Tag: ค้นพบ
-
ทีมวิจัยค้นพบ “งูชนิดใหม่” ที่ยังระบุพันธุ์ไม่ได้ แอบซ่อนอยู่ใน ‘ท้อง’ ของงูอีกตัวหนึ่ง
ล่าสุด นักวิจัยได้ค้นพบ งู สายพันธุ์ใหม่อยู่ในท้องของงูด้วยกันเองในเม็กซิโก ทีมนักวิจัยได้พบชิ้นส่วนของงูที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน หลบซ่อนอยู่ในท้องของงูปะการังอเมริกากลางตัวหนึ่ง โดยชิ้นส่วนที่พบนั้นถูกเก็บรักษาเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์นานถึง 40 ปี กระทั่งวันนี้มีคนสนใจจะศึกษามันอย่างจริงจัง ผู้วิจัยที่ค้นพบมัน เรียกมันว่า Cenaspis aenigma ที่แปลว่า งูอาหารเย็นลึกลับ และเขียนชื่อนี้ลงไปในงานวิจัยตีพิมพ์ที่ชื่อว่า The Curious Case of a Consumed Chiapan Colubroid Jonathan Campbell หัวหน้านักวิจัยพร้อมทีมงานจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสได้พบว่าชิ้นส่วนที่พบนั้นเป็นงูเพศผู้ที่โตเต็มวัย ซึ่งมีความยาวอยู่ที่ 258 มิลลิเมตร (ราว 26 เซนติเมตร) โดยทางทีมนักวิจัยระบุว่า มันน่าจะเป็นงูประเภทที่จะใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินหรือ Burrowing Snake แต่กะโหลกของมันจะยาวกว่า และลายของมันก็จะเป็นลายเรียบๆ Campbell กล่าวกับ National Geographic ว่า “นี่คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้พวกเรารู้ว่าสัตว์ประเภทงูมันลึกลับซับซ้อนขนาดไหน” โดยทีมวิจัยกล่าวว่า งูชนิดนี้ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก ที่มา: metro และ nationalgeographic
-
พบ “ร่องรอยสิ่งมีชีวิต” จากภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคาร มีทั้งสิ่งก่อสร้างและซากเอเลี่ยน
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวนั้นถือเป็นเรื่องน่าสนใจทีเดียว เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์เราก็ยังไม่สามารถตอบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงกันแน่ หลายครั้ง มีข่าวคราวการปรากฏขึ้นของ UFO หรือ เอเลี่ยน ออกมามากมายทั่วโลกอินเทอร์เน็ต แต่นั่นก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือเรื่องจริงไม่ใช่ตัดต่อ เร็วๆ นี้เมื่อช่วงวันที่ 13 สิงหาคม 2018 ข่าวคราวที่ว่ามีแววจะพบ “มนุษย์ต่างดาว” ก็กลับมาอีกครั้งหลังจากมีคนพบว่าภาพถ่ายดาวอังคารที่ทางเว็บไซต์ Gigapan ได้เผยออกมาเมื่อปี 2015 นั้น มีบางอย่างดูคล้ายกับ “สิ่งก่อสร้าง” ปรากฏขึ้นในภาพ ภาพถ่ายดาวอังคาร และสิ่งที่ดูเหมือนสิ่งก่อสร้าง เชื่อกันว่าอาจเป็นฐานทัพของเอเลี่ยน แต่เรื่องราวนี้ก็ไม่ได้รับการสานต่อแต่อย่างใด ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงการก่อตัวของชั้นหินบนพื้นผิวดวงดาว ทางองค์การ NASA เองก็ไม่มีท่าทีจะสนใจเรื่องดังกล่าว ล่าสุดในวันที่ 27 สิงหาคม 2018 กลับมีเหตุให้ต้องหันมาสนใจเรื่องของเอเลี่ยนบนดาวอังคารอีกครั้งหลังมีคนพบว่าภาพถ่ายดาวอังคารจาก NASA นั้นเผยให้เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิต เริ่มต้นจากนาย Steve Martin อดีตข้าราชการพลเรือนวัย 56 ปีจากเมืองเคนท์ ที่บังเอิญไปเห็นว่าในภาพถ่ายพื้นผิวดาวอังคารของ NASA นั้น มีภาพคล้ายกับสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่ในภาพ ภาพดังกล่าว Steve เชื่อว่ามองเห็นเหมือนกับ ตา ปาก…
-
ข่าวดี!! นักวิทย์พบประชากร ‘เพนกวิน’ 1.5 ล้านตัวอยู่บนเกาะห่างไกลในแอนตาร์กติกา
ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยทีเดียวเมื่อนักวิทย์ค้นพบประชากรเพนกวินกว่า 1.5 ล้านตัว อาศัยอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน!! นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสำรวจเกาะต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญในทวีปแอนตาร์กติกา ถึงกับต้องเซอร์ไพรส์เมื่อพวกเขาได้พบเจอกับเพนกวินฝูงใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1.5 ล้านตัว ตามรายงานการวิจัยที่ปล่อยออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าเพนกวินดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ Adélie Penguins ถูกพบบนเกาะที่มีชื่อว่า Danger Islands ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากฝั่ง Antarctic Peninsula “โดยปกติแล้วเกาะเหล่านี้จะมีประชากรเพนกวินอาศัยอยู่มากมาย” Michael Polito ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุทรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ชายฝั่งทะเล จากมหาวิทยาลัย Louisiana State University หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว เพนกวิน Adélie นั้นสามารถพบเจอได้เฉพาะในแถบแอนตาร์กติกาเท่านั้น และจากเดิมเราเข้าใจผิดมาตลอดว่าจำนวนของมันค่อยๆ ลดลงไปเนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำแข็งละลายเป็นเหตุให้ที่อยู่อาศัยของมันถูกทำลาย “แต่เดิมพวกเราออกสำรวจกันแค่ฝั่งตะวันตก แต่ฝั่งตะวันออกยังไม่เคยตรวจสอบมาก่อน เพราะเป็นสถานที่ที่เข้าไปถึงได้ยากเนื่องจากสภาพอากาศที่โหดร้าย” ท่านรองศาสตราจารย์กล่าว นอกจากนี้การตรวจสอบภาพจากดาวเทียมบนเกาะ Danger Island พบว่ามีร่องรอยของอุจจาระเพนกวินอยู่ แต่ไม่คิดว่าจำนวนของมันจะมีมหาศาลถึงเพียงนี้ เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าทีมนักวิจัยอย่างมากเลยทีเดียว จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่ามีรังของเพนกวินมากกว่า 751,527 รัง และจากการคำนวณดูก็ทำให้ทราบคร่าวๆ ว่าจำนวนประชากรของพวกมันน่าจะมีราวๆ 1.5 ล้านตัว นักวิจัยได้คาดการณ์เอาไว้ว่าแท้จริงแล้วเพนกวินเหล่านี้เคยอาศัยอยู่ที่ฝั่งตะวันตกมาก่อน แต่เพราะฝั่งตะวันออกนี้มีพื้นน้ำแข็งที่แข็งแรงและมั่นคง…
-
นักจิตวิทยาใช้เวลา 3 ปี หา ‘โรคจิต’ ในหนังกว่า 400 เรื่อง ที่เหมือนจริงมากที่สุด!!
คำว่า “โรคจิต” หากว่าอธิบายอย่างง่ายๆ ก็คือคนที่มีพฤติกรรมและจิตใจที่ผิดปกติ ส่วนมากจะสังเกตเห็นได้ว่า คนโรคจิตจะจิตใจเย็นชา ชอบใช้ความรุนแรง และมักจะหาความสุขให้ตัวเองในวิธีแปลกๆ การสังเกตคนโรคจิตจะแบ่งได้เป็นสองประเภท ก็คือผู้ที่เป็นโรคจิตที่เห็นได้ชัดเจน (Classic) กับผู้ที่เป็นโรคจิตแบบไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic) ซึ่งบางครั้งอาการโรคจิตก็สังเกตได้ยากเนื่องจาก อาการสามารถถูกกลบฝังไว้ได้ ภายใต้พฤติกรรมที่ดูปกติ ทั้งนี้ในปี 2014 ก็ได้มีนักจิตวิทยาชาวเบลเยี่ยมท่าหนึ่งนามว่า Samuel Leistedt ต้องการจะค้นหาภาพยนตร์ที่ภายในเรื่องมีตัวละครโรคจิตที่เสมือนจริงที่สุด Leistedt จึงรวบรวมพรรคพวก 10 คนมาช่วยกันดูภาพยนตร์จำนวน 400 เรื่อง ซึ่งใช้เวลาไปกว่า 3 ปีด้วยกัน ภาพยนตร์ที่เขาเลือกดูจะอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 1915 จนถึง 2010 ซึ่งหลังจากที่พวกเขาชมภาพยนตร์ทั้ง 400 เรื่องเสร็จเรียบร้อย ทำให้พบตัวละครที่มีความเป็นโรคจิต 126 ตัว และผลลัพธ์ที่พวกเขาค้นพบครั้งนี้หากเรียงตามความสมจริงของอาการโรคจิต จะพบว่า… อันดับที่ 6 นับทศวรรษ ภาพยนตร์ฆาตกรนักเชือดทั้งหลายได้แสดงออกถึงการเป็นโรคจิตที่ ไม่สมจริงสุดๆ ภาพยนตร์อย่างเช่นเรื่อง A Nightmare on Elm Street และ Friday the…
