Tag: คนพิการ
-
บริษัทผลิตเสื้อผ้าสุดเจ๋ง กับการออกแบบเสื้อผ้าตามแฟชั่นที่สร้างเพื่อคนพิการโดยเฉพาะ!!
แบรนด์เสื้อผ้าส่วนใหญ่นั้น มักจะมีสไตล์การออกแบบเป็นของตัวเองเสียส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีความสวยแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ส่วนใหญ่มักจะออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนทั่วไปๆ ไม่ใช่กลุ่มคนพิการ และเพื่อตอบโจทย์ตรงนั้น Tommy Hilfiger ดีไซเนอร์ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ดังตามชื่อของเขา ก็เลยตัดสินใจออกสินค้าไลน์ใหม่ด้วยคอนเซ็ปต์เพื่อคนพิการโดยเฉพาะออกมา เพื่อความเท่าเทียมและสะดวกสบายในแบบที่หาได้ยากในแฟชั่นปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะเพศไหน อายุเท่าไหร่หรือพิการยังไง ทาง Tommy Hilfiger ก็จัดการให้หมดแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องอยู่บนรถเข็น การถอดส่วนล่างมันเป็นอะไรที่ลำบากพอตัวเลยใช่ไหม? ไม่มีปัญหา แบรนด์นี้ออกแบบมาใหม่ให้คนพิการช่วงล่างถอดกางเกงหรือกระโปรงได้ง่ายขึ้นแล้ว นั่นยังรวมไปถึงคนที่พิการขา 1 ข้างเช่นกัน ทางแบรนด์ดังได้วางแผนมาให้เรียบร้อย สวยได้และสบายด้วย จากเดิมที่การดึงออกมันยุ่งยาก ดีไซเนอร์ชื่อดังก็เลยเปลี่ยนมันกระดุมตลอดช่วงขาแทน ของผู้ชายก็มีนะ แถมยังไม่ใช่แค่ส่วนกางเกงเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นกระดุมแม่เหล็ก แกะง่ายๆ แค่ดึงออก ใช้แรงไม่มากแต่ทนทาน . นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบรนด์ Tommy Hilfiger เลือกจะออกสินค้าสำหรับผู้พิการ ในปี 2016 แบรนด์ดังกล่าวได้เคยออกแบบสินค้าเพื่อเด็กๆ พิการมาแล้ว แต่ครั้งนี้เขาได้ออกแบบมันเพื่อคนทุกวัยและพิการทุกรูปแบบ!! สุดท้ายแล้วเขาก็คาดว่าสินค้าเพื่อนคนพิการของเขานี้จะเป็นสัญญาณที่ดี…
-
ชายตาบอดถึงกับน้ำตาซึม หลังเขาและสุนัขนำทางถูกปฏิเสธ ไม่ให้นั่งที่สำหรับคนพิการ
ความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าหากว่ามันได้กลายเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นเหมือนอย่างที่ชายคนนี้ต้องเจอด้วยแล้ว ผลกระทบที่ตามมาอาจทำให้ใครบางคนถึงกับหมดกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปเลยก็ได้ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนช่วงปลายเดือนมีนาคม 2018 ในประเทศอังกฤษ เมื่อชายตาบอดวัย 37 ปีที่ชื่อว่า Amit Patel และ Kika น้องหมาที่คอยนำทางให้กับเขา ทั้งสองได้ไปใช้บริการของขบวนรถไฟ Southeastern ในตอนที่มีผู้โดยสารอยู่เป็นจำนวนมาก Amit ชายตาบอด และ Kika สุนัขนำทางของเขา แน่นอนว่าด้วยความที่เขาเป็นคนตาบอดมาตั้งแต่ 5 ปีก่อนเพราะอาการตกเลือดบริเวณด้านหลังดวงตา เขาจึงตั้งใจว่าจะเข้าไปนั่งขบวนสำหรับคนพิการโดยมีน้องหมาเป็นคนนำทางให้ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ตัวเองได้เจอ เมื่อผู้โดยสารในขบวนนั้นไม่ยอมลุกให้เขานั่งเลยแม้แต่คนเดียว Amit รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เขานำเรื่องราวดังกล่าวกลับไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง พร้อมกับเผยแพร่ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “ผมรู้สึกว่าพวกเขาเห็นแก่ตัวเหลือเกิน ทุกคนทำเป็นเหมือนไม่เห็นหรือไม่ได้ยินในตอนที่ผมถามว่ามีที่นั่งตรงไหนว่างบ้างมั้ย” กล้องที่ติดอยู่เผยให้เห็นว่า ไม่มีใครยอมลุกให้กับเขาเลย ในตอนนั้นชายตาบอดถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับในมือที่ถือของและสายจูงน้องหมานำทางอยู่ เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนที่เขาออกคำสั่งให้เจ้า Kika ไปหาที่นั่งให้กับเขา เจ้าหมากลับไม่อาจทำอย่างนั้นได้ เพราะไม่มีใครยอมลุกให้เขานั่งเลย วันนั้น Amit รู้สึกแย่มากๆ ฝนก็ตกทำให้พื้นในรถไฟเปียกและลื่นไปหมด เจ้าหมาคอยที่จะไถลไปตลอดเวลา แต่มันก็พยายามที่จะดูแลเขาให้ดีที่สุด มันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่า…
-
โลกออนไลน์แชร์ภาพ “ทางเท้าคนตาบอด” ที่วางแบบผิดๆ แถมยังมีสิ่งกีดขวางอีกเพียบ!?
