Tag: คำถาม
-
5 ปริศนา “กระตุ้นไหวพริบ” ฝึกสมองให้ได้ขบคิดก่อน แล้วค่อยอ่านเฉลยนะจ๊ะ~
การทำงานมันต้องใช้สมองและความคิดเป็นอย่างมาก แต่บางครั้งสมองของเราก็ไม่ได้พร้อมที่จะใช้งานตลอดเวลา มันต้องมีการกระตุ้นกันบ้างจริงไหม? การฝึกให้สมองได้ขบคิดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ดูท่าจะเป็นแบบฝึกของสมองที่ได้ผลดีทีเดียว วันนี้เราเลยนำแบบฝึกมาให้สมองของท่านได้รับการกระตุ้นกันสักหน่อย ขอเชิญเหล่าผู้มีปัญญาและไหวพริบทั้งหลายมาพบกับ 5 ปริศนาประลองไหวพริบ จะยากจะง่ายไม่สำคัญ แต่อย่างน้อยขอให้สมองได้ขบคิดบ้างก็ถือว่าได้ประโยชน์แล้ว!! ข้อแรก ห้องห้องหนึ่งมีพี่น้องหญิงสาวอยู่ด้วยกัน 5 คน: เอมิลี กำลังอ่านหนังสืออยู่, บาร์บารา กำลังทำอาหาร, เคที กำลังเล่นหมากรุก ส่วน เจมี กำลังซักผ้า คำถาม: คนสุดท้ายที่เหลือ ทำอะไรอยู่? ข้อที่สอง มีชายสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน คนหนึ่งหันหน้ามองไปทางทิศใต้ คนหนึ่งหันหน้ามองไปทางทิศเหนือ คำถาม: ทั้งสองคนสามารถมองเห็นกันได้อย่างไรโดยไม่ใช้กระจก? ข้อที่สาม คุณติดอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านหลังหนึ่งที่มีสวิตช์ไฟอยู่ 3 อันสำหรับเปิดไฟ 3 ดวงของชั้นบน คุณต้องหาให้พบว่าสวิตช์ไฟอันไหนใช้กับไฟดวงไหน โดยก่อนจะตอบคุณสามารถขึ้นไปดูที่ชั้นบนได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น คำถาม: คุณจะตอบให้ถูกได้อย่างไร? ข้อที่สี่ พ่อ 2 คนกับลูก 2 คนออกไปล่าสัตว์ในป่า แต่ละคนยิงกระต่ายได้คนละ…
-
ชาวเน็ตแชร์คำถามสัมภาษณ์งาน “โคตรยาก” จากประสบการณ์ตรง มีทั้งผ่านและไม่ผ่าน!!
หลังจากที่เราเรียนจบและเข้าสู่โลกของการทำงาน สิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องยากของหลายๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้น การมีงานทำ นั่นเอง เพราะกว่าจะได้งานทำมันต้องผ่านการคัดเลือกอะไรมากมาย หนึ่งในกระบวนการคัดเลือกพนักงานเข้าทำงานก็คือ การสัมภาษณ์ ที่คนจำนวนไม่น้อยเองก็ต้องผิดหวังและสอบตกกันไปในกระบวนการนี้ เพราะว่าคำถามหลายๆ ข้อในการสัมภาษณ์มันก็ช่าง “ยาก” เหลือเกิน ยากจนบางทีไม่รู้จะตอบอย่างไรกันเลยทีเดียวเชียว วันนี้ เราจึงได้รวบรวม คำถามสัมภาษณ์งานที่โคตรยาก จากประสบการณ์ของชาวเน็ตที่เข้ามาแชร์กันในเว็บไซต์ Reddit จะยากขนาดไหน และมีคำถามแบบไหนบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย… ดะ…เดี๋ยวเซ่!! A: “คุณชอบอะไรในตัวเองบ้าง?” B: “เอ่อ…” A: “ไม่ผ่านครับ” จากคุณ MintberryCruuuunch ตอบอย่างไรให้ได้งาน งานแรกของฉัน ฉันสมัครไปในตำแหน่งผู้จัดการโดยไม่มีประสบการณ์ด้านการจัดการเลย ฉันจึงถูกปฏิเสธ แต่สักพักคนที่ได้ตำแหน่งนี้กลับทำงานแย่ เขาเลยเรียกฉันกลับไปสัมภาษณ์ในอีก 3 เดือนถัดมา ผู้สัมภาษณ์ถามฉันว่า “คุณยื่นใบสมัครมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้วและก็ถูกปฏิเสธ ทำไมคุณถึงคิดว่าครั้งนี้เราจะรับคุณเข้าทำงาน?” ฉันเลยตอบว่า “นี่ก็ยังเป็นงานแรกของฉันอยู่ ฉันไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน ฉันยังคงไม่เคยเป็นผู้จัดการ แต่สิ่งที่ฉันทำก็คือหาโอกาสพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมตามที่คุณต้องการ และฉันก็ยินดีที่จะเป็นผู้สอนงานให้กับพนักงานใหม่คนอื่นๆ พร้อมทั้งจะทำให้ลูกค้าเพิ่มปริมาณมากขึ้นหากพวกเขาได้มาคุยกับผู้จัดการแบบฉัน ฉันจะอยู่ที่ออฟฟิศตลอดเวลาเพื่อคอยดูแลเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ฉันจะทำหน้าที่ผู้จัดการให้ดีที่สุดในทุกๆ…
-
ครูสอนเพศศึกษาระดับประถม เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ซักถาม แต่ละข้อใสๆ ทั้งนั้น!?
ทุกวันนี้การให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากได้เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับเด็กได้อีกทางหนึ่ง เรียนรู้ถึงสาเหตุและป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาในภายหลัง แต่ก็ใช่ว่าในบางเรื่องจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนได้ ด้วยวัยที่ยังไม่เหมาะสมเท่าไหร่ อาจจะได้ยินมาบ้างว่า คนเราจะทำอะไรกันยังไง ความรู้สึกมันเป็นแบบไหน สุดท้ายก็นึกไม่ออกอยู่ดี… มีเพื่อนสอนเพศศึกษาอยู่โรงเรียนประถม เธอเอาคำถามของเด็กมาปริ้นท์ให้อ่านแล้วก็…. ชาวทวิตเตอร์ @kimyoogyeom ได้ออกมาแชร์เรื่องฮาๆ จากความสงสัยของเด็ก เมื่อเพื่อนผู้เป็นครูสอนเพศศึกษาในโรงเรียนประถม ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องเพศ คำถามแต่ละข้อก็ช่างจะบรรเจิด เกินกว่าที่ผู้ใหญ่สงสัยจริงๆ ถ้าคุณนอนจิ้มกันนานๆ จะทำให้เด็กคลอดออกมาตัวใหญ่มั้ย? เมื่อจู๋เข้าไปในจิ๋มแล้ว มันสอดเข้าไปแบบเงียบๆ หรือคลิกเข้ากลอนเหมือนกุญแจเสียบมั้ย? หนูรู้มาว่าการนอนจิ้มกันจะใช้เวลา 24 ชั่วโมง คำถามคือไม่เหนื่อยบ้างเหรอ? ไม่มีทางอื่นที่จะมีลูกได้เลยเหรอ? คุณมั่นใจได้ไงว่า จะมีใครสามารถเอาเด็กออกมาจากในนั้นได้? หนูมั่นใจว่าแม่ของหนูไม่เคยไปจิ้มใคร อาจจะเป็นพ่อของหนูรึเปล่า? จะดีกว่ามั้ยถ้าเปลี่ยนให้ผู้ชายตั้งท้องแทนผู้หญิง? อันนี้คือสุดติ่ง เราจะมีเซ็กส์กันไปทำไม… โอ๊ยยยยน่อ ก็เด็กมันสงสัยนี่เนาะ จะบอกยังไงดีล่ะเนี่ย คิดคำตอบเหมาะๆ กันได้มั้ย ฮร่าาา …
-
ญี่ปุ่นเผยเซตข้อคำถามที่ตัดสินแล้วว่า “ไม่เหมาะสม” ในการใช้ถามในการสัมภาษณ์งาน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดในเรื่องของการทำงานอย่างมาก การทำงานนั้นจะต้องตรงเวลาและมีความรับผิดชอบสูง พนักงานจะต้องมีความสามารถในการทำงานที่หัวหน้าสั่ง ฉะนั้น การว่าจ้างพนักงานในบริษัทของประเทศญี่ปุ่นก็จะมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้สมัครว่าสามารถเข้ากันกับวัฒนธรรมขององค์การได้หรือไม่ การสัมภาษณ์จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ แต่หลายครั้งการสัมภาษณ์ก็มีคำถามต่างๆ ที่อาจดูเป็นการคุกคามตัวผู้สมัครงานและอาจดูไม่เหมาะสม ล่าสุดกระทรวงแรงงานของจังหวัดคุมะโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้และขอให้แต่ละองค์การมีการสัมภาษณ์งานด้วยข้อคำถามที่เหมาะสม ทางกระทรวงแรงงานได้เผยข้อคำถามต่างๆ ที่มองว่า “ไม่เหมาะสม” ในการสัมภาษณ์หรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับงาน เช่น ครอบครัว สถานะทางบ้าน ภูมิลำเนา และปรัชญาทางการเมืองของผู้สมัคร เป็นต้น โดยตัวอย่างข้อคำถามที่ไม่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งานมีดังนี้: -คุณเกิดที่ไหน? -พ่อแม่ของคุณทำงานประเภทไหน? -คุณเป็นลูกคนเดียวหรือไม่? -รถที่คุณขับเป็นรถประเภทใด? -คุณนับถือศาสนาพุทธหรือไม่? -พรรคการเมืองใดมีความคิดใกล้เคียงกับคุณมากที่สุด? -คุณต้องการแต่งงานในวันใดวันหนึ่งหรือไม่? -บุคคลในประวัติศาสตร์คนใดที่คุณชื่นชอบ? -คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับลัทธิมากซ์ -คุณเป็นสมาชิกกลุ่มหรือองค์กรใดอยู่หรือไม่? -หนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวใดที่คุณอ่าน? คำถามเหล่านี้ บางข้อเป็นการถามถึงความเชื่อและค่านิยมทางศาสนาและการเมืองโดยตรง บางครั้งคำตอบของผู้สมัครอาจทำให้ผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีคำถามที่เกี่ยวกับรถที่ขับ และบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สามารถพูดคุยกันได้ในชีวิตประจำวัน หากคำถามเหล่านี้มีส่วนตัดสินการเข้ารับทำงาน จะสามารถแปลได้ว่าบริษัทดังกล่าวประเมินค่าของผู้สมัครที่สถานะทางสังคมและอุดมคติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝีมือและความสามารถในการทำงานเลยแม้แต่น้อย การสัมภาษณ์งานนั้นสำคัญอย่างมากที่จะทำให้บริษัทได้รับคนที่มีความสามารถเข้าทำงานตามที่ต้องการ ฉะนั้น ควรมีผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบข้อคำถามในการสัมภาษณ์โดยเฉพาะ ที่มา: soranews24
