Tag: ข่าวในประเทศ

จากกรณีของที่นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย รองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย หนึ่งในแกนนำนักศึกษาผู้ชูป้าย “ชาวจุฬารักลุงตู่ (เผด็จการ)” ให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ทำการท้าดีเบตกับนายก เพื่อหาทางออกให้กับประเทศจากวิกฤตในทุกมิติ แต่กลับถูกนายกปฏิเสธ เจ้าตัวจึงได้นำเอาภาพและข้อความของนายกที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ในหลายๆ ประเด็นเช่น ปัญหามะนาวแพง รถไฟรางคู่  ไปจนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน มาทำการดีเบตด้วยตนเองผ่านหน้าเฟซบุ๊ก Tanawat Wongchai พร้อมกับบอกว่ารอให้นายกมาพูดคุยด้วยเสมอ     ข้อความเต็มผ่านเฟซบุ๊ก Tanawat Wongchai   ปัญหามะนาวแพง   ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น   รถไฟรางคู่   ผู้มีรายได้น้อย   แจ๊ก หม่า   รัฐธรรมนูญ   อนาคตที่อยากเห็น 12 ประการ   ที่มา Tanawat Wongchai

ขณะนี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอของชายกลุ่มหนึ่งที่สวมใส่ชุดไทย พร้อมกับถืออาวุธปืนหลายประเภท ก่อนจะโชว์การยิงลงข้างทางพร้อมกับเสียงดังสนั่น คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก ข่าวข้น คนโคราช โดยคุณ ชยาภัสร์ แซ่อือ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 เมษายน 2018 ตามรายงานระบุว่าคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกถ่ายได้ที่บริเวณตำบลหานโพธิ์ อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา     จากคลิปวิดีโอปรากฏภาพของชายฉกรรจ์ราวๆ 7-8 คน ในชุดไทย พร้อมกับมีการพูดคุยกันในสำเนียงแบบคนภาคใต้ (สามารถชมคลิปวิดีโอได้ที่ www.facebook.com/100007880951557/videos/2036939253245420/) .   หลังจากที่คลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไปได้ไม่นาน ก็กลายเป็นกระแสไวรัลที่ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างว่าเป็นพฤติกรรมที่อันตรายและผิดกฎหมาย ล่าสุดได้มีพลเมืองดีนำเอาคลิปวิดีโอดังกล่าวไปร้องเรียนกับทางจังหวัดและตำรวจภูธรพัทลุง ขอให้มีการตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวกลุ่มชายในชุดไทยทั้งหมดแล้ว และได้มีการเร่งตรวจสอบอาวุธปืนทั้งหมดว่ามีชนิดใดบ้างพร้อมกับตรวจสอบประวัติของกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดด้วย เนื่องจากพกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร     ที่มา ชยาภัสร์ แซ่อือ , เมืองลุงโพสต์

หลายครั้งที่เราได้เห็นการแสดงน้ำใจและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคนแปลกหน้าผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ทำให้เราเห็นว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย นี่เป็นเรื่องราวของคุณกวาง เทพประเสริฐ วรรณกาล ชายหนุ่มจากจังหวัดอำนาจเจริญ ที่เพียรพยายามดูแลแฟนสาวของเขา คุณเก๋ ศศิมาภรณ์ บุญโท เนื่องจากเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปอดระยะสุดท้าย พร้อมกับลูกวัย 10 ขวบอีก 1 คน     ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา คุณกวางได้โพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านหน้าเฟซบุ๊กของตัวเองที่ชื่อ บุคคล ศูนย์หาย เพื่อขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปเปลี่ยนถังออกซิเจนให้กับแฟนสาว เนื่องจากตนเองต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลแบบเต็มตัว ประกอบกับโรคที่เธอเป็นนั้นทำให้หายใจลำบาก จึงอยากวอนขอผู้ที่มีจิตเมตตาช่วยต่อลมหายใจให้กับแฟนของเขา   ข้อความจากเฟซบุ๊กของคุณกวาง .   ภาพของคุณกวางที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาดูแลแฟนสาว   หลังจากที่ข้อความของคุณกวางถูกแชร์ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความช่วยเหลือแก่ทั้งสองคน หลายคนช่วยกันกดแชร์ข้อความของเขา และอีกหลายคนก็ช่วยกันโอนเงินบริจาค หรือบางคนทำธุรกิจเกี่ยวกับถังออกซิเจนอยู่แล้ว ก็เสนอความช่วยเหลือให้กับเขา   . . . . .   ต่อมาในวันที่ 23 เมษายน ทีมงานเฟซบุ๊กเพจ ฮักอำนาจเจริญ ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือทั้งคู่แล้ว โดยให้รายละเอียดไว้ว่าตอนนี้มีหน่วยงานรัฐและเอกชนสนใจให้ความช่วยเหลือทั้งสองรวมไปถึงการปรับปรุงสถานที่พักอาศัยให้เหมาะสมและสะดวกแก่ผู้ป่วยอีกด้วย   .…

“ไม่ครับไปส่งรถ” “ไปเติมแก๊ส” “เส้นนั้นรถติดครับพี่” “ราคาเหมาได้ไหมครับ” และอีกสารพัดคำตอบอันหนักแน่นจากเหล่าแท็กซี่ผู้น่ารัก ที่เรามักจะได้ยินเวลาที่เราอยากจะโบกรถแท็กซี่แอร์เย็นๆ สักคันกลับบ้านไปพักผ่อน ด้วยปัญหาการที่แท็กซี่หลายๆ คันเลือกรับผู้โดยสาร และขอค่าโดยสารเป็นราคาแบบเหมาๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้โดยสารอย่างเรารู้สึกท้อแท้ในการเรียกพี่ๆ ทั้งหลาย และถึงจะมีการจดป้ายทะเบียนแล้วนำไปร้องเรียนกับกรงขนส่ง แต่พวกพี่ๆ แท็กซี่จะก็ถูกปรับเพียง 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งดูจะไม่รุนแรงเท่าที่หลายๆ คนคาดหวังไว้     ภาพของพี่ๆ แท็กซี่ที่พากันปฏิเสธผู้โดยสารในวันฝนตกช่วงต้นเดือนเมษายน 2018 ที่ผ่านมา (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่)   จากค่าปรับเพียง 1,000 บาทที่เราเห็น ก็เลยทำให้หลายๆ คนสงสัยกันมากว่าในต่างประเทศล่ะ มีบทลงโทษสำหรับการปฏิเสธผู้โดยสารยังไงบ้าง? และนอกจากการปฏิเสธผู้โดยสารแล้วมีกรณีไหนอีกไหมที่พวกเขาจะถูกปรับ? ลองมาไล่ดูกันไปเป็นข้อๆ เลย 1. เกาหลีใต้ อย่างกรณีแรกนี้เป็นเรื่องราวของกฎหมายใหม่ของแท็กซี่ในประเทศเกาหลีใต้ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร ที่ออกมาเมื่อปี 2015 ที่ระบุว่าหากแท็กซี่คันไหนปฏิเสธผู้โดยสารจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 2 แสนวอน (ประมาณ 5,860 บาท) ถ้าหากแท็กซี่คันเดิมถูกจับได้อีกเป็นครั้งที่ 2 จะถูกจับปรับเป็นเงิน 4 แสนวอน (ประมาณ 11,723 บาท) ถูกพักใบขับขี่ไป…

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 เมษายน 2561 เฟซบุ๊กเพจ แหม่มโพธิ์ดำ ได้แชร์คลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจของหญิงสาวรายหนึ่งที่มีใบหน้าสะบักสะบอมจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม พร้อมกับมีเสียงของชายหนุ่มพูดจาข่มขู่เธออยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเหลือเธอโดยด่วน     ทั้งนี้เฟซบุ๊กของแหม่มโพธิ์ดำได้ให้รายละเอียดไว้ว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อ Global Fx Investment ซึ่งเป็นการเผยแพร่ให้เพียงสมาชิกในกลุ่มดูเท่านั้น ทั้งนี้มีข้อมูลบอกว่าเสียงของชายหนุ่มผู้อยู่หลังกล้องมีชื่อว่า นายเอ็ม ชัยชนะ ศิริชาติ ซึ่งเป็นแอดมินของกลุ่มดังกล่าว ได้ทำการไลฟ์คลิปดังกล่าวออกมา 4-5 คลิปแล้ว จึงอยากวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันตามสืบหาที่อยู่เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวเป็นการด่วน     “กูเตือนมึงไหม ก่อนสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น กูเตือนมึงกี่เดือน มึงจะเล่าหรือไม่เล่า กูเ_ี้ยเพราะมึงมาเยอะแล้ว กูฆ่ามึงแน่ถ้ามึงไม่พูดความจริงตอนนี้ อย่ายุ่งกับครอบครัวกู” ประโยคหนึ่งจากคลิปวิดีโอดังกล่าว   อัปเดตล่าสุดเจ้าหน้าที่เจอญาติของหญิงสาวแล้ว และกำลังเข้าไปช่วยเหลือ แต่โชคร้ายที่หญิงสาวถูกตัดนิ้วก้อยไปแล้ว อัปเดต: ทางญาติยืนยันว่าอวัยวะอยู่ครบ เพียงแต่มีบาดแผลและฟกช้ำไปทั่วทั้งตัว   อัพเดทล่าสุด 18.00 น. ตำรวจ สน.บึงกุ่ม บุกเข้าคอนโดที่เกิดเหตุ เพื่อควบคุมตัวผู้กระทำการดังกล่าว   อัปเดต 19.20 : เจ้าหน้าที่เข้าช่วยออกมาได้แล้ว   ที่มา แหม่มโพธิ์ดำ

กลายเป็นประเด็นดราม่ากันมาได้พักใหญ่ๆ แล้ว สำหรับการก่อสร้างบ้านพักตุลาการบนที่ดินเชิงดอยสุเทพ จนทำให้ชาวเชียงใหม่แสดงความไม่พอใจเนื่องจากมีการทำลายผืนป่าและสร้างบ้านโดยไม่ได้รับความเห็นชอบ แม้จะมีการเสนอแนวทางในการปรับปรุงให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชน และขอเวลาปรับปรุงพื้นที่เป็นเวลา 10 ปี แต่ก็ดูจะยังไม่เป็นที่น่าพอใจ (อ่านข่าวเก่าที่นี่)     ล่าสุดได้เกิดเป็นปรากฏการณ์ “โซเชียลแซงก์ชั่น” (การลงโทษทางสังคม) ขึ้นในหลายๆ พื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยพ่อค้าแม่ค้าและผู้ให้บริการรถประจำทาง (รถแดง) ได้มีการติดป้ายข้อความที่ระบุว่าจะไม่ขายสินค้านั้นๆ ให้กับผู้ที่ทำลายผืนป่า หรือหากบางที่ไม่ได้เขียนข้อความไว้ก็จะมีการติดริบบิ้นสีเขียวเอาไว้แทน เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าพวกเขาจะไม่ให้บริการกับผู้ที่ทำลายป่าเช่นกัน     ภาพทั้งหมดถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กที่เปิดขึ้นเพื่อประณามการทำลายป่าเพื่อสร้างบ้านพักตุลาการ รณรงค์ให้ผู้คนตื่นตัวและเรียกร้องให้ภาครัฐมีการฟื้นฟูพื้นที่บริเวณนั้น พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “อยู่ได้ก็อยู่ไป!! ให้มันรู้กันไประหว่าง ‘คนเชียงใหม่กับคนหมู่บ้านป่าแหว่ง’ ใครมันจะแน่กว่ากัน ถ้าคุณคิดว่าสามารถทนกระแสสังคมคนเชียงใหม่ไปได้ก็เชิญอยู่ตามสบายเลย #เราคนเชียงใหม่ไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับคนบ้านป่าแหว่ง #ขอคนละหนึ่งภาพคัดค้านบ้านป่าแหว่งจัดมา #เชียงใหม่โมเดล #เพจขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”     “ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนทำลายป่า ร่วมใจทวงคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ลงชื่อได้ใน Change.org”   เสื้อยืดที่มีข้อความว่า “ขอคืนพื้นที่ป่า ดอยสุเทพ”   ริบบิ้นสีเขียว ที่เป็นสัญลักษณ์ทวงคืนผืนป่า . . . .  …

กลายเป็นที่พูดถึงในโลกอินเตอร์เน็ตอยู่ในขณะนี้ สำหรับคลิปวิดีโอของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่อ้างว่าตัวเองนั้นมียศเป็นรองผู้กำกับ และพยายามพูดจาข่มขู่ร้านขายอุปกรณ์ไอทีว่าตนเองมีอำนาจสั่งปิดได้ หลังซื้อสินค้าไปแล้วมีปัญหา     คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กของคุณ ไชยยศ ไชยพฤกษ์ นายกเทศมนตรีตำบลอุ่มเม้า จ.ร้อยเอ็ด เมื่อช่วงดึกของวันที่ 19 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้อ้างว่าตนเองเป็นรองผู้กำกับการฝ่ายปราบปรามของสถานีตำรวจภูธรพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในคลิปวิดีโอเป็นการแอบถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว เผยให้เห็นสถานการณ์ภายในร้าน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพูดจาในเชิงข่มขู่ว่าจะปิดร้านขายอุปกรณ์ไอทีดังกล่าวเพราะสินค้าของร้านแห่งนี้ไม่ได้คุณภาพ และบอกว่าตนเองมีอำนาจพอ     ข้อความบนเฟซบุ๊กของคุณ ไชยยศ ไชยพฤกษ์ เขียนไว้ว่า “ตำรวจตัวนี้มันเป็นรองผู้กำกับการฝ่ายปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ที่มีข่าวว่ามันต่อยนายก อบต.ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พูดตรงๆนะครับ ถ้ามันสำรากพฤติกรรมกับผมเยี่ยงนี้ ผมจะเตะให้มันจมกองขี้เลยครับ พับผ่าสิ!” ต่อมาพนักงานของร้านจึงพยายามอธิบายว่าสินค้าไม่ได้ชำรุดตั้งแต่แรกแต่เป็นเพราะตำรวจโยนลงพื้นเอง แต่ตำรวจรายดังกล่าวไม่ฟังเหตุผลพร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่าสินค้าในร้านเป็นของหนีภาษีหรือไม่ จึงเรียกดูใบสั่งซื้อขายในทันทีแม้ว่าพนักงานจะอธิบายว่าใบสั่งซื้อไม่ได้อยู่ที่พวกตนแต่อยู่ที่เจ้าของร้านก็ตาม     ล่าสุดรายการทุบโต๊ะข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.วีระยุทธ ใบภักดี ผกก.สภ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จึงทราบว่าคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อราวเดือนกรกฎาคมปี 2017 โดยตำรวจในคลิป คือ พ.ต.ท.ยุทธนา บรรจุปรุ รองผู้กำกับการฝ่ายปราบปราม สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งเหตุการณ์นั้นเป็นช่วงที่ พ.ต.ท.ยุทธนา…

ดูเหมือนปัญหาแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร หรือรับไปแล้วทิ้งไว้กลางทางจะยังคงมีให้เห็นอยู่ไม่ขาด และแม้ว่าจะมีการพยายามแก้ไขปัญหาตรงนี้เท่าไหร่ก็ตามก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักที ล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่าคุณ Sukanya Saetiao ได้ออกมาอัดคลิปวิดีโอ หลังจากที่เธอโบกแท็กซี่จากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปยังเขตห้วยขวาง แต่กลับถูกคนขับแท็กซี่ทิ้งลงข้างทางแบบงงๆ     คุณสุกัญญาบอกเล่าผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองว่าเธอโบกแท็กซี่หมายเลขทะเบียน ทส-9435 จากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปห้วยขวาง แต่ระหว่างนั้นคนขับแท็กซี่กลับไม่ยอมกดมิเตอร์และบอกกับผู้โดยสารว่าจะขอเก็บค่าโดยสาร 500 บาทเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลและมีรถติดหนัก โดยที่ไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สุดท้ายคุณสุกัญญาจึงต้องลงจากรถบริเวณถนนมอเตอร์เวย์ และเรียกรถ Grab ให้มารับเธอ แม้ในระหว่างที่เธอรอรถอยู่ข้างทางจะมีแท็กซี่อยู่หลายคันที่จอดเพื่อรอรับ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะใช้บริการเนื่องจากแท็กซี่หลายคันไม่ยอมกดมิเตอร์     นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงของคนขับแท็กซี่ที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการรับผู้โดยสารชาวต่างชาติด้วยว่า “ที่แท็กซี่ไม่อยากรับคนไทยก็เพราะอย่างงี้แหละครับ คนขับแท็กซี่เขาถึงรับแต่คนต่างชาติ”     ชมคลิปวิดีโอเต็มๆ ได้ที่นี่เลย   ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 16 เมษายน 2561 กรมขนส่งทางบกได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า หลังจากตรวจสอบแท็กซี่คันดังกล่าวพบว่าผู้ประกอบการคือ สหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัคร จึงได้ประสานผู้ประกอบการให้ติดตามตัวพนักงานขับรถมารายงานตัวแล้ว โดยจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท ทั้งนี้หากผู้อ่านคนไหนเจอกรณีคล้ายๆ กับผู้โดยสารรายนี้ หรือถูกเก็บค่าโดยสารที่แพงเกินกว่าปกติ ให้โทรแจ้งกรมขนส่งทางบกได้ที่หมายเลข 1584 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดบทลงโทษแก่คนขับต่อไปในอนาคตนะครับ   ที่มา Sukanya Saetiao , ins.dlt.go.th

จะบอกว่าละครบุพเพสันนิวาสทำให้คนกลับมาฮิตใส่ชุดไทยกันอีกครั้งก็คงจะไม่เกินเลยนัก ด้วยความสวยงามของเครื่องแต่งกาย ทำให้เดี๋ยวนี้มีการจัดแคมเปญหลายๆ อย่างเพื่อให้คนใส่ชุดไทยกันมากขึ้น บางที่อาจจะเพื่อความสวยงามหรือบางที่อาจจะได้รับส่วนลดในบริการต่างๆ ด้วย ล่าสุดเราไปเจอการแต่งชุดไทยแบบสวยๆ มาอีกแล้วล่ะ เป็นภาพของบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่พากันแต่งชุดไทยไปรักษาคนไข้ ราวกับเป็นพี่หมื่นออกมารักษาคนเองยังไงยังงั้นเลย     เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2018 เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้เผยแพร่ภาพของพันเอกสงคราม โชคชัย ผอ.รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน พร้อมด้วยพยาบาลและบุคลากรอื่นๆ ที่พากันแต่งชุดไทยออกมาตรวจร่างกายและรักษาคนไข้ เพื่อสร้างความสนุกสนาน สดใส และสดชื่นให้กับทุกๆ คน     ความดันออเจ้าน่าจักคงที่แล้วหนา . . . .   นอกจากนี้ยังมีการเปิดโครงการการ “เมาไม่ขับนะออเจ้า” เพื่อเป็นการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย     ขับขี่ปลอดภัยกันนะออเจ้า   ที่มา โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน

ตามทางเท้าหรือฟุตปาธ เรามักจะได้เห็นกระเบื้องที่นูนๆ ขึ้นมาจากพื้น ที่เรียกว่า Braille Block นั่นก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าผู้พิการทางสายตา ให้สามารถเหยียบไปตามเส้นนูนได้อย่างปลอดภัย แต่หากเส้นนูนเหล่านั้นมันดันนำทางไปผิดที่หรือมีอะไรมากีดขวาง นั่นก็อาจหมายถึงอาการบาดเจ็บที่ผู้พิการต้องเจอนั่นเอง   ภาพตัวอย่าง Braille Block จากญี่ปุ่น   ล่าสุด#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอเข้ากับภาพชุดหนึ่งจากเพจ The Sidewalk โลกกว้าง ข้างทางเท้า เป็นภาพทางเท้าบริเวณซอยพหลโยธิน 11 ที่วางกระเบื้องแบบแปลกๆ จนอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ จากข้อมูลบอกว่ากระเบื้อง Braille Block นั้นมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือแบบที่เป็นเส้นนูนๆ เพื่อบอกให้ผู้พิการรู้ว่าต้องเดินตรงไปข้างหน้า ส่วนแบบที่เป็นเส้นจุดๆ นั้นบอกให้รู้ว่าต้องหยุดระวัง ซึ่งแบบหลังมักถูกนำไปวางไว้บริเวณที่เป็นทางแยกหรือจุดเลี้ยว     แต่จากชุดภาพดังกล่าวจะเห็นได้ว่า Braille Block นั้นมีการขาดช่วง วางผิดตำแหน่ง มีสิ่งกีดขวาง หรือหักเลี้ยวแบบกะทันหัน   อย่างเช่นภาพนี้ หากมีคนตาบอดเดินมาก็มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะชนเสาไฟฟ้า   หรือถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจสร้างความสับสนได้ ว่าควรจะไปทางไหนดี   แบบนี้น่าจะชนแบบ 100%   หรือการออกแบบทางเท้าที่เล็กเกินไปจนทำให้เดินไม่สะดวก  …

กลายเป็นกระแสให้โลกโซเชียลถกเถียงกันอย่างร้อนแรง เมื่อมีการแชร์คลิปวิดีโอของคุณครูรายหนึ่งขณะบังคับให้นักเรียนก้มลงกับพื้นเพื่อกราบรองเท้า!? เมื่อช่วงบ่ายสองของวันที่ 4 สิงหาคม เฟซบุ๊กเพจ DR.K v.3 ได้แชร์คลิปวิดีโอของคุณครูในอ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ขณะทำโทษนักเรียนเนื่องจากวางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ โดยการสั่งให้เด็กนั่งลงกับพื้นแล้วนำรองเท้ามาวางไว้บนหัว ก่อนจะสั่งให้เด็กนักเรียนก้มลงไปกราบรองเท้าต่อหน้าเพื่อนๆ นับสิบคน   หลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตามมา โดยบางความเห็นมองว่าการกระทำของคุณครูดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ ในขณะที่บางรายบอกว่าควรมองที่ต้นเหตุว่าเกิดจากอะไรมากกว่า   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย วุฒิภาวะขนาดนี้แต่ยังใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง…ยังไงก็ไม่สมควรทำแบบนี้กับเด็กว่ากล่าวตักเตือนก็ได้…ไปอารมณ์เสียมาจากไหนวะ #เเค่วางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ #เหตุเกิดที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี โพสต์โดย DR.K v.3 บน 4 สิงหาคม 2017   ความเห็นบางส่วนจากโลกออนไลน์ ต่อกรณีคุณครูลงโทษเด็กนักเรียน เยลลี่ สีโซดา “นี่ไม่ใช่การสั่งสอนหรือสมควรที่จะได้รับบทลงโทษแบบนี้ ครูนี่ใส่อารมณ์อย่างฉุนเฉียวแบบรุนแรงเลย มีเตะมีเขี่ยรองเท้า กระทืบๆ รองเท้าคู่นั้นด้วย” Ning Neverdie “เด็กเขาอายเพื่อนนะนั้น สภาพจิตใจของเด็กจะเป็นยังไงน้อ คุณครูขาาา” Shaye Saint John “ต้องดูก่อนเด็กมันทำอะไร ครูมันอาจจะคิดไม่ออกว่าควรทำโทษอย่างไรให้เด็กมันสำนึกก็เลยทำแบบนี้” Olichika Wivien…

