Tag: คนดี
-
เศรษฐีบิตคอยน์โปรยเงินให้ชาวเมือง ยืนยันอยาก “ช่วยคนจน” ไม่เชื่อแจ้งความได้เลย!
ชายชาวฮ่องกงที่เรียกตนเองว่า “พระเจ้า” เพราะอ้างว่าได้ขโมยเงินคนรวยมาแจกจ่ายให้กับคนจนในเมือง ถูกจับกุมตัวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2018 หลังจากโปรยเงินลงมาจากที่สูง Wong Ching-kit ชายชาวฮ่องกงผู้เป็นเซียน บิตคอยน์ (สกุลเงินดิจิทัล) ได้ทำเงินอย่างมหาศาลจากการลงทุนซื้อขายสกุลเงินบิตคอยน์บนอินเทอร์เน็ต คลิปวิดีโอการโปรยเงินของ Wong Ching-kit Wong เล่าว่าในการลงทุนด้วยเงินเริ่มต้นที่ 300,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 1.3 ล้านบาท) ทำให้เขาได้กำไรมามากมายเกือบ 4 เท่าของเงินทุน โดยในคลิปวิดีโอ Wong ได้โปรยธนบัตรมูลค่า 100 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 400 บาทไทย) จำนวนนับไม่ถ้วนให้ปลิวว่อนอยู่เหนือถนนในย่าน Sham Shui Po ของเมืองหนึ่งของฮ่องกง ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมากรูกันเข้ามาเก็บธนบัตรเหล่านี้กันอย่างจ้าละหวั่น . Wong ได้โปรยเงินลงมาในวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวในวันที่ 16 ธันวาคม ในข้อหา “สร้างความวุ่นวาย” ให้กับชาวเมือง ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าจำนวนเงินทั้งหมดที่ Wong…
-
คุณลุงภารโรงมหาลัย ได้พบปะครอบครัวเสียที หลังนศ. ร่วมใจระดมเงินให้เพื่อตอบแทน
คุณลุง Herman Gordon ภารโรงอันเป็นที่รักของเหล่านักเรียนใน มหาวิทยาลัย Bristol ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันได้ไปเที่ยวกับภรรยาสุดที่รักแล้ว หลังนักเรียนช่วยกันระดมเงินให้ลุงได้กลับไปเจอครอบครัว อ่านข่าวเก่าได้ >>> ที่นี่เลย! คุณลุงภารโรง Herman Gordon วัย 65 ปีและภรรยา หลังมีข่าวอันน่าประทับใจที่เด็กนักศึกษาราว 230 ชีวิตในมหาวิทยาลัย Bristol ร่วมใจกันระดมเงินให้กับคุณลุงภารโรง Herman Gordon เป็นจำนวนราว 64,000 บาท เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ ที่คุณลุงได้ทำไว้ให้กับพวกเขา พวกเขาจึงอยากมอบสิ่งดีๆ กลับคืนให้คุณลุง นั่นก็คือการนำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้คุณลุงเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด ณ ประเทศจาเมกา เพื่อพบหน้าครอบครัวพร้อมกับภรรยาสุดที่รักของตนเอง และนั่นทำให้คุณลุงถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวเลยทีเดียว คลิปวิดีโอ ล่าสุด คุณลุงและภรรยานามว่า Denise ก็ได้เดินทางกลับไปยังประเทศจาเมกาเพื่อพบหน้าครอบครัวหลังย้ายมาทำงานอยู่ที่ประเทศอังกฤษอยู่นมนานและมีชื่อเสียงจากการที่คุณลุงกลายเป็นภารโรงที่ “เด็กๆ รักมากที่สุด” คนหนึ่ง ขณะเดินทางกลับบ้าน คุณลุง Herman และภรรยาก็ได้แวะพักที่แคริบเบียน ในรีสอร์ทสุดหรูบริเวณอ่าวมอนเตโก เพื่อฉลองครบรอบวันแต่งงานปีที่ 23 ของคุณลุงและภรรยา …
-
มหาเศรษฐีชาวจีน ใช้เวลาว่างไปกับการ “เดินเก็บขยะ” ในเมืองทุกๆ วันมากว่า 3 ปีแล้ว!!
คนที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยกลายเป็นมหาเศรษฐี เขาคงมีเวลามากพอสำหรับพักผ่อน หรือใช้ชีวิตตามแบบที่เขาต้องการ แล้วหากเป็นคุณ คุณจะใช้เวลาเหล่านั้นเพื่อทำอะไรกันล่ะ? ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร แต่เรื่องราวของมหาเศรษฐีชาวจีนคนนี้จะทำให้คุณหวนกลับมาคิดใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน… Zhong Congrong นักธุรกิจวัย 52 ปีจากมณฑลฉงชิ่งประเทศจีน ผู้ประสบความสำเร็จจากกิจการของเขาเอง ได้หันมาใช้ชีวิตหลังความสำเร็จด้วยการตระเวน เดินเก็บขยะ บนถนนในเมืองมาเป็นเวลาถึง 3 ปีแล้ว เรื่องราวเริ่มจากการที่เขาได้มาพบกับอดีตศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งที่อุทิศตนเก็บขยะให้บ้านเมืองมากว่า 4 ปีแล้ว เขาจึงประทับใจและร่วมเดินเก็บขยะในเมืองทุกๆ วัน Zhong Congrong วัย 52 ปี ในช่วงแรกเขากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างมาก แต่กลับเป็นในเชิงไม่ดีเท่าใดนัก หลายคนสังสัยว่าทำไมมหาเศรษฐีอย่างเขาต้องมาเก็บขยะ เกรงว่าจะมีเหตุผลอื่นแอบแฝง แต่ Zhong ก็ไม่สนใจและยังคงทำต่อไป จนกระทั่งเรื่องราวเข้าถึงหูของครอบครัวเขา ทีแรกลูกๆ และภรรยาของเขารู้สึกขายหน้ากับสิ่งที่เขาทำอย่างมากถึงกับไม่ยอมไปไหนกับ Zhong ในที่สาธารณะเลยทีเดียว จนกระทั่ง พวกเขาพบว่าบริเวณใกล้บ้านเริ่มสะอาดขึ้นทุกวัน เนื่องจากการกระทำของ Zhong พวกเขาจึงยอมรับพร้อมทั้งชื่นชมและหันมาสนับสนุนเขาด้วย ชมคลิปของ Zhong มหาเศรษฐีเก็บขยะกัน “เราจะทิ้งขยะหรือเก็บขยะมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับระดับการศึกษา วัฒนธรรม อายุ หรือว่าฐานะหรอก” Zhong…
-
หนุ่มลองใจ ‘คนไร้บ้าน’ ทำกระเป๋าเงินตก เขาเก็บมาคืน แถมเอาเงินที่ให้ไปซื้ออาหารแจกคนอื่น!!
หนุ่มถ่ายคลิปลองใจ แกล้งทำกระเป๋าเงินตกต่อหน้าคนไร้บ้าน และผลที่ได้คือเรื่องราวน่าประทับใจ… ชายไร้บ้านเก็บกระเป๋าเงินขึ้นและนำมันไปคืนให้กับ Waqas Shah ที่เป็นยูทูบเบอร์ ในกระเป๋ามีเงินอยู่ทั้งหมด 5,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 160,000 บาท “เฮ้นาย! นายทำกระเป๋าเงินตกน่ะ ตกอยู่ตรงนั้น” ชายโฮมเลสเรียก Waqas พร้อมกับชี้นิ้วไปที่จุดเกิดเหตุ “คุณเป็นคนไร้บ้านใช่มั้ยครับ? คุณเอาเงินมาคืนให้ผม” Waqas ตอบกลับไป “การนำมันมาคืนมันก็ถูกแล้วนี่ ผมไม่ขโมยของใครหรอกนะ” ชายโฮมเลสกล่าว “การที่คุณนำมันมาคืนให้ผม ผมจะตอบแทนคุณก็แล้วกัน คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ขอบคุณที่เอามันมาคืนให้ผมนะครับ” Waqas กล่าว เรื่องราวความประทับใจยังไม่จบอยู่เท่านี้ หลังจากที่ Waqas เดินจากไป กล้องยังคงจับอยู่ที่ชายโฮมเลส ปรากฏว่าเขานำเงินที่ได้เป็นของตอบแทนไปซื้ออาหาร แล้วเอาไปแจกจ่ายให้กับโฮมเลสคนอื่นๆ ที่อยู่ในละแวกนั้น Waqas เดินตามชายโฮมเลสไปอีกครั้งเพื่อสอบถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ชายโฮมเลสก็ตอบกลับมาว่า “การให้เป็นสิ่งที่เราควรทำ หากเราให้ไปเท่าไหร่…
-
นักเลี้ยงหมาที่ชาติต้องการ!! หนุ่มติดชื่อ-รูปตัวเองที่หมาจรจัด พร้อมรับผิดชอบถ้าหมาทำเสียหาย