-
ชาวเน็ตแชร์ 15 คำถามที่ “โง่ที่สุด” เท่าที่เคยได้ยินมา กุมขมับกันเป็นแถว!! 555
โลกและจักรวาลของเรานั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้และอธิบายไม่ได้ คงไม่แปลกหากคนเราเกิดข้อสงสัยต่างๆ ในธรรมชาติ (ก็คนมันไม่รู้นี่เนอะ) แต่บางข้อสงสัยมันก็เกินไป บางครั้งได้ยินแล้วต้องคิดเลยว่า “นี่ถามจริงหรือว่าถามกวน” มันเป็นคำถามที่น่าด่าด้วยเพลงของพี่ บอย โกสิยพงศ์ มากๆ เลยล่ะ เพลงที่ชื่อว่า “คำถามโง่ๆ” นั่นไงล่ะ ชาวเว็บไซต์ Reddit ได้มีการพูดถึงคำถามที่โง่ที่สุดที่ตนเคยได้ยินมากันอย่างสนุกสนาน แต่ละคนก็ได้นำคำถามเหล่านั้นมาเล่าสู่กันฟัง จนกลายเป็นมหกรรมความฮาที่น้ำตาเล็ดน้ำตาไหลจริงๆ วันนี้เราได้นำมาให้เพื่อนๆ ได้ฮากันด้วยกับ 15 คำถามที่โง่และฮาที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา จากชาว Reddit… 1. “ดาวอะไรใหญ่ที่สุดในโลกง่ะ?” จาก /u/ieatpotatoesforlunch 2. ได้ยินลูกค้าคนหนึ่งถามกับเด็กเสิร์ฟอาหารว่า “คูปองนี้ใช้ได้ตลอด 7 วันในสัปดาห์ แล้วมันรวมเสาร์อาทิตย์ด้วยหรือเปล่า?” จาก ไม่ทราบชื่อ 3. “โอ้ คุณเป็นคนเอเชียเหรอเนี่ย? นึกว่าเป็นคนจีนเสียอีก” จาก /u/shmancy_pants 4. หัวหน้า: “คุณช่วยปรินต์หน้านี้ออกมา สแกนแล้วส่งมาให้ผมทางอีเมลได้ไหม?” ฉัน: “ฉันส่งมันไปทางอีเมลเลยก็ได้นะคะหัวหน้า” จาก /u/-SkaffenAmtiskaw- 5. “ปุ่ม Space…
-
4 เหตุผลที่จะมาไขข้อข้องใจของทุกคนที่ว่า ทำไมซอมบี้ต้องกินสมองด้วย?
นอกจากคำถามที่ว่า เวลาพวกพระเอกไปเจอคนสามารถพอที่จะรักษาคนอื่นได้ ทำไมคนๆ นั้นถึงมักที่จะเป็นสัตวแพทย์ อีกหนึ่งคำถามที่เชื่อว่าคนที่ดูหนังแนวๆ นี้คงต้องเคยคิดขึ้นมาบ้างสักครั้ง ก็คงจะไม่พ้นทำไมซอมบี้ต้องกินสมองด้วย? เป็นแน่ หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจของคนแต่งเรื่องเพื่อให้หนังน่ากลัวขึ้นเฉยๆ แต่เชื่อไหมล่ะว่าเหตุผลที่ซอมบี้กินสมอง หรือทำไมต้องกินคนนั้นมีคำอธิบายออกมาจริงๆ ด้วยนะ แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องที่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่ทั้งนักเขียน หมอ หรือแม้แต่นักวิทย์เองก็มีการออกมาให้ความเห็นที่ “สมจริง” และ “เป็นไปได้” เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าทำไมซอมบี้ต้องกินสมอง ซึ่งแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้ 1. เพื่อพลังงาน การที่ร่างกายของคนเราขยับได้นั้นต้องมีการเผาผลาญพลังงาน แม้ว่าจะร่างกายจะตายไปแล้วก็ตาม ดังนั้นซอมบี้ โดยเฉพาะซอมบี้ที่มีกำลังเหนือกว่าคนธรรมดานั้นย่อมที่จะต้องหาอะไรมาทดแทนพลังงานที่เสียไป ดังนั้นการล่าจึงเกิดขึ้น ซอมบี้จำพวกนี้จะกินทุกอย่างที่หาได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เพื่อให้ได้รับแคลอรีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกซอมบี้จึงมักเล็งที่อวัยวะจำพวกเครื่องในและสมองก่อนนั่นเอง นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมซอมบี้ถึงเดินช้าๆ นั่นก็เพราะพวกมันพยายามรักษาแคลอรีอย่างไรล่ะ ส่วนเหตุผลว่างั้นทำไมซอมบี้ไม่กินผัก น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อต่อไปนี่ล่ะ 2. เพื่อขยายพันธุ์ หนังซอมบี้นั้นหลายๆ เรื่องมีกฎหลักๆ อยู่ว่าห้ามโดนกัดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ซอมบี้จะล่าแต่อะไรก็ตามที่เป็นเนื้อเท่านั้น ในซอมบี้จำพวกที่สร้างมาจากอาวุธชีวภาพ หรือไวรัสนั้น เป็นไปได้ว่าเชื้อซอมบี้จะอยู่ในสภาพของปรสิต ซึ่งคล้ายๆ กับปรสิตที่อยู่ในหอยทากบางชนิดมันจะควบคุมร่างกายของเจ้าของเพื่อขยายพันธุ์ การที่ซอมบี้กัดลงไปบนเหยื่อจะเป็นการแพร่กระจายปรสิตลงในร่างเหยื่อ และสถานที่ที่ปรสิตจะควบคุมร่างกายได้ดีที่สุดก็คือที่สมอง ดังนั้นซอมบี้จึงมักจะกัดลงไปที่สมองก่อนนั่นเอง 3. เพื่อให้เหยื่อตายอย่างรวดเร็ว…
-
19 คำถามสุดแปลกที่เด็กๆ ถามในวิชาเพศศึกษา ก็เพราะแบบนี้ไงวิชาเพศศึกษาถึงได้สำคัญ
เพศศึกษานั้นสำคัญไฉน… การสอนเด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากและจำเป็นต้องมีการควบคุมที่ดี ความรู้ที่เด็กได้รับนั้นควรที่จะชัดเจน และครบถ้วน แต่ก็ไม่ควรมากจนนำไปสู่การชักจูงให้มีเซ็กส์ก่อนวัยอันควรเช่นกัน อย่างไรก็ตามเพศศึกษามักจะถูกมองว่าเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปสำหรับเด็กๆ พ่อแม่หลายๆ คนมักจะบอกปัดลูกด้วยคำว่าโตไปก็รู้เองหรือให้ความรู้ที่ไม่ถูกต้องอย่างเด็กเกิดมาจากไม้ไผ่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เมื่อถึงเวลาเรียน เพศศึกษาเข้าจริงๆ ครูผู้สอนจึงได้พบกับคำถามแปลกๆ มากมายจากเด็กๆ เป็นคำถามที่เกิดจากความไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้อย่างแท้จริง เหมือนอย่างคำถามต่อไปนี้ ฉันจำได้ว่า ตอนที่สอนเพศศึกษา มีเด็กถามว่า “ตอนมีเซ็กส์ฉี่ได้ไหม” I remember during sex ed a kid asked if you could pee while having sex — MOM-E (@saylurmoon) October 17, 2012 ครั้งหนึ่งในวิชาเพศศึกษา มีเด็กผู้ชายถามว่าหน้าอกหลุดได้ไหม และจู๋หักได้ไหม มันหักได้นะ ประมาณว่ากล้ามเนื้อฉีกขาดอ่ะ ในตอนเรียนเพศศึกษา มีหนุ่มคนหนึ่งถามว่าถ้าผู้หญิงกินทาโก้ เธอจะรสเหมือนทาโก้ไหม? ท่าทางจะอร่อยแปลกๆ I remember in sex…
-
16 คำถามอันแสนบริสุทธิ์จากเด็กๆ ที่ทำให้เราฉุกคิด ขำ หรือเสียวสันหลังได้โดยไม่รู้ตัว
