Tag: ขาย
-
อินโดฯ จับพ่อค้าออนไลน์ เปิดร้านขาย “ทารกไม่พึงประสงค์” บนอินสตาแกรม!!
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล การซื้อขายก็สามาารถทำได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เนื่องจากปัจจุบันมีร้านค้ามากมายที่เปิดออนไลน์บนโลกอินเทอร์เน็ต จนเรียกได้ว่าครบครันแทบทุกอย่าง แต่ล่าสุดกลับเกิดในประเทศอินโดนีเซียกลับมีร้านค้าออนไลน์ที่เปิดขาย “ทารก” ไม่พึงประสงค์ให้กับผู้ที่ต้องการ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องราวที่ไร้มนุษยธรรมอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวชายวัย 29 ปีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อค้าขายเด็กทารกออนไลน์บนอินสตาแกรม โดยมีจุดประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาให้กับคนที่ไม่มีลูก ชายคนนี้รู้จักกันในนาม AP ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย 4 รายที่ถูกจับกุมเนื่องจากการซื้อขายทารกที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อีกรายเป็นหญิงสาววัย 22 ปีรู้จักกันในนาม LA ที่เป็นทั้งคนขาย (ลูกตัวเอง) เป็นคนซื้อ และยังเป็นนายหน้าการซื้อขายอีกด้วย หญิงคนนี้ถูกจับกุมขณะกำลังวางแผนจะขายทารกของตนเองในราคา 15 ล้านรูเปียห์ (หรือราว 30,000 บาท) โดยเธอได้แยกทางกับสามีและมีหนี้สินสะสมท่วมตัว จนต้องเข้ามาพึ่ง AP ในธุรกิจมืดนี้ ลูกค้าของเธอมีความสนใจที่จะซื้อทารกที่เธอขาย โดยตั้งใจจะจ่ายเงินจำนวน 5 ล้านรูเปียห์ (ราว 10,000 บาท) เพิ่มให้กับนายหน้า และเงินอีก 2.5 ล้านรูเปียห์ (5,400 บาท) ให้กับ AP อินสตาแกรมของร้านใช้ชื่อว่า สถาบันส่งเสริมสวัสดิการครอบครัว มียอดติดตาม…
-
เกาะส่วนตั๊วส่วนตัว Kaulbach Island ที่ตอนนี้กำลัง “ลดราคา” เหลือ 150 ล้านบาทเท่านั้น!!
ชีวิตที่สงบ มีอิสระ และเป็นเอกเทศ ในยามที่ชีวิตต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของสังคมมนุษย์ การใช้ชีวิตบนเกาะส่วนตัว คงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยสำหรับผู้ที่มีความต้องการที่กล่าวไปข้างต้น ก่อนอื่น เราลองมาชมเกาะ Kaulbach เกาะโดดเดี่ยวงดงาม ใจกลางอ่าวมาโฮนของรัฐโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา เกาะ Kaulbach ด้วยเนื้อที่กว่า 140 ไร่ พร้อมคฤหาสน์หรูเนื้อที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ประกอบกับบรรยากาศทั้งป่าไม้ ชายหาด และน้ำทะเล ทำให้เกาะส่วนตัวแห่งนี้เปิดขายด้วยราคาสูงลิบในปีที่ผ่านมา ภายในคฤหาสน์มี 11 ห้องนอนด้วยกัน พร้อมทั้งของใช้สอยที่จำเป็นต่างๆ ที่ยิ่งกว่านั้น ภายนอกคฤหาสน์ยังมี “ลานจอดเฮลิคอปเตอร์” ไว้สำหรับจอดเฮลิคอปเตอร์อีกด้วย คฤหาสน์หรูเนื้อที่กว่า 1,000 ตารางเมตร . . มองจากระเบียงของที่อาศัยออกไปเห็นพื้นหญ้า ต้นไม้ เกาะเพื่อนบ้าน และท้องทะเล สำหรับการเดินทางโดยเรือ เกาะแห่งนี้ได้จัดเตรียมท่าจอดสำหรับยานพาหนะทางน้ำไว้ที่ฝั่งด้านแผ่นดินแม่แล้ว ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากเกาะไปเพียง 6 นาที นอกจากนี้ สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เกาะ Kaulbach นี้ยังอยู่ไกลจากท่าอากาศยานนานาชาติ Halifax เพียง…
-
15 ตุ๊กตาและโมเดล “คนดัง” เวอร์ชั่นที่ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะซื้อมาสะสมดีหรือเปล่า…
แน่นอนว่าการเป็น คนมีชื่อเสียง นั้นจะต้องมีผู้ชื่นชอบและชื่นชมมากมาย และด้วยความที่มีชื่อเสียงนี้เองทำให้เกิดการผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับบุคคลนั้นๆ ออกมาวางขาย เช่น โมเดลหรือตุ๊กตา เป็นต้น ซึ่งสำหรับแฟนๆ แล้วก็คงอยากได้มาสะสมไว้เป็นแน่ ทั้งนี้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ชื่อดังอย่าง eBay เองก็มี โมเดลคนดัง วางขายเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องเลือกให้ดีเพราะไม่ใช่สินค้าทุกชิ้นที่จะ “ดูดี” วันนี้ ขอยกตัวอย่างสินค้า โมเดลคนดังที่วางขายใน eBay กับเวอร์ชั่นที่ว่ามองแล้วต้องขยี้ตาแล้วหันมามองอีกรอบ ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะซื้อมาสะสมดีหรือเปล่า เอาล่ะ ลองไปชมกันเลย… 1. The Rock (คิ้ว ปาก หน้า เรียกได้ว่าจัดเต็ม) 2. นักร้องสาว Britney Spears เอ๊ย Shears เวอร์ชั่นโกนหัว (เผื่อใครอยากสะสม) shear แปลว่า กรรไกร เป็นการล้อนามสกุล Spear ที่แปลว่า หอก ของนาง 3. Susan Boyle ผู้โด่งดังจากรายการ Britain’s Got Talent…
-
แอร์สาวเยอรมัน ประกาศขาย ‘ความเวอร์จิ้น’ หลังเก็บไว้มานาน 36 ปี เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่!!
ใครเล่าจะคิดว่า ‘ความเวอร์จิ้น’ จะสามารถนำมาประกาศขายได้ราวกับสินค้าหายาก แถมยังมีราคาแพ๊งแพง จนถึงหลักล้านหรือสิบล้านเลยทีเดียว!? เช่นเดียวกันกับสาวแอร์โฮสเตสชาวเยอรมนี ที่เก็บความเวอร์จิ้นมายาวนานกว่า 36 ปี ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะนำมันมาขายประมูลผ่านทางออนไลน์ ด้วยการช่วยเหลือจากเว็บไซต์ Cinderella Escorts ทำให้ความเวอร์จิ้นของเธอได้รับความสนใจ และถูกขายไปในราคาที่สูงถึง 250,000 ยูโร หรือราวๆ 9.5 ล้านบาท!! โดยนักธุรกิจผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากกรุงมิวนิค Mandy เล่าว่าที่เก็บความเวอร์จิ้นมาจนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะเธอยังไม่ได้เจอคนที่ใช่เท่านั้นเอง “คำว่า ‘เซ็กส์’ สำหรับฉันมันก็เหมือนกับคาสิโน เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าใครคือคนที่ใช่ และเมื่อเจอแล้วฉันก็พร้อมที่จะหยุดที่คนคนนั้น” “ผู้หญิงทุกคนจะมีโอกาสในการ ‘สูญเสียความเวอร์จิ้น’ ได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต แต่ถ้าเราเก็บมันไว้เป็นเวลานานเท่าไหร่ ก็อาจจะทำให้ความสุขที่ได้รับมามันคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเท่านั้น” แต่อย่างไรก็ตาม จากการประกาศขายความเวอร์จิ้นของตัวเองในครั้งนี้ เธอเองก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับชายคนที่ใช่ ที่เธอตามหามาตลอดเสียที และแม้ว่าเขาจะไม่ใช่แต่เธอก็ยังจะคงตามหาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ การประมูลความเวอร์จิ้นของ Mandy นั้นเป็นไปอย่างดุเดือด และผู้ชนะก็เป็นนักธุรกิจจากกรุงมิวนิค ในราคา 250,000 ยูโร (9.5 ล้านบาท) ส่วนอันดับที่สองก็ตามมาติดๆ เป็นทนายความ…
-
หนุ่มตั้งใจขาย ‘ผ้าคลุมล่องหน’ ขายจริงจัง เฮ้ย มันล่องหนได้จริงๆ นะแกร๊ เชื่อเราเถอะ!!
สิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการบนโลกแห่งความเป็นจริง มักจะปรากฏให้เป็นจริงได้ผ่านภาพยนตร์แฟนตาซีต่างๆ หรือไม่ก็สื่อบันเทิงในรูปแบบอื่นๆ เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน… แต่หากคุณเป็นแฟนตัวยงของโลกเวทมนตร์พ่อมดน้อยแฮร์รี่ ไอเทมที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าไม้กายสิทธิ์ก็น่าจะเป็นผ้าคลุมล่องหน คิดดูสิว่าถ้ามีจริง มันจะเจ๋งแค่ไหน ขายผ้าคลุมล่องหนสีฟ้า +10 ขนาด 42 คอ 15 นิ้ว พร้อมกระเป๋าด้านใน 2 ช่อง ต่อรองได้จ้า พร้อมลองใช้งานให้ดู ไม่ใช่ช่วงเมษาหน้าโง่ซะด้วย แหม่… เอาเข้าจริงๆ แล้ว มีคนเอามาขายด้วยนะเออ พ่อหนุ่ม Stewart Knox ก็อยากจะลงขายของออนไลน์หารายได้เสริมแบบขำๆ บ้าง พี่แกเล่นงัดขายผ้าคลุมล่องหนผ่านเฟสบุ๊กในราคาตัวละ 200 ปอนด์ (8,500 บาท) เท่านั้นนนน ถือว่าถูกมากกับความสามารถล่องหน!! ดูนะครับ นี่คือผ้าคลุมล่องหนของจริง เดี๋ยวจะลองใส่ให้ดู… เฮ้ยยยยย ล่องหนจริงๆ ด้วย!! จากโพสต์ขายผ้าคลุมล่องหน ในตอนแรกลูกค้าก็คิดกันเป็นจริงเป็นจังว่านี่พี่ซีเรียสขายแบบนี้เลยเหรอ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงเขาได้ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ UNILAD ไว้ว่า …
-
ทหารหนุ่มเพิ่งรู้ว่า ภรรยาขายลูกไป แต่บอกว่าลูกตายแล้ว แถมตัวเองก็ไม่ใช่พ่อของเด็ก!?
เจ้าหน้าที่ทหารชาวสหรัฐอเมริกาที่ไปประจำการอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ถึงกับเข่าทรุด หลังได้รับข่าวว่าลูกของตัวเองที่เพิ่งคลอดนั้นเสียชีวิตหลังจากนั้นได้ไม่นาน แต่หลังจากผ่านไปได้เดือนเดียวเจ้าหน้าที่ Steven Garcia วัย 24 ปีก็ทราบความจริงว่า ลูกชายของตนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ถูกขายไปให้คนอื่นโดยฝีมือของภรรยาตัวเอง และความจริงที่พีคยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าหน้าที่ Steven ไม่ใช่พ่อของเด็กคนนั้นด้วย!! เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ Steven ได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เขาได้รับข่าวว่า Marina Garcia วัย 31 ปี ภรรยาของเขาคลอดลูก และลูกที่คลอดออกมาเสียชีวิตในวันนั้น “พี่สาวของผมโทรมา และแจ้งข่าวร้ายให้ทราบ ตอนนั้นผมเศร้ามาก และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้แต่ร้องไห้กันสองคนกับภรรยาผ่านทางโทรศัพท์” เจ้าหน้าที่ Steven เล่า แต่กลายเป็นว่า ทารกน้อยเกิดที่รัฐแอริโซนา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ Marina ได้มอบลูกของตนให้กับเพื่อนที่คบกันมายาวนานชื่อว่า Leslie และ Alex Hernandez เรื่องราวทั้งหมดเริ่มแดงออกมาที่ถนนหลวงแห่งหนึ่งของรัฐแอริโซน่า เจ้าหน้าที่จราจรได้เรียกให้รถคันหนึ่งจอด…
-
นักศึกษาสาววัย 20 ขายเวอร์จิ้นตัวเอง รับทรัพย์แน่นๆ ที่ 45 ล้านบาท เผยว่าถูกใจคนซื้อด้วยนะ!!
เรื่องของการค้าขายสินค้าที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอุปสงค์และอุปทาน ยิ่งของมีน้อยแต่ความต้องการมีมาก มูลค่าก็จะสูงไปตามกลไกตลาด แต่ถ้าหากของที่นำมาขายนั้นกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายคนแทนล่ะ แถมมีเรื่องของมูลค่าทางจิตใจมาเกี่ยวข้องอีก? ของที่ว่านั้นก็คือ ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวหรือที่เราเรียกกันว่า “เวอร์จิ้น” นั่นแหละ สำหรับต่างประเทศแล้วการจะขายของแบบนี้ไม่ถือว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด มีเพียงแค่ความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนเท่านั้นที่จะมองว่าถูกหรือผิด นักศึกษาสาววัยเพียง 20 ปี นามว่า Jasmine จากเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ประกาศขายเวอร์จิ้นของตัวเองผ่านเอเจนซี่ Cinderella Escorts แม้ว่าเธอจะมาจากครอบครัวเคร่งศาสนาก็ตาม แต่จุดประสงค์สำหรับการขายในครั้งนี้ เธอก็ทำเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว และจะนำไปเป็นทุนทำธุรกิจพร้อมกับท่องเที่ยวรอบโลก และการประกาศขายในครั้งนี้ ไม่มีการตั้งราคาที่ตายตัว ทางเอเจนซี่ใช้ระบบประมูลมูลค่าซึ่งผู้ชนะก็คือ นายธนาคารจากย่าน Wall Street แห่งนิวยอร์ก ด้วยราคาสุดท้ายที่ 1,200,000 ยูโร หรือประมาณ 45 ล้านบาท!! ทางด้าน Jasmine และผู้ชนะประมูลนั้นต่างได้พบกันเป็นที่เรียบร้อย โดยนอกเหนือจากความราบรื่นในการส่งมอบตัวแล้ว เรื่องของความสัมพันธ์ก็ยิ่งพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม เพราะเธอดันมีเคมีเข้ากับเขาซะด้วยสิเนี่ย… “ฉันรู้สึกแฮปปี้ดีที่ได้ขายเวอร์จิ้นและได้พบกับลูกค้าแล้วล่ะ บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นรู้สึกกังวลนิดหน่อยแต่ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ชอบเขานะ…
-
วิกฤตโอตะ…ดราม่านิตยสาร HAMBURGER ปก BNK48 คว้าหมดปึก ปล่อยขาย แฮกรูปในเว็บ!!
กลายเป็นประเด็นเดือดเลือดร้อนบนโลกออนไลน์เมื่อวานที่ผ่านมา (26 เมษายน 2561) หลังจากที่มีการเริ่มวางแผงนิตยสาร HAMBURGER นิตยสารแจกฟรีของบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด ฉบับล่าสุดซึ่งเป็นปก BNK48 ก็เกิดเป็นกระแสดราม่าอย่างรุนแรงในชั่วพริบตา เมื่อถึงเวลา 17.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่มีการวางแผงของนิตยสาร จากความต้องการที่มีในปริมาณมาก แต่ทว่าจำนวนนิตยสารที่แจกฟรีนั้นมีจำนวนจำกัด กลายเป็นการแก่งแย่งชิงกันอย่างรุนแรง โดยที่มีโอตะ (หรือพ่อค้า) บางส่วน ทำการหยิบนิตยสารที่เพิ่งจะวางในจุดแจกเพียงไม่กี่นาทีไปทั้งปึก ซึ่งคนอื่นๆ ไม่ได้หยิบแม้แต่เล่มเดียว โอตะบางส่วนหยิบไปทั้งปึก และนำมาปล่อยขายในราคาสูง . จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นาน นิตยสารฉบับล่าสุดก็ออกมาโผล่ในกลุ่มการซื้อขายของกลุ่มแฟนคลับ ทำการประกาศขายในราคาประมาณหลักร้อยไปจนถึงครึ่งพัน ทั้งๆ ที่เป็นนิตยสารแจกฟรี… (แถมมีคนซื้อด้วย) หนึ่งในกรณีขายนิตยสารแจกฟรีในราคา 350 บาท ทั้งนี้กระแสเริ่มแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย นั่นก็คือ ฝ่ายที่ออกไปหยิบนิตยสารแจกฟรีแล้วนำมาขายต่อในราคาสูง กับอีกฝ่ายที่หยิบตามจำนวนที่เหมาะสม และฝ่ายที่ไม่มีโอกาสได้หยิบเลยแม้แต่เล่มเดียว จนกลายเป็นการถกเถียงถึงเรื่องมารยาทในสังคมส่วนรวม ว่าสิ่งที่ทำกันอยู่คือสิ่งสมควรหรือไม่ โอตะบางส่วน เริ่มลุกลามทำการแฮกภาพที่ยังไม่ได้ทำการเผยแพร่ในเซิร์ฟเวอร์…
-
ประกาศขายรถมือสองบนเน็ต กับเทคนิคการขายตรงไม่อ้อมค้อม พร้อมประวัติรถอย่างเฉียบคม!