กลายเป็นข่าวที่ชวนอื้อหือทีเดียว สำหรับกรณีที่สำนักข่าว ThaiPBS ได้รายงานว่าเทศบาลนครศรีธรรมราชได้จัดตั้งงบกว่า 1,600,000 บาท เพื่อซื้อกล้องวงจรปิด 2 ตัว (ตกตัวละ 8 แสนบาท) ไว้ใช้สำหรับติดบริเวณบ่อขยะในต.นาเคียนและต.นาทราย     หลังจากที่ข่าวนี้ถูกแชร์ออกไป ก็สร้างเสียงวิพากษณ์วิจารณ์จากสังคมว่าจำนวนเงินทั้งหมดนั้นแพงเกินไปหรือไม่? #เหมียวฟิ้นจึงได้ทำการรวบรวมกล้องจรปิด 7 รุ่น ที่อังกฤษยกย่องว่าเป็นกล้องวงจรปิดที่มีคุณภาพสูงที่สุด แต่ราคาแค่หลักหมื่นเองนะ มาให้ทุกๆ คนได้ดูกัน เผื่อว่าจะเป็นแนวทางในการสั่งซื้อกล้องวงจรปิดในครั้งต่อๆ ไปในอนาคต ช่วยประหยัดงบประมาณได้เพียบ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย   1. Swann DVR4-2600 สามารถบันทึกวิดิโอได้ที่ความละเอียด 480p มีเครื่องบันทึกวิดีโอในตัว ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเปิดคอมไว้ตลอดเวลา มีโหมดบันทึกตอนกลางคืน 4 แบบ และสามารถกันน้ำได้อย่างดี ใช้ได้ทั้งในและนอกอาคาร ราคา: 449 เหรียญดอลลาร์ หรือราวๆ 15,700 บาท   2. Smart Monitoring by AlertMe มันคืออุปกรณ์เตือนภัยในหลากหลายรูปแบบทั้งรีโมทควบคุม ปลั๊ก พวกกุญแจ และกล้องวงจรปิด มันสามารถทำงานร่วมกับแอพฯ…

แท็กซี่ถือเป็นระบบขนส่งที่ได้รับความนิยมจากคนเมืองมากๆ เพราะมันมีความเป็นส่วนตัวและรวดเร็วกว่ารถเมล์ และสามารถไปส่งคุณในสถานที่ที่เจาะจงได้ แต่บางครั้งคุณก็อาจจะต้องสังเกตที่มิเตอร์ของรถด้วยว่ามันมีความผิดปกติหรือไม่ เพราะไม่งั้นคุณอาจจะต้องจ่ายค่าโดยสารให้กับคนขับในจำนวนที่แพงกว่าค่าโดยสารปกติถึงหลายเท่าทีเดียว   เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นหยิบยกมาเล่าต่อไปนี้มาจากคุณศุภธัช บัวทองแก้ว จากกรุงเทพมหานครฯ โดยเขาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 12 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้ไปใช้บริการรถแท็กซี่คันหนึ่งบริเวณแฟชั่นไอส์แลนด์ แต่หลังจากที่คนขับแท็กซี่ออกตัวไปได้ไม่นาน เขาก็พบสิ่งผิดปกติบางอย่าง เพราะเมื่อมองที่มิเตอร์ของรถ ค่าโดยสารกลับพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ   จากภาพนี้จะสังเกตได้ว่าตัวเลขของค่าโดยสารพุ่งขึ้นราวๆ วินาทีละ 1 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เกินกว่าที่กฎหมายระบุเอาไว้ ซึ่งอัตตราค่าโดยสารจากกิโลเมตรที่ 1 ถึงกิโลเมตรที่ 10 อยู่ที่กิโลเมตรละ 5.50 บาท และกิโลเมตรที่ 10 ถึงกิโลเมตรที่ 20 กิโลเมตรละ 6.50 บาท   คลิปหลักฐานที่เขาถ่ายเอาไว้…   นอกจากนี้คุณศุภธัชยังได้มีการถ่ายรูปป้ายทะเบียนของแท็กซี่คันดังกล่าวเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้บริการคนต่อไป   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไปก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย แถมยังมีชาวเน็ตอีกหลายรายพากันแชร์เรื่องราวการถูกโกงค่าแท็กซี่อีกเพียบ   ว่าที่ร้อยตรี ยอดรัก หงษา “ผมก็เคยเหตุการแบบนี้แหละครับ นั่งจากบางพลีใหญ่มา บางบอน วิ่งเส้นพระราม2…

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีอยู่ของหน่วยงานที่ชื่อ กยศ. (กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา) ทำให้เด็กไทยเป็นแสนเป็นล้านคนสามารถมีทุนการศึกษาเพื่อเล่าเรียนต่อและต่อยอดโอกาสให้กับตัวเอง โดยส่วนตัว#เหมียวฟิ้นเองในช่วงมัธยมก็ได้กู้เพื่อมาเรียนเหมือนกัน แต่คนบางคนเห็นว่ามีดอกเบี้ยที่ต่ำก็เลยเอาเงินไปผ่อนมือถือหรือซื้อของใช้ฟุ่มเฟือยเสียมากกว่า และเมื่อจบการศึกษาไปแล้วกลับไม่ยอมใช้หนี้ กยศ. จนตอนนี้มีรายชื่อผู้ค้างชำระหนี้มากถึง 1.9 ล้านราย   ด้วยเหตุนี้เองทางกยศ.จึงได้เตรียมร่างกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อทำให้การกู้ยืมเงินเป็นไปได้ยากขึ้นและสร้างกฎเกณฑ์เพื่อให้คนหันกลับมาชำระหนี้หลังจากที่จบการศึกษาไปแล้ว โดยในร่างกฎหมายฉบับเดิมระบุว่าผู้มีสิทธิ์กู้คือนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่ในร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้จะเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีก ว่านอกจากจะขาดทุนทรัพย์แล้วจะต้องเป็นนักเรียนนักศึกษาที่เรียนในสาขาที่มีความจำเป็นพ่อประเทศหรือสาขาที่ประเทศกำลังขาดแคลน (ถ้าเรียนตามใจตัวเองก็จะไม่สามารถกู้ได้) และต้องเรียนดีด้วย     ต่อไปนี้จะเป็นการเปรียบเทียบเงื่อนไขการกู้ยืมเงินแบบเก่าและแบบใหม่ดูว่ามีความแตกต่างกันยังไงบ้าง!?   1. เรื่องผลการศึกษา แบบเก่า: เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.00 แบบใหม่: เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1.00 จุดนี้จะเห็นได้ว่าเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีผลการเรียนแย่กว่าเดิมสามารถกู้ได้ เหมือนกับการเปิดโอกาส แต่การที่จะมีคนได้เกรด 1.00 หรือ 1.25 แล้วได้เรียนต่อไป (จุดนี้ต้องตั้งคำถามว่ายังมีสถาบันที่เปิดโอกาสให้เรียนต่อไปอีกหรือไม่ เพราะบางสถาบันเกรดต่ำกว่า 1.75 หรือ 2.00 ก็จะถูกบังคับออกแล้ว)   2. ดอกเบี้ย แบบเก่า: ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี แบบใหม่: ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากเดิมที่เงินกู้ กยศ.…

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปของเด็หญิงรายหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกายโดยหญิงสาว จนเพื่อนบ้านอดรนทนไม่ได้ ต้องถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยงข้องให้มาจัดการโดยเร็ว   คลิปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ กาลเวลา ที่ทำให้เราได้พบกัน เผยให้เห็นภาพของหญิงสาวสวมใส่เสื้อสีชมพูขณะทำท่าข่มขู่เด็กหญิง ทั้งใช้มือกระชากหัวและใช้มีดจี้มาที่ปากของเด็กอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนจะใช้ไม้กวาดตีที่หน้าแข้งของเด็กอย่างรุนแรงแล้วเดินจากไป   พร้อมกันนี้ผู้เผยคลิปวิดีโอยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า “ใครก็ได้ที่เห็นคลิปนี้ ช่วยแชร์ต่อด้วยนะครับ เหตุเกิดบ้านตรงข้ามผมเอง เกิดเป็นประจำ แต่ผมไม่รู้จะช่วยน้องเขาได้ยังไง เคยโพสต์ไปครั้งหนึ่งแล้ว” “นี่เป็นแค่เหตุการณ์บางส่วนเท่านั้นที่ถ่ายคลิปไว้ทัน น้องเค้าโดนเยอะกว่าที่เห็นอีกเป็นสิบเท่า ช่วยน้องเขาด้วยนะครับ เผื่อคลิปนี้จะเป็นประโยชน์.. ขอโทษทุกท่านอีกครั้งนะครับ ที่ผมแท๊คไป”     หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในอินเตอร์เน็ตเพียง 3 ชั่วโมง ก็สามารถเรียกความสนใจจากชาวเน็ตได้อย่างมาก จนผู้คนเข้ามากดดูคลิปกว่า 1 ล้านครั้งและมียอดแชร์อีกกว่า 6 หมื่นครั้ง พร้อมกันนี้ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากต่างพากกันแสดงความคิดเห็นในเชิงก่นด่าหญิงสาวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับเด็ก และยังมีผู้คนอีกไม่น้อยที่พร้อมให้ความช่วยเหลือเด็กหญิง   ชมคลิปต้นฉบับได้ที่นี่ ปัจจุบันมียอดเข้าชมว่า 800,000 ครั้ง มีการส่งต่อกันอย่างมากในโลกออนไลน์   ต่อมาในช่วงเวลา 12.41 นาฬิกา เฟซบุ๊กเพจ Red Skull V.SE ได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าคลิปดังกล่าวถูกส่งให้กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี และสภ.บางพลี สมุทรปราการ แล้ว ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้รับทราบและอยู่ในขั้นตอนการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือเด็กต่อไป   อัพเดท 14.10…

เชื่อว่าจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆ หลายคนคงจะได้อ่านข่าวเกี่ยวกับกรณีของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกการ์ดของดารารุมทำร้ายร่างกายภายในผับดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่จนกลายเป็นข่าวโด่งดังที่คนกำลังพูดถึงในโลกออนไลน์ขณะนี้ หลังจากที่ข่าวนี้เริ่มเป็นที่พูดถึงในช่วงบ่าย ผู้คนก็ต่างเฝ้ารอคำตอบว่าความจริงแล้วเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ เพราะภายในเวลาไม่นานก็มีข้อมูลต่างๆ หลั่งไหลเข้ามามากมาย #เหมียวฟิ้นจึงขอนำข้อมูลทั้งหมดมาย่อยเป็นข้อๆ ให้ทุกคนได้อ่านง่ายๆ ว่าแล้วลุย!!     1. เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 23.30 นาฬิกาของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2016 นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ อายุ 23 ปี ได้ไปเที่ยวที่ผับชื่อ “มาลินสกาย” ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่มีดาราอย่าง “อุ้ม ลักขณา” “ไฮโซบอล กฤษณะ” “แต้ว ณัฐพร” “มิว นิษฐา” และ “หมาก ปริญ” อยู่ภายในร้านด้วย (บางที่ก็ใช้ตัวย่อดารา แต่ไม่จำเป็นหรอกเนอะ เพราะข่าวนี้ก็ดังทั่วบ้านเมืองจนทุกคนรู้ว่าใครแล้ว เราเอาความจริงมาพูดกันดีกว่า)   2. นายอิศราชนุวัฒภ์ให้การกับตำรวจว่าตัวเองจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ที่หน้าห้องน้ำมีการ์ดยืนกันอยู่ 4 คน ตัวเองเลยโวยวายบอกว่าเป็นห้องน้ำสาธารณะไม่ควรใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น     3. นายอิศราชนุวัฒภ์บอกว่าหลังจากที่กลุ่มดาราใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว ได้ออกมาสั่งให้การ์ดทั้ง 4 รุมกระทืบเขา จนร่างกายได้รับบาดเจ็บ แม้จะอ้างว่าตัวเองเป็นลูกของทหารชั้นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้ผล…

เชื่อว่าประชาชนชาวไทยเกือบทั้งประเทศรู้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงโปรดปรานการถ่ายภาพและกล้องมากเป็นพิเศษ จนกลายเป็นต้นแบบให้แก่ชาวไทยจำนวนมากเริ่มหัดถ่ายภาพตามพระองค์   ย้อนกลับไปในปี 1996 บริษัท Leica จึงได้ผลิตกล้องรุ่นพิเศษขึ้นมา เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงขึ้นครองราชย์ครบ 50 ปี กล้องรุ่นนั้นคือ Leica Jubilee M6 เป็นกล้องสีทอง ที่มีส่วนผสมของทอง 25 กะรัต พร้อมเลนส์ Summicron 50mm f/2   พื้นฐานของกล้องรุ่นนี้เป็นกล้องแบบ Rangefinder ที่ถูกผลิตในระหว่างปี 1984 ถึง 1998 โดยจะมีการติดตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ติดอยู่ที่ด้านบนของตัวกล้อง มาพร้อมกับกล่องไม้หรูหรา   ความพิเศษของกล้องรุ่นนี้อยู่ตรงที่จำนวนการผลิต เพราะทาง Leica ได้ผลิตมันออกมาเพียง 700 ตัวเท่านั้น และถูกจำหน่ายโดยมูลนิธิพัฒนาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในราคาตัวละ 353,370 บาท ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะนำไปมอบให้กับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย   แม้ว่าจะผ่านมาประมาณ 20 ปีแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้กล้องรุ่น Leica M6 ก็ยังคงมีขายกันในอินเตอร์เน็ต แต่ราคาก็ขึ้นอยู่กับสภาพความเก่าและสภาพของมันด้วย บางครั้งอาจจะขึ้นไปถึง 6-7 แสนบาทเลยทีเดียว…  …

ทุกการจากไปนั้น นำมาซึ่งความเสียใจเสมอ แต่สำหรับการจากไปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 หรือในหลวงของเรา เป็นการจากลาที่สร้างความเศร้าโศกให้กับปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ไม่เพียงชาวเท่านั้นที่เสียใจ แต่ประเทศต่างๆ ทั่วต่างก็เสียใจกับการจากไปครั้งนี้เช่นกัน เพราะในหลวงทรงเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก จึงเป็นที่เคารพของคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน หรือกษัตริย์จิกมี ที่เสียใจกับการจากไปในครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาไทยและภูฏานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา แสดงให้เห็นถึงพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศนี้   กษัตริย์จิกมีจึงเป็นผู้นำที่คอยปลอบโยนจิตใจชนชาวไทย โดยทรงรับสั่งให้สมาชิกพระราชวงศ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูง และประชาชนชาวไทยในภูฏานทุกคน ร่วมกับจุดเทียนเพื่อสวดมนต์ให้กับในหลวง ที่ Kuenra (สถานที่ทางศาสนา) ที่พระราชวัง Tashichho Dzong ในวันที่ 13 ที่ผ่านมา   และในวันนี้ (14 ตุลาคม) กษัตริย์จิกมี่ได้กำหนดให้เป็นวันไว้ทุกข์ในภูฏานเพื่อไว้อาลัยใหักับในหลวง โดยมีการลดธงชาติลงครึ่งเสา นอกจากนี้ยังได้มีรับสั่งให้ปิดโรงเรียน และสำนักงานต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ไปร่วมกันสวดมนต์ให้ถวายเกียรติแด่ในหลวงด้วย เป็นเวลา 7 วัน   ส่วนตัวพระองค์เองนั้นจะเดินทางไปยังอนุสรณ์สถานแห่งชาติ Chorten เพื่อนำสวดมนต์ ส่วนที่พระราชวัง Tashichho Dzong จะมีสมเด็จเด็จย่าของพระองค์เป็นผู้นำสวดมนต์ จากการรับสั่งนี้แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้นำที่ห่วงปวงชนชาวไทยทุกคนมากแค่ไหน…

เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอกับกระทู้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของคุณ ชีริน เบญจวรรณ กูมมุดดิน เธอได้เผยสูตร(ไม่)ลับในการออกกำลังกาย จากผู้หญิงหน้ากลมร่างท้วม กลายเป็นสาวสตรองหุ่นสวย ให้ทุกๆ คนได้นำไปทำตามกัน     ในตอนแรกคุณชีรินมีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม บวกกับผิวคล้ำทำให้ไม่ค่อยมั่นใจที่จะแต่งตัวสวยๆ เหมือนกับสาวคนอื่น เธอจึงแต่งตัวแบบทอมไปเลย แต่จุดเปลี่ยนมันก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอไปส่งน้องชายแคสติ้งงาน แล้วโดนคนนินทาว่าเป็นคนใช้ของน้องชาย เธอเลยอยากเอาชนะด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเอง     สิ่งที่เธอทำมี 3 อย่างคือออกกำลังกายลดน้ำหนัก จัดฟัน และดูแลผิวพรรณ ในส่วนของกีฬานั้นเธอชอบมวยไทย ก็ฝึกต่อยมวยผสมกับการออกกำลังกายในฟิตเนสไปด้วย แม้จะทำงานเป็นสาวออฟฟิศแต่เธอก็พยายามแบ่งเวลามาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ     ขั้นตอนการออกกำลังกายก่อนต่อยมวย 1. วิ่งวอร์มร่างกายก่อนเล่นเวท จะใช้เวลาวิ่งประมาณ 5-10 นาที 2. ซิทอัพเซตละ 20 ครั้ง 5 เซต (ถือเวทไว้ด้วยระหว่างซิทอัพ ช่วยให้กล้ามท้องออกแรงมากขึ้น) 3. ยกเวทด้านข้างและด้านหลัง ยกเซตละ 12 ครั้ง 4 เซต 4. สควอช…

ถึงแม้ว่างูจะเป็นสัตว์ที่ชวนให้เรารู้สึกสยองและไม่อยากจะเข้าใกล้ แต่ยังไงแล้วมันก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ รักตัวกลัวตายไม่ต่างไปจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เลย และหากว่าพวกมันเจ็บไข้ได้ป่วย ใครล่ะจะยื่นมือเข้าไปช่วยพวกมันหากไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆ?     เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของคุณ ทวีศักดิ์ อนันต์ศิริวัฒนา ได้เผยแพร่ภาพการช่วยเหลือของเจ้างูอนาคอนดาตัวหนึ่งที่โรงพยาบาลสัตว์คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังจากมันมีอาการป่วย แพทย์จึงนำมันไปตรวจร่างกายถึง 2 ครั้ง จนทราบผลว่ามันมีเนื้องอกที่หนักกว่า 1 กิโลกรัมอยู่ที่บริเวณหัวใจของมัน ทางโรงพยาบาลต้องระดมทีมแพทย์หลายคนให้เข้ามาช่วยผ่าตัดมัน และใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะผ่าเอาเนื้องอกออกจากตัวของมันได้   .   ทั้งนี้คุณทวีศักดิ์ ยังได้โพสต์ข้อความด้วยว่า “การตรวจสองครั้งที่ผ่านมาทำให้ทราบว่า เจ้าอนาคอนด้ามีเนื้องอกอยู่บริเวณหัวใจก้อนใหญ่มาก จึงทำการผ่าตัดที่แสนยากครั้งนี้ ใช้เวลาผ่าถึง 6 ชั่วโมงครึ่งจึงจะเสร็จ ใช้หมอเปลืองมาก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ” “ต้องขอขอบคุณทีมงานและพนักงานโรงพยาบาลสัตว์คลองหลวง และทีมงานของพี่อดัมในการถ่ายทำภาพและวีดีโอในครั้งนี้ด้วยครับ ก้อนเนื้อหนักหนึ่งกิโลครับ ผ่ายากมากแต่ก็ฟื้นตัวแล้ว ติดตามในรายการ Save life ได้นะครับ”   . . . . . . .  …

การจะเลือกแบบบ้าน หรือออกแบบบ้านให้ถูกใจเราสักหลังนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เลยทีเดียว (ใครผ่านจุดนั้นมาแล้วจะเข้าใจดี) บางคนอาจจะเน้นความสะดวกสบาย จุดใช้สอยต่างๆ แต่บางคนอาจจะมีงบจำกัด ทำให้ต้องเลือกกันแบบพิถีพิถันหน่อย   แต่ที่#เหมียวฟิ้นจะให้ดูในวันนี้ เป็นแบบบ้านที่ประหยัดงบนิดนึง จากสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ Innrae ซึ่งเธอยืนยันว่างบประมาณในการก่อสร้างเฉพาะตัวบ้านของเธอ “ไม่ถึงล้าน” มันจะออกมาสวยงามพอให้บางคนเอาไปทำตามหรือเปล่า เราลองมาดูกันเลย   เจ้าของกระทู้เล่าว่านี่คือบ้านไม้ 100 ตารางวา ที่เธออยู่กันมาหลายรุ่น ในจังหวัดประจวบฯ ซึ่งตัวบ้านทำจากไม้ที่เก่าไปตามกาลเวลา ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนมันให้กลายเป็นบ้านใหม่ คุณ Innrae เล่าว่าช่างที่มารับเหมาสร้างบ้านให้เธอเป็นคนเธอรู้จัก ทำให้พอจะคุยกันง่ายหน่อย ช่างได้รื้อบ้านของเธอออกและเก็บเอาไม้ที่ยังพอใช้ได้เอาไว้ใช้ในอนาคต   เจ้าของกระทู้บอกว่าเธอมีคอนเซ็ปต์ในใจคือ อยากสร้าง “บ้านชั้นเดียว ยกพื้นสูง 1 ห้องนอน มีห้องโถงกว้างๆ ลมโกรกๆ หน่อย ฝ้าสูงๆ หน้าต่างเยอะๆ สีเรียบๆ” เธอหาแบบบ้านตามอินเตอร์เน็ตและขับรถออกไปดูตามที่ต่างๆ มาหลายที่จนได้แบบที่ต้องการ   นี่คือแบบบ้านที่เธอลองทำออกมาให้ชมกัน   จากการพูดคุยกับผู้รับเหมา ตกลงกันที่ราคา 850,000 บาท ไม่มีสัญญาใดๆ นอกจากสัญญาใจ เธอแบ่งเงินออกเป็น 4 งวด ระยะในการสร้าง…

การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้นเราจะต้องมีน้ำใจและเคารพกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มีการกำหนดไว้นะ เพราะหากแต่ละคนทำตามใจตัวเองโดยไม่ฟังเสียงรอบข้างล่ะก็ คุณก็อาจจะกลายเป็นปัญหาแบบนี้ได้ล่ะ   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อคุณ Konun Konun ได้เล่าเรื่องราวของตัวเองลงในโลกออนไลน์ โดยเจ้าตัวบอกว่าภายในหมู่บ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่นั้น มีเพื่อนบ้านรานหนึ่งได้เทปูนเลยออกมาหน้าบ้านกว่า 2.5 เมตร กินพื้นที่ในหมู่บ้านครึ่งหนึ่งของถนน ทำให้คนในหมู่บ้านเข้าออกลำบาก     แถมยังมีการนำเอากระถางต้นไม้และถังขยะมาวางหน้าบ้านเพื่อกั้นเป็นอนาบริเวณของตัวเอง แม้จะมีการเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านรายนี้แล้วแต่กลับแสดงความไม่พอใจ พร้อมกับบอกว่า “เหมือนเอารถมาจอดหน้าบ้าน 1 คัน ทำมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหากับใคร” เจ้าตัวจึงทนไม่ได้ต้องมาระบายให้ชาวเน็ตรับทราบ     หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปได้ไม่นานก็มีชาวเน็ตให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าวมากพอสมควร และร่วมกันแชร์ประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับเพื่อนบ้านอีกมากมาย   . .   ถ้าเราจะมีเงินซื้อบ้านหลังละเป็นล้าน แต่สิ่งที่เราซื้อไม่ได้ก็คือเพื่อนบ้านนี่แหละนะ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนบ้านเราจะเป็นคนยังไง ทางที่ดีเราควรมีน้ำใจกับคนอื่นๆ ด้วยนะ เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบสันติ ที่มา Konun Konun

