Tag: คนงาน
-
ตำรวจจีนโบกรถตู้ ต๊กกะใจ!! เจอคนงานอัดแน่นอยู่ในรถตู้ 40 คน อย่างกับรถตัวตลก
หลายคนคงคุ้นเคยกับรถตัวตลกในภาพยนตร์หรือในการ์ตูน ที่เปิดประตูออกมาแล้วมีคนเดินออกมาจากรถเต็มไปหมด ดูแล้วเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้วที่ประเทศจีนเมื่อช่วงเดือนเมษายนปี 2017 ที่ผ่านมา เมื่อตำรวจนายหนึ่งได้โบกรถตู้ 6 ที่นั่งให้จอดเพื่อตรวจสอบเนื่องจากเห็นว่ามีพฤติกรรมการขับแปลกๆ ส่ายไปส่ายมาและเกือบทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง . สิ่งที่นายตำรวจคนนั้นพบก็ทำให้เขาตกใจอย่างมากเมื่อเขาเห็นว่าที่นั่งด้านหน้านั้นมีคนอัดแน่นจำนวนมากจนเบียดคนขับที่นั่งอยู่ด้านหน้า ทำให้เขานั้นขับรถไม่ถนัด แต่ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นคือเมื่อเขาสั่งให้เปิดประตูรถตู้และสั่งให้ทุกคนลงมาจากรถ เขาพบว่าในรถนั้นมีคนอัดแน่นข้างในถึง 40 คนราวกับเป็นคณะตัวตลก ซึ่งพวกเขาสวมหมวกป้องกันสีเหลืองและมีเสื้อกั๊กสีส้มทุกคน ผู้โดยสารทั้งหมดนั้นเป็นคนงานก่อสร้าง ซึ่งปลายทางของพวกเขานั้นอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเมือง เมื่อพวกเขาออกมาจากรถจนหมด ตำรวจก็พบว่าภายในรถนั้นไม่มีที่นั่งอยู่เลย ทำให้สามารถบรรทุกคนได้เกินจำนวนแต่ก็ทำให้ขีดจำกัดความสามารถในการขับลดน้อยลงอีกด้วย ทางตำรวจจึงได้เขียนใบสั่งให้กับคนขับเนื่องจากมีความผิดจากการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน ซึ่งทางคนขับได้ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติของเหล่าคนงานก่อสร้างที่มักจะบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจก็ได้กล่าวว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนขนาดนี้ พอเปิดประตูออกมา นายตำรวจที่โบกถึงกับตกใจเลยทีเดียว โอ้โห! อัดกันเข้าไปได้ยังไงเนี่ย นี่คนงานก่อสร้างหรือนักมายากลล่ะเนี่ยย ยังไม่หมดอีกหร๊ออออ นี่กะขนทีเดียวครบทุกคนเลยใช่ไหมเนี่ย หมดสักที หวังว่าคงไม่มีแอบเกาะใต้ท้องรถหรือว่าบนหลังคานะ โชคดีที่นายตำรวจอีกคนได้ถ่ายคลิปวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่มันดันกลายเป็นคลิปสุดฮาซะงั้น เห็นแล้วอย่าไปลอกเลียนแบบเอานะ เพราะว่าการบรรทุกเกินจำนวนนั้นอันตรายกว่าที่เราคิด แต่เห็นแล้วก็อดฮาไม่ได้ เยอะจริงๆ ที่มา…
-
คุณพ่อชาวจีนทำงานหนัก ถึงขั้นไม่กลับบ้านวันปีใหม่จีน ลูกชายเสียชีวิตช่วงนั้นพอดี…
การเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและส่งลูกๆ เพื่อเรียนให้จบอาจจะเป็นตัวเลือกเดียวที่บางครอบครัวมีอยู่ แต่สำหรับบางครอบครัว การเลือกที่จะทำงานในช่วงวันหยุดนั้นก็ทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดทั้งชีวิต คนงานผู้อพยพชาวจีนผู้ซึ่งเลือกที่จะทำงานในช่วงวันหยุดตรุษจีนเพื่อให้ได้เงินเพิ่มเติมในการส่งเสียค่าเล่าเรียนให้กับลูกชายกล่าวว่า เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขามากๆ หลังจากที่ลูกชายของเขาเสียชีวิตในช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีน “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำก็เพื่อลูกของผม” คุณพ่อกล่าว “ถ้าผมรู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ผมคงเลือกที่จะกลับมาบ้านเพื่อใช้เวลาร่วมกับเขาในวันตรุษจีน” ลูกชายวัย 13 ปีที่ถูกปล่อยไว้ให้ญาติดูแลได้วิ่งออกไปเล่นด้านนอกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2018 แต่ไม่ได้กลับบ้านภายในเวลา 3 ทุ่ม ทำให้ทางครอบครัวรู้สึกกังวลจึงช่วยกันออกตามหา สุดท้ายพวกเขาได้พบกับร่างของเด็กชายนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่บนถนนข้างๆ รถบรรทุกขยะ เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลในทันทีและได้เสียชีวิตในวันอังคารถัดมา “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมอบให้ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ทั้งสิ่งของทั้งความรู้สึก มันได้หายไปหมดแล้ว” คุณพ่อกล่าว “ความหวังของผมได้พังทลายลงแล้ว” ทางตำรวจก็กำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กชายคนนี้ คาดว่ามาจากการชนแล้วหนี ลูกชายของคนงานผู้นี้เป็นหนึ่งในเด็กจำนวน 60 ล้านที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ญาติดูแลในแถบชนบท ในขณะที่พ่อแม่นั้นเข้าเมืองเพื่อทำงานหาเงินส่งค่าใช้จ่าย ซึ่งการกระทำแบบนี้อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกายต่อเด็กๆ ในแถบชนบทได้ ที่มา Nextshark, Scmp
-
คนงานรถไฟใต้ดิน LA บังเอิญเจอซากฟอสซิลอายุ 10,000 ปี คาดว่ามีชีวิตในช่วงยุคน้ำแข็ง
ในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา มีการขุดเจาะขยายทางรถไฟใต้ดินมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีการค้นพบซากฟอสซิลของชิ้นส่วนสัตว์ดึกดำบรรพ์หลายชนิด อย่างเช่น กรามกระต่าย ฟันของสัตว์ขนาดใหญ่ หรือช่วงขาของอูฐ แต่ถึงแม้ฟอสซิลเหล่านั้นจะมีอายุเก่าแก่มากขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำให้ Ashley Leger รู้สึกพึงพอใจได้เท่าครั้งนี้เลย เมื่อลูกทีมของเธอค้นพบฟอสซิลขนาดใหญ่ที่มีอายุมานานกว่า 10,000 ปี การขุดเจาะเพื่อขยายทางรถไฟใต้ดิน . เธอคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ โดยการขุดเจาะถนนจำเป็นต้องมีเธอเข้ามาร่วมทีมด้วยก็เพราะว่า เมื่อไหร่ที่มีการพบฟอสซิล เธอจะเป็นคนเข้าไปตรวจสอบผลงานดังกล่าวด้วยตัวเอง ระหว่างการขุดเจาะนานเป็นปีๆ คืนหนึ่งลูกทีมของเธอก็ติดต่อมาและบอกว่า ค้นพบฟอสซิลขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นทำให้เธอรีบตรงไปยังไซต์งานดังกล่าวในวันต่อมา ฟอสซิลที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ก็มีขนาดใหญ่กว่าที่เคยค้นพบ เพราะมันคือส่วนกะโหลกของแมมมอธ ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่เมื่อ 10,000 ปีก่อน ในช่วงสุดท้ายของยุคน้ำแข็ง ฟอสซิลขนาดใหญ่ที่บังเอิญพบเข้าระหว่างการทำงาน Ashley หญิงสาวผู้ควบคุมปฏิบัติการการขุดฟอสซิลในครั้งนี้ จากการตรวจสอบ น่าจะเป็นกะโหลกของโคลัมเบียนแมมมอธวัยประมาณ 8-12 ปี และความพิเศษของเจ้าสิ่งนี้คือ ส่วนของงามันยังคงติดอยู่กับส่วนหัว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากจากฟอสซิลที่เคยค้นพบก่อนหน้านี้ Ashley บอกว่า “มันเหมือนฝันที่เป็นจริง นี่คือหนึ่งในฟอสซิลที่ฉันอยากค้นพบมากที่สุดตลอดชีวิตการทำงาน” โดยก่อนหน้านี้เธอเคยตามหาฟอสซิลแมมมอธในรัฐเซาท์ดาโคตา แต่เธอก็ไม่เคยเจอฟอสซิลที่มีความสมบูรณ์มากขนาดนี้เลย …