ตามทางเท้าหรือฟุตปาธ เรามักจะได้เห็นกระเบื้องที่นูนๆ ขึ้นมาจากพื้น ที่เรียกว่า Braille Block นั่นก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าผู้พิการทางสายตา ให้สามารถเหยียบไปตามเส้นนูนได้อย่างปลอดภัย แต่หากเส้นนูนเหล่านั้นมันดันนำทางไปผิดที่หรือมีอะไรมากีดขวาง นั่นก็อาจหมายถึงอาการบาดเจ็บที่ผู้พิการต้องเจอนั่นเอง ภาพตัวอย่าง Braille Block จากญี่ปุ่น ล่าสุด#เหมียวฟิ้นได้ไปเจอเข้ากับภาพชุดหนึ่งจากเพจ The Sidewalk โลกกว้าง ข้างทางเท้า เป็นภาพทางเท้าบริเวณซอยพหลโยธิน 11 ที่วางกระเบื้องแบบแปลกๆ จนอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ จากข้อมูลบอกว่ากระเบื้อง Braille Block นั้นมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือแบบที่เป็นเส้นนูนๆ เพื่อบอกให้ผู้พิการรู้ว่าต้องเดินตรงไปข้างหน้า ส่วนแบบที่เป็นเส้นจุดๆ นั้นบอกให้รู้ว่าต้องหยุดระวัง ซึ่งแบบหลังมักถูกนำไปวางไว้บริเวณที่เป็นทางแยกหรือจุดเลี้ยว แต่จากชุดภาพดังกล่าวจะเห็นได้ว่า Braille Block นั้นมีการขาดช่วง วางผิดตำแหน่ง มีสิ่งกีดขวาง หรือหักเลี้ยวแบบกะทันหัน อย่างเช่นภาพนี้ หากมีคนตาบอดเดินมาก็มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะชนเสาไฟฟ้า หรือถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจสร้างความสับสนได้ ว่าควรจะไปทางไหนดี แบบนี้น่าจะชนแบบ 100% หรือการออกแบบทางเท้าที่เล็กเกินไปจนทำให้เดินไม่สะดวก …
-
หญิงสาวได้รับโน้ตต่อว่าจากคนแปลกหน้าหลังจอดรถที่คนพิการ ซึ่งเขาตัดสินคนแค่ภายนอก
หากพูดคำว่า “พิการ” ขึ้นมา ภาพที่หลายคนคิดนั้นจะต้องเป็นภาพผู้คนที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น เก้าอี้เข็น ขาเทียม หรือไม้ช่วยพยุงเดิน เป็นต้น เนื่องจากความลำบากของผู้พิการ จึงมีการสงวนพื้นที่และการบริการบางอย่างไว้ให้ เช่น ห้องน้ำ ที่จอดรถ และที่นั่งโดยสาร เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว แน่นอนว่าหากใครเข้าไปแอบใช้พื้นที่อันสงวนไว้ให้คนพิการล่ะก็จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนชอบเอาเปรียบหรือไม่ก็เป็นคนมักง่าย แต่นั่นไม่ใช่กับเหตุการณ์นี้ เมื่อภรรยาของ Alan Tanner นามว่า Julie พร้อมลูกสาว Paige ได้ขับรถเข้าไปจอดบนที่สำหรับคนที่พิการ ขณะที่พวกเขาลงไปจับจ่ายซื้อของในบริเวณนั้น แต่เมื่อพวกเขากลับมายังรถ พวกเขาก็พบว่ามีใครบางคนทิ้งโน้ตเอาไว้ให้ โดยเขียนประมาณว่า การจอดรถในพื้นสำหรับคนพิการของพวกเขาจะถูกรายงานกับตำรวจ เนื้อหาในโน้ตดังกล่าวเขียนว่า… “พวกคุณจะถูกแจ้งตำรวจในการที่เข้าไปใช้พื้นที่สงวนอย่างผิดกฎหมาย ฉันเป็นพยานได้ว่าเห็นพวกคุณและลูกสาวที่ร่างกายปกติ จอดรถตรงนี้เวลา 13.10 น. ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2018 และเดินไปซื้อของอย่างสบายใจโดยไม่มีลักษณะของความพิการเลยสักนิด พฤติกรรมเห็นแก่ตัวแบบนี้ ถือเป็นการกีดกันไม่ให้ผู้พิการสามารถหาที่จอดได้” ทั้งนี้ Alan ก็ได้นำโน้ตที่ได้มาถ่ายรูปและโพสต์ลงเฟซบุ๊กของเขาว่า “ผมต้องโพสต์สิ่งนี้ให้ได้ นี่คือโน้ตที่ภรรยาผมได้รับมาจากรถของเธอในวันนี้ ขณะที่ไปย่าน Woodley กับ Paige ภรรยาของผมขับรถไปจอดในที่คนพิการ ซึ่ง Paige…
-
ทีมวิจัยประดิษฐ์ ‘แขนกลอัจฉริยะ’ ที่ช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาเล่นเปียโนได้อีกครั้ง!!
ในชีวิตของคนเรามักมีจะมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ รวมถึงเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ได้ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหากมีการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าโชคดีไป แต่สำหรับบางคนการเกิดอุบัติเหตุอาจจะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเลยก็ได้ และด้วยจำนวนผู้พิการมากขึ้นบนโลกใบนี้ทุกวัน ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งได้ผลิตอวัยวะเทียมขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้พิการเหล่านี้ และสิ่งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาก็คือแขนเทียมอัจฉริยะที่มีชื่อสุดเท่ว่า Luke Skywalker เพราะว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครในเรื่อง Star Wars นั่นเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาก็ไม่ใช่แขนเทียมธรรมดาๆ ที่สามารถหยิบจับได้เท่านั้นเพราะว่ามันมีความแม่นยำถึงขนาดเล่นเปียโนได้เลยทีเดียว!! Jason Barnes ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเสียแขนข้างขวาตั้งแต่ช่วงศอกลงไป ให้กับอุบัติเหตุไฟฟ้าดูดในระหว่างการทำงานเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน แต่ว่าในตอนนี้เขาได้เป็นผู้ทดลองแขนเทียมที่ออกแบบโดยบริษัท Georgia Tech ซึ่งผู้วิจัยกล่าวเอาไว้ว่าแขนเทียมอันนี้สามารถควบคุมได้ยันนิ้วมือของผู้สวมใส่เลยก็ว่าได้ และสิ่งที่ทำให้แขนเทียมอันนี้แตกต่างจากแขนเทียมทั่วไปที่อยู่ตามท้องตลาดก็คือ อุปกรณ์ชนิดนี้จะใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อใช้ในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของร่างกาย จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนไหวนิ้วมือได้อย่างที่ใจต้องการนั่นเอง และถึงแม้ว่า Jason จะไม่มีมือและแขนช่วงล่างของเขา แต่ว่าเขาก็ยังคงมีกล้ามเนื้อและเส้นประสาทอยู่ ทำให้เขาเหมาะสมสำหรับการทดลองนี้ที่สุด ส่วนวิธีการที่จะทำให้แขนเทียมนี้กลายเป็นแขนเทียมอัจฉริยะได้ ก็คือการนำอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงไปติดไว้บนแขนเทียม จากนั้นนักวิจัยก็จะสามารถเห็นกล้ามเนื้อของ Jason ได้อย่างชัดเจนเมื่อเขาพยายามจะขยับไปในทิศทางต่างๆ จากนั้นพวกเขาก็จะป้อนการเคลื่อนไหวต่างๆ ของกล้ามเนื้อลงไปในอัลกอริทึม และมันจะส่งผลให้ Jason สามารถเคลื่อนไหวไปในทางที่เขาต้องการ รวมทั้งยังสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น “แขนเทียมของพวกเราใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูง และด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้แขนเทียมจะสามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่ต้องการจะเคลื่อนนิ้วมือไปที่ไหน แม้ว่าเขาจะไม่มีนิ้วก็ตาม” Gil Weinberg หัวหน้าทีมวิจัยผู้พัฒนากล่าว นอกจากจะใช้การตรวจจับคลื่นเสียงความถี่สูงแล้ว นักวิจัยยังบอกอีกด้วยว่าเจ้าแขนปลอมสุดไฮเทคนี้จะมีการควบคุมโดยใช้เซนเซอร์ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้ออีกด้วย “มันทำให้ผมถึงกับตะลึงไปเลยทีเดียว แขนใหม่ของผมนี้สามารถทำให้ผมหยิบจับสิ่งของได้ตามที่ผมต้องการ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีสิ่งนี้อยู่บนโลกนี้ด้วย” Jason กล่าว…
