Tag: ความเท่าเทียม
-
ด้านมืดของสังคมเกาหลีใต้… ผู้หญิงถูกกดขี่และข่มเหงจากผู้ชาย มีสถานะไม่ต่างจากทาส
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับการเรียกร้องสิทธิสตรี เกิดกลุ่มแนวคิดรณรงค์ความเท่าเทียมรุ่นใหม่หลายกลุ่ม และเป็นที่น่าจับตามองว่าพลังขับเคลื่อนเหล่านี้จะมีเสียงมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงได้ หรือเป็นเพียงแค่การกระทำที่สูญเปล่า… เนื้อแท้ของชาวเอเชียนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าอยู่ในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แม้จะมีการรณรงค์ความเท่าเทียมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเกาหลีใต้ ที่มีหน้าฉากละครผู้ชายเป็นสุภาพบุรุษ แต่ความจริงนั้นแตกต่างอย่างน่าตกใจ… เว็บไซต์ Channel NewsAsia ได้ทำการรายงานเกี่ยวกับปัญหาผู้หญิงถูกกดขี่ในประเทศเกาหลีใต้ โดยสภาพสังคมที่ยังคงยึดติดกับความเชื่อของ ‘ผู้ชายเป็นใหญ่’ มานานกว่า 500 ปี และการให้ความเคารพแก่ผู้ที่มีอายุมากกว่า “ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหัวหน้าพูดว่า ‘ไปทานข้าวด้วยกันนะ’ ผู้หญิงส่วนมากจะไม่กล้าปฏิเสธ” นาง Jung Myung Shin หัวหน้าจากศูนย์ให้คำปรึกษา Sunflower Centre กล่าว “ถ้าหากพวกเธอพูดในทำนองว่า ‘ฉันไม่อยากไป’ หรือแสดงทีท่าที่มากเกินไป ก็จะถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ดูไร้เหตุผลจากสายตาของคนในสังคม” เธอกล่าวเสริม Soo-Jin และผู้จัดการฝ่ายบุคคล ในระหว่างการรับฟังข้อร้องเรียน ตัวอย่างของกรณีผู้หญิงถูกข่มเหงนั้นเกิดขึ้นมาแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงง่ายๆ อย่าง ‘Soo-Jin’ หญิงสาวผู้สานฝันตัวเองในการเป็นนักออกแบบภายในได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ยังไม่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่หลังจากที่เธอเป็นพนักงานแล้ว ผ่านการฝึกงานหลายเดือน เธอเปิดเผยว่าถูกผู้ดูแลข่มขืน ‘Momo’ หญิงสาวชาวชานเมือง…
-
แขกที่มาพักโวย ป้ายห้องน้ำของโรงแรมแบรนด์ Penta ส่อแววเหยียดเพศ
ป้ายห้องน้ำที่คอยบอกว่าห้องน้ำนั้นเป็นของชายหรือหญิง มักจะมีลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่เพื่อความเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำของตัวเอง แต่หากเลือกใช้ได้ไม่ดีอาจะส่งผลเสียตามมาทีหลังได้ เรื่องนี้เองทางโรงแรมแบรนด์ดังอย่าง Penta เองน่าจะรับรู้แล้ว เนื่องจากมีแขกจากโรงแรมหลากหลายสาขาพากันแจ้งเข้ามาว่าป้ายห้องน้ำชายและหญิงของทางโรงแรมมันส่อแววเหยียดเพศเกินจะรับได้ ป้ายห้องนำผู้หญิง ป้ายห้องน้ำที่ทางโรงแรมใช้นั้นเป็นตัวการ์ตูนง่ายๆ ของห้องน้ำผู้ชายตัวการ์ตูนจะมีเมฆความคิดที่เขียนว่า ‘Football’ (ฟุตบอล) ติดไว้ ส่วนของห้องน้ำผู้หญิงจะเป็นตัวการ์ตูนผู้หญิงที่มีเมฆความคิดที่เขียนว่า ‘Shopping’ (ซื้อของ) เมื่อแขกสาว Molly Bennett เห็นป้ายห้องน้ำนี้แล้วเธอก็ไม่รู้เลยว่าเธอควรจะใช้ห้องน้ำไหนดี เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงแต่ว่าชอบฟุตบอลด้วยนั่นเอง เธอบอกกับทางโรงแรมว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าป้ายห้องน้ำแบบนี้มันยอมรับได้เหรอ? … ถึงโรงแรมของคุณจะพยายามทำให้ตัวเองดูทันสมัยด้วยการเพิ่มโต๊ะพูล (กีฬาคล้ายคลึงกับสนุ๊กเกอร์) และเครื่องเล่นเกมส์ PS4 เข้ามาแล้ว แต่ป้ายห้องน้ำของคุณกลับแสดงให้เห็นว่าพวกคุณยังติดอยู่กับความคิดยุค 1950 อยู่เลย” วิศวกรหญิง Chloe Hinder ที่ได้มาพักโรงแรม ทางด้านโรงแรมในเมือง Ipswich เขต Suffolk ประเทศอังกฤษ วิศวกรสาว Chloe Hinder ที่มาพักที่นี่ก็มีความรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน เธอบอกกับทางโรงแรมว่า “โรงแรมของคุณดูน่าพัก แถมยังมีบาร์ที่ทันสมัยด้วย แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ป้ายห้องน้ำของคุณทำลายข้อดีนั้นเสียหมด … ป้ายห้องน้ำนี้สื่อว่าผู้หญิงทุกคนชอบซื้อของในขณะเดียวกันมันก็สื่อว่าผู้ชายทุกคนชอบฟุตบอล” เธอยังเสริมอีกว่า “สำหรับฉันแล้วมันคือการเหยียดเพศ…
-
มาดูความเห็นชาวเน็ตต่างชาติ กับการที่ทรัมป์ถือร่มให้ตัวเอง แต่ไม่ถือให้ภรรยาและลูก…
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2018 สำนักข่าว Daily Mail ได้เผยภาพของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump ที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินเดินทางไปพร้อมๆ กับครอบครัวของเขา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ภาพของ Trump ถือร่มกันฝนขณะที่กำลังเดินขึ้นเครื่องบิน ภาพที่ได้เห็นอาจจะดูไม่แปลกอะไร แต่มันกลับทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์กับการที่ Trump ถือร่มกันฝนเดินนำหน้าไปเพียงคนเดียว ในขณะที่ Melanie ภรรยาของเขา และลูกชาย Barron เดินตากฝนตามหลังเขามา สิ่งที่ชาวเน็ตพูดเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาในครั้งนี้คือ ทำไม Trump ถึงใช้ร่มกันฝนให้ตัวเองเพียงคนเดียว ไม่ยอมกันฝนให้ภรรยาที่เดินตามมาข้างหลัง ทั้งๆ ที่ร่มคันนั้นมีขนาดใหญ่มากพอสำหรับคน 2 คนอย่างแน่นอน การแสดงความคิดเห็นของชาวเน็ตทั้งหลายถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือความคิดเห็นของชาวอังกฤษที่พูดถึงเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษและมองว่าผู้นำคนนี้ทำสิ่งที่แย่มากๆ ส่วนอีกฝั่งคือชาวอเมริกันที่มองว่าชายและหญิงก็เท่าเทียมกัน Trump ไม่เห็นจำเป็นต้องไปกางร่มให้ภรรยาซักหน่อย ความคิดเห็นจากฝั่งอังกฤษส่วนใหญ่ที่พูดถึงเรื่องการไม่เป็นสุภาพบุรุษ Jollyboy “ถ้าพูดจริงๆ มันคงจะน่าตกใจกว่านี้ถ้าเราเห็น Trump กางร่มให้ภรรยาและลูกชาย เพราะเขาคือคนที่ไร้มารยาท เติบโตมาด้วยเงินเพียงอย่างเดียว และยังทำตัวหยาบคายราวกับสัตว์เดรัจฉาน”…
-
เรื่องราวของทนายผู้ต่อสู้เพื่อ ‘ความรัก’ จนทำให้การแต่งงานข้ามเชื้อชาติในอเมริกาถูกกฎหมาย!!
