Tag: ข่าวต่างประเทศ
-
รวม 30 ภาพสวยบาดใจ จนคุณนึกว่ามาจากโฟโต้ชอป แต่ขอโทษ ถ่ายจริงล้วนๆ นะจ๊ะ
การที่เราจะได้ภาพถ่ายสวยๆ มาสัก 1 ภาพนั้น ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องถ่ายภาพเก่งในระดับโปร หรือมีกล้องตัวละหลายๆ หมื่นหรอกนะ เพราะบางครั้งภาพสวยๆ อาจจะอาศัยแค่จังหวะบวกกับความคิดสร้างสรรค์ เท่านี้คุณก็จะได้ภาพเก๋ๆ สวยๆ มา 1 รูปแล้ว ฉะนั้นคุณอาจจะเป็นนักถ่ายภาพที่ดีได้ ต้องอยู่ให้ถูกที่ถูกเวลาด้วยนะ และวันนี้#เหมียวฟิ้นมีตัวอย่างของภาพสวยๆ ที่คุณอาจนึกไปว่ามันผ่านโฟโต้ชอปมาก่อน…แต่เปล่าเลย ทั้งหมดนี่คือของจริง ลองไปชมกันทีละภาพเลยจ้า 1. ถ้ำ Son Doong ในเวียดนาม 2. เครื่องบินวางระเบิด Tu-95MS กำลังแหวกอากาศ 3. ภาพชนะการประกวดถ่ายภาพของนิตยสารเซิร์ฟบอร์ด โดยช่างภาพ Zak Noyle 4. ภาพของต้นไม้ในป่าแห่งหนึ่งจากประเทศฮังการี หลังจากเกิดอุบัติเหตุโรงงานอลูมิเนียม 5. บ่อน้ำ Jacob ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา 6. ภาพถ่ายของลิง Mandrill โดยช่างภาพ Wolf Ademeit 7. ภาพใบหน้าบนน้ำแข็ง ถูกถ่ายได้โดยนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ที่เดินทางไปเที่ยวในทวีปแอนตาร์กติกา แถบขั้วโลกใต้ …
-
เพราะเกิดบ่อย…พนักงานผจญเพลิงต้องฝึก ‘เอาแหวนออกจากจู๋’ อย่างจริงจัง!!
บางครั้งการสร้างความสุขให้กับตัวเองนั้นก็สามารถทำได้หลายอย่าง และการใช้ ‘อุปกรณ์ในการช่วยตัวเอง’ ก็ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในต่างประเทศที่สามารถหาซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี ที่มีอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้เซ็กส์ทอยเกิดขึ้นบ่อยมาก จนทำให้เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงถึงกับต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อแก้ไขปัญหานี้กันแบบจริงจังเลยทีเดียว จากรายงานของเว็บไซต์ Ladbible เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ระบุเอาไว้ว่ามีการจัดงานอบรมขึ้นในเมือง Dresden ประเทศเยอรมนี โดยมีนักผจญเพลิงเข้าร่วมมากกว่า 600 ชีวิต มีการสาธิตนำเซ็กส์ทอยชนิดแหวนสวมหรรม สวมไปที่ดิลโด้ แล้วให้เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงใช้ใบเลื่อยไฟฟ้าตัดออกอย่างระมัดระวัง เซ็กส์ทอยแหวนสวมหรรม เจ้าหน้าที่ผู้ฝึกอบรม Eric Fornerg วัย 39 ปี เล่าว่า “งานนี้เป็นงานที่ค่อนข้างเซนสิทีฟ และยากมาก จึงต้องมีการฝึกอบรมกันอย่างเคร่งครัด” วิธีในการเอาแหวนที่ติดออกนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องใช้ผ้าพันแผลแบบเฉพาะ ที่สามารถทนความร้อนได้มาพันรอบอวัยวะเพศของผู้ชาย เพื่อลดความเจ็บปวดจากความร้อนของสะเก็ดไฟ ที่มาจากการเสียดสีระหว่างใบเลื่อยและแหวนที่เป็นเหล็ก และงานทั้งหมดควรจะใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที หนึ่งในผู้เข้าร่วมอบรม นักผจญเพลิง Matthias Lehnigk วัย 36…
-
ทหารหนุ่มเพิ่งรู้ว่า ภรรยาขายลูกไป แต่บอกว่าลูกตายแล้ว แถมตัวเองก็ไม่ใช่พ่อของเด็ก!?
เจ้าหน้าที่ทหารชาวสหรัฐอเมริกาที่ไปประจำการอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ถึงกับเข่าทรุด หลังได้รับข่าวว่าลูกของตัวเองที่เพิ่งคลอดนั้นเสียชีวิตหลังจากนั้นได้ไม่นาน แต่หลังจากผ่านไปได้เดือนเดียวเจ้าหน้าที่ Steven Garcia วัย 24 ปีก็ทราบความจริงว่า ลูกชายของตนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ถูกขายไปให้คนอื่นโดยฝีมือของภรรยาตัวเอง และความจริงที่พีคยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าหน้าที่ Steven ไม่ใช่พ่อของเด็กคนนั้นด้วย!! เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ Steven ได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เขาได้รับข่าวว่า Marina Garcia วัย 31 ปี ภรรยาของเขาคลอดลูก และลูกที่คลอดออกมาเสียชีวิตในวันนั้น “พี่สาวของผมโทรมา และแจ้งข่าวร้ายให้ทราบ ตอนนั้นผมเศร้ามาก และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ก็ได้แต่ร้องไห้กันสองคนกับภรรยาผ่านทางโทรศัพท์” เจ้าหน้าที่ Steven เล่า แต่กลายเป็นว่า ทารกน้อยเกิดที่รัฐแอริโซนา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ Marina ได้มอบลูกของตนให้กับเพื่อนที่คบกันมายาวนานชื่อว่า Leslie และ Alex Hernandez เรื่องราวทั้งหมดเริ่มแดงออกมาที่ถนนหลวงแห่งหนึ่งของรัฐแอริโซน่า เจ้าหน้าที่จราจรได้เรียกให้รถคันหนึ่งจอด…
-
สาวน้อยมะกัน สอบติดมหาวิทยาลัยกว่า 113 แห่ง แถมได้ทุนการศึกษาอีก 143 ล้านบาท
นี่เป็นเรื่องราวของ Jasmine Harrison วัยรุ่นสาววัย 17 ที่มีความสามารถในการสอบทำคะแนน จนสอบติดมหาวิทยาลัยกว่า 113 แห่งได้พร้อมๆ กัน!? ตามการรายงานจากเว็บไซต์ Dailymail บอกว่า Jasmine จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในรัฐนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ด้วยคะแนนเฉลี่ย 4.00 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2018 และทำการยื่นใบสมัครไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ เธอแทบไม่ต้องกังวลกับอนาคตของเธอเลย เพราะเธอได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มากมายและยังได้ทุนการศึกษาจากเงินบริจาครวมๆ มูลค่าแล้วกว่า 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 143 ล้านบาท) Jasmine ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เมื่อตอนที่ฉันได้รับอีเมล 2-3 อันแรก ฉันก็แบบ ‘โอเค นี่มันเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย’ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้นะเนี่ย” แต่สิ่งที่เหลือเชื่อก็คืออีเมลตอบรับเข้ามหาลัยที่เธอได้รับนั้นไม่ได้มีแค่ 2-3 ฉบับ แต่มากถึง 113 ฉบับ จนทำให้เธอแทบจะอ่านมันไม่หมดเลยทีเดียว เธอบอกว่าจากคำแนะนำและเทคนิคของคุณครูที่โรงเรียน ทำให้เธอสามารถส่งใบสมัครไปยังมหาลัยต่างๆ กว่า…
-
ผู้โดยสารแชร์คลิปน้ำทะลักเข้า 50 ห้องพักบนเรือสำราญ ราวกับน้ำตกขนาดย่อมๆ
หากคุณว่าภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้คล้ายกับภาพจากหนังมหันตภัยสักเรื่องแล้วล่ะก็คงจะไม่เกินเลยนัก เพียงแต่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริงๆ เว็บไซต์ ABDNews ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ว่าเรือสำราญ The Carnival Dream ที่เดินทางออกจากรัฐนิวออร์ลีนส์เพื่อไปท่องคาบสมุทรแคริเบียนเป็นเวลา 7 วัน ได้เกิดเหตุระบบดับเพลิงขัดข้องจนทำให้มีน้ำรั่วออกมายังโถงทางเดิน เกิดเป็นทะเลขนาดย่อมๆ ภายในเรือ ภาพเหตุการณ์บางส่วนถูกบันทึกและเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กของ Maria DeAnn Haase หนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางไปด้วยในวันนั้น เป็นคลิปที่เผยให้เห็นภาพทางเดินที่เต็มไปด้วยน้ำที่รั่วออกมาจากระบบดับเพลิงที่ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่องคล้ายน้ำตก และยังมีภาพของเหล่าลูกเรือที่พยายามช่วยกันตักน้ำใส่ถังเพื่อไปเททิ้งด้วย Maria ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า “เรากำลังเจอน้ำท่วมบนเรือสำราญ เราได้ยินเสียงไวโอลินและเครื่องเงินทั้งหลายหล่นลงมากระแทกพื้น มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้เนี่ย” คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเกิดเหตุน้ำรั่วได้ไม่นาน ลูกเรือก็ได้ช่วยกันทำความสะอาดจนเกือบจะกลับมาปกติ โดยทางเจ้าหน้าที่บนเรือแจ้งว่าจะทำการซ่อมระบบดับเพลิงใหม่และการล่องเรือครั้งต่อไปจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งนี้ได้มีการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้โดยสารทุกคน โดยจะมีการคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อตั๋วเดินทางในทริปนี้แบบเต็มจำนวน และจะได้รับส่วนลดในการซื้อตั๋วการเดินทางครั้งต่อไป 50% และยังมีบริการส่งผู้โดยสารทั้งหมดกลับบ้านด้วยเครื่องบินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วย โฆษกของเรือ Carnival ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกล่าวขอบคุณลูกเรือทั้งหมด “เราขอขอบคุณแขกของเราที่เข้าใจ และขอโทษจากใจจริง และเราขอขอบคุณลูกเรือของเราในการดำเนินการอย่างรวดเร็วและการทำงานอย่างหนักด้วย” ทั้งนี้ เรือสำราญ…
-
หอมกลิ่นมาดาม… หนุ่มจีนปิ๊งไอเดียหมอนรูป “ก้น” ให้คุณหนุนนอนได้อย่างสบายใจ
ในชีวิตนี้คุณเคยนอนหนุนตักของใครสักคนไหม? อย่างน้อยๆ ก็อาจจะเคยนอนตักพ่อตักแม่มาบ้าง มันให้ความรู้สึกอบอุ่นจนที่ประเทศญี่ปุ่นถึงขั้นมีการผลิตหมอนรูปทรงตักออกมาให้คนลองซื้อไปหนุนกันเลย และด้วยความคิดสุดบรรเจิดของมนุษยชาติ ก็ได้มีคนคิดค้นหมอนรูปแบบใหม่ออกมาอีกแล้ว จะว่าไปมันก็ใกล้เคียงกับหน้าตักนะ เพียงแต่มันเป็น “ก้น” นั่นเอง… หมอนที่คุณได้เห็นอยู่นี้มีชื่อว่า The Buttress หรือแปลง่ายๆ ได้ว่าก้นนั่นแหละ มันถูกออกแบบโดยชาวจีนที่ชื่อว่า Jiayang Guo “The Buttress ทำมาจากยางพาราธรรมชาติและมีรูปทรงเป็นก้นขนาดใหญ่ที่สวยงาม มันไม่ใช่แค่มีรูปร่างเหมือนก้น แต่ยังให้ความนุ่มสบายสำหรับศีรษะและเหมาะกับผู้ใช้ทุกคน” นาย Jiayang กล่าว หมอน The Buttress นั้นสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้แบบ 100% ป้องกันภูมิแพ้และไรฝุ่น นอกจากนี้ทางเว็บไซต์ของผู้ผลิตยังยืนยันอีกว่าหมอนก้นใบนี้สามารถนอนหนุนได้ทุกตำแหน่ง รวมถึงการเอาหน้า “ซุก” ลงไปก็ทำได้เช่นกัน ทีมงานที่ประดิษฐ์หมอนนี้ขึ้นมากล่าวถึงไอเดียแรกเริ่มของหมอนนี้ว่า “วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่บอสของเราเอนตัวลงเพื่องีบหลังจากที่เพิ่งคุยกับแฟนของเขา บอสของเราก็รู้สึกว่าเขานอนได้ง่ายมากขึ้นถ้าเขาวางมือลงบนก้นของเธอ” ไม่มีตูดจริงๆ ก็ตีหมอนไปก่อน แต่น่าเสียดายที่หลังจากประดิษฐ์หมอนนี้ขึ้นมาแล้ว Jiayang ก็เลิกกับแฟนสาวไปอย่างน่าเศร้า แต่เขาก็ยังทำหมอนนี้ต่อไปและบอกด้วยว่าหากใครซื้อเจ้าหมอน The Buttress ไปล่ะก็ ได้ของแถมเป็นชุดชั้นในและน้ำหอมที่คล้ายกับที่แฟนเก่าของเขาเคยใช้ (แน่นอนว่ามันคือของใหม่) ใครสนใจลองเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ kickstarter ของพวกเขาได้เลย…
-
คุณครูสาวถูกไล่ออก หลังมีคลิปเธอ “ยืนกระทืบเท้าบนโต๊ะ” เพื่อปลุกนักเรียนที่แอบงีบ
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าคุณครูสาวจากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ถูกเชิญออกจากโรงเรียน หลังแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างการกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนโต๊ะนักเรียนแล้วกระทืบโต๊ะ และยังมีการดึงผมเด็กนักเรียน เพื่อปลุกให้เขาตื่นจากการงีบในห้องเรียน ตามรายงานบอกว่าคุณครูสาวรายนี้มีชื่อว่า Lisa Houston เป็นครูที่สอนหนังสือในโรงเรียนแห่งนี้มานานกว่า 27 ปี แต่หลังจากที่คลิปเหตุการณ์ของเธอถูกเผยแพร่ออกไปก็มีคำสั่งให้เธอออกจากการสอนหนังสือทันที คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่เธอยืนอยู่บนโต๊ะของนักเรียนคนหนึ่งที่หลับในห้องเรียน ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมห้องที่หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้พร้อมกับเสียงหัวเราะ ต่อมาเธอก็ได้ใช้เท้าเขี่ยไปที่นักเรียน มีการหยิบผมของเขาขึ้นมาเพื่อปลุกให้ตื่น จากนั้นเธอก็ได้กระทืบลงไปบนโต๊ะอยู่หลายครั้ง Houston ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่นว่าสิ่งที่แสดงออกไปนั้นไม่ได้เกิดจากความโมโห แต่เป็นเพราะเธอทำแบบนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว “ถ้าคุณไปถามเด็กๆ คนไหนก็ตามที่เรียนกับฉัน พวกเขาจะบอกคุณว่าฉันหยอกล้อพวกเขา ทำให้พวกเขาตื่นตัวและหัวเราะตลอด” นอกจากนี้เธอยังเสริมอีกว่าสถานการณ์จริงๆ มันไม่ได้ดู “เลวร้าย” เท่ากับที่คลิปวิดีโอแสดงให้เราเห็น “ถ้าคุณไม่รู้ถึงสถานการณ์จริงๆ คุณจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันไม่ใช่การกระทำที่มุ่งร้าย มันก็แค่สนุกๆ กัน ฉันอยากให้สาธารณชนรู้ว่าฉันรักนักเรียน และพวกเราก็สามัคคีกันดีมากๆ ฉันคงไม่ทำอะไรที่มันทำร้ายเขาหรอก” ด้านนาย…
-
กลุ่มรักษ์โลกระดมเงินได้ 15 ล้าน เพื่อเอาไปทำหน้า “ทรัมป์” บนภูเขาน้ำแข็ง แล้วดูมันละลาย
ไม่รู้ว่านี่จะถือเป็นการประชดประชันหรือตลกร้ายดี เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกลุ่มอนุรักษ์ชาวฟินแลนด์ที่เรียกตัวเองว่า Melting Ice ได้ออกมาระดมทุนกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อจะแกะสลักใบหน้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ลงบนภูเขาน้ำแข็ง เนื่องจากทรัมป์ไม่เชื่อว่าโลกของเราประสบกับภาวะโลกร้อนอยู่จริงๆ โปรเจกต์นี้มีชื่อว่า Project Trumpmore เพื่อระดมทุนสร้างรูปปั้นแกะสลักยักษ์ของทรัมป์ลงบนภูเขาน้ำแข็ง คล้ายกับการแกะสลักบนภูเขารัชมอร์ นิโคลาส ปิเอโตร ประธานกลุ่ม Melting Ice กล่าวว่า “ปัญหาโลกร้อนนั้นเป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ยังคงมีคนคิดว่านี่เป็นปัญหาจริงหรือไม่? เราอยากจะสร้างอนุสาวรีย์สำหรับเราทุกคน เพื่อที่เราจะได้เห็นว่าประติมากรรมเหล่านั้นอยู่ได้นานแค่ไหนก่อนที่มันจะละลาย คนส่วนใหญ่มักเชื่ออะไรสักอย่างเมื่อพวกเขาเห็นด้วยสายตาของตัวเองเท่านั้น” หากกลุ่มอนุรักษ์เหล่านี้สามารถรวบรวมเงินได้สำเร็จ พวกเขาจะถ่ายทำสารคดีการก่อสร้างและนำไปออกอากาศสด พวกเขาตั้งใจไว้ว่าอนุสาวรีย์นี้จะมีความสูงอยู่ที่ราวๆ 35 เมตร ส่วนสาเหตุที่พวกเขาเจาะจงว่าอยากจะสร้างอนุสาวรีย์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เพราะว่าเขามักจะพูดออกสื่ออยู่บ่อยๆ ว่าภาวะโลกร้อนนั้นเป็นเพียง “เรื่องหลอกลวง” และมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอากาศหนาวนั้นเป็นตัวพิสูจน์ว่าโลกของเราไม่ได้ร้อนขึ้น ยกตัวอย่างเช่นในช่วงกุมภาพันธ์ 2014 ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า “พายุหิมะและอุณหภูมิหนาวจัดที่บันทึกไว้อย่างมหาศาลในสหรัฐ ที่เหล่าบรรดานักหลอกลวง เปลี่ยนชื่อจากภาวะโลกร้อนเป็น ‘การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ’” หรืออย่างในปี 2012 เขาเคยทวีตว่า “แนวคิดของภาวะโลกร้อนนั้นถูกสร้างโดยชาวจีน เพื่อที่จะทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ในด้านการผลิต” …
-
สยอง!! ช่างสักออสซี่โดนรวบ หลังทำการ “ผ่าตัดอวัยวะเพศ” ของหญิงสาว โดยไม่มีใบอนุญาต
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม] เว็บไซต์ Dailymail ได้รานงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในออสเตรเลียได้เข้าจับกุมชายวัย 37 ปีคนหนึ่ง เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ที่ชายหาดเซนทรัลโคสต์ ประเทศออสเตรเลีย ในข้อหาตัดแต่งอวัยวะเพศหญิงโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ที่ถูกต้อง ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มรายนี้ถูกหญิงสาววัย 33 ปี ร้องเรียนตั้งแต่เมื่อปี 2016 และมีการย้ายที่ทำงานเพื่อหนีคดี แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมในที่สุด ภาพตัวอย่างผลงานของช่างสักวัย 37 ปี จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของชายหนุ่มพบว่าเขาได้เขียนข้อความอ้างตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดตกแต่งร่างกายมนุษย์และทำงานมานานกว่า 10 ปีแล้ว ชายหนุ่มยืนยันว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดลิ้นให้เป็น 2 แฉก การเจาะหู และการกำจัดสะดือ มีการโชว์ผลงานที่เขาเคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นการฝังลูกปัดซิลิคอนไว้ใต้ผิวหนัง การสร้างรอยแผลเป็นปลอมๆ การสักลงบนเหงือก หรือแม้แต่การเปลี่ยนสีบนตาขาว ทั้งนี้การผ่าตัดปรับเปลี่ยนอวัยวะในร่างกายคนไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายรองรับในรัฐนิวเซาท์เวลส์ แต่หากคุณอยากจะประกอบอาชีพเป็นช่างสักหรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวกับผิวหนัง คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข ภาพลิ้นของหญิงสาวรายหนึ่งที่เคยมาผ่าลิ้นกับชายคนนี้ ภาพใบหูที่ถูกตัด หนึ่งในผลงานของเขา อย่างไรก็ตามช่างสักรายนี้ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีในชั้นศาลในวันที่ 15 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ที่มา dailymail
-
เราจะไม่นกแล้ว!? Facebook เตรียมเพิ่มความสามารถใหม่ ให้คุณ “หาคู่” ได้ง่ายขึ้น
ดูเหมือนว่าตอนนี้ Facebook จะพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีความสามารถรอบด้านมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกเป็นเพียงเครือข่ายสังคมออนไลน์ ก็เริ่มปรับให้คอนเทนต์วิดีโอมีความสำคัญมากขึ้น ล่าสุดทาง Facebook เริ่มที่จะเพิ่มความสามารถใหม่อย่างการหาคู่เข้าไปด้วย!? สำหรับหนุ่มสาวที่ไม่ค่อยจะมีโอกาส ไม่มีเวลา หรือนกตลอด นี่อาจเป็นโอกาสของคุณ เพราะพวกเขาเตรียมเปิดความสามารถในการหาคู่ ให้คุณได้สร้างโปรไฟล์และข้อมูลต่างๆ ลงไปในหน้า Facebook ของตัวเอง และแน่นอนว่ามันจะแสดงให้เห็นเฉพาะคนที่ไม่ใช่เพื่อนของคุณเท่านั้น (อยากให้ใครเห็นก็ไป Unfriend เขาซะนะ) Facebook ได้เปรียบกว่าแอปฯ อื่นๆ ตรงที่มันมีข้อมูลแทบจะทุกอย่างในชีวิตของคุณอยู่แล้ว ทำให้การจับคู่กับคนอื่นๆ นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและตรงกับสิ่งที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ตั้งค่ามันให้จับคู่กับคนที่คุณตั้งค่าเอาไว้เท่านั้น Facebook ได้ออกมาอธิบายว่า “การจับคู่ที่จะเกิดขึ้นจะอิงการแนะนำตามการตั้งค่าการเดตจากสิ่งที่มีเหมือนกันและมีเพื่อนร่วมกัน พวกเขาจะมีตัวเลือกในการค้นหาคนที่มีความสนใจเหมือนกันผ่าน กลุ่ม (Groups) หรือกิจกรรมต่างๆ (Events) ด้วย” การทำงานของความสามารถนี้ 1. ให้คุณได้เลือกสร้างโปรไฟล์ได้เพียงแค่ใส่ชื่อจริงของคุณ โปรไฟล์ของคุณจะไม่แสดงให้เพื่อนๆ ของคุณเห็น หรือคนที่ไม่ได้ใช้ความสามารถนี้ และมันจะไม่แสดงในนิวฟีด 2. คุณจะสามารถเรียกดูกิจกรรม (Events) ในเมืองของคุณ หรือกลุ่ม (Group)…
-
ชวนคุย “เดวิด” อีกหนึ่งคนไทย ที่ได้ทำงานร่วมกับ Avengers: Infinity War
ตอนนี้ Avengers: Infinity War กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทุบสถิติ “เปิดตัวสุดสัปดาห์สูงสุดตลอดกาลในอเมริกา” ไปแล้วเรียบร้อย ด้วยรายได้ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบๆ 8 พันล้านบาท) แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ทางทีมงานหลายภาคส่วนก็ต้องลงทุนลงแรงกันเพื่อตบตีให้หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นรูปร่างอย่างที่ทุกคนเห็น ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ นักแสดง คอสตูม แต่งหน้า วิชวลเอฟเฟกต์ ฯลฯ และจากความสำเร็จของ Infinity War นี้เองก็ทำให้เราได้เห็นว่ามีคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้อยู่ด้วย หนึ่งในนั้นคือคุณ เดวิด ณฐพล ห้วงสกุลเจริญ ผู้ที่ทำงานให้กับบริษัทวิชวลเอฟเฟกต์ชื่อดังเจ้าหนึ่งที่เข้ามาดูแลในส่วนของงานภาพ ด้วยประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่ได้ทำงานกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่คนทั้งโลกรอคอย ทำให้เราอยากชวน เดวิด มาพูดคุยถึงการทำงานที่แวดล้อมไปด้วยซูเปอร์ฮีโร่ การทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ และความอึดอัดใจที่ได้รู้ตอนจบของหนังดังก่อนถึง 5 เดือน แต่บอกใครไม่ได้ เดวิดเล่าว่าในช่วงก่อนที่หนัง Iron Man จะเข้าโรง ตัวเองนั้นเรียนอยู่ที่ Academy of Art University สาขา Animation & Visual Effects ในซานฟรานซิสโก มีรุ่นพี่มาชวนให้ไปทำงาน Rotoscoping…
-
เปิดตัวเที่ยวบินธีม Toy Story เอาใจแฟนคลับ แถมสร้างบรรยากาศสนุกๆ ให้ผู้โดยสาร
หากใครเป็นแฟนการ์ตูนชุด Toy Story แล้วล่ะก็ นี่อาจจะทำให้คุณกรี๊ดแบบสุดๆ เลยก็ได้ เพราะนี่คือเครื่องบินที่ถูกตกแต่งเป็นลวดลายตัวละคร Buzz Lightyear เท่านั้นยังไม่พอ ข้างในก็ยังถูกตกแต่งให้มีธีมเดียวกัน ราวกับว่าคุณได้หลุดเข้าไปอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้เลย เครื่องบินที่คุณได้เห็นนี้เป็นเครื่องบินของสายการบิน China Eastern Airlines โดยได้เริ่มเที่ยวบินแรกจากเซี่ยงไฮ้ไปยังปักกิ่งเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา การตกแต่งในธีม Toy Story นั้น แทบจะครอบคลุมทั้งลำ ตั้งแต่ด้านนอกตัวเครื่อง เบาะบนที่นั่ง ถาดอาหาร ช่องเก็บของเหนือศีรษะ นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีการตกแต่งเครื่องบินให้มีธีมในจีนแผ่นดินใหญ่ ท้ายลำมีนายอำเภอ Woody ด้วยนะ ด้านในตัวเครื่องถูกตกแต่งในธีม Toy Story ตั้งแต่เก้าอี้ยันเพดานเลยทีเดียว . . และก่อนที่คุณจะขึ้นเครื่อง บริเวณเคาน์เตอร์เช็กอินก็ถูกตกแต่งด้วยลวดลาย Toy Story ด้วยนะ ดูจากภายนอกแล้วสวยงามน่ารักมาก ช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสนานให้กับผู้โดยสารได้ดีจริงๆ . สำหรับใครที่เป็นแฟนแอนิเมชันเรื่องนี้ก็อดใจรอกันอีกนิดเดียวเท่านั้น เพราะ…
-
พูดจริงหรือประชด!? ปธน.เกาหลีใต้ ชม Donald Trump ควรได้ “รางวัลโนเบล” สาขาสันติภาพ
เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Independent ได้เปิดบทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ อิน ที่กล่าวถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ สำหรับความพยายามของเขาที่จะยุติความขัดแย้งในโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มุน แจ อิน กล่าวถึง โดนัล์ด ทรัมป์ ว่า “เขาสมควรได้รับเครดิตอย่างมากในการทำให้เกิดการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและใต้” ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากที่มีการแยกตัวออกไปนานหลายสิบปี “ประธานาธิบดีทรัมป์ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ สิ่งที่เราต้องการก็คือสันติภาพเท่านั้น” ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นาย มุน แจ อิน ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่ในรัฐสภา หลังจากลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อทั้งสองประเทศให้คำมั่นสัญญาอย่างเป็นทางการว่าจะยุติสงครามเกาหลีที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1950 ในขณะที่นาย มุน กล่าวยกย่องบทบาทของ ทรัมป์ ในการรวมทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับมองว่า ทรัมป์ ไม่สมควรได้รับเครดิตและคำชมขนาดนั้น ทีเจ เพิร์ลแมน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่าประธานาธิปดีของสหรัฐ “ควรได้รับเครดิต แต่ไม่มากขนาดนั้น” เพราะเนื่องจากเขามองว่ามาตรการการคว่ำบาตรของจีนที่มีต่อเกาหลีเหนือเมื่อปลายปี 2017 นั้นมีความสำคัญและผลกระทบมากกว่า …
-
เด็กหนุ่มวัย 13 ต๊กกะใจ มีขนขึ้นที่ด้านหลังยาวเฟื้อย ขนชาวบ้านเชื่อว่าอาจเป็นเทพจุติลงมาเกิด
เด็กชายชาวอินเดียคนนี้มีชื่อว่า Sohail Shah วัย 13 ปี ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางร่างกาย เพราะเขามีขนงอกออกมาที่หลังคล้ายกับหาง จนชาวบ้านเชื่อว่าเขาอาจจะเป็นเทพจุติลงมาเกิด ตามรายงานจากเว็บไซต์ Dailymail บอกว่าหางของเขานั้นมีความยาวราวๆ 45 เซนติเมตร ชาวบ้านเชื่อว่าขนหรือหางที่งอกออกมานั้น ทำให้เขากลายเป็นร่างอวตารของลิงหนุมาน ซึ่งหลังจากที่เรื่องของเขาถูกพูดถึงในวงกว้าง ก็ทำให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านข้างๆ แห่กันมาดูเขาและสวดขอพร ชาวบ้านหลายคนขนเอาผลไม้เช่นกล้วยและมะม่วงใส่ถุงมาให้กับ Sohail เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่เขาจะให้ศีลให้พรกับชาวบ้าน เขากลายเป็นคนดังในโรงเรียน คนที่นั่นให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษโดยเฉพาะคุณครู ที่แทบจะไม่เคยดุด่าเขาเลย เพราะกลัวว่าจะไปทำให้พระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวเขาโกรธเกรี้ยว ยังไม่มีการเผยสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเด็กหนุ่มคนนี้ถึงมีขนงอกออกมาที่หลัง แต่น่าจะเป็นผลมาจากความผิดปกติของท่อประสาท เพราะในช่วงเดือนแรกที่เด็กเกิดมาจะมีโครงสร้างที่เรียกว่าหลอดประสาทซึ่งจะก่อให้เกิดกระดูกสันหลังและระบบประสาท แต่ Sohail อาจเกิดมาพร้อมกับหางเนื่องจากข้อบกพร่องของหลอดประสาทเรียกว่า Spina Bifida ซึ่งเกิดจากการที่กระดูกสันหลังไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างถูกต้อง Sohail เล่าว่าเขารู้สึกดีมากที่กลายเป็นคนดังและที่รักของคนอื่นๆ และยังบอกอีกว่าเขาไม่คิดจะตัดหางนี่ออกด้วย “ผมไม่ได้รู้สึกอายกับหางนี่เลย ผมเกิดมาพร้อมกับมันและมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว ผมเห็นคนปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นพระเจ้าตั้งแต่ผมเกิด ผมเลยไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไร พวกเขาเรียกผมว่าหนุมานและลูบเท้าผมเพื่อขอพร” นอกจากนี้เขายังเล่าอีกว่าหากเขาออกไปเดินตามท้องถนน ผู้คนจะเข้ามาขอพรกับเขาพร้อมกับผลไม้ นั่นทำให้เขารู้สึกพิเศษเข้าไปอีก ทางครอบครัวของ Sohail…
-
เสื้อไม่ต้อง!! หนุ่มบราซิลคลั่งไคล้ทีมฟุตบอลที่รัก “สักเสื้อทีม” ลงบนตัวม่างเลย
รอบๆ ตัวเราคงจะมีคนที่คลั่งไคล้ฟุตบอลมากๆ ให้ได้เห็นกัน คนเหล่านั้นมักจะมีเสื้อของทีมในดวงใจ หรือมีของที่ระลึก หรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวข้องกับทีมที่พวกเขารัก แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าสักบนตัวเป็นลวดลายของทีมที่รัก และจะมีสักกี่คนที่เลือกรอยสักเป็น “เสื้อทีม” ทั้งตัว… นี่เป็นเรื่องราวของ Jose Mauricio dos Anjos วัย 33 ปี ชาวบราซิลที่คลั่งไคล้ทีมฟุตบอลอย่าง Flamengo (ฟลาเมงโก) เอามากๆ จนถึงขนาดที่ว่า เขาลงทุนเอาลวดลายบนเสื้อบอลของสโมสรนี้เมื่อปี 2015 มาเป็นลายสักบนตัวของเขา ทำให้เหมือนกับว่าเขาสวมเสื้อบอลของทีมที่รักอยู่ตลอดเวลา ตามรายงานจากเว็บไซต์ Metro บอกว่านาย Jose ต้องใช้เวลานานกว่า 90 ชั่วโมงในการสักลายเสื้อลงบนร่างกาย และไม่ได้เสร็จภายในวันเดียวด้วย แต่ต้องค่อยๆ ไปสักเพิ่มทีละนิดทีละหน่อย นาย Jose บอกว่าเขาต้องทนเจ็บกว่า 32 ครั้ง เพื่อที่จะให้ได้ลวดลายของเสื้อทีมที่สมบูรณ์ และเมื่อเขากลายเป็นข่าวดังไปทั่วบราซิล เขาก็กลายเป็นคนดังที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง ชายหนุ่มรายนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “ผู้คนถามผมว่าผมไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอที่ดูเหมือนคนใส่เสื้อทีม Flamengo ตลอดเวลา แต่ผมก็เฉยๆ นะ…
-
เปิดภาพยุค 90s สไตล์รัสเซีย ที่เต็มไปด้วยแหล่งเสื่อมโทรม การแต่งตัวแปลกตา และเด็กสูบบุรี่
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1990 เป็นต้นมา อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากสหภาพโซเวียตกลายเป็นประเทศแยกย่อยต่างๆ หนึ่งในนั้นได้แยกตัวออกมากลายเป็นประเทศรัสเซีย ในช่วงนั้นเองรัสเซียก็ต้องผ่านช่วงเวลาอันยากลำบาก และการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง แต่โชคดีที่ช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้หายไปตามกาลเวลา แต่ถูกบันทึกไว้ได้โดย ช่างภาพที่ชื่อว่า Lise Sarfati Lise ใช้ชีวิตอยู่ที่รัสเซียในช่วงปี 1989 ถึง 1998 เธอออกถ่ายภาพตามมอสโก โนริลสค์ และวอร์คูตา โดยเป็นภาพเหตุการณ์ ผู้คน และสถานที่ต่างๆ ซึ่งภาพเหล่านั้นไม่เคยถูกตีพิมพ์หรือเผยแพร่สู่สาธารณะมาก่อน ภาพแต่ละภาพของเธอบอกเล่าเรื่องราวได้ทรงพลัง และหลากหลายมาก ทั้งเด็กๆ ข้างทางกำลังสูบบุหรี่ ไปจนถึงคนข้ามเพศ และกลุ่มวัยรุ่นขณะวิ่งหนีออกจากค่ายศึกษาก็มีให้เห็นในงานของเธอ ภาพของกลุ่มวัยรุ่นตามสถานที่รกร้าง เด็กๆ จับกลุ่มกันสูบบุหรี่ การทดลองแปลกตา . . . . . . . การแต่งตัวของหญิงสาวขณะใช้โทรศัพท์สาธารณะ ภาพเด็กขณะถือปืน . . . เด็กๆ…
-
นักศึกษาเขียนหัวข้อรายงานเล่นๆ ว่า “ชีวิตแม่มบัดซบ” แต่ดันลืมเปลี่ยนและส่งไปทั้งแบบนั้น
หลายคนที่เคยผ่านประสบการณ์การเรียนในช่วงมหาลัยกันมาแล้ว น่าจะรู้ซึ่้งดีว่าการจะเขียนรายงานสักเล่มมันต้องใช้เวลาและพลังสมองแค่ไหน ยิ่งหากคุณทำแบบหามรุ่งหามค่ำก็อาจจะมีกันบ้างที่เบลอๆ เผลอเขียนอะไรผิดๆ ลงไปในรายงาน เรื่องที่เราไปเจอมานี้เป็นเรื่องราวสุดเปิ่นของหญิงสาวรายหนึ่งในโลกทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า @morgs216 เธอได้โพสต์ภาพรายงานของเธอที่ส่งให้กับอาจารย์เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา แต่ดันเขียนหัวข้อแบบส่งๆ ว่า “Fuck my life” หรือแปลได้ว่า “ชีวิตแม่มโคตรบัดซบ” แต่ดันลืมเปลี่ยนก่อนที่จะส่งให้อาจารย์ “ฉันส่งรายงานให้กับศาสตราจารย์ของฉันเมื่อคืนที่ผ่านมา และในตอนเช้าฉันก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองลืมเปลี่ยนหัวเรื่อง วันนี้ของพวกคุณเป็นไงกันมั่งล่ะ?” ในเวลาไม่นานรูปนี้ก็กลายเป็นภาพไวรัลและมีคนกดรีทวีตไปกว่า 8 หมื่นครั้ง พร้อมกับข้อความฮาๆ อีกมากมาย “เพื่อนเอ๋ย นี่ล่ะชีวิตบัดซบของจริง ฉันอยากจะนอนขดตัวเป็นก้อนแล้วร้องไห้” “สัปดาห์นี้มันช่างหนักหนาเหลือเกิน เอื้อออ” หลังจากนั้นก็มีคนแชร์ประสบการณ์กับเธอว่าเขาเธอเองก็เคยเขียนอะไรแบบนี้ส่งให้อาจารย์เหมือนกัน อย่างผู้ใช้ทวิตเตอร์ @mai_foringer11 ได้โพสต์ภาพรายงานของเธอ ที่มีบทคัดย่อว่า “ฉันเกลียดโปรเจกต์ห่านนี่ และฉันก็เกลียด Google Docs ด้วย” ผู้ใช้ @JeffriesHalee ได้เข้ามาถามว่าศาสตราจารย์ของเธอนั้นมีทีท่าอย่างไรกลับมาบ้าง? เธอจึงบอกว่า “555+ เขาพูดว่า ‘ขอบคุณที่ส่งรายงานนะ’” …
-
นักเรียนจีนถูกมีดแทงกว่า 7 คน ผู้ก่อเหตุอ้าง เพราะถูกกลั่นแกล้งในวัยเด็กเลยเป็นปมฝังใจ
ในขณะที่อเมริกาต้องรับมือกับเหตุกราดยิงในโรงเรียนบ่อยครั้ง ในจีนเองก็เกิดเหตุทำนองเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการใช้ปืนเป็นมีดแทน เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2018 เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นที่เมืองมี่จี มณฑลซานซี ทางตอนเหนือของประเทศจีน เมื่อชายหนุ่มใช้มีดเข้าทำร้ายร่างกายเด็กๆ ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างเวลา 18.10 นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กๆ เลิกเรียนแล้วและกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน เจ้าหน้าที่เผยว่าชายหนุ่มรายนี้แซ่เสี่ยว วัย 28 ปี เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าแรงจูงใจของเขาคือการแก้แค้น เพราะเมื่อครั้งที่เขายังเป็นนักเรียนมัธยต้น เขาเคยถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งมาก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 คน เป็นเด็กผู้หญิง 5 คน และเด็กผู้ชาย 2 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 12 คน โดยเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที แต่ไม่มีการระบุเลขอายุที่แน่ชัด คาดว่าอยู่ในระหว่าง 12-15 ปี ในขณะนี้ผู้ลงมือก่อเหตุได้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ภาพของผู้ก่อนเหตุในครั้งนี้ขณะถูกควบคุมตัวไปสอบสวน ภาพจากสื่อสังคมออนไลน์เผยให้เห็นภาพของเด็กนักเรียนที่นอนอยู่บนพื้น โดยมีผู้คนยืนตกตะลึงอยู่รายรอบ …
-
สาวจีนผงะ!! เจอ “หางหนู” โผล่อยู่ในไอติม เรียกร้องค่าเสียหายกว่า 2 แสนบาท
หญิงสาวชาวจีนถึงกับช็อค หลังจากพบว่ามีหางหนูโผล่ออกมาจากไอติมไส้ถั่วแดงที่เธอเพิ่งซื้อมาจากร้านค้า!? สื่อท้องถิ่นในจีนได้รายงานว่าหญิงสาวแซ่หยาง จากมณฑลเจียงซู เมืองหวายอัน ได้ออกไปซื้อไอติมแท่งไส้ถั่วแดงที่ร้านค้าเมื่อวันอังคารที่ 24 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา หลังจากที่เธอกินเข้าไป 2-3 คำ เธอก็พบว่าในไอติมมีส่วนผสมแปลกๆ นอกจากถั่วแดง ส่วนผสมที่ว่านี้มีลักษณะเป็นแท่งยาวและมีขน เธอคิดว่ามันอาจจะเป็นหนอนผีเสื้อหรืออะไรสักอย่าง จึงได้เรียกเพื่อนๆ มาช่วยดูและถ่ายคลิปเอาไว้ เมื่อเพื่อนของเธอเห็นวัตถุแปลกปลอมชิ้นนี้ จึงพยายามดึงมันออกจากไอติมแล้วก็พบว่ามันไม่ใช่หนอนแต่เป็นหางของหนูตัวหนึ่ง แม้ว่านางสาวแซ่หยางจะรู้สึกสะอิดสะเอียนในตอนแรก แต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มมองเห็นโอกาสในไอติมแท่งนั้น เธอกลับไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เธอซื้อไอติมแท่งนั้นมา และนำเอาไปติมแท่งนั้นกลับไปด้วยและเรียกร้องค่าชดเชย ในทีแรกทางร้านได้ยื่นข้อเสนอเป็นไอติมแท่งจำนวนมากให้กับเธอเพื่อเป็นการขอโทษ แต่เมื่อไม่ได้ผลทางร้านจึงพยายามเสนอเงินชดเชยให้กับเธอเป็นจำนวน 800 หยวน (ราวๆ 4 พันบาท) แต่เมื่อไม่ได้ผลอีก เขาเลยเพิ่มเป็น 2,000 หยวน (เกือบ 10,000 บาท) แต่ดูเหมือนหยางจะยังไม่พอใจกับเงินจำนวนดังกล่าว เธอจึงยื่นคำขาดว่าขอเป็นค่าชดเชย 50,000 หยวน (เกือบ 250,000 บาท) ให้สมกับที่เธอได้กินไอติมรสหนูไป แต่ดูเหมือนทางร้านจะไม่ยอมตกลงด้วยจึงต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย เป็นที่น่าเสียดายที่เธอจะไม่ได้เงินมากขนาดนั้น เพราะหลังจากการไกล่เกลี่ยแล้ว นางสาวแซ่หยางจะได้เงินชดเชยไปเพียง 1,000 หยวน…
-
จิตแพทย์เตือนพ่อแม่ทุกวันนี้ “ผลักดันลูกมากเกินไปไหม!?” ปล่อยให้พวกเขาได้เล่นบ้าง…
ตื่นเช้ามืด – แต่งตัว – ออกจากบ้าน – เรียน – เลิกเรียน – ไปเรียนพิเศษ – กลับบ้าน – ตื่นเช้า… ถ้าข้อความข้างบนทำให้คุณรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นตัวเองล่ะก็ คุณคือเด็กไทยอย่างแน่นอน เพราะเราอยู่ในประเทศที่มีการแข่งขันสูง การสอบวัดผลและคะแนนมีผลต่อชีวิตของเรามาก (หากเราและทางบ้านให้ค่ากับมัน) นั่นทำให้เด็กกว่าครึ่งค่อนประเทศต้องเรียนอย่างหนัก ซ้ำยังต้องออกไปหาสถานที่เรียนพิเศษนอกโรงเรียนด้วย แม้ลึกๆ เราจะรู้สึกอิจฉาในประเทศต่างๆ ที่ไม่ต้องมาเรียนหนักๆ แบบบ้านเรา และยังมีเวลาเอาไปทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่พวกเขาก็ต้องเจอกับปัญหาที่แตกต่างกันไป เพราะอย่างใน “ออสเตรเลีย” เองกำลังประสบกับปัญหาที่เหล่าพ่อแม่ผลักดันเด็กๆ ให้ไปทำกิจกรรมอื่นๆ นอกห้องเรียนมากเกินไป จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเด็กๆ เอง ก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยหลายๆ ชิ้นที่บ่งชี้ว่าการสนับสนุนให้เด็กๆ (ตั้งแต่ 4 ขวบเป็นต้นไป) ทำกิจกรรมต่างๆ นอกห้องเรียน จะช่วยให้พวกเขาทำกิจกรรมในห้องเรียนได้ดีขึ้นไปด้วย เช่นการว่ายน้ำ การเต้นรำ การปั้นเครื่องปั้นดินเผา การทำสวน เล่นดนตรี หรือวิชาคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้การทำกิจกรรมนอกห้องยังช่วยให้เด็กๆ พัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ…
-
สาวทิ้งแฟนวัยรุ่น ไปคบชายรุ่นพ่อ บอกเซ็กส์ไม่ใช่ปัญหา เพราะ “โล้สำเภาดุ”
เรื่องความรักนั้นไม่ค่อยจะเกี่ยวอายุสักเท่าไหร่ แต่คนโดยทั่วๆ ไปแล้วก็มันจะมีแฟนที่อายุไล่เลี่ยกัน หรือห่างกันอย่างน้อยก็ไม่เกิน 4-5 ปี แต่เธอคนนี้ที่มีแฟนเป็นชายลูก 3 แถมยังมีอายุห่างกับเธอถึง 27 ปีเลยทีเดียว หญิงสาวรายนี้มีชื่อว่า Avalon Garvey วัย 19 ปี เธออาศัยอยู่ในเวสยอร์กไชร์ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในประเทศอังกฤษ เธอเล่าว่าเธอได้พบรักกับ Doug Traser ชายวัย 44 ปี จากซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านทางโลกออนไลน์เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ฝ่ายหญิงยอมรับว่า Doug Traser นั้นมีอายุที่มากกว่าพ่อแท้ๆ ของเธอเสียอีก แต่ถึงจะมีช่องว่างทางอายุขนาดนี้ แต่ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันในทันที ในขณะนั้น Avalon ยังศึกษาอยู่ชั้นปี 1 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของนอร์ธยอร์กไชร์ เธอบอกว่าในตอนนั้นเธอกำลังคบหาดูใจกับคนในรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ จนกระทั่งเธอได้มาเจอ Doug เธอจึงเลิกกับแฟนหนุ่มไป Avalon เผยถึงสิ่งที่ทำให้เธอประทับใจในตัวเขาก็คือเขาเป็นคนซื่อตรง เพราะ Doug บอกอายุที่แท้จริงกับเธอและบอกด้วยว่าเขามีลูกๆ 3 คน ทั้งคู่เริ่มแชตคุยกัน และฝ่ายชายก็บินมาหาเธอที่เวสยอร์กไชร์ สำหรับ Avalon แล้ว เธอแทบจะตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เธอยอมรับว่าพวกเขามีอะไรกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน…
-
หมู่บ้านในนอร์เวย์มีกฎหมาย ห้าม “ตาย” ในหมู่บ้าน เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ
ความตายนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อเราเกิดมาและใช้เวลาอยู่บนโลกได้ระยะเวลาหนึ่ง เราก็ต้องจากไป และคนที่เหลืออยู่ก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ แต่หากคุณตายไม่ถูกที่ล่ะก็ คุณอาจจะมีความผิดทางกฎหมายได้นะ… หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ที่ชื่อว่า ลองเยียร์เบียน ได้รับการจดบันทึกว่าไม่เคยมีใครเสียชีวิตที่นี่มาตั้งแต่ช่วงปี 1950 แล้ว ในทางปฏิบัติแล้วมันก็มีคนเกิดและตายในหมู่บ้านนี้เหมือนกับที่อื่นๆ แต่การตายในหมู่บ้านแห่งนี้ถือว่าผิดกฎหมาย คนส่วนใหญ่มักจะบินออกจากถิ่นฐานก่อนที่พวกเขาจะตายเพื่อใช้ชีวิตในวันสุดท้ายของพวกเขาที่อื่นมากกว่า สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าหมู่บ้านลองเยียร์เบียนนั้นตั้งอยู่ตรงหมู่เกาะสฟาลบาร์ ใกล้กับวงกลมอาร์ติก (คือวงกลมละติจูดที่อยู่เหนือที่สุด ในบรรดา 5 วงกลมละติจูดหลักบนแผนที่โลก) ซึ่งแน่นอนว่าอากาศบนนั้นจะมีความหนาวเย็นมาก แม้ว่าคุณจะเสียชีวิตและถูกฝังไปแล้ว แต่ร่างกายของคุณจะถูกแช่แข็งและไม่สลายไปง่ายๆ ย้อนไปในปี 1918 ตอนนั้นเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดไปทั่วโลก (ตอนนั้นใช้ชื่อว่าไข้หวัดสเปน) ด้วยโรคนี้ทำให้คนราวๆ 50-100 ล้านคนป่วยและเสียชีวิต คิดเป็น 5% ของประชากรโลกเลย ซี่งในจำนวนทั้งหมดมีคนในหมู่บ้านลองเยียร์เบียนอยู่ด้วย 11 คน พวกเขาถูกฝังลงบนเกาะ แต่ชาวบ้านค้นพบว่าชั้นดินที่ฝังศพนั้นไม่ได้ทำให้ศพเน่าเปื่อยเลยตั้งแต่เมื่อปี 1950 ชาวเมืองเลยหยุดการฝังศพและเปลี่ยนกฎหมาย ว่าห้ามมีการฝังศพเนื่องจากลัวว่าโรคร้ายจะระบาด เรื่องนี้ได้เคยมีการพิสูจน์มาแล้วโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เดินทางไปที่เกาะนั่นในยุค 90 แล้วขุดศพขึ้นมาเพื่อสำรวจ แต่ปรากฎว่าหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ดันเสียชีวิตเนื่องจากโรคที่หลงเหลือจากศพ นอกจากกฎหมายห้ามตายบนเกาะนั่นแล้ว ยังมีกฎหมายห้ามเลี้ยงแมวบนเกาะนั้นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไปทำอันตรายให้กับนกบนเกาะ ถ้าหากคุณเป็นพวกรักแมวล่ะก็อาจจะต้องเสียใจกันเล็กน้อย…
-
ชายหนุ่มไปลองใช้ชีวิตอยู่ในสลัมของนครมุมไบ 5 วัน แล้วดูสิ เขาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน?
นี่เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าของนาย Jacob Laukaitis เขาเล่าว่าเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว เขาได้เดินทางไปเที่ยวที่มหานครมุมไบ ประเทศอินเดียเป็นเวลา 2 วัน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเท้าไปในเมืองสลัม แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปถึงในเมืองจึงไม่รู้ว่าคนที่นั่นมีความเป็นอยู่ยังไง ภาพของ Jacob เมื่อครั้งที่เขาได้ไปเยือนอินเดียเป็นครั้งแรก และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้กลับไปที่นั่นอีกครั้ง เขาตัดสินใจเดินทางไปที่แหล่งชุมชนธาราวี ซึ่งเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เขาพักอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 วัน เพื่อให้เข้าถึงวิถีชีวิตของคนที่นั่นว่ามีความเป็นอยู่กันยังไง และแม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่นั่นก็ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ที่จินตนาการไม่ถึง “ประสบการณ์นี้มันเปิดหูเปิดตาผมมากกว่าที่ผมจินตนาการไว้ เพราะผมได้ใช้เวลากับคนท้องถิ่น ที่ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าของผมให้เหมือนกับวีถีชีวิตของพวกเขา” Jacob เล่า จากมุมมองของคนภายนอกแต่ละคนอาจจะภาพติดอยู่ในหัวเกี่ยวกับชุมชนแออัดในอินเดีย ว่าจะต้องมีเด็กๆ ผอมโซ บางคนต้องนอนตามข้างถนน บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ บางคนต้องนอนรอบๆ เศษเนื้อเศษอาหาร และอีกมากมาย นาย Jacob เล่าว่าเรื่องที่เราๆ ได้ยินมามันก็ไม่ผิดนัก โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงสุขอนามัย ตัวอย่างเช่นในชุมชนธาราวี มีคนบอกว่าที่นั่นมีห้องน้ำน้อยมาก เฉลี่ยแล้วจะมี 1 ห้องน้ำ/คน 1,000 คน จากภาพเราจะเห็นว่าห้องน้ำที่โน่นดูเล็กและยากต่อการใช้งาน Jacob…
-
หนุ่มแต่งตัวเลียนแบบ Forrest Gump ไปวิ่งแข่งมาราธอนที่ลอนดอน แถมทำลายสถิติโลกด้วย!!
ฉากหนึ่งที่โด่งดังมาในโลกภาพยนตร์ ก็คือฉากการวิ่งของตัวละคร Forrest Gump จากภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump เมื่อปี 1994 ที่ตัวเอกจะออกวิ่งมาราธอนไปทั่วสหรัฐอเมริกาเรื่อยๆ แบบไม่หยุด โดยสวมหมวกสีแดง เสื้อยืดสีเหลือง และกางเกงวิ่งสีแดงพร้อมกับผมเผ้าและหนวดที่รุงรัง ภาพจากหนังเรื่อง Forrest Gump ฉากการวิ่งนั้นกลายเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับคนไปทั่วโลก ให้ออกมาทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เช่นนาย Rob Pope ชายอังกฤษที่ลงทุนแต่งตัวเหมือนตัวละคร Forrest Gump แล้วไปลงวิ่งแข่งมาราธอนที่งาน London Marathon เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา ตามรายงานของ BBC บอกว่านาย Rob นั้นวิ่งมาราธอนจบภายในเวลา 2 ชั่วโมงกับ 36 นาที ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก!! แต่อาจจะไม่ใช่คนที่เร็วที่สุด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีชาวเคนย่าที่ชื่อ Dennis Kimetto เคยทำได้สูงสุดคือ 2:02:57 ชั่วโมง ในการแข่งวิ่งมาราธอนที่กรุงเบอร์ลิน แต่ยังไงก็ตามแล้วได้มีการจดบันทึกไว้ว่านาย Rob ถือเป็นคนที่แต่งกายแบบ Forrest Gump แล้ววิ่งมาราธอนได้เร็วที่สุดในโลก ฉะนั้นสถิติของนาย Dennis…
-
หน้าเด็กเป็นเหตุ Tom Holland หน้าเด็กไป ซื้อเบียร์ไม่ได้ ลำบากพี่ Chris Hemworth ต้องช่วย
ใกล้เวลาฉายของ The Avengers: Infinity Wars เข้ามาทุกทีๆ ช่วงนี้เราก็จะได้เห็นเหล่านักแสดงออกเดินสายไปตามรายการต่างๆ เพื่อโปรโมตหนังอยู่ตลอดเวลา และในการโปรโมตแต่ละครั้งก็มักจะมีเรื่องมันๆ ฮาๆ ที่เหล่านักแสดงหยิบมาเล่ามาเผากันให้พวกเราได้ฟังกัน ล่าสุดเว็บไซต์ Dailysta ได้หยิบเอาเรื่องราวฮาๆ ของหนุ่ม Tom Holland วัย 21 ปี ผู้รับบทเป็น Spider-Man ที่ออกไปซื้อเบียร์มาดื่มหลังจากที่พักกองจากการถ่ายทำ แต่คนขายไม่ยอมขายให้เพราะไม่เชื่อว่าหนุ่ม Tom จะมีอายุถึงเกณฑ์แล้ว!? หนุ่ม Tom เล่าว่าในคืนหนึ่งที่เสร็จสิ้นจากการถ่ายทำ Avengers ภาคล่าสุด เจ้าตัวและทีมนักแสดงได้ออกไปที่บาร์เพื่อหาซื้อเบียร์มาจิบคลายเหนื่อย แต่เขาก็ถึงกับเซ็งเพราะพนักงานของร้านดันมองว่าใบหน้าสุดละอ่อนของเขาไม่น่าจะถึงวัยที่ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่โชคดีที่ในคืนนั้น Chris Hemsworth ได้ออกไปกับเขาด้วย จึงเดินเข้าไปสั่งเบียร์ให้ Tom “พวกเขาผ่านการทำงานมาทั้งวัน และเราก็ออกไปเพื่อหาเบียร์สัก 2-3 กระป๋องดื่มกัน เมื่อเขา (Tom) โกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลา เขาจะดูเหมือนเด็ก 12 ขวบเลย ซึ่งบาร์ก็ไม่ยอมขายเบียร์ให้เพราะคิดว่าเขายังเด็กอยู่ ผมก็เลยต้องเป็นคนที่ไปซื้อให้เขาแทน ในขณะที่เขากลายเป็นทีม Avengers…
-
ชายหนุ่มลงมือปลูกต้นไม้ในสวนทั้งที่ทำไม่เป็น เพราะสัญญากับภรรยาไว้ก่อนเธอจะเสียชีวิต
ผู้คนมักจะเปรียบเปรยความรักเป็นเหมือนกับการปลูกต้นไม้ ที่ต้องพรวนดิน นำต้นไม้มาลง และคอยรดน้ำให้มันเจริญงอกงาม ซึ่งมันคงจะเป็นกิจกรรมที่อบอุ่นหากเราได้ทำมันกับคนที่เรารัก แต่บางคนก็ไม่มีโอกาสได้ทำมัน… นี่เป็นเรื่องราวของคู่รักชาวเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาคบหาดูใจกันมานานกว่า 7 ปี เมื่อดอกไม้แห่งความรักเบ่งบาน พวกเขาก็วางแผนว่าจะปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้านด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่ภรรยาของเขาเกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียก่อน การที่ต้องสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักไปทำให้ชายหนุ่มเสียใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็เลือกที่จะลุกขึ้นแล้วออกไปเติมเต็มความฝันสุดท้ายของเขาและภรรยา นั่นก็คือการปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เรื่องการปลูกต้นไม้เลยก็ตาม เมื่อต้องทำในเรื่องที่เขาเองไม่มีความรู้เลย เขาจึงต้องพึ่งพา Google ทำให้รู้ว่าการปลูกอะไรสักอย่างมันไม่ง่ายเลย ชายหนุ่มเริ่มเตรียมสนามหญ้าหน้าบ้านสำหรับการปลูกดอกไม้ครั้งแรกของเขา ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง แต่ทุกๆ อย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เมื่อเขาได้ไปพบกับคนทำสวนและคนจัดสวน 2-3 คน ที่ให้คำแนะนำเรื่องการทำสวน การพรวนดิน หลังจากนั้นสวนของเขาก็เริ่มผลิบานให้เห็น เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของความฝันที่ภรรยาของเขาวาดเอาไว้ มีคนเดินผ่านไปผ่านมาหน้าบ้านของเขาอยู่หลายคน บางคนเดินผ่าน บางคนหยุดดู แต่มีชายแปลกหน้าอยู่คนนึงหยุดดูและเดินเข้าไปทักทายเขาถึงในบ้าน ก่อนจะหยิบยื่นเอาต้นไม้ให้เขาเอาไปปลูกต่อ เมื่อพูดคุยกันจึงพบว่าชายแปลกหน้าคนนั้นเองเพิ่งจะสูญเสียลูกชายที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์ เพื่อเป็นการทำจิตใจให้สงบและไม่จมอยู่กับความเศร้า เขาเลยนำเอาต้นไม้และพืชผักในเรือนกระจกของเขาไปแจกจ่ายให้คนอื่นๆ ดูแลต่อ การลองผิดลองถูกของเขา ทำให้ได้รับบทเรียน และฝีมือที่เพิ่มมากขึ้น จากจุดนั้น ทำให้เกิดเป็นมิตรภาพระหว่างชายหนุ่ม 2…
-
เพราะธรรมดาโลกไม่จดจำ ช่างภาพเปลี่ยนภาพถ่ายทั่วไปให้แฟนตาซีด้วยโฟโตชอป
การจะถ่ายภาพให้มันน่าจดจำนั้น นอกจากการเลือกมุมกล้อง การวางเฟรม และแสงแล้ว การตกแต่งภาพก็สำคัญ ซึ่งการตกแต่งภาพนั้นก็จำแนกออกไปอีกหลายแบบ ทั้งการแต่งให้มันดูเนียน ดูสมจริง หรือดูแฟนตาซีเซอร์เรียลไปเลย ผลงานภาพถ่ายต่อไปนี้เป็นของช่างภาพที่ชื่อว่า Katrina Yu เธอเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ แต่ภาพถ่ายแต่ละภาพของเธอนั้นต้องเล่าเรื่องได้ด้วย “ฉันชอบเล่าเรื่องราว บางครั้งความชอบนี้มันก็เข้ามาอยู่ในผลงานภาพถ่ายด้วย ฉันอยากจะโชว์ภาพก่อนและหลังตกแต่ง เพื่อพิสูจน์ว่ามันไม่ต้องใช้อะไรที่แฟนตาซีเพื่อสร้างภาพในจินตนาการของคุณเลย และท้ายที่สุดแล้วข้อจำกัดเดียวของเราคือจินตนาการของเราเอง” Katrina Yu เขียนเล่าเรื่องของเธอผ่านเว็บบอร์ด Boredpanda คำอธิฐานมากมายทำให้ดวงดาวโน้มต่ำลงมาหา ดวงจันทร์ไม่จำเป็นต้องเต็มดวงเพื่อให้พวกเรารักมัน การปรากฏกาย หิ่งห้อย เสียงดนตรียามค่ำคืน การค้นหา ตกหลุมรัก ฟ้าหลังฝนมักมีสายรุ้งเสมอ ฝนดาวตก นกหนังสือ สัญญาณความทุกข์ กลับบ้าน Saving Grace การประชดประชัน รักตัวเองคือการผจญภัย อย่ารบกวน…
-
ยูทูบเบอร์ชาวสเปนต้องโทษจำคุก 2 ปี หลังเอายาสีฟันใส่ในโอรีโอ้ให้คนไร้บ้านกิน
หลายครั้งหลายหนที่เราได้เห็นภาพของเหล่ายูทูบเบอร์ หรือกลุ่มคนที่สร้างสรรค์คลิปวิดีโอ ออกมาในแนวห่ามๆ หน่อย บางครั้งก็เกินขอบเขตของศีลธรรมจนต้องมีการออกมาประณามกันผ่านโลกออนไลน์ และแทบจะน้อยครั้งมากที่เราได้เห็นกลุ่มคนเหล่านั้นถูกลงโทษอย่างจริงๆ จังๆ แต่จากข่าวนี้อาจจะกลายเป็นตัวอย่างให้เหล่าผู้คนที่สร้างสรรค์คลิปได้กลับมาทบทวนผลงานของตัวเองดีๆ ก่อนจะปล่อยออกไป เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวว่ายูทูบเบอร์ชาวสเปนถูกตัดสินจำคุก หลังเล่นแผลงบีบยาสีฟันลงในคุกกี้โอรีโอ้แล้วให้คนไร้บ้านกิน ยูทูบเบอร์ชาวสเปนรายนี้มีชื่อว่านาย Kanghua Ren วัย 20 ปี มีผู้ติดตามในยูทูบมากกว่าล้านคนบนยูทูบ ตามรายงานบอกว่าเขาได้เจอกับชายไร้บ้านวัย 52 ปีอยู่ข้างถนน และหยิบยื่นคุกกี้โอรีโอ้ที่สอดไส้ด้วยยาสีฟันให้กับเขากิน “บางทีผมอาจจะทำเกินไปหน่อยนะ แต่มองในแง่ดี นี่อาจจะช่วยให้เขาทำความสะอาดฟันของเขาก็ได้ ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ทำความสะอาดมันตั้งแต่ที่เขาจนนั่นแหละ” ข้อความบางช่วงที่ Kanghua Ren กล่าวไว้ในวิดีโอ การกินยาสีฟันเข้าไปแบบนั้น นอกจากจะไม่ช่วยทำความสะอาดฟันเท่าไหร่แล้ว ยังอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้อีกด้วย ซึ่งหลังจากที่เขาได้โพสต์คลิปดังกล่าวออกไปแล้ว ก็เกิดกระแสด้านลบเข้ามาอย่างมากมาย ต่อมาเขาได้อัดคลิปวิดีโอตัวใหม่แล้วอัปโหลดลงในช่องของเขา มีเนื้อหาชี้แจงว่า “ผู้คนพูดถึงคลิปตลกที่ผมทำกับคนไร้บ้านได้เวอร์มาก ผมมั่นใจว่าถ้าผมทำกับคนปกติพวกเขาคงไม่ด่าแบบนั้น” พร้อมกันนี้ยังบอกด้วยว่ามันไม่ใช่การวางยาพิษ เพราะเขาได้ทดลองกับพี่ชายตัวเองมาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มองแบบนั้น จึงได้ออกหมายเรียกเพื่อสืบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เขาถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมต่อความซื่อสัตย์สุจริต และยังต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 30,000 ยูโร (หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท) และโทษจำคุก 2 ปี นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่านาย Kanghua…
-
หนุ่มชลฯน้ำตาริน ต้องไปรับใช้ชาติหลังจับได้ใบแดง ทั้งที่อยู่กับยาย 2 คนและไม่มีคนดูแล
เป็นประจำทุกปีที่จะต้องมีการเกณฑ์ทหารเพื่อไปรับใช้ชาติ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ก็จะมีคลิปวิดีโอการลุ้นจับใบดำใบแดงออกมาให้เห็นหลากหลายอารมณ์กันไป ทั้งดีใจสุดตัวที่ได้ใบดำ หรือร้องไห้เข่าทรุดที่ได้ใบแดง ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 เมษายน 2018 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Art Tua Por โพสต์คลิปวิดีโอหนึ่งของชายหนุ่มที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี แต่ร้องไห้หนักหลังจากจับได้ใบแดง จากข้อมูลในเฟซบุ๊กระบุว่าในขณะที่ชายหนุ่มยื่นเอกสาร เจ้าตัวก็ร้องไห้ไม่หยุด จนเองจึงเข้าไปสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มจึงบอกว่าตนเองอยู่กับยายเพียง 2 คน และหากตนเองต้องไปเป็นทหารก็จะทำให้ไม่มีใครคอยดูแลยายที่บ้าน “คนนี้พีคสุดตั้งแต่มาคัดเลือกทหาร น้องคนนี้ร้องไห้หนักมาก หลายคนเห็นก็ขำบ้าง หัวเราะบ้าง แต่ใครจะรู้บ้างว่าที่เขาร้องไห้ มันเพราะอะไร มันมีอะไรมากกว่าความเสียใจที่จับได้ใบแดงหรือป่าว ผมเห็นอาการของน้องคนนี้ตั้งแต่จับได้ใบแดง แล้วเดินมายื่นเอกสารก็ยังร้องไห้ไม่หยุด มีพี่ๆทหารคอยหิ้วปีกพยุงเดินมาตลอด ต่างจากคนอื่นที่ไม่ค่อยแสดงอาการเท่าไหร่ จากตอนแรกที่ผมจับโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายไว้เล่นๆ แต่พอผมได้ดูอาการน้องเขาแล้ว น้องเขาไม่ได้เล่นแน่ๆ ระหว่างที่น้องมานั่งที่โต๊ะยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่เขต น้องก็ยังร้องไห้ไม่หยุดจนผมต้องเข้าไปปลอบใจ และถามไถ่อาการ น้องบอกว่า ‘ทำไมต้องเป็นผมที่โดนด้วย คนอื่นที่ไม่มีภาระทำไมถึงไม่โดน’ ผมเลยถามน้องไปว่ามีภาระอะไรอยู่ น้องตอบว่า ‘ผมต้องเลี้ยงดูยาย ผมอยู่กับยาย2คน พ่อแม่ก็ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก ถ้าผมไปแล้วใครจะดูแลแก แกป่วยเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก่อนมาแกบอกว่าเอ็งอย่าทิ้งยายไปนะ เอ็งต้องกลับมาอยู่กับยาย ยายมีเอ็งแค่คนเดียว’ ผมได้ยินแล้วผมพูดไม่ออกเลย มันเป็นอะไรที่แย่จริงๆ…
-
พวกที่คิดว่าโลกแบน เสนอทฤษฎีว่า ประเทศออสเตรเลียก็ไม่มีอยู่จริงๆ เหมือนกัน!?
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินหรือได้รับรู้เรื่องราวของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่มีความเชื่อว่าโลกของเราไม่ได้กลม แต่มีลักษณะที่เป็นแผ่นจาน และยังพยายามหาหลักฐานต่างๆ นานาเพื่อมาหักล้างกับทฤษฎีต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์คิดหาคำตอบกันด้วย ล่าสุดเราได้ไปเจออีกทฤษฎีหนึ่งที่ชวนทึ่งของชาว Flat Earthers (กลุ่มคนที่เชื่อว่าโลกแบน) เพราะนอกจากพวกเขาจะเชื่อว่าโลกแบนแล้ว พวกเขายังเชื่อด้วยว่าประเทศออสเตรเลียไม่มีอยู่จริง!? ย้อนกลับไปในปี 2006 ได้มีคนไปตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ Theflatearthsociety (เว็บไซต์เครือข่ายสังคมสำหรับคนเชื่อว่าโลกแบน) โดยมีข้อความบอกว่า “พวกคุณส่วนใหญ่คงจะถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อว่ามีดินแดนในจินตนาการอย่างออสเตรเลีย ฉันทายว่าพวกคุณทั้งหลายคงจะได้เรียนรู้มาจากโรงเรียนแน่ๆ ฉันมาที่ที่เพื่อบอกความจริง เอาล่ะ ความจริงก็คือประเทศออสเตรเลียมันไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งที่คุณได้ยินเกี่ยวกับมันถูกสร้างขึ้นมาทั้งนั้น และรูปภาพทั้งหลายที่คุณเคยเห็นก็เป็นของปลอมที่รัฐบาลทำขึ้นมา ฉันเชื่อว่าคุณคงจะได้คุยกับผู้คนบนอินเทอร์เน็ตที่อ้างว่าพวกเขามาจากประเทศออสเตรเลียมาบ้างแล้ว แต่จริงๆ แล้วพวกเขามีเจ้าหน้าที่รัฐบาลลับๆ ที่คอยสอดส่องบนอินเทอร์เน็ตเพื่อทำให้ความเชื่อปลอมๆ เหล่านี้กลายเป็นความจริงอยู่ เราไม่แน่ใจว่าทำไมรัฐบาลถึงสร้างดินแดนจินตนาการขึ้นมา หรือทำไมมันถึงพยายามโน้มน้าวให้ทั้งโลกเชื่อว่าทวีปนี้มีจริง แต่เราสามารถบอกคุณได้ว่าเรารู้ข้อเท็จจริงที่ออสเตรเลียไม่ได้มีอยู่จริง มาร่วมกับเราสิเพื่อบอกให้ทั้งโลกรู้ความจริง” นอกจากนี้ยังมีนักทฤษฎีสมคบคิดอีกหลายคนที่ออกมาให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน อย่างเช่น Shelley Floryd เธอบอกว่าประเทศออสเตรเลียนั้นถูกประกอบสร้างขึ้นมาจากการเรนเดอร์ของคอมพิวเตอร์ เพื่อหลอกให้ทั้งโลกเชื่อ รวมไปถึงประวัติศาสตร์ของออสเตรเลียที่ถูกแต่งขึ้นมาแบบหลอกๆ ด้วย . ที่มา unilad
-
นักวิทย์ฯ คิดค้นเอนไซม์แบบใหม่ที่ “กัดกิน” ขวดพลาสติกได้ แก้ปัญหาพลาสติกล้นโลก
นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นสสารที่มีความสามารถในการ “กัดกิน” พลาสติก จนอาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาพลาสติกล้นโลกได้ในอนาคต ทุกวันนี้หลายๆ ประเทศพยายามหาทางที่จะลดปริมาณพลาสติกลง ซึ่งหลายๆ บริษัทก็เริ่มปรับตัวด้วยการลดปริมาณพลาสติกในบรรจุภัณฑ์ของตัวเองลงเพื่อให้ง่ายต่อการกำจัดทิ้ง แต่ล่าสุดดูเหมือนว่ามนุษย์โลกจะมีทางออกที่ดีกว่าการกำจัดทิ้งแล้ว ด้วยการใช้สสารแบบใหม่ ที่มีคุณสมบัติในการกัดกินพลาสติกจนแทบไม่หลงเหลือเศษซากเลย สารที่ว่านี้มีพื้นฐานอยู่บนเอนไซม์ที่ชื่อว่า “ตัวเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ” (Biological Catalyst) ในครั้งแรกที่มีการพัฒนา เจ้าสสารตัวนี้ถูกก่อร่างสร้างตัวมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ภายในศูนย์วิจัยรีไซเคิลที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2016 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มันสามารถย่อยสลายพลาสติกได้ พลาสติกเป็นสิ่งที่ไม่ย่อยสลายตามธรรมชาติ และการค้นพบแบคทีเรียที่กินพลาสติกในปี 2016 กลายเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยกย่องมาก เพราะมันจะกลายเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยมและถูกนำไปใช้ต่อๆ ไป ในขณะที่พยายามยืนยันการอ้างสิทธิ์เหล่านี้ศาสตราจารย์ John McGeehan นักชีววิทยาจาก University of Portsmouth และเพื่อนร่วมงานของเขาบังเอิญสร้างเอนไซม์ที่กัดกินพลาสติกโดยบังเอิญ จนต่อยอดกลายเป็นเอนไซม์ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ เจ้าสสารตัวนี้ถูกขนานนามว่า PETase มันมีความสามารถในการย่อยสลายพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate หรือพลาสติกที่ถูกนำมาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ต่างๆ) เอนไซม์ตัวนี้จะเข้าไปเร่งปฏิกิริยาในการย่อยสลายในพลาสติกที่ปกติแล้วจะใช้เวลาหลายร้อยปี การปรับแต่งเอนไซม์ที่ผลิตตามธรรมชาตินี้ทำให้ทีมวิจัยสามารถผลิตสิ่งที่มีความสามารถในการย่อยสลายพลาสติกได้ดีกว่าสิ่งที่พบตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์แนะนำให้นำสสารใหม่นี้เข้ามาช่วยรีไซเคิลขวดพลาสติกจำนวนหลายล้านตันด้วยการทำลายขวดพลาสติกลงเป็นชิ้นๆ ระหว่างที่มีการตรวจสอบโครงสร้างของเอนไซม์ตัวนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามปรับแต่งส่วนที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับการย่อยพลาสติกไปด้วย การทำเช่นนี้จะช่วยย่อยสลายพลาสติก…
-
ดีไซเนอร์จีนออกแบบแฟชั่นชุดดำน้ำ ให้มี “ถุงน่อง” ช่วยเพิ่มความอบอุ่นขณะอยู่ใต้น้ำ
แฟชั่นเป็นสิ่งที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อความสวยงาม เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเจ้าคำว่าแฟชั่นนี่เองมันก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เฉพาะเสื้อผ้าที่เราใส่กันอยู่ทุกวี่ทุกวันหรอกนะ เพราะแม้จะเป็นชุดดำน้ำที่ไม่น่าจะผสมผสานแฟชั่นลงไปได้ ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปได้เช่นกัน เมื่อราวๆ ปีสองปีก่อนได้มีช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Manabu Koga คิดค้นถุงน่องใต้น้ำขึ้นมา เพื่อให้สาวๆ ได้สวมใส่มันในใต้น้ำแล้วถ่ายออกมาเป็นภาพสวยๆ เพื่อนำไปจัดแสดงในนิทรรศการภาพถ่ายของเขา ต่อมาไอเดียถุงน่องใต้น้ำของช่างภาพชาวญี่ปุ่นก็ได้ถูกดีไซเนอร์ชาวจีนหยิบยืมไปเพื่อดัดแปลงมันให้กลายเป็นถุงน่องสำหรับการดำน้ำจริงๆ ในชื่อแบรนด์ Bestdive และใช้วัสดุแบบพิเศษที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับผู้สวมใส่อีกด้วย ต่อมา Manabu Koga ก็ได้ไปเจอเข้ากับถุงน่องดำน้ำนี้เข้า เขารู้สึกชื่นชอบสินค้าชิ้นนี้มากจนแชร์มันลงในทวิตเตอร์ของตัวเอง ถุงเท้าดำน้ำชิ้นนี้ถูกทำมาจากยางและผ้ายืดที่มีความหนา 2 มิลลิเมตร ให้ความยืดหยุ่นและทนทาน เหมาะกับการเคลื่อนไหวเช่นการดำน้ำ และยังให้ความอบอุ่นกับผู้สวมใส่ แฟนๆ บางส่วนของ Manabu Koga มองว่าถุงเท้าดำน้ำชิ้นนี้เป็นเพียงสินค้าก็อปเท่านั้น แต่แฟนๆ บางส่วนกลับมองว่ามันคือสิ่งที่น่าสนใจมาก และยังสนใจในวัสดุที่นำเอามาทำอีกด้วย หากใครสนใจลองไปชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ taobao.com เลย สนนราคาอยู่ที่ 1,490 ต่อ 1 คู่ เมื่อชุดดำน้ำสุดเซ็กซี่และแหวกแนวชิ้นนี้ถูกพูดถึงมากขึ้น ชาวเน็ตก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานา “มันเยี่ยมมากที่เขาใช้วัสดุแบบชุดดำน้ำ” “ฉันชอบความหนาของมันนะ และก็ยังอยากได้ดีไซน์แบบ Koga…
-
พ่อมีความสัมพันธ์กับลูกสาวจนตั้งท้อง ตัดสินใจฆ่าลูกชาย ลูกสาว แล้วฆ่าตัวตายตาม
สืบเนื่องจากเรื่องที่คุณพ่อ Steven Pladl วัย 42 ปี มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ Katie Fusco วัย 20 ปี ลูกสาวในไส้ของตัวเองที่พลัดพรากจากกันไปจนเธอท้อง ทำให้ทั้งคู่ถูกจับในข้อหาร่วมประเวณีกันในครอบครัวตัวเอง (Incest) ต่อมานาย Steven จะถูกประกันตัวออกมาในภายหลังด้วยวงเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 31 ล้านบาท โดยมีข้อแม้ว่าต้องเลิกติดต่อกับ Katie โดยเด็ดขาด และให้ส่ง Bennett ลูกชายวัย 7 เดือนที่เกิดมาจากเธอไปให้แม่ของ Steven เลี้ยงดู (อ่านข่าวเก่าได้ ที่นี่) สำนักข่าว BBC รายงานว่านาย Steven Pladl ได้ลงมือฆ่า Katie และพ่อบุญธรรมของเธอ ก่อนที่จะฆ่าลูกชายที่เกิดจาก Katie ในภายหลัง สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวเมืองเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านแม่แท้ๆ ของนาย Steven Pladl โดยเธอเป็นฝ่ายโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐนอร์ธแคโรไลนาด้วยตัวเอง เธอบอกว่านาย Steven โทรมาสารภาพกับเธอว่าเขาได้ลงมือฆ่า Katie Pladl และ Anthony Fusco วัย…
-
เล่นให้เด็กมันดู! คุณยายฟิลิปปินส์โชว์ชู๊ตบาสลงห่วงแบบต่อเนื่อง แทบไม่หลุดสักลูก
หลายครั้งที่คุณเห็นตู้บาสอาร์เคด มันก็ชวนให้คุณอยากลองไปหยอดสักเหรียญสองเหรียญเพื่อประลองฝีมือซะเหลือเกิน ซึ่งตู้บาสอาร์เคดเหล่านี้ก็ไม่ได้เล่นยากอะไร เพียงแค่คุณชู๊ตบาสให้ลงห่วงไปเรื่อยๆ ในเวลาที่กำหนด คุณก็จะได้เล่นมันต่อไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่เรามักจะแพ้เพราะทำเวลาไม่ทันนี่แหละ แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่ามีคุณยายคนนึงที่เล่นเกมนี้ได้เซียนอย่างกับจับวาง จนทำให้เด็กๆ หลายคนรู้สึกทึ่งที่ได้เห็นความพลิ้วของแก คุณยายคนนี้มีชื่อว่านาง Flordelizaa วัย 59 ปี จากประเทศฟิลิปปินส์ วันหนึ่งคุณยายได้ไปเล่นตู้บาสอาร์เคดแห่งหนึ่ง ในระหว่างนั้นคุณยายก็ชู๊ตเอาๆ จนแทบไม่มีลูกไหนเลยที่หลุดออกจากห่วง ทำให้คนที่อยู่แถวๆ นั้นต้องควักเอามือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอของแกเก็บไว้ จากคลิปวิดีโอจะเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งเล่นอยู่ในเครื่องข้างๆ คุณยาย แต่เมื่อเขาเห็นว่าคุณยายทำแต้มไปได้ 352 แต้มแล้ว เขาก็ค่อยๆ หลบฉากออกไปแล้วปล่อยให้คุณยายเฉิดฉายคนเดียว จากนั้นเสียงของคนที่อยู่หลังกล้องก็พูดขึ้นว่า “ผมเคยอยู่ในพื้นที่นั้นมาก่อน และคุณยายก็ทำให้ผมต้องหันไปดูแก ในรอบที่ 3 คุณยายได้คะแนนไป 352 คะแนน ผมดูแกอย่างมีความสุขมาก” ไม่มีพลาดสักลูก เล่นให้เด็กมันดู ชมความเฟี้ยวของคุณยายได้ที่นี่เลย ที่มา inspiremore
-
ยูทูบเบอร์ดักรอคนในป่าฆ่าตัวตายที่ญี่ปุ่น จนสามารถช่วยชีวิตคนคิดสั้นได้สำเร็จ
ชื่อเสียงของป่าฆ่าตัวตายหรือป่าอะโอะกิงะฮะระ ในประเทศญี่ปุ่นนั้นกลายเป็นชื่อที่โด่งดังไปทั่วโลกหลังจากที่ยูทูบเบอร์อย่าง Logan Paul เข้าไปถ่ายคลิปห่ามๆ ที่นั่น จนทำให้ชาวญี่ปุ่นและคนทั่วโลกก่นด่ากันมากมาย จากนั้นเป็นต้นมาได้มีการพยายามปรับภูมิทัศน์ของป่าแห่งนี้ และโปรโมตเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้คนอยากมาท่องเที่ยวมากกว่าฆ่าตัวตาย ล่าสุดมียูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่านาย Saito Taicho ได้เข้าไปในป่าอะโอะกิงะฮะระเพื่อถ่ายคลิปเช่นกัน แต่เขาก็ค่อนข้างกังวลว่าคลิปนี้จะถูกต่อว่าหรือเปล่า จึงเกิดความลังเลในใจ “บอกตรงๆ เลย ผมค่อนข้างรู้สึกขัดแย้งในตัวเองมากเกี่ยวกับว่า ผมควรจะอัปโหลดหรือไม่อัปโหลดคลิปวิดีโอนี้ลง Youtube ดี แต่ผมหวังว่ามันจะช่วยผู้คนที่ต้องรับมือกับความเจ็บปวดและความเศร้าทุกวัน เพื่อตระหนักว่าชีวิตของพวกเขามีค่า ผมเลยอัปโหลดมัน” Saito กล่าว จากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นว่านาย Saito กำลังยืนอยู่ตรงบริเวณจุดจอดรถบัส พร้อมกับถือป้ายที่มีข้อความว่า Free Hugs (กอดฟรี) เพื่อรอดูว่าจะมีใครที่มีท่าทีเป็นบุคคลที่มีอาการซึมเศร้าและมีโอกาสเดินเข้าป่าเพื่อฆ่าตัวตายหรือไม่? ถ้าเจอใครที่เข้าข่ายตามนี้เขาก็จะเดินเข้าไปหาคนๆ นั้นในป่า พูดคุยกับเขา พยายามโน้มน้าวให้เขาคนนั้นพิจารณาสิ่งที่จะทำใหม่อีกครั้ง Saito บอกว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากทำคลิปนี้ก็เพราะไปเห็นป้ายที่ถูกติดไว้ตามข้างทางในป่าอะโอะกิงะฮะระ ที่มีข้อความมากมายพยายามเตือนใจผู้คนที่คิดฆ่าตัวตายว่า ไม่ว่าความเศร้าเสียใจของพวกคุณจะมากขนาดไหน แต่ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งก็ยังเป็นสมบัติอันล้ำค่าอยู่ดี “ผมไม่ได้ทำเล่นๆ นะ” Saito กล่าวหลังจากที่ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งในการยืนรอที่ป้ายรถบัส จากนั้นไม่นานเขาสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากรถโดยที่ไม่ได้ถือกล้อง กระเป๋า หรือสิ่งใดๆ ติดตัวมาเลย แถมยังไม่ได้ใส่เสื้อสำหรับเดินป่ามาด้วย …
-
ส่องบ้านของมหาเศรษฐีอินเดีย สูงถึง 173 เมตร มีทั้งหมด 27 ชั้น ใช้คนดูแล 600 คน!?