การประกาศขายของแต่ละทีจะมีสักกี่ครั้ง ที่ลูกค้ายอมอ่านรายละเอียดการขายทั้งหมด ยิ่งพวกของมือสองชิ้นใหญ่ชิ้นโตมีมูลค่าสูงๆ พร้อมกับเรื่องราวระหว่างการครอบครอง เอาใจใส่ดูแลมามากมาย จะมีใครชอบอ่านบ้าง อย่างชาวเน็ตท่านหนึ่งที่อยากจะขายรถมือสองของตัวเอง และรู้ดีว่าการขายรถมือสองเป็นอะไรที่ยากมากๆ อยากให้ออกเร็วๆ ก็ต้องใช้ความตุกติกเล่นแง่กับลูกค้า แต่ก็จะไม่ส่งผลดีกับตัวเองอีก แต่สำหรับรถยนต์ Toyota Corolla ปี 1999 หน้าตาดูธรรมด๊าธรรมดาคันนี้ กลับมีเรื่องราววิเศษวิโสอย่างน่าประหลาดใจ เพราะแทนที่จะบอกแค่สเปครถ พี่แกกลับใช้วิธีการขายตรงๆ พร้อมร่ายประวัติการผ่านมือมาอย่างโชกโชนกันเลยทีเดียว คุณอยากจะได้รถที่จ่ายแล้วจบ? คุณอยากจะได้รถที่ไม่ต้องทะเลาะกันรึเปล่า? คุณอยากได้รถที่ไม่มีใครมาเชยชมมั้ย? ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว มาพูดถึงฟีเจอร์ที่มีในตัวรถคันนี้กันบ้าง บูลธูท: ไม่มี ซันรูฟ: ไม่มี ล้อแฟนซี: ไม่มี กล้องมองหลัง: ไม่มี แต่มันมีกระจกมองหลัง และคุณจะต้องหันคอไปดูแทน ไม่ว่าจะเป็นการเปรยถึงเทคโนโลยีที่ควรจะมีในรถยนต์สมัยใหม่ แต่คันนี้อย่าไปถามถึง บูลธูทงั้นหรือ? ไม่มีหรอก กล้องหน้ากล้องหลังรถ? ก็ไม่มีเหมือนกัน จะมีก็แค่กระจกใสๆ ไว้ให้คุณมองด้านหลังเพื่อถอยรถได้เหมือนกัน ไม่มีหมกเม็ด แหม่… สาดความฮาติดตลกมาเพียบ “ให้ผมเล่าเรื่องให้ฟังละกัน วันหนึ่ง…
-
รู้หรือไม่? ครั้งหนึ่งรัสเซียเคยขาย ‘อลาสก้า’ ให้สหรัฐฯ ด้วยราคาแค่ 300 ล้านบาท!!
ปัจจุบันรัฐอลาสก้านับว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะแม้แต่พระเอกหนังดังขวัญใจฮิปสเตอร์อย่างเรื่อง ‘Into the Wild’ ก็ยังไปตายที่นั่น… แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าครั้งหนึ่งพื้นที่ทั้งหมดของอลาสก้าเคยเป็นของรัสเซีย ก่อนที่จะขายให้สหรัฐฯ ในปี 1867 ด้วยราคา 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 300 ล้านบาท) และสร้างมูลค่าอย่างมหาศาลให้กับสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา อลาสก้ายุคก่อนเป็นของสหรัฐฯ ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 อาณาเขตของอลาสก้าที่อยู่ใต้การปกครองของรัสเซีย ถือเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก ในยุคนั้นมีเมืองหลวงที่ชื่อ Novoarkhangelsk (Sitka) ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ใช้ในการรับซื้อสินค้าจากจีน เช่นผ้า ถ่านหิน แร่ธาตุ ชา ธัญพืช หรือแม้แต่ทองคำ นอกจากนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มพ่อค้าชาวรัสเซียจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการส่งออกงาของตัววอลรัส ซึ่งมีราคาสูงพอๆ กับงาช้าง โดยหลักๆ ในช่วงนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุดตกเป็นของ Russian-American Company ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ผูกขาดการค้ามากซะจนสามารถต่อรองกับรัฐบาลได้ จนช่วงเวลาต่อมาเขตอลาสก้าก็ถูกพัฒนาให้มีการใช้ธงและสกุลเงินเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเหรียญทองส่วนหนึ่งจากอลาสก้าที่ถูกใช้แลกเปลี่ยนในยุคนั้น RAC ท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของอลาสก้า Alexander Baranov พ่อค้าหัวใสชาวรัสเซีย ได้เปลี่ยนจากเมืองอลาสก้าที่มีแต่อุตสาหกรรมและเครื่องจักร ให้เพรียบพร้อมไปด้วยสถานศึกษา สถานพยาบาลให้แก่กลุ่มแรงงาน และถ่ายทอดความรู้ด้านการเพาะปลูกให้คนพื้นเมือง ภายใต้การบริหารงานของเขาทำให้กำไรของบริษัท…
-
พาชมร้าน “ไม้จิ้มฟัน” เก่าแก่ ยืนหยัดทำธุรกิจมาตั้งแต่สมัยเอโดะ จนถึงปัจจุบันก็ยังขายเหมือนเดิม!?
แม้ว่าคุณจะได้เห็นตึกระฟ้าสูงตระหง่าน และเห็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า? บนถนนในกรุงโตเกียวนั้น ยังเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายที่ยังคงเก็บรักษาประเพณีอันเก่าแก่เอาไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Nihonbashi Saruya ร้านขายไม้จิ้มฟันเล็กๆ ที่มีมานานกว่า 300 ปี โดยถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (กรุงโตเกียวในปัจจุบัน) เมื่อปี 1704 สำหรับร้านขายไม้จิ้มฟันดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นมายุคที่ Tokugawa Tsunayoshi โชกุนคนที่ 5 แห่งตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่ง โทะกุงะวะ สึนะโยะชิ กำลังเป็นผู้ปกครองประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้น และถึงแม้ว่าจะมีหน้าร้านที่ดูทันสมัย แต่ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่าน Nihonbashi ของกรุงโตเกียวซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าเก่าแก่ที่ขายไม้จิ้มฟันแบบดั้งเดิมมากมาย ไม้จิ้มฟันดังเดิมของทางร้าน มักจะถูกนำมาใช้ใน “พิธีชงชาของญี่ปุ่น” เพื่อที่จะได้รับรสหวานของชาเขียว และผงชาเขียว โดยจะมาในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างกัน สำหรับไม้จิ้มฟันที่ขายในร้าน Saruya ส่วนใหญ่จะเป็นแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “kuromoji” ถูกทำขึ้นจากไม้ Lindera umbellata หรือ Spicebush มาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยหนึ่งในไม้จิ้มฟันที่ขายดี…
-
รถเฟอร์รารี่ Unicorn จากยุค 1960s ที่สาบสูญไปจากโลก ถูกค้นพบปิดตายอยู่ที่ญี่ปุ่น..!!
นับว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ราวกับนักโบราณคดีที่ขุดพบชิ้นส่วนไดโนเสาร์เลยทีเดียว เมื่อเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่ามีคนพบรถเฟอร์รารี่รุ่น ‘Unicorn’ 365GTB/4 ที่เชื่อว่าหายสาบสูญไปจากโลกแล้ว!! หากพูดถึงรถเฟอร์รารี่รุ่นทั่วๆ ไป หลายคนคงรู้ดีว่าขั้นต่ำราคาของมันอย่างน้อยก็ปาเข้าไปมากกว่าหลักสิบล้านแน่นอน ทว่าสำหรับรุ่นนี้มันมีความพิเศษกว่านั้น เพราะผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าราคาของมันสูงกว่ารุ่นที่ว่างขายในปัจจุบันถึง 3 เท่าเลยทีเดียว Ferrari Unicorn 365GTB/4 ความพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ มันเป็นรถรุ่นต้นแบบที่จะผลิตเพียงครั้งละ 1 คันเท่านั้น ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีก่อน ครั้งหนึ่งบริษัทเฟอร์รารี่เคยจะเปิดตลาดในญี่ปุ่นด้วยรถรุ่นนี้ ทว่าด้วยปัญหาหลายๆ ประการ ทำให้โครงการนี้ล้มเลิกไป และแน่นอนว่ารถรุ่นยูนิคอร์นที่เคยผลิตออกมา ก็กลายเป็นของแรร์หายากทันที ซึ่งคันนี้มีเจ้าเป็นชาวญี่ปุ่นชื่อว่า Makoto Takai หลังจากที่รถคันนี้เดินทางมาถึงเกาะญี่ปุ่น เรื่องราวของมันก็หายไปและไม่ถูกพูดถึงอีกเลย เมื่อผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบสภาพก็พบว่า เป็นรุ่นเดียวกับที่บริษัทเคยเชื่อว่าหายสาบสูญไปแล้ว และตอนนี้รถคันนี้ก็มีอายุมากถึง 48 ปีเชียวล่ะ แผงคอนโซลเผยให้เห็นว่า รถคันนี้ถูกใช้งานบนถนนทั้งหมดเพียงแค่ 36,390 กิโลเมตรเท่านั้น เครื่องยนตร์รุ่น 4.4 ลิตร…
-
รัฐอลาบาม่าเปิดร้านค้าแนวใหม่ รวบรวม “ของหายไร้เจ้าของ” มาขายเป็นสินค้ามือสองแทน!!
เคยสงสัยมั้ยว่าไอ้สิ่งของๆ เราที่จู่ๆ มันก็หายไปอย่างไม่มีวันกลับมา ท้ายที่สุดแล้วพวกมันจะไปรวมกันอยู่ที่ไหน? หรือโลกนี้จะมีจักรวาลคู่ขนานคอยเก็บของหายให้อยู่นะ? ซึ่งเราก็ถึงกับร้องอ๋อทันที หลังจากที่ได้รู้จักกับร้านค้าแนวใหม่ไฉไลกว่าใครเพื่อน ‘Unclaimed Baggage Center’ (UBC) ห้างใหญ่แห่งรัฐอลาบาม่าที่รวบรวมทุกสิ่งอย่างที่เคยหายไปและไม่มีเจ้าของมาแสดงตัว มาวางขายในช็อปกลายเป็นร้านมือ 2 ที่ดูโดดเด่นกว่าเจ้าอื่นเป็นไปไหนๆ ตามมาดูพร้อมๆ กันเลยว่าข้างในจะมีของหายเยอะขนาดไหน โดยในปัจจุบันทีมงานคาดว่ามีสิ่งของเยอะมากกว่า 1 ล้านชิ้นเลยทีเดียว บนพื้นที่กว้างกว่า 3,716 ตรม. ช็อปแห่งนี้มีสินค้าใหม่ๆ (ที่เพิ่งหาย) มาลงทุกวันไม่ต่ำกว่าวันละ 80,000 ชิ้น กระเป๋าทั้งหมดนี้เคยเป็นกระเป๋าที่นักท่องเที่ยวเคยทำหายไว้ และเมื่อเกินกำหนด 90 วัน ตามกฎหมายระบุว่าสิ่งของชิ้นนั้นจะตกเป็นของสนามบินทันที และเพื่อเป็นการระบายสินค้าที่มากเกินไป ห้างร้าน UBC จึงได้เสนอซื้อต่อของหายทั้งหมดเพื่อนำมาวางในช็อปตัวเองอีกครั้งหนึ่ง หลายอาจคนแย้งว่า.. ส่วนใหญ่สายการบินก็ส่งสัมภาระคืนผู้โดยสารถูก แต่ประเด็นคือสนามบินไม่มีสิทธิ์ที่จะรับผิดชอบกระเป๋าของคุณ ดังนั้นสำหรับสิ่งของบางชิ้นที่เจ้าของไม่ได้ให้ความสนใจ การขายต่อให้ร้าน UBC เพื่อนำไปวางขายต่ออีกทอดหนึ่ง ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดี และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งรวมนักท่องเที่ยวแห่งรัฐไปแล้วด้วยเช่นกัน …
-
18 สินค้าไอเดียจากซีรีส์ดัง Game of Thrones ให้แฟนคลับทั้งหลาย หามาใช้ได้แล้ววันนี้!!
ใกล้จะถึงตอนจบของซีซั่น 7 มากขึ้นทุกทีแล้ว ซึ่งก็เป็นอย่างที่เรารู้กันว่าหลังจบซีซั่นนี้เราอาจจะต้องรออย่างน้อย 2 ปี กว่าจะได้ดูซีซั่น 8 และด้วยความที่เรากำลังอินกับเนื้อหาในซีรีย์สุดๆ จนไม่อยากให้มันจบ เราจะขอแนะนำ 19 สินค้าไอเดียดีๆ จากเรื่อง Game of Thrones ที่คุณหาซื้อได้เพียงปลายนิ้วคลิ๊ก ทีนี้เราก็มาช็อปปิ้งสินค้าฆ่าเวลารอดูตอนหน้ากันไปพลางๆ ก่อนละกันเนาะ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ) 1. เขียง Dinner is Coming – $33 (1,145 บาท) – ลิงค์ขาย 2. ที่คั่นประตู Hodor – $6.64 (222 บาท) – ลิงค์ขาย 3. ที่เปิดขวดตราที่ปรึกษากษัตริย์ – $19.98 (666 บาท) – ลิงค์ขาย 4. แก้วเบียร์พร้อมสัญลักษณ์ประจำตระกูล – $62.95…
-
ชมวิถีชีวิตในอดีตของ ‘หญิงขายบริการ’ เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ก่อนจะกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
อาชีพ ‘หญิงขายบริการ’ หรือที่เรียกกันว่า ‘โสเภณี’ ถือเป็นอีกอาชีพที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมาตั้งแต่ยุควัฒนธรรมโบราณเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับที่รัฐนิวออร์ลีนส์ ในอดีตราว 100 ปีก่อน การขายบริการถือเป็นเรื่องถูกกฎหมาย จนกระทั่งมันถูกทำให้กลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายและศีลธรรม และทั้งหมดนี้เป็นภาพเล่าวิถีชีวิตของหญิงสาวในอดีตจากช่างภาพ E. J. Bellocq ภาพถ่ายของ Josie Arlington หนึ่งในสาวงามประจำสถานที่ขายบริการ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานั้น ภาพทั้งหมดนี้ถูกถ่ายขึ้นในปี 1917 และที่ Storyville นี้ก็ถือเป็นที่สุดท้ายในสหรัฐอเมริกาที่การค้าประเวณีเคยถูกกฎหมาย หญิงสาวขายบริการส่วนใหญ่จะต้องเปลือยกายในงานเลี้ยง แต่สำหรับ Josie Arlington ในยุคนั้นเธอมีชื่อเสียงมากพอที่จะใส่ชุดราตรีไปร่วมงานของกลุ่มคนไฮโซได้ สำหรับที่ Storyville เป็นที่เดียวที่ให้บริการคนทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชาวเมืองแรงงานไปจนถึงนักธุรกิจระดับสูง Storyville ก่อตั้งครั้งแรกตั้งแต่ปี 1897 สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ.. สถานบริการนำรายได้เข้ารัฐมากเป็นอันดับต้นๆ ในช่วงนั้น ภายในสถานบริการจะถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ประดับสุดหรู สำหรับ Josie Arlington เธอมีค่าตัวสูงถึง 5 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำในยุคนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 22 เซนต์ต่อชั่วโมงเท่านั้น…
-
ประกาศขายเกาะส่วนตัวในสก็อตแลนด์ แค่ 14 ล้านบาท คุณก็เป็นเจ้าของเกาะได้แล้วนะ..!!