อยากที่พูดกันมาหลายต่อหลายรุ่นแล้วว่า เด็กๆ นั้นเป็นผู้ที่บริสุทธิ์อยู่เสมอ ดังนั้นจึงมีหลายๆ ครั้งที่คำพูดของพวกเขาต้องทำให้เราเจ็บปวดกันมาบ้าง ไม่ว่าจะตรงจนเกินไป หรือว่าชัดเจนอย่างไร้ความปรานี แต่ถ้าเป็นคำถามล่ะ เคยได้ยินคำถามจากเด็กๆ แล้วรู้สึกประมาณว่า “มันก็จริงนะ” กันบ้างไหม? สิ่งที่จะได้เห็นต่อไปนี่คือคำถาม 16 คำถามอันแสนบริสุทธิ์จากเด็กๆ ที่ทำให้เรา ฉุกคิด หัวเราะ หรือเสียวสันหลังได้โดยไม่รู้ตัว แต่มันจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องไปชมกันเอาเองเลย ถ้านางเงือกบาดเจ็บ ต้องพาไปหาหมอคนหรือหมอสัตว์ดี? หลานของฉันนอนไม่หลับเพราะเธอสงสัยว่า ถ้าเราขายผมไปแล้วคนที่ต่อผมของเราไปฆ่าคนโดยทิ้งผมไว้เป็นหลักฐาน เวลาตำรวจตรวจ DNA มันจะเป็น DNA ของเราไหม อืม… ตอนนี้ฉันนอนไม่หลับด้วยอีกคนแล้ว ลูกชายของฉันดูรูปขาวดำสมัยก่อน แล้วถามว่า “แม่ๆ เมื่อก่อนโลกเราเป็นสีขาวดำเหรอ?” เมื่อฉันบอกลูกว่าห้ามพูดคำหยาบ เขาก็ถามกลับมาว่า “ทำไมคำหยาบถึงเป็นคำหยาบได้ ถ้าเราห้ามพูดมันอ่ะ” “พ่อ… พ่อรู้สึกยังไงในวันสุดท้ายที่เป็นเด็กเหรอ?” อืม… นั่นสินะ “เด็กผู้ชายก็เกิดจากท้องแม่เหมือนกันเหรอครับ? งั้นเราจะมีพ่อไว้ทำไมอ่ะ?” ฉันกับลูกชายไปซื้อยาคุมที่ร้านยาด้วยกัน ลูกชายฉันถามว่ายาคุมใช้ทำอะไร ฉันก็เลยตอบได้ตามตรงว่า…
-
BBC จัดอันดับ 12 คำถามที่ชาวเน็ตอยากรู้ที่สุด เกี่ยวกับ “วลาดีมีร์ ปูติน” พร้อมคำตอบ!!
เมื่อที่ 18 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา รัสเซียได้จัดการเลือกตั้งผู้นำครั้งใหม่ ซึ่งก็มีคนนั้นไปลงคะแนนเสียงเยอะแยะมากมายและผลลัพธ์ที่ออกมาก็ยังคงไม่ผิดจากที่คาดกันไว้เท่าไหร่นัก เพราะว่า Vladimir Putin นั้นยังคงได้ดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปอีก 6 ปีจนกว่าจะหมดวาระนั่นเอง (อ่านข่าวการเลือกตั้งได้ที่ ‘ปูตินชนะเลือกตั้งขาดลอยด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ได้รับสิทธิอยู่ต่ออีก 6 ปี!!‘) อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวโลกจะต้องได้เห็นผู้นำคนดังกล่าวอวดฝีไม้ลายมือในเส้นทางการเมืองไปอีก 6 ปี คนมากมายก็คงอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเพิ่มเติมจึงพากันไปค้นหาคำตอบในเว็บไซต์ Google กันให้เพียบ เพียงแต่บางครั้งเราก็อาจจะยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอนซะทีเดียว ฉะนั้นทาง BBC ก็เลยรวบรวมคำถามที่คนชอบหาและคำตอบมาให้เราแล้ว 1. Vladimir Putin แต่งงานแล้วหรือยัง? คำตอบคือ เขาโสด เพียงแต่ว่าเขาเคยแต่งงานและอยู่กินกับอดีตภรรยา Lyudmila มาแล้วกว่า 30 ปี ปัจจุบันมีข่าวลือว่าแอบไปกุ๊กกิ๊กกับอดีตนักยิมนาสติกสาวสวยนามว่า Alina Kabaeva 2. Vladimir Putin ถนัดซ้าย? คำตอบคือ ไม่! เขาถนัดขวา ไม่เชื่อดูรูปที่เขาไปออกงานเมื่อช่วงมกราคม 2018…
-
เด็กญี่ปุ่นตอบกลับคำถาม “ปัญหาความรัก” ในนิตยสาร ด้วยความจริงอันโหดร้าย!!
ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า เด็กนั้นก็คือเด็ก พวกเขาจะพูดในสิ่งที่คิด และบอกเราในสิ่งที่อยู่ในหัวพวกเขาจริงๆ โดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งนั้น จนบางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผู้ใหญ่จริงๆ เสียอีก คำพูดในครั้งนี้คงเป็นคำอธิบายที่ดีของเหตุการณ์ในครั้งนี้เลยก็เป็นได้ เพื่อที่จะกระตุ้นพฤติกรรมการอ่านหนังสือที่ดีในเด็ก นิตยสารเด็กญี่ปุ่นรายหนึ่งจึงได้จัดทำมุม ตอบคำถามรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจขึ้น โดยคำถามที่ส่งเขามายังนิตยสารนี้นั้น จะได้รับการตอบโดยเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษานั่นเอง ตามที่ผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่น นำมาแชร์นั้น ประเด็นในครั้งนี้เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ถามทางนิตยสารนี้ ถึงวิธีการที่จะเป็นที่นิยมกับผู้หญิง คำถาม: “ผมเป็นชายโสดอายุ 45 ปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังกังวลเรื่องการหาแฟน และแต่งงาน ได้โปรดบอกผมทีว่า ผมจะเป็นที่นิยมกับผู้หญิงได้ยังไง“ คำตอบ: พวกเราก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับผู้หญิงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่คนที่เป็นที่นิยมจริงๆ กลับทำให้เรารู้สึกรำคาญมากกว่า บางครั้งเรายังตะโกนว่า “คนที่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบมันมีแต่พวกบ้าๆ เท่านั้นล่ะ” แต่ถึงทำอย่างนั้น เราก็จะไม่สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้อยู่ดี เอาเป็นว่า เราได้ยินมาว่าคนแบบ 7K กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงอยู่ในตอนนี้ คนแบบที่เท่ (Kakkoi) ไม่สกปรก (Kitanakunai) ไม่มีกลิ่นตัว (Kusakunai) ฉลาด (Kashikoi) ปากหวาน (Kuchi Ga Umai) เอาใจใส่ (Kuki Yomeru) และไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น (Kurabenai) อะไรทำนองนั้น…
-
วัดความรู้รอบตัวกับ 10 เรื่องจริงเกี่ยวกับโลกใบนี้ ที่คุณอาจจะเข้าใจผิดมาโดยตลอด
เรื่องราวความรู้รอบตัวนั้น อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้คุณสร้างบทสนทนาระหว่างเพื่อนๆ ได้ง่ายๆ และบางครั้งมันยังทำให้คุณดูเท่ขึ้นมาอีกนิดหน่อยด้วยนะเออ (ถ้าไม่โม้เยอะเกินไปอ่ะนะ) และถ้าหากว่าคุณมั่นใจว่าเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้รอบตัวไม่แพ้กับผู้ชนะจากรายการเกมเศรษฐีล่ะก็ เราขอท้าคุณด้วยคำถาม 10 ข้อต่อไปนี้เลย… 1. ที่ดินแดนน้ำแข็งอย่างทวีป Antarctica ก็มีภูมิประเทศแบบทะเลทรายเหมือนกัน ถูกต้องแล้วจ้าา!! เจ้าทะเลทรายที่ว่านี้ก็คือ McMurdo Dry Valleys หรือที่ถูกขนานนามว่าทะเลทรายสุดหนาวเย็นแห่งขั้วโลกใต้นั่นเอง จากข้อมูลระบุว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ฝนหรือหิมะตกเลย นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ไม่มีหิมะปกคลุม กว้างกว่า 4,800 ตารางกิโลเมตอีกด้วย 2. ซิดนีย์ ไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศออสเตรเลียหรอกนะตัวเอง!! ถูกต้องนะครัชช!! เพราะเมืองหลวงที่แท้จริงของชาวออสซี่ก็คือเมืองแคนเบอร์รา ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศต่างหากล่ะ 3. ดวงตาของเราจะขยายใหญ่ขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นจริงหรือ!? คำตอบคือ!! ผิด จากข้อมูลของเว็บไซต์ทางการแพทย์อย่าง offlineclinic ระบุว่าดวงตาเป็นแค่อวัยวะเดียวในร่างกายที่ไม่มีการเปลี่ยนขนาด 4. เมื่อวัดความสูงจากพื้นถึงยอด ยอดเขา Everest คือยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ผิดจ้าา!! แน่นอนว่าถ้าหากวัดจากความสูงในระดับน้ำทะเลแล้วล่ะก็ ยอดเขา Everest คือยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแต่ถ้าหากวัดจากความสูงจากพื้นถึงยอดล่ะก็ตำแหน่งของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกจะตกเป็นของยอดเขา Mauna kea จากฮาวาย 5. ทุกวันนี้ยังคงมีชาวออสเตรเลียบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ใต้ดิน?? ถูกต้องนะครับบ!! ซึ่งดินแดนใต้ดินที่ว่านี้ก็คือเมือง Coober Pedy ทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันสถานที่แห่งนี้มีผู้อาศัยอยู่ใต้ดินมากกว่า 2,000 คนเลยทีเดียว!!…
-
