Tag: คนขับ
-
คนขับรถเมล์สาย 12 ยอมรับหัวร้อนกระทืบผู้หญิง ตอนนั้นไม่ทราบว่า “เป็นผู้หญิง”
จากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างหญิงสาวคนหนึ่งกับคนขับรถเมล์สาย 12 ที่ขับจี้ท้ายรถจักรยานยนต์ของอีกฝ่าย ทั้งคู่เกิดปากเสียงจนสุดท้ายต้องลงเอยด้วยการที่ คนขับและกระเป๋ารถเมล์รุมทำร้ายหญิงสาวคู่กรณี ทางรายการ ทุบโต๊ะข่าว ก็ได้ติดตามเรื่องราวนี้จนล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 ได้เข้าสัมภาษณ์ นายอำพล อภัยรัตน์ นายท่ารถมินิบัส สาย 12 ทำให้ทราบว่า คนขับและกระเป๋าเป็นพี่น้องกัน นายท่ายังบอกอีกว่าทั้งสองคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว แต่ตนนั้นไม่สามารถเข้าไปตักเตือนอะไรได้เนื่องจากเป็นแค่นายท่า ผู้ที่มีอำนาจตักเตือนได้จะมีแค่เจ้าของโครงการเท่านั้น ขณะนี้ทั้งคนขับและกระเป๋ารถเมล์ผู้ก่อเหตุก็ได้หลบหนีออกต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ไม่มีใครสามารถติดต่อพวกเขาได้เลย กลับกัน นางวัลลีย์ บุญมัธยะ เจ้าของอู่รถมินิบัสสาย 12 บอกว่าผู้ก่อเหตุทั้งสองคนเป็นคนเรียบง่าย เมื่อเห็นว่าไปทำร้ายผู้หญิงแบบนั้นก็ตกใจอย่างมาก คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่หลังจากเกิดเหตุนี้ขึ้นทั้งสองคนก็มาขอว่าจะกลับไปทำธุระที่บ้าน ตนก็เลยยอมให้กลับเนื่องจากในขณะนั้นไม่ทราบว่าทั้งสองไปก่อคดีอะไรเอาไว้ นางวัลลีย์กล่าวว่าหากทราบคงไม่ปล่อยกลับเป็นแน่ นายโชคชัย อ่ำสะอาด พนักงานขับรถสาย 12 อีกคนผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ก่อเหตุ ก็กล่าวเช่นเดียวกับนายท่าว่า ทั้งสองคนเป็นคนอารมณ์ร้อนแม้กระทั่งในเวลาทำงาน บางช่วงที่รถติดมากๆ เข้าหรือขับรถรับผู้โดยสารได้น้อย ได้เงินน้อย ก็มักจะพาลอยู่เสมอ พอเกิดเหตุการณ์ทำร้ายผู้หญิงนี้แล้ว ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของคนขับมินิบัสดูแย่ลงอีก เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่จับตามองอย่างมาก …
-
ชื่นชมน้ำใจ “คนขับรถเมล์” อุ้มหญิงชราขึ้นรถ พาไปนั่ง พอถึงป้ายก็อุ้มลงไปส่งอีก
ผู้สูงอายุ ย่อมต้องการการดูแลและความช่วยเหลือมากกว่าคนทั่วไป เราจึงมักจะเห็นว่ามีคนคอยช่วยเหลือพวกเขาในหลายๆ เรื่อง อย่างเช่น ตอนที่ต้องข้ามถนน หรือแม้แต่ตอนที่ต้องขึ้นรถเมล์เหมือนอย่างในเหตุการณ์นี้ การช่วยเหลือเล็กๆ อันแสนอบอุ่นหัวใจดังกล่าวถูกถ่ายเอาไว้ด้วยกล้องวงจรปิดของรถเมล์ ที่เมือง Zunyi ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2018 เมื่อคนขับรถตัดสินใจลงไปช่วยอุ้มหญิงชราขึ้นมา คนขับรถเห็นหญิงชรากำลังจะเดินขึ้นมาบนรถ มันคงเป็นเรื่องยากหากจะให้หญิงชราคนดังกล่าวเดินขึ้นมาบนรถด้วยตัวเอง และอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ คนขับรถสาวจึงลงไปแบกเธอพาขึ้นรถมา พร้อมกับหาที่นั่งให้พร้อมสรรพ เธออาสาลงไปช่วยแบกหญิงชราขึ้นมาเอง