-
ชาวเน็ตเดือด!! คุณแม่นำเบี้ยผู้พิการ ซื้อของขวัญคริสต์มาสมูลค่า 70,000 บาท ให้กับลูก
เรื่องราวของคุณแม่ผู้พิการรายหนึ่งที่เก็บเงินเบี้ยช่วยเหลือจำนวน 50 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เพื่อซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับลูกๆ ของเธอ แต่ทว่าการทำเพื่อลูกของเธอครั้งนี้กลับถูกชาวเน็ตต่อว่าอย่างรุนแรง หลังจากที่เธอให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ This Morning Claire Young ลาออกจากงานของเมื่อปี 2012 หลังจากที่เธอไม่สามารถที่จะทำงานได้เนื่องจากเธอป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อล้าเรื้อรัง โดยหญิงสาวได้รับเงินในการช่วยเหลือ 850 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ประมาณ 37,000 บาท) เพื่อใช้ในการดูแลตัวเองและลูกๆ ทั้ง 6 คนของเธอที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี คุณแม่ท่านนี้ใช้เงินเบี้ยผู้พิการของเธออย่างประหยัด และเมื่อปีที่ผ่านมาเธอสามารถเก็บเงินได้มากถึง 2,000 ปอนด์หรือกว่า 87,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวนั้นสามารถทำให้คุณแม่ลูก 6 สามารถมอบของขวัญคริสต์มาสชิ้นพิเศษให้กับลูกๆ ทั้ง 6 คนของเธอได้สบายๆ “ฉันไม่ได้ออกไปฉลองในช่วงหยุดสุดสัปดาห์เลย และฉันก็ได้ไม่ได้ซื้อยาอีกด้วย ฉันตั้งใจจะเก็บเงินทั้งหมดนี้เพื่อนำไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้ลูกๆ ” หญิงสาวให้สัมภาษณ์กับพิธีกรรายการ “วันคริสต์มาสนั้นมีแค่เพียงปีละครั้งเท่านั้น และถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการ แต่เราก็ยังคงต้องฉลองวันสำคัญนี้” เธอให้สัมภาษณ์ Claire พูดต่ออีกว่า จริงๆ แล้วเธอไม่ได้มีความสุขมากนักที่ใช้ชีวิตโดยอาศัยสวัสดิการผู้พิการ “ฉันไม่ชอบที่ต้องคอยพึ่งสวัสดิการ ไม่มีใครชอบสิทธิประโยชน์แบบนี้หรอก แต่คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคุณเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ได้โดยอาศัยสวัสดิการ แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกๆ ของฉันจะไม่สามารถมีความสุขในวันคริสต์มาสเหมือนเด็กคนอื่นๆ…
-
หญิงพิการทางสมอง ถูกตัดเบี้ยคนพิการพร้อมถูกรัฐบาลบอกให้เธอไปหางานทำซะ!!
เรื่องราวสุดสลด เมื่อหญิงสาวพิการทางสมองทำให้เธอไม่สามารถขยับหรือช่วยตัวเองได้ กลับถูกรัฐบาลอังกฤษบอกให้เธอไปหางานที่เหมาะกับตัวเองซะ พร้อมตัดเบี้ยคนพิการออก… เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นถูกแชร์ผ่านเฟซบุ๊กของ Vince Paul Rodger ผู้เป็นสามี โดยเขาเล่าว่า ภรรยาของเขาถูกปลดออกจากการรับเบี้ยเลี้ยงคนพิการและให้เธอทำตามข้อกฏหมาย P45 โดยให้หางานทำเพื่อจ่ายภาษีทันที ซึ่งถ้าเราตัดสินจากภาพของ Julie Rodger ผู้เป็นภรรยาเราก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่น่าจะหางานได้ ซึ่งตัวสามีเองก็บอกว่าภรรยานั้นป่วยเป็นสมองขาดออกซิเจน ทำให้สมองของเธอพิการและขยับร่างกายเองไม่ได้ ฉะนั้นโดยปกติแล้วก็คือเธอไม่สามารถทำงานได้ แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ต้องไปศูนย์จัดหางานในวันจันทร์ที่ 18 กันยายนที่ผ่านมาอยู่ดี ซึ่งตัวสามีก็หวังว่าจะมีปฏิหาริย์ให้ภรรยาหายป่วยและกลับมาเดินได้ เธอจะได้ทำงานตามที่รัฐบาลต้องการเสียที ทว่าปัญหาที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องถูกถอดออกจากเบี้ยและเริ่มหางานนั้นมันเริ่มมาจากตัวสามี Vince Paul Rodger ที่เขาไม่ได้ไปรับการสัมภาษณ์งานตามที่วางไว้ ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลกลับไปทางสำนักงานตามตรงว่าที่เขาไม่ได้ไปก็เพราะ ‘เขาลืม’ ด้วยเหตุนั้นผลจึงตกลงมาที่ภรรยา ซึ่งรัฐก็ไม่ยอมรับในเหตุผลที่อ้างนั้น ประกอบกับการไปไม่ของเขาทำให้รัฐคิดว่า Julie เธอไม่ได้ป่วยเป็นอะไรมากและสามารถหาเงินเองได้แน่นอน จึงส่งเรื่องเรียกให้ภรรยาหางานนั้นเอง ยังไงก็ตามหลังจากเรื่องราวทั้งหมดถูกเผยแพร่ออกไป Rochelle Hughes นักข่าวจากสำนักข่าว Selby Times ก็เข้ามามีบทบาท และเดินทางไปยังสถานที่จัดหางานอีกครั้ง ซึ่งจากการมองด้วยตาก็รู้ว่า Julie ไม่สามารถทำงานได้แน่ๆ แต่เธอก็ยังต้องถูกสัมภาษณ์อยู่ดี โดยให้เหตุผลว่าเผื่อเธอจะสามารถหางานที่เข้ากับเธอได้… สุดท้ายสองสามีภรรยาก็ต้องรอจดหมายตอบรับจากทางการ…
-
นิตยสารแนวไซ-ไฟ ที่สร้างขึ้นโดยทีมงานผู้พิการ เผยจินตนาการในมุมมองที่แตกต่าง…
หลายคนมักคิดว่าคนพิการคือคนที่ไร้ความสามารถ แต่จริงๆ แล้วถ้าเราเปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงความสามารถในพื้นที่ที่เหมาะสม จะเห็นว่าคนพิการไม่ได้ด้อยความสามารถอย่างที่คิดเลย และนี่คือนิตยสารแนวไซ-ไฟ ที่ทีมงานเป็นผู้พิการทั้งหมด “ฉันเป็นคนหูหนวก และฉันก็ไม่เคยเห็นใครเหมือนฉันในนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม” นักเขียนและนักกิจกรรม Elsa Sjunneson-Henry ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ HuffingtonPost Sjunneson-Henry เป็นบรรณาธิการของนิตยสาร Disabled People Destroy Science Fiction ซึ่งเป็นนิตยสารแนวไซไฟ ที่แทบจะไม่เหมือนกับนิตรสารในแนวเดียวกัน สำหรับนิตยสาร Disabled People Destroy Science Fiction นั้น ทางผู้จัดทำคาดหวังที่จะให้ผู้พิการเป็นศูนย์กลางในการเล่าเรื่อง และนี่คือสิ่งที่ Sjunneson-Henry กำลังทำอยู่ เธอบอกว่า “ฉันต้องการสร้างพื้นที่ให้คนพิการได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่มักจะถูกมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง ความสามารถ รวมทั้งให้พวกเขาเห็นคุณค่าของตัวเองด้วย” ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาซีรีย์นิตยสาร Destroy ได้พัฒนาและต่อยอดแนวคิดเกี่ยวกับไซไฟที่เคยได้รับการพูดถึงในอดีต และเผยแพร่ให้ผู้คนได้รับรู้ นิตยสาร 3 ฉบับแรกของ Destroy ได้รับเผยแพร่โดย Lightspeed Magazine ซึ่งประกอบไปด้วย…
-
เด็กหนุ่มพิการชื่นชอบ “ขบวนพาเหรด” เป็นที่สุด คนทั้งเมืองเลยเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาแบบเลอค่า!!