แน่นอนว่าในบ้านเรามีสุนัขจรจัดอยู่เป็นจำนวนมาก และเวลาที่มันอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เราก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องแจ้งกับใครให้จัดการกับปัญหาดังกล่าวดี แต่ในวันนี้ (5 พฤษภาคม 2018) เพจ มัชเฌ Family ได้แชร์เรื่องราวดีๆ บอกเล่าถึงการช่วยเหลือของชายคนนี้ที่มีให้กับเหล่าน้องหมาตามท้องถนน โดยการทำจี้ห้อยคอให้กับพวกมัน ชายหนุ่มทำจี้เอาไว้ให้สุนัขจรจัดห้อยคอ แต่จี้ดังกล่าวนั้นไม่ใช่จี้ธรรมดา เพราะมันคือจี้ที่บ่งบอกว่า เขาพร้อมจะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่าง หากน้องหมาจรจัดเหล่านี้ได้ไปสร้างปัญหาเดือดร้อนให้กับใคร ด้านหลังคือข้อมูลการติดต่อ และเขาบอกว่าตนเองรับเป็นเจ้าของ และพร้อมจะรับผิดชอบแทนมันทุกอย่าง เจ้าของโพสต์อธิบายว่า “พี่ๆ น้องๆ หลายคนคงอยากรู้ว่าหลังรูปที่ผมเอาไปห้อยคอหมา มันมีอะไรหรือมันเขียนว่าอะไร ถ้าเราจะตอบแทนความรักความซื่อสัตย์ที่หมาเขามีให้เรา ฉะนั้นเราก็ต้องปกป้องและคุ้มครองเขาด้วยการรับผิดชอบ รับผิดชอบ รับผิดชอบ รับผิดชอบ รับผิดชอบ” ด้านหน้าคือรูปของเขา นี่คือความช่วยเหลือเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้พวกมันอาจเป็นเพียงสุนัขจรจัดที่ไม่มีใครดูแลอย่างเป็นทางการ แต่อย่างน้อยจี้ห้อยคออันนี้ก็แสดงให้เห็นว่ายังมีคนที่รักและห่วงใยพวกมันอยู่เสมอ และหวังว่าพวกมันจะไม่ได้รับอันตรายจากความไม่ตั้งใจ จนอาจพลั้งพลาดไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ที่มา: มัชเฌ Family
-
สาวทำกระเป๋าตังค์หาย ป้าขายพวงมาลัยเก็บได้ ส่งคืนพร้อมข้อความ “ได้แล้วโทรกลับด้วยนะ”
ถึงในช่วงนี้จะมีเรื่องราวที่ชวนสลดหดหู่อยู่มากมาย แต่ก็มีเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกดีเหมือนกันนะ อย่างเช่นเรื่องน่ารักๆ จากผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ที่ออกมาเล่าว่าเธอทำกระเป๋าตังค์หาย แต่กลับได้คืนมา พร้อมข้อความสุดน่ารักจากผู้เก็บได้ เรื่องนี้มาจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @boeing19 เธอได้ทวีตว่า “อยากเล่าเรื่องคนดีๆ ตอนสงกราต์กลับตจว.แวะปั๊มละนี่ทำเป๋าตังหายตอนไหนไม่รู้ เสียดายมากวันต่อมาอิด*กพีคมากมีจดหมายมาถึงนี่ ป้าขายพวงมาลัยแกเก็บได้แล้วส่งมาให้ น่ารักมากๆ ไปอุดหนุนป้าได้นะคะ ขอบคุณป้ามากจากใจ ขออนุญาตติดแท็ก #คนดี #เรื่องดีอยากแชร์ #กอล์ฟขวัญ #NUESTWinBKK” พร้อมกันนี้เธอยังได้แนบรูปภาพซองพัสดุที่ใส่กระเป๋าตังค์ของเธอมาด้วย โดยใส่รายละเอียดตรงชื่อผู้ส่งว่า “นางสิน เปี่ยมมา ขายมาลัยอยู่ ปตท.สว่างพงศ์ อ.สังขะ เก็บได้” ภายในซองมีกระเป๋าตังค์และกระดาษข้อความบอกว่าหากได้รับกระเป๋าแล้วให้โทรกลับมาบอกด้วยเพื่อความสบายใจ และบอกด้วยว่าได้เอาเงินในกระเป๋าไปใช้เพื่อส่งคืน คุณป้าทำดีแบบนี้น่าชื่นชมมากครับ ใครอยู่แถวนั้นไปช่วยกันอุดหนุนพวงมาลัยของคุณป้าได้นะ ที่มา @boeing19
-
ชายหนุ่มใจบุญผู้ช่วยแมวจรจัดในชุมชน จนผู้คนขนานนามให้ว่า ‘คานธีแห่งเมืองโบกอร์’
เมื่อก่อนเมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซียเคยเป็นเมืองที่มีปัญหาเรื่องแมวจรจัด เพราะพวกมันถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ไม่มีใครรับดูแลพวกมันเลย แมวในแถบนั้นก็เลยอยู่อย่างอดๆ อยากๆ บางตัวก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนเป็นหลักแหล่งด้วยซ้ำ จนกระทั่ง Uli Sharbinie ชายที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นตัดสินใจเริ่มช่วยเหลือแมว จากการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในตอนแรก ก็นำเขาไปสู่การช่วยเหลือแมวแทบทุกตัวในชุมชน จนพวกมันมีบ้านที่อบอุ่นอาศัยอยู่อย่างมีความสุข Uli Sharbinie ผู้ชายที่รักแมวยิ่งกว่าอะไร Uli เป็นคนที่รักแมวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณปู่ของเขาก็รักแมวแล้วเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยงเป็นประจำ เขาเลยรักแมวมาตั้งแต่ยังเด็ก จุดเริ่มต้นในการช่วยเหลือแมวของเขานั้นเริ่มขึ้นเมื่อเขาเจอแมวตัวหนึ่งถูกรถชน ด้วยความเป็นห่วงเขาก็เลยขับรถเกือบ 3 ชั่วโมงเพื่อพามันไปหาสัตวแพทย์ แล้วก็ควักเงินจ่ายค่ารักษาที่แพงหูฉี่ให้กับเจ้าแมว เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยความเป็นห่วงมัน เขายังต้องยืมเงินบางส่วนมาจากเพื่อนมาจ่ายให้ค่ารักษาด้วย จากนั้นมาเขาก็เริ่มดูแลแมวจรจัดตัวอื่นเพื่อไม่ให้มันต้องพบเจอชะตากรรมที่โหดร้ายเหมือนเจ้าเหมียวตัวนี้ เขาเก็บเจ้าแมวที่ถูกรถชนมาไว้ที่บ้าน แล้วเริ่มดูแลแมวเท่าที่เขาจะทำได้ โดยการเอาข้าวไปเทไว้ให้แมวจรจัดกินเป็นประจำ และถ้ามีแมวตัวไหนที่ป่วย เขาก็รักษาพวกมันเท่าที่จะทำได้ แต่ด้วยเงินที่มีจำกัดเขาก็รักษาพวกมันได้ทีละตัวเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาช่วยเหลือแมว เขาก็จะโพสต์บอกเล่าเรื่องราวการช่วยเหลือของเขาลงบนโซเชียลมีเดียด้วย เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นช่วยเหลือแมวเหมือนกันเขา จนกระทั่งปี 2014 Kristen in California ก็ได้เห็นเรื่องราวการช่วยเหลือแมวของเขา เธอประทับใจในน้ำใจและความทุ่มเทที่เขามีให้กับแมวทุกตัว เธอก็เลยเริ่มติดต่อพูดคุยกับเขา ยิ่งเธอรู้เรื่องราวของเขามากขึ้น เธอก็ยิ่งอยากช่วยเหลือเขาและแมวพวกนั้น เธอก็เลยติดต่อเพื่อนที่รู้จักกันอีก 3…
-
หนุ่มตกใจ ฝากเงิน 9,000 บาท แต่พนักงานกดสูตรให้ 1,000 ล้าน เกรงใจจนต้องแจ้งคืน…
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเคยคิดว่า จะดีแค่ไหนนะถ้าจู่ๆ วันหนึ่งตื่นมามีเงินเป็นล้านๆ อยู่ในบัญชี ไอ้การคิดเฉยๆ มันก็น่าดีใจอยู่หรอก แต่ถ้ามาตั้งสติคิดกันให้ดีๆ ไอ้เรื่องแบบนี้มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็เป็นได้ การที่จู่ๆ เงินเข้ามาในบัญชีเราเยอะๆ อาจจะเกิดจากการจารกรรมหรือการฟอกเงิน แน่นอนว่าอีกไม่นานต้องมีคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโผล่มาเคาะบ้านสักวันแน่ๆ ดังนั้นคงจะต้องคิดอะไรต่ออะไรให้ดีๆ ก่อนที่จะใช้เงินเหล่านั้น เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wuttichai Meemak ก็คล้ายๆ แบบนั้น เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันดันเกิดขึ้นบนโลกจริงๆ ไม่ใช่ความคิดนี่สิ คุณ Wuttichai โพสต์ขอความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาว่า “มีอะไรมาเล่าให้ฟัง วันนี้เรื่องมีอยู่ว่า ผมไปเปิดบัญชี ที่ธนาคาร มา ผมเปิดไป 9000 แล้ว นำบัตรออกมาโอนข้างนอก แต่ผมลองกดไปดูยอดเงินคงเหลือ แต่มันขึ้นว่า 999,999,999 ผมก็นึกว่าเครื่องเสียเลยย้ายตู้ มันก็ขึ้นมาแบบเดิม ผมก็เลยลองกดเล่นๆ ไม่คิดไรว่ามันรวนจริงเปล่า กดมา 20,000 แม่ง เงินออกมา 20,000 จริงๆ คือ กุฝากไป 9,000 สลิปออก มา ยังเหลือ 999,999,999 ในใจกูนี่รูป รถ บ้าน…
-
หญิงสาวเคยขโมยสบู่จากร้านนี้เมื่อ 18 ปีก่อน ตอนนี้เธอเอาสบู่มาคืนแล้ว แถมเอามา 100 ก้อน