-
ชาวโลกแบน เผยผ่านงานประชุมว่า “โลกแบน” ได้ยังไง พิสูจน์ด้วยหลักวิทย์ (แบบพวกเขา)
ใครๆ ก็ทราบดีว่าโลกที่เราอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้มีทรงคล้ายผลส้ม ซึ่งสามารถอธิบายออกมาโดยหลักฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ได้เป็นฉากๆ พร้อมทั้งหลักฐานอื่นๆ มากมาย เช่น ภาพจากอวกาศ ภาพขอบฟ้าบนท้องทะเล หรือกระทั่งลูกโลกจำลองที่สร้างขึ้นให้มันมีทรงกลม ดังนั้นหากมีใครมาบอกคุณว่าโลกไม่กลมล่ะก็ คุณคงเถียงสุดใจเลยใช่ไหมล่ะครับ แต่ก่อนจะเถียงช่วยอ่านบทความนี้ก่อนจะดีกว่า เพราะว่ากลุ่มคนจำนวนไม่น้อยได้ออกมาบอกว่าโลก “แบน” ณ รัฐนอร์ทแคโรไลนาได้มีงานประชุมที่ชื่อว่า Flat Earth International Conference เกิดขึ้น เป็นงานประชุมแถลงการณ์เกี่ยวกับทฤษฎีโลกแบน ที่มีผู้คนเข้าร่วมจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าโลกที่เราอยู่นั้นแบน และทุกภารกิจท่องอวกาศนั้นเป็น “เรื่องโกหก” องค์การนาซา (NASA) และรัฐบาลโลกกำลังหลอกลวงพวกเราอยู่ หนึ่งในผู้บรรยาย Rob Skiba กล่าวว่า “ความเชื่อที่เชื่อกันมานานว่าโลกกลมนั้นกำลังซ่อนพระเจ้าที่แท้จริงอยู่” Skiba ก็ยังเชื่อว่าโลกมีลักษณะเหมือนกับที่ปรากฏในคำภีร์ไบเบิล และยังเชื่ออีกด้วยว่าองค์การนาซานั้นกำลังปิดบังความจริงที่ว่าโลกแบนอยู่ “ผมมีข้อสงสัยกับทุกสิ่ง และนั่นก็เป็นสิทธิ์ของผมด้วย” เขากล่าว Andrew Flintoff กล่าวว่า “หากคุณกำลังอยู่บนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แล้วบินฉวัดเฉวียนทำไมโลกถึงไม่เข้ามาใกล้คุณถ้ามันเป็นทรงกลมจริงๆ? ทำไมเวลาที่เราบินขึ้นไปบนอวกาศน้ำถึงยังนิ่งเฉย ทำไมถึงไม่ไหวเอนไปมา?” “และถ้าหากคุณยิงแสงเลเซอร์ออกไป 25 กิโลเมตร แล้วโลกเป็นทรงกลมจริงๆ คุณต้องมองไม่เห็นแสงเลเซอร์นั้นแต่คุณกลับมองเห็น” เขายังกล่าวถึงเรื่องการปิดบังความจริงอีกด้วยว่า “ตรงกึ่งกลางของโลกคือขั้วโลกเหนือ…
-
นักวิทย์สามารถไขรหัสลับอายุกว่า 500 ปี จากคัมภีร์ลึกลับที่สุดในโลกได้สำเร็จแล้ว
Voynich Manuscript หรือว่า “ข้อเขียนวอยนิช” นั้นถือว่าเป็นหนังสือโบราณที่เขียนด้วยอักษรและภาษาที่ไม่มีใครรู้จัก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้พยายามอ่านมันมาเป็นเวลาหลายปี ขณะนี้มีข่าวออกมาว่า ผู้เชี่ยวชาญได้เริ่มถอดความข้อเขียนวอยนิชออกแล้ว ทำการศึกษาโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าภาษาที่เขียนในหนังสือเล่มนี้นั้นเป็นภาษาฮิบรู หนังสือเล่มนี้ถูกนำเข้ามาในโปแลนด์ตั้งแต่ปี 1912 โดยนักสะสมหนังสือหายากชื่อว่า Wilfrid Voynich เนื้อหาและที่มาของหนังสือนั้นยังไม่มีใครทราบ แต่หลายคนเชื่อว่ามันถูกเขียนขึ้นในอิตาลีช่วงยุคสมัยฟื้นฟูศิลปะและวัฒนธรรม มีรายงานจาก Metro ว่า Greg Kondrak หัวหน้าผู้ศึกษาข้อเขียนวอยนิชได้กล่าวว่า “มันถูกเขียนออกมาเป็นประโยคที่มีหลักไวยากรณ์ มันอาจจะดูแปลกๆ แต่มันสมเหตุสมผล” กลุ่มผู้ศึกษาลองใช้โปรแกรมถอดรหัสทางสถิติเพื่อตีความประโยคแรกของข้อเขียน ซึ่ง Kondrak ออกมาเผยว่ามีความถูกต้องถึงร้อยละ 97 โดยทางกลุ่มผู้ศึกษาเองได้ออกมายอมรับว่าพวกเขาสามารถจำแนกศัพท์บางคำได้แล้ว เช่นคำว่า ชาวนา แสง และอากาศ เป็นต้น และเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญภาษาฮิบรูจะสามารถนำมันไปตีความได้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีคนบอกว่าข้อเขียนวอยนิชนั้นเป็นของที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อหลอกลวง แต่จากการวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์แล้วพบรูปแบบของภาษาจาก ศตวรรษที่ 15 ที่ไม่น่าปลอมแปลงขึ้นมาได้ เป็นการค้นพบที่น่าอัศจรรย์มาก หวังว่าในวันข้างหน้าจะสามารถถอดความเนื้อหาของมันได้นะครับ อาจจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ในนั้นที่ทำให้มนุษยชาติต้องสะทกสะท้านก็เป็นได้ ที่มา: Ladbible และ…
-
พบเพชรดิบ 910 กะรัต เทียบเท่าลูกกอล์ฟ 2 ลูก มูลค่าสูงถึง 1,200,000,000 บาท!!
อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่าเพชรนั้นเป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีความสวยงามและชวนหลงใหลอย่างมาก ด้วยประกายแสงที่สะท้อนออกมาจากผลึกของมันนั้นทำเอาหลายๆ คนอยากจะเป็นเจ้าของ และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีรายงานหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เมื่อมีการค้นพบเพชรขนาด 910 กะรัตในเหมืองเพชรที่ประเทศเลโซโท (ประเทศในแอฟริกา) ที่ทำเอาวงการอัญมณีถึงกับต้องตะลึงเลยทีเดียว เพชรที่ถูกค้นพบครั้งนี้จัดอยู่ในประเภทของ IIa ซึ่งถือเป็นประเภทที่พบได้ยากมาในธรรมชาติ โดยจากรายงานระบุว่าเพชรประเภทดังกล่าวมีเพียงแค่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ในธรรมชาติเท่านั้น โดยปรกติแล้วเพชรประเภทดังกล่าวนั้นจะไม่มีสีสันและไม่มีการสะท้อนแสงเหมือนกับเพชรทั่วๆ ไป โดยเพชรน้ำหนักกว่า 182 กรัมนี้ถูกค้นพบในเหมืองเพชรของบริษัท Gem Diamonds บริษัทสัญชาติอังกฤษที่มีฐานการผลิตอยู่ทั่วโลก “ตั้งแต่ที่เราเริ่มทำเหมืองที่เมืองเพชรที่ Letšeng ในปี 2006 เราสามารถขุดเพชรรวมกันได้มากกว่า 603 กะรัตแล้ว และที่เหมืองนี้ก็ถือเป็นแหล่งผลิตเพชรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว” คุณ Clifford Elphick เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Gem Diamonds กล่าว ทางด้านคุณ Ben Davis ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีได้ประเมิณค่าของอัญมณีขนาดใหญ่ก้อนนี้ว่ามีมูลค่ามากถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,200 ล้านบาทเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ได้มีการค้นพบเพชรก้อนใหญ่ที่ประเทศบอตสวานาด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อกันว่ามันคือเพชรดิบก้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยมูลค่าของมันหลังจากที่ถูกจำหน่ายออกไปเมื่อปี 2017 นั้นอยู่ที่ 53 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,600 ล้านบาท แผนที่ของเหมือง Letšeng ในประเทศเลโซโท ที่มีการค้นพบเพชรก้อนใหญ่นี้…
-
นักโบราณคดีค้นพบ “แหล่งล่าสัตว์” ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 500,000 ปี พร้อมกับอุปกรณ์หากินจากยุคนั้นเพียบ!!