-
รู้จักอาชีพ “ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ” ในบังกลาเทศ ต้องผจญสิ่งสกปรกด้วยตัวเปล่า…
ในการทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อชีวิตอย่างเช่นการปีนเสาไฟฟ้า การขุดอุโมงค์ หรืองานก่อสร้างต่างๆ ย่อมมีมาตรฐานในการดูแลผู้ปฏิบัติงานกันอยู่แล้ว แต่ว่ามาตรฐานที่ว่านี้จะสูงมากน้อยแค่ไหนอันนี้ก็คงต้องแล้วแต่กฎหมายของประเทศนั้นด้วย และหนึ่งในอาชีพที่ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานนั่นก็คือนักดำน้ำ!! อ่า..หลายคนอาจจะงงว่าอาชีพนักดำน้ำนี่มันอันตรายตรงไหนฟระ?? ใจเย็นๆ ยังบอกไม่หมดเลย กำลังจะบอกว่านักดำน้ำในท่อระบายน้ำเพื่อกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เข้าไปติดค้างในท่อต่างหากล่ะ เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องของชายหนุ่มชาวบังกลาเทศท่านหนึ่ง ซึ่งประกอบอาชีพเป็นพนักงานกำจัดของเสียในบ่อเกรอะของบริษัททำความสะอาดแห่งหนึ่งในเมื่อง Dhaka งานของเขาคือการดำลงไปในท่อระบายน้ำที่เต็มไปด้วยของเสียที่ตั้งอยู่หลายแห่งทั่วเมือง พร้อมกับไม้หนึ่งด้ามเพื่อจัดการกับของเสียอย่างเช่นขยะ เศษอาหาร และสิ่งปฏิกูลมากมายที่ไหลมาจากบ้านเรือนในเมืองนี้ แล้วมันทำให้ท่ออุดตัน ชายหนุ่มต้องดำลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยของเสียต่างๆ และต้องตักของเสียทั้งหมดที่อยู่ในท่อขึ้นมาด้วยมือเปล่า โดยปราศจากเครื่องป้องกันอย่างเช่นหน้ากาก หรือชุดคลุม เมือง Dhaka มีประชากรมากถึง 14 ล้านคน และมักจะประสบกับปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ เนื่องจากขยะในเมืองที่มากมายทำให้ท่ออุดตัน และระบายน้ำไม่ทัน ตอนนี้ถึงแม้จะมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาชีพล้างท่อนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทางบริษัทก็ยังคงไม่มีมาตรการในการให้ความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขาแต่อย่างไร และต่อไปนี้คือภาพของคนงานที่กำลังทำหน้าที่ของพวกเขา โดยปราศจากเครื่องป้องกัน คนงานมีเพียงไม้ไผ่หนึ่งแท่งและตัวเปล่า เพื่อทำความสะอาดของเสียที่อยู่ในท่อ คนงานยังคงดำลงไปในท่อ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ดีว่าสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในท่อนั้นสามารถทำให้เขาตายได้ เขาต้องดำลงไปเพื่อจัดการกับของเสียที่อยู่ในท่อนี้โดยไม่มีหน้ากากหรือชุดเพื่อป้องกันเลย . ความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขาต่ำมากจนน่าตกใจ!! แม้จะมีเสียงวิจารณ์ถึงการที่ต้องทำงานเสี่ยงๆ แบบนี้โดยไม่มีเครื่องป้องกันอะไร แต่ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่ต่ำของข้อกฎหมายและบริษัท รวมถึงความจำเป็นในการหาเลี้ยงปากท้องของพนักงาน ทำให้งานเช่นนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไป…. ที่มา dailymail
-
คนงาน Amazon บ่น ต้องตั้งเต้นท์นอนในป่า เพื่อจะได้มาตอกบัตรเข้างานทันเวลา!?