หลังจากนั้น เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หญิงชราจะต้องลงไป คนขับรถก็เดินไปช่วยแบกเธอขึ้นหลังอีกรอบพาเธอลงไปด้านล่าง สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารทุกๆ คน รวมถึงคนในโลกโซเชียลที่ได้ชมเหตุการณ์นี้ พอถึงที่หมาย เธอก็ช่วยอุ้มหญิงชราลงไปอีกรอบ . แม้นี่อาจดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แต่มันกลับสามารถเติมเต็มความประทับใจและความอบอุ่นหัวใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมากจริงๆ คลิปจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ดังกล่าว การช่วยเหลือนั้นไม่ได้สำคัญที่ว่าต้องช่วยเหลือเยอะหรือน้อยมากเพียงใด ขอแค่เราได้ลงมือทำในสิ่งนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงจะคุ้มค่ามากกว่าที่เราเคยคาดคิดเอาไว้อย่างแน่นอน ที่มา: cgtn
-
คนขับรถสิบล้อร่วมใจ จอดเรียงกันใต้สะพาน 13 คัน หวังจะช่วยชีวิตชายคิดสั้นเพียง 1 คน
เมื่อช่วงวันที่ 24 เมษายน 2018 เวลาประมาณ 01.00 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ในบริเวณย่าน Oak Park รัฐมิชิแกน มีการประกาศเตือนภัยจากตำรวจในพื้นที่ เนื่องจากมีชายรายหนึ่งกำลังยืนอยู่ปลายสะพาน พร้อมที่จะกระโดดลงมาบนทางด่วน… เมื่อมีการประกาศออกไปแล้ว ทางกลุ่มคนขับรถสิบล้อกลุ่มหนึ่งก็ได้ขับรถของตน รุดมายังที่เกิดเหตุในทันที พร้อมกับการจอดรถเรียงกันเป็นแถวเคียงข้างตลอดทั้งสองฝั่งถนนเป็นจำนวน 13 คัน โดยคาดคะเนถึงทุกจุดที่ชายคนดังกล่าวเลือกที่จะกระโดดลงมา Sgt. Jason Brockdorff จากสถานีตำรวจ Huntington Woods Police Department กล่าวถึงการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ตำรวจและคนขับรถสิบล้อถูกฝึกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือจำนวนของคนขับรถสิบล้อที่มาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ “การซักซ้อมถูกนำมาใช้งานจริงหากมีผู้ประสงค์จะกระโดดฆ่าตัวตาย พวกเราพยายามใช้วิธีแบบนี้ทุกครั้ง เพื่อลดระยะห่างความสูงจากด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง ถ้าหากพวกเขากระโดดลงมา” Brockdorff กล่าวถึงวิธีการรับมือต่อเหตุฉุกเฉิน . สถานการณ์ความตึงเครียดลากยาวประมาณ 4 ชั่วโมงไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อรถสิบล้อมาจอดเรียงกันใต้สะพานแล้ว ตำรวจจึงมีเวลามากพอที่จะเกลี้ยกล่อมชายคนดังกล่าวได้มากขึ้น …
-
ชาวเน็ตจีนสงสัย!? หนุ่มคนขับรถบัส แต่ขับรถสปอร์ตแลมโบร์กินี่-ออดี้ ไปทำงานทุกวัน
