Tag: ความปลอดภัย
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
สาวฝรั่งเช่ารถมอไซค์อ้างว่าขับเป็น แต่พลาดท่าบิดลงคูเมือง ชาวเน็ตชี้ต้องจัดระเบียบจริงจัง!!
ตามจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวในแต่ละภาค นอกเหนือจากจะมีนักท่องเที่ยวภายในประเทศแล้ว จะมีจำนวนชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวหมุนเวียนกันตลอดทั้งปีเช่นกัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางด้วยยานพาหนะส่วนตัว ธุรกิจเช่ารถจักรยานยนต์จึงเกิดขึ้นอยู่ตามมุมเมืองต่างๆ เป็นจำนวนมาก ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจากเพจ จังหวัดเชียงใหม่ CM108.com เมื่อชาวต่างชาติทำการเช่ารถจักรยานยนต์จากร้านเช่า ซึ่งทางพนักงานร้านได้ทำการสอบถามเบื้องต้นแล้วว่า สามารถขับได้จริงหรือไม่ และลูกค้าต่างชาติรายดังกล่าวตอบว่า ‘ขับได้’ ผลปรากฏว่ายังไม่ทันพ้นออกจากร้าน รถจักรยานยนต์คันที่ปล่อยเช่าก็พุ่งลงเข้าสู่ใจกลางคูเมืองเชียงใหม่ ทางด้านพนักงานร้านเช่ารถจึงรีบลงน้ำไปช่วยเหลือสาวฝรั่งรายนี้ พร้อมกับนำรถจักรยานยนต์กลับขึ้นฝั่ง… โชคดีที่นักท่องเที่ยวสาวต่างชาติไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงอะไรมากนัก สภาพของรถจักรยานยนต์เบื้องต้นเบาะไม่สามารถปิดได้ กระจกมองหลังด้านขวาได้รับความเสียหาย ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกับนักท่องเที่ยว ซึ่งหลังจากการสนทนาจบลง เธอก็เดินกลับไปยังร้านเช่ารถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ความคิดเห็นจากชาวเน็ตนั้น ได้มองไปในประเด็นของระเบียบการจัดการร้านเช่ารถอย่างจริงจัง เนื่องจากร้านส่วนใหญ่ปล่อยให้เช่าง่ายๆ ไม่มีการตรวจสอบประวัติผู้ขับขี่ ไม่มีมาตรฐานการให้เช่า . . . . รวมไปถึงประเด็นการหัดขี่รถจักรยานยนต์จากการเช่าครั้งแรก อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเองและผู้อื่น . หากไม่มีการจัดระเบียบอย่างจริงจัง ปัญหาดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีจบสิ้น ที่มา: จังหวัดเชียงใหม่ CM108.com
-
สาวสวยปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน วินาทีต่อมาอุบัติเหตุก็ได้นำเอาชีวิตเธอไป…
เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่รถบนท้องถนน จึงได้มีการติดตั้ง ‘เข็มขัดนิรภัย’ เอาไว้ในรถยนต์ เพื่อให้มันช่วยเซฟเราไม่ให้พุ่งออกนอกตัวรถหรือป้องกันไม่ให้ตัวเราไปกระแทกเข้ากับอะไรแข็งๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็มีเหตุน่าเศร้าเกิดขึ้นจากการละเลยสิ่งสิ่งนี้ เมื่อมีสาวสวยคนหนึ่งตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะไปเซลฟี่กับเพื่อน แต่ว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นและทำให้ตัวของเธอพุ่งกระเด็นออกนอกรถจนเสียชีวิตคาที่…. โดยทางเว็บไซต์ nypost ได้เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวว่า เกิดขึ้นในปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เมื่อสาวสวยชื่อว่า Kailee Mills จากเมือง Houston ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกเดินทางกับเพื่อนๆ อีก 3 คนเพื่อจะไปร่วมงานปาร์ตี้ฮัลโลวีน แต่ระหว่างที่นัั่งรถอยู่นั้นเธอก็บังเอิญอยากจะถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์คซักหน่อย เธอเลยปลดเข็มขัดนิรภัยที่คุ้มครองเธออยู่เพื่อจะได้ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ได้อย่างถนัดถนี่ซะหน่อย จากการรายงานของสื่อ KRIV ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับพวกเธอ เมื่อไม่อีกกี่วินาทีหลังจากนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นและได้ทำให้ Kailee สาววัย 16 ปีเสียชีวิตลง ในระยะที่ห่างจากบ้านของเธอเพียงไม่กี่ช่วงตึกเท่านั้น “รถของพวกเธอไหลถลาออกนอกถนน ขณะที่ลูกสาวของผมพุ่งกระเด็นออกไปนอกตัวรถแล้วเสียชีวิตในทันที แต่ว่าเพื่อนๆ ของเธอที่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่รอดชีวิตทั้งหมดและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” David Mills พ่อของเด็กสาวผู้เสียชีวิตกล่าว สำหรับสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะรถขับมาด้วยความเร็วแล้วเกิดสูญเสียการควบคุมจึงได้เกิดอุบัติเหตุที่น่าเศร้านี้ขึ้น จากการรายงานของ KTRK หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัว Mills ก็ได้ออกมาช่วยรณรงค์ให้คาดเข็มขัดนิรภัยให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของทุกคนเอง นอกจากนี้พวกเขายังได้ก่อตั้งมูลนิธิ Kailee…
-
รู้หรือไม่ว่า กองเชียร์เกาหลีเหนือ ถูกเจ้าหน้าที่ประกบทุกย่างก้าวที่มา ตั้งแต่เดินทางยันขึ้นสแตนด์
สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2018 นี้ การเข้าร่วมของประเทศเกาหลีเหนือ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมาก และไม่ได้โดดเด่นแค่เพียงแต่ตัวของนักกีฬาเพียงอย่างเดียว เพราะแม้แต่กองเชียร์จำนวน 230 คนของประเทศนี้ ก็เรียกได้ว่ามีความสามารถจนกลายเป็นหนึ่งเรื่องที่น่าจดจำของการแข่งขัน สาวๆ กองเชียร์จากประเทศเกาหลีเหนือ สำนักข่าว CNN เรียกกองเชียร์เหล่านั้นว่า “ความแปลกตาที่น่าหลงใหล” ในขณะที่สำนักข่าว Vox มองว่าพวกเธอได้กลายเป็น “ดาวเด่นแห่งโลกโซเชียลมีเดีย” ส่วนวารสาร The Wall Street Journal ก็ใช้คำเรียกพวกเธอว่า “อาวุธแห่งการเบี่ยงเบนความสนใจ” ไม่ว่าสำนักข่าวต่างๆ จะเรียกกองเชียร์เหล่านี้ว่าอะไร แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่านี่คือแผนของผู้นำคิม จอง อึน ที่ต้องการจะสร้างภาพให้กับประเทศของตัวเอง และมันก็ดูเหมือนกับว่าจะสำเร็จไปบ้างอยู่พอสมควร พวกเธอส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่เปียงยาง หรือไม่ก็ชนชั้นสูง แต่พวกเราอาจจะไม่ได้สังเกตว่ารอบๆ ตัวของกองเชียร์เหล่านี้ มีกลุ่มชายปริศนาสวมผ้าปิดปากคอยอยู่ติดกับพวกเธอไม่เคยห่าง ซึ่งนั่นก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจากเกาหลีใต้ที่ถูกส่งมาดูแลความเรียบร้อยของสาวๆ กองเชียร์ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยเหล่านี้ได้รับการยินยอมจากทางผู้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่ของประเทศเกาหลีเหนือ ที่คอยควบคุมและดูแลทุกอย่าง พวกเขาจะแฝงตัวมา ปิดกั้นอิสระของกองเชียร์เหล่านี้ พวกเขาเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นคนคอยดูแลความปลอดภัยให้กับกองเชียร์ รวมถึงการปิดกั้นอิสระของพวกเธออย่างเต็มที่…
-
เด็กๆ ถูกสั่งห้าม ‘ไฮไฟว์’ กับคุณตาผู้พาข้ามถนน หวั่นอาจทำให้เกิดปัญหาจราจรตามมา…
การ ‘ไฮไฟว์’ หรือก็คือการแปะมือกันของคนสองคน เป็นสิ่งที่ผู้ดูแลความปลอดภัยบนท้องถนนหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งทำกับเด็กๆ มานานแล้ว แต่ล่าสุดหัวหน้าของเขาก็มีคำสั่งห้ามให้เด็กๆ ทำแบบนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของเด็กเองและคุณตาด้วย จึงเป็นเหตุทำให้ผู้ปกครองและเด็กๆ ทักท้วงกันใหญ่เลย… Colin Spencer ชายวัย 83 ปี ทำหน้าที่เป็นคนดูแลให้เด็กๆ มา 14 ปีแล้ว เขาทำงานให้โรงเรียน St. George’s CE Primary ในชุมชน Heaviley ของเมือง Stokeport ประเทศอังกฤษ โดยปกติแล้วเขาจะไฮไฟว์กับเด็กๆ เพื่อเป็นการทักทายและให้กำลังใจพวกเขานั่นเอง Colin Spencer คุณลุงใจดีของเด็กๆ ผู้มีฉายาว่า ‘Lolly’ ทว่าเมื่อไม่นานมานี้หัวหน้าของเขามีคำขอร้องไม่ให้เด็กๆ และผู้ปกครองทำไฮไฟว์กับคุณตาอีกเด็ดขาด เนื่องจากเกรงว่ามันจะทำให้คุณตาและเด็กๆ ไม่สนใจท้องถนนจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้ คุณตาเล่าว่า “ผมบอกกับผู้จัดการว่าผมทำแบบนี้มาตั้ง 14 ปีแล้ว แล้วเด็กๆ ก็ชอบมันมากด้วย แต่เธอบอกว่าผมควรจะหยุดทำแบบนั้นเพราะมันเป็นการก่อกวนสมาธิของผมและเด็กๆ เวลาข้ามถนน” เขามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เด็กๆ เวลาข้ามถนน เมื่อผู้ปกครองได้ทราบข่าวนี้พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน…
-
ลูกน้อยสองคนถูกทิ้งให้อยู่กับร่างไร้วิญญาณของพ่อที่ตายเพราะหัวใจวายตลอดทั้งวัน
คุณแม่ร้อนใจ ลูกสาวสองคนของเธอต้องอยู่กับศพของคุณพ่อที่หัวใจวายตายทั้งวัน เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ยอมติดต่อไปหาเธอ ทำให้เธอไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น เธอหวังว่าจะไม่มีครอบครัวไหนต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก ครอบครัว Daykin อาศัยอยู่ที่เมืองฮาลิแฟ็กซ์ เขตเวสยอร์กชายร์ ประเทศอังกฤษ Helen Daykin ผู้เป็นแม่ต้องเดินทางไกลไปทำงานนอกสถานที่ค่อนข้างบ่อย สามี Chris Daykin จึงมักจะรับหน้าที่ดูแลรับส่งลูกสาวสองคนไปโรงเรียนอยู่เสมอ ครอบครัว Daykin แต่ในปี 2016 ที่ผ่านมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากตอนนั้น Helen จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานที่กรุงลอนดอน แต่สามีของเธอเกิดหัวใจวายเสียชีวิตไปในตอนกลางคืน ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนต้องอยู่กับร่างไร้วิญญาณของคุณพ่อทั้งวัน เนื่องจากเด็กสาวทั้งสองคนไม่ได้ไปโรงเรียนในวันถัดมา ทางโรงเรียนจึงได้พยายามติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วจึงไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ จากคำบอกเล่าของสำนักข่าว ฺBBC แต่พอทางโรงเรียนพอติดต่อคุณพ่อไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ได้พยายามติดต่อไปหาคุณแม่แต่อย่างใด คุณแม่ Helen Daykin และลูกสาวสองคนปัจจุบันอายุ 3 และ 5 ปี ตอนหัวค่ำของวันเดียวกันกับที่เด็กสาวไม่ได้ไปโรงเรียน คุณยายของพวกเธอก็ผ่านมาเห็นว่าไฟในบ้านนั้นมืดสนิทและยังมีนมวางทิ้งไว้หน้าประตูด้วย เธอสังหรณ์ใจว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดูให้ หลังจากตำรวจบุกข้าไปในบ้านจึงพบว่าคุณพ่อเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทางด้านคุณแม่นั้นได้โทรหาสามีตั้งแต่ตอนเช้าวันนั้นแล้ว แต่คิดว่าเขาคงไม่รับสายเพราะส่งลูกไปโรงเรียนอยู่ และทางโรงเรียนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาจึงคิดว่าทุกอย่างปกติดี แต่เมื่อเวลา 20.00 น. ตอนที่เธอกำลังนั่งรถไฟอยู่…
-
เด็กสาวชาวอินเดียไอเดียดี ‘คิดค้น’ กางเกงในอัจฉริยะ เพื่อป้องกันการถูกข่มขืน ดูแล้วล้ำ ใช้แล้วปลอดภัย
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คดีข่มขืนนั้นยังมีมาให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ และมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ผู้หญิงทุกคนยังมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในอันตรายจากการข่มขืน เด็กสาวชาวอินเดียคนหนึ่งต้องการลดปัญหาหญิงสาวถูกข่มขืน เธอจึงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับหญิงสาวหากมีคนพยายามจะข่มขืนเธอ นั่นก็คือกางเกงในป้องกันการข่มขืนนั่นเอง Seenu Kumari กับกางเกงในป้องกันการข่มขืนที่เธอคิดค้นขึ้นมา เด็กสาวคนนี้ชื่อ Seenu Kumari เธอมีอายุ 12 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Farrukhabad รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เธอได้ประดิษฐ์สิ่งที่เธอเรียกว่ากางเกงในป้องกันการข่มขืน ในรัฐอุตตรประเทศที่เธออาศัยอยู่นั้น การคุกคามทางเพศและการข่มขืนเด็กนั้นเป็นเรื่องที่พบเห็นได้อยู่บ่อยครั้ง โดยผู้หญิงมักจะถูกจู่โจมบนท้องถนน ผู้ร้ายก็จะข่มขืนและถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เพื่อนำไปขายเป็นเงินอีกต่อ ครอบครัวของเธอนั้นเป็นครอบครัวที่ยากจน เธอจึงอยากช่วยครอบครัวหารายได้อีกทางหนึ่ง การทำกางเกงในดังกล่าวจึงเป็นการช่วยเหลือครอบครัว และช่วยให้ผู้หญิงได้รับความปลอดภัยมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน โดยกางเกงในที่ว่านี้ใช้ต้นทุนเพียงประมาณ 50 ปอนด์เท่านั้น (ประมาณ 2,000 บาท) ต้นแบบของกางเกงในป้องกันการข่มขืนที่เธอทำ เป็นกางเกงในสีชมพู ซึ่งเธอบอกว่ากันกระสุน และไม่สามารถใช้มีดตัดขาดได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตัวล็อก ระบบ GPS และกล้องวิดีโอบันทึกภาพด้วย เธออธิบายความสามารถของกางเกงในตัวนี้ว่า “ฉันติดตั้งล็อกไปในกางเกงในด้วย ดังนั้นกางเกงในจะถูกถอดออกไม่ได้จนกว่าจะใส่เลขรหัสที่ถูกตัอง นอกจากนี้มันยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มาพร้อม GPS ซึ่งสามารถติดต่อกับที่อื่นได้”…
-
หญิงสาวเล่าประสบการณ์ ถูกชายแปลกหน้า ‘ลักพาตัวไปข่มขืน’ สุดท้ายก็รอดมาได้
เรื่องราวที่จะนำมาเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกันในวันนี้คือเรื่องราวอันแสนอัศจรรย์เกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งถูก ‘ลักพาตัวไป อีกทั้งยังโดนข่มขืน’ และยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก แต่เธอกลับหนีรอดมาได้ด้วยไหวพริบของเธอที่เฉียบแหลม เรื่องราวนั้นจะเป็นอย่างไรเชิญไปรับชมกันได้เลยครับ เหตุการณ์มีอยู่ว่า… ในวันที่ 4 กันยายน 2017 เวลา 23.30 น. Jaila Gladden นักศึกษาของ มหาวิทยาลัยเวสต์จอร์เจีย ได้ออกไปข้างนอกบ้านเพื่อไปซื้อยาและชาที่ร้านขายของในเมือง คาร์โรลตัน รัฐจอร์เจีย ซึ่งอยู่ห่างจาก รัฐแอตแลนตา ราว 80 กิโลเมตร เมื่อเธอซื้อของเสร็จแล้ว ขณะเดินกลับไปยังรถของเธอ ปรากฏว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาขอยืมไฟแช็กจากเธอ ซึ่งเธอเองก็ตอบปฏิเสธและเดินต่อเพื่อจะขึ้นรถ จากนั้นเองเธอก็เห็นว่าชายคนดังกล่าวนำมีดมาจ่ออยู่ที่ช่วงท้องของเธอ พร้อมกับบังคับให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ เพื่อพาเขาไปแอตแลนตา ชายคนดังกล่าวขับรถของเธอเพื่อไปยังแอตแลนตา จนกระทั่งเขาจอดรถที่โบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง และบอกให้เธอถอดเสื้อผ้าออก เธอเองก็พยายามอ้อนวอนแล้ว แต่เขากลับบอกว่า “จะร้องไห้ทำไมวะ” จากนั้นเขาก็ข่มขืนเธอในรถ เมื่อเสร็จกิจแล้ว เขาก็ออกเดินทางต่อ ลองชมคลิปต่อไปนี้ประกอบ วิธีที่เธอใช้เพื่อเอาตัวรอด… ชายหนุ่มบอกว่าเขาต้องการเงิน และวางแผนจะปล้นปั๊มน้ำมัน จากนั้นก็เดินทางไปยังรัฐมิชิแกน ในฐานะที่เธอเป็นชาวรัฐจอร์เจีย เธอจึงรู้ดีว่าส่วนใหญ่ปั๊มน้ำมันในแอตแลนตาจะต้องเก็บเงินไว้ในลูกกรงที่เอาไว้ป้องกันการขโมย Jaila กล่าวว่า “ตั้งแต่เขาพาฉันมา ฉันก็คอยดูตลอดว่าเขาจะขับไปไหน เขาไม่ละสายตาจากถนนเลยสักนิด” เมื่อเห็นอย่างนั้น เธอจึงบอกเขาว่าเธอไม่สามารถบอกทางไปปั๊มน้ำมันได้ จนกว่าเธอจะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อดูแผนที่ได้ จากนั้นเมื่อเธอได้มือถือของเธอคืนมา เธอจึงลดแสงหน้าจอลงและแอบส่งพิกัดของเธอไปให้ Tamir Bryant แฟนหนุ่มของเธอ…
-
สายการบินของญี่ปุ่นใช้ ‘หุ่นยนต์’ สาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่อง ราวกับเป็นสจ๊วตเลยนี่!?