‘จะแต่งเมื่อไหร่?’ หนุ่มถูกเพื่อนบ้านถามซ้ำบ่อย ลงมือฆาตกรรมเพื่อจบความหงุดหงิดใจ
เมื่อมีอายุใกล้จะเข้าวัยสู่วัยกลางคน คนโสดหลายคนก็อาจจะโดนคำถามที่ว่า ‘เมื่อไหร่จะแต่งงานทีลูกมีเต้ากับเขาซะที’ ซึ่งคำถามนี้อาจเป็นคำถามที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ และอาจทำให้ใครรู้สึกหงุดหงิดได้ แต่คงไม่เท่ากับชายคนนี้ที่ถูกถามคำถามนี้ซ้ำๆ จนเกิดความโมโหนำไปสู่การฆ่าคนถามซะเลย โศกนาฎกรรมสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Kampung Pasir Jongeon ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 19 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา โดยฆาตกรมีชื่อว่า Faiz Nurdin ชาวอินโดนีเซีย ที่ได้ลงมือฆาตกรรมสาววัย 32 ปี ชื่อว่า Aisyah จากจุดเริ่มต้นคำถามที่ว่า ‘ทำไมถึงไม่แต่งงาน’ เพียงเท่านั้น จากการรายงานระบุไว้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มต้นจากการที่ สาวคนนี้ได้ไปหา Faiz ที่บ้านของเขา ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ไปมาหาสู่กันเสมอ และก็มีพูดคุยกันตามปกติ แต่ก็มีประโยคหนึ่งที่ Aisyah ได้บอกกับเขาว่าให้รีบแต่งงานได้แล้ว เพราะคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันต่างก็มีครอบครัวกันไปจนหมด ซึ่งตัวแทนของนาย Faiz ได้ออกมาบอกว่า ชายคนนี้รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ได้ยินประโยคดังกล่าว พร้อมกับคำถามที่ว่า ‘ทำไมถึึงยังไม่แต่งงาน’ มันไปแทงใจดำของเขาเข้าอย่างจัง เลยเป็นเหตุให้เขาก่อการฆาตกรรมดังกล่าวขึ้น โดยหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกันวันนั้น ก็มีครั้งหนึ่งที่นาย Faiz ได้มีโอกาสไปที่บ้านของสาวคนนี้บ้าง และเมื่อสบโอกาสอันดีแล้ว เขาก็ผลัก Aisyah…
-
ข้อสอบสะท้านใจนศ. จีน ดึงความพีคในข้อสุดท้าย ‘สะกดชื่ออาจารย์ผิด’ มีสิทธิ์คะแนนติดลบ!!
สำหรับนักศึกษาแล้วการสอบถือเป็นตัวชี้วัดชะตาของพวกเขา จึงต้องหมั่นขยันอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอย่างหนัก เพื่อที่จะได้มีความรู้พอจะไปสู้ฟัดกับข้อสอบสุดหินที่อาจารย์ออกมาให้ได้ นักศึกษาในประเทศจีนเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่ในปีนี้นักศึกษาจีนกลุ่มหนึ่งต้องตกตะลึงเมื่อพบคำถามสุดท้าทายข้อสุดท้าย พวกเขาต้องสะกดชื่ออาจารย์ที่สอนให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นก็จะโดนหักคะแนนยับ ข้อสอบที่ว่านี้เป็นข้อสอบจากมหาวิทยาลัย Sichuan Vocational College of Culture and Communication ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยข้อสอบข้อสุดท้ายนี้ให้รูปอาจารย์มาทั้งหมด 7 ท่าน แล้วให้นักศึกษาเขียนชื่อของอาจารย์แต่ละท่านให้ถูกต้อง คำถามพิเศษข้อนี้ไม่มีคะแนนเพิ่มเติมให้นักศึกษาที่ตอบได้ถูกต้อง แต่ถ้าพวกเขาตอบคำถามข้อนี้ไม่ถูกล่ะก็ จะถูกหักคะแนนจากคะแนนที่ทำได้ในครั้งนี้ 41 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่เยอะพอสมควรเนื่องจากข้อสอบชุดนี้คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของเกรดทั้งหมดในเทอมนั้นเลย แม้ว่าคำถามข้อนี้จะดูง่ายไม่ซับซ้อน แต่นักเรียนบางส่วนที่ไม่ค่อยได้เข้าเรียนแล้วอ่านบทเรียนเอง จึงไม่รู้จักหน้าค่าตาอาจารย์แต่ละคนเลย คงไม่แปลกที่นักเรียนบางคนจะตอบคำถามนี้ไม่ได้ ในวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้โพสต์คำถามข้อนี้ลงใน Weibo (โซเชียลมีเดียของประเทศจีน) เอง จากนั้นก็มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจนกลายเป็นกระแสไวรัลไป ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าคำถามข้อนี้เจ้าเล่ห์มาก แต่ชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งคิดว่าคำถามมันง่ายและเถรตรงดี ถ้าใครเข้าเรียนก็ได้คะแนนไป นักเรียนคนหนึ่งที่ได้ทำข้อสอบข้อนี้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามั่นใจว่าตอบคำถามนี้ได้ถูกต้อง แต่ก็คิดว่าเพื่อนร่วมชั้นบางคนคงจะมีปัญหาเป็นแน่ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเข้าเรียนและจำหน้าอาจารย์ได้ แต่บางคนก็ยังสะกดชื่ออาจารย์ไม่ถูกอยู่ดี อาจารย์ที่เป็นคนออกข้อสอบและคิดคำถามข้อนี้บอกว่า เหตุผลที่เธอทำคำถามข้อนี้ขึ้นมาก็เพื่อเป็นการวัดผลว่านักศึกษามีให้ความสนใจในชั้นเรียนมากน้อยแค่ไหน หากว่าพวกเขาใส่ใจในรายละเอียดมากพอก็ต้องตอบคำถามข้อนี้ได้แน่นอน เวลาจะไปสอบอย่าลืมดูชื่ออาจารย์เผื่อไว้ด้วยนะครับ…
-
คุณครูให้การบ้าน ‘3 ข้อดีและข้อเสียของทาส’ กับเด็กป. 4 และคำตอบที่ได้กลับไปทำเอาจุก…
แม้ว่าจะมีลักษณะรูปร่างที่แสดงความเป็นคนไม่ต่างกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในอดีต เคยมีการแบ่งชนชั้นวรรณะจนเกิดกลุ่มคนที่มีชื่อว่า ‘ทาส’ ขึ้นมา โดยกลุ่มคนประเภทนี้จะเป็นคนที่ถูกสังคมมองว่าเป็นผู้คนที่ต่ำต้อยกว่า หรือด้อยกว่าในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามระบบนี้ก็ถูกยกเลิกไปแล้วในประเทศส่วนใหญ่ของโลกปัจจุบัน ซึ่งก็แน่นอนว่าในแต่ละโรงเรียนก็ต้องมีการเรียนวิชาประวัติศาสตร์หรือสังคม เพื่อศึกษาความเป็นมาในอดีตของแต่ละประเทศ ทว่าก็มีคำถามอยู่ข้อหนึ่งที่ได้กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะคำถามที่ว่านั้นดันไปถามถึงข้อดีของ ‘ระบบทาส’ และยิ่งไปกว่านั้นคำตอบของเด็กป.4 ที่ตอบคำถามข้อนี้ก็ได้ทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว หน้าตาของการบ้านเจ้าปัญหา เรื่องที่ว่านี้ได้รับการเปิดเผยจาก Trameka Brown-Berry ชาวรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐเมริกาเมื่อว้นที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา โดยเธอได้โพสต์ภาพการบ้านของ Jerome ลูกชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของเธอ ซึ่งในการบ้านที่ลูกของเธอที่ได้รับมานั้นเป็นคำถามที่ถามถึงข้อดี-ข้อเสียของระบบทาส เธอจึงได้ต้องแคปชั่นถามชาวเน็ตว่า “มีใครพบความน่ารังเกียจในการบ้านของเด็กชั้น ป.4 นี้ไหม” และนั่นก็ทำให้มีผู้แชร์ภาพของเธอออกไปนับพันเลยทีเดียว โดยในการบ้านดังกล่าว Jerome เด็กนักเรียนวัย ป. 4 ได้ตอบคำถามที่ถามถึงข้อดีการของระบบทาสไปว่า “ผมรู้สึกว่าระบบทาสมันไม่มีข้อดีใดๆ เลยผมเลยขอไม่ตอบคำถามนี้” และในตอนท้ายที่สุดของการบ้านเขาก็ได้เขียนเพิ่มเติมเอาไว้ว่า “ผมภูมิใจในการการมาเป็นคนผิวสี เพราะว่าพวกเราทั้งมีความแข็งแรงและกล้าหาญ” ซึ่งคำตอบของเด็กคนนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมากมายเลยทีเดียว Jerome เด็กนักเรียนชั้นป.4 และในเวลาต่อมาโรงเรียน Redeemer Lutheran Church and School ซึ่งเป็นโรงเรียนของเด็กคนดังกล่าวก็ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้กับสื่อท้องถิ่นชื่ออย่าง…
-
เมื่อรายการญี่ปุ่นถามชาวฟินแลนด์ เกี่ยวกับกฎระเบียบอันเข้มงวดของรร. ญี่ปุ่น เด็กฟินแลนด์ถึงกับอึ้ง!!