สิ่งที่เรากำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ จะเรียกว่า “บ้าน” ก็กระไรอยู่ เพราะมันยิ่งใหญ่มโหฬารราวกับห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรมระดับ 5 ดาวยังไงยังงั้น แต่มันก็คือบ้านจริงๆ ของมหาเศรษฐีชาวอินเดียที่ชื่อว่า Mukesh Ambani จากข้อมูลของเว็บไซต์ Businessinsider ระบุว่านาย Mukesh Ambani เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศอินเดีย โดยทรัพย์สินของเขามีมูลค่าสูงถึง 22,300,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ย้อนกลับไปในปี 2012 นาย Mukesh ภรรยาและลูกๆ อีก 3 คนได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่แพงที่สุดในโลก โดยเขาตั้งชื่อให้มันว่า Antilia (ตั้งชื่อตามเกาะที่เป็นตำนานในมหาสมุทรแอตแลนติก) บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในนครมุมไบ ประเทศอินเดีย บ้านหรืออาคารหลังนี้มีความสูงอยู่ที่ 173 เมตร มีทั้งหมด 27 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 36,000 ตารางเมตร มีการประเมินราคาแล้วอยู่ที่ราวๆ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพประตูทางเข้าด้านหน้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นลิฟต์ ที่มีถึง 9 ตัว มีสระว่ายน้ำ โรงภาพยนตร์ขนาด 50 ที่นั่ง…
-
มหากาพย์ ‘แบมแบม GOT7’ จับใบแดง ตอนนี้แฟนๆ ตามลุ้น เพราะพี่เสื้อขาวข้างๆ รอดแล้ว
กลายเป็นที่พูดถึงในเฟซบุ๊กตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา สำหรับกรณีที่ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ แบมแบม GOT7 ที่เดินทางไปเข้ารับการเกณฑ์ทหารที่วัดออเงิน เขตสายไหม จนมีเหล่าแฟนคลับที่เรียกว่ากลุ่มอากาเซ่ ตามไปให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม ในระหว่างที่แบมแบมนั่งรอเพื่อจับใบดำใบแดง ก็มีชายหนุ่มหลายคนเข้าไปร่วมขอถ่ายรูปกับเจ้าตัวหลายคน และได้นำมาแชร์ลงในเฟซบุ๊กจนชาวเน็ตพากันแชร์กันเป็นหมื่นครั้งทีเดียว ในระหว่างที่รอการจับใบดำใบแดงนั้น แบมแบมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ที่ตัดสินใจจับ คือถ้าเกิดจะต้องไปจริงๆ ก็รีบไปรีบกลับดีกว่า ไม่ก็รีบจับให้เสร็จๆไปเลยดีกว่า มันคาใจ จะได้สบายใจ” ทั้งนี้ในโลกทวิตเตอร์ได้มีการตั้งแฮชแท็กที่ชื่อว่า #BamBamBlackcard เพื่อร่วมติดตามการรายงานผลกันอยู่เป็นระยะๆ แบบวินาทีต่อวินาที นอกจากนี้ในระหว่างที่นั่งรอวัดผล ได้มีชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวทราบภายหลังว่าชื่อเกม นั่งข้างๆ แบมแบมตลอดเวลา ในระหว่างนั้นได้มีการถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกัน จนเกิดเป็นภาพน่ารักๆ ให้ชาวเน็ตพากันเอาใจช่วยให้น้องเกมจับได้ใบดำไปด้วยเช่นกัน . . ด้านแฟนๆ ต่างประเทศเองก็ให้ความสนใจกับพ่อหนุ่มเสื้อขาวเช่นกัน (แม้ว่าจะรอดได้ใบดำไปแล้วก็ตาม) ถ้าแบมแบมและหนุ่มเสื้อขาวไม่ได้ใบดำ ฉันคงร้องไห้แน่ๆ หนุ่มเสื้อขาวที่นั่งข้างๆ แบมแบมชื่อเกม เขาจะรู้ตัวไหมน่ะว่าเขาดังมากในวันนี้ ฉันขอให้แบมแบมและหนุ่มเสื้อขาวได้ใบดำทั้งคู่นะ GOT7 จะกลายเป็น…
-
เที่ยวไหนก็ไปให้สุด รวม 18 ไอเดียถ่ายภาพแบบมันส์ๆ ให้ความทรงจำของคุณพิเศษกว่าเดิม
เวลาที่เราไปเที่ยว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ หรือคนที่ไปด้วยเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนภาพถ่ายมันก็ดูเหมือนๆ กันไปหมด จะเซลฟี่หรือยืนเรียงหน้ากระดานแบบทั่วๆ ไป มันเชยไปแล้ว เราก็เลยอยากเชิญชวนให้ทุกๆ คนมาถ่ายภาพในท่วงท่าที่ต่างออกไปบ้าง ถ่ายกันแบบแปลกๆ แบบมันส์ๆ เพื่อให้ความทรงจำของคุณดูสนุกทุกครั้งที่หยิบภาพนั้นขึ้นมาดู 1. ไปเลยเจ้ากระดานมนุษย์!! 2. มนุษย์โดนกิน 3. มุมมองก็ช่วยให้คุณดูตัวเล็กหรือใหญ่กว่าปกติได้ 4. ให้คุณกลายเป็นเจ้าหญิงบนปราสาททราย 5. จุ๊บๆ 6. โดดไปให้มนุษย์ยักษ์กิน 7. หากไปกันมากกว่า 3 คนขึ้นไป คุณก็สามารถครีเอตอะไรแบบนี้ได้ 8. แต่ถ้ามี 2 คน ก็ทำได้ 9. ใช้เงาให้เป็นประโยชน์ 10. นำเอาอุปกรณ์รอบๆ ตัวมาช่วยสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้นะ 11. หัวหาย 12.…
-
เกษตรกรรม 4.0 หนุ่มชาวไร่โชว์ภาพนั่งรถไถพร้อมเล่น Stardew Valley ไปด้วยแบบชิลๆ
เมื่อเราพูดถึงอาชีพเกษตรกรรม หลายคนคงนึกภาพแบบชาวไร่ชาวนา ที่หน้าดำคร่ำเครียดกับพืชผัก คงจะไม่มีใครนึกถึงเกษตรกรที่นั่งชิลๆ บนรถไถพร้อมกับเล่นเกมอ่านหนังสือแบบชิลๆ ทั้งวันแน่ๆ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเกษตรกรแบบที่เราพูดถึงมันมีจริงๆ นะ อย่างภาพที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ เป็นภาพระหว่างการทำงานของเกษตรกรคนหนึ่งในประเทศแคนาดา ที่นั่งอยู่บนรถแทรกเตอร์ พร้อมกับเล่นเกมปลูกผักอย่าง Stardew Valley ไปด้วย (นี่มันทำฟาร์มแบบ Inception เลยนะเนี่ย) ภาพนี้ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ Reddit เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2018 โดยผู้ใช้ที่ชื่อว่า ZoMgPwNaGe หรือชื่อจริงคือ Tim ที่ทำฟาร์มอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเล่าผ่านหน้าเว็บบอร์ดว่าฟาร์มของเขานั้นมีลูกจ้างเพียง 1 คนถ้วน ซึ่งงานส่วนใหญ่เขาก็เป็นคนทำเองทั้งหมด และยังมีการใช้สารเคมีต่างๆ ให้น้อยที่สุด หากใครสงสัยว่าทำไมเขาถึงเล่นเกมไปด้วยได้ระหว่างขับรถแทรกเตอร์ นั่นก็เพราะรถของเขามีระบบพวงมาลัยอัตโนมัติกับระบบ GPS ที่ทำให้เขาไม่ต้องจับมันตลอดเวลา และหากดูจากรูปก็คงจะเห็นพื้นที่สุดลูกหูลูกตาที่สามารถงีบหลับไปได้หลายทีเลย “ความเร็วโดยเฉลี่ยของผมน้อยกว่า 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ จริงๆ แล้วชาวไร่ทุกคนมีระบบพวงมาลัยอัตโนมัติอยู่แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีหนังสือไว้ฆ่าเวลาเบื่อๆ บ้างแหละ” Tim เขียนบอกไว้ในช่องคอมเมนต์ …
-
พบวาฬเกยตื้นบนหาดในสเปน ผ่าท้องพบเศษพลาสติกมากถึง 29 กิโลกรัม!?
ทุกครั้งที่มีการออกมารณรงค์ไม่ให้ทิ้งขยะลงในทะเล เรามักจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงมันใกล้มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก และมันทำให้สิ่งมีชีวิตในทะเลตายจากไปอย่างน่าสลดทีเดียว เว็บไซต์ Unilad ได้รายงานว่ามีวาฬสเปิร์มตัวหนึ่งขึ้นมาเกยตื้นที่แหลม Palos ประเทศสเปนเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่น่าสะพรึงก็คือ มีเศษพลาสติกอยู่ภายในท้องของมันมากถึง 29 กิโลกรัมเลยทีเดียว ตามข่าวบอกว่าภายในท้องของมันมีทั้งถุงพลาสติก เศษตาข่าย และกระป๋องเต็มไปหมด ด้านนาย El Valle นักชีววิทยาทางทะเล ได้วิเคราะห์ซากของปลาวาฬและสรุปว่าปลาวาฬเสียชีวิตจากพลาสติกที่ปิดกั้นระบบย่อยอาหารซึ่งไม่สามารถขับออกไปได้ ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่าวาฬค่อยๆ ติดเชื้อในช่องท้องจนทำให้มันตายในที่สุด การตายของวาฬตัวนี้ทำให้กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมเปิดตัวแคมเปญรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับสิ่งมีชีวิตทางทะเล จากการประเมินขององค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม Greenpeace พบว่าในแต่ละปีจะมีการทิ้งเศษพลาสติกลงในทะเลราวๆ 12.7 ล้านตัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาลจนทำให้สัตว์น้ำหลายล้านตัวต้องตายไปในแต่ละปี เศษพลาสติกที่ลอยในทะเล หากมีขนาดใหญ่ก็จะทำให้สัตว์สำลักจนตาย แต่หากมีชิ้นเล็กมันก็จะสะสมอยู่ในกระเพาะจนตายเช่นกัน แต่หากมันล่องลอยอยู่ในน้ำเป็นเวลานานแต่ยังไม่มีสัตว์ตัวไหนมากินมัน มันก็จะค่อยๆ ถูกน้ำทะเลกัดกร่อน และซึมซับเอาสารพิษเข้าไป และเมื่อเหล่าสัตว์น้ำมากินพลาสติกเหล่านั้นเข้าไปก็จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ได้ และมันก็จะแพร่มาสู่มนุษย์เมื่อเรากินมันเข้าไปเรื่อยๆ เริ่มเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันส่งผลกระทบกับเรายังไงบ้าง? ที่มา unilad
-
รู้จักลัทธิ Haring Bakal ในฟิลิปปินส์ ที่เชื่อว่าการกินอวัยวะมนุษย์ช่วยให้มีพลังเหนือมนุษย์
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ต้องใช้วิจารณญาณ] ว่ากันว่าในประเทศอย่างฟิลิปปินส์มีลัทธิสุดประหลาดอย่างการกิน “อวัยวะของมนุษย์” เพราะพวกเขามีความเชื่อกันว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังและเป็นยาอายุวัฒนะได้!? ลัทธินี้มีชื่อว่า Haring Bakal (หรือ Iron King) กลุ่มคนที่มารวมตัวกันนั้นมีความเชื่อว่าอวัยวะส่วนที่ยังหลงเหลือของมนุษย์ที่เสียชีวิตแล้วจะช่วยมอบพลังเหนือมนุษย์ให้กับพวกเขากินมันเข้าไป หรือหากอมไว้ในปากเฉยๆ ก็จะช่วยให้พวกเขาหายตัวได้ สมาชิกของลัทธิ Haring Bakal บอกว่าพวกเขาจะแอบไปขโมยเศษอวัยวะมนุษย์ตามสุสานต่างๆ หรือบางครั้งก็ซื้อมันมาอย่างผิดกฎหมาย จากภาพ มีบางช่วงที่สมาชิกของลัทธิโชว์ให้เห็นถึงกระดูกสะบ้าหัวเข่า โดยที่พวกเขาจะนำเอาไปฟอกสีก่อนแล้วจึงนำเอาไปแช่ในน้ำมันมะพร้าว Angelito ‘Rambo’ Oreta หนึ่งในสมาชิกของลัทธินี้บอกด้วยว่านอกจากพวกเขาจะเอามากินแล้ว พวกเขายังเอาอวัยวะต่างๆ มาทำเป็นเครื่องประดับแฟชั่นด้วย บางคนเอาทำเป็นเข็มขัดรอบเอว บางคนเอามาห้อยคอ แม้หลายๆ อย่างจะดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับคนทั่วไป แต่พวกเขาก็เชื่อว่าในอวัยวะต่างๆ จะมีดวงวิญญาณที่คอยปกป้องคุณหากมีการสวดอธิษฐานให้ ดวงวิญญาณเหล่านั้นก็จะปกป้องคุณและครอบครัวของคุณจากสิ่งอันตรายได้ ในทางกลับกัน หากไม่มีการสวดอธิษฐาน ดวงวิญญาณเหล่านั้นอาจจะหันกลับมาทำร้ายคุณเองก็ได้ ปัจจุบันกลุ่ม Haring Bakal มีสมาชิกรวมๆ กันแล้วกว่า 100 คน มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรวมอยู่ในนั้นด้วย ที่มา dailymail
-
สื่อญี่ปุ่นรายงาน Tsunenori Aoki นักแสดงจาก Kamen Rider ถูกจับเพราะจับหน้าอกสาว!?
เชื่อว่าฮีโร่ในวัยเด็กของใครหลายๆ คน ต้องมี “ไอ้มดแดง” รวมอยู่ในนั้นแน่ๆ เพราะพวกเขาคือฮีโร่ที่เป็นต้นแบบของความดี คอยผดุงความยุติธรรม แต่หากวันหนึ่งพวกเขาดันทำผิดซะเองล่ะจะเป็นยังไง? เว็บไซต์ Soranews24 ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตเซะตะงะยะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าจับกุมนักแสดงหนุ่มอย่างนาย Tsunenori Aoki วัย 30 ปี หลังได้รับแจ้งเหตุจากหญิงสาวว่าถูกนาย Aoki จับหน้าอกเข้า ตามรายงานบอกว่านาย Aoki นั้นนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งจนถึงเวลาราวๆ ตี 1 ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาแล้วจับหน้าอกของหญิงสาว 4 คน ภายในเวลาเพียง 30 นาที หลังจากถูกจับกุมนาย Aoki ได้กล่าวว่า “ผมมีงานยุ่งมากๆ และผมดื่มมากไปหน่อย” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หน้าที่การงานของเขาสะดุดอย่างจัง เพราะในเร็วๆ นี้เขากำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เตรียมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และจะเปิดให้ชมรอบสื่อในวันที่ 14 เมษายนนี้ ก็มีอันต้องยกเลิกไปก่อนเพราะข่าวของเขา Tsunenori Aoki นั้นเป็นนักแสดงที่แฟนๆ…
-
เฟซบุ๊กเตรียมออกฟีเจอร์ใหม่ Unsend ให้คุณลบข้อความได้ แม้จะส่งไปแล้วก็ตาม
คุณเคยไหม? ระหว่างที่แชตคุยกับอีกฝ่ายผ่านเฟซบุ๊ก อาจจะเป็นเพื่อน ครูบาอาจารย์ คนที่แอบชอบ หรือเจ้านาย คุณดันเผลอพิมพ์อะไรสักอย่างออกไป แล้วดันมารู้สึกเสียใจทีหลังว่า “ตูไม่น่ากดส่งไปเลยโว้ยยย!!” แม้จะมากดลบทีหลังก็ไม่ทันซะแล้ว และคุณก็ได้ทำลายความสัมพันธ์นั้นลงไปเป็นที่เรียบร้อย เรามีตัวอย่างสถานการณ์สมมติที่คนส่งข้อความอยากจะให้มีปุ่ม “ลบ” ณ เดี๋ยวนั้นเลย นี่ก็ด้วย แทบจะแทรกแผ่นดินหนี โอ๊ยยยยย กดลบทันไหม!! ถ้าคุณเคยเจ็บช้ำกับการส่งอะไรแบบนั้นออกไปล่ะก็ ตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้ เพราะมีข่าวออกมาว่าตอนนี้ทาง Facebook กำลังเตรียมที่จะปล่อยฟีเจอร์ใหม่ ที่ช่วยให้คุณกดลบข้อความที่ส่งไปแล้วได้ ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลย Facebook ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ว่าเตรียมที่จะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่างการกดลบข้อความที่ถูกส่งผ่านระบบข้อความ Messenger โดยฟีเจอร์ที่ว่านี้จะยังอยู่ในระหว่างการทดสอบและพัฒนา และจะพร้อมเปิดให้ใช้งานได้ในเดือนหน้านี้ ตัวแทนจาก Facebook ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง Business Insiders ว่า “เราได้มีการหารือเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้มาหลายครั้ง และผู้คนใช้ฟีเจอร์ Secret Message (การส่งข้อความลับ) ที่มีความสามารถในการลบข้อความโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เราจะขยายขอบเขตในการลบข้อความออกไปอีก มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยจนกว่ามันจะพร้อม” ในขณะเดียวกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้มีแหล่งข่าวกว่า 3…
-
สาวญี่ปุ่นโดนเชิญออกจากเวทีซูโม่ขณะช่วยชีวิตคน เพราะเป็นเวทีศักดิ์สิทธิ์ห้ามผู้หญิงเข้า?
แม้ว่าทุกวันนี้จะมีการเรียกร้องให้ชายหญิงมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายวัฒนธรรมในหลายประเทศ ที่ยังกีดกันเพศหญิงอยู่ เนื่องจากธรรมเนียมปฏิบัติหรือการสืบทอดบางอย่างมาตั้งแต่ครั้งอดีต ทำให้มีบางพื้นที่ที่ผู้หญิงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อยู่ อย่างกรณีล่าสุดที่เว็บไซต์ Newyorkpost ได้รายงานว่า สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบใช้ชื่อว่า とろんぼーん ได้โพสต์คลิปวิดีโอภาพเหตุการณ์ระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันซูโม่ในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีนาย Maizuru Mayor Ryozo Tatami นายกเทศมนตรีท้องถิ่น วัย 66 ปี ขึ้นมากล่าวเปิดงาน แต่ในระหว่างนั้นเองเขากลับมีภาวะตกเลือด และหมดสติลงไปบนเวที ทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่โดยรอบต้องรีบเข้ามาดูอาการของเขา ในตอนนั้นเองได้มีหญิงสาว 2 คนรีบขึ้นไปช่วยปั๊มหัวใจให้กับนายกเทศมนตรี แต่เมื่อคลิปวิดีโอดำเนินไปถึงนาทีที่ 0.45 กลับมีการประกาศออกเสียงตามสายเพื่อขอให้ผู้หญิงที่อยู่บนเวทีซูโม่เดินออกมา แม้ว่าพวกเธอจะพยายามช่วยชีวิตของนายกเทศมนตรีก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่ได้เดินออกมาในทันที ยังคงทำการช่วยปฐมพยาบาลอยู่อีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากบนเวทีซูโม่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อนุญาตให้หญิงสาวเข้าไปได้ และหลังจากเกิดการณ์ดังกล่าวขึ้น ได้มีการรายงานเพิ่มเติมจากสื่อท้องถิ่นว่าทางทีมงานผู้จัดการแข่งขันได้มีการนำเอาเกลือมาโรยบนเวที เนื่องจากพวกชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเกลือจะช่วยไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปได้ ไม่นานหลังจากที่คลิปเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เนื่องจากผู้คนในอินเทอร์เน็ตมองว่าการโรยเกลือไล่บนเวทีเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับผู้ที่พยายามจะช่วยชีวิตคนอื่นเอาไว้ “ชั้นคิดว่าเราควรจะโรยเกลือบนหัวของประธานสมาคมซูโม่มากกว่า” ข้อความหนึ่งจากทวิตเตอร์ ประธานสมาคมซูโม่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างนาย Hakkaku ต้องออกมากล่าวขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้น นาย Hakkaku กล่าวว่า “ผู้ตัดสินอยู่ในอารมณ์ไม่พอใจและได้ประกาศออกไปแบบนั้น แต่มันไม่เหมาะสมเลยที่จะโต้ตอบแบบนั้น เพราะสถานการณ์มันอาจอันตรายถึงชีวิตได้ เราขอโทษจากก้นบึ้งหัวใจ และต้องขอบคุณอย่างสุดซึ้งกับผู้หญิงที่เข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเขาด้วยครับ” หลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วเรียบร้อย…
-
หนุ่มแคนาดาลดน้ำหนัก 150 กิโลกรัม หลังต้องนั่งสองเก้าอี้บนเครื่องบิน แถมทำคนอื่นลำบาก
เชื่อว่าคนที่มีน้ำหนักเยอะๆ หลายคนคงอยากจะหันมาออกกลังกายควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักอยู่ไม่น้อย (หากใครที่พอใจอยู่แล้วก็ถือว่าโอเคนะ) แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคของการลดน้ำหนักก็คือแรงใจนี่แหละ ที่ยากจะเอาชนะ นาย Tony Bussey คุณพ่อลูกหนึ่งจากแคนาดา ก็เป็นคนที่ยังไม่สามารถเอาชนะใจเพื่อลดความอ้วนลงได้ แต่ชีวิตของเขาก็มาถึงจุดเปลี่ยน ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมปี 2016 เกิดเหตุไฟไหม้ป่ารุนแรงในเขต Fort McMurray รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ทำให้ผู้คนกว่า 88,000 คน ต้องอพยพออกจากเมืองด้วยวิธีต่างๆ เป็นการด่วน หนึ่งในนั้นคือการนั่งเครื่องบิน แต่ด้วยความที่ Tony เป็นคนอ้วนที่มีน้ำหนักมากถึง 257 กิโลกรัม ทำให้การเข้าไปนั่งในเก้าอี้บนเครื่องบินเป็นเรื่องยากลำบากมาก จนเจ้าหน้าที่ต้องเปิดเก้าอี้อีกตัวให้เขานั่ง เท่ากับว่าเขาใช้เก้าอี้ไป 2 ตัวด้วยคนๆ เดียว นอกจากนี้ร่างกายอันใหญ่โตของเขายังทำให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ขยับเขยื้อนได้ลำบากด้วย เมื่อต้องเห็นคนอื่นๆ ต้องมาลำบากเพราะความอ้วนของตัวเอง Tony เลยตัดสินใจลดความอ้วนทันทีหลังจากที่การอพยพครั้งนั้นผ่านพ้นไป เขาหยุดกินพวกไก่ทอดแล้วหันมากินผักแทน เขาเริ่มเดินและเพิ่มความระยะทางและระยะเวลาไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ 5 นาที 50 นาที ไปเรื่อยๆ “น้ำหนักของผมหายไป 147 กิโลกรัม…
-
โรงเรียนในฟลอริดาบังคับเด็กใช้กระเป๋าใส เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาพกอะไรมาโรงเรียนบ้าง?
เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา พวกเราน่าจะได้เห็นข่าวการกราดยิงภายในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 17 คน จากเหตุการณ์นั้นเองทำให้หน่วยงานรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียนต้องหาวิธีป้องกันและยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก ทางเจ้าหน้าที่จึงแก้ปัญหาด้วยการออกกฎให้นักเรียนทุกคนสะพายกระเป๋าแบบใส เพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นว่าภายในนั้นใส่อะไรไว้บ้าง . แต่เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป ทำให้เหล่าเด็กๆ มองว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก นักเรียนหลายคนจึงทวีตภาพและข้อความลงในทวิตเตอร์เพื่อระบายความรู้สึกของพวกเขา ว่านี่คือเป็นการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” เอามากๆ Cameron Kasky หนึ่งในนักเรียนของที่นี่ได้ทวีตว่า “เว้นแต่ว่าพวกเขา (นักเรียน) จะมีเสื้อกันกระสุน ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าปลอดภัยมากนักนะ” Emma Gonzalez “คนที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงดันเอาแต่เปลี่ยนสิ่งผิดๆ” Jack Macleod หนึ่งในชาวทวิตเตอร์บอกว่าเขาเชื่อว่าโรงเรียนมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่ตัวกระเป๋าดูจะทำไว้เพื่อความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริงๆ นอกจากนี้เด็กๆ หลายคนยังมองว่ากระเป๋าแบบใหม่นี้ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดระแวงและเต็มไปด้วยความไม่ปกติตลอดเวเลา ในขณะที่ Lauren Hogg นักเรียนและนักกิจกรรมออกมาแสดงความเห็นว่ากระเป๋าใบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำมาก “กระเป๋าใหม่ของฉันเกือบจะโปร่งใส ฉันรู้สึกปลอดภัยมากเท่าๆ กับที่ฉันรู้สึกขอบคุณความพยายามที่ประเทศของเราให้ความสำคัญกับปัญหาที่แท้จริง มากกว่าเปลี่ยนให้โรงเรียนของเรากลายเป็นเรือนจำ” …
-
ชาวมาเลเซียเดือดรายการ MasterChef หลังเชฟออกมาวิจารณ์เมนูท้องถิ่นว่า “มันควรจะกรอบสิ”
MasterChef ถือเป็นรายการอาหารรายการหนึ่งที่โด่งดังมากในไทย และต่างประเทศ เพราะมีรูปแบบการแข่งขันที่สนุกสนานโดยที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแข่งกันทำอาหารเมนูเดียวกันให้ออกมาดีที่สุดเพื่อให้คณะกรรมการชิมและผ่านเข้ารอบต่อๆ ไป อย่างในประเทศอังกฤษเองก็มีรายการ MasterChef เช่นกัน แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทางคณะกรรมการเองดันวิจารณ์อาหารท้องถิ่นอย่างเมนู Rendang (เรินดัง) ว่าควรจะมีความกรอบ (ทั้งๆ ที่มันควรจะนิ่ม) จนชาวมาเลเซียพากันวิจารณ์คณะกรรมการยกใหญ่ ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าเมนู Rendang นั้นเป็นเมนูท้องถิ่นของมาเลเซียเป็นแกงกะทิที่ใช้เนื้อวัว เนื้อแพะ หรือแกะในการปรุง (ใครนึกไม่ออกก็ให้นึกภาพแนวๆ ฉู่ฉี่หรือพะแนงบ้านเรา) มีต้นกำเนิดอยู่บริเวณทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา ปัจจุบันเมนูดังกล่าวได้รับความนิยมในหมู่ชาวมาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก ทีนี้ในรายการ MasterChef ของอังกฤษที่ออกฉายไปเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีผู้เข้าแข่งขันจากมาเลเซียที่ชื่อว่า Zaleha Kadir Olpin มาร่วมรายการด้วย และเธอเลือกทำเมนู Rendang ที่เป็นเมนูในวัยเด็กที่แม่ของเธอทำให้กิน โดยเธอเรียกมันว่า “รสชาติแห่งวัยเด็ก” Zaleha Kadir Olpin (คนกลาง) ผู้เข้าแข่งขันในรายการ หลังจากที่ Zaleha ทำเมนูนี้เสร็จแล้ว เธอได้เอาให้คณะกรรมการอย่าง John Torode และ Gregg Wallace…
-
นายกฯ แคนาดายืนยันไม่ซ่อมบ้านพักตัวเอง เนื่องจากเกรงใจภาษีของประชาชน
ในขณะมีบางประเทศพยายามนำเงินภาษีของประชาชนไปสร้างบ้านพักบนภูเขาสูง นำเงินไปซื้อเครื่องเก็บเงินอัตโนมัติบนรถเมล์ (ที่ใช้การไม่ได้) และอีกสารพัดการจับจ่าย อีกมุมหนึ่งของโลกกลับมีประเทศหนึ่งที่ไม่กล้านำเงินภาษีของประชาชนมาใช้จ่ายแม้แต่การซ่อมบ้านพักประจำตำแหน่งของตัวเอง ประเทศที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือประเทศแคนาดาที่มี Justin Trudeau เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และตามธรรมเนียมของแคนาดา ไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นนายกจะต้องย้ายไปอยู่บ้านพักประจำตำแหน่งอย่างบ้านเลขที่ 24 Sussex Drive ตั้งอยู่ในเมืองออตตาวา บ้านหลังนี้แต่เดิมมีชื่อว่า Gorffwysfa (กอร์ฟวิสฟา) ถูกสร้างโดย Joseph Merrill Currier เมื่อราวๆ ปี 1866 – 1868 มีห้องนอนทั้งหมด 34 ห้อง ต่อมาในปี 1950 ได้มีการเข้าไปซ่อมบำรุงเพื่อปรับปรุงให้กลายเป็นบ้านพักสำหรับนายกรัฐมนตรี มีการจดบันทึกไว้ว่าต้องใช้เงินกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐหรือราวๆ 15 ล้านบาทในการซ่อมบำรุงเลยทีเดียว จากนั้นในปี 1951 อาคารแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นบ้านพักสำหรับนายกรัฐมนตรีคนแรก นั่นก็หมายความว่าบ้านหลังนี้มีอายุอานามกว่า 150 ปีแล้วนั่นเอง ตัวอาคารนั้นถูกใช้เป็นบ้านพักเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีไว้เพื่อการว่าราชการ แต่หากมีการประท้วงใดๆ เกิดขึ้น ที่นี่ก็มักกลุ่มคนมาชุมนุมเป็นที่แรกๆ และด้วยความเก่าขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วัสดุก่อสร้างหรือสิ่งของตกแต่งภายในจะผุพังไปตามกาลเวลา และแม้จะอยากซ่อมแซมมันขนาดไหนก็ตาม แต่ Justin…
-
ห้างในจีนเสนอบริการสุดพิเศษ ให้คุณ “เช่าแฟนสาว” ไปเดินชอปด้วยได้เพลินๆ
เดี๋ยวนี้ธุรกิจแบบ Sharing Economy (เป็นแนวคิดสังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน) กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น Uber, Airbnb, Mobike และอีกมากมาย ล่าสุดเราไปเจอรูปแบบธุรกิจแนวๆ นี้มาจากประเทศจีน แต่สิ่งที่คุณจะไปใช้บริการมันไม่ใช้สถานที่หรือยานพาหนะ แต่เป็นคน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นในประเทศจีนได้รายงานว่าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง ได้เสนอบริการที่ชื่อว่า “Shareable Girlfriends” หรือแฟนสาวแบบแบ่งปัน เพื่อให้เหล่าลูกค้าที่มาชอปคนเดียวไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ตามรายงานบอกว่าภายในห้างนั้นได้นำเอาหญิงสาวมายืนเรียงรายกันในชุดสวยงามบนแท่นสีเหลือง โดยที่ด้านหลังของพวกเธอจะมี QR Code ให้ลูกค้าเอามือถือไปสแกนเพื่อ “เช่า” พวกเธอไปเดินเป็นเพื่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงมาก หากคุณพาพวกเธอไปเดินราวๆ 20 นาที ก็มีค่าใช้จ่ายเพียง 1 หยวน หรือราวๆ 5 บาทเท่านั้น แผนการตลอดนี้ไม่ได้ถูกใช้เป็นครั้งแรก เพราะเมื่อช่วงคริสต์มาสปีก่อน ก็ได้มีห้างสรรพสินค้าในมณฑลไห่หนานจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ชื่อ “Shareable Boyfriends” เพื่อตอบสนองนักชอปสาวขี้เหงาโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายที่บริการสุดแหวกนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร มีการตั้งข้อสังเกตจากชาวจีนในอินเตอร์เน็ตหลายคนมองว่าชายหนุ่มชาวจีนอาจจะรู้สึกเขินอายเกินไปที่จะ “เช่าหญิงสาว” ให้ไปเดินเป็นเพื่อน ทุกวันนี้ธุรกิจแบบ Sharing…
-
“Condom Snorting Challenge” เทรนด์ใหม่สุดหลอน เอาถุงยางเข้าจมูกแล้วดึงออกทางปาก
เทรนด์ใหม่สุดอันตรายที่ชื่อว่า Condom Snorting Challenge กำลังกลายเป็นที่นิยมอย่างในหมู่วัยรุ่นอเมริกันและชาวยูทูบเบอร์ในขณะนี้ อาจจะเพราะด้วยความพิเรนทร์และความตลกขบขันทำให้มันกลายเป็นที่ชื่นชอบ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบอกว่ามันอาจทำให้ถึงตายได้เลยทีเดียว ต้องเท้าความก่อนว่าในอดีตที่ผ่านมาในเทรนด์การทำกิจกรรมแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำท่าแพลงกิง การทำไอซ์บักเก็ต การกินมาม่าเผ็ด (ซึ่งไม่ใช่มาม่าด้วย) หรืออย่างล่าสุดคือการเอาคางไปเกยมือ ล่าสุดที่กลายเป็นเทรนด์ใหม่ก็คือการทำ Condom Snorting Challenge หรือการเอาถุงยางอนามัยยัดเข้าไปในรูจมูกแล้วพยายามไอเพื่อให้ถุงยางออกมาทางปาก ซึ่งเทรนด์ที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจนจางหายไปแล้ว แต่มันกลับมาอีกครั้งเพราะเหล่ายูทูบเบอร์หลายๆ รายเอากลับมาเล่นกัน ด้าน Bruce Lee ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins Bloomberg School of Public Health ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเทรนด์สุดประหลาดนี้ว่า “เมื่อไหร่ที่การใช้ถุงยางเป็นเรื่องเลวร้ายน่ะเหรอ ก็เมื่อตอนที่คุณพยายามสูดดมมันเข้าไปในจมูกแล้วดึงมันออกมาทางปากนั่นแหละ มันคุ้มค่าจริงๆ เหรอ แค่ได้คนกดไลก์และวิวเพิ่มขึ้น?” ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้คนหยุดการมีส่วนร่วมกับเทรนด์อันตรายนี้ การสูดถุงยางเข้าไปในจมูกส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของคุณ เพราะมันอาจทำให้คุณสำลักและถุงยางก็อาจจะเข้าไปติดอยู่ในหลอดลมจนทำให้คุณขาดอากาศหายใจได้ นอกจากนี้สารหล่อลื่นที่เคลือบถุงยางเอาไว้ยังอาจทำให้เยื่อบุชั้นในของจมูกเกิดอาการระคายเคืองได้ ทำให้เกิดอาการแพ้หรือติดเชื้อได้เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณเผลอกลืนมันลงไปก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหลายอย่างด้วย ย้อนกลับไปในปี 2016 มีรายงานว่าหญิงสาวชาวแคเมอรูนได้เผลอกลืนถุงยางเข้าไป ทำให้แพทย์ต้องผ่าตัดเอามันออกเพราะไปทำให้ไส้ติ่งอักเสบ ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังมีใครคิดอยากจะลองอีกล่ะก็ เราก็คงห้ามอะไรไม่ได้แล้วล่ะ…
-
เปิดตัว “ถุงเท้าเปลี่ยนช่องทีวี” เลื่อน สไลด์ กด ไม่ง้อรีโมต เหมาะกับคนขี้เกียจเป็นที่สู๊ดดด
หลายครั้งหลายคราที่คุณนอนเอกเขนกดูทีวีและกินขนมไปด้วย คุณคงจะรู้สึกว่าการหยิบรีโมตเพื่อเปลี่ยนทีวีคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ถนัดเอาเสียเลย เพราะมือของคุณเลอะขนมไปหมด ถ้าคุณมีปัญหานี้ล่ะก็เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้คุณดูทีวี เปลี่ยนช่อง เปลี่ยนรายการ เพิ่ม/ลดเสียง ได้อย่างอิสระโดยที่มือไม่ต้องละจากขนมขบเคี้ยวเลยแม้แต่วินาทีเดียว Roku ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ ซีรีส์และรายการต่างๆ ในอเมริกาได้เปิดตัวถุงเท้ารีโมต Roku Happy Streaming™ Socks ถุงเท้าที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ให้คุณสามารถเลื่อน สไลด์ กดทีวีได้ราวกับถุงมือของ Iron Man ยังไงยังงั้น คุณสมบัติคร่าวๆ ของเจ้าถุงเท้านี้ 1. เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว – เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวที่ให้คุณสามารถปัดหน้าจอได้ด้วยเท้าของคุณ – กระดกเท้าไปข้างหน้าคือการกด – ใช้ส้นเท้าในการคลิก – กระดิกเท้า เพื่อเข้าสู่เนื้อหาความบันเทิง 2. มีเทคโนโลยี Toe-toasting – กดลงไปที่ป้าย Roku บนถุงเท้า มันจะทำหน้าที่อุ่นเท้าให้กับคุณอย่างอ่อนโยน 3. มีระบบป้องกันการสูญหาย – หากคุณจำไม่ได้ว่าถอดถุงเท้าไว้ที่ไหน ให้เดินไปกดปุ่ม Sock Finder Button ที่กล่องของ Roku เท่านี้ถุงเท้าก็จะส่งสัญญาณปี๊บๆ…
-
เจ้าชายเบลเยียมถูกตัดเงินปี หลังติดต่อสถานทูตต่างประเทศโดยไม่ได้รับความเห็นชอบ
เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่าทางรัฐบาลประเทศเบลเยียมมีมติลงโทษตัดเงินปีของเจ้าชายเบลเยียม ต่อกรณีที่พระองค์ทรงติดต่อกับสถานทูตต่างประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ตามรายงานระบุว่าเจ้าชายโลรองต์ (Laurent) วัย 54 ปี ได้เสด็จไปเยือนยังสถานทูตจีนในกรุงบรัสเซลส์เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2017 เพื่อเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองการครบรอบ 90 ปี ในการตั้งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน โดยที่ไม่มีการอนุญาตทางรัฐบาลของประเทศเบลเยียม ซึ่งมาตรการการลงโทษของรัฐบาลเบลเยียมคือการตัดเงินปีของเจ้าชายโลรองต์ลง 15% จากเดิมที่เคยได้ปีละ 307,000 ยูโร หรือประมาณ 11.6 ล้านบาท กลายเป็น 260,950 ยูโร หรือประมาณ 9.9 ล้านบาท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าชายโลรองต์ละเมิดกฎเกณฑ์ของเบลเยียม เพราะก่อนหน้านี้พระองค์ทรงได้รับคำเตือนหลายครั้งแล้วเนื่องจากมีการติดต่อกับทูตต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือความเห็นชอบอยู่หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ในปี 2011 เจ้าชายโลรองต์ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เพื่อพบกับประธานาธิบดีโจเซฟ คาบีลา เป็นการส่วนตัว และในปี 2016 พระองค์ได้มีการติดต่อกับนายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีของศรีลังกา ในทำนองเดียวกัน ต่อมาในช่วงปลายปี 2017 ได้มีการยื่นเสนอจากรัฐมนตรีของเบลเยียมเพื่อให้ปรับลดเงินปีของเจ้าชายลง ทำให้เจ้าชายโลรองต์ต้องเขียนหนังสือคัดค้าน โดยเนื้อหาระบุว่าการเดินทางไปเยือนยังต่างประเทศนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายทางการทูตใดๆ …
-
ฤา Google จะเป็นผู้กุมความลับของคนทั้งโลก? ไปดูกันว่าพวกเขาได้ข้อมูลอะไรจากเราบ้าง?
ถ้าข่าวที่ว่ามีข้อมูลผู้ใช้ Facebook กว่า 50 ล้านชุดหลุดรั่วออกไปทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลแล้วล่ะก็ เราอยากบอกว่านั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือบริการไหนๆ พวกเขาก็มักจะคอยเก็บข้อมูลจากผู้ใช้ไปทั้งนั้น โดยเฉพาะเจ้าพ่อเสิร์ชเอนจินอย่าง Google ต้องบอกว่าข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ในมือนั้นละเอียดยิบราวกับว่าเขาคือคนสนิทของเราคนนึง ที่คอยตามติดเฝ้าดูชีวิตคุณอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล (อย่างกับสตอล์กเกอร์) เราลองมาไล่เรียงไปเป็นข้อๆ เลยดีกว่าว่าพวกเขารู้อะไรเกี่ยวกับเราบ้าง? Google รู้ว่าคุณไปไหนมาบ้างในแต่ละวัน Google จะคอยเก็บข้อมูลทุกๆ ที่ที่คุณไป (ในกรณีที่คุณเปิดระบบ GPS) พวกเขาจะบันทึกทุกๆ ข้อมูลการใช้และรู้ว่าคุณเคยไปที่ไหนมาบ้าง ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ ลองกดที่ลิงก์นี้ดูสิ google.com/maps/timeline แล้วคุณจะระลึกชาติได้ทันทีว่าเคยไปไหนมาบ้าง Google รู้ว่าคุณเคยค้นหาและลบอะไรบ้างในอินเตอร์เน็ต (ใช่ พวกหนังโป๊ก็ด้วย) Google เก็บข้อมูลการค้นหาบนอินเตอร์ทั้งบน PC รวมไปถึงอุปกรณ์พกพาต่างๆ และแม้ว่าคุณจะลบมันไปแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ได้ข้อมูลก่อนจะลบไปแล้วเรียบร้อย ถ้าอยากรู้ว่าคุณเคยค้นหาหรือกดลิงก์อะไรบ้าง ลองเข้าไปเช็กที่ลิงก์นี้ดูนะ myactivity.google.com/myactivity Google จะมีโฆษณาที่ตรงกับตัวตนของคุณ Google จะสร้างโฆษณาที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับตัวตนหรือความชอบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นถิ่นที่อยู่ เพศ อายุ กิจกรรมยามว่าง ความสนใจ ความสัมพันธ์บลาๆๆ ถ้าคุณอยากรู้ว่า Google คาดเดาสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง ลองกดลิงก์นี้ไปเลย adssettings.google.com/authenticated…
-
นี่คือ “ชุดล่าหมี” เมื่อราวๆ 200 กว่าปีก่อน ใครกล้าแหยมมีตัวพรุนแน่ๆ
ก่อนจะเล่าถึงบทความต่อไปนี้ เราอยากลองถามทุกๆ คนว่า “ถ้าให้นึกถึงชุดล่าสัตว์ พวกคุณจะจินตนาการว่ามันควรจะเป็นยังไง?” อาจจะใส่เสื้อกั๊ก เสื้อหนัง รองเท้าบูตและถือปืนยาวสักกระบอกใช่ไหม? คำตอบในยุคนี้มันก็คือใช่แหละ แต่ถ้าเรานั่งไทม์แมชชีนไปสัก 200 กว่าปีก่อน ชุดของพวกเขาจะแปลกประหลาดกว่านั้นเยอะ ภาพที่คุณเห็นต่อไปนี้เป็นภาพของชุด Siberian bear-hunting suit (แปลตรงๆ ก็ชุดล่าหมีของชาวไซบีเรียน) ในยุค 1800s ประกอบไปด้วยกางเกงขายาว เสื้อแขนยาว และหมวกเหล็ก ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมความยาว 1 นิ้ว เพื่อป้องกันเวลาที่ถูกหมีเข้าจู่โจม นักวิจารณ์จากสถาบัน Foundation of the American Institute ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับชุดล่าสัตว์สุดแปลกนี้ว่า “ผมสงสัยว่ามันจะเป็นชุดต่อสู้กับหมีมากกว่าที่จะเป็นชุดล่าหมีด้วยซ้ำ คือผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะมีใครที่วิ่งไปรอบๆ ป่าด้วยชุดแบบนั้น” ดูกันชัดๆ อีกที เจ้าชุดนี้แปลกประหลาดมากจนมีการนำเอาไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ The Menil Collection ในชื่องานว่า Witnesses to a Surrealist Vision อยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ใครสนใจหรือได้มีโอกาสไปเที่ยวแถวนั้นก็ลองแวะเวียนไปชมได้นะ…
-
จากการศึกษาพบว่า ภาพบน IG อาจช่วยให้เราทำนายได้ว่า ใครกำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า?
โรคซึมเศร้าดูจะเป็นโรคที่ถูกพูดถึงในสังคมวงกว้างไปแล้ว หลังจากแฝงตัวเงียบๆ มานานจนสังคมเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้แต่คนใกล้ตัวก็อาจจะป่วยเป็นโรคนี้มาตลอดโดยที่เราไม่รู้ เราจึงพยายามมองหาหนทางในการคาดเดาว่าใครบ้างที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้า? ด้วยเทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆ เราก็พอจะมีวิธีที่ทำให้คุณสามารถคาดเดาอาการซึมเศร้าจากปลายนิ้วของคุณได้นะ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2016 เว็บไซต์ newscientist.com ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยของนาย Andrew Reece จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ Chris Danforth จากมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ พวกเขาได้ทำการสำรวจสภาพจิตใจของผู้คนกว่า 166 คน จากนั้นก็นำภาพทั้งหมด 43,950 ภาพที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้โพสต์ลงในโลกออนไลน์มาประมวลผลแล้วสร้างอัลกอริทึ่มขึ้นมา เพื่อค้นหาคุณลักษณะที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า จากการสำรวจพบว่ากลุ่มคนที่มีอาการซึมเศร้านั้นจะมีการโพสต์ภาพที่มีโทนสีฟ้าๆ หรือทึมๆ หรือใช้ฟิลเตอร์แบบขาวดำ นอกจากนี้พวกเขายังชอบโพสต์ภาพใบหน้า แต่ในหนึ่งภาพจะมีใบหน้าคนน้อยกว่าคนปกติ Danforth กล่าวว่านี่อาจจะหมายถึงการเซลฟี่หน้าตัวเองบ่อยๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเน้นให้เห็นว่าตัวเองอยู่ในอาการซึมเศร้า (แต่ก็อย่าเหมารวมว่าคนเซลฟี่บ่อยๆ ทุกคนจะเป็นซึมเศร้านะ) หรืออีกความหมายก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนๆ น้อยลงนั่นเอง เจ้าตัวอัลกอริทึ่มตัวนี้ใช้คุณลักษณะที่ว่าในการทำนายว่าใครเป็นโรคซึมเศร้าได้ถูกต้องถึง 70% เลยทีเดียว ในขณะที่การตรวจสอบด้วยมนุษย์มีความถูกต้องแม่นยำอยู่ที่ 42% หากเรานำเอาเจ้าอัลกอริทึ่มตัวนี้มาประยุกต์ใช้ได้ก็หมายความว่าเราอาจช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที “มัน(อัลกอริทึ่ม)มีราคาไม่แพงมาก มันอาจจะกลายเป็นแอปฯบนมือถือของใครสักคนก็ได้” Danforth กล่าว อย่างไรก็ตามแพทย์เองอาจจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ยาก…
-
ว้ายตาเถร.. สาวผู้ไม่เคยรู้ตัว ว่าตัวเองเป็น “ผู้หญิง” จนกระทั่งอายุ 19 ปี ห๊ะ!?
นี่เป็นเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับ Lisa-Lee Dark หญิงสาวที่เข้าใจผิดมาตลอดว่าตัวเองคือผู้ชาย แต่วันหนึ่งเธอก็ได้พบความจริงว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมาตลอดนั้นมันไม่เป็นความจริง Lisa-Lee เล่าว่าเธอเกิดมาพร้อมกับสภาพร่างกายที่ทำให้แม้แต่หมอก็เข้าใจว่าเธอคือเด็กผู้ชาย “ตอนที่ฉันอยู่ในท้องแม่ ฉันมีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนมากกว่าปกติ ทำให้อวัยวะเพศหญิงของฉันดูเหมือนของผู้ชาย” ในวัยเด็กเธอถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งมาตลอด เนื่องจากมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ “เมื่อฉันโตขึ้น ฉันรู้สึกว่าอยากตาย” Lisa-Lee กล่าว เธอเล่าให้สื่อฟังว่าเธอโดนคนถุยน้ำลายใส่หน้าและรังแกสารพัด “ฉันรู้สึกว่าตัวเองแตกต่าง ฉันควรจะเป็นผู้ชายแต่ฉันดูอ่อนแอและดูเหมือนผู้หญิงมากกว่า ฉันค่อนข้างโดดเดี่ยวและเพื่อนคนเดียวของฉันคือผู้หญิง ฉันโดนคนอื่นๆ เรียกด้วยชื่อเกย์ๆ ตลอดเวลา แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่เท่ากับการที่ฉันโดนเตะและต่อยแบบรายวัน” ในตอนที่ Lisa-Lee อายุได้ 15 ปี เธอได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการ Congenital Adrenal Hyperplasia (CAH) เป็นกลุ่มอาการผิดปกติที่เกิดจากต่อมหมวกไต สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหญิงและชาย โดยผู้ป่วยจะขาดเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการทำงานของต่อมหมวกไตเพื่อนำไปผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล และอัลโดสเตอโรน (aldosterone) เมื่อไม่สามารถผลิตฮอร์โมนดังกล่าวได้ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแอนโดนเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) ออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้เด็กมีลักษณะของเพศชายปรากฏชัดเจนกว่า เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอเริ่มมีหน้าอกที่โตขึ้น เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นและมีลักษณะหลายๆ อย่างที่ใกล้เคียงกับผู้หญิง แต่ถึงอย่างงั้น Lisa-Lee…
-
สาว 18 ปี ถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ ได้เงินใช้สัปดาห์ละ 30,000 บาท ไปตลอดชีวิต!!
เราคงเคยเห็นข่าวผู้คนถูกหวยเป็นล้านๆ มาแล้วเป็นไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แต่ข่าวถูกหวยที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้มันกลับแตกต่างออกไป เพราะแทนที่ผู้ถูกรางวัลจะได้เงินเป็นก้อนเดียวแล้วจบ เธอกลับเลือกที่จะรับเงินเป็นก้อนเล็กๆ ไปเรื่อยติดต่อกันนาน 17 ปี Charlie Lagarde จากรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา เธอเล่าว่าเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมาเป็นวันเกิดของเธอ เธอเลยออกไปซื้อแชมเปญและลอตเตอรี่เพื่อเฉลิมฉลองกัน แต่ปรากฎว่าลอตเตอรี่ที่เธอซื้อมาเล่นๆ ดันถูก ทำให้เธอได้รับเงินรางวัลเป็นจำนวน 780,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 24,300,000 บาท แต่เธอมีทางเลือกว่าจะรับเงินทั้งก้อนแบบรวดเดียวเลย หรือว่ารับแค่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ หรือราวๆ 31,000 บาท ไปตลอดชีวิต นั่นทำให้เธอเริ่มคิดหนักจนต้องไปปรึกษากับที่ปรึกษาทางด้านการเงิน จากนั้นเธอก็ตัดสินใจเลือกแบบหลังมากกว่า เพราะไม่ต้องเสียภาษีด้วย Patrice Lavoie ตัวแทนจากบริษัทลอตเตอรี่กล่าวว่า “นั่นคือลอตเตอรี่ใบแรกของเธอเลย และเธอก็ดันถูกรางวัล” Charlie ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าหลังจากนี้เธอจะนำเงินรางวัลที่ได้ไปใช้จ่ายในด้านการศึกษา “ฉันอยากจะเรียนถ่ายภาพ หนึ่งในความฝันของฉันคือการได้ทำงานกับ National Geographic ค่ะ” ที่มา bbc, abc.net.au
-
ศิลปินอังกฤษสร้างหุ่นคล้ายคน 84 ตัว ไว้บนขอบตึก เพื่อกระตุ้นให้เห็นปัญหาการฆ่าตัวตาย
ปัญหาการฆ่าตัวตายนั้นเป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในประเทศที่มีการแข่งขันสูงยิ่งมีให้พบเห็นได้บ่อยขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปัญหาปัจเจกบุคคลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน่วยงานของรัฐเองก็ควรจะมีการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ อย่างในประเทศอังกฤษเองมีการรายงานว่าอัตตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายที่นั่นโดยเฉลี่ยแล้วสูงถึง 84 คนต่อสัปดาห์เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ศิลปินอย่าง Mark Jenkins จึงได้ออกแบบรูปปั้นคน 84 ตัวตามจำนวนของคนที่ฆ่าตัวตายต่อสัปดาห์ พร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าให้มีความคล้ายกับคนจริงๆ มากที่สุด แล้วนำไปติดตั้งไว้บนขอบตึก ITV studio ในกรุงลอนดอน เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนและหน่วยงานของรัฐเห็นว่ามีชายชาวอังกฤษฆ่าตัวตายมากแค่ไหนในหนึ่งสัปดาห์ ตามรายงานขององค์กรอารกุศลที่มีชื่อว่า CALM (The Campaign Against Living Miserably) บอกว่าการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในกลุ่มชายอังกฤษที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี CALM เป็นหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้ป่วย ผู้ที่มีปัญหาความเครียดและเข้าไปช่วยเหลือแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอีกด้วย และยังกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐเข้าไปมีส่วนร่วมในเชิงรุกกับการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย ถึงแม้ตัวเลขการฆ่าตัวตายของชายชาวอังกฤษจะสูงขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่มีรัฐมนตรีคนไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเสนอแนะแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อให้เสียงของพวกเขาดังยิ่งขึ้น องค์กรการกุศล CALM จึงได้ร่วมจัดตั้งแคมเปญผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อล่ารายชื่อสนับสนุนให้มีมาตรการป้องกันภัยเงียบอย่างการฆ่าตัวตายและมีการแสดงความรับผิดจากรัฐมนตรีของอังกฤษ . . . .…
-
เจ้าม้าแคระผู้น่าสงสาร พลัดตกลงในท่อและติดอยู่นานถึง 4 วัน ซนซะจริงๆ เชียว
ด้วยความไร้เดียงสาของสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆ บนโลก ก็ทำให้บางครั้งมันก็แสดงท่าทางตลกๆ ออกมาจนทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกขำขันตามๆ กันไป แต่ในอีกทางหนึ่งความไม่ประสีประสาของมัน ก็อาจจะทำให้มันต้องเจ็บตัวหรือว่าตกอยู่ในอันตรายได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับเจ้าม้าตัวน้อยตัวนี้ที่ทำให้ตัวเองต้องมาเสี่ยงชีวิต จากการที่มันเดินเพลินจนพลัดตกไปอยู่ก้นของบ่อน้ำทิ้ง แต่ก็ยังโชคดีที่มีผู้คนไปพบเข้า และสามารถช่วยเหลือมันออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากมันต้องไปนอนหมกอยู่ในนั้นนานถึง 4 วัน เจ้าม้าน้อยมาให้พี่ช่วยซะดีๆ นะ โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นที่เขตปกครองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อมีม้าแคระพันธุ์เชตแลนด์ชื่อว่า Maple ได้หายไปจากฟาร์มของมันเป็นเวลาถึง 4 วัน การหายไปของมันในครั้งนี้ ทำให้ทางเจ้าของกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป จึงได้ออกสืบเสาะหาว่ามันหายไปไหนหรือใครเอามันไป ซึ่งหลังจากออกค้นหาถึง 4 วันในที่สุด Jay Jenkinson ก็สามารถหาสาเหตุที่มันหายไปได้ เพราะเธอดันไปได้ยินเสียงมันร้องออกมาจากหลุมแห่งหนึ่งที่มีความลึกถึง 2.7 เมตร ไม่เหลือความน่ารักเลย ดูมันทำสิ เมื่อได้พบเจอมันแล้ว Jay ก็ได้ขอความช่วยเหลือจากตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็มาสมทบในการช่วยเหลือมันขึ้นมา และในที่สุดแล้วทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวขึ้นมาได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ สิ่งที่ติดตัวมันออกมามีเพียงแต่คราบความสกปรกเพียงเท่านั้น เจ้าของคนนี้ได้กล่าวเอาไว้ว่า ความคิดตอนแรกของเขานั้นนอกจากคิดว่ามันจะถูกขโมยไปแล้ว เขายังคิดเผื่อเอาไว้ว่าบางทีมันอาจจะวิ่งหนีออกไปจากฟาร์มก็อาจเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ั ทำหน้าที่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีการรังเกียจแต่อย่างใด …
-
ชายใกล้ตาย ประกาศหาบ้านใหม่ให้สุนัขของเขา ชาวเน็ตช่วยกันคนละไม้ละมืออย่างเต็มที่
คนเราทุกคนเกิดมาย่อมต้องจากโลกนี้ไปในที่สุด ยิ่งเมื่อรู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ ยิ่งต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดและจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะเสียชีวิตไป สำหรับชายแก่คนนี้สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดไม่ใช่ตัวเขาเองหรือทรัพย์สินเงินทอง เขาเพียงต้องการให้แน่ใจว่าถ้าเขาตายไปแล้ว สุนัขแสนรักจะมีคนที่ใส่ใจคอยดูแลมัน เขาจึงโพสต์ขอความช่วยเหลือทางเฟซบุ๊กให้ชาวเน็ตช่วยหาบ้านให้เจ้าหมา และความช่วยเหลือที่เขาได้รับมันก็เกินกว่าที่คาดไว้มากเลย Walter Hollier ชายเจ้าของสุนัข ชายชราเจ้าของสุนัขชื่อว่า Walter Hollier เขาอาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเจ้า Doc และ Diego สุนัข 2 ตัวอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงา ส่วนภรรยาของเขาเพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งเต้านมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คำขอสุดท้ายก่อนตายของเธอก็คือช่วยดูแลเจ้าหมาที่บ้านแทนเธอด้วย ทว่าเมื่อเดือนมิถุนายน 2017 แพทย์ตรวจพบว่าเขาเองก็เป็นโรคมะเร็งตับระยะที่ 4 เขาคาดการณ์ว่า Hollier จะมีเวลาเหลืออยู่เพียงแค่ 3-6 เดือนเท่านั้น โชคดีที่ชายแก่แรงกายและแรงใจดีมากพอจะต่อสู้กับโรคนี้ เขาจึงยังมีชีวิตอยู่แม้จะพ้นระยะเวลาที่หมอคาดคะเนเอาไว้แล้ว แต่เขาก็ทราบดีว่าตัวเองอาจจะตายไปเมื่อไหร่ก็ได้ เขาจึงอยากให้แน่ใจว่าเจ้าหมาทั้ง 2 ตัวจะมีคนดูแลอย่างดีเมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ญาติของเขารับปากว่าจะดูแลเจ้า Doc ที่แก่กว่าให้ดีที่สุด ดังนั้นตอนนี้เขาเลยอยากให้แน่ใจว่า Diego จะมีเจ้าของที่ดีเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า “สวัสดี ผมชื่อ…
-
พยาบาลนางฟ้าบริจาคน้ำนมให้แก่ลูกชายที่แม่ป่วยเป็นมะเร็ง จนไม่สามารถให้นมเองได้
อาหารที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กแรกเกิดที่สุดก็คือ ‘น้ำนมของแม่’ เพราะว่าเป็นอาหารสำหรับเด็กที่มีสารอาหารต่างๆ ที่เด็กแรกเกิดต้องการอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นการสร้างสายใยความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ว่าด้วยโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง ก็ทำให้คุณแม่บางคนไม่สามารถที่จะให้นมแก่ลูกของตัวเองได้ เช่นเดียวกับคุณแม่คนนี้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ก็เหมือนฟ้าประทานให้เจอได้พบกับพยาบาลใจดี ที่ยอมบริจาคน้ำนมของตัวเธอเองเพื่อให้ลูกน้อยของผู้ป่วยคนนี้ ได้มีโอกาสกินนมเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เค้า!! นางฟ้าผู้บริจาคน้ำนม (คนซ้ายมือ) เรื่องราวดีๆ นี้เกิดขึ้นที่รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีนางฟ้าใจดีชื่อว่า Jaclyn Kenney พยาบาลที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์การแพทย์เนแบรสกา ตัดสินใจบริจาคน้ำนมมากกว่า 1,000 ออนซ์ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งชื่อว่า Ashley Chesnut กับลูกชายวัย 5 เดือนของเธอชื่อว่า Easton สำหรับ Chesnut ผู้เป็นแม่วัย 30 ปีนั้น เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้เธอเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถให้นมแก่ลูกชายได้ ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้เธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างระหว่างที่ให้นมลูกคนนี้ เพราะว่าเธอมีอาการเจ็บปวดที่อกอย่างมากราวกับมีอะไรมาแทงเลยก็ว่าได้ Easton เด็กน้อยวัย 5 เดือนแสนน่ารัก “มันเจ็บเหมือนกับถูกรถไฟชนเลย มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทง ในตอนนั้นฉันไม่สามารถขยับตัว ไม่สามารถหายใจหรือพูดคุยใดๆ ได้เลย” Chesnut กล่าว หลังจากพบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Non-Hodgkin ทางทีมแพทย์บอกกับเธอว่า เธอจะต้องหยุดการให้นมบุตรเพื่อเริ่มต้นการรักษาได้แล้ว “การให้นมแก่ลูกเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับฉันมาก ฉันรักทุกวินาทีที่ได้ใช้อยู่กับลูกของฉัน…
-
ไอรอนแมนรัสเซีย สร้างชุด Exo พร้อมปืนเก็บเสียง ไม่มีและไม่หนีพร้อมสู้คนทวงหนี้สุดใจ
ทุกคนน่าจะรู้จักซูเปอร์ฮีโร่เกราะเหล็ก ไอรอนแมน จากค่าย Marvel กันดี เขาเป็นวิศกรที่สร้างชุดเกราะล้ำยุคสุดแข็งแกร่งขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับศัตรูของเขา ในโลกแห่งความเป็นจริงเองก็มีชายคนหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า ไอรอนแมนแห่งรัสเซีย เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้สู้กับวายร้ายที่คิดจะทำลายโลกเหมือนในภาพยนตร์หรอกนะ เขาทำชุดเกราะขึ้นเพื่อต่อสู้กับคนทวงหนี้ต่างหาก Anton Maltsev ผู้ได้รับฉายา ไอรอนแมนแห่งรัสเซีย ชายหนุ่มคนนี้ชื่อ Anton Maltsev เขาเป็นอดีตหน่วยรบพิเศษของประเทศรัสเซียที่เข้าร่วมสงครามในประเทศ Kosovo มาแล้ว เมื่อปี 2016 เขาก็กลายเป็นข่าวดังเนื่องจากเขาเปลี่ยนอพาร์ทเม้นต์ในเมืองมอสโกให้กลายเป็นฐานที่มั่นติดกับดักแน่นหนา จนต้องใช้ทหารบุกเข้าไปเลยทีเดียว เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ Maltsev กู้เงินมาจากธนาคาร Rosbank แต่ไม่สามารถจ่ายหนี้มูลค่า 118,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 ล้านบาท) คืนได้ ต่อมาคนทวงหนี้จากธนาคารจึงเข้ามาทวงหนี้เขา แม้ว่าตอนแรกพวกเขาจะทำแค่ข่มขู่ด้วยคำพูดเท่านั้น แต่ไม่นานนักพวกเขาก็เริ่มใช้กำลังข่มขู่อดีตทหารคนนี้ ทั้งแอบดักรออยู่บริเวณใกล้อพาร์ทเมนต์ และก็เอากาวมาฉีดอุดรูกุญแจห้องเขาด้วย อดีตทหารหนุ่มเล่าว่า “วันหนึ่งผมก็หมดความอดทนกับพวกคนทวงหนี้ เพราะพวกเขาใช้ความรุนแรงด้วยการทำลายตู้ไปรษณีย์ของผม … ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก ผมก็เลยให้ภรรยาย้ายไปอยู่ที่อื่น ส่วนผมก็เริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้อพาร์ทเมนต์เพื่อรับมือกับพวกเขา” คนทวงหนี้พยายามบุกเข้าไปในอพาร์ทเมนต์ของเขาแต่โดนกับดักสเปรย์พริกไทยเข้าเต็มๆ และแม้จะใช้ค้อนใหญ่ทุบประตูห้องแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใดเพราะเขาใช้เหล็กจากฐานกำลังมาเสริมประตูไว้ จึงต้องเรียกให้ทหารผู้เชี่ยวชาญด้านการปลดระเบิดบุกเข้าไปแทน พอเข้าไปในห้องก็พบว่ามีกับดักเส้นลวดถูกติดตั้งไว้เต็มไปหมด พร้อมทั้งมีอาวุธปืนหลายชนิด…
-
ทหารแต่งงาน ณ West Point ความเท่าเทียมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเพศอะไรมันก็คือความรัก
ในขณะนี้โลกของเรากำลังหมุนไปเรื่อยๆ การรักร่วมเพศจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป และในบางพื้นที่ การจัดงานแต่งงานก็ถือเป็นการประกาศชัยชนะที่พวกเขาเฝ้ารอคอยมาเป็นเวลานานเช่นกัน นี่เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องของทหาร LGBT 2 นายในสหรัฐ ที่แต่งงานกันในโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งว่ากันว่านี่อาจเป็นงานแต่งงานของกลุ่ม LGBT ครั้งแรกที่มีการจัดขี้นภายในโรงเรียนเตรียมทหารเลยก็ว่าได้ ทหาร 2 นายที่เราพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Daniel Hall วัย 30 ปี และ Vincent Franchino วัย 26 ปี พวกเขาเล่าว่าพบกันครั้งแรกระหว่างออกปฏิบัติภารกิจในปี 2009 ในช่วงแรกพวกเขาต้องอดทนกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะเนื่องจากเป็นความรักร่วมเพศจึงถูกสั่งห้ามแสดงออกทั้งคำพูดและความรู้สึกใดๆ ให้คนอื่นเห็น และยังต้องกังวลกับสายตาจากคนรอบข้างอีก สาเหตุที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเรื่องต้องห้ามในค่ายทหารก็เป็นเพราะคำสั่งของ Bill Clinton ที่เคยออกกฎห้ามมีการรักร่วมเพศไว้ในปี 1993 “พวกเราทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่ถูกสั่ง พวกเราเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทหารเรือที่สมบูรณ์แบบ เพื่อโกหกความรู้สึกจริงๆ ของพวกเรา” Daniel กล่าวเชิงตัดพ้อ …
-
วัตถุสวรรค์!? ชาวอินเดียพบก้อนหินประหลาดหล่นจากฟ้า แต่จริงๆ แล้วเป็น “อึ” จากเครื่องบิน
กลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ประเทศอินเดียมาก เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีข่าวว่ามีก้อนหินประหลาดร่วงลงมาจากท้องฟ้าตกลงในหมู่บ้าน จนชาวบ้านเชื่อว่านี่อาจเป็น “วัตถุแปลกปลอมจากนอกโลก” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Fazilpur Badli ทางตอนเหนือของประเทศอินเดียเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยวัตถุประหลาดที่ว่านี้มีลักษณะคล้ายก้อนน้ำแข็ง มีน้ำหนักราวๆ 10-12 กิโลกรัม แต่หลังจากคำเล่าลือของชาวบ้านกลับไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่นำเอาวัตถุประหลาดนี้ไปตรวจสอบ กลับพบว่ามันคือ “ของเสีย” จากเครื่องบิน หรืออีกนัยหนึ่งคืออึนั่นเอง เจ้าหน้าที่จากกรมอุตุนิยมวิทยาในประเทศอินเดียได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วพบว่าจากแนวการตกและสิ่งต่างๆ ในวัตุประหลาดชิ้นนี้ไม่ใช่หินจากนอกโลกหรือสะเก็ดอุกาบาตอย่างแน่นอน มีการสันนิษฐานว่ามันอาจจะหลุดรั่วออกมาจากเครื่องบินขณะบินผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ เนื่องจากถังกักเก็บของเสียภายในเครื่องมีปริมาณมากเกินกว่าที่ตัวเครื่องจะเก็บไว้ได้นั่นเอง โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ในสนามบินจะมีการถ่ายเทของเสียบนเครื่องไปทิ้งทุกครั้งหลังจากที่เครื่องลงจอด แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินระหว่างประเทศก็ยอมรับว่าการรั่วไหลอาจจะเกิดขึ้นได้บ้างระหว่างการบิน เจ้าหน้าที่อาวุโสอย่าง Vivek Kalia ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง BBC “มันมีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ มันมีขนาดใหญ่มาก ผู้คนแตกตื่นและวิ่งหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชาวบ้านบางคนบอกว่ามันคือวัตถุจากนอกโลก บางคนคิดว่ามันคือหินจากสรวงสวรรค์ หนำซ้ำผมยังได้ยินว่าบางคนเก็บกลับบ้านไปด้วย” ตามรายงานของนิตยสาร Times ในประเทศอินเดียบอกว่าชาวบ้านบางคนนำเอาเศษก้อนน้ำแข็งที่ว่านี้ใส่กระเป๋าแล้วเอากลับไปแช่ในตู้เย็นที่บ้าน ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2016 ก็เคยมีข่าวว่าหญิงสาวชาวอินเดียรายหนึ่งถูกก้อนน้ำแข็งตกทะลุหลังคาลงมาใส่บริเวณไหล่ของเธอจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสืบทราบในภายหลังว่าเป็นของเสียจากเครื่องบิน ต่อมาในธันวาคมปี 2016 ทางการอินเดียจึงออกกฎเพื่อคุมเข้มไม่ให้มีการปล่อยของเสียออกมาระหว่างทำการบินอยู่ หากสายการบินไหนฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับตามความเหมาะสม…
-
จากภาพ “เด็กชายผู้ฝ่าหิมะไปเรียน” ล่าสุดมีคนใจดีมอบเงินเพื่อให้ไปทัศนศึกษาในปักกิ่งด้วย
เมื่อราวๆ เดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา ได้มีภาพๆ หนึ่งถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง เป็นภาพของเด็กชายชาวจีนที่ชื่อ Wang Fuman วัย 8 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในมณฑล Zhaotong เขต Yunnan เขาต้องฝ่าอากาศอันหนาวเย็น -8 องศาเพื่อไปโรงเรียนประถม Zhuanshanbao Primary School ที่อยู่บนเขาที่ห่างจากบ้านไปราวๆ 4.5 กิโลเมตร แต่เนื่องจากอากาศอันหนาวเย็นสุดขั้ว ทำให้เส้นผมของเขาและขนตาของเขามีแต่เกล็ดหิมะเกาะเต็มไปหมด คุณครูจึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพของเขาไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กและกลายเป็นภาพไวรัลที่มีผู้คนแชร์กันออกไปอย่างรวดเร็วจนได้รับฉายา “Ice Boy” จากความโด่งดังของเขาทำให้เด็กชาย Wang ถูกสื่อหลายแห่งเชิญไปสัมภาษณ์ เด็กชาย Wang บอกว่าเมื่อโตขึ้น เขาอยากจะเป็นตำรวจเพื่อจะได้จับคนร้าย และปณิธานในปีใหม่นี้ เขาตั้งใจจะเรียนหนังสือให้มากขึ้นและหาเงินมาเพื่อรักษาคุณยายที่ป่วยของเขา เด็กชาย Wang บอกว่าเขาเองไม่เคยทิ้งบ้านแล้วเดินทางไปไหนเลย เขาอาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆ กับน้องสาวและคุณยาย ส่วนแม่ได้ทิ้งครอบครัวไปครอบครัวใหม่ และพ่อต้องไปทำงานในต่างถิ่น จะได้กลับบ้านเพียงปีละครั้งหรือสองเท่านั้น แต่เขาก็หวังว่าสักวันจะได้ไปปักกิ่ง เพราะจะได้รู้ว่าเด็กๆ ที่นั่นเขาเรียนหนังสือกันยังไง และเพราะความโด่งดังของภาพนั้น มันได้ช่วยเปลี่ยนให้ชีวิตของเขาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อของเด็กชายได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งและถูกเสนอให้ทำงานใกล้ๆ กับบ้านของตัวเอง แถมทั้งครอบครัวยังได้รับเงินบริจาคกว่า…
-
ลูกจิงโจ้กำพร้าไม่มีแม่ให้อ้อน เลยเข้าไปนอนอยู่ในเสื้อของตำรวจ เดินตามต้อยๆ เลย
ไม่ว่าจะลูกคนหรือลูกสัตว์ ต่างก็ต้องการคนดูแลเอาใจใส่เหมือนกันนะ แต่กับสัตว์น้อยๆ บางตัวช่างน่าสงสารเหลือเกิน เพราะพวกมันมีโอกาสพลักพรากกับพ่อแม่ของมันสูงงกว่ามนุษย์ซะอีก แต่ถึงแม้จะกลายเป็นสัตว์กำพร้า แต่ก็ยังมีมนุษย์ใจดีบางคนให้ความช่วยเหลือมันอยู่นะ เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า มีลูกจิงโจ้กำพร้าวัย 4 เดือนตัวหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย ได้รับการอุปถัมภ์เลี้ยงดูโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ Scott Mason ในแถบตะวันตกของออสเตรเลีย และตั้งชื่อให้มันว่าเจ้า Cuejo สาเหตุที่เจ้า Cuejo ต้องกลายเป็นจิงโจ้กำพร้าก็เพราะว่าระหว่างที่มันกำลังซุกอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่มัน จู่ๆ ก็มีกระกระบะพุ่งมาชนแม่ของมันอย่างจัง ทำให้แม่ของมันตายทันที แต่โชคดีที่มันสามารถรอดมาได้ เจ้าหน้าที่ Mason ซึ่งเคยเป็นอดีตหน่วยพยาบาลมาก่อน จึงอาสาเข้าไปประถมพยาบาลและดูแลมันเอง แต่เนื่องจากธรรมชาติของลูกจิงโจ้มักจะได้รับการปกป้องจากแม่ของมันโดยการเข้าไปนอนอยู่ในกระเป๋าหน้าท้อง ทำให้เจ้า Cuejo ไม่สามารถเข้าไปนอนในกระเป๋าหน้าท้องของใครได้เลย มันเลยกระโดดเข้าไปซุกอยู่ในเสื้อของเจ้าหน้าที่ Mason ซะอย่างงั้น เจ้าหน้าที่ Mason พูดถึงอาการของเจ้าจิงโจ้น้อยว่า “เจ้าจิงโจ้ต้องการกินอาหารทุกๆ 3 ชั่วโมง มันเลยกลายเป็นเหมือนลูกของผมเลย มันดูผอมแห้งมาก แต่เราก็ทำเท่าที่เราจะทำได้” ชมคลิปน่ารักๆ ของเจ้าจิงโจ้ได้ที่ด้านล่างเลย คุณตำรวจหล่อด้วย ใจดีด้วย…
-
สาวไปหาหมอเพราะโดนทำร้ายที่ไนท์คลับ แต่กลายเป็นว่านี่แหละ คนที่ทำร้ายเธอคืนนั้น!?
เมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวคนหนึ่งในประเทศรัสเซียถูกทำร้ายร่างกายในผับที่เธอไปเที่ยวมา หลังจากนั้นเธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาบาดแผล แต่กลับพบว่าหมอที่จะรักษาเธอดันเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ทำร้ายเธอที่ผับ และเธอก็ถูกทำร้ายในห้องตรวจอีกครั้ง หญิงสาววัยประมาณ 20 ปีที่ถูกทำร้ายมีชื่อว่า Anastasia Dmitrieva ในตอนแรกนั้นเธอไปเที่ยวผับตามปกติ แต่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับชายคนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ เธอจึงไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมือง Neryungri ประเทศรัสเซีย เพื่อรักษาบาดแผล Vladimir Naumov หมอที่ทำร้ายหญิงสาวในข่าว เธอคิดเอาไว้ว่าหลังจากรักษาแผลที่โรงพยาบาลแล้ว ก็จะได้นำหลักฐานที่ถูกทำร้ายร่างกายไปยื่นเรื่องที่สถานีตำรวจ เพื่อเอาเรื่องที่ถูกทำร้ายได้ ทว่าเมื่อเธอเข้าไปในห้องตรวจแล้ว เธอก็ได้พบ Vladimir Naumov หมอชายที่บังเอิญเป็นคนที่ทำร้ายเธอในผับนั่นเอง พอเขาเห็นหน้าเธอก็รู้สึกโกรธและทำร้ายเธอในห้องตรวจอีกครั้ง ในระหว่างนี้เองเพื่อนของหญิงสาวก็ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วยพอดี ในคลิปวิดีโอหมอหนุ่มพูดกับหญิงสาวว่า “พยานทุกคนที่อยู่ในผับบอกได้หมดแหละว่าคุณเป็นคนทำร้ายผมก่อน” จากนั้นเขาจึงข่มขู่เธอว่าหากเธอฟ้องร้องเขาเธอจะต้องเข้าคุกแน่นอน คลิปวิดีโอ (หากดูไม่ได้กรุณาคลิก ที่นี่ ) หมอหนุ่มบอกว่าที่เขาทำร้ายเธอในผับ เป็นเพราะเขาเห็นว่าพวกเธอรุมทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เขาที่เห็นเหตุการณ์อยู่ข้างๆ จึงพยายามเข้าไปช่วย โดยบอกว่า “ผมไม่สามารถทนดูพฤติกรรมแบบนี้ได้หรอก ผู้ชายคนไหนเห็นก็คงพยายามเข้าไปห้ามทั้งนั้นแหละ” ส่วนเรื่องที่เขาทำร้ายเธอที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งนั้น เขาทำไปเพราะความโมโหที่เจอเธออีกครั้ง ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายหญิงสาวด้วยเหตุผลส่วนตัวเลย อย่างไรก็ตามหัวหน้าใหญ่ของหมอหนุ่มก็ไล่เขาออกจากงานทันทีที่ทราบเรือง เนื่องจากเขาทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับวิชาชีพ หมอหนุ่มยังคงท้วงว่า “ตอนนั้นพวกเธอตั้งใจยั่วยุผมให้โมโห พวกเธอจะได้ถ่ายคลิปเอาไปฟ้องผมได้” นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า “ผมทำงานที่นี่มาหนึ่งปีครึ่ง…
-
หญิงสาวพบโน้ตประหลาด บอกว่ามีคนหันปืนมาทางเธอ เพื่อปล้นเงิน สุดท้ายแกล้งชักจนรอดมาได้
จะเกิดอะไรขึ้นหากมีมือปริศนาส่งกระดาษมาบอกคุณว่าคุณกำลังโดนปืนจ่ออยู่ ไม่แน่นะว่าการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้นอาจเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เลยทีเดียว Julie Dragland เป็นหญิงสาววัย 32 ปี ผู้อาศัยอยู่ในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธ์ให้แก่ SEGA Networks และมีงานอดิเรกดูหนังอาชญากรรมในเวลาว่าง แน่นอนว่าการดูหนังพวกนั้นอาจจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากการฆ่าเวลาหลังการทำงานและคลายความเครียดเท่านั้น Julie ก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน จนกระทั้งวันหนึ่งในเดือน กันยายน 2017 ที่เธอต้องพบกับเหตุการณ์อันน่าหวาดกลัวที่เธออาจจะเคยเห็นแค่จากในโทรทัศน์ ในวันเสาร์เวลา 5 โมงเย็น Julie กำลังนั่งอยู่ในรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนไปยัง Dublin ซึ่งเป็นเมืองท่าฝั่งตะวันออก ด้วยความที่เป็นวันหยุดตัวรถจึงโล่งกว่าปกติแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนก็ตาม ทั้งตู้รถไฟนั้นมีเพียง Julie และผู้โดยสารอื่นๆ อีกเพียง 15 คน โชคร้ายที่ว่าหนึ่งในนั้นขึ้นรถไฟมาด้วยความประสงค์ร้าย ในตอนที่ตัวรถผ่านเมืองซานฟรานซิสโกนั่นเองกล้องของรถไฟจับภาพผู้หญิงผมสีสตรอว์เบอรี่ บลอนด์เดินมานั่งด้านหลัง Julie และแอบทิ้งโน๊ตให้แก่ Julie และเมื่อ Julie หยิบมันขึ้นมาอ่านเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น สิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษนั้นบอกว่า “มีปืนสองกระบอกเล็งอยู่ที่คุณ ถ้าหากยังอยากมีชีวิตให้ส่งมือถือและกระเป๋าสตางค์มาข้างหลัง ห้ามมองมาข้างหลังและอยู่ในความสงบ จากนั้นห้ามหันกลับมาจนกว่าจะออกไปจากศูนย์ประชาสังคม” ด้วยหมึกสีแดง …
-
H&M ออกมาขอโทษ หลังถูกวิจารณ์ข้อความไม่เหมาะสมบนเสื้อ สื่อไปในทาง “เหยียดเชื้อชาติ”
H&M แบรนด์เสื้อผ้าที่มีร้านค้าอยู่มากมายทั่วโลกได้ออกมาขอโทษผู้บริโภค หลังจากบริษัทได้โฆษณาเสื้อฮู้ดที่มีสโลแกนที่อาจสื่อถึงการเหยียดสีผิวได้ และยืนยันว่าจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีก เสื้อฮู้ดสีเขียวที่มีสโลแกนว่า ‘Coolest Monkey in the Jungle’ (ลิงที่เจ๋งที่สุดในป่า) ก่อนหน้านี้ทาง H&M ได้ทำเสื้อฮู้ดสีเขียวแบบใหม่ออกมา ตรงกลางอกของเสื้อพิมพ์ข้อความว่า Coolest Monkey in the Jungle และใช้เด็กผิวสีคนหนึ่งเป็นนายแบบของเสื้อตัวนี้ จากนั้นจึงได้นำภาพมาโฆษณาบนเว็บไซต์หลักของบริษัท แม้ว่าดูผ่านๆ อาจจะไม่มีอะไร แต่สโลแกนบนเสื้อ ประกอบกับลักษณะของนายแบบ ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเข้าใจว่า H&M กำลังเหยียดคนสีผิวอยู่ โดยเปรียบเทียบว่าพวกเขาเป็นเพียงลิงที่ไร้อารยธรรมเท่านั้น หลังจากเสื้อตัวนี้ถูกโฆษณาบนเว็บไซต์หลัก ชาวเน็ตก็แสดงปฎิกิริยาต่อต้านเรื่องนี้กันจำนวนมากเลยทีเดียว ในจำนวนนั้นก็รวมถึงคนดังหลายคนด้วย ทวีตจาก Models of Diversity Models of Diversity องค์กรที่ส่งเสริมความเท่าเทียมและความหลากหลายในมนุษย์เอง ก็ได้ออกมาทวีตถึง H&M ว่า “H&M ในประเทศอังกฤษให้เด็กผิวสีคนหนึ่งเป็นนายแบบให้เสื้อฮู้ด ‘Coolest Monkey in the Jungle’…
-
เด็กชายไร้บ้านใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์ฯ มาตลอด น้ำตาซึมเมื่อได้เห็นเตียงของตัวเองเป็นครั้งแรก
สำหรับใครหลายคน เตียงนอนอาจจะเป็นเพียงอุปกรณ์สามัญที่มีกันอยู่ในทุกบ้าน และอาจจะละเลยความสำคัญของมันไป แต่สำหรับเด็กบางคนแล้วการได้มีเตียงนอนเป็นของตัวเอง เป็นเสมือนพรจากสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ที่อาจสร้างความสุขให้แก่เขาจนถึงขั้นน้ำตาซึมได้เลยทีเดียว นี่คือเรื่องราวของเด็กชายวัย 8 ปีชื่อว่า Daeyrs และ Dionna แม่ของเขา จากเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดของชีวิตของเขาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือคนไร้บ้าน เนื่องมาจากแม่ของเขาที่ในอดีตเคยเป็นพยาบาลฝึกหัดเกิดตกงานขึ้นมา จึงทำให้สูญเสียบ้านไปในที่สุด หนูน้อยกับห้องใหม่ของเขา แต่ก็เหมือนกับมีพรจากสวรรค์ส่งมาให้ถึงแม่ลูกคู่นี้ เมื่อทั้งคู่ได้รับบ้านหลังหนึ่งจากทางการรัฐมิชิแกน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน รวมถึงเตียงนอนที่ Daeyrs อยากได้ที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตลอดทั้งชีวิตของเขาที่ผ่านมา ไม่เคยมีเตียงนอนเป็นของตัวเองเลยแม้แต่เตียงเดียว และต้องนอนบนพื้นมาโดยตลอด โดยสิ่งของติดตัวที่ทั้งคู่ได้นำเข้าไปในบ้านใหม่ที่ได้รับมานั้น ก็มีเพียงแค่ ที่นอนแบบเป่าลมพร้อมกับเก้าอี้อีกเพียงแค่ 2-3 ตัวเพียงเท่านั้น นั่นจึงทำให้นักสงคมสงเคราะห์ได้ยื่นมาเข้ามาช่วยเหลือแม่ลูกคู่นี้ โดยพวกเขาได้ส่งเรื่องต่อไปยัง Humble Design ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือผู้คนยากไร้ต่างๆ ให้ช่วยเหลือครอบครัวนี้หน่อย ทึ่งไปเลยทีเดียว ตกแต่งจนกลายเป็นบ้านสุดหรูหรา และองค์กรนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง พวกเขาได้ช่วยตกแต่งห้องนอนใหม่ให้กับหนูน้อย Daeyrs แบบจัดเต็ม ที่ไม่เพียงมีแต่เตียงนอนนุ่มๆ ที่เขาอยากได้เพียงเท่านั้น เพราะว่ามันยังเต็มไปด้วยของเล่นรวมถึง อุปกรณ์ต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากที่รอคอยให้หนูน้อยคนนี้ได้เข้ามาเป็นเจ้าของ และแล้วนาทีแห่งความตื้นตันใจก็มาถึงในวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อหนูน้อยคนนี้ได้เข้ามายังบ้านใหม่ของเขา ที่ได้รับการตกแต่งอย่างจัดเต็ม โดยมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นานารวมถึงไฟสวยงามต่างๆ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่รอคอยเขาอยู่นั่นก็คือห้องนอนห้องใหม่ของเขานั่นเอง…
-
เด็กผู้ลี้ภัยไปยืนหน้าฟิตเนสทุกวัน เพราะอยากลดน้ำหนัก เจ้าของยิมเลยมอบ “บัตรสมาชิกตลอดชีพ” ให้
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ คือสิ่งที่ช่วยให้สังคมน่าอยู่ขึ้น… คนบางคนนั้นขาดโอกาสในชีวิตหลายอย่าง เนื่องจากมีฐานะยากจน จึงไม่สามารถเข้าถึงบริการบางอย่างในสมัยนี้ ที่ต้องใช้เงินมากได้ แต่ถ้าเราเห็นถึงความเดือดร้อนนั้น แล้วยื่นมือให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ล่ะก็ เราจะทำให้คนขาดโอกาสคนหนึ่ง มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ไม่ยากนัก Muhammet Halit เด็กชายผู้จ้องมองยิมอยู่ทุกวัน ยิมแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี ชนะใจคนจำนวนมาก เมื่อเจ้าของยิมช่วยเหลือเด็กชายคนหนึ่งที่จ้องมองเข้ามาในยิมอยู่ทุกวัน โดยการออกบัตรสมาชิกตลอดชีพให้กับเขาฟรีๆ เด็กชายที่อยู่ในภาพชื่อว่า Muhammet Halit อายุ 12 ปี เป็นผู้อพยพชาวซีเรียที่มีอาชีพเป็นคนขัดรองเท้า เขามักจะจ้องมองเข้ามาในยิมจากทางกระจกด้านนอกเสมอ สายตาของเขานั้นบ่งบอกว่าอยากจะเข้าไปออกกำลังกายมาก แต่คงเพราะมีรายได้ไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถเข้าไปใช้บริการได้ ภาพที่เขาสวมรองเท้าแตะและสะพายอุปกรณ์ขัดรองเท้า ยืนจ้องมองอยู่ภายนอกยิมนั้น กลายเป็นกระแสไวรัลบนอินเตอร์เน็ต เจ้าของยิมแห่งนั้นเองก็ผ่านไปเห็นภาพนั้นด้วยเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจหยิบยื่นโอกาสให้กับหนุ่มน้อย ให้เขาสามารถเข้ามาใช้ยิมได้ตลอดเวลา เจ้าของยิมถ่ายรูปกับเด็กชาย หลังมอบบัตรสมาชิกตลอดชีพให้ เจ้าของยิมให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Hurriyet News ว่า “ผมเห็นเด็กคนนี้มองผ่านกระจกของยิมเข้ามา เขาสวมรองเท้าแตะแม้ว่าจะเข้าหน้าหนาวแล้ว และยังสะพายกระเป๋าไว้ด้วย” “ผมมีความตั้งใจว่าจะให้บัตรสมาชิกตลอดชีพของยิมนี้กับเขา แล้วเราก็ทำมันสำเร็จ ตอนนี้เขาเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของยิมเราแล้ว” เมื่อหนุ่มน้อยได้รับบัตรสมาชิกแล้วก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ต้องจ้องมองอุปกรณ์ออกกำลังกายพวกนั้นอีกต่อไป หลังจากนี้เขาก็เข้ามาเล่นมันได้จริงๆ แล้ว…
-
ปี 2018 จีนวางแผนปลูกป่าเพิ่ม 41 ล้านไร่ เนื้อที่เท่า “ภาคใต้ของไทย” เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ อีกทั้งยังมีการพัฒนาทางด้านต่างๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ในตอนนี้ประเทศจีนได้ก้าวมาเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งของโลก ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างมากมาย ทว่าในเรื่องสภาพอากาศในประเทศจีนนั้นต้องถือว่าเลวร้ายเลยทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีข่าวเรื่องวิกฤตหมอกควันเกิดขึ้น ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนไปยังประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในเมืองต่างๆ แต่ในตอนนี้ประเทศจีน ก็ได้ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป โดยพวกเขาได้วางแผนว่าจะปลูกป่าแห่งใหม่ขึ้นในปี 2018 นี้โดยมันจะปกคลุมพื้นที่กว่า 41 ล้านไร่ ซึ่งจะมีขนาดเกือบเท่ากับประเทศเกาหลีใต้ หรือนับเป็นพื้นที่ราว 1 ใน 6 ของประเทศไทยเลยทีเดียว การเคลื่อนไหวล่าสุดของประเทศจีนนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะสลัดภาพเมืองแห่งมลพิษทิ้งไป และคาดหวังเอาไว้ว่าจะกลายมาเป็นประเทศผู้นำโลกในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม แทนที่ประเทศสหรัฐ ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ เลือกที่จะถอดถอนประเทศสหรัฐอมเริกา ออกจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศกรุงปารีสเมื่อปีที่แล้ว โดยทางกรมจัดการป่าไม้ของประเทศจีน ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนป่าไม้ภายในประเทศให้มีมากถึง 23 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด ให้ได้ภายในปี 2020 ซึ่งตัวเลขในปัจจุบันอยู่ที่ 21.7 เปอร์เซ็นต์จากพื้นที่ทั้งหมด และในปี 2035 ก็จะพยายามทำให้พื้นที่ป่าไม้ครอบคลุมถึง 26 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด จากคำบอกกล่าวของ Zhang Jianlong หัวหน้ากรมจัดการป่าไม้ของประเทศจีน ในปี 2014 ที่ผ่านมานั้น เมืองต่างๆ ในประเทศจีนถูกมองว่าเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษทางอากาศเรื้อรังมาโดยตลอด เนื่องมาจากการขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3…
-
ตำรวจโพสต์ภาพ “อาหารเช้า” เพื่อสนับสนุนชาวไร่ท้องถิ่น แต่กลับถูกกลุ่มมังสวิรัติถล่ม
คนแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน เรื่องอาหารก็เหมือนกัน บางคนนั้นชอบกินเนื้อสัตว์ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งก็นิยมที่จะกินพืชผัก ซึ่งถือเป็นเรื่องรสนิยมของแต่ละบุคคล ทว่าในบางครั้ง เราก็ไม่ได้คิดว่าการโพสต์รูปอาหารจานปกติของเรา จะไปกระทบกระทั่งกับความรู้สึกของผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งเข้า และเกิดข้อโต้แย้งกันขึ้น รูปอาหารมื้อเช้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโพสต์ The North Wales Rural Crime เป็นกลุ่มตำรวจซึ่งปฎิบัติหน้าที่อยู่ในประเทศเวลส์ พวกเขามักจะใช้โซเชียลมีเดียเพื่อกระตุ้นให้ประชาชน ให้ตระหนักถึงการคุกคามในท้องถิ่นอยู่เสมอ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2017 พวกเขาก็ได้โพสต์ภาพอาหารเช้าที่ประกอบไปด้วยไส้กรอกทอด ถั่วต้ม ไข้ดาว เบค่อน และขนมปังปิ้งลงในทวิตเตอร์ เพื่อสนับสนุนให้คนอุดหนุน กลุ่มเกษตรกรที่ใช้ชื่อว่า Farmers’ Union of Wales (FUW) ทานอาหารเช้ากันอย่างสุขสันต์!! แต่ก็มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่ไม่พอใจพวกเขาเข้ามาคอมเมนต์ด้วยเช่นกัน เธอใช้ชื่อว่า Diana ซึ่งเธอน่าจะเป็นชาวมังสวิรัติคนหนึ่ง เธอโพสต์ว่า “ในฐานะที่เป็นคนจ่ายภาษี ฉันอยากให้พวกเขาไม่เลือกตอบคำถาม และก็ไม่ควรโพสต์รูปอาหารเช้าแบบนี้ด้วย เพราะมันเหยียดหยามกลุ่มมังสวิรัติและผู้ติดตามที่เป็นมังสวิรัติ โพสต์มาแบบไม่ใส่ใจเลย ไม่สมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน” เธอคงจะไม่พอใจที่ภาพอาหารเช้าที่กลุ่มตำรวจโพสต์สนับสนุนนั้นมีเพียงเนื้อสัตว์ ซึ่งไม่เอื้ออะไรถึงกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติเลย คอมเมนต์ของผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า Diana …
-
คู่รักเกย์ต่างวัย 79 และ 24 ปี ถึงขั้นทุ่มใจซื้อห้อง 4 ล้านให้ แต่ได้ปุ๊บเลิกปั๊บ จนคุณตาหมดตัว!?
ในปัจจุบันหลายๆ ประเทศอนุญาตให้คู่รักร่วมเพศแต่งงานกันได้แล้ว จึงมีคู่รักชายรักชายหลายคู่ที่ก่อนหน้านี้แต่งงานกันไม่ได้ ออกมาจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุข อย่างไรก็ถาม ถึงแม้ว่าจะแต่งงานกันได้แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า การจะแต่งงานกันนั้นควรจะดูกันให้ดีด้วย เพราะหากว่าเราคบกันแล้วแต่งงานกันแบบปุบปับแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคู่รักเพศไหนก็อาจจะมีปัญหาความร้าวฉานตามมาในภายหลังได้ เหมือนคู่รักชายรักชายต่างวัยคู่หนึ่งที่กำลังจะพูดถึงนี้ ซึ่งแต่งงานกันได้เพียง 5 เดือนเท่านั้นก็ทะเลาะจนรุนแรงจนต้องแยกกันอยู่ Florin Marin และ Rev Philip Clements Rev Philip Clements อายุ 79 ปีอาศัยอยู่ในเขตเคนต์ ประเทศอังกฤษ เขาเคยเป็นนักบวชมาก่อน จึงไม่เคยเปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเองตอนที่ทำหน้าที่นักบวชอยู่เลย แต่พอเมื่อเขาเกษียณจากการทำงานแล้ว เขาจึงเปิดเผยว่าเขาเองก็เป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ เขาได้พูดคุยกับ Florin Marin นายแบบชาวโรมาเนียอายุ 24 ปี ผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ และรู้สึกชอบพอกันและกัน และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พวกเขาจึงได้แต่งงานและอยู่ร่วมกันฉันท์คู่สามีภรรยา พอได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว Clements ก็เลยมีความคิดที่จะขายบ้านที่ตัวเองเคยอยู่ เพื่อเอาเงินนั้นไปซื้อแฟลตใหม่เพื่ออยู่กับแฟนหนุ่ม ดังนั้นเขาจึงขายบ้านไปในราคาประมาณ 200,000 ปอนด์ (ประมาณเกือบ 10 ล้านบาท) และย้ายไปซื้อแฟลตในกรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนียแทน…
-
โรงแรมบังเอิญได้กำแพงน้ำแข็งสุดสวยมาประดับ เพราะท่อน้ำรั่วแล้วอากาศก็เย๊นนเย็น
ในหน้าหนาวแบบนี้ พวกเราก็หวังจะได้เห็นหิมะหรือถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งละลานตา แต่ในเมื่อเราอาศัยอยู่ในแถบเมืองร้อน อย่างดีเราก็คงจะได้เห็นแค่ทะเลหมอกหรือว่าแม่คะนิ้งนี่แหละนะ แต่ว่าโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศจีนที่ตั้งอยู่ในเขตที่ไม่มีหิมะ กลับมีกำแพงหิมะปกคลุมยาวตั้งแต่ช่วงบนของโรงแรม และยาวลงมาถึงฐานเลยทีเดียว เหมือนมีแค่บริเวณโรมแรมเท่านั้นที่เป็นเขตเมืองหนาว น่าเหลือเชื่อจริงๆ อ้าวเฮ้ย มีน้ำแข็งแบบนี้ได้ยังไง โดยกำแพงน้ำแข็งของโรงแรมนี้ เกิดจากท่อน้ำรั่วจากบริเวณด้านบนของโรงแรม ถึงแม้ว่าปกติจะไม่มีหิมะ แต่อากาศในบริเวณนั้นก็เย็นพอสมควร เมื่อน้ำรั่วลงมาเยอะๆ จึงเยือกแข็งกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งขนาดมหึมาแบบนี้ กลายเป็นว่าโรงแรมแห่งนี้เป็นเขตหน้าหนาวเพียงแห่งเดียวในแถบนั้นไปซะอย่างนั้น คนที่เดินผ่านไปมาก็หยุดดูกันเป็นจำนวนมาก และมีคนเข้าไปเล่นหิมะในนั้นด้วยนะ รู้สึกเป็นเอลซ่ามากเลยค่ะ กำแพงน้ำแข็งนี้ก็ไม่ใช่กำแพงเตี้ยๆ เอาไว้แค่เพียงถ่ายรูปได้บรรยากาศแต่อย่างใด ถ้านับความสูงของกำแพงน้ำแข็งนี้จากยอดลงมาถึงพื้นแล้ว มันมีความสูงกว่า 10 เมตรทีเดียว ดูแล้วยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน ใหญ่เกิ๊น นอกจากกำแพงน้ำแข็งนี้แล้ว ต้นไม้ที่อยู่ใต้โรงแรมนี้ก็กลายเป็นน้ำแข็งด้วยเช่นกัน เสริมสร้างบรรยากาศหน้าหนาวในเมืองนอกได้ดีสุดๆ ไปเลย บอกได้เลยว่า ความบังเอิญน้ำรั่วครั้งนี้ได้สร้างสีสันให้โรงแรมแบบไม่มีใครซ้ำเลยล่ะ ต้นไม้ยังแข็งไปด้วยเลย บรู๊ววว คลิปวิดีโอรายงานข่าวจาก China Xinhua News เห็นแล้วอย่าได้ลอกเลียนแบบเชียวนะ ถ้าทำในประเทศไทย คงไม่ได้กำแพงน้ำแข็งหรอก ที่มา: China Xinhua…
-
ซิงเกิลมัมบังเอิญถ่ายภาพเจ้าชายอังกฤษทั้งสองและชายาได้อย่างงดงาม จนใครก็ขอซื้อ
การถ่ายรูปไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เราจะต้องทำการจัดมุมกล้อง ลองดูว่าแสงเหมาะสมต่อการถ่ายรูปไหม ต้องจัดตำแหน่งองค์ประกอบให้นายแบบนางแบบ แล้วหาจังหวะจับภาพในขณะที่ทุกคนดูดี ถ้าไม่ใช่มืออาชีพละก็กว่าจะถ่ายได้รูปสวยๆ สักรูปหนึ่งคงเหนื่อยกันน่าดูเลย แต่ก็มีหญิงคนโชคดีคนหนึ่ง บังเอิญถ่ายรูปของเชื้อพระวงศ์ออกมาได้สวยงามมากๆ ทั้งที่ไม่มีการจัดฉากหรือนัดแนะใดๆ ดูเป็นธรรมชาติมากเลย รูปของเธอจึงเป็นที่อิจฉาของตากล้องและสื่อมากมายทีเดียว รูปของเจ้าชายวิลเลี่ยมและแคเธอริน ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และเจ้าชายแฮรี่กับเมแกน มาร์เคิล แคเรน แอนวิล คุณแม่อายุ 39 ปี อาศัยอยู่ใน Watlington เขต Norfolk ประเทศอังกฤษ เธอเป็นคนที่บังเอิญถ่ายรูปของ ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และ เจ้าชายแฮรี่ กับ เมแกน มาร์เคิล ออกมาได้อย่างสวยงามแบบไม่น่าเชื่อ ในรูปถ่ายนั้นเชื้อพระวงศ์ทั้งสี่คนกำลังเยี่ยมเยียนประชาชนในโอกาสเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสประจำปีอยู่ โดยพวกเขาเดินเคียงข้างกันอย่างพร้อมเพรียง และก็ประจวบเหมาะว่าพวกเขาหันมายิ้มให้กับกล้องของแคเรนกันทุกคน เธอจึงได้ภาพที่สมบูรณ์แบบใบนี้มา Karen เล่าว่าเธอและลูกสาวเคยมางานฉลองคริสต์มาสประจำปีเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น และเมื่อปีที่แล้วเธอกับลูกสาวก็ไม่ได้มางาน เนื่องจากตัวเธอสุขภาพไม่ค่อยดี แคเรน แอนวิลและลูกสาว ตอนปีที่แล้วพวกเธอทำได้เพียงนั่งดูงานเฉลิมฉลองอยู่ที่บ้านผ่านทางโทรทัศน์เท่านั้น เธอเล่าว่า “ตอนนั้นเรากำลังนั่งชมงานเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสผ่านทาง Sky News และลูกสาวของฉันก็บอกว่าอยากไปงานบ้าง ฉันจึงตอบเธอไปว่าถ้าปีหน้าฉันสุขภาพดีแล้วเราจะไปงานด้วยกัน“ พอมาปีนี้เธอจึงได้มีโอกาสมางานกับลูกสาว และก็ได้รูปถ่ายใบนี้ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะได้รูปถ่ายที่ดูดีขนาดนี้มาโดยบังเอิญ Karen…
-
ไม่น่าเชื่อ เพื่อนรักที่คบกันมานานกว่า 60 ปี เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
คนทุกคนย่อมต้องมีเพื่อนสนิทอย่างน้อยสักคนแน่นอน อาจจะเป็นเพื่อนที่ชอบออกไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด เพื่อนที่คุณสามารถระบายความในใจและขอคำปรึกษาได้ หรือเพื่อนที่รู้ใจเราไปเสียหมด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพื่อนเพศเดียวกัน และคนคนนั้นก็จะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตคุณขาดเขาไปคงจะเงียบเหงาน่าดูเลยทีเดียว จึงอาจจะพูดได้ว่าเพื่อนสนิทนั้นเป็นคนที่คุณรักเหมือนพี่น้องแท้ๆ ก็ไม่ปาน แต่ถ้าเพื่อนสนิทของคุณเกิดเป็นพี่น้องแท้ๆ ขึ้นมาจริงๆ ล่ะ จะรู้สึกอย่างไร Alan Robinson และ Walter Macfarlane Alan Robinson และ Walter Macfarlane รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนเรียนเกรด 6 (เทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในประเทศไทย) ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน และคบกันยาวนานจนตอนนี้ทั้งคู่คบกันมากว่า 60 ปีแล้ว Alan นั้นถูกรับเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เขาจึงไม่รู้ว่าเขามีพี่น้องบ้างหรือไม่และพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใคร แต่เขาต้องการที่จะรู้ให้ได้ จึงต้องได้หาข้อมูลเท่าที่จะหาได้มาตลอด เขาให้สัมภาษณ์กับทาง KHON2 ว่า “ผมคงไม่มีมีญาติเหลือแล้วมั้ง” ส่วน Walter เองก็อยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเขา ซึ่งเขาเองก็อยากรู้เบาะแสว่าพ่อแท้ๆ ของตัวเองเป็นใครเช่นกัน จึงได้พยายามหาวิธีตรวจสอบทางอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณพ่อดู Cindy Macfarlane-Flores ลูกสาวของ Walter Cindy Macfarlane-Flores ลูกสาวของ…
-
ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงอย่างน่าใจหาย และต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2017
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตหนังอย่างว่า หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหนังเอวีออกมาเป็นพันเป็นหมื่นเรื่องต่อปีและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จึงทำให้ใครหลายคนอาจจะคิดว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ฟรีเซ็กส์ และมีเด็กๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีอัตราการเกิดน้อยที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจ!! ประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ได้ถูกคาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีเด็กที่เกิดใหม่จำนวน 941,000 คนในปี 2017 ซึ่งจะเป็นอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุด เท่าที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลมาตั้งแต่ปี 1899 และจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ว่านี้จะน้อยลงกว่าปีก่อนถึง 36,000 คนจากข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา จากข้อมูลทางสถิติที่ถูกเผยแพร่โดยกระทรวงคุ้มครองสุขภาพแรงงาน ดูเหมือนว่าจำนวนเด็กแรกเกิดในปีนี้จะมีแนวโน้มที่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเป็นปีที่สองติดต่อกันกับปีก่อนหน้านี้ โดยอัตราการแรกเกิดที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นคือในปี 1949 ที่มีจำนวนเด็กแรกเกิดสูงถึง 2.7 ล้านคนต่อปี นอกจากอัตราการแรกเกิดแล้ว สถิติยังได้เผยถึงแนวโน้มประชากรญี่ปุ่นในปัจจุบันอีกด้วย โดยในปี 2017 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปมีตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1.34 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสิ้นสุดสงคราม และมีตัวเลขที่เพิ่มกว่าปีก่อนถึง 36,000 รายเลยทีเดียว ด้วยอัตราการเกิดที่น้อยลงและอัตราการเสียชีวิตที่มากขึ้น ทำให้จำนวนประชากรในประเทศญี่ปุ่นลดลงถึง 403,000 คนซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังมากกว่าปีที่แล้วถึง 72,000 คน ด้วยเหตุนี้ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศญี่ปุ่นจึงออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ปัญหาเรื่องประชากรนี้ให้ได้ ซึ่งวิธีที่เขาจะใช้แก้ปัญหาก็คือ เพิ่มความสนับสนุนในการด้านการดูแลเด็กและการศึกษา…
-
คุณพ่อนั่งเครื่องบินไปกับลูกสาวชาวเอเชียที่รับมาเลี้ยง เกือบโดนเจ้าหน้าที่จับกุมข้อหาค้ามนุษย์
หากเรามีเวลาว่างบ้าง ถ้าได้พาครอบครัวบินไปเที่ยวหาญาติที่อยู่ห่างไกลออกไป แล้วได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย แต่คงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าพอนั่งเครื่องบินกลับมาจากการเยี่ยมญาติแล้ว กลับถูกเข้าใจผิดว่าตัวเองลักพาตัวลูกสาวมาจากที่อื่น Brian Smith และ Georgianna จากการสัมภาษณ์ของสำนักข่าว ABC นาย Brian Smith และลูกสาวบุญธรรมเชื้อสายจีน Georgianna Smith อาศัยอยู่ที่รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งคู่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่รัฐแอริโซนา และขากลับทั้งคู่ก็ใช้บริการสายการบิน Southwest Airlines เพื่อเดินทางกลับมายังบ้านของตน ทว่าเมื่อพวกเขาลงมาจากเครื่องบินแล้ว ก็มีตำรวจเข้ามาเรียกตัวเขาไว้ “แอร์โฮสเตสได้แจ้งผมมาว่าคุณอาจจะลักพาตัวเด็กสาวมา” คุณพ่อถึงกับงงเลยทีเดียว เพราะเขาและลูกสาวก็แค่นั่งที่นั่งข้างกัน ลูกสาวเขาหลับปุ๋ยตลอดการเดินทาง ส่วนเขาก็ได้คุยกับแอร์โฮสเตสตอนที่รับขนมและชาเท่านั้นเอง Brian และภรรยาของเขา Renee อธิบายว่า “ลูกสาวของเรามีปัญหาด้านการสื่อสาร ดังนั้นเธอก็เลยค่อนข้างเงียบกว่าเด็กทั่วๆ ไป โดยเฉพาะในที่สาธารณะ” Renee ยังเสริมอีกว่า “ฉันไม่ได้อยากโทษใครหรอกนะ แต่ถ้าเกิด Georgianna เป็นเด็กสาวชาวคอเคเชี่ยน คงไม่เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ใช่ไหมล่ะ” เธอคิดว่ามันไม่สมควรเลยที่จะมาสงสัยเรื่องค้ามนุษย์เพียงแค่เพราะสามีและลูกสาวของเธอมีเชื้อชาติต่างกัน แม้ว่าทางครอบครัวจะเข้าใจว่าการคอยเฝ้าระวังเรื่องการค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่ดี แต่ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มหวั่นใจแล้วว่าถ้าเดินทางครั้งหน้าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกรึเปล่า “เราไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้เลย แต่ต่อจากนี้ไปเราเริ่มกังวลแล้วว่าจะมีคนเข้าใจผิดแบบนี้อีก” ส่วนทางสายการบิน Southwest Airlines ก็ได้ส่งอีเมลมาชี้แจงกับทาง…
-
Nasa ค้นพบดวงดาวใหม่กว่า 10 ดวง ที่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็น “โลกใหม่” ให้เราอยู่ได้
หากว่าวันหนึ่งโลกของเราถึงกาลอวสานขึ้นมา คงไม่มีทางรอดอื่นนอกจากการย้ายไปอาศัยอยู่ที่ดาวดวงอื่น แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการค้นพบดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ หรือดวงดาวที่มีลักษณะคล้ายเคียงโลกทุกประการเลย ทางด้าน NASA เองก็ไม่ได้นิ่งเฉย พวกเขายังคงคอยสอดส่องดูดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไปจากโลกของเรา ด้วยความหวังว่าจะได้รู้ความลับของจักรวาลให้มากยิ่งขึ้น และค้นหาดวงที่อาจเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับมนุษย์ได้ บริษัท Kepler ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ NASA นั้นมีหน้าที่สำรวจดวงดาวใหม่ๆ ที่ยังไม่ถูกค้นพบ จากข้อมูลของทาง Kepler ในปี 2009 ถึง 2013 บริษัทได้ทำการสังเกตดวงดาวที่คล้ายกับพระอาทิตย์เป็นจำนวนกว่า 145,000 ดวง ใกล้กับกลุ่มดาว Cygnus แม้ว่าดวงดาวเหล่านี้จะอยู่ไกลจากโลกมากกว่าหนึ่งร้อยปีแสง และดูจากเทคโนโลยีในปัจจุบันแล้ว มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่มนุษย์จะได้เดินทางไปเยือนดวงดาวเหล่านั้น แต่การส่องมองก็ทำให้เรารู้ว่าดาวเหล่านั้นมีลักษณะคล้ายคลึงโลกแค่ไหน หรือมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่หรือเปล่า ล่าสุดพวกเขาได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาพบดวงดาวที่มีลักษณะคล้ายโลกกว่าหนึ่งร้อยดวง และ 10 ดวงจากจำนวนนั้น อาจกลายเป็น “บ้าน” ของมนุษย์ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกล Susan Thompson นักวิทยาศาสตร์หญิงจาก Kepler บอกว่า “ถ้าอยากรู้จำนวนดวงดาวที่มีความคล้ายคลึงกับโลกของเราละก็ จากข้อมูลที่มีตอนนี้ ฉันสามารถบอกจำนวนชัดเจนได้แล้ว และเราจะค้นหาต่อไปว่ามีดาวดวงไหนบ้างไหม ที่เราอาจจะย้ายไปอยู่ได้” ในตอนนี้ หากนับรวมดวงดาวที่เพิ่งมีการค้นพบใหม่อีก 10 ดวง เราจะมีดวงดาวที่คล้ายๆ…
-
ศิลปินเปลี่ยนบังเกอร์ในช่วงสงครามโลก ให้กลายเป็นเทพเจ้ามังกร ดูมีสีสันขึ้นมาเยอะ!!
ถ้าพูดถึงเด็กหนุ่มหางลิงผู้ขี่ก้อนเมฆสีทอง หรือการต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางเวหาด้วยพลังคลื่นเต่าแล้วละก็ แทบทุกคนคงจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ใช่แล้วล่ะครับ เรากำลังพูดถึงการ์ตูนอมตะเรื่องโปรดของเด็กชายหลายคน หรือแม้แต่ผู้หญิงก็ด้วย นั่นคือ ดราก้อนบอล นั่นเอง ดราก้อนบอล เป็นการ์ตูนยอดนิยมที่อยู่มานานตั้งแต่ปี 1984 มาจนถึงปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมสูงอยู่ การ์ตูนเรื่องนี้ยังคงอยู่ในหัวใจของผู้ใหญ่หลายคน บางคนก็ใช้มันเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะด้วยเช่นกัน Blesea และ Baby K เป็นศิลปินสตรีทที่ชอบสร้างผลงานศิลปะตามสถานที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาก็ชื่นชอบดราก้อนบอลเช่นกัน และมีความฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากจะทำงานศิลปะเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องโปรดสักครั้ง ในครั้งนี้เขาจึงวางแผนที่จะเรียก Shenron หรือที่เรารู้กันในนาม เทพเจ้ามังกร ออกมาสู่หาดนอร์มังดี ในประเทศฝรั่งเศสให้จงได้ แม้ว่าเขาจะไม่มีลูกแก้วมังกรสักลูกก็ตาม สื่อที่ชายทั้งสองจะใช้เรียกเทพเจ้ามังกรออกมาในครั้งนี้ก็คือบังเกอร์ของทหารฝ่ายอักษะทิ้งไว้ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาทั้งสองเริ่มต้นด้วยการวางโครงร่างคร่าวๆ ของงาน และเวาดโครงร่างลงบนฐานกำบังทันที โดยทั้งสองใช้แค่เพียงแค่สเปรย์พ่นสีและลูกกลิ้งสองอย่างเท่านั้นในการวาดเทพเจ้ามังกร เจ้าเป็นผู้ที่เรียกข้าออกมาใช่หรือไม่ พวกเขาใช้ทุกส่วนของบังเกอร์ให้เกิดประโยชน์ โดยใช้ส่วนเว้าส่วนโค้งของตัวฐานกำบัง วาดให้เกิดเป็นเงาสวยงาม นอกจากนี้ยังทำให้ตัวเทพเจ้ามังกรดูมีความเป็นภาพสามมิติจากส่วนเว้าโค้งเหล่านี้ด้วย ใช้เวลาเพียงไม่นาน เทพเจ้ามังกรก็ดูเป็นรูปเป็นร่างสวยงามอย่างรวดเร็ว เมื่อมองจากระยะไกลแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าเทพเจ้ามังกรกำลังนอนพักอยู่บนชายหาด จ้องมองออกไปยังทะเลที่กว้างใหญ่อย่างสบายอารมณ์ บอกความปรารถนาของเจ้ามาสิ ข้าจะทำให้มันเป็นจริงเอง และในที่สุดงานศิลปะของพวกเขาก็เสร็จสมบูรณ์แบบ แม้ว่าเทพเจ้ามังกรจะอยู่กลางแจ้ง จึงอาจโดนลม ฝน และคลื่นที่เข้าปะทะ…
-
งี้ก็ได้เหรอ!? คู่รักมอสโกนัวกันบนแท็กซี่ แถมขอให้คนขับลงจากรถไปด้วย
การแสดงความรักของคู่รักกันนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าพวกเขาใส่ใจกัน และรักอีกฝ่ายมาก บางครั้งการที่เราผ่านไปเห็นฉากแสดงความรักแบบที่ทั้งคู่กอดกัน หรือจุ๊บกันเบาๆ จึงดูน่ารักน่าเอ็นดูนัก อย่างไรก็ตาม ก่อนจะแสดงความรักต่อแฟน เราก็ควรจะดูบริบทด้วยว่าพฤติกรรมที่กระทำกันนั้นดูเหมาะสมหรือไม่ และอยู่ในสถานที่ที่สมควรทำหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นอาจจะเดือดร้อนตนเองและคนอื่นก็ได้ คู่รักชายหญิงรัสเซียคู่หนึ่ง เรียกแท็กซี่เพื่อให้ไปส่งที่บ้าน หลังจากกลับจากการเที่ยว พอได้แท็กซี่แล้ว พวกเขาก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังตามปกติ คนขับจึงออกรถไปยังที่พักของพวกเขา แต่หลังจากที่คนขับคนรถแท็กซี่ขับรถออกมาได้สักพัก คู่รักที่นั่งอยู่เบาะหลังก็เริ่มแสดงความรักต่อกัน คนขับก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคงมีบ้างที่ลูกค้าคู่รักจะกอดหรือหอมกันระหว่างทางบ้าง แต่คู่รักคู่นี้ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น พวกเขานัวเนียกันอย่างเมามันส์ และฝ่ายผู้หญิงยังขึ้นคร่อมฝ่ายชาย ดูพร้อมที่จะเสพสวาทกันเหลือเกิน คนขับเหลือบไปเห็นดังนั้นในตอนแรกก็มีอาการเขินอาย และหันหน้าหนีทันที คู่รักคู่นี้ยังคงนัวเนียกันต่อไปเรื่อยๆ แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ชายคนขับแท็กซี่คนนี้เป็นวิดีโอบล็อกเกอร์ ที่มีคนติดตามดูอยู่ในแชแนลยูทูบ ซึ่งเขาเป็นที่รู้จักในชื่อ Hardworking Cab Driver ดังนั้นสิ่งที่คู่รักกำลังทำอยู่ทั้งหมด จึงถูกจับภาพไว้โดยกล้องจากหน้ารถคนขับเรียบร้อยแล้ว พอผ่านไปสักพักหนึ่งคู่รักคงจะอยากนัวเนียกันให้เสร็จสมอารมณ์หมาย พวกเขาจึงขอให้คนจับแท็กซี่ลงไปจากรถสัก 10 นาทีเพื่อที่พวกเขาจะได้มีความเป็นส่วนตัวและดำเนินกิจกรรมฉาวโฉ่นี้ต่อไป พอคนขับแท็กซี่ได้ยินดังนั้น เขาก็ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมฉาวโฉ่ของชายหญิงคู่นี้ เขาตอบกลับไปว่า “คิดบ้าอะไรของคุณเนี่ย ให้ผมออกไปรถของตัวเอง เพื่อให้พวกคุณเอากันในรถเนี่ยนะ ลงไปหาที่อื่นทำกันเองเถอะ” พอพูดจบ เขาก็ขอให้ทั้งคู่ลงไปจากรถทันที หลังจากที่คู่รักจ่ายค่าโดยสาร และลงจากรถไปแล้ว คนขับแท็กซี่ก็ได้หันมาระบายอารมณ์กับกล้องต่อทันที…
-
ชายหนุ่มกลัวน้องหมาน้อยใจที่บ้านแคบ เลยสร้างห้องส่วนตัวให้มันใต้บันได น่าอยู่จริงจริ๊งงงง
ถ้าบ้านใครเลี้ยงสัตว์ละก็ คงจะรู้ดีว่าเจ้าตัวน้อยของเราเอง มักจะหาที่พักผ่อนประจำตัวของมันไว้สักที่ในบริเวณบ้าน เพราะพวกมันเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเช่นกัน แต่ถ้าหากว่าบ้านของคุณค่อนข้างคับแคบ จนเจ้าตัวเล็กแทบจะไม่มีที่วิ่งเล่นด้วยซ้ำล่ะ แล้วแบบนี้มันจะไปหาที่ส่วนตัวๆ ได้ยังไงกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ประสบปัญหานี้ไม่ยอมให้พื้นที่แคบๆ มาแย่งความเป็นส่วนตัวของสัตว์เลี้ยงแสนรักไป จึงตัดสินใจดัดแปลงบ้านเองซะเลย ผมชื่อ Hennessy ฮะ หนุ่มคนนี้ชื่อว่า David Maceo เขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่กับภรรยา และเจ้า Hennessy สุนัขตัวน้อย ทว่าบ้านใหม่หลังนี้มีพื้นที่ไม่กว้างขวางเท่าไร เขาเลยรู้สึกว่าไอ้ตัวแสบของเขาคงไม่มีที่ไว้วิ่งเล่น จึงอยากทำห้องส่วนตัวให้มันอยู่เพื่อเป็นการชดเชย David บอกว่า “ผมรู้สึกแย่นะที่เราไม่มีที่ให้มันเล่นซนเลย เพราะงั้นผมก็เลยคิดว่าจะทำห้องส่วนตัวให้มันอยู่ในบ้านใหม่” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่บ้านมันก็แคบอยู่แล้วเลยไม่รู้จะทำห้องให้มันตรงไหนน่ะสิ โชคดีที่ David เหลือบไปเห็นมุมมุมหนึ่งซึ่งอาจจะพอทำเป็นห้องให้มันได้ นั่นคือบริเวณใต้บันไดนั่นเอง หืม … ใต้บันไดมันดูขนาดใช้ได้นะ จะทำห้องได้รึเปล่าน้อ ไหนลองเจาะดูซิว่าข้างในมันกว้างขนาดไหน เขาคิดว่าใต้บันไดอาจจะมีพื้นที่โล่งๆ พอสำหรับให้เจ้า Hennessy อยู่ พอคิดได้แบบนั้นเขาก็เริ่มเจาะสำรวจใต้บันไดเพื่อสำรวจทันที และเหมือนโชคจะเข้าข้างเขา เพราะข้างใต้บันไดนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆ เหมาะจะใช้เป็นบ้านให้เจ้าตัวเล็กพอดีเลย จากนั้นเขาก็เลยเจาะใต้บันไดทั้งหมด เพื่อเตรียมทำห้องเล็กๆ ไว้ตรงนั้น เขาทำผนังทั้งหมด และท่าทีไว้อย่างประณีต…
-
สาวโอตาคุเล่า โดนชายแปลกหน้าก็ขอตรวจกระเป๋า หวังยัดพวงกุญแจใส่ ดีที่ไหวตัวทัน
ในบางครั้ง เวลาที่เราต้องเข้าไปในสถานที่อย่างสนามบินหรือสถานีรถไฟฟ้า ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจกระเป๋าเราว่ามีของอันตรายติดมาด้วยหรือไม่ แม้แต่ร้านหนังสือหรือร้านขายของทั่วไป บางครั้งก็ขอตรวจกระเป๋าเพื่อป้องกันการลักขโมยเช่นกัน แต่อย่าได้ชะล่าใจปล่อยให้พวกเขาตรวจกระเป๋าของคุณ เพียงเพราะเห็นว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ เราควรจับตามองการตรวจอย่างใกล้ชิด เพราะแม้ว่าเราจะไม่ได้นำอะไรผิดแปลกติดกระเป๋ามาด้วย แต่อาจจะมีคนพยายามยัดเยียดของเหล่านั้นใส่กระเป๋าเราก็เป็นได้ สาวน้อยคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอเคยเจอมา โดยตัวเธอนั้นเป็นโอตาคุหรือก็คือผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนมากเป็นพิเศษนั่นแหละ เธอจึงออกไปซื้อของสะสมในร้านค้าตามปกติ แต่ระหว่างทางกลับบ้านนั้น เธอเกือบถูกมิจฉาชีพหลอกเอาซะแล้ว “ฉันเพิ่งเจอเรื่องนี้มากับตัว เลยอยากมาเตือนทุกคนให้ระวังไว้ ตอนนั้นฉันเพิ่งซื้อของจากร้าน Surugaya แถวบ้านเสร็จ เมื่อฉันออกมาจากร้านก็มีผู้ชายอายุประมาณ 40 ปี ตามฉันมาแล้วขอตรวจกระเป๋าของฉัน” “ฉันจึงให้เขาตรวจกระเป๋า ระหว่างนั้นเขาก็พูดว่า ‘ช่วงนี้มักมีคนขโมยของจากร้านบ่อยๆ เลยต้องขอตรวจไว้ก่อน’ แต่ฉันก็เหลือบไปทันเห็นพอดีว่าระหว่างที่เขาพูดด้วย เขากำลังจะเอาพวงกุญแจตัวการ์ตูนมายัดใส่กระเป๋าฉัน” เธอเล่าต่อว่า “ฉันรีบทักทันทีว่า ‘นั่นเธอแอบเอาอะไรใส่ในกระเป๋าฉันน่ะ ฉันจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้เลย’ พอเขาได้ยินอย่างนั้นก็มีท่าทีร้อนรนขึ้นมา แล้วพอฉันเผลอ เขาก็คว้าพวงกุญแจอันนั้นแล้ววิ่งหนีไปอย่างไวเลย ส่วนฉัน พอได้สติก็รีบวิ่งกลับไปที่ร้านค้า แล้วเล่าเรื่องนี้ให้พนักงานที่ร้านฟัง เผื่อว่าเขาจะทำแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นอีกทางร้านค้าจะได้ไหวตัวทัน ทุกคนที่ได้อ่านก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ” หากฟังเรื่องราวผ่านๆ ก็อาจจะเกิดความสงสัยว่า เธอได้พวงกุญแจฟรีๆ มันไม่ดีตรงไหน แต่ดูจากการกระทำและท่าทีของชายคนนั้นแล้ว เขาคงไม่ได้จะให้ของขวัญกับเธอหรอก ชาวเน็ตหลายคนก็พอจะตีความได้แบบนี้เช่นกัน …
-
ชาวบ้านกลัวนกถ่ายใส่รถหรู เลยเอาหนามเทียมมาติดบนต้นไม้ เพื่อกันไม่ให้นกมาเกาะ
เวลาที่ต้องไปทำธุระข้างนอกบ้าน ทุกที่ไม่ได้มีบริการโรงจอดรถไว้ให้เราตลอด บางครั้งเราจึงจำเป็นต้องขับรถไปจอดไว้ใต้ต้นไม้ข้างทาง และทิ้งไว้เป็นเวลานาน จึงไม่แปลกหากกลับมาจะพบว่านกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ ทิ้งร่องรอยเป็นขี้นกไว้บนรถ ชาวบ้านในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขตคลิฟตัน เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน เพราะที่จอดรถของพวกเขาเป็นที่โล่งซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่ นกจึงขี้ใส่รถเป็นประจำ แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการให้รถราคาแพงต้องมาเปื้อนขี้นก จึงได้คิดวิธีแก้ปัญหาแบบใหม่ขึ้นมา โดยพวกเขาได้เอาหนามเทียมที่ปกติติดไว้ไล่นกตามกำแพง ขึ้นไปติดไว้บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ตรงที่จอดรถ ชาวบ้านที่ว่านี้อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ Essendene House และ Heathfield House พวกเขาได้นำหนามเทียม ไปติดไว้บนกิ่งไม้ที่อยู่เหนือที่จอดรถทุกกิ่ง และแต่ละกิ่งก็ติดไล่ตั้งแต่ตรงโคนกิ่งไล่ไปจนถึงสุดปลายกิ่งเลย ด้วยความหวังว่านกจะไม่มาเกาะและขี้ใส่รถอีก หนามเทียมเหล่านี้ดูเหมือนจะใช้ได้ผลดีซะด้วย เพราะพอติดไว้แล้ว นกก็ไม่มาเกาะบนต้นไม้ต้นนี้อีกเลย ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงไม่ต้องกังวลอีกว่านกจะมาขี้ใส่รถของพวกเขา แต่กลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาตินั้นไม่เห็นด้วย ที่นำหนามเทียมมาติดไว้บนต้นไม้แบบนี้ เพราะแม้ว่ามันจะแก้ปัญหาเรื่องนกขี้ใส่ได้ แต่นั่นก็ส่งผลให้นกไม่สามารถมาเกาะพัก และทำรังบนต้นไม้ได้ด้วย Paula O’Rourke สมาชิกของกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ ได้ออกมาพูดในฐานะตัวแทนของคนในชุมชนนั้นว่า “ฉันรู้ดีว่าเจ้าของที่ดินอาจจะมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ เพราะต้นไม้ต้นนั้นก็อยู่บนที่ดินของเขา แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้องอยู่ดี” เธอยังเสริมอีกว่า “ถึงแม้เขาจะมีสิทธิ์ทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ว่าหนามเหล่านี้เป็นภาพขัดตามาก ทำไมเราต้องเห็นมนุษย์มาดัดแปลงต้นไม้จนนกไม่สามารถอาศัยอยู่ได้” ทางผู้อยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์เอง เมื่อเห็นกลุ่มนักอนุรักษ์ธรรมชาติออกมาต่อต้าน จึงได้ออกมาให้คำชี้แจ้งกับเหตุการณ์นี้ว่า “เราเพียงแค่เอานามเทียมมาติดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้นกมาขี้ใส่รถเท่านั้น ถ้าไม่ทำอย่างนั้น…
-
ช่างภาพสร้างสรรค์ผลงาน ‘ตัวเองในอุดมคติ’ ของเหล่าอาสาสมัครจากการอ่านคลื่นสมอง
คนเราถึงแม้ว่าจะรู้สึกพอใจในหน้าตาของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องมีรายละเอียดอย่างน้อยสักหนึ่งอย่าง ที่เราคิดว่าถ้าเกิดเปลี่ยนไปแล้วจะทำให้เรารู้สึกพอใจมากขึ้น เพราะลึกๆ แล้วมนุษย์ทุกคนก็อยากจะให้ตัวเองดูสมบูรณ์แบบและไร้ซึ่งจุดบกพร่องใดๆ ช่างภาพ Scott Chasserot อยากรู้ว่าใบหน้าในอุดมคติของแต่ละคนนั้น จะต่างจากใบหน้าจริงๆ มากเพียงใด เขาจึงได้ทำโปรเจกต์ขึ้นมาเพื่อสร้างภาพใบหน้าในอุดมคติขึ้น โปรเจกต์ของเขานั้น เริ่มต้นจากการหาอาสาสมัครมาส่วนหนึ่ง ที่เต็มใจจะให้เขาสร้างภาพใบหน้าในอุดมคติของพวกเขาขึ้นมา และให้พวกเขาไว้เพื่อใช้เป็นรูปต้นแบบ โดยเขาถ่ายรูปอาสาสมัครตั้งแต่ช่วงอกขึ้นมา ให้เห็นใบหน้าชัดเจนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจึงขอให้อาสาสมัครเก็บผมให้เรียบร้อย ไม่ต้องใส่เครื่องประดับ และไม่ต้องแต่งหน้าเลย จากนั้นเขาจึงนำภาพเหล่านั้นมาผ่านโปรแกรมตัดต่อ โดยเขาตัดต่อภาพของคนคนหนึ่งไว้หลากหลายแบบ ในแต่ละแบบก็จะตัดต่อให้มีรูปร่างหน้าตาสวยงามตามค่านิยมความสวยงามในยุคสมัยนี้ เช่น ตัดต่อให้มีใบหน้าเล็ก ตัดต่อให้ดวงตาดูโต ทำให้จมูกดูโด่งขึ้น เป็นต้น เครื่อง EEG ในขั้นตอนต่อมา เขาจะให้อาสาสมัครแต่ละท่านสวมเครื่อง Electroencephalography (EEG) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้อ่านค่าคลื่นไฟฟ้าในสมอง แล้วเขาจึงให้อาสาสมัครดูรูปภาพที่เขาตัดต่อไว้ เขาจะเก็บผลการอ่านคลื่นสมองไฟฟ้าตอนที่อาสาสมัครเห็นรูปแต่ละรูปเอาไว้ และวิเคราะห์ดูว่ารูปไหนที่อาสาสมัครดูแล้วรู้สึกถูกใจหรือพึงพอใจบ้าง จะถือว่านั่นคือส่วนหนึ่งของใบหน้าในอุดมคติที่คนคนนั้นต้องการมี จากนั้นในขั้นตอนสุดท้าย เขาจะนำรูปภาพที่อาสาสมัครชอบทั้งหมด มาตัดต่อรวมกันให้เกิดใบหน้าในอุดมคติของคนคนนั้น แล้วนำภาพต้นฉบับมาวางคู่กัน เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ว่าใบหน้าในอุดมคติที่คนเราต้องการแตกต่างจากปกติมากแค่ไหน และแตกต่างอย่างไรบ้าง Chasserot…
-
นักวิทย์ถึงกับไปไม่เป็น หลังพบลิงสาวพยายามมีเซ็กส์กับกวาง มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย!?
ใครที่ได้มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็คงต้องรู้สึกฉงนงงงวยกันแน่ๆ ก็ใครมันจะไปคิดล่ะว่าเราจะได้เห็นลิงเสพสวาทกับกวาง ซ้ำร้ายลิงที่ขึ้นขี่เจ้ากวางก็ดันเป็นตัวเมียอีกต่างหาก ทำไมถึงได้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้นกันนะ นักวิทยาศาสตร์ที่สนใจเรื่องนี้จึงได้พยายามทำการค้นคว้าถึงพฤติกรรมสุดแปลกนี้ ว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ และมีเหตุผลมาจากอะไร อ้างอิงจาก งานวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเลทบริดจ์ พฤติกรรมการสมสู่ข้ามสายพันธุ์ระหว่างลิงกังตัวเมีย กับกวางซีกาในประเทศญี่ปุ่นนั้น เกิดขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว นักวิจัย Noëlle Gunst เองก็ระบุว่าคนท้องถิ่นในเมืองมิโน จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นได้พบเห็นพฤติกรรมประหลาดนี้มาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว โดยการสมสู่ข้ามสายพันธุ์ระหว่างลิงกับกวางในลักษณะนี้ จะเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ อย่างสม่ำเสมอ ลิงก็จะขึ้นไปขึ้นขี่กวาง ส่วนกวางก็จะปล่อยให้ลิงสมสู่จนสำเร็จความใคร่ แล้วเลียกินน้ำกามที่เลอะอยู่บนหลังของมัน ในงานวิจัยนี้ นักวิทยาศาสตร์เก็บข้อมูลจากฮอร์โมนที่ได้จากอุจจาระของสัตว์ หลังการสมสู่ระหว่างลิงกังญี่ปุ่นและกวางซีกา จำนวน 258 ครั้ง แล้วนำข้อมูลฮอร์โมนจากอุจจาระที่ได้ มาเปรียบเทียบกับฮอร์โมนที่ได้จากอุจจาระของการสมสู่กันระหว่างลิงตัวเมียสองตัว จึงสรุปได้ว่าการสมสู่ของพวกมันเกิดจากความต้องการทางเพศ โดยสังเกตจากทั้งลักษณะของการขึ้น ลักษณะของการกระเด้า และเสียงร้องของมันตอนสมสู่กัน และจาก 5 ตัวอย่างจากการสมสู่กันของลิงและกวาง 14 คู่ ก็พบว่ามันมีลักษณะการสมสู่กันเหมือนกับการผสมพันธุ์กันระหว่างลิงไม่มีผิดเลย นอกจากนี้กวางส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปฏิเสธลิงตัวเมียที่เข้ามาสมสู่ด้วย มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีท่าทีต่อต้านและสะบัดตัวหนี การวิจัยครั้งนี้นับเป็นการวิจัยรูปแบบใหม่ เพราะถือว่าเป็นครั้งแรก…
-
หนุ่มมาเลย์ทำตามฝัน ศัลยกรรมให้หน้าเหมือนตัวการ์ตูน ชาวเน็ตออกมาคอมเมนต์กันตรึม
การทำศัลกรรมในสมัยนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะว่าเป็นวิธีที่ช่วยเปลี่ยนแปลงหน้าตาของเราให้ดูดีขึ้นมากในช่วงระยะเวลาสั้นๆ มีคนไปทำศัลกรรมกันมากมายจนการศัลกรรมนั้นกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว ชายคนหนึ่งก็มีความฝันอยากจะทำศัลกรรมให้ตัวเองหน้าตาดูดีขึ้นเช่นกัน เขาจึงได้ทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าจนมีหน้าตาเป็นที่พึงพอใจ แต่สังคมรอบข้างของเขาคงจะไม่เห็นด้วยที่เขาไปทำศัลกรรมมา ภาพของ Amirul Rizwan Musa ก่อนและหลังทำศัลยกรรม Amirul Rizwan Musa หรือที่เป็นที่รู้จักกันในโลกออนไลน์ในนามว่า Miyyo Rizone เป็นชายหนุ่มอายุ 21 ปี สัญชาติมาเลเซีย เขาทำธุรกิจค้าขายเครื่องสำอางออนไลน์ และมีฐานลูกค้าเยอะ จึงนับว่ามีเงินมากในระดับหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจนำเงินจำนวนหนึ่งไปทำศัลกรรม ตามแบบที่เขาอยากทำมาตั้งนานแล้ว พอทำศัลกรรมสำเร็จเขาเลยโพสต์รูปหน้าตาใหม่ของเขา ให้ผู้ติดตามได้ดูสักหน่อย แต่กลับมีชาวเน็ตมากมายเข้าไปคอมเมนต์ในแง่ลบต่อหน้าตาใหม่ของเขา โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่นั้นวิจารณ์ว่าหน้าใหม่ของเขาดูเหมือนกับตัวการ์ตูนที่หลุดออกมาจากจอยังไงยังงั้นเลย และมีข่าวแว่วมาว่าเขาใช้เงินถึงประมาณ 200,000 ริงกิต คิดเป็นเงินไทยกว่า 1.5 ล้านบาทไปกับการเปลี่ยนลุคใหม่ ซึ่งคนส่วนใหญ่น่าจะไม่ชอบในส่วนนี้ จึงต่อต้านที่เขาทำศัลยกรรมมา ส่วน Amirul นั้นออกเปิดเผยว่า ที่หน้าตาของเขาออกมาเป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความชื่นชอบในแอนิเมะญี่ปุ่นของเขา แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาอยากทำศัลกรรมเพราะต้องการลบรอยแผลเป็นที่ดูน่าเกลียดต่างหาก เมื่อตอนอายุ 16 ปีเขาป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส ทำให้เกิดแผลเป็นตามหน้าและตัวของเขา ส่งผลให้เขาสูญเสียความมั่นใจในหน้าตาของตัวเอง เขาจึงได้ทำศัลกรรมตามตัวละครในอนิเมะที่ชอบ เพื่อเรียกความมั่นใจของตนเองกลับมา …
-
หญิงชาวอินเดียโวย ถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าอังกฤษ ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ภาษาของเธอดีเกินไป’ !?
Alexandria Rintoul หญิงสาวชาวอินเดีย ต้องการทำวีซ่าเพื่อขอเข้าไปอยู่กับสามีของเธอที่ประเทศอังกฤษ เธอเรียนจบด้านภาษาอังกฤษมาโดยตรง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างช่ำชองทั้งด้านการพูด อ่าน เขียน Bobby และ Alexandria Rintoul เธอจึงเลือกที่จะสอบวัดระดับภาษาอังกฤษในระดับสูง เพื่อนำผลไปยื่นเป็นเกณฑ์อย่างหนึ่งในการทำวีซ่า แต่ทาง The Home Office ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการอนุญาตให้คนเข้าประเทศ ไม่อนุมัติให้วีซ่าของเธอผ่าน เพราะผลวัดระดับภาษาอังกฤษของเธอ สูงกว่าเกณ์ที่ต้องการ Bobby Rintoul สามีของเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “เรารู้ว่าขั้นตอนการทำวีซ่านั้นยาก เราเลยจ้างคนที่ชำนาญเรื่องการทำวีซ่าให้มาช่วยเรา” “เขาก็บอกให้ Alexandria ทำแบบทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษขั้นสูงที่สุด เราก็เลยทำตามนั้นและส่งเอกสารทั้งหมดไปครบถ้วนหมดแล้ว” ทว่าผลการตอบรับจากจดหมายของทาง The Home Office กลับแจ้งว่าภาษาอังกฤษของภรรยาของเขาดีเกินไป เลยปฏิเสธวีซ่าของเธอ “ในจดหมายเขียนว่าเธอน่าจะทำแบบทดสอบที่ง่ายกว่านี้แทน แต่เป็นความผิดของเธอเองที่ทำแบบทดสอบยากๆ โดยไม่จำเป็น และจะให้เราส่งเอกสารไปขอวีซ่าซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แต่การส่งเอกสารและเดินทางไปทำวีซ่าแต่ละรอบนั้นมันเสียเงินมากถึง 2,000 ปอนด์ (เกือบๆ 90,000 บาท) เลยนะ”…
-
เผยเบื้องหลังชีวิต มนุษย์ผู้อยากเป็นตุ๊กตา Human Ken Doll พร้อมภาพในอดีตก่อนจะเริ่มทำศัลยกรรม
ในปัจจุบัน การทำศัลยกรรมได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ไม่ใช่แค่การทำศัลยกรรมเพื่อการแพทย์เท่านั้น แต่การทำศัลยกรรมเพื่อความงามเองก็เช่นกัน จนเราอาจพูดได้ว่าใครๆ ก็ทำศัลยกรรมกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว การทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความงามนั้น ช่วยให้คนเรามีรูปร่างตามที่ตนเองปรารถนา ซึ่งบริเวณที่คนนิยมทำศัลยกรรมกันมากก็คือจมูก หน้าอก และปาก แต่ว่าสำหรับบางคนแล้ว การแก้ไขเพียงบางส่วนของร่างกายไม่เพียงพอจะทำให้เขาพอใจได้ เขาจึงตัดสินใจทำศัลยกรรมทั้งร่างกายมันเสียเลย Rodrigo Alves ผู้มีฉายาว่า Human Ken Doll Rodrigo Alves เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผ่านการศัลยกรรมมาอย่างโชกโชน โดยเขาใช้เวลามากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตเพื่อเข้ารับการผ่าตัดและพักรักษาตัวเพื่อให้พร้อมสำหรับศัลยกรรมครั้งหน้า เขาทำศัลยกรรมจนแทบไม่เหลือเค้าของรูปร่างเดิมอยู่เลย สาเหตุที่เขาทำศัลยกรรมมากขนาดนี้ เพราะตัวเขามีความเชื่อว่าร่างกายที่มีมาตั้งแต่เกิดนั้น ไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของเขา ดังนั้นเขาจึงพึ่งการทำศัลยกรรมเพื่อให้ตัวเองมีร่างกายที่ ‘สมบูรณ์แบบ’ ซึ่งเป็น ‘ร่างที่แท้จริง’ ของเขา รูปร่างของเขาก่อนเริ่มทำศัลยกรรม Rodrigo อธิบายว่า “ฉันเกิดมาอยู่ในร่างที่ผิด และฉันไม่หวั่นที่จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อให้ได้ร่างกายที่แท้จริงมา” แพทย์ชี้แจ้งว่าเขาเป็นโรค Body Dysmorphic Disorder ซึ่งทำให้คนป่วยรู้สึกว่าร่างกายของตนไม่ใช่ร่างที่แท้จริง ส่วนร่างจริงๆ นั้นเป็นร่างที่อยู่ในจินตนาการต่างหาก “หมอบอกว่าฉันไม่ได้เป็นบ้า แค่มีปัญหาเรื่องมุมมองที่มีต่อร่างกาย ฉันมักจะฝันเสมอว่าฉันไม่ได้มีรูปร่างแบบที่เป็นอยู่ แต่พอตื่นมาแล้วลองส่องกระจก ฉันก็จะคิดว่าเสมอว่าคนในนั้นไม่ใช่ฉัน” เขาจึงได้เริ่มทำศัลยกรรมจนมีรูปร่างดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้…
-
อึ้งสิพ่อหนุ่ม จู่ๆ “ซานต้าเหมียว” ก็มาคลอดลูกให้เป็นของขวัญ ใต้ต้นคริสต์มาสซะงั้น!?
วันคริสต์มาสใกล้จะวนมาถึงอีกครั้งแล้ว ผู้คนต่างก็ตกแต่งบ้านเพื่อให้พร้อมรับเทศกาลแห่งความสุขนี้กัน และแน่นอนว่าทุกบ้านย่อมไม่ลืมพระเอกของงานอย่างต้นคริสต์มาสแน่ๆ เพราะมันจะถูกใช้เป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัว ทั้งยังเป็นจุดที่ของขวัญวันคริสต์มาสของทุกคนรวมกันอยู่นั่นเอง ดังนั้นภาพที่เด็กๆ วิ่งออกมาจากห้องนอน และรีบวิ่งไปแกะของขวัญจากซานต้า ที่วางอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสจึงเป็นเรื่องปกติของเทศกาลนี้ แต่สำหรับชายหนุ่มคนหนึ่ง ของขวัญใต้ต้นคริสต์มาสปีนี้ไม่ได้มาจากซานต้า เขากลับพบของขวัญสุดวิเศษจากแมวเหมียวที่บ้านซะงั้น แม่เหมียว Tink วันหนึ่งในช่วงคริสต์มาส Danielle Lopez ก็ทำกิจวัตรประจำวันตามปกติของเขา แต่ที่ไม่ปกติก็คือเขาได้ยินเสียงแมวร้องเมี๊ยวๆ ดังมาจากที่ไหนสักแห่งในบ้าน ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจมันมากเท่าไหร่ เพราะคิดว่าคงจะเป็นเสียงแมวที่เลี้ยงไว้นั่นแหละ ถึงเสียงมันจะแปลกกว่าปกติก็เถอะ ที่ไหนได้ เมื่อเขาเดินมาถึงบริเวณต้นคริสต์มาส เขาก็พบต้นตอของเสียงร้องที่ไม่คุ้นหูนั่นทันที เสียงมันมาจากลูกแมวเกิดใหม่ที่นอนอยู่ข้างๆ Tink แมวของเขา “ผมได้ยินเสียงแมวร้องเบาๆ มาสักพักแล้ว แต่ก็คิดว่าเป็นเจ้า Tink จนเดินไปเจอลูกแมวเกิดใหม่ตัวหนึ่งนั่นแหละ เห็นแล้วตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย” พอเขาตั้งสติได้ ก็วิ่งวุ่นไปทั่วบ้านเพื่อไล่ปิดประตูหน้าต่าง ลูกแมวจะได้ไม่โดนลมหนาว แล้วก็ต้องรีบหาผ้านุ่มๆ มารองให้เจ้า Tink กับลูกของมันนอนด้วย หลังจากจัดแจงให้มันนอนบนผ้านิ่มๆ เรียบร้อย ดูเหมือนว่าแมวของเขายังอยากจะให้ของขวัญเพิ่มอีก มันจึงคลอดลูกเพิ่มออกมาอีก 3 ตัวเลยทีเดียว ดีนะเนี่ยที่เจ้าของเดินผ่านมาเห็นพอดี ได้รับของขวัญแบบสดๆ ร้อนๆ เลย …
-
ผู้คนต่างตั้งคำถาม ‘นี่หมาหรือหมี’ เอ็งคือตัวอะไร เลือกเอาดีๆ ซักอย่าง…
เคยเห็นตามเทพนิยายกันบ้างหรือเปล่า ที่มักจะมีสัตว์ผสมข้ามสายพันธุ์แปลกๆ โผล่ออกมาให้เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น คิเมร่าซึ่งมีหัวเป็นสิงโต ลำตัวเป็นแพะ มีหางเป็นงู หรือตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ อย่างนางเงือกที่มีตัวครึ่งบนเป็นมนุษย์ ส่วนลำตัวครึ่งล่างเป็นปลา ในความเป็นจริง โลกเราก็มีสัตว์พันธุ์ผสมอยู่เช่นกัน แต่ไม่ได้แปลกประหลาดเหมือนในเทพนิยายหรอกนะ เช่น ไลเกอร์และไทกอนซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างเสือและสิงโต แพะแกะที่เป็นสัตว์ผสมจากพ่อแม่ตามชื่อของมัน หรือโฮลฟินสัตว์ผสมระหว่างวาฬและโลมา และล่าสุดที่ประเทศรัสเซีย ก็ได้พบเจอสัตว์ที่อาจจะเป็นลูกผสมข้ามสายพันธุ์ตัวใหม่ก็เป็นได้ สัตว์ตัวนี้ถูกพบในเมือง Chelyabinsk เขต Chelyabinsk Oblast ประเทศรัสเซีย หลังจากพบมันแล้ว เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจพาตัวมันไปยังสถานพักพิงสัตว์ หากมองผ่านไปเห็นในแวบแรก หน้าของมันดูคล้ายลูกหมีมากทีเดียว แต่พอมันยืนสี่ขาขึ้นมา ก็ดันมีท่าทางการเดินการยืนเหมือนสุนัขหรือหมาป่าซะงั้น นักอนุรักษ์สัตว์ถึงกับมึนงงไปตามๆ กันว่ามันเป็นสุนัขจริงๆ หรือเปล่า “มันมีนิสัยที่ทำให้เราเข้าหายาก และก็ค่อนข้างดุร้ายอยู่บ้าง กว่าจะขนส่งมันมาที่สถานพักพิงได้ก็เล่นเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เจ้าของคนใหม่คงต้องใช้เวลานานเลยกว่าจะชินและเข้าใจนิสัยของมันได้” เมื่อสัตวแพทย์หลายคนได้ทำการวิเคราะห์เจ้าหมา-หมีคร่าวๆ แล้ว พวกเขาลงความเห็นกันว่า มันอาจจะเป็นสุนัขพันธุ์ผสมระหว่างสุนัขพันธุ์เชาเชากับสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งกรรมพันธุ์ของสุนัขเชาเชาน่าจะทำให้มันมีใบหน้าที่ดูคล้ายหมี อย่างไรก็ตาม การจะทราบว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้มันเป็นหมาพันธุ์ผสมหรือเปล่า หรือว่ามันจะเป็นผลลัพธ์จากการผสมข้ามสายพันธุ์ของสุนัขกับหมี ก็ยังต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดในภายหลังอยู่ดี แต่ความเป็นไปได้ที่มันจะเป็นลูกผสมระหว่างสุนัขกับหมีนั้นก็มีไม่มากนัก เพราะว่าสัตว์ผสมข้ามสายพันธุ์โดยทั่วไป จะมีพ่อและแม่จากสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกัน…
-
แม่พาลูกที่ไม่ได้ป่วยอะไรเลย เข้าโรงพยาบาลกว่า 323 แห่ง รับผ่าตัดอีก 13 ครั้ง
คำกล่าวที่ว่าพ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ไม่เป็นความจริงเสมอไป เนื่องจากในปัจจุบันมีพ่อแม่บางคนที่ไม่ใส่ใจลูก หรือหนักกว่านั้นคือใช้ลูกเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ เหมือนกับแม่คนนี้ Kaylene Bowen-Wright อาศัยอยู่ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอและสามีหย่าร้างกันแล้ว ส่วนลูกชาย Christopher Bowen นั้นอยู่ในสิทธิ์เลี้ยงดูของเธอ ตอนนี้เขามีอายุได้ 8 ขวบแล้ว แต่เด็กชายไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบายเลย เพราะคุณแม่พาเขาตระเวนเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลแล้วกว่า 323 ครั้ง และเข้ารับการผ่าตัดมาแล้วทั้งสิ้น 13 ครั้ง ทั้งๆ ที่เด็กชายไม่ได้ป่วยแต่อย่างใด Kaylene Bowen-Wright และลูกชาย Christopher ในตอนต้นนั้นคุณแม่โกหกว่าลูกเป็นโรคแพ้นมเท่านั้น แต่ต่อมาอาการที่เธอกุขึ้นมาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบอกว่าลูกมีอาการเหนื่อยง่าย ช็อก ขาอ่อนแรงจนเดินไม่ได้ และที่ร้ายที่สุดคือเธอบอกว่าลูกชายของตัวเองเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย จากการที่เธอโกหกมาทั้งหมด ทำให้เด็กชายต้องผ่านการผ่าตัดหลายครั้งโดยไม่มีความจำเป็น และต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือหลายอย่างเหมือนคนพิการ เช่น ท่ออาหาร หน้ากากออกซิเจน และรถเข็น เธอยังคงปั้นน้ำเป็นตัวต่อไปเรื่อยๆ เพื่อรับเงินช่วยเหลือ เธอถึงกับทำเพจโครงการรับบริจาคเงินมาช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกชาย ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็สบายดี โครงการรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายการรักษาของ Christopher เมื่อปี…
-
โฆษณารองเท้า ของจีนทำ “เส้นผม” มาติดบังรองเท้า เพื่อให้คนปัดขึ้นเข้าหน้าซื้อ โคตรล้ำ!!
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก เมื่อมีบริษัทขายรองเท้าแห่งหนึ่งในจีนทำโฆษณาสุดกวนโอ๊ยออกมา หลอกตาผู้บริโภคมากมายให้กดเข้าไปดูสินค้าลดราคา ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไง โฆษณาชิ้นนี้เป็นของบริษัทรองเท้า Kaiwei Ni ที่ต้องการให้คนกดเข้ามาดูรองเท้าลดราคาของตน พวกเขาจึงคิดกลอุบายลวงตาขึ้นมาในโฆษณาชิ้นนี้ นั่นก็คือการวาดเส้นผมปลอมหนึ่งเส้นติดเข้าไปในตัวโฆษณาด้วย แล้วเผยแพร่โฆษณาชิ้นในลงบนอินสตาแกรม ซึ่งคนที่ใช้มือถือทุกคนที่เห็นโฆษณาตัวนี้ ก็จะคิดว่ามีเส้นผมติดอยู่บนหน้าจอของพวกเขา และวิธีจัดการกับเส้นผมง่ายๆ ก็คือปัดมันให้พ้นจากหน้าจอโทรศัพท์แค่นั้นเอง แต่เมื่อทำการปัดเส้นผมปลอมไปแล้ว กลับกลายเป็นว่าตนเองโดนหลอกให้เปิดเข้าดูโฆษณาซะงั้น ผู้ใช้งานอินสตาแกรมคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Blake Robbins ก็หลงกลกับลูกเล่นของโฆษณาตัวนี้เช่นกัน จึงได้นำโฆษณาตัวนี้ไปแชร์เตือนภัยชาวเน็ตใน ทวิตเตอร์ของเขา ทวีตของ Blake Robbins ตัวโฆษณาถูกวิจารณ์ไปต่างๆ นานา บางส่วนก็ชื่นชมตัวโฆษณาว่าทำมาได้ดีทีเดียว เพราะว่าทั้งดึงดูดความสนใจของคน และยังมีลูกเล่นแปลกๆ ให้คนกดเข้าไปดูโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย นอกจากนี้ยังคิดว่าคนที่คิดโฆษณานี้มีความคิดล้ำหน้าไม่เบาเลย แต่อีกส่วนก็รู้สึกหัวร้อนกับโฆษณา เพราะพวกเขาไม่ได้อยากกดเข้าไปดูโฆษณาสักหน่อย แต่โดนหลอกให้กดเข้าไปต่างหาก ทำให้พวกเขาเสียเวลามานั่งดูอะไรที่พวกเขาไม่ต้องการ ซึ่งการกระทำแบบนี้เหมือนการหลอกลวงผู้บริโภคอยู่เนืองๆ นั่นเอง ทวีตนี้มีคนให้ความสนใจมากมาย และถูกแชร์ไปกว่า 2,000 ครั้ง จนในที่สุดก็ไปผ่านตาถึงอิสตาแกรมของบริษัท Kaiwei Ni เข้าจนได้ ทางบริษัทจึงก็ได้เข้าไปตอบในทวีตนั้นว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องโฆษณาตัวนี้นะ เพราะว่ามันถูกสั่งถอดถอนออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางบริษัทยังถูกสั่งห้ามโพสต์โฆษณาอื่นใด…
-
เพื่อนๆ ร่วมดีใจสุดขีด หลังหนุ่มน้อยวัย 16 ปี สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้
หากเราอดทนทำเรื่องยากสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ เมื่อเราสมหวังแล้วย่อมรู้สึกปลื้มปีติจนไม่สามารถอธิบายได้ว่ารู้สึกดีใจขนาดไหน เหมือนกับเด็กคนนี้ที่ก้าวผ่านอุปสรรคจนพิชิตเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ เขาคงไม่สามารถบอกได้หรอกว่าดีใจมากแค่ไหน แต่ดูจากน้ำเสียงและท่าทางแล้ว คงรู้สึกยินดีสุดๆ ไปเลย Ayrton Little และแม่ Maureen Little Ayrton Little เป็นนักเรียนจากโรงเรียนเอกชน TM Landry College Prep ในเมือง Opelousas รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีความฝันที่อยากจะเข้าเรียนใน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มาตั้งแต่เด็ก เขาจึงตั้งใจเรียนหนังสือและอ่านหนังสืออย่างหนัก จนเขาสามารถข้ามชั้นเรียนมาได้ และมีสิทธิ์ไปสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ตอนอายุเพียงแค่ 16 ปี เมื่อถึงวันประกาศผลสอบ เพื่อนๆ ในชั้นเรียนของเขาจึงมานั่งเป็นกำลังให้เขาด้วย ตัว Ayrton เองตื่นเต้นมากว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และตอนที่เขาเลื่อนไปถึงส่วนที่แจ้งว่าเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้แล้ว คนทั้งห้องก็ร้องลั่นด้วยความยินดีทันที เพื่อนๆ ทุกคนร่วมกันแสดงความยินดีกับเขาพร้อมทั้งตะโกนว่า “three-peat” เพื่อฉลองที่มีนักเรียนในโรงเรียนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว . Ayrton ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง แต่มันรู้สึกสุดยอดโคตรๆ…
-
เผยผลสำรวจจาก “สาวนักอ่านการ์ตูน” ชาวญี่ปุ่น ชอบที่จะถูกกอดในแบบไหนบ้าง?