ย้อนไปในอดีตนั้น ในบางประเทศจะมีธรรมเนียมหรือกฎหมายที่ห้ามไม่ให้คนต่างชาติหรือคนต่างสีผิวแต่งงานกัน เนื่องจากมีแนวคิดเรื่องการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวอยู่นั้นเอง แต่ในปัจจุบันเราสามารถแต่งงานกับคนที่มีความแตกต่างกันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าเราจะมีความแตกต่างกันทางสัญชาติ อายุ สีผิว หรือภาษาก็ตาม แม้แต่คนเพศเดียวกันก็ยังสามารถแต่งงานกันได้เลย ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณผู้ชายคนหนึ่ง ที่ลุกมาต่อสู้เพื่อสิทธิเหล่านี้อย่างนาย William Marutani จนทำให้การแต่งงานข้ามเชื้อชาติและสีผิว สามารถทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย William Marutani William Marutani เป็นทนายของกลุ่มประชาชนชาวญี่ปุ่นอเมริกัน ที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีจิตใจรักคุณธรรม และมักจะยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างผู้ที่ควรจะได้รับความยุติธรรมเสมอ ในคดีของ Milfred และ Richard Loving คู่รักข้ามสีผิวจากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็เช่นกัน ชายผิวขาวและหญิงผิวสีถูกจับเมื่อปี 1958 เพราะว่าพยายามจะแต่งงานกัน แต่กฎหมายในขณะนั้นไม่ยอมให้คนผิวสีแต่งงานกับคนผิวขาว วันที่ 10 เมษายน 1967 นาย Marutani จึงได้ช่วยสู้คดีในศาลให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน ทั้งที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย เราเริ่มการต่อสู้ในศาลโดยการโต้เถียงว่าคำว่า ‘คนผิวขาว’ นั้นหมายถึงอะไรกันแน่ ซึ่งเมื่อดูตามกฎหมายแล้วพบว่าคนผิวขาวคือคนที่มีเชื้อสายคอเคเชียนบริสุทธิ์ ส่วนคนอื่นๆ ที่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของเชื้อสายอื่นอยู่ในตัวถือว่าเป็นคนผิวสี จากนั้นเขาจึงโจมตีต่อว่า ตามประวัติศาสตร์แล้ว ยุโรปถูกรุกรานบ่อยครั้ง คนส่วนมากในรัฐเวอร์จิเนียจึงไม่น่าจะถือว่าเป็นคนผิวขาว และวิธีการจะพิสูจน์ว่าเป็นคนผิวขาวแท้จริงหรือไม่ ก็ทำได้ยากด้วย นอกจากนี้กฎหมายยังบอกอีกว่า…
-
“แค่ชอบไม่เหมือนกัน ไม่ได้ฆ่าใครตาย…” คลิปวิดีโอสุดซึ้ง ให้ทุกคนเข้าใจคนรักเพศเดียวกัน
การแต่งงานอาจไม่ได้เป็นไปตามความหมายเดิมที่ผู้คนในอดีต จะต้องให้ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงเท่านั้น เพราะในปัจจุบัน ต้องยอมรับเลยว่าหลายๆ ครอบครัวได้เปิดใจ และยอมรับในการแต่งงานของคู่รักร่วมเพศมากขึ้น และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งคลิปวีดีโอผลงานโฆษณาดีๆ ที่ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ Sydney Gay and Lesbian Mardi Gras ได้นำมาเผยแพร่เมื่อวันพุธ ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามารับชมกันอย่างมากมาย และวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 ก็มียอดวิวสูงถึง 2 ล้านกว่าวิวแล้ว สำหรับคลิปวีดีโอได้แสดงให้เห็นเป็นภาพของสมาชิกในครอบครัวที่กำลังปาร์ตี้งานวันเกิดเล็กๆ ซึ่งพวกเขาชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน (ในคลิปได้เปรียบเป็นซอสบาร์บีคิว) แต่สำหรับผู้เป็นลูกชายของพวกเขานั้นกลับชอบในสิ่งที่แตกต่างออกไป (นั่นคือ ซอสมะเขือเทศ) และนั่นก็ทำให้ผู้เป็นพ่อดูเหมือนจะผิดหวัง หลังจากที่ลูกชายได้บอกความจริงให้เขาได้รู้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินออกมาจากปาร์ตี้วันเกิด