Tag: ฆ่า
-
เจ้าบ่าวหึงโหด แทงเจ้าสาวดับกลางวิวาห์ เชื่อแอบเป็นชู้กับ “เพื่อนและพ่อ” ของตนเอง
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2018 มีรายงานออกมาว่าในเมืองบูร์ซา ประเทศตุรกี ได้เกิดเหตุการณ์สุดแสนน่าสลดใจ เมื่อเจ้าบ่าวหนุ่มลงมือฆาตกรรมเจ้าสาวของตนเองอย่างโหดเหี้ยมในพิธีวิวาห์ของทั้งคู่ นาย Metehan Yurdoglu หนุ่มวัย 22 ปี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม Gullu Yurdoglu หญิงสาววัย 21 ปีซึ่งเป็นภรรยาของตนเอง เนื่องจากเชื่อว่าเธอคนนี้มีพฤติกรรมนอกใจไปสุงสิงกับ เพื่อนและพ่อ ของเขา ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนรักที่คบหากันมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งช่วงหลังฝ่ายชายก็พบว่าฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมนอกใจ ประกอบกับการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้งด้วยเหตุที่ว่าทางบ้านของฝ่ายหญิงไม่อนุญาตให้เธอแต่งงาน จากรายงานทราบว่า Gullu ฝ่ายหญิงเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของฝ่ายชายเพียง 4 เดือนเท่านั้น Metehan ก็เชื่อว่าฝ่ายหญิงแอบคบหากับเพื่อนของเขา เขาจึงเข้าไปคุยกับพ่อตนเองเพื่อบอกให้ไล่ Gullu ออกจากบ้าน แต่สิ่งที่ได้รับจากพ่อก็คือ “แกก็ออกไปแทนสิ” หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินข้อมูลจากเพื่อนชายของตนว่า Gullu นั้นแอบมีเพศสัมพันธ์กับพ่อของของ Metehan เอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหนีออกจากบ้านและพยายาม ฆ่าตัวตาย แต่พ่อของ Metehan พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเขาเอาไว้ จากนั้นเขาก็เริ่มคิดได้ว่า ไม่ใครก็ใครระหว่างเขาและ Gullu จะต้องตาย…
-
ตำรวจจับชายญี่ปุ่น “หั่นศพ” แม่ตนเองทิ้งทั่วเมือง สารภาพไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ไม่มีเงินทำศพ
เมื่อเร็วๆ ที่ผ่านมานี้ได้เกิดเหตุการณ์น่าขนลุกขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เมื่อชาวเมืองในอำเภอโออามิชาราซาโตะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่นพบเจอ ร่างศพที่ถูกหั่น กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมือง และในวันนี้ (26 พฤศจิกายน) หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนถึงเหตุดังกล่าว ก็พบว่า ชายวัย 37 ปี เป็นคนก่อเรื่องนี้ทั้งหมด เขาได้ “หั่นศพ” แม่ของตนเองแล้วนำชิ้นส่วนร่างกายไปทิ้งไว้ยังสถานที่ต่างๆ ทั่วอำเภอ ผู้ต้องหา (มีผ้าคลุมศีรษะ) . เบื้องต้นเจ้าตัวสารภาพว่า เป็นคนทำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด แต่ไม่ได้เป็นฆาตกร เขากล่าวว่าตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าแม่ของตนนั้นเสียชีวิตอยู่แล้ว แต่เขา “ไม่มีเงิน” มากพอจะทำศพ ก็เลยยต้องตัดสินใจหั่นแล้วนำไปทิ้ง ถึงจุดนี้ ทำให้เราต้องฉุกคิดเรื่องค่าครองชีพในประเทศญี่ปุ่นที่สูงลิบ แม้กระทั่งผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการทำพิธีส่งวิญญาณตามความเชื่อ ทั้งนี้ไม่อาจสรุปได้ว่าคำพูดของผู้ต้องหารายนี้เป็นจริงหรือไม่จริง เพียงแต่มันทำให้เกิดคำถามตามมว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับงานศพในญี่ปุ่นนั้นแพงขนาดที่ทำให้คนๆ หนึ่งยอมกลายเป็นฆาตกรหั่นศพเชียวหรือ? บางแหล่งข้อมูลระบุว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการทำพิธีศพของญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่ราวๆ 1-3 ล้านเยน หากคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 300,000-900,000 บาท . อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของมารดาผู้ต้องหา และไม่ว่าคำให้การของผู้ต้องหาจะเป็นจริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์น่าสลดใจเรื่องหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ …
-
หญิงชาวอินโดถูกตัดสิน “ประหาร” ในซาอุฯ เพราะฆ่านายจ้างที่พยายาม ‘ข่มขืน’ เธอ
ชาวอินโดนีเซียในกรุงจาการ์ตาได้เกิดความไม่พอใจกับทางประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างมาก หลังหญิงชาวอินโดนีเซีย ถูกตัดสินประหารชีวิต โดยไม่มีการแจ้งรัฐบาลอินโดฯ Tuti Tursilawati ผู้ใช้แรงงานหญิงชาวอินโดนีเซียที่อพยพเข้ามายังประเทศซาอุดีอาระเบียได้ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2011 ด้วยคดีฆาตกรรมนายจ้างของตน แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังไม่ได้รับโทษ กระทั่งวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา เธอถูกประหารชีวิตเป็นที่เรียบร้อยในเมืองอัฏฏออิฟ ประเทศซาอุดีอาระเบีย Tuti Tursilawati การตัดสินคดีในครั้งนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ชาวอินโดนีเซียอย่างยิ่ง Joko Widodo นายกรัฐมนตรีของอินโดนีเซียได้ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ถึงสาเหตุที่ไม่แจ้งข่าวการประหารชีวิต Tuti Tursilawati ให้ทางการอินโดนีเซียได้ทราบ ประกอบกับการให้ปากคำของ Tuti ที่กล่าวว่าเป็นการกระทำเพื่อ ป้องกันตนเอง หลังจากถูกนายจ้างของเธอลวนลามและคุกคามทางเพศ ยิ่งทำให้ชาวอินโดนีเซียยิ่งไม่พอใจ ภายหลังทราบว่า ทางซาอุดีอาระเบียไม่สนใจเรื่องของการร้องขอสิทธิมนุษยชนและสิทธิการรักษาชีวิตของตน (ผู้กระทำผิด) สุดท้าย นายกรัฐมนตรีของอินโดนีเซียจึงได้พยายามร่างข้อตกลงจริงจังกับประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ทางการประเทศซาอุดีอาระเบียมีกาประหารชีวิตชาวอินโดนีเซียโดยไม่มีการแจ้งกลับมายังประเทศบ้านเกิด ที่มา: migrantcare, nextshark และ Daily Mail
-
สาวเล่า ‘วินาทีชีวิต’ หลังเดินกลับหอพักถูก ‘ชายแปลกหน้า’ เดินตามมาติดๆ ดีที่ไหวตัวทัน!!
บางครั้งการใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่แสนโหดร้ายนี้มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดเสมอไป เรื่องราวของ Alexa หญิงสาวชาวนิวยอร์กวัย 30 ปี ที่ถูกชายแปลกหน้าเดินตามเข้ามาถึง ‘หอพัก’ ในมหาวิทยาลัย University Heights เธอโพสต์เล่าเหตุการณ์วินาทีชีวิตของเธอผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “หลังจากลงมาจาก Uber เวลาประมาณตี 3.50 น. ก็เดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของหอพักตามปกติ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าตอนนี้ ‘เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว’” เหตุการณ์ตอนที่ Alexa กำลังเดินเข้ามาในล็อบบี้ของหอพัก The following footage is me walking up into my building. You’ll notice a man walk behind me moments later. I did not see or hear him. pic.twitter.com/oxCtNvcstN…
-
พยานเผย ได้ยินเสียง ‘เคาะประตู’ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเปิดห้องเข้าไปยิงชายผิวสี!!
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงยิงชายผิวสีในอพาร์ตเมนต์เพราะเข้าห้องผิด และคิดว่าห้องนั้นเป็นของตัวเอง จนกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ผู้คนในบ้านเราให้ความสนใจ แน่นอนว่าหลายๆ คนเข้าใจว่าเหตุเกิดเพราะการเข้าใจผิด แต่ล่าสุดจากการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม คดีนี้อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้การเอาไว้ในตอนแรกก็เป็นได้… จากเหตุการณ์ฆาตกรรมชายผิวสีในอพาร์ตเมนต์ที่อยู่ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ที่ 6 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง Amber Guyger ใช้อาวุธปืนยิงนาย Botham Jean เสียชีวิต เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้ร้ายที่เข้ามาขโมยของในห้องของตัวเอง แต่จริงๆ แล้วห้องนั้นเป็นห้องของนาย Jean เอง ซ้าย Botham Jean (ผู้เสียชีวิต) ขวา Amber Guyer (ผู้ก่อเหตุ) จากรายงานล่าสุดของเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ระบุเอาไว้ว่า มีพยานรายหนึ่งให้ปากคำกับนาย Lee Merrit ทนายของครอบครัวผู้เสียชีวิตว่า “ได้ยินเสียงเคาะประตู และตะโกนว่า ให้ฉันข้าไป!! ให้ฉันเข้าไป!!” ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา ซึ่งคำให้การของพยานในครั้งนี้ขัดกับคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ที่อ้างว่า ‘ประตูถูกเปิดแง้มเอาไว้อยู่’ …
-
หนึ่งในฆาตกร ‘เยาวชน’ คดี “จุนโกะ” เมื่อ 30 ปีก่อน ถูกจับกุมอีกครั้ง จากข้อหาพยายามฆ่า
ครั้งหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน มีคดีฆาตกรรมอันน่าเศร้าสลดใจเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เด็กนักเรียนชาย 4 คน ได้วางแผนหลอกล่อเหยื่อมา “ข่มขืนและฆ่า” โดยเหยื่อก็คือ จุนโกะ ฟุรุตะ เด็กนักเรียนหญิง ม.ปลาย วัยรุ่นชายวัย 15 ปี นามว่า โนบุฮารุ จึงได้วางแผนกับเพื่อนเพื่อหลอกล่อจุนโกะมายังบ้านของตน จากนั้นจึงข่มขืน ทรมาน และฆ่าในที่สุด หลังตำรวจจับกุมตัวพวกของโนบุฮารุได้ ซึ่งขณะนั้นยังมีสถานะเป็น “เยาวชน” ศาลจึงผ่อนผันโทษตามข้อกฎหมายของเยาวชน โดยให้โนบุฮารุถูกตัดสินจำคุกเพียง 5-9 ปีเท่านั้น จุนโกะ ฟุรุโตะ เหยื่อฆาตกรรมเมื่อปี 1988 เวลาผ่านไปสามทศวรรษนับจาก “คดีฆาตกรรมจุนโกะ” เหล่าเยาวชนที่เป็นผู้ร้ายในคดีเติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานที่อาศัยร่วมกับสังคมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น… แต่ล่าสุดวันที่ 9 กันยายน 2018 มีรายงานว่าชายวัย 45 ปีนามว่า ชินจิ มินาโตะ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเนื่องจากทุบตีและใช้มีดแทงเพื่อนร่วมงานวัย 32 ปี ขณะทั้งคู่มีการทะเลาะวิวาทในจังหวัดไซตามะ ขณะที่เหยื่อวัย 32 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล มินาโตะผู้ก่อเหตุถูกตั้งข้อหา พยายามฆ่า…