คุณเคยทำความผิดบางอย่างแล้วเก็บเอามันมาคิดอยู่บ่อยๆ บ้างรึเปล่า ถ้าเคยอาจจะแปลว่าจริงๆ แล้วคุณก็เป็นคนที่รู้ผิดชอบชั่วดีประมาณหนึ่ง จึงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องที่รู้สึกว่าผิดผ่านเลยไปได้ง่ายๆ นั่นเอง วิธีลบความผิดนั้นออกไปจากใจก็ไม่ยากเลย เพียงแค่คุณขอโทษจากใจจริงแล้วชดใช้ความผิดนั้นซะ ก็จะรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเลยล่ะ เหมือนกับสาวคนนี้ที่เคยขโมยของจากร้านค้าไป สุดท้ายไม่สบายใจจนต้องเอาของกลับมาคืน 100 เท่า! Qu สาวน้อยที่เคยขโมยสบู่เมื่อครั้งยังเด็ก เมื่อเธอยังอายุ 12 ปีว Qu เคยขโมยสบู่ 1 ก้อนไปจากซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองยี่ฉวน มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ความผิดครั้งนั้นกลายเป็นตราบาปในใจของเธอเรื่อยมาก จนตอนนี้อายุ 30 ปีแล้วเธอก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ เธอจึงอยากลบล้างความรู้สึกผิดที่มีมาตลอด 18 ปีนี้ หญิงสาวตัดสินใจเดินทางกลับไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้น พร้อมกับนำสบู่แบบเดียวกันกับที่เธอเคยขโมยไปคืนจำนวน 100 ก้อน เพื่อเป็นค่าชดเชยในการโจรกรรมเมื่อเยาว์วัย เธอเล่าเรื่องการขโมยของครั้งนั้นให้เจ้าของร้านฟัง และขอโทษเขาด้วยความจริงใจ หลังจากเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าของร้านฟังพร้อมทั้งนำสบู่ไปคืนแล้ว เจ้าของร้านก็ยกโทษให้เธอเพราะเห็นแก่ความจริงใจที่เธอมี หญิงสาวเล่าว่า “ความผิดพลาดครั้งนั้นกลายเป็นตราบาปในใจของฉันมาตลอดช่วงชีวิตนี้ เพราะมันคือเรื่องแย่ที่สุดที่ฉันเคยทำมาในชีวิตนี้” เจ้าของร้านประทับใจในเรื่องราวของเธอ เลยนำสบู่ที่เธอเอามาคืนไปแจกจ่ายให้กับคนในบริเวณนั้น นอกจากนี้เจ้าของร้านยังประทับใจในเรื่องราวของเธอ เขาจึงตัดสินใจนำสบู่ที่ได้มาจากเธอไปแจกจ่ายให้กับพนักงานทำความสะอาดในบริเวณใกล้เคียง เพื่อแบ่งปันความดีของเธอให้คนอื่นด้วย ตอนนี้นอกจาก Qu…
-
สิ่งสุดท้ายที่ทำได้… ‘มคิทาร์ยาน’ ล่าลายเซ็นเพื่อนร่วมทีม บริจาคช่วยเด็กป่วยมะเร็ง
จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับดีลการสลับขั้วของ อเล็กซิส ซานเชซ และ เฮนริค มคิทาร์ยาน…. ในฐานะที่ #เหมียวหง่าว เป็นแฟนบอลพลพรรคปืนโต อาร์เซนอล ตัวยงคนหนึ่งขอบอกเลยว่ารู้สึกเสียดายแต่ขณะเดียวกันก็ดีใจที่ มคิทาร์ยาน หรือ มิคกี้ ตัดสินใจย้ายมาสวมเสื้อให้กับปืนโต อย่างที่รู้กันดีว่าผลงานในสนามของมิคกี้ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นไม่ค่อยมั่นคงซักเท่าไหร่ นั่นเป็นเพราะปัญหาเกี่ยวกับชีวิตนอกสนามของเขาต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ทั้งถูกภรรยาที่รักหักหลัง และการย้ายทีมในครั้งนี้ที่สื่อทุกสื่อต่างประโคมข่าวกันว่ามันเป็นการบังคับให้ย้ายชัดๆ!! แต่ถึงอย่างนั้นฟอร์มการเล่นของมิคกี้ที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่เบาเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เขามีโอกาสได้ลงสนาม ก็มักจะมีส่วนช่วยให้ทีมชนะเสมอ ทั้งกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่จะทำให้แฟนบอลปืนโตอย่างเราหลงรักมิคกี้มากขึ้นไปอีก ก็คือความเป็นมืออาชีพ ที่เพื่อนร่วมทีมถึงกับออกมาชมว่าเป็นคนที่มาซ้อมก่อนเวลาทุกครั้ง และนิสัยใจคอดี๊ดีย์ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาทำก่อนจะย้ายออกจากทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สิ่งที่มิคกี้ได้ทำก็คือเอาเสื้อแข่งของตัวเองไปล่าลายเซ็นต์ของเพื่อนร่วมทีมทุกคนก่อนที่จะนำมันไปบริจาคให้กับเหล่าเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในประเทศอัลเมเนียที่เป็นบ้านเกิดของเขา “เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ ของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และคนที่สนับสนุนผมมาโดยตลอด ผมจะทำการบริจาคเสื้อแข่งของทีมปิศาจแดงที่มีลายเซ็นของผู้เล่นทุกคน เพื่อช่วยเหลือเหล่าเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในประเทศอัลเมเนีย” มิคกี้ได้กล่าวไว้ในแฟนเพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงการอำลาทีมอย่างสุดซึ้งอีกว่า “ผมอยากจะขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ในทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จากใจจริง โดยเฉพาะแฟนๆ ทุกคน สำหรับความรัก การสนับสนุน และความทุ่มเทที่มีให้กัน ผมมีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยอดเยี่ยมของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ อย่างการได้แชมป์ยูโรป้าลีคถ้วยแรกของสโมสร ผมจะเก็บเรื่องราวนี้เอาไว้ในความทรงจำตลอดไป” “อีกเรื่องก็คือลูกยิงสกอร์เปี้ยนคิกที่เกิดขึ้นในช่วงบ็อกซิ่งเดย์ พร้อมกับเสียงร้องเพลงเชียร์ของเหล่าเรดเดวิลว่า…
-
พนักงานร้าน Burger King กลายเป็นฮีโร่ หลังวิ่งลงไปช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานที่กำลังเดือดร้อน
อาชีพพนักงานบริการตามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนไม่มาก นอกจากนี้ยังเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะว่าต้องบริการลูกค้าที่เข้ามาสั่งอาหารตลอดเวลา และคอยดูแลแทบทุกส่วนของร้านให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ จึงไม่แปลก หากจะเจอพนักงานที่ทำงานแบบขอไปทีอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะทำอาชีพที่ได้ค่าตอบแทนน้อย แต่ถ้าเราทำงานด้วยความเต็มใจ และทำงานอย่างเต็มที่ นึกถึงผลลัพธ์ของงานเป็นหลัก ความดีและความตั้งใจก็จะส่งผลตอบแทนให้กับเราแน่นอน แม้ว่าจะไม่ได้มาในรูปแบบของเงินก็ตาม Rebecca Boening และครอบครัว Rebecca Boening อาศัยอยู่ในเมืองอามาริลโล รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเนื่องจากเป็นโรคเบาหวาน จึงจำเป็นต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลให้ดีอยู่เสมอ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าน้ำตาลในเลือดต่ำจนอยู่ในขั้นอันตราย เธอจึงต้องรีบเติมน้ำตาลให้ตัวเองโดยด่วน โชคดีที่ระหว่างทางนั้นมีร้าน Burger King พอดี เธอจึงรีบเลี้ยวรถเข้าไปในช่องไดร์ฟทรูทันที พอขับรถ เข้าไปพนักงานบริการ Tina Hardy ก็ออกมารับบริการทันที แต่ Rebecca คงจะขาดน้ำตาลรุนแรงจริงๆ เธอจึงสั่งอาหารด้วยน้ำเสียงสั่นเทา และพูดตะกุกตะกักอีกด้วย ดังที่เธอเล่าผ่านเฟซบุ๊กของตนว่า “ฉันบอกกับพนักงานไปว่าฉันมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และต้องการอาหารมาก” และ “ตอนมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ จะคิดจะทำอะไรก็ยากไปหมด” แต่เธอก็ได้รับความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิด เพราะพอสั่งอาหารเสร็จปุ๊บ พนักงานที่ให้บริการเธอก็วิ่งมาหาเธออย่างรีบร้อน พร้อมยื่นไอศกรีมให้เธออย่างฉับไว แล้วบอกว่าทานได้ทันทีเลย หลังจากนั้น…
-
คนขับแท็กซี่อินเดียได้รับรางวัลเกียรติยศ ‘ไม่บีบแตร’ มาตลอด 18 ปี รออะไรล่ะ ปรบมือสิ!!