สำหรับใครที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ที่จะใช้ลงทุนระยะยาว หรือกำลังมองหาที่พักส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเกาะสวาทหาดสวรรค์จากสก็อตแลนด์ ที่คุณก็เป็นเจ้าของได้ด้วยราคาเพียง 14 ล้านบาทเท่านั้น!! Little Ross Island เป็นเกาะส่วนตัวที่ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เกี่ยวกับกรณีที่นาย Hugh Clark ถูกฆาตกรรมที่นี่เมื่อ 60 ปีก่อน Little Ross Island สำหรับใครที่ไม่แคร์เรื่องคดีฆาตกรรมในอดีต ว่ากันว่าที่นี่เป็นเกาะที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางธรรมชาติอันโดดเด่นใจกลางทะเล เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสก็อตแลนด์ พร้อมพื้นที่ขนาดประมาณ 73 ไร่ ภายในอาคารก็ประกอบไปด้วยห้องนอน 6 ห้อง โดยบ้านทั้งหลังจะใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์และแรงลม (ประหยัดค่าไฟไปได้อีกเยอะ) รูปแบบอาคารภายนอกที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะ ก็จะมาพร้อมกับประภาคารที่เคยใช้สำหรับการเดินเรือ “ย้อนกลับไปในปี 1900s เกาะแห่งนี้เคยใช้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมง นักเดินเรือ รวมทั้งมีการทำเกษตรกรรมขนาดเล็กขึ้นที่นี่ด้วย” David Corrie จากบริษัทที่ดูแลพื้นที่ส่วนนี้ให้สัมภาษณ์ และทุกวันนี้เกาะแห่งนี้ก็อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Northern Lighthouses ซึ่งจะเดินทางมาได้ด้วยการใช้เรือหรือเครื่องบินส่วนตัวเท่านั้น ถ้าใครอยากเป็นเจ้าของก็ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณต้องมีเงิน…
-
ศาสตราจารย์ซื้อแป้นเก่าในราคาถูก โดยคนขายไม่รู้ว่าเป็น ‘เครื่องอินิกมา’ ที่ขายได้ 2 ล้านบาท!!
กลายเป็นข่าวดังกึกก้องไปทั่วโลก เมื่อมีชาวโรมาเนียคนหนึ่งนำแป้นพิมพ์สภาพเก่าราวกับหลุดมาจากสมัยสงครามโลก มาประกาศขายในตลาดสินค้ามือสองด้วยราคาเพียงแค่ 100 ยูโรเท่านั้น (4,000 บาท) ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่าแป้นพิมพ์ดังกล่าวเป็น ‘เครื่องแปลงรหัสอินิกมา’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับส่งรหัสปฏิบัติการณ์ลับที่ตกถอดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แถมยังขายได้ราคาสูงถึง 45,000 ยูโร (ราวเกือบ 2 ล้านบาท) สภาพหน้าตาของเครื่องอินิกมาที่ตกทอดมาจากกองทัพเยอรมัน ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าใครเป็นคนซื้อ แต่หลังจากที่แป้นพิมพ์นี้ถูกขายต่อด้วยราคาเพียง 100 ยูโร เจ้าของคนใหม่ก็ได้นำเครื่องนี้ไปขายต่อในตลาด Bucharest Artmark โดยเปิดประมูลไว้ที่ราคา 9,000 ยูโร ก่อนจะมีเศรษฐีนิรนามปิดประมูลที่ราคา 45,000 ยูโร “เป็นเรื่องราวที่ฮือฮาในตลาดประมูลสินค้ามากครับ มีศาสตราจารย์ด้านการถอดรหัสคนหนึ่ง เขาไปเจอกับเครื่องถอดรหัสอินิกม่าและซื้อมันมาในราคาถูกแสนถูก ก่อนจะเปิดประมูลและปิดราคาได้อย่างสวยงาม” Cristian Gavrila ผู้จัดการ Artmark ให้สัมภาษณ์ เดิมทีเครื่องอินิกม่าถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในเยอรมัน เมื่อปี 1920 เพื่อใช้สำหรับการส่งรหัสปฏิบัติการทางสงครามต่างๆ โดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ ทว่าต่อมาประเทศอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตรได้พยายามถอดรหัสเครื่องอินิกม่าให้ได้ จนกระทั่งมีนักคณิตศาสตร์ที่ชื่อว่า Alan Turing สามารถไขรหัสของกองทัพเยอรมันได้สำเร็จ และสามารถเอาชนะสงครามได้ในที่สุด…
-
หนุ่มวัย 15 ปี เศรษฐีรุ่นใหม่ขายขนมในห้องน้ำโรงเรียน จนมีรายได้กว่า 1.9 ล้านบาทต่อปี!!
ใครอยากเป็นเศรษฐี? ฉันน่ะสิ… ฉันน่ะสิ… ไม่ว่าใครก็อยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตกันทั้งนั้น บางคนอาจจะใช้เวลาไขว่คว้าหาสิ่งนี้มาชั่วชีวิต แต่สำหรับพ่อหนุ่มวัยห้าวเป้งคนนี้เค้าเจอทางที่พิเศษกว่านั้น เพราะมันอยู่ในห้องน้ำโรงเรียนนี้แหละ!! กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกแชร์ต่อไปทั่วโลก เกี่ยวกับหนุ่มวัย 15 ปี Nathan John-Baptiste ที่สามารถทำรายได้ๆ มากถึง 43,000 ปอนด์ต่อปี จากการขายขนมในห้องน้ำโรงเรียนให้เพื่อนๆ จนตอนนี้ขยายสาขาไปแล้วมากกว่า 3 แห่งทั่วกรุงลอนดอน Nathan John-Baptiste เศรษฐีหนุ่มหัวใสที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลก ในแต่ละวันเขาสามารถทำกำไรจากการขายขนมขบเคี้ยว และของหวานต่างๆ ให้เพื่อนๆ ในโรงเรียนได้มากถึง 230 ปอนด์ต่อวัน (ราว 10,000 บาท) โดยเจ้าตัวจะนำเมนูขนมต่างๆ พร้อมกับอัพเดทโปรโมชั่นประจำวันผ่านแอพฯ Snapchat ให้เพื่อนๆ ได้เลือกสรรก่อนจะทำการแลกเปลี่ยนกันในห้องน้ำตอนช่วงพักเที่ยง ราคาขนมส่วนใหญ่จะขายถูกกว่าในร้านค้าข้างนอก โดยเริ่มต้นที่ 50 เพนนีเท่านั้น ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่หยุดธุรกิจอยู่แค่นี้ เพราะล่าสุดคุณครูในโรงเรียนได้รายงานว่า พ่อหนุ่มได้ขยายสาขาร้านขายขนมในห้องน้ำโรงเรียนเพิ่มอีก 3 สาขา โดยมีลูกจ้างพนักงานมากถึง 11 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆ ต่างโรงเรียนของเขานั่นเอง สินค้าที่เจ้าตัวขายก็มีตั้งแต่คิทแคท คุ๊กกี้ ขนมคบเคี้ยวต่างๆ…
-
ช่างภาพขายภาพสงครามจากเมือง “Mosul” แต่ไม่มีใครซื้อ ก็เลยแจกฟรีซะเลยนี่…!!
ไม่น่าเชื่อว่าอีกด้านหนึ่งของไฟสงคราม เมืองโมซูลก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามแข่งขันสำหรับช่างภาพฝีมือดีที่หวังจะถ่ายภาพจากสงครามเพื่อนำไปขายให้กับสื่อดังจากทั่วโลก เช่นเดียวกับ Kainoa Little ช่างภาพชาวสหรัฐอเมริกาที่ได้เดินทางเข้าไปถ่ายภาพเรื่องราวสงครามในโมซูล เขาหวังว่าจะสามารถขายภาพทั้งหมดได้หลังสงครามสิ้นสุด ทว่ากลับขายไม่ออก… เจ้าตัวเลยนำมาเปิดเผยให้เราได้ดูกันฟรีๆ!! กลุ่มตำรวจกำลังยิงขีปนาวุธใส่ผู้ก่อการร้าย แน่นอนว่าภาพถ่ายทั้งหมดที่จะได้ชมนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสมรภูมิรบ เขาต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงในแนวหน้าสนามรบ เฉกเช่นเดียวกับเหล่าทหารที่ต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราช เจ้าหน้าที่กำลังบุกเข้าโจมตีโรงหนังเก่า หลังได้รับแจ้งว่าพบวัตถุระเบิดต้องสงสัยในตึกนี้ กระสุนจากฝั่ง ISIS ที่ทะลุเข้ามายังฝั่งทหาร พื้นที่ภายในโรงหนัง หลังจากถ่ายภาพนี้ได้ไม่กี่วินาที กลุ่มโจร ISIS ก็ได้เปิดการโจมตีใส่กองกำลังจากด้านบน ภาพเจ้าหน้าที่ขณะกำลังปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้ก่อการร้ายในอาคาร ภาพที่เผยให้เห็นกระสุนของผู้ก่อการร้าย ที่กระหน่ำโจมตีใส่ทหารอย่างไม่หยุดหย่อน การโต้กลับของเจ้าหน้าที่ใส่กลุ่ม ISIS พ่อครัวในสนามรบกำลังเตรียมทำเสบียงให้แก่ทหารทุกนาย เมื่อพักจากการรบนี่คือเวลาว่างของพวกเขา พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านร้างของประชาชนอย่างยากลำบาก ภาพของประชาชนกำลังอพยพหลบหนีออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตราย กลุ่มผู้อพยพกำลังรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ เพื่อหลบหนีข้ามแม่น้ำ รถบัสส่วนหนึ่งที่คอยขนส่งประชาชนอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย กองกำลังทหารอิรัก กับภารกิจนำโดรนบินขึ้นสำรวจพื้นที่สนามรบ …
-
ศิลปินออกแบบสำรับไพ่แนวใหม่ ดูน่ารักมุ้งมิ้งหมาผุดดอก ชวนให้น่าป๊อกยิ่งกว่าเดิม..!!
สำหรับขาไพ่ทั้งหลายอาจจะมีรู้สึกเบื่อลายโพธิ์ดำ โพธิ์แดง หรือไม่ก็รูปข้าวหลามตัดบนไพ่กันบ้างแล้วใช่มั้ยล่ะ? บางทีก็ชวนให้คิดเหมือนกันนะว่า ที่ป๊อกเก้ามันไม่ยอมเด้งนี่เป็นเพราะลายไพ่ด้วยรึเปล่า? แต่คราวนี้เราจะพาไปชมผลงานการออกแบบของ John Littleboy ด้วยความที่เจ้าตัวอาจจะรู้สึกเบื่อ หรือไพ่มันไม่ยอมเด้งก็ไม่ทราบได้ ศิลปินได้ปิ๊งไอเดียเปลี่ยนรูปน่าเบื่อในไพ่แบบเดิมๆ ให้กลายเป็นภาพสัตว์เลี้ยงน่ารักสุดๆ เป็นรูปรอยเท้าน้องหมาก็มา น่ารักมั้ยล่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นเซียนโปกเกอร์ ไพ่สลาฟ หรือแม้แต่เจ้ามือป๊อกเด้ง คุณก็ใช้ได้เหมือนกัน ผลงานจากศิลปินชาวซานฟรานซิสโกชุดนี้ใช้ชื่อว่า Pack of Dogs “เริ่มต้นจากจินตนาการของผู้สร้าง ไพ่ธรรมดาสำรับนี้เป็นเปรียบได้ดั่งกล่องสมบัติขนาดเล็ก” คำอธิบายจากร้านค้า ภาพน้องหมาที่ถูกวาดลงไปบนไพ่ อันที่จริงแล้วเป็นน้องหมาเพื่อนรักของตัวศิลปินเอง ลองนึกภาพสิว่า ถ้าป๊อกเก้าสองเด้งภาพจะออกมาน่ารักขนาดไหน ในส่วนของหมวดไพ่ฝรั่งก็มีการจัดคอสตูมให้น้องหมาเหมือนกัน จะเอามาเล่นสลาฟกับเพื่อนก็สนุก เล่นป๊อกเด้งก็ดูจะเฮงได้อีก เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Artiphany หรือถ้าหากว่าเบื่อไม่มีเพื่อนเล่นด้วย จะเอาไพ่คอลเล็คชั่นน้องหมา มาเล่นกับหมาที่บ้านก็ได้เหมือนกันนะ… ทั้งหมดที่เล่ามาเราไม่ได้สนับสนุนให้เล่นการพนันจริงๆ น๊าา ที่มา: Boredpanda
-
ตำรวจเปรูจับโคเคนล็อตใหญ่มูลค่า 3 พันล้าน แถมแปะตรา “เมสซี่” บนหีบห่อไว้ด้วย!!
แบบนี้ก็ได้เหรอเนี่ย!? เมื่อตำรวจในเปรูได้เข้ายึดการขนส่งโคเคนมากถึง 1.4 กิโลกรัมซึ่งมีการแปะโลโก้และรูปของ “ลีโอเนล เมสซี่” ดาวเตะชื่อดังจากทีมบาร์เซโลน่า เอาไว้บนแพ็คเกจอีกต่างหาก โดยของกลางทั้งหมด เป็นโคเคนเกรดเยี่ยม มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 73 ล้านปอนด์หรือราว 3 พันล้านบาท และยังทำการแปะโลโก้ของเมสซี่เอาไว้ แถมนอกเหนือจากนี้แล้วยังมีห่อที่ใช้ตราแผ่นดินของสเปนแปะเอาไว้อีกต่างหาก จากรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีได้ระบุว่าการขนส่งนี้มีปลายทางอยู่ที่ยุโรป ก่อนจะถูกตำรวจเปรูเข้ายึดไว้ทันเวลา . ยิ่งไปกว่านั้น เอล มุนโด้ เดปอร์ติโบ สื่อจากประเทศสเปนยังรายงานอีกว่า ยาเสพติดล็อตดังกล่าวถูกซ่อนไว้ภายใต้หมึกนับพันตัวที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์อีกชั้นหนึ่ง ปีก่อนก็เคยมีการซ่อนโคเคนมูลค่า 24 ล้านปอนด์เอาไว้ในกล้วยปลอมให้กับ ดาเนียล บัลเดส ฆารามิโญ ราชายาเสพย์ติดชาวโคลอมเบียที่ใช้นามแฝงว่า “เมสซี่” ตามชื่อของนักเตะอันดับหนึ่งของโลกจากทีมบาร์เซโลน่า ซึ่งถูกพบในโกดังที่อังกฤษใกล้ๆ กับย่านแรนแนม เมืองเคนท์ ประเทศอังกฤษ เดี๋ยวนะ เรื่องนี้เมสซี่จะไม่ยุ่ง!! แบบนี้ก็ได้เหรอ ที่มา dailymail
-
ดาเมจรุนแรง!! โฆษณาคอมฯ ยี่ห้อ “หนู” ถูกแมวไล่อย่างน่าเอ็นดู แทบจะไม่เกี่ยวกับคอมฯ เลย
ปกติเราดูโฆษณาขายคอมพิวเตอร์ เรามักจะเห็นโฆษณาที่นำเสนอเทคโนโลยีฟีเจอร์ต่างๆ ว่าคอมพิวเตอร์ตัวนี้มันเจ๋งยังไง เทพตรงไหน แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมโฆษณาคอมพิวเตอร์จากประเทศญี่ปุ่น ที่จริงๆ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เท่าไหร่หรอก แต่มันช่างดาเมจรุนแรงเหลือเกิน ถามว่าเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตรงไหน ก็บอกเลยว่าไม่มีหรอก แต่น่ารักสุดๆ ไปเลย <3 โฆษณาดังกล่าวเป็นของบริษัท Mouse Computer ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายคอมพิวเตอร์ในประเทศญี่ปุ่น (เชื่อว่าคนไทยคงไม่คุ้นหู แต่เอาว่ามันฮิตพอสมควรในญี่ปุ่นละกันนะ) แทนที่พวกเขาจะทำโฆษณาเหมือนๆ กับบริษัทอื่นๆ แต่พวกเขาได้นำสมาชิกกลุ่มไอดอลสาว Nogizaka46 ซึ่งประกอบไปด้วย Asuka Saito, Mai Shiraishi, Nanase Nishino, Erika Ikuta, และ Rina Ikoma มาแสดงแทน อร๊ายยยยยยยยยยย ใจสั่นระรัว อร๊ายย ลองไปชมคลิปกันดู ตอนแรกก็ไม่อยากได้คอมใหม่หรอก แต่พอดูจบแล้วแทบจะสั่งซื้อเลย <3 มีเบื้องหลังด้วยนะ ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ ขนาดขายคอมพิวเตอร์ยังทำให้แตกต่างได้ ไม่ใช่ญี่ปุ่น ทำไม่ได้นะเนี่ย…
-
ชาวเน็ตบังเอิญเจอ ‘ขนมชีโตส’ รูปร่างคล้าย Harembe มีคนประมูลซื้อ 3 ล้านกว่าบาท!?