‘ญี่ปุ่น’ ประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหุ่นยนต์ เทคโนโลยี และการเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อพวกเขานำทุกอย่างมารวมไว้ด้วยกันมันจึงเกิดเป็นวิดีโอสาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่องบินที่บ่งบอกความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว วิดีโอสาธิตดังกล่าวนั้นเป็นวิดีโอจากสายการบิน Starflyer ซึ่งเป็นสายการบินภายในประเทศแบบโลวคอสต์แต่ดูเรียบหรูจากประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินดังกล่าวต้องการจัดทำคู่มือสำหรับสาธิตระบบความปลอดภัยบนเครื่องบินของพวกเขา ทางสายการบินไม่อยากทำอะไรแบบเดิมๆ ให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันน่าเบื่อจนเกินไป พวกเขาจึงเปิดตัว Starflyer Man ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตามาจากรูปร่างของเครื่องบิน Airbus A320 โดยภายในคลิปก็จะมีหุ่นยนต์ตัวดังกล่าวออกมาแนะนำวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุร้ายบนเครื่องบินอย่างช้าๆ และเข้าถึงได้ไม่ยาก นอกจากนั้นการนำเสนอด้วยวิธีดังกล่าว ยังถือเป็นวิธีที่สามารถทำให้คนดูเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กๆ อาจจะชอบได้นะ อย่างไรก็ตามนี่ยังเป็นเพียงแค่การสาธิตผ่านคลิปวิดีโอเท่านั้น และด้วยความเป็นญี่ปุ่นไม่แน่เราอาจจะได้เห็นสจ๊วต ของสายการบินนี้่เป็นหุ่น Starflyer Man จริงๆ ก็ได้นะใครจะรู้ ห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบินนะ!! สาธิตการใส่หน้ากากออกซิเจนที่ทำออกมาได้ดูดีมากๆ ทั้งตัวหุ่นยนต์ในคลิปและการนำเสนอผ่านคนจริงๆ เสื้อชูชีพก็เช่นกัน สุดท้ายแล้วการโปรโมตด้วยวิธีดังกล่าวนั้นก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่มึทำ เพราะว่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 สายการบินของนิวซีแลนด์ก็ได้ใช้ตัวละครจาก Hobbit มาช่วยสาธิตความปลอดภัยเช่นกัน และมันก็ได้รับความสนใจเยอะมาก โดยมียอดคนดู มากถึง 13 ล้านครั้ง!! ส่วนนี่คือคลิปสาธิตความปลอดภัยบนเครื่องของสายการบินนิวซีแลนด์ที่ว่า ที่มา スターフライヤー(SFJ)
-
คุณลุงชาวอินเดียวัย 57 ปี กับอาชีพสุดอินดี้ ทำหน้าที่เป็น ‘ยามยืนนิ่งๆ’ มานานถึง 32 ปี…
พบกับเรื่องราวของ Abdul Aziz ชายชาวอินเดียวัย 57 ปี ผู้มีอาชีพสุดแปลก เขาทำหน้าที่เป็นหุ่นยามเฝ้าประตู และยืนนานถึงวันละ 6 ชั่วโมงมานานกว่า 32 ปีแล้ว คุณ Aziz หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘India’s Statue Man’ ผู้นี้ ได้เริ่มต้นการประกอบอาชีพนี้มาตั้งแต่ปี 1985 แล้ว หลังจากที่เขาได้เข้ารับงานรักษาความปลอดภัยในกับรีรอร์ท VGP Golden Beach ในเมืองเจนไน ประเทศอินเดีย ที่มาของการเฝ้ายามแบบนี้เกิดจากเจ้านายของเขาได้เดินทางไปยังประเทศอังกฤษ และได้เข้าชมพระราชวังบักกิงแฮม จนรู้สึกประทับใจกับทหารเฝ้าพระราชวังที่ยืนนิ่งมากๆ เขาจึงได้นำเอาไอเดียนี้มาใช้กับระบบการรักษาความปลอดภัยของที่นี่ พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทดังกล่าวจะได้รับการฝึกฝนให้ยืนนิ่งๆ ถึง 3 เดือน พวกเขาจะต้องยืนนานถึง 4 ชั่วโมงโดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เลย และไม่ได้รับอนุญาตให้เดิน ยิ้ม พูดคุย หรือแม้กระทั่งการปัดแมลง ถึงแม้ว่าในตอนแรกคุณ Aziz จะไม่เห็นด้วยกับไอเดียดังกล่าว แต่เขาก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งของเจ้านายได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมยืนนิ่งเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงต่อวันและต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างๆ ที่มาเยือนที่นี่ จริงๆ แล้วการยืนเป็นรูปปั้นนี้อาจจะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคุณลุงท่านนี้เขามีความพิเศษกว่าคนอื่นนั่นก็คือ เขาไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียวระหว่างที่ยืนเฝ้ายาม…