การบีบแตรในบ้านเรานั้นมักจะเกิดขึ้นจากความไม่พอใจ การให้สัญญาณ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักที แต่ทว่าในอินเดียการบีบแตรเป็นอะไรที่ปกติ บีบกันจนรู้สึกว่าชีวิตนี้ถ้าวันไหนไม่ได้บีบมันจะเหมือนไม่ได้ขับรถกันเลยทีเดียว แต่แล้วคนขับรถคนหนึ่งนามว่า Dipak Das ก็สามารถพิชิตนิสัยปกติของชาวอินเดียที่ชอบบีบแตรลงได้ โดยชายคนนี้นั้นไม่ได้บีบแตรระหว่างขับรถมาเป็นเวลากว่า 18 ปีแล้ว จนองค์กรเพื่อสิทธิมนุษย์ที่ชื่อว่า Manush Mela ต้องออกมาให้รางวัล Manush Sanman หรือก็คือรางวัลไม่บีบแตรแก่เขา Dipak ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น Hindustan Times ว่า “ผมคิดว่า ถ้าคนขับรถทุกคนทำตามกฎหมายไม่บีบแตร เขาจะมีสมาธิในการขับรถมากขึ้น ถ้าคนขับรถทุกคนคำนึงถึงพื้นที่ ความเร็ว และระยะเวลาระหว่างขับขี่ พวกเขาจะไม่ต้องบีบแตรเลย” การไม่บีบแตรของ Dipak นั้นล้วนเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง เพราะแม้ว่าลูกค้าที่โดยสารรถของเขาจะบอกให้เขาบีบแตรเท่าไหร่ก็ตาม เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธไม่บีบแตรเสมอพร้อมตอบกับลูกค้าว่า “การบีบแตรไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา” สุดท้ายแล้ว Dipak ก็หวังว่าเมืองโกลกาตาในประเทศอินเดีย จะเริ่มหันมาสนใจและกลายเป็นเมืองที่ไม่มีการบีบแตร ซึ่งอย่างไรก็ตามมันก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้อยู่ดี… จากภาพเราจะเห็นว่าการจราจรในอินเดียมันวุ่นวายแค่ไหน ที่มา odditycentral,hindustantimes
-
คนในพูดเดี๋ยวว่าอวย ชาวเน็ตเลยออกมาแฉเรื่องราวดีๆ ของเหล่าเซเลปว่าคนที่ดีก็มีอยู่จริงนะ
หลายคนอาจจะได้อ่านเรื่องราวที่คนในวงการด้วยกันออกมาแฉลุง Tom Hanks ว่าแกนั้นเป็นคนดีเกินไปกันไปแล้ว จนรู้สึกว่า เอ๊ะ! นี่คนอวยกันเกินไปหรือเปล่า หรือเขาเป็นคนดีจริงๆ ตามที่คนอวยกัน (อ่านข่าวเก่าเกี่ยวกับลุง Tom Hanks ได้ที่ ‘คนในวงการออกมาแฉ Tom Hanks เนื่องจากว่าแกเป็นคน “ดีเกินไป” ช่วยหยุดดีสักวันเถ๊อะ!!‘) แต่เพื่อเป็นการนั่งยันนอนยันว่า ลุงแกรวมถึงเซเลปคนอื่นๆ ก็ยังมีคนที่ดีอยู่ ชาวเน็ตก็เลยพากันทวีตข้อความต่างๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาได้เจอเหล่าเซเลปดีๆ มากับตัวเพื่อช่วยคอนเฟิร์มเรื่องราวทั้งหมดว่าไม่ได้อวยจริงๆ นะ เรื่องมันเริ่มจาก @bakkooonn นั้นได้เปิดประเด็นให้ทุกคนมาร่วมกันแชร์ประสบการณ์ดีๆ เกี่ยวกับราวเซเลปกันผ่านการรีทวีตของเขา อย่างนายคนนี้ก็ได้เจอกับ Hugh Jackman ในกองถ่าย X-Men ซึ่ง Jackman บังเอิญไปเจอร้านอาหารออสเตรเลียในแคนาดาที่ถูกใจเขามากๆ งานนี้เขาเลยจัดการเลี้ยงทุกคนในกองถ่ายซะเลย ชาวเน็ตคนนี้เล่าว่า Jesse Eisenberg ย้ายมาอยู่เมืองเดียวกับเขา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และเงียบสงบและการมาของเขาก็ไม่ได้นำพาความวุ่นวายมา ที่สำคัญพี่แกยังบริจาคเงินจำนวนมากพร้อมกับช่วยงานหลายอย่างในเมืองด้วยนะ เธอคนนี้เล่าว่าตอนเธอไปเป็นเด็กฝึกงานที่รายการของ Conan มีช่วงหนึ่งที่ Tom Hanks มาออกรายการ ลุงแกเล่นพาเด็กฝึกงานกว่า…
-
คนในวงการออกมาแฉ Tom Hanks เนื่องจากว่าแกเป็นคน “ดีเกินไป” ช่วยหยุดดีสักวันเถ๊อะ!!
ได้โปรด Tom Hanks คุณช่วยหยุดเป็นคนดีสักวินาทีจะได้ไหม!! เรียกว่าตอนนี้วงการฮอลีวูดลุกเป็นไฟกันเลยทีเดียว หลังจากที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการที่ดาราหลายคนถูกขุดและถูกแฉพฤติกรรมคุกคามทางเพศของพวกเขา ซึ่งคนที่โดนไปก็ตกงานกันรัวๆ Kevin Spacey คงเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุดและผู้กำกับชื่อดัง Brett Ratner ก็คงจะเป็นรายต่อไป… แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวเสียๆ หายๆ ของเหล่านักแสดงหรือผู้กำกับหรอกนะ เพราะเรื่องดีๆ ก็มีเช่นกันดีขนาดที่ว่าคนต้องบอกว่านายเลิกเป็นคนดีสักวินาทีหนึ่งได้ไหมเลยทีเดียว คนดังคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ Tom Hanks นั่นเอง โดยเขาได้รับคำชมมากมายจากเพื่อนร่วมงานด้วยกันมาตลอด ยกตัวอย่างเช่นเรื่องเล่าจาก Veronica Warren ที่เล่าย้อนกลับไปเมื่อช่วงถ่ายทำหนังเรื่อง The Da Vinci Code ปี 2006 Veronica เล่าว่า Tom Hanks เป็นคนที่นิสัยดีมาก แม้ว่าเพื่อนร่วมงานจะมีอาหารไม่เพียงพอ เขาก็จะเอาอาหารส่วนของตัวเองมาแบ่งให้กับคนอื่นๆ ด้วย “เขาแบ่งแซนวิชให้ฉันครึ่งหนึ่ง หลังจากที่เขาเห็นว่าเสบียงในกองถ่ายเหลือน้อยเต็มที ตอนนั้นฉันเพิ่งจะอายุ 17 เองนะ แล้วก็ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย ตลอดเวลาในกองถ่ายเขาไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับฉันเลย เขาทำกับฉันในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตลอดเวลา” Veronica กล่าว ก็ชมกันเกินไป… ยังๆ ยังไม่หมด Zoe Tanowitz…
-
สะ..สะตรอง!! ฉลามถูกคลื่นซัดเข้ามาในสระน้ำริมทะเล หญิงสาวไปอุ้มมันโยนคืนทะเลแบบโคตรเท่
ว่ากันว่าฉลามนั้นเป็นสัตว์ที่อันตราย การที่อยู่ดีๆ จะเข้าไปจับมันนั้นถือเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะอาจจะถูกกัดจนเกิดการบาดเจ็บตามมาก็เป็นได้ ทว่าหญิงสาวคนคนนี้กลับไม่คิดแบบนั้น Melissa Hatheier ซึ่งทำงานเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์จากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียคนนี้ ได้จับเจ้าปลาฉลามตัวหนึ่งที่มันดันหลุดเข้าไปในบริเวณอ่างเก็บน้ำ โดยเธออุ้มมันขึ้นมาอย่างกล้าหาญและแข็งแรง จากนั้นก็นำตัวเจ้าฉลามไปปล่อยยังทะเล ซึ่งมีการบันทึกภาพไว้ได้ด้วย… และเมื่อภาพเหตุการณ์ของเธอที่ถูกบันทึกได้ถูกปล่อยไปบนโลกอินเตอร์เน็ต เรื่องราวของเธอก็กลายเป็นไวรัลทันที… ก่อนอื่นลองรับชมคลิปเหตุการณ์ได้ข้างล่างเลยครับ และด้วยวีรกรรมนั้นทางสำนักข่าว The Today Show ก็เลยรู้สึกสนใจขอสัมภาษณ์เธอทันที ซึ่งเธอเล่าว่าที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ Cronulla ขณะที่ทางด้านพิธีกรก็ถามว่านี่คุณไม่กลัวมันจะหันมากัดบ้างเหรอ คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ!! Melissa ก็บอกว่า ในหัวของเธอคิดแค่ว่าเธอจะต้องช่วยเจ้าฉลามให้ได้ เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรอก เธอชอบช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอะไรทำนองนี้ และผลลัพท์ก็ออกมาอย่างที่เห็น คลิปเหตุการณ์ของเธอนั้นมีคนเข้าชมแล้วมากกว่า 360,000 ครั้ง ชาวเน็ตมากมายก็ต่างพากันมาชื่นชมว่าเธอช่างกล้าหาญ และเป็นคนดีจริงๆ ยังไงก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ยังแนะนำว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้นั่นเอง ทางที่ดีควร แจ้งผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานเฉพาะให้พวกเขามาเป็นคนจัดการ แทนที่จะลงไปด้วยตัวเองอย่างที่เห็นในคลิป โชคดีที่เธอไม่ถูกฉลามทำร้ายล่ะนะ… ที่มา buzzfeed
-
ทำคลิปลองใจคนญี่ปุ่น ด้วยการเอา “ของมีค่า” วางทิ้งไว้บนโต๊ะ งานนี้จะโดนจิ๊กหรือไม่!?