ในบางครั้ง การเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ง่ายดายเอาซะเล้ยยย โดยเฉพาะเมื่อที่ตั้งของสถานที่ทำงานอยู่ไกลออกไปจนยากที่จะเดินทางไปถึงได้ทันเวลาเนี่ย โดยเฉพาะในองค์กรหรือบริษัทใหญ่ๆ ที่เลือกที่จะไม่สนใจเรื่องนี้เพราะคิดว่าเป็นปัญหาที่เหล่าพนักงานต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง และบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Amazon ก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้… เพราะล่าสุดมีรายงานเกี่ยวกับการพบเห็นเต้นท์ของพนักงานข้างๆ มอเตอร์เวย์ของ Dunfermline ประเทศสกอตแลนด์ ภาพเต้นท์พักแรมของพนักงาน เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงและโด่งดังในโลกออนไลน์ของต่างประเทศอย่างมาก หนึ่งในพนักงาน (ปิดบังชื่อ) ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Courier หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเกี่ยวกับระบบการทำงานที่แย่ และไม่เห็นใจพนักงานของพวกเขา ‘Amazon ควรละอายใจนะที่จ่ายเงินให้พนักงานของพวกเขาน้อยมาก แถมยังต้องมาทำงานในที่ตั้งไกลๆ ทำให้ต้องตัดสินใจตั้งแคมป์พักแรมกลางป่าที่เหน็บหนาวอยู่แบบนี้เพื่อที่จะมาทำงานได้ทันเวลา’ พนักงานนิรนามกล่าว ‘เราทำเงินให้พวกเขาได้มากมายแถมจ่ายภาษีน้อยมาก อย่างน้อยๆ ก็ควรใส่ใจในเรื่องราวเกี่ยวกับพนักงาน ซึ่งเป็นแขนขาของพวกเขาบ้าง’ เขากล่าวต่อ โกดังของ Amazon ใน Dunfermline ล่าสุดทางโฆษกของ Amazon ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ‘ทางบริษัทของเรามีนโยบายในการการจัดสรรบรรยากาศในการทำงานที่ดีและปลอดภัยให้กับเหล่าพนักงานของเรา ซึ่งถือเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง’ ‘ในส่วนของค่าแรงเราก็จ่ายให้ในระดับดีสูสีกับที่อื่น กล่าวคือชั่วโมงละ 7.35 ปอนด์ (ราวๆ 338 บาท) และถ้าทำโอทีเราจะเพิ่มให้เป็นชั่วโมงละ 11 ปอนด์ (ราวๆ 500 บาท)’ โฆษกกล่าวชี้แจง ณ…
-
ย้อนดู 15 ภาพ ‘โรงงาน’ ในอดีต สมัยที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า และเด็กๆ ยังต้องเป็นแรงงาน
หากพูดถึงโรงงาน เราคงจะนึกถึงเครื่องไม้ เครื่องมือที่เป็น เครื่องจักร เพราะปัจจุบันนี้ใช้เครื่องจักรมากกว่าแรงงานคน แต่ถ้าสมัยก่อนละ พวกเขาไม่ได้มีเครื่องมือเพรียบพร้อมเหมือนปัจจุบัน แล้วพวกเขาทำงานกันยังไง #เหมียวขี้ส่อง ขอพาทุกคนย้อนไปดูภาพ โรงงานในอดีต เพื่อดูว่า สภาพโรงงานเป็นยังไง แล้วพวกเขาทำงานกันยังไง ด้วย 15 ภาพ ที่หลายคนไม่เคยเห็นแน่นอน 1. แรงงานในช่วงพัก ณ โกดังเก็บชาอินโดนีเซีย ประมาณปี 1860 2. เหล่าแรงงานสร้างเรือ ณ โรงงานวิศวกรรมในลอนดอน 3. คนงานใช้เครนระบบไอน้ำเพื่อวางกระบอกปืนให้เข้าที่ 4. แรงงานเด็กกำลังทำงานที่โรงงานทอฝ้าย โดยมีผู้ใหญ่คอยคุมไม่ห่าง 5. เหล่าแรงงานหญิงในกระบวนการผลิตอัลบั้มของ The Beatles ที่มีชื่อว่า “Rubber Soul” 6. ที่โรงงานเย็บผ้าแห่งนี้ ผู้หญิงจะต้องสวมหมวกกระดาษ ซึ่งอาจจะดูแปลกไปซะหน่อย 7. กฏหมายเกี่ยวกับแรงงานเด็กไม่ได้มีทุกที่เสมอไป เด็กหนุ่มคนนี้กำลังปั่นล้ออยู่ที่โรงงานฝ้าย ในแมนเชสเตอร์ประเทศอังกฤษ …