แต่สุดท้ายผู้เป็นพ่อก็เดินกลับเข้าไป พร้อมกับเข้าไปกอดลูกชายสุดรักของเขา สำหรับคลิปวีดีโอนี้ได้แสดงให้เห็นว่า แม้คนเราจะชอบในสิ่งที่แตกต่างกัน ก็ไม่ได้หมายความว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ผิดเสมอไป เพราะถ้าหากมองอีกมุมหนึ่ง การเปิดใจยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง อาจจะนำความสุขมาให้เราในวันข้างหน้าได้ และที่สำคัญยังทำให้คนที่เรารักมีความสุขมากๆ อีกด้วย …
-
ไหนล่ะความเท่าเทียม!? สาวโพสต์ประจานหนุ่มบน BTS หลังไม่ยอมลุกให้ตัวเองนั่ง เจอชาวเน็ตสวดยับ
กลายเป็นดราม่าให้โซเชียลได้ถกเถียงกันอีกแล้ว สำหรับประเด็นความเท่าเทียมและสิทธิสตรี เพราะเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ได้เผยแพร่เรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่แอบถ่ายภาพผู้โดยสารบน BTS มาประจานในเฟซบุ๊ก เหตุเพราะไม่ยอมลุกให้ตนเองนั่ง พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “โปรดเอื้อเฟื้อที่นั่งให้เด็ก สตรี สตรีมีครรภ์ และคนชรา Ok คงเป็นฝีดัน มันหนักหน่วงมาก เข้าใจ นั่งให้สบายเลยเพื่อน ยืนแค่ 15 สถานีเอง” จากนั้นเฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ก็ได้นำเอาเรื่องราวดังกล่าวมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อ โดยบอกว่าตนเองจะยืนก็ต่อเมื่อมีคนชรา สตรีมีครรภ์ เด็กเล็ก หรือคนพิการ แต่ถ้าเป็นสตรีที่ร่างกายแข็งแรงดีจะไม่ลุกให้ เพราะไม่ได้เป็นผู้พิการ เมื่อเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง ถึงสิทธิสตรีที่ควรมีความเท่าเทียมกันกับเพศชาย โดยหลายๆ ความเห็นมองว่าหญิงสาวที่มีร่างกายสมประกอบ สามารถยืนได้เหมือนๆ กับเพศชาย เพราะมีร่างกายเหมือนกัน ในขณะที่ชาวเน็ตที่เป็นหญิงสาว ได้เข้ามาต่อว่าหญิงสาวด้วยกัน ว่าอย่าเรียกร้องสิทธิ์ด้วยการนำเพศแม่มาอ้าง เพราะมันทำให้ผู้ชายนำเอาเพศหญิงมาด่าแบบเหมารวม หญิงสาวควรเข้มแข็งมากกว่าแต่ก่อน …
-
ดิสนีย์เวิลด์ยอมเปลี่ยนนโยบาย จากการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานไปรษณีย์ของบริษัท!!
เรื่องของการเลือกปฏิบัติ ตามนโยบายทางด้านรูปลักษณ์ของดิสนีย์เวิลด์นั้น ทำให้นายเกอร์ดิท ซิงห์ พนักงานไปรษณีย์ซึ่งนับถือศาสนาซิกข์ที่จะต้องโพกผ้าพันหัวและไว้หนวดเครานั้น ต้องทำงานในส่วนที่ลับตาผู้คน กีดกันทุกทางในสวนสนุกดิสนีย์ในฟลอริดาตั้งแต่พ.ศ. 2551 ย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ. 2548 เขาเคยมาสมัครงานกับดีสนีย์ และต้องทำงานในส่วนการเงิน ทำความสะอาดลานจอดรถและในครัวตลอดเวลา โดยไม่อาจเปิดเผยตัวตนของเขาให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสวนสนุกได้ ในที่สุดทางดิสนีย์ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า นายซิงห์นั้นสามารถออกมาส่งเอกสารได้ในทุกเส้นทาง สามารถให้ผู้คนพบเห็นได้ตามปกติ โดยที่ทางดีสนีย์นั้นยอมรับในความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและความเชื่อทางศาสนาแล้ว และจะไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานอีกต่อไป ทางด้านนายซิงห์เองก็ได้ขอบคุณที่ทางบริษัทยอมเปลี่ยนโยบาย ให้ความเป็นธรรมกับเขา เนื่องจากผ้าโพกหัวและหนวดเครานั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาของเขานั่นเอง ที่มา : บีบีซีไทย – BBC Thai