Tag: ก่อการร้าย
-
สื่อนอกเผย หัวหน้า ISIS ระดับสูง ผู้สั่งประหารเผานักบินในกรงทั้งเป็น ถูกจับกุมตัวได้แล้ว!!
ความวุ่นวายบนผืนแผ่นดินซีเรียยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงในเร็ววัน มันยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เปรียบเสมือนดั่งนรกบนดิน มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก… อีกทั้งยังมีการแสดงเจตนาอันร้ายแรง ประกาศศักดาให้โลกได้รับรู้ของความเหี้ยมโหดเกินมนุษย์ของกลุ่ม ISIS ที่มักจะมีการปล่อยภาพคลิปวิดีโอประหารตัวประกันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเบื้องหลังเหล่านั้นมีผู้บัญชาการกลุ่ม ISIS ระดับสูงคอยบงการอยู่ และครั้งหนึ่งที่โลกได้จดจำความโหดร้ายจากการกระทำอันโหดเหี้ยม เผานักบินเชลยชาวจอร์แดนทั้งเป็นในกรง จากปี 2015 บัดนี้ 1 ใน 4 ผู้บัญชาการระดับสูง ถูกจับกุมตัวในอิรักแล้ว… Saddam al-Jamal หนึ่งในผู้นำระดับสูงของกลุ่ม ISIS ถูกจับกุมตัวได้แล้ว (ภาพจากการแถลงข่าวผ่านฝั่งรัฐบาลอิรัก) เว็บไซต์เดลี่เมลเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2018 Saddam al-Jamal หนึ่งในผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่ม ISIS ถูกจับกุมตัวและคุมขังจากการกระทำที่เชิดชูลัทธิแห่งความตาย นิยมความโหดเหี้ยมด้วยการตัดหัวนักโทษและเชลยศึก ทางด้านหน่วยความมั่นคงประเทศจอร์แดน เชื่อว่าเขาเป็นผู้ชักใยการฆ่าอันโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นกับนักบิน Muath al-Kasasbeh ในปี 2015 ของกองทัพอากาศจอร์แดน ที่ถูกยิงเครื่องตกในเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ประเทศซีเรีย Muath al-Kasasbeh นักบินชาวจอร์แดนที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งภายหลังจากที่ถูกยิงตกไม่กี่สัปดาห์ ISIS ได้ปล่อยวิดีโอคลิปที่เผยให้เห็นนักบินวัย…
-
คลิปที่นักศึกษาถ่ายเหตุการณ์ 9/11 “เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด” กลับมาเป็นไวรัลอีกครั้ง…
หนึ่งในเหตุการณ์วินาศกรรมสะเทือนขวัญไปทั่วโลก ในวันมหาวิปโยคที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ คือเหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ณ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 (หรือ 9/11) โดยกล่าวกันว่าเป็นความผิดของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ โดยมี อุซามะฮ์ บิน ลาดิน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 2,996 ราย เวลาผ่านมาแล้วเกือบ 17 ปี แต่ทว่าภาพจำจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของญาติผู้เสียชีวิตและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น และชาวอเมริกันเป็นส่วนใหญ่ แต่แล้วคลิปวิดีโอฟุตเทจส่วนตัว ก็กลับโผล่ออกมาอีกครั้ง อันเป็นมุมกล้องจากอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยนิวยอร์ก Caroline Dries ในขณะที่อยู่ในหอพักชั้น 32 อาคาร 200 Water Street ปัจจุบัน Caroline ทำงานทางด้านโปรดิวเซอร์และเขียนบทสื่อโทรทัศน์ตามรายการต่างๆ เช่น Smallville, Melrose Place และ The Vampire Diaries คลิปวิดีโอเหตุการณ์ 9 /11 ที่กำลังกลายเป็นกระแสไวรัลอีกครั้ง…
-
นร. หญิงส่งข้อความ ‘ข่มขู่กราดยิงโรงเรียน’ อ้างเจตนาลงมือ เพื่อที่จะมีเวลาอ่านหนังสือสอบเพิ่ม
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิง (School Shooting) ขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวถึง 17 คน ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดไอเดีย ที่จะใช้สถานการณ์ที่กำลังบอบบางเช่นนี้ให้เป็นประโยชน์ เธอจึงได้ส่งข้อความว่าจะก่อเหตุกราดยิงขึ้น โดยแท้จริงแล้วเธอมีจุดประสงค์เพื่ออยากจะมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้นเพียงเท่านั้น โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่รัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อมีวัยรุ่นสาวมัธยมปลายชื่อว่า Emily Nicole Wilson วัย 18 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน Vinemont High School ได้ส่งข้อความข่มขู่ว่าจะก่อเหตุกราดยิงขึ้นผ่านแอปฯ TextNow ในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และในเช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ต้องถูกจับกุมตัวเนื่องในข้อหา “สร้างสถานการณ์ก่อการร้าย“ โดยข้อหานี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายในหมวดหมู่ C ของรัฐแอละแบมา ซึ่งมีบทการลงโทษก็คือจำคุกอย่างน้อย 1 ปีแต่ไม่เกิน 2 ปี และถ้ามีการตัดสินจริงก็จะทำให้สาวน้อยคนนี้ต้องถูกปรับเงินจำนวน 15,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 470,000 บาท) อีกด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหตุที่ทำให้สาวคนนี้ส่งข้อความก็เป็นเพราะว่าเธอต้องการให้ลงโรงเรียนปิด เพื่อที่จะได้ซื้อเวลาสำหรับการอ่านหนังสือสอบนั่นเอง “เมื่อเราตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เรามีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น แต่รู้อะไรไหม ผลที่ได้ออกมาคือถูกจับกุมและต้องไปนอนอยู่ในคุกด้วยข้อหาเช่นนี้แหละ” Matt Gentry นายอำเภอประจำท้องที่กล่าว …
-
ไทม์ไลน์อดีตนักเรียนใจเหี้ยม บุกยิงกราดในโรงเรียนฟลอริดา เสียชีวิต 17 บาดเจ็บอีก 50 ราย…
เกิดเหตุน่าสลดเมื่ออดีตนักเรียนหนุ่มพกอาวุธปืนและระเบิดควัน บุกเข้าไปในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 หลังจากหน่วย SWAT เข้าควบคุมเหตุการณ์ได้แล้ว ผลประเมินความเสียหายมีผู้เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บอีก 50 คน เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 14.25 น. โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย นักเรียนในโรงเรียนได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น นักเรียนจึงเดินออกจากห้องเรียนไปยังจุดรวมตัวตามที่ได้ฝึกซ้อมมา แต่กลับพบว่ามีคนเข้ามากราดยิงปืนในทางเดิน และไล่เข้าไปยิงนักเรียนในห้องเรียนอื่นๆ นักเรียนบางส่วนเข้ามาหลบภัยในห้องเรียน นักเรียนบางส่วนถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือก็วิ่งหนีกันแบบไม่คิดชีวิต นักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามาซ่อนตัวภายในห้องเรียน บางคนก็เข้าไปซ่อนตัวในตู้ และอีกส่วนหนึ่งก็วิ่งหนีออกไปนอกโรงเรียนได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงยิงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนตื่นกลัวอย่างมาก นักเรียนจำนวนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนเริ่มติดต่อกับภายนอกผ่านทางการโทรศัพท์และทางโซเชียลมีเดียเพื่อให้ตนเองรู้สึกสบายใจ บ้างก็โพสต์ในทวิตเตอร์ และอีกส่วนก็ส่งข้อความคุยกับทางบ้านของตัวเอง นักเรียนอีกส่วนหนึ่งวิ่งหนีออกไปข้างนอกโรงเรียนได้ นักเรียนส่วนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนพยายามติดต่อโลกภายนอกผ่านทางโซเชียลมีเดีย นักเรียนคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ในห้องเรียนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตอนนั้นเอาไว้ จะเห็นได้ว่านักเรียนต่างก็หวาดกลัวจึงหมอบลงต่ำเพื่อหลบผู้ก่อเหตุร้าย แต่ก็ยังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบอยู่ตลอดเวลา คลิปวิดีโอจากนักเรียนที่ติดอยู่ในโรงเรียน (หากชมคลิปวิดีโอไม่ได้ คลิกที่นี่) JUST IN…
-
กลุ่มเคลื่อนไหวหัวรุนแรงในกรีซ โพสต์ภาพฉีดกรดพิษในอาหาร หวังให้คนแตกตื่น!!