พอเข้าหน้าหนาวแล้ว เราก็ต้องหาทางรับมือกับลมหนาวที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา การออกไปหาซื้อเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดี หรือถ้ามีเงินหน่อยจะหาซื้อฮีทเตอร์มาใช้ก็ได้นะ แต่คงไม่มีอะไรสู้ไออุ่นจากอ้อมกอดของคนรู้ใจได้อีกแล้ว เราทุกคนรู้ดีว่าตอนโดนกอดมันอุ่นกายอุ่นใจมากแค่ไหน แต่ว่าการกอดน่ะไม่ได้มีแค่หันหน้ากอดกันแบบเดียวนะ อาจจะอ้อมมากอดจากข้างหลัง หรือนอนกอดกันบนเตียงก็ได้ แล้วแบบไหนมันฟินที่สุดกัน ถ้าอยากรู้ละก็ เป็นโชคดีของเราพอดีที่เว็บไซต์ Mecha Comic ได้ทำแบบสอบถาม เก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ให้เราแล้ว Mecha Comic เป็นเว็บไซต์สื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ที่มีหนังสือการ์ตูนประเภทโชโจจำนวนมาก ซึ่งก็คือหนังสือการ์ตูนแนวน่ารักหวานๆ ที่ผู้หญิงชอบอ่านกัน แน่นอนว่ามีการ์ตูนรักโรแมนติกรวมอยู่ในนั้นเยอะมากด้วย จึงมีกลุ่มลูกค้าหญิงสาวจำนวนมากใช้เว็บไซต์นี้ ทางเว็บไซต์ก็เลยเปิดแบบสอบถามให้สาวๆ จำนวน 1,054 คน เข้ามาตอบกันว่าพวกเธอชอบที่จะถูกกอดหรือเปล่า ผลสำรวจก็เป็นที่คาดเดาได้ว่าคนส่วนมากอยากถูกกอดแน่ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเพราะผลก็คือ หญิงที่ทำแบบสอบถาม 82 เปอร์เซ็นต์ต้องการให้กอด อีก 17 เปอร์เซ็นต์รู้สึกเฉยๆ มีก็ดีไม่มีก็ได้ และมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไม่ชอบให้กอด จากบนลงล่าง: กอดจากด้านหน้า, กอดจากข้างหลัง, โอบกอดกันจากด้านข้างแบบไหล่ชิดกัน, กอดให้ร่างกายทุกส่วนแนบชิดกัน, กอดและมองตากัน, กอดและเอาแก้มถูกัน, กอดโดยให้ส่วนหนึ่งของใบหน้าแนบกัน (หน้าผาก, จมูก…
-
ตีแผ่ชีวิตการเป็น “เน็ตไอดอลจีน” ที่ไม่ได้สวยงาม หรือสะดวกสบายอย่างที่ฝัน
ในยุคที่ผู้คนสร้างสังคมออนไลน์ขึ้นมาบนอินเตอร์เน็ต ก็มีอาชีพหนึ่งกำเนิดมาพร้อมกับสังคมออนไลน์ด้วย นั่นก็คือเน็ตไอดอลนั่นเอง พวกเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ และหารายได้จากเงินสนับสนุนจากผู้ติดตาม หรือจากสปอนเซอร์ หากเรามองจากมุมมองคนนอกแล้ว เน็ตไอดอลดูเป็นอาชีพที่ชิวสุดๆ เพียงแค่นั่งเปิดกล้องคุยกับแฟนคลับ ไลฟ์สตรีมตอนไปร้านขนมชื่อดัง หรือนำเสนอสินค้า ก็ได้เงินอยู่บ้านสบายๆ แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว คงไม่มีใครรู้หรอกพวกเขาทำงานกันยังไงกันบ้าง เน็ตไอดอลจีนคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Fan จึงได้ออกมาเปิดเผยชีวิตเน็ตไอดอลของเธอเป็นตัวอย่างหนึ่งให้เรารู้ โดยตัวเธอเองถือว่าเป็นเน็ตไอดอลที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ดูได้จากยอดผู้ติดตามของเธอที่มีมากถึงเกือบ 400,000 คน เธอเปิดเผยว่าจริงๆ แล้วการเป็นเน็ตไอดอลไม่ได้สบายเลยสักนิด เธอต้องทำให้ตัวเองสวยอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังต้องโกหกเรื่องอายุด้วย โดยเธอบอกแฟนๆ ว่ามีอายุเพียง 23 ปี แต่เธอไม่เคยเปิดเผยอายุจริงหรือชื่อจริงเลย “อายุ หน้าตา และรูปร่าง เป็นสามสิ่งสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของเน็ตไอดอลหญิง” เธอยังเคยไปทำศัลยกรรมมาแล้ว เพื่อรักษาฐานแฟนคลับของเธอ เธอจำเป็นต้องทำงานหนักประมาณวันละ 10 ชั่วโมง ทั้งใช้เวลาแต่งสวย พูดคุยกับแฟนๆ ถ่ายรูปและคลิปวิดีโอมาลงเพจ และตอบกลับคอมเมนต์ของแฟนคลับ โดยปกติแล้วเธอจะตื่น 9 โมงเช้า เพื่อใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงนั่งแต่งหน้าทำผม จากนั้นเธอจึงใช้เวลาอีกประมาณ 6…
-
พบ ‘ซากคล้ายไดโนเสาร์’ ในอินเดีย ที่ยังมีชิ้นเนื้อติดอยู่ คาดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นสำคัญ
ไดโนเสาร์คือสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธู์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว การศึกษาเกี่ยวกับพวกมันจึงหาข้อมูลได้ยาก ที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์ได้เพียงแต่ศึกษาข้อมูลของพวกมัน ผ่านทางเศษกระดูก รอยเท้า และฟอสซิลที่พบเท่านั้น แต่ล่าสุด มีการค้นพบซากสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ และถ้ามันเป็นซากไดโนเสาร์จริงๆ ละก็ มันจะกลายเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญที่ทำให้เราได้ศึกษาไดโนเสาร์ได้ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะซากชิ้นส่วนนี้มีความพิเศษไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยพบมาก่อนนั่นเอง ซากลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบ ซากรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ที่ว่านี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อมีช่างไฟฟ้าคนหนึ่งเข้าไปทำงานที่สถานีรถไฟใต้ดินร้างที่ถูกปล่อยทิ้งไว้กว่า 35 ปี ในเมืองแจสเพอ รัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย แต่มันมีความพิเศษกว่าซากหรือฟอสซิลอื่นๆ ที่เคยพบมา เนื่องจากซากชิ้นนี้ ยังมีชิ้นเนื้อของสิ่งมีชีวิตติดมากับกระดูกที่มีรูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ด้วย นักวิทยาศาสตร์ต่างตื่นเต้นกันมากที่พบซากในลักษณะนี้ ขณะนี้ซากที่พบก็ถูกส่งไปยัง Kamuan University แล้ว เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฟอสซิล Dr.Bahadur Kotlia ได้ทำการวิเคราะห์ จะได้รู้กันว่ามันเป็นไดโนเสาร์จริงหรือไม่ แล้วมันมีจากยุคใด ซากไดโนเสาร์นั้นมีความยาวประมาณ 28 เซนติเมตร จึงอาจจะตีความได้ว่ามันเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งระหว่าง Deinonychus, Coelophysis และ Dromaeosarus ซึ่งทั้งสามสายพันธุ์นี้เป็นไดโนเสาร์พันธุ์เล็ก จัดเป็นไดโนเสาร์ในกลุ่ม Theropod ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดียวกับไดโนเสาร์ T Rex นั่นเอง อย่างไรก็ตามนักอนุรักษ์…
-
James Fridman หนุ่มนักตัดต่อผู้ทำตามคำขอให้ได้ทุกอย่าง แม้มันจะหินแค่ไหนก็ตาม!!
ถ้าเกิดว่าเราถ่ายรูปออกมาสักรูปหนึ่ง แล้วรู้สึกชอบใจรูปนั้น แต่ว่าดันมีจุดตำหนิติดมาด้วยซะนี่ วิธีการแก้ไขที่สามารถทำได้ง่ายๆ ก็คือการแก้ไขภาพด้วยโปรแกรม Photoshop นั่นเอง แต่โปรแกรมตัดต่อตัวนี้ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถใช้ได้ เพราะมันซับซ้อนพอสมควร นอกจากนี้จุดบกพร่องในบางภาพยังแก้ไขแทบไม่ได้อีกด้วย แต่หากท่านวานให้หนุ่ม James Fridman ตัดต่อให้ละก็ไม่ว่าคำขอจะยากแค่ไหน จะเป็นยังไง เขาก็ทำตามคำขอได้ทุกอย่าง ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ชอบนำรูปมาตัดต่อผ่านโปรแกรม Photoshop แบบตลกๆ และไม่ว่าใครจะส่งรูปมาขอให้เขาตัดต่อให้ เขาก็ทำตามคำขอหมด เพียงแต่ว่ารูปภาพที่เขาตัดต่อให้อาจจะไม่ได้เป็นดังที่คนขอคิดเท่านั้นเอง ไม่เชื่อก็ลองไปดูกัน ช่วยเอาหัวล้านของผู้ชายคนนั้นออกทีค่ะ ช่วยปิดขนรักแร้ของแฟนหน่อยได้ไหมคะ คือภาพนี้ดูเหมือนผมกับเพื่อนจับมือกันน่ะครับ ช่วยแก้ให้หน่อยนะ ช่วยทำให้ผมดูเด็กกว่านี้ได้ไหม ฉันอยากให้คุณทำให้ดูเหมือนเรากำลังจับมืออยู่ ทำให้ฉันมีผิวเรียบเนียนและดวงตาสีฟ้าเข้มกว่านี้ทีเถอะ ฉันชอบหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์มากๆ ช่วยทำให้ฉันดูเหมือนตัวละครในเรื่องหน่อยสิ แฟนของผมเธอไม่ได้ใส่รองเท้าตอนถ่ายรูปน่ะครับ ช่วยตัดรองเท้าใส่ให้เธอที ตัดต่อรูปผมกับ Aaron Rodgers ให้ด้วยเถอะครับ ผมเป็นแฟนคลับตัวยงเลย อยากได้ภาพเหมือนฉันกำลังนั่งพรมแล้วบินข้ามทะเลน่ะค่ะ ขอร้องล่ะ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นไม่มองมาที่ฉันกับสามีที…
-
พนักงานร้าน Burger King กลายเป็นฮีโร่ หลังวิ่งลงไปช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานที่กำลังเดือดร้อน
อาชีพพนักงานบริการตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนไม่มาก นอกจากนี้ยังเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องบริการลูกค้าที่เข้ามาสั่งอาหารตลอดเวลา และคอยดูแลแทบทุกส่วนของร้านให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จึงไม่แปลก หากจะเจอพนักงานที่ทำงานแบบขอไปทีอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะทำอาชีพที่ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถ้าเราทำงานด้วยความเต็มใจ และทำงานอย่างเต็มที่ นึกถึงผลลัพธ์ของงานเป็นหลัก ความดีและความตั้งใจก็จะส่งผลตอบแทนให้กับเราแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้มาในรูปแบบของเงินก็ตาม Rebecca Boening และครอบครัว Rebecca Boening อาศัยอยู่ในเมืองอามาริลโล รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเนื่องจากเป็นโรคเบาหวาน จึงจำเป็นต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลให้ดีอยู่เสมอ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าน้ำตาลในเลือดต่ำจนอยู่ในขั้นอันตราย เธอจึงต้องรีบเติมน้ำตาลให้ตัวเองโดยด่วน โชคดีที่ระหว่างทางนั้นมีร้าน Burger King พอดี เธอจึงรีบเลี้ยวรถเข้าไปในช่องไดร์ฟทรูทันที พอขับรถ เข้าไปพนักงานบริการ Tina Hardy ก็ออกมารับบริการทันที แต่ Rebecca คงจะขาดน้ำตาลรุนแรงจริงๆ เธอจึงสั่งอาหารด้วยน้ำเสียงสั่นเทา และพูดตะกุกตะกักอีกด้วย ดังที่เธอเล่าผ่านเฟซบุ๊กของตนว่า “ฉันบอกกับพนักงานไปว่าฉันมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และต้องการอาหารมาก” และ “ตอนมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ จะคิดจะทำอะไรก็ยากไปหมด” แต่เธอก็ได้รับความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิด เพราะพอสั่งอาหารเสร็จปุ๊บ พนักงานที่ให้บริการเธอก็วิ่งมาหาเธออย่างรีบร้อน พร้อมยื่นไอศกรีมให้เธออย่างฉับไว แล้วบอกว่าทานได้ทันทีเลย หลังจากนั้น…
-
ส่องบ้านเด็กเล่นราคา 120,000 บาท ของหนูน้อย มีทั้งทีวี 50 นิ้ว-แชนเดอเลียร์คริสตัล หรูกว่าบ้านตูอี๊ก!!
แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคน ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของตัวเองเสมอ ต้องเลี้ยงดูให้อยู่สบายไม่ขาดตกบกพร่อง มีข้าวปลาอาหารดีๆ กินทุกมื้อ และมีเสื้อผ้ามีของเล่นให้ลูกได้ใส่ได้เล่นไม่มีเบื่อ แต่คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีพ่อแม่คนไหนรักลูกมาก จนถึงกับสร้างบ้านส่วนตัวให้กับลูกสาวซึ่งอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น สาวน้อยที่เรากำลังพูดถึงอยู่ เธอคือ Millie-Belle Diamond เธออาศัยอยู่กับพ่อแม่ในเมือง Noosa ประเทศออสเตรเลีย พ่อกับแม่ของเธอต้องการหาบ้านของเล่นให้กับลูกสาวของตัวเอง แต่ว่าพวกเขาหาแบบที่ต้องการตามใจเป๊ะๆ ไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจสร้างขึ้นมาเองซะเลย เธอโพสต์ในอินสตาแกรมว่า “ฉันหาบ้านของเล่นที่มีโคมไฟระย้ากับทีวีติดผนังให้ลูกไม่ได้ ฉันกับสามีเลยคิดแบบเองทำเองเลย” ดังนั้นบ้านของเด็กหญิงจึงถูกสร้างเองทั้งหมด ตัวบ้านทำขึ้นจากไม้และทาสีขาว ม่วง และชมพู ส่วนด้านหน้าบ้านก็มีต้นไม้ปลูกไว้ ประดับรอบบ้านด้วยไฟระยิบระยับสวยงาม และติดกระดิ่งไว้ให้สำหรับแขกที่มาเยือนบ้านเธอด้วย ภายในบ้านก็มีทั้งโคมไฟระย้าคริสตัลงามตา มีทีวีติดผนังขนาด 50 นิ้ว รวมไปถึงโซฟานุ่มนิ่มสีขาว และเปียโนขนาดพอดีตัวกับเด็กหญิงอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ตีเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือตีเป็นเงินประมาณ 120,000 บาท . ภาพทั้งหมดนี้ถูกโพสต์ลงอินสตาแกรมผ่านแม่ของเธอ Schye Fox เธอยังพูดทีเล่นทีจริงอีกว่าเดี๋ยวอาจจะมีแอร์มาติดเพิ่มด้วย ส่วนชาวเน็ตที่ได้เห็นภาพบ้านหลังนี้ของเด็กสาวต่างก็ออกความคิดเห็นกันว่า หากลูกของตนมีบ้านแบบนี้บ้าง พวกเธอคงดีใจมาก แต่ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งก็อิจฉาเด็กสาวที่มีบ้านหรูหราขนาดนี้ตั้งแต่เด็ก…
-
เจ้าของโวย เชลโลอายุ 210 ปี ราคาแพง พังยับบนเครื่อง แต่สายการบินเบี้ยวไม่รับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2017 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ออกมาโพสต์ถึงสายการบินที่แสนไร้ความผิดชอบ ที่ทำเชลโลของเขาแตกหัก โดยเขาไม่ได้รับการรับผิดชอบใดๆ จากทางสายการบิน ผู้โพสชื่อว่า Yu Hao Xuan มีอาชีพเป็นนักดนตรี เขาอาศัยอยู่ในปประเทศสหรัฐอเมริกา เขาจำเป็นต้องเดินทางทางอากาศจากเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองดีทรอยด์ รัฐมิชิแกน เขาจึงเลือกเดินทางกับสายการบิน Spirit Airlines โดยที่นำเชลโลคู่ใจติดไปด้วย ซึ่งเชลโลของเขามีชื่อรุ่นว่า Martin Stoss ผลิตขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ช่วงศตวรรษที่ 19 สิริอายุรวมกว่า 210 ปี จากการประเมินราคาล่าสุด มันมีมูลค่ากว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยได้กว่า 2.6 ล้านบาทเลยทีเดียว!! สภาพที่แตกหักของเชลโล . . . เขานำเชลโลตัวนี้ใส่กล่องของมันอย่างดี และใส่เข้าไปในกล่องกันกระแทกพร้อมทั้งห่อด้วยแผ่นกันกระแทกอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะนำกระเป๋าโหลดลงไปกับเครื่องบิน แต่พอลงมาจากเครื่อง ตัวเชลโลกลับแตกเป็นรูใหญ่และมีรอยร้าวยาวตามตัวเชลโลด้วย เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงได้โวยวายกับทางสายการบิน แต่กลับไม่มีพนักงานคนไหนกล่าวขอโทษเขาหรือว่าแสดงท่าทีรู้สึกผิดเลย ซ้ำยังพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบเชลโลของเขา ทั้งๆ ที่สายการบินนั้นแหละเป็นคนทำพัง เมื่อเห็นว่าสายการบินไม่ยอมรับผิดความเรื่องความเสียหาย เขาจึงตัดสินใจโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กของกลุ่มนักดนตรี เพื่อเตือนภัยแก่นักดนตรีท่านอื่น…
-
หญิงสาวถูกครหา ‘หน้าสด’ กับ ‘หน้าแต่ง’ แทบไม่เหมือนกันเลย เธอจึงต้องตอบโต้ด้วยความชาญฉลาด
ในโลกโซเชียลปัจจุบัน การถูกคอมเมนต์หรือการถูกครหานั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะชาวเน็ตมือไวที่แสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อคนบางคนโดยไม่รู้เลยว่านั้นเป็นสิ่งที่ทำร้ายพวกเขาได้เจ็บปวดที่สุด บล็อกเกอร์สาวคนนี้ก็เช่นกัน เธอโดนชาวเน็ตต่อว่า ว่าเธอนั้นมีใบหน้าที่น่าเกลียดในเวลาที่ไม่มีเครื่องสำอาง… Victoria Katei นักศึกษาวัย 19 ปี ตอนนี้เธอกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาจิตวิทยาและชีววิทยาในเมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้จะเรียนทางด้านจิตวิทยา แต่สิ่งหนึ่งที่เธอหลงไหลมากๆ ก็คือการแต่งหน้า โดยฝีมือของเธอนั้นเรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Katei ได้โพสต์ลงใน Instagram ของเธอ ด้วยแคปชั่นที่สร้างแรงบันดาลให้กับสาวๆ เกี่ยวกับการสร้างความมั่นใจและความน่ารักในแบบที่ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง “เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าจะมีหลายๆ คนพูดถึงรูปลักษณ์ของฉันในแบบที่ไม่แต่งหน้า และทำไมฉันถึงไม่โพสต์ภาพหน้าสดลงในอินตาแกรมบ้าง” “ในอินสตาแกรมของฉันโพสต์แต่ภาพที่แต่งหน้าสวยๆ ภาพที่ฉันไม่ได้แต่งหน้านั้นมันเหมือนกับหน้าปลาดุกและมันดูน่าเกลียดสุดๆ” “บางคนมาคอมเมนต์ว่าฉันควรฆ่าตัวตายซะ เพราะฉันมีรูปลักษณ์ปลอมๆ จากการแต่งหน้า ชาวเน็ตบอกฉันว่าไม่มีใครที่จะรักฉันได้หรอก เพราะว่าฉันน่ารังเกียจและต้องแต่งหน้าเพื่อปกปิด ‘ใบหน้าที่แท้จริง’ อยู่ตลอด” “เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันเลืิอกที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่ผู้คนพูด ก่อนอื่นฉันต้องการชี้แจงว่า ‘ฉันชอบตัวเองทั้งในเวลาที่แต่งหน้าและไม่ได้แต่งหน้า’ ฉันไม่ได้ใช้เครื่องสำอางเพื่อหลบซ่อนใบหน้าจากใครๆ เพราะฉันไม่ได้ขอข้าวพวกเขากิน บางคอมเมนต์ทำให้ฉันร้องไห้ แต่ฉันก็มักจะเตือนตัวเองเสมอว่าฉันมีดีมากกว่านั้น” “ฉันเป็นเด็กสาวที่ไปโรงเรียน ฟังเพลง ออกไปสนุกกัยเพื่อนๆ เป็นผู้หญิงที่รักการนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน เหงาๆ ก็ดู…
-
เหยยยย… เรียวหน้าวีเชฟ สาวผู้ประกาศข่าวเกาหลี ‘คางแหลมเกิ๊น’ จนชาวเน็ตตกใจกันใหญ่
เมื่อพูดถึงการศัลยกรรมแล้ว สาวๆ สมัยนี้คงมองมันเรื่องปกติ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ก็นั่นสินะไม่ว่าใครก็อยากที่จะมีใบหน้าที่สวยงามกันทั้งนั้น ยิ่งสำหรับสาวๆ ชาวเกาหลีใต้แล้ว การศัลยกรรมนั้นเป็นเรื่องปกติอย่างมาก โดย 1 ใน 5 คนของสาวเกาหลีนั้นมีเกณฑ์ที่ต้องเคยผ่านมีดหมอมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย การศัลยกรรมนั้นสามารถเปลี่ยนเราให้สวยขึ้นได้ ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้สาวๆ ดูเปลี่ยนไปในทางลบได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับสาวผู้ประกาศข่าวชาวเกาหลีใต้คนนี้ อย่างที่บอกไปข้างต้น การศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่สิ่งที่แปลกหูแปลกตาจนชาวเน็ตต้งออกมาจับผิด ก็คือลักษณะของคางที่เปลี่ยนไปของผู้ประกาศข่าวชาวเกาหลี ที่ดูภาพก่อนศัลยกรรมแล้ว เธอก็ดูน่ารักแบบธรรมชาติดี แต่ภาพหลังจากที่เธอไปศัลยกรรมมากลับดูมีคางที่เรียวแหลมมากกว่าปกติซะงั้น มีความเป็นสาวเกาหลีแบบเรียลๆ ยิ่งซูมยิ่งใช่ น่ารักสุดๆ ผ่ามม!!! แต่ในตอนนี้เธอมีใบหน้าที่ดูเซ็กซี่และโฉบเฉียวมากขึ้น เธอตัดสินใจเปลี่ยนคางของเธอให้แหลมเหมือนแจกัน ซึ่งอันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะ ชาวเน็ตญี่ปุ่นที่ได้เห็นภาพ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย “บอกฉันทีว่านี่คือ Photoshop!” “ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น?!” “ความปรารถนาที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์” “เธอไม่รู้จริงๆ ว่าความงามที่แท้จริงคืออะไร” “ดูเหมือนว่าคุณสามารถไถนาด้วยคางนี้ได้เลยนะ!!” แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นว่าไรกันบ้าง ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะคะ ที่มา en.rocketnews24
-
Justin Trudeau หลั่งน้ำตาขอโทษกลุ่มข้าราชการ LGBT หลังเคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม…
ในปัจจุบันกลุ่มคนรักร่วมเพศนั้นเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีตแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ถูกกดขี่จากสังคมรอบตัวอย่างมาก ทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศแคนาดาได้เล็งเห็นถึงความน่าละอายใจที่เราเคยปฏิบัติไม่ดีต่อพวกเขา จึงได้ออกมาทำบางสิ่งเพื่อชดเชยความผิดนี้f เนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ 1950 – 1990 รัฐบาลของแคนาดามีนโยบายกวาดล้างข้าราชการและทหารที่เป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ โดยทำการไล่ออกหรือบังคับให้พวกเขาต้องลาออกจากงาน ด้วยข้ออ้างว่าพวกเขาเป็นบุคคลมีปัญหาทางจิตและผิดเพศ กลุ่มคนที่เป็นผู้เสียหายจากการกวาดล้างของรัฐบาลในเวลานั้น รวมแล้วมีจำนวนถึงหลายพันคน พวกเขาต้องขาดรายได้ที่ควรจะมี หรือไม่มีสิทธิ์ทำงานที่พวกเขาต้องการ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน นายกคนปัจจุบันคือนาย Justin Trudeau จึงได้ออกมากล่าวขอโทษต่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ ที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม เขากล่าวต่อหน้าสื่อทั้งน้ำตาว่า “ที่ผมมาวันนี้ เพราะต้องการมาขอโทษต่อความผิดอันน่าละอายใจที่เราเคยทำต่อพวกคุณ พวกเราทำผิดไปแล้ว พวกเราขอโทษด้วยและอยากให้พวกคุณรู้ว่าเราเสียใจที่ทำแบบนั้น” “พวกเราทุกคนมีล้วนความผิดที่ทำให้พวกคุณถูกเลือกปฏิบัติ และก็เป็นความผิดของเราทุกคนเช่นกันที่พวกคุณเพิ่งได้รับคำขอโทษจากเราเอาป่านนี้ แม้ว่าหลายคนจะไม่มีชีวิตอยู่ทันฟังมัน อย่างน้อยก็อยากให้รับรู้ว่าเรารู้สึกผิดจากเบื้องลึกของหัวใจ” “เราขอสัญญาว่าจะดำเนินการในทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดไปให้ถูกต้อง และขอให้พวกคุณเชื่อใจเรา แล้วเราจะทำให้พูดคุณแน่ใจเองว่าจะไม่มีระบบผิดๆ นี้อยู่อีกต่อไป กลุ่มคนรักร่วมเพศในแคนาดาจะไม่ถูกเหยียดหยามและกดขี่อีกแน่นอน” คลิปการให้คำแถลงการณ์ขอโทษจาก Justin Trudeau การกระทำของ Justin Trudeau ได้รับการชื่นชมและยกย่องจากประชาชนทั่วโลก ที่เขากล้ามาเป็นตัวแทนขอโทษในสิ่งที่ทุกคนไม่มีใครกล้าออกมาพูดอย่างเปิดเผยจนถึงวันนี้ เราทุกคนควรระลึกอยู่เสมอว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่การความชอบและรสนิยมตรงกัน แต่อยู่ที่คุณธรรมและจริยธรรมในจิตใจต่างหาก ที่มา: CBC, Fortune, postjung, Maclean’s
-
อดีตนายพล ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายกลางศาล หลังถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ในข้อหาอาชญากรสงคราม
เป็นธรรมดาที่ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกตัดสินโทษในหลายๆ คดี มักจะหนีโทษด้วยการหลบหนีหรือการฆ่าตัวตาย เพื่อไม่ให้ตนต้องทุกข์ทรมานรับการลงโทษ แต่จะมีสักกี่คนเชียวที่กล้าฆ่าตัวตายอย่างโจ่งแจ้งท่ามกลางสื่อแบบ Slobodan Praljak อดีตนายพลในกองทัพโครเอเชียในช่วงปี 1991 – 1995 คนนี้ เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นอาชญากรสงคราม เนื่องในช่วงศตวรรษที่ 19 เขาเคยเป็นผู้นำในการฆ่าล้างกลุ่มชาวมุสลิมในประเทศยูโกสลาเวีย เพราะเขาต้องการสร้างรัฐที่มีแต่สายเลือดบริสุทธิ์ของชาวบอสเนียและโครแอตเท่านั้น ภาพอดีตนายพล Praljak กำลังไปรับคำตัดสินที่ศาลเมืองเฮก คดีนี้ยืดเยื้อมานานหลายสิบปี จนล่าสุดเขาถูกคณะตุลาการอาญาระหว่างประเทศตัดสินโทษจำคุก 20 ปี ในเมืองเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างชัดเจน เขาพยายามที่จะยืนกรานความบริสุทธิ์ของตนโดยพูดว่า “ศาลที่เคารพ ผมนาย Slobodan Praljak ไม่ได้เป็นอาชญากร” นอกจากนี้เขายังแสดงการต่อต้านคำตัดสินของศาลโดยบอกว่า “ผมขอปฏิเสธคำตัดสินนี้” หลังจากนั้นเขาก็ยกบางอย่างขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วพูดหน้าตาเฉยว่าผมพึ่งดื่มยาพิษเข้าไป สร้างความตื่นตระหนกและมึนงงให้กับคนทั้งศาลเลยทีเดียว หลังจากนั้นศาลจึงแจ้งให้ยุติการตัดสินคดีนี้ไปก่อนและรีบเรียกรถพยาบาลให้กับนาย Praljak เพื่อช่วยชีวิตเขา แต่คงจะไม่ทันการณ์เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิตลง ภาพของรถพยาบาลที่มาเพื่อรับตัวอดีตนายพลไปรักษา คลิปขณะที่เขาดื่มยาพิษต่อหน้าศาล ที่มา : Quartz, Dailymail, RT
-
เรื่องจริงของ ‘Girl In The Box’ หญิงที่ถูกขังไว้ในกล่อง เป็นทาสเซ็กส์ 7 ปี จนถูกสร้างเป็นหนัง
อ่านจากพาดหัวแล้วอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องจากนวนิยายสืบสวนหรือเปล่า? แต่ขอยืนยันเลยว่าทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง #เหมียวฟิ้นจึงขอหยิบมาเล่าสู่กันฟัง ให้สาวๆ ได้ระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ส่วนผู้ชายเองก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับคนรอบข้างของพวกคุณด้วยนะ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เริ่มเกิดขึ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม ปี 1977 และยาวนานจนถึงปี 1984 เมื่อ Colleen Stan หญิงสาวชาวอเมริกันวัย 20 ปี จากรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โบกรถเพื่อจะเดินทางไปที่เมืองเรดดิง รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อเข้าร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน หลังจากที่โบกรถอยู่ได้สักพัก ก็มีรถคันหนึ่งยอมจอดรับเธอ ภายในรถมีคู่สามีภรรยา Cameron Hooker และ Janice Hooker กับลูกวัย 8 เดือน แต่หลังจากขึ้นรถไปได้ไม่นานนาย Cameron ก็หยิบมีดออกมาขู่ใส่ Colleen และบังคับให้เธอเข้าไปอยู่ในกล่อง เพื่อไม่ให้เธอส่งเสียงหรือถูกพบเห็นเข้า ทั้งนาย Cameron พา Colleen กลับไปที่บ้านของพวกเขาแล้วมัดข้อมือของเธอเข้าไว้ด้วยกัน ก่อนจะซ้อมเธออย่างรุนแรงและข่มขืนเธอแบบซาดิสม์ จากนั้นพวกเขาก็บังคับให้เธออยู่แต่ข้างในกล่องเล็กๆ ที่ยัดอยู่ไว้ใต้เตียงอีกที ในสภาพเปลือยเปล่าตลอด 23 ชั่วโมงต่อวัน และถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดคุยกับคนแปลกหน้าคนอื่นๆ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากสำหรับเธอ นาย Cameron ได้บอกกับ…
-
เน็ตไอดอลสาว 3 พี่น้อง ใช้ชีวิตหรูหราเพราะมีหนุ่มๆ ส่งของให้ใช้ฟรีๆ กว่า 4 ล้านบาท!!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่าในโลกนี้ยังมีสาวๆ แสนสวย ที่มีชีวิตหรูหราใช้ของแบรนด์เนม ที่มีหนุ่มๆ ส่งมาให้เธอใช้แบบฟรีๆ เพียงเพราะเห็นรูปพวกเธอผ่านทางอินเตอร์เน็ต แถมยังไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้ากันมาก่อนด้วยนะ!! เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Uniland เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เผยเรื่องราวของ 3 พี่น้อง Lucy Brooks วัย 28 ปี Sophie วัย 26 ปี และ Stacie วัย 25 ปี ที่ได้รับข้าวของเครื่องใช้ฟรีๆ จากหนุ่มๆ แฟนคลับที่ติดตามพวกเธอผ่านอินเตอร์เน็ต สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพวกเธอทั้ง 3 มีหน้าตาที่สวยงามและทรวดทรงที่เซ็กซี่ พวกเธอจึงอัพรูปลงในโซเชียลบ่อยๆ จนกลายเป็นเน็ตไอดอลในเวลาต่อมา จากนั้นก็เริ่มมีหนุ่มๆ ให้ความสนใจและส่งของใช้มาให้เธอมากขึ้นๆ รวมมูลค่าแล้วกว่า 75,000 ปอนด์ หรือประมาณเกือบ 4,000,000 บาททีเดียว จากการที่พวกเธอได้รับข้าวของเครื่องใช้แบบฟรีๆ นี้ อาจทำให้บางคนมองว่าวิธีการของพวกเธอก็ไม่ต่างอะไรกับการขายตัวเพื่อแลกเงิน แต่พวกเธอไม่ได้คิดแบบนั้น Lucy กล่าวต่อประเด็นนี้ว่า “มันไม่เหมือนกัน…
-
อย่าเชื่อสิ่งที่เห็น…ศิลปินญี่ปุ่น ใช้ศิลปะสลับผักเป็นผลไม้ ผลไม้เป็นผัก อ้าว งงเลยดิ!?
มนุษย์ทุกคนเข้าใจกันดีว่าสายตาของเรานั้นช่วยบอกเราได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร มีรูปร่างยังไง และสีสันอะไร แต่ช้าก่อน บางทีสายตาก็อาจจะหลอกลวงคุณได้เหมือนกันนะ ถ้าอยากรู้ว่ามันจะหลอกเราได้ยังไง งั้นไปชมกัน นี่เป็นผลงานไอเดียแปลกๆ ของ Hikaru Cho วัย 23 ปี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย Musashino Art University ในญี่ปุ่น เธอมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงพืชผักผลไม้ให้กลายเป็นสิ่งอื่นด้วยสีสัน จนคุณไม่มีทางเดาออกว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่? ดูด้วยตา นี่อาจจะเหมือนแตงกวา แต่จริงๆ แล้วข้างในเป็นกล้วย ผ่าง!? ดูข้างนอกเหมือนส้มเลยใช่ไหมล่ะ? แต่ความจริงคือมะเขือเทศ ผ่างง!? ดูยังไงๆ ก็มะเขือม่วง อ่าว ไข่นี่หว่า ผ่างงง!? ดูเผินๆ อาจจะเหมือนขนมไดฟูกุไส้ถั่วแดง อ้าวส้มนี่หว่า ผ่างงงง!? วัตถุบางอย่างที่ถูกตกแต่งเป็นหน้าคนจนดูไม่ออกว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน… อ๋อมันฝรั่ง ผ่างงงงงง!? บางคนอาจจะรู้สึกขยะแขยงกับหนอนตัวนี้ จริงๆ ก็แค่กลีบเนื้อส้มเฉยๆ ผ่างงงงงงง!?…
-
สาวจีนมัวแต่เล่นวีแชท รู้ตัวอีกทีก็ลงไปอยู่ในสระน้ำพร้อมกับรถหรูมูลค่า 10 ล้านบาท!!
เรียกว่าเป็นความสูญเสียมูลค่าหลายล้านที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เมื่อสาวจีนคนหนึ่งได้ขับรถสุดหรูของเธอพุ่งลงสระน้ำข้างทาง ด้วยสาเหตุที่ว่าเธอมัวแต่เล่นวีแชทจนไม่ได้มองถนน เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน โดยทาง South China Morning Post รายงานว่า ระหว่างทางที่หญิงสาวกำลังขับรถ Maserati GranTurismo มูลค่ากว่า 10 ล้านบาทไปยังเมืองหนานจิง เธอก็มัวแต่พิมพ์วีแชทจนสุดท้ายรถเสียหลักพุ่งลงบ่อน้ำข้างทาง แต่อีกสื่อหนึ่งก็ได้รายงานแตกต่างกันออกไป โดยได้รายงานว่าหญิงสาวนั้นหักหลบรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามา สุดท้ายเสียการควบคุมรถไปจนพุ่งลงบ่อน้ำข้างทาง อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการรายงานต้นเหตุของเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนกันคือรถหรูของเธอจบสภาพลงที่บ่อน้ำข้างทาง ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ Xu Jie ผู้มารับผิดชอบในคดีนี้ก็บอกว่า “ตอนที่ผมมาถึงยังที่เกิดเหตุ หญิงสาวคนนี้ก็กำลังเดินออกจากสระน้ำด้วยอาการสั่นจากอากาศที่หนาวเย็น โชคยังดีที่น้ำไม่ลึกมากนักโดยตัวรถยังไม่จมลงไปทั้งหมดเหลือส่วนหลังคาไว้เกือบๆ 30 เซนติเมตร นอกจากนี้ตัวรถก็ยังทำงานได้ปกติดี” นอกจากความเสียหายที่เกิดจากตัวรถแล้ว ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ จะมีก็แต่หญิงสาวเจ้าของรถที่ถูกตั้งข้อหาใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ จึงโดนปรับเป็นเงิน 50 หยวน หรือเป็นเงินไทยราวๆ 250 บาท สุดท้ายแล้วก็ไม่มีการรายงานต่อว่า หญิงสาวได้ทำยังไงกับตัวรถหลังจากยกมันขึ้นจากบ่อน้ำ และตัวเธอนั้นเป็นเจ้าของรถหรือไม่นั้น ก็คงต้องรอรายงานกันต่อไป… ที่มา nextshark
-
หนุ่มเห็นป้าย ‘แจกลูกหมาฟรี’ อยากได้เลยขอรับมาเลี้ยง โตขึ้นกลายเป็น ‘หมาป่า’ ซะงั้น…
ใครที่ชอบของฟรี ของแถม ของที่ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนล่ะก็ คุณอาจจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองหน่อยแล้ว เพราะไม่งั้นคุณอาจกลายเป็นผู้โชคดี (เหรอ) แบบชายคนนี้ได้ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Boredpanda ได้เผยแพร่เรื่องของชายหนุ่ม (สงวนนาม) คนหนึ่งในเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน เขาได้ไปเห็นป้าย “แจกลูกหมาฟรี” ถูกติดไว้ไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง เมื่อได้เห็นคำว่าฟรี เขาก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปในบ้านหลังนั้นเพื่อขอลูกหมามาเลี้ยง เขาเปิดประตูเข้าไปก็พบกับลูกหมาดวงตาสีเหลืองน่ารักตัวหนึ่ง เขาจึงรับมาเลี้ยงและตั้งชื่อให้มันว่า Neon แต่แล้วสิ่งแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อลูกหมาที่เขาเลี้ยง ค่อยๆ ขยายร่างใหญ่ขึ้นเกินกว่าที่จะเป็นหมาธรรมดา และเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่า นั่นมันคือหมาป่า!! เจ้า Neon ค่อยๆ แสดงท่าทีออกมาทีละน้อยๆ เช่น การขุดดิน กระโดดข้ามรั้วบ้านออกไปอย่างง่ายดาย มันเริ่มไม่สนใจสิ่งที่เจ้านายพูดหรือมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับมนุษย์ สิ่งเดียวที่มันสนใจคือเพื่อนๆ สุนัขของมันมากกว่า นานวันความเป็นหมาป่าของมันจะยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความสูงใหญ่และขนที่หยาบกระด้าง มันแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการเลี้ยงดูภายในบ้านแบบหมาทั่วๆ ไปเริ่มไม่เหมาะกับมัน …
-
เจ๋งอ่ะ… ‘กล่องความเป็นแม่’ ที่หญิงชาวฟินแลนด์ จะได้รับฟรีจากรัฐ เมื่อเธอตั้งท้อง!?
เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์ของคุณแม่ ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างด้วยกัน เพื่อลูกน้อยที่กำลังจะคลอดออกมา ซึ่งทางรัฐบาลของฟินแลนด์ใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ก็เลยจัดกล่องสุดพิเศษให้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน โดยมีชื่อเรียกกันว่า Maternity Box หรือ กล่องแห่งความเป็นแม่ มาให้ เอ๊ะ!? แล้วในกล่องนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่นะ มาดูกันดีกว่า เมื่อรัฐบาลรู้ว่ามีคุณแม่ตั้งครรภ์ ก็จัดกล่องแห่งความเป็นแม่มาให้ ซึ่งสามารถไปรับได้ที่ทำการไปรษณีย์ได้ทันที (แมวเหมียวยังตื่นเต้นไปด้วยเลยอ๊ะ) ขนาดของกล่องก็ใหญ่เบ้อเร่อ ข้างในจะมีอะไรซ่อนอยู่น้าาาา? คุณแม่ท่านนี้ก็จัดการเปิดกล่องเพื่อดูสิ่งของที่อยู่ข้างใน เปิดกล่องออกมาก็เจอกับ เสื้อกันหนาว หมวก และถุงมือ ซึ่งก็เป็นของใหม่หมดเลยด้วย นอกจากนั้น ก็ยังมีหมวกไหมพรม ,ถุงเท้า, ถุงน่อง, ถุงเล็กๆ ที่มีหนังสืออยู่ภายใน รวมทั้ง ของเล่นเด็กต่างๆ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยสำหรับเด็กทารก (ให้มาเยอะมาก) ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ รัฐบาลฟินแลนด์ก็จัดผ้าอ้อม, ผ้าขนหนู แล้วก็เสื่้อผ้าเด็กคุณภาพสูงของประเทศฟินแลนด์ให้อีกด้วย ใส่ได้ทั้งเด็กหญิงและเด็กชายเลย และสิ่งที่อยู่ใต้สุดของกล่องก็คือ ที่นอนสำหรับเด็กทารกแรกเกิด ที่คุณแม่สามารถให้ลูกน้อยนอนได้ทันที ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว …
-
หน้าสดยามไร้เครื่องสำอาง ของ 7 ผู้ประกวด Miss Universe แต่ละคนเป็นอย่างไร…
ในวงการนางงามนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเครื่องแต่งกายสวยๆ และการแต่งหน้าสุดอลังการที่จะช่วยชูให้สาวๆ ผู้เข้าประกวดทุกคนนั้นส่องประกายความงามออกมา ซึ่งก็มีเพียงน้อยนักที่เราจะได้เห็นใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางของพวกเธอ และถ้าหากพวกเธอเปลื้องใบหน้าออกจนหมด ยังจะคงความงดงงามได้เหมือนบนเวทีหรือไม่ ดังนั้นเรามาดูสาวๆ ผู้เข้าประกวดจาก Miss Universe 2016 ที่ผ่านมา ว่าพวกเธอมีมุมมองความงามกันอย่างไรบ้าง Johanna Acs อายุ 24 ปี จาก Germany “สำหรับฉันความมั่นใจหมายถึงสูตรสำเร็จความสวยในตัวของมันเอง” “ฉันเรียนรู้ที่จะรักตัวเองและรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นตัวของฉันเอง” Connie Jimenez hails อายุ 21 จาก Ecuador “ทุกคนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง แต่บางครั้งก็ยากที่จะหาความเชื่อมั่นในตัวคุณเอง” “กุญแจสู่ความมั่นใจคือความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำและความภาคภูมิใจในตัวคุณเอง” Ntandoyenkosi Kunene อายุ 24 ปี จาก South Africa “ฉันรู้ว่าฉันไม่สมบูรณ์แบบ แต่มีความภาคภูมิใจในภูมิหลังทางวัฒนธรรมของฉันและความฝันของฉันเป็นจุดที่ทำให้ฉันมีความมั่นใจมากที่สุด” Roshmitha Harimurthy อายุ 22 ปี จาก India “ปัญญาและความศรัทธาในตัวเองทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจ…
-
หนุ่มอยากพาสาวออกเดท ส่งข้อมูลบัตรเครดิตไปให้ เธอก็เอาเงินไปซื้อ “บ้านลม” ซะเลย!!
ผู้ชายทุกคนจะมีวิธีเอาชนะใจสาวแตกต่างกันไป บางคนจะพาพวกเธอไปดูหนังต่อด้วยเลี้ยงข้าวหรืออาจมีเซอร์ไพรส์ที่จะทำให้เธอคนนั้นรู้สึกประทับใจในตัวคุณ เหมือนกับชายคนหนึ่งที่พยายามจะเอาชนะใจสาววัย 17 ปีที่ชื่อว่า Leagan Wilson และดูเหมือนเขาจะชอบเธอมากถึงขนาดส่งข้อมูลบัตรเครดิตให้เธอเอาไปใช้ได้ตามสบายเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา หญิงสาวเล่าว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่เธอเจอเมื่อ 2 ปีก่อนตอนที่ไปเข้าค่ายด้วยกัน ข้อมูลบัตรที่สามารถนำไปใช้จ่ายอะไรก็ได้ เมื่อทั้งสองคุยกันผ่านแชทออนไลน์และเธอบอกเขาไปตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกเหมือนกันกับเขา ชายคนนั้นก็ตอบกลับมาว่าจะออกไปจากชีวิตของเธอ แต่กลับส่งภาพบัตรเครดิตมาให้เพื่อพยายามชวนเธอไปออกเดทด้วยให้ได้ แม้เขาจะบอกว่าให้เธอสามารถเอาบัตรไปซื้ออะไรก็ได้ที่เธอต้องการ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงปฏิเสธเขาอยู่ดีและรู้สึกว่านี่ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเอาซะเลย นอกจากนั้นเธอก็ได้ทิ้งของขวัญสุดวิเศษเอาไว้ให้กับเขาอีกด้วย สีสันสดใสดึงดูดเหมาะสำหรับงานวันเด็ก เพราะเธอได้เอาข้อมูลบัตรไปซื้อปราสาทลมสีสันสนใสที่พอใครเห็นแล้วก็คงจะอยากพาเด็กๆ มาเล่นแน่นอน น่าเอาไปไว้ในสนามหญ้าหลังบ้านจริงจริ๊งงง สิ่งที่เธอซื้อนี้ทำเอาเจ้าของบัตรถึงกับเอ๋อรับประทานและรีบส่งข้อความว่า “นี่มันคืออะไรกัน?” ไปหาเธอทันทีเมื่อเห็นอีเมลยืนยันการชำระเงิน เธอบอกว่า “ฉันขับรถผ่านเจ้าสิ่งนี้และนึกขึ้นได้ว่ามีบัตรเครดิตอยู่ แล้วทำไมฉันจะไม่ลองซื้อปราสาทลมนี้ดูละ? ที่จริงฉันก็ได้ใช้ซื้อนักเก็ตไปด้วยนะ แต่ก็มีเพียงแค่สองอย่างนี้เท่านั้นแหละ” งงสิครับ ส่งข้อความมาให้ไวเลย เหวอไปเลยสิคะคุณผู้ชม ชายคนนั้นเป็นคนบอกเธอเองว่าซื้ออะไรก็ได้นี่นา จะซื้อปราสาทลมก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันอีกและตอนที่เธอเอาเรื่องนี้มาโพสต์ลงในทวิตเตอร์ เขาก็เพียงขอไม่ให้เธอเปิดเผยตัวตันของเขาเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เธอทำว่าเธอเปรียบได้กับ “ฮีโร่” และ “ไอดอล” ของสาวๆ ทั้งหลาย ที่หาวิธีแก้เผ็ดได้อย่างเจ็บแสบเอาไม่น้อย …
-
ช่างภาพสาวเสพติด ‘การซื้อเลนส์กล้อง’ ลองใช้กล้อง 35 บาท 1 เดือน เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเอง
อย่างที่#เหมียวฟิ้นและใครหลายๆ คนพยายามบอกเสมอว่าการจะถ่ายภาพๆ หนึ่งให้ออกมาดูสวยงามนั้น ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ มุมมองของช่างภาพ การจัดวางต่างๆ เป็นหลัง ส่วนอุปกรณ์เสริมเช่นเลนส์ ขาตั้ง ฟิลเตอร์ ก็อาจจะมีส่วนช่วยให้ภาพสวยอยู่ แต่ต่อให้มีสิ่งเหล่านั้นแต่ตัวช่างภาพไม่มีมุมมองที่แปลกใหม่ ไม่มีวิสัยทัศน์ ก็อาจจะทำให้ภาพที่ได้ออกมาดูธรรมดาๆ เหมือนกล้องดิจิตอลธรรมดาๆ ก็ได้นะ ซึ่งวันนี้เราจะขอมาพิสูจน์เรื่องนั้นกันอีกสักรอบ กับช่างภาพสาว Skyler Adams ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นจิตใจ แต่วันหนึ่งเธอเริ่มรู้สึกตัวว่าเธอเอาแต่ซื้อแลพึ่งพาอุปกรณ์เสริมกล้องมากเกินไป เธอจึงอยากจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับการถ่ายภาพของเธอ เธอออกไปซื้อกล้องฟิล์มแบบใช้แล้วทิ้งในราคาประมาณ 35 บาท พร้อมกับม้วนฟิล์มหมดอายุจาก Fujifilm ในราคา 70 บาท จากนั้นเธอก็ใช้มันถ่ายสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นเวลา 1 เดือน Skyler กล่าวถึงไอเดียและประสบการณ์ในการใช้กล้องราคาถูกว่า “ฉันอยากจะท้าทายตัวเองที่เป็นโรคชอบซื้ออุปกรณ์เสริมกล้อง ฉันเลยตัดสินใจเลือกถ่ายภาพด้วยกล้องราคา 35 บาท เป็นเวลา 1 เดือน” “ฉันรู้สึกประหลาดใจมากกับคุณภาพของภาพถ่ายที่ฉันได้จากฟิล์ม 38 มิลลิเมตร การตั้งค่า ISO แบบแมนน่วลช่วยให้ฉันสามารถเล่นกับการชดเชยแสงได้ แต่ความยากลำบากส่วนใหญ่อยู่ที่การหาแสงดีๆ นี่แหละ”…
-
นี่มันเมืองศิลปะ!! 28 สิ่งปลูกสร้างทรงโมเดิร์นในสไตล์ญี่ปุ่น อยากบินไปเที่ยวซะเดี๋ยวนี้เลย
ประเทศญี่ปุ่นนี่เขามีอะไรให้เราร้อง “ว๊าว” ตลอดเวลาเลยจริงๆ นะ ทั้งวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่ก้าวไกลก็มาจากญี่ปุ่นทั้งนั้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเก่งไม่แพ้กันก็คือเรื่องการออกแบบอาคารนี่แหละ แม้ว่าพวกเขาจะประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ไปลดความสามารถในการออกแบบสิ่งปลูกสร้างเจ๋งๆ ได้เลย ถ้าไม่เชื่องั้นลองไปชม 28 อาคารและสิ่งปลูกสร้างตัวอย่างจากญี่ปุ่นกันเถอะ 1. สนามเด็กเล่นรอบต้นไม้แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น 2. โรงเรียนอนุบาลในญี่ปุ่นเปิดหลังคาโล่งกลางอาคาร เพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นน้ำฝนในบางโอกาส และถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในอาคาร 3. บ้านทรงแปลกในญี่ปุ่น 4. บ้านคล้ายกระโจม สำหรับสาวปลดปลดเกษียณในญี่ปุ่น 5. แกลอรี่ในชิบุยะ 6. ธนาคาร Sugamo Shinkin เมืองคะวะงุชิ 7. Nakagin Capsule Tower กรุงโตเกียว (หน้าตาอย่างกับตู้ซักผ้า) 8. บ้านสไลเดอร์ 9. บ้านและสวนในกรุงโตเกียว 10. โบสถ์ Ribbon ในฮิโระชิมะ 11. อาคาร Acros ในฟุกุโอกะ …
-
คิดได้ไง? ชม 20 โฆษณาข้างรถเมล์สุดครีเอท ทั้งติดตราตรึงใจจนอยากจะปรบมือให้คนคิด
รถเมล์นอกจากจะเป็นยานพาหนะโดยสารสาธารณะแล้ว มันยังเป็นแผ่นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ชั้นดีเลย เพราะเนื่องจากมีพื้นที่รอบๆ ตัวค่อนข้างกว้าง แบรนด์หรือหน่วยงานต่างๆ จึงใช้พื้นที่เหล่านั้นในการติดสติ๊กเกอร์โฆษณากัน แต่แค่ข้อความหรือพรีเซ็นเตอร์แบบปกติมันดูไม่เตะตาน่าจดจำอีกต่อไปแล้ว คุณอาจจะคิดว่าแล้วแบบไหนถึงจะน่าจดจำ? งั้นลองมาดูภาพรถเมล์ทั้ง 20 คันนี้หน่อย คุณอาจจะร้อง “ว้าว” เลยก็ได้นะ 1. รถซ้อนรถ 2. โฆษณาผงซักฟอก 3. รถบัสของเล่น 4. จริงๆ แล้วเป็นรถเก็บขยะ 5. โฆษณาขนม 6. มีรถลีมูซีนซ้อนอยู่ด้วย 7. โฆษณาของ National Geographic 8. ขับรถโปรดระมัดระวัง 9. โฆษณาแปรงฟัน 10. จริงๆ แล้วกำลังเปิดกระเป๋าตังค์อยู่ 11. น้ำหนักของคุณอาจทำให้รถบัสเอียงแบบนี้… 12. โฆษณาสวนสัตว์ 13.…
-
นักจิตวิทยาฝรั่งเศส สร้างภาพวาดโลกเหนือจินตนาการ ด้วยแรงบันดาลใจจาก Tim Burton
ในบรรดานักจิตวิทยาทั่วโลก คงจะไม่มีใครเฟี๊ยวได้เท่ากับนาย Ciryl Rolando นักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศสวัย 32 ปีรายนี้อีกแล้วล่ะ เพราะเขามีงานอดิเรกเป็นการวาดภาพตามจินตนาการล้ำๆ ที่มีมุมมองต่อโลก ความสัมพันธ์และสีสันที่แตกต่างจากนักวาดภาพทั่วๆ ไป พบกันตรงครึ่งทาง นาย Ciryl Rolando มีนามปากกว่าว่า Aquasixio เขาบอกว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างภาพทั้งหมดนี้มาจาก Hayao Miyazaki (ผู้กำกับแอนิเมชั่นชื่อดังชาวญี่ปุ่น) และ Tim Burton (ผู้กำกับที่มีมุมมองต่อสิ่งต่างๆ ได้แหวกแนว) Rolando บอกว่า “Tim Burton และ Hayao Miyazaki คือรากฐานให้กับโลกของผม ผมชอบการเคลื่อนไหวแบบเหนือจริง” ส่วนใหญ่แล้ว ผลงานต่างๆ ที่เขาวาดจะถูกอัพโหลดขึ้นไปบนเว็บไซต์ DeviantArt ซึ่งเขาก็อธิบายตัวตนของเขาเอาไว้ว่า “ผมชอบความไร้สาระ ความคิดสร้างสรรค์และจักรวาลที่มีเสน่ห์ ที่ซึ่งสีสันต่างๆ เป็นตัวก่อให้เกิดอารมณ์ทั้งหลาย มากกว่ารอยยิ้มเป็นพันหรือน้ำตาเป็นล้านๆ” ภาพเกือบทั้งหมดของ Rolando จะให้อารมณ์เศร้าๆ หน่อย หรือถ้าเป็นความสุขก็จะเป็นความสุขที่ปนไปด้วยความมืดมน เราสามารถติดตามผลงานของเขาได้ทั้งช่องทาง AquaSixio และเฟซบุ๊ค Aquasixio – Cyril ROLANDO ที่ตอนนี้มีคนกดไลค์ให้มากเกือบ 300,000…
-
ตัลร๊ากกก!! 19 ภาพยืนยันว่า ‘โรงพยาบาลสัตว์’ เป็นสถานที่ทำงานน่ารักสุดในโลกแล้ว
การได้ทำอาชีพสัตวแพทย์และคอยดูแลเหล่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยในยามเจ็บไข้ได้ป่วย ถือเป็นความฝันของใครหลายๆ คนที่รักสัตว์เลยนะ และนอกจากจะได้รักษาสัตว์น่ารักๆ แล้ว เหล่าสัตวแพทย์ยังมีเรื่องราวดีๆ มากกว่าที่คุณคิดอีกนะ วันนี้แอดเหมียวได้รวบรวมเอา 19 ภาพน่ารักๆ ที่ช่วยยืนยันกับพวกเราว่าการเป็นสัตวแพทย์นั้นมีข้อดีกว่าแค่ได้เจอสัตว์เท่านั้น รับรองว่าแต่ละภาพนั้นคุณจะต้องร้องว่า “โอ้ววววว” 1. เจ้าสุนัขใจกล้า มาให้รักษาซะดีๆ 2. สัตวแพทย์ในไต้หวันถ่ายเซลฟี่กับเจ้าเหมียว 3. สัตวแพทย์กำลังปลอบปะโลมเจ้าหมาอยู่ 4. สัตวแพทย์หล่อและเจ้ากะรอกน้อย 5. นี่คือเหตุผลว่าทำไมชายคนนี้ถึงรักการเป็นสัตวแพทย์ 6. เจ้าหมาขอบคุณสัตวแพทย์ แผล่บๆ 7. เจ้าเหมียวนอนอุ่นอยู่ในกระเป๋าของสัตวแพทย์ น่ารักม๊าก 8. เจ้าเหมียว “เชลดอน” เองก็ชอบอยู่ในกระเป๋าเหมือนกัน 9. แอชตัน เจ้าเหมียวกระเป๋า 10. เจ้าเหมียวตัวนี้เดินทางไปทั่วโรงพยาบาล พร้อมกับกระเป๋าเสื้อของสัตวแพทย์เลย 11. นี่คือใบหน้าที่รู้สึกดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาจากสัตวแพทย์ 12.…
-
13 เรื่องจริง เกี่ยวกับ “โดราเอมอน” ที่หลายๆ คนอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
หากเราจะพูดถึงการ์ตูนญี่ปุ่นดังๆ สักเรื่อง การ์ตูนที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ดูได้ไม่เบื่อตั้งแต่เด็กจนโต หลายๆ คนคงจะตอบว่าโดราเอมอน อย่างแน่นอน เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวใกล้ตัว มีของวิเศษที่ช่วยเติมเต็มความฝัน และมิตรภาพดีๆ จากเจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าจนเราอยากจะมีเพื่อนแบบนั้นในชีวิตจริงเลย ถ้านับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ตอนนี้การ์ตูนเรื่องโดราเอมอนก็มีจำนวนตอนปาเข้าไปหลายร้อยหลายพันตอน รวมกับฉบับมูฟวี่อีกกว่า 37 ตอน มีข้อมูลและเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าแมวสีฟ้าตัวนี้ออกมากมาย และด้วยความที่มันเป็นแมวเหมือนกับเรา #เหมียวฟิ้น เลยนึกครึ้มใจอยากจะรวบรวมข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเจ้าแมวอ้วนตัวนี้มาให้แฟนๆ ได้อ่านกัน บางข้อคุณอาจจะยังไม่เคยได้ยินมันจากที่ไหนเลยก็ได้ 1. ตามท้องเรื่องแล้วโดราเอมอนถูกสร้างโดยบริษัทที่ชื่อ Matsushiba Robot Factory เมื่อวันที่ 3 กันยายนปี 2112 หรืออีกประมาณ 95 ปีข้างหน้า 2. โดราเอมอนมีรหัสประจำตัวด้วยนะ รหัสคือ MS-903 3. หลายๆ คนคงรู้ว่าโดราเอมอนมีน้องสาวที่ชื่อโดเรมี จากข้อมูลระบุว่าเธอมีพละกำลังเทียบเท่ากับม้า 10,000 ตัว ในขณะที่โดราเอมอนมีพละกำลังเทียบเท่าม้าแค่ 129.3 ตัวเท่านั้น 4. หลายคนคงคุ้นเคยกับเพลงเปิดโดราเอมอนที่ชื่อ Doraemon no uta แต่ทางญี่ปุ่นได้มีการยกเครื่องซีรี่ส์โดราเอมอนใหม่ ปรับเปลี่ยนลายเส้นและเพลงเปิดตั้งแต่ปี…
-
ชาวเน็ตแดนอาหรับโจมตีหนัก รับไม่ได้กับสาวนางแบบนุ่งสั้น ถ่ายคลิปเดินเล่นในโบราณสถาน!!
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก เมื่อล่าสุดได้มีนางแบบสาวนางหนึ่งไปเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์ในดินแดนตะวันออกกลาง พร้อมกับถ่ายคลิปลงแอพพลิเคชั่น Snapchat ภาพที่ปรากฎนั้นเป็นตัวเธอเองนุ่งกระโป่งสั้นเสื้อครอปท็อป ซึ่งทำให้ชาวเน็ตที่นับถือศาสนาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ดังกล่าวเกิดความไม่พอใจสุดขีด!! นางแบบสาวคนดังกล่าวมีชื่อว่า Khulood ซึ่งเธอได้ไปยังเมือง Ushaiqer ซึ่งเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งในประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยถ่ายอัดคลิปสั้นๆ ในระหว่างที่เธอเดินท่องเที่ยวชมเมือง ทว่าเมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างออกมาแสดงความไม่พอใจกันยกใหญ่ เพราะว่าการแต่งกายของเธอนั้น ถือเป็นการเย้ยกฏหมายของประเทศที่เน้นเรื่องการแต่งกายอย่างเข้มงวด ความเห็นชาวเน็ตส่วนใหญ่ก็จะออกไปประมาณว่า บุคคลที่ไม่ให้ความเคารพในกฏของอาณาจักรจะต้องถูกลงโทษ หรือคนที่ไม่คารพกฏหมายจะต้องถูกจัดการอย่างถึงที่สุด ไม่พอแค่นั้น Ibrahim al-Munayif นักเขียนชาวซาอุฯ ที่มีผู้ติดตามกว่า 4 หมื่นคนก็ออกมาทวีตในทางเดียวกันว่า “เช่นเดียวกับเวลาที่ใครก็ตามต้องเคารพกฎของประเทศที่พวกเขาเดินทางไป ฉะนั้นพวกคุณก็ควรจะเคารพกฎของประเทศนี้ด้วยเช่นกัน” และแน่นอนว่าเมื่อมีคนที่ไม่เห็นด้วย ก็ย่อมมีคนที่เห็นด้วย ชาวเน็ตอีกกลุ่มหนึ่งก็ต่างออกมาพูดและปกป้องนางแบบสาวคนดังกล่าวทำนองว่า… โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว และนักท่องเที่ยวทุกคนก็ไม่ได้สวมใส่ชุด Abaya เหมือนกับคนในประเทศหรอกนะ หรือในอีกทำนองว่า เธอโพสต์คลิปดังกล่าวในพื้นที่ของเธอ พวกคุณไปติดตามและมีปัญหาเองนี่ สุดท้ายแล้วทางการของประเทศซาอุดิอาราเบีย ก็ไม่ได้ทำการจับกุมหญิงสาวแต่อย่างใด รวมถึงด้านเจ้าชายของประเทศอย่าง เจ้าชาย Mohammed bin Salman ก็เป็นคนที่เปิดกว้างมากๆ ด้วย ซึ่งประเด็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นแค่ความคิดเห็นของชาวเน็ตนั่นเอง ที่มา dailymail
-
จีนค้นพบ “พระมัมมี่” อายุกว่า 1,000 ปี สภาพกระดูกและสมองครบสมบูรณ์มากที่สุด!!
กลายเป็นเรื่องที่ทำให้วงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ถึงกับตื่นตะลึงเลยทีเดียว เมื่อมีการค้นพบรูปปั้นมัมมี่อายุกว่าพันปี ที่บรรจุร่างของพระรูปหนึ่งเอาไว้ด้านใน แถมยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาเลย เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2017 ว่ามีการขุดพบร่างมัมมี่ของพระสงฆ์สีทองที่วัด Dinghui มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เมื่อนำไปเข้าเครื่อง CT สแกนก็พบว่าภายในนั้นมีโครงกระดูกและสมองที่ยังอยู่ในสภาพดีจนสามารถนำมาศึกษาได้ โดยร่างมัมมี่นี้คือพระอาจารย์ Ci Xian ว่ากันว่าเป็นพระที่ได้รับการนับถือบูชาในสมัยก่อน และยังเคยเดินทางจากอินเดียไปยังจีนเพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธเมื่ออดีตกาลด้วย ในระหว่างการสแกนมีพระและเหล่านักบวชร่วมเป็นพยานด้วย ซึ่งผลการสแกนทำให้ผู้คนตกใจมาก เพราะกระดูกสมบูรณ์ราวกับคนปกติทั่วไป รวมไปถึงกราม ฟัน ซี่โครง กระดูกสันหลังและข้อต่อทั้งหมด ขั้นตอนการรักษามัมมี่ ขั้นตอนทั้งหมดล้วนใช้วิธีและวัตถุดิบทางธรรมชาติ เพื่อที่เหล่าสาวกจะได้รักษาสภาพของอาจารย์ของพวกเขาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยก่อนที่พระอาจารย์ของพวกเขาจะจากไป จะมีการถามก่อนว่าจะให้เผาหรือให้รักษาศพเอาไว้ หากเป็นอย่างหลังจะมีการนำศพไปใส่เอาไว้ในโหลเซรามิคขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสารป้องกันการกัดกร่อนตามธรรมชาติ หลังจากนั้น 3 ปี เหล่าสาวกจะนำร่างของอาจารย์ออกจากโหลเพื่อดูว่าสภาพมัมมี่นั้นเน่าหรือไม่? พวกเขาเชื่อว่าหากดวงวิญญาณบรรลุไปอีกขั้นได้ ร่างของมัมมี่จะไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา . . . ภาพสแกนอวัยวะต่างๆ ของมัมมี่ ที่แสดงให้เห็นว่าภายในยังสมบูรณ์จริงๆ . ที่มา dailymail
-
9 เหตุผลที่ทำให้ Game of Thrones กลายเป็นซีรีส์ยอดนิยม ผู้คนติดงอมแงมไปทั่วโลก!!
ปล่อยให้รอคอยกันมาเกือบปีในที่สุดซีรีส์ที่คนเกือบทั้งโลกรอคอยอย่าง Game Of Thrones ก็กลับมาฉายอีกครั้งแล้ว ซึ่งเรื่องราวก็ดำเนินมาถึงซีซั่นที่ 7 แล้ว เป็นช่วงที่กองทัพของแต่ละฝ่ายกำลังรวบรวมพลและเตรียมที่จะบุกเมือง Kings Landing ในขณะที่เหล่าไวท์วอล์คเกอร์ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนแฟนๆ อย่างเราต้องมาลุ้นจนปัสสาวะเหนียวว่า ใครกันแน่ที่จะได้ครอบครองบัลลังก์!? มาถึงตรงนี้ บางคนคงสงสัยว่าทำไมซีรี่ส์เรื่องนี้ถึงได้โด่งดังและกลายเป็นซีรีส์เบอร์หนึ่งของโลก ณ ตอนนี้ จากที่ได้เห็นกระแสความคลั่งไคล้ตามอินเตอร์เน็ต หรือตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ เพราะฉะนั้นแล้ว #เหมียวฟิ้น จะขอมาแจกแจงคลายข้อสงสัยให้รู้กันไปเลย 1. ซีรี่ส์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง ซีรีส์เรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นในแบบแฟนตาซีก็จริง แต่มันก็แฝงแนวคิดทางการเมือง การวางแผนการรบ ที่ไม่ยากจนคุณดูไม่รู้เรื่องหรือไม่ง่ายเกินไปจนดูถูกสติปัญญาของคนดู ทำให้คุณต้องคิดตามว่าใครจะเอาชนะใคร ใครจะเป็นมิตรกับใคร และใครจะหักหลังใคร ซึ่งในบางครั้งเหตุการณ์บางอย่างในเรื่องก็อาจจะละม้ายคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงก็ได้ 2. ภูมิทัศน์ต่างๆ ในเรื่องที่สวยงามเกินจะบรรยาย ซีรีส์เรื่องนี้เกิดขึ้นในโลกโบราณสมมติที่คล้ายกับหนังแนวๆ The Lord of The Rings คนดูรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันคือ CG แต่แค่เราได้ชมความงามของบ้านเมืองที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ก็ทำให้เราอิ่มกับภาพสวยๆ ได้ตลอดเวลา 3. เต็มไปด้วยเวทย์มนต์ ตำนาน และเรื่องราวลี้ลับหลายแบบ ถึงจะมีความเป็นแฟนตาซี…
-
ข้อดีของการมีคุณพ่อที่ ‘เกรียน’ และ ‘ตัดต่อภาพเป็น’ คุณลูกเลยได้ภาพฮาๆ เหล่านี้!!!
Oscar หนูน้อยวัย 1 ขวบ ถูกคุณพ่อสุดเกรียนที่เบื่อการถ่ายรูปแบบธรรมดาๆ ตัดต่อรูปจนเป็นที่โด่งดังในโลกอินเตอร์เน็ตเข้าให้ซะแล้วล่ะ!! Andreas Miezans วัย 33 ปี นายธนาคารจากเมือง Tønsberg ประเทศนอร์เวย์ ทำการตัดต่อภาพลูกชายตัวน้อยของเขาออกมาแบบฮาหลุดโลกสุดๆ เพื่อส่งให้ครอบครัวดูกันแบบขำๆ แต่ฮาขนาดนี้ ชาวเน็ตต่างก็เลยพากันขำตามไปด้วย . . “ผมมีไอเดียนี้มาตั้งแต่ Oscar จะเกิดซะอีก ผมเป็นคนชื่นชอบถ่ายรูป และจะถ่ายอะไรตลกๆ เอาไว้ดูในวันข้างหน้าแล้วขำกันในอนาคต” Andreas กล่าว “ทีแรกผมก็โพสให้ครอบครัวกับเพื่อนๆ ดูกันขำๆ เพราะอันที่จริงผมมาจากประเทศสวีเดน” . . . เขาใช้เวลาประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ในการหาจังหวะและสถานการณ์เหมาะๆ เพื่อถ่ายรูปแล้วนำมาตัดต่อ โดยที่หนูน้อย Oscar ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ภาพส่วนใหญ่ถ่ายขึ้นในช่วงที่เค้าลาพักจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก รูปที่ได้กระแสดีที่สุดดูเหมือนจะเป็นรูปที่พ่อลูกคู่นี้แต่งชุดนักบอล นั่งเชียร์ทีมชาติสวีเดนอยู่หน้าทีวี เพราะองค์ประกอบต่างๆ ดูเข้ากันดีไปหมด . . Andreas เล่าว่าการถ่ายภาพพวกนี้ไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรเลย เขาไม่ได้วางแผนจัดฉากไว้ เพราะรูปส่วนใหญ่ก็ถ่ายกันไม่ไกลจากบ้านนัก …
-
หนุ่มบราซิลรับการผ่าตัดมือที่เสียหาย ด้วยการ ‘เย็บติดไว้ในท้อง’ จนกลับงอกขึ้นมาใหม่ได้!?
[บทความต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม] หากใครยังจำกันได้ เมื่อราวๆ ต้นปี 2016 ได้เคยมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับหนุ่มชาวบราซิล Carlos Mariotti ที่ทำงานเป็นคนควบคุมเครื่องจักร แต่กลับเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเขาดันถูกเครื่องจักรดูดมือเข้าไปจนเนื้อที่มือของเขาแทบไม่เหลือ นาย Carlos ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน และที่โรงพยาบาลเขาก็ได้พบกับคุณหมอ Boris Brandao ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดและตกแต่งผิวหนัง เขาเลยเกิดไอเดียในการผ่าหน้าท้องของคนไข้แล้วนำมือที่ได้รับบาดเจ็บใส่เข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อ สารอาหารและผสานเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่มือของคนไข้ด้วย เขาต้องทนทรมานอยู่แบบนี้ราวๆ 6 สัปดาห์ เพื่อให้มือกลับมามีสภาพที่สมบูรณ์ ในระหว่างนั้นเขาก็ต้องใช้ชีวิตประจำวันไปด้วย โดยมีภรรยาและลูกคอยช่วยเหลือดูแล แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าตัวเองจะเผลอดึงมือออกจากหน้าท้อง เมื่อเวลาผ่านไป 6 สัปดาห์ มือของ Carlos ก็เริ่มกลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งและพร้อมที่จะถูกผ่าออกจากหน้าท้องของเขาแล้ว และมันก็ออกมาดีทีเดียวเมื่อเทียบกับตอนที่เขาได้รับอุบัติเหตุใหม่ๆ เมื่อนำมือออกมาได้แล้วก็ต้องรักษาเพื่อให้แผลเข้าที่เข้าทางต่ออีกสักพัก ก่อนที่คุณหมอ Boris จะวางแผนผ่าตัดครั้งต่อไป เพื่อแยกมือที่เป็นก้อนของเขาออกให้กลายเป็นนิ้วมือแบบปกติ ในระหว่างนั้น Carlos ต้องฝึกใช้มือข้างซ้ายของเขาในการทำกิจวัตรประจำวันแบบง่ายๆ อยู่เสมอ ทั้งการจับมือถือ…
-
ช่างภาพถ่ายทอด ‘คุณภาพชีวิต’ ของหอพักนักศึกษาในมอสโก แออัดและสกปรกกว่าที่คุณคิด
เราคนไทยน่าจะคุ้นชินกับรูปแบบการใช้ชีวิตในหอพักหรืออย่างน้อยที่สุดก็น่าจะได้เห็นตามสื่อหรือมีเพื่อนๆ ใช้ชีวิตแบบนี้มาบ้างล่ะนะ ในบางครั้งที่หอพักในมหาลัยมีไม่เพียงพอ เหล่านักศึกษาก็ต้องออกไปหาเช่าห้องพักนอกมหาลัยกันเอง เรทค่าเช่าก็มีตั้งแต่ 3-6 พัน แล้วแต่พื้นที่ที่เพื่อนๆ อาศัยอยู่ แต่สำหรับนักศึกษาในต่างประเทศแล้วใช่ว่าพวกเขาจะมีตัวเลือกอะไรมากมาย ย้อนกลับไปในปี 2014 มีช่างภาพและนักข่าวชื่อว่านาย Pascal Dumont ที่ทำงานเป็นนักเขียนและตามถ่ายภาพเรื่องราวต่างๆ อยู่ในรัสเซีย ได้ออกสำรวจหอพักหลายๆ แห่งในกรุงมอสโก เพื่อดูว่าเหล่านักเรียนและนักศึกษาที่นั่นมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง? จากการสำรวจของเขาทำให้ได้ภาพน่าทึ่งมามากมายทีเดียว และทำให้เขารู้ว่าความเป็นอยู่ของปัญญาชนรุ่นใหม่ ไม่ได้ถูกหลักสุขอนามัยสักเท่าไหร่ นาย Pascal พบว่าเตียงนอนตามห้องพักต่างๆ เต็มไปด้วยไรฝุ่น มีแมลงสาบวิ่งพล่านไปทั่วพื้น มีฝ้าเพดานรั่วลงมาอยู่หลายห้อง และยังมีขนาดที่คับแคบเมื่อเทียบกับจำนวนผู้พักอาศัย นี่เป็นภาพของ Kudakwashe Ndlov นักศึกษาวัย 25 ปี ที่สอบชิงทุนได้ เขาแชร์ห้องพักกับเพื่อนเดือนละ 341 บาท แม้จะเป็นห้องพักที่เยินมากแล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาไม่มีเงิน ทางเลือกของพวกเขาเลยมีไม่มากนัก . สภาพเพดานที่เหมือนพร้อมจะพังลงมาได้ตลอดเวลา นี่เป็นภาพของนักศึกษาชาวไนจีเรีย Christopher Onoja (บน) วัย 22 ปี และนาย…
-
ชาวเน็ตยกย่อง คุณแม่โพสต์ภาพ ‘ล่อนจ่อน-ใส่ผ้าอ้อมหลังคลอด’ เพราะเป็นแม่มันไม่ง่าย!!
โดยปกติแล้ว ถ้ามีคนโพสต์ภาพหวือหวาหรือลามก ลงเฟสบุ๊ค ก็ต้องมีแต่คนรุมด่า ว่ามันเป็นสิ่งที่สังคมมองว่ามันไม่เหมาะสม… แต่ไม่ใช่กับคุณแม่ยังสาวคนนี้ ซึ่งรูปของเธอกลับถูกอกถูกใจคนเป็นแม่ทั่วโลก ความจริงที่คนเป็นแม่ต้องพบเจอ คุณแม่ยังสาวโพสภาพที่น่าประทับใจหลังการคลอดบุตร Amanda Bacon คุณแม่ยังสาวจากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสรูปของเธอขณะที่ล่อนจ้อนอยู่ในผ้าอ้อมสำหรับคุณแม่ หลังจากที่เธอคลอดบุตร ถ้าเป็นการโพสภาพหวือหวาแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทั่วๆ ไปก็คงจะถูกตราหน้าไปแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับภาพนี้ เพราะ Amanda เป็นคนโพสด้วยตัวเธอเอง ซึ่งทำให้ภาพนี้มียอดไลค์พุ่งสูงถึง 212,000 ไลค์ และยอดแชร์กว่า 69,106 ครั้ง ในเวลาเพียงแค่ 10 ชั่วโมง!! “ชีวิตคนเป็นแม่ เวอร์ชั่นอันเซ็นเซอร์ – ฉันแชร์ภาพนี้ก็ว่ามันคือสิ่งที่จริงแท้ นี่แหละคือความเป็นแม่ ไม่มีการปรุงแต่ง ทั้งน่าทึ่ง ทั้งวุ่นวาย แล้วก็น่าขำในเวลาเดียวกัน… การมีลูกเป็นประสบการณ์ที่สวยงาม แต่ความเป็นจริงหลังการคลอดกลับไม่ถูกพูดถึง และไม่มีการเก็บรูปถ่ายเอาไว้ บางคนอาจจะอึดอัดเมื่อเห็นภาพนี้ แต่ทำไมต้องอึดอัดล่ะ?? ไม่เข้าใจจริงๆ เราทุกคนควรที่จะยอมรับ ทำความเข้าใจ และให้ความสำคัญกับทุกๆ แง่มุมของการคลอดบุตรสิ รวมถึงสถานการณ์แบบนี้ด้วย เราถ่ายมันขณะที่พวกเรากำลังเฮฮากัน ไม่มีอะไรจะต้อนรับการเป็นแม่ได้ดีกว่าเด็กน้อยน่ารัก และผ้าอ้อมสำหรับคุณแม่อีกแล้ว”…
-
9 ดาราชายที่เคยแปลงกาย สวมบทบาทเป็นหญิง คนไหนปังคนไหนพังกันบ้างล่ะเนี่ย!?
ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงแล้วไม่ว่าจะเป็นบทบาทอะไรพวกเขาก็ต้องพยายามสวมบทบาทเพื่อเป็นตัวละครนั้นๆ ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าบทบาทที่ว่านั่นจะเป็นการแสดงของเพศตรงข้ามก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้จู่ๆ #เหมียวฟิ้น ก็เกิดนิมิตบางอย่างขึ้นมา เพราะดันไปเห็นคลิปวิดีโอของเหล่านักแสดงชายฮอลลีวูด ที่เดี๋ยวนี้หันมาแต่งหญิงเพื่อเล่นหนังหรือออกรายการทีวีเอาใจผู้ชมมากขึ้น เราก็เลยลองมานึกๆ ดูว่ามีนักแสดงคนไหนบ้างที่เคยแต่งหญิง? ว่าแล้วก็ลองมาไล่ดูกันไปทีละคนๆ เลยว่ามีใครกันบ้าง? 1. Andrew Garfield และนี่คือ Andrew เวอร์ชั่นหญิงตอนไปเล่น MV ให้กับวง Arcade Fire ในเพลง We Exist ใช้ได้ไหมล่ะ? 2. Clark Gregg นี่เป็นภาพตอนที่นางไปออกรายการ Lip Sync Battle เหมือนเจ๊บริทไหมล่ะ? 3. Tom Holland นี่ก็เป็นอีกรายที่เคยไป Lip Sync Battle นี่ดูจะเซ็กซี่ดีเหมือนกันนะ… 4. Robert Downey Jr. แม้ว่าเจ๊ดาวจะไม่เคยไปออกรายการไหน แต่แกเคยแต่งหญิงตอนเล่นเรื่อง Sherlock Holmes ด้วยนะเออ 5. Dwayne “The Rock” Johnson…
-
ชาวเน็ตถกเถียง วิทยาลัยทำรั้วกั้นใน “งานเลี้ยงจบ” เพื่อแยกคนจ่ายเงิน กับไม่จ่ายออกจากกัน!!
ปกติแล้วเวลาที่โรงเรียนมีการจัดงานพรอมหรืองานเลี้ยง ส่วนใหญ่ก็มักจะมีการจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อให้งานดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้ และหลายคนก็อาจจะยินยอมที่จะจ่าย แต่ก็มีไม่น้อยทีไม่ยอมจ่ายด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่นเดียวกับงานเลี้ยงจบของวิทยาลัย Colegio de Bachilleres ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งล่าสุดได้มีการโพสต์ภาพบรรยากาศในงานดังกล่าว และมีจุดสนใจจุดหนึ่งที่ดูแล้วแปลกตามากๆ นั่นก็คือมีรั้วไม้กั้นอยู่ภายในงานด้วย!? . เมื่อลองหาต้นตอก็พบว่ารั้วดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากการที่ทางวิทยาลัยได้ขอเก็บเงินจากผู้เข้าร่วมงาน เพื่อที่จะได้ไปจ้างคนมาจัดงานในครั้งนี้ และทางผู้จัดก็เกิดแนวคิดที่ว่าคนที่ไม่จ่ายเงินก็ไม่ควรจะได้เข้าร่วมงาน… และเมื่องานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นทุกคนที่มาร่วมงานก็ต่างพบว่ารั้วดังกล่าวนั้นได้ล้อมรอบบริเวณงานไว้เรียบร้อย ส่วนด้านนอกรั้วก็จะมีเก้าอี้ไว้ให้สำหรับผู้ที่ไม่ได้จ่ายค่าร่วมงาน ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อภาพนี้ได้ถูกโพสต์ลงโซเชียล ก็มีกระแสตอบรับออกมามากมายในแนวลบประมาณว่า ทำไมจะต้องทำแบบนี้ด้วยมันเป็นการจำกัดสิทธิ์เกินไปหรือเปล่า รวมถึงยังโทษในตัวของผู้จัดงานที่คิดไอเดียแบบนี้ขึ้นมาด้วย แต่ว่าก็ยังมีคนมากมายเช่นกันที่เห็นด้วยกับไอเดียนี้ โดยพวกเขาให้เหตุผลที่ว่า ทำไมจะต้องให้สิทธิ์ที่เท่าเทียมกับคนที่จ่ายเงินและไม่จ่ายเงินด้วย ถ้าคิดว่าไม่จ่ายเงินเพราะไม่อยากร่วมงานก็ไม่ต้องมาแต่แรกก็ได้ เพื่อนๆ มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง ก็ลองมาแชร์ความคิดเห็นกันดูนะ… ที่มา odditycentral, am
-
สาวไทยอาสาถ่ายรูปให้ฟรี เมื่อไปเที่ยวโครเอเชีย แลกกับบริจาคผ้าอนามัยให้องค์กรการกุศล
ประเทศโครเอเชียถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสวยงามอยู่มาก ไม่ว่าจะบ้านเมืองที่สร้างมาแบบคุมโทนหรือวิวทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา นั่นจึงไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางให้นักท่องเที่ยวหลายๆ คน และถ้าหากว่าคุณกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปที่นั่นแต่ยังไม่มีกล้องแจ่มๆ หรือไม่มีเงินมากพอจะจ้างช่างภาพเดินทางไปกับคุณล่ะก็ #เหมียวฟิ้น อยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับช่างภาพคนหนึ่ง ที่อาสาจะไปถ่ายรูปให้กับคุณแบบฟรีๆ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ช่างภาพที่เราพูดถึงนี้เธอมีชื่อว่าคุณโช สาววัย 21 ปี ที่เดินทางไปเรียนต่อที่กรุงซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย และยังเป็นสมาชิกขององค์กร Give Her 5 ในประเทศอินเดียด้วย เธอเล่าว่าภายในองค์กร Give Her 5 นั้นจะผลิตผ้าอนามัยแบบซักได้เพื่อแจกจ่ายให้กับเหล่าหญิงสาวที่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อด้วยตัวเอง แต่ถึงจะมีการผลิตเพื่อแจกจ่ายแล้วก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่ดี มีการทำผลสำรวจจนพบว่ากว่า 1 ใน 5 ของเด็กสาวในอินเดียถูกทางโรงเรียนบีบให้ออกจากโรงเรียนเนื่องจากขาดเรียนเพราะเป็นประจำเดือนบ่อยครั้ง กว่า 88% ของเด็กสาวในอินเดียต้องใช้เสื้อผ้า เศษขี้เถ้าหรือทรายเพื่อใช้ซับประจำเดือนของพวกเธอ และที่สำคัญก็คือหญิงสาวกว่า 400 ล้านคนในอินเดียไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อผ้าอนามัย จึงทำให้ผ้าอนามัยกลายเป็นของใช้ที่ไม่อาจซื้อมาใช้ได้ง่ายๆ ด้วยเหตุเหล่านี้เองคุณโชก็เลยอยากจะช่วยเหลือองค์กร Give Her 5 ด้วยการอาสาถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวฟรีๆ เพื่อแลกกับการที่เราจะช่วยบริจาคเงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อนำไปผลิตผ้าอนามัยให้กับหญิงสาวชาวอินเดียที่ไม่มีเงินซื้อ หรือหากใครสะดวกจะบริจาคเป็นผ้าอนามัยเลยก็ได้เช่นกัน …
-
ช่างภาพอินเดีย นำเอาภาพในความฝัน มาสร้างเป็นประติมากรรมจิ๋ว ราวกับว่าสถานที่นั้นมีจริง
หลายครั้งที่คุณหลับแล้วฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ พอตื่นขึ้นมากลับหลงๆ ลืมๆ ถึงเหตุการณ์ ผู้คน หรือสถานที่ที่พบเจอในความฝัน แต่ความหลงลืมที่ว่านั่นกลับไม่เกิดขึ้นกับศิลปินรายนี้ เพราะเขานำเอาความฝันมาสร้างเป็นงานศิลปะขนาดเล็ก ทีนี้จะได้จดจำไม่รู้ลืมอีกเลย ศิลปินที่#เหมียวฟิ้นกำลังพูดถึงอยู่นี้เขามีชื่อว่านาย Vatsal Kataria เป็นช่างภาพจากประเทศอินเดียที่มีความสามารถในการจดจำรายละเอียดในความฝันได้ดีมาก แต่ถึงจะมีความจำที่ดีแต่ก็ไม่สามารถนำไปถ่ายทอดให้คนอื่นรู้ได้ เขาก็เลยนำมันมาสร้างเป็นงานประติมากรรมขนาดเล็กซะเลย นาย Vatsal ได้เคยให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ BoredPanda เอาไว้ว่า “ผมได้สร้างสรรค์งานประติมากรรมขนาดจิ๋วของสถานที่ที่ผมเจอในฝัน ผมใช้เวลาทำราวๆ 2 เดือนเลย มันเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผมมากในการทำให้มันกลายเป็นของจริง แต่มันก็สนุกมาก” ความสงบสุขที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ถ้ำสักแห่งบนโลกใบนี้ ทางแยกระหว่างความฝันและความเป็นจริง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่ภาพ CG ล้วนๆ นะ แต่เป็นวัสดุจริงๆ ที่เขาสร้างขึ้นจากสิ่งของรอบตัว แล้วค่อยนำมาเติมแต่งผ่านคอมพิวเตอร์ภายหลัง . . . ใครชอบผลงานแปลกๆ เจ๋งๆ แบบนี้ก็ตามไปดูกันต่อได้ที่ IG ของเขา vatkatphotography ได้เลย ที่มา distractify , vatkatphotography
-
คนงานก่อสร้างบังเอิญค้นพบ “ดาบอัศวินโบราณ” อายุ 600 ปี ว่ากันว่าสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่เคยพบมา
ในสมัยโบราณ ช่วงเวลาก่อนที่มนุษย์จะต่อสู้กันด้วยปืน หลายชนชาติล้วนเคยใช้ดาบมาก่อน แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒไปแบบก้าวกระโดด ทำให้ดาบเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ล้าหลังและไม่มีใครใช้อีกต่อไป ดาบบางเล่มถูกเก็บเข้าพิพิธพันธ์เพื่อนำไปโชว์ ในขณะที่บางเล่มก็สูญหายไปตามกาลเวลา แต่เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Nationalgeographic ได้รายงานว่ามีคนงานก่อสร้างรายหนึ่งในเมือง Hrubieszow ประเทศโปแลนด์ค้นพบดาบอัศวินเก่าแก่ที่มีอายุราวๆ 600 ปีโดยบังเอิญแถวๆ บึงแห่งหนึ่ง ซึ่งดาบเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 13 ถึง 14 เลย ตัวดาบมีขนาดยาวประมาณ 1.2 เมตร และมีน้ำหนักราวๆ 1.3 กิโลกรัม แต่สิ่งที่มันน่าอะเมซิ่งมากๆ สำหรับการค้นพบครั้งนี้ก็คือ ถึงตัวดาบจะเก่าแก่ที่สุดแต่มันก็อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มากๆ Bartłomiej Bartecki ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์ในโปแลนด์ให้ความเห็นว่ามันมีความเป็นไปได้ที่อัศวินผู้เป็นเจ้าของดาบเล่มนี้อาจจะถูกผลักตกลงไปในบึงหรือไม่ก็อาจจะทำหล่นเอาไว้ที่นั่นเอง ตามรายงานไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่ค้นพบที่แน่ชัด เนื่องจากกลัวว่าจะมีกลุ่มคนแห่กันไปขุดดินและสร้างความวุ่นวาย แต่มีการอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญและนักโบราณคดีเข้าไปเป็นการส่วนตัว เพราะอาจจะมีสมบบัติและวัตถุโบราณรอให้ถูกค้นพบอีกหลายอย่าง ตัวดาบจะถูกส่งไปทำความสะอาดและวิเคราะห์ก่อนจะส่งมอบมันให้กับพิพิธภัณฑ์ Stanisław Staszic ในเดือนกันยายน 2017 นี้ ที่มา ladbible
-
รวมภาพแนว “ดาร์กไซด์” จากเว็บขายภาพออนไลน์ ความเหวอสไตล์เว็บขายภาพสต็อก…
ในสมัยนี้ การจะสร้างรายได้จากภาพถ่ายดูจะไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะมีเว็บหลายแห่งเช่น iStock, Shutter Stock หรือ Getty Image เปิดโอกาสให้คุณนำภาพถ่ายไปประกาศขายลงบนเว็บไซต์ได้ ซึ่งคนที่มาซื้อก็จะเป็นเว็บไซต์ที่ทำบทความรูปแบบต่างๆ หรืออาจจะแค่ถูกใจรูปภาพของคุณแล้วอยากซื้อเฉยๆ ก็ได้ ภาพถ่ายส่วนใหญ่ที่จะนำไปประกาศขายจะเป็นภาพในสถานการณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย อาจจะเป็นภาพคนทำงาน ภาพพ่อแม่ลูก ภาพคู่รัก ภาพอาหาร ภาพสีหน้าคนแบบต่างๆ แต่เนื่องจากเว็บเปิดโอกาสให้ใครมาประกาศขายภาพก็ได้ มันจึงมีภาพจำนวนไม่น้อยที่แปลกประหลาด ภาพที่ดาร์กไซด์จนเรางงว่าภาพแบบนี้ก็มีขายด้วยเหรอ? เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @darkstockphotos ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ที่รวบรวมเอาภาพดาร์กๆ จากเว็บขายภาพเหล่านี้มาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ทำให้เรายิ่งปวดขมับเข้าไปอีกเมื่อคิดว่า “ใครจะซื้อไปใช้” และ “เอาไปใช้ในสถานการณ์แบบไหนกัน” ทวิตเตอร์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักวารสารที่ชื่อว่านาย Andy Kelly เจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อออนไลน์ว่า “ผมมักจะเจอกับภาพสต็อกตลกๆ และในขณะที่ผมค้นหาลึกเข้าไปเรื่อยๆ ในเว็บพวกนี้ผมก็สังเกตเห็นว่ามีบางภาพโดดเด่นออกมา บางอันก็ไม่น่าดู แต่บางอันก็ตลก” “ไม่สำคัญว่าวัตถุในภาพจะดูจริงจังแค่ไหน การสร้างสรรค์ภาพที่เหนือจริงและขวานผ่าซากของภาพสต็อกเหล่านี้ก็ดูน่าขบขันอยู่ดี” เนื่องจากนาย Kelly ทำงานที่ต้องคอยค้นหาภาพมาประกอบบทความอยู่เรื่อย คำค้นหาที่เขาใช้บ่อยๆ ก็จะมีคำว่า Death, gun,…
-
“ท่านปูติน” ยืนไว้อาลัยทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่แคร์พายุฝนที่โหมกระหน่ำ
ย้อนกลับไปในวันที่ 22 มิถุนายนปี 1941 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วันนั้นเป็นวันที่กองทัพนาซีได้เข้าโจมตีสหภาพโซเวียตด้วยยุทธการบาร์บารอสซาเพื่อพิชิตสหภาพโซเวียตทั้งหมด เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นการโจมตีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งด้านกำลังพลและความเสียหาย ทำให้ประเทศภายในสหภาพโซเวียตกว่า 15 ประเทศได้รับความเสียหายมหาศาล นับตั้งแต่นั้นมาจึงมีการจัดงานเพื่อรำลึกถึงเหล่าผู้คนและทหารที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น และเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2017 ที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์การถูกโจมตีเป็นปีที่ 76 ที่บริเวณพระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยในงานครั้งนี้ได้มีประธานาธิบดีของรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน เข้าร่วมด้วย ในระหว่างงานได้มีสายฝนโปรยลงมาอย่างหนัก แต่ถึงอย่างนั้นปูตินก็ไม่ได้หลบเข้าร่มหรือหยุดพิธีการ แต่ยังคงยืนทำความเคารพท่ามกลางสายฝนอย่างตั้งอกตั้งใจ จนกระทั่งวางพวงหรีดไว้ในสุสานเพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารนิรนามที่เสียชีวิตไป นอกจากวลาดิเมียร์ ปูตินแล้วในเหตุการณ์ครั้งนี้ยังมีเหล่าคณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภารายอื่นๆ ก็ยังคงยืนตากฝนเพื่ออยู่ร่วมพิธีด้วยเช่นกัน ประมวลภาคจากสำนักข่าว NBC ที่แสดงให้เห็นถึงความเคร่งครัดและการแสดงความเคารพต่อผู้ที่จากไป ประมวลคลิปเหตุการณ์ในยุทธการบาร์บารอสซา จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงกลายเป็นคลิปไวรัลที่เรียกกระแสจากชาวเน็ตได้เป็นอย่างดี จากชื่อเสียงของปูตินที่โด่งดังในโลกออนไลน์ (จนนับว่าเป็นเน็ตไอดอลคนหนึ่ง) คงจะทำให้วลีที่ว่า “แข็งแกร่งอย่างรัสเซีย” หรือ “โหดสัสรัสเซีย” ที่จะยังคงอยู่ในเน็ตไปอีกนานและนานเลยล่ะ ที่มา NBC Nightly News…
-
ช่างภาพญี่ปุ่นตามถ่ายภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของ ‘แมวจรจัด’ ในโตเกียว ขอบอกว่าชิลมาก
ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นจะชวนเพื่อนๆ ไปชมผลงานภาพถ่ายน่ารักๆ ของช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่านาย Masayuki Oki ในชีวิตนี้เขาชื่นชอบอยู่เพียงแค่ 2 อย่าง นั่นก็คือแมวและกล้อง Canon EOS-1DX เมื่อสิ่งที่ชอบทั้งสองอย่างเป็นแมวและกล้อง เขาจึงออกเดินทางไปตามที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นเพื่อถ่ายภาพแมวๆ มาให้ชาวเน็ตได้ชมกันผ่าน IG @okirakuoki แต่ภาพแมวที่เขานำมาเผยแพร่นั้นไม่ใช่แมวบ้านทั่วๆ ไป แต่เป็นแมวจรจัดตามท้องถนน นาย Oki ได้ถ่ายทอดมุมมองต่อภาพแมวในแบบของตัวเอง เพื่อดึงเอาเสน่หและความสวยงามของสัตว์สี่ขาหน้าตาเจ้าเล่ห์พวกนี้ออกมา ซึ่งในแต่ละภาพนั้นคุณจะได้เห็นอารมณ์บางอย่าง ทั้งน่ารัก สง่างาม ขี้เล่น ขี้เกียจ ติงต๊อง หรือพฤติกรรมบางอย่างที่คุณเองก็ยากจะเข้าใจ แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเคยนำเสนอภาพของช่างภาพรายนี้ไปแล้ว แต่เชื่อเถอะว่ายังมีภาพถ่ายแปลกๆ ฮาๆ อีกเย๊อะ เจ้าเหมียวทัดดอกซากุระ สวัสดีโตเกียว บาทีการตื่นก็เป็นอะไรที่ยาก ยืดเส้นยืดสายหน่อยเป็นไง นอนท่านี้สบายไหมลูก? ยงโย่ยงหยก จุ๊บๆ อ้อนหน่อยๆ ฮึบ! ข่วนเล็บหน่อย…
-
เพราะชีวิตไม่ใช่เรื่องแน่นอน…นี่คือ 14 สิ่งที่ Jon Snow ควรทำ ถ้าหากจะต้องตายอีกรอบ
หากใครที่ติดตามซีรี่ส์ Game of Thrones มาตั้งแต่ซีซั่นแรกยันซีซั่นล่าสุดก็น่าจะรู้ว่าตัวละคร Jon Snow นั้นได้ตายไปแล้วและถูก The Red Woman ชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่เป็น King of The North และเผชิญกับศึกครั้งยิ่งใหญ่ แต่เนื่องจากไม่มีใครที่จะสามารถเดาทิศทางของซีรี่ส์เรื่องนี้ได้อย่างแน่ชัด (เพราะตัวละครเล่นตายกันเป็นผักปลา) บวกกับซีซั่น 7 ก็กำลังจะฉายในอีกไม่ถึงเดือนแล้ว เราเลยไม่รู้ว่าชะตากรรมของตา Jon Snow จะอยู่หรือตาย? ฉะนั้นนี่คือ 14 สิ่งที่เขาควรจะรีบทำ หากว่าเขาจะต้องตายอีกรอบ… 1. ใช้ช่วงเวลายามค่ำคืน ดื่มด่ำกับบรรยากาศบนกำแพงของ Castle Black 2. รับประทานอาหารมื้อค่ำรสเลิศที่บ้านใน Winterfell 3. ฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายภายในห้องบัลลังก์ ที่ปราสาท Red Keep 4. ออกมาเดินและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในเมือง Pentos 5. ขี่ม้าชิลๆ ใน Vaes Dothrak 6. กระโดดบันจี้จั๊มลงในหลุม Moon Door…
-
ชวนไปเที่ยวคาเฟ่ในญี่ปุ่น ท่ามกลางธรรมชาติ ราวกับว่าคุณอยู่ในโลกอนิเมะของ Ghibli !!
ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรม วัดวาอาราม หมู่บ้าน และมรดกโลกที่สวยงามแล้ว ที่ประเทศแห่งนี้ยังมีสถานที่ลับๆ ที่สวยงามราวกับวิวในอนิเมะ รอให้คุณไปพบเจอด้วยนะ สถานที่ลับๆ ที่ว่านี้คือคาเฟ่ที่ชื่อว่า Kokemushiro ตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ บนเกาะชิโกะกุ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ห่างจากเมืองหลวงโตเกียวไปประมาณ 7-9 ชั่วโมง (ถ้าบินไปก็ราวชั่วโมงกว่าๆ เอง) สาเหตุที่คาเฟ่นี้เริ่มโด่งดังและเป็นที่พูดถึงของนักท่องเที่ยวก็เพราะว่ามันตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ใบหญ้าเขียวชะอุ่ม และบรรยากาศสบายตา จนผู้มาเยือนที่นี่หลายคน พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าเหมือนกับหลุดเข้าไปในอนิเมะของ Studio Ghibli เลยทีเดียว หากคุณอยากรู้ว่ามันเหมือนกับภาพในการ์ตูนแค่ไหน ลองตัดสินด้วยสายตาของตัวเองเลย… จากบริเวณที่จอดรถของคาเฟ่นี้ ตามทางเดินจะมีการตกแต่งด้วยรอยเท้าของเหม่ยและโทโทโร่ (ตัวละครจากเรื่องโทโทโร่ เพื่อนรัก) ให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับพวกเขา ตัวคาเฟ่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้สีเก่าๆ ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติสีเขียว โดยที่ด้านหน้าร้านมีแผ่นไม้ข้อความเขียนเอาไว้ว่า “เปิดเพราะฉันรู้สึกดี” ในคาเฟ่แห่งนี้เสิร์ฟทั้งอาหารญี่ปุ่นและแบบตะวันตก พร้อมกับเครื่องดื่มและขนมหวานอีกมากมาย สำหรับใครที่อยากจะใกล้ชิดกับธรรมชาติมากๆ ก็มีโต๊ะที่อยู่ด้านนอกร้านด้วย ให้คุณเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มในขณะที่รายล้อมไปด้วยแสงแดดและเสียงน้ำไหลผ่าน . . . . . . . .…
-
หนุ่มสุดชิลตัดหญ้าขณะเกิดทอร์นาโด ให้สัมภาษณ์ “ไม่เป็นไร๊ ผมจับตาดูมันอยู่ครับ!!”
ต้องบอกว่าในบ้านเราถึงจะประสบกับภัยน้ำท่วมหรืออากาศร้อนมาก แต่ก็ไม่รุนแรงเหมือนภัยพิบัติในบางประเทศนะ อย่างพายุหิมะถล่ม หรือพายุทอร์นาโดที่ทำให้บ้านเรือนแทบไม่เหลือชิ้นดี อย่างเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2017 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่าเกิดพายุทอร์นาโดขึ้นที่รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา แต่ในระหว่างที่พายุทอร์นาโดกำลังก่อตัวและสร้างความหวาดผวาให้กับชาวเมืองในบริเวณโดยรอบ กลับมีพ่อหนุ่มรายหนึ่งกำลังตัดหญ้าอยู่ที่หลังบ้านแบบไม่สะทกสะท้านใดๆ ราวกับว่าเขาควบคุมสถานการณ์อยู่อย่างงั้นแหละ… ภาพนี้ถูกถ่ายได้โดยนาง Cecilia Wessels ในวันที่พายุเข้าโจมตีรัฐแอลเบอร์ตา เป็นภาพของ Theunis สามีของเธอขณะกำลังตัดหญ้าแบบชิลๆ โดยมีพายุลูกโตอยู่ด้านหลัง Cecilia เล่าว่าในวันนั้นสามีของเธอตั้งใจจะตัดหญ้าหน้าบ้านอยู่แล้วเธอเลยขอตัวเข้าไปงีบในบ้านสักพัก นี่คือภาพของนาย Theunis ขณะตัดหญ้าหลังบ้านชิลๆ แต่ระหว่างนั้นเธอก็ถูกปลุกโดยลูกสาววัย 9 ขวบ พร้อมกับบอกแม่ของเธอว่ามีพายุอยู่บนท้องฟ้า แต่พ่อยังคงตัดหญ้าอยู่หลังบ้าน นาย Theunis บอกว่าพายุลูกนั้นอยู่ไกลจากบ้านมากกว่าที่เราเห็นจากภาพถ่ายมาก และมันก็กำลังเคลื่อนตัวออกจากบ้านของพวกเขาจึงไม่มีอะไรต้องกังวลมากนัก Cecilia เล่าว่า “ฉันแค่อยากจะถ่ายภาพพายุทอร์นาโดส่งไปให้พ่อให้แม่ที่แอฟริกาใต้ดู แต่ทุกคนก็งงว่าทำไมสามีของฉันถึงยังตัดหญ้าอยู่?” Theunis บอกว่าพายุทอร์นาโดเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักเมื่อตอนที่เขาอยู่แอฟริกา แต่เขาก็พอรู้จักบ้างผ่านรายการทีวี “มันดูเหมือนจะใกล้มากเลยนะถ้าดูจากรูป แต่มันอยู่ค่อนข้างไกลมาก คือก็ไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่ แต่ก็ไกลจากพวกเราล่ะนะ ผมจับตาดูมันอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ” หากใครนึกภาพไม่ออกว่ามันรุนแรงและน่ากลัวขนาดไหนลองไปชมคลิปกันดูนะ จากการรายงานข่าวในต่างประเทศบอกว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เลย ถือเป็นเรื่องที่โชคดีสำหรับชาวเมืองที่นี่จริงๆ…
-
ตามส่องกิจวัตรประจำวันของ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ท่านผู้นำแห่งรัสเซีย ที่ไม่เคยมีอะไรธรรมดา?
เราทุกคนคงจะรู้จักผู้นำของรัสเซียที่ชื่อ Vladimir Putin กันดี เขาคือหนึ่งในผู้นำที่ถูกสื่อทุกแขนงจับตามองไม่ว่าจะพูด ออกคำสั่ง หรือมีท่าทีอย่างไรต่อกระแสโลกบ้าง แต่ใช่ว่าผู้นำสุดเฮี๊ยบอย่างเขาจะมีแต่บทบาททางการเมืองเท่านั้น เขาเองก็ยังคงมีด้านอื่นๆ นอกจากบทบาทของประธานาธิบดีอยู่ ฉะนั้นในบทความนี้เราก็เลยจะลองไปส่องกันดูหน่อยว่าเบื้องหลังชีวิตของเขาทำอะไรบ้าง? ในวันหยุดปูตินก็ตื่นสายบ้าง กินข้าวเช้าราวๆ เที่ยง เขาชอบกินไข่เจียวชามใหญ่ๆ พร้อมกับน้ำผลไม้ ซึ่งส่วนผสมทุกอย่างจะต้องเท่ากันตลอดไม่มีการเปลี่ยนแปลง บางครั้งเมื่อกินข้าวเสร็จแล้วก็จะดื่มกาแฟต่อ เว็บไซต์ Newseek ของรัสเซียรายงานว่าปูตินชื่นชอบการว่ายน้ำมาก เขาจะใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงในการว่ายน้ำออกกำลังกาย หลังจากว่ายน้ำเสร็จปูตินจะเข้ายิมไปยกน้ำหนักต่อ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ปูตินพยายามปลูกฝังภาพลักษณ์ให้ผู้ชายรัสเซียออกกำลังกายมากขึ้น ปูตินเป็นคนที่ค่อนข้างพิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวมาก เว็บไซต์ของรัสเซียอย่าง Russia Beyond กล่าวว่าปูตินมีแบรนด์เสื้อผ้าประจำที่ชื่อว่า Kiton และ Brioni โดยปกติแล้วปูตินจะไม่เข้างานจนกว่าจะถึงตอนเที่ยง และสิ่งแรกที่เขาจะทำเมื่อเข้ามาถึงที่ทำงานคือนั่งลงแล้วอ่านบันทึกย่อทุกครั้ง บันทึกย่อในที่นี้จะรวมไปถึงรายงานภายในประเทศและต่างประเทศ ปูตินมักจะหลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีในการทำงาน มักจะให้ผู้คนที่ร่วมงานทำการสรุปงานต่างๆ ในรูปแบบเอกสารกระดาษ และเก็บเข้าแฟ้มที่สามารถจับต้องได้อยู่เสมอ ผู้นำของรัสเซียเป็นคนที่ชอบทำงานในช่วงดึกๆ เพราะมีสมาธิมากกว่า…
-
ห้องแล็บญี่ปุ่นพัฒนา ‘MetaLimbs’ แขนกลแบบสวมใส่ เพื่อช่วยให้ผู้พิการหยิบจับได้อีกครั้ง
คุณเคยรู้สึกไหมว่าการมีมือมีแขนเพียง 2 ข้างมันยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน? ถ้าคุณรู้สึกแบบนั้นล่ะก็อุปกรณ์ที่เรากำลังจะนำเสนอต่อไปนี้อาจช่วยคุณได้นะ สิ่งที่คุณได้เห็นอยู่นี้มันมันมีชื่อว่า MetaLimbs หรือแขนกล 2 ข้างสำหรับติดตั้งไว้ที่หลังเพื่อช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นราวกับ Dr. Octopus ใน Spider-Man เลยทีเดียว เจ้าแขนกล MetaLimbs ถูกพัฒนาโดย Inami Laboratory ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มันมีหน้าที่ในการหยิบจับสิ่งของแทนมือของเราขณะยุ่งอยู่กับกิจกรรมอื่นๆ บางคนอาจสงสัยว่ามันควบคุมได้ยังไง? จากวิดีโอโปรโมทแสดงให้เห็นว่ามันมีเซ็นเซอร์รัดอยู่ที่ริเวณหัวเข่าแล้วเท้า นั่นก็หมายความว่าการจะควบคุมมันต้องใช้เท้าขยับไปขยับมานั่นเอง ถึงแม้ว่าแขนกลนี้จะสามารถขยับได้แบบจำกัดทิศทางและไม่สามารถหมุนแบบ 360 องศาได้ (เว้นแต่ขาของคุณจะสามารถหมุนได้ 360 องศา…) แต่การทำงานของมันก็ยังคงครอบคลุมชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเปิดประตู หยิบแก้วน้ำ จับปากกา ถือโทรศัพท์ นอกจากคุณจะสั่งการแขนกลด้วยเท้าและขาของคุณได้แล้ว ในขณะเดียวกันหากแขนกลไปสัมผัสหรือโดนอะไรเข้า มันก็จะส่งความรู้สึกกลับมาที่เท้าของคุณได้อีกด้วย บางทีเจ้าแขนกลนี้อาจจะยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่หากพัฒนามันไปเรื่อยๆ มันก็จะกลายมาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการหรือคนชราได้ในอนาคต เมื่อแขนกลนี้ถูกนำเสนอไปยังสื่อต่างๆ ของญี่ปุ่น มันก็ได้สร้างความฮือฮาออกไปเป็นวงกว้างทีเดียว “อย่างที่เป็นมาตลอดล่ะนะ ชาวญี่ปุ่นพัฒนาความสามารถของพวกเขาด้วยการสร้างหุ่นยนต์เสมอ” “ฉลาดมาก และผมชอบชื่อมันด้วย”…
-
คุณพ่อขโมยเฮโรอีนของลูก และเสพจนเกินขนาด ในเมื่อไม่ยอมเลิก ต้องทำให้หลาบจำ?
คงไม่ต้องให้ใครมาบอกมาย้ำเราก็คงพอรู้ว่าสารเสพติดมันไม่ดีต่อร่างกายกับเราขนาดไหน แต่ในทุกๆ วันก็ยังคงมีวัยรุ่นที่อยากจะลองอยากจะพิสูจน์มันอยู่ นั่นจึงเป็นหน้าที่ของเหล่าพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแลพวกเขาอย่างใกล้ชิดและบอกว่าอะไรควรหรือไม่ควร คุณพ่อคอยพร่ำบอกให้ลูกชายไปบำบัดอาการติดยา แต่ก็ยังไม่เป็นผล เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนอเรื่องราวของนาย Maykl Gnatovskiy ชายหนุ่มวัย 23 ปีที่เสพติดเฮโรอีนมาตั้งแต่อายุ 15 ปี แม้ว่า Sergey Gnatovskiy ผู้เป็นพ่อจะเคยเตือนเขาเรื่องนี้แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงไม่หยุดเสพเฮโรอีน นาย Sergey Gnatovskiy ทนไม่ได้ที่เห็นลูกชายเสพสารเสพติด จึงเอ่ยปากบอกว่าหากลูกชายไม่หยุดเสพ ตัวเองก็จะเสพบ้าง “ผมบอกเขาว่าถ้ายังไม่หยุดเสพยาพวกนี้อีก ผมจะเสพดูบ้าง ผมพยายามส่งเขาไปบำบัดแล้ว เขาสัญญากับผมว่าจะเลิก แต่ก็ยังทำอีก” นาย Sergey กล่าวกับสื่อ คุณพ่อ Sergey Gnatovskiy ไม่อาจทนต่อความดื้อด้านในการเสพยาของลูกชายอีกต่อไป แล้ววันหนึ่งที่นาย Maykl กลับมาบ้าน เขาก็ต้องตกใจมากเมื่อพบว่าพ่อของเขานอนหมดสติอยู่กับพื้นเนื่องจากเสพเฮโรอีนเกินขนาด เขารีบเข้าไปช่วยพ่อของตัวเองด้วยการทำ CPR เพื่อให้พ่อของเขากลับมามีสติอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ Maykl ตระหนักได้ว่าเขาควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างเพื่อพ่อของเขาแล้ว…
-
ไร้บ้านแต่ไม่ไร้หัวใจ ชาวอังกฤษเชิดชู 2 ชายจรจัด ช่วยผู้บาดเจ็บในเหตุระเบิดกลางคอนเสิร์ต
เราอาจจะมองคนไร้บ้าน หรือคนจรจัดในแง่ลบ แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่าพวกเขาก็แค่คนที่ขาดโอกาสในสังคม แต่ยังคงมีความดีอยู่… แม้จะเกิดเหตุสลดจากเหตุการณ์ระเบิดกลางคอนเสิร์ตของศิลปินดัง Ariana Grande ขึ้นที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ และได้สร้างความโศกเศร้าให้กับผู้คนทั่วโลกหนักหนาแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังคงมีเรื่องราวดีๆ ที่เปรียบเสมือนแสงสว่างสำหรับผู้คนอยู่เหมือนกัน เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยเรื่องราวชวนซึ้งของ 2 หนุ่มเร่ร่อนอย่างนาย Stephen Jones และ Chris Parker ที่เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์วางระเบิด จนถูกชาวอังกฤษยกย่องว่าเป็นฮีโร่ของพวกเขา ตามรายงานบอกว่า Stephen และ Chris ได้อาศัยหลับนอนตามข้างถนนใกล้กับสถานที่จัดคอนเสิร์ต และขอเศษเงินจากผู้คนที่กำลังจะกลับบ้าน หรือเดินผ่านเส้นทางนั้นอยู่เป็นประจำ จากการให้สัมภาษณ์นาย Chris กล่าวว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์เขาเห็นแสงไฟสว่างวาบขึ้นพร้อมกับเสียงดังและความวุ่นวาย เขาเห็นผู้หญิงวัยราวๆ 60 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ขาและศีรษะเนื่องจากแรงระเบิด แม้เขาจะเข้าไปช่วยเธอแต่เธอไม่สามารถทนพิษบาดแผลและจากไปต่อหน้าต่อตาของเขา “เธอตายในอ้อมแขนของผมเลย เธอบอกว่าเธอมากับครอบครัวของเธอด้วย ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ” นาย Chris กล่าวด้วยความเศร้าในแววตา นอกจากนี้เขายังได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดจนสูญเสียขาไปทั้ง 2 ข้าง “ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนึง เธอไม่มีขาแล้วผมเลยเอาเสื้อยืดของผมมาห่อขาของเธอไว้แล้วก็ถามเธอว่า ‘พ่อแม่ของเธออยู่ไหน?’ เด็กคนนั้นเลยบอกผมว่า ‘พ่ออยู่ที่ทำงาน…
-
พ่อแม่ลูก 8 หลั่งน้ำตา เมื่อรายการทีวีรีโนเวทบ้านให้ทั้งหลัง ช้อปปิ้งฟรี 1 ปี รถใหม่อีก 1 คัน
มะเร็งเป็นโรคร้ายที่คงไม่มีใครอยากจะเจอ แม้ปัจจุบันจะมีการรักษาให้หายได้แล้วแต่ก็มีผู้คนอีกไม่น้อยที่ต้องจากโลกนี้ไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เราค้นพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้อยู่ สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือพยายามเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อให้คนข้างหลังของเราไม่ลำบากในวันที่เราจากโลกนี้ไปแล้ว… นี่เป็นเรื่องราวที่ทั้งน่าเศร้าและชวนซาบซึ้งไปในเวลาเดียวกันของ Audrey คุณแม่ลูก 3 ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารขั้นที่ 2 เธอรู้ตัวว่าเธออาจจะจากโลกนี้ไปในสักวันหนึ่ง เธอจึงเอ่ยปากขอร้องเพื่อนบ้านอย่าง Tisha และ Kevin สามีของเธอให้ช่วยรับเลี้ยงลูกๆ ทั้ง 3 ของเธอในวันที่เธอจากไปแล้ว Audrey ได้จากโลกนี้ไปในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2016 คำขอร้องนั้นดูจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเพราะครอบครัวของ Tisha เพราะเองก็มีลูกอยู่แล้วถึง 5 คน และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สนิทสนมกับ Audrey มากเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ตอบรับคำขออันยิ่งใหญ่นี้ เธอคิดว่าเด็กทั้ง 3 คนควรจะได้มีชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ เพราะหากเธอไม่รับเด็กๆ ทั้ง 3 มาเป็นลูกของเธอ พวกเขาก็อาจจะถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหมือนตอนที่ Tisha เป็นเด็กซึ่งเธอเข้าใจความรู้สึกนั้นดี Tisha และสามีต้องช่วยกันดูแลเด็กๆ ถึง 8 คน ถือเป็นภาระและความรับผิดชอบที่หนักมากสำหรับเธอ เพราะบ้านของเธอค่อนข้างคับแคบเมื่อเทียบกับจำนวนคน ทำให้เด็กๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องแบ่งห้องนอนกัน…
-
ความเสียหายของเมืองอะเลปโป ประวัติศาตร์กว่า 1,000 ปี ที่สูญสลายไปจากกลุ่ม ISIS
หลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่กลุ่มก่อการร้าย ISIS ปรากฎตัวออกมาก็ล้วนมีผลกระทบมากมายหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือความสูญเสียที่ไม่อาจกลับคืนมาได้ดั่งเดิม แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะได้รับผลกระทบและสร้างความสะเทือนใจให้กับชาวซีเรียและชาวอิรักมากที่สุดก็คงจะเป็นสถานที่สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปีของพวกเขาต้องถูกทำลายลงไป และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถจะนำกลับมาได้อีกต่อไป ภาพของมัสยิด Al Sultania ที่งดงามในเมืองอะเลปโปก่อนที่จะถูกโจมตีโดยกลุ่ม ISIS ส่วนภาพนี้คือหลังจากสงครามกลางเมืองของกลุ่ม ISIS เรียกว่าแทบจะไม่เหลือความเป็นเนื้อเดิมอีกต่อไป Zaki Aslan ผู้นำของกลุ่ม ICCROM-ATHAR ที่เป็นกลุ่มอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในตะวันออกกลางได้ออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “กลุ่มประเทศตะวันออกกลางควรที่จะร่วมมือกันออกมาปกป้องประวัติศาสตร์โลกกันเสียที เพราะพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับการล้มล้างวัฒนธรรมในประเทศอิรักและซีเรีย นอกจากนั้นการทำลายมรดกของชาติถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงมาก ด้วยเหตุนี้ทุกชาตจึงต้องโต้ตอบและหาทางรับมือทันที” ภาพมุมสูงของวิหาร Baal Shamin ที่ถูกเหล่าผู้ก่อการร้ายทำลายลงจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ภาพจากมุมต่างๆ รอบๆ บริเวณวิหารที่แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย . . . วิหารแห่งเบลที่แม้จะเคยอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ดีเยี่ยม แต่ก็ยังคงดูออกว่าเป็นวิหารแห่งเบลและหลงเหลือตัววิหารไว้ให้เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ ด้วยอายุของวิหารที่มากกว่า 2,200 ปี จึงไม่แปลกเลยที่จะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมายเกี่ยวกับที่แห่งนี้ แต่หลังจากที่กลุ่ม ISIS เข้ามาพร้อมกับระเบิดตัววิหารทิ้งไป เหลือไว้เพียงแต่ความโศกเศร้าและซากของวิหารเท่านั้น นอกจากตัววิหารแล้ว สถานที่สำคัญๆ…
-
แฮกเกอร์เรียกค่าไถ่ Disney ถ้าไม่จ่ายเตรียมโดนปล่อย Pirates of the Caribbean ภาคใหม่แน่!!
ตั้งแต่ไวรัส Ransomeware ระบาดไปทั่ว ก็กลายเป็นว่านั่นจะเป็นเหมือนสัญญานที่ปลุกระดมเหล่าแฮกเกอร์มือดีกันเสียยกใหญ่ เพื่อให้ออกมาเกาะกระแสไซเบอร์ในครั้งนี้ ล่าสุดผู้โชคร้ายที่โดนกระแสไซเบอร์จากเหล่าแฮกเกอร์ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเหยื่อตัวใหญ่สุดๆ เลยก็ว่าได้เพราะเขาคนนั้นก็คือ Bob Iger ซีอีโอของสตูดิโอ Walt Disney นั่นเอง พ๊างงง!! ตัวแฮกเกอร์ได้ออกมายืนยันว่าเขาได้ไฟล์หนังใหม่แกะกล่องที่คาดว่าจะทำเงินสุดๆ ในเร็ววันนี้อยู่ในมือแล้ว ถ้าทาง Bob ไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ตัวแฮกเกอร์เรียกร้อง หนังดังกล่าวจะถูกปล่อยสู่โลกออนไลน์ก่อนหนังฉายจริงอย่างแน่นอน ส่วนหนังที่ถูกมือดีฮุบไปจะเป็นเรื่องไหนนั้นก็ยังมิอาจจะทราบได้ แต่หลายคนก็คาดการว่าหนังเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็น Pirates of the Caribbean ภาคใหม่ล่าสุดที่จะฉายในวันที่ 24 พฤษาภาคม 2017 เพราะเป็นหนังที่ใกล้ฉายและน่าจะทำเงินเยอะสุดๆ ในช่วงนี้แล้วนั่นเอง ทว่าทางด้าน Bob Iger ก็ได้ไม่ได้บอกว่าเขาจะยอมจ่ายไหม แต่เขาบอกว่าแฮกเกอร์ได้ขู่ว่าถ้าเขาล่าช้าในการจ่ายเงินตามที่กำหนด แฮกเกอร์จะทำการปล่อย 5 นาทีแรกของหนังออกมาก่อน และถ้ายังไม่มีการตอบรับใดๆ ตัวหนังจะถูกปล่อยออกมาในรูปแบบครั้งละ 20 นาที จนกว่า Bob จะยอมจ่ายเงินตามคำขู่ แต่ก็ไม่ใช่แค่ Walt Disney เท่านั้นที่โดนโจมตี เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่นานซีรีส์ของทาง Netflix อย่าง Orange is the…
-
รวม 12 สิ่งธรรมดาๆ ที่ Robert Downey Jr. ทำแล้ว ดูเท่กว่าคนทั่วไปเยอะเลย!!
ขึ้นชื่อว่าคนหล่อ คนเท่ ทำอะไรมันก็ดูดีไปซะหมดเลยนะ โดยเฉพาะคนเท่ๆ อย่าง Robert Downey Jr. นักแสดงระดับเอลิสท์ที่โด่งดังไปทั่วโลกจากบท Iron man ที่ไม่ว่าเขาจะเดินไปไหนหรือทำอะไร ก็มักจะกลายเป็นจุดสนใจตลอด แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ตาม วันนี้แอดเหมียวได้รวบรวมเอา 12 กิจกรรมธรรมดาๆ ที่ไม่มีใครทำแล้วเท่เท่า Robert Downey Jr. อีกแล้ว จะมีอะไรบ้างนั้นเราลองไปชมกันเลยจ้า 1. ถ่ายภาพติดใบขับขี่ 2. ขโมยของ(Downey มักจะชอบจิ๊กของในกองถ่ายเอาไปไว้ที่บ้าน ยกตัวอย่างเช่นชุดเกราะ Iron Man) 3. เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน(ซะที่ไหนล่ะ) 4. เป็นนักแสดง/ตัวละครที่คนอื่นๆ พูดถึงมากที่สุด 5. เล่นของเล่น 6. สอนวิชาคณิตศาสตร์ให้คุณ 7. สวมชุดแบบคนขี่ม้าไปงานเปิดตัวภาพยนตร์ Iron Man รอบปฐมทัศน์ 8. สวมใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาๆ 9. ใส่แว่นตากันแดด…
-
ชายชาวจีนสร้างสุสานอันเงียบสงบเพื่อตัวเอง และใช้บั้นปลายชีวิตที่เหลือ ณ ที่แห่งนี้…
หลังจากสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปเมื่อนานมาแล้ว คุณหมอชาวจีนท่านหนึ่ง ได้ตัดสินใจสร้างสุสานให้กับตัวเองไว้ในภูเขาที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน และก็ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่แห่งนั้นจนวาระสุดท้ายของเขา Liang Fusheng คุณหมอชาวจีนวัย 92 ปี ก็คือชายผู้เป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เคยมีครอบครัวที่ดีเหมือนกับคนอื่นๆ แต่แล้วเขาก็ต้องสูญเสียภรรยาและลูกอีกสามคนไปเพราะโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อน พร้อมกับอายุที่มากขึ้น จึงทำให้ไม่มีใครมาอยู่ดูแลเขาอีกต่อไป ด้วยเหตุนั้นทำให้เขาเริ่มที่จะมองหาสถานที่สำหรับบั้นปลายชีวิตของตัวเอง จนมาหยุดอยู่ที่หมู่บ้านในภูเขามณฑลหูหนาน เขาเริ่มสร้างสุสานให้กับตัวเองในราวๆ ปี 1990 โดยการจ้างชาวบ้านให้มาช่วยขนวัสดุและช่วยกันสร้างสถานที่ดังกล่าว เขาใช้เงินมากถึงประมาณ 1.3 ล้านบาท และเวลาอีก 14 ปี กว่าจะสร้างได้สำเร็จ และในที่สุดแล้วเขาก็เรียกที่แห่งนี้ว่าบ้านหลังสุดท้าย ส่วนการกินการนอนของเขาก็จะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้หรูหราอะไร ที่นอนของเขาก็จะเป็นโลงศพที่เตรียมพร้อมไว้ เผื่อว่าเขาต้องตายไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องลำบาก นอกจากนั้นเขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนสุสานอันสงบสุขของเขา เขาจึงทำการติดตั้งกับดักรั้วหนามและป้ายเตือนไว้รอบๆ แถมตัวสุสานยังมีการปิดกั้นอย่างแน่นหนาด้วยล็อค 5 ชั้น พร้อมกับบอกกับชาวบ้านว่าไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เป็นคนใจจืดใจดำอะไร เขาได้บอกกับชาวบ้านว่าถ้ามีใครต้องการความช่วยเหลือหรือป่วย เขาก็จะเดินทางไปช่วยชาวบ้านในทันที สุดท้ายเขาก็ได้บอกลากับชาวบ้านไปเมื่อราวๆ ปีก่อน และร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับชาวบ้านพร้อมบอกว่าเขาคงจะต้องจากไปในอีกไม่นานอย่างแน่นอน… ที่มา odditycentral
-
คู่รักสูงอายุดื่มแชมเปญฉลองครบรอบแต่งงาน 67 ปี เป็นครั้งสุดก่อนที่คุณยายจะจากไปอย่างสงบ…
คำที่ว่าเราจะรักกันไปจนแก่เฒ่า หรือไม่ก็อยู่ด้วยกันไปจนตาย เอาเข้าจริงๆ แล้วจะมีคู่รักในยุคนี้คนไหนที่ทำได้บ้าง? และถ้าดูจากตัวอย่างคู่ตายายที่ทำได้ เราจะรู้ได้ทันทีว่ามันคือความสำเร็จในชีวิตคู่จริงๆ นี่ก็คือคุณยาย Beatrice Whitehead วัย 87 ปี กับคุณตา Bert Whitehead วัย 90 ปี ทั้งคู่เป็นคู่รักที่แต่งงานกันมาแล้วกว่า 67 ปี ตั้งแต่ปี 1950 และพบรักกันเมื่อตอนอายุคุณยายอายุ 15 และคุณตาอายุ 17 เท่านั้น ทั้งคู่สานสัมพันธ์รักกันมาอย่างสม่ำเสมอและฉลองครบรอบแต่งงานกันครั้งล่าสุดเมื่อตอนครบรอบ 65 ปี จนตอนนี้มีลูกๆ ถึง 4 คนแถมยังมีหลานเหลนอีกเพียบ แต่แล้วคุณยาย Beatrice ที่ป่วยเป็นโรคเมร็งกระดูกและต้องต่อสู้กับโรคนี้มานานถึง 6 ปี ก็ตัดสินใจที่จะจากไปอย่างสงบ ที่โรงพยาบาล Royal Bolton ในเมืองแมนเชสเตอร์ ทว่าในช่วงวลาที่คุณยายต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลคุณตา Bert ก็ไม่ปล่อยให้คุณยายต้องโดดเดียว เพราะคุณตาได้แอดมิตไปอยู่กับคุณยายด้วย ทั้งคู่ขอร้องให้พยาบาลได้ย้ายเตียงมาติดกันเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนช่วงเวลาสุดท้ายชีวิตของคุณยาย Beatrice และเฉลิมฉลองครบรอบแต่งงานเป็นครั้งสุดท้าย ทางด้านลูกสาวของทั้งคู่ Suzanne ได้พูดถึงภาพเหตุการณ์สุดท้ายของทั้งคู่ว่า “พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป พวกเราทั้งหมดล้วนมีช่วงเวลาในชีวิตที่ดี ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าฉันไปเกิดที่ครอบครัวอื่นพวกเราจะดีได้แบบนี้ไหม แม่ของฉันต้องต่อสู้กับโรคร้ายมานานถึง…
-
นาทีระทึก!! นักปั่นจักรยานถูกหมีไล่ล่ากลางป่า แต่โชคดีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
การปั่นจักรยานถือเป็นกิจกรรมยามว่างของใครหลายๆ คน แล้วยิ่งถ้าเป็นคนชอบผจญภัยอยู่ด้วยก็จะไปปั่นตามดอยตามเขาหรือสถานที่ที่ท้าทายเพื่อความมันส์อีกระดับหนึ่ง แต่ไม่ว่าคุณจะชอบความท้าทายแค่ไหน ก็ต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วย โดยเฉพาะเวลาเข้าป่า เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ระหว่างทางบ้าง เหมือนอย่างเหตุการณ์นี้…เมื่อนักปั่น 2 คนได้เข้าไปในป่า Malino Brdo ประเทศสโลวาเกีย แล้วจู่ๆ ก็มีหมีโผล่ออกมาจากข้างทางวิ่งไล่นักปั่นแบบไม่ทันตั้งตัว!! จากคลิปวิดีโอจะเห็นว่า หมีได้ไล่ตามนักปั่นคนแรกในระยะกระชั้นชิด นักปั่นคนดังกล่าวจึงปั่นหนีสุดความสามารถ เพื่อพ้นจากอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา เหตุการณ์ทั้งหมดนี้บันทึกได้จากกล้องหน้าหมวกกันน๊อคของนักปั่นคนที่ 2 ซึ่งปั่นตามมาติดๆ พร้อมตะโกนไล่หลังเพื่อช่วยเพื่อน หลังจากที่หมีวิ่งตามนักปั่นสักพักมันก็เปลี่ยนเส้นทางเข้าป่าไป… นักปั่นคนที่ถูกไล่จึงย้อนกลับมาเส้นทางเดิม และพากันออกจากป่านั้นอย่างรวดเร็ว จากเหตุการณ์นี้ดูเหมือนหมีตัวนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอันตรายพวกเขา เพราะหากมันจะทำแบบนั้นจริงๆ มันสามารถเข้าถึงตัวมนุษย์ได้ง่ายมาก เพราะมันวิ่งเร็วกว่าจักรยานหลายเท่า แต่มันก็เลือกที่จะเลี่ยงเข้าป่าไป คลิปนาทีนักปั่นถูกหมีไล่ล่า อย่างไรก็ตาม ใครที่คิดจะเข้าไปทำกิจกรรมอะไรในป่าก็ต้องระมัดระวังตัวไว้ด้วยนะคะ เพราะคุณอาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ ที่มา dailymail
-
Paulo Machado หนุ่มบราซิล ที่ใช้ชีวิตในโรงพยาบาลนานที่สุดในโลกถึง 45 ปี!!!
แค่คิดภาพเล่นๆ ว่าเราต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแค่ 2-3 วัน หรือมากสุดๆ ก็ 1 เดือน แค่นี้ก็รู้สึกสยองกันแล้วใช่ไหมล่ะ แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ต้องนอนโรงพยาบาลรักษาตัวนานเป็นปีๆ จนคุณคิดไม่ถึงเลยล่ะ นี่คือเรื่องราวของนาย Paulo Henrique Machado ชาวบราซิลวัย 46 ปี เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลนานที่สุดในโลก นานแค่ไหนน่ะเหรอ!? ก็ตั้งแต่ที่เขาเกิดได้เพียง 2 วันนั่นแหละ และปัจจุบันเขายังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลยด้วยนะ ที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลนานขนาดนั้นก็เพราะว่าเขาป่วยเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่เกิด ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้เอง ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา จะเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆ ก็ไม่ได้เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อนอกโรงพยาบาล โดยตลอดระยเวลาที่เขาอาศัยอยู่ในโรงพยาบาล เขามีโอกาสได้ออกไปนอกโรงพยาบาล 50 ครั้ง นอกนั้นก็ทำได้เพียงสำรวจพื้นที่ต่างๆ ภายในอาคารเท่านั้น นาย Paulo กล่าวว่า “ผมสำรวจทั้งระเบียงข้างบนและข้างล่าง เข้าไปในห้องของเด็กคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ นั่นคือวิธีที่ผมสำรวจ ‘จักรวาล’ ของผม สำหรับผมแล้ว การเล่นฟุตบอลหรือของเล่นธรรมดาๆ ไม่ใช่ทางเลือกของผม มันต้องใช้จินตนาการมากกว่านั้น” นอกจากตัวเขาที่อาศัยอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอดแล้ว ยังมี…
-
ปิกาจูหน้าแถวกำลังแฟบ ถูกเจ้าหน้าที่เข้าชาร์จอุ้มออกไปดื้อๆ จนกลับมาเหมือนไม่มีอะไร!!
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการจัดแสดงงาน Pokémon World Festival ซึ่งอีเว้นท์หลักภายในงานก็จะเป็นกลุ่มปีกาจูตัวเล็กๆ 15 ตัวออกมาเต้นเพื่อเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าผู้ชมภายในงาน แต่ทว่าในระหว่างที่การแสดงกำลังดำเนินไปได้ดี จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ในชุดสูทที่เหมือนจะเป็นคนจากภาครัฐวิ่งเข้ามาจับตัวปิกาจูที่กำลังแสดงนำ และลากตัวออกไปข้างหลังทันที!! . ลองมาดูคลิปเหตุการณ์เต็มๆ กันดีกว่า งานนี้เล่นเอาทั้งคนในงาน และปิกาจูอีก 14 ตัว งงเป็นไก่ตาแตกกันไปหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแสดงกันต่อไปให้จบ ปิกาจูอีก 14 ตัว ก็ดึงสติกลับมาได้และเริ่มที่จะแสดงต่อ เพราะพวกเขารู้ว่านี้มันคือหน้าที่ที่พวกเขาได้รับมอบหมายมา หลังจากคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนมากมายต่างตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับปิกาจูของพวกเขา หรือว่าคนที่อยู่ในชุดปิกาจูคนนั้นจะมีความผิดอะไรหรือเปล่า? ลองมาดูความเห็นชาวเน็ตกันดีกว่า อยู่ดีๆ ปิกาจูก็เริ่มตัวแฟบลง และหลังจากนั้นทางหน่วยรักษาความปลอดภัยของรัฐก็เข้ามาอุ้มปิกาจูออกไปทันที หรือว่าปิกาจูตัวนั้นจะรู้มากเกินไป รัฐบาลเลยจัดการอุ้มซะเลย ฉันหัวเราะน้ำตาไหลเลย โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่ปิกาจูตัวอื่นพยายามทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่าทำไมปิกาจูตัวดังกล่าวถึงถูกเจ้าหน้าที่มาอุ้มตัวไป แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะปิกาจูตัวนั้นกำลังแฟบลง เจ้าหน้าที่เห็นท่าไม่ดีก็เลยมาพาตัวออกไปเพื่อซ่อมชุดนั่นเอง แต่เข้าชาร์จกันอย่างกับปิกาจูเป็นภัยต่อผู้ชมยังไงยังงั้นเลยล่ะ ฮร่าาาา เล่นเอาตกอกตกใจหมดเลยนะเนี่ย ที่มา buzzfeed
-
เหตุการณ์ลาไปสวรรค์… คู่รักไต้หวันเสียชีวิต หลังจากมีออรัลเซ็กส์กันในรถกลางดึก
คู่รักชาวไต้หวันสองคนถูกพบเป็นศพอยู่ในรถ BMW ในคืนวันอังคารที่นครซินเป่ย์ ซึ่งสภาพของผู้ชายอยู่ในสภาพเปลือยช่วงล่าง ส่วนหน้าของผู้หญิงฟุบอยู่ตรงช่วงล่างผู้ชายพอดี ตำรวจจึงคาดว่าทั้งคู่กำลังมีออรัลเซ็กส์กันอยู่ในรถนั่นเอง ต่อมามีคนมาพบพวกเขาในช่วงเช้าจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นตัวรถก็ยังปิดกระจกแน่นหนาพร้อมกับล็อคประตูรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการพังกระจกเข้าไปเพื่อนำร่างทั้งคู่ออกมา ทว่าสาเหตุการเสียชิวตจริงๆ ของทั้งคู่ยังอยู่ในช่วงการชันสูตรศพ แต่ทางตำรวจก็ได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่าพวกเขาคงเสียชีวิตจากอาการเหนื่อยและขาดอากาศหายใจเพราะรถปิดกระจกมิดชิดเกินไป ส่วนสาเหตุที่ทางตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานแบบนั้นก็เพราะว่าในที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ไม่พบท่าทีของการต่อสู้ ฆ่าตัวตาย หรือการมีใช้ความพิสดารเลย ทำให้เรื่องของอาการเหนื่อยจึงเป็นสาเหตุแรกๆ นั่นเอง นอกจากนั้นผู้ตายยังได้รับการยืนยันในภายหลังว่าเป็นชายแซ่ ซ่ง วัย 49 ปี และหญิงแซ่ เฉิน วัย 49 ปีเช่นกัน ซึ่งคาดว่าทั้งคู่อยู่ในช่วงหมั้นหมายกัน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่มีการเปิดเผยมากนัก ทางน้องสาวของผู้เสียชีวิตแซ่ เฉิน ให้ปากคำกับตำรวจว่าพี่สาวของเธอออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วง 2 ทุ่มในคืนวันจันทร์และไม่ยอมกลับมาทำงานในวันถัดมา ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าพี่สาวของเธอหายไป เธอจึงเดินทางไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีเพื่อให้ตามหาตัวพี่สาวจนเกิดเป็นเหตุการณ์ดังกล่าวนั่นเอง ที่มา shanghaiist
-
หนุ่มอิสราเอล สร้างโฆษณาขายรถมือ 2 สุดเจ๋ง ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ออกไปยังอวกาศ!!
เวลาเราต้องการที่จะขายรถ เราอาจจะเพียงแค่ถ่ายรูปมุมต่างๆ ของรถบวกกับรายละเอียดเครื่องยนต์เพื่อนำมันมาใช้ในการประชาสัมพันธ์การขาย แต่สำหรับชายผู้นี้คิดว่าการถ่ายรูปมันยังธรรมดาไป Eugene Romanovsky ชายชาวอิสราเอลผู้ที่ทำอาชีพครีเอทีฟและสร้างสรรค์งาน CG ให้กับภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง เขาได้ตัดสินใจจะประกาศขายรถ Suzuki รุ่น Vitara ของเขาเอง แต่การถ่ายรูปธรรมดาๆ ก็ดูจะไม่เจ๋งพอ เลยทำเป็นภาพยนตร์ไซไฟมันซะเลย!! Eugene กับรถ Suzuki Vitara ปี 1996 ด้วยความสามารถด้าน VFX และความช่วยเหลือจากกลุ่มเพื่อนๆ ในบริษัท Gravity Animation company เขาจึงไม่รอช้าลงมือถ่ายทำและตัดต่อวิดิโอประชาสัมพันธ์ขายรถในแบบที่เว่อร์วังจนบอลลีวู้ดยังต้องอาย ยนตกรรมแห่งอนาคต ที่จะพาคุณไปทุกที่ ทุกสภาพการณ์ แม้จะเจอกลุ่มวอร์บอยโจมตี… แม้จะมีไดโนเสาร์ก็ไม่หวั่น… จะหิมะถล่ม… ออกนอกโลกไปอวกาศ… แล้วมาลงจอดบนดาวอังคารก็ยังได้!? เดี๋ยวนะ… โฆษณาของเขานั้นถูกปล่อยในเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2017 ที่ผ่านมาและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ที่สนใจจะซื้อรถของเขาและชาวเน็ตที่คิดว่าโฆษณาของเขามันช่างเจ๋ง ตลก และอลังการมาก…
-
ทำความรู้จัก Becky Sharrock หญิงสาวผู้มีความสามารถพิเศษ “จดจำทุกอย่างในชีวิตได้”
จะเป็นยังไงถ้าคุณสามารถที่จะจำทุกสิ่งที่อย่างที่ตัวเองเคยประสบในช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิต!? ปกติแล้วคนเราจะไม่สามารถที่จะจำทุกอย่างในช่วงชีวิตได้ เช่น ความทรงจำในวัยทารก หรือบางช่วงเวลาที่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือเรื่องธรรมดาในอดีตที่เราก็คงไม่จำหรอกว่าวันนี้เมื่อปีก่อนกินข้าวกับอะไร?? แต่บนโลกใบนี้กลับมีคนจำนวนหนึ่งที่จะมีความสามารถพิเศษที่หาได้ยากมากๆ ประเภทหนึ่ง ความสามารถที่ว่านั่นก็คือการจดจำทุกสิ่งทุกเหตุการณ์ที่ตัวพวกเขาเคยประสบ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่อ่าน หนังที่ดู หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก พวกเขาล้วนสามารถจำเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทั้งสิ้น Becky Sharrock คือหญิงสาววัย 27 ปีที่เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น เธอเล่าว่าเธอสามารถที่จะจดจำเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม โดยเหตุการณ์แรกที่ทำให้เธอรู้ว่าตัวเธอมีความสามารถนี้ก็เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเธอไปอ่านหนังสือพิมพ์ที่เขียนไว้ว่าคนเราไม่สามารถจำสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ขวบแรกได้ ทว่าเธอกลับพูดขึ้นว่า “ข่าวนี้มันมั่ว ไม่จริงเลยสักนิด” จากนั้นเธอก็บอกว่าเธอสามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนอายุ 12 วันได้ เธอบอกว่าแม่ของตนพาไปนั่งตรงที่นั่งคนขับและถ่ายรูปด้วยกัน แถมเธอยังสามารถเล่ารายละเอียดทุกอย่างได้ถูกต้องทั้งหมด ยังไม่หมดแค่นั้น ในบางครั้งเธอยังเกิดคำถามแปลกๆ กับแม่ของเธอบ่อยครั้ง เช่น เวลาที่แม่ของเธอพูดขึ้นว่าเธอชอบรายการทีวีนีมากๆ Becky จะพูดขึ้นมาว่า “แต่ครั้งล่าสุดแม่ไม่ได้บอกว่าชอบรายการนี้นะ” แม่ของ Becky ตอบกลับทันทีว่า “ครั้งสุดท้ายที่ว่ามันคือเมื่อไหร่?” และ Becky ก็ตอบกลับด้วยคำตอบที่แม่ของเธอจะต้องอึ้งทันทีว่า “เมื่อ 5 ปีก่อนไง แม่จำไม่ได้เหรอ?”…
-
สามีขังภรรยาไว้ในห้อง เพื่อจะได้จิบชาอย่างสงบสุข… เรื่องกลับรุนแรง ถึงขั้นต้องขึ้นศาล!!
เคยไหมที่บางครั้งเราต้องอยู่กับรูมเมทหรือคู่รักของตัวเอง แต่ว่าพวกเขากลับเป็นคนที่โหวกเหวกโวยวายเสียเหลือเกิน ไม่ก็สร้างปัญหาให้ไม่รู้สึกสงบจิตสงบใจได้เลย จนเรารู้สึกอยากจะขังพวกเขาไว้ในห้องสักระยะหนึ่งเพื่อที่ตัวเราจะได้มีสมาธิทำอะไรสักอย่าง แต่เราก็คงไม่ทำจริงๆ หรือใช่มะ…!? Kevin Drake ก็เป็นชายวัย 59 ปี ที่รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน เขาอาศัยอยู่กับอดีตภรรยา Moira Drake ที่ได้หย่าร้างกันไปในเมืองแบรดฟอร์ดประเทศอังกฤษ โดยทั้งคู่ตกลงอาศัยอยู่ด้วยกันชั่วคราวในขณะนั้น เขาบอกว่าเธอชอบที่จะสูบบุหรี่ในขณะที่อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งเขาเหม็นและไม่ชอบเอามากๆ จนวันหนึ่งทั้งคู่ก็เกิดการโตเถียงกันเกิดขึ้นในห้องนอนของ Moira แต่หลังจากที่ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกันหนักขึ้นเรื่อยๆ Kevin ก็ทำการแอบย่องไปข้างหลังเพื่อออกจากห้องพร้อมกับขังเธอไว้ในห้องทันที ด้วยเหตุนี้มีเหรอที่ Moira จะอยู่เฉย เธอเปิดหน้าต่างของห้องออกไปพร้อมตะโกนเรียกให้ใครก็ได้ช่วยเธอที เสียงดังโวยวายทำให้เป็นที่สนใจของคนในละแวก จนไม่นานนักเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงที่พักของพวกเขา เมื่อตำรวจเข้าไปในบ้านก็ต้องอึ้งเมื่อพวกเขาเจอกับ Kevin ที่กำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจ เขาให้เหตุผลว่า เขาอยากจะจิบชาอย่างสงบโดยที่อดีตภรรยาของเขาไม่รบกวน พร้อมกับบอกว่าเขาจะปล่อยเธอออกมาแน่นอนหลังจากที่จิบชาเสร็จ แต่เมื่อเหตุการณ์มันบานปลายมาขนาดนี้แล้ว ทางตำรวจก็ต้องส่งเรื่องนี้ให้กับศาล จนท้ายที่สุด Kevin ก็ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด ศาลได้ตัดสินให้ทั้งคู่ต้องแยกทางกันและจะต้องไม่ติดต่อหากันเป็นเวลากว่า 5 ปี ภายหลัง Moira ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าฝ่ายสามี Kevin มีปัญหาเรื่องสุขภาพ รวมถึงการประเมินสถานการณ์ การตัดสินใจไม่ค่อยดีนัก…
-
ประเทศจีนวางแผน เตรียมสร้างหมู่บ้านบนดวงจันทร์ ด้วยความรวมมือจากยุโรป
ยุคของการท่องอวกาศและตั้งรกรากของมนุษย์กำลังจะมาถึงแล้วในอีกเวลาไม่นาน เพราะช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราก็ได้ยินแผนการต่างๆ จากบริษัทระดับโลกหลายแห่งว่าพวกเขาต้องการที่จะสร้างโคโลนี่บนอวกาศ หรือออกสำรวจไปยังดาวต่างๆ ล่าสุดมหาอำนาจอย่างจีนก็หันมาสนใจเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยตัวแทนจากองค์การอวกาศจีนนาย Tian Yulong ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าพวกเขาวางแผนเรื่องนี้ไว้จริงๆ นอกจากนั้นทางองค์การอวกาศจีนก็ได้ติดต่อกับองค์การอวกาศของทางยุโรปที่มีชื่อย่อว่า ESA ซึ่งพวกเขาก็ได้บอกว่าแผนการสร้างหมู่บ้านบนดวงจันทร์จะถือเป็นใบเบิกทางต่อไปสำหรับการสำรวจดาวอังคารอย่างเต็มรูปแบบ Jan Woerner อธิบดีของ ESA บอกว่า “พวกเราต้องการวิสัยทัศน์ใหม่ที่จะใช้ในการท่องอวกาศ เพราะตอนนี้หลากหลายชาติก็มีดาวเทียวเป็นของตัวเอง จนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว” “ส่วนหมู่บ้านบนดวงจันทร์ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นหมู่บ้านที่มีโบสถ์ บ้านคนละหลัง หรือศาลาเมืองอะไรแบบนี้หรอกนะ หมู่บ้านในความหมายของผมก็คือการที่ให้ผู้คนมาอยู่ด้วยกันและช่วยกันสร้างมันขึ้นมาต่างหาก” จุดประสงค์ของตัวหมู่บ้านจริงๆ นั้นจะเป็นการใช้ เพื่อที่สำรวจตัวดวงจันทร์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงใช้ในการทำเหมืองและท่องเที่ยว ที่สำคัญยังสามารถใช้เป็นสถานที่พักยานอวกาศเพื่อที่จะเดินทางไปยังดาวอังคารได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย การทำงานและอยู่อาศัยบนหมู่บ้านดวงจันทร์จะไม่ได้มีแค่มนุษย์ชาติใดชาติหนึ่ง แต่จะเป็นการร่วมมือกันของนักบินหลากหลายชาติ ที่สำคัญหุ่นยนต์ก็จะเป็นส่วนสำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย ยังไงก็ตามทางจีนมีแผนเตรียมจะส่งยานอวกาศไร้คนขับขึ้นไปเพื่อเตรียมการต่างๆ บนดวงจันทร์ในปีหน้า แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนนัก ลองสมมุติว่าถ้าแผนการดังกล่าวสำเร็จไปได้ด้วยดี นั่นก็เท่ากับว่ามนุษย์เข้าใกล้ยุคของการท่องอวกาศเข้าไปทุกทีแล้วสินะเนี่ย แต่ก็ไม่รู้นะว่าจะอีก กี่สิบ กี่ร้อยปี มนุษย์ชาติจะไปถึงจุดนั้น ยุคอวกาศใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว #เหมียวมู่ทู่ จะอยู่ถึงยุคนั้นไหมนะ ที่มา dailymail
-
มิติใหม่ของการขายบ้าน!! หนุ่มประกาศขายลอตเตอรี่แค่ 86 บาท ใครชนะเอาบ้าน 34 ล้านไปเลย…
ขายตรงๆ ไม่ได้ ก็ขายแบบเสี่ยงดวงเอาเลยก็แล้วกัน!! Dunstan Lowe หนุ่มอังกฤษวัย 37 ปี ผู้ตกหลุมรักเข้ากับ Melling Manor คฤหาสน์หลังโตในเมืองแลงคาเชอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเขายอมทุ่มทุนซื้อมาในราคา 544,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 18 ล้านบาท) เมื่อปี 2011 หลังจากซิ้อมันมา เขาก็ยังลงทุนเพิ่มตกแต่งรีโนเวทจนภายในกลายเป็นบ้านอันทันสมัยและถูกใจตัวเอง ซึ่งผลงานที่เสร็จแล้วนั้นต้องบอกว่ามันสวยน่าอยู่เอามากๆ เลยล่ะ แต่แล้วเขาก็ต้องเจอกับปัญหาการชำระเงินจำนองบ้าน ซึ่งมันบีบบังคับให้เขาต้องประกาศขายมันไปในที่สุด โดยตอนแรกเขาประกาศขายมันไปในราคา 1,000,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 34 ล้านบาท) จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อบ้านต่อเขาสักที พอเข้าสู่เดือนธันวาคมปี 2016 เขาก็รู้ทันทีว่าด้วยราคาดังกล่าวมันคงจะขายไม่ออกแน่ เขาเลยปิดการขายและเปิดด้วยราคาใหม่จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีคนสนใจจะซื้อมันอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจลดราคามันลงมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียง 813,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 27 ล้านบาท) ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย เขาจึงปรึกษาภรรยาของเขาเพื่อช่วยกันหาทางออก จนตัดสินใจใช้วิธีใหม่นั่นก็คือ การขายบ้านแบบตั๋วลอตเตอรี่ในราคาใบละ 2.5 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 86 บาท) เท่านั้น แถมถ้าชนะรางวัลก็จะได้คฤหาสน์หลังโตไปครองทันที!! ฟังดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี แต่วิธีนี้ก็ยืนอยู่บนความเสี่ยงเช่นกัน…
-
สุดประทับใจ… เมื่อช่างซ่อมรู้ว่าลูกค้าพึ่งมีจะสมาชิกใหม่ เขาจึงซ่อมงานให้ฟรีไม่คิดเงิน!!
ถ้าสมมุติวันหนึ่งในวันที่อากาศหนาวมากๆ แล้วเครื่องทำน้ำอุ่นของคุณก็ดันเสีย แถมพายุก็บังเอิญมาเข้าในวันนั้น หนักไปกว่านั้นคือ เมื่อวานคุณพึ่งจะรับลูกที่พึ่งเกิดกลับมาดูแลที่บ้านอีก ฟังดูแย่เกินจริงใช่ไหมล่ะ? แต่นี่แหละคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ Maria และ Jesse Hulscher จากรัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากที่ Maria พึ่งจะคลอดลูกได้ไม่นาน Maria กับ Jesse Hulscher พร้อมกับลูกชายคนแรก และสมาชิกตัวน้อยคนใหม่ล่าสุด ด้วยอากาศแย่แบบนั้นมันคงไม่ดีต่อลูกน้อยของพวกเขาอย่างแน่นอน ทั้งคู่ก็ไม่รอช้าเรียกช่างซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่นจากบริษัท Magnuson Sheet Metal ซึ่งเป็นบริษัทในท้องถิ่นให้มาช่วยซ่อมให้ และเมื่อช่างมาถึงก็จัดการดำเนินงานทันที และในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเครื่องทำน้ำอุ่นของพวกเขาก็กลับมาใช้งานได้ดีอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปหลายวันทางบริษัทก็ส่งใบแจ้งหนี้เพื่อให้ทั้งคู่ไปชำระเงิน แต่พวกเขากลับรู้สึกตื้นตันใจและไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นข้อความที่อยู่ในใบแจ้งหนี้ว่า “ไม่มีค่าใช้จ่าย ดูแลสมาชิกใหม่ของพวกคุณให้ดีนะ” ซึ่งเมื่อเรื่องราวในครั้งนี้ได้เผยแพร่ออกไป ทางสำนักข่าว Fox 9 ก็ไม่รอช้าเดินทางไปสัมภาษณ์บริษัทดังกล่าวทันที และ Craig ผู้จัดการของบริษัทก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมจัดการซ่อมให้พวกเขาฟรีๆ เพื่อแสดงความยินดีกับลูกชายที่พึ่งเกิดของพวกเขา” ด้วยเหตุนี้ Jess จึงแชร์ข้อความรู้สึกของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า “ผมไม่รู้จะต้องขอบคุณพวกเขายังไงถึงจะพอกับการบริการที่ดีแบบนี้ ทั้งรวดเร็วและช่างซ่อมที่มีคุณภาพรวมถึงจิตใจที่เข้าใจลูกค้า บริษัทแบบนี้ควรค่าที่จะได้ใจของลูกค้าคนหนึ่งไปชั่วชีวิต และขอบคุณ Craig กับทีมงานของคุณที่มอบประสบการณ์ดีๆ…
-
นักแสดงสาววัย 24 ปี โดนรัฐบาลกัมพูชาสั่งแบน 1 ปี เนื่องจากแต่งตัว “เซ็กซี่เกินไป”
เป็นเรื่องธรรมดาที่เหล่านักแสดงสาวไม่ว่าจะในไทยหรือในต่างประเทศจะแต่งตัวเซ็กซี่บ้างในบางโอกาส เพื่อเป็นการสร้างจุดสนใจ สร้างภาพลักษณ์เซ็กซี่ให้กับตัวเองบ้าง แต่ก็ใช่ว่าทุกประเทศจะยอมรับความเซ็กซี่ของคุณได้หมดนะ และบางครั้งมันก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้นักแสดงสาวเหล่านั้นได้เลย เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นของประเทศกัมพูชาอย่าง Cambodiadaily.com ได้รายงานว่าทางภาครัฐของประเทศกัมพูชาได้สั่งแบนนักแสดงสาวรายหนึ่งเป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากเธอแต่งตัว “เซ็กซี่เกินไป” !? ตามรายงานบอกว่านักแสดงสาวรายนี้มีชื่อว่า Denny Kwan วัย 24 ปี ได้ถูกลงโทษทางวินัยโดยห้ามปรากฏตัวในรายการทีวีหรือบนสื่อภาพยนตร์เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากทางกกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชามองว่าเธอแต่งตัวเซ็กซี่เกินไปและยังละเมิดหลักจรรยาบรรณของพวกเขาด้วย หลังจากที่มีประกาศแบนดังกล่าวออกมาเธอก็ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจผ่านสื่อว่า “ในประเทศกัมพูชามีศิลปินเซ็กซี่อยู่หลายคน บางคนยิ่งกว่าฉันอีก มีทั้งจูบและฉากอีโรติกด้วย” “ฉันรู้ดีว่ามันเป็นสิทธิของฉันที่จะแต่งตัวยังไงก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แต่ด้วยวัฒนธรรมของเราชาวกัมพูชา ไม่อาจยอมรับตรงนี้ได้ ฉันจะพยายามไม่เซ็กซี่เหมือนช่วงก่อนๆ ที่ฉันเคยโพสต์ลง Facebook ก็แล้วกัน” นอกจากนี้นักแสดงสาวยังแสดงความรู้สึกต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมว่าพวกเขาสั่งสอนเธอ “เหมือนกับเป็นลูกของพวกเขา” ตามประมวลกฎหมายของกระทรวงฯ พวกเขามุ่งมั่นที่จะ ‘อนุรักษ์รักษาศิลปวัฒนธรรมประเพณีและอัตลักษณ์ของประเทศ’ รวมทั้ง ‘ป้องกันผลกระทบเชิงลบของศิลปะและประเพณีของประเทศ’ แต่การประกาศแบนนักแสดงสาวครั้งนี้ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามาในหลายๆ ด้าน เช่นความเท่าเที่ยมกันของชายหญิงในกัมพูชา หรือการใช้อำนาจสั่งให้ผู้หญิงแต่งตัวแบบใดแบบหนึ่งทั้งที่ไม่มีกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าขอบเขตของการแต่งตัวเซ็กซี่อยู่ตรงไหนกันแน่ เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้บ้าง? เพราะในไทยเองก็มีดาราสาวแต่งตัวเซ็กซี่เหมือนกันนะ…
-
องค์กรช่วยเหลือสัตว์สหรัฐฯ ปิดฟาร์มเนื้อสุนัขในเกาหลีใต้กว่า 7 แห่ง เพื่อชีวิตใหม่ของเจ้าตูบ!!