คำที่ว่า ถ้าคุณลืมของไว้ญี่ปุ่น ผ่านไปเป็นวันกลับมาเอาของก็ยังอยู่ที่เดิม เคยคิดกันไหมว่ามันเป็นการอวยญี่ปุ่นกันเกินไป ด้วยเหตุนี้ทางช่อง Life Where I’m From ก็เลยทำคลิปเพื่อทดสอบว่าคำพูดดังกล่าวมันเกินจริงไหม… ขั้นตอนการทดสอบของช่องดังกล่าวนั้นง่ายมาก พวกเขาได้เอาของมีค่าวางไว้บนโต๊ะใน Skytree’s Sola Machi entertainment complex ในกรุงโตเกียวที่มีผู้คนมากมายผ่านไปมาก จากนั้นก็แอบเอากล้องอีกตัวถ่ายไว้ ของมีค่าที่วางไว้ก็เป็น ถุงช็อปปิ้งที่มีของข้างใน โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน จากนั้นก็วางทิ้งไว้เฉยๆ นั่งดูเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นก็รอดูว่าจะมีใครมานั่งหรือแอบหยิบของมีค่าของพวกเขาไปไหม ซึ่งผลที่ออกมานั้นมันเหลือเชื่อมากๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงยังไม่มีใครมาขโมยของบนโต๊ะเลย อย่างมากก็มานั่งใกล้ๆ ของ แต่พวกเขาก็แค่นั่งกินอาหารเท่านั้น ผู้คนต่างพากันเดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจของมีค่าบนโต๊ะเลย เวลาผ่านไปอีกสักพักพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีใครขโมยแน่ๆ และเขาก็รู้สึกว่าเกรงใจพนักงานและร้านพอสมควรจึงทำการเก็บของ แต่พวกเขาก็ยังอยากทดสอบเพิ่มเดิม เลยเดินทางไปยังร้านสตาร์บัคส์ใกล้ๆ กันก็พบว่า ที่นี้มีคนวางของจองไว้เต็มไปหมด หลายโต๊ะเป็นกระเป๋าหรือของที่ดูมีค่าพอสมควรเลย พอไปที่สตาร์บัคส์ ก็เจอคนวางของไว้เต็มไปหมด โดยที่ไม่กลัวใครจะมาหยิบไปเลย ไม่ว่าจะเป็นถุงช็อปปิ้งหรือกระเป๋าสะพายก็วางทิ้งไว้กันหน้าตาเฉย แต่พวกเขาก็ยังไม่เลิก เลยจัดการเอาแมคบุ๊คไปวางไว้ จากนั้นก็ตั้งกล้องถ่าย ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมานั่งจุดที่แมคบุ๊ควางไว้ หรือท่าทีจะขโมยเลย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกว่ามันมีข้อสรุปแล้วล่ะ…
-
ยอดดาราตัวจริง ‘โจว เหวินฟะ’ ออกมาช่วยเก็บกิ่งไม้บนถนน หลังไต้ฝุ่นฮาโตะสงบลง…
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางตอนใต้ของประเทศจีนจีน มาเก๊า และฮ่องกง ต่างโดนถล่มอย่างหนักจากไต้ฝุ่นฮาโตะ จนเกิดเป็นความเสียหายที่มากที่สุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ หลังจากพายุฮาโตะพัดผ่านไป ก็ทิ้งไว้แต่เศษซากความเสียหายที่คิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาล แถมยังสร้างรอยแผลให้กับผู้คนมากมาย แต่ยังไงผู้คนก็ยังต้องมาช่วยกันจัดการกับเศษซากความเสียหายกันต่อไป ทว่าชายคนหนึ่งกลับสังเกตเห็น ‘โจวเหวินฟะ’ ดาราพระเอกคนดังของฮ่องกงออกมาช่วยเก็บเศษซากความเสียหายเช่นกัน แถมมาเองในชุดลำลองด้วย!! เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่ฮ่องกง บริเวณเกาลูน ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายืนยันว่าตนออกมาช่วยเก็บกวาดท้องถนนจริง เพื่อให้ผู้คนได้กลับมาใช้ถนนได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง รวมถึงจัดการเก็บกวาดต้นไม้ที่พังลงมาด้วย ปกติแล้วการจะเห็นดาราในสถานการณ์แบบนี้ได้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการจัดอีเว้นท์หรือออกงานรวมตัวช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดาราผู้มีชื่อเสียงถึงจะออกมาทำอะไรแบบนี้ แต่สำหรับโจวเหวินฟะแล้วกลับไม่เป็นแบบนั้น… ส่วนถ้าใครที่คิดว่าเขามาสร้างภาพหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้ยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนนิสัยแบบนี้จริงๆ เพราะขนาดไปดูหนังที่ตัวเองแสดงเขายังต่อคิวซื้อตั๋วเหมือนคนปกติเลย นี่ขนาดเป็นถึงดาราระดับท็อปของฮ่องกงเลยนะเนี่ย!! นอกจากนั้นย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 เขายังได้ประกาศว่าถ้าเขาเสียชีวิตเมื่อไหร่ เขาจะบริจาคสมบัติมูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาทให้กับการกุศลอีกด้วย นับว่าเป็นดาราดังที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา มีแนวคิดการใช้ชีวิตดีๆ ไม่ถือตนยกสูง แม้ตัวเองจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหนก็ตาม ที่มา weixin
-
เด็กน้อยถูกเมินหลังที่ตกรถบัสไปโรงเรียน จนกระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา จัดไปน้องอ้าย!!
มันเป็นเรื่องยากนะ ที่เวลาอยู่ๆ มีคนแปลกหน้าเดินมาเคาะประตูบ้านและขอให้ช่วยเหลือหน่อย แล้วเราจะยอมยื่นมือไปช่วย เพราะด้วยความเราไม่รู้จักคนๆ นั้น เขาหวังดีหรือเปล่าก็ไม่รู้นั่นเอง เด็กชายในเรื่องราวครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเจ้าหนูคนนี้พลาดตกรถโรงเรียนและอาจจะไปโรงเรียนไม่ทันถ้าไม่มีคนไปส่ง หนุ่มน้อยเลยตัดสินใจไปเคาะประตูเพื่อนบ้านเพื่อให้พวกเขาไปส่งหน่อย แน่นอนว่าด้วยความที่สังคมเมืองนอกเพื่อนบ้านจะไม่ค่อยสนิทกันมากนัก พวกเขาจึงไม่รู้จักเจ้าหนูคนนี้และตัดสินใจไม่ไปส่ง หนุ่มน้อยทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าขอความช่วยเหลือไปหลายหลังก็ไม่มีใครช่วย จนกระทั่ง… พ่อพระมาโปรดของจริง ใจเขาหล่อสุดๆ Brian Smith ชายหนุ่มผิวสีคนหนึ่งเปิดประตูออกมา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคนเราตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เราก็จะคิดว่าชายคนนี้น่าตาน่ากลัวไม่เป็นมิตรแน่ๆ แต่ผิดแล้ว เราไม่ควรตัดสินกันแบบนั้น เพราะเขาคนนี้บอกว่า จัดไปน้อง เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง!! เขาได้เล่าเรื่องราวลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “หนุ่มน้อยคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านในตอนเช้า จนผมตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมพูดว่า เชรี่ยไรกันเนี่ย!! วินาทีที่เปิดไปเจอเด็กหนุ่มคนอ้อนวอนให้เขาไปส่งหน่อย พร้อมบอกว่าเขาตกรถโรงเรียน ไม่มีใครยอมไปส่งเลย ไปขอมาหลายบ้านแล้วด้วย ผมก็เลยบอกกลับไปว่า ไม่มีปัญหาเดี๋ยวพี่ไปส่งเองไอ้น้อง!! วินาทีนั้นผมไม่คิดอะไรเลย ขนาดฟันผมก็ยังไม่แปรงด้วยซ้ำ ผมหยิบกุญแจรถแล้วไปส่งเขาที่โรงเรียนทันที” Brian ปิดท้ายคอมเม้นว่า ไปหาความรู้เถอะไอ้น้องชาย นี่มันเป็นสิ่งที่พี่ชายจะทำให้ได้ พร้อมแฮชแทคว่าเด็กคืออนาคต…อื้อหือ คนดีสุดๆ จริงๆ งานนี้ชาวเน็ตก็ออกมาชื่นชม Brian กันเพียบเลยล่ะ…
-
หนุ่มจีนยอมงดเหล้า-บุหรี่ ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อช่วยชีวิตเด็กน้อยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน!!
เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ถูกพูดถึงและแชร์ต่อไปทั่วโลกโซเชียลของจีน หลังจากที่เว็บไซต์ jsnews ได้รายงานเรื่องราวคุณงามความดีของนาย ซุน ฮ่าวชิง หนุ่มวัย 39 ปี ผู้ยอมเปลี่ยนชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยวัย 4 ขวบ แม้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 หนุ่มจีนคนนี้มีโอกาสได้ไปบริจาคเลือด และเขาก็ได้ทราบว่ามีผู้ป่วยโรคเลือดจำนวนมากที่ต้องการไขกระดูก ด้วยจิตใจที่โอบอ้อมอารี เขาจึงได้ประสงค์ลงนามเป็นผู้บริจาคอวัยวะ แต่เรื่องราวของเขามันไม่จบเพียงเท่านี้… จนกระทั่งต่อมาเมื่อช่วงสิงหาคม ปี 2559 เขาได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ว่า มีผู้ป่วยเป็นเด็กวัย 4 ขวบคนหนึ่ง ต้องการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งผลเลือดของเขาก็ตรงกับเด็กน้อยคนนี้ แน่นอนว่าเจ้าตัวดีใจมากที่เขาจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทว่าผลการตรวจสุขภาพกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ ซุนเป็นคนที่มีนิสัยดื่มหนัก สูบหนัก และมักจะสังสรรค์อยู่เป็นประจำ ทำให้เขาต้องกลับมาฟื้นฟูสุขภาพตัวเองใหม่อีกครั้งถ้าหากต้องการจะเหลือผู้ป่วยจริงๆ บางคนอาจจะรู้สึกไม่ชอบที่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น แต่สำหรับซุน ฮ่าวชิง เขาเลือกที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมดเพื่อเด็กน้อยวัย 4 ขวบที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เขาหย่าขาดจากการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อีกทั้งยังตอนเวลาตี 5 เป็นประจำในทุกๆ เช้า เพื่อไปออกกำลังกายและควบคุมอาหารตลอดทุกมื้อ ด้วยความพยายามที่ตั้งใจมาหลายเดือน ในที่สุดผลตรวจสุขภาพก็ผ่านเกณฑ์…
-
จากผลวิจัยพบว่า “คนชอบอ่านหนังสือ” มีแนวโน้มเป็นคน “มีน้ำใจ” มากกว่าคนไม่อ่าน
เคยคิดบ้างไหมว่าเราจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้ยังไง หลายคนอาจจะคิดถึงวิธีการช่วยเหลือคนอื่น การไม่โกงกิน หรือจะต้องมีน้ำใจมากขึ้น อะไรทำนองนี้ แต่พวกคุณรู้กันไหมว่าการอ่านหนังสือก็จะส่งผลอ้อมๆ ให้คุณกลายเป็นคนที่ดีและมีน้ำใจได้ด้วยนะ!!? งงกันแล้วละสิว่ามันเกี่ยวอะไรกัน แต่เรื่องที่ว่ามานี้ไม่ได้มีการพูดกันออกมาส่งๆ หรอกนะ เพราะจากการศึกษาของทางมหาวิทยาลัย Kingston จากกรุงลอนดอนได้ความว่า คนทีอ่านหนังสือจะมีวิธีการแสดงออกทางสังคมที่ดีกว่าคนที่ไม่ได้อ่านหนังสืออีกด้วย ผลวิจัยดังกล่าวถูกทดลองในกลุ่มคน 123 คน จากกลุ่มคนที่อ่านหนังสือ และดูทีวี ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการทดสอบเกี่ยวกับทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์รวมถึงความรู้สึกของคนอื่นและเห็นสังเกตว่าพวกเขาทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรือไม่ จากผลที่ได้คนที่ชอบดูทีวีจะมีท่าทีเป็นมิตรและเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น น้อยกว่าคนที่ชอบอ่านหนังสืออย่างเห็นได้ชัด แต่ใช่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ เพราะหนังสือที่เราอ่านกันจะส่งผลต่ออารมณ์และการติดสินใจด้วยเช่นกัน ฉะนั้นจากผลการศึกษาก็ได้ผลว่าหนังสือประเภทนวนิยายจะส่งผลดีในด้านการเข้าสังคมและเป็นมิตรที่สุด ในขณะที่คนอ่านหนังสือแนวดราม่าหรือรักโรแมนติกจะเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นเป็นพิเศษ มากกว่าคนที่อ่านแนวอื่นๆ และจากการทดลองคล้ายๆ กันก็จะพบว่า คนที่ชอบอ่านหนังสือจะมีความคิดและความสามารถที่จะมองเห็นมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด แต่ทว่าคนที่สามารถทำคะแนนทดสอบได้มากที่สุดจะเป็นคนที่ตลกต่างหาก นักวิจัยยังบอกอีกว่านวนิยายจะส่งผลกับความสามารถในการเข้าใจสิ่งต่างๆ พอสมควร และยิ่งเป็นคนที่ชอบนวนิยายกับหนังสือแนวตลกควบคุ่กัน คนพวกนี้จะมีความสามารถในการเข้าถึงคนอื่นและมีน้ำใจมากที่สุด ท้ายที่สุดแล้ว #เหมียวมู่ทู่ อยากจะบอกว่าต่อให้ผลวิจัยว่ายังไง สุดท้ายก็ยังคงอยู่ที่ตัวเราเอง การอ่านหนังสืออาจจะช่วยในบางจุดและนับว่าเป็นส่วนเสริม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความการไม่อ่านหนังสือเราก็ไม่ใช่คนดีหรือไม่มีน้ำใจ แต่การกระทำของเราน้่นแหละจะบ่งบอกว่าเราเป็นคนยังไงนั่นเอง ถึงแม้อาจจะไม่สามารถชี้วัดได้อย่างทันทีทันใด แต่อย่างน้อยการเป็นคนรักการอ่านหนังสือมันดีจริงๆ นะ ที่มา independent
-
หนุ่มกลับบ้านเจอแฟนสาวนอนกับชู้ แต่ใจนิ่งมาก ถ่ายเซลฟี่เก็บไว้ให้รู้ว่าตรูเหนือกว่า!!