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
พี่ชายโมโหจัด! ยัวะที่น้องสาว “เข้าห้องน้ำนานเกินไป” คว้ามีดแทงไม่ยั้ง 53 แผล ดับสนิท…
ชายหนุ่มนามว่า Gavin Henderson อายุ 27 ปีเกิดยัวะขึ้นมาหลังพบว่าน้องสาวของตนเข้าห้องน้ำในบ้าน “นานจนเกินไป” จึงคว้ามีดแทงจนเสียชีวิต ผู้เคราะห์ร้ายคือ Keaira Henderson วัย 15 ปีน้องสาวแท้ๆ ของนาย Gavin ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเข้าห้องน้ำนานจนเกินไป จึงถูกมีดแทงด้วยฝีมือพี่ชายรวม 53 แผลจนเสียชีวิต หลังสืบประวัติของ Gavin พบว่าเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ในรัฐจอร์เจียกับแม่และน้องสาวหลังจากเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำในรัฐฟลอริดาเมื่อปี 2017 เจ้าหน้าที่ให้การกับศาลว่าก่อนหน้านี้นาย Gavin เคยถืออาวุธมีดเตรียมทำร้ายร่างกายน้องสาวมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทางครอบครัวก็สามารถกล่อมให้เขาใจเย็นลงได้โดยไม่ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในวันเกิดเหตุ นาย Gavin ต้องการใช้ห้องน้ำในช่วงเวลาราวบ่ายสามโมง แต่น้องสาวของเขา Keaira ยังคงอยู่ในห้องน้ำ ขณะนั้นถึงแม้น้องสาววัย 12 ปีอีกคนหนึ่งจะอยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน แต่ฝ่ายผู้เป็นแม่นั้นออกไปทำงานในตัวเมือง จึงทำให้เขาตัดสินใจคว้าอาวุธมีดล่าสัตว์ยาว 10 นิ้วแทงน้องสาวจนสาหัส จากนั้นเขาก็วิ่งตาม Keaira ขณะที่เธอวิ่งหนีไปนอกบ้านเพื่อเคาะประตูห้องรอบข้างขอความช่วยเหลือแล้วแทงอย่างไม่ยั้งจนน้องสาววัย 15 ของเขาสิ้นใจ ส่วนน้องสาวคนเล็กที่ตกใจกลัวอยู่นั้นก็พยายามติดต่อแม่ให้ได้ เมื่อฝ่ายแม่รู้เรื่องจึงรีบกลับมาทันทีพร้อมแจ้งตำรวจ เมื่อน้องสาวคนเล็กเปิดประตูมาเห็น เขาบอกกับเธอว่า…
-
ภาพสุดท้ายเด็กหญิง 10 ขวบกับคนร้าย เดินจูงมือกันก่อนถูกฆ่าข่มขืน พบเป็นคนใกล้ตัวพ่อ
ในสังคมปัจจุบัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกันถูกสั่นคลอนอยู่เสมอ แม้ว่าจะเคยรู้จักหน้าคร่าตากันมาก่อนก็ตาม เพราะสถานะความใกล้ชิดเหล่านี้นำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นภาพของเด็กหญิง ผู้เป็นลูกสาวของเจ้าของร้านขนมหวานในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย กำลังเดินจูงมืออยู่กับอดีตคนงานร้านชื่อ Bholu วัย 24 ปี นาย Bholu นั้นเคยทำงานให้กับครอบครัวดังกล่าวมานานถึง 9 ปี ก่อนที่จะลงมือกระทำการข่มขืนเด็กหญิงอันเป็นลูกสาวของเจ้านายเก่าตัวเอง และภาพเดินจูงมือกันสองต่อสองคือภาพสุดท้ายที่เด็กหญิงยังมีชีวิต… หลังจากที่หายตัวไป เขาได้ลงมือข่มขืนเด็กหญิงและซ่อนศพเอาไว้ในถังภายในบ้านที่เขาอยู่ร่วมกับแม่ ก่อนจะเดินทางกลับมาทำงานตามปกติ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน พ่อแม่ของเด็กรับรู้ถึงความผิดปกติของลูกสาว เหล่าอาสาสมัครพากันออกตามหาพร้อมกับนาย Bholu ที่แสร้งช่วยค้นหาด้วย จนกระทั่งได้รับเบาะแสจากเพื่อนบ้านของนาย Bholu ที่เห็นว่าอยู่กับเด็กเป็นรายสุดท้าย และความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฎออกมาจากปากของเขาและแม่ของนาย Bholu… จากการชันสูตรศพของเด็กหญิง เจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าถูกข่มขืนก่อนถูกฆาตกรรม และทางตำรวจทำการจับกุมนายและสอบสวน Bholu ในข้อหาข้อความผิดทางเพศและกฎหมายเกี่ยวกับเด็ก พร้อมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในช่วงเวลาก่อนลงมือ… ที่มา: dailymail, metro, ndtv
-
‘วิชาแห่งชีวิต’ ในโรงเรียนมัธยม ฟักไข่ไก่และเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ก่อนจะกลายมาเป็นอาหาร…
ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนมัธยมการเกษตรและป่าไม้ Izumo ในจังหวัดไซตามะ ได้ทำการเปิดสอนวิชาแห่งชีวิต หลักสูตรระยะเวลา 6 เดือน ที่จะให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฟักไข่และเลี้ยงไก่ ก่อนที่จะนำมาทำเป็นอาหารเพื่อรับประทาน โดยเมื่อปีที่แล้ว วิชาดังกล่าวได้เริ่มเปิดสอนเมื่อเดือนตุลาคม โดยการนำไข่ไก่จำนวน 60 ฟองมาเตรียมไว้ในเครื่องฟักไข่ โดยมีอาจารย์คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ทั้งการล้างไข่ การจัดวางไข่ไว้ในถาด รวมไปถึงการควบคุมความชื้นและอุณหภูมิในเครื่องฟัก และ 3 สัปดาห์ต่อมา เหล่านักเรียนจะต้องมาคอยสังเกตการณ์ไข่เหล่านี้ เพื่อให้มั่นใจว่าไข่แต่ละฟองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะฟักออกมาได้ และเมื่อฟักออกมาเป็นตัวได้สำเร็จ นักเรียนแต่ละคนก็จะต้องเลี้ยงไก่ตัวนั้นให้ดี โดยที่รู้อยู่แล้วว่าท้ายที่สุดจะต้องนำมันมาทำเป็นอาหาร… นักเรียนจะต้องรับผิดชอบการเจริญเติบโตของไก่ทั้งหมด ตั้งแต่การให้อาหาร เปลี่ยนน้ำเป็นประจำ ควบคุมอุณหภูมิให้ไก่ พร้อมกับบันทึกทำรายงานการเจริญเติบโตของมันไปด้วย แต่ด้วยความใกล้ชิดก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความผูกพัน ยิ่งเลี้ยงดูมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง แม้จะรู้ผลตอนท้ายหลังจบคอร์สก็ตาม… บางรายพยายามไม่ใกล้ชิดกับไก่มากนัก ด้วยเหตุผลข้างต้น อย่างเช่น Arakawa Yumesui หนึ่งในนักเรียนที่เรียนคอร์สดังกล่าวในปีที่แล้ว… เธอกล่าวกับสำนักข่าว Nippon TV ว่า เธอไม่กล้าที่จะตั้งชื่อให้ไก่เพราะกลัวผูกพันกับมัน ถึงกระนั้น…
-
หนุ่มอินเดียโมโหที่โดนลงโทษลุกนั่งร้อยครั้งจากคดีข่มขืน เลยทุบตีพ่อแม่และเผาเหยื่อทั้งเป็น
ในวันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา นาย Dhanu Bhuiyan และผู้สมรู้ร่วมคิดจำนวนหนึ่งได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเผาเด็กสาววัย 16 ปีทั้งเป็นในรัฐฌารขัณฑ์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอินเดีย จากข้อมูลของทางตำรวจ หญิงสาวรายนี้ถูกฆ่าหลังจากที่ผู้ปกครองของเธอแจ้งผู้อาวุโสของหมู่บ้านว่าเธอถูกข่มขืน จากการให้ปากคำของพ่อแม่ เหยื่อรายนี้เชื่อว่าถูกลักพาตัวจากบ้านของเธอขณะที่พ่อแม่ของเธอกำลังเข้าร่วมงานแต่งงานของคนรู้จัก จากนั้นเธอก็ถูกข่มขืนโดยชายสองคนในป่าใกล้ๆ หมู่บ้าน Raja Kendua ทางหมู่บ้านได้ทำการลงโทษผู้ลงมือที่จับได้ทั้งสองคนด้วยการให้ลุกนั่งร้อยครั้ง และจากค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000 รูปี (ราวๆ 23,700 บาท) ทำให้ชายทั้งสองคนที่โมโหกับการลงโทษในครั้งนี้มากรวบรวมพรรคพวกรวมทั้งหมด 18 คน เข้าทำร้ายร่างกายผู้ปกครองของเหยื่อ ก่อนที่จะเผาหญิงสาวผู้เป็นเหยื่อทั้งเป็น “ทั้งสองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าบุกรุกเข้าไปในบ้านเหยื่อ ทำร้ายร่างกายผู้ปกครองของเธอ และจุดไปเผาหญิงสาวทั้งเป็น ด้วยความช่วยเหลือของผู้สมรู้ร่วมคิดจำนวนหนึ่ง” Ashok Ram เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตำรวจท้องที่กล่าว มารดาของเหยื่อที่ต้องใจสลายกับการจากไปของลูกสาว ในขณะนี้ตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้เป็นจำนวน 15 คน จากทั้งหมด 18 คนแล้ว และกำลังตรวจสอบความเกี่ยวข้องของแต่ล่ะคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนาย Bhuiyan ซึ่งเป็นตัวการหลักถูกจับได้ในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตามผู้ต้องสงสัยยังไม่ได้ให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ในอินเดียนั้น สภาผู้สูงอายุในหมู่บ้านจะมีอิทธิพลอย่างมากพื้นที่ชนบทของอินเดีย และมักจะได้รับหน้าที่ในการยุติข้อพิพาทโดยไม่ต้องผ่านระบบตุลาการที่มีราคาแพง แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจในทางกฎหมายจริงๆ อย่างไรก็ตามจากเรื่องในครั้งนี้ทำให้ ผู้อาวุโสในหมู่บ้านหลายคนถูกตั้งข้อหาออกคำสั่งผิดกฎหมาย และปลอมแปลงหลักฐาน…
-
ตำรวจจับกุมหนุ่มอังกฤษที่เตะภรรยาชาวไทยจนเสียชีวิต เหตุเพราะเธอ ‘ไม่ยอมมีอะไรกับเขา’
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2018 นี้ได้เกิดเหตุสุดสลดขึ้น เมื่อสามีชาวอังกฤษคนหนึ่งเกิดมีปากเสียงกับภรรยาชาวไทยเพียงเพราะเธอไม่ยอมมีอะไรด้วย เพราะความเมาทำให้เขาบันดาลโทสะเตะเธอซ้ำๆ จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2018 ใน อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ช่วงเวลาประมาณ 6.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 พบศพหญิงสาวนอนเปลือยกายเหลือแต่กางเกงในบริเวณหน้าบ้านชั้นเดียว มีรอยฟกช้ำบริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาหลายชั่วโมงแล้ว เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบศพหญิงสาวนอนเปลือยกาย . ในระหว่างนั้นพบหนุ่มชาวต่างชาติยืนอยู่บริเวณข้างบ้าน เมื่อเข้าไปสอบถามเขาจึงให้การสารภาพว่าตนนั้นเป็นสามีของผู้ตายและเป็นคนฆ่าเธอด้วยตัวเอง จากการรายงานบอกว่าชายคนนี้มีชื่อว่า Kevin Smitham วัย 51 ปี บ้านเกิดอยู่ที่เมือง Nottingham ประเทศอังกฤษ เขาได้แต่งงานกับ นางกานดา สมิทธาม (Smitham) วัย 29 ปี ก่อนที่จะไปอาศัยอยู่ด้วยกันในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยลูกๆ ทั้ง 3 คน สามี Kevin และนางกานดาผู้เป็นภรรยา พวกเขาและลูกๆ…
-
โรงเรียนในฟลอริดาบังคับเด็กใช้กระเป๋าใส เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาพกอะไรมาโรงเรียนบ้าง?
เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา พวกเราน่าจะได้เห็นข่าวการกราดยิงภายในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 17 คน จากเหตุการณ์นั้นเองทำให้หน่วยงานรักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียนต้องหาวิธีป้องกันและยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก ทางเจ้าหน้าที่จึงแก้ปัญหาด้วยการออกกฎให้นักเรียนทุกคนสะพายกระเป๋าแบบใส เพื่อให้ง่ายต่อการมองเห็นว่าภายในนั้นใส่อะไรไว้บ้าง . แต่เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป ทำให้เหล่าเด็กๆ มองว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก นักเรียนหลายคนจึงทวีตภาพและข้อความลงในทวิตเตอร์เพื่อระบายความรู้สึกของพวกเขา ว่านี่คือเป็นการแก้ปัญหาที่ “ปลายเหตุ” เอามากๆ Cameron Kasky หนึ่งในนักเรียนของที่นี่ได้ทวีตว่า “เว้นแต่ว่าพวกเขา (นักเรียน) จะมีเสื้อกันกระสุน ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าปลอดภัยมากนักนะ” Emma Gonzalez “คนที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงดันเอาแต่เปลี่ยนสิ่งผิดๆ” Jack Macleod หนึ่งในชาวทวิตเตอร์บอกว่าเขาเชื่อว่าโรงเรียนมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี แต่ตัวกระเป๋าดูจะทำไว้เพื่อความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริงๆ นอกจากนี้เด็กๆ หลายคนยังมองว่ากระเป๋าแบบใหม่นี้ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดระแวงและเต็มไปด้วยความไม่ปกติตลอดเวเลา ในขณะที่ Lauren Hogg นักเรียนและนักกิจกรรมออกมาแสดงความเห็นว่ากระเป๋าใบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำมาก “กระเป๋าใหม่ของฉันเกือบจะโปร่งใส ฉันรู้สึกปลอดภัยมากเท่าๆ กับที่ฉันรู้สึกขอบคุณความพยายามที่ประเทศของเราให้ความสำคัญกับปัญหาที่แท้จริง มากกว่าเปลี่ยนให้โรงเรียนของเรากลายเป็นเรือนจำ” …
-
สามีลงมือสังหารภรรยาตัวเอง หลังจากพบความลับว่าเธอยุ่งเกี่ยวกับวงการสื่อลามก
ความลับบางอย่างของคนใกล้ตัวอาจเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกรับไม่ได้ และยิ่งถ้าเรารู้ด้วยตัวเองแล้ว มันก็อาจจะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่มากกว่าเดิม ซึ่งความคิดดังกล่าวอาจจะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ชายคนนี้คิด เมื่อวันหนึ่งเขาได้รู้ความลับของภรรยาที่ทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างมาก ชายคนนั้นมีชื่อว่า William Jeff West วัย 44 ปี ที่อาศัยอยู่กับภรรยา Kat West และลูกสาวตัวน้อยในรัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2018 เขาถูกจับในข้อหาฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง สามีภรรยา William และ Kat เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเขาค้นพบว่าภรรยาของเขาไม่ได้เป็นแค่แม่บ้านที่คอยอยู่บ้านเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังเป็นหนึ่งในสมาชิกเว็บไซต์ผู้ใหญ่อีกด้วย ซึ่งเธอไม่ได้เป็นคนเข้าไปดูเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่เธอทำคือการให้ผู้ชมคนอื่นๆ จ่ายเงินให้กับเธอ แล้วเธอจะส่งภาพนู้ดของตัวเองกลับไปให้ เธอใช้ชื่อในโลกโซเชียลว่า Kitty Kat West และเธอหาเงินจากการทำอย่างนั้นในเว็บไซต์เท่านั้น แต่เธอยังมีบัญชีทวิตเตอร์และอินสตาแกรมที่ใช้สำหรับการกระตุ้นตัณหาของเหล่าหนุ่มๆ ภายใต้ลักษณะของเธอที่มีความคล้ายคลึงกับดาราดังในสมัยก่อน Marilyn Monroe แต่แล้วเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2018 เพื่อนบ้านคนหนึ่งของครอบครัวนี้กำลังจะออกไปทำงานและได้บังเอิญไปเจอเข้ากับร่างอันไร้วิญญาณของ Kat นอนคว่ำอยู่กับฝั่งตรงข้ามถนนหน้าบ้านตัวเอง ใส่เสื้อผ้าครบ มีโทรศัพท์อยู่กับตัว และมีขวดเหล้า Absinthe ที่ว่างเปล่าอยู่ใกล้ๆ…
-
ตำรวจรัสเซียเหนือชั้น จัดฉากฆาตกรรมครอบครัวของวัยรุ่นที่จ้างมือปืนมา หวังฮุบมรดก!!
หนุ่มวัย 22 ปี ถูกหลอกล่อโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เชื่อว่าเขาได้ทำสัญญาว่าจ้างนักฆ่ามาให้มาปลิดชีพพ่อแม่และน้องสาววัย 10 ปีของตน เพื่อจะฮุบสมบัติของครอบครัวให้สำเร็จ ทีมนักสืบสืบจนพบแผนการฮุบสมบัติโดยการคิดจะสังหารคนทั้งครอบครัวของเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาสวมบทบาทเป็นนักฆ่ารับจ้างในนครโซชีของรัสเซีย ขณะที่หนุ่มน้อยติดต่อทำสัญญากับนักฆ่า เขายังได้ออกคำสั่งการกับนักฆ่าดังกล่าวถึงวิธีและสถานที่ที่ครอบครัวของเขาจะต้องถูกฆ่า อีกทั้งยังมีการวาดแผนผังของสถานที่ รวมไปถึงระบุจุดที่มีกล้องวงจรปิดและวิธีการหลีกเลี่ยงสุนัขเฝ้ายามอีกด้วย เมื่อเขาและนักฆ่าตกลงกันถึงรายละเอียดและค่าจ้างเสร็จแล้ว หนุ่มน้อยบอกว่าต้องการจะเห็นภาพหลักฐานการตายของครอบครัวของเขา ทางตำรวจจึงจัดฉากให้พ่อและแม่ของเขาแกล้งตายพร้อมถ่ายรูปของพวกเขาที่มีร่องรอยการถูกแทงด้วยมีดจนเลือดไหลออกมาจำนวนมาก . ทางฝ่ายนักฆ่าจึงได้ทำการนัดหมายชายหนุ่มเพื่อจะนำภาพถ่ายการฆาตกรรมไปให้ดู ถึงกระนั้น ไม่มีรูปถ่ายการตายของน้องสาวเขา และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนหลอกล่อของตำรวจครั้งนี้ด้วยหรือไม่ แต่หลังจากที่หนุ่มน้อยได้เห็นภาพยืนยันการเสียชีวิต เขาก็มีสีหน้าที่มีความสุขขึ้นมา พร้อมทั้งยินดีที่จะจ่ายค่าจ้างกว่า 1.6 ล้านบาทให้กับคนที่เขาเชื่อว่าเป็นนักฆ่ารับจ้าง เขาตั้งใจว่าไม่นานสมบัติทุกอย่างก็จะตกมาเป็นของเขา แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อตำรวจพร้อมอาวุธเข้ามาควบคุมตัวเขาไว้ เขาจึงรีบรับสารภาพ โดยตำรวจจากคราสโนดาร์กล่าวว่าเด็กคนนี้เคยวางแผนฆาตกรรมครอบครัวตนเองมาแล้วถึงสองครั้ง “เขาต้องการจะกำจัดพ่อแม่ของเขา เนื่องจากพ่อแม่ไม่ยอมให้เงินแก่เขา” เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว . . เจ้าหน้าที่ตำรวจยังกล่าวอีกว่า “เขาเคยพยายามกำจัดญาติพี่น้องของเขาสองครั้ง เขาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาวิธีการฆาตกรรม เขาเคยใส่ยาพิษลงในกาต้มน้ำ แต่พ่อของเขากลับสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จากนั้นเด็กคนนี้ก็ทำให้เทอร์มอมิเตอร์ในรถแตกเพื่อให้พ่อและแม่ของเขาได้รับสารปรอทจากไอระเหยของมัน” ในการสอบสวน เด็กหนุ่มกล่าวว่า “ผมวางแผนนี้มาหลายเดือน ผมทนไม่ไหวกับพวกเขาแล้ว เขาไม่เคยเข้าใจผมเลย จากนั้นผมก็ตัดสินใจจ้างนักฆ่า” เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า “พ่อแม่ของเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ลงคอ”…
-
หญิงชาวโรฮิงญาเผยประสบการณ์ชีวิตอันขมขื่น ลูกชายถูกฆ่า ตัวเองโดนรุมข่มขืน
เรื่องราวสุดรันทดที่ถูกเล่าจากปากของหญิงสาวชาวโรฮิงญาที่ถูกทารุณกรรมทางกายและทางเพศ ด้วยเงื้อมมือ ของกองกำลังรักษาความปลอดภัยของพม่า ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 600,000 ชีวิตได้อพยพไปสู่ประเทศบังกลาเทศ เพื่อหนีให้พ้นการคุกคามจากทหารพม่า ที่ว่ากันว่าเป็น “ตัวอย่างของการชำระล้างทางชาติพันธุ์” ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กล่าวไว้ Sunuara ชาวโรงฮิงญาวัย 25 ปี เล่าว่าเธอต้องอพยพไปยังบังกลาเทศหลังจากหมู่บ้านของเธอถูกโจมตีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2017 เธอบอกว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ เธอมีชีวิตที่ดี มีวัว รถ และที่นา เป็นของตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารมาเยือนบ้านของเธอซึ่งขณะนั้นสามีของเธออาศัยอยู่ ณ อีกหมู่บ้านหนึ่งกับญาติ ส่วนลูกคนอื่นๆ ของเธอก็ไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ เธอเล่าว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ประหารลูกชายของเธอด้วยการยิงเขาเข้าที่ท้องต่อหน้าต่อตา ขณะนั้น Sunuara ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ถูกตรึงไว้กับเตียงและถูกข่มขืนโดยชาย 9 คน เป็นเวลารวม 6 ชั่วโมง เธอฟื้นขึ้นอย่างไร้สติ เมื่อสามีและพี่ชายของเธอเข้ามาพบ จากนั้นพวกเขาก็พาเธอออกจากที่นั่นไปยังชายแดนบังกลาเทศ เธอคลอดลูกของเธอที่นั่น แต่หนึ่งวันหลังจากนั้น ทารกที่เธอคลอดออกมาก็ไม่อาจรอดชีวิตได้ ในขณะเดียวกัน Roshida Begum วัย 22 ปี…
-
นร. หนุ่มจากเหตุยิงในโรงเรียน สละชีวิตตัวเองกั้นประตู เพื่อให้คนอื่นๆ ได้หนีออกไป
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมาเกิดเหตุใช้ปืนยิงกราดในโรงเรียนในรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิต 17 คน กลายเป็นข่าวน่าสลดใจไปทั่วโลก ท่ามกลางความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้น ยังมีเรื่องราวความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของเด็กหนุ่มชคนหนึ่งอยู่ด้วย แม้ว่าสุดท้ายเขาจะเสียชีวิตไป แต่การกระทำของเขาช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนคนอื่นได้เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว Peter Wang ผู้เสียชีวิตอย่างวีรบุรุษในเหตุการณ์กราดยิงในรัฐฟลอริด้า นักเรียนคนดังกล่าวชื่อ Peter Wang เด็กชายเอเชียน-อเมริกันวัย 15 ปี ตอนที่เกิดเหตุยิงปืนเขาเอาตัวเองเข้าเสี่ยงภัยโดยการกั้นประตูให้คนอื่นได้วิ่งหนีออกไปได้สะดวกยิ่งขึ้น ทว่าท้ายที่สุดแล้วตัวเขาเองก็ไม่รอดชีวิตกลับมา ญาติสนิทของเขา Aaron Chan เองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เขาเล่าว่า Wang ที่อยู่ในชุดเจ้าหน้าที่ฝึกหัด เปิดประตูให้กับเพื่อนนักเรียนคนอื่นโดยที่ไม่ห่วงตัวเองเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มห่วงเพียงแต่ความปลอดภัยของเพื่อนๆ เท่านั้น ส่วนตัว Chan เองทำได้เพียงแต่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เขาได้เห็นญาติสนิทมีชีวิตอยู่ เขาเข้ารับการฝึกฝนเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกหัด (Reserve Officers’ Training Corps) ซึ่งปฎิบัติหน้าที่คล้ายคลึงกับตำรวจ เพื่อนสนิทของเด็กหนุ่มตั้งแต่เมื่อสมัยยังเล็ก Gabriel Ammirata ก็บอกว่า Wang เป็นคนที่อัธยาศัยดี มีความเป็นมิตร ทั้งยังมีนิสัยขี้เล่น และที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งเลย เด็กหนุ่มเป็นหนึ่งในเหยื่อจำนวนทั้งหมด…
-
ไทม์ไลน์อดีตนักเรียนใจเหี้ยม บุกยิงกราดในโรงเรียนฟลอริดา เสียชีวิต 17 บาดเจ็บอีก 50 ราย…
เกิดเหตุน่าสลดเมื่ออดีตนักเรียนหนุ่มพกอาวุธปืนและระเบิดควัน บุกเข้าไปในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 หลังจากหน่วย SWAT เข้าควบคุมเหตุการณ์ได้แล้ว ผลประเมินความเสียหายมีผู้เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บอีก 50 คน เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 14.25 น. โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย นักเรียนในโรงเรียนได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น นักเรียนจึงเดินออกจากห้องเรียนไปยังจุดรวมตัวตามที่ได้ฝึกซ้อมมา แต่กลับพบว่ามีคนเข้ามากราดยิงปืนในทางเดิน และไล่เข้าไปยิงนักเรียนในห้องเรียนอื่นๆ นักเรียนบางส่วนเข้ามาหลบภัยในห้องเรียน นักเรียนบางส่วนถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือก็วิ่งหนีกันแบบไม่คิดชีวิต นักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามาซ่อนตัวภายในห้องเรียน บางคนก็เข้าไปซ่อนตัวในตู้ และอีกส่วนหนึ่งก็วิ่งหนีออกไปนอกโรงเรียนได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงยิงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนตื่นกลัวอย่างมาก นักเรียนจำนวนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนเริ่มติดต่อกับภายนอกผ่านทางการโทรศัพท์และทางโซเชียลมีเดียเพื่อให้ตนเองรู้สึกสบายใจ บ้างก็โพสต์ในทวิตเตอร์ และอีกส่วนก็ส่งข้อความคุยกับทางบ้านของตัวเอง นักเรียนอีกส่วนหนึ่งวิ่งหนีออกไปข้างนอกโรงเรียนได้ นักเรียนส่วนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนพยายามติดต่อโลกภายนอกผ่านทางโซเชียลมีเดีย นักเรียนคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ในห้องเรียนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตอนนั้นเอาไว้ จะเห็นได้ว่านักเรียนต่างก็หวาดกลัวจึงหมอบลงต่ำเพื่อหลบผู้ก่อเหตุร้าย แต่ก็ยังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบอยู่ตลอดเวลา คลิปวิดีโอจากนักเรียนที่ติดอยู่ในโรงเรียน (หากชมคลิปวิดีโอไม่ได้ คลิกที่นี่) JUST IN…
-
นักล่าถูกสิงโตเข้าขย้ำอย่างไร้ปราณี ร่างถูกกลืนกินแทบทั้งหมด พ่ายแพ้ต่อทิฐิตัวเอง!!
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศได้รายงานเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้นที่สถานอนุรักษ์สัตว์เอกชน Ingwelala ที่ประเทศแอฟริกาใต้ หลังจากที่ชายรายหนึ่ง ถูกสิงโตทำร้ายและกัดกินร่างจนเหลือเพียงแค่ส่วนหัว ในตอนแรกที่พบชิ้นส่วนอวัยวะของชายคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเขาอาจจะเป็นคนขับรถของเขตอนุรักษ์ แต่หลังจากที่พบปืนไรเฟิลตกอยู่ใกล้ๆ กองเลือด ก็ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถยืนยันได้ว่าชายคนดังกล่าวคือนักล่าสัตว์ แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่พบสิ่งที่ระบุเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของชายคนนี้ “ตอนนี้เรากำลังเริ่มขั้นตอนการตรวจสอบตัวตนของชายคนนี้ โดยเริ่มจากชิ้นส่วนของเขาที่เราพบ” เจ้าหน้าที่ Moatshe Ngoepe ให้สัมภาษณ์ อย่างไรขณะนี้ทางด้านเจ้าของเขตอนุรักษ์สัตว์ Josh ยังไม่ได้รับอนุญาติให้สัมภาษณ์กับสื่อ เนื่องจากคดีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ ชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของเหยื่อ เสียงคำรามของสิงโต และเสียงปืนดังขึ้นพร้อมๆ กัน แต่เขาไม่สามารถช่วยเหลือชายคนดังกล่าวได้ เนื่องจากสิงโตเริ่มกินร่างชายคนนั้นแล้ว สถานอนุรักษ์สัตว์เอกชน Ingwelala ประเทศแอฟริกาใต้ คุณ Charlie Lynham ช่างภาพสัตว์ป่าชาวอังกฤษวัย 59 ปี ได้มาถึงที่เกิดเหตุทันทีหลังจากที่ทราบเรื่องราวดังกล่าว ช่างภาพวัย 59 ปีให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าชายคนดังกล่าวถูกสิงโตฆ่าตายในพื้นที่ของเขตอนุรักษ์หรือไม่ “มันเกิดขึ้นใกล้ๆ กับพื้นที่ของเขตอนุรักษ์พันธ์ุสัตว์ Umbabat มีการพบปืนไรเฟิลขนาด .456 จำนวน 2 กระบอกตกอยู่ใกล้ๆ นั้น ซึ่งปืนดังกล่าวเป็นอาวุธที่ใช้ล่าสัตว์ใหญ่อย่างพวกช้างหรือแรด” ช่างภาพชาวอังกฤษให้สัมภาษณ์ นอกจากนี้ช่างภาพชาวอังกฤษยังกล่าวอีกว่า เหตุกาณ์ในครั้งนี้อาจจะมีนักล่าคนอื่นนอกจากชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคนนี้ก็ได้ เนื่องจากมีการพบรอยเท้าที่กำลังวิ่งหนีจากที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามคาดว่าสาเหตุที่กลุ่มนักล่าสามารถลักลอบเข้าไปในพื้นที่เขตอนุรักษ์ได้นั้น…
-
นักกอล์ฟสาวถูกคุกคาม ขู่เอาชีวิตจากกรณีใส่เสื้อโชว์ ‘เนินภูผา’ มากเกินไปในสนาม!?
นักกอล์ฟหญิง Paige Spiranac ได้ถูกคุกคาม และข่มขู่ด้วยการหมายเอาชีวิต โดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นเป็นเพราะรูปลักษณ์ของเธอในฐานะนักกีฬากอล์ฟต่างหาก… เธอกล่าวว่าชื่อเสียงของเธอที่ทำให้มีผู้ติดตามใน Instagram มากมายนั้นได้กลายเป็นผลทางลบกับชีวิตเธอเข้าแล้ว “ฉันและครอบครัวถูกคุกคาม ฉันถูกขู่เอาชีวิต ผู้คนรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของฉัน เป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อฉันเล่นกอล์ฟ” เธอบอกว่าที่เป็นแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะว่าเธอไม่เหมือนนักกอล์ฟคนอื่นๆ ในเรื่องของการแต่งการกาย ซึ่งมันส่งผลให้เธอต้องเรียกร้องความเป็นธรรมของการแต่งกายในรายการแข่งขันกอล์ฟ LPGA กันเลยทีเดียว เพราะในรายการดังกล่าวการแต่งกายถูกจำกัดให้แต่งกายมิดชิด คอเสื้อกว้างและต่ำ รวมไปถึงกระโปรงและกางเกงขาสั้นทุกชนิดจะถูกห้าม เนื่องจากเป็นการเปิดเผยสรีระมากเกินไป Spiranac เป็นคนแรกที่ออกไปต่อต้านการจำกัดรูปแบบการแต่งกาย เพราะเธอบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ก่อความลำบากให้กับนักกีฬา โดยที่เธอได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่า… “ฉันรักกีฬากอล์ฟ มันเป็นกีฬาที่ยอดเยี่ยม แต่มีหลายสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลง มันควรจะก้าวหน้าและเปิดกว้างกว่านี้ การที่ฉันออกไปโต้แย้งคนอาจเกลียดฉันมากขึ้น แต่มันนำมาซึ่งประเด็นเจรจาที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ฉันแค่ต้องการให้ผู้คนรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อต้องการเล่นกีฬา ฉันรู้ว่าไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ข้อจำกัดพวกนี้มันคงเป็นเหตุผลที่คนไม่ค่อยอยากมาเล่นกีฬากอล์ฟล่ะมั้ง” . . ถึงแม้ Spiranac จะเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพอยู่ แต่เธอกำลังพักช่วงกีฬากอล์ฟเอาไว้ก่อน แล้วเข้าสู่วงการสื่อบันเทิง แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ลงแข่งขัน เธอกล่าวว่าเธอก็ไม่ควรได้รับการข่มขู่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม… . . .…
-
ผู้หญิงนับร้อยเผยแพร่ภาพนู้ดเพื่อต่อต้านฆาตกร เพราะภาพนู้ดไม่ใช่เหตุผลในการถูกใครฆ่า
จากเหตุการณ์ฆ่าข่มขืนหญิงสาวชาวรัสเซียวัย 19 ปี Tatiana Strakhova ทำให้เกิดการรณรงค์เรียกร้องสิทธิของผู้หญิงที่ได้รับการกระทำรุนแรงทั้งทางกายและทางเพศ ย้อนความกลับไปที่กรณีของ Tatiana Strakhova ผู้กระทำรุนแรงครั้งนี้คืออดีตคนรักของเธอ วัย 19 ปี ชื่อว่า Artyom Iskhakov เขาได้รัดคอเธอและแทงเธอด้วยอาวุธมีดจนเสียชีวิต จากนั้นเขาจึงข่มขืนศพและฆ่าตัวตายตาม เหตุการณ์น่าสลดเช่นนี้กลับทวีความสลดใจขึ้นไปอีกเมื่อชาวเน็ตเสนอความเห็นว่า ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า Tatiana ได้ทำการยั่วอารมณ์ของคู่รักเธอด้วยรูปภาพที่เธอโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต จนทำให้เกิดการประท้วงเรื่องดังกล่าว โดยการที่หญิงสาวชาวรัสเซียนับร้อยรวมใจกันเผยแพร่ “รูปถ่ายเปลือยกาย” ของตัวเอง อิงจาก Moscow Times การประท้วงครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้ผู้คนเข้าใจได้ว่า การโพสต์รูปภาพเปลือยกายนั้นไม่ใช่เหตุผลในการกระทำการข่มขืนหรือฆ่า หญิงสาวคนหนึ่ง ชื่อว่า Julia ได้ออกมาแสดงความรู้สึกไม่พอใจกับความเห็นที่ว่า Tatiana นั้นยั่วยวนคู่รักด้วยรูปภาพของเธอ Julia กล่าวว่า “ฉันรู้สึกกลุ้มใจมากกับการที่ รอยสัก และสีผม ยังเป็นสิ่งที่ทำให้คนเกิดไร้ศีลธรรมขึ้นมาได้อีก นี่ปี 2018 แล้ว มันใช่เหรอที่ฆาตกรจะถูกยอมรับเพราะฆ่าคนที่โพสต์ภาพเปลือยลง Instagram ของตัวเอง” Katya Obukhova จากเยคาเตรินบุร์ก โพสต์ภาพด้านบนและเขียนว่า “อะไรกัน ผู้หญิงคนนี้ถูกเรียกว่า ‘พวกขายตัว’…
-
หนุ่มจีนขับรถตู้ บดร่างผู้ต้องสงสัยที่ยิงลูกดอกยาพิษฆ่าหมาของเขาจนเสียชีวิต
เวลามีใครมาทำร้ายสัตว์เลี้ยงของเรา ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้เป็นธรรมดา แต่สำหรับชายคนนี้มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น เพราะเขาตั้งใจจะแก้แค้นให้ถึงแก่ชีวิต เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน มณฑลเจียงซู เมื่อหนุ่มคนหนึ่งพบว่าสุนัข 6 ตัวของเขาตายเพราะถูกคนยิงลูกดอกยาพิษใส่ ด้วยความแค้นเขาจึงออกตามหาคนที่ฆ่าหมาของเขา โดยภาพเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกได้โดยกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นภาพที่เห็นรถตู้พุ่งชนกำแพงอิฐ พร้อมทั้งมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งในสภาพยับเยินล้มอยู่ ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นการไล่ล่าของเจ้าของสุนัข และคนยิงลูกดอกซึ่งกำลังหลบหนี เรื่องราวการล้างแค้นนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าของสุนัขได้ยินเสียงสุนัขของตัวเองร้องออกมา จึงเข้าไปดูแล้วพบว่าสุนัขไม่สามารถขยับตัวได้เลย หลังจากนั้นเขาก็รีบขึ้นรถไป เพื่อไล่ตามชายที่ขับมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่จะขับชนและบดร่างเขาเข้ากับกำแพงอิฐ รายงานจากทางตำรวจกล่าวว่าชายผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตคาที่ ส่วนเจ้าของสุนัขกำลังโดนสืบสวนหาข้อเท็จจริงอยู่ อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวของเจ้าของสุนัขก็ออกมาบอกว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคนที่ฆ่าสุนัข แต่ตอนนั้นเท้ามันควบคุมไม่ได้ ส่วนทางคนที่รู้จักกับผู้ตายก็ได้กล่าวว่า “ถึงแม้เราจะผิด แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตัดสิน ทำร้าย หรือว่าฆ่าเราเลย” . จากรายงานเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้มีการยึดลูกดอกยาพิษกว่า 200,000 ชิ้น ซึ่งเชื่อว่าเอาไว้ใช้ยิงใส่สุนัขเพื่อฆ่า ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่ก็จะถูกนำไปประกอบอาหารนั่นเอง ซึ่งสมาชิก 8 คนของกลุ่มคนที่ขายลูกดอกก็ถูกตัดสินจำคุกเป็นที่เรียบร้อย Wendy Higgins จากศูนย์ Humane Society International ก็เคยออกมาล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่าที่จีนนั้นมีปัญหาการเรื่องการค้าเนื้อหมาและแมวเยอะมากๆ ในทุกๆ ปีมีหมากว่า 20 ล้านตัวและแมวอีก 4…
-
ชมตัวอย่าง ‘Alias Grace’ จากคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญปี 1843 สู่ซีรีส์แนวสืบสวนจาก Netflix
สำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนซักเรื่องสำหรับเพลิดเพลินในช่วงวันหยุดล่ะก็ วันนี้เรามีซีรีส์ Alias Grace ซีรีส์ที่สร้างจากนวนิยายของ Margaret Atwood ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของฆาตกรในปี 1843 ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนชาวแคนาดาวัย 78 ปีผู้นี้ เหตุเกิดขึ้นทางตอนเหนือของประเทศแคนาดาเมื่อเดือนกรกฎาคมในศตวรรษที่ 19 หลังจากที่ฆาตกร 2 รายได้บุกปล้นฆ่าชายหนุ่มคนหนึ่งพร้อมกับแฟนสาวที่กำลังตั้งท้องของเขา ฆาตกรโหดทั้งสองคือ James McDermott อดีตทหารหนุ่มวัย 20 ปีและ Grace Marks คนงานสาววัย 19 ปี ทั้งสองทำงานให้กับครอบครัวของ Thomas Kinnear ก่อนที่จะลองมือฆ่าเขาและภรรยาอย่างโหดเหี้ยม หลังจากที่ทั้งสองถูกจับกุมตัวได้ McDermott ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ทาง Marks นั้นได้รับการตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแทน ถึงแม้ว่าจะสามารถจับตัวฆาตกรได้แล้ว แต่ทว่าเรื่องราวเกี่ยวกับฆาตกรสาวนั้นกลับทำให้นักเขียนวัย 72 ปีสนใจ และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในเขียนนวนิยายเรื่อง Alias Grace ที่ตีพิมพ์ในปี 1996 McDermott และ Marks 2 ฆาตกรที่ลงมือสังหาร Thomas Kinnear และภรรยาของเขาในปี 1843 เรื่องราวของ Grace Marks ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในการฆ่านายจ้างของเธอคือโครงเรื่องหลักของซีรีส์เรื่องนี้ โดยเนื้อหาในซีรีส์นั้นจะพูดถึงจิตแพทย์รายหนึ่งที่ต้องพิสูจน์ว่าฆาตกรสาวของเรามีความผิดปรกติทางจิตหรือไม่ และมีเรื่องราวอะไรที่ทำให้ Grace Marks กลายเป็นฆาตกรโหด…
-
เปิดเบื้องหลังการทำฟาร์ม ‘เสื้อขนสัตว์’ ที่ดูแล้วชวนให้รู้สึกหดหู่ น่าสงสารเหลือเกิน (มีคลิป)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเบื้องหลังที่มาของชุดแฟชั่นอันโดดเด่นที่เราเห็นบนรันเวย์ ล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นชีวิตของสัตว์โลกผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และความโหดร้ายทารุณที่พวกมันต้องได้รับ และครั้งนี้เราจะขอพาไปชมข้อมูลจากองค์กร Animal Defenders International (ADI) ที่ออกมาเปิดโปงเบื้องหลังการทำฟาร์มเสื้อขนสัตว์ที่เต็มไปด้วยความน่าหดหู่… (คำเตือน: บทความนี้อาจมีภาพหรือเนื้อหาที่รุนแรง) คลิปวิดีโอฟุตเทจส่วนหนึ่งที่องค์กร ADI ได้ปล่อยออกมา เกี่ยวกับชะตากรรมอันโหดร้ายที่หมาจิ้งจอก 3 ตัวต้องพบเจอ หากเรามองย้อนกลับไปที่ตัวเลขจำนวนประชากรสัตว์โลก ที่ถูกสังเวยเพื่อนำขนไปขายต่อให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่น มีการเปิดเผยว่าในแต่ละปีมีจำนวนสัตว์ถูกฆ่าทั้งหมด 110 ล้านตัว จากในคลิปวิดีโอเราจะได้เห็นเรื่องราวของ Aleska แม่สุนัขจิ้งจอก และลูกน้อยของมันทั้ง 2 ตัว Borys และ Eryk เราจะเห็นได้ว่า หลังจากที่ลูกจิ้งจอกได้ออกมาลืมตาดูโลก พวกมันก็มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับอิสรภาพเพียงไม่กี่สัปดาห์ จากนั้นทั้ง 2 ตัวก็ถูกนำไปขังไว้ในกรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเพื่อรอวันที่พวกมันเติบโตเต็มที่ ทันทีที่ขนของพวกมันเริ่มมีสีขาว และมีความหนามากขึ้นเพื่อช่วยปกป้องอากาศหนาวที่กำลังจะมาถึง พวกมันก็จะถูกนำตัวไปแขนคอ… จากนั้นคนงานก็จะปลิดชีวิตพวกมันด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า ก่อนจะนำร่างกายไปถลกหนังเพื่อส่งต่อให้อุตสาหกรรมเสื้อผ้า หนึ่งในโฆษกขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “จุดประสงค์ของเราก็เพื่อต่อต้านความรุนแรงและปัญหาที่เกิดขึ้นจากความโลภของมนุษย์เอง พวกเราเชื่อว่าถ้าทุกคนตระหนักถึงปัญหานี้ และเซย์โนให้กับแฟชั่นขนเฟอร์ ต่อไปจะต้องไม่มีสัตว์ชนิดใดที่ถูกทารุณกรรมแบบนี้อีก” นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกอุตสาหกรรมขนสัตว์ โดยพบว่าในปี 2016 มีเงินหมุนเวียนอยู่ในอุตสาหกรรมขนสัตว์ทั่วยุโรปมากกว่า 39…
-
10 อันดับการฆ่าสุดโหด ที่จะทำให้คุณขวัญผวา ขนลุกขนพองและนอนไม่หลับเลยทีเดียว
บางครั้ง เรื่องราวผีๆ หรือเรื่องเร้นลับก็อาจไม่น่ากลัวเท่ากับเรื่องของการฆาตกรรมโหด เพราะเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ตำนานแต่มันคือเรื่องจริงๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้ว และเผลอๆ บางครั้งมันก็อยู่แถวๆ บ้านคุณนั่นเอง!! และสำหรับใครที่ชื่นชอบเรื่องราวหลอนๆ ล่ะก็ บอกไว้ก่อนเลยว่าท่านจะไม่ผิดหวังกับเรื่องราวที่เรานำมาฝากกันวันนี้แน่นอน อ่า… ถ้าพร้อมแล้วล่ะก็ไปชมกันเลยย แต่!! ถ้าอยากได้อารมณ์ล่ะก็ลองอ่านแบบโทนเสียงพี่ป๋องดูนะ ฮ่าๆ 10. Carl Panzram ฆาตกรโหดผู้นี้ให้สารภาพว่าเขาได้ทำการฆาตกรรมเหยื่อไปมากกว่า 21 ราย พร้อมกับข่มขืนเด็กและผู้ชายไปอีกกว่า 1,000 คน หนึ่งในการฆ่าที่โหดร้ายที่สุดของเขาก็คือ เมื่อปี 1920 เขาได้ฆ่าลูกจ้างชายทั้ง 6 คนด้วยปืนจากนั้นก็โยนพวกเขาให้จระเข้กิน 9. Christopher Porco ในปี 2004 พ่อของ Porco ถูกพบอยู่ในสภาพนอนจมกองเลือดของตัวเองในบ้าน และถัดจากนั้นไม่ไกลเจ้าหน้าที่ก็พบแม่ของเขานอนร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียง พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยขวาน ซึ่งสาเหตุนั้นมาจาการแก้แค้นของ Porco ที่ถูกพ่อแม่ตำหนิเรื่องปลอมแปลงลายเซ็นต์เพื่อกู้เงินและซื้อรถคันใหม่ 8. Paul Bernardo และ Karla Homolka ฐานะที่ร่ำรวยและบุคลิกที่ดูดี ก็ไม่อาจจะแยกระหว่างคนดีและฆาตกรได้ ทั้งสองคนได้ทำการฆ่าข่มขืนหญิงสาวไปถึง 3 คน รวมถึงน้องสาวตัวน้อยของ Homolka ด้วย…
-
คุณแม่ลงมือฆ่าชายวัยรุ่น เพื่อทำการแก้แค้นให้กับลูกสาววัย 6 ขวบ ที่ถูกข่มขืน…
เหตุการณ์อันน่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนาง Connie Serbu หญิงสาวจากรัฐฟลอริดา ต้องตกเป็นผู้ต้อหาคดีฆาตกรรม หลังจากที่ลงมือสังหารชายหนุ่มที่เคยก่อคดีข่มขืนลูกสาวของเธอด้วยตัวเอง คุณตำรวจเจ้าของคดีสะเทือนขวัญนี้กล่าวว่า หญิงคนดังกล่าวได้ทำการล่อลวง Xavier Sierra เด็กหนุ่มวัย 18 เข้าไปในป่าแห่งหนึ่งในเมืองเนเปิลส์ และทำการปลิดชีวิตเขาด้วยปืน นาง Connie Serbu (ซ้าย) และ Xavier Sierra (ขวา) เด็กหนุ่มผู้ตกเป็นเหยื่อ หลังจากที่จัดการกับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว นาง Serbu ได้โทรเรียกตำรวจมายังที่เกิดเหตุ และบอกกับตำรวจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ ‘ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาข่มขืนลูกสาวฉัน ฉันไม่สน เขาทำลูกสาวฉัน’ เธอบอกผมทุกอย่างกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากที่ผมมาถึง” นายตำรวจเจ้าของคดีกล่าว เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมปี 2016 ตำรวจพบศพของนาย Sierra อยู่ในที่เกิดเหตุ และถัดจากจุดที่พบศพแรกพวกเขายังพบร่างของนาย John Vargas น้องชายวัย 29 ปีของนาง Serbu อีกด้วย โดยจากข้อมูลบอกว่านาง Serbu และนาย Vargas น้องชายของเธอได้ร่วมกันฆ่าเด็กหนุมคนดังกล่าวหลังจากที่เธอทราบว่าลูกสาวถูกชายคนดังกล่าวข่มขืนมาเป็นเวลานาน ผู้เป็นแม่ได้ส่งข้อความหานาย Sierra เพื่อให้มาสร้างเตียงสองชั้นให้ที่บ้าน ก่อนที่ทั้งสองจะพาเด็กหนุ่มเข้าไปในป่าแล้วใช้อาวุธปืนสังหารเขา แต่ทางเหยื่อขัดขืนจึงป็นเหตุให้น้องชายของเธอถูกยิงเข้าที่ท้องและเสียชีวิตในที่สุด ถึงแม้ว่าลูกสาวจะขอร้องแม่ของเธอไม่ให้ทำการตามล่าตัวเขา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ผู้เป็นแม่ยังคงตั้งใจจะแก้แค้นให้กับลูกสาวของเธอ จนเป็นเหตุสะเทือนขวัญในที่สุด…
-
คุณแม่สุดระทม ต้องขึ้นศาลเจอกับอดีตสามี ด้วยข้อหา… ‘ฆาตกรรมลูกชายตัวเอง’!!
สำหรับหัวอกคนเป็นแม่แล้ว เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รักลูกของตัวเอง เพราะกว่าที่คุณแม่จะให้กำเนิดลูกน้อยได้พวกเธอต้องคอยดูแลเอาใจใส่อยู่นานหลายเดือน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักระหว่างแม่ – ลูก ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้ และนี่ก็เป็นเรื่องราวสุดร้าวระทมใจของคุณแม่ Ana Estevez ที่ถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เมื่อเธอต้องมาขึ้นศาลเพื่อฟังคำตัดสินเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมลูกชายเธอ และผู้ต้องหาในครั้งนี้ก็คืออดีตสามีหรือคุณพ่อของผู้เสียชีวิตจริงๆ นั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายนตอนต้นปี เป็นวันที่ผู้ต้องหา (พ่อ) พาเด็กหนุ่มวัย 5 ขวบ Aramazd Andressian Jr. ไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พยานกล่าวว่า เด็กชายนั่งรถออกจากสวนสนุกไปกับคุณพ่อ จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย หลังจากหนึ่งเพียงหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่า มีคนพบว่าคุณพ่อคนดังกล่าว นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนรถของตนเองในสวนสาธารณะ Arroyo Seco Park โดยบนรถมีการราดน้ำมันไว้ทั่วคัน และมีแผงยาหลายชนิดตกอยู่บนเบาะ ดูเหมือนว่าเขามีเจตนาจะฆ่าตัวตาย ตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวไว้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่าบุตรชายด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีหลักฐานเพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงต้องปล่อยตัวคุณพ่อฆาตกรคนนี้ไปก่อน มีรายงานว่าเพียงวันเดียวหลังจากที่เขาถูกปล่อยตัว เขาได้ทำการย้อมสีผมและโกนหนวด ราวกับว่าพยายามปกปิดอัตลักษณ์ของตนเอง รวมทั้งย้ายไปอยู่ที่ลาส เวกัส มีรายงานอีกว่า คุณพ่อฆาตกรคนดังกล่าวไม่มีท่าทีเสียใจแม้แต่นิดเดียว เขายังออกไปพบปะผู้คน กินเที่ยวอย่างสนุกสนาน รวมทั้งวางแผนที่จะเดินทางออกนอกประเทศอีกด้วย …
-
หนังสยองขวัญ ‘Replace’ เมื่อหญิงสาวผิวหนังลอก ต้องรักษาด้วยการเอาหนังคนอื่นมาแทน..!!