การค้นพบสิ่งต่างๆ ในโลกของเรานั้นสามารถเป็นหลักฐานซึ่งบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง รวมไปถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตกาลที่มิได้มีผู้ใดจดบันทึกเอาไว้ อย่างเช่นที่ใน อิสราเอล มีการการค้นพบ ‘แหล่งล่าสัตว์’ ของเหล่าบรรพบุรุษของมนุษย์ที่น่าจะมีอายุราวๆ ครึ่งล้านปี เนื่องจากมีการขุดพบ “ขวานหิน” และเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆ นับพันชิ้น ในพื้นที่ก่อสร้างและบริเวณใกล้เคียง มีประกาศจากนักโบราณคดี ในวันที่ 7 มกราคม 2017 ว่าหลังจากที่มีการขุดลงไปในดินเพียง 5 เมตร ก็พบหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งก็คือเครื่องไม้เครื่องมือและขวานหินดังกล่าวที่สามารถสันนิษฐานได้ว่าพื้นที่บริเวณนั้นเคยเป็นดังสถานที่รวมตัวกันของเหล่านักล่าสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ราว 500,000 ปีก่อน สถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ที่ Jaljulia ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมือง คฟาร์ ซาบา ประเทศอิสราเอล อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับถนนสายหลักหมายเลข 6 ที่มีจำนวนรถที่สัญจรไปมามากที่สุดสายหนึ่งอีกด้วย ด้วยความที่ครั้งหนึ่งในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นแม่น้ำ ลำธาร ประกอบกับการขุดพบโครงกระดูกของสัตว์จำนวนมาก นักโบราณคดีจึงสันนิษฐานว่า สถานที่แห่งนี้ต้องเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โฮโม อีเร็กตัส ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว “ที่นี่คือทำเลที่เยี่ยมยอดสำหรับมนุษย์” แรน บาร์ไค นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟกล่าว และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ฟลิ้นท์ที่ใช้ทำเครื่องมือไหลมากับแม่น้ำ มีแม่น้ำก็ต้องมีเหล่าสัตว์ ที่นี่มีทุกอย่างที่มนุษย์ยุคนั้นต้องการ” ทำให้นักโบราณคดีเกิดข้อสงสัยว่า มนุษย์ในยุคนั้นน่าจะกลับมาในพื้นที่บริเวณนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกตามฤดูกาล แรน จึงเสริมว่า…
-
นักโบราณคดีจีนพบฟอสซิลไข่ไดโนเสาร์ที่จีน อายุกว่า 130 ล้านปี ในพื้นที่ของโรงเรียนมัธยม
กลายเป็นข่าวฮือฮาวงการวิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียว เมื่อมีรายงานว่านักโบราณคดีชาวจีนกำลังทำการขุดซากฟอสซิลไข่ของไดโนเสาร์ อายุกว่า 130 ล้านปีในสถาพที่สมบูรณ์สุดๆ ที่ถูกพบในเมืองกันเซา ทางตอนใต้ของมณฑลเจียงซี ประเทศจีน การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยคนงานในเขตก่อสร้างของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมือง ซึ่งเมืองกันเซานั้นถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มักจะมีการค้นพบซากไดโนเสาร์อยู่บ่อยๆ จากรายงานระบุว่าคนงานได้ค้นพบเจ้าไข่ชนิดนี้โดยบังเอิญในขณะที่กำลังจะทำการระเบิดดิน แต่โชคดีที่หนึ่งในคนงานสังเกตเห็นซากสีดำที่มีความหนามากกว่า 2 มิลลิเมตรที่ติดอยู่ในหิน ก่อนที่จะทำการติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบวัตถุดังกล่าว จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญพบว่าซากสีดำดังกล่าวนั้นคือชิ้นส่วนของเปลือกไข่ไดโนเสาร์ที่มีอายุอยู่ในช่วงยุค Cretaceous ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายก่อนที่ไดโนเสาร์จะสูญพันธุ์ ขณะนี้ไข่ใบดังกล่าวอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์ Dayu และพวกเขากำลังทำการตรวจสอบเพื่อหาความลับของยุคโบราณที่ซ่อนอยู่ภายในไข่ใบนี้ เมืองกันเซาและพื้นที่รอบๆ นั้นเป็นมักจะมีการขุดไข่ของไดโนเสาร์อย่าง Oviraptors อยู่บ่อยๆ เจ้าไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้จะมีลักษณะคล้ายกับนกแก้ว นอกจากนี้พวกมันยังมีลักษณะในการฟักไข่คล้ายกับพวกไก่อีกด้วยเช่นกัน ถิ่นกำเนิดของไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้อยู่ในแถบมองโกเลียและประเทศจีน ก่อนหน้านี้พวกไดโนเสาร์สายพันธุ์ดังกล่าวที่ถูกค้นพบในเมืองกันเซา ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Ganzhousaurus หรือ Ganzhou Lizard ตามสถานที่ค้นพบอีกด้วย ไดโนเสาร์สายพันธุ์ Oviraptors หวังว่าการค้นพบครั้งนี้คงจะทำให้เราได้รู้เกี่ยวกับความลับของโลกยุคโบราณที่ซ่อนอยู่ก็ได้นะ!! ที่มา unilad
-
ความยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองของ “Baiae” เมืองใต้น้ำยุคโรมันที่เคยมีอยู่จริงเมื่อ 1,700 ปีก่อน
Baiae คือชื่อเมืองโรมันที่มีอยู่มาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 1 ตามประวัติศาสตร์แล้ว นี่คือเมืองที่ยิ่งใหญ่อลังการและมั่งคั่งไปด้วยเงินตรา เปรียบได้กับหมู่บ้านของเหล่าชนชั้นสูงในยุคนั้น ก่อนที่จะจมลงไปใต้ผิวน้ำเพราะการเปลี่ยนแปลงของชายฝั่งและการระเบิดของแผ่นดินไหว จนกระทั่งผ่านมาประมาณ 1,700 ปีนับจากวันที่เมืองนี้หายไป ตำนานของมันก็ได้กลับมาถูกเล่าขานอีกครั้ง หลังจากที่มีการค้นพบเมืองแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำใกล้กับชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศอิตาลี . . . ภาพของเมืองโบราณที่ได้รับการค้นพบนี้ถูกถ่ายโดยช่างภาพ Antonio Busiello ที่ได้ลงไปเก็บความสวยงามของมันพร้อมกับทีมนักประดาน้ำ พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่นี้เป็นกลุ่มแรกๆ ข้างใต้นั้นจะพบกับเส้นทางถนน กำแพง กระเบื้องเคลือบ หรือแม้แต่รูปปั้นแกะสลัก ที่สามารถรอดจากช่วงเวลาของการล่มสลายมาได้ และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะพวกเขายังได้พบกับอาคารที่คาดว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนรวยในสมัยก่อน แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ภาพแผนผังของเมืองที่เชื่อว่ามีอยู่ในยุคโรมัน รูปปั้นจำนวนมากที่ยังคงรูปร่างเอาไว้ . ซากของอาคารของคนร่ำรวยในสมัยก่อน ในต้นปี 2017 นี้ โปรเจกต์ Rome’s Sunken Secrets ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อการเข้ามาสำรวจและเรียนรู้เมืองดังกล่าวที่จมอยู่ใต้น้ำ เป็นการเปิดหูเปิดตาและเป็นที่สนใจของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ทั่วโลก ศาสตราจารย์ Kevin Dicus ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ว่า มีการค้นพบสิ่งที่เหมือนกับท่อน้ำที่สลักคำว่า L’Pisonis แสดงให้เห็นว่าอาคารที่ใช้ท่อน้ำดังกล่าวเป็นบ้านของครอบครัวตระกูล Piso นั่นหมายความว่านี่เป็นบ้านของ…
-
ทีมนักวิทย์ฯ ขุดพบโครงกระดูก ‘วัวทะเลชเตลเลอร์’ สัตว์โบราณที่สูญพันธุ์ไปเกือบ 300 ปี
พวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วแบบตัวเป็นๆ แต่อย่างน้อยเราก็อาจได้เห็นซากของมันเหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ที่ได้ไปเจอเข้ากับโครงกระดูกของสัตว์น้ำขนาดมหึมาที่ได้สูญพันธ์ไปเมื่อนานมาแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งหมู่เกาะคอมมานเดอร์ บนคาบสมุทรคัมชัตคา ในประเทศรัสเซีย เมื่อพวกเขาได้ขุดไปเจอกับซากโครงกระดูกของสัตว์ทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั่นก็คือ “วัวทะเลชเตลเลอร์” . . . การค้นพบในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ตรวจการสาว Maria Shitova ที่สังเกตเห็นซี่โครงของโครงกระดูกยื่นขึ้นมาเหนือพื้นดิน จนทำให้การขุดลงไปหาความจริงนานกว่า 8 ชั่วโมงได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาได้พบกับกระดูกสันหลังจำนวน 45 และกระดูกส่วนสะบัก ซี่โครง และอื่นๆ รวมกันอีก 25 ชิ้น ซึ่งมองไกลๆ เราก็คงคิดว่านั่นมันคือรั้วบ้านชัดๆ เพราะกระดูกของมันมีขนาดใหญ่มากจริงๆ และการขุดลงไปก็ไม่พบกะโหลกศีรษะของเจ้าสัตว์ที่สุญพันธุ์ไปแล้วตัวนี้ . . อย่างไรก็ตามสิ่งที่พบก็ไม่แปลกที่จะสามารถเจอได้บนเกาะนี้ เพราะในอดีต ที่นี่คือแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน และเป็นบริเวณเดียวกันกับที่ทุกคนได้รู้จักกับสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก โดยนาย Georg Steller ได้ค้นพบพวกมันในปี 1741 และตั้งชื่อให้กับเจ้าสัตว์สายพันธุ์พะยูนตัวนี้ว่า “วัวทะเลชเตลเลอร์ (Steller Sea Cow)” แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าสัตว์ชนิดนี้ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 หลังจากถูกมนุษย์ล่าอย่างหนัก . . .…
-
นักสำรวจรัสเซีย ค้นพบซากลูกสิงโตสภาพสมบูรณ์ที่สุด อายุกว่า 50,000 ปี ในไซบีเรีย