นี่คือเหตุการณ์สุดประทับใจของเพื่อนมนุษย์ เมื่อชาวเมืองเต็มใจจะจัดขบวนพาเหรดและจัดงานวันเกิดให้กับชายพิการทางสมองคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย เพราะร่างกายและความผิดปกติของเขา… Kim Davis-Robinette คุณแม่ของ Matthew ชายหนุ่มที่มีความผิดปกติมากมายเกี่ยวกับสมอง ซึ่งเธอได้ส่งข้อความหาเพื่อนพร้อมเล่าว่า ลูกชายของเธอกำลังจะมีอายุ 21 ปี แล้ว แต่ว่าด้วยความผิดปกติของเขาทำให้เขาชอบส่งเสียงดังบ่อยๆ จึงไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้ โฉมหน้าของพ่อหนุ่ม Matthew เธอเลยร้องขอให้เพื่อนๆ ช่วยกันจัดงานวันเกิดสุดพิเศษให้ลูกชายของเธอ นอกจากนั้นยังบอกว่า Matthew ชื่นชอบในขบวนพาเหรดมากๆ รวมถึงชอบอะไรที่มันดังๆ ฉะนั้นเธอเลยขอให้เพื่อนเธอมาช่วยกันบีบแตรรถให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเป็นพวกรถตำรวจหรือดับเพลิงได้ยิ่งดี… ข้อความที่คุณแม่ส่งออกไปเพื่อขอให้เพื่อนๆ มาช่วยจัดงานหน่อย คำขอมันอาจจะดูมากไปสำหรับการจัดวันเกิดให้คนๆ หนึ่ง แต่เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อคำขอนี้ถูกส่งออกไป ผู้คนที่มาเห็นก็พากันแชร์ต่อๆ กันไปถึง 1,500 แชร์ เรียกว่าทั้งเมืองรู้ถึงคำขอเลยก็ว่าได้ พอถึงวันงานจริงๆ หน้าบ้านของ Matthew ในเมืองแอนเดอร์สันรัฐอินดีแอนา ก็เต็มไปด้วยผู้คนตลอดสองข้างถนน ที่สำคัญทุกคนต่างพากันมาแสดงความยินดีในวันเกิดของเขา งานนี้ไม่ร้องไห้ด้วยความยินดีก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะ และนี้ก็คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น Matthew นั้นแสดงอาการดีใจผ่านสีหน้าได้อย่างชัดเจน ลูกโป่งมากมายที่นำมาแสดงความยินดี ข้างบนแค่ส่วนน้อย ของจริงมันต้องอันนี้ ที่สำคัญยังมีป้ายมาให้ด้วยนะ…
-
ยอมใจ.. เมื่อสาวมีแขนข้างเดียว เอาจุดนั้นมาใช้แนะนำตัวใน ‘Tinder’ ได้เกร๋สุดๆ
บางครั้งการหาคู่สำหรับคนพิการนั้น ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าลำบากใจมากสำหรับพวกเขาในการนำเสนอตัวเองทั้งที่รู้ว่าตนไม่เหมือนคนอื่น ทว่าปัญหาดังกล่าวจะหมดไป เพียงแค่คุณเลิกดูถูกตัวเองแล้วนำเสนอด้านนั้นให้ออกมาดี เช่นเดียวกับหญิงสาวเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ หญิงสาวคนนี้ใช้ชื่อในแอปหาคู่ Tinder ว่า Lauren ซึ่งถูกเจอเข้าโดนชาวเน็ตที่ใช้ชื่อบนทวิตเตอร์ว่า memesgod โดยรายละเอียดแนะนำตัวของเธอนั้นเป็นการเล่นตลกกับเรื่องของตัวเองที่ดูน่ารักเบาๆ เธอใช้การแนะนำตัวโดยการให้คะแนนตัวเอง หน้า 10/10 หุ่น 9/10 นิสัย 20/10 แขน 1/2 (ก็ถูกของเธอจริงไหม) แน่นอนว่าพอเรื่องของเธอได้รับการแชร์ลงบนโลกอินเตอร์ ผู้คนก็ต่างพากันชอบใจกันใหญ่ในความขี้เล่นของเธอ ที่ยอมจะเล่นกับความพิการของตัวเองแทนที่จะโทษและยอมแพ้กับมัน “ฉันชอบนะที่เธอเป็นคนตลก และสามารถเล่นมุกเกี่ยวกับตัวเองได้” ให้ภาพมันตอบความรู้สึกแทนก็แล้วกัน ฮร่าๆ ไม่นานนักหลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นไวรัลบนโลกอินเตอร์เน็ต เจ้าตัวก็ดันมาเห็นเข้าจนได้ เธอเล่าว่า เธอกำลังเมาปลิ้นและกลับมาถึงบ้าน อยู่ดีๆ ก็มีคนส่งข้อความมาในทวิตเตอร์ของเธอ เกี่ยวกับเรื่องของเธอที่มันกลายเป็นกระแสบนเน็ต เธอก็เลยบอกว่า “ไม่ได้ยินชื่อตัวเองบน Tinder มาเป็นปีแล้วนะเนี่ย” ส่วนถ้าใครสงสัยว่า ทำไมเธอถึงเล่นตลกกับความพิการของตัวเองได้ เธอก็บอกว่าในตอนแรกมันไม่ตลกเลยนะ เธอต้องทนอยู่กับความทุขเป็นเวลานานพอสมควร แต่วันหนึ่งเธอก็ยอมรับและหันมาเล่นตลกกับมัน ตอนนั้นมันก็ทำให้ชีวิตเธอกลับมาแฮปปี้อีกครั้ง จากนั้นเธอก็บอกว่า เธอเล่นตลกกับแขนตัวเองบ่อยมากๆ เลยล่ะ…
-
สาวหลอกว่าเดินไม่ได้กิน “เบี้ยเลี้ยงผู้พิการ” มา 58 ปี แต่โดนจับได้หลังโพสต์รูปไปเที่ยวสุดชิล