วันนี้เราจะขอแนะนำหนังใหม่ที่มีพล็อตเนื้อเรื่องน่าสนใจกันบ้าง ซึ่งหลังจากที่เราได้ชมตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง ‘Replace’ แล้ว เราก็รู้สึกว่าพล็อตมันแปลกใหม่จนไม่เอามาแนะนำไม่ได้แล้ว Replace หนังสยองขวัญเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ Norbert Keil ที่จะมาร่วมงานกับนักแสดงนำสาวอย่าง Rebecca Forsythe และตามสมทบด้วยนักแสดงหนังผีรุ่นเก๋าอย่าง Barbara Crampton เอาเป็นว่าเราลองไปชมตัวอย่างกันก่อนเลย ในส่วนของพล็อตเรื่องก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งเป็นเรื่องราวของ Kira Mabon หญิงสาวที่จู่ๆ ก็ค้นพบว่าตัวเธอเองป่วยด้วยอาการผิดปกติบางอย่างและไม่มีทางรักษาได้ อาการดังกล่าวทำให้ผิวหนังของเธอเริ่มตกสะเก็ดเป็นสีขาว และดูเหมือนจะหลุดลอกออกไปจนหมด… ทว่า จากในตัวอย่างเราจะได้เห็นว่า วิธีการเดียวที่จะทำให้เธอกลับมามีผิวพรรณที่สวยงามเหมือนเดิมอีกครั้ง นั่นคือการฆ่าคนเพื่อเอาผิวหนังคนอื่นมาใช้แทน!! แม้ว่ากระแสเปิดตัวอาจจะดูเงียบๆ และไม่ค่อยพีคเท่าหนังที่มีทุนโปรโมทสูงกว่า แต่หนังเรื่องนี้เคยนำไปฉายในเทศกาล Brussels International Festival of Fantasy Film 2017 มาแล้ว อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขา Best European Film อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนังสยองขวัญที่มีพล็อตเรื่องที่แปลก และน่าติดตามมากๆ เลยนะเนี่ย ที่มา: Imdb
-
เปิดบัญชีแค้น ‘Arya Stark’s Kill List’ ใครอยู่ใครไป… และทำไมต้องฆ่า มาดูกัน!!
ใกล้จะถึงตอนจบเข้ามาทุกทีแล้วกับศึกชิงบัลลังค์ และตลอดเรื่องราวทั้ง 7 ซีซั่น เราจะได้เห็นอาร์ยาท่องรายชื่อคนที่เธออยากจะตามไปแก้แค้นอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นการสับสน บวกกับการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ Episode 5 เรามาอัพเดทรายชื่อกันอีกซักหน่อยละกันว่า ตอนนี้ในรายชื่อของอาร์ยายังเหลือที่มีชีวิตอยู่กี่คน ตายไปแล้วกี่คน พร้อมกับเหตุผลที่ว่าทำไมอาร์ยาถึงอยากตามล้างแค้นคนเหล่านี้ซะเหลือเกิน… ปัจจุบันลิสต์รายชื่อของอาร์ยาตายไปแล้วทั้งหมด 6 คน มีดังนี้… 1. Polliver – ถูกอาร์ยาปลิดชีพด้วยการช่วยเหลือจากเดอะฮาวด์ หลายคนอาจจะลืมกันไปแล้ว ย้อนกลับไปที่ซีซั่น 2 Polliver ได้แอบขโมยดาบประจำตัวของอาร์ยา และฆ่า Lommy เพื่อนของเธอ 2. Joffrey Baratheon – ถูกวางยาพิษโดยลิตเติ้ลฟิงเกอร์ และโอเลนน่า ไทเรล คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง จะรู้สึกจงเกลียดจงชังจอฟฟรีย์มากขนาดไหน และแน่นอนว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตระกูลสตาร์ครู้สึกโกรธแค้นมากที่สุด ก็คือการที่จอฟฟรีย์ผิดคำพูดสั่งตัดหัวเอ็ดดาร์ด สตาร์คนั่นเอง 3. Rorge – ถูกอาร์ยาฆ่าหลังจากพยายามโจมตีเธอและเดอะฮาวด์ หลายๆ คนอาจจะบอกว่า… นี่มันใครกันเราจำไม่ได้ เพราะเราอาจจะต้องย้อนกลับไปที่ช่วงแรกเริ่มโน้นเลยล่ะ…
-
หญิงสาวถูกจับกุมข้อหาฆาตกรรมสามี หลังนกแก้วที่เลี้ยงเอาไว้ พูดตามว่า ‘อย่ายิงนะ…’
นับว่าเป็นอีกหนึ่งการไขปริศนาคดีฆาตกรรม ที่กำลังกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกในเวลานี้ หลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ โดยสืบจากประโยคของนกแก้วที่พูดว่า ‘อย่ายิงนะ..’ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2015 Martin Duram สามีของ Glenna Duram ถูกยิงเสียชีวิต ทว่าด้วยหลักฐานอะไรต่างๆ ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย Martin Duram และ Glenna Duram ดูเหมือนว่าคดีความทุกอย่างจะจบลงอย่างง่ายดาย นกแก้วที่เป็นสัตว์เลี้ยงของสามีผู้เสียชีวิต ได้ถูกนำไปเลี้ยงต่อโดย Christina Keller (ภรรยาเก่า) ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้า Bud ได้ย้ายมาอยู่กับ Keller เธอก็สังเกตเห็นพฤติกรรมที่แปลกออกไปบางอย่าง นั่นก็คือการที่มันชอบพูดคำว่า ‘อย่ายิงนะ..’ นกแก้ว Bud ผู้ไขคดี ประโยคสั้นๆ ที่ออกมาจากปากของนกแก้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกลับมารื้อฟื้นคดีความนี้ใหม่หมดอีกครั้ง โดยญาติฝั่งผู้ตายเชื่อว่าประโยคคำพูดนั้น เป็นประโยคสุดท้ายที่ออกจากปากของผู้ตาย Lilian Duram มารดาของผู้ตายได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันคิดว่าตอนเหตุการณ์เกิดเจ้านกแก้วคงอยู่ตรงนั้น เธออาจลืมไปว่านกแก้วมักจะจดจำทุกอย่างรอบตัว แม้กระทั่งคำพูดโดยที่พวกมันไม่สนแม้แต่ความหมาย ครอบครัวเราเจ็บปวดมากตลอดเวลา 2 ปี…
-
ตำรวจลงมือสังหารหนุ่มลูกครึ่งเอเชียวัย 20 ปี เพียงเพราะสงสัยว่าเขาพกอาวุธมีด
เหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้นกับหนุ่มน้อยวัย 20 ปี Tommy Le เขาถูกเจ้าหน้าที่นายหนึ่งยิงเสียชีวิต หลังจากที่ถูกสงสัยว่าพกอาวุธมีด แต่สุดท้ายกลับพบว่าเขาไม่ได้มีอาวุธซ่อนไว้แต่อย่างใด ทางสถานีตำรวจ King County ในเมืองซีแอตเทิลกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมาเด็กหนุ่มคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่พร้อมกับถือบางอย่างไว้ในมือ เจ้าหน้าที่สงสัยว่า Tommy จะมีอาวุธมีดอยู่ในมือจึงได้ยิงไปที่หนุ่มน้อยลูกครึ่งเวียดนาม – อเมริกันถึง 3 นัด Tommy ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเจ้าหน้าที่กลับเปิดเผยว่าสิ่งที่อยู่ในมือ Tommy เมื่อวันเกิดเหตุนั้นเป็นเพียงแค่ปากกา หนุ่มน้อยผู้ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ก่อนหน้าวันที่เขากำลังจะเข้าพิธีสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมที่โรงเรียน South Seattle College Tony Dinh เพื่อนของหนุ่มน้อยคนหนึ่งกล่าวว่า “ภาพของเหตุการณ์ที่ Tommy ถูกยิงถึง 3 นัดยังคงติดอยู่ในใจผมอยู่เลย ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงถูกยิง ทั้งๆ ที่ในข่าวบอกว่าเขาแค่ถือปากกาเท่านั้น มีคำถามมากมายสำหรับการตายของเขา แล้วใครจะรับผิดชอบกับการตายของเขา” ส่วนทางด้านคุณครูของ Tommy ก็ออกมาบอกว่าเขาเป็นเด็กที่เรียบร้อยและไม่เคยกร้าวร้าวเลยแม้แต่น้อย “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขา เขาไม่เคยทำเรื่องแย่ๆ เลยในโรงเรียนและไม่เคยทำนิสัยก้าวร้าวเลย” คุณ Peterson กล่าว ที่มา nypost
-
จากลูกหมาที่มีค่าแค่ยาบำรุง ถูกคนใจดีช่วยเหลือไว้ ชีวิตผกผันจากเกาหลีสู่อเมริกา…
เรื่องราวชีวิตของเจ้าหมาที่กำลังจะถูกนำไปทำเป็นยาบำรุงในประเทศเกาหลี จนในที่สุดก็ถูกมนุษย์ผู้ใจดีช่วยเหลือ และได้พบกับชีวิตที่เป็นอิสระร่วมกับเจ้าของผู้ในดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา!? เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คุณ Jiyoon Yi ได้เดินทางไปยังตลาดในเมือง Daegu ประเทศเกาหลีใต้ และที่นั่นเธอก็ได้พบกับเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจ มีหน้าร้านแห่งหนึ่งที่มีแม่หมาและลูกๆ อีก 5 ตัวถูกขังอยู่ในกรงเล็กๆ กำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่ ที่้รานไม่ได้ขายมันเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง แต่เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น เพราะความเชื่อในเรื่องของการทำยาบำรุงด้วยสุนัขของชาวเกาหลี ที่สามารถรักษาโรคได้ทุกโรค การทำเครื่องดื่มสุนัขนั้น เหล่าสุนัขทั้งหลายจะต้องถูกฆ่า ลอกหนังออก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ จากนั้นเนื้อของมันก็จะถูกนำไปต้มรวมกับสมุนไพรจนกลายเป็นของเหลวสีดำ ในร้านแห่งนี้แม่สุนัขและลูกๆ ของมันถูกขังเอาไว้ในกรง เพื่อรอเวลาที่จะถูกนำไปทำเป็นยาบำรุง คุณ Ek Park ผู้ก่อตั้ง Free Korean Dogs ที่เป็นองค์กรช่วยเหลือสุนัขจากการซื้อขายเนื้อ ได้ออกมากล่าวอย่างมั่นใจว่าเหล่าสุนัขทั้งหลายที่ถูกขังอยู่ก็รับรู้ได้ถึงโชคชะตาของตัวเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน “แม้พวกมันจะพูดไม่ได้ แต่มันก็รู้ว่ามันจะถูกทำอะไรบ้าง เหล่าสุนัขทั้งหลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนโยน และพวกมันสามารถหวาดกลัวได้ จากภาพแล้วเราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความกลัว” คุณ Ek กล่าว หลังจกาที่คุณ Yi กลับมาถึงบ้านก็หยุดคิดถึงเจ้าหมาที่อยู่ในกรงไม่ได้เลย สองวันต่อมาเธอก็เลยตัดสินใจกลับไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง และตั้งใจที่จะจ่ายเงินซื้ออิสรภาพให้กับพวกมัน แต่พอไปถึงแล้วก็พบว่าตัวแม่ของมันไม่อยู่แล้ว คาดว่าน่าจะถูกฆ่าไปแล้ว…
-
“นาซิโน แอฟแฟร์” เหตุการณ์ของคน 6,000 คน เข่นฆ่าเพื่อเอาชีวิตรอด บนเกาะร้างอันห่างไกล
เราอาจได้เห็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวของกับการปล่อยให้ผู้คนเข่นฆ่ากันเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ปิดตายมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “Battle Royale” หรือ “The Hunger Game” ซึ่งหลายๆ คนคงคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้คงมีแต่ในหนัง แต่เชื่อหรือไม่ว่าครั้งหนึ่งบนโลกของเรา เคยมีเหตุการณ์สุดสยองแบบนี้เกิดขึ้นในชื่อว่า “นาซิโน แอฟแฟร์ (Nazino Affair)” จนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คน เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วง 7 ปี ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อ “โจเซฟ สตาลิน” ผู้นำของสหภาพโซเวียตขณะนั้นคิดแผนที่จะจัดการ “คนที่ใช้การไม่ได้” ของสหภาพโซเวียตออกไป ซึ่งคนเหล่านั้นประกอบไปด้วย คนไร้บ้าน คนจน คนพิการ (ง่ายๆ คือคนที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดูไม่ดี) พวกเขาได้รวบรวมคนเหล่านั้นได้ประมาณ 6,000 คน จากนั้นก็ส่งขึ้นเรือที่มีทหารอาวุธครบมือคอยควบคุมไปยัง “เกาะนาซิโน” เกาะร้างอันห่างไกลในแถบไซบีเรีย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้นอกจากหมีขั้วโลก ซึ่งแต่ละคนมีสเบียงติดตัวเป็นแค่ขนมปังคนละนิดละหน่อยเท่านั้น แต่ยังไม่ทันถึงเกาะ ระหว่างการเดินทางก็มีผู้เสียไปแล้วถึง 27 คน เนื่องจากความหิวโหย และพอถึงเกาะพวกเขาก็ถูกปล่อยให้ใช้ชีวิตอย่างตามมีตามเกิด หากมีผู้ใดพยายามหนีกลับขึ้นเรือ ทหารผู้คุมก็จะสังหารพวกเขาทันที …
-
ตัวอย่าง “Dog Wick” เมื่อหมาออกมาคาบปืนล้างแค้นให้ John Wick ที่ถูกมาเฟียฆ่าตาย!!