ถือเป็นอีกหนึ่งการค้นพบที่น่าทึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาทางสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่ามีการค้นซากลูกสิงโตโบราณอายุกว่า 50,000 ปี ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ในพื้นที่แถบไซบีเรีย จากรายานระบุว่าลูกสิงโตดังกล่าวนั้นมีอายุประมาณ 6 ถึง 8 สัปดาห์ และตอนนี้มันถูกเก็บรักษาไว้ที่เมือง Yakutsk เมืองหวงของรัฐซาฮา ประเทศรัสเซีย และทางนักวิทยาศาสตร์มีแผนที่จะเตรียมคืนชีพให้เจ้าสัตว์โบราณนี้ต่อไป เจ้าสิงโตถ้ำที่พบครั้งนี้เป็นหนึ่งในสัตว์ตระกูลแมวที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของโลก โดยสามารถพบได้ทั่วไปในพื้นที่เขตหนาว แถบซีกโลกเหนือ “มันเป็นซากลูกสิงโตที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เราเคยพบมาเลย อุ้งเท้าทั้ง 4 ของมันยังอยู่ครบ และผิวหนังของมันก็ยังคงสมบูรณ์มากๆ พวกเราวิเคราะห์อายุของมันจากลักษณะฟันที่พบ และการค้นพบนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการศึกษาอย่างมาก” ดอกเตอร์ Protopopov ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิทยาศาสตร์กล่าว สภาพส่วนหัว และอุ้งเท้าของเจ้าสิงโตอายุกว่า 50,000 ปีที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ซากลูกสิงโตโบราณนี้ถูกค้นพบบริเวณริมแม่น้ำ Tirekhtykh River ในเมือง Yakutia หลังจากที่ระดับน้ำในแม่น้ำลดลง เมื่อประมาณเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขนาดของซากลูกสิงโตครั้งนี้มีความยาวมากถึง 46 เซนติเมตร และมีน้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัมด้วยกัน ก่อนหน้านี้ในปี 2015 ได้มีการค้นพบซากลูกสิงโตในลักษะณ์ถึง 2 ตัวด้วยกัน พวกเขาตั้งชื่อมันว่า Uyan และ Dina…
-
จุดเริ่มต้นและที่มาของคำว่า ‘Bikini’ ชุดว่ายน้ำที่ทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ ชื่นชอบ
เวลาที่เราไปเที่ยวทะเลเดินเล่นตามชายหาดหรือไปสระว่ายน้ำก็คงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นสาวๆ ใส่ชุดว่ายน้ำที่เราเรียกกันว่า บิกินี่ (Bikini) เพื่อโชว์สรีระเรือนร่างที่ทำให้หนุ่มๆ รู้สึกเพลิดเพลินสบายตา แต่เราเคยรู้มาก่อนมั้ยว่าเสื้อผ้าประเภทนี้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมถึงต้องเรียกว่าบิกินี่ด้วย #เหมียวตะปู จะมาเล่าถึงที่มาของมันให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ทราบกัน ภาพอันเก่าแก่ชื่อ Roman Villa Romana del Casale ที่ถูกพบในซิซิลี นักโบราณคดีได้ค้นพบภาพวาดอันเก่าแก่ของโรมันที่มีมาตั้งแต่ในช่วงปีค.ศ. 286 – 305 ที่เผยให้เห็นหญิงสาวสวมชุดที่คล้ายคลึงกับบิกินี่ในปัจจุบัน แต่หากพูดถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นจนกลายมาเป็นที่นิยมจนถึงตอนนี้ มันได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1946 โดยนักออกแบบที่ชื่อว่า Louis Reard เขาได้ตั้งชื่อเครื่องแต่งกายนี้ว่าบิกินี่ตามชื่อของสถานที่ที่ใช้ในการทดสอบระเบิดปรมาณูที่ชื่อว่า Bikini Atoll เพราะเขาเชื่อว่าชุดว่ายน้ำรูปแบบใหม่นี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่ได้เห็นความรุนแรงของระเบิดปรมาณู อารมณ์แบบช็อคจนต้องอุทานออกมาว่า “ว๊าววว!!” ในขณะนั้นก็มีชายอีกคนหนึ่งที่ชื่อ Jacques Heim ที่ออกแบบชุดว่ายน้ำในลักษณะเดียวกันออกมาและตั้งชื่อว่า Atome จากคำว่า Atom หรือระเบิดปรมาณูที่มีการคิดค้นในช่วงนั้นพร้อมกับประกาศอีกว่าชุดว่ายน้ำของตนมีขนาดเล็กมากที่สุดในโลก แต่ในความเป็นจริงชุดที่ออกแบบโดย Louis มีขนาดเล็กกว่ามาก ใช้เนื้อผ้าความยาวแค่ 76 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ด้วยขนาดที่เล็กนิดเดียวจึงติดปัญหาในเรื่องของการหานางแบบที่กล้าพอจะมาใส่ชุดแบบนี้ได้ จนกระทั่งเขาได้พบกับ…
-
ฮือฮาไปทั่วโลก เมื่อนักสำรวจค้นพบ “แมงมุมสายพันธุ์ใหม่” มีรูปร่างคล้าย ‘ปิ๊กกาจู’!!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งการค้นพบแมงมุมสายพันธุ์หายาก ที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับวงการสารคดีสัตว์ไปทั่วโลก เพราะนอกจากจะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้ว มันยังมีลักษณะรูปร่างคล้ายคลึงกับ ‘ปิ๊กกาจู’ จากเรื่องโปเกม่อนอีกด้วย!? ผู้ค้นพบได้ตั้งชื่อให้มันว่า Micrathena Sagittata เจ้าแมงมุมที่ดันมีลักษณะคล้ายกับปิ๊กกาจูสายพันธุ์นี้ ถูกค้นพบได้ที่บริเวณป่าทึบแห่งหนึ่งในประเทศฮอนดูรัส โดยเป็นฝีมือของ Jonathan Kolby นักสำรวจจาก National Geographic จะเห็นได้ว่ามันมีลักษณะลำตัวขนาดเล็ก… ทว่าบริเวณก้นของมันกลับมีสีเหลืองสด อีกทั้งยังมีปล่องลักษณะคล้ายหนามแหลมติดอยู่ จึงทำให้ดูเหมือนหูปิ๊กกาจูมากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบแมงมุมสายพันธุ์ และทีมสำรวจยังไม่สามารถระบุได้ถึงความแตกต่างทางชีวภาพของมันโดยละเอียดได้มากนัก แต่อย่างน้อยเราก็พอรู้แล้วว่า… ธรรมชาติยังมีสิ่งแปลกๆ อีกมากมายที่ยังรอการค้นพบ เพราะใครมันจะไปคิดละว่า… โลกนี้จะมีแมงมุมที่หน้าตาเหมือนปิ๊กกาจูอยู่จริงๆ . . แต่อย่าเผลอไปเข้าใกล้นะ เดี๋ยวจะโดนมันปล่อยไฟฟ้าใส่เอา ที่มา: Boredpanda
-
นักวิทย์เผยการค้นพบ “ตัวฆ่า HIV” หลังพัฒนาแอนติบอดี้ ที่สามารถจัดการเชื้อได้ถึง 99%!!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า HIV ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่าปีละหลายล้านคน เช่นเดียวกับการพัฒนาในด้านการแพทย์ ที่เหล่านักวิจัยพยายามค้นหาแอนติบอดี้เพื่อฆ่าเชื้อ HIV ที่ได้ผลมากที่สุด ล่าสุดดูเหมือนว่าการแพทย์ใกล้จะเอาชนะเชื้อ HIV ได้แล้ว เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับทีมวิจัยจากบริษัท Sanofi และได้ค้นพบแอนติบอดี้ที่สามารถต้านเชื้อไวรัสได้สูงถึง 99% เลยทีเดียว โดยทีมวิจัยเชื่อว่าการทดลองกับลิงในครั้งนี้ จะนำไปการพัฒนายาต้าน HIV ให้แก่มนุษย์ได้ ก่อนหน้านี้ทีมวิจัยได้ทดสอบกับลิง 24 ตัว ด้วยการฉีดไวรัส HIV เข้าสู่ร่างกายของพวกมัน และเมื่อนักวิจัยได้ทำการฉีดแอนติบอดี้ตัวใหม่เข้าไป ก็พบว่าไม่มีเชื้อ HIV ในลิงเหล่านั้น ที่สามารถเกิดการกลายพันธุ์ต่อไปได้ สำหรับระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ในปัจจุบัน คือจะไม่สามารถรับมือกับคุณสมบัติการกลายพันธุ์ของเชื้อ HIV ได้ ทำให้หลังจากนั้นภูมิคุ้มกันเราจึงเต็มไปด้วยเชื้อไวรัสในเวลาต่อมา ทว่ามีเพียงผู้ป่วยจำนวน 1% เท่านั้น ที่ร่างกายมีคุณสมบัติสามารถพัฒนาเชื้อจุลินทรีย์ในร่างกายที่เรียกว่า ‘Spikes’ ได้ ซึ่ง Spikes (หรือ broadly neutralising antibodies) มีคุณสมบัติที่ไม่สามารถกลายพันธุ์ ทีมนักวิจัยจึงชี้ว่าอาจนำส่วนนี้มาใช้ในการพัฒนาแอนติบอดี้ได้ต่อไป… จากการวิจัยทั้งหมดทำให้ทีมวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบวิธีการที่จะนำเอาแอนติบอดี้ทั้ง…
-
นักโบราณคดีค้นพบ หลุมศพของมัมมี่แห่งใหม่ พร้อมสมบัติล้ำค่าอายุมากกว่า 3,500 ปี!!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งการค้นพบที่ช่วยทำให้นักโบราณคดี หรือนักประวัติศาสตร์ ได้เข้าใจและเข้าถึงความเป็นไปของอาณาจักรอียิปต์มากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานถึงการขุดค้นพบหลุมฝังศพมัมมี่ช่างทองหลวงของกษัตริย์ฟาโรห์ โดยระบุร่างที่พบในสุสานนั้นก็คือ ‘อาเมเนมฮัต’ ที่เชื่อว่ามีอายุมากกว่า 3,500 ปี ในเมืองลักซอร์ ประเทศอียิปต์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าช่างทองหลวงน่าจะเคยมีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ Khaled el-Anany รัฐมนตรีอียิปต์กล่าวว่า แม้สภาพโลงศพของช่างทองหลวงจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก แต่สิ่งของอื่นๆ ที่ถูกฝังมาด้วยกลับเป็นสมบัติอันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นทีมโบราณคดียังขุดพบข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของกษัตริย์ ที่โยงไปถึงความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายของอียิปต์โบราณ อีกทั้งยังมีร่างของภรรยาและร่างของเด็กอีก 2 คน การค้นพบครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชาวอียิปต์มากๆ เพราะในอีกแง่หนึ่งพวกเขาก็หวังว่ามันจะช่วยทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศดีขึ้น แต่ถึงกระนั้นทีมค้นหาก็ระบุว่า ยังมีอีกหลายส่วนพื้นที่ๆ พวกเขายังค้นหาไม่สำเร็จ และเชื่อว่าในอนาคตจะมีการค้นพบประวัติศาสตร์ของอียิปต์ที่ถูกฝังอยู่ ส่วนหนึ่งของรูปปั้นไม้ที่ถูกค้นพบจากสุสาน Draa Abul Nagga รูปปั้นจากหินทรายที่ชี้ให้เห็นภาพของช่างทองหลวงอาเมเนมฮัต ที่มีภรรยานั่งอยู่เคียงข้าง ตั้งตระหง่านอยู่ตรงทางเข้าสุสาน ในส่วนของเครื่องปั้นดินเผา หรือเครื่องใช้ต่างๆ นักโบราณคดีจะนำไปฟื้นฟูก่อนจะส่งให้เป็นการดูแลของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ซึ่งหลักฐานที่ถูกค้นพบทั้งหมด จะช่วยให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณถูกเติมเต็มให้มากขึ้น …
-
นักศึกษาชาวแคนาดา ค้นพบหมู่บ้านเก่าแก่ที่หายไป อายุมากกว่าปิรามิดอียิปต์ถึง 10,000 ปี..!!