กลายเป็นสถาณการณ์ที่ทำเอาชาวกรีซต้องผวากันเลยทีเดียว หลังจากที่ทางผู้ก่อการร้ายได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาเตรียมที่จะฉีดกรดไฮโดรคลอริกเข้าไปในอาหารที่จำหน่ายในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างเช่นพวกอาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่ม ทางด้านกลุ่มก่อการณ์ร้ายได้โพสต์ภาพการฉีดกรดดังกล่าวเข้าไปในอาหารอย่างเช่นน้ำอัดลม นม และเนื้อสัตว์ลงโซเชียลมีเดียก่อนจะประกาศนำไปวางในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตในช่วงคริสมาสต์-ปีใหม่นี้ เป็นเหตุทำให้ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศหลายแห่งต้องมีการถอดอาหารประเภทดังกล่าวออกจากชั้นเนื่องจากเกรงว่าจะได้รับการปนเปื้อน ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้ออกประกาศให้ประชาชนในกรุงเอเธนส์และเมืองเทสซาโลนีกี งดซื้อเครื่องดื่มโคคา-โคล่า นมยี่ห้อถ้องถิ่น และเนื้ออัดก้อน ซึ่งมีประชากรมากกว่า 1 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว “เราขอเรียกการกระทำนี้ว่าการก่อการร้าย มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง” นาย Mary Bossis อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย University of Piraeus กล่าว การกระทำครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มอนาธิปไตยที่ใช้ชื่อว่า Blackgreen Arsonists ซึ่งได้มีการออกแถลงการณ์ว่า “ในหลายวันนี้ชาวคริสต์นับพันจะออกจากที่นอนของพวกเขาเพื่อจับจ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับคริสต์มาสและเติมเต็มชีวิตที่ว่างเปล่าของพวกเขาด้วยอาหารขยะที่ห่อหุ้มด้วยถุงที่สวยงาม มีสัตว์จำนวนมากที่ถูกฆ่าเพื่อเฉลิมฉลองความสุขของพวกเขา พวกเขาจะดื่มเลือดจนหยดสุดท้ายเพื่อการเฉลิมฉลองนี้ “ ภาพของการฉีดกรดไฮโดรคลอริกเข้าไปในอาหารและน้ำดื่มที่ทางกลุ่ม Blackgreen Arsonists ได้โพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่างที่ทราบกันดีว่ากรดไฮโดรคลอริกนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงและใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งอันตรายจากการรับประทานกรดชนิดนี้เข้าไปอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนร่างกายอย่าเฉียบพลัน อาเจียนเป็นเลือด และเสียชีวิตได้ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดของกลุ่มนี้ และยังไม่ทราบถึงจุดประสงค์ในการเคลื่อนไหวหรือเป้าหมายที่แน่ชัดของพวกเขา แต่ได้เร่งทำการสืบสวนเพื่อตามหาผู้กระทำผิดโดยเร็วแล้ว… ที่มา odditycentral
-
รู้จักชายหนุ่มในภาพก้องโลก เอาตัวบังหญิงสาวในเหตุกราดยิง Las Vegas แถมช่วยคนอื่นๆ อีกเพียบ!!
ภาพของชายหนุ่มที่กำลังเอาตัวเข้าปกป้องหญิงสาวผู้หนึ่ง ระหว่างเหตุการณ์กราดยิงที่งานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest บริเวณโรงแรม Mandalay Bay Las Vegas ในลาสเวกัส เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นที่พูดถึงความกล้าหาญของชายคนนี้อย่างมาก Matthew Cobos ทหารหนุ่มจากกองทัพสหรัฐฯ ได้เข้าไปในพื้นที่กราดยิงและช่วยเหลือผู้คนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย โดยการเอาร่างกายของตัวเองเป็นเกราะป้องกันกระสุนให้เหยื่อการกราดยิงผู้หนึ่ง Cobos และหญิงสาวคนดังกล่าว นอนหมอบอยู่กับพื้นสนาม ในระหว่างที่ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตคนอื่นๆ กำลังตื่นตระหนกและวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอยู่ และนี่คือภาพของคุณ Cobos ที่กำลังเข้าปกป้องหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย ท่ามกลางความวุ่นวาย Cobs พยายามปกป้องหญิงสาวคนนั้นด้วยร่างกายของเขา และพาเธอเข้าไปหลบในที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่าหญิงสาวคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด คุณ David Becker ผู้ถ่ายภาพของทั้งสองคนกล่าวว่า หลังจากที่ทั้งสองวิ่งไปหลบที่หลังรถ พวกเขาก็ออกจากที่เกิดเหตุไปเลย คุณ Cobos (ตรงกลาง) นายทหารหนุ่มที่เข้าช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายอย่างกล้าหาญ ทางเว็บไซต์ Daily Mail ได้รายงานว่าหลังจากที่ช่วยหญิงสาวคนดังกล่าวแล้ว คุณ Cobos ยังได้วิ่งเข้าไปในพื้นที่กราดยิง เพื่อช่วยผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ อีกด้วย ชายหนุ่มได้ใช้เข็มขัดของเขาเพื่อช่วยห้ามเลือดให้กับเหยื่อและใช้นิ้วมือของเขาอุดไปที่รูกระสุนของคนที่ถูกยิง Cobos เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นกับคนใกล้ชิดของเขาว่า เขาได้ยินเสียงกระสุน พร้อมกับเห็นวิถีกระสุนที่วิ่งเขาไปขณะที่กำลังวิ่งอยู่ …
-
หมอมุสลิมที่อาสาช่วยคนเจ็บในแมนเชสเตอร์ โดนทำร้ายร่างกายปางตาย แต่ยังพร้อมให้อภัย!!
ถึงแม้ว่าเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติและศาสนาอาจจะดูเป็นเรื่องที่ล้าหลัง แต่ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปนานแค่ไหน ก็ยังมีคนที่รู้สึกเกลียดชังคนอื่นเพียงเพราะว่าเองนับถือคนละศาสนาเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะให้อภัยกับการกระทำเหล่านี้ และกล้าที่จะกล่าวคำว่า “ไม่เป็นไร” ได้อย่างเต็มใจ แม้สิ่งที่พวกเขาถูกกระทำนั้น อาจพรากชีวิตของพวกเขาไป เหมือนอย่างคุณหมอชาวมุสลิมท่านนี้… คุณหมอ Consultant Nasser Kurdy ศัลยแพทย์ชาวจอร์แดน ได้ออกมากล่าวให้อภัยกับคนร้ายที่เข้ามาแทงเขาด้วยมีด ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ในมัสยิด Altrincham ในเมือง Cheshire ประเทศอังกฤษ เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็นของวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ศัลยแพทย์วัย 58 ปีถูกคนร้ายเข้ามาแทงจากทางด้านหลังด้วยมีดลึกถึง 3 เซนติเมตร และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาเริ่มหายดีแล้ว และกำลังเตรียมตัวที่จะกลับไปทำงานตามเดิม คุณหมอ Kurdy เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “ผมต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่เมตตาผม โชคดีที่มีดนั่นไม่ได้โดนเส้นประสาท หรือหลอดเลือดที่คอของผมตอนที่ผมถูกแทงผมล้มลงที่พื้นด้วยความเจ็บปวด ผมเห็นชายคนนั้นกำลังยืนขู่ผมอยู่ด้วยท่าทางที่น่ากลัวมาก“ คุณหมอเล่าว่าเขาจำไม่ได้ว่าคนร้ายพูดอะไรกับเขา แต่เขารู้สึกได้ว่าการทำร้ายร่างกายครั้งนี้มาจากความเกลียดชังชาวมุสลิมของชายคนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามเขากลับบอกว่าไม่ได้รู้สึกโกรธชายคนดังกล่าวเลยและพร้อมที่จะให้อภัยเขา “ชายคนที่ทำร้ายผมไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งหมดในเมืองนี้ ผมพูดจากใจจริงเลยว่าผมไม่ได้โกรธหรือแค้นเขาเลยแม้แต่น้อย และผมเองก็ให้อภัยกับสิ่งที่เขาทำ“ คุณหมอกล่าว คุณ Kurdy เติบโตมาในครอบครัวชาวมุสลิม และในแต่ละวันเขาจะเดินทางไปที่มัสยิดเพื่อทำการประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากนี้คุณ Kurdy ยังรองประธานของสมาคมอิสลามอย่าง Altrincham and Hale Muslim Association และเคยเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุระเบิดในเมืองแมนเชสเตอร์อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามคุณหมอท่านนี้ก็ยังคงรู้สึกเกลียดชังต่อการก่อการร้าย และการที่ชาวมุสลิมต้องตกเป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ อย่างการระเบิดสนามกีฬาหรือการโจมตีที่ Parsons Green “ทุกวันนี้เหตุก่อการร้ายมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มันสร้างความกังวลให้กับพวกเรามากๆ และความเกลียดชังที่มีต่อชาวมุสลิมก็มากขึ้นด้วย “ “ผมอยากจะบอกทุกคนว่า ถึงผมจะเป็นมุสลิม แต่ผมก็เหมือนทุกๆ คนนั่นแหละ…
-
ร่วมรำลึกเหตุการณ์ 9/11 กับภาพเหตุการณ์วันมหาวิปโยคในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน!!