ประเทศจีนนี่มีอะไรมาให้เราอึ้งตลอดเวลาจริงๆ กับวันนี้อีกครั้งกับพ่อหนุ่มคนขับรถบัสผ้าขี้ริ้วห่อทอง ที่ใครจะไปรู้ว่า เค้ามีรถหรูราคาหลายล้านอย่างแลมโบร์กินี่และออดี้ขับกับเขาด้วย?!? เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองไท่หยวน มณฑลซานซี ประเทศจีน เมื่อมีชาวเน็ตเผยแพร่ภาพของพนักงานขับรถบัสคนหนึ่ง ที่โชว์หรูด้วยการขับรถแลมโบร์กินี่ กาลาโด้ (Lamborghini Gallardo) และออดี้ อาร์ 8 (Audi R8) มาทำงาน โดยรายงานเล่าว่า ทุกๆ วันเขาจะขับรถหรูของเขามาจอดที่สำนักงาน ก่อนจะขับรถบัสออกไปรับผู้โดยสาร และเมื่อทำงานเสร็จ เขาก็จะแปลงโฉมเป็นหนุ่มไฮโซและขับรถหรูกลับบ้านไป นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เขาก็ยังเป็นสมาชิกของชมรมรถหรูแห่งเมืองไท่หยวนอีกด้วย เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าวก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย บางคนสงสัยว่าเขาเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน บางคนก็บอกว่าเขาคงเป็นเศรษฐีในเมืองนี้แหละ แต่มาขับรถบัสเป็นงานอดิเรกเฉยๆ แต่หลายคนก็วิจารณ์ว่า ถ้าเขารวยขนาดนี้ เค้าควรจะลาออกจากงานไปซะ แล้วให้คนที่มีความจำเป็นจริงๆ มาทำดีกว่า มีการเปิดเผยผ่านเว็บ NetEase ว่า คนขับรถผู้นี้แม้จะมีรถหรู (ไม่รู้ว่าที่เมืองจีนมีเสี่ยตันไหม) แต่เขาก็ยังมองตัวเองเป็นคนธรรมดาทั่วไป ขับรถมาทำงานประจำของเค้าแล้วก็ขับกลับแบบคนปกติ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาดูนะเหมียววว ที่มา Shanghaiist
-
โปรเจคภาพนอนหลับพักเอาแรงของบรรดาแท๊กซี่ในโตเกียว เพราะการพักงีบคือแหล่งพลังงานที่ดีที่สุด!!
หากใครที่เคยได้ไปเยี่ยมเยือนประเทศญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว ก็อาจจะคุ้นเคยกับสภาพของผู้คนที่หลับงีบอยู่บนระบบขนส่งสาธารณะเป็นอย่างดี แต่หากใครที่เคยไปเป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าทำไมชาวญี่ปุ่นถึงหลับงีบแบบนี้เป็นจำนวนมาก!? นั่นก็เป็นเพราะว่าในระหว่างการเดินทาง เป็นช่วงเวลาที่มีเวลาว่างพอสำหรับการพักผ่อนเอาแรง ซึ่งหากเป็นช่วงเช้า ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นทั้งนักเรียน นักศึกษา หรือคนวัยทำงาน จะต้องอาศัยระบบขนส่งมวลชนตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากมีระยะทางที่ไกลจากที่พัก และด้วยการตื่นเช้ามากๆ อาจจะยังทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่จึงจำเป็นที่จะต้องงีบหลับเพื่อชาร์จพลังส่วนที่เหลือให้เต็ม จะได้มีพอใช้ในระหว่างวัน ไม่น็อคกลางทาง อีกทั้งหากในระหว่างวันนั้นๆ พลังงานดันใกล้จะหมด เกิดอาการง่วงเฉียบพลัน ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่หันไปพึ่งเครื่องดื่มมีคาเฟอีน แต่จะเลือกใช้วิธีการงีบเช่นเดียวกัน เพราะว่าการนอนหลับพักสายงีบเพียงไม่กี่นาที จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นได้ดีที่สุด และทรงพลังที่สุด นอกจากจะมีผู้โดยสารที่หลับงีบบนระบบขนส่งสาธารณะแล้ว อีกหนึ่งกลุ่มบุคคลที่งีบบ่อยๆ ก็คือเหล่าพนักงานขับแท๊กซี่ในโตเกียว ซึ่งพวกเขาจะต้องเจอกับการจราจรที่หนาแหน่ตลอดทั้งวัน ขับรถนานๆ ก็เมื่อย ก็เลยจอดข้างทาง นอนงีบเพื่อชาร์จพลังซักหน่อย โดยผลงานเหล่านี้เป็นภาพถ่ายชุด Tokyo Taxi Drivers ผลงานของช่างภาพ William Green จากประเทศอังกฤษ เกิดจากความบังเอิญที่เขามาถ่ายทำโปรเจคถ่ายรูปอื่นๆ ในโตเกียว แต่ดันมาสะดุดตากับเหล่าบรรดาพนักงานขับแท๊กซี่ที่พากันงีบข้างทาง เผยให้เห็นช่วงจังหวะส่วนตัวของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี…