นับเป็นเวลานานหลายสิบปีที่กลุ่มโบราณคดี Heiltsuk Nation ได้พยายามศึกษาและค้นคว้าวัตถุโบราณในแถบรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และล่าสุดนับว่าเป็นการค้นพบระดับโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อทีมนักศึกษาชาวแคนาดา สามารถค้นพบหมู่บ้านที่มีอายุเก่าแก่มากกว่าปิรามิดอียิปต์โบราณถึง 10,000 ปีเลยล่ะ โดย Alisha Gauvreau ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยวิคตอเรีย ได้นำทีมนักศึกษาเข้าไปสำรวจยังบริเวณเกาะ Triquet ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายปี 2016 ทีมสำรวจได้ขุดพบชิ้นส่วนหลักฐานทางโบราณคดี ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ที่ทำจากไม้ ถ่านหิน และหลักฐานทุกชนิดที่เชื่อมโยงไปถึงวัฒนธรรมชุมชนอันเก่าแก่ ณ ที่แห่งนี้ Triquet Island เมื่อทีมสำรวจได้เก็บตัวอย่างถ่านหิน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ขุดพบ เพื่อไปศึกษาหาอายุขัยของมันก็พบว่า ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุที่มีอายุเฉลี่ยมาแล้ว 13,613 – 14,086 ปี ซึ่งก็นับว่าเป็นช่วงเวลาก่อนการเกิดขึ้นของอารยธรรมอียิปต์โบราณเสียอีก แล้วการค้นพบดังกล่าวมันสำคัญอย่างไร? เพราะแค่อ่านเผินๆ เราอาจจะรู้สึกว่าเป็นการค้นพบที่ค่อนข้างไกลตัว แต่อันที่จริงในการค้นพบครั้งนี้ช่วยให้นักโบราณคดีรู้และเข้าใจความเป็นมาของวัฒนธรรมในแถบทวีปอเมริกาเหนือมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เคยมีการแบ่งทฤษฏีที่พูดถึงการย้ายถิ่นฐานเข้ามาของมนุษย์ในแถบทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากการเดินทางหลังยุคน้ำแข็ง และอีกส่วนหนึ่งกลับเชื่อว่ามาจากเรือค้าขายในครั้งสมัยโบราณ “การค้นพบครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะมันจะช่วยพาเราย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ในหลายๆ ส่วนที่เราอาจเคยตกหล่นไปในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นปัญหาที่เราพยายามหาคำตอบมานานนับ 1,000…
-
ค้นพบกระเบื้องโมเสกโรมันอายุ 1,600 ปี ที่น่าตื่นตามากที่สุดในรอบ 50 ปีของอังกฤษ
การค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในอดีตที่มีอายุเก่าแก่นานนับพันๆ ปี นอกจากจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าอัศจรรย์แล้ว ยังทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ล่าสุด มีการรายงานจากสำนักข่าวเดลีเมล์ ในวันที่ 2 กันยายน 2560 ว่า ทีมนักโบราณคดีสมัครเล่นและนักประวัติศาสตร์ ได้ค้นพบกระเบื้องโมเสกสมัยโรมันในย่านบ็อกส์ฟอร์ด เวสต์เบิร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ งานนี้เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตาให้บรรดาผู้ค้นพบเป็นอย่างมาก สำหรับกระเบื้องโมเสกที่ถูกพบนี้ มีความยาวมากถึง 6 เมตร และมีอายุมากถึง 1,600 ปี แถมยังเป็นกระเบื้องที่ยังดูสมบูรณ์และเต็มไปด้วยลวดลายของสัตว์ในตำนาน ทาง Antony Beeson ผู้เชี่ยวชาญด้านโมเสกได้ออกมาเผยว่า “การค้นพบกระเบื้องโมเสกในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่สุดของอังกฤษในรอบ 50 ปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ “ ขณะที่ Duncan Coe หัวหน้าผู้รับเหมาของโครงการ Cotswolds Archeology ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมการขุดหากระเบื้องได้ออกมากล่าวว่า “กระเบื้องชิ้นนี้ถือว่าเป็นกระเบื้องที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบมาในประเทศนี้” อย่างไรก็ตาม งานศิลปะบนกระเบื้องได้ปรากฏก็ให้เห็นเป็นภาพของบิลเลโรฟอน วีรบุรุษผู้ขี่ม้าบินปราบอสูรคิเมร่า รวมถึงสัตว์อย่างสิงโต แพะ และมังกร ส่วนอีกภาพหนึ่งคาดว่าเป็นภาพของเฮอคิวลิสขณะกำลังต่อสู้อยู่กับเซ็นทอร์ ทั้งนี้ การขุดค้นกระเบื้องโมเสกในบ็อกส์ฟอร์ดครั้งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 3…
-
หนุ่มรื้อถอนห้องน้ำ หวังเพื่อจะรีโนเวทใหม่… แต่ดันเจอสุสานโบราณ ที่ซ่อนอยู่ใต้ดินซะงั้น!!
เป็นเรื่องราวการค้นพบที่ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมาเจอกับอะไรแบบนี้ เมื่อ Lucian Faggiano หนุ่มชาวเมืองเลกเซประเทศอิตาลี ได้วางแผนที่จะเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ทำการซื้อขายตึกแถว 56 Via Ascanio Grandi และก่อนที่จะเริ่มเปิดร้านได้ก็ต้องมีการปรับปรุงรีโนเวทร้านใหม่ทั้งหมดก่อน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่า ใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียวก็คงจะเปิดร้านได้แล้ว แต่กลับไม่เป็นอย่างที่วางแผนไว้ เพราะหลังจากที่พวกเขาได้รื้อถอนห้องน้ำและตั้งใจจะรีโนเวทใหม่ ก็ต้องพบว่าใต้พื้นห้องน้ำเดิมทีเป็นที่ตั้งของสุสานโบราณ ซึ่งหลังจากที่มีการค้นพบดังกล่าว พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 8 ปี เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่จัดการกับวัตถุโบราณทั้งหมดก่อนจะเปิดร้านได้ ทางนักโบราณคดีได้ชี้ว่า สุสานดังกล่าวน่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคโรมัน โดยในตอนนั้นบริเวณดังกล่าวถูกใช้ชื่อเมืองว่า Sybar ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Lupiae และเปลี่ยนเป็น Lecce ในเวลาต่อมา Giovanni Giangreco หนึ่งในเจ้าหน้าที่โบราณคดีอ้างว่า “การค้นพบภายในบ้านของ Faggiano ในครั้งนี้ นับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ เพราะสถานที่แห่งนี้เคยถูกใช้มาตั้งแต่ยุค Messapians ไปจนถึงยุคโรมัน และจากยุคกลางสืบสานไปจนถึงยุคไบแซนไทน์” นอจากนั้นนักโบราณคดียังขุดพบเครื่องปั้นดินเผา และเครืี่องประดับต่างๆ ที่ถูกสร้างมาโดยอัศวินเทมพลาร์ ซึ่งทางประวัติศาสตร์นั้นถือว่าเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่มาก แต่สำหรับพวกเขาที่มีแผนจะเปิดร้านอาหารนั้น นี้กลับไม่ใช่การค้นพบที่ดีซักเท่าไหร่ เพราะทันทีที่รัฐบาลรู้ว่ามีการค้นพบที่นี่…
-
ทำความรู้จักกับ ‘Bhupathy’s purple frog’ กบสีม่วงสายพันธุ์ใหม่ ที่เพิ่งถูกค้นพบในอินเดีย
กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มากๆ เมื่อนักสัตววิทยาได้ค้นพบกบสีม่วงสายพันธุ์ใหม่ ในพื้นที่เทือกเขา Western Ghats ของประเทศอินเดีย โดยเจ้ากบสีม่วงสายพันธุ์นี้ มีลักษณะพิเศษคือ ผิวหนังสีม่วงระยิบระยับ และมีวงแหวนสีฟ้ารอบๆ ดวงตา พร้อมกับจมูกที่คล้ายกับหมู นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อให้สายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบนี้ว่า Bhupathy’s purple frog (Nasikabatrachus bhupathi) เพื่อเป็นเกียรติให้กับ Dr. Subramaniam Bhupathy นักสัตววิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่เสียชีวิตในเทือกเขาที่ค้นพบเจ้ากบตัวนี้เมื่อปี 2014 ทางด้านคุณ Elizabeth Prendini นักสัตววิทยาด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ คลานจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติของอเมริกากล่าว… “กบสายพันธุ์นี้ มีความเก่าแก่และความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่ต่ำมาก ดังนั้นการได้ค้นพบสายพันธุ์ใหม่จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งและเป็นเรื่องที่พิเศษมาก” โดยส่วนมากแล้วกบสายพันธุ์นี้จะหากินอยู่ใต้ดิน โดยการใช้ลิ้นของพวกมันตวัดกินพวกมดปลวกที่อาศัยอยู่ในนั้น นอกจากนี้ในแต่ละปี พวกมันจะขึ้นมาบนดินช่วงฤดูฝนแค่เพียงปีละ 2 สัปดาห์เพื่อสืบพันธุ์เท่านั้น กบตัวเมียที่ได้รับการผสมพันธุ์แล้วจะทำการวางไข่ใกล้ๆ กับลำธาร หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 หรือ 2 วัน ลูกอ๊อดตัวน้อยก็จะลืมตาออกมาดูโลก พวกมันจะมีการพัฒนาส่วนที่ปากคล้ายกับปลาซักเกอร์ จากนั้นจึงอาศัยอยู่รอบๆ ก้อนหินเพื่อกินพวกสาหร่ายเล็กๆ และจะใช้เวลาประมาณ 120 วันเพื่อพัฒนาเป็นตัวโตเต็มวัย ก่อนจะกลับไปอาศัยอยู่ใต้ดิน …
-
ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ค้นพบเรือสหรัฐฯ ที่เคยจมหายไปใต้มหาสมุทร เมื่อ 72 ปีก่อน..!!