ถึงแม้จะผ่านมาแล้วกว่า 16 ปี แต่เหตุการณ์ 9/11 นั้นยังคงเป็นภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คนแน่นอน และเพื่อถือโอกาสร่วมไว้อาลัยกับการครบรอบ 16 ปี โศกนาฏกรรมที่สะเทือนขวัญครั้งนี้ เราก็มีภาพจากฝีมือของช่างภาพทั้งสมัครเล่นและมืออาชีพผู้บันทึกเหตุการณ์ในวันมหาวิปโยคนั้นไว้ได้มาฝากกัน… 1. ภาพของผู้คนบนถนน Beekman ที่กำลังมองไปยังตึกอีกฝั่งที่กำลังพังทลายลงมา 2. ภาพของเครื่องบินลำที่สองที่กำลังพุ่งเข้าชนตึก South tower 3. ภาพของนักท่องเที่ยวสาวที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน และหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธอ 4. ผู้คนกำลังวิ่งหนีฝุ่นควันที่มาจากการถล่มของอาคาร World Trade Center บนถนน Broadway 5. ภาพถ่ายจากอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ตรงข้ามกับตึก เผยให้เห็นกลุ่มควันที่มาจากอาคาร North Tower หลังจากที่ถูกเครื่องบินลำแรกพุ่งชน 6. ชายหนุ่มและงานของเขา 7. เศษซากของอาคาร South Tower ที่ร่วงลงมาบริเวณโบสถ์ Trinity 8. ภาพของอาคาร South Tower ที่กำลังถล่มลงมา 9.…
-
เปิดภาพลับหาดูยาก ลานจอดรถ ISIS ดัดแปลงไว้เพื่อก่อการร้าย ราวกับอยู่ในหนัง Mad Max
เคยสงสัยไหมว่าเหล่าผู้ก่อการร้าย ISIS เนี่ยจะมีพาหนะสำหรับการก่อการร้ายแบบไหนกันนะ? ที่เรารู้แน่ๆ คือจะมีรถปกติสำหรับคาร์บอร์ม แล้วรถแบบอื่นล่ะ พวกเขามีรถถังไหม หรือว่ารถทหารหุ่มเกราะอะไรแบบนี้ล่ะ มีหรือเปล่า? สิ่งที่เราสงสัยกันตอนนี้ได้รับการเปิดเผยเรียบร้อยแล้วโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอิรัก ซึ่งพวกเขาได้นำรถของกลุ่มก่อการร้ายทั้งหมดที่จับได้มาจัดแสดงโชว์ที่นครโมซูล เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่ากลุ่มก่อการร้ายใช้พาหนะแบบไหนกันแน่นั่นเอง จอดเรียงกันเป็นตับเลย รถส่วนใหญ่ที่เหล่า ISIS ใช้นั้นจะเป็นรถประเภท SUV ซึ่งมีขนาดที่พอดีและสามารถบรรทุกระเบิดได้ดี จากนั้นพวกเขาก็จะหุ้มเกราะให้กับตัวรถด้วยเหล็กหนาเพื่อป้องกันกระสุน บางคันจะหุ้มเกราะหนากว่าปกติราวกับเป็นรถถัง ซึ่งคาดว่ารถคันดังกล่าวไม่น่าจะได้ใช้สำหรับคาร์บอมอย่างแน่นอน แต่จะใช้ในการรบปกติเสียมากกว่า ดูๆ แล้วก็อย่างกับหลุดมาจากหนัง Madmax หรือ Deadrace เลยนะเนี่ย ตัวรถก็มีการออกแบบเกราะมาอย่างดี ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะ คันนี้ก็อย่างกับรถถังพร้อมรบ คันนี้ก็ป้อมปราการเคลื่อนที่ชัดๆ ดูสิ มีกระจกข้างบนด้วย คันนี้ยิ่งไม่ต้องถาม รถถังย่อมๆ เลย ด้านยี่ห้อรถที่เหล่า ISIS ดูจะชื่นชอบและนิยมนำมาใช้มากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นรถจากฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Toyota Land Cruiser และ Toyota Hilux แต่ก็ไม่ใช่ว่ารถจากญี่ปุ่นจะเป็นที่นิยมเพียงอย่างเดียวนะ…
-
ขะ แข็งแกร่ง… ลูกเรือสาวใช้ขวดไวน์ฟาดหัวผู้โดยสาร ที่พยายามจะเปิดประตูเครื่องกลางเวหา
เรื่องราวระทึกขวัญนี้เกิดขึ้นกับสายการบิน Delta Air Lines โดยแอร์โฮสเตสผู้หนึ่งได้ใช้ขวดไวน์จำนวน 2 ขวดฟาดเข้าที่ห้วของผู้โดยสารที่กำลังพยายามเปิดประตูเครื่อง ในขณะที่กำลังบินอยู่กลางอากาศ!! นาย Joseph Daniel Hudek IV ชายผู้ก่อเหตุดังกล่าว ถูกจับกุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม 2017 ชายหนุ่มคนดังกล่าวถูกควบคุมตัวทันที่เมื่อเครื่องลงจอดที่เมือง Seattle ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา หนุ่มวัย 23 ปี ถูกลูกเรือและผู้โดยสารท่านอื่นๆ ล๊อคตัวไว้บนเครื่องบิน Boeing 767-300 ของสายการบินดังกล่าว จากรายงานของ FBI บอกว่านาย Hudek นั้นเป็นผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส ชายหนุ่มได้ดื่มเบียร์เข้าไปก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงพยายามที่จะเดินไปด้านหน้าของเครื่องบินเพื่อเปิดประตูออกไปด้านนอก ระหว่างนั้นพ่อหนุ่มคนนี้ได้ทำร้ายพนักงานต้อนรับบนเครื่องและผู้โดยสารคนอื่นๆ อีกด้วย จากนั้นเมื่อสถานการณ์ดูเหมือนจะแย่ลงไปเรื่อยๆ แอร์โฮสเตสผู้หนึ่งจึงได้ตัดสินใจเอาขวดไวน์ฟาดเข้าที่หัวพ่อหนุ่มเลือดร้อนนี้ถึง 2 ขวด เพื่อทำให้เขาหยุดการกระทำดังกล่าว แต่แล้วเหตุการ์ทั้งหมดก็สงบลงได้ นักบินนำเครื่องลงจอดที่สนามบิน Seattle-Tacoma International Airport ได้อย่างปลอดภัย ส่วนพ่อหน่มคนดังกล่าวถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี ข้อหาขัดขืนการทำงานของลูกเรือ และกำลังเตรียมรับการพิพากษาในวันที่ 13 กรกฏาคม 2017 โดยไม่มีการให้ประกันตัว…
-
แค่คิดก็ผิดแล้ว… หนุ่มวัยรุ่นโดนขังคุก 16 ปี หลัง “วางแผน” ระเบิดงานคอนเสิร์ต Elton John
วัยรุ่นชาวอังกฤษนายหนึ่งถูกจับกุมตัวหลังจากที่เขาถูกจับได้ว่าเคยวางแผนจะวางระเบิดคอนเสิร์ตของท่านเซอร์ Elton John ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2016 ที่ผ่านมา Haroon Syed วัยรุ่นชายชาวอังกฤษวัย 19 ปีจากลอนดอน ได้รับสารภาพต่อศาลว่าเขาเคยวางแผนก่อการร้ายซึ่งมีเป้าหมายเป็นจุดที่มีผู้คนเยอะๆ อย่างจุดช็อปปิ้ง หรือท้องถนนใน Oxford ไม่ก็อาจจะเป็นคอนเสิร์ตของ Elton John ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตลำลึกครบรอบ 15 ปีเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายในอเมริกา ด้วยการรับสารภาพดังกล่าวทำให้ Haroon ถูกตั้งข้อหาจำคุกนาน 16 ปี นอกจากนั้นทางด้าน Deb Walsh ผู้เป็นเจ้าหน้าที่รับการดูแลคดีนี้ยังบอกว่า “แม้จะเป็นแค่ความคิดที่จะวางแผน แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ว่าตัว Haroon นั้นเป็นภัยต่อสังคมและคนบริสุทธิ์แล้ว” จากรายของเจ้าหน้าที่ยังบอกเพิ่มเติมว่า Haroon ใช้อินเตอร์ในการวางแผนทั้งหมด รวมใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการติดต่อกับผู้คนที่เขาคิดว่าน่าจะให้การสนับสนุนกลุ่ม IS ซึ่งมีส่วนหนึ่งของข้อความที่เขาส่งไปว่า “หลังจากที่พวกเราทำการโจมตีด้วยปืนกลแล้ว พวกเราก็ทำจะการพิธี Martyrdom นี่แหละคือแผนของผม” และการใช้อินเตอร์เน็ตนี้เองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาถูกจับได้ เพราะเขาดันไปพูดคุยกับสมาชิก MI5 ที่ทำทีและแฝงตัวเป็นกลุ่มหัวรุ่นแรงในโลกโซเชียล…
-
ชายหนุ่มโพสต์ภาพเหยียด ชายชาวซิกข์บนเครื่องบิน และตั้งแง่ให้เขาเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’