สาวๆ มักมีข้ออ้างในการออกกำลังกายหรือดูแลตัวเองอยู่เสมอๆ บ้างก็บอกว่าไม่มีเวลา บ้างก็บอกว่าเหนื่อย บ้างก็บอกว่าไม่มีเพื่อน แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันอยู่ที่แรงใจล้วนๆ ก่อนหน้านี้เราเคยมีตัวอย่างดีๆ ในการออกกำลังกายมาให้เพื่อนๆ ได้เห็นแล้วมากมาย เช่น หนุ่มหนัก 88 กิโลฮึดวิ่งมาราธอน , หนุ่มวัย 42 ออกกำลังกายเพราะพ่อเสีย หรือ คุณป้าวัย 50 ปี ที่ออกกำลังกายจนมีหุ่นสวยเช้ง และวันนี้เองเราก็มีแรงบันดาลใจคนใหม่มาให้คุณดูอีกแล้วล่ะ     เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของคุณพลอย เธอเล่าว่าเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนน้ำหนักพุ่งไปสูงถึง 95 กิโล กลายเป็นสาวไซส์ XL ไปโดยไม่ตั้งใจ     แต่ด้วยความที่เธอเองยังอยากกลับมาใส่เสื้อผ้าตัวเล็กๆ เหมือนกับสาวๆ คนอื่น เธอเลย “ลอง” ลดความอ้วนด้วยการลดคาร์โบไฮเดรตก่อน     ในตอนแรกจาก 95 กิโล ลดลงมาเหลือ 87 โล จากนั้นเธอก็เริ่มวิ่งเพื่อให้ร่างกายเผาผลาญไขมันออกไปด้วย น้ำหนักเธอเลยลดลงไปอีก 5 กิโล เหลือ 82 กิโล…

การที่เราจะลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นั้น บางครั้งคุณต้องการใครสักคนที่ช่วยจุดประกายหรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ หากคุณไม่รู้จะไปหาที่ไหนล่ะก็ ลองมาดูพ่อหนุ่มคนนี้เป็นตัวอย่างดีไหม? เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้ เป็นของคุณเต้ อภิรัตน์ นทีประสิทธิพร วัย 33 ปีจากจังหวัดกำแพงเพชร เขาได้สร้างอัลบั้มภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวเองขึ้นเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ     ในภาพเหล่านั้นบอกเล่าเรื่องราวตอนที่เขามีน้ำหนักมากถึง 88 กิโล ทั้งกินดื่มจนร่างกายเริ่มอ้วนขึ้นๆ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว คุณเต้ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดกับร่างกายและหันไปวิ่งออกกำลังกายแบบจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา . . . .   หลังจากที่วิ่งไปได้ 3 เดือน เขาก็เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรก และเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเรื่อยมา จนตอนนี้เขากลายมาเป็นนักวิ่งมาราธอนเต็มตัวแล้ว .   คุณเต้ได้เผยกับ#เหมียวฟิ้นว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจในการวิ่งมาจากภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน ของ GTH เมื่อไม่กี่ปีก่อน คุณเต้บอกว่า “ผมก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังที่นิชคุณเล่น ถ้าคุณอยากวิ่งคุณวิ่งแค่กิโลเดียว แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่คุณลองมาวิ่งมาราธอน” . . . . . . . . . . .…

ขึ้นชื่อว่าความสัมพันธ์ระยะไกล มักจะมีอุปสรรค์อยู่มากมาย เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายไปไหนทำอะไร เขาจะไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่าหรือเปล่า? เขาจะยังซื่อสัตย์กับเราหรือเปล่า? เพราะตัวอย่างของความรักที่ล้มเหลวอันเนื่องมาจากระยะทางมีให้เห็นอยู่ทั่วไป     แต่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระยะไกลจะพังไปซะทุกคู่หรอก เพราะบางคนก็มีความมั่นคง แม้จะอยู่ห่างกันคนละมุมโลก ความรักของพวกเขาก็ไม่ได้น้อยลงไปเลย อย่างเช่นเรื่องที่#เหมียวฟิ้นได้หยิบมานำเสนอในวันนี้   .   นี่เป็นเรื่องราวความรักของคุณก้อย ธนาพร และคุณเจเรมี เป็นชาวต่างชาติ พวกเขาได้รู้จักกันผ่านโปรแกรม Skype เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว   ในตอนนั้นทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไปได้ดีจะกลายเป็นความรัก แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกลคนละซีกโลก ทำให้พวกเขาทำได้เพียงพูดคุยผ่านวิดีโอคอลเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา จนเวลาผ่านไปได้ปีกว่า เจเรมีก็บินมาหาเธอที่ประเทศไทยเป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้คลุกคลีและรู้จักกับบ้านฝ่ายหญิง และกลับไปยังบ้านของตัวเอง   ความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินไปเรื่อยๆ ผ่านเวลาไป 4 ปี พวกเขามีโอกาสเจอกันเพียง 4 ครั้งเท่านั้น (เป็นเราคงอกแตกตายไปแล้ว) อยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไงลองไปอ่านเต็มๆ เลย . . . . . . . . . . .…

หายหน้าหายตากันไปสักพัก สำหรับคุณลีน่าจัง ที่หลังๆ มาไม่ค่อยมีกระแสหรือข่าวคราวเกี่ยวกับตัวเธอให้พูดถึงเท่าไหร่ แต่วันนี้#เหมียวฟิ้นมีข่าวเกี่ยวกับเธอมาให้แฟนๆ ได้อึ้ง ทึ่ง งง กันล่ะ… เมื่อช่วงวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน The Ppalladium Inter Cover Dance Contest ขึ้นที่ห้าง พาลาเดียมไอทีประตูน้ำ ซึ่งภายในงานนี้มีคณะกรรมการด้วยกัน 3 คน คือ อุ๊ป วิริยะ,ครู ฉิ่ง และ ซาร่า AF3   แต่ระหว่างการแข่งขันนั้นเอง จุ่ๆ คุณแม่ลีน่าจังก็โผล่เข้ามาในงานพร้อมกับมือถือขึ้นมาถ่ายทอดสด จากนั้นเธอก็เริ่มก่อกวนเวทีประกวดด้วยการยืนบังหน้าเวที ต่อว่ากรรมการในงาน วิจารณ์นักเต้นแต่ละคนด้วยวาจาหยาบๆ คายๆ   แม้จะมีทีมงานพยายามเข้ามากันเธออกจากงาน แต่เธอกลับแสดงท่าทีไม่พอใจพร้อมกับบอกว่า “กูรู้แล้วค่ะ กูไม่ได้มาแข่งกูมาถ่ายทอดสดไอ้ควาย” หลังจากนั้นเธอก็ยังคงยกมือถือขึ้นมาถ่ายทอดสดต่อแล้วเดินวนเวียนอยู่แถวเวทีไม่ยอมไปไหน สร้างความน่าอึดอัดใจให้กับผู้ร่วมงานไม่น้อย .   ลองชมคลิปความป่วนของคุณลีน่าจังได้เลย (ลดเสียงก่อนดูด้วยนะ…เราเตือนแล้วนะ…)   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ดูเหมือนว่าชาวเน็ตไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้สักเท่าไร เพราะตัวคลิปมีการกดดิสไลค์กว่า 4 ร้อยครั้ง และมีความคิดเห็นในเชิงต่อว่าเธอเข้ามาอีกเพียบ . . .   ในขณะที่บางความเห็นมองว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นการเตี๊ยมกันระหว่างคุณลีน่าจังและผู้จัดงานเพื่อเป็นการสร้างกระแสให้การแข่งขันมากกว่า…

กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วประเทศทีเดียว สำหรับกรณีของคุณปุ๋ย พริตตี้สาวที่ถูกผีปอบสิงกลางรายการปากโป้ง จนคุณหนุ่ม กรรชัย พิธีกรของรายการต้องเอาของขลังมาช่วงไล่ผีกลางรายการ จนตอนนี้คลิปถูกแชร์ต่อๆ กันไปจนกลายเป็นข่าวในต่างประเทศไปเรียบร้อยแล้ว   . หลังจากที่คลิปรายการถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวต่างชาติถึงกับอึ้งและงงกับปรากฏการณ์สุดแปลกแบบนี้เลย #เหมียวฟิ้นเลยลองรวบรวมเอาความคิดเห็นจากชาวต่างชาติมาให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านกันดูนะ Sam Andrews “เอิ่ม นี่หมดเวลากับคลิปนี้ไป 1.30 นาที แบบไม่มีทางได้คืน เสียงเธอเหมือนลิงชิมแปนซีเลย” Assis Ghrieb “เธอแกล้งทำ เธอเป็นตัวตลกที่พยายามจะเล่นบทเพี้ยนๆ ได้ดีมาก” Mark Penrice “เรื่องประหลาดๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว” Ciaran Lyons “ฮ่าๆๆๆ บอกว่านี่คือผีเข้า ฉันก็ตั้งตารอคลิปผีๆ โลกนี้ต้องการอะไรแบบนั้นนะ” Stephen Moon “ไปให้พ้นเลย! เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนบ้าและถ้าคุณเชื่ออะไรแบบนี้ล่ะก็ งั้นคุณต้องไปนั่งภาวนาในมุมไหนสักที่แล้วล่ะ” Mohammed Ibrahim “ไม่เอาน่า นี่คุณจริงจังกับเรื่องนี้จริงดิ? เราอยู่ในศตวรรษที่ 21 แล้วนะเฮ้ย!! คุณยังเชื่อเรื่องบ้าบอแบบนี้อีกเหรอ?”   ล่าสุดพริตตี้สาวได้ออกมาชี้แจงผ่านหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง ยืนยันว่าอาการผีเข้าทั้งหมดที่ได้เห็น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง พร้อมกับบอกว่าทั้งหมดนี้คือเวรกรรมที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่อดีตชาติ แม้จะพยายามเข้ารับการรักษาแล้วแต่ก็ยังไม่หาย…

ในช่วงนี้คงไม่มีข่าวไหนโด่งดังไปกว่าข่าวของหญิงไก่ มณตา หยกรัตนากาญ อีกแล้วล่ะ เพราะมีการแจ้งความเท็จ เข้าไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ และหมิ่นสถาบันตามมาตรา 112 เพราะแอบอ้างเป็นคุณหญิงนี่แหละ   แต่แล้วเรื่องนี้ก็ดันส่งผลให็นักร้องสาวอย่างหญิงลี ศรีจุมพลต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะล่าสุดเจ้าตัวถูกถามว่าเหตุใดถึงชื่อ “หญิงลี” หรือเธอแอบอ้างเป็นคุณหญิงหรือเปล่า? ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาชี้แจงผ่าน Instagram ว่าไม่ใช่ความจริง และไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณหญิงแต่อย่างใด   หญิงลีโพสต์ข้อความว่า “วันนี้ถูกถามถึงชื่อหญิงลี! ว่าตั้งตนเป็นคุณหญิงหรือไม่? คำตอบคือไม่ค่ะ มีชื่อเล่นแต่เกิดว่าหญิง เพราะตาชื่อตาสิงห์ แม่ชื่อติ๋ง น้องแม่ชื่อน้ากิ้ง หนูจึงถูกตั้งชื่อว่าหญิง งานที่ชอบคือหมอลำซิ่ง ชื่อจริงคือนางสาว ธิดารัตน์ ศรีจุมพลค่ะ” “ซึ่งเมื่ออายุ 18 ปี ตั้งชื่อลำซิ่ง ว่า นุชลี เคยอยู่ค่ายเพลง MD จึงตั้งชื่อตัวเองว่า (หญิงลี) ค่ะ พื้นฐานครอบครัวคือลูกชาวนา ภูมิใจที่หญิงมีวันนี้ได้ด้วยลำแข้งและลำคอค่ะ” . . . .   สรุปว่าไม่ได้แอบอ้างเป็นคุณหญิง แต่ชื่อหญิงนะจ๊ะ ใครเข้าใจผิดก็เข้าใจเสียใหม่นะ ที่มา yinglee_lalla

เป็นหนึ่งคู่รักที่แฟนๆ ให้ความสนใจมากทีเดียว ระหว่างนักฟุตบอลดาวรุ่นเจ ชนาธิป และดาราสาวเมย์ พิชญ์นาฏ ที่แม้หน้าที่การงานจะต่างกันสักหน่อย แต่ทั้งคู่ก็บอกว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร พร้อมยืดอกรับคำวิจารณ์ต่างๆ   วันนี้#เหมียวฟิ้นก็เลยจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโมเม้นต์น่ารักๆ ระหว่างพวกเขากัน ไม่ว่าจะพาไปเที่ยว ดูหนัง เล่นกีฬา หาหมอ ขอบอกเลยว่าดูไปมดไต่หน้าตาไปด้วยเลยทีเดียว   มีช่วงเวลาต๊องๆ ด้วยกัน   โทรหากัน น่ารักมาก   มีมุ้งมิ้งกันสองต่อสอง   กินข้าวด้วยกัน   ไปดูหนังด้วยกัน   ภาพแรกๆ ที่เราได้เห็นพวกเขาถ่ายรูปด้วยกัน   ไปหาหมอด้วยกัน   ไปเที่ยวกุ๊กกิ๊กกัน   หนุ่มเจแอบโพสต์รูปแฟนสาว น่ารักจริงๆ   เมย์ พิชญ์นาฏโพสต์รูปขณะสวมชุดเจ้าสาว แล้วติดแท็กไปยังเจ ชนาธิป เอ๊ะมันหมายความว่ายังไงกันน้าาา   เห็นคนรักกันแบบนี้ #เหมียวฟิ้นก็ยินดีด้วยนะ ได้แต่อวยพรให้ทั้งคู่รักกันไปนานๆ และส่งเสริมซึ่งกันและกันนะ ที่มา jaychanathip , maypitchy

มีให้เห็นไม่บ่อยนัก ที่เราจะได้เห็นดาราสาวในวงการบันเทิงไทยที่มีอายุเยอะ แต่ยังสามารถดูแลรูปร่างตัวเองได้สวยเช้งเหมือนกับวัยรุ่นได้ แต่ถ้าจะมีใครทำได้#เหมียวฟิ้นก็ต้องนึกถึงเธอคนนี้เลย อ๋อม สกาวใจ พูนสวัสดิ์   อ๋อม สกาวใจ เธอเป็นคนจากจังหวัดสุรินทร์ จบป.ตรีจากคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง และป.โทจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เธอเป็นทั้งนักแสดงและพิธีกรที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าเห็นสวยๆ แบบนี้ เธออายุเฉียดหลัก 4 แล้วนะเออ เพราะเธอเกิดวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2519 แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังอึ้งกับรูปร่างสุดเป๊ะของเธอเหลือเกิน   เพราะทุกครั้งที่เข้าไปส่อง IG ของเธอ ก็มักจะเห็นรูปที่เธอใส่ชุดว่ายน้ำอยู่บ่อยครั้ง จนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า “นี่ใช่คนอายุใกล้ 40 จริงดิ!?” ถ้าคุณอยากรู้ว่าทำไมเราถึงคิดแบบนั้น งั้นไปชมภาพจาก IG ของเธอกันเลย . . . . . . . . . . . . . . . .   เห็นแล้วแซ่บจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือภาพของผู้หญิงวัย…

เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่ตอนแรกมีข่าวว่าแฟนคลับค่อนข้างจะแอนตี้พอสมควร สำหรับคู่รักของหนุ่มฮั่น อิสริยะ และไอซ์ ปรีชญา ที่ประกาศว่าเริ่มคบหาดูใจกันมาตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว   แต่ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นถึงความน่ารักแบบหนุ่มสาวเรื่อยมา เช่นหนุ่มฮั่นรับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้กับสาวไอซ์ หรือที่ควงกันไปงานแต่งของบี้และกุ๊บกิ๊บเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา   แต่ล่าสุดกลับมีกระแสว่าทั้งคู่เริ่มห่างๆ กันแล้ว เพราะในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่ไม่มีการลงรูปคู่ด้วยกันเลย เอ๊ะนี่ห่างกันแล้วหรือว่าลืมติดแฮชแท็กกันแน่?   ภาพจากไอจีของสาวไอซ์จะเห็นได้ว่าไม่มีรูปหนุ่มฮั่นเลย   ฝั่งของหนุ่มฮั่นเองก็ไม่มีรูปของสาวไอซ์เช่นกัน   แถมยังมีข่าวลือออกมาอีกว่าสาวไอซ์ชอบไปเที่ยวกันน้องมาร์ช จุฑาวุฒิ ด้วย มันอะไรยังไงกัน!?   และเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 6 กรกฎาคม หนุ่มฮั่นก็ได้ไปร่วมงานอีเว้นของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง นักข่าวจึงสบโอกาสเข้าไปถามไถ่ถึงเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวก็เลยตอบแบบชัดๆ ว่า “ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรตรงนั้น คือตัวน้องไอซ์และมาร์ชเขารู้จักกันมาก่อน ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว ผมว่าไม่น่าจะมีอะไร” “ช่วงนี้มันก็มีคำถามมากมายเข้ามาถามเรื่องผมกับน้อง ก็ตอบตรงๆ ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ยอมรับตรงๆ แบบลูกผู้ชายว่าช่วงนี้ผมไม่มีเวลาให้น้องเลย” .   เอ่ ที่หนุ่มฮั่นออกมาบอกว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาให้ หรือจะเป็นการยอมรับแบบอ้อมๆ ว่าทั้งคู่ห่างกันแล้ว? หรือว่าทั้งคู่แค่ไม่มีเวลาให้กันเพราะงานยุ่งกันแน่ ยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ ที่มา hunz_iph , icepreechaya , thaich2

แรงไม่หยุดจริงๆ สำหรับละครแรงตะวัน ที่ออกฉายทางช่อง 3 ทุกวันพุธ-พฤหัส แต่ดูเหมือนว่าตอนล่าสุดจะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตไปซะแล้วล่ะ เพราะในละครนั้นมีฉากการใช้ความรุนแรงในหญิงสาว แต่กลับได้รับคำชื่นชมจนมองข้ามความรุนแรงไป?   กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ทีเดียว เพราะเมื่อวันพุธที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ Nannielion ได้เข้ามาตั้งกระทู้ชื่นชมเกี่ยวกับละครแรงตะวัน ที่มีอั้ม อธิชาติ (รับบทนายภู)และชิปปี้ ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ (รับบทเคท)แสดงนำ   โดยในเนื้อหากระทู้ได้พูดถึงละครแรงตะตอนที่ 6 ที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่การแสดงของพระนางเข้าขากันได้ดี ถึงพริกถึงขิง พร้อมกับแคปฉากที่นายภูกำลังจะบีบคอเคท และฉากที่นางเอกถูกขึงพืดอยู่กับพื้น ทำเอาแฟนๆ ถึงกับฟินจิ้นกระจาย . .   หลังจากที่ฉากละครนี้ออกอากาศไปได้ไม่นาน แฟนๆ ในเว็บไซต์พันทิปก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงชื่นชมการแสดงของอั้มที่ทั้งเถื่อนและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งชื่นชมในการกำกับของคุณไก่วรายุฑ พร้อมทั้งชื่นชมในการกำกับของคุณไก่วรายุฑมที่ทำออกมาได้ลงตัวถูกใจแฟนๆ ละคร . . .     แต่เนื่องจากในช่วงนี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับคุณครูสาวคนหนึ่งที่ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตคาห้องพักของตัวเอง เกิดเป็นกระแสสะเทือนขวัญที่ชาวเน็ตต้องออกมารณรงค์ ข่มขืน = ประหาร ทำให้หลายๆ คนมองว่าความรุนแรงในละครเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก   ล่าสุดเฟซบุ๊กเพจ โจ๊กเกอร์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “หลายวันก่อนรณรงค์…

กลายเป็นเรื่องราวความรักที่ชาวเน็ตกำลังแชร์อยู่ในโลกออนไลน์ขณะนี้เลย สำหรับเรื่องราวของคุณน้ำผึ้ง สาวไทยวัย 30 ปี จากจังหวดสุรินทร์ และแฟนหนุ่มดิมีเทรียส (หรือที่เธอชอบเรียกเขาว่า “สติ๊ก จ่อย หลวมหลอด”) ชาวฝรั่งเศสวัย 24 ปี     สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาก็เพราะว่าพวกเขาจดทะเบียนสมรสและย้ายกันมาใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ที่สุรินทร์ นี่แหละ คุณน้ำผึ้งได้เล่าผ่านอัลบั้มภาพว่าพวกเขาชอบวิถีวิชีวิตแบบชนบท ช่วยกันปลูกพืชผัก และใช้ชีวิตแบบพอเพียง   คุณน้ำผึ้งเล่าว่าเธอเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกับแฟนหนุ่มเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของฝ่ายชายด้วย ถือเป็นของขวัญที่ดีมากๆ สำหรับเขาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าฝ่ายชายจะย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในชนบทของเรา แต่เจ้าตัวก็ยังคงทำงานเดิมกับบริษัทฝรั่งเศสและแคนาดา ผ่านอินเตอร์เน็ตอยู่ จึงไม่ใช่ปัญหาอะไรที่เจ้าตัวย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะ   ตอนนี้คุณน้ำผึ้งได้วางแผนไว้ว่าจะจัดงานแต่งงานด้วยกัน 3 ที่ นั่นก็คือที่สุรินทร์บ้านเกิดของเธอ ที่ฝรั่งเศสบ้านของฝ่ายชาย และที่ภูเก็ต เพื่อเลี้ยงฉลองให้กับเพื่อนๆ ด้วย . . . . . . . . . . .   บางทีชีวิตก็แค่นี้ล่ะเนอะ ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราเหมือนใคร แค่มีความพอใจกับสิ่งที่มี เท่านี้ความสุขก็บังเกิดแล้วล่ะ ที่มา Jessica…

ไม่รู้ว่ามีใครพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาพ่อหนุ่ม Jack Brown ในโลกออนไลน์บ้างหรือเปล่า เขาคือฝรั่งผู้หลงรักเมืองไทย เดินทางมากินมาอยู่ที่นี่และมีสุนัขคู่ใจที่ชื่อเจ้า Chester จนตอนนี้มีคนกดติดตามเขาแล้วเกือบ 3 แสนคน   ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา นาย Jack Brown ได้โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับการให้บริการของรถแท็กซี่ในจังหวัดภูเก็ต ที่คิดค่าบริการในอัตราที่ค่อนข้างแพง วิ่ง 1 กิโลเมตร ในเวลาไม่ถึง 2 นาที โดนไป 200 บาท จนเจ้าตัวงงว่าทำไมถึงแพงขนาดนี้? นาย jack ได้พูดไว้ในคลิปวิดีโอว่า “ตอนนี้ผมกำลังจะกลับโรงแรมนะครับ จากนี้ประมาณ 1 กิโล จะให้ดูว่าแท็กซี่ที่นี่มันแพงแค่ไหนครับ   ชมคลิปวิดีโอได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้กดเบาๆ ที่นี่เลยนะ) เกิดอะไรขึ้นกับแท็กซี่ที่ภูเก็ต??เกิดอะไรขึ้นกับแท็กซี่ที่ภูเก็ตทำไมถึงได้แพงเว่อร์ขนาดนี้ ใครมีอำนาจลงมาดูแลหน่อยดีมั้ย เงินเข้ากระเป๋าใครหมดเนี่ย นั่งให้ดูในคลิปนั่งไม่ถึง2นาที ไม่ถึง1กิโล โดนไป200 รบกวนพลังโซเชียล ช่วยกันแชร์ เพื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้าง โพสต์โดย Jack Brown บน 18 มิถุนายน…

