Tag: คาดการณ์
-
นักวิทย์แนะวิธีการคาดคะเนการเกิด ‘ไมเกรน’ ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อรับมือได้ทันท่วงที
อาการปวดหัวไมเกรน คือหนึ่งในสิ่งที่มีคนประสบปัญหานี้กันอยู่ค่อนข้างมาก มันจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน และมีประสาทที่ไวต่อเสียงหรือแสงจนทำให้ต้องนอนพักอยู่บนเตียงแทบจะตลอด หรือหนักกว่านั้นอาจถึงขั้นเข้าห้องฉุกเฉินกันเลย ลักษณะของอาการที่ว่ามานั้นอาจทำให้หลายๆ คนรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินที่ผิดปกติ แต่ไมเกรนเฉียบพลันบางครั้งไม่ได้เกิดจากสาเหตุเหล่านั้นเสมอไป เมื่อได้มีการศึกษาใหม่ที่บอกว่ามันอาจเกิดจากสาเหตุที่ใกล้ตัวมากกว่านั้น นี่คือ การศึกษา ของดอกเตอร์ Tim Houle จากโรงพยาบาล Massachusettes General ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร Headache เมื่อเขาและผู้วิจัยในทีมพบว่าเมื่อไหร่ที่เรามีความเครียด วันต่อมาเราจะเกิดอาการปวดหัวขึ้น โดยความเครียดที่ว่านั้นไม่ใช่แบบธรรมดาทั่วไป แต่มันคือความเครียดขั้นรุนแรง พวกเขาได้ทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 95 คน โดยต้องเป็นคนที่มีอาการปวดหัวเรื้อรังและสามารถเก็บข้อมูลได้ตลอดช่วงเวลากว่า 4,195 วัน โดยจะเก็บข้อมูลระดับความเครียดในแต่ละวันและดูว่ามีวันไหนที่เกิดอาการปวดหัวขึ้นบ้าง จากการบันทึกผลรายงานว่า กลุ่มตัวอย่างต้องเจอกับอาการปวดหัวถึง 1,613 วัน คิดเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ของระยะเวลาทั้งหมด ซึ่งโดยรวมแล้วคนเหล่านั้นจะบันทึกผลว่ามีความเครียดอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลาง แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีความเครียดเพิ่มสูงขึ้น ในวันต่อมาพวกเขาก็จะเกิดอาการปวดหัว ดอกเตอร์ Houle บอกว่า “เราทราบดีว่าบางคนมีความเสี่ยงที่จะถูกอาการดังกล่าวเข้าโจมตีมากกว่าคนอื่นๆ แต่เรายังไม่สามารถคาดเดาความเสี่ยงในแต่ละระดับที่เพิ่มสูงขึ้นภายในตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำ การศึกษาในครั้งนี้จึงเป็นตัวสาธิตที่บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่เราจะคาดการณ์การโจมตีล่วงหน้าของไมเกรนในคนที่มีอาการปวดหัวในแต่ละราย” หลังจากนี้พวกเขาจะยังคงวิจัยให้มากยิ่งขึ้น…
-
คอนเซ็ปต์ตึกใหม่ของ Google ในลอนดอน นักวิเคราะห์ชี้เป็นเทรนด์ของอาคารอีก 20 ปีข้างหน้า
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของกูเกิลหรือติดตามความเคลื่อนไหวของบริษัทแห่งนี้มาตลอดก็พอจะทราบกันดีว่าทางกูเกิลนั้นมีแผนที่จะสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สำนักงานใหม่ของ Google แห่งนี้จะมีความยาวของอาคารอยู่ที่ 329.7 เมตร หากจับมันมาตั้งขึ้นในแนวตั้ง มันก็จะมีความสูงที่มากกว่าตึก The Shard ที่เป็นแชมป์อยู่ที่ 309.6 เมตรเลยทีเดียว ภาพร่างของอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ว่านี้ ทางด้าน Bjarke Ingels Group และ Heatherwick Studios บริษัทผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างและออกแบบอาการหลังใหม่นี้กล่าวว่า ที่นี่ไม่ใช่อาคารแต่มันคือแลนด์สเคป เนื่องจากมันมีความกว้างที่มากกว่าความสูงนั่นเอง นอกจากนี้ทางด้าน Amy Webb นักอนาคตวิทยาก็ได้คาดการณ์ว่าการสร้างอาคารแบบแลนด์สเคปนี้ จะเป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของการสร้างอาคารในสหรัฐอเมริกาอีก 