อีกไม่กี่วันแฟนๆ หนังทั่วโลกก็จะได้ชมหนังภาคต่อของ John Wick กันแล้ว ซึ่งพล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้ถือว่ากลายเป็นมีมให้หลายๆ คนแซวเลยทีเดียว (เล่นฆ่าล้างแก๊งมาเฟียเพราะว่ายิงหมาตาย) และล่าสุดก็มีชาเนลหนึ่งในยูทูป ทำตัวอย่างหนังออกมาแซวในชื่อว่า Dog Wick ตัวอย่างหนังเล่าถึงโลกคู่ขนานของหนังเรื่อง John Wick เมื่อคนที่ตายกลับเป็นตัว John Wick เอง ทำให้หมาของเขาต้องจับปืนออกไปล้างแค้นให้กับเจ้านายแทน ตัวอย่างหนังดังกล่าวเป็นผลงานของชาแนล RocketJump ไม่แน่ใจว่าไลออนส์เกตอยู่เบื้องหลังของคลิปนี้หรือไม่ เพราะแม้กระทั่งเพจ John Wick เองก็ได้นำไปแชร์ ฉะนั้นอาจเป็นการโปรโมตหนังอีกทางหนึ่งก็เป็นได้ . . . เชิญชมกันได้เลยจ้า ฮ่าๆ ถ้ามีหนังจริงๆ คงสนุกไปอีกแบบแน่นอน ส่วนใครที่ชื่นชอบหนังภาคแรก อย่าลืมไปดูภาคสองนะฮะ ^^ ที่มา RocketJump
-
กลุ่มวิจัยติดตามฝูงชิมแปนซีอึ้ง เมื่ออดีตจ่าฝูงกลับมา ก็โดนฆาตกรรมและเอาไปกินแทน!?
ลองคิดดูสิว่าโลกของเราจะเป็นยังไง ถ้าหากว่าประชากรบนโลกทุกตัวกลายร่างจาก ‘คน’ เป็น ‘ลิงชิมแปนซี’ แทน รวมทั้งตัวเราเองด้วย มันคงเป็นอะไรที่วุ่นวายสุดๆ อย่างกับ Planet of The Ape แหน่ะ แต่มีกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไอโอว่า ประเทศสหรัฐฯ ได้ทำการติดตามฝูงลิงชิมแปนซีกลุ่มนี้มาได้ช่วงระยะเวลานึง พวกเขาก็ต้องพบกับความจริงที่ชวนอึ้งยิ่งกว่า เรียกได้ว่าเป็นองค์ความรู้ชุดใหม่ที่จะช่วยทำให้เราเข้าใจสังคมลิงได้มากขึ้นเลยล่ะ โดยนักวิจัยกลุ่มนี้ได้ติดตามฝูงลิงชิมแปนซีสายพันธุ์ Senegalese มาตั้งแต่ปี 2001 มีการศึกษาค้นพบพฤติกรรมแปลกๆ มากมายที่เกิดขึ้นในสังคมของพวกเจ้าจ๋อกลุ่มนี้ ทว่าพฤติกรรมล่าสุดที่ชวนให้อึ้งไปตามๆ กัน เมื่ออดีตจ่าฝูงที่ชื่อว่า ‘Foudouko’ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจสูงที่สุดในฝูง แต่กลับถูกกลุ่มลิงตัวเมียรุมฆ่าทั้งเป็น และกินซากศพนั้นเป็นอาหาร ศาสตราจารย์ Julia Pruetz ให้สัมภาษณ์กับ NewScientist ว่า “เจ้า Foudouko มีนิสัยปกครองแบบเผด็จการ เดิมทีจ่าฝูงคือเจ้าลิง Mamadou แต่ด้วยอาการบาดเจ็บทางร่างกายทำให้มันต้องออกไปพักรักษาตัว หลังจากนั้น Foudouko จึงเข้ามาเป็นจ่าฝูงแทน” “ซึ่งจากการที่รวมสอดส่องพฤติกรรมของพวกมันมาตลอดพบว่า ในช่วงแรกที่ Fudouko เป็นผู้นำ…
-
อะไรที่ทำให้เด็กชายวัย 14 ปีถูกจับข้อหาฆาตกรรม หลังก่อเหตุยิงแม่-น้องชายคาเตียงนอน…
ถ้าดูจากภาพด้านบนใครจะเชื่อว่าครอบครัวนี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ฆ่าล้างครอบครัวสุดสะเทือนขวัญมา และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าคือเหตุการณ์สุดสะเทือนนั้นคือลูกชายคนโตที่ยืนยิ้มอยู่ตรงกลางนั้นเอง!! เรื่องราวเกิดขึ้นที่รัฐเพนซิลเวอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อทางตำรวจได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุฆาตกรรมในครอบครัวหนึ่ง เมื่อพวกเขาถึงที่เกิดเหตุ พบว่าผู้เสียชีวิตคือ ดาน่า เรมาเลย์ วัย 46 ปี และเด็กชาย คาเล็บ เรมาเลย์ วัย 8 ปี ฆาตกรคือ เจคอบ เรมาเลย์ วัย 14 ลูกชายและพี่ชายแท้ๆ ของเหยื่อทั้งสอง… โดยในช่วงเช้าของวันนั้น เจคอบได้แอบหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ในห้องครัวออกมา จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ห้องนอนของแม่ที่กำลังหลับอยู่ จากนั้นก็จ่อยิงในระยะ “ประชิดมากๆ” จนดาน่าเสียชีวิตในทันที จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องนอนของน้องชาย และจ่อยิงในลักษณะเดียวกัน เมื่อก่อเหตุเสร็จเขาก็โทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งว่าพ่อของเขา เดวิด เรมาเลย์ ได้ทิ้งปืนไว้ในห้อง และอยู่ดีๆ ปืนก็ลั่นขึ้นมาเองจนแม่และน้องเสียชีวิต ซึ่งเมื่อตำรวจถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้ติดต่อไปยังเดวิด และพบว่าเขายังอยู่ในที่ทำงานขณะเกิดเหตุ ดังนั้นตำรวจเชื่อว่านี่เป็นความพยายามป้ายความผิดไปให้พ่อของเจคอบ ยิ่งไปกว่านั้นตำรวจเชื่อว่าหากเดวิดอยู่บ้านในขณะนั้น ก็ต้องกลายเป็นเหยื่อฆาตกรรมอีกคน ขณะนี้ตำรวจกำลังสอบสวนถึงสาเหตุว่าทำไมเจคอบถึงก่อเหตุดังกล่าว และจะมีการประเมินทางจิตวิทยาและจิตเวชในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะมาจาก “ความแตกต่างบางอย่าง” ระหว่างเขากับคนในครอบครัว อย่างไรก็ตามทางตำรวจรายงานว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและน้องชายเป็นไปด้วยดีมากๆ…
-
ลูกสาวเจ้าหน้าที่ EU ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครดูแลผู้อพยพ แต่กลับถูกฆ่าข่มขืนโดยผู้ลี้ภัยเอง….
นี่เป็นเรื่องราวที่น่าสลดใจที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนผู้คนเริ่มรู้สึกชินชา แต่กับกรณีนี้อาจจะทำให้ทั้งโลกตั้งคำถามขึ้นมาอีกครั้งว่าการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่ผู้ลี้ภัยโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อใครเลย เป็นเรื่องที่เหมาะสมและปลอดภัยจริงหรือไม่? เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักข่าว The Sun ของอังกฤษได้รายงานว่า Maria Ladenburger นักศึกษาแพทย์วัย 19 ปี ถูกพบเป็นศพอยู่ในแม่น้ำไฟรบูร์ก ประเทศเยอรมนีใกล้กับชายแดนของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นฝีมือของผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถาน ตามรายงานบอกว่านางสาว Maria Ladenburger ได้ออกไปร่วมงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ และกลับบ้านในเวลาตี 2.37 และปั่นจักรยานกลับบ้านของเธอตามปกติ แต่ในระหว่างทางกลับมีวัยรุ่นพบเห็นเธอ จึงกระชากเธอลงมาแล้วทำการข่มขืนเธอก่อนที่เธอจะจมน้ำตาย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2016 ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการค้นพบร่างของ Maria เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สำรวจตามพุ่มไม้ต่างๆ โดยละเอียด จึงพบว่ามีเส่นผมสีดำที่ย้อมกลายเป็นสีบลอนด์ขนาด 18.5 เซ็นติเมตรตกอยู่ และยังมีการค้นพบผ้าพันคอของ Maria ตกอยู่ที่ก้นแม่น้ำใกล้ๆ ด้วย เมื่อนำเอา DNA จากผ้าพันคอและเส้นผมมาตรวจ กลับไปพบความเกี่ยวข้องใดๆ ตำรวจจึงได้ตรวจสอบกล้อง CCTV เพิ่มเติมและพบว่ามีวัยรุ่นชายวัย 17 ปีอยู่บนรถกระเช้าไฟฟ้าที่มีผมสีดำและย้อมทองคล้ายกับเส้นผมที่ตกอยู่ในพุ่มไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญให้วัยรุ่นหนุ่มมาให้ปากคำและตรวจ DNA อย่างละเอียดในวันศุกร์ที่ 2…
-
เรื่องราวชีวิตของสุนัขที่เกือบ “ถูกฆ่าเป็นอาหาร” ถูกรับมาเลี้ยง ในบ้านใหม่ที่แสนอบอบอุ่น
ถ้าสัตว์ในสถานรับเลี้ยงมันพูดได้ มันก็คงอยากจะเล่าเรื่องราวของมันที่ได้ประสบมาให้เจ้านายใหม่ของมันได้ฟังว่ากว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ ชีวิตมันลำบากมากแค่ไหน และวันนี้ #เหมียวสามสี มีเรื่องราวของสุนัขตัวหนึ่งที่มีชีวิตที่เกือบไม่รอดจากการถูกฆ่า แล้วตอนนี้ชีวิตมันก็ดีขึ้นหลังจากมีคนรับไปเลี้ยง สุนัขตัวนี้มีชื่อว่า Sunshine ตอนมันอายุได้ 3 เดือน มันถูกขังไว้ในกรงที่เกาหลีใต้ รอวันที่จะถูกฆ่าเพื่อที่จะเอาไปเป็นอาหารของใครสักคน แต่แล้วมันก็รอดมาได้จากการช่วยเหลือของหน่วยงานหนึ่งของสหรัฐอเมริกา จนต้องย้ายมาอยู่ที่ซาน ฟรานซิสโก ทำให้ชีวิตของมันเปลี่ยนไป Katie Mickey และสามีของเธอ Kyle Locke รอคอยวันที่จะได้เจอเจ้า Sunshine มานาน เพราะทั้งคู่อยากจะเลี้ยงสุนัขจากการช่วยชีวิตมันมา และใช้เวลาหลายเดือนเพื่อหาบ้านเช่าที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ หลังจากที่ทั้งคู่ได้บ้านแล้ว องค์กร Humane Society International ได้นำพาเอาตัวสุนัขตัวนี้มา Mickey ลงทุนขับรถกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อไปยังซาน ฟรานซิสโก ไปรับสุนัขจากเกาหลีใต้ตัวนี้ แล้วเธอก็กลับบ้านมาพร้อมเจ้า Sunshine และนี่คือภาพชีวิตใหม่ของมัน… เธอเล่าว่าเธอโชคดีที่ได้มันมา เพราะมันเป็นเหมือนแสงส่องทางให้บ้านนี้รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีสุนัขอีกหลายตัวที่รอการฆ่าอยู่ที่ฟาร์มในเกาหลีใต้ ทางองค์กร Humane Society International จึงออกแคมเปญเพื่อช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้อีกด้วย โดยองค์กรจะเข้าไปช่วยเหลือสัตว์ และพยายามช่วยเหลือเหล่าพ่อค้าหารายได้ทางใหม่แทนการค้าสัตว์เหล่านี้ เพื่อให้สุนัขได้มีชีวิตเหมือนอย่างที่เจ้า…
-
ชัยชนะของเจ้าหมูหนีตายจากโรงฆ่าสัตว์ พร้อมกับครอบครัวใหม่ที่รับเลี้ยงเอาไว้!!