-
20 ภาพที่จะทำให้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงต้องใส่หมวกกันน็อค เพื่อความปลอดภัยของชีวิต
“หมวกันน็อค” อุปกรณ์ที่จะคอยช่วยป้องกันศีรษะของคุณจากอุบัติเหตุ หลายๆ ครั้งเชื่อว่าพวกเราอาจจะเคยละเลยในความปลอดภัย ไม่สวมหมวกกันน็อคเวลาขี่มอเตอร์ไซค์หรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ ยอมรับมาซะดีๆ นะ และเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและไม่ละเลยการสวมหมวกกันน็อค เราจึงได้นำภาพของหมวกกันน็อค หลังจากที่มันได้ช่วยปกป้องหัวของผู้ใส่ ให้รอดพ้นจากการเกิดอุบัติเหตุมาให้ทุกคนได้ชมกัน 1. รูปคงจะบอกได้ว่าหมวกกันน็อคนั้นสำคัญแค่ไหน 2. ถ้าคนงานคนนี้ไม่ได้ใส่หมวก เขาคงไม่ได้มีโอกาสมาถ่ายรูปนี้ให้เราได้ชมกันแน่นอน 3. ไม่อยากจะนึกภาพเลย ถ้าพี่คนนี้ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค 4. หมวกกันน็อค ได้ช่วยชายคนนี้จากอุบัติเหตุจริงๆ 5. หมวกช่วยชีวิต!! 6. ถึงแม้จะแค่การขี่จักรยานก็ควรสวมหมวกด้วยนะจ๊ะ 7. ลองคิดเล่นๆ ว่ารอยแตกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่หมวกกันน็อค แต่… 8. คุณคงไม่อยากมีรอยแผลเป็นแบบนี้แน่ๆ 9. นักสกีคนนี้คงจะรู้สึกว่าเขาขาดหมวกกันน็อคไม่ได้แน่ๆ 10. ชายหนุ่มผู้นี้ตกใจอย่างมากหลังจากที่ถอดหมวกออกมา 11. ดูจากแผลและสภาพหมวก ถ้าไม่สวมเครื่องป้องกันคงจะแย่แน่นอน 12. จากสภาพหมวก นี่คงจะเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงมากแน่ๆ 13.…
-
หญิงรัสเซีย ขอลงจากเครื่องหลังทะเลาะกับสามี ทำให้ไฟล์ทบินดีเลย์นานกว่า 7 ชั่วโมง!!
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยว่า ในขณะที่เที่ยวบินของสายการบิน Rossiya Airline กำลังจะมุ่งหน้าออกจากกรุงมอสโก สู่เมืองวลาดีวอสตอค ของประเทศรัสเซีย ในอีกไม่กี่นาทีนั้น… จู่ๆ ก็มีหญิงวัย 40 รายหนึ่ง ขอลงจากเครื่องบินโดยด่วน ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง งานนี้จึงทำให้ไฟล์ทบินเป็นอันต้องดีเลย์ไปนานกว่า 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว ด้านผู้โดยสารรายหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ได้เผยว่า หญิงรายนี้กำลังทะเลาะกับสามีของเธอ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเธอทะเลาะผ่านโทรศัพท์ หรือผู้เป็นสามีเองก็อยู่บนเครื่อง จนทำให้หญิงคนดังกล่าวได้ตัดสินใจหย่ากับเขาทันที หลังจากนั้น เธอก็รีบเดินไปเรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ให้พาเธอออกจากเครื่องบินโดยด่วน เพราะไม่มีอารมณ์จะเดินทางอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้โดยสารกว่า 500 ราย ต้องจำใจลงจากเครื่อง และเดินทางกลับไปยังสนามบินอีกครั้ง จากคลิปวีดีโอแสดงให้เห็นว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่ด้วยข้อบังคับด้านความปลอดภัยในการบิน จึงทำให้พวกเขาต้องทำตามกฎ (ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่) เฮ้อ…เป็นเพราะอารมณ์ฉุนเฉียวของคนๆ เดียว เลยต้องทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย น่าเห็นใจจริงๆ ที่มา : mirror
-
คุณพ่อเขียนจดหมายถึงบริษัท Apple ขอให้ช่วยปลดล็อค iPhone ของลูกที่จากไปด้วยโรคมะเร็ง
ความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีไว้ก็เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีมาล้วงข้อมูลอันมีค่าของเราไป แต่ถ้าหากว่าเจ้าของเครื่องจากไปแล้ว แต่เครื่องยังคงอยู่ จะมีใครที่สามารถช่วยปลดล็อคให้ได้หรือไม่? อย่างเช่นในเรื่องราวของคุณพ่อสถาปนิกชาวอิตาลี Leonardo Fabbretti ที่ได้ทำการเขียนจดหมายขอร้องให้บริษัท Apple ช่วยปลดล็อค iPhone ของลูกชายที่จากไปแล้ว เพื่อที่หวังว่าจะสามารถนำภายถ่ายความทรงจำดีๆ ที่มีอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าทาง Apple ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ทางผู้ให้บริการโทรศัพท์จากอิสราเอลจะเข้ามาทำหน้าที่นี้ให้ทันที ที่เคยช่วยหน่วย FBI ทำการปลดล็อค iPhone ของผู้ต้องหาก่อคดีฆาตกรรมหมู่ใน San Bernadino มาแล้ว สำหรับลูกชายของ Leonardo ชื่อว่า Dama ได้รับอุปถัมภ์มาจากประเทศเอธิโอเปียเมื่อ ค.