20 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว “แลนด์สเคปถือว่าเป็นแนวคิดในการสร้างอาคารแบบใหม่ที่เรายังคงไม่เคยเห็นในสหรัฐ ซึ่งมันอาจจะช่วยให้ชีวิตของเราง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น” Webb กล่าว Webb คาดการณ์ว่าในเมืองใหญ่ๆ ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเช่นนครนิวยอร์ก และซานฟรานซิสโกนั้นจะมีแนวโน้มของการสร้างอาคารแบบแลนด์สเคปมากกว่า เนื่องจากตอบสนองต่อการขยายตัวของเมืองแบบโครงข่ายและทางเจ้าของสามารถสร้างห้องได้มากกว่าการสร้างอาคารแบบเดิม แต่อย่างไรก็ตามการสร้างอาคารในลักษณะนี้อาจจะไม่เหมาะสมกับการขยายตัวของเมืองในรูปแบบอื่นๆ และนอกจากนี้คุณ Webb ยังได้กล่าวอีกว่าในอนาคตสหรัฐอเมริกาจะเป็นแหล่งศูนย์กลางทางด้านพันธุวิศวกรรมหรือ Hub for X และการสร้างอาคารในลักษณะดังกล่าวก็จะตอบโจทย์ในด้านนี้ด้วย นอกจากนี้การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ ยังสนับสนุนในการสร้างอาคารแบบแลนด์สเคปนี้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นการออกแบบลิฟต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ทั้งแนวดิ่งและแนวราบนั่นเอง นอกจากนี้การสร้างอาคารแบบแลนด์สเคปยังเป็นการเตรียมรับมือกับนโยบายควบคุมความสูงของอาคารในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ Webb ยังได้กล่าวถึงการขนส่งในโลกอนาคตอีกว่า…
-
นักวิทยาศาสตร์เผยสภาพโลกอีก 30 ปีข้างหน้า สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตผู้คน น่าจะเป็นแบบนี้แหละ
เพื่อนๆ เคยนึกกันบ้างไหมว่าในอนาคตอันใกล้นี้โลกของเราจะเป็นอย่างไร?? สำหรับวันนี้เราก็มีการคาดเดาของหนึ่งในนักอนาคตวิทยาที่มีเปอร์เซ็นต์การทายอย่างแม่นยำมาตลอดถึง 85% อย่าง Ian Pearson มาฝากกันแหละ และนี่คือเรื่องราวในโลกอนาคตจากมุมมองของเขาล่ะ!!! โลกในปี 2045 สำหรับการวิจัยและค้นคว้านี้จัดทำขึ้นโดย Pearson กับ Hewden บริษัทให้เช่าอุปกรณ์เครื่องยนต์สำหรับก่อสร้างขนาดใหญ่ และนี่คือโลกของเราในอนาคต 30 ปีหลังจากนี้ที่พวกเค้าคาดคะเนไว้… สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะมีระบบตอบรับเหมือน Siri เป็นของตัวเอง ที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์และช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยได้ (ถ้าใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงโปรแกรม Red Queen ในผีชีวะนั่นแหละ) เพราะความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยที่มากขึ้น ตึกในแต่ละตึกนั้นจะสูงชะลูดจนเสียดฟ้า และทำหน้าที่เหมือนเมืองๆ หนึ่งเลยทีเดียว ทุกๆ อย่างจะมีครบภายในตึกเดียวทั้งร้านอาหาร สำนักงานต่างๆ แน่นอนว่าการที่มีตึกสูงชะลูดวิวทิวทัศน์ต่างๆ ก็จะหายไปหมด ในส่วนของหน้าต่างก็จะถูกแทนที่ด้วยโปรแกรมภาพเสมือนแทน โลกจะพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น จนสามารถมีสเปรย์สำหรับพ่นใส่สิ่งของต่างๆ ให้มีความสามารถในการดูดกลืนแสงอาทิตย์เพื่อนำมาสร้างพลังงานกันได้เลยทีเดียว สถานที่ต่างๆ ในตึกนั้นจะปรับแสงและอุณหภูมิให้แบบออโต้ในทุกพื้นที่ๆ เราเดินไป ที่สำคัญจะปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับร่างกายของคุณขณะนั้นๆ ด้วย เหล่าคนงานก่อสร้างจะมีอุปกรณ์เสริมแรงที่สามารถป้องกันและทำให้พวกเขายกของหนักๆ ได้ ส่วนงานที่มีความอันตรายสูงนั้น จะถูกตัดออกและส่งงานไปให้หุ่นยนต์ทั้งหมด…