เมื่อปีที่ผ่านมาได้มีเรื่องราวที่ทำให้คนทั้งโลกต้องจดจำ เมื่อเด็กชายคนหนึ่งตกลงไปในกรงของกอริลล่า แต่จู่ๆ ก็มีเจ้ากอริลล่าตัวหนึ่งชื่อว่า Harembe ได้เดินเข้ามาอุ้มเด็กชายคนนั้นไป จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจที่จะปลิดชีวิตมัน เพื่อช่วยเด็กชายคนนั้นไว้ เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมากมายทั้งในโลกโซเชียล และในแวดวงของผู้เชี่ยวชาญว่าแท้จริงแล้วเจ้า Harembe นั้นมีเจตนาที่จะช่วยเหลือเด็กหรือทำร้ายเด็กกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือเหตุการณ์ที่น่าสลดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพ่อแม่หรือผู้ปกครองดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอยู่ตลอดเวลา ไม่ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวเหล่านี้ผ่านมา และก็เป็นบทเรียนให้เราได้คิดคำนึง หาวิธีแก้ไขต่อไปในอนาคตเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอะไรน่าเศร้าขึ้นมาอีก… ทีนี้มาดูเรื่องแปลกๆ ซึ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้กันบ้าง… และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ได้มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้น มีชาวเน็ตรายหนึ่งซื้อขนมชีโตสมากิน และพบว่ามีชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างดูคล้ายกับเจ้า Harembe ซะเหลือเกิน เขาจึงได้นำเจ้าขนมชีโตสชิ้นดังกล่าว ไม่รวมถุง และขนมชิ้นอื่นๆ ไปเปิดประมูลในเว็บไซต์ eBay โดยเริ่มต้นราคาประมูลที่ 420 บาท รูปร่างของขนมชีโตส ที่กลายเป็นกระแสในเน็ต ส่งผลถึงการประมูลครั้งนี้มีคนเข้าร่วมเพียบ ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ มีคนเข้ามาทำการประมูลไปทั้งหมด 132 ครั้ง จนเมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ผ่านมาการประมูลก็จบลง และขนมชีโตสรูปร่างคล้าย Harembe ถูกขายไปในราคากว่า…
-
พ่อตระเวนขายลูกน้อยวัย 5 เดือน อยู่ข้างถนน เพื่อแลกเงิน 4 แสน เอาไปซื้อรถให้ภรรยา
กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกอินเตอร์เน็ตของชาวจีนไปเลยทีเดียว หลังจากมีภาพคุณพ่อคนหนึ่งออกมาประกาศขายลูกชายวัย 5 เดือนเป็นจำนวนเงิน 4 แสนบาท เพื่อนำเงินจำนวนนั้นไปซื้อรถให้กับภรรยา ก่อนที่พวกเขาจะหย่ากัน เหตุการณ์ดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าว Huanqiu เมื่อตำรวจสังเกตุเห็นชายคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กทารก ยืนทำท่าทีมีพิรุธอยู่ข้างถนนนานกว่า 10 นาที ขณะที่เด็กชายซึ่งอยู่ท่ามกลางอากาศหนาว และไม่มีเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นเพียงพอ ก็เริ่มที่จะส่งเสียงร้องไห้ จนไปเตะตากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บังเอิญอยู่แถวนั้นพอดี ทางตำรวจเห็นดังนั้นพบว่าไม่ใช่เรื่องปกติ และกลัวว่าเขาอาจจะมีพฤติกรรมทำร้ายเด็กทารกคนดังกล่าว พวกเขาจึงเข้าไปแสดงตัว และควบคุมตัวชายคนดังกล่าวไปยังโรงพักทันที ภายหลังการสอบสวน ชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่า ตนเองได้ประกาศขายลูกชายวัย 5 เดือนบนอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนเงิน 80,000 หยวนหรือราว 400,000 บาท และได้นัดส่งมอบลูกชายให้กับผู้ซื้อบริเวณนั้น แต่โชคร้ายตำรวจมาเห็นเหตุการณ์เสียก่อน เขาเล่าว่าสาเหตุที่เขาต้องขายลูกชาย เป็นเพราะเขาต้องการหย่ากับภรรยา แต่ภรรยายื่นเงื่อนไขว่า ต้องซื้อรถให้เธอก่อน เธอจึงจะยินยอมหย่าโดยดี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจประกาศขายลูกชาย เพื่อนำเงินมาซื้อรถคันดังกล่าว นอกจากนี้เขายังอ้างว่า “เมื่อหย่ากันแล้วชีวิตของเขาคงยากลำบากมาก ดังนั้นจึงประกาศหาครอบครัวใหม่ให้กับลูกชาย เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” ตอนนี้คุณพ่อคนดังกล่าวถูกตำรวจตั้งข้อหาค้ามนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะทำการสืบสวนต่อไปว่า มีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้หรือไม่ ในขณะที่ชาวจีนคนอื่นๆ ซึ่งพอรู้ข่าวนี้ก็มีท่าทีโกรธเคืองและรับไม่ได้กับพฤติกรรมขายลูกกินนี้เช่นกัน ยกตัวอย่างคอมเม้นท์บนโลกออนไลน์ซึ่งระบุว่า ‘น่าสงสารเด็กชายที่มีพ่อแบบนี้จริงๆ ถึงครั้งนี้จะขายไม่สำเร็จ…
-
อาจารย์เคมีในจีน ผลิตยาบ้าส่งขายอเมริกา-ยุโรปทุกเดือน ทำเงินกว่า 21 ล้าน?!?!
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินข่าวหรือได้ดูซีรี่ย์จากอเมริกเรื่องหนึ่งชื่อว่า Breaking Bad ที่ว่าด้วยเรื่องของอาจารย์สอนเคมีที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง เขาจึงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ผลิตยาบ้าขายเพื่อหาเงินก้อนสุดท้ายให้ครอบครัวให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป แต่เชื่อหรือไม่ เรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้เป็นเรื่องราวสมมุติในหนังเท่านั้น แต่ในชีวิตจริงก็มีอาจารย์สอนเคมีผันตัวไปเป็นผู้ผลิตยาเสพติดจนร่ำรวยเหมือนกัน เรื่องราวจะเป็นยังไง ไปติดตามกันเลย เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เมื่อทางตำรวจได้จับกุมอาจารย์สอนเคมีคนหนึ่งแซ่จางวัย 46 ปี หลังจากพบว่าเขาได้ร่วมมือกับชายอีกสองคนผลิตยาเสพติดจำหน่ายจนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในแต่ละเดือน โดยนายจางได้สำเร็จการศึกษาทางด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ก่อนจะกลายผันตัวเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ต่อมานายจางพบว่ายาเสพติด Flakka กำลังเป็นที่นิยมในออสเตรเลีย แต่กลับหาซื้อได้ยากและมีผู้ผลิตน้อย พอเขากลับมาจีน เขาจึงเช่าโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นสร้างเป็นแหล่งผลิตยาบ้า ส่งขายยังอเมริกาและยุโรป จนเขาสามารถทำเงินได้กว่าเดือนละ 21 ล้านบาทเลยทีเดียว แม้พวกเขาจะพยายามคุมเส้นทางการเดินของเงินให้รัดกุมที่สุดโดยมีการจ่ายเงินผ่าน Bitcoin และ UnionPay แต่สุดท้ายทางตำรวจก็สามารถติดตามและจับกุมพวกเขาได้ในที่สุด เรียกว่าเป็นการใช้ความรู้ไปในทางที่ผิดจริงๆ เห็นแล้วนึกถึงต้นตำหรับยาบ้าในไทยเลย ที่ส่งลูกไปเรียนเคมีเพื่อกลับมาผลิตยาเสพติด (พาไปรู้จัก “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ผู้ให้กำเนิด “ยาบ้า” คนแรกในประเทศไทย…) ใครสนใจก็ลองกดเข้าไปอ่านดูได้นะเหมียววว ที่มา Shanghaiist
-
ชีวิตสุดเศร้าของ “ลิงอุรังอุตัง” ถูกมัดติดต้นไม้ไว้ รอคนมาซื้อไปเลี้ยงที่บ้าน
ในทุกๆ ปี มีลิงอุรังอุตังนับร้อยถูกพาตัวจากป่าเข้าสู่เมืองที่ไม่ใช่ถิ่นของมัน เพื่อนำไปขายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผิดกฎหมาย วิกฤตที่เกิดขึ้นนี้เหมือนเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ได้จากสายตาของหนึ่งในเหยื่อลิงอุรังอุตังที่ถูกพามาเลี้ยงโดยฝีมือมนุษย์ ลิงอุรังอุตังตัวนี้ถูกมัดไว้ที่ต้นไม้เพื่อที่จะรอใครสักคนมาซื้อมันไปเลี้ยง ดูจากสายตามันก็คงพอจะเดาได้ว่ามันเศร้าแค่ไหน แต่โชคดีที่มีคนไปพบเห็นและช่วยมันได้ทันเวลา มีลิงหลายตัวที่เกาะ Borneo ถูกจับมาเพื่อขาย หนึ่งในนั้นคือเจ้า Rawit ซึ่งถูกพบในหมู่บ้านหลังจากป่าของมันถูกทำลายไป มันก็ถูกลักพาตัวมาในที่แห่งนี้เพื่อเอามาขายทำกำไร องค์กรพิทักษ์ลิงอุรังอุตัง Center for Orangutan Protection’s APE Crusaders และ Orangutan Outreach ได้รับแจ้งเตือนมาว่าได้มีลิงอุรังอุตังถูกมัดไม้เพื่อรอการขาย จึงรีบเข้าไปยังที่เกิดเหตุ แล้วก็พบเจ้า Rawit ที่หน้าตาเศร้าหมองถูกมัดติดกับ้ตนไม้ หลังจากช่วยมาแล้ว ดูเหมือนเจ้า Rawit ยังไม่รู้ตัวว่าอิสระกำลังจะใกล้เข้ามา หลังจากสิงสัปดาห์ที่ได้ดูแลมัน ตอนนี้แผลที่มือและเท้าของมันก็หายดีแล้ว และสุขภาพก็กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ ตอนนี้มันก็กำลังขึ้นเรือเพื่อนำกลับไปส่งที่ป่าที่มันจากมา เพื่อกลับไปอยู่กับธรรมชาติบ้านเกิดของมัน เพียงไม่กี่สัปดาห์ มันก็ได้กลับบ้านของมันแล้ว พร้อมกับอิสระที่มันพึงจะมี และนี่ก็เป็นภาพสุดท้ายของเจ้า Rawit ที่ได้ถ่ายไว้ ก่อนที่มันจะได้กลับไปหาเพื่อนฝูง เรื่องราวนี้อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของลิงอุรังอุตังที่ถูกจับมา แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่อย่างน้อยก็มีใครสักคนยื่นมือมาช่วยเหลือ ที่มา thedodo
-
หญิงสาวประมูลความ “บริสุทธิ์” ของตัวเอง เพื่อซื้อบ้านใหม่ให้พ่อแม่จากเหตุไฟไหม้
บางสิ่งบางอย่าง เมื่อเราไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไง บางครั้งก็ต้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ เหมือนอย่างชีวิตของหญิงสาวที่ชื่อว่า Katherine Stone ตอนนี้เธอคงเข้าใจสถานการณ์นี้ดีที่สุดแล้ว หลังจากที่เธอได้เอาความบริสุทธิ์ไปประมูลเพื่อนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของเธอ หญิงสาววัย 20 ปีคนนี้มาจากเมืองซีแอตเทิล พร้อมกับครอบครัว สูญเสียทุกอย่างจากเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อปี 2014 และตอนนี้ก็ขัดสนเรื่องการเงินเป็นอย่างมาก จนต้องอยู่ในบ้านที่ผุพัง วันหนึ่งเธอเล่นเฟซบุ๊กแล้วก็ไปเจอโฆษณาตัวหนึ่งเป็นเหมือนที่ค้าบริการในรัฐเนวาดา เธอจึงได้ไอเดียว่าจะขายความบริสุทธิ์ของเธอเพื่อที่จะนำเงินมาซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับพ่อแม่ หลังจากนั้นเธอได้ติดต่อไปยัง Denis Hof ผู้เป็นเจ้าของกิจการแห่งนี้ หลังจากที่คุยกันเรียบร้อย เธอก็ได้พยายามขอให้ Hof ตั้งประมูลความบริสุทธิ์ของเธอ หลังจากได้ยินดังนั้น Hof ก็เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เธอประสบอยู่ ก็เลยเปิดห้องให้เธอได้อยู่แบบฟรีๆ เพื่อรอวันประมูลความบริสุทธิ์ของเธอ และตอนนี้ยอดเงินประมูลก็สูงถึง 14,000,000 บาทแล้ว แต่ Hof กล่าวว่าเธอยังไม่ตอบรับ เพราะว่ายังหาคนที่ใช่ไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินมากพอที่จะจ่าย แต่คนนั้นก็ยังไม่เหมาะสมสำหรับเธอ พอเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีเสียงวิจารณ์ออกมามากมาย ส่วนมากก็จะมาในแง่ลบ แต่เธอก็ยืนยันที่จะทำตามแผนต่อไป เพราะเธอเห็นว่าครอบครัวต้องมาก่อน ตัวอย่างการสัมภาษณ์ของเธอผ่านรายการ This Is Life Everyone I met…
-
สุดยอดงานน่าทำ “คนขายดอกไม้” ใช้ชีวิตท่ามกลางสีสัน นี่แหละโลกสวยที่แท้จริง!!!
หลายคนคงมีอาชีพที่อยากจะทำ แต่ซักกี่อาชีพที่จะได้อยู่กับของสวยๆ งามๆ ตลอดเวลาเหมือนอย่าง “นักขายดอกไม้” นี่คืออินสตาแกรม Floret Flowers Market ซึ่งเป็นของ Erin Benzakein เธอเป็นช่างภาพและคนขายดอกไม้รวมถึงนักเขียนด้วย ซึ่งในบัญชีผู้ใช้นี้เธอจะโพสต์แต่ภาพที่เห็นแล้วต้องอิจฉาเธอแน่ๆ เพราะว่าเธออยู่กับสิ่งสวยๆ งามๆ แทบทั้งวัน เมื่อหลายปีก่อน Erin ออกจากเมืองใหญ่เพื่อมาใช้ชีวิตแบบง่ายๆ นอกเมือง เธอเริ่มจากการปลูกดอกไม้ซึ่งได้รับคำแนะนำมาจากคุณยายของเธอ โดยเธอปลูกดอกสวีทพีเพื่อเป็นเกียรติให้กับคุณยายที่แนะนำให้เธอ แล้วพอมันเบ่งบานเต็มทุ่ง เธอก็รู้สึกเหมือนว่าคุณยายมาอยู่ด้วย และเธอก็พบว่านี่แหละสิ่งที่เธอตามหา และตอนนี้ก็เป็นฟาร์มที่เฟื่องฟูอย่างมาก อีกทั้งยังทำสตูดิโอออกแบบและศูนย์การเรียนรู้ให้กับคนที่สนใจทางด้านนี้มาศึกษาอีกด้วย เราไปชมภาพการทำงานของเธอกันเลย . . . . . . . . . . . . . . . . . . นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ “โลกสวย” ของแท้ เห็นแล้วก็น่าอิจฉาจริงๆ อยากไปอยู่ในที่แบบนี้บ้าง ใครชอบผลงานของเธอก็ใช้ไปชมที่ Instagram นี้เลย ที่มา boredpanda
-
ไอศกรีมในตำนาน “เวียนเนตต้า” อาจกลับมาอีกครั้ง หลังมีคนพบเห็นที่ออสเตรเลีย!!!