นับวันจะยิ่งพัฒนาไปไกลทีเดียว สำหรับเจ้าแม่แฟชั่นเลือดใหม่อย่างน้องม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ที่เราเคยสัมภาษณ์เธอไปเมื่อช่วงปลายปี 2015 ซึ่งเธอบอกกับเราว่า “ความฝันหนึ่งเดียวของหนูเลย ก็คือการทำงานทางด้านแฟชั่นค่ะ” และปัจจุบันเธอก็ได้ทำตามฝันจริงๆ   หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เห็นผลงานความคิดสร้างสรรค์ของน้องม๊าเดี่ยวเรื่อยมา ทั้งทางโลกออนไลน์และบนจอโทรทัศน์ และเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอก็ได้ไปออกรายการ Asia’s Next Top Model ด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเธอเลย แถมเร็วๆ นี้เธอจะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองด้วยนะ   ถือว่าตอนนี้น้องม๊าเดี่ยวเดินทางตามฝันมาได้ไกลมากเลยทีเดียว สำหรับระยะเวลาเพียง 1 ปีที่เธอแจ้งเกิดในวงการแฟชั่น จากการหยิบวัสดุ เสื้อผ้าเล็กๆ น้อยๆ มาผสมผสานกัน จนตอนนี้เธอได้อัพเกรดตัวเองมาใส่เดรสหรือเสื้อผ้าหนังหรูๆ แล้ว เราลองไปชมกันดีกว่า ว่าแฟชั่นเช็ตล่าสุด เธอมีสไตล์การแต่งตัวยังไงบ้าง? . . . . . . . . . .   เราก็ได้แต่ติดตามเฝ้ามองความเป็นไปของน้องอยู่ห่างๆ และหวังว่าเธอจะไปได้ไกลกว่าที่หวังเอาไว้นะ นี่แหละ เน็ตไอดอลที่เราควรดูเป็นแบบอย่าง ที่มา @madaewzii2542

หลังจากที่ผู้ประกาศข่าวชื่อดังอย่างสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ประกาศลางานไปตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีคดีเกี่ยวกับบริษัทไร่ส้มและข้อพิพาทต่างๆ จึงจำเป็นจะต้องหยุดการทำหน้าที่ประกาศข่าวไปแบบไม่มีกำหนด     ล่าสุดดูเหมือนแฟนๆ ที่ติดตามการกลับมาของนักข่าวดังจะได้ชมเขานั่งคุยข่าวอีกครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เรื่องเล่าเช้านี้ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอรายการใหม่ที่ชื่อว่า ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016 เป็นรายการพูดคุยวิเคราะห์เกี่ยวกับฟุตบอลยูโร โดยมี สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ เอกราช เก่งทุกทาง เป็นผู้ดำเนินรายการ     ตัวรายการจะไม่ได้ออกอากาศผ่านทางช่องฟรีทีวีหรือช่องดิจิตอลทีวี แต่จะเผยแพร่ให้ชมผ่านทางเว็บไซต์ morning-news.bectero.com ในช่วงเวลา 18.00 นาฬิกา   ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้ให้กดที่นี่นะจ๊ะ) เตรียมพบกับ ‘ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016’ วันนี้ 18.00น.พบกับการพูดคุย เกี่ยวกับ ฟุตบอลยูโร 2016 แบบเข้มข้น กับคนที่คุณคุ้นเคย .. สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ เอกราช เก่งทุกทาง ใน ‘ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016’ ทาง www.เรื่องเล่าเช้านี้.com…

พวกเราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ใช่ไหม? ประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยนะ เพราะแม้ว่าคุณจะอายุมากจนผมหงอก ผิวหนังไม่ได้เต่งตึงหรือสายตาเริ่มยาวกว่าตอนหนุ่มสาว คุณก็สามารถกลับมาสวมชุดนักเรียนได้ แถมยังดูน่ารักยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวอีกนะ     วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปชม “โรงเรียนผู้ใหญ่” ในเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมนักเรียนสูงอายุ ที่จะเปิดสอนให้แก่เหล่านักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป       ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ นราธิป สาครวงศ์วัฒนา พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “วันนี้ผมมีโอกาศได้ยินคำพูดคำหนึ่งว่า ‘ลูกๆดีใจที่ได้พาพ่อแม่ไปซื้อชุดนักเรียน และจะได้พาพ่อ-แม่ไปส่งที่โรงเรียน’” “รับสมัครนักเรียนอายุไม่น้อยกว่า 55ปี ณ.ห้องงานพัฒนาชุมชน เทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร ไม่มีหมดเขตจ้า”     นี่ไม่ใช่โรงเรียนผู้สูงวัยแห่งแรกนะ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายปี 2558 ก็เคยมีการเปิดตัวโรงเรียนผู้สูงอายุที่จังหวัดลำปางมาแล้ว ขอบอกว่าน่ารักไม่แพ้กันเลยทีเดียว     ทั้งนี้ โรงเรียนผู้สูงอายุมีขึ้นเพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกาย อารมณ์ สังคมและจิตใจที่ดี รวมไปถึงมีความรู้ สามารถดูแลตนเองและทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ด้วยนะ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาภาวะผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในสังคมได้ดีทีเดียวล่ะ   . . . . . .…

แม้ว่า#เหมียวฟิ้นจะผ่านวัยเรียนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังคงสนใจการเรียนการสอนของเด็กๆ สมัยนี้นะ เพราะต้องคอยช่วยดูการบ้านให้กับเด็กๆ หรือหลานๆ ที่บ้านเป็นครั้งคราว แต่ต้องยอมรับเลยว่าการบ้านแบบที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ อาจจะทำให้คุณเงิบเลยก็ได้…   เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ บราวนี่รสเสน่หา ได้เข้ามาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการบ้านวิชาภาษาไทยของหลานที่อยู่ชั้น ป.1 ซึ่งการบ้านนั้นเป็นการให้เด็กๆ แจกลูกสะกดคำของสระอี     แต่เมื่อเจอโจทย์ข้อหนึ่งเธอก็ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เพราะมีคำไม่สุภาพอยู่ในโจทย์ด้วย!? เธอจึงสงสัยว่าคำๆ นี้เป็นคำที่เกิดจากการพิมพ์ผิดหรือตั้งใจกันแน่เพราะเป็นคำที่หยาบคายเกินกว่าจะสอนเด็กประถมได้ ต่อมาคุณครูได้ให้คำตอบกับเธอว่า “คุณป้าอย่าคิดมาก ทุกวันนี้คำนี้ไม่ใช่คำไม่สุภาพแล้วนะคะ เราควรสอนให้เด็กรู้จักคำนี้ไปเลยค่ะ พวกครูภาษาไทยที่บอกว่าไม่เหมาะสมนั้นเป็นพวกหัวโบราณหรือเปล่าคะ คุณป้าอย่าคิดแทนเด็กเลยค่ะ พวกเขาไม่คิดอะไรหรอกค่ะ”   หลังจากที่กระทู้นี้เริ่มได้รับความสนใจจากชาวเน็ตในวงกว้าง ก็เริ่มมีสมาชิกคนอื่นๆ เข้ามาให้ความเห็นว่าคำดังกล่าวเป็นคำที่ค่อนข้างหยาบคาย ไม่ควรมาอยู่ในบทเรียน และแม้ว่าจะไม่ได้มีการเรียนการสอนคำนี้แต่ในอนาคตพวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว   ตัวอย่างคอมเม้นท์จากชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว…   คุณ ผู้หญิงเลือดเย็น “ดิฉันเองก็เป็นครูภาษาไทย(หัวโบราณตามที่ถูกแขวะ) เพราะจะขอยืนยันว่า คำนี้มันไม่ใช่คำที่สุภาพ” “ควรอธิบายและทำความเข้าใจกับเขา แต่มันไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ให้เป็นจุดเด่น การบอกว่าไม่เหมาะที่ครูจะเลือกมาใช้ในใบงานไม่ใช่ปิดกั้นไม่ให้เด็กรู้จักนะคะ” “#มีบางความเห็นบอกว่าคำนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนให้ความหมายมัน ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานเล่มปัจจุบัน ให้ความหมายคำว่า ห..อี.. ว่า น.อวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงหรือสัตว์เพศเมียบางชนิด” . คุณ พิมพ์นรา “คือ…คำอื่นที่เหมาะสม…

นี่คือเรื่องราวการเตือนภัยที่มีคนส่งต่อกันในโลกออนไลน์มากที่สุดในขณะนี้เลยทีเดียว สำหรับการเตือนภัยหนุ่มโรคจิตรายหนึ่งที่แอบตีเนียนไปแต๊ะอั๊งสาวๆ บนรถไฟฟ้า BTS เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่าคุณ Arnantr Thitithakul ได้นำเรื่องราวของผู้เสียหายมาบอกต่อ เป็นประสบการณ์การถูกลวนลามของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกหนุ่มโรคจิตลวนลามบนรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง     เริ่มแรกชายหนุ่มรายนี้ได้มีการนำมือมาโดนที่ก้น ต่อมาเริ่มลามไปยังด้านหน้าด้วย!? จากนั้นหญิงสาวจึงได้ตะโดนด่าเสียงดังๆ ต่อมามีน้องผู้หญิงแถวนั้นเข้ามาบอกว่าโดนลวนลามเหมือนกัน สุดท้ายโรคจิตรายนี้ก็เกิดความอับอายและหนีลงรถไฟที่บริเวณสถานีสุรศักดิ์ในที่สุด     หลังจากที่เจ้าของเรื่องเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่ออกหนังสือไปยัง BTS ให้ช่วยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอีกรอบ พร้อมกับบอกว่าหากใครพบเห็นชายหนุ่มลักษณะแบบนี้อีก ให้รีบโทรแจ้ง 02-286-1138 ได้เลย     นอกจากนี้เจ้าของเรื่องยังได้มีการปรึกษากับเพื่อนๆ ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะมีบางคนจดจำใบหน้าของโรคจิตหนุ่มรายนี้ได้ แถมยังบอกอีกว่าเคยโดนลวนมาแล้วเช่นกัน     หากเจอเหตุการณ์แบบนี้#เหมียวฟิ้นอยากแนะนำสาวๆ ว่าหากระแวงว่าจะเจอกับพวกโรคจิต เมื่อขึ้นรถมาแล้วให้หันหลังเข้ามุมเลย หรือถ้าเจอกับตัวจริงๆ ให้ตะโดนด่าดังๆ แบบกรณีนี้เลยนะ อย่านิ่งเงียบหรืออาย ไม่งั้นพวกนี้จะได้ใจนะเออ!!!! ที่มา Arnantr Thitithakul

ปัญหาวัยรุ่นตีกันดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่หาทางแก้ไขไม่ได้เลยนะ เพราะไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ยังคงมีปัญหามองหน้ากันไม่ติด ต้องหยิบอาวุธออกมาไล่ทำร้ายกันตลอดเวลา ลำพังแค่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหรือตนเองบาดเจ็บก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายแล้ว แต่การทำให้ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเจ็บตัวและเสียชีวิตด้วยกลับเป็นเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่า…     เมื่อช่วงดึกของวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ HerKid รวมพลคนเห่อลูก ได้เผยแพร่อัลบั้มภาพที่บอกเล่าเรื่องราวสุดสะเทือนใจของน้องโฟร์ค เด็กชายวัย 4 ขวบที่โดนลูกหลงจากการปะทะกันของวัยรุ่น และจากไปอย่างไม่มีวันกลีบ   จดหมายจากคุณแม่ของขวัญถึงคนบนฟ้า คิดถึงคนที่อยู่บนฟ้าจัง…มี๊ยังรักและคิดถึงลูกรักของมี๊ตลอดจนสิ้นลมหายใจ น้องต้องมาเสี… โพสต์โดย HerKid รวมพลคนเห่อลูก บน 23 พฤษภาคม 2016   ในอัลบั้มภาพนี้จัดทำโดยคุณแม่ของขวัญ ซึ่งเป็นแม่ของน้องโฟร์ค โดยมีข้อความอยู่ว่า “จดหมายจากคุณแม่ของขวัญถึงคนบนฟ้า คิดถึงคนที่อยู่บนฟ้าจัง…มี๊ยังรักและคิดถึงลูกรักของมี๊ตลอดจนสิ้นลมหายใจ น้องต้องมาเสียชีวิตเนื่องจากโดนลูกหลงเด็กนักเรียนตีกัน”      “น้องโดนยิงที่คอทะลุโดนเส้นเลือดใหญ่ (ฝากแชร์เตือนสติน้องๆเสื้อต่างสีต่างสถาบันด้วยนะคะ เพียงคนละ 1แชร์เท่านั้นเองค่ะ)”                                    …

เห็นช่วงนี้สาวๆ กำลังฮิตครีมหอยทาก ที่ตอนนี้มีการผลิตออกมาขายกันหลากหลายยี่ห้อ และดูจะประสบความสำเร็จมากทีเดียว เพราะหลายๆ คนใช้แล้วหน้าขาวผ่องขึ้น เนียนขึ้น แต่ใช่ว่ามันจะเหมาะกับทุกผิวหน้านะ…   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่าคุณน้ำเพชร Nampetchx Phongcharoenphatsada ได้โพสต์ภาพใบหน้าตัวเองหลังจากที่ใช้ครีมหอยทากยี่ห้อหนึ่งมาได้ 10 วัน       แต่แทนที่หน้าจะขาวขึ้น เนียนขึ้นอย่างที่โฆษณาไว้ ผิวหน้าของเธอกลับแพ้หนักจนเกิดเป็นสิวและผื่นขึ้นเต็มหน้า ทำให้เธอสงสัยว่าอาการแพ้แบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับเธอหรือเปล่า? จึงได้ตั้งสเตตัสเพื่อสอบถามเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ ปรากฏว่าทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “แพ้”               และนี่คือใบหน้าของเธอหลังจากใช้ครีมหอยทากไปได้เพียง 10 วัน           นอกจากนี้ เธอยังบอกว่าไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวด้วย…         สาระน่ารู้… แล้วจะทำยังไงไม่ให้แพ้ครีมล่ะ!? ต้องรู้ไว้ก่อนว่า อาการแพ้ครีมจะเกิดขึ้นภายใน 8-24 ชั่วโมงหลังการใช้…

แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในสังคม แต่#เหมียวฟิ้นอ่านแล้วรู้สึกปลื้มใจมาก เลยขอนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ชาวเหมียวได้ลองอ่านกันนะ   เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก วิศวะ สกุลราช เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ออกมาช่วยงานก่อสร้างกับพ่อของเขา แต่ในช่วงบ่ายเจ้าตัวได้ขอคุณพ่อออกไปสอบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง     ทั้งนี้คุณวิศวะได้สอบถามไปยังช่างก่อสร้างจึงทราบว่าตอนนี้ลูกชายกำลังเรียนอยู่ปี 2 และได้บอกกับลูกชายแล้วว่าไม่ต้องมาช่วยงาน เดี๋ยวจะอายเพื่อนๆ   แต่ลุกชายกลับบอกว่าหากปล่อยให้พ่อของตัวเองทำงานคนเดียวเป็นเรื่องที่น่าอายมากกว่า หากเพื่อนคนไหนไม่คบกับเขาเพียงเพราะทำงานก่อสร้างก็คงต้องปล่อยเขาไป     หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้ชาวเน็ตพากันแสดงความชื่นชมในแนวคิดของเด็กหนุ่มคนนี้กันมากมาย เพราะเนื่องจากมีเด็กๆ บางส่วนที่ไม่กล้าทำงานลำบากกับพ่อแม่เพราะกลัวจะอายเพื่อนๆ แต่เด็กคนนี้กลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป       เหมียวเองขอชื่นชมเด็กคนนี้ด้วยเช่นกันนะ หวังว่าแนวคิดนี้จะทำให้น้องเจริญก้าวหน้าในอนาคตนะ ที่มา วิศวะ สกุลราช

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปวิดีโอรถกระบะพุ่งเข้าชนรถพยายาบกลางสี่แยกในจังหวัดชลบุรี ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามตามมาว่าใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่?     เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดิโออุบัติเหตุที่ถูกถ่ายได้โดยกล้องติดรถของผู้พบเห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่รถพยาบาลได้เปิดสัญญาณขอทางเพื่อผ่านสีแยกไป แต่ในขณะเดียวกันกลับมีรถกระบะพุ่งมาจากอีกแยกหนึ่งที่เป็นไฟเขียวพอดี ทำให้รถทั้งสองคันปะทะกันอย่างรุนแรงจนรถพยาบาลพลิกคว่ำลงไป     ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊ก Palm Sittichai ได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ารถพยาบาลคันดังกล่าวเป็นรถจากโรงพยาบาลเอกชนที่เดินทางมาจากถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทาง 4 แยกห้างเฉลิมไทย ส่วนรถกระบะนั้นมาจากถนนอัคนิวาต ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเป็นพยาบาล 1 ราย ส่วนคนขับรถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก       ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่นี่เลย วินาที..รถพยาบาล’กำลังไปรับผู้ป่วย โดนชนคว่ำกลางสี่แยกบ้านสวน …::>> วินาที..รถพยาบาล’กำลังไปรับผู้ป่วย โดนชนคว่ำกลางสี่แยกบ้านสวน #ชลบุรี (14’พ.ค.59) <<:: CREDIT: https://goo.gl/W5vGfC @Eaky Eksri Poonpanich ************************* ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@ซี ม่อน โพสต์โดย YouLike (คลิปเด็ด) บน 14 พฤษภาคม 2016  …

กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับประเด็นที่มีชาวพันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ เมารึยัง ได้เข้ามาตั้งคำถามว่า “คุณคิดยังไงให้เด็กยืนเข้าแถวตากแดดช่วงนี้”     เพราะเนื่องจากอากาศในบ้านเราค่อนข้างร้อนอาจทำให้เป็นลมแดดหรือฮีทสโตรกได้ ในขณะที่คุณครูและผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ คนยังไม่อยากออกมายืนกลางแดดตอนเช้าเลย เจ้าของกระทู้จึงอยากถามว่าการให้เด็กๆ มายืนตากแดดนั้นเป็นการฝึกความอดทนหรืออย่างไร?       หลังจากที่กระทู้นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีสมาชิกคนอื่นๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลามทีเดียว โดยบางความเห็นมองว่าแดดในสมัยนี้แรงกว่าสมัยก่อนมาก การยืนตากแดดก่อนเข้าเรียนอาจทำให้เกิดอาการเพลียได้   แต่หากเป็นโรงเรียนเอกชนแล้ว สามารถร้องเรียนเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนได้ หากเป็นโรงเรียนรัฐบาลก็อาจจะต้องทำใจกันนิดนึง         ส่วนความเห็นจากทาง Facebook เองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เช่นคุณ Shota Light บอกว่ารู้สึกสงสารเด็กๆ รุ่นใหม่มาก เพราะแดดร้อนจนแสบผิว ทำไมต้องพูดหน้าเสาธงให้เด็กตากแดดนานๆ อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้         ส่วนทางด้านเฟซบุ๊กเพจชื่อดังอย่าง Drama-Addict บอกว่าการยืนตากแดดตอนเช้านั้นไม่ได้ช่วยให้ผิวได้รับวิตามินดีเท่าไหร่ อาจทำให้เป็นฮีทสโตรกได้ แถมยังแนะว่าควรปรับเปลี่ยนมาเป็นการยืนในร่มหรือยืนกลางแจ้งในวันที่แดดไม่ร้อนจัดแทน     ส่วนเพื่อนๆ ชาวเหมียวล่ะมองว่าไง เด็กๆ ควรฝึกวินัยในการตากแดดอยู่ไหม? หรือมีวิธีการแก้ไข้ปัญหาแบบดีๆ มาแนะนำกัน ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้นะ ที่มา pantip , Drama-addict ขอบคุณภาพ dailynews , theactkk

เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงสุภัทรา สะสุพันธ์ หรือน้องแนท เธอมีอาการผิดปกติทางโครโมโซมเรียกว่า “แอมบราส ซินโดรม” อาการนี้จะมีการเจริญเติบโตของเส้นขนที่มากผิดปกติตามร่างกายและบนใบหน้า     โรคนี้มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ซึ่งในตอนนั้นผู้คนยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้เท่าไหร่ จึงเรียกคนที่มีขนดกบนใบหน้าแบบนี้ว่าเป็น “มนุษย์หมาป่า” และปัจจุบันน้องสุภัทราก็กลายเป็นหนึ่งใน 50 บุคคลที่ป่วยเป็นโรคนี้     ตามรายงานบอกว่าเธอมีขนขึ้นไปทั่วใบหน้า หู แขน ขา และที่หลังของเธอ แม้จะทำการกำจัดขนด้วยเทโนโลยีการยิงเลเซอร์ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคนี้ได้ มีแต่ต้องใช้กรรไกรค่อยๆ เล็มส่วนที่เกินออกมาเท่านั้น     จากการที่มีเส้นขนขึ้นดำบนใบหน้า ทำให้เธอโด่งดังจนเว็บไซต์ต่างประเทศหลายๆ แห่งต้องมาทำข่าวเธอถึงที่ประเทศไทยเลยทีเดียว แถมยังได้รับการจดบันทึกจาก Guinness World Records ว่าเป็นเด็กที่มีขนดกมากที่สุดในโลกด้วย     แต่ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดทุกครั้งที่เธอออกไปเดินที่ไหนก็ตาม แต่น้องสุภัทราก็ยังมีความรู้สึกดีอยู่ เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “หนูรู้สึกมีความสุขมากเลย ที่ได้รับการจดบันทึกจาก Guinness World Records มีคนจำนวนมากพยายามจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่หนูทำก็แค่ตอบคำถามจากนั้นเขาก็ใส่ชื่อหนูลงไปเลย”     ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีอาการแบบเดียวกับเธอมักจะถูกคนในสังคมรังเกียจ แต่กับน้องสุภัทรากลับได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมชั้นเป็นอย่างดี และกลายเป็นเด็กที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดในโรงเรียนเลยก็ว่าได้ “เคยมีบางคนล้อหนูว่าไอ้หน้าลิง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ทำแบบนั้นแล้ว”  …

กลายเป็นหนึ่งในข่าวทอล์ฟออฟเดอะทาว์นไปเลย เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับสื่อว่าตอนนี้เธอกับอดีตสามี นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ได้แยกทางกันแล้วตั้งแต่ก่อนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา   หลังจากที่ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้สื่อสังคมออนไลน์พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่ทั้งคู่เลิกกัน เพราะเพิ่งจะมีข่าวการแต่งงานของทั้งสองคนไปเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมานี้เอง     ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 พฤษภาคม นพ.นพรัตน์ ได้ออกมมาโพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าวผ่าน IG dr_nopparat โดยบอกว่ารู้สึกตกใจมากที่ข่าวของเขากระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต และขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถออกมาให้สัมภาษณ์ได้เนื่องจากติดงานและยังไม่พร้อม   นพ.นพรัตน์บอกว่าข่าวที่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ตตอนนี้มีความคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น “รู้สึกตกใจมากครับ โดยเฉพาะประเด็นที่มีการบีบบบังคับ ซึ่งความจริงแล้ว ชีวิตทั้งก่อนและหลังแต่งงาน สำหรับผมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังปฏิบัติต่อแย้ดีเหมือนเดิมทุกประการ”     เจ้าตัวได้เล่าถึงสาเหตุการเลิกรากันครั้งนี้ว่าตนเองพยายามขอให้ภรรยาอย่ากลับบ้านดึก ลดการสังสรรลงบ้าง และไม่โพสต์รูปที่ดูโป๊เกินไป และแม้ว่าภรรยาจะไม่ค่อยทำตามสิ่งที่เขาขอสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอเลย   นอกจากนี้นพ.นพรัตน์ยังบอกอีกว่าหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นตัวเองยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเธออย่างจริงจัง ได้คุยโทรศัพท์สั้นๆ และไลน์บ้างเล็กน้อย และฝากเรื่องแถลงข่าวว่าอยากจะคุยกันให้เข้าใจตรงกันก่อนที่จะออกมาแถลงข่าว เพราะจะกลายเป็นการสาดโคลนกันไปมามากกว่า           อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย หลังเสร็จจากผ่าตัดวันนี้ รู้สึกตกใจครับ ที่มีข่าวไม่ดีของผมกับแย้กระจายทั่วเน็ต ก่อนอื่นต้องขออภัยครับ…