เรียกได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวอย่างของการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอมากที่สุด เมื่อกลับบ้านมาต้องพบว่าแฟนสาวตัวเอง เอาผู้ชายที่ไหนไม่รู้มานอนด้วย!? ถ้าคนทั่วไปอาจจะรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟจนถึงขั้นวางมวย หรือไม่ก็ต้องมีเลือดตกยางออกกันแน่ๆ แต่พ่อหนุ่มคนนี้มาเหนือชั้นกว่า เขาไม่ทำอะไรให้กระโตกกระตาก แค่ถ่ายเซลฟี่ลงเฟซฯ ก็พอแล้ว นี่คือภาพที่เจ้าตัวต้องกลับมาเจอกลางดึก ทั้งคู่หลับสนิทด้วยสภาพที่เมาหนัก จนแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ‘เมื่อคุณกลับบ้านมาเจอผู้ชายคนอื่นอยู่บนเตียงของคุณ กับคนที่คุณรัก… ผู้ชายที่ดีสมควรจะคู่กับผู้หญิงที่ดีว่ะ!!’ แคปชั่นจากหน้าเฟซฯ ของเจ้าตัว จากนั้นพ่อหนุ่มก็ถ่ายเซลฟี่เป็นที่ระทึกเก็บไว้ซะเลย หลังจากที่เจ้าตัวโพสต์รูปภาพดังกล่าว ก็มีชาวเน็ตส่งข้อความมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม จนเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจด้วยตนเอง ‘ผมได้รับข้อความให้กำลังใจนับพันจากคนทั่วโลก พวกเขาต่างแสดงความยินดีที่ผมเลือกที่จะเดินออกมา ยอมรับว่าตอนแรกผมรู้สึกอกหักเสียใจเอามากๆ แต่ด้วยกำลังใจจากทุกคนมันช่วยได้มากจริงๆ บางทีโลกก็ไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด มันไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปทะเลาะกับใครด้วยเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการที่มีคนชื่นชมทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ’ ข้อความจากแคปชั่น และล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์ให้ทุกคนรู้ว่า ‘ผู้ชายคนนี้ยังยิ้มได้อยู่นะ…’ ไม่เสียใจเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อย่างที่พี่เค้าบอก ‘คนดีสมควรที่จะคู่กับคนดี’ นั่นแหละนะ ที่มา: Cheezburger
-
พนักงานเสิร์ฟช่วยป้อนข้าวให้ลูกค้าผู้พิการ แบ่งเบาภาระของสามีเธอ ให้ได้ทานอาหารร่วมกัน
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจ เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่งได้ไปนั่งทางอาหารในร้านอาหารที่เมือง Springfield และก็ได้เห็นเข้ากับเหตุการณ์ที่พนักงานเสิร์ฟกำลังช่วยป้อนอาหารให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา Keisha Dotson ได้ทำการถ่ายภาพของพนักงานเสิร์ฟ Joe Thomas วัย 43 ปี จากร้าน IHOP ที่ตั้งอยู่ในเมือง Springfield รัฐ Illinois ขณะกำลังป้อนอาหารให้กับหญิงสาวผู้พิการคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็นำไปโพสต์ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์คพร้อมกับแคปชั่นเล่าเรื่องราวว่า “วันนี้ฉันได้พบเจอกับเหตุการณ์สุดประทับใจ จากพนักงานเสิร์ฟของร้าน IHOP…. ขณะที่คู่สามีภรรยาชายแก่และหญิงสาวผู้พิการกำลังนั่งทางอาหารอยู่ จากนั้นพนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะนั้น และเสนอตัวเพื่อช่วยป้อนอาหารให้กับหญิงพิการ เพื่อให้สามีได้พักไปทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ” และมันก็กลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ มีคนกดไลค์มากกว่า 10,000 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 5,000 ครั้งเลยทีเดียว นาย Joe เล่าว่าผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นป่วยเป็นโรค Huntington ที่จะทำให้การพัฒนาการทางร่างกายล้มเหลว เป็นสาเหตุที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ขณะที่กำลังทานอาหารอยู่สามีของเธอก็จะต้องลุกเดินขึ้นมาเพื่อป้อนอาหารให้กับเธอบ่อยครั้งด้วยความทุลักทุเล หลังจากที่เห็นดังนั้นนาย Joe ก็อยากที่จะให้พวกเขาได้ทานอาหารอย่างมีความสุขด้วยกัน “ผมมักจะเห็นเขาหยุดกิน แล้วก็ลุกขึ้นไปป้อนอาหารให้กับภรรยา และผมก็รู้สึกว่า ‘มันจะต้องแย่แน่ๆ ถ้าเราไม่ทำอะไรซักอย่าง’ ทำไมเราไม่เดินเข้าไปช่วยป้อนอาหารให้เธอ…
-
คุณแม่ลูกสองไม่มีเงินเช่าบ้าน เจ้าของยอมให้อยู่ฟรี เงื่อนไขเดียวคือ.. ‘ต้องเรียนให้จบ’ !!