Linda Hoey หญิงวัย 58 ปี จากเมืองสแตฟฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ ที่หลอกผู้คนว่าเธอเป็นคนพิการไม่สามารถเดินได้ถ้าปราศจากไม้เท้า พร้อมยังกินเบี้ยจากรัฐบาลเป็นเวลากว่า 14 ปี!! Linda ที่โกหกทุกคนพร้อมกินเบี้ยคนพิการคิดเป็นเงินมากกว่า 2 ล้าน 8 แสนบาท และยังโกงไม่จ่ายค่าผ่านทาง M6 อีกคิดเป็นเงินกว่า 690,000 บาท แต่แล้วเรื่องราวการโกงของเธอก็ถูกเปิดโปงโดยตัวของเธอเอง… เรื่องราวของการถูกเปิดโปงมันเริ่มขึ้นจากการที่เธอ ดันโพสต์ภาพการไปเที่ยวที่อียิปต์และมัลดีฟในสภาพที่เดินได้ปกติ ที่สำคัญยังขี่รถATVและว่ายน้ำอีก งานนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่คนพิการแน่นอน ภาพการไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ โดยไปดำน้ำที่มัลดิฟในปี 2013 และไปเที่ยวสนุกๆ ที่อียิปต์ในปี 2012 ทว่าเมื่อสืบเรื่องราวความเป็นมาทางศาลก็พบว่า เธอนั้นถูกจ้างงานในบริษัท PartsWorld ซึ่งทำอยู่ในตำแหน่งผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เสริมรถยนต์ ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอถูกจ้างตั้งแต่ปี 1997 หรือก็คือ 17 ปีแล้วนั้นเอง ที่ช็อคยิ่งกว่านั้น เมื่อศาลไปถามเจ้านายของเธอ เจ้านายก็เผยความลับสุดอึ้งกว่าเดิม เขาบอกว่าเขาไม่เคยเห็น Linda ใช้ไม่เท้าในการเดินมาก่อนเลย เอ้า!! ยืนให้อูฐเลียสบายๆ…
-
แม่ขโมย “เงินบริจาค” ของลูกสาวที่พิการไปใช้เอง ทั้งทำนม ซื้อรถ และซื้อบ้านใหม่
ทุกวันนี้มีคนไม่น้อยที่ช่วยเหลือหรือบริจาคเงินให้ผู้พิการ อาจจะเป็นค่ารักษาบ้าง ค่าอุปกรณ์การใช้ชีวิตบ้าง และสิ่งที่ผู้บริจาคต้องการคือ อยากเห็นผู้พิการคนนั้นๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็อย่างที่รู้ว่าผู้พิการบางคนไม่สามารถจัดการเงินบริจาคด้วยตัวเอง จึงต้องให้ผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องดูแลแทน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ะเงินนั้นถูกนำไปช่วยเหลือผู้พิการจริงๆ อย่างกรณีของ Cathy Svendsen แม่วัย 47 ปี กับอดีตสามี Robert Hills วัย 49 ปี ได้ร่วมกันขโมยเงินบริจาคของลูกผู้พิการว่า 21 ล้านบาท เพื่อไปหาความสุขให้ตัวเอง ทั้งทำนม ซื้อรถ ซื้อบ้านใหม่ และท่องเที่ยว ในปี 1999 Samantha หญิงผู้พิการได้รับเงินบริจาค 114 ล้านบาท แต่กลับถูกแม่กับพ่อขโมยไป 21 ล้านบาท เพื่อหาความสุขใส่ตัวเอง Svendsen ใช้เงิน 500,000 ในการทำหน้าอกและดูดไขมัน และยังสูญเงินไปอีก 3,000,000 บาท ในการทำธุรกิจจนล้มไม่เป็นท่า ทั้งคู่ได้นำเงินของลูกที่พิการไปหาความสุขตลอด 8 ปี โดยที่ไม่มีใครรู้เลย แต่ในที่สุดเมื่อความจริงถูกเปิดเผย ทั้งคู่ก็ถูกศาลตัดสินจำคุกตั้งแต่ปี 2014…
-
แฟนเพลง Coldplay ช่วยกันพา “หนุ่มพิการ” ขึ้นเวทีร่วมแจมกับศิลปินคนโปรดสักครั้งในชีวิต
การได้ดูคอนเสิร์ตของศิลปินคนโปรดแบบใกล้ชิดติดขอบเวทีคงจะเป็นเรื่องดีสำหรับเหล่าแฟนเพลงตัวยง และพ่อหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน ถึงแม้วว่าตัวเขาเองนั้นจะต้องนักรถเข็น แต่นั่นก็ไม่สามารถขัดขวางเขาในการชมคอนเสิร์ตได้ ในระหว่างงานคอนเสิร์ตของ Coldplay ที่ Croke Park เมือง Dublin ประเทศไอร์แลนด์เมื่อคืนวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการประทับใจขึ้น เมื่อฝูงพีเพิลได้พากันยกชายหนุ่มที่นั่งรถเข็นและพาตัวเขาไปพบกับศิลปินคนโปรดแบบใกล้ชิดสุดๆ หนุ่มผู้โชคดีคนนั้นก็คือ Rob ชายหนุ่มผู้พิการที่นั่งรถเข็นเพื่อมาร่วมงานคอนเสิร์ตดังกล่าว เขาถูก Chris Martin เชิญขึ้นมาร่วมสนุกบนเวทีระหว่างการแสดงสด จากนั้นเหล่าผู้ชมคนอื่นๆ จึงยกพ่อหนุ่มคนนี้ขึ้นและค่อยๆ เคลื่อนตัวเขาเข้าไปที่เวที จนในที่สุดหนุ่มน้อยก็ได้ร่วมแสดงกับวงดนตรีโปรด Chris ให้ชายหนุ่มคนดังกล่าวช่วยเป่าหีบเพลงปากระหว่างที่เขาเล่นเพลง การแสดงของทั้งคู่เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้อย่างมาก โดยส่วนมากแล้ววง Coldplay นั้นมักจะให้แฟนเพลงของพวกเขาขึ้นมาร่วมแจมบนเวทีอยู่บ่อยๆ และคราวนี้ก็เป็นคิวของพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ และนี่คือคลิปวิดีโอจากงานคอนเสิร์ตที่ผ่านมา จากนั้นแฟนเพลงที่อยู่ในงานคอนเสิร์ตวันนั้นก็ได้บันทึกคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว และอัพเดทลงในโลกออนไล์ เพื่อชื่นชมสิ่งที่นักดนตรีคนโปรดของพวกเขาทำ หรือบางคนก็เข้ามาแสดงความชื่นชมสิ่งเกิดขึ้น ว้าวว น่าอิจฉาพ่อหนุ่มคนนี้จริงๆ เลยนะเนี่ย ที่มา ladbible
-
สายการบินญี่ปุ่นออกมาขอโทษ หลังปล่อยให้ “ผู้โดยสารพิการ” คลานขึ้นเครื่องด้วยตัวเอง..!?