-
ยิ่งกว่าในหนัง!! ทีมกู้ภัยเร่งช่วยคนงานเหมืองจีน 4 ชีวิต หลังติดอยู่ในถ้ำนาน 36 วัน
เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยในมณฑลซานดง ประเทศจีน ได้ทำการช่วยเหลือเหล่าคนงาน 4 คน ที่ติดอยู่ในเหมืองนานกว่า 36 วัน ได้สำเร็จแล้ว ทั้งนี้ก่อนที่ทีมกู้ภัยจะช่วยคนงานขึ้นมาจากเหมือง พวกเขาได้พยายามจะส่งเสียงพูดคุยกับคนงานด้านล่างเพื่อระบุว่ามีคนอยู่ด้านล่างทั้งหมดกี่คน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มส่งอาหารพร้อมกับเครื่องนุ่งห่มลงไปข้างล่าง เพื่อป้องกันพวกเขาจากความหนาวเย็นในเหมือง ก่อนที่ทีมกู้ภัยจะช่วยเหลือทั้ง 4 ออกมาได้ พวกเขาได้ส่งโทรศัพท์ลงไปให้กับคนงานที่ติดอยู่ในเหมืองอีก 4 คน ทั้ง Hua Mingxi, Zhao Zhicheng, Li Qiucheng และ Guan Qinji จากนั้นพวกเขาก็ส่งข้อความกลับมาว่า “ขอบคุณมากๆ ผมรู้สึกโล่งอกและปลอดภัยแล้วตอนนี้ ขอบคุณที่ยังตามหาพวกเราแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นมาก เราจะจดจำพวกคุณตลอดไป” ตามรานงานบอกว่าคนงานทั้งหมดกว่า 29 ชีวิตได้ลงไปทำงานในเหมืองและเจอกับเหตุการณ์ดินถล่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ทำให้พวกเขาติดอยู่ในนั้น แต่ทีมกู้ก็สามารถช่วยพวกเขาออกมาได้ถึง 15 คน สูญหาย…
-
คนงานตกถังสารละลายเดือดแต่รอดตายมาได้ บริษัทขอให้ทำการุณยฆาตเพราะไม่อยากจ่าย
หนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ลูกน้องของบริษัทอยู่ทำงานไปนานๆ ก็คือการเอาใจใส่พนักงาน การดูแลยามที่พนักงานลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เช่นในกรณีของคนงานภายในโรงงานจากยูนนานที่ประสบกับอุบัติเหตุตกลงไปในถังสารละลายเดือดจัดๆ ร่างกายถูกลวกแทบทั้งตัว แต่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด Yuan Longhua วัย 38 ปี คนงานในโรงงานเครือ CQC Group เกิดพลัดตกลงไปในบ่อสารละลายเดือดจัดหลังจากที่ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 13 ชั่วโมง ในวันที่ 1 สิงหาคม 2558 โดยที่เขารอดชีวิตมาได้ แต่จะต้องทำการตัดขาขวาทิ้ง และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่หลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นมาทางบริษัทเริ่มมีทีท่าที่เปลี่ยนไป จากที่เคยจ่ายค่ารักษาให้ ก็เริ่มจ่ายช้า ไม่ตรงเวลา จนถึงขั้นไม่ยอมจ่าย