ปัจจุบันโลกของเรานั้นมีเรื่องราวแย่ๆ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข่าวสงคราม หรือข่าวการก่อการร้าย ก็มีให้เห็นในทุกวัน แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวดีๆ ของคนจิตใจที่ ที่พร้อมจะให้ผู้อื่นอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าถึงแม้จะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ^^ Pearl Zambrano เป็นพนักงานที่ถูกไล่ออกจากบริษัทโดยมีสาเหตุเพื่อลดค่าแรงงาน และเนื่องจากว่าเธอยังเรียนไม่จบ จึงทำให้หางานทำไม่ได้ จนกลายเป็นคนไร้บ้านในที่สุด ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอเลยแม้แต่คนเดียว และสิ่งที่ทำให้ชีวิตเธอยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือเธอจะต้องคอยดูแลลูกอีกสองคนด้วยตัวเอง ในวันเกิดที่ผ่านมา คุณ Zambrano ได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปหาคุณ Rafael Trevino ที่เคยเป็นเจ้าของบ้านเช่าเก่าของเธอเพื่อขอความช่วยเหลือ และคุณ Rafael ก็ได้ให้ความช่วยเหลือโดยมอบที่อยู่อาศัยให้กับเธอและลูกๆ อยู่แบบฟรีๆ คุณ Zombrano ก็เลยเสนอชื่อเจ้าของบ้านไปยังรายการแข่งขันที่ชื่อว่า Pay It 4Ward (เป็นรายการที่สามารถเสนอชื่อคนดีๆ ให้กับทางรายการแล้วเขาก็จะมอบเงินให้เป็นการตอบแทน) ปรากฎว่าเขาชนะและได้รับเงินรางวัลกว่า 13,000 บาท และเขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าผู้เช่าของเขานั้นจะทำอะไรแบบนี้ คุณ Zambrano นั้นได้บอกสาเหตุของการทำแบบนี้เพราะว่าเธอไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้เจ้าของบ้านได้ในทีเดียว และได้เสนอว่าจะค่อยๆ ทะยอยคืนเงินให้ทีละนิดๆ แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับมัน คุณ Rafael บอกว่าสิ่งที่เขาอยากได้เป็นค่าเช่านั้นก็คือการได้เห็นเธอตั้งใจเรียนจนจบ…
-
นาทีอบอุ่นหัวใจ หนูน้อยมะกันแบ่งอาหารในจานให้กับคนเร่ร่อน ที่นั่งหิวอยู่นอกร้าน
นี่คือเรื่องราวของหนูน้อยใจดี Ella Scott ที่โด่งดังในโลกออนไลน์ของต่างประเทศในขณะนี้ สำหรับหลายคนที่ยังไม่รู้จักเธอ ลองมาดูเรื่องนี้กัน… โดยเว็บไซต์เดลีเมล์ได้รายงานว่าหนูน้อย Ella และคุณพ่อ Eddie ได้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังนั่งกินอาหารอยู่ภายในร้านนั้นเอง เด็กน้อยก็สังเกตเห็นว่าที่ด้านนอกร้านมีคนเร่ร่อนนั่งอยู่ 1 คน เธอจึงเกิดความสงสารและขออนุญาตคุณพ่อเพื่อนำเอาอาหารของเธอไปให้กับคนเร่ร่อนได้กิน จากนั้นเธอจึงเดินออกไปนอกร้านพร้อมกับถือจานสเต็กไปให้เขา หลังจากนั้น Ella ก็กลับเข้ามาในร้านอาหารและนั่งตรงข้ามกับพ่อของเธอ พ่อเลยบอกกับลูกสาวว่า “เก่งมาก Ella หนูสุดยอดมาก พ่อคิดว่าหนูทำให้เขามีความสุขมากนะวันนี้ หรืออาจจะมีความสุขไปทั้งสัปดาห์เลย มันทำให้หนูรู้สึกยังไงบ้าง?” หนูน้อย Ella ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “หนูชอบนะคะ” คุณพ่อ Eddie จึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายคลิปทั้งหมดแล้วนำมันมาเผยแพร่ลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง พร้อมกับบอกว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้สอนลูกของเขาให้เห็นใจเพื่อนมนุษย์และมอบโอกาสให้กับคนที่ยากไร้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมืองอย่างนิวยอร์กก็ตาม . คลิปที่คุณพ่อถายทอดออกมา แบ่งปันให้กับสังคมได้เห็นแง่มุมดีๆ แหม่ ต้องเลี้ยงลูกยังไงถึงจะเติบโตมาเป็นคนดีของสังคมแบบนี้ น่าชื่นชมคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ขัดเกลาให้เธอเป็นคนน่ารักแบบนี้จริงๆ…
-
พ่อพระบังเกิด…พลเมืองดีช่วยเข็นรถสกู๊ตเตอร์ให้กับผู้พิการ ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ
ในยุคที่เกิดเหตุก่อจลาจล การก่อการร้าย และอะไรๆ ก็ดูจะไม่เป็นมิตรกับเราสักเท่าไหร่ แต่คุณก็อย่าเพิ่งหมดศรัทธากับมนุษย์ไปนะ เพราะคนดีๆ ยังมีอยู่อีกเยอะล่ะ วันนี้ #เหมียวฟิ้น จะพาทุกคนไปดูคลิปการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ชวนอิ่มเอมใจ จากช่องยูทูบ Penelope Derksen คำอธิบายคลิปบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา คลิปเผยให้เห็นภาพของชายคนหนึ่งกำลังขี่สกู๊ตเตอร์สำหรับคนพิการและชราไปตามถนน แต่เนื่องจากถนนมีความลาดชันมาก ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นไปได้โดยง่าย ประกอบกับในตอนนั้นมีพายุฝนโหมกระหน่ำลงมา ทำให้เขาติดอยู่ตรงถนนไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ แต่โชคดีที่มีพลเมืองดีขับรถผ่านมา และจอดเพื่อลงไปช่วยเข็นสกู๊ตเตอร์ให้กับชายคนนั้นเป็นเวลาประมาณ 5 นาที ทำให้ร่างกายของเขาเปียกฝนไปด้วย พร้อมกันนี้เจ้าของคลิปยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “แค่อยากจะขอบคุณในการตอบสนองที่รวดเร็วของเขา เขาช่วยผู้ชายคนนั้นเสร็จก่อนที่ผมจะใส่รองเท้าเสร็จซะอีก” . ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย คลิปนี้ได้รับคำวิจารณ์ได้แง่ต่างๆ มากมาย ทั้งชื่นชมในความมีน้ำใจ และคำตำหนิที่บอกว่าคนถ่ายคลิปควรจะออกไปช่วยพวกเขา แทนที่จะเอาแต่ถ่ายคลิปอย่างเดียว Lorita Gainford “ขอบคุณสำหรับความเป็นสุภาพบุรุษที่ใส่ใจกับคนพิการด้วย” Don Orchard “ความเมตตาไม่ได้มีเกิดขึ้นกับทุกๆ คน มีแค่ในบางคนเท่านั้นแหละ และมีน้อยคนที่จะมีความเป็นสุภาพบุรุษ” Abdel Hegazi “ผมมั่นใจว่าคนอีกเป็นพันน่าจะคิดแบบเดียวกับผม คือถ้าคนที่บันทึกคลิปนี้ยื่นมือเข้าไปช่วย…
-
‘เจ้าหมาป่า’ ถูกรถชนบาดเจ็บ โชคดีที่มีคนมาช่วยพร้อมพาส่งกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
พูดถึงหมาป่า หลายๆ คนคงคิดว่ต้องอยู่แค่ในป่าเท่านั้นก็ถูกต้องแล้วล่ะ แต่บางทีก็มีคนเอามาเลี้ยงนะ หรือไม่ก็บางครั้งพวกมันอาจจะพลัดหลงมาด้วยก็มี หมาป่าที่ #เหมียวขี้ส่อง จะพามาดูวันนี้เป็น หมาป่าพันธุ์อาราเบียน จะพบได้ในประเทศอิสราเอล จอร์แดน และซาอุดีอาระเบีย มันมีขนาดเล็กกว่าหมาป่าในอเมริกันกับยุโรป ลักษณะคล้ายกับหมาธรรมดาทั่วไปเนี่ยแหละ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจมันซักเท่าไร เมื่อปีที่แล้วในประเทศอิสราเอล หมาป่าถูกรถชนจนขาหัก แทนที่คนชนจะลงมาดู แต่กลับปล่อยให้มันทรมานอยู่อย่างนั้น แล้วมันก็เดินกะโผลกกะเผลกไปตามถนน มันคงจะไม่รอด ถ้าไม่เจอคนใจดีคนหนึ่งที่หยุดรถลงไปช่วยมัน แล้วพาไปส่งโรงพยาบาล สวัสดี เราชื่อ Oliel สิ่งที่สัตวแพทย์เห็นจากการ X-rays คือเราขาหัก คุณหมอจึงทำการผ่าตัดให้เรา เราถูกวางยาสลบตอนผ่าตัด แผลเรายังไม่หายดี เราเลยต้องอยู่ในกรงก่อน เราดูน่ากลัวใช่มั้ยล่าาาาา (เป็นวิธีที่ไม่ดีสำหรับหมาป่า) หลังจากเวลาผ่านไปนานถึงสี่เดือน เราก็แข็งแรงพอที่จะกลับไปยังป่าได้ พวกเค้ายกกรงของเราขึ้นรถ เราไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ (น่ากลัวจุง T T) นี่เค้าจะพาเราไปไหนน้าาาาา ในที่สุด ก็มาถึงแล้วล่ะ แล้วเค้าก็เอากรงของเราลงจากรถ พอเปิดประตูออกมาเท่านั้นแหละ!! ผ่างงง!! เอ๊ะ…
-
10 นักแสดงที่เคยเป็น “ตัวร้าย” พอพลิกบทเป็นคนดี เปลี่ยนเป็นคนละคน เกือบจะจำไม่ได้!!