กลายเป็นเรื่องที่สร้างกระแสความเกลียดชังบนโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อหนุ่มชาวเน็ตรายหนึ่งได้โพสต์รูปของชายผู้นับศาสนาซิกข์ พร้อมกับข้อความที่ดูถูกและกล่าวหาว่าชายคนนี้เป็นผู้ก่อการร้าย… ผู้ใช้ Snapchat คนดังกล่าวได้โพสต์ภาพของเขาระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งในภาพเหล่านั้นมีรูปของชายชาวซิกข์ท่านหนึ่งปรากฏอยู่ด้วย แต่ด้วยเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการหรืออย่างไร พี่แกกลับใส่แคปชั่นแบบไม่คิดหน้าคิดหลังตลอดการเดินทาง แต่เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อชายชาวซิกข์คนดังกล่าวมานั่งที่เบาะหลังของเขา ชายหนุ่มก็ยังคงถ่ายรูปพร้อมกับข้อความที่บอกว่า “ผมยังมีชีวิตอยู่ ” และในภาพต่อมาเขายังคงไม่หยุดการกระทำดังกล่าว ชายหนุ่มจับภาพของชายชาวซิกข์ท่านเดิมพร้อมกับแคปชั่นว่า “ได้โปรดพระเจ้า ปล่อยให้เขาหลับเถอะ” ก่อนที่ภาพสุดท้ายชายคนดังกล่าวจะลาไปด้วยภาพของตัวเองและบอกว่า “เมื่อกี้ เขาเดินไปที่ท้ายเครื่องแล้วก็วนไปที่หน้าเครื่อง ก่อนที่จะกลับมานั่งที่เดิม” และปิดประโยคนี้ด้วยรูปใบหน้าแสดงความตกใจ ภาพจากแอพฯ Snapchat ที่ถูกเผยแพร่ออกมา . ภาพชุดดังกล่าวเชื่อว่ามีการโพสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นนาย Simran Jeet Singh นักวิชาการเกี่ยวกับศาสนาจากมหาวิทยาลัย Trinity ซึ่งนับถือศาสนาซิกซ์เช่นกัน ได้โพสต์ภาพชุดดังกล่าวลงบนทวิตเตอร์ของเขา พร้อมกับข้อความที่เปรียบเทียบกับความคิดของคนทั่วไปที่มักจะคิดแบบนี้ชาวมุสลิมเช่นกัน หลังจากนั้นข้อความของคุณ Singh ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก มีผู้เข้ามารีทวีตถึง 6,800 ครั้งและแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม บางคนบอกว่า “ฉันหวังว่าพวกเราควรจะได้รับการเดินทางอย่างอิสระ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะคิดอย่างไร” หรือบางคนก็บอกว่าการกระทำของชายคนดังกล่าวนั้นไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก จากเหตุการณ์ 9/11…
-
ชายหนุ่มตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุผล “ไม่อยากอยู่ในโลก ที่มีแต่การก่อการร้าย…”
หลายคนอาจจะยังจำได้ดีกับเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรด ในเดือนกันยายนปี 2001 หรือจะเป็นก่อการร้ายในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2005 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมีเหตุการณ์โศกนาฎกรรมทำนองนี้เกิดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ Tony Walter ชายอังกฤษวัย 52 ปี คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในลอนดอนครั้งนั้น ทว่าภาพความทรงจำอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนเขามาเสมอ จนทำให้เจ้าตัวตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยเหตุผล “ไม่อยากอยู่ในโลกที่มีการก่อการร้ายอีกต่อไปแล้ว” Tony Walter Walter เป็นหนึ่งในผู้โดยสารของขบวนรถไฟ Edgware Road ที่ถูกระเบิดพลีชีพจนเกิดเป็นเหตุการณ์ 7/7 และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7 คน ทว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดในคอนเสิร์ตของ Ariana Grande ที่ผ่านมาไม่นานนี้ เขาก็เป็นอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย และมันกลับกลายเป็นภาพหลอนที่ทำให้เจ้าตัวหวนคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วันถัดมาเขาก็ยังไปทำงานปกติในวันที่ 23 พฤษภาคม โดยที่มีอาการบ่นถึงเพื่อนร่วมงาน และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเหตุการณ์มันทำให้เขาหลอนถึงเรื่องเมื่อ 12 ปีก่อนด้วย “Tony เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์ระเบิดที่คอนเสิร์ต เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดภาพแฟลชแบ็คขึ้นกับเขา ช่วงหลังก่อนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย และนี่ก็เป็นความผิดของผู้ก่อการร้าย” เพื่อนร่วมงานของ Tony ให้สัมภาษณ์ โดยเมื่อวันที่…
-
ไร้บ้านแต่ไม่ไร้หัวใจ ชาวอังกฤษเชิดชู 2 ชายจรจัด ช่วยผู้บาดเจ็บในเหตุระเบิดกลางคอนเสิร์ต
เราอาจจะมองคนไร้บ้าน หรือคนจรจัดในแง่ลบ แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าพวกเขาก็แค่คนที่ขาดโอกาสในสังคม แต่ยังคงมีความดีอยู่… แม้จะเกิดเหตุสลดจากเหตุการณ์ระเบิดกลางคอนเสิร์ตของศิลปินดัง Ariana Grande ขึ้นที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ และได้สร้างความโศกเศร้าให้กับผู้คนทั่วโลกหนักหนาแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังคงมีเรื่องราวดีๆ ที่เปรียบเสมือนแสงสว่างสำหรับผู้คนอยู่เหมือนกัน เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยเรื่องราวชวนซึ้งของ 2 หนุ่มเร่ร่อนอย่างนาย Stephen Jones และ Chris Parker ที่เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์วางระเบิด จนถูกชาวอังกฤษยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของพวกเขา ตามรายงานบอกว่า Stephen และ Chris ได้อาศัยหลับนอนตามข้างถนนใกล้กับสถานที่จัดคอนเสิร์ต และขอเศษเงินจากผู้คนที่กำลังจะกลับบ้าน หรือเดินผ่านเส้นทางนั้นอยู่เป็นประจำ จากการให้สัมภาษณ์นาย Chris กล่าวว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เขาเห็นแสงไฟสว่างวาบขึ้นพร้อมกับเสียงดังและความวุ่นวาย เขาเห็นผู้หญิงวัยราวๆ 60 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาและศีรษะเนื่องจากแรงระเบิด แม้เขาจะเข้าไปช่วยเธอแต่เธอไม่สามารถทนพิษบาดแผลและจากไปต่อหน้าต่อตาของเขา “เธอตายในอ้อมแขนของผมเลย เธอบอกว่าเธอมากับครอบครัวของเธอด้วย ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ” นาย Chris กล่าวด้วยความเศร้าในแววตา นอกจากนี้เขายังได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดจนสูญเสียขาไปทั้ง 2 ข้าง “ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนึง เธอไม่มีขาแล้วผมเลยเอาเสื้อยืดของผมมาห่อขาของเธอไว้แล้วก็ถามเธอว่า ‘พ่อแม่ของเธออยู่ไหน?’ เด็กคนนั้นเลยบอกผมว่า ‘พ่ออยู่ที่ทำงาน…
-
วินาทีระทึก!! ทหารอิรักช่วยชีวิตเด็กน้อยวัย 7 ปี ให้รอดพ้นจากระเบิดพลีชีพที่ ISIS ติดไว้
หลายครั้งที่ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อหรือเป้าหมายของการก่อการร้าย เพราะพวกเขาไม่อาจสามารถปกป้องตัวเองได้และยิ่งไปกว่านั้นก็จะส่งผลทำให้เกิดความสะเทือนใจต่ออีกฝ่ายอย่างรุนแรง เหมือนเหตุกการณ์ที่น่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนนี้ เมื่อเค้าถูกผู้ก่อการร้าย ISIS ติดระเบิดพลีชีพเข้ากับตัวของเค้า!! แต่โชคดีที่ถูกพบตัวและช่วยไว้ได้ทัน รายละเอียดของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมกันเลย เมื่อไม่นานมานี้ บนโลกอินเตอร์เน็ตได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอแสดงความกล้าหาญของ ทหารนายหนึงที่ได้เข้าไปช่วยชีวิตเด็กน้อยวัย 7 ขวบที่ถูกติดระเบิดพลีชีพไว้กับตัว ทหารอิรัก กำลังพยามช่วยชีวิตเด็กน้อยจากระเบิดพลีชีพที่ถูกติดมากับตัวเขา ภายในวีดีโอคลิปแสดงให้เห็นถึงอาการหวาดกลัวของเด็กอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางทหารหนุ่มเองก็ได้พยามปลอบเขาอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างที่กำลังช่วยชีวิตเขาจากเข็มขัดมรณะเส้นนั้น เมื่อบอกให้เด็กหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้น เขาก็ได้พบกับวัตถุระเบิดที่ถูกพันไว้รอบๆ ร่างกายอันบอบบางของเด็กชายวัย 7 ปี ภาพบางส่วนจากวีดีโอ เผยให้เห็นว่าระเบิดพลีชีพถูกติดไว้กับตัวเด็ก เด็กน้อยดูตื่นตระหนกมาก เขาร้องตลอดเวลาที่ทหารกำลังพยามช่วยเหลือเขา “อย่า อย่าครับคุณลุง” เสียงของเด็กชายที่ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว สุดท้ายระเบิดก็ถูกเก็บกู้ออกมาได้สำเร็จก่อนที่มันจะคร่าชีวิตเด็กหนุ่มและผู้คนอื่นๆ อีกมากมาย คาดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือหนึ่งในกลุ่มของผู้ลี้ภัย ซึ่งถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายพบเข้าและได้กระทำการอันโหดเหี้ยมนี้ ต้องขอบคุณทหารอิรักผู้นี้มากที่ใช้ความกล้าหาญในการช่วยเหลือชีวิตเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้อย่างปลอดภัย… คลิปวีดีโอแสดงการช่วยชีวิตเด็กน้อย (คลิป) ISIS strapped explosives around this little boys (7) waist. Iraqi soldiers disarmed him…