อย่างที่เรารู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของระเบียบวินัยที่ค่อนข้างเป๊ะไปซะทุกเรื่องรวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ในโรงเรียนอีกด้วย และแน่นว่าถ้าหากพูดถึงเรื่องระบบการศึกษาล่ะก็ ประเทศฟินแลนด์เองก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าในด้านนี้อันดับต้นๆ ของโลก และอย่างที่เราทราบกันว่าโรงเรียนที่ฟินแลนด์มันคือสวรรค์ของเด็กๆ ชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นการบ้านหรือการสอบที่แสนจะน้อยนิด และกฎระเบียบที่ไม่เข้มงวดมาก แต่จะเป็นอย่างไรบ้างถ้าหากเด็กๆ จากฟินแลนด์ได้ยินเกี่ยวกับกฎต่างๆ ของโรงเรียนในญี่ปุ่น?? เมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพของรายารทีวีที่ได้ได้เผยให้เห็นคำตอบของเหล่าเด็กๆ จากประเทศฟินแลนด์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ภาพจากทวิตเตอร์ของคุณ @noginoginanamai “ในญี่ปุ่นมีกฎว่าห้ามนักเรียนย้อมผมและใส่ต่างหูมาโรงเรียน พวกหนูๆ คิดว่าอย่างไร้าง??” ทางรายการถามเหล่าเด็กๆ ชาวฟินแลนด์ “เราจะไม่ไปโรงเรียนแน่นอน ถ้าหากมีกฎแบบนั้น” ทางเว็บไซต์ Rocketnews ระบุว่ากฎระเบียบในโรงเรียนที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศนั้นอาจจะมาจากจุดประสงค์ของนโยบายการศึกษา ซึ่งจุดมุ่งหมายในการศึกษาของประเทศฟินแลนด์ก็คือการเรียนของพวกเด็กๆ เท่านั้น ซึ่งต่างจากบางประเทศที่ให้ความสำคัญกับด้านอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นความเป็นระเบียบวินัยของเด็กๆ นั่นเอง และแน่นอนว่าหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพจากรายการทีวีดังกล่าว ก็ได้มีชาวเน็ตญี่ปุ่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก ซึ่งบางคนก็บอกว่า “ไม่ใช่แค่โรงเรียนในฟินแลนด์เท่านั้นที่ไม่มีกฎเข้มงวด แต่ในโรงเรียนอาชีวะหรือพวกวิทยาลัยต่างๆ ก็ด้วย ฉันอิจฉาพวกเขาจริงๆ กฎเข้มงวดเหล่านี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้เลยอย่างนั้นหรือ??” ในขณะที่บางคนก็บอกว่า “แต่ในโรงเรียนเอกชนแพงๆ ก็ไม่ได้มีกฎที่เข้มงวดเหมือนกันนะ พวกเขาทำให้เด็กๆ อยากเรียนรู้ด้วยตัวเองและกฎต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่จำเป็น แต่น่าเสียดายที่โรงเรียนส่วนมากยังมีกฎที่เข้มงวดแบบนี้” แล้วโรงเรียนของเพื่อนๆ…
-
หนุ่มไปสัมภาษณ์งานแต่เจอคำถามสุดแปลก…คุณชอบแมวไหม? หวงพื้นที่ส่วนตัวหรือเปล่า?
หลายคนอาจจะเคยเจอประสบการณ์ในการถูกถามคำถามแปลกๆ ระหว่างการสัมภาษณ์งานกันมาบ้าง และชายหนุ่มในชื่อผู้ใช้ chestman_unbound จากเว็บไซต์ Reddit คนนี้ก็เช่นกัน เพราะในขณะที่ได้ไปสัมภาษณ์งาน ณ คลินิกแห่งหนึ่งนั้น เขาก็ถูกผู้สัมภาษณ์ถามคำถามสุดแปลกขึ้นมา 2 ข้อ คือ 1.คุณชอบแมวไหม? 2.คุณหวงพื้นที่ส่วนตัวหรือเปล่า? และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันที่ได้เริ่มเข้ามาทำงานในที่แห่งนี้เขาก็ได้รู้คำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าทำไม!! “ผมสงสัยว่าในระหว่างการสัมภาษณ์ทำไมเขาถึงถามผมว่า คุณชอบแมวไหม? และคุณมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัวหรือไม่?” เขากล่าว และแน่นอน…ใครจะไปคิดล่ะว่าคำถามธรรมดาๆ 2 ข้อนี้ จะเกี่ยวข้องกับงานที่เขาทำอยู่ เพราะภายหลังจากที่เขาตอบว่า ใช่..ผมชอบแมว และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนตัว นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในคลินิก เพราะสถานที่แห่งนี้มีแมวเหมียวสีขาวตัวหนึ่งอาศัยอยู่นั่นเอง เจ้าเหมียวผู้ไม่เข้าใจว่าโลกส่วนตัวมันเป็นอย่างไร ก็เลยมักจะเข้ามาก่อกวนการทำงานของมนุษย์อยู่เสมอ ส่วนมนุษย์ผู้ที่ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องนั่งทนให้มันกวนต่อไปแบบนี้แหละ อ่อม!! นี่คือต้องยอมใช่มั้ยยยยยย การก่อกวนเป็นสิ่งที่มันถนัดนักล่ะ และแม้ว่ามนุษย์จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำงานบ้าง แต่ใครล่ะจะกล้าหือ ตอนนี้คำถาม 2 ข้อที่เคยสงสัย ตอนนี้ก็ถูกคลี่คลายไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางเจ้าของคลินิกกำลังมองหาใครสักคนที่พร้อมจะเดินหน้าไปด้วยกัน และสามารถทำงานอยู่ร่วมกับแมวได้ ดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวจะชื่นชอบพนักงานใหม่คนนี้มากๆ เลยล่ะ…กวนทั้งวันเลยนะเอ็ง!! …
-
ความประทับใจของหนูน้อยวัย 9 ขวบ หลังจากที่ได้อ่านหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เป็นครั้งแรก
สำหรับแฟนๆ พ่อมดแม่มดทั้งหลาย เราเชื่อว่าหลายคนคงจะจำความรู้สึกในตอนที่อ่านหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เป็นครั้งแรกได้ นั่นอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกสนุก ตื่นเต้น ประทับใจ และหลงใหลในตัวละครต่างๆ กันไปเป็นที่เรียบร้อย ถ้างั้น Ellie หนูน้อยวัย 9 ขวบ จากเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกาคนนี้ ก็ไม่ต่างไปจากพวกคุณน่ะสิ เพราะหลังจากที่เธอได้เริ่มอ่านหนังสือดังกล่าว หนูน้อยก็รู้สึกประทับใจ แถมยังแอบเขียนคำถามตอนต่อไปทิ้งลงในกระดาษโน๊ตซะด้วย เมื่อ Teresa Eschmann แม่ของ Ellie เห็นว่าลูกสาวสุดรักของเธอกำลังเขียนคำถามเกี่ยวกับหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์” ลงในกระดาษโน้ตใบเล็กๆ เธอก็ได้แอบบันทึกภาพของลูกสาว แล้วนำภาพถ่ายดังกล่าวไปให้น้องสาวดู จนในที่สุดความน่ารักเหล่านี้ก็ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ Reddit จนได้รับความสนใจมากมายจากบรรดาชาวเน็ต “สเนปน่าสงสัย ฉันสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร” “เมื่ออยู่ในชั้นเรียน ครูของเธอพยายามที่จะทำให้เด็กเกิดความสงสัย และตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้อ่าน บางครั้งก็จะให้เขียนในสิ่งที่กำลังสงสัยลงไป และนั่นก็ทำให้ลูกสาวของฉันได้ตัดสินใจตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจังลงในกระดาษชิ้นเล็กๆ” Teresa กล่าว “แฮร์รี่จะทำได้ดีไหมในควิดดิชนัดแรกของเขา” นอกจากนี้…
-
20 ภาพลวงตาสุดอัศจรรย์ที่จะทำให้คุณต้องคิดสมองระเบิด ว่าความจริงคืออะไรกันแน่!!