รู้หรือไม่ ในเกาหลีใต้มีฟาร์มสุนัขที่ใช้กินเป็นอาหารมากกว่า 17,000 แห่ง ซึ่งทุกปีจะมีประชากรสุนัขมากกว่า 2,500,000 ตัวที่ถูกนำไปเป็นอาหารให้คนได้กิน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้องค์กรช่วยเหลือสุนัขมากมายต่างต่อสู้เพื่อปิดฟาร์มเหล่านั้น ซึ่งล่าสุด Humane Society International (HSI) องค์กรช่วยเหลือเหล่าสุนัขของทางฝั่งอเมริกาก็ได้ประสบความสำเร็จในการปิดตัวฟาร์มเนื้อสุนัขไป 7 แห่งในประเทศเกาหลีใต้ แต่พวกเขาบอกว่าฟาร์มที่ 7 ที่พวกเขาไปปิดนั้น ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยเห็นมาเลย ณ ฟาร์มในเมืองโกยาง สุนัข 55 ตัวถูกขังไว้ในกรงเหล็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดมิดชิดไม่มีแสงแดดและอากาศถ่ายเท Adam Parascandola ผอ. ขององค์กรปกป้องสัตว์บอกว่า “ผมแทบจะหยุดหายใจในตอนที่พวกเราเดินเข้าไปในฟาร์มที่มืดสนิทเป็นครั้งแรก กลิ่นแอมโมเนียที่รุนแรง เสียงเห่าของเหล่าสุนัขที่มีแต่เสียง ไม่สามารถมองเห็นหน้าของพวกมันได้ชัดเจน” มีสุนัขสองตัวที่คาดว่าน่าจะมาจากเจ้าของเก่าที่ตัดสินใจขายมันให้กับฟาร์มแห่งนี้ ส่วนอีกตัวเป็นสุนัขที่มีปลอกคอไฟฟ้ารัดแน่นอยู่ที่คอของมัน ซึ่งมันน่าจะอยู่ได้ไม่นานแน่ๆ เพราะมันเริ่มที่จะพยายามแกะปลอกคออกและขูดเข้าไปถึงเนื้อของมันเองแล้ว ส่วนสาเหตุที่ฟาร์มแห่งนี้ถูกสั่งปิดตัวลง ก็เพราะว่าเจ้าของที่เป็นคู่สามีภรรยามีอายุราวๆ 70 ปีแล้วทั้งคู่ พวกเขาอยากจะเลิกกิจการนี้แต่ไม่รู้จะจัดการยังไง พวกเขาก็เลยร้องขอให้ทาง HSI เข้ามารับพวกสุนัขในฟาร์มไปเพื่อให้พวกมันได้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าตอนนี้ และทาง HSI ก็ตอบตกลงยินดีที่จะเข้ามาช่วยเหลือสุนัขในฟาร์มทั้งหมด Adam…
-
ถ้าคุณคือคนที่เสียใจกับการสังหารโหดในซีเรีย นี่คือ 3 วิธี ที่จะช่วยพวกเขาเหล่านั้น…
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเราคงได้ยินข่าวความไม่สงบในซีเรียกันมาเยอะพอสมควร และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีข่าวใหญ่อีกข่าวนั่นก็คือการใช้อาวุธชีวภาพในเมืองอิดลิบ ทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งภาพข่าวที่ออกมา สร้างความเศร้าใจให้กับคนทั่วโลกอย่างมาก จากการรายงานข่าวของ CNN ระบุว่าการโจมตีนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 70 คนและบาดเจ็บอีกมากกว่าร้อยคน ทุกครั้งๆ ที่มีข่าวเกี่ยวกับการสู้รบในซีเรีย พวกเราก็ได้แต่เฝ้าหวังภาวนาให้เหตุการณ์นั้นจบลงในเร็ววัน หรือขออย่าให้มีใครเป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในแถบเดียวกันกับประเทศซีเรียแต่เราก็สามารถที่จะยื่นมือเพื่อช่วยเหลือพวกเขาได้แล้ว โดยคุณสามารถที่จะช่วยสนับสนุนและร่วมบริจาดได้ผ่าน 3 ช่องทางต่อไปนี้… คุณสามารถที่จะร่วมบริจาคเงินผ่านองค์กรทั้ง 3 นี้ได้ โดยเงินทุนที่เราบริจาคไปนั้นจะถูกนำไปซื้ออุปกรณ์และครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ใช้อาวุธชีวภาพถล่มกลางเมือง ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ใช่องค์กรที่คุณจะสงสัยว่าจะเอาเงินคุณไปทิ้งๆ ขว้างๆ เพราะพวกเขาคือหน่วยงานซึ่งลงพื้นที่ปฏิบัติงาน และทำให้คุณรู้สึกว่าเงินคุณส่งไปถึงพวกเขาจริงๆ 1. The Union of Medical Care and Relief Organizations (OUSSM) OUSSM คือองค์กรที่มอบช่วยเหลือทางด้านการแพทย์และช่วยเหลือทางด้านสุขภาพของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรีย ตอนนี้เค้ากำลังระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงครามอยู่ถ้าใครอยากสนับสนุนเงินก็สามารถร่วมบริจาตได้ ที่นี่ เลย 2. องค์กร The Syrian American Medical Society (SAMS) พวกเขามีเครื่องมือและสิ่งอำนวจความสะดวกทางการแพทย์อย่างมากมายเพื่อพร้อมที่จะช่วยเหลือเหยืื่อผู้เคราะห์ร้ายในพื้นที่ความไม่สงบนี้ ถ้าหากใครอยากที่จะร่วมสนับสนุนเงินหรืออยากทราบรายละเอียดการช่วยเหลือเพิ่มเติมก็เข้าไปเยี่มชมเว็บไซต์ขององค์กรได้ ที่นี่ เลย 3.…
-
ชาวเน็ตลุกฮือพากันขับ “รถสีเหลือง” ชุมนุมกว่า100 คัน หลังได้ยินเรื่องคุณตา Peter Maddox
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อนเราเคยเขียนข่าวเกี่ยวกับคุณตานามว่า Peter Maddox ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเก่าแก่ที่ชื่อว่า Arlington Row ประเทศอังกฤษ ดราม่ามันเกิดเมื่อเขาถูกคนในหมู่บ้านกลั่นแกล้งจากเหตุที่รถของคุณตาแกดูแปลกแยกจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน โดยสามารถอ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ ชาวบ้านหงุดหงิดถึงขั้นทุบ “รถสีเหลือง” ของคนในหมู่บ้าน เพราะขัดกับทิวทัศน์โดยรอบ!? นี่คือคุณตา Peter และรถ Vauxhall Corsa ของแก และนี่ก็คือภาพบ้านของแก กับนักท่องเที่ยวที่บอกว่ารถสีเหลืองของคุณตามันทำลายบรรยากาศในหมู่บ้าน ด้วยเหตุการณ์นั้น ทำให้เรื่องของคุณตาแกแพร่กระจายออกไปบนโลกอินเตอร์ จนล่าสุดชาวเน็ตก็รู้สึกว่าการที่คุณตาแกถูกกลั่นแกล้งแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาจึงจัดการรวมกลุ่มกับเพื่อนแสดงพลังสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้คุณตาซะเลย ส่วนวิธีที่พวกเขาทำก็คือ พวกเขารวมกลุ่มรถสีเหลืองมากกว่า 100 คันและขี่มาที่หมู่บ้านของคุณตา โดยรถที่ขี่มาก็มีตั้งแต่รถธรรมดาๆ ไปจนถึงซูปเปอร์คาร์ราคาแพง ทุกรุ่นทุกสไตล์ที่เป็นสีเหลือง มากันเพียบ ลัมโบร์กินีก็มากับเขาด้วย รุ่นเก่าๆ ก็มีมานะ . ก่อนหน้านี้ บริษัทรถ Vauxhall ที่คุณตาใช้อยู่ ก็ออกมาสนับสนุนด้วยการบอกว่าจะตั้งชื่อเฉดสีรถของพวกเขาตามชื่อคุณตาแกอีกต่างหาก “ตอนที่พวกเราได้ยินเรื่องของคุณตาแก เรารู้ได้ทันทันว่าเรื่องของเขามันจะต้องเป็นที่จดจำอย่างแน่นอน และทางเราก็อยากจะแสดงถึงความสนับสนุนที่เรามีให้แก้เขา โดยการเปลี่ยนชื่อเชดสีเหลืองในรถของเราทุกรุ่นเป็น…
-
โน๊ตบุ๊คมันไม่เก๋อ่ะแกร!! รวม 10 ภาพของคนที่ยก “คอมพิวเตอร์” ไปทำงานที่สตาร์บัคส์จริงจัง
ปกติแล้วบ้านเราเวลาไปสตาร์บัคส์เราก็มักจะนั่งพูดคุย จิบกาแฟ หรือหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำงานกันแต่พองาม อยู่กันสักพักแล้วก็ลุกจากไป แต่บางครั้งคนอื่นๆ ก็ไม่ได้คิดแบบนั้น… ที่บอกแบบนั้นก็เพราะว่าเราจะมองสตาร์บัคส์ว่ามันคือร้านกาแฟ แต่สำหรับพวกเขากลับมองว่าที่นี้มันคือห้องคอม ห้องทำงานที่มี Wi-fi ใช้แถมแอร์ก็เย็นอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้ยกมาแค่โน้ตบุ๊คแต่พวกเขาเล่นยก iMac เครื่องใหญ่มาเลย นี่คือผลงานที่ชาวเน็ตช่วยกันรวบรวมมาแชร์กันว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่จริงๆ พูดอย่างเดียวคงจะไม่เห็นภาพ งั้นลองมาดูกันเลยดีกว่า ว่าห้องคอมที่ว่ามันเป็นยังไง คำว่า “ทำทุกที่ให้เหมือนที่บ้าน” มันไม่ได้พึ่งมีหรอกนะ ความต่างของพี่คนหน้า คนกลาง แและหลังสุดนี่ต่างกันสุดๆ จอใหญ่เต็มภาพ โดยไม่ต้องแคร์ใครเลยนะเนี่ย เก้าอี้นุ่มนั่งสบาย แอร์เย็น ไวไฟก็มี แถมยังมีของกินขายอีก ทำไมจะไม่ปักหลักที่นี่ล่ะ ไม่ใช่แค่วัยรุ่นนะ ลุงๆ ก็ชอบทำเหมือนกัน ส่วนลุงคนนี้อาจจะไม่อยากเด่น เล่นอยู่ซะมุมห้องเลย น้ำสักแก้ว บวกกับวิวข้างหลังสวยๆ และ iMac คู่ใจ ยาวไปวันนี้ สงสัยจะต้องคิดงานด่วย จนต้องลงทุนแบกมา แถมงานก็น่าจะเครียดดูสิ เกาหัวใหญ่เลย …
-
ตำรวจเข้าช่วยชีวิตเด็ก 2 คน หมาแมว 30 ตัวและหมูอีก 1 ตัว จากบ้านที่สกปรกที่สุดตั้งแต่เคยเห็น!!
ใครจะคิดว่าบ้านสภาพหลอนๆ ที่เต็มไปด้วยของเสียและขยะสุดยี้ จะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากถึง 37 ชีวิต บ้านหลังที่ว่านี้ตั้งอยู่ในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทางตำรวจเข้าไปค้นในบ้านหลังนี้ เพราะได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามว่า ที่แห่งนี้มีเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและปลอดภัยอาศัยอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงก็ต้องเจอกับผู้อยู่อาศัยเป็นผู้ใหญ่ 4 คนประกอบด้วย Brandi Pybus-McCoy วัย 41 ปี (ซ้าย) Nicholas Luciano วัย 29 ปี (ขวา) Samantha Crain วัย 22 ปี (ซ้าย) Zachariah McCoy วัย 22 ปี (ขวา) นอกจากผู้ใหญ่ทั้ง 4 คนดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ยังพบเด็กสองคนเป็นเด็กวัย 7 เดือนกับ 2 ขวบ พร้อมกับหมาแมวรวมกันได้ 30 ตัวและยังมีหมูอีก 1 ตัวอยู่ในบ้านหลังเดียวกันอีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ใหญ่ทั้งสี่คนด้วยข้อหาสองข้อคือ กระทำทารุณกรรมแก่เด็กและทิ้งขยะมูลฝอยที่ผิดกฎหมาย…
-
RensenWare มัลแวร์ที่ไม่ได้เรียกค่าไถ่ แต่บังคับให้เล่นเกมได้คะแนน 200 ล้าน เพื่อปลดล็อคไฟล์!!
เมื่อมัลแวร์ที่พัฒนาเล่นๆ ดันเป็นเหตุของความหายนะ!! โดยปกติทั่วไปแล้วมัลแวร์ประเภท Ransomware นั้นจะเป็นมัลแวร์ที่ทำการล็อคไฟล์เพื่อเรียกค่าไถ่จากเหยื่อ แต่ทว่ามัลแวร์ตัวใหม่ที่กำลังระบาดไปทั่วนั้น กลับไม่ได้เรียกร้องเงิน แต่ให้คุณทำการเล่นเกมแทน!? RensenWare คือมัลแวร์ตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยชาวเกาหลีนายหนึ่ง โดยมัลแวร์เจ้าปัญหาตัวนี้ไม่ได้ทำงานเหมือนตัวอื่นๆ ที่จะเรียกร้องเงินค่าไถ่ แต่มันบังคับให้คุณเล่นเกม Touhou Seirensen (TH12 ~ Undefined Fantastic Object) เพื่อปลดล็อคไฟล์… แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนล่ะ? ปัญหามันอยู่ตรงที่เกม Touhou Seirensen นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของความยากอยู่ด้วย แถมเจ้ามัลแวร์ตัวนี้ยังบังคับให้เราเล่นในระดับ Lunatic นั่นก็คือมีความยากมากที่สุด และต้องทำคะแนนให้ได้ 200 ล้านแต้มอีกต่างหาก หน้าตาของไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสโดยมัลแวร์ .RENSENWARE ถ้าทำคะแนนไม่ถึงหรือพยายามปิดเกม ไฟล์ก็หายไป!! โดยรูปแบบเกมจะเป็นเกมแนวยานรบ ที่ต้องยิงไปเรื่อยๆ และคอยหลบห่ากระสุนจากศัตรู แน่นอนว่าการทำแบบนั้นสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนั่นเอง แถมถ้าเราทำไม่สำเร็จเจ้ามัลแวร์ ตัวนี้ก็จะลบไฟล์ของเราทิ้งทันที และล่าสุดก็มีคนมากมายที่โดนมัลแวร์ ตัวนี้เล่นงานเข้าแถมสูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อกู้ไฟล์ที่ถูกลบกลับมา จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตร้อนถึง FBI ล่าสุดเว็ปไซต์ Kotaku ก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาชาวเกาหลีที่เป็นผู้พัฒนามัลแวร์เจ้าปัญหาผ่านอีเมล์…
-
ดราม่าหลังจาก “หนุ่มผิวสี” ถูกจับเพราะกินแพนเค้กกลางถนน สร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน!?
ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่นพิเรนทร์ด้วยการไปนั่งแพนเค้กกลางถนน จากเรื่องพิเรนทร์ตลกๆ แต่ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นดันไม่ตลกด้วย ทำให้เขาถูกตั้งข้อหาและถูกจับในที่สุด Kiaron Thomas วัย 21 ปี พ่อหนุ่มจากรัฐฟลอริดา ได้ออกไปเผชิญกับสภาพถนนในวันที่วุ่นวายของรัฐฟลอลิด้า พร้อมกับเก้าอี้ โต๊ะ และจานที่มีแผนเค้กวางอยู่ ซึ่งเขาก็ได้นั่งกินอาหารเช้าของเขากลางสี่แยกอย่างสบายใจ คนที่พบเห็นเขาก็ได้ยกกล้องขึ้นมาถ่าย และพากันอัพโหลดขึ้นสู่สังคมออนไลน์ แต่ว่าถึงแม้มันเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากทั้งชาวเน็ตและตำรวจรัฐฟลอริด้าว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดี และถึงแม้ในตอนแรกตำรวจจะไม่ได้ทำอะไรกับเขาในทันทีนอกจากการแจ้งเตือน แต่เมื่อคลิปของเขากลายเป็นกระแสที่ผู้คนพูดถึงเรื่องมันก็กลับกันทันที ตำรวจได้ออกไปตามตัวเขาและได้พบว่า Kiaron อาศัยอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่ 90 เมตรเท่านั้น ซึ่งเขาก็ได้อธิบายกับตำรวจว่ามันเป็นแค่การเล่นพิเรนทร์ของเขาเท่านั้น แต่ตำรวจก็ได้ตั้งข้อหากับเขาว่า วางสิ่งกีดขวางบนถนนและขัดขวางการจราจรนั่นเอง ไหนๆ แล้วเราก็ลองมาดูความคิดเห็นของชาวเน็ตที่มีต่อเขาดูละกัน ถ้านายบอกว่านี้คือการเล่นพิเรนทร์ งี้ผมวิ่งไปขโมยโทรศัพท์ใครสักคน แล้วสุดท้ายโดนจับได้ผมก็แค่บอกว่าเป็นการเล่นพิเรทร์เฉยๆ ได้สิ (ถ้าบ้านเราก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์อะนะ) นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน ไม่มีเหตุผลสำหรับเขาเลยที่จะต้องออกไปกลางถนนแล้วทำแบบนั้น เปลี่ยนเป็นตั้งข้อหาเต็มๆกับเขาไปเลยดีกว่าแบบนี้ มันเศร้ามากๆ เลยนะที่โลกให้ค่ากับคนพวกนี้ แค่ทำเรื่องโง่ๆ ก็ทำให้พวกบ้านี่กลายเป็นคนดังแล้ว กินดีๆ ไม่ชอบ ไงล่ะเป็นเรื่องเลย ที่มา unilad
-
ลูกๆ พากันปลุกพ่อแม่ให้ตื่น แต่กลับพบว่าพวกเขาเสียชีวิตไปนานแล้วเพราะเสพยาเกินขนาด
เด็กชายได้บอกกับตำรวจว่า “ผมตื่นขึ้นมาก็เจอพ่อแม่นอนอยู่บนพื้น แถมไม่ขยับเขยื้อนเลย” เหตการณ์นี้เป็นเรื่องของ Brian Halye วัย 36 ปี ซึ่งทำอาชีพเป็นนักบินให้กับสายการบินหนึ่ง และภรรยาของเขา Courtney วัย 34 ปี ทั้งคู่ถูกพบนอนเป็นศพอยู่บนพื้นในบ้านของพวกเขาเองที่เมืองเซนเตอร์วิลล์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา สาเหตุการตายของพวกเขาทั้งคู่ถูกคาดว่าน่าจะมาจากการเสพยาเกินขนาด ส่วนพยานที่พบศพก็คือลูกๆ ทั้ง 4 คนของพวกเขา ลูกของพวกเขาทั้งหมดยังอยู่ในวัย 9-13 ปี โดยพวกเขาให้ปากคำว่าปกติแล้วพ่อแม่จะต้องมาปลุกพวกเขาให้ไปโรงเรียน แต่วันนั้นกลับแปลกไป ทั้งหมดจึงไปตรวจสอบดูที่ห้องพ่อแม่แล้วก็พบเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกชายคนโตวัย 13 ปีได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจว่า “ผมตื่นขึ้นมาผมก็เจอพวกเขานอนอยู่บนพื้นแถมยังไม่ขยับน้องสาวของผมบอกกับผมว่าพวกเขาตัวเย็นเฉียบ เรียกยังไงก็ไม่ตื่นแถมไม่หายใจด้วย” เด็กชายยังบอกอีกว่าร่างพ่อของเขามีแต่เส้นสีดำๆ เต็มใบหน้าไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกเขายังปกติดีอยู่แท้ๆ ในวันถัดมาเด็กๆ ก็ได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ทราบถึงการสูญเสียของพวกเขา และออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน “ทาง Spring Valley Academy พึ่งทราบข่าวการสูญเสียของเด็กนักเรียนของเรา แน่นอนว่าพวกเรายังต้องมองหาทางออกพร้อมให้การช่วยเหลือกับเด็กๆ…
-
‘PARC กลุ่มกบฏก่อการดี’ ยอมเสี่ยงถูกตำรวจจับ เพราะแอบไปซ่อมถนนให้ผู้คนในเมือง…
สำหรับปัญญาเรื่องพื้นถนนเป็นหลุมเป็นบ่อคิดว่าคนไทยน่ารู้จักกันดีอยู่แล้ว ซึ่งความจริงแล้วประเทศโลกพัฒนาอย่างอเมริกาก็เจอปัญหานี้เจอกันนะ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับชาวเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประสบปัญหาถนนเป็นหลุ่มเป็นบ่อ ชาวเมืองจึงร้องเรียนไปทางรัฐเพื่อขอความช่วยเหลือให้มาซ่อมแซมถนน แต่ทว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ถนนก็ไม่ได้รับการซ่อมแซมเสียที ชาวเมืองจึงต้องหาทางออกโดยการซ่อมถนนกันเอง ชาวบ้านได้ไปร้องขอให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตั้งชื่อกลุ่มตัวเองว่า PARC (Portland Anarchist Road Care) ให้มาช่วยซ่อมถนนให้ สาเหตุที่ชาวบ้านไม่ซ่อมเองแต่ต้องให้คนกลุ่มนี้มาซ่อมให้ก็เพราะว่าการซ่อมถนนโดยพลการถือว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมายนั่นเอง แต่สภาพแบบนี้ และทางภาครัฐยังไม่มาซ่อมให้ พวกเขาก็ทนไม่ไหว ที่สำคัญกลุ่ม PARC ยังเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อซ่อมถนนโดยเฉพาะ พวกเขาจึงมีอุปกรณ์ในการซ่อมถนนเพียบพร้อมสุดๆ เราลองไปอ่านคำแถลงการณ์ที่พวกเขาเขียนขึ้นมากันดีกว่า… “เพราะพวกเราเชื่อมั่นในการหาทางออกของชุมชนในปัญหาที่เรากับเผชิญโดยไม่ต้องมีรัฐมาช่วย เพราะสังคมมองกลุ่มคนแบบเราแค่ว่า พวกเราจะพังข้าวของ พวกเราจะปิดถนนประท้วงเท่านั้น เพราะพวกเราต้องเจอกับปัญหานี่อยู่เรื่อยๆ จนเราต้องถามกับตัวเองว่า แล้วใครล่ะจะเป็นคนซ่อมถนน? เพราะรัฐบาลของเมืองพอร์ตแลนด์ปฏิเสธที่จะซ่อมถนนพวกนี้” “พวกเราคือ PARC พวกเราเชื่อว่าเราสามารถจัดการปัญหานี้ได้ดีกว่ารัฐอย่างแน่นอน รัฐที่เอาแต่จ่ายเงินให้กับตำรวจเพื่อให้พวกเขามายึดสิทธิเสรีภาพในการพูดของเราไป มากกว่าจะมาสนใจและซ่อมแซมท้องถนน” เมืองพอร์ตแลนด์ได้แสดงให้เห็นถึงความประมาทเลินเล่ออย่างใหญ่หลวง ในการดูแลป้องกันที่ไม่เพียงพอในช่วงพายุฤดูหนาวและการซ่อมแซมหลุมบ่อก็เกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า ทั้งๆ ที่สถาพอากาศก็ดีขึ้นทุกวันๆ ปัจจุบันความประมาทนี้กลายเป็นอันตรายต่อชาวเมืองและทำให้เกิดความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้คน แถมยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะชนรวมถึงอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ พวกเรา PARC จึงรวมรวบกลุ่มคนจากชุมชนของเราเพื่อช่วยกันดูแลถนนที่เป็นปัญหาของเราเอง พวกเราจะสร้างสังคมที่ดียิ่งขึ้นและจัดการปัญหาถนนในเมืองของเราให้หมดไป รวมถึงการขยายตัวไปเมืองอื่นๆ ด้วย” …
-
หนุ่มมหาลัยทำ “เรซูเม่จีบสาว” ชาวเน็ตพากันกรี๊ดกร๊าด นี่แหละน๊าพ่อชายในฝัน!!
หลายคนน่าจะเคยคิดเรื่องของการทำคู่มือแนะนำตัวหรือใบเรซูเม่ไว้ยื่นสมัครเป็นแฟนใครสักคน แต่ก็ไม่เคยทำจริงๆ และคิดว่ามันเป็นเพียงมุขตลกใช่ไหมล่ะ มันไม่ใช่กับชายคนนี้เพราะเขาทำมันออกมาจริงๆ !! Joey Adams เป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตในสหรัฐอเมริกา เขานำความคิดเวอร์วังของหนุ่มๆ สาวๆ หลายคนที่ได้แต่คิดแต่ไม่ลงมือทำสักที… เหตุการณ์มันเริ่มจาก เขาถูกเพื่อนคนหนึ่งแท็กเข้าไปในโพสต์ซึ่งอยู่ในกรุ๊ปชั้นเรียนอีกทีหนึ่ง โพสต์นั้นเป็นของ Ashley สาวโสดที่กำลังประกาศหาคนไปเดทกับเพื่อนของเธอ แน่นอนว่ามันมีรายละเอียดยืดยาวไปหมด ตั้งแต่เธอสูงประมาณ 160 ซม. ผมบลอนด์ เธอยิ้มสวย เพิ่งจะอายุ 21 และสามารถดื่มเหล้าได้ บลาบลาบลา Ashley Harrington หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของโพสต์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าที่เธอจะต้องมาโพสต์แบบนี้ก็เพราะว่า รูมเมทของเธอเป็นคนที่ไม่มีเวลาว่างพอที่จะไปเจอกับผู้คน เธอจึงต้องเป็นคนจัดการเรื่องให้แทนนั่นเอง แน่นอนว่า Joey ก็ไม่พลาดที่จะไปตอบโพสต์ของเธอคนนี้ แต่สิ่งที่เขาตอบ มันกลับไม่เหมือนของใครเลยและดูเหมือนเขาจะรอช่วงเวลาแบบนี้มานานแล้วด้วย ถ้าดูผ่านๆ ก็คงจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่าพ่อหนุ่มคนนี้เอาอะไรมาโพสต์ แต่ถ้ากดเข้าไปดูเราก็จะรู้ได้ว่า เขาเอาเรซูเม่มาแปะไว้นั่นเอง แถมมันไม่ใช่เรซูเม่ทั่วไปด้วยนะ มันคือเรซูเม่สำหรับหาคู่เดท ซึ่งมันตอบโจทย์ทุกอย่างเลยล่ะ ภายในเรซูเม่ของเขาก็จะประกอบไปด้วย เรื่องทั่วไปอย่างการศึกษาประสบการณ์ความสนใจทำงานรวมถึงสิ่งที่ชอบทำด้วย แต่สิ่งที่จะแปลกที่สุดในนี้ก็คงจะเป็นตรงช่องแบ่งเวลาของเขานี่และ…
-
คลังแสงในยูเครนระเบิดรุนแรง เป็นเหตุทำให้ขีปนาวุธภายในนั้น บินว่อนไปทั่วทั้งเมือง!!
เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์คลังแสงอาวุธเกิดระเบิดในเมือง Balaklia เขต Kharkiv ประเทศยูเครน โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ทว่ามีการตั้งข้อสงสัยว่าเหตุดังกล่าวคือการก่อวินาศกรรม จนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ในตอนแรกนั้นทางสำนักข่าวรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่สองคนและถูกหามส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย แต่ทว่ามีรายงานเพิ่มเติมภายหลังและยืนยันว่ามีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุระเบิดในครั้งนี้ทั้งหมด 5 คน 3 คนถูกส่งไปที่โรงพยาบาล สูญหาย 1 คน และเสียชีวิตอยู่ใต้ซากบ้านที่ถล่มลงมาอีก 1 คน ผลกระทบจากการระเบิดในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดควันขนาดใหญ่เป็นรัศมี 10 กิโลเมตร และรัศมีครอบคลุมน่านฟ้ากว่า 40 กิโลเมตร ทำให้ทางการต้องสั่งปิดกั้นรอบๆ บริเวณดังกล่าว และนอกจากควันไฟแล้ว ทั้งหัวกระสุนและขีปนาวุธก็เป็นหนึ่งในวัตถุอันตรายที่จะระเบิดโผล่ขึ้นน่านฟ้าได้ทุกเมื่อ คลังแสงแห่งนี้มีพื้นที่กักเก็บขนาดถึง 3.5 ตารางกิโลเมตร และภายในยังบรรจุอาวุธหลากหลายชนิด มีน้ำหนักโดยรวมมากถึง 138,000 ตัน และคลังแสงแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่แนวหน้าระหว่างยูเครนและรัสเซียเพียงแค่ 100 กิโลเมตรเท่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน Stepan Poltorak เชื่อว่าการวินาศกรรมในครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของกองกำลังของรัสเซียหรือไม่ก็กองกำลังแบ่งแยกดินแดนของรัสเซีย คนงานบางส่วนที่ทำหน้าที่เฝ้าโรงงานบอกว่า พวกเขาได้ยินเสียงเครื่องบินในช่วงเวลาก่อนที่โรงงานจะระเบิด ซึ่งนั้นอาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการระเบิดก็เป็ดได้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการจากยูเครน…
-
กระทำป่าเถื่อน!! หนุ่มโอซาก้าปาฝูงแมลงสาบ กลางงานเพลงอนิเมะ กระเจิงทั่วทั้งงาน
ผู้ต้องสงสัยเหตุการณ์บอร์มงานเพลงอนิเมะ ยอมรับแล้วว่าเขาทำจริงๆ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่งาน Animelo Summer Live เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้เป็นงานเพลงอนิเมะที่จัดขึ้นที่ Saitama Super Arena ณ จังหวัดไซตามะ ผู้ก่อเหตุดังกล่าวเป็นชายวัย 33 ปี ชื่อว่า Kazuyuki Kawatani จากเมืองฮิงะชิโอซะกะ ซึ่งเขาให้กับรับสารภาพว่าเขาเป็นคนโยนฝูงแมลงสาบเข้าไปในงานจริงๆ โดยมีพยานให้ปากคำว่าเขาเห็นนายคนนี้โยนของบางอย่างออกไปในจังหวะที่เขาลุกขึ้นเต้น เนื่องจากการกระทำของเขาถือเป็นการปั่นป่วน จึงทำให้เขาถูกจับโดยสตาฟของงาน ส่วนแมลงสาบที่เขาปล่อยออกไปก็คือแมลงสาบพันธุ์ Red Roaches ซึ่งไม่มีพิษมีภัยอะไร ปกติแล้วเจ้าแมลงสาปสายพันธุ์นี้จะถูกใช้เป็นเหยื่อสำหรับกิ้งก่าหรือสัตว์เลื้อยคลานที่มีคนเลี้ยงเอาไว้ Red Roaches หรือ Red Runner ถึงแม้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ รวมถึงสาเหตุที่เขาลงมือทางทีมงานก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ผู้ร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ออกมาแสดงความคิดต่างๆ มากมาย รวมถึงแสดงความมึนงงต่อสาเหตุที่ชายคนนั้นทำลงไป เช่น “ไม่คิดเลยว่าชายคนนั้นจะอายุเท่ากับผม” “ในที่สุดพวกเขาก็หาคนร้ายได้สักที ผมบอกเลยว่าคนที่ทำแบบนี้ได้มันต้องเป็นคนที่โง่สุดๆ เลย” “เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตรงบริเวณแถวหน้าที่ชั้นอยู่เลย” “เอ่อ.. เรื่องนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ…
-
คนไร้บ้านวัย 46 ฮึดสู้ จาก ‘คนติดยา’ กลายเป็นเศรษฐี ร้านขายน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพชื่อดัง
คนเราเกิดมาพร้อมกับพลังนักสู้ที่แฝงอยู่ในจิตใจ หากคุณนำมันมาใช้ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา มันก็อาจเปลี่ยนชีวิตที่ย่ำแย่ของคุณให้กลายเป็นวันที่สดใสได้เหมือนอย่างชายคนนี้แน่นอน นี่คือเรื่องราวอันน่าทึ่งของนาย Khalil Rafiti เศรษฐีชาวอเมริกันวัย 46 ปีผู้อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ในปี 2001 ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงคนเร่ร่อนไปวันๆ เสพติดเฮโรอีน และอาศัยอยู่ในเขตเสื่อมโทรมของลอสเองเจลิส ร่างกายผอมแห้ง มีแผลเต็มตัว และหนักเพียง 48 กิโลกรัม เขาเล่าว่าตัวเองเคยติดเฮโรอีนอย่างหนัก จน “ลืมตาย” มาแล้ว เพราะมันทำให้เขามีความสุข และความฝันในวัยเด็กก็กลายเป็นจริงด้วยการเสพยา นาย Rafiti เริ่มติดมันหนักขึ้นเรื่อยๆ และเกือบตายในปี 2001 เพราะเสพยาเกินขนาด แต่โชคดีที่ตอนนั้นมีคนพาเขาไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ในระหว่างนั้นเขาก็ไปก่อคดีเข้าและถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ Los Angeles County Jail และถูกปล่อยตัวในปี 2003 ตอนนั้นเขาปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว นาย Rafati อุทิศตนให้กับสุขภาพมากขึ้น ออกกำลังกาย กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ แต่สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเขาจริงๆ เลยก็คือตอนที่เพื่อนของเขาแนะนำให้เขารู้จักกับน้ำผลไม้คั้นสดและอาหารเพื่อสุขภาพ เมื่อรู้สึกชอบ เขาก็เลยเริ่มต้นลงมือทำน้ำผลไม้ด้วยตัวเอง…
-
ทัวร์พิเศษเพื่อสาวก Titanic ที่จะมีโอกาสได้ไปดำน้ำที่ซากเรือจริง ตามรอยแจ๊คกับโรส
หากพูดถึงภาพยนต์รักโรแมนติกขึ้นมาซักเรื่องนึง เชื่อว่าเรื่อง Titanic ต้องอยู่ในลิสต์ของใครหลายคนแน่ๆ เพราะฉากที่สวยงามและเนื้อเรื่องที่ยังคงอยู่ในใจของใครหลายๆ ซึ่งหลายๆ คนก็คงฝันว่าที่จะได้มีประสบการณ์ในชีวิตซักครั้งแน่ๆ ที่อยากจะลองดำนำ้ไปชมเรือไททานิคตัวจริงใกล้ๆ ดูซักครั้งในชีวิต และวันนี้ความฝันของใครหลายๆ คนกำลังจะเป็นจริงแล้ว เรือสำราญลำใหญ่สุดหรู ที่เป็นจุดเริ่มต้นตำนานรักในนิยายของของแจ๊คกับโรส โดยในปี 2018 ที่กำลังจะถึงนี้ บริษัททัวร์ Blue Marble Private ในประเทศอังกฤษ ได้จัดทัวร์ดำน้ำ 8 วันเข้าไปชมเรือไททานิคที่จมอยู่ลึกเกือบ 4 กิโลเมตรอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้มีโอกาสที่จะได้ร่วมทัวร์ในครั้งนี้นะ เพราะเขาจำกัดเพียง 9 คนเท่านั้นและผู้ที่จะเข้าร่วมท่องเที่ยวได้ ต้องมีประสบการณ์ในการดำน้ำลึกมาก่อนด้วย ทัวร์สุดพิเศษครั้งนี้จะมอบประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ให้กับผู้ร่วมทัวร์ โดยผู้ร่วมเดินทางจะได้ดำน้ำลงไปชม เรือในตำนานที่มีขนาด กว้าง 240 เมตรและสูง 30 เมตรซึ่งจมลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1912 ในการชมความสวยงามของเรือนั้น ผู้ร่วมเดินทางจะได้ดำนำ้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้ได้ชมความสวยงามของเรืออย่างเต็มที่ ดังนั้นเพื่อให้ลูกทัวร์มีความเข้าใจในการดำน้ำและเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ในสองวันแรกจะเป็นการอบรมเกี่ยวกับรายละเอียดของภารกิจในการดำน้ำ จากนั้นในวันที่ 3…
-
ชวนรู้จักเทคนิค Foley เบื้องหลังขั้นตอนการทำเสียงใหม่ แทรกเข้าไปในหนังอย่างแนบเนียน!!
คุณรู้ไหมว่ากว่าที่ภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะถูกสร้างสรรค์แล้วนำมาให้เราได้ชมกัน มันต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง? หลักๆ แล้วก็มีการเขียนบท การแสดง การถ่ายทำ การตัดต่อ แล้วก็นำเข้าโรงฉายให้คนดู แต่มีอยู่กระบวนการหนึ่งที่เป็นกระบวนการเล็กๆ แต่สำคัญมาก เพราะหากขาดขั้นตอนนี้ไปอาจทำให้หนังมีเสียงประกอบที่ไม่สมบูรณ์เลยก็ได้ ขั้นตอนการใส่เสียง “Foley” ในการถ่ายหนังสักเรื่องจะเสียงรบกวนจากรอบข้างอยู่มากมาย ทั้งเสียงลม เสียงผู้คน หรือเสียงแทรกใดๆ ก็ตามที่เราไม่ต้องการให้มันเข้ามาอยู่ในหนัง เมื่อเกิดเสียงที่เราไม่ต้องการ ขึ้นตอนที่เราจะนำมันออกไปได้ก็คือการสร้างเสียงนั้นๆ ขึ้นมาใหม่จากห้องอัดโดยไม่ต้องใช้เสียงจากตอนถ่ายทำหนังเลย ถ้าคุณยังนึกไม่ออกว่าความสำคัญของการใส่เสียง Foley ที่ว่านี้มันสำคัญยังไง งั้นเราจะขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ Peter Burgis ศิลปิน Foley ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างเสียงต่างๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ขั้นตอนการใส่เสียงของนาย Peter จะเป็นการนำเอาอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันเช่นเสื้อผ้าเก่าๆ เศษหิน กระป๋อง หรือข้าวของรอบๆ ตัว มาทำให้เกิดเสียง แล้วบันทึกเสียงนั้นทับลงไปในหนัง แม้จะฟังดูแปลกๆ แต่ขอบอกว่าพอมันเข้าไปอยู่ในหนังจริงๆ แล้ว คุณแทบจะแยกไม่ออกเลยล่ะ จากข้อมูลในเว็บไซต์ IMDB ระบุไว้ว่านาย Peter เคยทำงานด้านเสียงให้กับหนังดังๆ มากมายมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Batman Begins,…
-
มันน่าดู!! Netflix เตรียมปล่อยสารคดี “วงการหนังโป๊” สิ่งที่เป็นมากกว่าความบันเทิงเชิงเซ็กส์
ในขณะที่บ้านของเรากำลังถกเถียงกันอยู่ว่าตกลงแล้วมันมีการ “ค้าประเวณี” หรือไม่มีกันแน่? ในต่างประเทศก็เริ่มเดินหน้าไปไกลอีกหลายขั้น มีทั้งการขายบริการทางเพศและหนังโป๊แบบถูกกฏหมาย เพื่อให้ประชาชนเลือกใช้บริการกันแบบเปิดเผยเลย และเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับผู้คนทั่วโลก ได้เห็นมุมอีกมุมหนึ่งของวงการสื่อ 18+ แบบนี้ ทางเว็บไซต์ Netflix จึงได้ทำสารคดีชุดหนึ่งขึ้นมา ที่ตีแผ่ทุกเรื่องราวความเป็นไปของวงการอุตสาหกรรมหนังโป๊ให้คนได้ดูกัน สารคดีที่#เหมียวฟิ้น พูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Hot Girls Wanted: Turned On เป็นสารคดีขนาด 6 ตอนจบ ที่จะออกฉายผ่านทางเว็บไซต์ Netflix ในวันที่ 21 เมษายนนี้ (วันเดียวปล่อย 6 ตอนเลย) ตัวสารคดีจะพูดถึงเบื้องหลังวงการหนังโป๊ ก่อนที่จะกลายมาเป็นสื่อผู้ใหญ่ให้เราได้เสพเพื่อความบันเทิง (หรือเพื่อ….อะไรก็แล้วแต่ ) มันมีความเป็นมายังไง พวกเขาจะต้องเตรียมตัวอย่างไร เหล่านักแสดงเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนในวงการ ที่ผู้ชมเกือบครึ่งค่อนโลกไม่เคยรู้มาก่อน… ด้านโปรดิวซ์เซอร์อย่าง Ronna Gradus ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเกี่ยวกับการทำสารคดีเปิดโลกทัศน์ตัวนี้ โดยเธอมองว่าวัยรุ่นยุคนี้เริ่มดูหนังโป๊กันตั้งแต่ช่วงก่อนวัยรุ่นด้วยซ้ำ ซึ่งการทำสารคดีตัวนี้ออกมาไม่ใช่การสนับสนุนให้พวกเขาไปทำอะไรแบบนั้น แต่เป็นการแสดงอีกด้านของวงการนี้ให้เห็นว่ามันไม่ได้สวยงามหรือเป็นเรื่องที่ดีอะไรนัก “เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเด็กๆ ดูหนังโป๊ตั้งแต่อายุ 11 ถึง…
-
“ปรมาจารย์ตวัดเส้นหมี่” ลาออกจากร้านแล้ว เพราะเรียกเงินเดือนสูง เกินกว่าร้านจะจ่ายไหว!!
ถ้าใครยังพอจะจำกันได้เมื่อราวๆ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีคลิปคลิปหนึ่งที่โด่งดังมากในโลกอินเตอร์เน็ต เป็นคลิปของหนุ่มจีนรายหนึ่งในร้านขายบะหมี่ ที่โชว์ลีลาการตวัดเส้นบะหมี่ลงหม้ออย่างเมามันและพริ้วไหวยิ่งกว่าสายลม จากคลิปนั้นทำให้เขากลายเป็นซุป’ตาร์ในโลกอินเตอร์เน็ตไปพักหนึ่งเล ย สำนักข่าวท้องถิ่นจึงพากันไปทำข่าวของเขาถึงได้รู้ว่าเขาชื่อนาย Tian Bo วัย 31 ปี ที่หลงใหลในการทำเส้นบะหมี่มาก (ข่าวเก่า) แต่กลายเป็นว่าความโด่งดังของเขาดันสร้างความอึดอัดใจให้กับเขาเอง นาย Tian Bo จึงขอลาออกจากการทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนั้นเนื่องจากเขาคิดว่าความโด่งดังของตัวเองน่าจะสามารถทำเงินได้มากกว่าที่ร้านจะจ่ายให้เขาได้ (จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะทำอยู่ที่เดิม) ด้านนายจ้างของนาย Tian Bo บอกกับสื่อว่าหลังจากที่เขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ เขาก็มาขอขึ้นค่าแรงแบบสูงมาก นายจ้างจึงตกลงเพิ่มเงินเดือนให้เขาจาก 9,000 หยวน (ประมาณ 45,000 บาท) เป็น 10,000 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท) แต่จำนวนเงินเหล่านั้นกลับยังไม่พอต่อความต้องการของนาย Tian Bo เพราะจำนวนเงินที่เขาต้องการคือ 150,000 หยวนต่อปี (ประมาณ 752,000 บาท) ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าที่นายจ้างจะสามารถจ่ายได้ จึงต้องปล่องให้นาย Tian Bo ลาออกแล้วไปหางานที่เหมาะสมกับเขาแทน นายจ้างของเขาได้กล่าวว่า “เมื่อเขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในอินเตอร์เน็ต เขาก็เริ่มเกิดความคิดว่าเขาไม่ใช่…
-
ชีวิตที่ต้องดิ้นรนของผู้สูงอายุในเกาหลี ไร้ลูกหลานเหลียวแล จนต้องกลายมาเป็นคนเร่ร่อน…
หากเราพูดถึงประเทศเกาหลีใต้เราคงจะนึกถึงสื่อบันเทิงหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ เพลง วัฒนธรรมป็อปต่างๆ ที่สร้างปรากฎการณ์ไปทั่วโลก แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังม่านวัฒนธรรมป็อปเหล่านั้น ยังคงมีประชากรกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากคนรุ่นใหม่ และนับวันจะมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จากการสำรวจข้อมูลประชากรในปี 2016 ระบุว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรชาวเกาหลีใต้มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป (สังคมผู้สูงอายุ) และยังมีฐานะที่ยากจน กว่า 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า แถมยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสูงในปีต่อๆ ไปด้วย หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เท่ากับว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในยุคนี้ จะกลายมาเป็นคนเร่ร่อน อาศัยอยู่คนเดียวในช่วงบั้นปลายของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวเอเชียที่เราคุ้นเคยกันก็คือ การอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่และบุตรหลายจะดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างดี ส่วนสังคมเกาหลีปัจจุบันกลับตรงกันข้ามไปเลย แต่กว่าที่ชาวเกาหลีใต้จะต้องกลายมาเป็นผู้สูงอายุแบบโดดเดี่ยวอย่างที่เห็นนี้ มันประกอบด้วยหลายปัจจัยมากมายหลายสิ่ง เราลองมาไล่ดูกันไปเป็นข้อๆ เลย ความอดอยาก Madam Kim วัย 86 ปี ถือเป็นหนึ่งในคนเฒ่าคนแก่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว คอยเก็บเศษขยะข้าวของต่างๆ ตามตรอกซอกซอยเพื่อนำไปขายกับร้านขายของเก่าต่อไป และนำเงินที่ได้อันน้อยนิดมาประทังชีวิตไปวันๆ คุณยาย Madam Kim เล่าว่า “ฉันทำงานแบบนี้เพราะต้องนำเงินมาซื้อยาและฉันก็ต้องซื้ออาหารด้วย ถ้าฉันหิวมากๆ ฉันจะดื่มน้ำมากๆ…
-
Ed Sheeran ถึงกับหลั่งน้ำตา หลังพบกับเด็กๆ ที่รับผลกระทบจาก “ไวรัสอีโบล่า” เมื่อ 3 ปีก่อน
ดูเหมือนว่าชื่อของ Ed Sheeran จะกลายเป็นชื่อศิลปินที่คนจดจำไปแล้วทั่วโลก ว่าเป็นศิลปินที่มีจิตใจดี แต่งเพลงเก่ง ร้องเพลงเพราะ แถมยังขี้เล่นและเข้าถึงแฟนๆ ด้วย และด้วยความที่เขาเป็นคนจิตใจดีนี้เอง ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เข้าร่วมกับองค์กรการกุศลที่ชื่อ Comic Relief เพื่อเดินทางไปเยี่ยมเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสในเขตเวสท์พ้อยท์ ประเทศไลบีเรีย หลังต้องประสบปัญหาเชื้อไวรัสอีโบล่าระบาดเมื่อประมาณ 3 ปีก่อนจนทำให้มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน จากข่าวสารต่างๆ ที่เราได้เห็นผ่านตากันเมื่อราว 3 ปีก่อนเกี่ยวกับปัญหาไวรัสอีโบล่าระบาด เราก็พอจะรู้ว่าผู้คนได้รับผลกระทบมากขนาดไหน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตเป็นหมื่นเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทาง Comic Relief จึงได้ขอให้ Ed Sheeran ช่วยเป็นกระบอกเสียงและสร้างความสนใจให้คนเข้ามาร่วมบริจาคเงินให้กับผู้คนที่นั่นได้มีโอกาสดีๆ ในชีวิตบ้าง Ed กล่าวถึงชุมชนแออัดที่เข้าไปเจอมาว่า “มีคนเป็นร้อยเป็นพันอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างหนาแน่นในเขตเวสท์พ้อยท์ส่วนใหญ่อยู่ในที่ที่สกปรก ฉะนั้นการศึกษาสำหรับพวกเขาจะเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อมมากและที่นี่ก็ไม่ค่อยจะมีอะไรให้เด็กๆ ทำมากนัก” Ed เล่าต่อไปว่าการเดินทางไปแอฟริกาครั้งนี้ทำให้เขาได้เจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ Peaches ซึ่งดูแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ที่เขาได้เจอมา Peaches เล่าให้ Ed ฟังว่าพ่อของเธอตายในช่วงที่มีไวรัสอีโบล่าระบาดจึงเหลือแต่แม่คอยเลี้ยงดู ซึ่งแม่ของเธอเองก็ไม่ได้มีรายได้มากพอที่จะส่งเธอไปโรงเรียน เธอจึงไม่ได้รับการศึกษาเหมือนกับเด็กๆ อีกหลายคน ในระหว่างการพบปะพูดคุยกับเด็กๆ Ed…
-
เตือนภัย “รูเล็กๆ” ที่ตู้ ATM มันอาจจะเป็นกล้องจิ๋ว และทำให้คุณสูญเงินไม่รู้ตัว!?
เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร… และไม่ว่าเราหรือทางธนาคารจะออกมาตรการป้องกันมาดีมากเพียงใด เหล่ามิจฉาชีพก็พร้อมจะยกระดับตัวเองเพื่อหาทางสร้างอาชญากรรมให้เราสูญเงินได้เสมอ และแม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน แต่เราก็ไม่สามารถวางใจได้เลยว่าจะเกิดกับเมืองไทยเมื่อไร และครั้งหน้าอาจจะเป็นตู้ที่คุณใช้ประจำก็ได้ ล่าสุดทางตำรวจในลอนดอนได้พบกับรูเล็กๆ ที่ตู้ ATM บริเวณมหาวิหารเซนต์พอล โดยรูที่พวกเขาเจอมันเล็กมากๆ จนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ส่วนจุดประสงค์หลักของเจ้ารูดังกล่าว คือมันซ่อนกล้องตัวจิ๋วเพื่อการบันทึกเลขรหัส ATM ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่เผลอมากดเงินตรงตู้ดังกล่าว มองเห็นกันไหมว่ากล้องอยู่ตรงไหน มันคือรูเล็กๆ นั่นยังไงล่ะ เล็กจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ ส่วนนี้ก็เป็นแผงวงจรภายในของกล้องตัวข้างบน ซึ่งตัวนี้จะอยู่บริเวณช่องรับเงิน ในวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาทางตำรวจก็เจอกรณีเดียวกันกับตู้ ATM บริเวณใกล้เคียง แต่ว่าในคราวนี้ตำแหน่งของกล้องนั้นเปลี่ยนไป เจ้ากล้องนี้ย้ายขึ้นไปอยู่เหนือแป้นพิมพ์ตัวเลข เพื่อง่ายต่อการดูว่าเหยื่อกดเลขอะไรไปบ้าง ซึ่งตำรวจก็ได้ปล่อยภาพของเจ้าตู้ที่เกิดเหตุออกมาให้ดูกันด้วย… รอบนี้เล็กกว่าเดิมอีก มองเห็นกันไหม แถมมีตั้งสามรูอีกต่างหาก คำตอบของรูในครั้งนี้ คือรูที่อยู่ตรงกลางนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทางตำรวจก็เลยแกะออกมาดู และนี่ก็คือสภาพข้างใน ที่เปิดเผยให้เห็นว่ามิจฉาชีพซ้อนกล้องจิ๋วไว้ยังไง นอกจากกล้องแล้ว ถัดมาในวันที่ 8 มีนาคม ตำรวจลอนดอนก็ได้ตรวจตราดูตู้ ATM อีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าในครั้งนี้มันกลายเป็น…
-
นักการเมืองสวีเดน หาเสียงระหว่างผ่านการ “เล่นเกม” บอกพร้อมผลักดัน e-Sports เต็มที่
ถ้าใครที่ติดตามข่าวเกี่ยว e-Sport บ้านเราก็น่าจะได้ยินข่าวคราวกันมาบ้างเกี่ยวกับการดัน e-Sports ให้กลายเป็นกีฬาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมันก็คงต้องใช้เวลาพอสมควรเลยกว่าที่จะเป็นไปได้จริงๆ แต่ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่กำลังผลักดันกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Sports นักการเมืองในประเทศสวีเดนก็กำลังพยายามเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดได้มีนักการเมืองที่ชื่อว่า Rickard Nordin สมาชิกของพรรคเสรีนิยม Centre Party แถมยังเป็นเกมเมอร์ตัวยงอีกต่างหาก เพราะเขาบอกว่าตลอดชีวิตของเขาก็เล่นเกมมาตลอด เขาหาเสียงพร้อมอภิปรายถึงการผลักดังเรื่องดังกล่าวในประเทศสวีเดน ระหว่างที่เขากำลังสตรีมเกม Hearthstone บนเว็บไซต์ Twitch ว่าเขาต้องการให้ e-Sports มีสถานะเทียบเท่ากับกีฬาปกติ และอยากให้มีวีซ่าที่สามารถสนับสนุนตัวนักกีฬาในการเดินทางไปแข่งขัน เหมือนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทำอยู่ นอกจากนี้ทางสำนักข่าวที่ชื่อว่า glixel ก็ได้ไปสัมภาษณ์เขาว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นให้เขาหันมาสตรีม Hearthstone บอกพูดคุยเรื่องการเมืองกับคนดูไปด้วย ซึ่งเขาก็บอกว่า “ผมอยากจะทำให้การเมืองมันเข้าถึงง่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ และเขาก็ชอบการทำแบบนี้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ผมก็ได้สร้างแอพพลิเคชั่นการเมืองตัวแรกขึ้นมา เพื่อให้คนเข้าไปโหวตนักการเมืองสวีเดนที่ตัวเองชื่นชอบ และไม่นานมานี้ผมก็ได้ลองเล่น Hearthstone แน่นอนว่าผมก็รู้สึกชอบมันพอสมควรเลย แถมยังมีโอกาสได้เข้าไปดูคนอื่นเล่นใน Twitch แล้วรู้สึกว่าผมน่าจะสามารถเอาความชอบและงานของผมเข้ามารวมกันได้ ผมก็เลยเริ่มสตรีมผ่านแพลตฟอร์มนี้ พร้อมพูดคุยเรื่องการเมืองกับคนที่เข้ามาดูไปพร้อมๆ ในขณะที่นักการเมืองคนอื่นพูดถึงเรื่องซุปเปอร์มาร์เก็ต ราคาสินค้า แต่ตัวผมกลับสนใจเรื่องของ e-Sports มากกว่า” ทาง glixel ยังถามต่ออีกว่าแล้ววัฒนธรรมเกี่ยวกับเกมในประเทศสวีเดนเป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าตอนนี้วัฒนธรรมเกมและ e-Sports ในประเทศกำลังไปได้สวยเลย ไม่ใช่แค่เกมคอมพิวเตอร์เท่านั้น บอร์ดเกมและเกมมือถือก็กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน แถมประเทศสวีเดนก็มีไอดอลนักกีฬา e-Sports…
-
“สาวขายบริการ” ค่าตัวคืนละแสน เผยลูกค้าระดับนี้ บางคนต้องการแค่ “กอด” เท่านั้น!?
หลายคนอาจจะคิดว่าการซื้อสาวบริการมูลค่านับแสนต่อคืน จะต้องแลกมาด้วยเซ็กส์อันเผ็ดร้อนและถึงใจที่สุดเท่านั้น แต่อาจจะไม่ใช่เสมอไป… เว็บไซต์เดอะซัน รายงานข่าวจากการให้สัมภาษณ์ของ Lana Jade สาวขายบริการชั้นสูง ผู้มีค่าตัวสูงถึง 1 แสนบาทต่อคืน หรือถ้าคิดเป็นรายชั่วโมง เธอก็จะให้บริการในราคาประมาณ 24,000 บาทต่อชั่วโมง เธอให้บริการทั้ง ชาย หญิง และคู่รักที่ต้องการซื้อตัว แต่กลับออกมาบอกว่า ผู้ชายที่มาใช้บริการเธอไม่ได้สนใจแค่เรื่องเซ็กส์ แต่พวกเขาบางคนต้องการเพียงแค่ให้เธอกอดเท่านั้น แต่ด้วยการที่เธออยู่ในแวดวงของการขายบริการ จึงไม่แปลกที่เธอจะมีลูกค้าที่มีความสนิทสนมพอสมควรอยู่ ซึ่งเธอก็ได้พูดถึงลูกค้าของเธอว่า “ลูกค้าบางคนสนใจในเรื่องของความรู้สึกมากกว่าการกระทำที่ป่าเถื่อน” “นอกจากนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ ชอบที่จะสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ที่เร่าร้อนมากกว่าความสัมพันธ์แบบหุ่นยนต์ ที่ทำให้เสร็จๆ แล้วก็แยกย้าย” “หลายคนชอบที่จะกอดและจูบ มากกว่ามีเซ็กส์เสียด้วยซ้ำ” นอกจากนี้เธอยังพูดเสริมว่าลูกค้าบางคนถึงกับจองตัวเธอ เพื่อไม่ได้มามีเซ็กส์ แต่ต้องการเพียงแค่พูดคุยหรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวเพื่อให้รู้สึกสบายใจเท่านั้น บางคนยังชอบที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอ พวกเขาบอกว่าถือเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง สุดท้ายเธอบอกว่า “ช่วงเวลาส่วนใหญ่นอกจากเซ็กส์แล้ว ส่วนใหญ่มันก็คือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเท่านั้น และ เพื่อช่วยให้พวกเขาสบายใจ” . . บางครั้งการกอดเฉยๆ อาจจะทำให้รู้สึกดีกว่าการมีเซ็กส์อีกนะเออ ที่มา thesun
-
ชาวเน็ตหลงรัก เด็กน้อยวัยเพียง 8 เดือน แต่กลับมีผมดกดำ จนคนคิดว่าเธอเป็นตุ๊กตา!!
ปกติแล้วเด็กวัยแรกเกิดในช่วงไม่เกิน 1 ขวบพวกเขามักจะยังมีผมที่ยังยาวไม่มาก แต่ใครจะเชื่อว่ามีเด็กผู้หญิงจากเมือง Chelmsford ประเทศอังกฤษ ที่มีผมที่ยาวมากๆ ทั้งที่เธอพึ่งจะอายุเพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น วันนี้จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับหนูน้อย Bella Cole ผู้ซึ่งกลายมาเป็นคนดังของท้องถิ่นละแวกบ้านและโลกออนไลน์ จากผมยาวดกดำ และหน้าตาบ้องแบ๊วเหมือนตุ๊กตานั่นเอง Philippa Rabbitts วัย 28 ปีผู้เป็นแม่ของเด็ก บอกว่าลูกสาวของเธอมีมีผมสีดำที่หนาอยู่เต็มไปหมด เวลาออกไปข้างนอกก็จะมีคนถามถึงตลอดเวลาว่าทำไมลูกของเธอถึงมีผมเยอะ ผมของเด็กเป็นผมจริงๆ ใช่ไหม คุณแม่ Philippa ถ่ายคู่กับลูกสาวของเธอ คุณแม่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวว่า “ผู้คนมักจะถามฉันและคิดว่าลูกของฉันเป็นตุ๊กตา และไม่ก็ฉันเอาวิกให้เธอใส่ เวลาเราออกไปข้างนอกด้วยกันฉักมักจะถูกผู้คนถามไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งต่อวัน ด้วยเรื่องผมของเธอว่ามันคือผมจริงๆ ใช่ไหม!!?” Bella ตกเป็นที่สนใจของผู้คนตั้งแต่วันแรกที่เธอเกิดมาแล้ว เพราะตอนที่เธอเกิดออกมาเธอมีน้ำหนักเพียงแค่ 2.1 กิโลกรัมแถมตอนนี้เธอก็ยังมีขนาดตัวที่เล็กมากๆ อีกต่างหาก มันก็คงไม่แปลกที่คนจะมองว่าเธอเป็นตุ๊กตา แต่ถ้าไม่นับเรื่องขนาดร่างกายของเธอแล้ว ทุกส่วนก็ถือว่าสมบูรณ์แบบนะ โดยเฉพาะผมของเธอ แต่ครอบครัวของเธอก็จะหาคำตอบกันต่อไปว่าอะไรทำให้เธอถึงตัวเล็กนัก ตัวเธอก็ดูเล็กจริงๆ นะเนี่ย นอกจากนั้น Philippa ยังบอกว่าลูกของเธอชื่นชอบที่จะสระและหวีผมของเธอตลอดเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ชอบและดูจะไม่สนใจจะใช้มันเลยก็คือไดร์เป่าผม เธอจะจะใช้วิธีการเอาผ้าขนหนูมาเช็ดให้ลูกสาวของเธอแทน แต่ว่าไม่แน่ในอนาคตเธออาจจะชอบมันก็ได้ …
-
ใครอยากไปจีนเตียมเฮ!! รัฐบาลจีนเตรียมวางแผน มอบใบอนุญาต 5 ปี ให้คนทำงานมากขึ้น
เป็นข่าวดีสำหรับใครที่กำลังมองหางานทำในต่างประเทศ เมื่อประเทศจีนกำลังจะออกใบอนุญาตทำงานที่มีอายุนานถึง 5 ปี เพื่อลดความยุ่งยากของการทำงานในประเทศจีน เว็บไซด์ caixin รายงานว่า ทางการจีนเตรียมออกกฎหมายใหม่สำหรับชาวต่างชาติที่ทำงานติดต่อกันภายในประเทศอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สามารถที่จะขอใบอนุญาติทำงานระยะยาวนี้ได้ เป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับ ผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศจีน เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและความยุ่งยากในการ ต่อใบอนุญาติทำงานแบบเดิม ตามรายงานกล่าวว่าโครงการนี้ มีแผนที่จะเริ่มบังคับใช้ในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มใช้กับ 9 มลฑลใหญ่ๆ อย่างเช่น ปักกิ่ง หวู่ฮั่น และเหอเป่ย และอีก 11 เขตการค้าเสรี เช่น เทียนจิน ฉงชิ่ง และเหอหนาน เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะมอบที่พำนักถาวรให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนมากว่า 4 ปีขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณารายละเอียดและความเป็นไปได้ของแผนนี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มดำเนินมาตรการในการที่จะดึงดูดนักลงทุนใหญ่ๆ จากต่างชาติให้เข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมีการผ่อนคลายนโยบายที่พักอาศัยและการเข้าเมืองให้กับชาวต่างชาติกว่า 1,567 คนแล้วในปีที่ผ่านมา และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประกาศให้ชาวต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยของจีน หรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง สามารถที่จะขอวีซ่าสำหรับทำงานได้ทันทีเมื่อเรียนจบ ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องมีประสบการณ์ทำงานในระดับปริญญาโทอย่างน้อย 2 ปี ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยนะครับ ที่ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างประเทศจีนกำลังเปิดประเทศ นึกไม่ออกเลยว่า เศษฐกิจของจีน จะเติบโตมากขนาดไหน ส่วนใครที่สนใจจะทำงานในต่างประเทศก็ลองศึกษารายละเอียดดีๆ ก่อนนะครับ…
-
บริษัทแห่งนี้ยกให้ “เจ้าตูบ” เป็น “พนักงานดีเด่นประจำเดือน” ทั้งที่วันๆ เอาแต่กินและนอน!?
ใครจะคิดว่าตำแหน่งพนักงานดีเด่นจะสามารถมอบให้กับหมาได้ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว เจ้าตูบตัวนี้ฟาดรางวัลพนักงานดีเด่นตัวเดียวตลอดทั้งปี!! Meeka คือชื่อของเจ้าตูบหนึ่งในสามพนักงานของ Accuride International Inc สาขาตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นสำนักงานขายที่มี Michael Reeg เป็นเจ้านายอยู่ แต่ทว่าเอาเข้าจริงๆ มันก็มีแค่ตัวเขา และเจ้าหมา Meeka และเจ้าหมา Kya รวมเป็นหนึ่งคนสองตัวเท่านั้นและที่ทำงานอยู่ที่สำนักงานแห่งนี้ เรื่องมันเริ่มจากการที่ Michael มาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายแล้วเขาพบว่าเจ้าตูบทั้งสองเนี่ย มันสามารถจะเป็นลูกจ้างที่ดีให้กับเขาได้ ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจที่เขาทำอยู่เลยก็ตาม โดยเขาให้เหตุผลว่า “มันยากนะการที่เปลี่ยนมาทำงานอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันเงียบมากๆ การจะหาอะไรสักอย่างมาช่วยให้คุณมีกำลังใจในการทำงานมันก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เจ้าพวกนี้จึงกลายมาเป็นลูกจ้างของผมที่ทำในตำแหน่งนั้น” ถึงแม้พวกมันจะช่วยไรเขาไม่ได้มาก และเวลาที่เขาพูดอะไรให้พวกมันฟังเขาก็เชื่อว่าพวกมันคงได้ยินแค่ว่าเขากำลังพล่ามอะไรสักอย่างอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น Meeka ยังตั้งใจฟังและเหมือนจะดีใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของเขา ซึ่งเขายังบอกอีกว่าเขาดีใจที่มันให้ความสนใจกับเขามากๆ ซึ่งมันเป็นกำลังใจชั้นดีเลยล่ะ ส่วนอีกด้านหนึ่ง Kya คือเจ้าหมาอีกตัวที่ดูแล้วมันไม่ค่อยจะให้ตั้งใจและให้ความร่วมมือเสียเท่าไหร่ เขาบอกว่ามันเป็นหมาของภรรยาเขา มันจะโผล่มาก็ต่อเมื่อภรรยาของเขาไม่อยู่เท่านั้น สำนักงานนี้จึงเป็นทางเลือกที่สองที่มันจะอยู่ (และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลให้มันพลาดรางวัลไปในทุกเดือน) Meeka เป็นพนักงานที่ตั้งใจมากๆ แม้เวลาผมจะออกไปดูงานข้างนอกมันก็จะมานอนเฝ้าอยู่ที่สำนักงานเสมอ “ถ้าวันไหนผมไม่อยู่แล้วประตูของสำนักงานปิดอยู่ Meeka จะใช้เวลาทั้งวันในการนอนเฝ้าอยู่ข้างหน้าประตูสำนักงาน ซึ่งมันคิดเสมอว่าตัวผมอยู่ในสำนักงาน” …
-
ฉลองครบรอบ “วันเกิดหยำฉา” 20 มีนาคมปีนี้ ด้วยการพาไปนอนตายทั่วเมืองนิวยอร์ก!!
ถ้าพูดถึงดราก้อนบอลตัวละครที่หลายคนคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คงจะไม่พ้นโกคู เบจิต้า หรือ พิโกโร่ อะไรทำนองนี้เป็นต้น แต่เราจะรู้กันไหมว่าวันที่ 20 มีนามคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของอีกหนึ่งตัวละครสุดสำคัญที่มีบทบาทมาตั้งแต่เริ่มเรื่อง เขาคนนั้นก็คือ ท่านหยำฉา ยังไงล่ะ ด้วยเหตุนี้เราจึงจะมาแสดงความคิดถึงและความรู้สึกที่ดีต่อตัวละครตัวนี้กัน โดยเราจะไปดูท่านหยำฉาในอิริยาถที่เป็นเอกลักษณ์ของเขากัน นั่นก็คือท่า “นอนตาย” ซึ่งถ้าใครไม่รุ้ว่าท่านหยำฉาทำไมถึงนอนตายแบบนี้ และทำไมเขาถึงสำคัญนัก สามารถกดได้ที่ลิ้งนี้เลย หยำฉากลายเป็นตัวเอก และด้วยท่าประจำตัวของเขา ก็ได้มีคนเกิดไอเดียและชื่นชอบในตัวท่านหยำฉาสร้างแอคเคาท์อินสตาแกรมขึ้นมาชื่อว่า yamchaisdead ซึ่งภาพของเขาก็จะเป็นการนำตุ๊กตาฟิกเกอร์ของท่านหยำฉาในท่าประจำตัว ไปนอนตายอยู่ทั่วจุดต่างๆ ในเมืองนิวยอร์ก ว่าแต่เขาจะไปนอนตายที่ไหนบ้างนั้นมาดูกันเลยดีกว่า Times Square ในอีกมุมหนึ่งของ Times Square Hell’s Kitchen ย่าน Dumbo East Harlem Marcy Avenue สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในนครนิวยอร์ก บริเวณ Korean Town สถานี Spring St…
-
วิชาจมูกเหล็ก!! ชาวจีนโชว์ “เป่ายางรถยนต์” จนเต็ม ได้ด้วยจมูกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เป่าลูกโป่งด้วยจมูกหลบไป เป่ายางรถด้วยจมูกเทพกว่าเยอะ!! Tong Junhai หนุ่มชาวจีนวัย 44 ปี ได้ประสบความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียง โดยเขาสามารถเป่ายางรถได้ด้วยจมูกของเขาเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่เมืองซีอานประเทศจีน และกลายเป็นกระแสพอสมควรบนโลกอินเตอร์เน็ต เมื่อเขาคนนี้ได้อัพคลิปวีดีโอที่เขาแต่งชุดกังฟูพร้อมกับโชว์เปายางรถด้วยจมูกเพียงอย่างเดียว เขายังพิสูจน์ว่ามันเป็นความสามารถที่ใช่ว่าใครจะทำได้ โดยการให้ชาวบ้านรอบๆ ลองใช้ปากเป่าลมดู แต่แน่นอนว่ามันคือยางรถเส้นบะเริ่มเทิ่ม ที่ต้องใช้เครื่องสูบ หรือไม่ก็เครื่องเติมลมเท่านั้นแหละ สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถทำให้ยางรถเต็มได้… ส่วนวิธีการที่เขาใช้ในการเป่าก็คือการอุดรูจมูกไว้ข้างหนึ่ง เพื่อเร่งแรงดันในการเป่า แต่ทว่าเราจะสังเกตุเห็นได้จากเส้นเลือดที่ปูดขึ้นบนหน้าผากของเขาว่ามันดูจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยล่ะ คลิปแสดงการเป่าลมยางด้วยจมูก จมูกอย่างเดียวเท่านั้น… ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่ชายคนคนเดียวในประเทศจีนที่สามารถเป่ายางรถได้ด้วยจมูกหรอกนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ 4 ปีก่อน Xie Quanguo จากมณฑลเฉิงตูก็สามารถทำได้เช่นกัน แถมชายคนนี้เป่ายางรถได้ด้วยการเป่าเพียงแค่ 15 ครั้งเท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น เพราะเมื่อ 3 ปีก่อนมีชายที่ชื่อว่า Nie Yongbing โชว์ในการเป่ายางรถเช่นกันแต่สำหรับนายคนนี้เขายางวงใหญ่กว่า Tong และ Xie เสียอีกแถมใช้เวลาแค่ 20 นาทีในการเป่าเท่านั้น…
-
ถึงนกแต่ไม่นกนะ… เรื่องราวสุดประทับใจของ “นกกระสาคู่รัก” ที่บินกลับมาเจอกันทุกๆ ปี
หากคุณเป็นคนที่ไม่เชื่อในความรัก ไม่เชื่อว่ารักแท้ยังมีจริงอยู่บนโลกอันโหดร้ายใบนี้ล่ะก็ เราอยากให้คุณลองเปิดใจสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่ารักแท้อาจจะหาได้ยากในหมู่มนุษย์ แต่สำหรับสัตว์บางชนิดแล้วพวกมันยังคงมีความเพียรพยายามและความรักให้แก่กัน แม้พวกมันจะอยู่ห่างไกลเป็นพันกิโลเมตรก็ตาม นี่เป็นเรื่องราวความรักเล็กๆ จากมุมหลังคาบ้านของนาย Stjepan Vokić จากหมู่บ้านแห่งหนึ่งของประเทศโครเอเชีย นาย Vokić ผู้เป็นเจ้าของบ้าน เล่าว่าที่หลังคาบ้านของเขามีนกกระสา 2 ตัวมาทำรังกันอยู่ได้ราว 20 ปีแล้ว โดยเขาตั้งชื่อให้ตัวผู้ว่า Klepetan และตัวเมียชื่อ Malena ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมของทุกๆ ปี เจ้า Klepetan จะอพยพไปอยู่แถวๆ แอฟริกาใต้ ปล่อยให้ Malena อยู่ในรังตัวเดียว เพราะเนื่องจากปีกของมันได้รับบาดเจ็บจากนักล่าเมื่อนานมาแล้ว ทำให้ไม่สามารถบินไปไหนมาไหนกับคู่รักของมันได้ และเมื่อถึงเดือนมีนาคมของทุกปี เจ้า Klepetan ก็จะบินกลับมาที่รังเพื่อเจอกับ Malena อีกครั้ง แม้ว่านกกระสาอาจจะไม่จำเป็นต้องมีคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต แต่มันก็ยังกลับมาเจอคู่ของที่รังเดิมๆ มันทุกปีๆ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของมันอย่างเหลือเชื่อ หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่านกที่บินกลับมาทุกปีๆ นั้นใช่เจ้า Klepetan ตัวจริงหรือเปล่า!? คุณ Vokić ยืนยันว่าใช่แน่นอน…
-
นี่คือ 15 เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับสิ่งของรอบตัว ที่ไม่รู้ก็ได้ แต่อ่านไว้โม้กับเพื่อนก็ดีนะ!!
ทุกวันนี้โลกเราพัฒนามาไกลมาก มีอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้เพื่อความสะดวกมากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าข้าวของแต่ละอย่างรอบๆ ตัวของเรามันมีประวัติศาสตร์หรือเรื่องราวบางอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนด้วยนะ อย่างในบทความนี้ #เหมียวฟิ้นได้คัดเอาสาระเกี่ยวกับ 15 ของใช้รอบตัวมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ลองดูกันว่าคุณจะอึ้งกันขนาดไหน? 1. รหัสของตู้ ATM การใส่รหัสตู้กดเงินแบบอัตโนมัติถูกประดิษฐ์ขึ้นโดย John Shepherd-Barron ในตอนแรกมันถูกออกแบบให้มีรหัสถึง 6 หลัก แต่เนื่องจากภรรยาของเขาจำมากขนาดนั้นไม่ได้ เลยต้องลดลงเหลือแค่ 4 หลัก 2. รูเล็กๆ ข้างกุญแจ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมถึงมีรูเล็กๆ อยู่ที่ตัวแม่กุญแจ? นั่นก็เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากแม่กุญแจได้หากคุณนำมันไปใช้ล็อคนอกบ้าน ทำให้แม่กุญแจของคุณไม่เกิดสนิมขึ้นได้ง่ายๆ 3. ไรบนที่นอน ในช่วงระยะเวลา 10 ปี เตียงนอนของคุณจะเต็มไปด้วยไรฝุ่น และน้ำหนักของมันจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว นั่นก็เพราะว่าพวกมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นและปล่อยเศษอึเล็กๆ ออกมาโดยที่พวกเราไม่รู้ตัวหรือมองเห็นเลย ฉะนั้นหมั่นทำความสะอาดเตียงบ้างก็ดีนะ อึ๊ยย… 4. การถือกำเนิดของเสื้อยืด แรกเริ่มเดิมทีเสื้อยืดนั้นถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1904 เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่หนุ่มๆ ที่เย็บผ้าเย็บกระดุมไม่เป็น หรือไม่มีภรรยาเย็บเสื้อผ้าให้ใส่ 5. ยาช็อคโกแลต ความจริงแล้วช็อคโกแลตไม่ได้ถูกนำมาทำเป็นขนมตั้งแต่แรก แต่จริงๆ…
-
19 ภาพทรงพลังจากประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ที่ตอกย้ำว่าเราผ่านอะไรมากมายจริงๆ
โลกของเราล้วนเต็มไปด้วยผู้คน วัฒนะธรรม และสงครามมากมาย เมื่อวันเวลาผ่านไปเหตุการณ์เหล่านั้นก็ยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทับถมกันกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากัน ในบทความนี้เอง#เหมียวฟิ้นจะขอชวนทุกๆ คนไปชมภาพประวัติศาสตร์ที่หาดูยาก ที่แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบกับเราโดยตรง แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหลายนะเออ 1. Moonstruck นักบินอวกาศ Charles Duke ถ่ายภาพครอบครัวของเขาบนดวงจันทร์ ระหว่างปฏิบัติภารกิจเมื่อปี 1972 2. Hear Me Roar ช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ของค่ายหนัง MGM เมื่อครั้งก่อตั้งใหม่ๆ โดยตอนนั้นพวกเขาตั้งใจจะใช้ภาพของสิงโตคำรามเป็นสัญลักษณ์ประจำบริษัท แต่เนื่องจากวิทยาการทางคอมพิวเตอร์ยังไม่ก้าวหน้ามาก พวกเขาจึงใช้สิงโตจริงๆ มาถ่ายทำและบันทึกเสียง 3. Walk This Way ภาพนี้เป็นภาพที่โด่งดังมากๆ ของวง the Beetles ในอดีต ที่เป็นภาพของสมาชิกวงทั้ง 4 คนกำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน และถูกนำมาใช้เป็นหน้าปกอัลบั้ม Abby Road และกลายเป็นภาพที่ถูกนำเอาไปล้อกันจนถึงทุกวันนี้ 4. The Sky’s The Limit ภาพของกลุ่มคนงานที่ขึ้นไปต่อเติมและทาสีให้กับหอไอเฟลเมื่อปี 1932 ที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ก็เพราะว่ามันคือสิ่งปลูกสร้างที่มีความสูงที่สุดในขณะนั้นเลย 5.…
-
พาชมปราสาทหรูที่ไม่ได้สร้างให้คนอยู่ แต่เพื่อ “แกะ” ต่างหาก… (เสียดายที่โดนทิ้งร้าง!!)