นี่คือภาพที่มีผู้คนกดแชร์และส่งต่อกันอยู่เต็มหน้าไทม์ไลน์ของเฟซบุ๊กในขณะนี้เลย สำหรับภาพที่มีคนกล่าวอ้างว่าเป็นภาพของ “น้องไอดิน” เด็กทารกผู้รอดชีวิตจากแม่ใจยักษ์ที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา     ล่าสุดทางเพจ Drama-addict ได้ออกมาชี้แจงว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่ภาพของน้องไอดิน แต่เป็นภาพของเณรน้อยชาวกัมพูชาวัย 4 เดือนต่างหาก พร้อมกันนี้ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความเห็นต่อว่าคนที่ปล่อยข่าวเท็จด้วยว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเพราะหวังแค่ยอดไลค์เพียงอย่างเดียว   กุเรื่องกันเก่งจังคนับ โพสต์โดย Drama-addict บน 1 พฤษภาคม 2016   ทั้งนี้น้องไอดินเป็นเด็กที่ถูกแม่นำมาฝังดินไว้ที่ทุ่งนาแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น พร้อมกับบาดแผลเต็มตัว แต่โชคดีที่มีคนมาเจอเข้าและนำตัวส่งโรงพยาบาลขอนแก่น ปัจจุบันมีอาการดีขึ้นมากแล้วและอยู่ในระหว่างการประเมินว่าจะส่งกลับไปยังครอบครัวเดิมหรือให้กับผู้อุปการะคนอื่นต่อไป ที่มา Drama-addict , kapook

การสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี อยู่ในกรอบอยู่ในโอวาทของผู้ปกครองนั้นเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องสอนและบอกกับลูกๆ ให้เข้าใจ แต่บางครั้งการพูดคุยให้เข้าใจกันก็กลับเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เมื่อลูกของเราเติบโตมาถึงช่วงวัยรุ่นที่เริ่มจะมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว…   เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอสุดสะเทือนอารมณ์ ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Phanonmporn Subin เผยให้เห็นภาพของคุณแม่คนหนึ่งกำลังยกมือพนมและพูดจาเชิงประชดประชันกับลูกสาว เนื่องจากเธอมักจะแอบหนีไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆ     โดยในคลิปวิดีโอคุณแม่ได้กล่าวว่า “ครั้งนี้แม่ขอโทษนะที่แม่ทำไม่ดีกับลูก ฉันขอโทษเธอ ขอให้เธอเจริญๆ ขึ้นนะลูกนะ แม่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยว่าให้เธอ ฉันรักเธอยิ่งกว่าอะไร”    “แต่วันนี้เธอทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า เธอบอกเธอจะไม่ทำแต่เธอก็ทำ เธอไม่เคยทำให้ฉันภูมิใจเธอเลย และวันนี้เธอก็ไปกับเพื่อน พอฉันบอกไม่ให้เธอไปเธอก็งอนฉันขึ้นไปอยู่ข้างบน” จากนั้นคุณแม่ก็ก้มกราบลูกสาวไป 3 ครั้ง     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   เห็นแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ เพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ ลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ ที่มา chukkatook abc

เป็นประเด็นดราม่าให้ถกเถียงกันอยู่ในตอนนี้เลย สำหรับภาพพระดังรูปหนึ่งที่โพสต์ภาพบอกว่าตนเองได้ไปปล่อยปลากว่า 700 ตัว ลงในแม่น้ำ แต่กลับมีเพจนักอนุรักษ์ออกมาโต้ว่าการปล่อยปลาแบบผิดๆ อาจเป็นการทำลายระบบนิเวศได้!?     เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา พระชื่อได้ได้โพสต์ภาพปล่อยปลาลงในแม่น้ำ พร้อมกับข้อความว่า “1/5/59 พระอาจารย์ปล่อยปลาอีกครั้งที่ 700 ขอให้ได้บุญด้วยกันเท่ากันทุกประการเทอญ ขอให้พ้นภัยแข็งแรงร่ำรวยตลอดไปเทอญ”       ต่อมาเพจคนอนุรักษ์ได้ชี้แจงว่าการปล่อยปลาจำนวนมากลงน้ำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากปลาที่ปล่อยนั้นเป็นปลาดุกรัสเซีย เป็นปลาต่างถิ่นที่กินเนื้อเป็นอาหาร อาจจะทำให้ปลาเล็กปลาน้อยในน้ำถูกกินจนหมด พร้อมกับแนะว่าหากอยากปล่อยปลาควรจะเป็นปลาในท้องถิ่นเท่านั้น     จะปล่อยนกปล่อยปลาอะไรก็ศึกษากันสักนิดละกันนะ เพราะแทนที่จะได้บุญกลับได้บาปมาซะงั้น ที่มา คนอนุรักษ์

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นางสาวศนิชา บุญเกื้อหนุน ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้องสาวของเธอ ที่ไปเดินเล่นที่โลตัสพลัสมอลล์ บางใหญ่ แต่กลับถูกยามรักษาความปลอดภัยกล่าวหาว่าเธอไปขโมยชุดนักเรียนมาซะงั้น!?   คุณศนิชา ได้เล่าว่าน้องสาวของเธอไปเดินเล่นที่ห้างเพื่อรอให้เธอมารับหลังเลิกงาน แต่ในระหว่างนั้นกลับมียามคนหนึ่งเดินมาทางเธอและบอกว่าเธอขโมยเสื้อนักเรียนไป เนื่องจากเสื้อดูใหม่ผิดปกติแถมยังไม่ได้ปักชื่อลงไปด้วย     ทางด้านเด็กนักเรียนหญิงก็ได้อธิบายกับยามไปว่าเธอไม่ได้ขโมยไป แต่ที่เสื้อดูใหม่เพราะว่าเสื้อตัวที่ใส่ไปเรียนมีรอยเปื้อน เธอเลยไปซื้อเสื้อตัวใหม่มาจากป้าของเพื่อนเลยยังไม่ได้ปักชื่อลงไป แต่ยามกลับไม่เชื่อและถามวนไปวนมา   จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำและโทรเล่าเหตุการณ์ให้พี่สาวของเธอฟัง และเมื่อเธอออกจากห้องน้ำมาก็มาเจอเข้ากับพนักงานห้างที่สงสัยว่าเธอเป็นคนเอาเสื้อนักเรียนไป     ต่อมาก็มีพนักงานของร้านวัตสันเข้ามาปลอบเธอและเห็นว่าเสื้อที่เธอใส่อยู่เป็นเสื้อที่ไม่มีขายในห้าง ทำให้เกิดการถกเถียงกันขึ้นเพราะพนักงานห้างคิดว่าทางห้างมีเสื้อขายทุกยี่ห้อ สุดท้ายพนักงานห้างจึงต้องออกมาขอโทษเธอและให้กล่องดินสอเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย ถ้าเป็นคนอื่นพวกคุณคงไม่โดนแค่นี้นะคะ #แอนตี้โลตัสพลัสมอล์ล บางใหญ่ ทำงานห่วยแตก เรื่องก่อนหน้านี้ นี่คือของปิดปาก … โพสต์โดย นางสาวศนิชา บุญเกื้อหนุน บน 28 เมษายน 2016   น่าสงสารน้องจัง น่าจะกลายเป็นความสะเทือนใจที่ติดตัวไปอีกนาน ที่มา นางสาวศนิชา บุญเกื้อหนุน

หากใครยังจำกันได้ เมื่อประมาณปลายปี 2557 มีข่าวอุบัติเหตุหญิงสาวขับรถพุ่งชนร้านสเต็กแห่งหนึ่ง จนเป็นเหตุให้เจ้าของร้านเสียชีวิตและลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นปี ล่าสุด#เหมียวฟิ้นมีความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของเธอมารายงานล่ะ     อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายนปี 2557 โดย น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ได้ขับรถกระบะพุ่งชนร้านสเต๊กลุงใหญ่ ปากซอยเอกชัย 119 จนทำให้นายภานุทัต ชำนิ (ผู้เป็นพ่อ) เสียชีวิต และน้องการ์ตูนวัย 5 ขวบได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สมอง   ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ศาลอาญาธนบุรี ได้มีคำพิพากษาออกมาให้น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ผู้ก่อเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวชำนิเป็นจำนวน 10 ล้าน 7 แสนบาท และมีโทษจำคุกอีก 1 ปี     ล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 พฤษภาคม คุณศรัญญา ชำนิ คุณแม่ของน้องการ์ตูนได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพจ ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother’s Grill Steak House “ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ” บอกว่าเมื่อวันที่ 30 เมษายนได้พาน้องการ์ตูนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมา…

กลายเป็นดราม่าร้อนๆ อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับกรณีที่มีเด็กแว้นรายหนึ่งโพสต์ข้อความต่อว่าเหล่าเกมเมอร์ว่าเอาแต่ขอเงินพ่อแม่มาเตอมเกม ในขณะที่พวกตนทำงานหาเงินแล้วมาแว้น งานนี้เลยเกิดการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเลยทีเดียว   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 เมษายนทีผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ Super-rich | Game console lover’s Shop ได้โพสต์ภาพข้อความของเด็กแว้นรายหนึ่งโดยมีข้อความว่า “ถึงกูจะแว้น แต่กูก็ทำงานว่ะ ไม่เหมือนพวกติดเกมเล่นทั้งวัน อะไรก็ขอตังค์พ่อแม่ไปเติมเกม”   “กูทำงานเสร็จกูก็ขับรถเล่น ก็ยังดีกว่ามึงที่เล่นแต่เกมทั้งวี่ทั้งวัน #โลกมึงมันสวนเกินไป”     แน่นอนว่าการที่เด็กแว้นออกมาต่อว่าเหล่าคนเล่นเกมหรือเกมเมอร์ขนาดนี้ ย่อมทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กลับมาอย่างแน่นอน โดยหลายๆ ความเห็นบอกว่าการเล่นเกมนั้นไม่จำเป็นจะต้องขอเงินพ่อแม่เสมอไป   การเล่นเกมสามารถหารายได้ได้ด้วย แถมยังไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะเล่นเกมอยู่ที่บ้านหรือร้านเน็ตเพียงอย่างเดียว             เราก็แค่ชอบเล่นเกมเฉยๆ เราผิดอาราย จิ้วๆๆๆ ที่มา Super-rich | Game console lover’s Shop

ทำเอาแฟนๆ ถึงกับใจหายเลยทีเดียว เพราะมีข่าวว่านักพากย์ชื่อดังขวัญใจเด็กๆ และผู้ใหญ่อย่างน้าต๋อย เซมเบ้ หรือ นายนิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ วัย 61 ปี ต้องหยุดงานพากย์การ์ตูนไปเป็นนาน 4 ปี เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นโรคหอบหืด ปอดและต่อมน้ำเหลืองติดเชื้อ และเชื้อโรคกินกระดูกจนหัก     ล่าสุด#เหมียวฟิ้นมีข่าวดีจะมาบอกล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางไนน์เอ็นเตอร์เทนได้รายงานว่าน้าต๋อยเซมเบ้จะหวนกลับมาพากย์การ์ตูนอีกครั้งให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงแล้ว!!     ตามรายงานบอกว่าการ์ตูนที่น้าต๋อยจะกลับมาพากย์นั้นเป็นการ์ตูน Sailor Moon ภาค Crystal ซึ่งมีอายุครบรอบ 20 ปีพอดี ทั้งนี้จะได้ทีมงานชุดเดิมกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เช่น น้านิด , น้าตุ๊ก และ น้าต๋อย เซมเบ้       ตอนนี้อาการของน้าต๋อยเริ่มกลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่งแล้ว ใครที่เป็นแฟนและคิดถึงเสียงพากย์ของน้าต่อยเซมเบ้ รอติดตามชมเซเลอร์มูน ภาคคริสตัลได้ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้นะจ๊ะ     ที่มา mcot , น้าต๋อยเซมเบ้ FanPage

เป็นประเด็นร้อนที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับเรื่องราวของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ที่เดินทางไปเที่ยวผับดังย่านบางแสน แต่กลับถูกเจ้าของร้านพาลูกน้องมารุมกระทืบ จนต้องเข้าโรงพยาบาลเย็บที่หน้าไปกว่า 16 เข็ม!?     เมื่อช่วงบ่าย 2 ของวันที่ 25 เมษายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tong Pigg โพสต์เล่าว่าเธอได้ไปเที่ยวที่ผับดังแห่งหนึ่งย่านบางแสนกับกลุ่มเพื่อนๆ ในเวลาประมาณ 4 ทุ่ม แต่ดันไปเจอเข้ากับพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ไม่ถูกกับกลุ่มของพวกเธอ ทำให้พวกเขาเกิดมีปากเสียงกัน     ในระหว่างนั้นเจ้าของร้านได้ออกมาช่วยเคลียร์ปัญหา แต่กลับวุ่นวายกว่าเดิมเพราะเจ้าของร้านเข้าข้างพนักงานของตนเอง และบอกว่าจะตบกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว โชคดีที่มีคนห้ามเอาไว้ จากนั้นทางเจ้าของร้านได้พูดจาด้วยคำหยาบคายพร้อมกับบอกว่าตนเองเป็นเจ้าถิ่นของที่นั่น     ต่อมาในเวลาตี 1 กลุ่มนักท่องเที่ยวได้พยายามจะเดินออกมาจากร้าน แต่เจ้าของร้านกลับวิ่งเข้ามาต่อยหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นก็พาลูกน้องในร้านอีก 6-7 คนมารุมกระทืบต่อจนนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกายและที่ใบหน้าจนต้องเย็บแผลไปกว่า 16 เข็มทีเดียว   อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   ต่อมา ผู้ที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่าคุณ Patinyapirom Pop ก็ได้โพสต์ชี้แจงความจริงอีกฝั่งหนึ่งว่าอยากให้ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย โดยบอกว่าก่อนหน้าที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นฝั่งนักท่องเที่ยวได้ไปหาเรื่องกับทางร้านก่อนด้วย    …

กลายเป็นเรื่องหนักอกหนักใจเลยทีเดียว เพราะในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคราวเกี่ยวกับอาชีพหมอดู ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าการเป็นหมอรักษาคนจริงๆ แถมยังมีการพาดพิงไปยังกฤษณ์ คอนเฟิร์ม ที่มีรถหรูและธุรกิจอีกมากมาย       ล่าสุดเจ้าตัวได้บ่นอุบลงในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า หลังจากที่มีกระแสดังกล่าวออกไป ก็ทำให้เขาถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข เพราะได้รับโทรศัพท์มาขอยืมเงินกันให้วุ่นวาย โดยบางรายถึงขั้นมาขอยืมกันเป็นล้านๆ เลยทีเดียว!?   อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ช่วง 3-4 วันนี้ผมเริ่มลำบากนิดๆแล้วครับ มีข่าวแชร์เรื่องฐานะอะไรของผมกันเต็มไปหมดก็ไม่รู้ วันๆมีแต่คนโทรมายืมเงิน ผมแค่พอมีพอกินครับ ไม่ได้รวยอะไรมากๆขนาดนั้น บางคนโทรมายืมหลายๆล้าน ผมจะแย่เอาครับ โพสต์โดย กฤษณ์ คอนเฟิร์ม บน 24 เมษายน 2016   นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าอีกว่าสมัยก่อนไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่อาศัยการทำงานตั้งแต่เด็กๆ จึงพยายามขวนขวายทำงานต่างๆ แม้จะอายเพื่อนๆ บ้างก็ตาม ชีวิตของผมเริ่มต้นมาจาก ครอบครัวที่ไม่มีฐานะครับ ผมเริ่มชีวิตการต่อสู้มาจาก เด็ก ป 4 ที่ไปร้านซาเล้ง หน้าปากซอยเพื่อ ไปซ… โพสต์โดย กฤษณ์ คอนเฟิร์ม บน 22 เมษายน 2016…

ในช่วงนี้เราคงจะได้เห็นข่าวคราวเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศในแถบภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่มีหมอกควักปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง แต่ยังไม่ค่อยมีใครได้เห็นภาพป่าไม้ที่ถูกเผาจริงๆ สักเท่าไหร่ วันนี้#เหมียวฟิ้นมีภาพมาให้ชมกันล่ะ   เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tu You ที่ทำหน้าที่เป็นคุณครูอยู่ในจังหวัดเชียงราย ได้โพสต์ภาพป่าไม้ถูกเผาที่บริเวณทางขึ้นภูชี้ฟ้า จนเหลือแต่หน้าดินสีดำและกลุ่มควันโพยพุ่งขึ้นไปในอากาศ     พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “เงียบมานานไม่กล้าโพส กลัวกระทบการท่องเที่ยว วันนี้ผมไปโรงเรียน ได้เห็นภาพเหล่านี้ ตลอดเส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้า ผมอดไม่ได้จริงๆ น้ำตาผมคลอเลยครับ”                             สุดท้ายนี้ทางคุณครูบอกว่าไม่อยากให้ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะได้ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากมีคนลักลอบเผาป่ากันเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ทั้งหมด   อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย *เงียบมานานไม่กล้าโพส กลัวกระทบการท่องเที่ยว วันนี้ผมไปโรงเรียน ได้เห็นภาพเหล่านี้ ตลอดเส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้า ผมอดไม่ได้จริ… โพสต์โดย Tu…

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา นายสามารถ พุฒพิมพ์ ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม มีด่านบอกด้วย อุบลราชธานี ว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายน เวลาประมาณเที่ยง เจ้าตัวได้ถูก ดต.ชาญณรงค์ สายสุวรรณ ในอ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จับกุมในข้อหาไม่มีกันชนหลัง     เนื่องจากเจ้าตัวไม่เคยได้ยินข้อกฎหมายนี้มาก่อนทำให้มีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายก็เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่าข้อหานี้มีจริง และกฏหมายทุกวันนี้บังคับให้รถยนต์ติดตั้งกันชนหลังทุกคัน เจ้าตัวเลยต้องเสียค่าปรับไป 200 บาทตามระเบียบ   อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่นี่เลย #อยากทราบว่าข้อหานี้ก็มีด้วยเหรอคะ# วันนี้ขอระบายโดยใช้เฟสบุ๊คคุณหนึ่งฤทัยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า..ข้อหาใหม่จากตำรวจจราจร… โพสต์โดย หนึ่งฤทัย พุฒพิมพ์ บน 22 เมษายน 2016   หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาพากันแสดงความคิดเห็นในเชิงต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมากมาย     ต่อมา พ.ต.ท. พีระศักดิ์ สุระมะณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิบูลมังสาหาร ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยบอกว่ารถของคุณสามารถนั้นมีกันชนหน้าที่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีรอยแตกหักและใช้เชือกมัดติดไว้กับรถทั้งด้านซ้ายและขวา ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน   แต่เจ้าตัวกลับเถียงและยืนยันว่ากันชนสามารถใช้งานได้ดีแม้จะขับด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ไม่หลุดร่วง ซึ่งในระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเขียนใบสั่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการระบุข้อหา   ผู้จับกุมได้ชี้แจงว่า…

เจ็บไข้ได้ป่วยทีไรก็ต้องไปหาหมอเพื่อรับการรักษาหรือรับยามากินที่บ้าน แต่เราคงต้องเพิ่มการระมัดระวังอีกสักหน่อยก่อนกินยาแล้วล่ะ เพราะโรงพยาบาลบางแห่งมีการจ่ายยาหรือติดฉลากยาผิดด้วยนะเออ!?   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 เมษายนที่ผานมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Alover Bah จากอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาสได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเธอเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น โดยเล่าว่าเธอได้พาลูกชายตัวน้อยวัยไม่ถึง 1 ขวบดี ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อตรวจร่างกายหลังจากที่มีอาการปอดบวม     จากนั้นเธอก็ได้รับยาเพื่อเอากลับไปให้ลูกน้อยกินที่บ้าน แต่หลังจากที่เธอให้ลูกชายกินยาขยายหลอดลมก่อนนอน (ตามที่ฉลากเขียนเอาไว้) ลูกชายของเธอกลับมีอาการตัวสั่น เธอจึงหยิบกระปุกยามาดูและแกะฉลากออก   ปรากฏว่าตัวยาตัวนั้นกลับไม่ใช่ยาขยายหลอดลมอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นคาลาไมน์ซึ่งเป็นตัวยาแก้ผดผื่นสำหรับภายนอก!? ทำให้เธอตกใจมากและรีบพาลูกชายเข้าแอดมิทกับโรงพยาบาลเป็นการด่วน     หลังจากนั้นเพื่อนๆ ของเธอก็เข้ามาถามไถ่อาการของลูกน้อย พร้อมทั้งสนับสนุนให้เธอฟ้องร้องกับทางโรงพยาบาลเพื่อเรียกค่าเสียหายอีกด้วย       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย อุทาหรเตือน ทุกท่าน …..วันนี้ชันพาลูกชาย มา รพ แห่งหนึ่ง เพื่อมาตรวจ ผลตรวจหมอบอกว่าเป็นปอดบวม เลยให้พ่นยา 2 ครั้ง แล้… Publicado por Alover Bah em Quarta, 20 de abril…

กลายเป็นข่าวโด่งดังเลยทีเดียว สำหรับกรณีของหนุ่มแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง โจอี้บอย หรืออภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ที่ออกมาโพสต์ข้อความถึงผู้ว่าฯน่าน เมื่อวันที่ 21 เมษายนว่าตัวเองจะขอลงแรงเพื่อไปช่วยปลูกให้กับชาวน่าน 5 แสนไร่ด้วยตัวเอง ทำเอาชาวเน็ตถึงกับแสดงความชื่นชมกันยกใหญ่เลยทีเดียว   ผมไม่ใช่นักเลงคีย์บอร์ด ไม่ใช่คนน่าน แต่ถ้าท่านผู้ว่าต้องการความช่วยเหลือ ผมและคนอีกไม่น้อยยินดีลงทั้งแรงกายแรงใจแรงเงินไปช่วยท่านนะครับ ขอเพียงท่านอนุญาติ #น่านไง #ก็ไทยด้วยกัน #พวกเราว่าไง โพสต์โดย Apisit Joeyboy Opasaimlikit บน 21 เมษายน 2016   ล่าสุดหนุ่มโจอี้บอยได้โพสต์ข้อความเพื่ออัพเดทให้แฟนๆ ที่ติดตามในโลกออนไลน์ทราบว่า ตอนนี้เจ้าตัวมีเงินที่เหลือจากกองทุน “อย่ายอมนะ” จำนวนทั่งสิ้น 388,653 บาท     เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่มีคนใจบุญโอนให้เขาตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมคราวก่อน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ เจ้าตัวเลยควักเงินส่วนตัวอีก 211,347 บาท รวมกันกลายเป็น 6 แสนบาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในการเพาะปลูกป่าต่อไป     ทั้งนี้เจ้าตัวเข้าใจดีว่าการปลูกป่านั้นไม่ใช่เพียงแค่การนำต้นไม้ลงไปปลูกแล้วก็จบ แต่ยังมีกระบวนการอีกมากมายเพื่อดูแลรักษาต้นไม้ให้เติมโตกลายเป็นป่า “ผมเข้าใจดีว่ามันต้องใช้องค์ความรู้มากมายในกระบวนการเพื่อให้ต้นไม้เติบโตเป็นป่ารวมทั้งการดูแลต่อๆ มา ไม่ใช่แค่ซื้อต้นกล้าแห่กันมาปลูกปักลงไปเสร็จแล้วก็แล้วกัน”   “แต่นี่คงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่าที่พวกผมพอจะทำได้ เพื่อป่าไม้ของเรา เพื่อเมืองไทยของเรา และตอบแทนแผ่นดินในฐานะครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่ได้เข้ามาพึ่งร้อนพึ่งหนาวใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารบนแผ่นดินของในหลวงร่วมกับทุกคน”    …