เป็นเวลากว่า 10 กว่าปีที่แล้วไอศกรีม “เวียนเนตต้า” ของวอลล์ได้หายไปจากตู้ เหลือไว้เพียงความทรงจำของเด็กๆ หลายคนที่ฝันว่าวันหนึ่งถ้าเราโตมามีงานทำจะซื้อมากินให้ได้ เพราะว่าสมัยนั้นมัน 80 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากๆ ถ้าเทียบกับค่าเงินตอนนั้น แต่ไหงพอเราโตมามีงานทำ กลับไม่มีให้เรากินซะงั้น เหมือนว่าความฝันที่จะได้ลิ้มลองมันหายไปในพริบตาเลย… ถึงขั้นมีเพจทวงคืนกันเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อน ตอนนี้มีคนพบเบาะแสไอติมนี้อีกครั้งในประเทศออสเตรเลีย แต่ครั้งนี้มาในรูปแบบไอติมแท่ง แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้ ผู้คนที่ได้ชิมต่างก็ชื่นชมในความดีงามของไอติมที่มีลักษณะแตกต่างจากแบบอื่น ทั้งช็อกโกแลตและชั้นของไอติมวานิลลาที่ม้วนอยู่ ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะมีวางขายที่มอลต้า ลอนดอน และปักกิ่งมาก่อนหน้านี้แล้ว เห็นแบบนี้แล้วก็อยากให้มาที่บ้านเราบ้าง อย่างน้อยก็ให้ความฝันในวัยเด็กของใครหลายๆ คนได้เป็นจริงซักที ขอแค่คำเดียวก็ด้ายยยยยย . แถมโฆษณาเวียนเนตต้าของไทยจากเมื่อก่อน ดูแค่นี้ก็รู้เลยว่าน่ากินแค่ไหน ที่มา dailymail
-
ชวนร่วมรณรงค์หยุดขาย ‘ฉลามหัวค้อน’ หลังภาพถูกใส่จานอาหาร แพร่ไปทั่วโลกออนไลน์!!
โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sunshine Sketcher เป็นภาพฉลามหัวค้อน ถูกปลิดชีพวางอยู่บนจานเป็นเมนูอาหาร ในร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้โพสต์ได้บอกว่า “วันนั้นมีลูกฉลามถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอาหารถึง 3 ตัว และเมื่อไม่กี่วันนี้ยังมีนักท่องเที่ยวร้องเรียนมาว่าที่ร้านอาหารแห่งนี้มีลูกฉลามเล็กมาขายอีกหลายตัว” ทั้งนี้ผู้โพสต์ยังบอกอีกว่า “ปลาฉลามหัวค้อน Scallopped Hammerhead ในจาน เป็นปลาฉลามที่งานวิจัยในประเทศไทยบ่งชี้ว่ามีประชากรลดลงมากถึง 95% ในช่วงเวลาแค่ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มประชากรทั่วโลกที่ลดลงกว่า 95%เช่นกัน จนถูกจัดให้มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ (Endangered) ในระดับโลกตามการประเมินของ IUCN Red List นอกจากนี้ก็ยังอยู่ในบัญชีสองของอนุสัญญาไซเตสอีกด้วย หมายความว่าชนิดพันธุ์ถูกคุกคามจากการค้าโดยเฉพาะ การแปรรูปเป็นหูฉลาม” ทางด้าน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทางทะเล ก็ได้ร่วมแชร์ข้อความดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat พร้อมระบุข้อความว่า “เราควรผลักดันให้ฉลามหัวค้อนเป็นสัตว์คุ้มครอง เพราะสถิติชัดเจน 10 ปี ลดลงกว่า 95% สำหรับฉลามบางชนิด เช่น “ฉลามหัวค้อน” มีข้อมูลชัดว่าอยู่ในภาวะวิกฤต มีโอกาสสูญพันธุ์ ถ้าเรายังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป” จึงอยากให้ประชาชนทุกคนร่วมกันเลิกกินเลิกขายฉลามหัวค้อน…
-
ไอเดีย “แหวนแต่งงานคู่” จะสวยงามเมื่ออยู่ด้วยกัน ทำให้รู้ว่านี่แหละคู่แท้!!!
สำหรับการแต่งงานแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือแหวนนั่นเอง ปกติแล้วแหวนที่จะให้กันก็จะเป็นแหวนเพชรแหวนทองธรรมดา แต่วันนี้จะพาไปดูแหวนที่จะสื่อถึงความเป็นคู่รักได้อย่างดี นี่คือแหวนที่ผลิตโดยช่างทอง Eliad และนักออกแบบ Maya ที่ได้ร่วมกันสร้าง Cadi Jewelry ตั้งอยู่ในเมือง Tel Aviv ประเทศอิสราเอล แหวนที่เขาสร้างนั้นทำมาจากเงิน ทอง และแพลทินัม รวมทั้งการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นคู่รักได้อย่างชัดเจน อย่างเช่นแหวนที่ทำเป็นรูปหัวใจเวลาเอามาประกบกัน หรือจะเป็นแหวนที่เป็นชื่อย่อของแต่ละคู่ เราไปชมผลงานการทำแหวนนี้กันเลยดีกว่า . . . . . . สำหรับใครที่สนใจ ก็ลองกดเข้าไปดูในร้านของเขาได้ที่ Etsy ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หมื่นนิดๆ เท่านั้นเอง ที่มา fubiz, boredpanda
-
ป้ายืนด่าเด็กขายลูกอม จนแทบร้องไห้… ชายหนุ่มเลยขอเหมาทั้งหมดเพื่อช่วยเขา!!
ที่เมืองนอกนั้นพ่อแม่มักจะปลูกฝังเกี่ยวกับการหาเงินให้กับตัวเอง โดยไม่ต้องขอเงินพ่อแม่ ซึ่งส่วนมากก็จะไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเอาเงินมาซื้อเสื้อผ้า เกม หรือสิ่งที่อยากได้สำหรับวัยรุ่น หรือบางครั้งก็อดออมจากมื้ออาหาร เหมือนอย่างเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น คลิปนี้เป็นที่โด่งดังอย่างมากที่เมื่อนอก เมื่อมีป้าคนหนึ่งพยายามเข้ามาขู่เด็กหนุ่มที่กำลังขายลูกอมอยู่หน้าร้าน Target ซึ่งเป็นการหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ของเขาเอง (ทางเราไม่มีข้อมูลเช่นกัน ว่าเขาขออนุญาตขายอย่างถูกต้องหรือไม่หรือไม่) คุณป้าอ้างว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่ป้าขู่อยู่สักพักเด็กหนุ่มก็เริ่มร้องไห้ จนกระทั่งได้มีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาเสริม พร้อมกับเข้าข้างเด็กขายลูกอมและเสนอจะซื้อลูกอมของเขาทั้งหมด เราไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อนเลย (ดูคลิปไม่ได้ กดตรงนี้) คลิปนี้ถูกโพสต์ลงในเพจ The Shade Room จนมียอดวิวกว่า 8 ล้านวิว และแชร์ไปกว่า 140,000 ครั้ง หลายคนต่างก็แสดงความคิดเห็นสงสารเด็กขายลูกอมและชื่นชมชายที่ออกมาปกป้องเด็กคนนี้ด้วย ขณะที่หลังจากได้เห็นคลิป บางคนพุ่งประเด็นไปด้วยการเหยียดสีผิว เนื่องจากว่าเรื่องแบบนี้มีให้เห็นทั่วไป แต่คุณป้ากลับเข้ามาด่าเด็กขายลูกอมคนนี้เหมือนจงใจโดยเฉพาะ….. ก็น่าคิดเหมือนกันนะ… ที่มา The Shade Room
-
ชาวเน็ตโพสต์ภาพ “ครก” วางขายเป็นเครื่องครัวสุดหรู อยากให้มีการส่งเสริมสินค้าไทยบ้าง…
หากพูดถึงครกแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จัก ครกมีประวัติศาสตร์ในอารยธรรมแถบนี้มาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องครัวสามัญประจำบ้านของคนไทยเลยทีเดียว ล่าสุดเฟสบุ๊กของคุณ Pan Malakul ได้โพสภาพห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเยอรมันนี ซึ่งในห้างนั้นมี “ครก” แบบไทยๆ ขายอยู่ แถมมีแพคเกจที่หรูหราเอาการ โดยครกที่เห็นในภาพเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท ZWILLING บริษัทเครื่องใช้ภายในบ้านจากประเทศเยอรมันนี มีราคาอยู่ที่ชิ้นละ 26.95 ยูโร หรือราว 1,000 บาท เทียบกับในไทยแล้ว อยู่ที่อันละ 200-500 บาทเท่านั้น เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย รวมทั้งตั้งข้อสงสัยว่าในไทยเองก็มีโรงงานทำครกดีๆ มากมาย แต่ทำไมไม่สามารถทำแข่งกับนานาชาติแบบนี้ได้ เราอาจจะคิดว่าครกนั้นเป็นของคนไทยโดยเฉพาะ แต่จริงๆแล้วนักวิทยาศาสตร์ มีการค้นพบหลักฐานของมนุษย์โบราณกว่า 35,000 ปีมาแล้ว ในพื้นที่หลายๆแห่งทั่วโลก จริงๆ ถ้าข้าวของเราหลายอย่างทำดีๆ ก็น่าจะขายดีในระดับนานาชาตินะเนี่ย แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะเหมียววว ที่มา Pan Malakul
-
ชามเซรามิกซื้อมาจากที่เขาโละขาย 100 บาท แต่เอาไปประมูลได้สูงถึง 70 ล้านบาท!!
ที่เมืองนอกเขาจะมีช่วงเวลาที่บ้านจะเอาของที่ไม่ใช้มากองขายหน้าบ้านในราคาที่ถูก เพื่อให้คนที่จำเป็นต้องใช้มาซื้อไป เขาเรียกกันว่า Yard Sale นั่นเอง ครอบครัวหนึ่งที่นิวยอร์คจู่ๆ ก็ได้เจอกับเรื่องราวที่ส้มหล่น เพราะว่าไม่น่าเชื่อว่าถ้วยเซรามิกเก่าๆ ที่เขาซื้อมานั้น จะสามารถนำโชคมากมายมหาศาลมาให้เขาได้ ย้อนไปในปี 2007 ครอบครัวหนึ่งได้ซื้อถ้วยชามใบนี้มาจากการโละของขาย ซึ่งได้มาในราคา 3 เหรียญหรือประมาณ 100 บาท เป็นชาวที่ดูโบราณ มีลวดลายดอกไม้น่ารักๆ เขาซื้อมาก็ไม่ได้ใช้ แต่เอามาตั้งโชว์ไว้เป็นเวลาหลายปี แต่หารู้ไม่ว่ามันคือของมีค่าอย่างมาก เพราะหลังจากที่เขาเอาชามใบนี้ไปให้คนประเมินราคา ก็พบว่ามันคือสมบัติทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปีเลย หลังจากรู้แล้วว่ามันคืออะไร ทางครอบครัวก็เลยเอาชามใบนี้เข้าที่ประมูล แล้วก็ทำกำไรไปกว่า 70 ล้านบาท สืบไปสืบมาก็พบว่านี่คือชามจากประเทศจีนที่ชื่อว่า Ding จากช่วงเวลาราชวงศ์ซ่ง ซึ่งชามที่ครอบครัวนี้ได้ประมูลออกไปในปี 2013 เรียกได้ว่ารวยเละเลยทีเดียว ที่มา elitereaders
-
Gucci เตือนร้านขายของในฮ่องกง ห้ามขายกระเป๋ากงเต๊กที่มีตราของแบรนด์เป็นอันขาด!!
อย่างที่ทราบกันดีว่า ชาวจีนจะมีประเพณีอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง นั่นก็คือการเผาข้าวของและเงินปลอมหรือที่เรียกว่า “กงเต๊ก” ให้กับบรรพบุรุษที่จากโลกนี้ไปแล้ว และแน่นอน เมื่อโลกหมุนไป เทรนด์ของกงเต๊กก็เปลี่ยนตามไปด้วย ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีการนำกระเป๋าหรูๆ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์ไอโฟน มาทำเป็นกงเต๊ก ซึ่งกระเป๋ายี่ห้อดังอย่าง Gucci มีหรือจะรอดพ้นไปได้ แต่ดูเหมือนว่า Gucci จะไม่ตลกด้วย เพราะล่าสุดพวกเขาได้ส่งจดหมายไปเตือนร้านที่ขายกระเป๋า Gucci กงเต๊ก ให้เลิกขายในทันที โดยในจดหมายกล่าวว่า ทางบริษัท Gucci เข้าใจบริบททางสังคมเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่ต้องการให้มีการละเมิดการใช้งานสัญลักษณ์ของ Gucci เท่านั้นเอง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าเหล่าพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้มีเจตนาในการละเมิดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในจดหมายไม่ได้เขียนว่า จะมีมาตรการการลงโทษร้านที่ไม่ปฏิบัติตามอย่างไร ล่าสุดมีข่าวว่า ทาง Gucci ได้ติดต่อไปยังโรงงานที่ทำกงเต๊กเหล่านี้ ให้เลิกทำสินค้าที่มีตราของ Gucci ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบัน ชาวจีนมีค่านิยมในการเผาสินค้าหรูๆ ไปให้เหล่าบรรพบุรุษ ดังนั้นเราจึงเห็นกงเต๊กที่มีโลโก้ของแบรนด์ดังๆ หลายเบรนด์ไม่ว่าจะเป็น New Balance, Nike, Adidas และอื่นๆ อีกมายมาก…
-
ช่างภาพติดต่อขอซื้อภาพถ่ายของตัวเอง หลังจากที่มีหัวขโมยไปโพสต์อ้างผลงานพร้อมขาย
อาจจะฟังดูงงๆ ซักหน่อย ว่าทำไมช่างภาพต้องติดต่อซื้อภาพถ่ายของตัวเอง นั่นก็เป็นเพราะในยุคสมัยนี้อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ทุกคน การสร้างสรรค์ผลงานบางอย่างก็อยากจะให้ผู้อื่นได้ชมด้วย แต่ถ้าหากว่าไม่ได้ลงรายละเอียดเจ้าของผลงานเอาไว้ ก็อาจะทำให้โดนขโมยไปอย่างง่ายๆ ภาพที่ถูกขโมยไปโพสต์ในอินสตาแกรม เป็นภาพที่ถ่าย ณ King Island อย่างกรณีของช่างภาพ Steve Arklay ที่ทราบมาว่ามีบัญชีอินสตาแกรมรายหนึ่งนำรูปภาพของเขาไปโพสต์โดยที่ไม่มีการให้เครดิตหรือติดต่อขออนุญาตก่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นการขโมย ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเจ้าของผลงานทราบเรื่องก็จะติดต่อให้ลบออก แต่เขากลับเลือกที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป สิ่งที่น่าเสียใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ นอกจากจะถูกขโมยรูปไปแล้ว ยังจะโดนติดลายน้ำเป็นผลงานของคนอื่นอีก แถมยังพร้อมขายด้วย มันน่าช้ำใจยิ่งนัก จากนั้นเขาได้ทำการติดต่อไปยังผู้ที่ขโมยภาพเพื่อทำการขอซื้อ เขามั่นใจว่าหัวขโมยไม่มีไฟล์ต้นฉบับอย่างแน่นอน เป็นภาพคุณภาพต่ำ โดยงานพิมพ์ที่ติดต่อขอซื้อจะขอเป็นขนาดใหญ่ 60 x 90 ซม. แต่หัวขโมยบอกว่าใหญ่สุดแค่ 30 x 20 ซม. หลังจากที่ติดต่อกันเรียบร้อย มีการส่งที่อยู่สำหรับการจัดส่งให้ หัวขโมยเริ่มเอะใจ หลังจากได้รู้ว่าชื่อของผู้รับเป็นเจ้าของภาพตัวจริงที่ถูกขโมยภาพไป จากนั้นก็ลบรูปภาพที่ขโมยมาจนหมดเกลี้ยงและหยุดการติดต่อในทันที ถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการปราบโจร แต่ Steve ก็ยังคงสงสัยว่าเจ้าหัวขโมยรายนี้ทำเงินจากรูปภาพของเขาไปได้มากแค่ไหนแล้ว? ที่มา…
-
ฝันที่เป็นจริง!! KFC สาขาโตเกียว เริ่มจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมไก่ทอดแล้ว!!
