารถในการพึ่งพาตัวเอง แต่เธอกลับตอบมาว่า “ฉันไม่รู้จักอุปกรณ์นี้ ไม่เคยมีใครใช้มันให้ฉันเห็นมาก่อน” จากนั้นพิธีกรจึงลองถามสมาชิกในกลุ่มคนอื่นว่าเคยใช้มาก่อนหรือเปล่า ก็มีเพียงแค่ 3 หรือ 4 คนที่ยกมือด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก และมีสมาชิกคนหนึ่งบอกว่ามันดูน่ากลัวอีกต่างหาก เด็กได้แผลที่นิ้วจากความพยายามเปิดกระป๋อง ก็เละซะขนาดนั้น เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงชีวิตของไอดอลที่คอยมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และได้มีการศึกษาในปี 2016 ที่บอกว่ามีเพียงแค่ 61 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนมัธยมต้นในญี่ปุ่นที่ไม่เคยได้ใช้ที่เปิดกระป๋องมาก่อน ผลการสำรวจดังกล่าวนั้นได้รับการตอบรับที่รุนแรงมากในโลกออนไลน์ เช่น “พ่อแม่เลี้ยงเด็กแบบตามใจมากจนเกินไป เด็กไม่จำเป็นต้องเปิดเองเลยในเมื่อมีแม่คอยเปิดให้” “พวกเขาก็มีประโยชน์ได้พอๆ กับลิงเท่านั้นแหละ” “เด็กทุกคนก็สนใจแค่การถ่ายรูปและโพสต์ลงในโลกโซเชียลมีเดีย” เมื่อหูดึงมันหลุด คราวนี้ก็งานหยาบละแหละ น้อยมากที่จะมีคนเห็นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากการดูแลที่มากจนเกินไปของผู้ปกครอง หรือแนวโน้มการหลงตัวเองของวัยรุ่น แต่มันเกิดจากในปัจจุบันไม่ค่อยได้เห็นภาชนะที่เป็นกระป๋องสักเท่าไหร่แล้ว หรืออย่างน้อยก็คือกระป๋องที่จะต้องใช้ที่เปิดนั่นแหละ…
-
5 บทเรียนชีวิตอันล้ำค่าของ Keanu Reeves ที่สามารถใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข…
Keanu Reeves พระเอกมาดเท่ผู้โด่งดังจากหนังเฟรนไชรน์ The Matrix จนล่าสุดก็มีผลงานฮิตอย่าง John Wick ซึ่งทำรายได้ไปอย่างมหาศาล แต่ถึงแม้จะมีรายได้มากขนาดนั้น ตัวเขากลับเป็นคนที่ใจดี สุขุมและไม่ลุ่มหลงกับชื่อเสียงที่เขามี เหมือนกับดาราคนอื่นๆ ในวงการเดียวกัน นั่นจึงทำให้เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ผ่านอะไรมากมายหลายอย่างในชีวิตสุดๆ ไม่ว่าจะทั้งการทำงานหลากหลายอาชีพ การสูญเสียคนรอบตัว และเรื่องราวร้ายๆ ในวัยเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ได้ เพราะอะไร? และนี่ก็คงจะเป็นคำตอบที่เราตามหากับ 5 บทเรียนชีวิตจาก Keanu Reeves ที่ทุกคนควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อมีชีวิตที่ดีแบบพระเอกมาดเท่คนนี้ 1. การเริ่มต้นอันยากลำบาก ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตที่เหลือ Keanu Reeves เกิดที่เมืองเบรุต ประเทศเลบานอนเมื่อปี 1964 เขาต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากตั้งแต่วัยเด็ก พ่อของเขาทิ้งเขาไปเมื่อตอนอายุได้ 3 ขวบ และยังต้องโทษค้ายาเสพติดอีก ส่วนแม่ของเขาตั้งแต่หย่ากับพ่อของเขา ก็พาลูกๆ เดินทางไปทั่ว จนสุดท้ายจบลงที่เมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา เขาป่วยเป็นโรค ‘Dyslexia‘ ทำให้เขามีปัญหาด้านการอ่าน จึงทำให้เขาถนัดการเล่นกีฬามากกว่าเรียนจนเขาวางแผนจะเล่นกีฬาระดับอาชีพ แต่ภายหลังเขาบังเอิญบาดเจ็บจนต้องเลิกเล่นกีฬาไป แถมยังเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียนอีกต่างหาก แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยความที่เขามีความรับผิดชอบและรู้วิธีการตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเริ่มต้นได้ลำบากขนาดไหน…
-
Nyankichi แมวเหมียวจากญี่ปุ่น ผู้ที่ชาวเน็ตยกให้เป็นไอดอล แห่งความคูลไม่เหมือนใคร!!