กลายเป็นกระแสดราม่าโด่งดังไปทั่วโลกของสายการบิน Vanilla Air จากประเทศญี่ปุ่น หลังมีข่าวออกมาว่าลูกเรือของสายการบิน ปล่อยให้ผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ต้องคลานขึ้นบันไดเพื่อไปนั่งบนเครื่องบินสูงกว่า 17 ชั้นด้วยตัวเอง!! โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นกับนาย Hideto Kijima ผู้โดยสารหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 44 ปี ที่ได้เดินทางไปพักผ่อนบนเกาะ Amami ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น Hideto Kijima ด้วยความที่เขาเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป ทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องใช้วีลแชร์ช่วยเหลือในการเดินทางอยู่เสมอ ทว่าเมื่อถึงเวลาไฟลท์ขากลับเจ้าตัวก็ต้องอึ้งกับบริการที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ หลังสิ้นเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง นาย Kijima พยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากพนักงาน ทว่าเขากลับถูกปฏิเสธ และได้รับคำตอบที่ว่า ‘ทางเราไม่มีนโยบายที่จะช่วยเหลือคนพิการ ถ้าคุณอยากจะขึ้นเครื่องก็ต้องช่วยเหลือตนเอง หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเสียสิทธิ์ในการเดินทางได้’ และล่าสุดทางสายการบิน Vanilla Air ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสัญญาว่าจะพัฒนาบริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าผู้มีความต้องการพิเศษให้ดียิ่งขึ้นในภายภาคหน้า ซึ่งทาง Kijima ผู้เสียหายก็ได้ออกให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ก่อนหน้านี้เจ้าตัวมีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวมาแล้วหลายประเทศ และได้ใช้บริการจากหลากหลายสายการบิน “ผมเคยเดินทางมาแล้วก็บ่อย ที่ผ่านมาผมไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจออะไรแบบนี้ซึ่งผมก็แอบสงสัยไม่ได้ว่า… เจ้าหน้าที่ของเค้าไม่รู้สึกผิดลึกๆ ในใจบ้างเหรอ? หรือเค้าไม่มีใจรักงานบริการกันนะ?” ที่มา: BBC
-
โปรเจ็คถ่ายรูปเหล่าผู้บกพร่อง สื่อให้เห็นว่าแม้พวกเขา “ไม่สมบูรณ์แบบ” แต่ก็เป็นคนเหมือนกับเรา
เราทุกคนคงไม่มีใครอยากเกิดมาพร้อมความพิการ เพราะจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตรวมทั้งขีดความสามารถในการเรียนรู้ที่จำกัดด้วย แต่ถึงจะเกิดมาพิการก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะแย่ไปเสียหมด หากเราเปิดใจแล้วก้าวเข้าในโลกของคนพิการเราจะเห็นถึงความพิเศษและได้เข้าใจพวกเขามากขึ้น Zoe Proctor ช่างภาพจากหน่วยงาน Zebedee Management ที่รวบรวมภาพของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ เพื่อให้ทุกคนมองข้ามความพิการและทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขาเป็น สำหรับแรงบันดาลใจในการถ่ายรูปครั้งนี้ เกิดจากการที่ช่างภาพได้เห็นคนใกล้ตัวซึ่งมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ แต่เขาสามารถทำอะไรมากกว่าที่เราคิด เช่นบางคนอาจจะอ่านได้ช้า แต่มีความสามารถในการคิดเลขได้อย่างรวดเร็ว บางคนอาจจะพูดตอบโต้ได้ช้า แต่สามารถจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ เพราะพวกเขาแค่มีบางสิ่งต่างไปเท่านั้นเอง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คนพิการบางคนแม้จะดูไม่ปกติ แต่พวกเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์พิเศษที่คนอื่นไม่มี และที่หลายๆ คนไม่เคยรู้เป็นเพราะมองพวกเขาเป็นเพียงคนพิการเท่านั้น ดังนั้นหากคุณอยากเห็นความสามารถของพวกเขา ลองเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อคนพิการ เปิดโอกาศให้พวกได้แสดงความสามารถ และไม่ควรแบ่งแยกเขาออกจากสังคม แต่ควรจะปฏิบัติกับพวกเขาเช่นเดียวกับคนธรรมดาทั่วไป . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
รวมภาพข้อเสียของการจอดรถช่อง “คนพิการ” ชาวเน็ตช่วยกันจัดเต็มให้โลกได้รู้!!
ปกติแล้วลานจอดรถในสถานที่ต่างๆ ล้วนจะทำจุดจอดรถสำหรับ “คนพิการ” ไว้เสมอ ซึ่งนั่นก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้พวกเขา ทั้งที่จอดซึ่งกว้างกว่า รวมถึงใกล้กับสถานที่ไม่ต้องเดินไปไกล เพราะพวกเขาก็ไปไหนมาไหนลำบากกว่าคนปกติอยู่แล้ว แต่จากดราม่าหลายๆ ครั้งที่เราเห็น ก็เป็นที่รู้กันดีว่าเรามักจะไม่ค่อยเห็นคนพิการจริงๆ มาจอดกันเท่าไหร่หรอก ส่วนมากเราจะเจอกับคนพิการทางความคิดอะไรพวกนี้เสียมากกว่า ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย มาวันนี้เลยมีการรวมภาพจากชาวเน็ตในหัวข้อที่ว่า รวมเหตุผลที่คุณไม่ควรจอดในที่จอดรถคนพิการ ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนพิการ และพวกเขาก็ร่วมส่งภาพเหล่าคนไม่พิการจริงๆ ที่มาแอบจอดแบบเนียน พร้อมกับการลงโทษทางสังคมแบบแสบสันเลยล่ะ นี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าเราไปจอดในจุดคนพิการในบลาซิล ถึงกับยอมลงทุนเสียเวลาแปะ เอาให้อายกันไปข้างเลยทีเดียว ส่วนนี้เป็นวิธีรับมือจากทางฝั่งรัสเซีย ถ้าไม่มีป้ายคนพิการจะโดนโฮโลแกรมออกมาบอกให้หยุดทันที ส่วนที่พี่จอดเลยมานี้คือเขาทำเผื่อไว้ให้คนพิการลงสะดวก จิตใจพี่ทำด้วยอะไรกัน ส่วนนี่คือการลงโทษที่โหดร้ายขึ้นไปอีกขั้น (แม้จริงๆ การทำรถเขาเสียหายจะผิดเช่นกัน แต่ก็ได้ความสะใจจากชาวเน็ตไป) รายนี้ไม่โหดเท่าข้างบนแต่ก็ต้องไปทำสีหนักพอสมควร ที่จอดรถว่างตั้งเยอะก็ยังจะมาแย่งที่คนพิการอีก แถมควบสองช่องเลย คนเดียวควบไป 4 ช่อง ควรจะหาที่จอดที่ดีกว่านี้นะครับพี่ แม้แต่มอเตอร์ไซค์ ก็ยังไม่เว้น ซึ่งพวกเขาระบุว่าช่องว่างพวกนี้มีไว้เพื่อคนพิการนะ ไม่ใช่เพื่อจอดมอเตอร์ไซค์ แม้แต่ตำรวจก็ยังพิการ คิดเอาก็แล้วกัน ส่วนนี่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่สะใจชาวเน็ตเช่นกัน ยกกันไปงี้แหละ!! …
-
ดราม่าอเมริกัน… ตำรวจยิง ‘ชายหูหนวก’ เสียชีวิต เพราะพยายามใช้ภาษามือ หลังถูกเรียกหยุดรถ
ในสังคมเราทุกวันนี้ จะเห็นว่า คนพิการนั้น มักมีสิทธิไม่เท่าเทียมกับคนปกติทั่ว เพราะด้วยศักภาพในด้านต่างๆ ที่อาจทำพวกเค้าทำงานหรือทำกิจกรรมได้คล่องแคล่วได้เท่าคนปกติ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องทำความเข้าใจกับคนพิการมากขึ้น….. แต่เหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนพิการ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เมื่อชายหูหนวก Daniel Harris ชายวัย 29 ปี ถูกยิงในขณะที่เดินทางกลับบ้านโดยตำรวจทางหลวง Jermaine Saunders ที่ไล่กวดเขาเป็นระยะทางกว่า 13 กิโลเมตร สุดท้ายก็ไปถึงบ้านของเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองชาร์ล็อตต์ เขาลงจากรถและออกมาหาตำรวจ (รายงานระบุว่าเขาหูหนวก จึงไม่ได้ยินเสียงไซเรนที่ตำรวจไล่กวด) จากนั้นพยายามใช้ภาษามือสื่อสาร แต่ก็ถูกยิงเสียชีวิต ทันทีที่ Daniel ลงจากรถ เจ้าหน้าตำรวจก็ได้ยิงกระสุนไปที่เขา 1 นัด โดยที่เขาไม่มีอาวุธอยู่ในมือเลย จึงทำให้เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สอบสวนบอกว่า ก่อนเสียชีวิตนั้น Daniel เขาพยายามจะสื่อสารกับตำรวจด้วยภาษามือ แต่ตำรวจคิดว่าเขาอาจจะกำลังพยายามต่อสู้บางอย่าง ด้วยความไม่เข้าใจกัน จึงจบด้วยเหตุการณ์น่าเศร้าเช่นนี้ (ตามกฎหมาย ตำรวจอเมริกันมีสิทธิยิงได้ หากเรียกให้หยุดรถแล้วเรามีท่าทีมือไม่อยู่เป็นปกติ หรือจับอยู่ที่พวงมาลัยทั้งสองข้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ) เจ้าหน้าตำรวจ Saunders ถูกสั่งพักงานในระหว่างมีการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานต่างๆ นี้ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจากแผงหน้าปัดรถยนต์ และตามกล้องวงจรปิดต่างๆ ต่อมาสำนักข่าว WCCB รายงานว่า เจ้าหน้าที่ที่ยิงชายหูหนวก ให้เหตุผลว่า “ผมยิงเขาเพราะ เขาไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง” จากกรณีนี้สร้างความไม่พอใจให้ผู้คนจำนวนมาก โดยเพื่อนบ้านของ Daniel ได้ประณามการกระทำของตำรวจนายนี้ว่า…
-
จากสาวป่วยมะเร็งหมอบอก อยู่ได้แค่ 3 อาทิตย์ เธอสู้กับมัน และกลายเป็นกำลังใจให้คนทั่วโลก..!!
แม้เราจะเกิดมาสมบูรณ์ครบถ้วน แต่เราก็ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าต้องเจอกับอะไรบ้าง จากที่มีร่างกายครบ 32 แต่วันหนึ่งหากเราต้องเอาส่วนใดส่วนหนึ่งออก นั่นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของใครหลายๆ คน แต่จะเปลี่ยนไปในทางไหน ดีหืรอแย่กว่าเดิมนั้น ก็อยู่ที่เราจะเลือกใช้ชีวิต และตอบรับกับสิ่งที่เข้ามาในอนาคตอย่างไร… Mama Cax บล็อกเกอร์ด้านไลฟ์สไตล์และความงาม เธอโชคร้ายที่ปวยเป็นมะเร็งตั้งแต่เายุ 14 ปี เท่านั้นยังไม่พอ แม้เธอจะรอดมาได้ตอนหมอบอกว่าเหลือเวลาอีกแค่ 3 อาทิตย์ที่จะมีชีวิตอยู่เท่านั้น โรคร้ายนั้นทำให้เธอต้องตัดขาทิ้งไป… หลังจากนั้นเธอเลยตั้งเป้าหมายว่า จะต้องเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนพิการทุกคนบนโลกนี้… เธอบอกว่า “คนพิการบนโลกนี้ มักจะถูกจำกัดสิทธิทางการเมืองและสังคม ดังนั้น ฉันจะสร้างความแตกต่างและเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขา” โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมีใจสู้แบบนี้ เป็นเพราะว่าเธออยากเอาชนะกับ ความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย และอีกหนึ่งเหตุผลคือ เพราะว่าเธอได้รับกำลังใจมากมายจากคนรอบข้าง ดังนั้นจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด และวันนี้เธอก็ประสบความสำเร็จแล้ว ด้วยการเป็นบล็อกเกอร์เกี่ยวกับ การท่องเที่ยว อาหาร และแฟชั่น ที่สำคัญเธอยังเป็นแรงบันดาลให้กับผู้คนทั่วโลกด้วย . แม้จะลำบากซะหน่อย แต่เธอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ มีผู้คนมากมายมาให้กำลังใจ เธอจึงลุกขึ้นสู้ต่อไป และตอนนี้ เธอก็ประสบความสำเร็จแล้ว มีผู้ติดตามอ่านบล็อกเธอ…
-
สาวพิการถึงเหวอ ส่งลอตเตอรีให้ลูกค้าผ่านไปรษณีย์กว่า 300 ใบ แต่กลับได้แค่กล่องเปล่า!?
ถือเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจจริงๆ สำหรับกรณีของสาวพิการรายหนึ่ง ที่ส่งลอตเตอรีให้กับลูกค้าผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 300 ใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 24,000 บาท แต่จู่ๆ ลอตเตอรีกลับหายไปซะอย่างงั้น!? เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สุติมา หม้อทอง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยเล่าว่าตนเองเป็นผู้พิการขายลอตเตอรีในจังหวัดนครสวรรค์ และมีลูกค้าจากต่างประเทศมาสั่งซื้อลอตเตอรี 300 ใบ โดยเธอส่งให้กับลูกค้าผ่านทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ 4 เมษายน และถึงมือลูกค้าในวันที่ 8 เมษายน แต่เมื่อพัสดุไปถึงมือของลูกค้า กลับมีรอยฉีกและมีน้ำหนักที่เบาผิดปกติ ทางลูกค้าจึงวิดีโอคอลมาหาเจ้าตัว เพื่อเปิดกล่องให้ดูพร้อมๆ กัน ถึงได้พบว่าภายในกล่องว่างเปล่า ไม่มีลอตเตอรีแม้แต่ใบเดียว เจ้าตัวเลยสอบถามไปยังไปรษณีย์ไทย แต่ก็ได้รับคำตอบแค่ว่าพัสดุได้ถูกส่งออกไปแล้ว สุดท้ายจึงต้องไปแจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะได้ ขึ้นโรงขึ้นศาล ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับเปิ้ลด้วย แค่เป็นคนพิการทำมาหากินก็ลำบากจะแย… โพสต์โดย สุติมา หม้อทอง บน 8 เมษายน 2016…
-
พนักงานแมคโดนัลด์ใจหล่อ ช่วยป้อนแฮมเบอร์เกอร์ ให้ลูกค้าที่พิการไร้แขน…
เวลาพูดถึงการทำดี หลายคนอาจนึกถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ จนหลายๆ คนคิดว่า การทำความดีเป็นเรื่องที่ยากเกินไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้เป็นการกระทำเล็กๆ แต่หากเต็มไปด้วยจิตใจที่ปรารถนาดี แค่นั้นก็นับว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แล้ว อย่างเช่นเรื่องราวของพนักงานแมคโดนัลด์คนนี้ โดยภาพดังกล่าวถ่ายที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในเมืองเฉาโจว จังหวัดผิงตง ประเทศไต้หวัน ในภาพเราจะเห็นพนักงานคนหนึ่ง กำลังช่วยลูกค้าที่พิการไร้แขนในการทานแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งสร้างความประทับใจไปทั่วอินเตอร์เน็ต Li Ting ผู้ที่ถ่ายภาพดังกล่าว ได้เขียนบรรยายไว้ว่า “คนแบบนี้เริ่มหายากในสังคมปัจจุบัน วันนั้นผมไปหาอะไรกินช่วงกลางดึกกับเพื่อนที่แมคโดนัลด์สาขาหนึ่ง และผมก็ได้เห็นภาพที่ประทับใจช็อตนี้” “นอกจากเขาจะไม่แสดงท่าทีรังเกียจแล้ว เขายังอดทนและตั้งใจช่วยเหลือลูกค้าคนดังกล่าว ในการกินแฮมเบอร์เกอร์ ขอบคุณมากที่คุณช่วยเหลือเขา เขาจะได้มีแรงก้าวเดินในชีวิตต่อไป” ทางโฆษกของแมคโดนัลด์ก็ได้ออกมายืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในช่วงกลางดึกของวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา และพวกเขาตั้งใจจะมอบรางวัลเนื่องจากการทำดีของพนักงานคนนี้อีกด้วย ส่วนพนักงานหนุ่มคนนั้น ขอไม่เปิดเผยตัว เพียงแต่บอกว่าตนเองเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ของแมคโดนัลด์สาขานี้ และกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ซึ่งชาวเน็ตต่างชื่นชมว่า อนาคตเขาจะต้องสดใสอย่างแน่นอน จากการทำดีครั้งนี้ ^^ เห็นมั้ยล่า การทำดีไม่ใช่เรื่องยากหรอก ขอแค่ทุกคนทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คนละไม้คนละมือ เหมียวว่าโลกเราคงจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ ^^ ที่มา Metro
-
“ไม่ต้องช่วยผม แค่ไม่เบียดเบียนก็พอ” คลิปสุดสะเทือนใจ ที่ผู้พิการอยากให้ทุกคนดู….
เรื่องจิตสำนึกต่อส่วนรวมหรือผู้อื่น อาจเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของคนไทย เรามักได้ยินข่าวคนปกติเข้าไปแย่งที่จอดรถจากผู้พิการ จนพวกเขาต้องประสบกับความยากลำบาก และวันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆไปชมคลิปที่ทำโดยผู้พิการ ที่อยากจะเตือนใจคนที่ชอบจอดในที่คนพิการโดยไม่จำเป็น ว่าทำให้ชีวิตของพวกเขานั้นยากลำบากขนาดไหน เขาเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 ณ ที่จอดรถคนพิการ สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link มักกะสัน หลังจากที่เขากลับมาจากการทำงาน เขาพบว่าที่จอดรถคนพิการ ที่ปกติอนุญาตให้จอดได้แค่สองคัน กลับมารถคนที่ 3 มาแทรก และรถคนนั้น ก็ไม่มีสติกเกอร์คนพิการอีกด้วย และเขาจะมาแสดงให้เห็นว่า การจอดรถอย่างไร้จิตสำนึกนั้น สร้างความยากลำบากให้เขาขนาดไหน การเปิดประตูทำได้ยากมาก เนื่องจากรถทางซ้าย จอดเข้ามาชิดเกินไป และด้วยระยะที่น้อยเช่นนี้ ทำให้การยกรถเข็นเข้าไปเก็บ ก็เป็นไปได้ยากมากๆ เขาจึงอยากฝากเตือนทุกคนว่า ไปชมคลิปดังกล่าวกันเลย เห็นแบบนี้แล้ว ก็อย่าไปจอดในที่จอดรถคนพิการโดยไม่จำเป็นเลยนะฮะ เพราะมีคนที่เดือดร้อนจริงๆ เขาต้องการพื้นที่ตรงนั้นอยู่.. ที่มา saba image
-
ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ หลังมีคนพบรถตำรวจจอดรถที่จอดคนพิการ!!!
เกิดประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับตำรวจอีกแล้ว หลังจากมีคนถ่ายภาพรถตำรวจไปจอดบริเวณที่จอดคนพิการซะอย่างงั้น จนมีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์มากมาย โดยภาพถ่ายนั้นมีการโพสลงบนเพจ ติดตามพี่ จราจร หัวโปก เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา โดยในภาพเป็นภาพของรถตำรวจป้ายทะเบียน 45325 ได้ไปจอดบริเวณที่จอดรถคนพิการ เมื่อมีการเผยแพร่ภาพนี้ออกไป ทำให้มีการวิจารณ์กันอย่างดุเดือด ถึงความไม่เหมาะสม กลายเป็นเป้าให้คนตำหนิอีกแล้วสำหรับตำรวจ เหมียวว่าเขาอาจมีคนพิการมาด้วยจริงๆก็ได้นะ อย่าเพิ่งออกตัวแรงด่าเขาเลย เดี๋ยวสุดท้ายเงิบจะไม่คุ้มเอา ที่มา ติดตามพี่ จราจร หัวโปก
-
ทำดีมีแชร์!! หญิงสาวช่วยชายพิการข้ามถนน เห็นแล้วหัวใจพองโตเลย
แม้ว่า “น้ำใจ” ในทุกวันนี้จะหาได้ยากเต็มที แต่ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้นะ และทุกครั้งที่แอดเหมียวได้เห็นเรื่องราวแบบนี้ทีไร มันมักจะทำให้เหมียวยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แถมยังทำให้รู้สึกสดชื่นกว่าทุกครั้งด้วย เช่นเดียวกับวันนี้ที่แอดเหมียวได้ไปเจอเรื่องราวดีๆ จากโลกออนไลน์มาอีกแล้วล่ะ โดยคลิปนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คเพจ แชร์ซิคะ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นภาพเหตุการณ์ของหนุ่มผู้พิการรายหนึ่ง ขณะกำลังจะข้ามถนน แต่เนื่องจากมีร่างกายที่ไม่สมประกอบ ทำให้เขาไม่สามารถข้ามถนนได้แบบคนทั่วไป แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีหญิงสาวสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเดินข้ามถนนมาและเห็นชายหนุ่มพอดี จึงเข้าไปหาเพื่อพาเขาเดินข้ามถนน ทำให้ชาวเน็ตนำเรื่องราวของเธอมาเผยแพร่และชื่นชมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย สาวสวยน้ำใจงาม ช่วยคนพิการข้ามถนน เจอเรื่องราวดีๆแบบนี้ก็ต้อง แชร์ซิคะ Posted by แชร์ซิคะ on 24 กันยายน 2015 บางคนอาจจะมองว่าการกระทำแบบนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยนะ แต่สำหรับเหมียวแล้ว มันเป็นอะไรที่น่าชื่นชมมาก และบุคคลเหล่านี้ควรได้รับการสรรเสริญในสิ่งที่พวกเขาทำนะ ที่มา แชร์ซิคะ