ปกติแล้วถ้าชาวนาต้องการที่จะเลี้ยงแกะสักฝูง พวกเขาก็มักที่จะเลี้ยงมันในฟาร์มแบบเปิดหรือโรงนาแบบปกติทั่วๆ ไป แต่ทว่ามีชาวนาคนหนึ่งที่เขากลับไม่คิดแบบนั้น แถมเขายังเกิดไอเดียสุดบรรเจิดสร้างแมนชั่นสุดหรูให้เพื่อนขนฟูของเขาแทน ปราสาทแกะสุดหรูที่เรากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ถูกสร้างโดยชาวนาที่ชื่อว่า Colin Stokes เขาสร้างมันขึ้นในราวๆ ปี 1980 ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ แต่ทว่าเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่เขาไม่ได้เตรียมใจไว้ นั่นก็คือพอมีเหมืองมาเปิดใกล้ๆ ซึ่งรบกวนความสงบสุขของเขา จึงเป็นเหตุผลที่ต้องทิ้งบ้านแกะนี้ไป ตอนแรกเขาก็สร้างไว้อยู่กับแกะของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องทิ้งมันไปซะงั้น!? ในปี ค.ศ 2000 มีเหมืองหินมาเปิดใกล้ๆ และรบกวนการใช้ชีวิตอันสงบสุขของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาก็เลยเก็บเสื้อผ้ารวมถึงฝูงกะของเขาย้ายไปที่ประเทศสกอตแลนด์ เหลือทิ้งไว้แต่เพียงสิ่งก่อสร้างที่สุดยอดที่สุดตั้งแต่มีมา . . เขาใช้เวลาถึง 11 ปีในการสร้างบ้านหลังนี้ เขาใช้ก้อนหินเป็นวัสดุหลักซึ่งเป็นก้อนหินที่เขาพบรอบๆ บริเวณบ้านของเขานั่นและ ในช่วงที่แกะของเขาต้องออกลูก เขาจะย้ายไปนอนที่ชั้นสองและปล่อยให้แกะของเขามีความสุขกับชั้นล่าง ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้กะจะสร้างมันให้หรูหราอะไรหรอก แต่เอาเข้าจริงๆ มันกลับหรูหราสุดๆ จะเรียกว่าปราสาทก็ได้ แต่มันคงมากไปสำหรับคนหนึ่งคน แถมกระจกยังเป็นกระจกสี ที่ทำออกมาสวยงามและตั้งใจสุดๆ . . . . ดูๆ แล้วดีไซน์บ้านนี่หยั่งกับหลุดมาจากโลกแฟนตาซีเลยนะเนี่ย สุดท้ายแล้วถึงแม้เขาจะย้ายออกไป แต่เขาก็ได้แวะเวียนกลับมาเยี่ยมที่นี้ครั้งหนึ่งเพื่อลำลึกถึงความทรงจำที่เคยมีกับบ้านหลังนี้ นอกจากนี้…
-
ชายหนุ่มอพยพ บุกไปช่วยชีวิตเด็กในบ้านไฟไหม้ ลงเอยด้วยการถูกส่งกลับประเทศเดิม!?
เรื่องราวที่กำลังเป็นดราม่าและถกเถียงกันแบบเบาๆ ในโลกออนไลน์ของต่างประเทศ จากเหตุการณ์ที่ชายคนหนึ่งได้สร้างวีรกรรมสุดกล้าหาญด้วยการเข้าไปช่วยเด็กสาวสองคนออกมาจากบ้านที่กำลังไหม้ แต่ทว่ารางวัลที่เขาได้กลับมา กับเป็นรางวัลส่งตัวเขาเองกลับไปยังประเทศบ้านเกิดซะงั้น… Robert Chilowa 46 ปี ได้รับการยกย่องจากวีรกรรมที่เขาเข้าไปช่วยเด็กๆ ในบ้านของพื่อนบ้านที่กำลังไฟไหม้ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หนุ่มชาวซิมบับเวคนนี้เข้าไปช่วยเด็กน้อย 2 คนจากจากบ้านที่กำลังลุกไหม้ พร้อมบอกให้เด็กทั้งสองเกาะเขาไว้จนหนีออกมาได้สำเร็จ แต่ทว่าเรื่องกลับไม่ได้แฮปปี้เอนดิ้ง เพราะกลายเป็นว่าจากเหตุนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมาในละแวก และยังต้องเป็นพยานให้กรณีที่บ้านไฟไหม้ มันก็ดูปกติเว้นแต่ว่า… เขาเป็นคนเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายนั่นเอง สุดท้ายเขาก็เลยถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทำเรื่องส่งตัวเขากลับไปที่ประเทศซิมบับเวบ้านเกิดของเขาซะงั้น แถมเขายังไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลย เขาบอกว่าเขามาอยู่ที่นี้มาตั้งแต่ 2001 แล้วแต่ผลตอบแทนที่เขาได้รับมันเหมือนการตบเข้าที่หน้าของเขาแรงๆ ถึงแม้เขาจะได้รับการยกย่องจากทั้งตำรวจท้องถื่นและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย “หัวใจผมถึงกับแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อผมรู้ถึงเรื่องที่ผมต้องเผชิญต่อจากนี้ ไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่มีแม้แต่ประวัติอาชญากรรมอะไรเลยแท้ๆ ใครก็ได้ช่วยเห็นใจผมที” ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องถูกส่งกลับไปประเทศซิมบับเวภายในเดือนมีนาคมที่จะนี้อยู่ดี สุดท้ายชายคนนี้ก็ไม่ได้พูดถึงสาเหตุของของการไม่อยากกลับไปที่ประเทศบ้านเกิดของเขา เขาถูกตัดรายได้ทั้งหมด และถูกบีบบังคับให้ต้องออกจากบ้าน เพื่อที่จะได้ส่งเขากลับประเทศบ้านเกิด จากเพลิงไหม้ในครั้งนั้นทำให้ Mohammed Awad วัย 56 และ Hasma Awad วัย 47 ซึ่งเป็นคุณปู่และคุณย่าของเด็กทั้งสองที่ Robert ได้ช่วยไว้ ต้องตายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น…
-
“ขนาดบ้านของแก ยังไม่มีห้องน้ำเลย!!” สาวจีนปฏิเสธคำขอแต่งงานแฟนหนุ่ม เพราะฐานะแย่เกินไป!?
ในขณะนี้ต้องบอกเลยว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่พัฒนาและเติบโตเร็วมาก ทำให้ผู้คนของพวกเขาพยายามขวนขวายหาความมั่นคงให้กับชีวิตตัวเอง โดยการเข้าไปทำงานตามหัวเมืองใหญ่ๆ และหากเป็นไปได้ การมีแฟนที่มีอันจะกิน ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกมั่นคงไปด้วยนั่นเอง แต่หากคุณไม่ได้ร่ำรวยเงินทองเท่าไหร่ หรือคุณยากจนขนาดหนักจริงๆ ก็อาจจะต้องเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดแบบชายคนนี้ เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดสะบั้นอารมณ์ของคู่หนุ่มสาวชาวจีน ในขณะที่ฝ่ายชายพยายามขอฝ่ายหญิงแต่งงานในที่สาธารณะ แต่ฝ่ายหญิงกลับปฏิเสธคำขอของเขา โดยฝ่ายหญิงได้ตะโกนลั่นกลางถนนว่า “ที่ห้องของนายยังไม่แม้แต่ห้องส้วมหรือห้องอาบน้ำเลย นายยังจะมาขอให้ฉันแต่งงานกับนายอีกเหรอ!? ตลกสิ้นดี” หลังจากที่ฝ่ายชายถูกต่อว่าอย่างหนักโดยไม่ปริปากพูดใดๆ ออกไป ก่อนจะเก็บกระเป๋าและเดินจากไปแบบเงียบๆ สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้คนโดยรอบและชาวเน็ตอย่างมาก กดชมคลิปสุดสะเทือนใจได้ที่นี่เลย เมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีสื่อในจีนอย่าง People’s Daily ได้รายงานค่าเฉลี่ยของสินสอดและค่าใช้จ่ายในการที่ผู้ชายจะไปขอผู้หญิง อยู่ที่ราวๆ 200,000 หยวน หรือประมาณ 1 ล้านบาท จำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่สูงมากทีเดียว โดยเฉพาะกับครอบครัวชนบทที่แทบจะไม่มีอะไร แม้กระทั่งห้องน้ำ ซึ่งบางบ้านในชนบทอาจจะยังใช้ส้วมรวมสาธารณะ หรือการไปปล่อยตามท้องทุ่งอยู่นั่นเอง ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าหากผู้ชายจะขอผู้หญิงสักคนแต่งงาน พวกเขาจะต้องมีความพร้อมในด้านการเงินมากแค่ไหน ที่มา shanghaiist , Lieselotte Young
-
นี่คือ 8 เหตุผลที่บอกเราว่า ทำไม ‘ประเทศญี่ปุ่น’ จึงเป็นประเทศที่สะอาดมากๆ
ประเทศญีปุ่น เป็นหนึ่งประเทศที่มีระเบียบวินัยสูงมากและหากใครได้ไปเที่ยวที่เมืองอาทิตย์อุทัยนี้มาก็จะพบสิ่งที่แตกต่างกับประเทศเราโดยสิ้นเชิงอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความสะอาด ทุกครั้งที่เห็นภาพของเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือดูตามสารคดีต่างๆ มักจะเกิดคำถามขึ้นในใจของเราว่า “ทำไมบ้านเขาสะอาดจัง?” นั่นสิ หลายคนสงสัยแบบนี้ใช่ไหม วันนี้ #เหมียวฟิ้น พบข้อมูลจากเว็บไซต์ Rocketnews ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นสู่สายตาชาวต่างชาติในภาษาอังกฤษ เลยถือโอกาสแปลมาให้ได้อ่านกัน รับรองว่าคุณจะต้องทึ่งแน่นอน 1. แม้ไม่มีถังขยะข้างทาง แต่(แทบ)ทุกคนถูกปลูกฝังว่า จะต้องเก็บมันไปทิ้งที่อื่น ชาวญี่ปุ่นให้ความร่วมมือกับการรักษาความสะอาดมาก เวลาที่พวกเขาไปท่องเที่ยวหรือปาร์ตี้ตามสถานที่ต่างๆ แล้วไม่มีถังขยะ พวกเขาจะเก็บมันใส่ถุงหรือภาชนะไปทิ้งที่อื่น เพราะพวกเขาถูกสั่งสอนมาว่าต้องรับผิดชอบต่อข้าวของของคุณเอง ต่อให้ตลอดทางไม่มีถังขยะเลย พวกเขาก็จะเอามันไปทิ้งที่บ้าน 2. มีถุงขยะอยู่ใต้เบาะรถประจำทาง ในรถบัสที่ออกเดินทางไปตามต่างจังหวัดหรือเดินทางระยะไกลๆ พวกเขาจะมีถุงขยะเก็บไว้ใต้เบาะที่นั่งของคุณ เพื่อเก็บเอาขยะของคุณไปทิ้งที่ถังขยะ (หรือที่บ้านคุณเอง) ดีกว่าปล่อยให้มันเลอะเทอะอยู่กับพื้นหรือซุกอยู่บนเก้าอี้ของคุณเอง 3. แทบทุกหน่วยงานจะทำความสะอาดพื้นที่ของตัวเอง ส่วนหนึ่งที่ถนนหนทางของพวกเขาสะอาดปราศจากใบไม้หรือขยะก็เพราะว่าพนักงานของสถานที่นั้นๆ จะเป็นคนทำความสะอาดด้วยตัวของพวกเขาเอง ตั้งแต่พนักงานออฟฟิศไปจนถึงพยาบาลในโรงพยาบาล โดยไม่ต้องให้พนักงานกวาดถนนมาเก็บกวาดให้พวกเขาเลย 4. มีศิลปะในการแยกขยะ ชาวญี่ปุ่นจะมีระเบียบค่อนข้างมากในการกำจัดขยะภายในบ้าน เวลาจะนำขยะจากในบ้านออกไปทิ้งหรือกำจัด พวกเขาจะคัดแยกทุกอย่างให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน หนังสือสื่อสิ่งพิมพ์มัดรวมด้วยกัน ขยะเปียกขยะแห้ง หรือหากจะทิ้งขวดซอสสักขวด พวกเขาก็จะเทเอาเศษๆ ที่อยู่ในขวดออกมาทิ้งให้หมดเสียก่อน 5. มีหน่วยงานอาสาสมัครบางแห่งคอยย้ำเตือนให้ชาวเมืองตื่นตัวและเก็บขยะอยู่เสมอ…
-
นักเรียนหญิงญี่ปุ่น แห่ขายเครื่องแบบหลังจบการศึกษากันรัวๆ ราคาพุ่งถึง 6 หมื่นบาท!!
หากจะบอกว่าชุดนักเรียนของประเทศไหนน่ารักโดนใจ #เหมียวฟิ้น ล่ะก็ มันคงจะหนีไม่พ้นชุดสุดคาวาอี้อย่างชุดนักเรียนสไตล์กะลาสีแบบชาวญี่ปุ่นแน่ๆ และเมื่อเหล่านักเรียน (โดยเฉพาะนักเรียนสาวๆ) จบการศึกษาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บชุดนักเรียนเอาไว้ให้ฝุ่นเกาะอีกต่อไป พวกเธอจึงเอามันมาประกาศขายบนอินเตอร์เน็ตซะเลย แถมได้ราคาดีด้วยนะ ในช่วงเดือนมีนาคมของทุกๆ ปีจะเป็นเดือนที่เหล่านักเรียนมัธยมปลายพากันจบการศึกษาและขยับเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยกัน พวกเขาจึงพากันเอาชุดนักเรียนมาประกาศขายผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์อย่าง Mercari กันแบบถล่มทลายเลยทีเดียว ตามรายงานจากเว็บไซต์ Rocketnews บอกว่าชุดที่นำมาขายนั้นมีทั้งชุดสำหรับฤดูร้อนและชุดสำหรับฤดูหนาวรวมทั้งกระโปรง ถูกวางขายในราคามัดรวมอยู่ที่ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,076 บาท หากพ่อแม่คนไหนจะซื้อเพื่อนำไปให้ลูกๆ ของพวกเขาใส่เรียนก็ถือว่าถูกกว่าการซื้อใหม่ชุดใหม่ทั้งเซ็ท แต่ก็ยังแพงอยู่สำหรับการซื้อชุดมือสองในสภาพที่ดูใส่มาหลายครั้งแล้ว (ราคาเต็มๆ สำหรับชุดนักเรียนเพื่อใส่ฤดูร้อน ฤดูหนาว ชุดออกกำลังกาย ทั้งเซ็ทจะอยู่ที่ราวๆ 30,000 บาท) ในประเทศญี่ปุ่นเองมีการกำหนดราคาชุดนักเรียนมือสองให้แพงขึ้นด้วย หากชุดเหล่านั้นปักชื่อของสถาบันดังๆ เอาไว้ อย่างเช่นโรงเรียนมัธยมปลายซูคากาวะ ในจังหวัฟุกุชิมะอยู่ที่ 27,691 บาท ส่วนโรงเรียนคาคูโนดาเตะ มินามิ อยู่ที่ 61,536 บาท (นี่แค่ชุดมือสองนะเนี่ยะ!!) ถึงชุดนักเรียนญี่ปุ่นจะถูกสื่อต่างๆ นำเสนอให้ดูน่ารัก (หรือบางคนมองว่าเซ็กซี่) ขนาดไหนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงนักเรียนจะต้องใส่ชุดนักเรียน 1 ชุดวนไปเรื่อยๆ ทั้งสัปดาห์…
-
หนุ่มไทยถ่ายรูป “Tom Cruise ไลค์ไก่ย่าง” พร้อมปริ้นท์แปะข้างฝา แต่…ผิดคนแล้วเห้ย!!
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้สัมผัสกับดาราคนดังแบบใกล้ชิด และถ้าโอกาสนั้นมาถึงตัวคุณแล้วล่ะก็ มีหรือที่เราจะไม่คว้าเอาไว้… เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้ถูกโพสต์โดยสมาชิกเว็บไซต์ Reddit โดยผู้ใช้ที่ชื่อว่า SuddenlyOutOfNoWhere เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เป็นภาพของนักท่องเที่ยวฝรั่งตาน้ำข้าวรายหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวแถวๆ ภาคอีสานของประเทศไทย แต่เนื่องจากเจ้าตัวมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับ Tom Cruise ทำให้่ทางร้านเขาใจผิดและคิดว่าได้เจอกับซุปตาร์คนดังเข้าแล้ว ทางร้านจึงขอถ่ายภาพกับหนุ่มฝรั่งเอาไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจะปริ้นลงบนไวนิลพร้อมกับข้อความว่า “TOM CRUISE” เพื่อย้ำเตือนกับลูกค้าที่มาทานอาหารว่าเขาเคยมีโอกาสได้เจอกับดาราฮอลลีวูดมาแล้ว… แต่เนื่องจากชายหนุ่มที่ว่านี่ไม่ใช่ Tom Cruise ตัวจริง ทำให้ชาวเน็ตในต่างประเทศรู้สึกอึ้งจนต้องถ่ายไปแชร์ลงในเว็บบอร์ดและบอกว่านั่นมันผิดตัวแล้ว!! นี่คือหน้าตาของ Tom Cruise วัยหนุ่ม ที่ใกล้เคียงกับ Tom Cruise ตัวปลอมข้างบน… เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องฮาๆ ที่ชาวเน็ตใน Reddit พูดถึงอย่างมากมาย Ronbotic “เพื่อนของผมบอกว่าผมหน้าเหมือน James McAvoy (พระเอกจาก X-Men) และไปพูดติดตลกกับคนขายแพนเค้กที่เป็นชาวไทยว่าผมคือ James พี่แกก็เลยทำแพนเค้กมาให้ผมหนึ่งอัน” Prophet_Of_Loss “ถ้าผู้ชายคนนั้นสูงกว่าคุณล่ะก็ นั่นไม่ใช่ Tom Cruise แล้วล่ะ”…
-
เธอทำได้!! สาวดาว์นซินโดรมกำลังจะกลายเป็นนักพยากรณ์อากาศ ชาวเน็ตร่วมเชียร์เพียบ
ภาพลักษณ์ของผู้ป่วยเป็นดาว์นซินโดรมหรือออทิสติกในยุคนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเยอะมากเลยทีเดียว เพราะหากเรามองย้อนกลับไปในสมัยก่อน ผู้ที่มีอาการดาว์นซินโดรมจะถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ หรือไม่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าคนปกติในการทำงาน แต่ในปัจจุบันบุคคลเหล่านั้นกลับพัฒนาตัวเองจนเข้าไปทำงานให้กับหลายๆ องค์กรได้อย่างไม่น้อยหน้าใครเลย อย่างเช่นข่าวก่อนหน้านี้ที่#เหมียวฟิ้นได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับชายหนุ่มออทิสติก ที่ได้รับโอกาสจากร้าน Starbucks ให้เข้าทำงานเป็นบาริสต้าจนโด่งดังไปทั่วโลก (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่เลย) และเมื่อไม่นานมานี้เราก็ได้ไปเจอเรื่องราวดีๆ ของบุคคลที่มีอาการดาว์นซินโดรมแต่ได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่เจ๋งๆ อย่างการเป็นผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศด้วย! เธอคนนี้มีชื่อว่า Mélanie Ségard จากประเทศฝรั่งเศสวัย 21 ปี เธอมีความฝันมาตั้งแต่วัยเด็กเลยว่าเมื่อเธอโตขึ้น เธออยากจะเป็นสาวนักพยากรณ์อากาศ แต่เธอคิดว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้เนื่องจากความบกพร่องทางร่างกายของเธอ แต่ดูเหมือนว่าไฟแห่งความหวังของเธอจะยังไม่ดับลง เพราะองค์กรการกุศลในฝรั่งเศสที่ชื่อ Unapei ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือกับเธอและประสานไปยังช่องทีวี France 2 และ BFMTV ทางสถานีจึงพากันยื่นข้อเสนอในการทำงานให้กับเธออย่างล้นหลาม Unapei คือองค์กรการกุศลสำหรับคนพิการด้านการเรียนรู้ในประเทศฝรั่งเศส พวกเขาช่วย Melanie โดยการตั้งแคมเปญขึ้นบน Facebook โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า Mélanie peut le faire (Mélanie เธอทำได้) Mélanie กล่าวว่า “ฉันแตกต่างจากคนอื่น แต่ฉันอยากจะแสดงให้ทุกๆ คนได้เห็นว่าฉันสามารถทำอะไรได้มากมาย และฉันอยากจะพิสูจน์เรื่องนี้โดยการปรากฏตัวบนทีวี” บนเฟซบุ๊กของ Mélanie ได้ท้าทายกับสื่อในฝรั่งเศสไว้ว่าหากเฟซบุ๊กของเธอสามารถหาคนมากดไลก์เพจได้ถึง 1 แสนคน…
-
พ่อหนุ่ม Chris Evans เซอร์ไพรส์แฟนๆ ให้ออกไปตามปริศนา ค้นหารังลับของไฮดร้า!!
เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอเข้ากับคลิปน่ารักๆ ของพ่อหนุ่ม Chris Evans ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้คนร่วมบริจาคเงินเพื่อนำไปมอบให้แก่องค์กรการกุศลต่างๆ แต่สิ่งที่สนุกและฮาสุดๆ มันอยู่ตรงช่วงที่ตา Chris ออกมาทำคลิปแกล้งคนนี่แหละ ในคลิปวิดีโอที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นคลิปที่นาย Chris ได้ร่วมมือกับองค์กรการกุศลที่ชื่อ Omaze เพื่อช่วยโฆษณาและหาเงินบริจาคไปมอบให้กับองค์กร Christopher’s Haven นำไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากต่อไป อย่างในคลิปนี้นาย Chris ได้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาภายในร้านขายหนังสือการ์ตูนและของเล่น โดยเขาตั้งชื่อมันว่า Escape Rooms โดยจะให้เหล่าลูกค้าที่แวะผ่านเข้ามาในร้านได้ร่วมกิจกรรม (หากพวกเขาตกลง) เพื่อมาเป็นผู้ช่วยกัปตันอเมริกาค้นหาว่ารังลับของเหล่าไฮดร้าซ่อนอยู่ที่ไหนในร้านแห่งนี้กันแน่? แรกเริ่มเลยเขาและทีมงานได้นำลำโพงตัวเล็กๆ ไปซ่อนไว้ในตุ๊กตากัปตันอเมริกากลางร้าน แล้วรอให้ลูกค้าสักคนเดินเข้ามาติดกับ จากนั้นเขาก็จะพูดผ่านไมค์เพื่อขอความช่วยเหลือจากลูกค้าเหล่านั้น หนุ่ม Chris ขอความช่วยเหลือกับลูกค้าเหล่านั้น แล้วบอกให้พวกเขาหารหัสลับ 4 หลักจากในร้าน เพื่อเป็นปริศนานำไปสู่ปริศนาชิ้นต่อไป จากนั้นเหล่าลูกค้า (หรือผู้เคราะห์ร้าย) ก็ต้องเผชิญหน้ากับตู้ที่เต็มไปด้วยแผงวงจร โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าข้างในมีงู (ปลอมๆ) ซ่อนอยู่ ต่อมา ยังมีความฮาอีก… ทีมงานได้แกล้งลูกค้าทั้งหมดให้ใส่ชุดประหลาดๆ คล้ายหัวขโมย เพื่อแทรกซึมเข้าไปยังหน่วยไฮดร้า แล้วออกไปไล่ถามคนเดินถนนทั่วๆ ไปว่าพวกเขาใช่หน่วยปฏิบัติการของไฮดร้าหรือเปล่า? คุณใช่ไฮดร้าหรือเปล่า? …
-
คนติดดินของจริง!! พบกับหนุ่มอินเดียผู้เสพติดการกิน “หิน ดิน โคลน” เป็นชีวิตจิตใจ
ใครจะเคยคิดว่าจะมีคนที่กินก้อนหินก้อนดินเป็นชีวิตจิตใจจริงๆ แถมกินจนเข้าขั้นเสพติดอีกต่างหากซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆ กับชายหนุ่มอินเดียคนนี้นั่นเอง เขาคนนี้มีชื่อว่า Pakkirappa Hunagundi อายุ 30 ปี โดยเขาเล่าย้อนไปว่าครั้งแรกที่เขาพบว่ารสชาติของก้อนดินพวกนี้ถูกใจเขา ก็ตอนที่เขามีอายุ 10 ขวบเท่านั่น ซึ่งนับตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็หยิบก้อนหินก้อนดินจากท้องถนนจากรัฐกรณาฏกะ ในประเทศอินเดียเป็นต้นมา ที่สำคัญเขายังบอกว่ามันไม่มีผลเสียอะไรเลยจากการทำอะไรแบบนี้ การกินอะไรแบบนี้ ล้วนไม่ให้ประโยชน์อะไรกับตัวเขาแน่นอน แต่ถ้าดูดีๆ แล้วฟันของเขากลับอยู่ปกติดีแถมยังอยู่ครบอีกด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วการกัดอะไรแข็งๆ แบบนี้มันไม่น่าจะเป็นมิตรกับฟันแท้ๆ ถึงแม้เราจะเห็นว่าเขาเสพติดและกินก้อนดินพวกนี้ได้อย่างปกติ แต่ว่าใจจริงๆ แล้วเขาก็อยากที่จะเลิกกินมันเช่นกัน เขาพยายามขอคำแนะนำจากคนอื่นๆ ว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยให้เขาหยุดกินได้ไหม เขาบอกว่า “ผมกินก้อนดินพวกนี้มาแล้วกว่า 20 ปี ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่นานมากๆ จนตอนนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปซะแล้ว ผมสามารถที่จะไม่กินข้าวได้นะ แต่ผมขาดก้อนดินพวกนี้ไม่ได้จริงๆ” เขาไม่ใช่คนเดียวหรอกที่พยายามจะหยุดการกินของตัวเอง แม่ของเขาก็พยายามมาแล้วเช่นกัน ซึ่งใช้เวลามากถึง 20 ปี เพื่อหยุดไม่ให้ลูกของตัวเองกัดกินชิ้นส่วนบ้านของตัวเองและคนอื่นในหมู่บ้าน เขายังเผยอีกว่า เขาไม่สนใจในรสชาติของอาหารอื่นเลย ต่อให้มีคนนำน้ำทิพย์ที่พระเจ้าประทาน มาให้เขากินเขาก็จะปฏิเสธมันและเลือกก้อนหินเหมือนเดิม หนึ่งในเพื่อนของเขาบอกว่า “ตั้งแต่เรื่องของเขาได้มีการเผยแพร่ออกไป เขาก็กลายเป็นคนดังทันที แต่ทว่าเขาก็ยังจนเหมือนเดิม ผมหวังว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยเขา”…
-
สื่อนอกรายงาน ชายญี่ปุ่นเสียชีวิตภายในห้อง โดยมีกองหนังสือโป๊กอง “มหึมา” ทับร่างอยู่
เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่ามีชายญี่ปุ่นคนหนึ่งเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง โดยมีกอง “หนังสือโป๊” กองทับถมเขาอยู่เป็นจำนวนมหาศาล… ตามรายงานบอกว่าชายชาวญี่ปุ่นรายนี้มีชื่อว่านาย Joji (สงวนนามสกุล) วัย 50 ปี อาศัยอยู่ในแฟลตแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดคะนะงะวะ ประเทศญี่ปุ่น เจ้าตัวเป็นคนที่ชอบสะสมหนังสือโป๊และนิตยสารวาบหวิวเป็นอย่างมาก มากเสียขนาดที่ว่าจะหันไปไหนก็ต้องเจอ!! หลังจากที่ครอบครัวของนาย Joji ได้ทราบถึงการตายของเขาแล้ว พวกเขาก็ส่งทีมทำความสะอาดเข้าไปเก็บกวาดภายในห้องของเขาทันที โดยที่ญาติๆ หวังว่านิตยสารเหล่านั้นจะไม่ถูกเปิดเผยหรือมีเพื่อนบ้านคนไหนสังเกตเข้า แต่ไม่นานก็มีหนึ่งในทีมทำความสะอาดนำเอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยต่อผู้อื่น ทางเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดยังได้เผยอีกว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าตอนที่นาย Joji เสียชีวิตนั้น เป็นเพราะขาดอากาศหายใจจากการถูกกองหนังสือทับ หรือเพราะเกิดอาการหัวใจวายระหว่างที่ถูกหนังสือล้มลงมาทับกันแน่ จากการตรวจสอบห้องของนาย Joji พบว่าแทบทุกตารางนิ้วของห้อง จะมีหนังสือหรือนิตยสารที่ว่านี้วางอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยังมีภาพตัดจากบทความที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษด้วย เมื่อนำเอานิตยสารทั้งหมดมารวมกันแล้ว จะได้น้ำหนักราวๆ 6 ตันเลยทีเดียว!! แม้ว่านี่อาจจะดูเป็นการเสียชีวิตที่แปลกสักหน่อย แต่ยังไงการเสียชีวิตก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ของเขาอยู่ดี ยังไงแล้วหากใครสะสมหนังสือ (จะอะไรก็ตาม) ก็หาที่วางที่มันปลอดภัยและไม่ร่วงหล่นลงมาทับเราจะดีกว่านะ ที่มา metro, nikkan-spa, livedoor
-
หนุ่มอเมริกัน อ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ “ครองบัลลังก์แห่งอังกฤษ” และกำลังมาทวงตำแหน่งคืน!?
กลายเป็นข่าวใหญ่โต (ในทางเฮฮาเล็กน้อย) ของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีชายปริศนาชาวอเมริกันรายหนึ่งออกมาอ้างว่าตนเองนั้นมีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ของอังกฤษได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย!? เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่านาย Allan. V. Evans แห่งรัฐโคโรลาโด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาบอกว่าเขานั้นมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะขึ้นครองบัลลังก์แทนควีน อลิสซาเบธองค์ปัจจุบัน นาย Evans ได้ซื้อโฆษณาบนหนังสือพิมพ์ The Times เพื่อเขียนจดหมายอธิบายความจริงต่างๆ และแสดงตนให้ทุกๆ คนรับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ในโฆษณาที่เขาอุตส่าห์ลงทุนซื้อดังกล่าว ได้เปิดเผยความลับว่าตัวเองมีสิทธิ์ตั้งแต่กำเนิดที่จะขึ้นครองบัลลังก์หลังจากที่ควีนอลิสซาเบธได้เสียชีวิตลง ในฐานะลูกหลานของสายการปกครองดั้งเดิมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ในสหราชอาณาจักรและได้ลงทะเบียนใน Royal College of Arms เขาได้ให้คำชี้แจงทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องมรดกทางประวัติศาสตร์ของเขาคืน แต่แล้วความอดทนของ Evans ที่รอให้ควีนอลิสซาเบธสวรรคตก็หมดลง เนื่องจากพระองค์ครองราชย์มายาวนานอย่างที่เราทราบกัน และเขาเลยต้องมาลงโฆษณาประกาศ พร้อมเขียนข้อความของเขาว่า “จะติดตามความอยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ ด้วยการอ้างสิทธิโดยชอบธรรมกับราชบัลลังก์และมงกุฎราชวงศ์แห่งสหราชอาณาจักรกลับคืนมา ซึ่งความตายในอนาคตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 2 นั้นน่าเศร้า และอันที่จริงด้วยความเคารพ พระองค์ทรงมีความยิ่งใหญ่ เพราะพระองค์ไม่เห็นแก่ตัว ทรงเสียสละและปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด” …
-
เบอร์เกอร์คิงใจถึง นำภาพร้านไฟไหม้ลุกโชน มาปรับให้เป็นป้ายโฆษณาสุด “ร้อนแรง”
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยเห็นโฆษณาร้านอาหารฟาส์ทฟู้ดมาแล้วเป็นร้อยๆ ชิ้น แต่เชื่อเราเถอะว่าไม่มีโฆษณาตัวไหนที่จะ “ร้อนแรง” และ “ดิบ” ไปกว่านี้โฆษณาตัวนี้อีกแล้ว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Business Insider ได้เผยแพร่ภาพโฆษณาชุดใหม่จากร้าน Burger King แฟรนไชส์เบอร์เกอร์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ภาพโฆษณาชุดนี้เป็นการนำเอาภาพเหตุการณ์ในขณะที่ร้าน Burger King สาขาหนึ่งในรัฐโอเรกอน มีเพลิงลุกไหม้และมีเจ้าหน้าที่พยายามเข้าควบคุมสถาณการณ์ โฆษณาชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 ภาพ เป็นไอเดียมาจากเอเจซี่โฆษณาที่ชื่อ David Miami เพื่อเป็นการย้ำเตือนผู้คนให้รู้ว่าร้านของพวกเขานั้น “ใช้เตาไฟย่าง” (เบอร์เกอร์) มาตั้งแต่ปี 1954 แล้วนั่นเอง แต่ทั้งหมดนี้ก็ดูจะเป็นการกระทำที่กล้าหาญมากๆ เพราะนับตั้งแต่ปี 1954 ร้าน Burger King ถือเป็นร้านฟาส์ทฟู้ดที่มีเพลิงลุกไหม้บ่อยครั้งมากกว่าร้านอื่นๆ เลยก็ว่าได้ มีทั้งรัฐโอเรกอน รัฐเพนซิลเวเนีย และที่ประเทศอิตาลี (โอ้โห ร้อนแรงจริงๆ) จะมีแฟรนไชส์หรือบริษัทไหนในโลกนี้อีก ที่กล้าเอาความเสียหายของตัวเองมาโฆษณาเป็นจุดขายได้ ที่มา businessinsider, fortune , adweek
-
หญิงชาวอินเดียถูก ‘เผาทั้งเป็น’ เพราะหมอประกาศว่าเธอเสียชีวิตด้วยโรคปอดติดเชื้อ
ความเป็นความตายของมนุษย์คนหนึ่งนั้นนับเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากๆ สำหรับวงการแพทย์ เพราะหากวินิจฉัยผิดไปแม้แต่นิดเดียว คุณจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวซ้ำอีก เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดกับหญิงชาวอินเดีย เมื่อเธอต้องถูกเผาทั้งเป็นเนื่องจากความผิดพลาดของหมอที่ประกาศว่าเธอเสียชีวิตแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล Sharda hospital เมือง Greater Noida รัฐ Uttar Pradesh ของประเทศอินเดีย โดยทีมแพทย์ได้ประกาศว่า Rachna Sisodia วัย 24 ปี เสียชีวิตแล้วด้วยโรคปอดติดเชื้อ Devesh Chaudhary วัย 23 ปี ผู้เป็นสามีของหญิงรายนี้และเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้นำร่างของเธอออกจากโรงพยาบาลดังกล่าวในเวลา 01.27 น. เพื่อไปทำพิธีศพที่ Aligarh และในเวลา 08.00 น. พวกเขาก็ได้เผาศพเธอ แต่จากรายงานบอกว่าในระหว่างที่เผาศพหญิงสาวนั้น ได้มีคนลากเธอออกมาจากกองเพลิงอย่างกระทันหันเพราะเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากออกจากกองเพลิงแล้ว หญิงสาวก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย อย่างไรก็ตามพวกเขาได้นำศพเธอไปให้แพทย์ชันสูตรศพอีกครั้ง และพบว่ามีเศษการเผาไหม้เข้าไปอยู่ในหลอดลมและปอดบางส่วนของเธอ แพทย์ที่ทำการชันสูตรทั้ง 2 จึงสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่า Rachna ไม่ได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในปอด แต่เธอเสียชีวิตเนื่องจากช็อกตอนถูกไฟเผาทั้งเป็น ทางญาติของหญิงสาวได้นำเรื่องดังกล่าวนี้ไปแจ้งความ โดยให้การว่า Devesh ผู้เป็นสามีและเพื่อนจำนวนหนึ่งได้ล่วงละเมิดทางเพศกับ Rachna จนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงทำการเผาเธอทั้งเป็นเพื่อหนีความผิด …
-
หัวขโมยหื๊นหื่น บุกร้าน ‘เซ็กส์ช็อป’ เพื่อดูหนังโป๊ แถมขากลับหยิบ “ตุ๊กตายาง” ตัวเป็นหมื่นไปอีก!?
ปกติแล้วเรามักจะเห็นข่าวหัวขโมยเข้าไปปล้นในบ้านคนเพื่อหวังเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพง หรือไม่ก็ร้านสะดวกซื้อ ร้านทองอะไรก็ว่าไป แต่คราวนี้มันยกระดับไปอีกนิดหนึ่งแล้ว…. สำนักข่าวเมโทรในประเทศอังกฤษได้รายงานว่า มีโจรคนหนึ่งกำลังหลบหนีการจับกุม หลังจากที่เขางัดเข้าไปดูวีดีโป๊ภายในร้านและขโมยเซ็กส์ดอลล์ออกมา ตำรวจกำลังตามล่าชายคนหนึ่งหลังจากก่อคดีสุดคาว เข้าไปขโมยตุ๊กตายางมูลค่าประมาณ 11,000 บาท ออกมาจากร้านขายของเล่นผู้ใหญ่ในมืองบิวรี่ ประเทศอังกฤษ ตามรายงานระบุว่า เขาเข้าและออกผ่านทางเพดานที่เขาทุบให้มันเป็นรู Alan Brook เจ้าของร้านเซ็กส์ช็อปแห่งนี้ได้เล่าว่า นอกจากชายคนนี้จะบุกเข้ามาขโมยของแล้วเขายังได้เปิดดูหนังโป๊อีกด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขารู้ก็เพราะว่า วีดีโอโป๊นั้นยังเปิดคาไว้บนคอมพิวเตอร์ในร้านอยู่นั่นเอง “มันรู้สึกแปลกดีนะ ที่ของภายในร้านที่มีมูลค่ามากอย่าง คอมพิวเตอร์ กล้องดูดาวมูลค่าเป็นแสนและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ชายคนนี้ก็ไม่เอาไป เขากลับเลือกเซ็กส์ดอลล์ไปซะงั้น ซึ่งเท่าที่ผมตรวจสอบดูนอกจากคอมพิวเตอร์ที่เปิดหนังโป๊ทิ้งไว้ เซ็กส์ดอลล์ และเพดานร้านก็ไม่มีอะไรผิดปกติหรือหายไปแล้ว” สุดท้ายแล้วเจ้าของร้านยังบอกปิดท้ายเป็นการโฆษณาเบาๆ ว่า “ไม่ต้องอายไป ของในร้านเราไม่แพงหรอก ลองเข้ามาดูกันก่อนได้ แล้วคุณจะติดใจนะอิอิ” เจ้าของร้านบอกขนาดนี้ พ่อหนุ่มรีบกลับมาเอาตังค์มาจ่ายๆ ไปซะก็จบเรื่อง ดูท่าทางพี่เค้าคงจะใจดีอยู่นาาาาาา ที่มา metro
-
เข้ากันม๊ากมากกก… จีนสร้าง “ไอรอนแมน” ขนาดยักษ์ เคียงคู่กับ “สฟิงซ์” มันเกี่ยวอะไรกัน!?
สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักจะมีคอนเซปท์และธีมการท่องเที่ยวเป็นของตนเอง อย่างเช่น สวนดอกไม้ก็จะตกแต่งไปในทางเดียวกัน สวนประวัติศาสตร์ หรือสวนสนุกแนวไดโนเสาร์ก็มีแนวแบบนั้น ถ้ามันเกิดมีการตกแต่งอะไรที่ต้องผสมผสานกัน ก็ต้องย่อมมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่คงใช้ไม่ได้กับสถานที่แห่งนี้… เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ The World Cultural Heritage Expo Park ในมณฑลอานฮุย ซึ่งเป็นที่ๆ เดียวกับที่มีรูปปั้น (สฟิงซ์ ก็อปปี้เกรด เอ) ที่สร้างขึ้นในปี 2015 คู่กับปิรามิดลูฟ แต่ทว่าปีรามิดและสฟิงซ์ ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้อีกต่อไป จึงทำทาง Expo Park ต้องคิดวิธีใหม่ออกมาเพื่อเรียกคน อะไรที่มันโมเดิร์น อะไรที่คนรุ่นใหม่จะชอบ จนสุดท้ายก็เกิดเป็น ไอรอนแมนเวอร์ชั่นฮัคบัสเตอร์ ขนาดยักษ์ขึ้นมา ซึ่งเจ้าไอร่อนแมนตัวนี้เป็น ไอร่อนแมนรุ่นฮัลค์บัสเตอร์ ที่มีขนาดสุงถึง 30 เมตรเลยทีเดียว แต่ทว่ารายละเอียดของตัวไอร่อนแมนตัวนี้ แม้จะดูจะพิการไม่ค่อยเหมือนต้นแบบสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะพอช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้บ้าง นอกจากสฟิงซ์และไอร่อนแมนก็อปเกรด เอ แล้วที่ Expo Park แห่งนี้ก็พึ่งจะเปิดตัว ทหารดินเผาก็อปปี้ขน่าด 1 ต่อ…
-
เด็กสาวเสียชีวิตด้วย “โรคหอบหืด” จากแพทย์ที่ปฏิเสธรักษาเพราะ “เลยเวลานัด 4 นาที”
เรื่องราวดราม่าบนโลกออนไลน์ของต่างประเทศ จากการที่เว็บไซต์ข่าวแลดไบเบิล รายงารการจบชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่ง หลังจากหมอปฏิเสธรักษาเธอ เพราะเธอมาถึงช้ากว่าเวลานัดประมาณ 4 นาที สาวน้อยวัย 5 ขวบ Ellie-May Clark ได้จากไปอย่างกระทันหันด้วยโรคหอบหืด เนื่องจากคุณหมอ Joanne Rowe วัย 53 ปี ได้ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเธอ ตามรายงานในภายหลังนั้นระบุว่า คุณหมอเองก็ทราบดีว่าอาการของหนูน้อยอยู่ในอันตราย และอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ แต่ยังปฏิเสธการพบในครั้งนั้นด้วยเหตุผลเดิม ภาพที่คุณแม่ของเด็กโพสต์เอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้มีการลงโทษคุณหมอ ซึ่งเมื่อโดนปฏิเสธ ทางครอบครัวก็ได้รับคำแนะนำให้กลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่ทว่าเรื่องร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นพวกเขาพบว่า เด็กสาวไม่หายใจอีกแล้ว Shanice แม่ของเด็กสาวบอกว่าเธอพบลูกของเธอไม่หายใจนานกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่ที่แม่ของเธอพาเธอไปนอนที่เตียงตอนกลับมาบ้าน ผลของเหตุการณ์นี้ทำให้แพทยสภาออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้ว่า การที่คุณหมอ Joanne ปฏิเสธจะเข้ารักษานั้นเป็นสาเหตุการตายของเด็กสาวคนนี ล่าสุดมีรายงานว่าคุณหมอคนดังกล่าวไม่ได้ถูกไล่ออก เพียงถูกพักงาน 6 เดือน แต่ยังได้รับค่าจ้างอยู่เช่นเดิม ภาพที่คุณแม่ของเด็กโพสต์เอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้มีการลงโทษคุณหมอ Brandi คุณยายของเด็กสาวได้บอกว่า “พวกเราไม่เคยได้รับคำขอโทษใดๆ เลยจากปากของคุณหมอ Joanne หมอที่เอาแต่จ้องนาฬิกาห่วงแต่เวลานัดของตัวเอง…
-
“Abu Tahseen” สไนเปอร์รุ่นเก๋าชาวอิรักวัย 63 ปี ปลิดชีพ ISIS มาแล้วกว่า 321 ราย
ถึงแม้กองกำลังของ ISIS จะออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวโลกและก่อสงครามไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครรับมือกับพวกเขาได้เลย ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้ว นาย Abu Tahseen ได้เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้าน ISIS และนับตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าร่วมจนถึงวันนี้ เขาได้สังหารเหล่า ISIS ไปแล้วกว่า 321 ราย นับตั้งแต่ปี 2015 และยังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาวบ้านจากกลุ่มกองกำลังจีฮัดด้วย สิ่งที่คุณได้เห็นอยู่นี้มาจากส่วนหนึ่งของสารคดีที่ไปตามถ่ายชีวิตของนาย Tahseen ทหารรุ่นดึกผู้เคยผ่านประสบการณ์ในสมรภูมิมาแล้วกว่า 5 ปี และเคยอาสาเป็นหน่วยรบเคลื่อนที่ให้กับกองกำลังอิรักเพื่อต่อต้าน ISIS ในวีดีโอสารคดีตัวนี้ได้เผยให้เห็นถึงตอนที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ในสนามรบจริงๆ มีการซุ่มโจมตีและการสื่อสารบริเวณภูเขามัคคู ทางตอนเหนือของอิรัก นาย Tasheen ได้เผยถึงแนวคิดของตัวเองผ่านวิดีโอตัวนี้ว่า “คุณเห็นพื้นที่นั่นไหม? ผมกล้าการันตีกับพระเจ้าเลยว่าไม่มีใครโผล่ขึ้นมาหรอก ตอนนี้ผมรู้สึกสบายๆ มาก” “เมื่อผมได้กลับไปพัก ผมก็อยากจะกลับมาตรงนี้อีก ครั้งสุดท้ายที่พวกหัวหน้าให้ผมไปพักเป็นเดือน ผ่านไปแค่ 12 วันผมก็กลับมาประจำการตรงนี้แล้ว” หลังจากที่ Tasheen ได้รับการยืนยันจากสายลับว่ามี ISIS โผล่ออกมาในระยะยิง เขาก็ตั้งลำและยิงสังหารเป้าหมายของเขาทันที นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รุ่นเก๋ายังได้บอกกับนักข่าวด้วยว่าปืนไรเฟิลของเขาสามารถเป่าสมองของเหล่า…
-
BlackBerry ผงาดมือถือรุ่นใหม่ “KEYone” พร้อมปุ่มกดสุดคลาสสิค และระบบแอนดรอยด์!?
ไม่รู้ว่าทาง Nokia ได้ไปนัดแนะกับทาง BlackBerry ไว้หรือเปล่า เพราะทั้งคู่เป็นแบรนด์มือถือที่เคยยิ่งใหญ่และเงียบหายไปในกลีบเมฆทั้งคู่ และทั้ง 2 แบรนด์ก็ได้กลับมาเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ในปี 2017 พร้อมๆ กันด้วย เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Phonearena ซึ่งเป็นเว็บไซต์มือถืออันโด่งดังในต่างประเทศได้รายงานว่า BlackBerry อดีตผู้นำสมาร์ทโฟนปุ่มกดที่เคยเงียบหายไป ได้กลับมาเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่อีกครั้งในชื่อรุ่น “KEYone” ดูจากหน้าตาของเจ้า KEYone จะเห็นว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนแบบพิมพ์นิยม แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือคีย์บอร์ด QWERTY อันเป็นเอกลักษณ์ของ BlackBerry นั่นเอง เหมาะสำหรับคนที่ชอบพิมพ์อย่างแท้จริง และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือรุ่นนี้จะมาพร้อมกับระบบแอนดรอยด์ 7.1 Nougat ด้วย นั่นหมายความว่าคุณจะสามารถโหลดแอพฯ ต่างๆ ได้เหมือนกับที่มือถือแอนดรอยด์มาใช้ได้แล้ว มือถือ BlackBerry รุ่นนี้เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างบริษัท TCL จากจีน พูดง่ายๆ ก็คือ TCL จะเป็นคนผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของ KEYone ให้ ส่วน BB จะเป็นผู้ดูแลในส่วนของซอฟต์แวร์ระบบความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งทาง BB ยืนยันว่าระบบรักษาความปลอดภัยของพวกเขาเป็นระบบที่ดีเยี่ยมยิ่งกว่าที่ไหนๆ…
-
พระเอกในและนอกจอ Keanu Reeves ใช้เวลาเกือบทั้งวัน อยู่กับ ‘เด็กป่วยมะเร็ง’ ที่อยากเจอเขาสักครั้ง
เรียกได้ว่าเป็นพระเอกที่ไม่เค๊ยไม่เคยจะมีเรื่องราวเสียๆ หายๆ เลย สำหรับ Keanu Reeves พระเอกขาบู๊ที่มีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง John Wick 2 ที่กำลังฉายอยู่ในบ้านเรา ณ ตอนนี้ ล่าสุด Keanu ก็ได้สานฝันให้กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็งและอยากจะเจอกับเขาแบบสุดๆ ด้วยการเดินทางไปหาเขาและนั่งพูดคุยกันแบบค่อนวันเลยทีเดียว เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กของนาย Steve McGarrett เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคุณพ่อของเด็กชาย Nathaniel McGarrett ที่ป่วยเป็นมะเร็ง โดย Steve เล่าว่าลูกชายของเขาชื่นชอบดาราอย่าง Keanu Reeves มากๆ และอยากจะเจอกับเขาสักครั้งก่อนตาย คุณพ่อรายนี้จึงได้เข้าร่วมโครง Make-A-Wish ซึ่งเป็นมูลนิธิเพื่อสานฝันให้กับเด็กๆ ที่ป่วยหรือมีสภาพร่างกายอ่อนแอให้กลายเป็นจริง และขอร้องกับทางมูลนิธิว่าให้พา Keanu Reeves มาเจอกับลูกชายของเขาสักครั้ง และแล้วฝันของ Nathaniel ก็กลายเป็นจริง เพราะเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Keanu ได้เดินทางไปพบกับเขาถึงที่บ้านแบบเป็นกันเองสุดๆ ทั้งคู่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นั่งดูหนัง John Wick ร่วมกัน ก่อน Keanu จะพาเขาไปลองคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเอง ทำเอา Nathaniel…
-
“ปล่อยเถอะ เธอน่าจะตายแล้ว” เพราะคำพูดนี้ ‘หญิงสาวออทิสติก’ รอดการรุมทำร้าย มาเล่าให้เราฟัง!?
หญิงสาวคนหนึ่งได้เหล่าถึงเหตุการณ์ปางตาย ที่สุดท้ายเธอก็รอดมาได้เพราะมีคนตรงนั้นบังเอิญตะโกนขึ้นมาว่า “หยุดได้แล้ว เธอตายแล้ว!!!” เหตการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Emily O’Reilly วัยรุ่นสาวชาวอังกฤษซึ่งเป็นเด็กที่มีอาการของออทิสติกอยู่ เธอถูกทำร้ายขณะที่กำลังเดินทางไปที่บ้านเพื่อน เธอถูกดึงผมและผลักลงกับพื้นและโดนทำร้ายสารพัด ทั้งต่อยทั้งเตะจนมีสภาพที่ยับเยิน นอกจากนี้เธอยังถูกขโมยโทรศัพมือถือและกำไลไปอีกด้วย เธอเล่าว่า “ฉันหันไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จัก เธอเข้ามาข่มขู่และบอกว่าต้องการโทรศัพของฉัน ซึ่งเมื่อฉันปฏิเสธเธอก็่ต่อยเข้าที่หน้าของฉันทันที พร้อมกับล้วงเข้าไปในกางเกงฉันเพื่อที่จะเอาโทรศัพของฉันไป แต่แค่นั้นยังไม่พอเธอยังถอดกำไลของฉันออกไปด้วย ฉันจำอะไรไม่ค่อยได้เลยฉันรู้แค่ว่าถูกเตะและต่อยนับครั้งไม่ถ้วนเลย” หลังจากเหตุการณ์นั้นเธอก็ได้พยายามที่จะไปขอความช่วยเหลือจากผับใกล้ๆ แต่เธอก็ยังเจอผู้หญิงคนเดิมทว่าคราวนี้เธอมาพร้อมกับเพื่อนของเธอหลายคนเลยทีเดียว ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะทำร้ายเธออีกครั้งเพียงแต่ว่าในกลุ่มเพื่อนของผู้หญิงคนนั้นได้บอกว่า “เธอตายแล้ว” จึงทำให้ผู้หญิงคนนั้นหันหลังกลับไป ทิ้งไว้แต่ความกลัวในใจของ Emily จนทำให้เธอไม่กล้าที่จะออกไปไหนอีกแล้ว “ฉันพยายามวิ่งไปที่ผับเพื่อขอความช่วยเหลือ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังเจอเธอพร้อมกับคนจำนวนมาก เพื่อตามหาตัวฉัน” “ถึงแม้เพื่อนของเธอจะบอกว่าฉันตายไปแล้ว เธอก็ยังคงกลับมาเพื่อเช็คฉันให้แน่นอนจริงๆ เหตุการณ์นี้ได้ทิ้งความกลัวไว้ให้ฉัน ฉันเจ็บปวดมากๆ มันทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะออกไปข้างนอกอีกต่อไป” จากผลกระทบในครั้งนี้ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถเปิดตาข้างขวาได้เลย ซึ่งแม่ของเธอบอกว่า “ตอนแรกที่ฉันไปที่โรงพยาบาลฉันจำหน้าของเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มันย่ำแย่มากๆ เธอได้แต่ร้องไห้ไม่หยุด แถมเธอยังลืมตาข้างขวาไม่ได้อีกตะหาก” นอกจากนี้แม่ของเธอยังบอกอีกว่าลูกของเธอเป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม จึงทำให้การตอบโต้ของเธอช้ากว่าปกติและไม่สามารถสู้กลับสาวคนนั้นได้ และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กกลุ่มดังกล่าวไม่ค่อยชอบเธอด้วยก็ได้ สุดท้ายแล้วเธอก็อยากแค่ให้ลูกสาวของเธอใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป แต่ว่าจากเหตุการณ์นี้มันคงจะเป็นไปได้ยากอีกต่อไป ตราบที่เหตุการณ์ร้ายแรงยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ …
-
งี้ก็ได้เหรอ? ศิลปินหนุ่มวาดรูปยูนิคอร์นบนคอมฯ ละมันดันเล่นกลายเป็นเพลงได้ด้วยนะ
กระบวนการในการทำเพลงนั้นเป็นเรื่องที่คนทั่วไปเข้าใจได้ยาก แม้แต่ #เหมียวฟิ้นเองก็เข้าใจแค่เรื่องพื้นๆ อย่างการอัดเสียงตอนที่เล่นเครื่องดนตรีหรือร้องเพลง แล้วนำมาจัดเรียงตัดต่อให้กลายเป็นเพลงที่ไพเราะ แต่สิ่งที่เราจะพาคุณไปดูในวันนี้มันเป็นอะไรที่อเมซิ่งมาก เพราะมีศิลปินหนุ่มรายหนึ่งได้วาดภาพ “ยูนิคอร์น” ลงบนคอมพิวเตอร์ ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นเพลงเจ๋งๆ ออกมาให้เราฟัง!! คลิปดังกล่าวเป็นของยูทูปเบอร์ชื่อดังคนหนึ่งชื่อว่า Andrew Huang เขาได้ศึกษาการทำเพลงโดยการใช้ภาพวาดมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงทดลองวาดภาพม้ายูนิคอร์นสิ่งมีชีวิตในตำนานขึ้นมา จากนั้นเขาก็นำภาพดังกล่าว ไปวาดบนโปรแกรมเสียงมาตรฐาน MIDI พร้อมกับเซตค่าต่างๆ ภายในโปรแกรมให้เหมือนกับภาพม้ายูนิคอร์น สุดท้ายเข้าก็ได้คำสั่งเสียงออกมาหน้าตาแบบนี้ ลองไปชมคลิปกันดู มันออกมาเป็นเพลงจริงๆ นะ โอ้โห ทำแบบนี้ก็ได้เหรอเนี่ย ใครสนใจอยากลองนำภาพต่างๆ มาทำเป็นเพลง ก็ลองศึกษากันดูได้นะฮะ บางทีเราอาจได้เพลงเจ๋งๆ ก็เป็นได้ ที่มา creators.vice
-
ไปกันไหม? ญี่ปุ่นเตรียมเปิดรับเด็กจบสาขาเกษตรไปทำงานที่นู่น พักยาวๆ 3-5ปี
ถ้าการได้ไปใช่ชีวิตอยู่ในฟาร์มสักแห่ง ได้ปลูกพืชปลูกผักแบบที่ตัวเองชอบ อยู่กับธรรมชาติเขียวๆ เป็นความฝันของคุณล่ะก็ โอกาสของคุณมาถึงแล้ว เพราะตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติอย่างเราๆ เข้าไปทำการเกษตรที่โน่นกันแบบยาวๆ เลย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Nikkei ของญี่ปุ่นได้รายงานว่าทางรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมที่จะออกนโยบายเพื่อมองหาบุคลากรที่มีความสนใจหรือมีความเชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมจากต่างประเทศ เข้ามาทำงานอยู่ภายในประเทศญี่ปุ่น โดยจัดแบ่งเป็นโซนพิเศษให้โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการเปิดกว้างสำหรับด้านต่างๆ มาแล้วเช่นล่าม พ่อครัว เพื่อช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ให้สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้านนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ได้เสนอการทำฟาร์มรูปแบบผสมในโซนพิเศษ สำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาทำงานทางด้านเกษตรกรรม พร้อมกับอนุญาตให้พำนักอยู่ภายในประเทศได้นานตั้งแต่ 3 ถึง 5 ปี ภายใต้ร่างนโยบายดังกล่าวจะมีการอนุมัติคุณสมบัติและข้อกำหนดเกี่ยวกับการเข้าไปทำงานที่ญี่ปุ่น จะต้องมีประวัติการทำงาน มีรับรองคุณวุฒิการศึกษา ซึ่งหากเป็นสายงานอื่นๆ ก็สามารถยืดหยุ่นได้เพื่อรองรับกับสายงานที่กำหนด สามารถทำงานตามที่กำหนดได้ และผู้สมัครจะต้องผ่านการทดสอบด้วย ซึ่งถ้าหากผู้สมัครผ่านการสอบรับรองมาก่อนทั้งภายในญี่ปุ่นและต่างประเทศหรือมีผลงานชนะเลิศการประกวดทางด้านการเกษตรมาก่อนก็จะผ่านรอบคัดเลือกทันที สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะสามารถพำนักอยู่ที่นั่นได้ราวๆ 3-5 ปี เพื่อทำการเกษตร และการว่าจ้างงานชาวต่างชาติของธุรกิจเกษตรกรรมของญี่ปุ่นจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่างเช่น จะต้องทำการว่าจ้างบุคลากรมาก่อนแล้วอย่างน้อย 10 คน (ชาวญี่ปุ่น) ถึงจะสามารถว่าจ้างชาวต่างชาติได้โดยตรง (เพิ่มเติม) …
-
หมดกัน… ฟาร์มเสือจีนปล่อย “โดรน” บินว่อนพาเสือออกกำลังกาย แต่ก็โดนตะปบจนพัง!?
ในช่วงต้นปีแบบนี้ยังคงเป็นช่วงฤดูหนาวของประเทศจีน ทำให้มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีหิมะตกในหลายๆ แห่ง นอกจากมนุษย์อย่างเราๆ ที่ใช้ชีวิตลำบากแล้ว พวกสัตว์เองก็เช่นกันนะ อย่างข่าวที่#เหมียวฟิ้นหยิบมารายงานในวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฟาร์มเสือไซบีเรีย China’s Harbin Siberian Tiger Park ที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่นั่นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว เสือแต่ละตัวก็จะมีร่างกายที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ป้องกันอากาศหนาว เนื่องจากอากาศหนาวมากจนพวกมันไม่อยากออกไปไหน ทางฟาร์มเสือจึงออกไอเดียนำเอาโดรนมาบินล่อให้พวกมันวิ่งตาม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้พวกมันได้ออกกำลังกายบ้าง แต่ด้วยสัญชาตญาณของเสือ เมื่อพวกมันเห็นอะไรที่บินได้มันก็จะคิดว่าว่าเป็นนก พวกมันจึงวิ่งไล่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโดรนลำที่ว่านี้บินต่ำลงมาถึงระดับที่พวกเสือจะกระโดดได้พอดี มันจึงเอื้อมไปตะปบจนโดรนหล่นลงมากับพื้นและพังในที่สุด เมื่อพวกเสือเดินเข้าไปดูกับเหยื่อของตัวเองก็พบว่านั่นไม่ใช่นกแต่เป็นสิ่งของหน้าตาประหลาดที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่น่าจะกินได้ด้วย… ชมการไล่ล่าโดรนได้ที่นี่เลย ด้าน Ben Pearson เจ้าหน้าที่จากสมาคมพิทักษ์สัตว์โลกได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคลิปวิดีโอดังกล่าวว่าแม้มันจะดูเป็นเรื่องตลกๆ แต่นี่เป็นชะตากรรมของเหล่าเสือในประเทศจีนเพราะพวกมันถูกเลี้ยงไว้เพื่อสร้างความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น และโดยธรรมชาติแล้วเสือเองเป็นสัตว์ที่รักความสันโดด การที่ได้เห็นพวกมันมาอยู่รวมกลุ่มกันแบบนี้จึงไม่ใช่ธรรมชาติของพวกมันเลย และเมื่อพวกมันตายไปบางส่วนของร่างกายพวกมันก็ยังถูกนำเอาไปเป็นเครื่องประดับหรือทำยาสมุนไพรด้วย เห็นฮาๆ แบบนี้มีเบื้องหลังให้ดราม่าด้วยนะ ที่มา Shanghaiist , abc
-
บทเรียนเตือนใจสังคม… จากเงินแค่ 15 บาท ลงเอยที่ลูกค้าฆ่าเจ้าของร้านบะหมี่!?
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ชายแซ่หูอายุ 22 ปี หลังจากที่เขากินก๋วยเตี๋ยวจนเสร็จพร้อมกับจ่ายเงิน แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าของร้านได้โกงเงินเขาไปชามละ 1 หยวน ซึ่งเขากินไปทั้งหมด 3 ถ้วยด้วยกัน จึงรวมกันเป็นทั้งหมด 3 หยวน ซึ่งเจ้าของร้านได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นจนทั้งคู่เกิดเหตุทะเลาะกันยกใหญ่ ซึ่งสุดท้ายแล้วนายหูก็ได้หยิบมีดมาตัดคอเจ้าของร้านวัย 42 ปี แล้วนำไปทิ้งไว้ในถังขยะใกล้ๆ กับร้าน สุดท้ายแล้วตำรวจก็ได้เข้าจับกุมตัวนายหู โดยตำรวจได้ตรวจค้นประวัติของเขาคนนี้ก็พบว่าเขาเป็นคนจากมณฆลเสฉวน แถมยังเคยมีประวัติการเข้ารับการรักษาทางจิตและยังมีประวัติการใช้ความรุนแรงมาก่อนในช่วงหนึ่งปีที่แล้ว ญาติของเขาได้ให้ปากคำกับตำรวจว่า นายหูมีปัญหาทางจิตและชอบใช้ความรุนแรงมานานแล้ว เขาชอบที่จะทำร้ายร่างกายคนในครอบครัวของเขาบ่อยๆ รวมถึงพ่อและแม่ของเขาด้วย แม่ของนายหูกล่าวกับผู้สื่อข่าว “ต้องขอโทษจริงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันสอนเขามาไม่ดีเอง” ท้ายที่สุดแล้วจากรายงานของเพื่อนบ้านแถวนั้นได้บอกว่า เจ้าของร้านคนนี้อาศัยอยู่กับลูกชายวัน 13 ปีเพียงสองคนหลังจากเขาแยกทางกับภรรยาของเขาเมื่อ 5 ปีก่อน แถมชาวบ้านแถวนั้นยังบอกอีกว่าเจ้าของร้านเป็นที่ซื่อสัจสุจริตมากๆ เขาไม่เคยโกงลูกค้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายแล้วเจ้าของร้านโกงจริงหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ หรือจริงๆ แล้วนายหูอาจจะหลอนแล้วคิดไปเองอย่างงั้นเหรอ? เรื่องนี้ก็คงต้องรอให้ทางตำรวจพิสูจน์กันต่อไป… ที่มา shanghaiist
-
ศิลปินอังกฤษออกแบบเหล่าโปเกมอน ให้ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตจริงๆ น่ารักพอไหมล่ะ?
อย่างที่แฟนๆ รู้กันว่าตัวละครจากโปเกมอนนั้นเป็นเพียงตัวละครสมมติที่ถูกออกแบบให้แฟนตาซี (แต่บางตัวก็มีจริงนะ อย่างในบทความที่เราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้) แต่คำถามก็คือ หากพวกมันกลายเป็นสัตว์จริงๆ และมีชีวิตอยู่บนโลกจริงๆ พวกมันจะมีลักษณะเป็นอย่างไร? เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอกับผลงานของนักออกแบบภาพวาดคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Joshua Dunlop เขาอาศัยอยู่ในคิงส์ตัน ประเทศอังกฤษ นาย Joshua มักจะออกแบบภาพวิว เหตุการณ์ อุปกรณ์ต่างๆ ตามจินตนาการ ซึ่งล่าสุดเขาได้หยิบเอาไอเดียตัวการ์ตูนจากโปเกมอนมาทำให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น เช่น ฟุชิงิดาเนะ อีวุย หรือปิกาจู บางตัวน่ากลัวขึ้น บางตัวก็น่ารักจนอยากกระโจนเข้าใส่ ไม่เชื่อลองไปชมกันเลย ฟุชิงิดาเนะ ดิ๊กด้า อีวุย ปิกาจู ฮิโตะคาเงะ เซนิกาเมะ คาเตอปี นาโซโนะคุสะ เนียวโรโม หน้าตาแต่ละตัวน่ารักน่าชังทั้งนั้น เห็นแล้วก็อยากออกไปล่าโปเกมอนอีกรอบเลย ที่มา unilad
-
ชายผู้เสียใบหน้า เพราะเคยยิงฆ่าตัวตาย เข้ารับการผ่าตัดใบหน้าจนดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ…
เรื่องที่#เหมียวฟิ้นได้หยิบมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องราวสุดอเมซิ่งของนาย Andy Sandness ชายหนุ่มผู้เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายมาก่อน แต่โชคชะตาก็พลิกผันและทำให้เขารอดตายมาได้และมีใบหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เท้าความกลับไปในปี 2007 ช่วงที่นาย Andy คิดจะฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเขาอายุ 21 ปี ประสบกับภาวะซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตาย เขาเลยตัดสินใจจบชีวิตด้วยการยิงปืนเข้าที่ใบหน้าของตัวเอง แต่หลังจากที่เขาลั่นไกออกไป เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดอย่างรุนแรง จึงขอร้องทุกๆ คนรีบพาเขาไปยังโรงพยาบาลและขอร้องให้แพทย์ช่วยชีวิตเขาให้รอดตายด้วย จากการพยายามฆ่าตัวตายทำให้เขาสูญเสียจมูก แก้ม ปาก ริมฝีปาก ขากรรไกร และฟันของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง และยากต่อการจะทำให้หน้าของเขากลับมาเหมือนเดิม และเนื่องจากหน้าตาของเขา ทำให้นาย Andy แทบจะไม่ได้เข้าสังคมกับใครเลย เป็นเวลาหลายปี วันหนึ่งในปี 2012 เขาได้รับโทรศัทพ์จากคลีนิค Mayo Clinic ในรัฐไวโอมิ่ง ที่โทรมาแจ้งข่าวดีกับเขาว่าตอนนี้พวกเขามีแผนที่จะเปิดโปรแกรมศัลยกรรมปลูกถ่ายใบหน้าและอยากให้เขามาเป็นคนไข้รายแรก แต่ก่อนที่จะผ่าตัดได้ทางทีมแพทย์จะต้องมีการประเมินผลทางจิตเวชอย่างเข้มงวด เพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาพร้อมสำหรับการผ่าตัดใหญ่ครั้งนี้หรือไม่? ทีมศัลยแพทย์มีการคาดการณ์ว่าเขาอาจจะต้องรอนานถึง 5 ปี เพื่อรอชิ้นเนื้อที่มีความเข้ากันกับใบหน้าของเขา แต่เขาก็ได้รับการติดต่อหลังจากนั้นภายใน 5 เดือนเท่านั้น ตามรายงานทางการแพทย์บอกว่าชิ้นเนื้อที่จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนให้กับเขา มาจากนาย Calen…
-
จงชาบูข้าซะเจ้าพวกมนุษย์ ยอดแมวฮีโร่ ช่วยเพื่อนบ้านจากการเกือบเสียแขน
เจ้าเหมียวจากรัฐออนแทรีโอ ในประเทศแคนาดา ได้กลายมาเป็นฮีโร่ในโลกออนไลน์ จากการช่วยเพื่อนบ้านผู้ซึ่งติดเหงกอยู่ตรงประตูโรงรถของเขา โดยที่บังเอิญเจ้าเหมียวอยู่ข้างในบ้านของเขาในช่วงที่เกิดเหตุการณ์พอดี เรื่องมันมีอยู่ว่า Ivy ลูกแมวที่อายุเพียงแค่ 2 ปี ที่อาศัยอยู่กับคุณยายอายุ 72 ปีผู้เป็นเจ้าของ แมรี่ จอหน์สัน ในเมืองเมื่องเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Tehkummah เจ้าแมวตัวนี้เป็นแมวที่เชื่องและสงบมาก แต่ทว่าวันหนึ่งมันมีพฤติกรรมที่แปลกไปจากเดิมคือ มันเดินไปมาระหว่างหน้าต่างกับที่นอน ราวกับว่ามันกำลังวิตกกังวลกับบางสิ่ง ซึ่งแมรี่ได้บอกว่า “ไอวี่ปกติแล้วมันจะนอนอยู่เก้าอี้นอนถัดจากโซฟาของฉันเวลาที่ฉันกำลังอ่านหนังสือ ” แต่ว่าในวันนั้นเจ้าแมวมีพฤติกรรมที่ผิดปกติมันมีพฤติกรรมที่พยายามให้แมรี่สนใจ แต่ก็ดูจะไม่สำเร็จนัก ทำให้มันกระโดดมาที่ตักของแมรี่และพยายามเรียกร้องความสนใจอย่างมาก นั้นคือสิ่งที่เจ้าเหมียวไม่เคยแสดงออกมาก่อน “ฉันได้ยินเสียงบางอย่าง อะไรที่ฉันคิดนั้นเป็นเสียงของแมวที่กำลังตกอยู่ในอันตราย และมันจะทำเสียงคำราม” เธอจึงออกไปข้างนอกและตามเจ้าเหมียวไอวี่ พร้อมกับเสียงนั้นไปที่ทางฟาร์มของเพื่อนบ้าน ไม่นานเธอก็พบว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากแมว แต่เป็นเพื่อนบ้านของเธอ Eric Russell แขนของอีริคติดแหงกอยู่กับประตูโรงรถและไม่สามารถออกมาได้ “เขากำลังซ่อมประตูโรงรถของเขาแต่ว่าอยู่ดีๆ สปริงประตูก็หลุดออกและแขนของเขาก็ติดอยู่ตรงนั้นไม่สามารถจะเอาแขนออกมาได้ “ ทันทีทันใดนั้นเธอจึงรีบขอความช่วยเหลือ และพวกเขาก็พาอีริคไปรักษาแขนที่โรงพยาบาล แขนของเขาได้รับความเจ็บปวดไม่น้อยรวมถึงเส้นประสาทด้วย หมอบอกว่าถ้าแขนของเขาเอาออกมาช้ากว่านี้ เขาอาจจะสูญเสียแขนของเขาไปเนื่องจากมันถูกประตูหนีบจนขาดเลือดไปล่อเลี้ยง ดังนั้นเท่ากับว่าเจ้าแมวน้อยไอวี่จึงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ในวันนี้ “ฉันคิดว่าเจ้าแมวคงได้ยินเสียงของความทุกข์และนั้นเป็นสิ่งกวนใจมัน มันจึงคิดว่ามันควรจะจัดการกับต้นตอของเสียงที่มากวนใจมัน” อีริครู้สึกขอบคุณที่ไอวี่ได้ยินเขาและได้ให้ความสนใจกับเขาในวันนั้นทำให้เขาไม่ต้องเสียแขนไป…
-
พ่อเด็กฟิลิปปินส์ เห็นลูกแอบจิ๊กอาหารออกจากบ้าน ตามไปพบกับภาพแบบที่เห็นนี่ล่ะ…
ปกติแล้วถ้าเกิดมีการขโมยเกิดขึ้น โดยทั่วไปเราก็จะไม่ให้อภัยหัวขโมยคนนั้นอย่างแน่นอน แต่ว่าสำหรับเรื่องนี้พอรู้ความจริงของสาเหตุการขโมยแล้วเรากลับจะต้องให้อภัยเขาอย่างแน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กชายวัย 9 ขวบชาวฟิลิปปินส์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ken Amante เขาชอบที่จะเดินทางออกจากบ้านทุกวันพร้อมกับอาหารมากเป็นพิเศษ และด้วยการที่เขาเป็นคนเงียบๆ เขาจึงไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางที่เขาไปในทุกวัน พ่อแม่ก็เลยนึกว่าไปเล่นกับเพื่อนตามประสาเด็ก นั่นจึงทำให้พ่อของ Ken รู้สึกสงสัยในจุดหมายปลายทางที่ลูกของเขาไป ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าลูกของเขาเป็นเด็กดีแต่เขาก็อยากจะมั่นใจว่าลูกของเขาไม่ได้ไปในสถานที่ไม่ดี เขาจึงเลือกที่จะตามเด็กชายที่แอบหอบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยอาหารตามไป ภาพที่เขาเห็นเป็นภาพของเด็กชายที่กำลังให้อาหารสุนัขจรจัดข้างทาง ซึ่งสุนัขบางตัวมีสภาพที่ดูไม่ได้เลยทีเดียว บางตัวซูบผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ดูจะเป็นโรคเรื้อน แต่เด็กชายก็ไม่มีท่าทีจะกลัวหรือรังเกียจเลยแถมยังป้อนอาหารพวกมันอย่างตั้งใจ โดยปกติแล้วสุนัขจรจัดจะต้องกลัวการเข้าใกล้มนุษย์และอยู่ให้ห่างมากที่สุด แต่เจ้าหมาพวกนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น พวกมันยอมที่จะเข้าใกล้ Ken และเล่นกับเขา หลังจากเรื่องราวนี้กระจายออกไปผู้คนมากมายก็อยากที่จะช่วยเจ้าหมาพวกนี้ เงินบริจาคจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้ามา ถึงแม้ว่า Ken จะเป็นเพียงเด็กชายวัย 9 ขวบ แต่เขามีความฝันที่จะเปิดที่พักพิงให้สำหรับสัตว์ ด้วยเงินก้อนนี้จึงทำให้เขาทำความฝันเป็นจริง เขาตั้งชื่อมันว่า The Happy Animals Club แน่นอนว่าสัตว์กลุ่มแรกที่เขาดูแลก็คือเจ้าสุนัขจรจัดทั้งสามตัวนั้นเอง เขาตั้งชื่อให้พวกมันว่า Whitey, Brownie และ Blackie ซึ่งหลังจากนี้เขาก็จะยังคงทำตามความฝันที่จะช่วยพวกสัตว์จรจัดต่อไปแน่นอนว่าที่บ้านของเขาก็สนับสนุนเช่นกัน ก็หวังในอนาคตเมื่อ Ken…
-
อดีตนักรบ ISIS เผยเหตุตัดสินใจออกจากกลุ่ม หลังเห็นความโหดร้ายต่อเชลยทาสเซ็กส์…
จิตใจของมนุษย์ต่อให้ทำเรื่องโหดร้ายแค่ไหน แต่ว่าลึกลงไปแล้วความเป็นมนุษย์ก็จะย้ำเตือนเราเสมอว่า สิ่งที่ทำนั้นถูกหรือผิด ซึ่งเรื่องที่เกิดกับกับชายคนนี้ก็เช่นกัน ชายคนนี้รู้จักกันในชื่อว่า Nizar เขาเคยเป็นคนของกลุ่มก่อการร้าย ISIS และครั้งหนึ่งอุทิศชีวิตให้กับองกรณ์นี้ ซึ่งเขาได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนความคิดของเขาให้ลาออกจากกลุ่มนี้ ว่าอะไรเปลี่ยนความคิดของเขากันแน่!? เขาเล่าถึงเด็กหญิงคนหนึ่งที่ต้องตายอย่างทรมาน จากการที่พวกเขาปล่อยให้เธอเลือดไหลจนหมดตัวตาย หลังจากที่เธอถูกข่มขืนในกรงขังของเธอ เขาไม่ได้พูดว่าการกระทำพวกนี้มันเป็นอุบัติเหตุ แต่เขาบอกสาเหตุที่พวกเขาทำแบบนั้นก็เพราะว่าคนอื่นบอกว่า “นักโทษก็คือนักโทษ จะทำอะไรกับพวกเขาก็แล้วแต่เลย” ย้อนกลับไปหลังจากที่ ISIS เข้าบุกยึดเมืองของเขาในซีเรีย เขาก็คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดี ถ้าเขาเข้าร่วมกับกลุ่ม ISIS และเข้าเป็นหน่วยรบของกลุ่ม “มันทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นอิสลามในตัวของผม พวกเราเริ่มที่จะหันไปเข้ามัสยิดและรับฟังคำสอนต่างๆ” กลุ่มคนอิสลามจากหลากหลายเชื้อชาติเริ่มที่จะรวมตัวกันจนกลายเป็นกลุ่มที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พวกเขาเข้าจับกุมตัวผู้ชายมากกว่า 100 คนทุกวัน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต้องเผชิญกับข้อหาตั้งแต่สูบบุหรี่ไปจนถึงการมีภรรยา “พวกเขาจะถูกกักขังและเขี่ยนตี หลังจากนั้น 2-3วันพวกเขาก็จะถูกปล่อยตัวออกมา” หลายอย่างยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาว 475 คน ซึ่งรวมถึงหญิงสาวชาวอีรัคและยาซิดี้ พวกเธอถูกจับมาเพียงเพราะพวกเขาต้องการให้พวกเธอกลายเป็นภรรยาของเหล่านักรบและทหารฝ่ายค้าน “ในตอนที่ผมเดินลงบันไดมาเจอพวกเธอ ผมถึงกับช็อคมากๆ” เขายังบอกอีกว่าพวกนักโทษผู้หญิงได้แต่ร้องไห้เพราะพวกเธอถูกพรากจากลูกๆ ของเธอ และทุกๆ ครั้งที่มีคนใหม่เข้ามาพวกเธอก็จะได้รับเสียงเชียร์จากเหล่านักรบ ISIS ซึ่งหลังจากนั้นเหล่าผู้ก่อการร้ายนับสิบคนก็จะเข้ามาเพื่อเลือกหญิงสาวเหล่านี้ไปเป็นทาสทางเพศให้กับพวกเขาเป็นเวลา 3 วัน พวกเธอจะถูกทารุณกรรมหรือถูกจับไปแต่งงานกับคนแปลกหน้า…
-
ประเทศจีน เปิดใช้งาน “ทางจักรยานลอยฟ้า” ยาวที่สุดในโลก ระยะทาง 7.6 กิโลเมตร
เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกและมีประชากรเยอะที่สุดในโลก ทำให้ประเทศนี้เวลาจะทำอะไรทีต้องยิ่งใหญ่อลังการพอสมควรเลยทีเดียว!! ซึ่งล่าสุดเมืองเซี่ยเหมิน ในประเทศจีนนี่แหละ ก็ได้สร้างสิ่งที่สุดยอดจนติดอันดับโลกขึ้นมา ซึ่งนั้นก็คือ ทางจักรยานที่ยาวที่สุดในโลกนั่นเอง Skyway เส้นทางจักรยานลอยฟ้าแห่งนี้มีความยาวถึง 7.6 กิโลเมตรสูง 5 เมตรเหนือพื้นถนน ซึ่งเดือนนี้กำลังจะเปิดทดลองทำการให้ทุกคนสามารถเข้ามาปั่นได้ Skyway จะเปิดทำการทุกวัน อนุญาตให้ปั่นได้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปจนถึง 4 ทุ่มครึ่งโดยเป้าหมายของเจ้าทางจักรยานแห่งนี้ก็คือ เพื่อลดปัญหาการจราจรในตัวเมืองและรณรงค์ให้คนหันมาใช้พลังงานสีเขียวแทน โดยการยกทางพิเศษเพื่อจักรยานโดยเฉพาะ แน่นอนว่า Skyway น่าจะทำให้จักรยานกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในจีน ซึ่งการกลับมาใช้จักรยานจะช่วยปัญหาการจราจรได้มากเลยทีเดียวล่ะ แถมยังเป็นการลดมลพิษ ส่งเสริมคนให้หันมารักษ์สุขภาพด้วยการออกกำลังกายมากขึ้นอีกด้วย จากมุมนี้เห็นได้ชัดเลยว่ายาวจริงๆ แถมผู้คนก็ดูจะให้ความสนใจมากๆ ถือเป็นการแสดงความใส่ใจต่อประชาชน และสร้างจุดเด่นให้กับเมืองได้อย่างมากอีกด้วยเนอะ ที่มา shanghaiist
-
สนไหม!? KFC ออกไอเดีย “ช่อดอกไม้ไก่ทอด” ให้มอบกับคนรัก เนื่องในวันวาเลนไทน์
เมื่อถึงเทศกาลวาเลนไทน์ เหล่าหนุ่มสาวก็จะหาช่อดอกไม้สวยๆ เอาไปเซอร์ไพรส์คู่รักของพวกเขา แต่แน่นอนว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปๆ การมอบช่อดอกไม้ก็ไม่ใช่อะไรที่สร้างความประทับใจได้อีกต่อไป จนถึงขนาดที่ว่ามีการทำภาพแซวกันว่าควรจะทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อย่างการทำช่อดอกไม้เป็นไก่ทอดด้วย แต่แล้ววันนี้มันก็ไม่ได้เป็นเพียงมุกตลกอีกต่อไป… ข่าวนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ โดยบอกว่า KFC แฟรนไชส์ผู้ผลิตไก่ทอดชื่อดังกำลังเตรียมที่จะทำช่อดอกไม้ไก่ทอดออกมาให้หนุ่มสาวได้ซื้อไปมอบให้คนรักเนื่องในวันแห่งความรักแบบไม่ซ้ำใครด้วย ตามที่ KFC ได้ให้รายละเอียด ในช่อดอกไม้ (หรือช่อไก่ทอด) จะประกอบไปด้วย ไก่ป็อป ไก่ไม่มีกระดูก และน่องไก่ทอด แต่น่าเสียดายที่ช่อดอกไม้แบบนี้จะวางขายแค่ภายในเมืองอ็อกแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น และจะขายให้กับผู้โชคดีเพียง 20 คนเท่านั้น KFC โพสต์เรื่องเกมการแข่งขันลงบนหน้าเพจของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันนี้ก็จะเปิดให้คนในคนที่ไปยังสาขา Quay St. ในเมืองอ็อกแลนด์ได้เล่นในวันวาเลนไทน์ การแข่งขันที่ว่านี้สร้างความสนใจให้กับผู้คนได้มากถึง 2,000 คน และจะมีผู้ชนะเพียงแค่ 20 คนเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์คว้าช่อไก่ทอดนี้ไปมอบให้คนรัก น่าเสียดายที่มีแคมเปญนี้เฉพาะในนิวซีแลนด์ เพราะคิดว่าคู่รักไทยหลายๆ คนคงจะอยากได้บ้าง… สงสัยคงต้องซื้อไก่มาทำเป็นช่อเองแล้ว!!! ที่มา dailymail
-
ซาบซึ้งใจ… ลูกบันทึกภาพความรัก พ่อแม่นอนป่วยกุมมือกัน ในช่วงสุดท้ายของชีวิต
เมื่อเราลองจินตนาการถึงการที่ต้องเห็นคนรักเจ็บไข้ได้ป่วย มันดูจะเป็นสิ่งทรมาณจิตใจของเราไม่น้อย แต่มันจะยิ่งน่าเศร้าเข้าไปอีกเมื่อคุณเองก็กำลังป่วยและใกล้จะตายไปพร้อมๆ กับคนที่คุณรักเช่นกัน เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของคุณแแม่ลูกสามที่ชื่อ Julie Bennet จาประเทศอังกฤษ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อราวๆ เดือนพฤษภาคม 2016 ในขณะที่สามีของเธอ Mike Bennet ป่วยเป็นโรคมะเร็งในสมองมาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว จนมาถึงปี 2016 อาการของพวกเขาก็แย่ลงจนยากต่อการรักษา Julie สั่งให้ลูกๆ ของเธอพยายามทำกิจวัตรประจำวันให้เหมือนเดิมทุกอย่างในช่วงที่สามีของเธอป่วย แต่พอเธอเริ่มป่วยบ้างเธอก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองมีเวลาอีกไม่นาน เธอเลยพยายามสร้างความทรงจำกับครอบครัวของเธอให้มากที่สุด ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่ป่วยหนักและพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เหล่าลูกๆ ได้แก่ Oliver 13 ปี Hannah 18 ปี และ Luke 21 ปี ก็อดรู้สึกหดหู่กับภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้ พวกเขาจึงถ่ายภาพในระหว่างที่พ่อกับแม่นอนกุมมือกันแล้วนำมาบอกเล่าให้โลกออนไลน์ได้รับรู้ เพื่อบันทึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนสองคนรักกันมากแค่ไหนและจากโลกนี้ไปยังไง ทั้ง Julie และ Mike มีเพื่อนที่สนิทต่อกันอยู่หลายคน และเพื่อนของพวกเขาให้คำมั่นว่าจะดูแลลูกๆ แทนหากพวกเขาจากโลกนี้ไปแล้ว Sue Wright คือหนึ่งในเพื่อนของทั้งคู่กล่าวว่า “เราบอกกับ Julie ว่าคนในชุมชนของเราจะช่วยกันดูแลลูกๆ ของเธอเอง และจากนั้นเธอก็ลืมตาและยิ้มให้ฉัน”…
-
หนุ่มไร้บ้านโวยถูกเจ้าหน้าที่รัฐยึด “เจ้าเป็ด” หลังชาวบ้านแจ้งเรื่องกลิ่น และเสียงก๊าบก๊าบ!!