ทุกวันนี้ชีวิตของเรานั้นมักจะถูกหลอกจากเรื่องต่างๆ มากมายในชีวิตของเราทั้งจากคำพูด ความเชื่อและอื่นๆ อีกมากมาย ทว่าการหลอกลวงพวกนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก… แต่ภาพลวงตานั้นกลับเป็นการหลอกลวงที่น่าสนใจมากๆ เพราะมันทำให้เราต้องกลับมานั่งคิดคำตอบว่าจริงๆ แล้วภาพลวงตานั้นมันเป็นยังไงกันแน่ มันเล็กหรือใหญ่ มันขยับไหม หรือมันมีสีนี้จริงๆ เหรอ ซึ่งมันสนุกมากๆ เลยจริงไหม? ฉะนั้นเราจะมาดู 20 ภาพลวงตาที่ดูแล้วต้องคิดตามกัน ว่าแต่จะเด็ดดวงขนาดไหนนั้นลองดู!! จริงๆ แล้วรถไฟนี้ไปทางไหนกันแน่ เห็นไมเคิลแจคสันในภาพนี้กันไหม? ถ้ายังลองออกไปให้ห่างจอดูสิ เชื่อไหมว่าจริงๆ แล้วรถสามคันนี้มีขนาดเท่ากัน สวนแห่งหนึ่งในปารีส ที่จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นวงกล้มนะ . จริงๆ แล้ววงกลมสีส้มทั้งสองวงที่เราเห็น มีขนาดเท่ากันทั้งคู่ จุดต่างๆ จริงๆ แล้วเป็นสีขาวล้วนเลยไม่มีสีอื่นเจือปน รูบิคที่เราเห็น จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่รูบิคจริงๆ ส้มที่เห็นก็ไม่ใช่ส้มจริง ดันเป็นภาพลวงตาซะได้ ภาพนี้เคลื่อนไหวหรือเปล่า? แล้วภาพนี้ล่ะ เคลื่อนไหวไหม? ภาพนี้เขาหันข้างหรือหันหน้ากันนะ …
-
เปิดบทสัมภาษณ์ 10 คำถามที่คุณอยากรู้ แต่ไม่กล้าถามเกี่ยวกับ “ผ้าโพกหัว” ชาวซิกข์!?
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีความรู้สึกสงสัย และอยากจะเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับวิถีชีวิต หรือความศรัทธาของกลุ่มชาวซิกข์ หากแต่กลัวว่ามันจะเป็นการลบหลู่ความเชื่อ และทำให้เราไม่กล้าที่จะถามเค้าไปตรงๆ ทางสื่อ The Mash-Up Americans จึงได้ทำการสัมภาษณ์ Rupinder Singh ชายชาวซิกข์สัญชาติอเมริกัน ที่จะมาไขข้อข้องใจกับ 10 คำถามที่หลายคนอยากรู้ แต่ไม่มีใครกล้าถาม ทำไมถึงต้องใส่ผ้าโพกหัว? “สำหรับชาวซิกข์ผ้าโพกหัวเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของพวกเขา วัฒนธรรมการโพกหัวมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และจุดประสงค์หลักก็เพื่อให้ผู้ศรัทธาตระหนักถึงความเท่าเทียมกัน” ผู้หญิงต้องใส่ผ้าโพกหัวด้วยรึเปล่า? “สำหรับชาวซิกข์แล้ว จะมีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่ใส่ผ้าโพกหัว ส่วนผู้หญิงจะมีผ้าคลุมที่เรียกว่า chunni หรือ dupatta แต่ปัจจุบันก็มีผู้หญิงหลายคนหันมาใช้วิธีการโพกหัวแทน” บางครั้งเราเห็นชาวซิกข์ที่ไม่โพกหัวก็มี? “เหมือนกับวัฒนธรรมอื่นๆ ผู้ศรัทธาไม่จำเป็นต้องโพกหัวเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อเสมอไป และมีหลายคนที่ไม่โพกหัวแต่ก็ยังคงศรัทธา และยึดมั่นในความเชื่อของตัวเอง” สีของผ้าโพกหัวสามารถบอกให้แก่เราได้บ้าง? “ไม่มีการระบุว่าผ้าโพกหัวจะต้องเป็นสีอะไร ซึ่งอันที่จริงมันจะเป็นสีอะไรก็ได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ส่วนตัวผมมีผ้าโพกหัวทั้งหมด 20 สีด้วยกัน” ผ้าโพกหัวของชาวซิกข์ แตกต่างจากหมวกทั่วไปอย่างไร? “แตกต่างจากหมวกทั่วไปก็ตรงที่ เราใช้ผ้าที่มีขนาดค่อนข้างยาวมาโพกหัวเราเอง อย่างของผมก็เป็นผ้าที่มีขนาดยาว 640…
-
นี่คือ 25 เด็กฉลาด ที่มีไหวพริบในการตอบข้อสอบที่ล้ำมากๆ อนาคตไกลแน่นอน!!
เด็กนั้นมีความใสซื่ออยู่ในตัว ยิ่งเด็กคนไหนที่ฉลาก คิดอะไรได้หลายตลบแล้ว ยิ่งทำให้ความใสซื่อนั้นพัฒนาร่างกลายเป็นอัจฉริยะได้เลยก็ได้ วันนี้ #เหมียวสามสี ก็เลยจะพาทุกท่านไปพบกับ 25 เด็ก(รวมถึงวัยรุ่นด้วย) มีความความคิดสร้างสรรค์ในการตอบคำถาม ซึ่งแต่ละข้อนั้นบอกได้เลยว่าคนแบบเราคิดไม่ถึงแน่ๆ เราไปดูกันเลยว่าจะเป็นยังไง!! คำถาม: ให้สมมติตัวเองเป็นคนจีนที่อพยพในช่วงปี 1870… แล้ววว เด็กนักเรียนซัดภาษาจีนให้ไปเลย เพราะคำถามบอกให้สมมติเป็นคนจีน แถมยังแปลได้อีกด้วยนะ ไม่มั่ว (แปลประมาณว่าชีวิตแย่มาก ทำธุรกิจอยู่ ขาดคนงาน พูดอังกฤษไม่คล่อง แต่ก็เข้าใจ) ถูกต้องแล้ว เวลาเราหกล้มก็ต้องลุกขึ้นยืนขึ้นมาใหม่ อย่ายอมแพ้สิ!! ช่างเป็นเด็กนักเรียนที่จิตใจงามเหลือเกิน น้องทำถูกแล้ว คนไม่ควรรังแกสัตว์นะ ถ้าติดเกาะ เลือกเอาว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนที่เกลียด /เด็กตอบ อยู่กับคนที่เกลียดเพราะจะได้มีอะไรกิน(กินคน) …ความคิดเข้าท่า เราจะเรียกสิ่งที่วิทยาศาสตร์ใช้จำแนกสิ่งมีชีวิตได้ยังไง /เด็กตอบ Racism(เหยียดเชื้อชาติ) …รุนแรงเหลือเกินนนน ให้วาดภาพตัวเองใน 100 ปีข้างหน้า เด็กมันก็ถูกของมันนะ บ้านเราน่าจะเป็นถ่านไปละ จะพูดว่าตอบผิดก็ไม่ใช่… ก่อน 1896 ก็ต้องเป็น…
-
จงทายชื่อสินค้าและบริการ จาก “20 สโลแกน” ดังต่อไปนี้ คุณจะตอบได้สักกี่ข้อ…
กว่าที่สินค้าหรือบริการต่างๆ จะถูกนำมาสร้างเป็นโฆษณาทั้งหลาย มันจะต้องผ่านกระบวนการคิดหลายขั้นตอนเพื่อให้สินค้าและบริการนั้นๆ กลายเป็นที่จดจำของคนทั่วไป ทั้งคิดชื่อผลิตภัณฑ์หรือสโลแกนติดหู จนบางคนจำเอาไปพูดจนติดปากเลยก็มี และเพื่อเป็นการทดสอบความจำของคุณ #เหมียวฟิ้นก็เลยจะขอนำเอาสโลแกนต่างๆ มาตั้งเป็นเกมสนุกๆ เพื่อให้คุณตอบว่าสโลแกนทั้งหมดนี้มาจากสินค้าและบริการอะไรบ้าง? จะตอบได้มากน้อยขนาดไหน เราไปลุยกันเลย!! [wp_quiz id=”550698″] ได้กันเท่าไหร่มาอวดหน่อยสิ ควิซโดย เหมียวฟิ้น
-
มาทดสอบสายตาของการ ‘จำแนกสี’ ขอบอกเลยว่ายากมาก ตอบถูกทุกข้อเป็นยอดมนุษย์!!