นับว่ากำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังจากที่ Paul Allen หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ และทีมของเขา ได้ค้นพบเรือ USS Indianapolis ที่เคยจมหายไปตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ทีมของ Paul Allen ได้ประกาศค้นพบเรือที่เคยใช้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่ฮิโรชิม่า ณ มหาสมุทรแปซิฟิคเหนือ ในระดับความลึก 5,500 เมตร USS Indianapolis ข้อความจากทวีตเตอร์ของ Paul Allen หลังจากที่ทีมของเขาค้นพบซากเรือดังกล่าว “ในฐานะอเมริกันชน ผมอยากจะให้เกียรติเหล่าทหารกล้าที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนั้น ทว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้กลับไปเจอครอบครัว เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขายอมเสียสละให้แก่เราทุกคน ผมเชื่อว่าใครที่มีญาติที่เคยปฏิบัติภารกิจอยู่บนเรือลำนี้ จะต้องรู้สึกผูกพันกับการค้นพบครั้งนี้แน่นอน” Paul Allen ให้สัมภาษณ์ สภาพส่วนหนึ่งของเรือ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1945 ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 USS Indianapolis เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทิ้งขีปนาวุธที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ทว่าระหว่างการปฏิบัติภารกิจ เรือลำนี้กลับถูกโจมตีโดยกองทัพญี่ปุ่น…
-
ทีมสำรวจแทบสิ้นหวัง เมื่อพบขยะพลาสติกจำนวนมาก บนเกาะห่างไกลกว่า 4,800 กิโลฯ
ดูเหมือนว่าปัญหาขยะล้นโลกจะเป็นอะไรที่แก้กันไม่ตกจริงๆ และไม่น่าเชื่อว่าขยะที่คนทั่วไปอาจจะเผลอทิ้งไว้ข้างชายหาด จะส่งผลเป็นวงกว้างได้มากขนาดนี้ Jennifer Lavers จากมหาวิทยาลัยแทสมาเนีย ได้เดินทางไปยังเกาะ Henderson ที่ซึ่งห่างไกลออกไปจากแผ่นดินใหญ่ถึง 4,800 กิโลเมตร และพบว่าที่นี่กลับเต็มไปด้วยซากขยะหลายสิบล้านชิ้น!! เกาะ Henderson ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิค มีขนาดเพียงแค่ 37.5 กิโลเมตร เท่านั้น ซึ่งเกาะแห่งนี้เป็นพื้นที่ควบคุมของทางการอังกฤษ ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับอนุรักษ์นกทะเลหลายสายพันธุ์ และเต่าทะเลอีกจำนวนมาก หนึ่งในภาพผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุด ก็คงจะเป็นภาพของปูเสฉวนที่ต้องใช้พลาสติกมาเป็นกระดองให้ตัวเองแทน โดยทีมสำรวจคาดว่าจำนวนขยะมีมากกว่า 37 ล้านชิ้น หนักกว่า 17 ตัน และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อระบบนิเวศ Dr. Lavers ให้สัมภาษณ์ว่า ‘ฉันเคยเห็นขยะที่ถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นบนชายหาดมาแล้วหลายที่ แต่ไม่เคยเห็นที่ไหนเยอะเท่านี้มาก่อน’ ถึงแม้ว่าในบริเวณรอบเกาะจะไม่มีเส้นทางการเดินเรือของชาวประมง หรือเรือท่องเที่ยว แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าขยะจากชายฝั่งตามเมืองใหญ่ สามารถเดินทางไปได้ไกลขนาดไหน บริเวณที่ตั้งของเกาะ ชี้ให้เห็นว่าไม่มีเมืองไหนตั้งอยู่ใกล้เลย แน่นอนว่าขยะทั้งหมดเต็มไปด้วยสารพิษ และมันก็ส่งผลต่อการเพาะพันธุ์สัตว์อนุรักษ์ทางทะเลเป็นอย่างมาก Dr. Lavers ให้สัมภาษณ์ปิดท้ายว่า…
-
นักวิจัยค้นพบ สายพันธุ์หนอนผีเสื้อกลางคืน ที่สามารถกัดกินและย่อยพลาสติกได้!!
นี่อาจเป็นข่าวดีที่สุดในรอบปีสำหรับมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เมื่อปัญหาเกี่ยวกับขยะพลาสติกที่ล้นโลก กำลังจะถูกแก้ไขได้ด้วยตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อกลางคืน โดยเว็บไซต์ Telegraph ได้รายงานว่าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ ได้ค้นพบแล้วว่าตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อกลางคืนสายพันธุ์ ‘Galleria mellonella’ สามารถกัดกิน และย่อยสลายพลาสติกได้จริง อ้างอิงข้อมูลจากวารสาร Current Biology ทีมวิจัยได้อธิบายไว้ว่า พวกมันมีกลไกการย่อยสลายที่น่าอัศจรรย์มากๆ เพราะเดิมทีพวกมันจะกินขี้ผึ้งในรังผึ้งเป็นอาหาร ซึ่งมีพันธะเคมีใกล้เคียงกับพลาสติก เมื่อนักวิจัยได้นำหนอนชนิดดังกล่าวมาทดสอบ โดยให้พวกมันกัดกินแผ่นขยะพลาสติก ก็พบว่ามันสามารถกัดกินถุงพลาสติกให้กลายเป็นรูเล็กๆ หลายรูได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง น่าแปลกใจที่พวกมันสามารถย่อยสลายพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีนได้ Dr. Paulo Bombelli หนึ่งในทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ว่า‘มันน่าสนใจมากครับ ผมเชื่อว่านี่อาจจะพลิกโฉมการกำจัดขยะของมนุษย์ในอนาคตได้เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่รู้แน่ชัดว่ากลไกการย่อยสลายทางชีวภาพทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เราเชื่อว่าถ้าเรานำการค้นพบครั้งนี้ ไปต่อยอดเข้ากับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราจะสามารถแก้ปัญหาขยะได้แน่นอน’ และตอนนี้ทีมวิจัยก็ได้ร่วมกันจดทะเบียนสิทธิบัตรการค้นพบครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทีมวิจัยจะมุ่งศึกษาระบบการย่อยอาหารเชิงลึกของหนอนชนิดนี้ต่อไป ตัวอย่างของพลาสติกที่ถูกย่อยสลายด้วยหนอน 10 ตัว ภายในเวลา 30 นาที มาครับ… เรามาเพาะหนอนขายกันดีกว่าครับแบบนี้ ที่มา: Telegraph
-
นักสำรวจพบหลักฐานบนแท่นศิลา โยงไปถึงเหตุการณ์อุกกาบาตตก ครั้งใหญ่ของโลก!!
ล่าสุดสำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า ทีมนักสำรวจได้ค้นพบหลักฐานที่บ่งบอกถึงเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกครั้งใหญ่ เมื่อ 11,000 ปีก่อนคริสตกาล บนแท่นศิลาจารึกจากประเทศตุรกี หลักฐานทางโบราณคดีชิ้นนี้จะช่วยพาเราย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ The Younger Dryas ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิของโลกต่ำลงอย่างสุดขั้ว และเป็นช่วงเวลาที่ทำให้มนุษย์รู้จักที่จะพัฒนาการเกษตรกรรม เพื่อการดำรงอยู่ซึ่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ ศิลาดังกล่าวถูกเรียกว่า The Vulture Stone ถูกค้นพบที่ Gobekli Tepe ประเทศตุรกี โดยทีมสำรวจจากมหาวิทยาลัย Edinburgh ได้ค้นพบรูปสัญลักณ์ของสัตว์ต่างๆ บนแท่นศิลา ซึ่งเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ตามหลักดาราศาสตร์ของมนุษย์ยุคโบราณ และมีอีกหลายสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนว่ามนุษย์ยุคนั้นต้องการจะบันทึกอะไรบางอย่าง ทีมสำรวจได้นำสัญลักษณ์ดังกล่าว มาเปรียบเทียบกับกลุ่มดาวตามจักราศีต่างๆ ด้วยซอฟท์แวร์บนคอมพิวเตอร์ ผลลัพธ์คือช่วยทำให้เราเข้าใจในความเป็นไปของมนุษย์ในยุคนั้นมากยิ่งขึ้น เปรียบเทียบสัญลักษณ์บนศิลา กับจักราศีต่างๆ ตามหลักดาราศาสตร์ จากเหตุการณ์อุกกาบาตพุ่งชนโลกเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่ไม่สามารถปรับตัวได้ต้องสูญพันธุ์ไป แต่กลับทีมสำรวจค้นพบว่าสำหรับมนุษย์แล้ว ภัยพิบัติครั้งนี้กลับนำพามาซึ่งการเรียนรู้ครั้งใหญ่ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของมนุษย์ เปรียบเทียบตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ ในวันก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ การสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสุดขั้ว ทำให้มนุษย์เริ่มรู้จักที่จะออกล่าสัตว์เป็นกลุ่ม มีการเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรกรรมให้สอดคล้องกับสภาพอากาศมากขึ้น Dr. Martin Sweatman หนึ่งในทีมสำรวจได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘การค้นพบหลักฐานชิ้นดังกล่าวนับว่ามีความสำคัญเอามากๆ…
-
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ “เพรียงเรือยักษ์” ที่มีความยาวถึง 1 เมตร ในประเทศฟิลิปปินส์
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Northeastern สหรัฐอเมริกา ได้ทำการค้นพบเพรียงเรือขนาดความยาวไม่เกิน 5 ฟุต หรือราวๆ 1.52 เมตร (ถือว่ามีนาดใหญ่ที่สุด) โดยเพรียงเรือดังกล่าวอยู่ ณ บริเวณอ่าวของเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ จากการรายงานระบุว่า ข้อมูลในการค้นพบเพรียงเรือยักษ์ในครั้งนี้ ถูกนำไปเผยแพร่ลงในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) โดยได้ระบุว่า… เพรียงเรือดังกล่าว มีชื่อเรียกในทางวิทยาศาสตร์ว่า Kuphus polythalamia เป็นญาติใกล้เคียงกับเพรียงเรือชนิดที่เจาะไชไม้ท้องเรือกินเป็นอาหาร เพียงแต่ว่ามันจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่ามาก โดยจะอาศัยอยู่ในเปลือกที่มีลักษณะแข็ง มีรูปร่างคล้ายกับงาช้าง ในส่วนการดำรงชีวิตของมันนั้น ฟังดูแล้วแปลกหูเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าเพรียงเรือยักษ์นี้จะเอาส่วนหัวของมันปักลงไปในพื้นของโคลนทะเล เพื่อดูดกินก๊าซไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เกิดจากซากเน่าเปื่อยในตะกอนโคลนเลนเป็นอาหารนั่นเอง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเพรียงเรือที่ถูกค้นพบนี้ จะมีลักษณะคล้ายกับหนอนขนาดยักษ์ แต่ในความจริงแล้วมันเป็นสัตว์ตระกูลหอย เนื่องจากตัวของมันมีลักษณะที่อ่อนนุ่มมาก เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดยาวถึง 1.5 เมตรเลยทีเดียว …