เชื่อว่าหลายๆ คนเคยสงสัยว่า ทำไมร้านขายอาหารฟาสฟู๊ดอย่าง KFC หรือ McDonald’s ถึงไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำหน่าย ลองนึกภาพกินไก่ทอดร้อนๆ พร้อมเบียร์เย็นๆ ซักแก้ว มันจะยอดเยี่ยมขนาดไหนกันนะ แต่วันนี้ฝันของเราจะเป็นจริงแล้ว เพราะล่าสุดทาง KFC สาขาทาคาดะโนะบาบ ในกรุงโตเกียว ในประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มวางจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!! แน่นอน พวกเขาไม่ได้ขายแค่เบียร์ยี่ห้อ Asahi เพียงอย่างเดียว แต่พวกเขามีเบียร์อีกเกือบ 17 ยี่ห้อ เตรียมจำหน่ายให้กับลูกค้า รวมถึงเบียร์ท้องถิ่นอีกหลายชนิดและเครื่องดื่มค็อกเทลก็มีขายเช่นกัน อย่างเช่นเครื่องดื่มชื่อ Colonel’s Hi นี้วางจำหน่ายในราคาแก้วละ 420 เยนหรือราว 130 บาท กินกับไก่ทอดร้อนๆ นะ ฟินส์ถึงสวรรค์ชั้นเก้าเลยทีเดียว อิอิ ในญี่ปุ่นมีแล้ว แล้วเมื่อไหร่สาขาในไทยจะมีบ้างน้า เดี๋ยว #เหมียวอ๊อดโด้ จะไปลองคนเป็นแรกเลย อิอิ ที่มา Rocketnews24
-
Emilia Clark รู้สึกแย่ที่แฟนๆ คิดว่า Game of Thrones ขายแต่เซ็กส์และความรุนแรง…
เป็นอีกหนึ่งกรณีที่น่าสนใจเหมือนกัน ก็อย่างที่เราทราบกันอย่างดีว่าสาวๆ ใน Game of Thrones นั้น ต้องบอกกันตามตรงเลยล่ะว่าเร่าร้อนสุดขั้วหัวใจไปเลยทีเดียวเชียว แต่เหมือนว่า Emilia Clarke ผู้รับบท Daenerys Targaryen หรือ Khaleesi หรือ มารดาแห่งมังกร หรือรู้จักในชื่ออื่นๆ อีกมากมายจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ล่ะ… ซึ่งจะว่าไปแล้ว 5 ซีซั่นที่ผ่านมาของเธอก็ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ กับทั้งความเหมาะสม รูปร่างหน้าตาอันสวยสดงดงาม และการแสดงที่เก่งฉกาจ ทำให้เธอเข้ามาอยู่ในใจของแฟนๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้ก็คือความรุนแรงและเรื่องเพศนั่นแหละ ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน แต่วันนี้เราก็มีการมองที่แตกต่างออกไปของ Emilia Clarke ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกัน… Emilia Clarke จากการให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly เธอได้กล่าวว่า ‘เราก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเพศและความรุนแรงเป็นเสน่ห์ของซีรีย์ชุดนี้ แต่เหมือนผู้ชมออกจะมองกันในมุมแคบไป ลองถอยออกมาอีกนิดแล้วสังเกตกันดีๆ สิ’ ‘เพราะเราได้เห็นการพัฒนาการของเหล่าตัวละครหญิงในเรื่องนี้มากมายเลยทีเดียว ทั้งผู้หญิงที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงแม่แต่น้อย ผู้หญิงที่เป็นภรรยาที่ดี และแม้กระทั่งผู้หญิงที่ทรงอำนาจสุดๆ และไม่มีใครที่จะสามารถหยุดเธอได้’ เธอกล่าวเสริม ‘ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากที่ผู้คนโฟกัสเฉพาะในเรื่องเพศและการกระทำต่อเพศหญิง แต่ถึงกระนั้นในกรณีของซีรีย์ชุดนี้ ถึงพวกเธอจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงหรือแม้แต่ความเท่าเทียม พวกเธอก็แข็งแกร่งขึ้นมาได้เช่นกัน’ Emilia กล่าว …
-
ย่อ “ธรรมชาติจำลอง” ให้กลายมาเป็นเครื่องประดับ พร้อมก้อนหินสุดแสนเลอค่า!!
หน้าร้อนแบบถึงเวลาที่เราต้องงัดเอาเครื่องประดับมาโชว์กันหน่อยแล้ว และเครื่องประดับมันก็ต้องเข้ากับฤดูด้วยนะ วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยเอาเครื่องประดับสวยๆ มาฝากทุกท่าน เพราะนี่คือธรรมชาติจำลองแบบย่อส่วนมาเป็นเครื่องประดับสุดแสนกิ๊บเก๋และเลอค่าเป็นอย่างมาก ผลิตโดย Kay Bells ซึ่งของเหล่านี้วางขายอยู่ในเว็บไซต์ Etsy ของทุกสิ่งนั้นเป็นทำด้วยมือล้วนๆ เธอมักจะนำเอาสิ่งเล็กๆ น้อยๆ มาเพิ่มมูลค่าให้กับมัน ตกแต่งออกมาจนมันดูหรูหราอย่างน่าประหลาดใจ บางชิ้นก็มีการนำเอาหินรูปทรงที่หายากประดับเข้าไปด้วย ทำให้มันดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นจี้ แหวน ต่างหู หรือกำไลก็สามารถทำออกมาได้ตระกาลตา เราไปชมผลงานทั้งหมดของเธอกันเลย สินค้าของเธอขายอยู่ที่ Etsy นะจ๊ะ ราคาก็ไม่แพงมาก ลองเข้าไปดูกันได้ ที่มา boredpanda
-
Starbucks บริจาคอาหารทั้งหมดหลังจากการขายให้กับผู้ยากไร้ที่ต้องการ
โดยปกติแล้ว ร้านอาหารที่เปิดเป็นสาขานั้นจะมีนโยบายให้ทิ้งอาหารที่ขายไม่หมด ซึ่งเราคนธรรมดาเห็นก็คงเสียดาย แต่เพื่อเป็นการทำให้ผู้บริโภคได้ทานอาหารที่สดใหม่อยู่เสมอ Starbucks ก็เป็นหนึ่งร้านที่ต้องทิ้งอาหารที่ขายไม่หมด แต่ตอนนี้บริษัทใหญ่ที่อยู่ในอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะนำเอาอาหารที่ขายไม่หมดเหล่านี้ไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ได้ทานกัน นี่เป็นความร่วมมือระหว่าง Starbucks และ Feeding America องค์กรเยียวยาผู้ยากไร้ รวมถึง Food Donation Collection ที่ช่วยเก็บอาหารจาก Starbucks ไว้ ซึ่งมีมากกว่า 7,000 สาขาทั่วอเมริกา ทำให้ไม่ต้องมีอาหารเหลือทิ้งอีกต่อไป อ้างอิงจากสถิติของ Feeding America พบว่ามีคนในอเมริกากว่า 48 ล้านคนไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้ตามต้องการ หนึ่งในเจ็ดของคนอเมริกาต้องประสบปัญหาอดอยาก และยังพบว่ามีอาหารกว่า 3.1 ล้านตันต้องถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดายในทุกๆ ปี โดย Starbucks นั้นมีแผนว่าจะแจกจ่ายไปได้ 5 ล้านมื้อไปจนถึงสิ้นปี 2016 นี้ และน่าจะสูงถึง 50 ล้านมื้อในปี 2021 ที่มา Starbucks, Feeding America, Food Donation Collection
-
ชาวบ้านจีนหัวใส ขาย “อากาศบริสุทธิ์” ใส่ถุง สำหรับคนที่อยากหลบหนีจากอากาศในเมือง?!?!
ประเทศจีนนี่มีอะไรมาให้เราได้แปลกใจอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาเรื่องการ “ขาย” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการ “ขาย” ทุกสรรพสิ่งตั้งแต่ไข่ปลอม ยันเด็กทารก และวันนี้พวกเขาพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการขายอากาศ!! เรื่องราวมีอยู่ว่า ชาวบ้านจากเมืองซิงหยวน จากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนได้ตั้งแผงขาย “อากาศบริสุทธิ์” ให้กับเหล่านักท่องเที่ยวที่หลบหนีความวุ่นวายของเมืองมายังเทือกเขาแห่งนี้ โดยราคาของ “อากาศ” เหล่านี้มีตั้งแต่ถุงละ 10 หยวนหรือราว 60 บาท ไปจนถึง 30 หยวนหรือราว 180 บาทขึ้นอยู่กับขนาดความใหญ่ของถุง ผู้ที่ขายกล่าวว่า นี่คือโอกาสของเหล่าชาวเมืองอันจอแจที่สามารถนำอากาศอันสดชื่นของธรรมชาติ กลับไปสูดในเมืองได้ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า การขายอากาศเช่นนี้ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะหนึ่งในกฎหมายการค้าขายขั้นพื้นฐาน “อากาศ” เป็นสิ่งที่ไม่สามารถค้าขายได้ ดั่งเช่นที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง แอบเก็บเงินแค่อากาศบริสุทธิ์ในร้าน จนกรมการค้าภายในของจีน ต้องเข้ามาจัดการ และลงโทษปรับในที่สุด แบบนี้ก็มีด้วย ขายอากาศกันดื้อๆ งี้เลย…
-
เฟลหนักมาก!! ภาพการ “บัดกรี” ที่ขายในเว็บสต็อคกลายเป็นภาพตลก เมื่อช่างภาพไม่รู้วิธีใช้
ปัจจุบันการขายภาพออนไลน์นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในแวดวงช่างภาพ เพราะมันสามารถสร้างรายได้ให้คุณได้ถ้าคุณมีฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างภาพที่สามารถนำไปต่อยอดได้ ซึ่งภาพส่วนใหญ่ที่เขาขายก็มีหลากหลายประเภท แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาไปดูภาพประเภทหนึ่งที่คนนิยมถ่ายมาขายนั่นก็คือภาพถ่ายคนที่กำลังทำอะไรบางอย่าง ซึ่งภาพแบบนี้ก็ขายดีอยู่เหมือนกัน แต่มาติดใจอยู่กับรูปชุดนี้นี่แหละ ไม่รู้ว่าทางเว็บปล่อยให้ผ่านออกมาขายได้ยังไงนะ นี่คือภาพการบัดกรีที่เราคงเคยเห็นกันมามาก อยากให้เพื่อนๆได้ลองดูกันดีๆว่าในรูปนี้มันมีอะไรที่ผิดปกติไป #เหมียวสามสีให้เวลาดูรูปแล้วคิด 10 วินาที เริ่ม!! มองเห็นกันรึยังเอ่ยยย ตอนแรกเหมียวก็ไม่เห็นหรอก จนกระทั่งมีคนทักว่าการจับนั่นมันผิดวิธีนะเฮ้ย จับตรงสีเงินๆนั่นมือไหม้ได้เลย ทำไมไม่จับตรงด้ามของมันล่ะ น่าจะเดาได้ว่าเครื่องคงไม่ได้เสียบปลั๊กจริงๆ ในภาพเป็นเพียงแค่การจัดฉาก แต่จัดแต่ละทีก็ให้มันสมจริงหน่อยก็ได้นะพี่ เอามาขายทั้งที (แล้วผ่านด้วยนะ) ที่มา PetaPixel, boredpanda
-
จะซื้อกินไหมถามใจเธอดู เมื่อ McDonald’s ในต่างประเทศ เพิ่ม ‘มาการอง’ ลงในออเดอร์ของพวกเขา!!?
เอาล่ะสิงานนี้ เห็นแล้วอยากกินขึ้นมาทันทีเลยนะเนี่ย ฮร่าา เมื่อมีรายงานจากสำนักข่าวเมโทรประเทศอังกฤษว่า ตอนนี้ McDonald กำลังเพิ่มเมนูใหม่ในออเดอร์ของพวกเขานั่นก็คือ มาการอง ขนมแสนอร่อยนั่นเอง ถ่าจะพูดถึงมาการอง หลายๆ คนก็คงจะบอกว่าเป็นขนมที่ตัวเองชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะความหวาน หอม อร่อยของมัน ซึ่งถ้าหาซื้อกันได้ง่ายๆ จากแม็คโดนัลด์ แถมรสชาติก็ไม่เลวร้ายล่ะก็ คงถือว่าโอเคเลยทีเดียว McDonald’s มาการอง แต่ก็ต้องบอกว่าเมนูนี้คงไม่มาขายในสาขาที่ไทยเร็วๆ นี้หรอกนะ… แต่ข่าวร้ายมันอยู่ที่ว่า McDonald’s สาขาที่ขายมาการองจะมีแต่ในเฉพาะประเทศเกาหลีใต้เท่านั้นในตอนนี้ แถมมีบริการส่งให้ถึงที่เลยอีกด้วย แหม๊…อะไรจะโชคดีขนาดน้านนนนน ซึ่งตอนนี้แม็คโดนัลด์ในเกาหลีใต้มี 4 รสที่ขายอยู่คือ วานิลลา คาราเมล ช็อกโกแลต และราสเบอร์รี่ ลองถามใจเพื่อนๆ ดู ถ้าแม็คบ้านเราขายล่ะก็ จะไปซื้อกันรึเปล่า?? ฮ่าๆๆๆ ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะจ๊ะ ผู้บริหารแม็คก็มาดูความคิดเห็นของเหล่าลูกค้ากันด้วยนะ เผื่อจะได้โอกาสเพิ่มยอดขาย อิอิ ที่มา: Metro
-
วิทยาลัยในรัฐเวอร์มอนต์สั่งแบนผลิตภัณฑ์ชูกำลังทุกชนิด เพราะเกรงว่าจะเพิ่มอัตราเสี่ยงเรื่องเพศสัมพันธ์!!
เค้าว่ากันว่าต่างประเทศจะใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเครื่องดื่มชูกำลังหลากหลายยี่ห้ออันเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดานักศึกษาระดับอุดมศึกษา (ในไทยก็เช่นเดียวกัน) ซึ่งจากที่ดื่มๆ กันก็เพื่อใช้เป็นสิ่งกระตุ้นในการทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ในยามดึกดื่นให้ตื่นตัวตลอดเวลา จะได้ไม่หลับ อีกทั้งยังเอาไปชงผสมเหล้าก็มี!! วิทยาลัย Middlebury รัฐเวอร์มอนต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ว่าจะดื่มหรือนำไปใช้ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามแต่ ทางวิทยาลัย Middlebury จากรัฐเวอร์มอนต์ ประเทศสหรัฐอเมริกาทำการสั่งห้าม (แบน) ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิดตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมเป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าก่อให้เกิดพฤติกรรมที่สร้างปัญหาอย่าง เพิ่มอัตราการมีเพศสัมพันธ์ (ดื่มแล้วคึก ปึ๋งปั๋ง?) และ เป็นเหตุในการส่งเสริมการดื่มแอลกอฮอล์ (ใช้ผสมชงเหล้า) สั่งห้ามเครื่องดื่มชูกำลังทุกชนิด ทั้งนี้เหตุที่ทำให้ต้องแบนเครื่องดื่มชูกำลัง อันเนื่องมาจากมีผลการศึกษาย้อนไปในปีค.ศ. 2014 ที่บอกว่า อัตราเสี่ยงเกิดเพศสัมพันธ์จะเกิดกับผู้ที่บริโภคเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำ และอีกกรณีหนึ่งก็คือการนำไปเป็นส่วนผสมของเหล้าก็จะทำให้เกิดอัตราเสี่ยงเพิ่มได้เช่นเดียวกัน เป็นสาเหตุทำให้เกิดอัตราเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์? ทั้งนี้การตัดสินใจแบนของวิทยาลัยก็คือการห้ามจำหน่ายภายในวิทยาลัย แต่ #เหมียวเลเซอร์ ว่ายังไงนักศึกษาก็คงจะหิ้วมาจากร้านข้างนอกอยู่ดี จะว่าไป เครื่องดื่มชูกำลังมีแรงกระตุ้นมากถึงขนาดนั้นเชียวรึ? ใครเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วบ้างเอ่ย? ที่มา :…
-
อึ้งดิ!! ชาวเน็ตประกาศขายงูเห่าบนเฟสบุ๊ค ราคาไม่แพงพร้อมส่ง EMS ด้วยนะ!!