Nyankichi Noraneko หรือ เจ้าเหมียวเนียนคิจิ เป็นชื่อของแมวเหมียวอายุ 7 ปี ส่งตรงมาจากแดนอาทิตย์อุทัยโน่นนนนแหนะ เอาตรงๆ มันก็เป็นแมวที่มีความน่ารักมุ้งมิ้งเหมือนกันแบบทั่วๆ ไป แต่ที่เราสนใจในตัวของมันก็คือ เจ้าแมวตัวนี้ มันมักจะใช้ชีวิตสุดชิคกว่าแมวบ้านตัวอื่นๆ แถมยังอัพภาพสุดเท่ลงบนอินสตาแกรมในแบบที่ไม่เหมือนใคร เช่น ภาพที่มันกำลังเดินพร้อมควันพุ่งออกมาเป็นฉากหลัง แลดูราวกับว่ามันเป็นแมวในสมรภูมิรบยังไงยังงั้นเลยละ และนี่ก็คือโฉมหน้าของ Nyankichi เจ้าเนียนคิจิ เกิดเมื่อปี 2009 ในโกดังร้างแห่งหนึ่ง มันถูกทิ้งไว้เพียงตัวเดียว แล้วก็ถูกมนุษย์ช่วยรับมาเลี้ยง (โชคดีของมันที่เจ้าของได้ไปเจอ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว มิฉะนั้นมันอาจจะไม่รอดมาตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้) หลังจากมันเติบโตขึ้น ก็เหมือนมันจะมีพรสวรรค์และการเอาดีทางด้านวงการบันเทิง เพราะดูลักษณะการโพสต์ท่า และเล่นกับกล้องแบบที่แมวตัวอื่นๆ ไม่ได้เล่นกันแล้ว แบบนี้มันเน็ตไอดอลของหมู่แมวชัดๆ เป็นแมวที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ชิวเหลือเกิน ถึงจะเป็นแมว ก็ชอบว่ายน้ำเป็นที่ซู้ดดดดดด หน้าตาเอ็นจอยหน่อยสิเฮ้ยยยยย ป้าดดด ยืนเป็นนายแบบสุดเท่ พร้อมมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลังซะด้วย นอกจากนี้ มันยังมีผลงานในด้านการถ่ายแบบให้กับนิตยสารของญี่ปุ่นด้วยนะ และแน่นอนว่าผลงานของมันก็ได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนอย่างมาก ชมความน่ารักของมันไปพร้อมๆ กันเลย สุดท้ายที่เราอยากจะฝากก็คืออินสตาแกรม Nyankichi…
-
มันใช่อะ!! พาไปดู 8 ภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ชีวิตการเป็นนักเรียน VS นักศึกษา
หากจะถามว่าตอนเป็นนักเรียน กับนักศึกษา ช่วงเวลาไหนที่คุณรู้สึกว่าชีวิตของคุณมีความสุขมากที่สุด แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ก็คงแตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบชีวิตการเป็นนักศึกษา เพราะมีอิสระมากกว่าการเป็นนักเรียน และในวันนี้เราก็จะขอนำเสนอภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างชีวิตตอนเป็นนักเรียน และนักศึกษา บอกเลยว่าบางข้อก็โดนสุดๆ และตรงใจเลยละ เรามาดูกันว่าจะมีข้อไหนบ้างที่ตรงกับชีวิตจริงของคุณมากที่สุด 1.สมัยเป็นนักเรียนมีวิชาเรียนหลากหลายวิชา แต่พอเป็นนักศึกษาต้องมัดรวมมาเลย 2.จำนวนคนมาเรียนที่ต่างกัน 3.สมัยเป็นนักเรียนเพื่อนเยอะไปไหนไปกัน แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ตัวใครตัวมันแล้วกันโน๊ะ 4.ตอนเป็นนักเรียนก็อยากเข้ามหาวิทยาลัย แต่พอมาเรียนในมหาวิทยาลัยจริงๆ กลับอยากกลับไปเป็นนักเรียนซะงั้น 5.เป็นนักเรียนต้องได้ A เท่านั้น พอเปลี่ยนมาเป็นนักศึกษา ขอแค่ C+ ก็อุ่นใจแล้ว 6.สัมภาระน้อยลงเมื่อเป็นนักศึกษา 7.แฟชั่นที่เปลี่ยนไป 8.เวลาตื่นและเวลานอนที่แตกต่าง อืม…มันเป็นเรื่องที่ตรงกับชีวิตความเป็นจริงของเพื่อนๆ มากเลยใช่ไหมละ ที่มา : wittyfeed
-
วิถีการใช้ชีวิตในอวกาศไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แตกต่างจากบนโลกอย่างสิ้นเชิง!!
เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าถ้าหากว่าเราได้ไปใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศจริงๆ กิจวัตรประจำวันต่างๆ ของเราก็เหมือนกับที่อยู่บนโลกหรือไม่? แน่นอนว่าสิ่งแรกเลยที่ไม่เหมือนก็คือแรงโน้มถ่วง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แล้วนักบินอวกาศเขาจะอยู่จะกินอย่างไร? ตามมาดูกันเถอะ!! การออกกำลังกายในอวกาศ การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญมากในอวกาศ โดยนักบินอวกาศจะต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวันเพื่อป้องกันไขข้อเสื่อมและกล้ามเนื้อฝ่อ เวลาออกกำลังกายก็ต้องมีจุดยึดร่างกายเอาไว้ด้วย การอาบน้ำในอวกาศ การอาบน้ำและครั้งก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องค่อยๆ เปิดถุงน้ำทีละนิด เพื่อไม่ให้น้ำลอยกระจายออกไป ขัดถูตัวด้วยฟองน้ำอย่างละเอียดถี่ถ้วน และการแปรงฟันจะไม่บ้วนปากไปเรื่อย นักบินอวกาศจะกลืนลงไปแทนหรือไม่ก็บ้วนใส่เสื้อผ้า การนอนหลับในอวกาศ การนอนหลับพักผ่อนของนักบินอวกาศก็คือการมัดตัวให้ติดอยู่กับด้านข้างของยานอวกาศนั่นเอง ไม่ได้นอนบนเตียงนุ่มๆ นะจ๊ะ อาหารการกินในอวกาศ ขอให้ลืมอาหารสดไปได้เลย เพราะในอวกาศจะได้กินแค่อาหารอบแห้งเท่านั้น แถมยังต้องมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือไม่ก็รัสเซียด้วย การมีเพศสัมพันธ์ในอวกาศ นักวิทยาศาสตร์จากรัสเซีย 2 ท่านได้ทำการทดลองนี้มาแล้ว แต่ไม่ได้ทำในอวกาศนะ ทดลองอยู่ในห้องจำลองไร้แรงโน้มถ่วง ซึ่งก็ได้ผลออกมาว่าสามารถทำได้ แต่ทำได้เพียงแค่ 4 ท่าเท่านั้น (ท่าอะไรบ้างไม่ได้เปิดเผย) การใช้ห้องน้ำในอวกาศ ลำบากลำบนสุดๆ เพราะจะต้องมัดตัวให้ติดอยู่กับที่ แถมยังต้องคอยเล็งตำแหน่งปล่อยของด้วย เพราะจะมีระบบลมเป่าช่วยให้เข้าสู่เป้าหมาย ไม่ได้เหมือนบนโลกที่ปล่อยได้ตามสบาย การทำงานในอวกาศ นักบินอวกาศทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ส่วนมากจะเป็นการบำรุงรักษาตรวจสอบประจำวันและทำการทดลองต่างๆ แต่ด้วยนักบินอวกาศที่มาจากหลากหลายประเทศทำให้การสื่อสารลำบาก รวมไปถึงการถูกจับตามองจากศูนย์บัญชาการบนโลกในช่วงเวลาทำงาน…