ศ. 2007 แต่ภายหลังไม่กี่ปีเขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระดูกรวมไปถึงได้รับอุบัติเหตุจากการเล่นสกีด้วย ถึงแม้จะได้รับการรักษาหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ Dama จึงจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 13 ปี ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 ‘ผมจะยอมแพ้ไม่ได้ จากการที่สูญเสีย Dama ไป ผมจะสู้เพื่อที่จะนำรูปสองเดือนสุดท้ายที่อยู่ในเครื่องนี้มาให้ได้ และผมคิดว่านโยบายความเป็นส่วนตัวแบบนี้ของบริษัทน่าจะได้รับการพิจารณาใหม่…
-
ดีงาม!! Facebook จะส่งแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ได้ทราบ หากว่ามีการล้วงข้อมูลจากรัฐบาล
เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่อยากให้ข้อมูลความลับส่วนตัวแพร่กระจายออกไปให้ผู้อื่นได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์และในโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งหากจะใช้งานก็จำเป็นที่จะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนหนึ่งของตนเองด้วย อย่างไรก็ตามการเผยข้อมูลส่วนตัวนั้นเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการ โดยที่ผู้อื่นนอกเหนือจากผู้ให้บริการไม่อาจล่วงรู้ถึงข้อมูลผู้ใช้ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้จากผู้ไม่หวังดีนั่นเอง ในการนี้ทาง Facebook จึงได้ออกมาตรการใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ทุกรายที่มีมากกว่า 1 พันล้านบัญชี ด้วยการแจ้งเตือนผ่านข้อความว่า ‘เราคาดว่าบัญชีของท่าน ตกเป็นเป้าหมายหรือถูกโจมตีจากบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลภายในประเทศของท่าน’ Facebook จะขอให้ผู้ใช้เปิดการใช้งานระบบ Login Approvals (การยืนยันตัวตน) โดยมีหลักการทำงานคือระบบจะทำการส่งรหัสยืนยันตัวตนผ่านข้อความ SMS และจะต้องป้อนรหัสนี้ทุกครั้งเมื่อมีการเข้าระบบจากอุปกรณ์ใหม่หรือบราวเซอร์ใหม่ ทางหัวหน้าแผนงานด้านความปลอดภัยของ Facebook นามว่า Alex Stamos กล่าวเอาไว้ว่า การแจ้งเตือนดังกล่าวนั้นไม่ได้หมายความว่าระบบส่วนกลางได้รับการโจมตี แต่เป็นการถูกโจมตีมาจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่อาจจะติดไวรัสหรือมัลแวร์มา เพราะฉะนั้นควรที่หยุดการเชื่อมต่อใดๆ และเปลี่ยนเครื่องให้เร็วที่สุด เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับ Facebook เองเพราะหนึ่งในนโยบายหลักคือการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ทุกราย และจะทำการปิดกั้นการล้วงข้อมูลจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ถูกสนับสนุนจากรัฐบาลให้ล้วงข้อมูลหรือแม้แต่กระทั่งตัวรัฐบาลเองก็ตาม!! ที่มา : news.yahoo
-
จะทำอย่างไรดี!? หากเราลืมออกจากระบบ Facebook ในเครื่องอื่น ทางแก้ไขง่ายๆ มีที่นี่จ้า!!
เหมียวเชื่อว่าหลายๆ ท่านก็คงจะเคยขอยืมโทรศัพท์ของเพื่อนมาใช้งาน Facebook บ้างเป็นบางครั้ง หรือไม่ก็เข้าไปเล่นอินเทอร์เน็ตตามคอมพิวเตอร์สาธารณะ ซึ่งหลังจากเสร็จธุระแล้วแต่ดันเข้าระบบค้างไว้และลืมออกจากระบบ อย่างน้อยก็อาจจะโดนแกล้งจากเพื่อนเจ้าของโทรศัพท์ พอแกล้งเสร็จก็ออกจากระบบให้ อาจจะดูไม่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้าหากว่าเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของเราล่ะ จะสามารถควบคุมตัวเราได้ทั้งหมด รวมไปถึงข้อมูลลับต่างๆ ของคุณด้วย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะเออ!! ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปในทันที ซึ่งเมื่อคุณนึกขึ้นได้ว่าลืมออกจากระบบจากเครื่องอื่น ให้คุณรีบเข้าสู่ระบบจากคอมพิวเตอร์ที่คุณไว้ใจได้ทันที อาจจะทำผ่านสมาร์ทโฟนที่ติดตั้งแอพฯ Facebook ก็ได้ หรือไม่ก็บราวเซอร์มือถือ ตามวิธีการที่เหมียวจะนำเสนอต่อไปนี้ วิธีการสำหรับคอมพิวเตอร์เดกส์ทอปผ่านบราวเซอร์ เริ่มจากไปที่เมนูด้านขวาบน เลือกเมนูตั้งค่า จากนั้นไปที่เมนูความปลอดภัย ในส่วนของการตั้งค่าความปลอดภัย ให้ไปแก้ไข ‘สถานที่ที่คุณเข้าสู่ระบบ’ คุณจะพบกับรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบของบัญชีนี้ว่ามีการเข้าสู่ระบบจากที่ไหนบ้าง และเข้าระบบด้วยอุปกรณ์ไหน มีทั้งจากคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ รายการไหนไม่คุ้นก็กดปุ่มหยุดกิจกรรมได้เลย แต่ถ้าไม่มั่นใจอยากจะออกจากระบบทั้งหมด ก็สามารถกดปุ่มสิ้นสุดกิจกรรมทั้งหมด เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยสามารถออกจากระบบจากอุปกรณ์ที่ไม่คุ้นเคยแล้วจ้า ในส่วนของการตั้งค่าผ่านแอพฯ และผ่านบราวเซอร์มือถือ เหมียวขอยกตัวอย่างจากแอพฯ Facebook ใน iOS แทน…
-
สายการบิน Delta สุดสร้างสรรค์!! ทำวิดีโอสาธิตความปลอดภัยบนเครื่องบินที่ดูกี่ทีไม่มีเบื่อ
สิ่งที่เราจะต้องปฏิบัติตามทุกครั้งเวลาขึ้นเครื่องบินนั้นก็คือ นั่งฟังการสาธิตความปลอดภัยบนเครื่องบิน แต่บางครั้งการสาธิตแบบธรรมดาๆ ก็ดูจะน่าเบื่อเกินไปสำหรับผู้โดยสาร ทางสายการบินต่างชาติอย่าง Delta จึงจัดทำวิดีโอสาธิตฮาๆ ขึ้นมา ซึ่งที่จริงก็มีออกมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว แต่วันนี้เหมียวเอาเวอร์ชั่นล่าสุดที่ทางสายการบินใช้อยู่มาให้เพื่อนๆ ดูกัน จะเฮฮาขนาดไหน ไปรับชมกันเลย!!! เชิญพบกับนักแปลงเสียงกับตุ๊กตาเพื่อนซี้ พระเจ้าจอร์จ!!! มาอวยพรให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ เจ้ากระรอกตัวนี้ ดูท่าจะเอาของมาชิ้นใหญ่เกิน เด็กๆ อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยกันนะ ช่วยเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อยด้วยค่ะ เครื่องจะขึ้นบินแล้ว!! อย่าลืมศึกษาข้อมูลความปลอดภัยในเล่มนะจ๊ะ!!! เอาล่ะ!! มาดูคลิปเต็มๆ กันดีกว่า จะได้เอาไปใช้ตอนขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวกัน ดูคลิปจบแล้ว เหมียวก็อยากจะฝากบอกเพื่อนๆ ว่า ถ้าวันไหนได้ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยว ก็อย่าเพิ่งรีบหลับล่ะ ตื่นมาฟังการสาธิตจากแอร์โฮสเตสสวยๆ กันก่อนเพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ เองนะจ๊ะ ที่มา Delta
-
โคตรเจ๋ง!! พบกับโรงแรมริมหน้าผาสุดหวาดเสียว ที่นักผจญภัยทั้งหลายจะต้องไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
หากคุณคือคนที่รักการผจญภัยอย่างแท้จริง แน่นอนว่าสิ่งที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ คุณจะต้องชอบ และอยากจะไปลองสัมผัสสักครั้งในชีวิตแน่นอน และนี่คือ ‘The Natura Vive Skylodge’ ที่พักสุดสวีทที่ทำขึ้นมาเพื่อผู้ที่รักการผจญภัย และผู้ที่ชอบความท้าทายโดยเฉพาะ ซึ่งที่แห่งนี้ถูกแขวนอยู่ในความสูงถึง 400 ฟุต และตัวห้องมีขนาด 24*8 ฟุต กันเลยทีเดียว ถ้าใครกลัวว่าโรงแรมแห่งนี้จะเป็นอันตรายแล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าคุณคิดผิดซะแล้ว เพราะที่โรงแรมแห่งนี้มีความปลอดภัยสูง แถมตัวห้องยังสร้างขึ้นจากอลูมิเนียม ที่ทนต่อสภาพอากาศต่างๆ ได้อีกด้วย ส่วนเตียงขนาดใหญ่ที่เห็นกันอยู่นี้ ทำขึ้นมาจากผ้าฝ้ายที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้นักผจญภัยที่ได้มาพักทั้งหลาย ได้นอนหลับอย่างสบายยังไงล่ะ อีกทั้งยังมีห้องน้ำส่วนตัว ที่ทำให้เราได้มองเห็นธรรมชาติที่สวยงามในบริเวณนั้นได้ เรียกได้ว่าได้ปลดทุกข์ไปด้วย แถมยังได้มองวิวสวยๆ ไปด้วย มันช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ ส่วนราคาค่าพักต่อ 1 คืนจะอยู่ที่ 26,000 บาทกันเลยทีเดียว …