-
ส่อถึงอะไรรึเปล่า!? เมื่อรถยนต์ไร้คนขับของ Google เกิดเหตุเฉี่ยวชนเข้ากับรถบัสระหว่างทดสอบ
กำลังส่อแววให้เห็นอะไรรึเปล่า สำหรับโครงการนี้ของทาง Google เมื่อทางบริษัทได้ออกมาเผยในรายงานประจำเดือนว่า รถยนต์ขับด้วยตัวเองของพวกเขานั้น เกิดอุบัติเหตุไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นกรณีแรกเลยล่ะที่เกิดเหตุการณ์ชนโดยรถบริษัทเป็นผู้ผิดจริงๆ สำหรับรถที่ไปชนเข้ากับรถบัสก็คือ Lexus SUVs ที่กูเกิลนำมาทดสอบระบบขับด้วยตัวเอง แถบถนนในแคลิฟอร์เนีย โดยเหตุการณ์ที่นำไปสู่การชนก็คือรถขับอัตโนมัติได้ทำการเปลี่ยนเลนวิ่งเพราะเจอเข้ากับกระสอบทรายในเลนของตัวเอง รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ถึงการชนจะไม่รุ่นแรงก็ตาม เพราะตอนนั้นรถขับเคลื่อนอัตโนมัติเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเพียง 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ขูดรถบัสไปทั้งแถบ ซึ่งเหตุการณ์นี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวสินค้าของผู้บริโภค ต่อผลิตภัณฑ์นี้ที่ Google จะปล่อยออกมาตีตลาดในอีก 1-2 ปีรึเปล่า?? แต่ถ้าจะมองในแง่ดีหน่อยก็คือ ถึงรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Google จะเคยประสบอุบัติเหตุต่างๆ มาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ร้ายแรงมากนัก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายผิดคือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของทางบริษัทอีกด้วย!!! รถยนต์ที่สามารถขับตัวเองได้อัตโนมัติ ในส่วนของทาง Google ก็ได้ออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยออกมากล่าวแก้ต่างว่า ‘แน่นอนว่าเรามีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบในอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะกระสอบทรายที่ตัวรถสามารถตรวจสอบได้ ถูกวางไว้ที่ถนนโดยบังเอิญ แต่แน่ล่ะความผิดพลาดนี้จะทำให้เราต้องขบคิดวิธีการแก้ปัญหา เพื่อคุณภาพที่ดีกว่าในอนาคต’ ‘การที่รถขับเคลื่อนอัตโนมัติของเราชะลอความเร็วลง ก็เพราะประมวลผลแล้วว่ารถบัสคันดังกล่าวจะหยุดหรือชะลอให้เราได้ผ่านไปก่อน เพราะมีพื้นที่ให้รถสามารถทำแบบนั้นได้’ ทางบริษัทออกมาแถลง ส่วนตัวแล้ว #จ่าสิบเหมียว ก็ยอมรับว่าเป็นไอเดียที่ดีอยู่เหมือนกันนะสำหรับรถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง แต่ในการตัดสินใจเสี้ยววินาทีในกรณีเล็กๆ น้อยๆ…
-
ชาวเน็ตโวย พบชาวต่างชาติยกเท้าวางบนเบาะ แทบจะโดนหัวคนขับรถตู้!!