ทำให้อาการทรุดลงต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำการโน้มน้าวทางครอบครัวให้ทำการหยุดรักษาและทำการุณยฆาต โดยจะชดเชยให้หลังจากที่เขาเสียชีวิตแทน ทางด้านน้องชายของนาย Yuan เปิดเผยว่าหลังจากที่พี่ชายของตนประสบอุบัติเหตุ ไม่เคยเห็นหน้าเจ้านายเลย ได้แต่ติดต่อผ่านตัวแทนบริษัท ซึ่งหลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่ารักษา ทางครอบครัวต้องจ่ายเองเพื่อยื้อชีวิตเขาเอาไว้ แม้แต่กระทั่งแพทย์ผู้ดูแลเองก็ยังบอกเลยว่าบริษัทนี้ กระทำในสิ่งที่แย่มากๆ ปัดปัญหาทิ้งแบบไม่ใยดีต่อชีวิตลูกน้องเลย ที่มา : shanghaiist
-
กว่าจะได้มาเป็นทองคำอันล้ำค่า กับเบื้องหลังที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและชีวิตของคน!!
ทองคำแท้เป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงมาก นั่นก็เป็นเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่หายากมากๆ กว่าจะได้ทองคำมาต้องลำบากทำเป็นเหมืองที่ต้องลงมือขุดและงมไปทั่วบริเวณ ซึ่งถ้าหากว่าเจอทองคำเมื่อไหร่ นั่นก็หมายถึงเงินเป็นจำนวนมากนั่นเอง แต่ทว่าเงินเหล่านั้นไม่ได้มาถึงมือคนที่ลงแรงกายและหงาดเหงื่อ แต่กลับตกไปเป็นของนายทุนแทน เหมืองทองคำที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากบนโลกใบนี้ ผู้คนที่เป็นแรงงานส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นแรงงานเด็กแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแอฟริกา ที่จะต้องเสี่ยงทั้งชีวิตและสุขภาพร่างกายในระยะยาวให้กับการทำงานอันหนักหน่วง ทั้งก้มและขุดหาทองคำอันล้ำค่าเพื่อแลกกับอาหารและที่อยู่อาศัย Matjaz Krivic ช่างภาพผู้ทำสารคดีเกี่ยวกับแรงงานเหมืองทองคำได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘เด็กที่มีอายุน้อยเพียงแค่ 8 ปี จะต้องทนทำงานหนักแทบทั้งวันและทุกวัน’ ซึ่งภาพชุดนี้เป็นแรงงานเด็กในเหมืองทองคำแห่งหนึ่งจากประเทศบูร์กินาฟาโซ เขาเริ่มต้นการถ่ายทอดชีวิตของคนงานเหมืองในปี ค.ศ. 2012 โดยที่เขานั้นรู้สึกได้ถึงความดิ้นรนและการต่อสู้เพื่อหาหนทางเอาชีวิตรอดภายในประเทศนี้ และรับรู้ได้ถึงความใจกว้างต่อคนงานเหมืองด้วยกันที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยธุรกิจคนงานเหมืองในประเทศนี้ เป็นการค้าขายแรงงานแบบธุรกิจครอบครัว ผู้คนที่ทำงานเหมืองก็มาจากบริเวณใกล้ๆ เหมือง ซึ่ง 1 ใน 3 ของคนงานทั้งหมดเป็นเด็ก การทำงานจะเริ่มต้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และจะจบการทำงานในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ก็เหมือนกับการทำงานทั่วไป แต่ว่าเด็กๆ เหล่านี้จะต้องคอยขุด, งม, ล้างหิน, แบกน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย ตลอดระยะเวลา 11…