-
รวมความเห็นชาวเน็ตทั่วโลก ต่อการก่อการร้ายในเยอรมนี ผ่านแฮชแท็ก #Pray4Berlin
จากเหตุการณ์การที่มีผู้ก่อการร้ายขับรถบัสพุ่งเข้าไปยังตลาดขายของสำหรับวันคริสต์มาสในเกรุง Berlin ประเทศเยอรมนีในคืนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากมายกว่า 50 ราย และเสียชีวิตไปอีก 9 คนด้วยกัน ทำให้ผู้คนที่ได้ทราบข่าวทั่วโลกต่างก็รู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จึงเกิดขึ้นมาเป็นแฮชแท็ก #Pray4Berlin ขึ้นมาในโลกโซเชียล และ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมความคิดเห็นของเหล่าชาวเน็ตทั้งหลายจากทั่วโลกต่อเหตุการณ์สุดสลดใจที่เกิดขึ้นผ่านทางแฮชแท็กดังกล่าว “นี่เป็นภาพอีกภาพหนึ่งของรถบัส ตำรวจของ Berlin เชื่อว่าน่าจะเกิดจากความตั้งใจที่จะให้พุ่งไถลเข้าไปในตลาดวันคริสต์มาสที่มีฝูงชนจำนวนมาก” “นึกภาพถึงครอบครัวของคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตดูสิ หวังว่าจะจับผู้กระทำความผิดได้โดยเร็วนะ” “ขอสวดภาวนาถึงครอบครัวที่อยู่ใน Berlin ที่ต้องประสบกับเคราะห์ร้ายในครั้งนี้” “ความดีจะสามารถเอาชนะปิศาจได้เสมอ” “ความรู้สึกถูกส่งไปยัง Berlin แต่ขณะที่มีแฮชแท็ก #pray4Berlin แล้วแฮชแท็ก #prayforAleppo ล่ะอยู่ที่ไหน? ที่นั่นมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 400,000 คนเลยนะ” “แสดงให้เห็นว่าโลกของเรานั้นไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เหล่าผู้ก่อการร้ายเล่นงานพวกเราหนักข้อขึ้นไปทุกวัน” “หัวใจสลายที่ได้เห็นโพสต์ของเหล่าผู้เห็นเหตุการณ์เล่าเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้นที่ Berlin เมื่อคืนนี้” “ร้านขายของคริสต์มาสมันควรจะมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานสิ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสถานที่แห่งการไว้ทุกข์ไปซะแล้ว…”…
-
‘ผมไปนะพ่อ…’ คลิปชีวิตจริงๆ ของมือระเบิดพลีชีพ ISIS วัย 11 ขวบ กับภารกิจสุดท้ายของเขา!!
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม] ณ วันนี้ผู้คนทั่วโลกคงได้รู้กันแล้วว่ากลุ่มก่อการร้าย ISIS นั้นเลวร้ายขนาดไหน มีกองทัพหน้าตาเป็นยังไง และสามารถทำอะไรให้โลกตกตะลึงได้บ้าง แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เห็นถึงกระบวนการในการสร้างนักรบพลีชีพของพวกเขา!? เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นได้หยิบมานำเสนอในวันนี้เป็นคลิปวิดีโอชวนเชื่อที่ถูกปล่อยโดยผู้สนับสนุน ISIS เป็นคลิปเกี่ยวกับ Abu Imara al Omri เด็กชายวัย 11 ขวบ แน่นอน ความพิเศษของเขาอยู่ที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กๆ ทั้วไป วิ่งเล่น ดูการ์ตูน ไปโรงเรียน เจอเพื่อนๆ แต่ถูกฝึกให้กลายเป็นผู้เสียสละ และนักรบพลีชีพให้แก่กองทัพผู้ก่อการร้าย คลิปวิดีโอตัวนี้ถูกทำให้เหมือนกับเป็นการสัมภาษณ์กึ่งสารคดี โดยผู้ชมจะได้เห็นภาพของเด็กชาย al Omri ขณะถือปืนและแสดงสีหน้ามุ่งมั่นไปยังสนามรบ ก่อนที่เขาจะก้มลงจูบมือผู้เป็นพ่อและสตาร์ทรถที่บรรจุระเบิดไว้เต็มคันรถ แล้วขับมันออกไประเบิดที่เมือง Ghazl ใกล้กับเมือง Aleppo ในซีเรียเพื่อเป็นการแสดงการต่อต้านต่อประธานาธิบดีซีเรีย Bashar al-Assad ในช่วงท้ายของวิดีโอจะเห็นเด็กชายและพ่อของเขา กำลังตรวจสอบว่ารถของพวกเขาใช้การได้หรือไม่ ก่อนที่พ่อของเขาจะสอนวิธีในการจุดระเบิดให้กับลูกชาย และจากลากันแบบไม่สะทกสะท้านอะไร ซึ่งภาพทั้งหมดจบลงด้วยการถ่ายจากระยะไกล เผยให้เห็นลูกไฟและควันโพยพุ่ง เป็นสัญญาณที่บอกว่าเด็กชาย al Omri ได้จากโลกนี้ไปแล้ว มีนักวิจัยได้ทำการศึกษากรณีของ Omri และเด็กๆ…
-
เพราะสงครามน่าเศร้ากว่าที่คิด… รวม 3 เรื่องราวของเด็กชาวซีเรีย ในแง่มุมที่โลกควรสนใจ
ถือเป็นสงครามที่ก่อตัวมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องจริงๆ สำหรับสงครามของกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในประเทศซีเรีย และมันก็ได้แผ่ขยายสร้างความเสียหายให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน ในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมาก็มีข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับผู้คนในซีเรียออกมาให้เราได้เห็นผ่านหลากหลายเหตุการณ์ วันนี้ #เหมียวฟิ้น เลยขอรวบรวมเอาเหตุการณ์เหล่านั้นมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้เห็นผลกระทบในมุมมองต่างๆ ของสงครามกัน 1. เด็กชาวซีเรียถือภาพโปเกม่อนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนทั่วโลก ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กระแสของเกม Pokemon Go โด่งดังมาก จนผู้คนให้ความสนใจออกตามหาโปเกม่อนไปทั่วโลก และเพื่อเป็นการดึงความสนใจของผู้คน สำนักงานสื่อแห่งกองกำลังปฏิวัติซีเรียจึงให้เด็กๆ ชาวซีเรียถือภาพโปเกมอนที่มีข้อความว่า “ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราบ้าง” เพื่อให้คนหันมาสนใจพวกเขาเหมือนกับที่ให้ความสนใจเกมนั่นเอง . 2. สาวน้อยจากซีเรียเป็นตัวแทนนักว่ายน้ำโอลิมปิกไร้สัญชาติ สาวน้อย Yusra Mardini หนีออกจากซีเรียพร้อมพี่สาว เนื่องจากมีสงครามปะทุขึ้น เธอและพี่สาวนั่งเรือออกไปยังเกาะ Lesbos ของประเทศกรีซและช่วยชีวิตชาวซีเรียอีก 20 คน ในระหว่างเดินทาง เครื่องยนต์ของเรือเกิดเสียหาย ทำให้เธอและพี่สาวต้องกระโดดลงไปช่วยดันเรือจนถึงเกาะในที่สุด จากนั้นพวกเธอก็เดินทางไปกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีเพื่อฝึกซ้อมร่างกาย โดยมีพ่อแม่ของเธอตามไปด้วยอย่างปลอดภัย นอกจากนี้เธอก็ยังได้รับทุนนักกีฬาที่มีไว้เพื่อสนับสนุนนักกีฬาโอลิมปิก (อ่านข่าวของเธอเต็มๆ ได้ที่ลิงก์นี้เลยนะ) …
-
เผยข้อความสุดท้าย จากเหยื่อสังหารหมู่ไนท์คลับ ‘ผมกำลังจะตาย’ ส่งให้แม่ของเขา…
กลายเป็นข่าวคราวที่น่าสลดใจที่สุดในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ หลังจากที่เกิดเหตุการสังหารหมู่ในไนท์คลับเกย์ที่เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ตามรายงานกล่าวว่ามีผู้คนได้รับบาดเจ็บกว่า 53 ราย และเสียชีวิตอีก 50 ราย หนึ่งในเหยื่อของการสังหารหมู่สุดสะเทือนขวัญก็คือ Eddie Justice วัย 30 ปี หลังจากที่เกิดการเปิดฉากยิง ทุกคนต่างวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด และเขาเองก็ได้ทำในสิ่งสุดท้ายที่พอจะทำได้ก็คือส่งข้อความไปหาคุณแม่ Mina Justice ในช่วงเวลาประมาณ 2.06 นาฬิกา ด้วยใจความดังต่อไปนี้ ลูก: แม่ครับ ผมรักแม่นะ ตอนนี้เกิดเหตุยิงกันในไนท์คลับ แม่: ลูกเป็นอะไรมั้ย ลูก: ตอนนี้ผมถูกขังอยู่ในห้องน้ำ แม่: คลับชื่ออะไร ลูก: Pulse ครับ แม่: โทรหาแม่เดี๋ยวนี้เลย ลูก: แม่โทรหาตำรวจ เดี๋ยวนี้เลย ผมบอกแล้วว่าผมติดอยู่ในห้องน้ำ ลูก: เขากำลังเข้ามาแล้ว ผมกำลังจะตาย และนั่นก็คือข้อความสุดท้ายที่เธอได้รับจากลูกชายในคืนที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จนถึงเวลานี้เธอก็ยังไม่ได้รับข้อความใดๆ จากลูกชายอีกเลย…
-
หนุ่มโครตเฮง เคยอยู่ในเหตุก่อการร้ายที่บอสตัน ปารีส และบรัสเซลส์ แต่รอดปลอดภัยทุกครั้ง!!!!