ธุรกิจ E-commerce กำลังมาแรงเป็นอย่างมาก ดั่งที่เราได้เห็นร้านค้าบนอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขนม ร้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่วันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปชมธุรกิจค้าขายบนอินเตอร์เน็ตสุดแปลก ที่เห็นแล้วต้องสยองทั้งคนซื้อและคนส่งแน่นอน เพราะมันคือการขาย “งูเห่า” นั่นเอง!! โดยโพสประกาศขายงูเห่าดังกล่าวถูกแชร์บนเฟสบุ๊ค Drama-Addict ของจ่าพิชิต ขจัดพาลชน พร้อมแคปชั่น “เห่าเด็กๆ ลายบ้านๆ ตัวละ 300 บาทจร้า สะดวกส่ง ems ได้นะค่ะ” เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็ต่างตกอกตกใจว่า เค้าขายกันแบบนี้เลยเหรอเนี่ย แถมมีส่ง EMS ให้อีกต่างหาก ว่าแล้วก็ไปชมกันเลยดีกว่า ว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง แหม ถ้ามีคนแกะกล่องดูนะ ไม่อยากนึกเลยว่าเป็นไงต่อ การขังงูไว้ในกล่องคืออันตรายมาก เพราะมันจะดุแบบสุดๆ ยังไงเลยล่ะ! ถ้ามีคนซื้อแล้วส่งไปแกล้งคนอื่นล่ะ จะทำยังไง ส่งแบบนี้ถ้ากล่องแตกนี่วอดวายกันหมดแน่ๆ ซื้องูมาเลี้ยงแบบนี้ เดี๋ยวก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนปลาซัคเกอร์อีกหรอก…
-
ความน่ารักทะลัก!! อยากได้ที่คั่นหนังสือ ต้องเจอนี่ ‘ที่คั่นหนังสือแมวชาวเกาะ’ อ่านถึงนี่แล้วนะ
แมวเป็นสัตว์ที่พยายามเรียกร้องความสนใจจากมนุษย์อยู่เสมอ (แม้ว่าเวลาที่เราอยากจะเล่นด้วย มันกลับเมินเฉยไม่สนใจ) แต่ยังไงมนุษย์ก็ยังรักสัตว์หยิ่งตัวพ่อตัวแม่ชนิดนี้อยู่ดี ก็เพราะว่ามันน่ารักยังไงล่ะจ๊ะ ฮร่าาาา และด้วยลักษณะนิสัยชอบเรียกร้องความสนใจ ห้างร้านออนไลน์อย่าง Felissimo จากญี่ปุ่นก็ได้นำคุณสมบัติข้อนี้ของแมวมาทำเป็นสินค้าเล็กๆ แต่ความน่ารักใหญ่มากกกกกก ด้วยการนำภาพแมวทั้งหลายมาเป็นที่คั่นหนังสือ เหมาะกับคนชอบอ่านและชอบแมวเป็นที่สู๊ดดดดด!! #เหมียวเลเซอร์ เองยังอยากได้มาใช้บ้างเลยอ่ะ เพราะว่าภาพที่นำมาใช้ผลิตเป็นภาพของแมวจริงๆ คัดเลือกภาพแมวจากที่ลูกค้าส่งมาให้กว่า 2,422 ภาพ โดยหลังจากที่คัดเลือกภาพที่โดนใจเสร็จแล้ว ก็จะนำมาแยกสีแมว แยกพันธ์ุ และลักษณะหน้าตาอีกที ภาพแมวจริงที่ลูกค้าส่งเข้ามา เยอะมากกกกกก!! การแยกสีแมว แยกพันธ์ุ และลักษณะหน้าตา จากภาพจริง กลายมาเป็นภาพที่คั่นหนังสือ จ๊ะเอ๋!! อ่านหนังสือรึยังจ๊ะ เป็นแมวชาวเกาะขอบหนังสือ หรือจะเป็นแนวทรงตัวด้านข้างหนังสือ มาแนวนอนระนาบด้านบนของหนังสือบ้าง เสียบกล่องเข้าให้!! บางเซ็ทของที่คั่นหนังสือรูปน้องแมวจะน่ารักยิ่งกว่าแบบอื่น อย่างเช่นปิดหนังสืออยู่ก็จะเห็นแค่ส่วนหัว พอเปิดปุ๊บ ก็จะเห็นภาพเต็มตัวของน้องแมว ที่คั่นหนังสือรูปแมวจะมีทั้งหมด…
-
ท่ามกลางหิมะตกหนัก ชายคนหนึ่งสร้าง “อิกลู” ในบรูคลิน เปิดขายกว่า 7,000 บาท
ในวิกฤตความหนาวเย็นแบบนี้ ที่เมืองนอกก็มีหิมะตกหนักจนไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ โรงเรียนก็หยุดสอน ทำให้เศรษฐกิจชะงักชั่วคราว แต่ได้มีชายคนหนึ่งได้เห้นช่องทางการทำเงินผ่านวิกฤตครั้งนี้ Patrick M. Horton ทำอาชีพหลักเป็นผู้กำกับศิลป์งานโฆษณาต่างๆ เขาได้อาศัยอยู่ในบรูคลิน นิวยอร์ค แต่ตอนนี้มันได้ถูกหิมะปกคลุมหนามากจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาจึงสร้าง “อิกลู” ซึ่งทำจากหิมะ พร้อมเปิดขายด้วยราคา 7,000 กว่าบาทในเว็บไซต์ Airbnb งานนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรที่ไม่จำเจ เพราะบ้านหลังนี้สร้างเองกับมือของเขาเลย เราไปดูกันว่ามันจะสวยงามแค่ไหน ข้างในแถมหมอนกันเปียกและมีไฟให้ด้วย โรแมนติกสุดๆ แต่เมื่อกี้เหมียวเข้าไปดูในเว็บ ดูเหมือนว่าจะถูกถอดออกไปแล้ว เพราะปกติเว็บมันเอาไว้สำหรับหาที่พัก แต่อิกลูนี่มันไม่ได้มาตรฐานตามที่เขากำหนด น่าเสียดายจริงๆ ที่มา boredpanda
-
ป๊าดติโถ้ว!! ช่างภาพฝีมือดีผู้นี้ สามารถขายรูปถ่าย ‘มันฝรั่งหนึ่งก้อน’ ได้ ‘หนึ่งล้านดอลลาร์’
ทุกวันนี้ในวงการช่างภาพเริ่มแพร่ขยายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มีช่างภาพหน้าใหม่เกิดขึ้นมามากมาย ซึ่งอัตราในการรับงานแต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไป ตามฝีมือและความยากง่ายของงาน และสำหรับช่างภาพ Kevin Abosch ผู้โด่งดังจาก Silicon Valley มีฝีมือในการถ่ายภาพบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก จนยากที่จะหาใครมาเทียบฝีมือของเขา โดยผลงานแต่ละชิ้นนั้นรับรองได้เลยว่า เป๊ะแน่นอน!! หากใครที่จะคิดจ้างเขาล่ะก็ ราคาจะเริ่มต้นที่ 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,400,000 บาท) สำหรับภาพถ่ายบุคคลแบบธรรมดา แต่ถ้าจะถ่ายภาพบุคคลเพื่อใช้ในการโฆษณาราคาอาจจะพุ่งสูงไปถึง 500,000 ดอลลาร์ (18,000,000 บาท) อย่างเช่นภาพของ Johnny Depp เป็นต้น ด้วยผลงานภาพถ่ายบุคคลที่การันตีฝีมือของ Kevin Abosch อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นปีล่าสุดที่ผ่านมา สำหรับรูปภาพ ‘มันฝรั่งหนึ่งก้อน’ สามารถทำเงินให้เขาได้ 1,000,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 36,000,000 บาท) ก่อนหน้าที่เขาจะมาเป็นช่างภาพนั้นเขาเคยเป็นนักชีววิทยา มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงภาษาคอมพิวเตอร์ด้วย แต่สุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมภาพนี้ถึงขายได้ในราคาที่แพงซะขนาดนี้ เอ๊ะ!?…
-
มหากาพย์ดราม่า ลงขายสบู่เครื่องสำอางมือสอง โดนทั้งเจ้าของแบรนด์และตัวแทนรุมด่ายับ!!
โดยปกติแล้วการที่เราซื้อของอะไรมาซักชิ้นแล้วเกิดอาการไม่พอใจ ไม่ถูกใจ แต่ก็ไม่อยากเก็บไว้ อย่างน้อยก็แปรกลับมาเป็นเงินได้บ้าง ส่งต่อให้กับคนอื่นที่อยากจะได้ อยากจะใช้ ก็มักจะนำไปโพสต์ขายในกลุ่มโซเชียลอยู่แล้ว อย่างเช่นในเรื่องของสบู่ที่ทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อนไปทั้งบาง!! เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากการที่มีโพสต์ลงขายสบู่ยี่ห้อหนึ่งลงในกลุ่มส่งต่อเครื่องสำอางราคาเบาๆ นั่นก็หมายความว่าเป็นของมือสอง ไม่ได้ใช้แล้ว จึงทำให้มีราคาตกลงไป เนื่องจากซื้อมา 4 ก้อน ใช้ไป 3 ก้อน จึงเหลือเพียงแค่ก้อนเดียว จากราคาขายก้อนละ 200 บาท ก็โพสต์ขายเพียงแค่ 150 บาท แล้วทีนี้ก็จุดประเด็นขึ้นมาทันทีมีการแชทมาถามจากบุคคลอื่นว่าทำไมถึงขายราคานี้ เป็นตัวแทนขายรึเปล่า? โดยที่มีความตั้งใจอยู่แล้วว่ามันเป็นของมือสอง แต่กลับโดนต่อว่าเนื่องจากไปตัดราคาของตัวแทนที่ขายอยู่ในราคา 200 บาท!? กลายมาเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อทางตัวแทนแคปภาพผู้ที่ลงขายไปให้เจ้าของแบรนด์ ถึงกับประกาศว่าเป็นมิจฉาชีพ โดยไม่ทำการสืบเรื่องราวก่อน บอกว่าทำการตัดราคาตัวแทนทำให้ไม่สามารถจำหน่ายได้ (ทั้งๆ ที่ขายเพียงแค่ก้อนเดียว) อีกทั้งยังโดนรุมด่าจากตัวแทนและเจ้าของแบรนด์แบบไม่ยั้ง และถึงแม้ว่าจะพยายามพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์ซักแค่ไหน ทีท่าก็ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นไปอีก ดังเช่นบทสนทนาในไลน์ดังต่อไปนี้ …
-
สาวกช็อกโก้เฮ!! ไปรู้จักช็อกโกแลต์สไลด์ ที่จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล!!
เชื่อผู้ที่ชื่นชอบช็อกโกแลตหลายๆคนเหนื่อยหน่ายกับการนำช็อกโกแลตมาทาบนขนมปังหรือขนมชิ้นโปรดของคุณ เพราะกว่าจะตัก กว่าจะปาดให้ได้เท่าๆกัน ก็เล่นเอาเหนื่อย แต่ปัญหานั้นจะหมดไป เมื่อคุณมีช็อกโกแลตสไลด์แบบนี้!! หลายคนอาจสงสยว่า ปกติเคยเห็นแต่ชีสสไลด์ แต่มันมีช็อกโกแลตสไลด์ด้วยเหรอ? ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมันมีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น ช็อกโกแลตสไลด์นี้ผลิตโดยบริษัท Bourbon ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการผลิตช็อกโกแลตอยู่แล้ว ซึ่งเขารับประกันว่า เจ้มจ้น เหมือนช็อกโกแลตปกติแน่นอน วิธีการกินที่ง่ายที่สุดคือ นำไปวางบนขนมปัง แล้วก็รอมันละลาย แค่นั้นแซนด์วิชช็อกโกแลตแสนอร่อย ก็มาปรากฏตรงหน้าของคุณแล้ว หรือจะเอาไปดัดแปลงทำอย่างอื่นก็ได้ ตามใจชอบ ใครสนใจก็ฝากเพื่อนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นซื้อมาได้ สนนราคาอยู่ที่ 60 แผ่น ( 1 ซองมี 5 แผ่น เขาขายยกแพ็ค 12 ซอง) ต่อ 3,240 เยนหรือราว 950 บาท ใครลองกินแล้ว อย่าลืมมารีวิวให้เหมียวฟังด้วยนะ อิอิ ที่มา rocketnews24
-
พ่อแบกถังออกหาซื้อออกซิเจน ยื้อชีวิตลูกน้อย แต่ร้านไม่ยอมเติมเพราะอยากให้ซื้อถังใหม่!!
กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ต หลังจากมีคุณพ่อออกมาตัดพ้อตำหนิร้านขายยา ที่ไม่ยอมขายออกซิเจนให้ เนื่องจากอยากให้ซื้อถังใหม่ โดยเจ้าของเฟสบุ๊ค บุญธรรม ชะดานิน ได้ออกมาแชร์เรื่องราวว่า ลูกของตนป่วยต้องใช้ออกซิเจนช่วยในการหายใจ และวันนั้นออกซิเจนเกิดหมด จึงต้องออกไปเติม แต่โชคร้ายร้านที่ซื้อถังมาไม่เปิด จึงต้องออกไปหาร้านอื่น เมื่อไปถึงร้านขายยาร้านหนึ่งแถวศิริราช ร้านกลับปฏิเสธไม่ยอมขายออกซิเจนให้ แม้เขาจะอ้อนวอนขนาดไหนก็ไม่ยอมขาย และบอกว่าถ้าอยากซื้อต้องซื้อถังใหม่ซึ่งมีราคา 4-5 พันบาท โชคดีเขาสามารถยืมถังออกซิเจนมาจากโรงพยาบาลตากสินจึงสามารถช่วยชีวิตลูกของตนเองไว้ได้ทัน พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมร้านขายยานั้นถึงไม่ยอมขายให้เขา ทั้งๆที่ไปที่อื่นเขาก็ยอมเติมให้ เมื่อชาวเน็ตเห็นข้อความดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย อาจเป็นเหตุผลทางด้านธุรกิจ ทำให้ร้านไม่ขายออกซิเจนให้ แต่เหมียวว่าเรื่องชีวิตคน บางทีก็อลุ่มอล่วยซักนิดก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แล้วเพื่อนๆละคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองเสนอกันเข้ามานะเหมียว ที่มา บุญธรรม ชะดานิน
-
ไปไกลแล้ว!! สาวเจ้าโพสต์ขายกางเกงในใช้แล้ว เอาใจโรคจิต ขายจริง ส่งจริงไม่โมเม!!
ในยุคออนไลน์ปัจจุบันนี้การจะทำมาค้าขายก็สะดวกมากขึ้น ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ เพียงแค่ดูภาพ คำบรรยาย และโทรศัพท์หรือติดต่อกับผู้ขายโดยตรงเพื่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า จนกระทั่งนำไปสู่กระบวนการส่งสินค้าจริง แต่ทว่าสินค้าที่ขายในโลกออนไลน์นั้นมีเยอะแยะมากมาย แต่มันไม่น่าจะไปถึงขนาดโพสต์ขาย กางเกงในใช้แล้ว นี่สิ คือไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ก็มีขึ้นมาจนได้ ได้อ่านและได้เห็นก็รู้สึกอี๋ขึ้นมาทันที แต่อย่าไปคิดว่าจะไม่มีคนซื้อนะ เมื่อมีขายจริง ก็มีคนซื้อจริงด้วย โอ้ยยยย!! ถึงมันจะขายได้ แต่มันก็ไม่เหมาะสมอย่างแรง เหมียวนี่ทำใจยอมรับไม่ได้ ที่มา : plug-innews
-
เอาใจคอเกมกันบ้าง ตัวอย่าง “Dead or Alive Xtreme 3” สาวกซีรีส์นี้ห้ามพลาด!!