-
เอ้าเฮเลย!! ผลวิจัยชี้ การมองหน้าอกผู้หญิง และการมีเซ็ก ช่วยยืดอายุหนุ่มๆ ให้ยืนยาวได้
หากลองถามคุณผู้ชายทั้งหลายว่า ส่วนไหนของผู้หญิงที่น่าดึงดูด และเย้ายวนใจที่สุด เชื่อว่าหลายคนต้องตอบว่า “หน้าอก” อย่างแน่นอน และหนุ่มๆ รู้หรือไม่ว่าหน้าอกของผู้หญิง ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้พวกเธอดูเซ็กซี่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีประโยชน์ต่อผู้ชายทั้งหลายด้วยนะ นั่นแน่!! อยากรู้กันแล้วล่ะสิ๊ ว่ามีประโยชน์อย่างไร ถ้าอย่างนั้นมาดูพร้อมกันเลย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ความลับที่ทำให้หนุ่มๆ มีชีวิตที่ยืนยาวนานสูงสุดถึง 100 ปี และมีความสุขมากที่สุด ก็คือ การมองหน้าอกของสุภาพสตรี และ การมีเพศสัมพันธ์ โดยการมองหน้าอกจะทำให้หนุ่มๆ ทั้งหลายมีความสุขมากที่สุดเป็นอันดับแรก และอย่างที่สองก็คือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะส่งผลทำให้อายุขัยของคุณเพิ่มขึ้นอีก 3-8 ปีเลยทีเดียว เมื่อได้มองสิ่งที่เย้ายวนใจของเพศตรงข้าม จะทำให้อัตราการเสี่ยงเสียชีวิตของผู้ชายลดลงมากถึง 50% อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเครียด และช่วยลดโอกาสในการเจ็บป่วยได้อีกด้วย โดยการมองหน้าอกของผู้หญิงหรือการมองเห็นสัตว์น่ารักๆ นั้น จะส่งผลดีต่อสภาพจิตใจ ก่อให้เกิดความคิดด้านบวกมากขึ้น และด้วยความรู้สึกพึงพอใจเหล่านี้จะช่วยทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีการตัดสินใจทางด้านสุขภาพที่ดีขึ้น ดั่งเช่นงานวิจัยของ Teachers College ที่กล่าวถึงการมีความคิดด้านบวกส่งผลดีต่อผู้ป่วย อันดับต่อไปคือ…
-
มีการค้นพบ ‘หมาป่านิวกีนี’ สายพันธุ์สุนัขจากยุคโบราณ ที่คาดว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
นานนับทศวรรษที่กลุ่มนักวิจัยเชื่อว่า ‘หมาป่านิวกินี’ ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ไปแล้ว ทว่าล่าสุดทีมนักสำรวจก็ต้องอึ้งไปตามๆ กัน หลังมีการค้นพบหมาป่าสายพันธุ์จากยุคโบราณนี้อีกครั้ง ‘การค้นพบ และการยืนยันว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นอกจากจะสร้างความตื่นเต้นให้กับทีมนักสำรวจแล้ว ยังสร้างโอกาสให้วิทยาศาสตร์ได้รู้จักพวกมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย’ ทีมนักสำรวจกล่าว ภาพของหมาป่านิวกินี ที่ถูกคาดว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว โดยเมื่อช่วงปี 2016 ทีมนักสำรวจได้ค้นพบว่าหมาป่าสายพันธุ์นี้ยังไม่สูญพันธุ์ เพียงแต่พวกมันมีจำนวนที่เหลือน้อยเต็มที อาศัยอยู่ที่บริเวณที่ราบสูงของเกาะนิวกินี ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากที่มีการค้นพบทีมนักสำรวจก็ได้เก็บตัวอย่าง DNA เพื่อทำการพิสูจน์ และพบว่าหมาป่านิวกินีที่พวกเขาพบ เป็นสายพันธุ์เดียวกันกับที่นักสำรวจเคยคาดการณ์ว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปแล้วจริงๆ บริเวณพื้นที่ๆ มีการค้นพบหมาป่านิวกินี นอกจากนั้นทีมสำรวจยังได้ศึกษาพบว่า หมาป่านิวกินีเดิมทีได้อาศัยอยู่บนเกาะนิวกินีมาตั้งแต่ยุคหินแล้ว ซึ่งพวกมันมีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างฉลาด เป็นมิตรกับมนุษย์ อีกจุดเด่นของมันก็คือเสียงหอนที่แหลมสูงจนได้ชื่อว่าเป็น ‘Singing Dog’ ภาพถ่ายส่วนหนึ่งจากเกาะนิวกินี ที่ทีมสำรวจไปเจอมา อ้างอิงข้อมูลจากองค์กรอนุรักษ์หมาป่านิวกินี พบว่าปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรหมาป่าชนิดนี้เหลืออยู่เพียงแค่ประมาณ 300 ตัว บ้างก็อาศัยในสวนสัตว์ บ้างก็อยู่ตามศูนย์อนุรักษ์ หรือบางตัวก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน และนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษของมนุษยชาติ ที่มีการค้นพบหมาป่าสายพันธุ์นี้จากถิ่นที่อยู่ทางธรรมชาติดั้งเดิมของพวกมันจริงๆ ลักษณะที่เด่นที่สุดของสายพันธุ์นี้ ก็คงเป็นเสียงเห่าหอนของมันที่แปลกออกไป…
-
นักโบราณคดีจีนขุดพบ ‘ดิลโด้โบราณ’ อายุ 2,000 ปี แต่จุดประสงค์การใช้งานยังคงเป็นปริศนา!?
จากการค้นพบล่าสุดของนักโบราณคดีก็ทำให้รู้ว่าเหล่าขุนนางภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น ในช่วงยุค 206 ปีก่อนคริสตกาล นั้นดูเหมือนว่ามีช่วงเวลาที่เยี่ยมยอดมาก… ในการขุดค้นสุสานโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ที่ตั้งอยู่ในมณฑล Jiangsu นักโบราณคดีได้ค้นพบสมบัติที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็นเซรามิค, จานชาม, อุปกรณ์อาบน้ำ (ฟองน้ำที่ใช้ขัดตัว), และอุปกรณ์ที่น่าทึ่งอย่างดิลโด้ที่ทำจากทองแดงและหยก ถึงแม้มีการสันนิษฐานว่าดิลโด้ทองแดง อาจจะถูกใช้เป็นวัตถุทางด้านเพศ ทั้งให้ผู้หญิงใช้หรือผู้ชายใช้เพื่อเป็นเซ็กส์ทอยกับคู่ฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามทางด้านนักวิจัยเชื่อว่าเจ้าดิลโด้หยกนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อสนองต่อความต้องการทางเพศแต่อย่างใด เพราะหยกนั้นถือเป็นอัญมณีที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจีนมาอย่างช้านาน และคาดว่ามันน่าจะถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมากกว่า “เจ้าสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับดิลโด้ที่ทำขึ้นมาจากหยกนี้ ถูกใช้งานเพื่อปิดผนึกร่างกายเพื่อกักเก็บเนื้อแท้ของตัวตน ไม่ให้มันรั่วไหลออกมาในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว” ภัณฑารักษ์ Fan Zhang กล่าว ส่วนเจ้าดิลโด้ทีทำขึ้นมาจากทองแดงนั้นเองก็ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีไว้ทำอะไรกันแน่ เพราะรูปร่างของมันช่างแปลกประหลาด มีห่วงวงกลมเล็กๆ ติดอยู่ข้างหลังจึงทำให้นักวิจัยต่างก็ตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วมันมีไว้เพื่อสนองต่ออารมณ์ทางเพศจริงหรือไม่!? “เจ้าดิลโด้ที่ทำมาจากทองแดงนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ และมันมักจะถูกพบในหลุมฝังศพของชนชั้นสูง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทำมันขึ้นมาเพื่อใช้งาน แต่จะใช้งานในเรื่องใดนั้นยังไม่อาจทราบได้ เจ้าห่วงวงกลมนั้นก็คือสายหนัง หรือหนังที่ถูกคล้องเอาไว้ แต่มันก็ทำให้ชวนสงสัยว่าพวกเขาจะสวมใส่กันอย่างไร? มีไว้สำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่!?” คุณ Zhang กล่าว การค้นพบครั้งนี้ อาจจะเป็นหลักฐานสำคัญไขไปสู่เรื่องน่าสนใจในประวัติศาสตร์อีกหลายๆ เรื่องก็เป็นได้ ต้องคอยติดตามกันดูแล้ว… ที่มา :…
-
ผลการวิจัยค้นพบ การโกน “ขนหมออ้อย” เพิ่มความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เคยไหม!? ที่บางทีจู่ๆ ก็นึกรำคาญขนที่ขึ้นบริเวณที่ลับ จนหลายคนคิดอยากจะถอนรากถอนโคนมันออกไปให้หมดสิ้น แต่ถ้าหากคุณได้อ่านเรื่องราวดังต่อไปนี้ เชื่อว่าจะต้องตัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปทันทีแน่นอน เพราะล่าสุดผลวิจัยได้เผยออกมาแล้วว่า การโกนขนในที่ลับ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มากขึ้น ทางบทความที่ตีพิมพ์จากทางสารสาร Journal of Sexually Transmitted ได้เผยคำสัมภาษณ์ของผู้คนอเมริกาเกี่ยวกับพฤติกรรมการตัดแต่งขนพวกพวกเขาพบว่า ผู้คนร้อยละ 80 มักจะมีการโกนขน ซึ่งจะมีโอกาสเป็นโรค STI มากกว่าผู้ที่ไม่ได้โกนขนเลย สำหรับ STI เป็นกามโรคที่เกิดจากการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางปาก ทวารหนัก หรือช่องคลอดกับคนที่ติดเชื้อ ซึ่งมีหลายชนิดของเชื้อโรค โดยมีทั้งหมด 3 ชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือ หนองในเทียม, เริมที่อวัยวะเพศ และหนองในแท้ นอกจากนี้ยังพบอีกว่า พวกเขามักจะทำการโกนขนในที่ลับของตัวเองมากกว่า 11 ครั้งต่อปี บางคนก็โกนเป็นรายวัน-รายสัปดาห์ ซึ่งมันอาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าวมากขึ้นกว่าเดิม หากสังเกตไปรอบๆ ตัว เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันผู้ชายมักจะกันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรูปร่าง รักความสะอาด หันมาออกกำลังกาย เพื่อเรียกกระแสกันอยู่ในโลกโซเชียล จนถูกเรียกเป็นคำนิยามใหม่ว่า “Spornosexual” ขึ้นมา และถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดี ความจริงแล้วมันอาจจะมีด้านมืดซ่อนอยู่ก็เป็นได้ จากผลการวิจัยพบว่า…
-
นักวิจัยพบ “สาหร่ายรสเบคอน” ถึงจะดูแปลก แต่มีคุณค่ามากกว่าคะน้าถึง 2 เท่า!!