การนั่งรถโดยสารสาธารณะทำให้เราพบกับผู้คนมากมาย บ้างก็เจอคนดีๆ บ้างก็เจอกับคนที่ไร้มารยาท จนเราต้องปวดหัวไปตามๆกัน อย่างเช่นที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ท่านนี้เจอ เขาเล่าว่าวันหนึ่งเขากำลังนั่งรถตู้กลับบ้าน และเขาก็พบกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง นั่งโดยเอาเท้าพาดบนเบาะของคนขับ ซึ่งแทบจะโดนศีรษะของคนขับอยู่แล้ว โอ้โห ต้องบอกว่าโหดจริงๆ เหมียวว่ามันก็ไม่เหมาะสมจริงๆนั่นแหละ ซึ่งตามวัฒนธรรมไทยแล้ว เท้าถือว่าเป็นของต่ำ ไม่ควรเอามาใกล้กับศีรษะ การทำแบบนี้อาจทำให้คนไทยไม่พอใจได้ แต่เราก็ต้องเข้าใจเรื่องความต่างทางวัฒนธรรมด้วย เนื่องจากวัฒนธรรมของชาวตะวันตกนั้น ไม่มีการถือเรื่องเท้าเรื่องศีรษะแต่อย่างใด แต่นั่นก็ไม่ใช้ข้ออ้างอยู่ดี เพราะการที่เราจะไปเที่ยวต่างประเทศนั้น เราควรจะศึกษาเรื่องความต่างของวัฒนธรรมไว้ด้วย ฉะนั้น ถ้าเพื่อนๆคนไหนจะไปเที่ยวต่างประเทศ อย่าลืมศึกษาข้อห้ามของประเทศนั้นๆเอาไว้ด้วยละ ไม่งั้นแทนที่จะได้ไปเที่ยวสนุกๆ อาจกลายเป็นเรื่องเลวร้ายก็เป็นได้นะจ๊ะ ที่มา บนอินเตอร์เน็ตนี่แหละ อย่าไปรู้เลย
-
หนุ่มนักธุรกิจใจงาม พบกับแท๊กซี่ที่ไม่เคยสัมผัสสวนสนุกพาไปส่ง ก็เลยชวนมาเล่นด้วยกันซะเลย!!
เรื่องราวอันน่าประทับใจของพ่อหนุ่ม Liam Murphy ที่มีภาระต้องไปติดต่อเจรจาธุรกิจที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาก็เลยถือเป็นโอกาสเที่ยวไปในตัว โดยตัดสินใจไปที่สวนสนุก Ferrari World เมื่อไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็ต้องพึ่งพาแท๊กซี่สาธารณะให้ไปส่งถึงที่หมาย ซึ่งเขาก็ได้พบกับคนขับแท๊กซี่ที่ชื่อว่า Shakiha โดยส่วนตัวแล้วคนขับแท๊กซี่ผู้นี้ไม่เคยมาที่นี่เลย แถมยังไม่เคยนั่งรถไฟเหาะตีลังกาด้วย ไหนจะต้องนั่งรออยู่ในรถแท๊กซี่ประมาณ 4 ชั่วโมงจนกว่านักธุรกิจหนุ่มออกไปเล่นในสวนสนุกอีก พ่อหนุ่ม Liam ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนแบบสายฟ้าแลบ ชักชวนคนขับแท๊กซี่มาร่วมจอยความสนุกกับเขาซะเลย กลายเป็นว่าพา Shakiha ไปสัมผัสกับบรรยากาศรถไฟเหาะตีลังกาครั้งแรกในชีวิต!! Liam ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘แทนที่เขาจะต้องนั่งเบื่อๆ เพื่อรอลูกค้าอยู่ในรถของตัวเอง เขาก็ได้รับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไปเลยล่ะ’ ชีวิตของ Shakiha ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตลอดระยะเวลา 14 ปี ทำงานในฐานะลูกจ้างที่ไม่ได้รับสวัสดิการดีเท่าที่ควร ไหนจะต้องคอยส่งเงินให้กลับไปให้ครอบครัวที่อินเดียด้วย ทำให้ Liam รู้สึกแย่กับการที่เขาจะต้องมานั่งรอลูกค้าที่ออกไปมีความสุข โดยที่ตัวเขาเองไม่เคยได้สัมผัสมันเลยซักครั้ง ที่มา : thechive