ทุกวันนี้นอกจากเราจะต้องระมัดระวังตัวกับอุบัติเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนท้องถนนแล้ว เรายังต้องคอยระวังกับผู้ใช้รถใช้ถนนอารมณ์ร้อนด้วยนะ เพราะหากไปเจอกับบุคคลเหล่านี้เมื่อไหร่ การเดินทางของคุณก็อาจจะไม่ปลอดภัยได้เช่นกัน   เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ ชนวรรณ แซ่ตั้ง ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องติดรถที่ตนเองขับ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ว่าในขณะที่ตนเองขับรถมาตามถนนนั้น มีรถฮอนด้าแจ๊สแทรกเข้ามาที่เลนของเธอโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว     เจ้าตัวจึงบีบแตรเตือนเพื่อให้รถเก๋งคันดังกล่าวรู้ตัว แต่ดูเหมือนคนขับรถเก๋งจะไม่พอใจที่ถูกบีบแตรใส่ จึงขับรถปาดไปมา แถมยังหยิบเอาค้อนออกมาแกว่งด้านข้างรถ ทำเอาอึ้งไปตามๆ กัน   ทั้งนี้คุณชนวรรณได้ดพสต์ข้อความประกอบคลิปด้วยว่า “เบียดแทรกเข้ามาไม่เปิดไฟ เราแค่บีบแตรเตือนว่าจะชน ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ ‪#‎ดีนะที่มีกล้อง‬ ถึงใกล้จะพังก็เหอะ”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย เบียดแทรกเข้ามาไม่เปิดไฟ เราแค่บีบแตรเตือนว่าจะชน ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ #ดีนะที่มีกล้อง ถึงใกล้จะพังก็เหอะ โพสต์โดย ชนวรรณ แซ่ตั้ง บน 20 เมษายน 2016   ในเวลาต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก HiHang Hihang ได้เข้ามาโพสต์คลิปเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการขับรถกีดขวางหรือปาดหน้ากันแต่อย่างใด และยืนยันว่าพวกเขาแค่บีบแตรเตือนเท่านั้น คลิปก่อนหน้าเกิดเหตุ จะเกือบจบคับประมาณ 1.45 นาที…

ณ เวลานี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชาวจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ประสบกับปัญหาฝุ่นควันอย่างรุนแรง จนค่าฝุ่นละอองมีค่าสูงถึง 535 ไมโครกรัม/ลบ.ม. แล้ว และยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่อดูจากภาพถ่ายภูเขาและท้องฟ้าในเชียงใหม่ ที่ตอนนี้แถบจะมองไม่เห็นอะไรเลย   ขอเสียงจากคนเชียงใหม่หน่อยครับ อากาศแถวนั้นเป็นยังไงบ้างงงงงงงงงงงงงงงงง โพสต์โดย Drama-addict บน 18 เมษายน 2016   ล่าสุดชาวแม่สายได้รวมตัวกันถ่ายภาพสวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมกับข้อความ “PRAY FOR MAESAI” และติดแฮชแท็ค #‎Prayformaesai‬ โพสต์ลงเฟซบุ๊ก และนัดลงภาพพร้อมกันเวลา 09.00 น. ในวันที่ 19 เม.ย. ตลอดทั้งวัน   เพื่อหวังกระตุ้นให้หน่วยงานราชการลงมาแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างจริงจัง หลังจากค่าฝุ่นละออง PM10 สูงเกินค่ามาตรฐานติดต่อกันนานหลายสัปดาห์แล้ว               อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ชาวแม่สายเหลืออด นัดถ่ายรูปตัวเองขณะสวมใส่หน้ากากอนามัยพร้อมข้อความ “PRAY FOR MAESAI” และติดแฮชแท็ค #prayformaesai โพสต… โพสต์โดย ฮักแม่สาย บน 18…

บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี แต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้จัก วันนี้#เหมียวฟิ้น จะพาไปรู้จักน้องนาทัชชา สาวน้อยวัย 10 ขวบ ที่มีหน้าตาน่ารักประดุจดั่งนางแบบเลยทีเดียว     น้องนาทัชชามีชื่อเต็มๆ ว่า นาทัชชา ควิทเชา ซึ่งคำว่านาทัชชามีความหมายถึงวันที่พระเยซูประสูติ มีชื่อไทยว่า ไอศวรรย์ เกิดวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 2005 ปัจจุบันอายุ 10 ขวบ สูง148 ซม. น้ำหนัก 34 กก.     น้องนาทัชชา เกิดและโตที่ประเทศเยอรมัน ชอบวิชาเกี่ยวกับภาษาและศิลปะ สามารถพูดได้ 2 ภาษาคือภาษาไทยและเยอรมัน เหมียวพล่ามมานานละ ไปดูภาพของน้องกันแบบยาวๆ เลยจ้า                                  …

แหม่ยังไม่ทันจะเริ่มงานดีก็เริ่มมีข่าวด้านลบๆ ออกมาให้เราเห็นซะแล้ว ล่าสุดมีภาพจากงานรดน้ำดำหัวที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายนออกมาให้เห็น เป็นภาพของนักร้องรำวงสาวกำลังร้องเพลงและเต้นยั่วยวน โดยมีชายหนุ่มซุกหน้าไปที่บริเวณหน้าอกของเธอ!?     เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้ยูทูบ IG Dara ได้เผยแพร่คลิปฉาวสงกรานต์ 2559 โดยระบุว่าเป็นภาพงานรดน้ำดำหัวที่จัดขึ้นที่เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่โรงงานแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่ามีนักร้อง 3-4 คนที่แต่งชุดกางเกงขาสั้น และเสื้อคล้ายกับชุดชั้นในออกมาร้องรำทำเพลงอย่าสนุกสนาน     ในขณะนั้นบรรดาแขกผู้มาร่วมงานเองก็มีอาการมึนเมาเพราะสุราด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เริ่มมีชายหนุ่มหยิบแบงค์ออกมาและใส่ไปที่ร่องหน้าอกของหญิงสาวพร้อมทั้งซุกหน้าไปที่บริเวณหน้าอกของเธออย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งถือเป็นการขัดต่อคำสั่งของ คสช. ที่พยายามรณรงค์ให้เล่นน้ำอย่างสุภาพ     เล่นน้ำอย่างมีสตินะ อย่าไปลวนลามสาวๆ ที่ไหนเลย แม้ว่าพวกเธอ (บางคน) จะเปิดโอกาสให้เราก็ตาม ที่มา IG Dara

การเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ไหนๆ ก็ตาม แม้ว่าเราจะระมัดระวังตัวอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเกิดอุบัติเหตุที่เราไม่คาดฝันได้นะ อย่างเช่นเรื่องของหญิงสาวรายนี้ ที่ไปเล่นน้ำที่สวนน้ำโคราชจนถูกกระเบื้องบาดเป็นแผล แต่ทางสวนน้ำกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ แถมยังให้ไปทำแผลเองด้วย!?   เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก An Atk ได้โพสต์ข้อความเตือนลงในกลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง โดยเธอเล่าว่าตนเองได้ไปเล่นน้ำที่สวนน้ำโคราช และถูกกระเบื้องของสไลเดอร์สีฟ้า (อันกลาง) บาดจนมีแผลยาวประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นพนักงานก็ทำแผลให้เธอ     เมื่อเธอได้พูดคุยกับพนักงานของสวนน้ำก็ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เพราะทางพนักงานบอกว่าสไลดเดอร์นี้มักจะทำให้คนได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ ซึ่งวันที่เธอไปเล่นน้ำมีคนได้รับบาดเจ็บก่อนหน้าเธอแล้ว 1 คน   และเมื่อเธอถามว่าทำไมถึงไม่ยอมปรับปรุง ทางพนักงานกลับตอบมาว่ากว่าจะถ่ายน้ำและปรับปรุงก็ต้องใช้เวลานาน 8-9 เดือน ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาและรายได้     แต่ที่เงิบที่สุดก็คือเมื่อหญิงสาวถามถึงความรับผิดชอบของสวนน้ำ ทางพนักงานกลับตอบว่า “อ่อ ทางเราก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก็เป็นอันเสร็จ หลังจากนั้นก็ไปล้างแผลเอาเองที่อนามัยครับ เพราะฟรีอยู่แล้ว”   หลังจากที่เธอได้รับแผลจากสไลเดอร์ ทางพนักงานของสวนน้ำก็ไม่ได้มีการสั่งหยุดหรือปิดปรับปรุงแต่อย่างใด แถมยังให้นักท่องเที่ยวลงเล่นต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย     ใครที่คิดจะเดินทางไปเล่นน้ำที่นั่นก็ระมัดระวังกันนิดนึงนะจ๊ะ ที่มา An Atk

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกๆ ปี บางพื้นที่มักจะมีเหตุการณ์วันรุ่นยกพวกตีกัน อันนี้#เหมียวฟิ้นเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องตีกัน หรือเพราะว่าเห็นน้ำนองกับพื้นหรือดนตรีเสียงดังแล้วมันเกิดอารณ์อยากปะทะกับใครสักคนก็ไม่ทราบได้   ล่าสุดเริ่มกันแล้ว เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก ไม่ได้ติดเหล้านะ แต่เหล้ามันติดกรู เป็นคลิปในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังเดินทางใน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งในขณะนั้นมีการจัดงานวันไหลและเล่นน้ำกันแล้ว     แต่ในระหว่างนั้นกลับมีวัยรุ่นยกพวกตีกันกลางถนนโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งหนีไปอีกทาง     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   เล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานดีกว่านะ หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีเลยนะ ที่มา ไม่ได้ติดเหล้านะ แต่เหล้ามันติดกรู

อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์มักจะมีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก (ทั้งที่ควรจะเป็นเทศกาลแห่งความสุขและหยุดพักผ่อนแท้ๆ) ทางด้านโรงงานสุริยาหีบศพ จึงต้องเร่งต่อโลงเพื่อรองรับกับผู้เสียชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น     เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา นายศริตวรรธน์ สุริยเสนีย์ เจ้าของโรงงานสุริยาหีบศพ ให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้ได้มีการเร่งต่อโลงศพเพิ่ม เพราะในช่วงเทศกาลสงกรานต์มักจะมีลูกค้าโทรมาสั่งโลงเป็นจำนวนมาก   จากเดิมที่มีการต่อโลงเดือนละ 100 โลง เพิ่มจำนวนเป็น 300 – 400 โลง เพื่อนำออกจำหน่ายในจังหวัด ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครปฐม, สุพรรณบุรี, นนทบุรี และ สมุทรสาคร     ยังไงก็ตามนายศริตวรรธน์ได้ทิ้งท้ายว่าอยากให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเดินทางกันด้วยความระมัดระวัง และไม่ดื่มสุราระหว่างขับรถเด็ดขาด   #เหมียวฟิ้นเองก็ขอให้เพื่อนๆ ปลอดภัยจากการเดินทางทุกคนนะ แล้วหวังว่าทุกคนจะได้กลับไปเจอหน้าพ่อแม่พี่น้องอย่างปลอดภัยเช่นกัน ที่มา dailynews

นี่คือเรื่องราวของเจ้าสุนัขผู้น่าสงสารตัวหนึ่ง ที่กำลังมีการแชร์อยู่ในโลกออนไลน์ในขณะนี้เลย ตามเนื้อตามตัวของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด เหตุเพราะว่าถูกตำรวจนายหนึ่งยิงเข้าในช่วงกลางดึกคืนหนึ่ง     เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ ตนหาข่าว จิตอาสา ได้รายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 8 เมษายน มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจย่านลาดยาวได้ยินเสียงปืนดังลั่นพร้อมกับเสียงสุนัขร้อง     โดยผู้พบเห็นเหตุการณ์เล่าว่าในช่วงเวลาประมาณตี 2 ของวันนั้น ตัวเองได้ยินเสียงปืนเลยลุกออกมาดู และพบกับชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมกับพกปืนไว้ที่เอว กำลังไล่สุนัข 2 ในบริเวณนั้นออกไป     เมื่อตื่นเช้ามาก็พบกับเจ้าสุนัขตัวหนึ่งที่ถูกยิงเข้าที่คอและสะโพกกำลังนอนอยู่กับพื้นพร้อมกับมีคราบเลือดติดตามตัว ส่วนสุนัขอีกตัวหนึ่งได้วิ่งเข้าไปซ่อนอยู่ตรงใต้ถุนของแฟลต แต่เมื่อคนไปเจอกลับสิ้นใจไปเรียบร้อยแล้ว     ทั้งนี้จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นให้การตรงกันว่าชายถือปืนที่ทำร้ายสุนัขเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง หากใครพบเห็นหรือรู้จักวอนช่วยแชร์เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีด้วย       ไม่น่าทำกับน้องหมาแบบนี้เลย ที่มา ตนหาข่าว จิตอาสา

ในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกๆ ไป จะมีการจัดกองคัดเลือกทหารตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ชายไทยที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร หากมีวุฒิป.ตรี จะต้องเป็นทหาร 1 ปี แต่หากสมัครจะได้เป็นเพียง 6 เดือน   ซึ่งชายไทยไม่ว่าจะอาชีพใดหรืออยู่ที่ไหน ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารนะ ไม่เว้นแม้แต่พระเลยทีเดียว วันนี้#เหมียวฟิ้นเลยขอรวบรวมเอาคลิปเด็ดๆ ฮาๆ ของเหล่าพระสงฆ์ที่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารปีล่าสุดมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน พระรูปไหนจะได้ใบดำหรือใบแดง เรามาฮา เอ้ย! มาลุ้นไปะพร้อมๆ กันเลย   คลิปแรก เป็นคลิปจากคุณ Suriya Rungruang เป็นคลิปของหลวงพี่ที่กำลังจะจับใบดำใบแดง แต่เมื่อประกาศผลก็ถึงกับเข่าทรุดเลยทีเดียว ตกลงหลวงพี่ได้ใบอะไรนะ? ดูให้ดีเกิดอะไรกับหลวงพี่ โพสต์โดย Suriya Rungruang บน 1 เมษายน 2016   คลิปต่อมาเป็นคลิปจากคุณ เด็ก ชากังราว‎ ชื่อว่าหลวงพี่จีวรบิน ลองดูกันเลยว่าบินจริงไหม จีวนบิน เอิ๊กเอิ๊ก โพสต์โดย เด็ก ชากังราว บน 9…

ถือเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจจริงๆ สำหรับกรณีของสาวพิการรายหนึ่ง ที่ส่งลอตเตอรีให้กับลูกค้าผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 300 ใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 24,000 บาท แต่จู่ๆ ลอตเตอรีกลับหายไปซะอย่างงั้น!?   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สุติมา หม้อทอง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยเล่าว่าตนเองเป็นผู้พิการขายลอตเตอรีในจังหวัดนครสวรรค์ และมีลูกค้าจากต่างประเทศมาสั่งซื้อลอตเตอรี 300 ใบ     โดยเธอส่งให้กับลูกค้าผ่านทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ 4 เมษายน และถึงมือลูกค้าในวันที่ 8 เมษายน แต่เมื่อพัสดุไปถึงมือของลูกค้า กลับมีรอยฉีกและมีน้ำหนักที่เบาผิดปกติ ทางลูกค้าจึงวิดีโอคอลมาหาเจ้าตัว เพื่อเปิดกล่องให้ดูพร้อมๆ กัน ถึงได้พบว่าภายในกล่องว่างเปล่า ไม่มีลอตเตอรีแม้แต่ใบเดียว   เจ้าตัวเลยสอบถามไปยังไปรษณีย์ไทย แต่ก็ได้รับคำตอบแค่ว่าพัสดุได้ถูกส่งออกไปแล้ว สุดท้ายจึงต้องไปแจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์     อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะได้ ขึ้นโรงขึ้นศาล ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับเปิ้ลด้วย แค่เป็นคนพิการทำมาหากินก็ลำบากจะแย… โพสต์โดย สุติมา หม้อทอง บน 8 เมษายน 2016…

ใครที่ต้องขับรถขับราในตอนกลางคืนก็ระวังๆ กันนิดนึงนะ ยิ่งไปในซอยหรือถนนที่ไม่คุ้นเคยยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะคุณอาจเลี้ยวรถผิดไปปักเข้ากับบ้านหรือร้านค้าตามที่ต่างๆ แบบเรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้ก็ได้     เมื่อช่วงดึกของวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เรารักพัทยา ได้รายงานว่า มีรถฮอนด้าแจ๊ส ป้ายแดงพุ่งชนร้านซักรีดที่ซอยหนองใหญ่ 15 เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และรีบหลบหนีออกไปอย่างลอยนวล หากใครพบเห็นให้ช่วยแจ้งไปยังเบอร์โทรศัพท์ 084-362-6489 เพื่อตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี     และนี่คือสภาพร้านซักรีดที่ถูกรถเก๋งชนจนเสียหาย     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย พัทยา ชนเเล้วหนี ร้านซักรีด กระจาย (ภาพอยู่ในคอมเม้น) 8/4/59 ใครเจอช่วยแจ้งเบาะแสด้วยน้ะค้ะ!! รถฮอนด้าแจ๊ส ป้ายแดง เหตุเกิดที่ ซอยหนองใหญ่ 15 เบอร์ติดต่อ 0843626489 วันที่ ขอบคุณคลิป : นุต หนองใหญ่ โพสต์โดย เรารักพัทยา บน 8 เมษายน 2016   ใครพบเห็นรถลักษณะนี้ก็ช่วยกันแจ้งไปยังเบอร์โทรที่ให้ไว้เลยนะจ๊ะ…

หากใครที่ติดตามอ่านเว็บเหมียวมานานก็น่าจะเคยเห็นบทสัมภาษณ์ของน้องม๊าเดี่ยว เจ้าแม่แฟชั่นโลว์คอสหัวครีเอท ที่เหมียวได้เคยไปสัมภาษณ์เธอเมื่อช่วงกลางปี 2015 ที่ผ่านมา   ซึ่งเจ้าตัวก็บอกกับเหมียวว่าอยากจะทำงานด้านแฟชั่นในอนาคต และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าน้องม๊าเดี่ยวจะได้ทำตามที่เธอฝันไว้แล้วจริงๆ     เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 เมษายน เฟซบุ๊กเพจ ใต้เตียงดารา ได้โพสต์ภาพของน้องม๊าเดี่ยว หรือ อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ที่เดินทางไปร่วมรายการ Asia’s Next Top Model เพื่อค้นหานางแบบในแถบเอเชีย     งานนี้น้องม๊าเดี่ยวก็ไม่ธรรมดา ขนเอาชุดแฟชั่นเก๋ๆ ตามสไตล์ของเธอไปโชว์ให้ชาวต่างชาติเห็น ไม่ว่าจะเป็นชุดซุ่มไก่ เสื้อผ้าจากไม้ขนไก่ และวัสดุพื้นบ้านอีกหลายๆ ชิ้น จนกลายเป็นที่สะดุดตาของคนในงานหลายๆ คนทีเดียว       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย #งานอินเตอร์ ม๊าเดี่ยว เทยเด็กที่นางเอาของพื้นบ้านมาทำเป็นชุดเดินแบบโชว์ นี่นางไปเป็นเกสรายการ Asia’s next top model… โพสต์โดย ใต้เตียงดารา บน 8 เมษายน 2016   #เหมียวฟิ้นขอเป็นกำลังใจให้น้องม๊าเดี่ยวทำสิ่งที่รัก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปนะจ๊ะ…

กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เลยทีเดียว สำหรับกรณีของหนุ่มชิน ชินวุฒ ที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 เมษายน แต่เนื่องจากเจ้าตัวได้ขาดการผ่อนผันเมื่อปี 2556 ทำให้หมดสิทธิ์ผ่อนผันและต้องเข้ารับราชการทหารทันที 2 ปี     หลังจากที่ทราบข่าวเจ้าตัวก็ถึงกับเสียใจและมีน้ำตาให้เห็น เพราะเนื่องจากตนเองเป็นเสาหลักของบ้าน แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน IG @chinchinawut ว่า ที่ตัวเองร้องไห้ให้เห็นนั้นไม่ใช่เพราะต้องเข้ารับราชการ แต่เพราะเป็นห่วงที่บ้านมากกว่า พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าภูมิใจที่ได้เป็นทหาร       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ผมขอชี้แจงนะครับ ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะต้องเข้ารับราชการ เป็นทหาร และใช่ครับผมโดนกรณีหลีกเลี่ยงเมื่อ3ปีที่แล้ว เพราะมีข้อผิดพลาดเรื่องคิว และผมก็รับผิดชอบเอง เพราะฉนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ผมก็รับผิดชอบเช่นกันครับ ภูมิใจครับที่ได้เป็นครับ เพราะครอบครัวทั้งฝั่งคุณพ่อ และคุณแม่ ก็เป็นครอบครัวทหารทั้งคู่ เหตุผลที่มีน้ำตา เพราะผมเป็นห่วงที่บ้านครับ เนื่องจากผมมีความรับผิดชอบในการเป็นเสาหลักของครอบครัวเลยมีความเป็นกังวลเรื่องชีวิตของคนข้างหลังครับ หวังว่าทุกคนเข้าใจตรงกันนะครับ ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มีให้ผมและครอบครัวครับ 🙂 รูป Cr: @thairath รูปภาพที่โพสต์โดย Chinawut Indracusin (@chinchinawut) เมื่อ เม.ย. 3, 2016 เวลา…

ทุกวันนี้มีภาพของซิงเกิลมัมให้เราเห็นกันจนเป็นเรื่องปกติเลยนะ แต่ใช่ว่าสาวๆ ทุกคนจะสามารถรับมือได้อย่างเข้มแข็ง หากคุณต้องการกำลังใจล่ะก็ วันนี้#เหมียวฟิ้นมีตัวอย่างที่น่าชื่นชมมาให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างล่ะ   เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ คุณแม่ยังสวย ได้โพสต์ภาพของคุณแม่คนหนึ่ง ที่เล่าประสบการณ์การตั้งท้องระหว่างเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 ทำให้เธอต้องหยุดเรียนไปกลางคัน     และในวันที่เธอคลอดลูก ตรงกับวันที่เพื่อนๆ ของเธอต้องรับปริญญาพอดี ทำให้เธอรู้สึกเสียใจและอยากจะหยุดเรียนออกไปหางานทำเลย แต่เธอก็ฮึดสู้และกลับมาเรียนต่อปีสุดท้ายกับรุ่นน้อง แม้จะไม่มีเพื่อนและเหงาขนาดไหนก็ตาม เธอก็ฟันฝ่าจนเรียนจบ   แต่เหมือนเธอจะยังเจอโชคร้ายอีกครั้ง เมื่อลูกอายุได้ 1 ขวบ แฟนหนุ่มก็ดันมาเลิกกับเธอไป ทำให้เธอกลายเป็นซิงเกิลมัมอยู่คนเดียว แต่เธอก็หางานทำได้และยังบอกอีกว่าตอนนี้ชีวิตมีความสุขดี โชดีมาที่ตอนนั้นเธอตัดสินใจกลับไปเรียน     อ่านเรื่องราวเต็มๆ ของเธอได้ที่นี่เลย ท้องตอนอยู่ปี3 เลยต้องดรอปเรียนไป1ปีค่ะ ตอนแรกกะจะไม่กลับไปเรียนต่อแล้วเพราะอยากรีบทำงานหาเงิน วันที่เราคลอดลูกนอนอยู่โร… โพสต์โดย คุณแม่ยังสวย บน 1 เมษายน 2016   ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้สาวๆ (และหนุ่มๆ) ทั้งหลายป้องกันตัวกันด้วยนะ หากยังไม่พร้อม แต่ถ้าเดินพลาดไปก็สามารถแก้ไขใหม่ได้ ชีวิตเรายังมีทางเดินให้เลือกอีกมากมาย สู้ๆ นะจ๊ะ ที่มา คุณแม่ยังสวย