นักแสดงที่ดีนั้นต้องเล่นได้หลากหลายบทบาท ทั้งตัวโกงและพระเอกก็ต้องทำออกมาให้ผู้ชมเชื่อว่าเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งบางทีเราก็จำไม่ได้เลยว่านักแสดงคนนี้เคยเป็นตัวร้ายหรือเป็นคนดีมาก่อนรึเปล่า และวันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปพบกับ 10 นักแสดงมากความสามารถที่พอเปลี่ยนบทบาทแล้วคนจะทำไม่ได้เลยว่าพวกเขาคือคนคนเดียวกัน Anthony Hopkins The Silence of the Lambs (1991) / Thor (2011) Charlize Theron Snow White and the Huntsman (2012) / Mad Max: Fury Road (2015) Brad Pitt Fight Club (1999) / Troy (2004) Arnold Schwarzenegger Terminator (1984) / Kindergarten Cop (1990) Gary Oldman Dracula (1992) / Harry Potter and the Order of the Phoenix (2007) Ralph Fiennes Harry Potter and the Deathly Hallows: Part…
-
เยี่ยมมาก!! วินมอไซค์โพสต์ตามหาผู้โดยสารสาว หลังจ่ายเงินเกินเกือบพัน
นี่ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้#เหมียวฟิ้นยังไม่หมดศรัทธาในคนไทยล่ะนะ เพราะนี่คือเรื่องราวของพี่วินมอเตอร์ไซค์รายหนึ่งที่ได้รับเงินค่าโดยสารเกินมาจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเองแถมยังมาประกาศหาเจ้าของในโลกออนไลน์อีกด้วย เมื่อช่วงดึกของวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ปืน ขวางหวัน ได้โพสต์ข้อความตามหาผู้โดยสารสาวที่จ่ายจ่ายโดยสารเกินมาเกือบ 1 พันบาท โดยระบุว่าค่าโดยสารที่แท้จริงแล้วเพียงแค่ 120 บาทเท่านั้น แต่ผู้โดยสารหยิบแบงค์พันให้โดยที่ไม่ทันดู จึงกลายเป็นว่าผู้โดยสารจ่ายเงินให้เขา 1,020 บาท บวกกับบริเวณนั้นเป็นที่มืดทำให้เจ้าตัวรับมาโดยไม่ทันสังเกต พี่วินมอเตอร์ไซค์จึงต้องโพสต์ตามหาเจ้าของเงิน เพื่อให้มารับเงินคืน อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลยจ้า ประกาศน่ะครับ(ฝากถึง เผื่อพี่ ผญ. คนนั้นจะมาเห็น) ผู้โดยสารที่เป็นพี่ผู้หญิงที่ได้ใช้บริการวินมอเตอร์ไซที่ไห้ผมไปส่งตรง … โพสต์โดย ปืน ขวางหวัน บน 25 มีนาคม 2016 แต่หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวที่ชื่อว่า พันธมน พลตรี เข้ามาโพสต์ข้อความเพื่อแสดงตัวว่าเป็นผู้โดยสารเจ้าของเงินดังกล่าว โดยบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ให้และขอบคุณมากที่น้องมาส่งพี่ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย พี่ยังเหลือตังค์อยู่ในกระเป๋าอีกพันนึง ขอบคุณที่ตามหานะคะ” นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าคนดีๆ ยังไม่หมดไปจากสังคมไทยนะ…
-
[ทำดีมีแชร์] หนุ่มรับมอเตอร์ไซค์จ้าง จ.ชลบุรี ขอทำดี ขี่รถส่งผู้โดยสารในวันเกิดแบบไม่คิดตังค์
เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพของหนุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างรายหนึ่งผ่านเฟซบุ๊กเพจ เรารักพัทยา ที่บริเวณสี่แยกทางรถไฟ ซ.หนองเกตุน้อย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่ขอทำดีด้วยการขี่รถส่งผู้โดยสารแบบไม่คิดตังค์เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ตามรายงานบอกว่าพ่อหนุ่มรายนี้มีชื่อว่านายอรัน วงค์ชาลี อายุ 27 ปี พื้นเพเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา แต่ย้ายมาอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรีได้ 11 ปี ปัจจุบันทำอาชีพเป็นพนักงานโรงแรม และขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นอาชีพเสริมโดยในแต่ละปีเขามักจะฉลองวันคล้ายวันเกิดด้วยการกินดื่มกับเพื่อนๆ เป็นประจำ มาปีนี้นายอรันอยากจะลองทำดีกับเขาดูบ้าง จึงขอหยุดงานโรงแรม และมาขับมอเตอร์ไซค์ส่งผู้โดยสารฟรีๆ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 17.00 น. พร้อมติดป้ายไว้หน้ามอเตอร์ไซค์ว่า “9 มกราคม 2559 วันเกิดผม บริการส่งฟรี ทำดีอุทิศบุญให้แม่ วินมอเตอร์ไซค์ พัทยา สี่แยกทางรถไฟหนองเกตุใหญ่” ทำดีไม่อายใครแบบนี้ เหมียวขอชื่นชมและป่าวประกาศให้โลกรับรู้เลยจ้า ที่มา tnews , 77jowo
-
ชาวเน็ตชื่นชม คนขับแท็กซี่ใจบุญ บริการขับรถรับ-ส่งผู้ป่วยฟรี พร้อมทิ้งเบอร์ให้จองคิว
เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอของคนขับรถแท็กซี่รายหนึ่ง ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ สุวรรณฉัตร พรหมชาติ เป็นคลิปขณะที่คนขับแท็กซี่กำลังอุ้มผู้โดยสารชายชราคนหนึ่ง ที่ท่าทางอ่อนแรงไปส่งที่บ้านในซอยลึก พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “ทุกๆบุญ ที่ผมได้ลงมือทำ ขอให้ผู้ร่วมบุญปิดทองหลังพระ ชีวิตมีแต่ความสุข ความเจริญครับ รู้วันหมอนัด จองคิวเลยครับ 087-331-5421 ไปและกลับฟรีครับ” หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีสมาชิกในโลกออนไลน์พากันกดไลค์และกดแชร์อีกมากมาย ทั้งนี้ยังมีข้อความอวยพรให้แก่คนขับแท็กซี่อย่างล้นหลามทีเดียว แม้จะเป็นความดีเล็กๆ แต่เหมียวก็อยากจะส่งต่อให้เพื่อนๆ ชาวเหมียวได้อ่านกัน จะได้เห็นว่าสังคมนี้ยังไม่แล้งน้ำใจเสมอไปยังไงล่ะ ที่มา สุวรรณฉัตร พรหมชาติ
-
ชาวเน็ตชื่นชม เด็กสาวซื้อน้ำให้หญิงชราขอทาน โดยไม่มีท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด…
ในยุคปัจจุบันที่ทุกคนทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่โหดร้าย ผู้คนต่างเมินเฉยซึ่งกัน น้ำใจอาจกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างเช่นเรื่องราวของเด็กสาวมากน้ำใจคนหนึ่ง ที่ถูกเล่าบนเฟสบุ๊คของคุณ Pound Nutthakrit ที่เหมียวรับรองว่าถ้าใครได้อ่าน จะได้ชื่นชมในความดีงามของเธอแน่นอน โดยเจ้าของเฟสบุ๊คเล่าว่า ขณะที่พวกเขาไปหาเงินบริจาคทำค่ายจิตอาสาที่บริเวณห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต เขาได้เห็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ซื้อน้ำเปล่าไปมอบให้กับขอทานหญิงชราที่นั่งอยู่บริเวณนั้น พร้อมทั้งพูดคุยอย่างไม่รังเกียจ จนทำให้เขาต้องนำความดีของเธอนั้น มาเล่าต่อบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค นอกจากหน้าตาดีแล้ว จิตใจยังดีมากอีกนะครับเนี่ย เหมียวขอชื่นชมจากใจเลย เห็นมั้ยละการทำดีไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดหรอก ขอแค่ทำสิ่งเล็กๆน้อยๆ เหมียวว่าซักวัน ความดีนั้นจะต้องการเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ^^ ที่มา Pound Nutthakrit
-
โลกออนไลน์แชร์เรื่องราวดีๆของเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษ บนรถเมล์สาย 108
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆที่แอดเหมียวรู้สึกหัวใจพองโตเลยเมื่อได้อ่าน เพราะนี่เป็นเรื่องราวของสมาชิกเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Pattarapora Teppajan โดยเจ้าตัวได้เล่าว่าเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา เธอได้พบเจอกับเหตุการณ์เล็กๆเหตุการณ์หนึ่งขณะที่กำลังนั่งรถเมล์สาย 108 กลับบ้าน แต่ในระหว่างนั้นกลับเจอกับสายตรวจพิเศษกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ และได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่รายหนึ่งตะโกนถามยายเนื้อตัวมอมแมมว่าจะเดินทางไปไหน พร้อมกับประคองคุณยายจากกลางถนนจนขึ้นรถเมล์ พร้อมกันนี้ยังได้ตะโกนคุยกับเพื่อนอีก 2 คนเพื่อขอให้ช่วยโบกรถให้คุณยายด้วย จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำเอาชาวเน็ตถึงกับซาบซึ้งในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษรายดังกล่าว และพากันชื่นชมความมีน้ำใจของพวกเขาอีกด้วย แม้ชีวิตของเราจะถูกเร่งรีบด้วยสภาวะแวดล้อมและภาระหน้าที่ต่างๆ แต่ก็อย่าปล่อยให้จิตใจของเราเร่งรีบจนไม่ทันมองสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัวนะ ที่มา Pattarapora Teppajan
-
รวมภาพที่จะทำให้คุณอบอุ่นใจ ว่าโลกนี้ยังมีคนดีเหลืออยู่อีกมากมาย..
ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการแก่งแย่งชิงดีซึ่งกันและกัน น้ำใจอาจเป็นสิ่งที่ถูกหลงลืมไปจากสังคม แต่ไม่ใช่กับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์เสมอมา ชายคนนี้แบกร่มขนาดใหญ่กันฝนให้กับคุณยาย ช่วงพักเที่ยง ชายคนนี้จะอ่านหนังสือให้กับผู้ร่วมงานอีกคนที่อ่านหนังสือไม่ออกเสมอ ลุงคนนี้พาเต่าออกจากจุดอันตราย หญิงชาวอียิปต์สอนหนังสือให้กับเด็กไร้บ้าน ชายคนนี้ช่วยโลมาที่เกยตื้นให้กลับไปยังทะเล นักวิ่งช่วยนักวิ่งอีกคนระหว่างการแข่งขัน ชายไร้บ้านนำแหวนแต่งงานที่ผู้หญิงคนนี้ทำตกมาคืน พนักงานร้านของเก่าพบเงินกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 150,000 บาทในตู้เย็น เขาจึงนำไปคืนเจ้าของ ตำรวจคนนี้นำอาหารกลางวันมาให้คนไร้บ้าน นักรักบี้ชื่อดังมาเยี่ยมแฟนตัวน้อยของเขาที่โรงพยาบาล ช่างตัดผมมาตัดผมให้คนไร้บ้านฟรีทุกวันอาทิตย์ ชายคนนี้ยอมตกรถไฟเพื่อช่วยยายคนนี้ลงบันได ชายคนนี้ยอมเป็นเก้าอี้ให้ผู้สูงอายุในลิฟต์ ผู้โดยสารช่วยกันดันรถไฟ เพื่อช่วยคนที่ติดอยู่ออกมา ชายคนนี้เวลาเลิกงาน จะนำอาหารที่เหลือ มาแจกคนไร้บ้านเสมอ นักวิ่งมาราธอนช่วยบริการน้ำให้กับนักวิ่งพิการ หญิงคนนี้นำอาหารกลางวันมาแบ่งคนไร้บ้านเสมอ ชายคนนี้คอยกระตุ้นผู้เข้าแข่งขันอีกคนเพื่อให้เขาไปถึงเส้นชัย เจ้าของรถลืมปิดกระจก พลเมืองดีจึงนำแผ่นพลาสติกมาปิดกระจกไว้ เพื่อไม่ให้น้ำเข้า …