การก่อวินาศกรรมหรือการก่อการร้าย ถือว่าเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต่างไม่อยากเจอ และในหนึ่งชีวิตของคนปกติทั่วไป คงไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนั้นบ่อยๆ แต่สำหรับหนุ่มคนนี้ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือว่าโชคร้าย เพราะเขาได้มีส่วนร่วมในเหตุก่อการร้ายระดับโลกตลอด ตั้งแต่ที่บอสตัน ปารีส และล่าสุดที่บรัสเซลส์ แถมรอดปลอดภัยกลับมาทุกครั้งอีกต่างหาก!! หนุ่มคนนี้ชื่อว่า Mason Wells วัย 19 ปี เขาได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่สนามบินบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมเมื่อช่วงวานนี้ ทำให้เกิดแผลไฟไหม้ระดับสองและสามที่บริเวณมือและใบหน้าของเขา แต่ที่เจ๋ง(หรือเปล่า) ก็คือ เขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์วินาศกรรมครั้งใหญ่ของโลกอย่างเหตุวางระเบิดที่งานวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตันเมื่อปี 2013 และเหตุการณ์กราดยิงที่กรุงปารีสด้วยเช่นกัน “นี่คือการก่อการร้ายครั้งที่สามที่เขาเจอมาในชีวิตแล้ว” พ่อของ Mason กล่าวกับสำนักข่าว ABC อย่างละเหี่ยใจกับความซวยของลูกชายของเขา ตอนที่เกิดเหตุระเบิดที่งานวิ่งมาราธอนที่บอสตัน Mason อยู่ห่างจากจุดที่เกิดระเบิดไม่กี่เมตรเท่านั้น โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้เขากลับไม่โชคดีเช่นนั้น อย่างไรก็ตามทางหน่วยพยาบาลได้กล่าวชื่นชม Mason ว่า แม้ตอนนั้นเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังมองโลกในแง่ดี และพยายามยิงมุขตลกให้คนอื่นได้ขำอีกด้วย แหม คนอะไรจะซวยได้ขนาดนี้เนี่ย ดีนะไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอให้อาการบาดเจ็บของเขา ดีขึ้นในเร็ววันนะ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอเป็นกำลังใจให้…
-
ด่วน!! เกิดเหตุระเบิดสนั่นกลางนครอิสตันบูล เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 15 ราย
เมื่อประมาณ 15.30 นาฬิกา ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าเกิดเหตุระเบิดกลางจัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด ในนครอีสตันบูล ประเทศตุรกี ทำให้มีนักท่องเที่ยวและประชาชนเสียชีวิตแล้ว 10 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 15 ราย จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตได้รับการยืนยันโดยโฆษกของรัฐบาลตุรกี ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เขาได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น และมีรถพยาบาลเข้ามายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาปิดล้อมที่เกิดเหตุในทันที เพื่อป้องกันการระเบิดในครั้งต่อไป ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าระเบิดนั้นเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ทางด้านสื่อท้องถิ่นของตุรกีคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นการระเบิดพลีชีพที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กับมัสยิดบลู BREAKING: Turkish TV show flames n smoke after explosion in Istanbul. Unconfirmed reports of suicide attack #turkey pic.twitter.com/8iZqSJIz2W — Michel Santos (@Cibereporter) 12 มกราคม…
-
รู้จักชายหนุ่มแสนโชคดี (หรือร้าย?) ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 11 กันยาฯ และกราดยิงกรุงปารีส!!!
ชีวิตคนหนึ่งจะตื่นเต้นขนาดไหน หากได้อยู่ในเหตุการณ์ก่อการร้ายระดับโลกถึงสองครั้งสองครา และสามารถรอดชีวิตออกมาได้อย่างปลอดภัย? อย่างเช่นชายคนนี้ เขามีชื่อว่า Matthew เป็นชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ 14 ปีก่อนเขาอยู่ในเหตุการณ์คนร้ายจี้เครื่องบินชนตึก World Trade Center ซึ่งตอนนั้นเขากำลังเดินอยู่ในตึก โชคดีที่เขาวิ่งออกมาตอนที่เครื่องบินลำแรกชน ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นับว่าโชคดีเป็นอย่างมาก และเมื่อสัปดาห์ก่อน เขาก็อยู่ใน Bataclan concert hall ในขณะที่มีการกราดยิงโดยผู้ก่อการร้ายเช่นกัน โดยเหตุการณ์นั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีถึง 89 ราย โดยเขาเล่าว่า ขณะเขากำลังชมคอนเสิร์ตนั้น เขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา และเขารู้ในทันทีว่านั่นคือเสียงปืน เขาจึงพยายามวิ่งหนีออกจากฮอลล์ โชคร้ายเขาถูกยิงเข้าที่ขา จนล้มลง แต่เขาก็พยายามคลานออกไป “ผมค่อยๆคลานออกไปทีละน้อย ตอนนั้นผมเห็นประตูทางออกอยู่แค่เอื้อม ผมสามารถเปิดมันได้ทันที ตอน 11 กันยายน ผมเคยวิ่งสุดชีวิตไปอีกฟากของเมือง แต่ครั้งนี้มันเลวร้ายกว่า 1,000 เท่า ผมแกล้งตายอยู่ ทันใดนั้นก็มีคนมาลากผมออกไป ผมไม่กล้ามองด้วยซ้ำ ผมบอกตัวเองว่า ‘ผมรักคุณนะที่รัก’” …
-
หนุ่มเมาแฮงค์ไม่อยากไปทำงาน จ้างเพื่อนปลอมเป็นกลุ่ม ISIS ขู่ก่อการร้ายซะเลย!!!
เหมียวถือว่านี่เป็นเหตุการณ์ไร้สาระมาก และเป็นการพยายามที่จะหยุดงานแบบไม่สนใจผู้อื่นและเห็นแก่ตัวที่สุดก็ว่าได้!!! เมื่อหนุ่มพนักงานของบริษัท Intel วัย 20 ปี นามว่า Aaron O’Neill ตัดสินใจว่าไม่อยากไปทำงาน เขาเลยจ้างเพื่อนของเขา Colin Hammond ในวัย 21 ปี ให้โทรขู่ก่อการร้ายซะเลย!!! โดยสวมรอยเป็นกลุ่ม ISIS และขู่จะวางระเบิดและก่อการร้ายในพื้นที่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศไอร์แลนด์ โดยหลักๆ แล้วที่เขาไม่อยากไปทำงาน ก็เพราะดื่มหนักเกินไปในคืนก่อนหน้า เลยคิดแผนการโง่ๆ นี้ขึ้นมา ผลก็คือ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดพื้นที่ดังกล่าวทั้งมอเตอร์เวย์ การขนส่งทางอากาศ การจราจร และรวมถึงการปิดบริษัทไม่ให้พนักงานของ Intel กว่า 4,000 คนไปทำงาน!!! สมใจแล้วมั้ยล่ะ!!? เพื่อนของเขาได้โทรขู่โดยใช้โทรศัพท์หยอดเหรียญหน้าบ้านของเขา ‘คุณจะไม่เจอพวกเขาหรอก นี่คือคำเตือน พวกเราอยู่ทุกๆ ที่แล้วตอนนี้!!!’ และพอสอบถามว่าใครขู่ เขาก็ตอบว่า ‘พวกเราคือกลุ่ม ISIS’ เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ แน่นอนว่าหนุ่มทั้งสองโดนจับทันทีเมื่อมีการสืบสวน ผู้พิพากษา Martin…
-
วัยรุ่นสาวออสเตรียเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้าย ISIS กลับใจหนีกลับบ้าน เจอซ้อมจนตาย
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวของวัยรุ่นสาว Samra Kesinovic วัย 17 ปี ชาวออสเตรเลีย พร้อมกับเพื่อนสาวนามว่า Sabina Selimovic วัย 15 ปี ได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้าน ISIS เมื่อเดือนเมษายนปี 2014 แต่หลังจากนั้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ของออสเตรเลียก็ได้รายงานว่า Samra ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมหลังจากที่เธอพยายามหนีออกจากเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ที่เป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในซีเรีย อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลของออสเตรเลียไม่ได้มีการกล่าวถึงในประเด็นนี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าเพื่อนของเธออย่าง Sabina ที่หนีออกจากบ้านพร้อมๆ กัน ได้ถูกฆ่าตายแล้วเช่นกัน หลังเหตุต่อสู้เมื่อปีที่ผ่านมา ตามรายงานบอกว่าหลังจากที่ทั้งคู่เดินทางมาถึงซีเรีย ทั้งคู่ก็ถูกจับแต่งตัวและถือปืนแบบผู้ก่อการร้าย และยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าทั้งคู่ถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ก่อการร้ายในค่ายด้วย มีการสันนิษฐานกันว่า Sabina ได้ตั้งท้องกับสามีและมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่อย่างไรก็ตามเธอได้ปฏิเสธเรื่องนั้นกับสื่อหนังสือพิมพ์ของฝรั่งเศสที่ส่งข้อความไปสอบถามเธอ ก่อนที่เธอจะถูกฆ่าตายเธอได้กล่าวว่าเธอมีความสุขดีในซีเรีย ที่มา metro
-
Abaaoud – ISIS ตัวเบ้งผู้บงการการก่อการร้ายในกรุงปารีส ถูกสังหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!
ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจในวงกว้างเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่อุกอาจที่สุด กับค่ำคืนศุกร์ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเมื่อกรุงปารีสถูกจู่โจมแบบกองโจร ภายใต้การบงการจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) อีกทั้งยังออกมาขู่โจมตีประเทศใหญ่ๆ อย่างเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงโรม ประเทศอิตาลี และวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา จากเหตุการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การตามล่าตัวผู้ก่อการร้ายที่เป็นผู้บงการการจู่โจมในครั้งนี้ นั่นก็คือ Abdelhamid Abaaoud ซึ่งล่าสุดนี้ทางอัยการปารีสได้ออกมายืนยันแล้วว่าถูกสังหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ย้อนกลับไปในเหตุการณ์เปิดฉากถล่มที่หลบภัยของกลุ่ม ISIS ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ณ Saint Denis มีการเปิดฉากยิงกันระหว่างเจ้าที่ตำรวจฝรั่งเศสกว่า 100 นายและฝั่ง ISIS ในที่สุดทางการฝรั่งเศสก็สามารถควบคุมสถาณการณ์เอาไว้ได้ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพของ Abdelhamid Abaaoud ชาวเบลเยี่ยม วัย 27 ปี จากการระบุตัวตนด้วยลายนิ้วมือ และพบกระสุนฝังอยู่ในร่างเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงร่างของหญิงนักท่องเที่ยวรายหนึ่งจากการระเบิดฆ่าตัวตายด้วยเข็มขัดติดระเบิด จากการบุกถล่มในครั้งนี้นอกจากจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีระลอกที่ 2 แล้ว ยังนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อการร้ายได้อีก 7 ราย…
-
คู่รักรอดตายปาฏิหาริย์ หลังแกล้งนอนตายนานกว่าชั่วโมง ในเหตุกราดยิงที่กรุงปรารีส!!
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดอึ้งของคู่รักคู่หนึ่งที่รอดตายจากเหตุการณ์กราดยิงในโรงละครบาตาคล็อง ประเทศฝรั่งเศส เหตุเพราะพวกเขาแกล้งนอนตายอยู่กับพื้น ทำให้ผู้ก่อการร้ายไม่สามารถมองเห็นเขาได้ เหตุการณ์ดังกล่าวถูกบอกเล่าผ่านคู่รักอย่างนาย Michael O’Connor ชาวอังกฤษ และแฟนสาว Sara Badel ชาวฝรั่งเศส โดย Michael เล่าว่าระหว่างที่เกิดเหตุกราดยิงนั้น พวกเขากำลังชมคอนเสิร์ตของวง Eagles Of Death Metal ในโรงละครบาตาคล็องพอดี แต่จู่ๆ ก็มีผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาและกราดยิงผู้คนอย่างไม่เลือกหน้า จนทำให้มีผู้คนเสียชีวิตจำนวน 89 คน พวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจลองไปนอนกับพื้นและทำเป็นแกล้งตายอยู่กับกองเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น โดยที่นาย Michael นอนทับร่างของแฟนสาวและผู้หญิงอีกทีหนึ่ง เพื่อปกป้องแฟนสาวของเขา ในขณะนั้นเอง Michael ก็ได้หันไปจูบลาแฟนสาว เพราะคิดว่าคงไม่รอดชีวิตแน่ๆ พร้อมกับเล่าว่า “ผมอยู่ใกล้เธอมากจนสามารถจูบเธอได้ และบอกเธอว่า ‘ผมรักคุณ ถ้าผมไม่รอด ช่วยบอกที่บ้านผมด้วยว่าผมรักพวกเขา’” แต่ Sara กลับบอกเขาว่า “มันจะไม่จบอยู่แค่นี้หรอก…
-
ผวาอีก!! เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ 2 ลำลงจอดฉุกเฉิน เหตุเพราะโดนขู่วางระเบิด
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศได้รายงานว่าเครื่องบินจากสายการบินแอร์ฟรานซ์ 2 ลำ ที่กำลังจะเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาไปยังฝรั่งเศสต้องเปลี่ยนเส้นทางและขอลงจอดฉุกเฉิน เหตุเพราะว่ามีคนขู่จะวางระเบิดบนเครื่องทั้ง 2 ลำ ตามรายงานบอกว่าเครื่องบินลำแรกเป็นของเที่ยวบิน 65 ที่ออกเดินทางจากกรุงลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยังสนามบินชาร์ล เดอ โกล์ด ในกรุงปารีส ประเทสฝรั่งเศส แต่กลับต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหัน และไปลงจอดที่สนามบินซอลท์ เลคซิตี้แทน รัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกาแทน เพราะได้รับโทรศัพท์ขู่วางระเบิดจากภาคพื้นดิน และในเวลาต่อมา เที่ยวบิน 55 ที่เดินทางจากวอชิงตันไปสนามบินชาร์ล เดอ โกล์ดเช่นกัน ก็ได้แจ้งขอเปลี่ยนเส้นทางไปลงจอดที่สนามบินในแฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา เพราะโดนขู่วางระเบิดเช่นกัน ทั้งนี้ผู้โดยสารทั้งหมดไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆ แต่ไม่มีรายงานว่าสามารถตามจับคนร้ายขู่วางระเบิดได้หรือไม่ ที่มา cnn
-
กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ประกาศสงครามกับกลุ่ม ISIS ปล่อยวิดีโอแถลง ‘เราจะตามล่าทุกหนทุกแห่ง’
หลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอย่างสาสม และเมื่อไม่นานมานี้ทางกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังกระฉ่อนโลก Anonymous ก็ได้ออกมาแสดงทีท่าเช่นเดียวกัน กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ได้ทำการปล่อยคลิปวิดีโอผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมกับอ่านแถลงการณ์ประกาศทำสงครามกับกลุ่ม ISIS เป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยใจความดังต่อไปนี้ ‘พวกเอ็งจงรับรู้เอาไว้ว่า พวกเราจะตามล่าและจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปได้’ ‘พวกเราจะเริ่มปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อต่อกรกับพวกเอ็ง’ ‘การจู่โจมทางโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จงเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี’ ‘ชาวฝรั่งเศสนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเอ็งหลายเท่า และจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากความโหดร้ายที่ได้รับในครั้งนี้’ อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มแฮกเกอร์ออกมาต่อกรกับกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยออกมาข่มขู่หลังจากเหตุการณ์การโจมตี Charlie Hebdo เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คลิปแถลงการณ์จาก Anonymous (อัพเดทบรรยายภาษาอังกฤษ) ปฏิบัติการในครั้งนี้มีชื่อว่า #opISIS เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศศึก ภายในทวิตเตอร์ภายใต้ #opISIS ก็ได้มีการเปิดฉากอย่างรวดเร็ว มีการเปิดเผยรายชื่อบัญชีทวิตเตอร์ของกลุ่ม ISIS กว่า 1,000 รายชื่อ ตามมาด้วยคำขู่ที่จะกำจัดเว็บไซต์ชวนเชื่อของกลุ่ม ISIS ‘เมื่อเรากำจัดพวกเอ็งได้แล้ว…
-
ฮีโร่คุณพ่อ สละชีวิตตัวเองขวางมือระเบิดเพื่อช่วยอีกหลากหลายชีวิตจากเหตุก่อการร้ายเลบานอน
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังสนใจเหตุก่อการร้ายที่ปารีสอยู่ แต่ก็ยังมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นอีกหลายที่ หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นที่เมืองเบรุตในเลบานอน คุณพ่อชาวเลบานอนคนหนึ่ง ถูกยกย่องเป็นฮีโร่ หลังจากได้ช่วยชีวิตคนไว้นับไม่ถ้วน หลังจากใช้ร่างกายตัวเองสกัดมือระเบิดพลีชีพที่กำลังเดินเข้าหาฝูงชนขณะกำลังจะปลดชนวน จนสุดท้ายระเบิดได้พรากชีวิตเขาและลูกสาวไป คุณพ่อท่านนี้มีชื่อว่า Adel Termos กำลังเดินเล่นอยู่กับลูกสาว ในตอนที่เขาได้ยินเสียงระเบิดครั้งแรกนั้น ฝูงชนได้แตกตื่นเป็นอย่างมาก และในตอนนั้นเขาก็เห็นมือระเบิดคนที่สองกำลังเดินเขาหาฝูงคนอยู่ พร้อมทั้งกำลังจะปลดชนวนระเบิดที่ติดอยู่กับตัวเขา คุณพ่อจึงโถมตัวเข้าใส่ ทำให้ระเบิดทำงาน ซึ่งแรงระเบิดได้พรากชีวิตของเขา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ได้ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้มาก ผู้เห็นเหตุการณ์ Elie Fares ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว PRI ว่า “หลากหลายครอบครัว เป็นหลายๆร้อยครอบครัวเป็นหนี้บุญคุณของเขา” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือทางกลุ่ม ISIS ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเป็นต้นเหตุการก่อการร้ายครั้งนี้และในปารีส ที่มา unilad
-
ผู้นำระดับสูงของ ISIS ถูกสังหารโดยเครื่องบินรบของกองทัพสหรัฐฯ ในประเทศลิเบีย!!