ถ้าลองเอาผ้าปิดตา แล้วชิมรสชาติของเจ้าสาหร่ายพันธุ์สีแดงสุดแปลกนี้ หลายคนอาจจะคิดว่านี่มันเบคอนแน่นอน แต่ถ้าหากเปิดผ้าออกมาแล้ว กลับพบว่า อ้าว!! นี่มันไม่ใช่เบคอน แต่เป็นสาหร่ายนี่หว่า เชื่อว่าคุณจะต้องรู้สึกสับสน และมีความกังวลว่าต่อมรับรสมันต้องผิดเพี้ยนไปแน่ๆ แต่นั่นแหละถูกแล้ว ต่อมรับรสของคุณยังปกติดี เพียงแต่เจ้าสาหร่ายที่เห็นนี้กลับแปลกยิ่งกว่า เพราะแทนที่มันจะมีรสชาติเหมือนสาหร่ายทั่วๆ ไป แต่กลับให้รสชาติคล้ายกับเบคอนซะอย่างนั้น เอ้อ…แบบนี้ก็มีด้วย สำหรับสาหร่ายพันธุ์สีแดงนี้ถูกเรียกว่า Dulse ค้นพบโดยกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oregon State มันเป็นสาหร่ายพันธุ์ใหม่ที่มีรูปร่างโปร่งแสง มีหน้าตาคล้ายผักกาดหอม แถมยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และโปรตีนมากมาย อีกทั้งยังสามารถเจริญเติบโตไว้รวดเร็วมากๆ อีกด้วย Chuck Toombs หนึ่งในทีมงานนักวิจัยได้กล่าวว่า “Dulse เป็นสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผักคะน้าถึง 2 เท่า อีกทั้งมันก็จะได้กลายเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารใน Oregon” ทางด้าน Chris Langdon หัวหน้านักวิจัยได้เผยว่า “นี่มันเป็นสาหร่ายที่มหัศจรรย์มาก เมื่อคุณได้ลองนำไปทอด มันจะให้รสสัมผัสที่เหมือนกับเบคอนเป๊ะๆ โดยที่ไม่เหมือนสาหร่ายเลยสักนิดเดียว” ด้วยเหตุนี้ ทางทีมนักวิจัยพร้อมผู้เชี่ยวชาญ จึงได้จดสิทธิบัตรการค้นพบสาหร่ายสายพันธุ์ใหม่นี้ขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้คาดว่าในอนาคต เจ้าสาหร่ายสุดแปลกนี้อาจถูกนำไปปรุงอาหาร…
-
เงินทุนจาก ‘Ice Bucket Challenge’ ทำให้เราค้นพบยีนต้นเหตุโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้ว!!!
ยังจำกันได้ไหมเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วมีการรณรงค์แคมเปญที่ชื่อว่า Ice Bucket Challenge ซึ่งเป็นการท้าคนให้เอาถังน้ำแข็งเย็นๆ มาราดใส่ตัวเอง เพื่อนำเงินไปบริจาคให้กับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ไม่น่าเชื่อว่าเงินบริจาคในวันนั้นจะสามารถต่อยอดจนทำให้ตอนนี้ค้นพบต้นตอของยีนที่เป็นต้นเหตุของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงนี้ได้แล้ว สำหรับคนที่อยากรู้ว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คืออะไร กลับไปอ่านบทความ 8 ความจริงเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่ทุกคนควรรู้ ลักษณะการบริจาคก็คือการท้าคนอื่นไปเรื่อยๆ ให้เอาถังน้ำแข็งราดตัวเอง ซึ่งก็อยู่ที่ความสมัครใจ จนถึงตอนนี้มียอดรวมเงินบริจาคถึง 4,023 ล้านบาท ข้อมูลจากวารสาร Nature Genetics ได้ให้ข้อมูลว่ามีนักวิจัยกว่า 80 คนจาก 11 ประเทศได้เข้ามาช่วยกันค้นคว้า จนสุดท้ายก็พบว่ายีนที่ชื่อ NEK1 นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ ส่วนเรื่องการรักษานั้นกำลังอยู่ในกระบวนการค้นคว้า ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ จากเมื่อก่อนที่กลายเป็นกระแสกันทั่วบ้านทั่วเมือง บางคนก็ออกมาด่าบ้าง บางคนก็ออกมาชื่นชมบ้าง แต่ข่าวนี้ก็ทำให้เราได้รู้ว่ากระแสแบบนี้ทำให้เราค้นพบอะไรดีๆ ได้เหมือนกัน ไม่ใช่การท้าทายเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว ที่มา boredpanda
-
‘มเหนทรบรรพต’ เมืองโบราณใต้ผืนป่าใกล้นครวัด อาจจะใหญ่เทียบเท่าพนมเปญ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยเรื่องราวที่กำลังสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ณ ขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อทีมนักโบราณคดีที่นำโดย Damian Evans นักโบราณคดีชาวออสเตรเลีย จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้ทำการรายงานความคืบหน้าการค้นพบตำแหน่งของเมืองโบราณ “มเหนทรบรรพต” ที่ซ่อนตัวกลางป่าทึบ บนเนินภูเขาพนมกุเลน ในประเทศกัมพูชา ใกล้กับปราสาทหินนครวัดเป็นที่แน่ชัดแล้ว หลังจากที่เป็นปริศนามาเป็นเวลานาน จากการสำรวจพบว่า เมืองโบราณคดีดังกล่าว มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก โดยตั้งแต่ขนาดของเมืองรวมไปถึงระบบชลประทาน มีพื้นที่กว่า 1,901 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 1.1 ล้านไร่) ซึ่งคาดว่าน่าจะมีพื้นที่พอๆ กับกรุงพนมเปญ ที่เป็นเมืองในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ก่อนหน้านี้ ทางทีมนักโบราณคดี เคยออกสำรวจเมืองมเหนทรบรรพต ในแถบภูเขาพนมกุเลนมาแล้วเมื่อปี 2012 ปรากฏว่ามันเป็นแค่การพบเพียงเศษเสี้ยวของเมืองเท่านั้นเอง โดยการออกสำรวจตามหาข้อมูลเมืองโบราณแห่งนี้ ทางทีมนักโบราณคดี ได้ใช้เทคโนโลยีการสแกนด้วยเลเซอร์ทางอากาศ ที่เรียกว่า Lidar จากนั้นก็ได้นำมาติดตั้งบนเฮลิคอปเตอร์ แล้วนำออกบินสแกนทั่วพื้นที่เหนือภูเขาพนมกุเลน และนั่นก็ได้ทำให้พวกเขาสามารถสรุปได้แน่ชัดแล้วว่า เมืองมเหนทรบรรพตแห่งนี้ ความจริงแล้วมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าที่เคยคิดไว้ในครั้งแรกมากๆ เลยทีเดียว .…
-
นักวิจัยค้นพบวิธียืดอายุแบตเตอรี่ให้เสื่อมช้าลง มีความอึดถึกทนต่อการชาร์จถึง 200,000 ครั้ง
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะใช้งานได้ก็ต้องมีไฟฟ้า และการเก็บประจุไฟฟ้าก็ต้องอาศัยแบตเตอรี่ และแบตเตอรี่จำเป็นที่จะต้องแบกรับประจุไฟฟ้าเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งใช้งานหนักและนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้นเท่านั้น หลายคนมักจะประสบกับปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมก่อนวัยอันควร เพราะการใช้งานอันหนักหน่วงในโลกยุคดิจิตอล สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่ใครๆ ก็มีติดตัว และมักจะชาร์จแบตเตอรี่กันทุกวัน วันละหลายครั้ง Mya Le Thai นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเออร์ไวน์ (UCI) ค้นพบว่าการใช้เส้นใยสายไฟนาโนเป็นวัสดุผสมในแบตเตอรี่จะช่วยเพิ่มพื้นที่และการถ่ายเทประจุไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเดิม แต่สภาพของมันบอบบางมาก ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการคลายและเก็บประจุไฟฟ้าแบบซ้ำไปซ้ำมา เส้นใยสายไฟนาโนขนาดอันบางเฉียบยิ่งกว่าเส้นผมมนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงนำเส้นใยสายไฟนาโนมาเคลือบกับแมงกานีสไดออกไซด์แล้วนำไปเคลือบกับเจล Plexiglas อีกที ผลที่ได้ก็คือมันสามารถช่วยทำให้แบตเตอรี่ Lithium-Ion สามารถรองรับการชาร์จได้มากกว่าเดิมหลายพันเท่า ประมาณ 200,000 ครั้ง ตลอดการทดลองสามเดือน โดยที่ไม่มีอาการเสื่อมแต่อย่างใด แบตเตอรี่ Lithium-Ion โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ทั่วไปจะรองรับการชาร์จอย่างเต็มประสิทธิภาพตั้งแต่ 5,000 – 7,000 ครั้ง หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงไป ที่น่าตกใจก็คือการค้นพบในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ และไม่แน่ว่าอาจจะนำไปใช้กับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในอนาคตก็เป็นได้ ส่วนใครที่อยากจะอ่านเปเปอร์งานวิจัยนี้ สามารถตามมาอ่านกันได้ ที่นี่ เลย ที่มา…
-
ตื่นตัวทั่วโลก LIGO ยืนยันค้นพบ ‘คลื่นแรงโน้มถ่วง’ เป็นครั้งแรก ตามทฤษฏีของไอน์สไตน์
เมื่อคืนของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ตามช่วงเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย อีกฟากหนึ่งของโลกกำลังจัดงานแถลงการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษย์ มันก็คือ ‘คลื่นแรงโน้มถ่วง’ ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกของโลก และได้ทำการถ่ายทอดสดให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมไปพร้อมๆ กัน มาถึงแบบนี้ หลายๆ คนอาจจะงงว่ามันคืออะไร ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า Gravitational Waves (คลื่นแรงโน้มถ่วง) เป็นทฤษฏีของไอน์สไตน์ที่ตั้งขึ้นมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงหรือไม่ จนระยะเวลาผ่านไปเกือบร่วมๆ 100 ปี วันนี้ก็มาถึงแล้ว ซึ่งทีมงาน LIGO (Laser Interferometer Gravitational-Wave Observatory) ออกมายืนยันว่าค้นพบคลื่นความโน้มถ่วงเป็นครั้งแรก จากวันที่ 14 กันยายน 2015 ตรวจพบแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากหลุมดำสองหลุม ขนาดมวล 29 และ 36 เท่าของดวงอาทิตย์รวมตัวกัน และปล่อยพลังงานออกมาเป็นคลื่นแรงโน้มถ่วง สามารถวัดคลื่นดังกล่าวได้ในเวลาเดียวกันทั้งสถานีที่ Hanford, Washington และ Livingston, Louisiana โดยลักษณะของคลื่นแรงโน้มถ่วงจะไม่เหมือนกับคลื่นธรรมชาติอื่นๆ เป็นรูปแบบการบิดงอของตัวอวกาศ ระยะทางสองทิศยืดและหดออกจากกัน…