แม้ว่ากลุ่มคนไร้บ้านจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย อาจจะด้วยสาเหตุของปัญหาชีวิต เงินทอง หรือบางคนเลือกที่จะไม่ทำงานทำการและปล่อยให้ชีวิตมันเป็นไปแบบนั้นเอง แต่พวกเขาก็พอจะมีความสุขได้บ้างจากสัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับนาย Russ O’Conner เขาคือหนึ่งในคนไร้บ้านที่ต้องการเพื่อนเป็นสัตว์เลี้ยงสักตัวเหมือนกัน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้นำเสนอเรื่องราวของนาย Russ O’Conner ชายไร้บ้านในเมือง Newton Abbot มณฑล Devon ประเทศอังกฤษ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ช่วยชีวิตเป็ด 2 ตัวมาจากข้างถนน จากนั้นเขาก็หากล่องกระดาษเอามาทำเป็นบ้านให้กับเจ้าเป็ดพวกนั้นและพามันไปด้วยทุกที่ที่เขาไป แต่เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงเป็ดหรือการทำความสะอาดที่ถูกต้อง ทำให้กลิ่นอาหาร กลิ่นฉี่และกลิ่นอึของพวกมันไปรบกวนชาวบ้านคนอื่นๆ เข้า วันหนึ่งชาวบ้านแถวๆ นั้นจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาจัดการเอาเป็ดนี่ออกไปจากถนน ตามรายงานบอกว่าเจ้าหน้าที่ได้ขับรถตู้สำหรับปราบจลาจลมายังถนนที่นาย O’Conner นอนอยู่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีก 9 คน กลุ่มพิทักษ์สัตว์ RSPCA ได้ออกมากล่าวว่ามีชาวบ้านโทรเข้าไปร้องเรียนกับพวกเขาเยอะมาก และยังแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์ด้วย จึงต้องเข้ามารับตัวเป็ดดังกล่าวไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้ามาเอาเป็ดทั้ง 2 ตัวไป นาย O’Conner ก็แสดงอาการว้าวุ่นใจที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงของเขาและบอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามบังคับใช้กฎหมายทุกๆ ข้อเพื่อยึดเอาเป็ดของเขาไป “ผมเลิกสูบกัญชาเพื่อที่จะได้ดูแลเป็ดของผม พวกมันไม่ได้ชอบเล่นกับคนมากนัก” ชายไร้บ้านกล่าว นาง…
-
รวยไปก็ไม่ดี!? สาวถูกล็อตเตอรี่ 43 ล้านบาท จ่อฟ้ององค์กรสลาก อ้างว่าทำลายชีวิตเธอ!?
นี่เป็นเรื่องราวชวนงงของสาวอังกฤษรายหนึ่งที่มีชื่อว่า Jane Parks วัย 17 ปี เธอถูกล็อตเตอรี่เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 43 ล้านบาทเมื่อปี 2013 แต่แทนที่ชีวิตของเธอจะแฮปปี้กลับมีแต่เรื่องชวนเครียดซะงั้น เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Metro เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยบอกว่า Jane Parks รู้สึกว่าชีวิตของเธอพังทลายมากตั้งแต่ถูกลอตเตอรี่ เพราะเธอต้องแบกรับความเครียดหลังกลายเป็นเศรษฐี และหากย้อนกลับไปได้เธออาจจะไม่ซื้อมันมาด้วยซ้ำ ปัจจุบัน Jane อายุ 21 ปีแล้วเธอกล่าวว่า “ในบางครั้งฉันรู้สึกเหมือนว่าการถูกลอตเตอรี่เป็นการทำลายชีวิตของฉัน” นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าเธอเตรียมที่จะฟ้ององค์กร Euromillions ผู้ออกลอตเตอรี่มาขายให้กับเธอด้วย เธอใช้เงินไปกับการเสริมหน้าอก ซื้อที่ดิน 2 ที่ และสุนัขชิวาว่ามาเลี้ยง 1 ตัว แต่ถึงจะมีเงินเยอะและได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่เธอก็ยอมรับว่าเธอยังคงตามหาความหมายของชีวิตอยู่ “ผู้คนมองมาที่ฉันและคิดว่า ‘คงจะดีนะถ้าเรามีชีวิตแบบเธอบ้าง’ แต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่ามันเครียดขนาดไหน” Jane กล่าว โดยทั่วไปแล้วองค์กรที่ออกลอตเตอรี่มาขาย จะมีการช่วยเหลือผู้ที่ชนะรางวัลด้วยการบริหารเงินให้กับคนที่ไม่เคยบริหารเงินเป็นล้านๆ มาก่อน แต่ Jane ก็ยังประสบกับปัญหาเรื่องการใช้เงินอยู่ดี เมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เธอได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาเมาแล้วขับระหว่างขับรถไปซื้อของกินที่ McDonald’s…
-
อาชีพแบบนี้ก็มี… พาไปรู้จัก “นักทดสอบเซ็กส์ทอย” รายได้ต่อเดือนสูงถึง 650,000 บาท
หากคุณฝันอยากจะมีงานที่น่าสนุก งานที่ทำให้คุณมีความสุข งานที่ไม่เหนื่อยมาก และงานที่ทำให้คุณถึงจุดสุดยอดล่ะก็ งานนี้นี่แหละที่เหมาะกับคุณ บอกไปคุณอาจจะไม่เชื่อเราว่ามีงานแบบนี้อยู่ในโลกด้วย แต่ Cara Houiellebecq เธอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทดสอบอุปกรณ์ “เซ็กส์ทอย” มืออาชีพ แถมยังมีรายได้ดีด้วยนะเออ Cara บอกว่าภายในออฟฟิศของเธอมีเซ็กส์ทอยมากกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเธอเคยผ่านมือและการทดสอบจากเธอมาแล้วทั้งนั้น… จะถามว่าทดสอบแบบไหน ก็… ทดสอบแบบนั้นแหละ นักทดสอบเซ็กส์ทอยมืออาชีพบอกว่าเธอเริ่มต้นงานนี้เมื่อประมาณปี 2009 แต่ใช่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะถูกซื้อมาใช้เล่นๆ แล้วทิ้ง เพราะมีบริษัทผลิตของเล่นพวกนี้คอยสนับสนุนเธออยู่และจ่ายเงินเพื่อให้เธอเขียนรีวิวลงบล็อคของตัวเองแบบชิ้นต่อชิ้นเลย ในแต่ละสัปดาห์จะมีเซ็กส์ทอยถูกส่งตรงมายังบ้านของเธอประมาณ 4-5 ครั้ง และคุณแม่ลูกสองก็จะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อทดสอบอุปกรณ์พวกนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่เธอชินชาไปแล้ว ธุรกิจการรีวิวเซ็กส์ทอยเริ่มเติบโตในอเมริกาขึ้นมาก บริษัทผู้ผลิตของเล่นเหล่านี้จะพยายามมองหาผู้ชายหรือผู้หญิงเพื่อมาทดสอบอุปกรณ์ของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา Cara บอกว่า “ของเล่นพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของฉันเลย มันทำให้ฉันมีไอเดียเพื่อที่จะเขียนเกี่ยวกับเซ็กส์ของฉันและฉันมีไอเดียที่จะเริ่มทดสอบเซ็กส์ทอย มันเป็นงานที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันเคยทำงานในธนาคารมาก่อน แต่ฉันไม่เคยกลับไปทำอีกเลย งานที่ฉันทำตอนนี้มันไม่เคยน่าเบื่อเลย” เพื่อนๆ ของเธอมักจะถามเธอเสมอเกี่ยวกับพวกเซ็กส์ทอย เพราะเธอคือคนที่รู้จักของเล่นพวกนี้ดีที่สุดและรู้ว่าชิ้นไหนราคาถูกที่สุด งานที่เธอทำไม่ใช่เพียงแค่ทดสอบเพื่อบอกว่าอันไหนทำให้รู้สึกดีที่สุด แต่ยังรวมไปถึงการรีวิวรูปร่าง ราคา อายุการใช้งาน…
-
คุณแม่ชาวจีนเผลอให้ลูกกิน “ดินวิทยาศาสตร์” เพราะเข้าใจผิดว่าเป็น “ลูกอม” ไปซะได้
สำหรับใครที่เคยปลูกต้นไม้น่าจะพอรู้จักดินวิทยาศาสตร์กันมาบ้างอย่างแน่นอน และก็เป็นที่รู้กันว่าเจ้าดินวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรกินเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าเรื่องน่าเศร้านั้นก็เกิดขึ้นเมื่อมีคุณแม่เข้าใจผิดคิดว่าดินวิทยาศาสตร์เป็นลูกอมซะงั้น เรื่องมันมีอยู่ว่าคุณชาวจีนจากมณฑลเจียงซูท่านหนึ่ง ได้ไปซุปเปอร์มาเก็ตพร้อมกับซื้อดินวิทยาศาสตร์กลับมาถุงหนึ่ง ซึ่งเธอคิดว่าเจ้าลูกบอลจิ๋วหลากสีสันนี้ เป็นลูกอมโปรดของลูกสาววัย 3 ขวบของเธอไปซะได้ รายงานข่าวจากเว็บไซต์ Shanghaiist ระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พอเธอกลับไปถึงที่บ้าน เธอก็ทำการให้สามีป้อนเจ้าดินวิทยาศาสตร์ที่เธอคิดว่าเป็นลูกอมกับลูกน้อยของเธอชิ้นต่อชิ้น จนรู้ตัวอีกทีเจ้าลูกอมนี้ก็หมดเสียแล้ว แต่กว่าคุณแม่ท่านนี้จะรู้ตัวว่าสิ่งที่เธอให้ลูกกินมันเป็นดินวิทยาศาสตร์ ลูกเธอก็กินมันเข้าไปแล้วมากกว่า 280 ลูก ซึ่งเมื่อทั้งคู่รู้อย่างนั้นพวกเขาจึงรีบพาลูกสาวไปหาหมอทันที!!! ซึ่งหมอก็ได้ทำการเอ็กซเรย์ให้เห็นถึงภาพของเด็กสาวที่เต็มไปด้วยดินวิทยาศาสตร์เต็มท้องของเธอ โดยทั้งคู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกับเข้าใจถึงความผิดพลาดนี้ทัน แถมในตอนนั้นดินวทิยาศาสตร์ก็เริ่มที่จะดูดซับน้ำในท้องของเด็กแล้วด้วย และถ้ายิ่งปล่อยไว้นานมันก็ยิ่งจะทำให้ท้องของเธอเต็มไปด้วยดินวิทยาศาสตร์ที่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หมอจึงให้ยาแก่เด็กสาวเพื่อที่เธอจะได้ขับเจ้าดินวิทยาศาสตร์นี้ออกมาก่อนที่มันจะขยายไปกว่านี้ พร้อมกับบอกว่าดินวิทยาศาสตร์พวกนี้จะออกมาจนหมดภายใน 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน โชคดีที่เจ้าหนูสามารถรอดมาได้อย่างปลอดภัย และน่าเป็นอุทาหรณ์ให้กับพ่อแม่คู่นี้ไปนานเลยล่ะ เวลาจะเอาอะไรให้ลูกกินคงต้องดูให้ดีๆ แล้วล่ะ ว่าแต่ของมันไม่น่าจะวางอยู่ตรงชั้นของกินในห้างสรรพสินค้าเลยนะเนี่ย ที่มา shanghaiist
-
ปัดโถ่!! สื่อนอกเผยสหรัฐอาจขอดู “รหัสผ่าน” โซเชียลมีเดียของคุณ ประกอบการขอวีซ่า
กลายเป็นเรื่องให้ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ทั้งในไทยและต่างประเทศเลย สำหรับข่าวต่างประเทศที่บอกว่าตอนนี้สหรัฐอาจจะมีมาตรการใหม่ในการป้องกันอันตรายจากต่างประเทศ โดยการของดูรหัสผ่านโซเชียลมีเดียของคุณ!? เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านสำนักข่าว NBC เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา โดยบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ John Kelly ได้กล่าวในขณะประชุมคณะกรรมาธิการ ว่าหลังจากนี้ไปหากชาวต่างชาติคนไหนจะยื่นวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าสหรัฐ จะต้องกรอกรหัสผ่าน Facebook, Twitter, Youtube, Line และอีกมากมาย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบประวัติต่างๆ นาย Kelly กล่าวว่า “เราต้องการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของพวกเขาด้วยรหัสผ่าน พวกคุณทำอะไร? พวกคุณคุยเรื่องอะไนกัน? ถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ต้องให้พวกเขาเข้าประเทศมา” ซึ่งมาตรการนี้เป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากคำสั่งของประธานาธิบ Donald Trump ที่ต้องการกีดกันผู้อพยพจาก 7 ประเทศมุสลิมได้แก่ โซมาเลีย, ซูดาน, เยเมน, ลิเบีย, อิรัก, อิหร่านและซีเรีย ไม่ให้เข้าประเทศ เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคิดที่ยังอยู่ในการพิจารณาเบื้องต้นเท่านั้น และยังคงต้องมีการหารือกันเพื่อความเหมาะสมก่อนจะมีการตัดสินใจใดๆ ก็ตาม แต่มีการคาดการณ์กันว่าหลังจากนี้ไป การตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นเรื่องที่เข้มงวดขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่เสียทีเดียว เพราะหาก ย้อนกลับไปในปี 2015 ในสมัยที่รัฐบาลสหรัฐยังคงอยู่ในความดูแลของประธานาธิปดี…
-
โรงพยาบาลนี้ช่วยชีวิตเด็กหนุ่มที่ถูกยิง ถัดมา 9 ปี เขากลายมาเป็น “คุณหมอ” จนได้…
เคยคิดกันไหมถ้าเราเจอกับเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้เราเกือบไม่รอด แต่แล้วเหตุการณ์นั้นก็เป็นแรงบันดาลใจหรือแรงผลักดัน ที่จะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล เรื่องนี้เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนหนึ่งในดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เขาคนนี้มีชื่อว่า Kevin Morton Jr ขาถูกยิงเข้าที่ท้องถึง 9 นักในคืนหนึ่ง หลังจากที่เขาปิดร้านอาหารที่ทำงานและเดินทางกลับบ้าน แต่ถูกกลุ่มคนร้ายดักปล้น หลังจากที่เขาถูกยิง เขาก็ถูกหามส่งโรงพยาบาล Detroit’s St. John ทันที ทีมแพทย์รีบเข้ามาดูทันที ครอบครัวของเขาบอกว่าตอนนั้น Kevin มีโอกาสรอดเพียงแค่ 10% เท่านั้น แต่แพทย์หญิงคนหนึ่งชื่อว่า Dr. Sheth- Zelmanski กลับสามารถที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ในคืนนั้น “ฉันรู้ว่าเขายังไม่ยอมแพ้ แล้วทำไมพวกเราจะต้องยอมแพ้ล่ะ? พวกเราต้องทำมันให้สำเร็จ” Dr. Sheth ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่เธอยังคงพยามช่วย Kevin แม้เขาจะมีโอกาสรอดแค่ 10% ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่า เขาจะเข้าทำงานเกี่ยวกับเภสัชกรรม แต่หลังจากที่เขาต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลนานถึง 50 วันที่โรงพยาบาล St. John รวมถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่ทำให้เขารอดมาได้ มันทำให้เขาตระหนักถึงการช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่น มันทำให้เขารู้สึกว่าเขาควรจะเดินในเส้นทางสายนี้เช่นกัน หลังจากนั้น 10 ปี เขาได้เรียนจบจาก Michigan State University’s College of…
-
หญิงสาวรับงาน “แม่บ้านเปลือย” ทำความสะอาดบ้าน ไม่ขายตัว แต่ได้เงิน 2,000 ต่อชั่วโมง
คุณแม่วัยสาวอายุ 25 ปี สามารถที่จะสร้างรายได้สูงถึง 2,000 บาทต่อชั่วโมง ด้วยการเป็นแม่บ้านเท่านั้น แต่ว่าวิธีการทำงานของเธอนั้นพิเศษไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน?!! Emily Nikols คุณแม่วัย 25 คนนี้เธอทำงานเป็นแม่บ้านที่มีวิธีแตกต่างจากคนอื่นพอสมควรคือ เวลาเธอทำงานเป็นแม่บ้านเธอจะสวมเพียงแค่ถุงมือยางในการทำงานเท่านั้น… ใช่แล้ว เธอบอกว่าชุดทำงานประกอบด้วยถุงมือยางอย่างเดียวเท่านั้น เธอจะไม่ใส่ชุดอะไรทำงานเลย นั่นหมายความว่าเธอเปลือยนั่นเอง… แต่ก่อนที่จะคิดกันไปไกล เธอไม่ได้ทำอะไรนอกจากงานเป็นแม่บ้านเลยนะ เพราะเธอมีกฏอยู่ว่าลูกค้าจะไม่สามารถทำอะไรลามกอนาจารกับเธอได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นแม้เวลาพวกเขามาจ้องดูเธอทำงานบ้าน เธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นวัตถุทางเพศแต่อย่างใด “ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยที่จะต้องเปลือยทำงาน มันรู้สึกสบายเสียด้วยซ้ำเวลาเคลื่อนไหวแล้วไม่มีเสื้อผ้ามารบกวน แถมยังเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับฉันมากๆ เลยล่ะ” นอกจากนี้จากบทสัมภาษณ์ยังได้ถามถึงคำถามที่ว่าแล้วแบบนี้ลูกค้าจะรู้สึกยังไง เวลาที่เธอแก้ผ้าทำงานแบบนี้ ซึ่งเธอก็ตอบกลับมาว่า “เท่าที่พบเจอมาลูกค้าส่วนใหญ่ พวกเขาจะให้ความคารพฉันพอสมควรเลยนะพวกเขาช่วยยังช่วยถืออุปกรณ์ให้ฉันอีกต่างหาก แถมยังเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ อีกด้วย” นอกจากนี้จากบทสัมภาษณ์ยังได้ถามถึงความรู้สึกของครบครัวและเพื่อนๆ ของเธอว่ารู้สึกยังไงที่เห็นเธอมาทำงานแบบนี้ “พวกเพื่อนๆ และครอบครัวของฉันออกจะสนับสนุนฉันซะด้วยซ้ำนะ แต่ว่าสามีของฉันก็ออกจะเป็นห่วงอยู่บ้างถึงความปลอดภัยของฉัน แต่สุดท้ายเขาก็โอเคกับมันเพราะเขาเชื่อใจ” มาถึงกันขนาดนี้แล้ว หลายคนคงอยากจะจ้างแม้บ้านเปลือยสักคนใช่ไหมล่ะ แต่บอกเลยว่าราคามันเจ็บพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งชั่วโมงแรกจะต้องจ่ายในราคาราวๆ 2,800 เลยทีเดียว ส่วนชั่วโมงต่อไปจะอยู่ที่ราคาราวๆ…
-
ตำนานของชาย 2 คน ที่ขโมยเครื่องบินโบอิ้ง ขับหายไปจากสนามบิน จนตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ!?
เรื่องราวลึกลับรอบโลกนั้นมีมากมายกายกอง มีทั้งที่หาข้อสรุปได้และยังหาข้อสรุปไม่ได้ ซึ่งทุกเรื่องก็ล้วนน่าสนใจทั้งนั้น ซึ่งมีอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ และทุกวันนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงง… หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินหรือรู้จักเรื่องนี้กันมาบ้าง แต่ถ้าใครยังไม่รู้ก็ปูเสื่อนั่งฟังกันได้เลยครับ… โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของเครื่องบิน Boeing 727-223 ที่อยู่ดีๆ ก็หายไปนานนับสิบปี จนตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่ามันหายไปไหน 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 เครื่องบิน Boeing 727-223 ออกบินจาก Quatro de Fevereiro Airport ในประเทศแองโกลา ตามรายงานระบุว่า ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน มีชายสองคนแอบลักลอบขึ้นไปบนเครื่องบินที่จอดอยู่ในสนามบิน และพามันบินขึ้นโดยไม่มีการอนุญาตก่อน โดยเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นก็คือ ตอนนั้น(ต้องใช้คำว่าตอนนั้น เพราะตอนหลังเค้าก็ทราบนี่นา)ไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนขับเจ้าเครื่องบินลำนี้ออกไป แถมเจ้าหน้าที่วิทยุการบินก็พยายามห้ามพวกเขา แต่ถูกตัดการสื่อสารไป มีคนเชื่อว่าเครื่องบินถูกขโมยไปโดยคนเพียงสองคนเท่านั้น โดยทั้งสองคนนี้มีชื่อว่า Ben Charles Padilla และ John Mikel Mutantu โดยทั้งคู่ได้รับการรับรองให้สามารถขับ Boeing 727 ได้ (เพียงแต่ว่าโดยปกติแล้วการจะขับเครื่องบินแบบนี้ได้จำเป็นจะต้องมีลูกเรือขั้นต่ำ 3 คน) ภาพของ Ben Charles Padilla เครื่องบินแล่นออกจากสนามบินโดยที่ไม่ติดต่อวิทยุการบินรวมถึงไม่มีไฟนำทางเข้าสู่รันเวย์แม้แต่น้อย หลังจากที่บินขึ้นได้สักระยะตัวเครื่องบินมุ่งตรงสู่มหาสมุทรแอทแลนติก อย่างไม่มีเหตุผลอะไรรองรับจุดหมายของทั้งคู่ และแน่นอน…
-
ถ้าพลาดป่อง ก็มาซื้อนมที่เรานะ… บริษัท Durex ทุ่มเงินซื้อกิจการ “นมผง” ยักษ์ใหญ่เรียบร้อย
Reckitt Benckiser Group หรือ R.B. บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังที่เราใช้กันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Dettol,ผลิตภัณฑ์ยา Nurofen, สเปรย์ปรับอากาศ Air wick หรือจะเป็น Durex ก็เป็นสินค้าในเครือนี้ ซึ่งล่าสุดตอนนี้ทางบริษัทก็ได้ทำสัญญาซื้อขายกิจการกับบริษัทผลิตนมผงยักษ์ใหญ่ Mead Johnson Nutrition เป็นที่เรียบร้อย สาเหตุที่ทาง R.B. เลือกที่จะหันมาลงทุนซื้อกิจกรรมนมผงนั่นก็เพราะว่า ในตอนนี้ผลประกอบการที่เป็นอยู่มีกำไรที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก ทาง R.B. จึงจำเป็นจะต้องหาแบรนด์ใหม่เข้ามาเพื่อที่ช่วยเสริมกำลัง และด้วยตัว Mead Johnson Nutrition ครองตลาดในฝั่งเอเชียอยู่แล้ว การเข้าซื้อกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นทั้งการเข้าตีตลาดและกู้วิกฤติกลับมานั่นเอง สำหรับตัวบริษัท Mead Johnson Nutrition เป็นเครือที่ผลิตนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กเป็นหลัก แถมที่สำคัญกิจการในเครือนี้ยังทำรายได้มหาศาลมากถึงราวๆ 126,000 ล้านบาท จึงไม่แปลกเลยที่ R.B. จะอยากเข้ามาตีตลาดผ่านบริษัทนี้ Rakesh Kapoor ประธานของ R.B. ยังบอกอีกว่าเขาคาดหวังกับดีลในครั้งนี้พอสมควรเลยทีเดียว และยังหวังว่าการดีลในครั้งนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินให้เขาราวๆ 8,000 ล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปี เขาบอกว่าธุรกิจของทาง Mead Johnson Nutrition นั้นผลิตทั้งนมผงและอาหารเสริมสำหรับเด็กซึ่งในทางฝั่งของจีนที่มีนโยบายไม่ให้มีลูกมากกว่า 1 พ่อแม่จึงจำเป็นจะต้องเลี้ยงดูลูกๆ…
-
อาสาสมัครนิวซีแลนด์เร่งช่วยเหลือวาฬกว่า 400 ตัว หลังโดนคลื่นซัดมาเกยชายหาดเอง
อาสาสมัครในประเทศนิวซีแลนด์เร่งเข้าช่วยเหลือเหล่าวาฬเกยตื่น หลังจากพบว่ามีวาฬนำร่อง (Pilot Whale) หลายร้อยตัวต้องตายอย่างทรมานหลังจากเกยตื่นอยู่บนฝั่งเป็นเวลานาน นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าหลังจากมีคนพบเห็นปลาวาฬนำร่องทั้งหมด 416 ตัว กำลังนอนเกยตื่นอยู่บนชายฝั่งแฟร์เวลล์สปิต ทางใต้ของ โกลเดน เบย์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยล่าสุดชาวบ้านและอาสาสมัครก็ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเป็นการด่วน แต่ก็พบว่ามีวาฬตายไปแล้วกว่า 275 ตัว ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงพยามช่วยเหลือพวกมันโดยการทำให้ตัวของพวกมันเปียกออยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นการช่วยเหลือก็ยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งเมื่อเข้าใกล้เวลาเที่ยงวันร่างกายของพวกวาฬก็เริ่มที่จะแห้งไวขึ้นเนื่องจากผลกระทบของแสงแดด Cheree Morrison นักข่าวที่ในพื้นที่กล่าวว่า “คุณจะได้ยินเสียงพวกมันพยามดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดเวลา ยิ่งพวกวาฬเด็กยิ่งดูจะทรมานมากที่สุด ภาพพวกนี้มันเศร้าเสียจนฉันไม่รู้จะพูดอะไรออกมานอกจากได้แต่ร้องไห้ และพยามช่วยพวกมันอย่างสุดความสามารถ” ตามรายงานบอกว่าวาฬนำร่องมีขนาดที่ใหญ่มากๆ ทำให้ยากที่จะพลักพวกมันกลับลงไปในทะเล พวกเขาจึงต้องพยามยื้อชีวิตพวกมันและรอเวลาให้น้ำขึ้นสูงอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาช่วยวาฬส่วนใหญ่ได้แล้ว พวกเขาจำเป็นจะต้องสร้างกำแพงมนุษย์ขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้พวกวาฬที่พวกเขาช่วยไว้ได้หันกลับเข้าฝั่งมาเกยตื่นอีกครั้ง เพราะพวกมันไม่เต็มใจที่จะทิ้งฝูงของมันไว้แน่ๆ พวกเขาก็ได้แต่หวังว่ากระแสน้ำจะพาพวกมันกลับลงไปในทะเลได้อย่างปลอดภัย การเกยตื่นในครั้งนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์เกยตื่นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเหตุการณ์ที่เมืองออกแลนด์ในปี 1985 ที่มีวาฬเกยตื้น 450 ตัว และเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นที่หาดในหมู่เกาะชัตแฮมปี 1918 ที่มีวาฬมาเกยตื่นถึง 1000 ตัว พวกเราก็คงได้แต่หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบ่อยๆ กับพวกวาฬที่น่าสงสารพวกนีั้ ที่มา dailymail
-
หิวเลย!! “ยาง ซูบิน” เน็ตไอดอลเกาหลีสายกิน บุกกินไก่ทอดถึงไทย คนแห่ดูนับล้านวิว
ต้องบอกเลยว่าเธอคือเน็ตไอดอลเกาหลีที่กำลังมาแรงสุดๆ ในเวลานี้เลย สำหรับสาวยาง ซูบิน สาวเกาหลีผู้ชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ ทุกครั้งที่เธอกินอะไรก็ตาม เธอจะตั้งกล้องวิดีโอเพื่อถ่ายตัวเองเอามาลงอินเตอร์เน็ต ซึ่ง#เหมียวฟิ้นไม่รู้ว่ามันคือความสามารถพิเศษของเธอหรือเปล่า เพราะไม่ว่าเธอจะกินอะไรก็ตาม ทุกอย่างที่เธอกินจะดูน่ากินเป็นพิเศษ ปัจจุบันสาวซูบินโด่งดังไปทั่วโลกและมีคนกดติดตามเฟซบุ๊กเธอสูงกว่า 1,800,000 คน และล่าสุดเธอได้ประกาศว่าจะบินตรงมายังเมืองไทย เพื่อลิ้มรสความอร่อยของอาหารในไทยดูบ้าง โดยที่แรกที่สาวซูบินจะไปกินก็คือ KFC เมื่อถึงร้านแล้วเธอก็ทำการจัดแจงตั้งกล้องไลฟ์พร้อมกับมีล่ามมานั่งข้างๆ เธอเพื่อแปลคำพูดของเธอให้เราฟัง ซูบินบอกว่าโดยปกติแล้วเธอเป็นคนที่ชอบกินไก่ทอดมาก ใน 1 สัปดาห์จะกินไก่ทอดตอนกลางคืนราวๆ 4-5 ครั้ง และเธอยังบอกอีกว่าปกติคนเกาหลีชอบกินไก่มากชนิดที่ว่า 1 คนแทบจะกินไก่ได้ 1 ตัวเลย เมื่อถามซูบินว่า KFC ของเกาหลีต่างกับของไทยอย่างไร เธอบอกว่าตัวไก่ทอดปกตินั้นไม่ได้ต่างกันมาก แต่สิ่งที่ชอบที่สุดของ KFC ไทยคือ วิงส์แซ่บ เธอบอกว่ารสชาติอร่อยมาก ต่อมาล่ามได้ถามเธอว่าเคยมาเที่ยวเมืองไทยหรือเปล่า? ซูบินบอกว่าเคยมาเมื่อ 3 ปีก่อน ไปเมืองพัทยากับจังหวัดสุรินทร์ เธอชอบไปเที่ยวตามริมทะเลแถมยังว่ายน้ำเก่งมาก หิวไปด้วยกันกับคลิปของเธอเลย …
-
ชาวบ้านหงุดหงิดถึงขั้นทุบ “รถสีเหลือง” ของคนในหมู่บ้าน เพราะขัดกับทิวทัศน์โดยรอบ!?
เมื่อราวๆ ต้นปี 2015 เราได้เคยนำเสนอข่าวเกี่ยวกับคุณตาคนหนึ่งที่ชื่อว่า Peter Maddox อดีตทันตแพทย์วัย 82 ปี ที่อาศัยอยู่ในเมืองน่ารักๆ ที่ชื่อ Arlington Row ประเทศอังกฤษ แต่ปัญหาก็มาเยือนเขาแบบงงๆ เพราะคุณตาดันขับรถยี่ห้อ Vauxhall รุ่น Corsa สีเหลืองเปลือกกล้วย ซึ่งดูขัดกับสภาพหมู่บ้านเก่าๆ เป็นอย่างมาก จนทำให้คนในหมู่บ้านถึงกับไม่พอใจอย่างหนักและเรียกรถคันนั้นว่า “รถที่น่าเกลียดที่สุด” เลยทีเดียว (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่เลย) แม้ว่าจะถูกชาวบ้านวิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่เขาก็ยังคงจอดรถสีเหลืองคันนั้นไว้ด้านนอกต่อไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้กลับมาอัพเดทเกี่ยวกับชะตากรรมของคุณตา Peter กับรถสีเหลือเจ้าปัญหาของเขาอีกครั้งหนึ่ง ตามรายงานบอกว่าล่าสุดรถคันดังกล่าวได้ถูกชาวบ้านในหมู่บ้านทุบทำลายไปแล้วเรียบร้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตาม (เพราะซื้อรถสีเหลือง) ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถนั้นมีตั้งแต่รอยขีดข่วนเล็กๆ ไปจนถึงรอยขนาดใหญ่ มีการทุบกระจกรอบคัน เมื่อคุณตา Peter มาเห็นเข้าก็ถึงกับตกใจจนต้องนำไปซ่อมที่ร้าน เมื่อตีราคาซ่อมแล้วเป็นมูลค่ากว่า 262,430 บาททีเดียว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คุณตา Peter เกิดความไม่พอใจอย่างมาก และสาบานว่าจะซื้อรถคันใหม่เป็นสีเขียวมะนาวมาแทนคันที่เพิ่งพังไป เพื่อก่อสงครามประสาท ด้าน…
-
ภาพพิธีจบการศึกษาจาก “มหาวิทยาลัยเกียวโต” แต่งคอสเพลย์ประชันกันสุดเหวี่ยง!!
ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมาอาจจะมีบางคนได้เห็นข่าวคราว เกี่ยวกับกรณีที่มีนักศึกษาสาวใส่ชุดครุยถ่ายแบบ จนทำให้มีชาวเน็ตบางรายไม่พอใจหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกันไปหลากหลายแบบ บางคนมองว่าเป็นการถ่ายภาพนอกรอบที่ไม่ต้องแต่งตามระเบียบอะไรมาก แต่บางคนก็มองว่ามันคือ “ชุดครุย” จึงควรแต่งตัวให้ถูกระเบียบ ด้วยเหตุนี้เอง#เหมียวฟิ้นก็เลยแอบสงสัยว่าในประเทศอื่นๆ เขาให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกายหรือพิธีการเหมือนกับบ้านเราหรือเปล่า? ล่าสุดเราได้ไปเจอกับภาพที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ Sensekyoto.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการโปรโมทของมหาวิทยาลัยเกียวโต จากประเทศญี่ปุ่น ชุดภาพที่ว่านี้เป็นภาพถ่ายจากพิธีจบการศึกษาของมหาลัยเกียวโตในปี 2016 ที่เหล่านักศึกษาจะพากันแต่งชุดคอสเพลย์แบบหลุดโลกเพื่อมาประชันกันในวันจบการศึกษา อย่างกับเป็นงานปล่อยของยังไงยังงั้นเลยทีเดียว เจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะฮิเมะ มาคนเดียวไม่พอ ต้องมาเป็นบอยแบนด์ กล้วยเหรอ? เอ็กโซเดีย รถบัสแมว สนามกีฬาโอลิมปิก 2020!? สัญลักษณ์โอลิมปิก รายการทีวีในตำนาน แต่งเป็นรถโฟล์คสีเหลือง กอริลล่า หมีพูห์เวอร์ชั่นทุนน้อย เมื่อมาร์เวลและดีซีจับมือกัน ทรัมป์ก็มา พีระมิด ตัวไรหว่า? ฮาชิ? นั่นฮาชิใช่ไหม?…
-
คุณเกลียดเสียงเคี้ยวอาหารของคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ถ้าใช่แปลว่าคุณมีปัญหาด้านสมองอยู่
เมื่อคุณได้ยินเสียงเคี้ยวอาหาร “แจ๊บๆๆ” จากคนรอบข้าง แล้วเกิดความรู้สึกรำคาญ นั่นถือเป็นเรื่องปกติมากๆ นะ แต่ถ้าคุณรู้สึกรำคาญจนทนไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะเคี้ยวเบาลงแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องเช็คตัวเองหน่อยแล้วล่ะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกคุณว่าคุณมีอาการผิดปกติทางสมอง อาการที่#เหมียวฟิ้นพูดถึงอยู่นี้มันมีชื่อเรียกว่า Misophonia เป็นความผิดปกติทางสมอง มันถูกค้นพบเมื่อราวๆ ปี 2001 เป็นอาการผิดปกติทางสมองที่มักพบได้ในวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความรำคาญเสียงรอบๆ ตัวเช่นเสียงเคี้ยวอาหาร หายใจ หรือเสียงกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์หรือกดปาก บุคคลที่มีอาการนี้จะเกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดหรือขยะแขยง นอกจากนี้ยังค้นพบว่าคนที่มีประสบการณ์กับอาการ Misophonia มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นและมีเหงื่อออกมากกว่าปกติ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับเสียงเหล่านั้นด้วย Olana Tansley-Hancock วัย 29 ปี จากเมืองแอชฟอร์ด รัฐเคนท์ คือหนึ่งในคนที่มีอาการป่วยแบบที่เรากล่าวมา ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธออายุได้ 8 ขวบ เธอเริ่มมีความรู้สึกรำคาญกับเสียงการรับประทานอาหารของครอบครัวเธอมาก “เสียงน่ารำคาญระหว่างที่ครอบครัวของฉันกำลังกินข้าว มันทำให้ฉันทนไม่ได้จนต้องกลับเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองเพื่อกินอาหารคนเดียวเงียบๆ ฉันบอกได้แค่เพียงว่ามันเป็นความรู้สึกที่โมโหจนอยากจะต่อยหน้าใครสักคน” Olana กล่าว หลังจากที่ต้องทนกับอาการที่คนอื่นมองว่าแปลกมานาน เธอก็เริ่มศึกษาค้นคว้าเพื่อให้เข้าใจถึงอาการ Misophonia เธอจึงเปลี่ยนวิถีชีวิตเสียใหม่ เธอลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล และใช้ที่ครอบหูเพื่อกันเสียงน่ารำคาญออกไป ในปัจจุบันยังคงไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่ก็พอจะบรรเทาอาการได้ด้วยการไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ หรือขอคำแนะนำจากคนที่มีอาการเดียวกันนี้ หรือสะกดจิตในรูปแบบต่างๆ…
-
นักเรียนญี่ปุ่นไอเดียแหวก แปลทวิตเตอร์ Donald Trump เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและสังคม
การเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก Barack Obama มาสู่ Donald Trump ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมาก เพราะทุกๆ การตัดสินใจของสหรัฐจะส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังประเทศต่างๆ รอบโลก ฉะนั้นนักข่าวและผู้คนทั่วโลกจึงต้องจับตามองทุกๆ ความเคลื่อนไหวของ Trump ว่ากำลังคิดหรือเตรียมจะตัดสินใจเรื่องใดต่อไป โดยเฉพาะทางทวิตเตอร์ @realDonaldTrump ที่เขามักจะทวีตความคิดของตัวเองออกมา แต่คนที่ติดตาม Trump เองใช่ว่าจะมีแต่คอการเมืองเท่านั้น คนที่สนใจเรื่องการศึกษาและภาษาอังกฤษก็ติดตามเขาอยู่เหมือนกันนะ บางคนอาจงงว่าติดตามดูประธานาธิปดีแล้วจะได้การศึกษายังไง? งั้นเรามาดูข่าวนี้กัน เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @DonaldTrumpJPN เป็นทวิตเตอร์ที่จะหยิบเอาข้อความต่างๆ จาก @realDonaldTrump มาแปลจากอังกฤษเป็นญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษและเข้าใจสิ่งที่ผู้นำสหรัฐผู้นี้ทวีตออกมานั่นเอง ทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสโลแกนว่า Make English-learning Great Again (ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) ซึ่งเป็นการล้อข้อความของ Trump ตอนหาเสียง Make America Great Again (ทำให้อเมริกากลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) เพราะอย่างที่รู้กันว่าชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ การสื่อสารส่วนใหญ่จึงมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น การสร้างทวิตเตอร์นี้จึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีทางหนึ่งเลย บัญชีทวิตเตอร์นี้ดำเนินการโดยแอดมินที่ใช้นามแฝงว่า K・T-san วัย 17 ปี เขาจะแปลทุกๆ ข้อความที่ Trump ทวีตออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้คนเข้าใจ ปัจจุบันทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN มีผู้ติดตามแล้วกว่า…
-
“เฉินหลง” หลั่งน้ำตา หลังได้พบทีมสตั๊นท์แมนที่ทำงานเสี่ยงตายให้เขามานาน ในรอบ 10 ปี
#เหมียวฟิ้นคิดว่าคงจะมีน้อยคนมากๆ ที่ไม่รู้จักชื่อเสียงและความโด่งดังของ “เฉินหลง” นักแสดงชาวฮ่องกงที่แสดงหนังเสี่ยงตายมาแล้วเป็นร้อยๆ เรื่อง แต่ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังความสำเร็จของฉากเสี่ยงตายเหล่านั้น ยังมีทีมสตั๊นท์แมนที่คอยแสดงแทนเขามามากมายไม่รู้กี่ชีวิต? เรื่องราวที่เราหยิบมานำเสนอในวันนี้ มาจากส่วนหนึ่งของรายการ 王牌对王牌 (หวังไผตุ้ยหวังไผ) ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยทางรายการได้เชิญเฉินหลงมาออกรายการแล้วเปิดคลิปวิดีโอตัวหนึ่งให้เขาได้ดู โดยในวิดีโอนั้นเป็นการนำเสนอภาพของเหล่าสตั๊นแมนหลายชีวิต ที่เคยร่วมงานกับเฉินหลงในสมัยก่อน ซึ่งตัวเฉินหลงเองก็ไม่เคยได้เจอกับพวกเขาบางคนมานานนับ 10 ปีแล้ว นักแสดงสตั๊นกลุ่มนี้มีชื่อว่า JC Stunt Team ได้ออกมากล่าวถึงการทำงานกับเฉินหลงตั้งแต่ก่อนที่จะโด่งดังแบบทุกวันนี้ บางคนมีครอบครัวแล้วแต่ก็ต้องแสดงฉากสุดอันตรายไปด้วย จนทำให้ทางครอบครัวเป็นกังวลใจเหมือนกันว่าบางทีอาจจะกลับบ้านมาในร่างอันไร้วิญญาณก็เป็นได้ แต่พวกเขาก็ยังคงแสดงหนังกับเฉินหลงต่อไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า เฉินหลงเป็นที่รักของทีมงานมาก เขาทั้งแบ่งเงินค่าจ้างตัวเองให้กับเพื่อนร่วมงาน จ่ายเงินค่าเช่าหรือซื้อรถให้ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดซาบซึ้งในน้ำใจและโอกาสที่พี่ชายคนนี้หยิบยื่นให้มาก บางคนบอกว่าหากคุณจะเข้ารวมกับ JC Stunt Team คุณจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา ไม่อย่างงั้นเฉินหลงจะไม่ให้คุณเข้าร่วมทีม ถ้าคุณขาดความจงรักภักดีหรือความกตัญคุณก็จะถูกไล่ออก ทีมงานทั้งหมดไม่ได้เจอหน้าพี่ชายที่ชื่อว่าเฉินหลงมานานนับสิบปีแล้ว อาจเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ทำให้พวกเขาไม่ได้เจอกันง่ายๆ และพวกเขาก็คิดถึงพี่ชายคนนี้มากๆ “ผมชื่อหวัง เหยา ผมอยู่กับพี่เฉินหลงมาตั้งแต่ก่อตั้งทีมสตั๊นเมื่อปี 1977 ผมเป็นสมาชิกรุ่นแรกของ JC…
-
ความจริงของภาพ “เสืออ้วน” ที่ชาวเน็ตแชร์กัน แท้จริงคือการเพิ่มไขมันเพื่อให้ทนอากาศหนาว
ภาพที่เราได้เห็นอยู่ในขณะนี้ถือเป็นภาพหนึ่งที่โด่งดังในโลกออนไลน์ทั้งในไทยและต่างประเทศพอสมควร สำหรับภาพของเจ้าเสือผู้น่าเกรงขาม แต่ดันมีร่างกายตุ้ยนุ้นจนผู้คนอดไม่ได้ที่จะกดไลก์และแชร์กันแบบรัวๆ หลายๆ คนอาจจะเห็นแค่เพียงภาพแต่ไม่รู้ว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง #เหมียวฟิ้นจะมาแถลงไขเอง ภาพของเจ้าเสือตัวนี้มาจากสวนสัตว์ Siberia Tiger Park ที่อยู่ในเมืองฮาร์บิน ทางตอนเหนือของประเทศจีน สวนสัตว์แห่งนี้ถือเป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับเหล่าเสือไซบีเรียป่าเลยก็ว่าได้ เพราะมีพื้นที่ราวๆ 1,440,000 ตารางเมตร และเปิดดำเนินการมานานนับสิบปี โดยเป้าหมายของการเปิดสวนสัตว์แห่งนี้ ก็เพื่อช่วยอนุรักษ์เสือไซบีเรียให้คงอยู่ต่อไป อย่างล่าสุดในปี 2016 ที่ผ่านมา ทางสวนสัตว์แห่งนี้ยังได้ให้กำเนิดลูกเสือกว่า 90 ตัวเลยทีเดียว หลังจากที่ภาพของเจ้าเสือตัวนี้ถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ได้ไม่นาน ผู้คนก็ต่างแซวกันว่าผู้ดูแลอาจจะให้อาหารมันมากเกินไปในช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา จนทำให้มันอ้วนตั้บอย่างที่เห็น ในขณะที่บางคนแสดงความเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของมัน ว่าอาจจะอ้วนเกินไปและทำให้เป็นโรคหรือเปล่า? ในจุดนี้ สำนักข่าว People’s Daily ของจีนได้ให้รายละเอียดตรงนี้ว่า ในความเป็นจริงแล้วเหล่าสัตว์ตามธรรมชาติจะกินอาหารเพื่อให้ตัวเองมีไขมันมากพอที่จะรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเมืองจีน อย่างที่เมืองฮาร์บินเองเมื่อถึงฤดูหนาวก็จะหนาวจนอากาศติดลบถึง -20 หรือ -30 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ฉะนั้นการที่พวกมันได้รับอาหารจนอ้วนแบบนี้ถือเป็นมาตรการช่วยเหลืออย่างหนึ่ง เพื่อให้มันทนอากาศหนาวได้ ซึ่งพวกมันก็จะค่อยๆ ผอมลงไปเองเมื่อถึงช่วงฤดูร้อน ที่พวกมันไม่จำเป็นต้องใช้ไขมันมหาศาลแล้ว พวกเขาก็จะลดปริมาณอาหารมันลง รวมถึงอากาศร้อนทำให้พวกเสือกินอะไรได้น้อยลงเช่นกัน ฉะนั้นใครที่เห็นภาพเสืออ้วนแบบนี้ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะ…
-
นักวิทย์ร่วมไขปริศนา ของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงไม่เห็น “ลูกนกพิราบ” มาอยู่ในเมืองเลย!?
เราทุกคนคงจะเคยเห็นนกที่บินมาเกาะตามหน้าต่างหรือตามเสาไฟมามากมายหลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งนกตัวใหญ่ตัวเล็กหรือแม้แต่ลูกนกตามรังของพวกมัน แต่จะมีนกอยู่สายพันธุ์หนึ่งที่เราจะไม่ค่อย (หรือไม่มีวัน) ได้เห็นพวกมันในขณะที่ยังเป็นลูกนกเลย นั่นคือนกพิราบนั่นเอง แน่นอนว่า ทุกคนคงจะได้เคยเห็นฝูงนกพิราบอยู่บ่อยๆ บางคนเคยให้อาหารมัน บางคนเคยวิ่งไล่จับมัน หรือบางคนก็เคยนั่งดูพวกมันรวมตัวกันตามที่ต่างๆ ในเมือง ทั้งไทยและต่างประเทศก็มีคล้ายๆ กัน คำตอบง่ายๆ ดูกวนๆ แต่มันก็คือความจริง คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคุณถึงไม่เคยได้เห็นพวกลูกนกพิราบกันเลย? ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะ ความจริงแล้วมีการศึกษาพฤติกรรมของพวกมันมานาน กระทั่งเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็พยายามหาคำตอบเรื่องนี้ ทำไมเราเห็นลูกนกอื่นๆ บินมากินอาหารกับฝูง แต่ทำไมเราไม่เห็นลูกนกพิราบ และพวกเขาก็พบว่าลูกนกพิราบก็อยู่ที่รังยังไงล่ะ… #เหมียวฟิ้นไม่ได้จะกวนหรืออะไรนะ ความจริงมันเป็นอย่างงั้นเองแต่ที่เราไม่เห็นก็เพราะพวกนกพิราบมักจะไปทำรังในที่ลับหูลับตาคนมากๆ แตกต่างจากพวกนกทั่วไปที่อาจจะมาทำรังตรงหน้าต่างบ้านคุณ แต่นกพิราบนั้นจะชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะฉะนั้นเราเลยจะหารังของมันเจอในที่ลึกลับ เช่นตามอาคารร้าง บ้านร้าง หลังคา หรือตามใต้สะพานที่คนไม่สามารถเข้าถึงพวกมันได้ นกพิราบคือพ่อแม่จอมโอ๋ลูก ตรงข้ามกับนกสายพันธุ์อื่นที่อยากจะให้ลูกบินโดยเร็วที่สุด เพราะการที่บินได้หมายถึงพวกมันหมดภาระการเป็นพ่อแม่แล้ว จะได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างกระตู้วู้ว ราวกับเป็นนกวัยรุ่นอีกครั้ง พวกพิราบนั้นทำหน้าที่เป็นพ่อเป็นแม่ได้ดีมาก พวกมันจะไม่พยายามบังคับหรือเตะลูกๆ ของพวกมันออกมาจากรังเพื่อบังคับให้ลูกๆ บิน ส่วนบางสายพันธุ์จะใช้วิธีบังคับออกจากรัง เพื่อให้พวกลูกๆ บินได้ซะที (พิราบมันอินดี้นั่นเอง) พวกมันจะคอยประคบประหงมลูกๆ โดยการหาอาหารมาให้และให้ลูกๆ อยู่ในรังอย่างน้อย…
-
ญี่ปุ่นคิดค้น “ข้าวแกงกะหรี่ช็อคโกแลต” เพื่อหนุ่มสาวที่ต้องการความแปลกใหม่ ในวาเลนไทน์นี้!?
เมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันวาเลนไทน์ทีไร หนุ่มสาวก็มักจะหาซื้อช็อคโกแลตมาให้กับคู่รักของพวกเขาได้กินกันแม้จะกินทุกปีจนเบื่อแล้วก็ตาม ด้วยความซ้ำซากของช็อคโกแลตรูปแบบต่างๆ #เหมียวฟิ้นก็เลยอยากจะแนะนำอะไรที่มันแปลกแหวกแนวไปบ้าง…. ภาพที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้คือผลิตภัณฑ์ใหม่จากร้านค้าที่ชื่อว่า Village Vanguard ในประเทศญี่ปุ่น มันคือ “ข้าวแกงกะหรี่ช็อคโกแลต” เมนูนี้คือการผสมผสานระหว่างแกงกะหรี่และช็อคโกแลตหอมละมุนเอาไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนผสมหลักของมันก็คือช็อคโกแลต น้ำตาล ผงกะหรี่ พริกป่นเพื่อความเผ็ด มีกลิ่นของกล้วยติดมานิดหน่อย และมีหัวหอมผัดอยู่ในช็อคโกแลตด้วย…ให้รสชาติที่หวานและเผ็ด (ดูจะซับซ้อนทีเดียว) วิธีกินก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณนำเอาช็อคโกแลตไปอุ่นให้เหลว จากนั้นก็ราดลงไปบนข้าวสวยร้อนๆ จากนั้นก็พร้อมตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยได้เลย ดูเป็นอาหารมื้อเย็นที่ทั้งเร็วและง่ายมากๆ ถ้าคุณอยากลองมอบของขวัญวันวาเลนไทน์แบบไม่ซ้ำใครให้กับคนรักล่ะก็ ลอง “ข้าวแกงกะหรี่ช็อคโกแลต” ไหมล่ะ? สนนราคาอยู่ที่ 540 เยน หรือประมาณ 165 บาท ลิ้งสั่งซื้อสำหรับคนที่อยากได้แบบจริงจัง: vvstore.jp (กดแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความง่ายในการสั่งซื้อ) ที่มา rocketnews24
-
หญิงสาวอธิบายความต่าง “การข่มขืน” และ “สมยอม” ให้เข้าใจใน 5 ประโยค จนคนถูกใจล้นหลาม
ภาพหน้าปกจาก: กลุ่มนักเรียนถ่ายภาพสุดสะเทือนใจ สะท้อนปัญหา “นักโทษข่มขืน” ที่ถูกปล่อยตัวเร็วเกินไป!! หลายๆ คนยังคงแยกความแตกต่างกันระหว่างคำว่า “ข่มขืน” กับ “การสมยอม” ไม่ออก ผู้ชายหลายๆ คนยังคงเข้าใจว่ามันก็เป็นเพียงการมีเพศสัมพันธ์เหมือนกันมันไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน แต่วันนี้เราจะมาอธิบายความแตกต่างของมันให้เข้าใจกัน โดยเมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอกับทวิตเตอร์ของหญิงสาวนางหนึ่งที่มียูสเซอร์เนมว่า @thatxxv โดยเธอได้อธิบายถึงความแตกต่างของสองคำนี้ได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว เราลองไปอ่านข้อความของเธอกันเลย “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการข่มขืนมันดูเข้าใจยากสำหรับผู้ชายบางคน แต่ถ้าเอาตัวอย่างพวกนี้ให้ดูพวกเขาจะเข้าใจได้ทันทีเลยล่ะ” “ถ้าคุณมาขอเงินฉัน 5 ดอลลาร์ และฉันเมาเกินกว่าที่จะตอบตกลงหรือปฏิเสธ แต่คุณก็ยังถือวิสาสะเอาเงินฉันอีก เพียงเพราะว่าแค่ฉันไม่ได้ปฏิเสธงั้นเหรอ!?” “ถ้าคุณเอาปืนมาจ่อหัวฉันแล้วบอกให้ฉันเอาเงินให้คุณ 5เหรียญ คุณก็ยังถือว่าขโมยเงินอยู่ดี ถึงแม้ฉันจะยื่นเงินให้คุณเองก็ตาม” “ถ้าฉันให้คุณยืมเงิน 5 เหรียญ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนคุณจะมีสิทธิ์มาหยิบเงิน 5เหรียญไปจากกระเป๋าเงินของฉัน” โดยบอกว่า ‘ก็คุณให้เขาแล้วทำไมผมจะขอบ้างไม่ได้!?’ “ “ถ้าคุณมาขโมยเงินฉัน 5 เหรียญ และฉันไม่สามารถพิสูจน์ได้ในศาลก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้ขโมยเงิน 5 เหรียญ ปจากฉัน” “เพียงแค่เมื่อก่อนฉันเคยให้เงินคุณ 5 เหรียญ ไม่ได้หมายความว่าฉันจะให้ 5 เหรียญกับคุณอีกในอนาคต”…
-
19 ความล้ำของนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ พิสูจน์แล้วว่ามนุษย์นี่แหละ โคตรฉลาดเลย!!
มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถดัดแปลงสิ่งของต่างๆ เพื่อมาอำนวยความสะดวกแก่ตนเองได้ และที่ผ่านๆ มาเราก็ได้เห็นไปแล้วว่ามันเจ๋งขนาดไหน ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นเลยขอรวบรวมเอาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเจ๋งๆ ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยมนุษย์มาให้ทุกๆ คนได้ดูกัน ลองดูกันซิว่ามีชิ้นไหนบ้างที่คุณไม่เคยเห็นจนต้องร้องว๊าวกันบ้าง? 1. ปุ่มกดลิฟท์ที่ติดตั้งไว้ด้านล่าง สำหรับคนที่ถือข้าวของเยอะจนไม่สามารถกดปุ่มได้ (ใช้เท้ากดนั่นเอง) 2. ป้ายแสดงโครงสร้างของสิ่งปลูกสร้างที่เสียหายไปแล้ว เพื่อให้คนเห็นว่าเมื่อก่อนมันเคยมีหน้าตาเป็นยังไง 3. ตะกร้าของร้านขายเครื่องสำอางในเกาหลีใต้ ที่ติดป้ายสีเขียวและส้ม เพื่อแสดงให้พนักงานเห็นว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาหรือไม่ 4. ปกหนัง DVD ที่สามารถมองได้ทั้ง 2 ด้าน 5. ช้อนที่เป็นส้อมและมีไม้จิ้มฟันในเวลาเดียวกัน 6. กีต้าร์ที่ทำเป็นออดประตู 7. เปลี่ยนประตูหน้าบ้านให้กลายเป็นแอมป์กีตาร์ 8. เก้าอี้ที่สามารถพับให้กลายเป็นโต๊ะได้ 9. ป้ายเตือนในเมืองแห่งหนึ่งเขียนว่า “ถ้าคุณชนป้ายนี้ คุณก็จะชนสะพานข้างหน้าด้วย” เพื่อเพิ่มความระมัดระวังแก่คนใช้รถใช้ถนน 10. โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ นำโปสเตอร์ลายชั้นวางหนังสือมาแปะไว้ที่ประตูทางออกฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้โรคอัลไซเมอร์เปิดประตูนั้นออกไป 11. โต๊ะสาธารณะที่ออกแบบมาให้เด็กเล็กสามารถนั่งด้วยได้โดยที่ไม่ต้องปีนขึ้นมานั่งที่สูงๆ…
-
นักจิตวิทยาฮาร์วาร์ดเผย ผู้คนตัดสินคุณจากการเจอครั้งแรก ด้วยหลักการ 2 ข้อเท่านั้น!!
ว่ากันว่าผู้คนจะตัดสินคุณจากการพบเจอกันในครั้งแรก แต่คุณเคยรู้จริงๆ หรือไม่ว่า “สิ่ง” ที่พวกเขาตัดสินนั้นมันคืออะไร? บทความต่อไปนี้เป็นผลมาจากการศึกษาของศาสตราจารย์ Amy Cuddy นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับ First Impressions (ความประทับใจแรกพบ) ร่วมกับ Susan Fiske และ Peter Glick มานานกว่า 15 ปี จนพวกเขาค้นพบรูปแบบบางอย่างที่น่าสนใจเข้าให้ ศาสตราจารย์ Amy ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Presence โดยกล่าวว่าผู้คนมักจะมองเพียง 2 อย่างให้ครั้งแรกที่เจอกัน คือ 1. ฉันสามารถไว้ใจคนนี้ได้ไหม? 2. คนๆ นี้น่าเคารพหรือเปล่า? ทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมานี้มีความสำคัญกับกลุ่มคนหลายๆ กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานกับคนเยอะๆ หรือคนที่ต้องติดต่อธุรกิจสำคัญๆ เพื่อให้มีความมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับการเจรจาหรือธุรกิจของคุณนั่นเอง “จากมุมมองของการวิวัฒนาการ มันมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของพวกเรามากที่จะรู้ว่าใครเหมาะสมที่จะไว้เนื้อเชื่อใจ” ศาสตราจารย์ Amy กล่าว หากคิดดีๆ แล้วสิ่งที่ศาสตราจารย์ Amy…
-
ทำความรู้จัก Kodo Nishimura พระที่เก๋ที่สุดในญี่ปุ่น เพราะเขาเป็นช่างแต่งหน้าด้วย!?
ชาวไทยหลายๆ คนน่าจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าที่ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะนับถือศาสนาพุทธเหมือนกับเรา แต่ก็มีการแตกแขนงแยกย่อยออกไปอีกหลายนิกายมากๆ ฉะนั้นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับของนักบวชจึงแตกต่างจากบ้านเรา พระที่ญี่ปุ่นถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งเลย สามารถแต่งงานมีลูกมีเมียได้ สามารถกลับบ้านได้ ไม่ต้องจำวัดเสมอไป หรือแม้แต่เล่นดนตรีก็ยังทำได้ และในบทความนี้เอง#เหมียวฟิ้นเองก็จะพาทุกคนไปเปิดหูเปิดตาเพื่อรู้จักวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ต่างจากบ้านเราอีกครั้งหนึ่ง ภาพที่ทุกคนเห็นอยู่นี้คือพระชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Kodo Nishimura อายุ 26 ปี จากกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น คุณ Nishimura ได้เข้าฝึกอบรมและกลายเป็นพระในปี 2015 และดำเนินหน้าที่ทางศาสนานับตั้งแต่นั้นมา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะทำเพียงอย่างเดียว เพราะเขายังมีความฝันอยากจะเป็นศิลปินช่างแต่งหน้าด้วย คุณ Nishimura เล่าว่าครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยเพื่อนแต่งหน้า และเห็นว่าเพื่อนของเขามีความสุขมากขนาดไหน นั่นจึงเป็นสิ่งที่ช่วยจุดประกายให้เขาอยากเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ และฝึกฝนตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ จนมีความเชี่ยวชาญ ถึงขนาดที่ว่าเคยมีนางงามจากเวที Miss Universe มาให้เขาแต่งหน้าด้วย อันที่จริงแล้วพระในญี่ปุ่นเองก็ถูกสอนมาให้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสมถะ ฉะนั้นการที่คุณ Nishimura ออกมาทำแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเป็นช่างแต่งหน้าและเป็นพระในเวลาเดียวกัน แต่พระอาจารย์ของเขากลับสนับสนุนและบอกกับเขาว่า “มันไม่ผิดหรอกหากมันช่วยให้คุณนำคำสอนไปสู่ผู้คนได้” ชื่อเสียงของคุณ Nishimura เริ่มกลายเป็นที่พูดถึงในวงการแฟชั่นอย่างกว้างขวาง จนถูกเชิญไปถ่ายแบบในธีม Out In Japan…
-
การทานอาหารกลางวันแบบมีคุณภาพ ของเด็กญี่ปุ่น ฝึกให้รับผิดชอบตัวเองแต่เนิ่นๆ
ลองนึกย้อนกลับไปในสมัยที่ทุกๆ คนอยู่โรงเรียนประถมกันดู ในตอนนั้นพวกคุณได้กินอาหารกลางวันแบบไหนกันบ้าง? ตอนที่#เหมียวฟิ้นเด็กๆ ที่โรงเรียนไม่ค่อยจะมีของดีๆ กินเท่าไหร่นะ ไก่ทอดน่องเล๊กเล็ก ไข่พะโล้ที่แทบจะมีแต่ไข่กับน้ำอะไรแบบนี้… แต่หากคุณได้รู้ว่าโรงเรียนในญี่ปุ่นให้เด็กๆ พวกเขากินอาหารกลางวันแบบไหนล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกอิจฉาก็เป็นได้ เพราะที่นั่นเขาพยายามให้เด็กๆ ของตัวเองกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แถมยังมีแต่ของน่ากินๆ ทั้งนั้นเลยด้วย เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอสารคดีที่น่าสนใจจากช่องยูทูบ CafCu Media ที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กในโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยม โดยเหล่านักเรียนจะผลัดเปลี่ยนเวรกันเพื่อมาตักอาหารให้เพื่อนๆ ในชั้น โดยใครก็ตามที่ทำหน้าที่นี้จะต้องใส่ชุดสีขาวและหน้ากากอนามัยตามที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ เพื่อเป็นการฝึกความมีวินัย และได้เรียนรู้เรื่องความปลอดภัยในอาหารและความรับผิดชอบในตัวเอง ทางโรงเรียนจะจัดอาหารเอาไว้ให้เด็กนักเรียนเหมือนๆ กัน และทางโรงเรียนจะไม่มีตู้หยอดเหรียญเพื่อซื้อข้าวกล่องหรือขนม ฉะนั้นเด็กทุกคนจะได้กินอาหารที่มีประโยชน์เหมือนกันหมด เด็กๆ ทุกคนจะนั่งกินอาหารภายในห้องเรียน ไม่มีโรงอาหารแยกต่างหาก แต่น่าแปลกที่ห้องเรียนของพวกเขาจะไม่สกปรกเลย เพราะทุกๆ คนจะถูกปลูกฝังให้รักษาความสะอาด เมื่อทานเสร็จแล้วจะต้องเก็บให้เรียบร้อย และหากเลอะเทอะก็ต้องช่วยกันทำความสะอาด ก่อนที่เด็กๆ จะเสิร์ฟอาหารให้กับเพื่อนๆ หรือนั่งรับประทานอาหารกัน พวกเขาจะต้องทำความสะอาดมือด้วยเจลก่อน เพราะสุขอนามัยของเด็กๆ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เด็กๆ ที่รับประทานอาหารก็ต้องใส่ชุดกันเปื้อนรวมถึงหมวกด้วยนะ ก่อนรับประทานอาหาร คุณครูประจำชั้นจะเป็นผู้สรุปว่าวันนี้เราได้อะไรมาจากไหนบ้าง อย่างในวันนี้ก็จะเป็นมันฝรั่งจากฟาร์มของโรงเรียน ปลาจากตลาดในท้องถิ่น…
-
ยอดคุณแม่และลูกๆ ทั้ง 4 ร่วมช่วยกันสร้างบ้านทั้งหลัง ด้วยการดูคลิปจาก Youtube!?
ว่ากันว่าคลิปวิดีโอในเว็บไซต์ยูทูบนั้นมีเป็นล้านๆ คลิปวิดีโอ แม้คุณจะใช้เวลาทั้งชีวิตของคุณนั่งดูมันตลอดเวลา แต่คุณก็ไม่สามารถดูมันได้หมด เพราะมันเยอะม๊าก!! ซึ่งนอกจากคลิปบันเทิงๆ แล้วยังมีคลิปที่เป็นสาระอีกมากมาย มีกระทั่งคลิปสอนสร้างบ้านสร้างเรือนเลยก็มี ด้วยเหตุนี้เองเลยทำให้คุณแม่ลูก 4 อย่าง Cara Brookins ตัดสินใจเปิดคลิปจากยูทูบเพื่อสร้างบ้านให้กับลูกๆ ของเธอได้อยู่ โดยที่ไม่ต้องไปซื้อบ้านใหม่หรือเช่าเขาอยู่นั่นเอง Cara เล่าผ่านเว็บไซต์ Buzzfeed ว่าเธอนั้นเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งมันไม่ได้โอเคกับเธอเลย เพราะสามีทั้ง 2 คนที่ผ่านมาใช้ความรุนแรงกับเธอ และเธอคิดว่ายังมีอะไรดีๆ รออยู่ข้างหน้า เธอจึงหย่ากับสามีมาอยู่กับลูกๆ แทน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความรุนแรง และเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพ่อก็ตาม เธอจึงตัดสินใจสร้างบ้านด้วยตัวเอง เพื่อให้มันกลายเป็นสถานที่อันอบอุ่นที่เธอและลูกๆ จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ในปี 2007 Cara และลูกๆ Roman, Jada, Hope, และ Drew ขับรถมาตามถนนแล้วสังเกตเห็นบ้านหลังหนึ่งเสียหายหนักเพราะโดนพายุทอร์นาโด เหลือเพียงแค่ฐานของบ้านเท่านั้น มันเลยทำให้เธอคิดขึ้นมาได้ว่าอยากจะลองสร้างบ้านสักหลังดู เมื่อบอกไอเดียนี้ให้ลูกๆ ทั้ง 4…
-
วิศวกรคอมพิวเตอร์คิดค้น “ช่อดอกไม้เนื้อแดดเดียว” มอบความรู้สึกให้คนไข้ ที่ไม่เหมือนใคร
เวลาที่เราจะไปเยี่ยมคนป่วยในโรงพยาบาลสักคน สิ่งของที่เราจะหาซื้อเพื่อนำไปเยี่ยมพวกเขาก็คือช่อดอกไม้ แต่หากคุณเป็นผู้ชายแล้วคนที่คุณกำลังจะไปเยี่ยมก็เป็นผู้ชายด้วย การซื้อช่อดอกไม้ไปเยี่ยมก็ดูจะเป็นเรื่องที่ชวนให้รู้สึก…แปลกๆ สักหน่อย ด้วยความรู้สึกนี้เองจึงทำให้มีคนหัวใส คิดเปลี่ยนช่อดอกไม้ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นช่อดอกไม้เนื้อแดดเดียว ที่ทั้งสวยงามและอร่อยด้วย เพื่อให้หนุ่มๆ ไม่ต้องรู้สึกเคอะเขินเวลาไปเยี่ยมเพื่อนด้วยกันยังไงล่ะ ไอเดียวนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อราวๆ ปีก่อน มีวิศวกรคอมพิวเตอร์หนุ่มคนหนึ่งอยากจะไปเยี่ยมเพื่อนที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความที่เพื่อนเป็นผู้ชายเลยรู้สึกเขินๆ ที่จะซื้อช่อดอกไม้ไปให้ เขานั่งครุ่นคิดอยู่นานแล้วก็เหลือบไปเห็นเนื้อแดดเดียว (Beef Jerky) ในถุงหิ้วของใครสักคน เขาก็เลยปิ๊งไอเดีย ไปซื้อเนื้อแดดเดียวจากร้านค้ามาพันเป็นช่อดอกไม้แล้วเอาไปเยี่ยมเพื่อนซะเลย หลังจากนั้น 1 ปี เขาก็หาคนทำเว็บไซต์ หาช่างภาพ และนักออกแบบ มาช่วยกันคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ จนเกิดเป็นแบรนด์ที่ชื่อว่า Say It with Beef ไม่ว่าคุณจะมีความรู้สึกอะไรอยู่ในใจ ให้ช่อดอกไม้เนื้อแดดเดียวพูดแทนสิ… สินค้า 2 แบบแรกที่เขาคิดค้นขึ้นมาคือช่อดอกกุหลาบและช่อดอกเดซี่ แถมมีบริการส่งถึงที่ด้วยนะ ให้คนไข้ของคุณเอาไปเคี้ยวเล่นเพลินๆ ระหว่างนอนพักฟื้น รับรองว่าเขาจะจดจำดอกไม้ของคุณไปอีกนาน …
-
หนังที่เกมเมอร์เป็นพระเอก Farbricated City เมื่อเขาถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร จึงต้องพิสูจน์ความจริง!!
ทุกครั้งที่เราพูดถึงคำว่าเกมเมอร์ บางคนอาจจะติดภาพถึงคนที่เอาแต่เล่นเกม ไม่ยอมทำงานทำการ แต่ในประเทศกาหลีนั้น การเล่นเกมถือเป็นเรื่องที่จริงจังมากพอๆ กับการเล่นกีฬาเลย ในปัจจุบันจึงเกิดบริษัทผลิตเกม และการแข่งขันเล่นเกมแบบเป็นทัวร์นาเม้นให้เราเห็นกัน ด้วยไอเดียนี้เองทำให้บริษัทผลิตภาพยนตร์ในเกาหลี เอาเรื่องของเกมเมอร์มาสร้างเป็นหนังซะเลย ตัวอย่างหนังที่#เหมียวฟิ้นจะให้ดูต่อไปนี้มีชื่อว่า Farbricated City เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับควอนยู เกมเมอร์ผู้ไม่มีงานทำและเล่นเกมแบบจริงจังสุดๆ แต่วันหนึ่งเขาก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรฆ่าเด็กสาวคนหนึ่ง เขาจึงต้องออกตามหาว่าใครคือฆาตกรตัวจริง ในระหว่างนั้นควอนยูก็ได้รับความช่วยเหลือจากแฮกเกอร์สาว เพื่อช่วยให้เขาเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ แต่ยิ่งค้นหาความจริงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งพบกับเรื่องราวอันน่าประหลาดใจ เพราะดันมีองค์กรลึกลับอยู่เบื้องหลังจากถูกใส่ร้ายป้ายสีครั้งนี้ด้วย ทำให้ควอนยูต้องเอาตัวรอดในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งที่เป็นเพียงเกมเมอร์ธรรมดาๆ เท่านั้น สำหรับใครที่ชอบเนื้อเรื่องแบบนี้ ลองชมตัวอย่างแบบเต็มๆ ได้ที่นี่เลย โปสเตอร์แรกจากหนัง ตัวหนังมีกำหนดฉายในเกาหลีช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ส่วนในไทยยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน หวังว่าจะมีค่ายหนังในไทยรับไว้พิจารณานะ ที่มา CJ ENTERTAINMENT , jediyuth
-
ประหยัดไปเย๊อะ!! 10 สินค้าที่ลดราคาทันทีหลังจาก “จ่าพิชิต” ซื้อ ใครอยากได้ของถูกดูไว้
การซื้อสินค้าอะไรสักอย่างแล้วมารู้ในภายหลังว่าสินค้านั้นกำลังลดราคาหรือพบว่าราคาของมันถูกกว่าที่เราซื้อมา มันคงจะทำให้เรารู้สึกเฟลไปพอสมควร แต่เชื่อเถอะว่าคงไม่มีใครในประเทศนี้รู้สึกเฟลไปมากกว่าชายผู้นี้อีกแล้ว บุคคลที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือ “จ่าพิชิต” เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ Drama-Addict ที่ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรใดๆ ในโลกนี้ก็ตาม เดือนต่อมา อาทิตย์ต่อมา วันต่อมา หรือชั่วโมงถัดมา เขาจะต้องค้นพบว่าสินค้าที่เขาเพิ่งซื้อไปลดราคาอยู่เสมอๆ!! ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือมีใครกลั่นแกล้งเขาหรือเปล่า แต่หากใครที่ติดตามเฟซบุ๊กของเขามานานก็จะพบว่าทุกสินค้าและผลิตภัณฑ์จะลดราคาจริงๆ จนเขาได้รับฉายา Discount Man (มนุษย์ลดราคา) มาแบบไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก ในบทความนี้#เหมียวฟิ้นเลยรวบรวมเอาสินค้าต่างๆ รวมไปถึงบริการที่จ่าพิชิตได้จ่ายเงินซื้อไปแล้วลดราคาราวปาฏิหาริย์มาให้ได้ดูกัน เผื่อว่าคุณอาจจะเล็งๆ สินค้าตัวไหนอยู่ก็ลองดูสิ่งเขาจะซื้อไว้ได้เลย 1. เมื่อนานมาแล้ว จ่าพิชิตเคยไปนั่งกินร้านโมชิร่อนเขตปทุมวัน แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานร้านก็ได้ประกาศลดราคาของกินทุกอย่างภายในร้าน 15% 2. จ่าพิชิตเคยซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันมาในราคา 6 พันกว่าบาท แต่หลังจากนั้นก็ต้องอึ้งกิมกี่เพราะมีคนแชร์ภาพสินค้าชิ้นเดียวกันนี้ที่ลดราคาถึง 4,990 บาท 3. ครั้งหนึ่งจ่าพิชิตซื้อลูกบอลออกกำลังกายเพื่อเอามาใช้นั่งทำงานในราคาประมาณ 500 บาท แต่ดันมาเจอในเว็บไซต์แห่งหนึ่งราคา 268 บาท 4. ช่วงหนึ่งจ่าพิชิตตามซื้อ iPod Touch 64 GB แต่กลับบ้านมาแล้วพบว่า iPhone…
-
กลับมาแล้ว!! เปิดตัว “Nokia 6” สมาร์ทโฟนพร้อมระบบแอนดรอยด์ เตรียมวางจำหน่ายในจีนเร็วๆ นี้
หลังจากที่ Nokia ประกาศขายแผนกมือถือให้กับ Micorsoft ไปเมื่อปี 2014 จากนั้นก็ไม่มีมือถือรุ่นใหม่ๆ ออกมาจากแบรนด์นี้ให้เห็นอีกเลย แต่กลายเป็นมือถือยี่ห้อ Microsoft แบบเต็มๆ ไปแทน แม้จะมีการวางขายฟีเวอร์โฟน (มือถือที่ไม่มีระบบปฏิบัติการณ์) อยู่บ้าง แต่แฟนๆ หลายคนก็ยังคงบ่นอุบว่าเมื่อไหร่แบรนด์ในตำนานอย่าง Nokia จะกลับมาทำสมาร์ทโฟนให้เหล่าสาวกใช้กันสักที? และก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 ที่ผ่านมาทางผู้บริหารระดับสูงอย่าง Rajeev Suri ได้ออกมาบอกว่า Nokia เตรียมที่จะส่งมือถือรุ่นใหม่ออกมาให้เราได้ชมกันภายในปี 2016 แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีมีวี่แวว (อ่านข่าว Nokia ได้ที่นี่เลย) แต่ตอนนี้แฟนๆ เตรียมเฮได้แล้ว เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศหลายๆ แห่งได้มีการปล่อยคลิปเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Nokia โดยครั้งนี้มาในชื่อรุ่นว่า Nokia 6 จากข้อมูลตามเว็บไซต์ Phonearena บอกว่าเจ้า Nokia 6 จะมาพร้อมกับกระจก Gorilla Glass 3 ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วแบบ Full…