เด็กๆ รุ่นใหม่ดูเหมือนจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำเยอะกว่าแต่ก่อนนะ ทั้งเล่นดนตรี เล่นกีฬา ถ่ายภาพ แต่หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ก็คงจะไปไม่ถึงฝั่งฝันอย่างแน่นอน     เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 เมษายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Gift Chanwut Kamprai ได้โพสต์ภาพสนามกีฬาเอ็กซ์สตรีมที่บริเวณบึงแก่นนคร อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ที่ได้รับความเสียหายหนักจากสภาพฝนฟ้าอากาศ และผุพังไปตามกาลเวลา พร้อมกับเรียงร้องให้หน่วยงานรัฐฯ เข้ามาดูแลและซ่อมแซมให้ด้วย     ทั้งนี้เจ้าตัวยังโพสต์ข้อความด้วยว่า “ฝันของเด็กขอนแก่น สลายหมด!!! ไม่น่าเชื่อทั้งๆ ที่ขอนแก่นเป็นแห่งแรกๆ ที่กำเนิดกีฬาประเภทนี้และจัดทำการแข่งขัน มาตลอดทุกปี แต่นี่ปีที่ 2 แล้ว… ปัจจุบันมันคืออะไร??”   “เกิดอะไรขึ้น หน่วยงานภาครัฐหายไปไหนทำไมปล่อยทิ้งพวกผมแบบนี้ จะให้พวกผมไป แว้น มอไซค์ มันก็ไม่ใช่ เรื่อง พวกผมคืออนาคตของชาตินะครับ!! ‪‎เทศบาลนครขอนแก่น‬ ‪ช่วยแชร์ให้ถึงผู้ว่าขอนแก่นด้วยครับ‬”                  …

อย่างที่#เหมียวฟิ้นได้เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ว่าการเป็นคนดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องรับมือกับแฟนคลับ (และแฟนขับ) ทุกรูปแบบ อย่างเช่นกรณีสาว อั้ม พัชราภา ที่มักจะเจอเรื่องให้ปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน     ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว INN ได้รายงานว่า น.ส.มนกันต์ มุสิก ทนายความของอั้ม พัชราภาได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสน.พหลโยธิน เกี่ยวกับกรณีที่มีสมาชิกในโลกออนไลน์โพสต์ข้อความดูหมิ่นและข่มขู่เข้ามายัง IG ของสาวอั้มแล้ว     ตามรายงานบอกว่าทางทนายได้มีการนำภาพข้อความต่างๆ เข้ามาให้เจ้าหน้าที่ดู เบื้องต้นทราบว่ามีบัญชีผู้ใช้ถึง 5 รายที่โพสต์ข้อความดังกล่าว และทั้ง 5 บัญชีนี้น่าจะไม่ใช่คนๆ เดียวกันทั้งหมด     ทั้งนี้สาวอั้มได้แจ้งความไปตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว และพยายามกำชับกับทนายของเธอด้วยว่าให้ดำเนินการตามหาตัวบุคคลเหล่านี้ให้เต็มที่ เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่คนที่ชอบโพสต์ข้อความดูหมิ่นคนอื่นๆ ด้วยคำพูดหยาบคายด้วย   เป็นบุคคลสาธารณะนี่มันเหนื่อยจริงจริ๊ง ที่มา innnews

เริ่มกันไปแล้วสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2559 ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งภายในงานก็จะมีสำนักพิมพ์ต่างๆ ขนเอาหนังสือใหม่ๆ มาวางขายพร้อมกับมีนักเขียนมาแจกลายเซ็น   แถมยังมีการนำเอาหนังสือเก่าๆ ที่เคยตีพิมพ์ไปเมื่อนานมาแล้วมาลดราคากันกระหน่ำ ทำเอาหนอนหนังสือตามเก็บกันไม่หวาดไม่ไหวทีเดียว แต่ที่ดูจะฮือฮาจนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์เห็นจะเป็นบูทของสำนักพิมพ์ธัญวลัย ที่มีการตั้งบูทภายในงานและใช้ข้อความสุดสยิวในการโปรโมทหนังสือตัวเอง   จนสมาชิกเว็บไซต์ทวิตเตอร์ @marinefst69 ทนไม่ได้ ต้องถ่ายภาพมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะอาจทำให้คนที่ไม่ได้ติดตามผลงานของสำนักพิมพ์แห่งนี้เข้าใจว่ามีแต่นวนิยายใต้สะดือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น           แต่หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปได้ไม่นานนัก ทางเฟซบุ๊กเพจของสำนักพิมพ์ธัญวลัย ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษถึงประเด็นดังกล่าว และจะรีบแก้ไขทันที เรื่องที่เกิดขึ้นธัญวลัยขอโทษทุกคนจากใจจริงนะคะ ได้อ่านทุกๆ คอมเมนท์ในทุกๆ ช่องทางแล้ว ยอมรับทุกๆ คำตำหนิในเรื่องของป้าย… โพสต์โดย tunwalai.com บน 1 เมษายน 2016   แหม่ เล่นโฆษณาซะแบบนี้#เหมียวฟิ้นนี่ถึงกับสยิวเลยจ้า ที่มา tunwalai.com

การค้าขายในโลกออนไลน์ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆ ก็สามารถทำได้นะ แต่หากเลือกสินค้าไม่ดี หรือเลือกสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาขายแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องระวังตัวหน่อยนะ เพราะถึงคุณจะนั่งอยู่หน้าคอมแต่ก็อาจจะถูกตำรวจตามจับได้เช่นกัน   เมื่อช่วงดึกของวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก NattyShop Lady-Cawaii ได้โพสต์ภาพของแม่ค้าสาวรายหยึ่ง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ตลิ่งชันจับกุม ในข้อหาขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์     พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “วันนี้อยากจะมาโพสต์เตือน พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์กันนะคะ ลิขสิทธิ์เขาแรงมากจริงๆ ขายของผ่านเน็ตยังโดนตำรวจจับ บุกค้นถึงบ้าน ขนาดไม่ได้ใส่ชื่อ-ที่อยู่ลงไป เจ้าของแบรนด์เขาล่อซื้อ”   “แถมชุดที่เราซื้อใส่เองก็ยังโดนจับเป็นของกลาง ขายของต้องระวังกันด้วยนะคะเพื่อนๆ เพราะเสื้อผ้าบางชุดเจ้าของเขาไปจดลิขสิทธิ์ลายผ้าไว้”         ยังไงแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์อยู่ก็ระมัดระวังตัวนิดนึงนะ อย่าไปขายของละเมิดลิขสิทธิ์เข้าล่ะ จะหาว่า#เหมียวฟิ้นไม่เตือนนา ที่มา NattyShop Lady-Cawaii

นี่ถือเป็นเรื่อวราวดีๆ ที่#เหมียวฟิ้นได้อ่านแล้วถึงกับหัวใจพองโตไปด้วยเลย เพราะนี่เป็นคลิปเซอร์ไพรซ์ของพ่อหนุ่มคนหนึ่งที่แอบซื้อรถเก๋งมาให้แม่ พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอมาแชร์ให้ชาวเน็ตได้รู้สึกยินดีไปกับเขา   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ Peerapat Pemhansa หนุ่มใต้จากจังหวัดยะลา เป็นคลิปที่เจ้าตัวเอาของขวัญวันเกิดไปเซอร์ไพรซ์ให้กับแม่ของเขา     เมื่อแม่เห็นของขวัญก็ค่อยๆ แกะออกมาและพบว่าภายในกล่องมีกุญแจดอกหนึ่งอยู่ข้างใน ด้านลูกชายจึงแกล้งบอกว่านั่นคือกุญแจมอเตอร์ไซค์และชวนให้แม่ของเขาออกมาดูเองที่หน้าบ้าน   เมื่อทั้งคู่เดินออกไปหน้าบ้านก็พบกับรถเก๋งมิตซูบิชิมิราจสีแดงจอดอยู่ จากนั้นลูกชายก็เปิดประตูพาแม่ของเขาเข้าไปนั่งในรถ และบอกว่า “เดี๋ยวค่อยสอนขับรถเพิ่ม โอเคไหมแม่ คันนี้ของแม่ วันหลังไม่ต้องตากแดดขับมอไซค์แล้ว”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย แม่ครับ… ลูกมีของขวัญจะให้ อิๆ.. รักแม่ที่สุดในโลกเลยนะรู้ไหม… โพสต์โดย Peerapat Pemhansa บน 29 มีนาคม 2016   น่าดีใจแทนคุณแม่จัง ที่มีลูกน่ารักๆ แบบนี้ ที่มา Peerapat Pemhansa

ดูเหมือนจะมีปัญหาให้หยิบมาพูดถึงได้แบบวันเว้นวันเลยทีเดียว สำหรับกรณีของคนขับบิ๊กไบค์และพี่ๆ ตำรวจจราจร เพราะล่าสุดมีชาวสองล้อถูกตำรวจจับข้อหาไม่ใส่บังโคลน ทั้งๆ ที่ตอนซื้อมาก็แทบไม่มีอยู่แล้ว!?   เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า วิษณุ ยอดแย้ม เป็นคลิปที่เจ้าตัวกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปจังหวัดสระบุรี แต่ในระหว่างทางนั้นเองกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกให้จอด พร้อมกับแจ้งข้อหาใส่ท่อเสียงดังทันที     แต่เนื่องจากเจ้าของรถยืนยันว่าเสียงท่อไม่ได้ดังมาก จึงขอให้เอาเครื่องวัดเสียงมาวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงหันไปพูดถึงเรื่องบังโคลน ที่มีขนาดสั้น ตรงนี้เจ้าของรถก็ย้ำอีกว่าตอนซื้อมามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว     เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องต่อสายหาร้านมอเตอร์ไซค์เพื่อสอบถามว่าสภาพรถดั้งเดิมเป็นอย่างไรกันแน่ สุดท้ายก็ต้องปล่อยตัวหนุ่มบิ๊กไบค์ไปตามระเบียบพร้อมกับบอกว่าตนเองไม่เคยจับรถแบบนี้มาก่อน ถือว่าเป็นเคสเเรก     อันที่จริงแล้วกรณีนี้#เหมียวฟิ้นคิดว่าน่าจะผิดกันคนละครึ่งทางนะ เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ใช้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ไม่มีอุปกรณ์ในการวัดที่เป็นมาตรฐาน ส่วนคนขับบิ๊กไบค์เองก็มีการดัดแปลงสภาพรถมาจริงๆ ก็อาจจะทำให้ถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน   หนุ่มๆ บิ๊กไบค์คนไหนที่ต้องเดินทางและพบปะกับพี่ๆ ตำรวจจราจรล่ะก็ เตรียมพร้อมไว้หน่อยก็ดีนะจ๊ะ ที่มา วิษณุ ยอดแย้ม

ทุกวันนี้มีร้านค้าออนไลน์ผุดขึ้นมาในเฟซบุ๊กมากมาย หากร้านค้าของคุณขายสินค้าแฮนด์เมดล่ะก็คงจะสบายไป แต่หากรับมาขายล่ะก็ควรจะเช็กกันดีๆ หน่อยนะ เพราะหากเป็นของที่ไปละเมิดลิขสิทธิ์คนอื่นมาอีกทีล่ะก็คุณอาจจะมีปัญหาแบบร้านขายเคสไอโฟนร้านนี้ได้ล่ะ   เมื่อช่วงบ่ายโมงของวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @2PIIM ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านโลกออนไลน์ว่ามีร้านขายเคสมือถือร้านหนึ่งในโลกออนไลน์ ได้นำเอาภาพวาดการ์ตูนของเธอไปทำเป็นเคสไอโฟนขาย ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย     จากนั้นเจ้าตัวก็ได้ส่งข้อความไปยังร้านค้าแห่งนั้นเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของภาพดังกล่าว แต่แอดมินเพจกลับบอกว่า “พี่อยู่จีน ที่จีนผลิต ถ้าน้องจะฟ้องก็ตามมาค่ะ พี่เจอมาเยอะแล้วแบบนี้” ทำให้เจ้าของผลงานถึงกับไปไม่เป็นทีเดียว         หลังจากนั้นในช่วงค่ำของวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ทางร้านขายเคสไอโฟนดังกล่าวก็ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าทางเจ้าของเพจได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงได้ทำการลบภาพเคสมือถือดังกล่าวออกจากเพจ และได้มีการให้พนักงานที่ทำหน้าที่เป็นแอดมินเพจออกจากการทำงานไปแล้วเรียบร้อย   พร้อมกับชี้แจงอีกว่าเคสทั้งหมดทำในประเทศจีน จึงไม่ทราบว่าภาพต่างๆ ที่นำเอามาทำนั้นเป็นภาพที่ไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์   ผมในฐานะเจ้าของเพจนะครับ ขออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตามนี้ครับ วันนี้เมื่อวานช่วงเย็น ทางเพจได้มีการลงโฆษณาขายเ… โพสต์โดย Case-Store เคสไอโฟน ขายปลีก-ราคาส่ง บน 28 มีนาคม 2016   หลังจากนั้นกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้ฝากการ์ตูนน่ารักๆ มาบอกด้วยว่า… pic.twitter.com/WLGs1fyTdy — กรมทรัพย์สินทางปัญญา…

นี่ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้#เหมียวฟิ้นยังไม่หมดศรัทธาในคนไทยล่ะนะ เพราะนี่คือเรื่องราวของพี่วินมอเตอร์ไซค์รายหนึ่งที่ได้รับเงินค่าโดยสารเกินมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเองแถมยังมาประกาศหาเจ้าของในโลกออนไลน์อีกด้วย     เมื่อช่วงดึกของวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ปืน ขวางหวัน ได้โพสต์ข้อความตามหาผู้โดยสารสาวที่จ่ายจ่ายโดยสารเกินมาเกือบ 1 พันบาท   โดยระบุว่าค่าโดยสารที่แท้จริงแล้วเพียงแค่ 120 บาทเท่านั้น แต่ผู้โดยสารหยิบแบงค์พันให้โดยที่ไม่ทันดู จึงกลายเป็นว่าผู้โดยสารจ่ายเงินให้เขา 1,020 บาท บวกกับบริเวณนั้นเป็นที่มืดทำให้เจ้าตัวรับมาโดยไม่ทันสังเกต พี่วินมอเตอร์ไซค์จึงต้องโพสต์ตามหาเจ้าของเงิน เพื่อให้มารับเงินคืน   อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลยจ้า ประกาศน่ะครับ(ฝากถึง เผื่อพี่ ผญ. คนนั้นจะมาเห็น) ผู้โดยสารที่เป็นพี่ผู้หญิงที่ได้ใช้บริการวินมอเตอร์ไซที่ไห้ผมไปส่งตรง … โพสต์โดย ปืน ขวางหวัน บน 25 มีนาคม 2016   แต่หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวที่ชื่อว่า พันธมน พลตรี เข้ามาโพสต์ข้อความเพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้โดยสารเจ้าของเงินดังกล่าว โดยบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ให้และขอบคุณมากที่น้องมาส่งพี่ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย พี่ยังเหลือตังค์อยู่ในกระเป๋าอีกพันนึง ขอบคุณที่ตามหานะคะ”     นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าคนดีๆ ยังไม่หมดไปจากสังคมไทยนะ…

นี่ถือเป็นเรื่องที่#เหมียวฟิ้นอยากจะเอามาเตือนเพื่อนๆ สายไอที ที่ชอบชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยพาวเวอร์แบงค์ล่ะ เพราะเนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้เป็นตัวบรรจุไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ หากใช้อย่างไม่ถูกวิธีหรือใช้ของที่ไม่มีคุณภาพ คุณอาจจะได้รับอันตรายจากมันก็ได้นะ   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพและข้อความผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กสาว Nuni Supicha Frinty โดยเจ้าตัวเล่าว่าพาวเวอร์แบงค์ที่เธอใช้อยู่เกิดระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เกือบจะได้รับอันตรายจากสะเก็ดระเบิดหรือเพลิงลุกไหม้แบบเฉียดฉิว     ทั้งนี้เจ้าตัวเล่าว่าก่อนวันเกิดเหตุ เจ้าพาวเวอร์แบงค์ได้ส่งเสียงหวีดแหลมออกมาระหว่างที่ชาร์จไฟ จึงรีบถอดปลั๊กออกแล้วเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย โดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่ามันกำลังจะระเบิดในไม่ช้า     วันต่อมาเธอได้หยิบเอาพาวเวอร์แบงค์ออกมาชาร์จไฟอีกครั้งและเสียบสายชาร์จวางไว้กับพื้น แต่หลังจากที่ชาร์จไปได้ 2 ชั่วโมง เจ้าพาวเวอร์แบงค์กลับเกิดไฟลุกไหม้ เธอจึงรีบตั้งสติและนำเอาผ้าชุบน้ำมาวางปิดมันไว้เพื่อช่วยดับไฟ เธอจึงหยิบถังมาราดน้ำใส่พาวเวอร์แบงค์ ทำให้ไฟค่อยๆ ดับลง     สุดท้ายนี้เธอยังฝากเตือนมายังเพื่อนๆ ด้วยว่า หากพาวเวอร์แบงค์มีเสียงหรือเกิดไฟรั่วให้รีบทิ้งทันที เพราะอาจจะเกิดอันตรายแบบนี้ได้ และไม่ควรชาร์จไปคุยไป เพราะจะทำให้แบตเตอรีเสื่อมได้ไว   อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลยจ้า เอาล่ะ เตือนภัยเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ…เจอเองกับตัว พาวเว่อร์แบงค์ระเบิด คงหลอนไปอีกนาน ดีที่สายชาร์ทสั้นและชาร์ทอยู่กับพื้น… โพสต์โดย Nuni Supicha Frinty บน 25 มีนาคม…

เรียกได้ว่าดีทั้งภาพถ่ายและเรื่องราวที่นำมาเล่าเลยทีเดียว สำหรับภาพของหนุ่มต่างชาติหน้าหล่อคนหนึ่งกำลังดีดกีต้าร์ให้กับเด็กแถวสะพานข้ามแม่น้ำแคว ทำเอาชาวเน็ตต่างกรี๊ดกร๊าดพ่อหนุ่มรายนี้กันเป็นแถวทีเดียว     ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ Mai Hirunwat ผ่านกลุ่ม ชมรมมือใหม่หัดถ่ายรูป…ให้ดูสวย เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นภาพของเด็กหญิงกำลังเต้นและร้องเพลงอย่างสนุกสนานบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว พร้อมกับหนุ่มต่างชาติหน้าตาดี     หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ออกไป ก็ทำให้สาวๆ ในโลกออนไลน์พากันกดไลค์ไปกว่าหมื่นครั้ง และกดแชร์ไปอีก 4 พันกว่าครั้ง พร้อมกับแสดงความชื่นชมในภาพถ่ายของเด็กหญิงว่าน่ารักมาก แถมยังสื่อความหมายได้ลึกซึ้งทีเดียว       นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าเด็กหญิงคนนี้มักจะมาร้องเพลงที่บริเวณสะพานกับเพื่อนๆ อีกประมาณ 3-4 คน     อ่านเรื่องราวของพวกเขาได้ที่นี่เลย ถ้าปรับทางถนนชีวิตคนให้ชัดได้เหมือนเลนส์กล้องก็คงดี โพสต์โดย Mai Hirunwat บน 24 มีนาคม 2016   ใครผ่านไปผ่านมาแถวๆ นั้นก็ลองไปขอเพลงกับน้องๆ กันดูได้นะ รับรองว่าจัดเต็มให้แน่นอน ที่มา Mai Hirunwat‎   

หลายครั้งที่สังคมไทยต้องเผชิญกับเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายกันในที่สาธารณะ บางคนอาจจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกาย บางคนอาจจะโทรแจ้งตำรวจ แต่บางคนก็เลือกที่จะเพิกเฉยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องที่ผิด     เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ My Mate Nate ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการทะเลาะกันแบบปลอมๆ ของฝรั่งและหญิงสาวราวหนึ่งในที่สาธารณะเพื่อเป็นการทดสอบคนไทยว่าจะเข้าไปช่วยหรือไม่และมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อเหตุการณ์นี้?     จากคลิปดังกล่าวจเห็นว่ามีทั้งคนที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือพยายามห้ามปรามและขอให้ฝ่ายชายหนุ่มใจเย็นลง แต่ก็มีหลายๆ คนที่เลือกจะนิ่งเฉย เดินผ่านไปหรือเล่นมือถือทั้งๆ ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าห่างไปไม่กี่เมตรเท่านั้น       ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย ฝรั่งทดสอบสังคมไทย: ทำร้ายผู้หญิงในที่สาธารณะผมจะไม่ยอมเห็นคลิปนี้คนเดียว สะท้อนสังคมไทยจริงๆ รีบแชร์ด่วน!!! ฝรั่งทดสอบสังคมไทย-ทำร้ายผู้หญิงในที่สาธารณะ ยูทูป – https://goo.gl/69Sl1e เพจ – My Mate Nate เพื่อนที่ช่วย – 555Infinity โพสต์โดย My Mate Nate บน 25 มีนาคม 2016   ยอมรับเลยว่าบางครั้ง#เหมียวฟิ้นพบเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าไปช่วยเหมือนกัน แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ?…

แม้ว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้จะมีข่าวคราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง แถมบุคคลที่ก่อเหตุก็ยังนิ่งเฉย (หรือบางคนถึงขั้นหลบหนีไปเลย) แต่ใช้ว่าคนในสังคมไทยจะเป็นแบบนั้นกันทุกคนนะ   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอหนึ่งผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Persia Jongtawon เป็นคลิปของหญิงสาวรายหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี กำลังทำการปฐมพยาบาลให้แก่ชายหนุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชน     คลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพของหญิงสาวขณะทำการปั๊มหน้าอกให้แก่ชายหนุ่มที่ไม่ได้สติ เพื่อเป็นการยื้อชีวิตของเขาก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะเดินทางมาถึง พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “นี่แหละครับน้ำใจคน ‘เมืองกาญจน์’”   “วันนี้มีเหตุรถชนบริเวณทางลงเขื่อนแม่กลองมีผู้บาดเจ็บหมดสติไม่รุ้สึกตัวบังเอินพี่สาวคนนี้ผ่านเจอมาพอดีก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึงที่เกิดเหตุเค้าได้ช่วยC.P.R. ผู้ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นเพื่อยื้อชีวิตลุงคนนี้เอาไว”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย นี่แหละครับน้ำใจคน”เมืองกาญจน์” วันนี้มีเหตุรถชนบริเวณทางลงเขื่อนแม่กลองมีผู้บาดเจ็บหมดสติไม่รุ้สึกตัวบังเอินพี่สาวคนนี้ผ่านเจอมาพอดีก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึงที่เกิดเหตุเค้าได้ช่วยC.P.R. ผู้ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นเพื่อยื้อชีวิตลุงคนนี้เอาไว้.. โพสต์โดย Persia Jongtawon บน 20 มีนาคม 2016   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมในน้ำใจของเธอเป็นอย่างมาก ต่อมาคุณ Mamaza Naruk ได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หญิงสาวที่ปรากฏในคลิปวิดีโอนั้นเป็นพยาบาลสาวประจำห้อง ICU ในโรงพยาบาลสมุทรสาครอีกด้วย       คนไทยยังไม่แล้งน้ำใจจริงๆ ด้วย#เหมียวฟิ้นขอชื่นชมเธอจากใจ ที่มา Persia Jongtawon