โดยปกติแล้วการเล่นควิซทายคำถามต่างๆ ที่ต้องใช้สายตาในการจำแนกสี หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันง่าย จิ๊บจ๊อยซะเหลือเกินแค่มองปร๊าดเดียวก็สามารถแยกสีที่แตกต่างออกจากกันได้แล้ว แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปเล่นควิซจำแนกสีแบบยากๆ เอาซะจนชนิดที่ว่าจ้องแล้วจ้องอีก เหล่แล้วเหล่อีก ก็ยังไม่สามารถอ่านออกได้ว่าตัวอักษรข้างในนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่ เอาล่ะ…ถ้าพร้อมแล้วก็อย่ารีรอมาเล่นกันเลยดีกว่า!! (มีเฉลยอยู่ล่างสุดนะจ๊ะ) 1. มาเริ่มกันด้วยข้อที่ง่ายๆ กันก่อน 2. แบบนี้มองปร๊าดเดียวก็รู้แล้ว ไม่เห็นจะยากตรงไหน 3. E Z มากๆ 4. ก็ยังถือว่าจิ๊บๆ อยู่ล่ะนะ 5. เด็กๆ แถวบ้านก็มองออก 6. ….!!?? นี่มันเป็นสีเดียวกันหมดรึเปล่าฟร๊ะเนี่ย? 7. ใครมันจะไปแยกออกล่ะพี่!? 8. ยอมแล้วจ้าาาาา ข้ามไปดูเฉลยเลยแล้วกัน เฉลย 1. TREE 2. EAT…
-
รวม 5 คำถามสุดล้ำที่ “Google” เคยใช้สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน คุณล่ะจะตอบได้หรือเปล่า!?
หากพูดถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกที่ใครก็อยากจะไปทำงานด้วย เชื่อว่า “กูเกิ้ล” ถือว่าเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คน ด้วยค่าตอบแทนที่เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อและสวัสดิการอันดีเยี่ยม มีใครบ้างจะปฏิเสธบริษัทเจ้าพ่อเสิร์ชเอนจิ้นบริษัทนี้ได้ลง อย่างไรก็ตาม การเข้าทำงานกับกูเกิ้ลไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะพวกเขาต้องคัดแล้วคัดอีกว่าผู้ที่จะมาร่วมงานกับพวกเขา จะต้องเป็นระดับหัวกระทิคั้นสดๆ ทุกคน และหนึ่งด่านที่ผู้สมัครทุกคนต้องเจอก็คือ “การสัมภาษณ์” แน่นอนว่าระดับบริษัทอย่างกูเกิ้ล พวกเขาคงไม่ถามคำถามสัมภาษณ์ธรรมดาๆ เช่น “ทำไมคุณถึงอยากทำงานกับเรา” หรือ “ลองบอกข้อดี-ข้อเสียของคุณมาหน่อยซิ” อะไรแบบนี้หรอก มันจะต้องล้ำและประเทืองปัญญาแบบสุดๆ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 5 คำถามสัมภาษณ์สุดล้ำที่ทางกูเกิ้ลเคยใช้ถามผู้สมัครงาน จะยาก จะเจ๋งขนาดไหน ไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า (ใครจะหยิบกระดาษขึ้นมาทำด้วยก็ไม่ว่ากันนะฮะ) 1. ลูกบิลเลียด มีลูกบิลเลียดอยู่ 8 ลูก หนึ่งในนั้นมีน้ำหนักมากกว่าลูกอื่นๆ อยู่นิดหน่อย ถามว่าเราต้องนำลูกบิลเลียดไปชั่งบน ตาชั่งสองแขน กี่ครั้ง ถึงจะรู้ว่าลูกไหนน้ำหนักไม่เหมือนเพื่อน 2. ศพในทะเลทราย มีการพบศพชายคนหนึ่งในทะเลทราย ในมือของเขาถือก้านไม่ขีดอยู่ ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ลองจินตนาการอย่างสมเหตุสมผลหน่อยว่าเขาตายได้ยังไง 3. น้ำ…
-
20 คำถามสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ของ Harry Potter มาดูซิว่าคุณเป็น ‘ผู้วิเศษ’ หรือ ‘มักเกิ้ล’ กันแน่!?
ถ้าเพื่อนๆ คิดว่าตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของภาพยนตร์พ่อมดน้อย Harry Potter ล่ะก็ เชื่อได้ว่าเพื่อนๆ จะต้องรู้คำตอบของคภถามเหล่านี้กันอย่างแน่นอน!! ว่าแล้วก็มาพบกันได้เลยกับ 20 คำถามระดับโคตรยากจากโลกพ่อมดแม่มด มาดูกันซิว่าแท้จริงแล้วคุณเป็น ‘ผู้วิเศษ หรือ มักเกิ้ล’ กันแน่!? (คำตอบจะอยู่ใต้ภาพ เพราะฉะนั้นตอบให้ได้ก่อนเลื่อนลงไปดูเฉลยนะ) 1. ทุกๆ คนรู้จักผีประจำบ้านของ Gryffindor ที่ชื่อว่า Nearly Headless Nick หรือ นิกหัวเกือบขาด แล้วใครพอจะรู้ชื่อจริงของเขาบ้าง!? คำตอบ: Sir Nicholas de Mimsy-Porpington 2. Harry, Ron และ Hermione ช่วยศิลาอาถรรพ์หรือ Sorcerer’s Stone จากการถูกขโมย…คำถามก็คือ Nicholas Flamel เจ้าของศิลาอาถรรพ์อายุกี่ปีในตอนนั้น? คำตอบ: 665 ปี 3. Snape ชอบที่จะประชดประชันแฮร์รี่เสมอ แต่ในวันแรกที่เขาเข้าเรียนวิชาปรุงยา คำถามของสเนปที่แฮร์รี่ตอบไม่ได้ว่า ‘Monkshood และ Wolfsbane’ คืออะไรนั้น ทั้งสองมีอีกชื่อว่าอะไร? คำตอบ: Aconite …
-
14 คำถามของการ์ตูนดิสนีย์ บางอย่างมันก็น่าสงสัย แต่ไม่เคยได้รับคำตอบสักที…
ก่อนอื่น… เน้นขำๆ นะจ๊ะ ไม่ซีเรียสกันน้ออออออ ^^ ในส่วนของการ์ตูน Disney ถือว่าเป็นขวัญใจของเด็กๆ และทั่งผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ในแทบจะทุกๆ เรื่องราวเลยก็คือ ‘ความสมเหตุสมผล’ ที่มักทำให้เรากังขากันอยู่เสมอๆ และในวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับคำถามและข้อกังขา จากการ์ตูนดิสนีย์ทั้ง 14 เรื่อง ที่แม้จะผ่านไปนานขนาดไหนก็ยังไม่ได้รับคำตอบเสียที…ลองมาดูกันเลยว่าจะมีสักข้อมั้ยที่คาใจเพื่อนๆ อยู่?? ในเรื่อง Pocahontas เธอสื่อสารกับ John Smith ได้อย่างไร เมื่อเขาเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่เธอเจอ?? ในเรื่อง Cinderella พ่อก็ตายไปแล้ว แม่เลี้ยงใจร้ายก็ข่มเหงเธอขนาดนั้น ทำไมเธอถึงไม่มีความคิดที่จะหนีออกจากบ้านบ้างนะ?? Finding Nemo…ทำไมครีบของนีโม่ถึงได้รับบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่นีโม่ยังคงเป็นไข่ปลาอยู่?? จากเรื่อง Beauty and the Beast ทำไมเจ้าชายอสูรถึงใช้ส้อมไม่เป็นล่ะ ทั้งๆ ที่เขาเคยเป็นมนุษย์มาก่อน?? ใน Sleeping Beauty ทำไมเจ้าหญิงถึงสามารถมีชีวิตรอดได้ทั้งๆ ที่ไม่มีน้ำหรืออาหารล่ะ?? Tangled…
-
ความรัก 7 ปีพังไปเพราะ ‘นอกใจ’ มานั่งคุยกันอีกครั้ง ‘เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย!?’
เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านนั้น #เหมียวเลเซอร์ ได้นำเสนอในเรื่องราวความรักอันยาวนานถึง 7 ปีของคู่รัก Andrew และ Ali ที่มานั่งเปิดอกคุยกันอีกครั้งให้หลัง 2 ปีจากที่เลิกรากันไป เพื่อหาสาเหตุที่ว่า ‘ทำไมถึงนอกใจ’ (อ่านเนื้อหาเก่า) ซึ่งหลังจากที่เราได้รับชมไปแล้วนั้น ก็ไม่อาจหาคำตอบจากฝ่าย Andrew ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่เต็มใจที่จะตอบ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ไม่สามารถย้อนคืนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ส่วนที่เหลือก็คือการมองไปข้างหน้า ว่าทั้งสองนั้นจะลงเอยกันแบบไหน ในคลิปภาค 2 ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว หลังจากที่จบภาคแรกไปแล้วนั้น Andrew ยังคงให้คำตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงคิดนอกใจ Ali แต่ยังพยายามอธิบายเหตุผลแบบอ้อมๆ อยู่อย่างนั้น Andrew: ผมว่าผมอาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ผมต้องฝ่าฟันมันไปในแบบที่ควรจะเป็น Ali: ใช่ Andrew: มันอาจจะฟังดูตลกนะ แบบว่าผมอยากจะไปออกเดทกับคุณอีกครั้ง เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าผมควรจะทำยังไง Ali: มันก็ฟังดูดีนะ แล้วจะชวนออกไปเดทเลยมั้ยล่ะ? Andrew: อื้อ จะไปออกเดทกับผมมั้ยล่ะ (เสียงหัวเราะก็ตามมา) และแล้วก็ตามมาด้วยคำถามที่ว่า อยากจะบอกอะไรกับแฟนใหม่ของ Ali บ้างมั้ย?…
-
เงิบเลยดิ!! โจทย์คณิตฯ แบบไม่เคลียร์ หาคำตอบไม่ได้ นี่มันปรัชญาทางคณิตศาสตร์รึเปล่า
หนึ่งในวิชาที่มีคนเกลียดและชอบมากที่สุดก็คือ คณิตศาสตร์ เรื่องของตัวเลขที่จะต้องหาคำตอบสุดท้ายให้ได้ ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีการคิดที่แตกต่างกัน แต่ผลสุดท้ายคำตอบของโจทย์นั้นก็จะมีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น!! ถึงแม้ว่าโจทย์จะยุ่งเหยิงซักแค่ไหน เพียงแค่หาวิธีทำและคิดออกมามันก็หาคำตอบได้อยู่ดีแหละ แต่จะว่าไปแล้วหากโจทย์คณิตฯ ข้อนั้น กลับบอกใบ้แบบงงๆ มันก็เลยทำให้กลายเป็นปริศนาที่ไขไม่ออกอย่างเช่นโจทย์คณิตศาสตร์จากญี่ปุ่นข้อนี้ 難問… pic.twitter.com/OrJm8S7JEq — zero (@__zero____) 1 ธันวาคม 2015 สำหรับโจทย์ข้อหนึ่งนั้นถามเอาไว้ว่า ‘โน๊ตบุ๊คมีราคา 100 เยน ถูกกว่ากล่องใส่ดินสอ 20 เยน คำถามคือยางลบจะมีราคาเท่าไหร่?’ เอาล่ะ พอเจอคำถามแบบนี้เข้าไป ถึงกับงงเลย คือให้ตัวแปรมาสองตัวแล้ว ส่วนตัวที่สามโผล่มาจากไหนกัน นี่มันปรัชญาทางคณิตศาสตร์รึเปล่า แล้วแบบนี้จะให้ทำอย่างไรต่อไป เมื่อชีวิตมาถึงทางตัน!? ส่วนข้อที่สองนั้นถามว่า ‘แซนด์วิชราคา 98 เยน ราคาถูกกว่าขนมปังถั่วแดง 10 เยน แล้วขนมปังถั่วแดงจะมีราคาเท่าไหร่’ อันนี้ชัดเจน เข้าใจ หาคำตอบได้แน่นอน แต่ไอ้ข้อแรกนี่แหละ ยางลบมันมาจากไหน? ที่มา…
-
คุณแม่ทำความสะอาดห้องน้ำในบ้านเจอของเล่นลูกชาย หย่อนคำถามจนทวิตเตอร์ลุกเป็นไฟ!!
กลายเป็นเรื่องที่สะกิดต่อมฮาจนได้ เมื่อคุณแม่ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่ชื่อว่า Patty Parsons ได้เข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำชั้นล่างภายในบ้าน แล้วก็ไปเจอกับสิ่งของบางอย่างติดอยู่กับผนังห้องน้ำ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แถมมีแต่ลูกชายของเธอเพียงคนเดียวที่ใช้ห้องน้ำนี้ และด้วยความสงสัยของคุณแม่ ก็เลยหย่อนประเด็นคำถามลงไปในทวิตเตอร์ของเธอ มีใครรู้บ้างว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร? ว่าแล้วก็มีผู้ใจดีเข้ามาตอบคำถามให้กับเธอ บ้างก็ว่าเป็นที่หนีบแปรงฟันบ้าง บ้างก็ว่าเป็นไมโครโฟนของเล่น คุณแม่ยังบอกเลยนะว่า ได้กลิ่นหอมละมุนละไม ฮ่าฮ่า!! เจอรายนี้บอกว่าเป็นตัวหนีบฝักบัว สีฟ้าอ่อนแบบนี้คนดังนิยมใช้กันด้วยนะเออ!! คำถามของคุณแม่ไปไกลเกินกว่าจะหยุดยั้งแล้ว ผู้คนแห่กดรูปหัวใจ (ไลค์) ให้กับทวีตคำถามของเธอกันมากมาย โทรศัพท์ของคุณแม่กระพริบตลอดเวลาจากทวีตต้นเรื่อง คุณแม่ยังไม่ยอมหยุดยั้งง่ายๆ มีการไปค้นห้องของลูกชายเพิ่มเติมตอนที่ลูกชายออกไปทำงานอีกแหนะ และแล้วก็เจอร่างแยกอีกอัน ฮ่าฮ่า!! ลูกชายของคุณแม่นี่เหลือร้ายจริงๆ (ยังจะคิดว่าเป็นไฟฉายอยู่อีกเรอะ?) ตายละหว่า ลูกชายของคุณแม่ไม่เหลือความลับอะไรอีกต่อไปแล้ว ของเล่นยอดชายโผล่มาซะขนาดนี้ ก็บอกแม่ดีๆ เถอะ ที่มา : thechive
-
14 คำถามอันแสนน่าเบื่อหน่ายที่ “คนตัวสูง” มักได้ยินเป็นรอบที่แสนครั้ง
คนตัวสูง ไม่ใช่ว่าจะจะดูดีไปเสียหมดนะ มันก็มีช่วงเวลาที่ความสูงมันเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมากด้วย เพียงแต่คนตัวปกติไม่เคยจะเข้าใจคนตัวสูงเลย นอกจากจะเจออุปสรรคกับร่างกายตัวเองแล้ว ยังต้องมาพาเจอกับคำถามที่คนมักจะถามอยู่เสมอว่าตัวสูงแล้วอย่างนั้นอย่างนี้มั้ย ซึ่งถ้าใครตัวสูงก็คงจะทราบกันดีว่ามันเป็นคำถามที่เจอแทบทุกช่วงเวลาในชีวิต เราไปดูกันดีกว่าว่าชีวิตคนตัวสูงต้องเจอคำถามอะไรบ้าง 1. ตัวสูงแบบนี้ แท่งหรรษาก็ต้องยาวด้วยอ่ะดิ? เมื่อไหร่ความเชื่อนี้จะหมดไปซักทีนะ 2. เตียงยาวขนาดไหนเนี่ย อยากรู้? ก็เท่าๆบ้านคุณแหละ นอนขดๆเอา 3. กินอะไรถึงได้สูงขนาดนี้เนี่ย? กินนี่ไง!! 4. ตัวสูง วิวดีเลยใช่มั้ยล่ะ? หึหึ แบบนี้ต้องลอง 5. พ่อกับแม่ก็คงตัวสูงใช่มั้ย? เอิ่ม.. อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน 6. เมื่อไหร่แกจะหยุดสูงเสียที? เมื่อไหร่แกจะหยุดถามเสียที 7. สูงขนาดนี้ไปหาชุดมาใส่จากไหน? กระเป๋าโดเรม่อนมั้ง 8. สูงขนาดนี้ก็ต้องกินเยอะด้วยอ่ะดิ? หิวก็กินหมดแหละ …
-
‘ทำไมต้องเรียนหนังสือ?’ ที่ปรึกษาด้านการศึกษาของญี่ปุ่น ตอบได้อย่างลึกซึ้งและคมคาย!!
การศึกษาถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อเสริมสร้างความรู้และเปิดโลกให้กว้างได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในสังคมญี่ปุ่นก็ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก แต่ก็ใช่ว่าเด็กทุกคนจะรักการเรียนเสมอไป จนกระทั่งกลายมาเป็นคำถามว่า ‘ทำไมต้องเรียนหนังสือ?’ ผู้เชี่ยวชาญและเป็นที่ปรึกษาทางด้านการศึกษาของญี่ปุ่น คุณ Nobufumi Matsunaga ก็ได้ให้ความสำคัญกับคำถามที่ว่านี้ และการจะตอบคำถามนั้นจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องขัดเกลาคำตอบให้กระจ่างแจ้ง เพื่อทำให้เด็กๆ เข้าใจว่าทำไมการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มจากคำตอบในทางด้านบวกกันก่อน ‘การศึกษาจะสะท้อนได้ดีที่สุดนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยและพัฒนาการของเด็ก โดยทั่วๆ ไปแล้วการศึกษาจะช่วยให้คุณพัฒนาตัวเอง ส่งผลให้คุณสามารถไปประกอบอาชีพที่คุณชอบและสามารถหาเงินเลี้ยงชีพในอนาคตได้ ทั้งนี้เรียนหนังสือก็เพื่ออิสรภาพนั่นเอง’ แต่ที่เราเรียนหนังสือกันนั้นก็ใช่ว่าจะเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองเสมอไป เขากล่าวเสริมเอาไว้ว่า ‘นอกจากนี้ โลกของเราเต็มไปด้วยการโกหกและการหลอกลวง และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราต้องการที่จะเติบโตขึ้นเพื่อให้รู้ทันคน เราสามารถสามารถตรวจจับการโกหกด้วยการเรียนหนังสือ แต่ถ้าเราไม่พัฒนาทักษะทางด้านตรรกะความคิดจากการเรียนหนังสือเลย คุณก็จะมารู้สึกเสียใจในภายหลัง’ ทั้งนี้เขากล่าวปิดท้ายไว้อย่างคมคายว่า ‘เด็กๆ จะมีความอ่อนไหวต่อแนวคิดของการได้มาและการสูญเสีย เพราะฉะนั้นการอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้พวกเขาเข้าใจ ก็จะทำให้พวกเขาเห็นภาพอนาคตของตัวเองหลังจากให้ความสำคัญกับการศึกษา’ ที่มา : rocketnews24