ถ้าคุณเป็นแฟนเกมซีรีส์ Dead or Alive ก็คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมากมาย เพราะเกมเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารแบบที่เล่นแล้วอิ่มตามๆกันไป ซึ่งที่เรารู้จักก็จะเป็น Dead or Alive ที่เป็นเกมต่อสู้ กับ Dead or Alive Xtreme ที่เป็นเกมกีฬา ก่อนหน้านี้ Dead or Alive 5 ก็เพิ่งเปิดตัวไป วันนี้เรามีตัวอย่างของ Dead or Alive Xtreme 3 มาฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคน ชื่อเกม Dead or Alive มันไม่ใช่เกมสยองขวัญอะไรหรอกนะ มันคือเกมแนวน่ารักๆ (เหรอ) ทั่วไปนี่แหละ โดยตัวอย่างของ Dead or Alive Xtreme 3 นั่นสำหรับคนที่มี PlayStation 4 ก็จะได้เล่นก่อนใครเพื่อนในประมาณต้นปีหน้านี้ จากตัวอย่างแล้ว กีฬาที่เด็ดๆก็จะมี “ชนก้น” เป็นศิลปะการป้องกันตัวขั้นสูงที่ผู้เล่นต้องใช้สมาธิและพลังอย่างมาก โดยมีสองสาว Marie Rose และ Honoka ที่เคยเห็นกันใน Dead or Alive 5 มาสาธิตการต่อสู้ให้ดู …
-
บ้านหลังน้อยพร้อมรอเจ้าของใหม่ กับการตกแต่งห้องลับสไตล์ Star Trek จากความชื่นชอบส่วนตัว!!
จะว่าไปแล้วเนี่ยการจะขายอสังหาริมทรัพย์อย่างบ้านหรืออาคารต่างๆ สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องตั้งประกาศผ่านสื่อต่างๆ ไหนจะต้องรอลูกค้ามาหาแล้วพาทัวร์บ้านอีก เดี๋ยวนี้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตกับถ่ายรูปมาโพสต์ประกอบ ก็สามารถพาลูกค้าไปชมทุกซอกทุกมุมในบ้านได้แล้ว แต่สิ่งที่บ้านหลังนี้ในเมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส กลับมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากบ้านหลังอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งภายนอกก็ดูธรรมดาเหลือเกิน แต่มูลค่าของบ้านหลังนี้กลับพุ่งกระโดดสูงถึง 42 ล้านบาท!! (1.2 ล้านดอลลาร์) นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าของเก่านั้นได้ลงมือและลงแรงในการตกแต่งห้องลับให้กลายมาเป็นบรรยากาศแบบ Star Trek ภายในพื้นที่ 557 ตารางเมตร (6,000 ตารางฟุต) ซึ่งทุกสิ่งนั้นล้วนจัดเต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อย เอาล่ะ!! ดูภายนอกกันมาพอสมควรแล้ว คราวนี้เข้ามาดูข้างในกันบ้าง ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย ประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ และห้องครัวใหม่เอี่ยม มีสระว่ายน้ำเล็กๆ ภายในบ้าน ให้บรรยากาศส่วนตัวสูง ถัดมาจากสระว่ายน้ำก็จะพบกับห้องลับที่รอคอย บรรยากาศภายในเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งไปเลย ฟีลลิ่งยานอวกาศมาเต็มมาก!! ทุกรายละเอียดคือความใส่ใจ!! มันอลังการตรงที่ประตูเป็นแบบนิวเมติก หน้าจอยักษ์ขนาด…
-
Breaking Bad!! ตำรวจจีนจับอดีต ผอ.โรงเรียน ที่ลาออกมาผลิตยาเสพติดขาย!!!
บางครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังในละคร อาจไม่ได้เป็นแค่หนังหรือละครเท่านั้น เพราะมันเกิดสามารถเกิดขึ้นได้บนโลกแห่งความจริง!! อย่างที่ตำรวจจีนได้ตามจับกุมอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนหนึ่งในเมืองหนานหนิง เขตปกครองตัวเองกว่างซีจ้วง ซึ่งลาออกมาเมื่อสามปีก่อน ต่อมาได้กลายเป็นผู้ผลิตยาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งคล้ายกับซีรี่ย์ดัง Breaking Bad เป็นอย่างมาก Breaking Bad ว่าด้วยเรื่องของ วอลเตอร์ ไวท์ นักเคมีที่รู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เขาจึงลาออกจากงานและมาผลิตยาเสพติดขาย เพื่อนำเงินไปรักษาตนเองและเก็บเงินไว้ให้ครอบครัว ยามที่เขาเสียชีวิตไปแล้วด้วย โดยทางตำรวจได้ตามสืบมาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว ตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้สองสามราย เมื่อสอบสวนพบว่ารับยามาจากคนที่ชื่อ Lumou แต่ไม่มีใครรู้ว่า Lumou นี่แท้ที่จริงแล้วเป็นใคร เมื่อทางตำรวจสืบสวนมาเรื่อยๆ ก็พบว่า Lumou คืออดีตผู้อำนวยการคนดังกล่าว และได้เข้าทำการจับกุมเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาในบ้านของเขาเอง เมื่อตำรวจค้นบ้านก็พบว่า มียาบ้า 31.5 กิโลกรัม สารเคมีตั้งต้นอีก 185 กิโลกรัม และอุปกรณ์สำหรับการผลิตยาบ้าจำนวนมาก ถึงจะมีพล็อตเรื่องคล้ายๆกัน แต่อดีตผู้อำนวยการคนนี้ ก็ไม่มีอาการป่วยอย่างเช่น วอลเตอร์ ไวท์ ตัวเองในเรื่อง Breaking Bad แต่อย่างใด เขาเพียงแค่อยากได้เงินเยอะๆเท่านั้นเอง แหม คิดจะรวยทางลัด…
-
ไปได้ไง!? นมโรงเรียนไทยโผล่อยู่ในร้านขายของประเทศกัมพูชา แถมมีราคาแพงด้วย
ในกรณีของนมโรงเรียนที่ทางรัฐบาลได้จัดส่งให้ตามโรงเรียนต่างๆ เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานนั้น จะไม่มีการจัดจำหน่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีโผล่ในร้านค้าต่างๆ ในประเทศไทย แต่จู่ๆ นมโรงเรียนที่ว่านี้กลับไปโผล่ที่ประเทศกัมพูชาซะงั้น แถมยังจำหน่ายในราคาที่แพงซะด้วย โดยที่คุณ นาย วุ่นวาย ได้เข้าไปซื้อของภายในร้านแห่งหนึ่งภายในประเทศกัมพูชา และได้พบกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่วางขายในประเทศไทย เพราะเป็นสิ่งที่แจกจ่ายให้ตามโรงเรียนนั่นก็คือ นมโรงเรียนนั่นแหละ!! มีข้อความภาษาไทยระบุชัดเจนว่านี่คือนมโรงเรียนขากประเทศไทย พร้อมกับตัวอักษรสีแดงว่า ‘ห้ามจำหน่าย’ มันก็กลายมาเป็นข้อสงสัยที่ว่าอยู่ๆ นมโรงเรียนมาไกลถึงประเทศกัมพูชาได้อย่างไร ใครเป็นคนนำเข้ามา แถมยังวางจำหน่ายเหมือนกับสินค้าทั่วไปซะอีก ราคาติดเอาไว้ที่ 1.9 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 68 บาท ถือว่าราคาแพงเอาเรื่องเลยนะเนี่ย วันนี้ไปซื้อของเจอ(นมโรงเรียน) หวังว่าหลายๆคนน่าจะรุ้จักกันนะครับ เท่าที่ผมรุ้มา นมโรงเรียนเป็นนมของรัฐบาล ทำแจกไห้กับโร… Posted by นาย วุ่นวาย on Friday, October 2, 2015 ที่มา : นาย วุ่นวาย
-
7 สินค้าสุดแปลกจาก ‘โปเกม่อน’ ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน (อยากได้กันมั้ย)
ใครที่เป็นสาวกการ์ตูนระดับตำนานอย่างโปเกมอน เตรียมเฮกันเอาไว้ให้ดี เพราะนี่คือ 7 สินค้ารูปแบบต่างๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากโปเกมอนนั่นเอง แต่เดี๋ยวก่อน สินค้าที่ว่านี้ ไม่ใช่สินค้าธรรมดาๆ นะจ๊ะ แต่มันคือสินค้าที่เหมียวว่ามันดูแปลก และไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนนำมาขายจริงๆ ว่าแต่มันจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!! ว้าว!! เสื้อโปเกม่อน ที่มีลายโปเกม่อนอยู่บนหน้าอก ดูน่ารักดีนะว่ามั้ย ไม้รูปพิกะจูธรรมดาๆ ที่ถูกตกแต่งให้เหมือนไปป์ ถุงยางโปเกม่อนก็มีเหมือนกัน ส่วนชุดว่ายน้ำลายโปเกม่อน ดูแล้วเซ็กซี่ไม่เบา เอิบ!! ผ้าอนามัยลายโปเกม่อน สาวๆ อยากลองใช้ดูมั้ยละ บ้องกัญชาโปเกม่อน และสุดท้ายยยยมันไม่ใช่สินค้า แต่มันคือ รอยสักที่ถูกฝังอะไรบางอย่างลงไปให้ดูนูนๆ เหมือนโปเกบอลนั่นเอง เห็นแบบนี้แล้วสาวกโปเกมอนทั้งหลาย อยากจะไปซื้อมาใช้ หรือมาสะสมกันบ้างหรือเปล่าน้า อิอิ!! ที่มา : orzzzzl
-
ผู้สร้างเกม Minecraft ระบายความในใจผ่านทวิตเตอร์ รู้สึกผิดที่ขายบริษัทให้กับ Microsoft
หลังจากที่เปิดตัวเกม Minecraft เกมแนว Sandbox สร้างสรรค์ได้ทุกสิ่งจากบล็อกตัวต่อคล้ายๆ กับเลโก้ ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จนเข้าตาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ขอติดต่อซื้อบริษัท Mojang AB เพื่อนำ Minecraft ไปพัฒนาต่อ ซึ่งทางด้านผู้ให้กำเนิดเกม Minecraft และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Mojang AB นาย Markus Persson หรือ “Notch” ได้ทำการขายบริษัทและตัวเกมไปเมื่อเดือนกันยายน ปีค.ศ. 2014 ในราคา 2,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 89,000 ล้านบาท) แต่แล้วเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่าน Markus เริ่มระบายความรู้สึกในใจหลังจากที่ตัดสินใจขายสิ่งที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมา The problem with getting everything is you run out of reasons to keep…
-
ชาวจีนหัวใส ผลิต “เมฆเทียม” ขาย รายได้หลายหมื่นต่อวัน!!
เป็นเวลาเนิ่นนานแล้วที่มนุษย์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วจินตนาการว่าก้อนเฆมมีรูปร่างเหมือนสิ่งของต่างๆนาๆ หลายคนอาจจะมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับชายชาวจีนคนนี้ เขากลับมองเป็นโอกาส ที่จะสร้างรายได้ให้กับตนเอง จากรายงานของสำนักข่าว CCTV News จากประเทศจีน ชายจากมณฑลเหอหนาน ได้สร้างเมฆเทียมจากการนำโฟมเหลวมาผสมกับก๊าสฮีเลี่ยมซึ่งใช้ในลูกโป่งลอยฟ้า เมื่อก๊าสฮีเลี่ยมเข้าไปอยู่ในรูในโฟม มันก็จะลอยเหมือนกับก้อนเมฆจริงๆ ประโยชน์ของเมฆเทียมนี่ก็มีอะไรมากไปกว่า ทำให้เด็กๆตื่นตาตื่นใจ แต่เพียงเท่านั้นก็สามารถสร้างรายได้วันละกว่า 10,000 หยวน หรือราว 50,000 บาทให้กับเขาแล้ว โดยความนิยมของเมฆเทียมนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจำนวนมากพร้อมจะจ่ายเงินเพียงเพื่อชมเมฆเทียมลอยขึ้นไป 100 เมตรเท่านั้น หลายคนอาจมองว่าไร้สาระ แต่สำหรับเหมียวว่ามันเจ๋งไปเลยนะ ลองนึกถึงแรงบันดาลใจที่เหล่าเด็กๆจะได้ไปจากของเล่นชิ้นนี้สิ เหมียวว่านั่นประเมินค่าไม่ได้เลยนะ ไม่แน่เด็กๆพวกนี้ อาจโตไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลกก็ได้ ที่มา nextshark
-
สามีสานต่อความฝันของภรรยาผู้ล่วงลับ ขายเมล็ดทานตะวันเพื่องานวิจัยกำจัดโรคมะเร็ง!!
ความตั้งใจของคุณนาย Babbette Jaquish หรือในอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ‘คุณนายทานตะวัน’ (Sunflower Lady) โดยที่เธอนั้นมีเป้าหมายในการขายเมล็ดทานตะวันเพื่อใช้เป็นทุนในการวิจัยกำจัดโรคมะเร็ง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและความฝันของเธอก็คงจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่สามีของเธอ Don จะไม่ยอมให้ความฝันของเธอสูญเปล่า เขาตัดสินใจปลูกดอกทานตะวันเพื่อสานต่อความฝันของภรรยา เขาปลูกดอกทานตะวันในพื้นที่ประมาณ 1,600,000 ตารางเมตร (400 เอเคอร์) และได้ตั้งเป็นบริษัท Babbette’s Seeds of Hope โดยเน้นการขายเมล็ดทานตะวันเพื่อเป็นทุนในการวิจัยโรคมะเร็ง ‘ทัศนคติและความคิดของเธอคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้ผมมีขีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และวันที่เธอฝันถึง วันที่การรักษาโรคมะเร็งให้หายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว’ Don ผู้เป็นสามีกล่าว หลังจากที่ภรรยาของเขาจากไปแล้ว หลายเดือนต่อมาเขาก็ได้พบกับจดหมายที่ภรรยาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต มีใจความว่า ‘เธอจะต้องสู้และก้าวต่อไปในแต่ละวัน สัมผัสฉันผ่านอากาศยามเช้า และเมื่อใดก็ตามที่เธอตื่นขึ้นและชงกาแฟ ฉันก็จะอยู่ที่นั่นกับเธอตลอดไป’ ที่มา : thechive
-
เด็กชายผู้ลี้ภัยยืนขายทิชชู่เพื่อประทังชีวิต แต่กลับถูกเจ้าของร้านอาหารทุบตีไม่ยั้งมือ!!
กลายเป็นประเด็นอันน่าสลดใจไปทั่วโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับ Ahmed Hamdo Abeyd เด็กชายผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่เข้าอยู่ในนครอิซมีร์ของประเทศตุรกี โดยที่เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาเงินประทังชีวิต อย่างเช่นการขายกระดาษทิชชู่อยู่บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่แล้วเจ้าของร้านผู้เหี้ยมโหดก็ตรงเข้ามาทำร้ายเด็กชายคนดังกล่าวอย่างรุนแรง เนื่องจากเกรงว่าจะเข้ามารบกวนลูกค้าภายในร้าน ถึงแม้ว่าจะมีคนมาห้ามปรามแล้วก็ตาม แต่เด็กชายก็ถูกกระหน่ำตีไม่ยั้ง Ahmed ก็กล่าวเอาไว้ว่า “ผมแค่ยืนขายทิชชู่อยู่ดีๆ และในตอนนั้นผมกำลังจะขายให้กับผู้หญิงท่านหนึ่ง แล้วจู่ๆ พวกเขาก็ลากผมออกไปแล้วก็ทำร้ายผม” โดยหลังจากที่ภาพของเด็กชายเพียงคนเดียวที่ไร้ทางสู้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ชาวเน็ตและชาวเมืองหลายคนทนกับพฤติกรรมของเจ้าของร้านอาหารไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยเหลือ Ahmed ได้ไปมากกว่าการให้กำลังใจเพื่อสู้ชีวิตต่อไป และหวังว่าเจ้าของร้านผู้เหี้ยมโหดจะได้รับโทษอย่างสาสมต่อไป ที่มา : dailymail