กำลังจะกลับมาให้ผู้ชมทางบ้านได้ชมกันอีกครั้ง (และอีกครั้งๆๆๆ) แล้ว สำหรับละครพีเรียดอย่าง “แม่นาก” ที่ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2013 ทาง GTH ได้มีการหยิบเอามารีเมคจนประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย มาปี 2016 เรากำลังจะได้ชมแม่นากเวอร์ชั่นใหม่ ที่มีใบเตย อาร์สยามแสดงนำแล้ว!?   หลังจากที่เจอดราม่าไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับการคัดเลือกเอาใบเตย อาร์สยามมารับบทแม่นากเวอร์ชั่นใหม่ ที่จะเป็นละครพีเรียดออกฉายทางช่อง 8 ที่อยู่ภายใต้การสร้างสรรค์ของบริษัท JSL   ใบเตย อาร์สยาม #ใบเตยอาร์สยาม#fitting#photographer#kittitachphoto#แม่นาก#สวย#เรียบ#ตราตึง#สวยสง่า#เร็วๆนี้แน่นอน#ติดตาม#ช่อง8#เพื่อนทุกที่ทีวีของทุกคน รูปภาพที่โพสต์โดย Kittitach Photography (@kittitachphoto) เมื่อ มี.ค. 19, 2016 เวลา 7:12am PDT   แต่ถึงจะเจอคำวิจารณ์ก่อนจะได้ดูละครเต็มๆ เจ้าตัวก็ไม่หวั่นอยู่แล้ว แถมล่าสุดมีภาพถ่ายระหว่างลองชุดเพื่อรับบทนี้ออกมาให้ชมกันด้วย และนอกจากจะได้ใบเตย อาร์สยาม มารับบทแม่นากแล้ว ยังจะได้มาร์ติน มิดาล พระเอกลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก มารับบทพ่อมากด้วย   แต่ที่เซอร์ไพรซ์สุดๆ ก็คงจะเป็นข่าวคร่าวที่ว่าทราย เจริญปุระ และ เมฆ…

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยผ่านประสบการณ์การเข้าพักในหอพักนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ (เรียกง่ายๆ ว่าหอใน) ซึ่งโดยหลักสากลทั่วไปแล้ว การที่เราเขาอยู่ในห้องพักห้องนั้นก็จะถือเป็นห้องของเราจนกว่าที่เราจะย้ายข้าวของออกไปใช่ไหมล่ะ แต่สำหรับหอพักบางแห่งแล้ว คุณอาจจะถูกเชิญออกกลางคันก็เป็นได้นะ…   เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Toto Evnom เป็นภาพกระดาษข้อความจากหอในของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ขอให้น้องๆ นักศึกษาเก็บข้าวของออกจากหอพักภายในวันที่ 1 เมษายนนี้ เพราะวันที่ 4-5 เมษายนจะมีนักศึกษาจาก 2 มหาาวิทยาลัยเข้ามาพักชั่วคราว     พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “มาอีกแล้วปัญหาหอพักใน แล้วน้องๆ ผมเขาจะไปอยู่ไหนครับ ถ้าการอยู่หอในมันจะยุ่งยากไปซะทุกเรื่อง ก็ไม่ต้องบังคับกันอยู่หรอกต่อไป เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้ว ยังไม่เห็นว่าโครงการนี้จะเวิร์คเลย”   “หลายคนยอมจ่ายค่าหอใน แล้วออกไปเช่าห้องข้างนอกอยู่ สบายใจดี #จุ๊ๆๆเรื่องจริงที่หลายคนยังไม่รู้ หอพักในบางห้องเตียงยังไม่มีเลย #หอพักนานาชาติดีกว่าหอพักนักศึกษาไทยประมาณ200ปี”   เจอเข้าไปแบบนี้ เป็น#เหมียวฟิ้นคงมึนตึ๊บเลย เพราะไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนดีในระหว่าง 2 วันที่ถูกไล่ออกจากหอ ที่มา Toto Evnom

หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้รายงานไปว่า มีการเปิดถนนได้เหล่าเด็กแว้นได้สามารถเข้ามาประลองความเร็วกันที่บริเวณสะพานใหม่ จังหวัดชลบุรี ซึ่งก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ถึงความเหมาะสมในการจัดงานดังกล่าว     แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า การเปิดถนนให้เหล่าเด็กแว้นนั้นยังไม่ถือเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายเสียทีเดียว เพราะได้สร้างกฎเกณฑ์ให้เด็กแว้นปฏิบัติตาม   โดยกำหนดระยะทางแข่งขันประมาณ 200 เมตร ใช้เวลาแข่งขันตั้งแต่ 21.00-01.00 น. หลังจากเสร็จกิจกรรมแล้วจะให้เวลากลับบ้าน 30 นาที หากยังพบเห็นเหล่าเด็กแว้นยังซิ่งกวนเมืองอยู่ที่ไหนจะจับและยึดรถทันที     ลองชมคลิปการจัดการแข่งขันเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาได้นี่เลย จาคลิปจะเห็นได้ว่ามีการจัดการแข่งขันที่ละคู่ๆ ซึ่งนักแข่งแต่ละคนจะไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันตามสไตล์ของเด็กแว้น และเมื่อเกิดอุบัติเหตุทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บไม่ต่างจากการแข่งขันบนท้องถนนทั่วๆ ไปเลย น่ากลัว….เนอะ โพสต์โดย น.ส รพี ประจงศิลป์ บน 19 มีนาคม 2016   และนี่คือเสียงสะท้อนบางส่วนจากชาวบ้านที่อยู่ในจังหวัดชลบุรีล่ะ โดยหลายๆ ความคิดเห็นอาจจะไม่ได้เห็นด้วยสักทีเดียว   เพราะถึงแม้จะมีการจัดการแข่งขันในสถานที่ปิด แต่หลังจากที่การแข่งขันจบลงในเวลาตี 1 เหล่าเด็กแว้นและผู้ชมอีกนับร้อยนับพันก็ต้องเดินทางกลับบ้านกลับช่อง ซึ่งต้องเดินทางผ่านเขตชุมชนกลางดึก ทำให้เกิดความน่ารำคาญต่อชาวบ้านเป็นอย่างมาก           เพื่อนๆ…

นี่ถือเป็นเรื่องราวความรักที่ทำเอา#เหมียวฟิ้นถึงกับอิจฉาแรงมาก สำหรับเรื่องราวคู่รักของชาย-ชายคู่หนึ่ง ที่แม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นปี จนอีกฝ่ายแปลงร่างกายเป็นผู้หญิง แต่ความรักระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย   ยังคงรักเธอไม่เคยเปลี่ยนปายยย โพสต์โดย Aunzerza Anacondaza บน 19 มีนาคม 2016     เรื่องราวที่เหมียวจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aunzerza Anacondaza เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพของตัวเองและแฟนสาว โดยเล่าว่าพวกเขาคบกันมาได้ 4 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้แฟนของเขาก็เป็นผู้ชายเต็มตัว     แต่ความรักของพวกเขาก็ต้องพักเอาไว้ก่อน เพราะอีกฝ่ายขอตัวไปบวชเพื่อศึกษาพระธรรม โดยตกลงกันว่าจะบวชเพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับขออยู่ในผ้าเหลืองนานถึง 2 ปี จากนั้นเมื่อสึกออกมาใช้ชีวิตปกติ ทั้งคู่ก็กลับมารักกันเช่นเดิม     ดูเหมือนทั้งคู่จะมีความสุขมากกว่าเก่าซะอีก จากนั้นอีกฝ่ายก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้ชายไปเป็นหญิงสาวแบบเต็มตัวและทำงานเป็นนางโชว์ที่ Alcazar พัทยา ทั้งนี้ฝ่ายชายได้เขียนข้อความถึงคนรักของเขาอีกว่า “ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เป็นแบบไหน ผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมก็จะรักและดูแลเขาตลอดไป”                  …

[เนื้อหาต่อไปนี้มีภาพและเสียงที่อาจกระทบกระเทือนจิตใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม]   กลายเป็นคลิปดังในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว สำหรับคลิปวิดีโออุบัติเหตุบนท้องถนนของรถเก๋งคันหนึ่ง ที่ขับไปเฉี่ยวชนมอเตอร์ไซค์จนล้มลงกลางถนน แต่กลับเร่งเครื่องออกไปโดยไม่ลงมาดูผู้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย     เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก NOp Naknakorn‎ ในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพของรถเก๋งฮอนด้าซีวิคคันหนึ่ง กำลังขับตามรถแท็กซี่มาในเลนขวา     แต่เนื่องจากแท็กซี่ขับช้าเกินไป รถฮอนด้าจึงเร่งเครื่องแซงซ้ายออกมา ซึ่งในเลนกลางมีมอเตอร์ไซค์พ่อแม่ลูกขับมาอย่างช้าๆ ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนจนทั้งสามคนล้มลงกลางถนน ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาต้องลงมาช่วยดูอาการและโทรเรียกรถพยาบาลมารับตัวผู้บาดเจ็บไป     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย ชนแล้วหนี ฝากหน่อยครับ เผื่อมีใครเห็นเหตุการณ์แล้ว จำทะเบียนได้ โพสต์โดย NOp Naknakorn บน 19 มีนาคม 2016   หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เกี่ยวกับอุบัติเหตุดังกล่าว โดยมีหลากหลายความคิดเห็นช่วยกันแนะแนวทางในการตามจับตัวคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว ว่าควรจะขอตรวจเช็คกล้องวงจรปิดในระแวกใกล้ๆ   ความคิดเห็นของคุณที่ใช้นามแฝงว่า ก้อผมไง พ่อน้องปัง วิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ว่า รถเก๋งคันดังกล่าวอาจจะหงุดหงิดที่เจอแท็กซี่ขับช้าจึงเร่งเครื่องเพื่อแซง แต่ดันมาเจอเข้ากับมอเตอร์ไซค์พอดี จึงเกิดอาการตกใจเลยขับหนีไปทันที   ส่วนทางด้านสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยได้แนะนำว่าประเทศไทยควรรณรงค์ให้เด็กๆ สวมหมวกกันน็อค เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ…

สาวๆ หลายคนเมื่อเติบโตขึ้นก็เริ่มที่จะห่วงความสวยความงาม ตั้งแต่ผิวหน้าไปจนถึงฟันภายในปาก บางคนพอมีตังค์หน่อยก็ไปดัดฟันแบบถูกต้องกับทันตแพทย์ตามคลีนิคต่างๆ บางคนงบน้อยหน่อยแต่อยากสวยอยากอินเทรนด์กับเขาบ้าง ก็แอบไปจัดฟันแฟชั่น (เถื่อน)   ซึ่งการจัดฟันแฟชั่นแบบนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่อันตรายที่มีกรณีตัวอย่างมาให้เห็นแล้วนักต่อนัก ล่าสุด#เหมียวฟิ้นได้ไปเห็นภาพกรณีตัวอย่างสุดสยองผ่านโลกออนไลน์อีกแล้วล่ะ     เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ C Sasiwadee Supradit เป็นภาพช่องปากของหญิงสาวรายหนึ่งที่ไปจัดฟันแฟชั่นมา แต่เนื่องจากไม่รักษาความสะอาดบวกกับเหล็กดัดที่ไม่ได้คุณภาพ ทำให้ฟันของเธอเสียหายอย่างที่เห็น     ทั้งนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าคนไข้รายนี้ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น อายุไม่ถึง 30 ปี จัดฟันแฟชั่นมานานถึง 4 ปี แต่ปรากฎว่าฟันผุอย่างหนัก ทำให้ต้องถอนฟันด้านบนและล่างออกเกือบหมด โดยเหลือด้านบนไว้ 2 ซี่ และด้านล่างไว้ 5 ซี่   อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลยจ้า เห็นแล้วละเหี่ยใจ เคสนี้ อายุไม่ถึง 30 ไปจัดฟันแฟชั่นมา 4ปี ผลประกอบการ อย่างที่เห็น สรุป ฟันบน ถอนหมด เหลือรอดอยู่ 2ซี่……

หลังจากกลายเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำหรับกรณีของรถเบนซ์หรูขับพุ่งชนรถฟอร์ดจนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2 ราย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ ถึงการทำงานและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย     เพราะหลังจากเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีการตรวจเลือดของผู้ขับขี่รถยนต์ในทันทีว่ามีแอลกอฮอลหรือสารเสพติดในร่างกายหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการพบยาแก้โรคซึมเศร้าในรถของผู้ก่อเหตุอีกด้วย     ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 มีนาคม ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณด่านทางด่วนพระราม 4 เผยให้เห็นภาพของรถเบนซ์คันดังกล่าวขับรถฝ่าด่านออกไปด้วยความเร็ว โดยไม่มีการชะลอเลยแม้แต่น้อย     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   หากมีอะไรคืบหน้า#เหมียวฟิ้นจะรีบมารายงานทันทีจ้า ที่มา Thai Fact

หากจะพูดถึงคุณลีน่าจังแล้วล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่แฟนๆ รายการและคนทั่วไปนึกถึงก็คือลักษณะการพูดที่ฉะฉานและสไลต์การแต่งหน้าที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ทำให้บิวตี้บล็อกเกอร์อย่างคุณเลอป๋อมต้องขอลองมาแต่งหน้าตามสไตล์คุณลีน่าจังดูบ้าง   เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่องยูทูบ le pommz ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสอนการแต่งหน้าในลุคของ “ลีน่าจัง” ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่ารู้ตัวอยู่แล้วว่าหากทำคลิปนี้ขึ้นมาจะต้องถูกคุณลีน่าจังด่าเอาแน่ๆ แต่ด้วยสปิริตอันแรงกล้าทำให้เขาแต่งออกมาได้เหมือนมาก!!     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   และหลังจากที่คลิปสอนแต่งหน้านี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตก็พากันชื่นชมในความใจกล้าของคุณป๋อม แถมยังมีการเลียนแบบคุณลีน่าจังขณะทำรายการโทรทัศน์ของตัวเองอีกด้วย   จนวันที่ 16 มีนาคนที่ผ่านมา คุณลีน่าจะก็ได้เห็นคลิปวิดีโอนี้เข้า จึงตอบกลับบิวตี้บล็อกเกอร์อย่างแสบๆ คันๆ ว่า “บังอาจมากนังชะนีน้อย กล้ามาเลียนแบบคนอย่างฉัน” แต่ก็ชื่นชมที่เขาสามารถแต่งหน้าให้เหมือนตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน   ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   เหมียวฟิ้นขอคาราวะในความใจกล้าของคุณป๋อมเลย ที่มา le pommz , thaich2

หากคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง การเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวคงจะเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่ไม่น้อย เพราะแม้กระเป๋ารถเมล์เดี๋ยวนี้ก็ยังมีพวกหื่นกามแฝงตัวด้วยนะจะบอกให้   เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวรายหนึ่งที่ชื่อว่า Mmiyok Stw เธอเล่าว่าเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ขึ้นรถเมล์สาว 8 เบอร์รถ 39-106 จาก MRT ลาดพร้าว มุ่งหน้าไปสวนจตุจักร     แต่ในระหว่างที่กระเป๋ารถเมล์กำลังเก็บค่าโดยสารจากเธอก็มีท่าทีแปลกๆ เพราะกระเป๋ารถเมล์รายนี้มีการลูบมือของเธอตอนรับเงิน แถมยังไม่ยอมไปเก็บเงินคนอื่นๆ ต่อ แต่ยังนั่งลงข้างๆ หญิงสาว และแม้ว่ารถเมล์จะผ่านไปหลายป้ายแล้วก็ตาม กระเป๋ารถเมล์รายนี้ก็ยังไม่ยอมลุกไปสักที     ต่อมากระเป๋ารถเมล์ได้พยายามขยับเข้ามาใกล้เพื่อจะได้เบียดหญิงสาว และยังมีการใช้มือลูบที่ขาหญิงสาวอีกด้วย แม้เธอจะอยากตะโกนบนรถแค่ไหนแต่เธอก็ไม่กล้าพอ จึงทำได้แค่ถ่ายรูปของกระเป๋ารถเมล์ส่งให้เพื่อนดูเท่านั้น     อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย อยากเตือนภัยผู้หญิงที่ใช้บริการรถเมล์นะ คือวันนี้เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ขึ้นรถเมยล์สาย 8 เบอร์รถ 39-106 มาจาก MRT ลาดพร้าวเพ… โพสต์โดย Mmiyok Stw บน 12 มีนาคม 2016  …

กลายเป็นเรื่องราวสุดดราม่า ที่กำลังมีคนแชร์อยู่ในโลกออนไลน์ขณะนี้เลย สำหรับกรณีของหญิงสาวรายหนึ่งที่ดันจับได้ว่าแฟนของตัวเองแอบไปขับรถเล่นกับกิ๊ก แต่แทนที่จะลงมาเคลียร์กันดีๆ ฝ่ายชายกลับขับรถพุ่งชนหญิงสาวซะอย่างงั้น!!     เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เรารักแปดริ้ว ได้รายงานว่าเมื่อช่วงเวลา 01.34 น. ได้รับรายงานว่ามีรถจักรยานยนต์ถูกชนที่บริเวณถนนมหาจักรพรรดิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกูภัยไปถึงก็พบหญิงสาวรายหนึ่งนอนอยู่ใกล้ๆ กับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกลางถนน     จากการตรวจสอบร่างกายพบร่องรอยบาดแผลถลอกตามร่างกายและมีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง จึงได้มีการประสานงานไปยังโรงพยาบาลพุทธโสธร เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป     จากการสอบถามหญิงสาวจึงทราบว่า เธอได้ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาดูว่าแฟนหนุ่มของตัวเองมีกิ๊กจริงหรือไม่ ตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ จากนั้นก็พบรถกระบะของแฟนเธอจึงขี่รถไปขนาบด้านข้างเพื่อนให้เห็นว่าเขามากับกิ๊กจริงหรือไม่     เมื่อแฟนหนุ่มเห็นเข้าจึงหักพวงมาลัยเบียดให้รถของหญิงสาวล้มลงไปกลางถนน นอกจากจะไม่จอดลงมาดูอาการแล้ว ยังเร่งเครื่องออกไปแบบไม่ใยดีอีกด้วย       #เหมียวฟิ้นว่าไม่ผิดหรอกนะหากจะมีใครคนใหม่ แต่ขอให้จบความสัมพันธ์กับคนปัจจุบันให้เรียบร้อยซะก่อน เพราะในระหว่างที่พวกคุณมีความสุขกัน ยังมีคนอีกคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเสียใจเพราะความไม่รู้จักพอของคุณเอง ที่มา เรารักแปดริ้ว Welove8riew.com

(เนื้อหาต่อไปนี้มีภาพของแมลงในอาหาร ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณและวิญญาณในการอ่าน)   การจะกินอะไรแต่ละครั้ง ลูกค้าอย่างเราๆ คงต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษแล้วล่ะ เพราะถึงแม้จะเป็นร้านอาหารดังตั้งอยู่ในห้าง แต่ก็ใช่ว่าจะสะอาด 100% นะ     เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของสมาชิกเว็บไซต์พันทิป หมายเลข 2868577 เจ้าของกระทู้เล่าว่าเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ได้โทรสั่งพิซซ่ากับร้านดังแห่งหนึ่งอยู่ในห้างบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา     เมื่อได้พิซซ่ามาแล้วเจ้าของกระทู้และเพื่อนก็กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่พอเหลือชิ้นสุดท้ายกลับทำให้ช็อคมาก เพราะภายใต้แผ่นชีสกลับพบแมงกระจั้วตัวเล็กๆ โดยบังเอิญ!! ทำให้เจ้าของกระทู้ต้องถ่ายภาพมายืนยันกับชาวเน็ตว่ามันมีอยู่จริงๆ     ล่าสุดทางฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของร้านพิซซ่าแบรนด์ดังได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่นะจ๊ะ หากใครพบเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ให้เก็บใบเสร็จและถ่ายภาพเอาไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการร้องเรียนนะจ๊ะ   #เหมียวฟิ้นเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดความผิดพลาดกันได้ แต่เอ่อ…ปล่อยให้มันเข้าไปในพิซซ่านี่ก็ไม่ไหวนะ ไม่อยากให้ถึงขั้นต้องมารื้อชีสหรือส่วนผสมดูว่า “มีแมลงซ่อนอยู่หรือเปล่าน้าาาา” ที่มา สมาชิกหมายเลข 2868577

ปัญหาเด็กแว้นที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่งกวนเมือง ดูจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้เท่าไหร่ก็แก้ไม่หายสักทีนะ แต่ที่ชลบุรีเขาเริ่มหาทางออกให้กับปัญหาเด็กแว้นแล้วล่ะ     เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพกิจกรรมผ่านเฟซบุ๊กเพจ สะพานใหม่เรสซิ่ง เป็นภาพของเหล่าเด็กแว้นกำลังจับกลุ่มกันเพื่อทำการประลองความเร็วบริเวณถนนสะพานใหม่ จังหวัดชลบุรี โดยอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยให้ความดูแลอย่างดี     พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “เปิดแบบถูกกฏหมาย ปล่อยรถทีละ 4 คัน (รถโลก็เล่นได้ ถนนเหลือๆ) เสาร์หน้าที่ 19 เริ่มเสาร์แรกมอไซร์ก่อน เวลา 21:00 น – 02:00 น เสาร์ ต่อไปเป็นของรถยนต์ จะแว้น จะซิ่งได้หมด”   “ที่เดียวในปะเทศไทย ที่มีสนามซิ่งติดชายทะเล เราจะจัดสนามอย่างเป็นทางการ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแล ไม่เข้าใจตรงไหนหรือสงสัยอะไร สอบถามได้ครับ ฝากแชร์กันด้วยครับ”                     และแน่นอนว่าหลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงทีเดียว ถึงความเหมาะสมในการจัดงานเช่นนี้ เพราะถึงแม้จะมีถนนให้แข่งกันอย่างถูกกฎหมายก็ควรจะสวมอุปกรณ์ป้องกันให้เรียบร้อย…

เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมในเช้าวันนี้มา สำหรับเรื่องราวของสาวนิรนามที่มีจิตสาธารณะ ลงทุนซื้อยางมะตอยมาราดถนนด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้หน่วยงานรัฐมาทำให้เลย     เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพผ่านเฟซบุ๊กเพจ ที่นี่ชลบุรี เป็นภาพของคุณแม่ลูกสองรายหนึ่ง ที่ซื้อยางมะตอยมาเทลงบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อบริเวณสะพานใหม่ ในจังหวัดชลบุรี เพราะเกรงว่าผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อาจจะได้รับอันตราย     เมื่อสอบถามไปยังหญิงสาวก็ได้ความว่าเธอมักจะใช้เวลาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไปซื้อยางมะตอยมาเทใส่ถนนเป็นประจำ       เมื่อเรื่องราวของเธอถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ผู้คนก็แสดงความชื่นชมต่อเธอกันอย่างมากมายทีเดียว แต่สมาชิกหลายๆ คนก็อดเป็นห่วงไม่ได้ทีเดียว เพราะเธอทำงานอยู่กลางถนน อาจเกิดอันตรายก็เป็นได้       อ่านเรื่องราวเต็มๆ ของเธอได้ที่ด้านล่างเลย คุณแม่ลูกสอง #ปะถนนที่สะพานใหม่ เธอมาพร้อมลูกสาววัยประมาณ 5-6 ขวบอีกสองคน นำยางมะตอย มาเทที่เป็นหลุมเป็นบ่อ #เพราะเกรงจะ… โพสต์โดย ที่นี่ชลบุรี บน 11 มีนาคม 2016   ทำดีแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไรก็ตาม เหมียวก็คงต้องขอแสดงความชื่นชมล่ะนะ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในสังคมได้ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ที่มา ที่นี่ชลบุรี