การตามล่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายยังคงร้อนระอุไปทั่ว จากข่าวเก่า ซึ่งภายหลังจากที่มีการเปิดเผยของเพนตากอนไม่กี่วัน ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศอีกครั้งว่าผู้นำระดับสูงของ ISIS ถูกสังหารโดยเครื่องบินรบในประเทศลิเบีย (ภาพเครื่องบินรบฝรั่งเศสประกอบข่าว) โฆษกของกองทัพสหรัฐฯ ได้กล่าวเอาไว้ว่าฝูงเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ได้ทำการจู่โจมฐานที่มั่นอันเป็นศูนย์บัญชาการของ ISIS ซึ่งภายในนั้นคาดว่าผู้นำระดับสูงของกลุ่มหลบซ่อนอยู่ โดยปฏิบัติการรุกฆาตนี้ดำเนินการก่อนคืนที่กรุงปารีสจะถูกจู่โจม ศูนย์บัญชาการที่ถูกโจมตีนี้ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเมือง Dernah ประเทศลิเบีย ซึ่งคาดการณ์ว่าผู้นำกลุ่มระดับสูง Abu Nabil (Wissam Najm Abd Zayd al-Zubaydi) หลบซ่อนอยู่รวมไปถึงทหารระดับแนวหน้าด้วย และจากการปฏิบัติการในครั้งนี้ ก็ได้ทำการระเบิดฐานที่มั่นให้เป็นจุล ในช่วงระหว่างที่เครื่องบินรบ F-15 ออกปฏิบัติการไม่นานนัก ช่วงเวลาต่อมาก็เกิดเหตุจู่โจมกรุงปารีสทันที ทั้งนี้ทางโฆษกเพนตากอนก็ได้กล่าวปิดท้ายไว้ว่า ‘การตามล่าผู้นำเหล่านี้ เราจะตามล่าไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก’ ที่มา : unilad, dailymail
-
เผยเอกสารแถลงการณ์โจมตีฝรั่งเศส เหตุจูงใจจากการร่วมปราบปรามกลุ่ม ISIS ในแอฟริกา
จากกรณีของข่าวคราวช็อคโลกกับการถูกโจมตีของประเทศฝรั่งเศสที่ผ่านมานั้น ภายหลังจากวันเกิดเหตุ กลุ่ม ISIS หรือรัฐอิสลามก็ได้ออกมารับแล้วว่าเป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังความโกลาหลทั้งหมด อ่านข่าวเก่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สื่อฝรั่งเศสก็ได้เผยเอกสารแถลงการณ์จากกลุ่มดังกล่าว เป็นเอกสารสองภาษานั่นก็คือฉบับภาษาอาราบิกและฉบับภาษาฝรั่งเศส โดยมูลเหตุจูงใจนั้นอาจมาจากการที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมปรามปราบกองกำลัง ISIS กับสหรัฐอเมริกาในแอฟริกา อีกทั้งในโซเชียลมีเดียต่างๆ ผู้ที่สนับสนุนกลุ่ม ISIS ได้ใช้แฮชแท็ก #باريس_تشتعل (ปารีสลุกเป็นไฟ) ระบุว่าเป้าหมายต่อไปในการโจมตีคือ กรุงโรม ประเทศอิตาลี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ วอชิงตันดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ทางด้านนายฟร็องซัว ออล็องด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า ‘สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานในปารีสและเซนต์เดนิสนั้น เป็นการกระทำที่ชักจูงให้เกิดสงคราม ประเทศฝรั่งเศสจึงต้องตัดสินใจให้ดี การกระทำดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ มีการเตรียมการและวางแผนจากนอกประเทศ และการกระทำทั้งหมดนี้เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนสิ้นดี’ ที่มา : Allô la France ที่นี่ฝรั่งเศส, lemonde
-
อัพเดทสถานการณ์การก่อการร้าย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส #prayforparis
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและช็อคไปทั่วโลก เมื่อมีการก่อเหตุก่อการร้าย ณ ใจกลางของประเทศฝรั่งเศส นั่นก็คือกรุงปารีส ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 150 รายแล้ว ซึ่งเหมียวเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อช่วง 7 นาฬิกาของวันที่ 14 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากเหตุกราดยิงในหลายจุดของกรุงปารีสและมีระเบิดพลีชีพ (Suicide Bomb) บริเวณ State de France ทางด้านผู้สื่อข่าวจากทางหลายสำนักได้รายงานว่า มีมือปืนใช้ปืนกลเปิดฉากกราดยิงภัคตาคาร เปอติ แคมโบดจ์ (Petit Cambodge) ในเขต 11 (11th District) และมีการกราดยิงเกิดขึ้นที่ศูนย์ศิลปะบาตาคล็อง (Bataclan) เช่นเดียวกัน นอกจจากนี้ยังมีการจับผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกันด้วย ภายในเวลาเดียวกันเกิดเหตุระเบิดสามระรอกภายนอกบาร์แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับ State de France ซึ่งกำลังมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างฝรั่งเศส-เยอรมนี และมีรายงานว่านายฟรองซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันนี้ด้วย แต่ถูกนำตัวไปยังที่ปลอดภัยแล้ว มีตัวประกันถูกจับตัวราวๆ…
-
3 สาวรัสเสียทำแสบ หลอกตุ๋นเงินจากกลุ่มก่อการร้าย Isis ได้กว่าแสนบาท!?
สำหรับคนทั่วไปแล้ว หากต้องการจะหาเงินสักก้อนเพื่อไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจจะหาจ็อบเสริม หรือไม่ก็เก็บเงินที่ได้จากเงินเดือนแล้วค่อยไปเที่ยวใช่ไหมล่ะ แต่กับแก๊งค์ 3 สาวแห่งสาธารณรัฐเชเชน ประเทศรัสเซียไม่ได้ทำแบบนั้น แต่กลับหลอกขโมยกลุ่มผู้ก่อการร้ายอย่าง Isis แทนซะงั้น!? เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าหญิงสาวจากสาธารณรัฐเชเชน ประเทศรัสเซีย 3 ราย ได้ทำการต้มตุ๋นกลุ่มก่อการร้าย Isis โดยหลอกให้พวกเขาโอนเงินให้เธอเป็นจำนวนกว่า 3,300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 115,997 บาท โดยพวกเธอวางแผนไว้ว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปเที่ยวในวันหยุดพักผ่อน ตามรายงานบอกว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายได้พยายามติดต่อกลุ่มหญิงสาวผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อขอให้พวกเธอมาเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายด้วยกัน แต่แทนที่ 3 สาวจะตอบปฏิเสธไป พวกเธอกลับยังติดต่อกับกลุ่มก่อการร้ายอยู่ และส่งรูปถ่ายปลอมๆของพวกเธอไปให้ผู้ก่อการร้ายดู เพื่อหลอกว่าพวกเธอสนใจในข้อเสนอดังกล่าว ไม่นานนัก ก็มีเงินก้อนหนึ่งโอนเข้ามาในบัญชีของสาวๆ จากนั้นการสื่อสารทั้งหมดก็หยุดลง และพวกเธอก็ไม่ติดต่อกลับไปยังผู้ก่อการร้ายอีกเลย ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ Valery Zolotaryov ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมไม่เคยได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์แบบนี้ ในสาธารณรัฐเชเชนมาก่อนเลย อาจเป็นเพราะว่าไม่เคยมีใครถลำลึกไปแบบพวกเธอก็ได้” ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกอีกว่า “ผมไม่แนะนำให้ใครสื่อสารกับพวกผู้ก่อการร้ายนะ โดยเฉพาะพวกหิวเงินทั้งหลาย” ไงล่ะเจอสาวแสบเข้าไป Isis…