วันนี้จะพามารู้จักกับเจ้า Missy เจ้าหมูที่เกือบโดนฆ่านำเอาไปทำอาหารแล้ว แต่มันก็มีความฉลาดปราดเปรื่องหนีออกมาได้ และพยายามหาบ้านหลังใหม่ที่สุขสบาย มันถูกเลี้ยงโดยครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นิว เจอร์ซี่ ซึ่งเดิมทีแล้วครอบครัวนี้ก็เลี้ยงหมูอยู่แล้ว 2 ตัว ก่อนหน้านี้มีมีชีวิตที่น่าเศร้ามาก เพราะมันอยู่ที่รับเลี้ยงมานานถึง 3 ปี จนกระทั่งเขาเลี้ยงไม่ไหว ก็เลยต้องส่งไปให้โรงฆ่าสัตว์ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะรับปากว่าจะไม่ทำอันตรายกับมันก็ตาม มันถูกเอามาเลี้ยงที่บ้านใหม่ในแมสซาชูเซ็ต แต่มันก็เหมือนจะเข้าไม่ได้กับที่นี่แหละหมูตัวอื่นๆ ด้วย มันก็เลยตัดสินใจหนีออกมาจากที่นั่น แล้วกลับไปยังสถานรับเลี้ยงแรกที่มันจากมาหลังอยู่มาแค่ 8 เดือนเท่านั้น และก็ถูกรับไปเลี้ยงโดยครอบครัวที่ Garden State เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่บ้านใหม่พร้อมกับเพื่อนหมูอีก 2 ตัว และ Monica Yanosick ผู้ที่ทำงานอยู่ที่ SPCA ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกของ Missy ได้ออกมาบอกว่าหมูตัวนี้ต้องการบ้านที่เหมาะกับมัน บ้านที่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงหมูมาก่อน ซึ่งครอบครัวใหม่นี้เคยเลี้ยงหมูมาแล้ว 5 ตัว ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เรื่องราวการผจญภัยของเจ้า Missy เป็นอะไรที่ยาวนานเหลือเกิน กว่าที่จะมาเจอบ้านที่ให้ความรักได้ขนาดนี้ สำหรับใครที่มีสัตว์เลี้ยงก็อย่าลืมให้ความรักมันเยอะๆ ด้วยล่ะ ที่มา dailymail
-
งานงอกแล้วเหมียว.. นักวิจัยฮาวายพบว่า ‘อึแมว’ เป็นสาเหตุการตายของ ‘แมวน้ำ’ ใกล้สูญพันธุ์!!
ถ้าเพื่อนๆ ยังจำกันได้ ครั้งก่อน #จ่าสิบเหมียว ได้เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะแมวในฮาวายไป พาเที่ยวเกาะ Lanai ในฮาวาย สวรรค์ของเหล่าแมวเหมียว ที่คนรักแมวก็ไม่ควรพลาด!!! … แต่กลายเป็นว่าน้องแมวกว่าพันตัวในละแวกนี้จะตกอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัยและมีแนวโน้มเป็นฆาตกรไปซะแล้ว เมื่อล่าสุดมีรายงานว่าพวกมันอาจทำให้สัตว์ในละแวกทั้งแมวน้ำมังค์ฮาวาย โลมาปากขวด และนกท้องถิ่นอีกหลายชนิด และต้นเหตุก็คือ ‘อึ’ ของพวกเจ้าเหมียวนี่แหละ!! Hawaiian Monk Seal (แมวน้ำมังค์ฮาวาย) จากการโต้เถียงกันของนักวิจัยในแถบนั้น เพราะอึกของเจ้าเหมียวนั้นมีเชื้อโรคตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Toxoplasmosis ที่สามารถเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ในร่างกายของสัตว์ แต่สาเหตุที่มันอันตรายนั่นก็เพราะว่าในพื้นที่เปิดโล่งหรือใต้ผืนน้ำก็ตาม ปรสิตตัวนี้จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 18 เดือนเต็มเลยทีเดียว และถ้าเข้าสู่ร่างกายสัตว์อื่นได้ล่ะก็ อาจทำให้เกิดอาการป่วยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยล่ะ!! นอกจากนี้ศูนย์ควบคุมโรค หรือ Center for Disease Control ก็ยังแนะนำคุณแม่ด้วยว่า ช่วงตั้งท้องพยายามหลีกเลี่ยงการตักอึของแมวเพราะว่าเชื้อโรคตัวนี้ยังสามารถแพร่ไปสู่ลูกในครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน!! ไอ่เหมียวววว แก๊!!! ในกรณีของหมู่เกาะฮาวายนี้ มีแมวน้ำมังค์ฮาวายตัวแรก ที่ถูกชันสูตรโดย National Oceanic And Atmospheric Administration แล้วพบว่าตายด้วยเชื่อโรคดังกล่าวในปี 2004 และตอนนี้จากการรายงานและสถิติก็พบว่ามีแมวน้ำมังค์ฮาวายตายไปด้วยเชื้อโรคชนิดนี้แล้วกว่า…
-
Jeremy Renner บอกอยากให้ “Hawkeye” ตายตั้งแต่ The Avengers ภาคแรกแล้ว!!!
เป็นที่ทราบกันดีว่านักแสดง Jeremy Renner นั้นเขาได้รับบทเป็น Hawkeye หรือ Clint Barton ในหนังฮีโร่หลายเรื่องและเป็นที่รู้จักกันใน The Avengers ในปี 2012 แต่ล่าสุดเขาเพิ่งออกมาเผยว่าเขาเคยคิดอยากจะฆ่าตัวละคร Hawkeye ตั้งแต่ภาคแรกที่ได้เล่นแล้ว!! ในงาน London Film & Comic Con เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาค่อนข้างไม่ชอบตัวละครนี้เท่าไหร่ อยากให้ผู้สร้างฆ่าตัวละครนี้ทิ้งซะ เขาเล่าว่า “เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกใครเลย แต่ในอเวนเจอร์ภาคแรก ผมพยายามที่จะทำความรู้จักตัวละครนี้ แต่ผมกลับเดินไปเดินมาเหมือนกับซอมบี้ แถมเป็นลูกน้องโลกิอีก มันก็เลยท้อ เพราะผมอยากจะรู้ว่า Hawkeye ที่แท้จริงเป็นยังไง” และวิธีที่จะทำให้ผู้จัดฆ่าตัวละครนี้ก็คือเขาจะแกล้งทำเป็นหัวใจวายในทุกๆ ซีนที่เล่น แบบว่าฉากเดินๆ อยู่กับ Scarlett Johansson แล้วก็แบบเอามือจับอก อั่ก.. คนในกองก็ถามว่า “นายทำอะไรน่ะ?” แต่ตอนนี้เขาก็เปลี่ยนใจแล้ว “ตอนนี้ผมไม่อยากให้เขาตายเลยจริงๆ ผมรู้จักเขามากขึ้นแล้ว และผมก็รอไม่ไหวที่จะไปค้นหาตัวตนของเขาต่อ” งานนี้ก็คงต้องรอไปค้นหาตัวตนของ Hawkeye กับ Avengers: Infinity War เข้าฉายเดือนพฤษภาคมปี 2018 รอติดตามกันได้นะ ที่มา looper
-
โซเชียลปากีฯ ระอุ พี่ชายนางแบบฆ่าน้องสาวเพื่อ ‘เกียรติ’ ของครอบครัว แถมมีคนสนับสนุน!?
กำลังเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ในเฉพาะประเทศปากีสถานเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายวงกว้างไปในสังคมออนไลน์ระดับโลกเลยล่ะ เมื่อพี่ชายของ Qandeel Baloch นางแบบสาวชาวปากีสถาน ตัดสินใจฆาตกรรมน้องสาวของเขาด้วยการรัดคอเธอจนถึงแก่ความตาย เพราะเขาคิดว่าเป็นการ ‘กู้เกียรติ’ ของครอบครัวคืนมาเนื่องจากว่าน้องสาวของเขาเป็นความ ‘น่าละอาย’ ของครอบครัวเพราะภาพต่างๆ ที่เธอโพสในเฟซบุ๊ค… เหล่าญาติๆ และคนในละแวกที่มาร่วมงานศพของนางแบบสาว Waseem Azeem พี่ชายที่ฆ่าน้องสาวของเขาก็ออกมาสารภาพแต่โดยดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ได้พยายามจะหนีแต่อย่างใด เบื้องหลังของเรื่องนี้ก็คือชอบมีคนเอาภาพของน้องสาวของเขามาล้อเลียนเขาบ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นความน่าละอายและรับไม่ได้อย่างยิ่ง ‘ผมมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าเลยล่ะ ไม่ฆ่าตัวเอง ก็ต้องฆ่าเธอนี่แหละ ถึงแม้จะเป็นงานของเธอที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่ในที่สุดแล้ว เกียรติของวงศ์ตระกูลนั้นสำคัญที่สุด’ Waseem พูดขณะที่ถูกจับกุม Qandeel Baloch นางแบบสาวที่มีชื่อจริงว่า Fauzia Azeem เป็นนางแบบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง โดยเฟซบุ๊คของเธอมีผู้ติดตามกว่า 700,000 คนเลยทีเดียว Qandeel Baloch นางแบบสาวผู้เสียชีวิต สถิติที่น่าสนใจก็คือ ในแต่ละปีมีผู้หญิงในประเทศปากีสถานกว่า 1,000 คน ที่ถูกสังหารในเรื่องราวประมาณนี้ ทั้งความรัก การแต่งงาน หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมที่พวกเธอแสดงออกทางสังคม ซึ่งถือว่าเป็นเคสการฆ่าเพื่อ ‘ศักดิ์ศรี’ แทบทั้งหมด และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ…
-
ชาวเน็ตเร่งให้มีการตรวจสอบ กรณีบริษัท รปภ. ปลิดชีพสุนัขดมกลิ่น หลังหมดสัญญาใช้งาน
คำเตือน: เนื้อหาภายในข่าวนี้ อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนรักสุนัข เพื่อนอันแสนดีที่สุดของมนุษย์อย่างสุนัขนั้น ให้ความจงรักภักดีกับมนุษย์อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์รู้สึกว่าหมดประโยชน์ ก็จะทิ้งพวกมัน ชีวิตของสุนัขทั้งหลายจึงไร้ความหมายในสายตาของพวกเขาเหล่านี้ เหล่าสุนัขดมกับระเบิดจำนวนหลายตัวถูกฆ่าทิ้งโดย Eastern Securities บริษัทรักษาความปลอดภัยสัญชาติอเมริกา หลังจากที่หมดสัญญากับทาง Kuwait National Petroleum Company บริษัทขุดเจาะน้ำมันในประเทศคูเวต ภาพดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่ผ่านเฟสบุ๊ก เผยให้เห็นซากของสุนัขดมกับระเบิดอย่างน้อยๆ ประมาณ 24 ตัวกองกันอยู่ โดยมีหนึ่งในคนงานยืนเหยียบซากของสุนัขด้วย ทางด้านนักสิทธิคุ้มครองสัตว์ Esmail Al Misri ผู้เรียกร้องให้ทางบริษัทรักษาความปลอดภัยดังกล่าวถูกดำเนินคดีนั้น กล่าวว่าอาจจะมีสุนัขถูกฆ่าทิ้งมากถึง 90 ตัวด้วยกัน โดยสาเหตุหลักของการฆ่าสุนัขทิ้งก็คือทางบริษัทรักษาความปลอดภัยไม่ได้รับค่าจ้างมาสองเดือนแล้ว หลังจากที่หมดสัญญากับบริษัทขุดเจาะน้ำมัน ทางด้านพนักงานของ Eastern Securities เองก็ได้กล่าวไว้ว่าพวกเขาทำการการุณยฆาตสุนัขเหล่านี้จริง แต่ทำเพียงแค่กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ในระหว่างที่พนักงานอีกกลุ่มทำการยิงสุนัขที่เหลือทิ้งทั้งหมด และยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้รับค่าจ้างจากบริษัทขุดเจาะน้ำมันจริง ในส่วนของเรื่องค่าจ้างที่ไม่ได้รับนั้นไม่ใช่สาเหตุหลักของการฆ่าสุนัขทิ้ง พวกเขาอ้างว่าที่ต้องทำการฆ่าสุนัขทิ้งก็เป็นเพราะว่าสุนัขเหล่านี้มีอาการป่วยหรือไม่ก็มีอายุมากแล้ว เพราะบางตัวมีเนื้องอก เป็นต้อกระจก รวมไปถึงปัญหาสุขภาพข้อต่อต่างๆ …
-
กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ประกาศเข้าร่วมวงต่อต้านแม่ที่ทำลูกตกลงไปในกรงกอริลล่า!!
กลายมาเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะทางเลือกที่มีนั้นถูกบีบบังคับด้วยความจำเป็น จากกรณีที่มีเด็กตกลงไปในกรงลิงกอริลล่า Harambe ในสวนสัตว์ Cincinnati Zoo ผลสุดท้ายก็คือเจ้าหน้าที่ยิงตัดสินใจยิงกอริลล่า เพื่อการปกป้องชีวิตเด็กเอาไว้ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มีความคิดเห็นต่างๆ นานา เกี่ยวกับผู้ที่ควรรับผิดชอบกับชีวิตที่ต้องเสียไป บ้างก็ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ทำไมไม่ใช้ยาสลบ (กว่ายาสลบจะออกฤทธิ์ใช้เวลาประมาณ 10 นาที และไม่อาจรับรองได้ว่าลิงจะมีอาการดุร้ายตามมาด้วยหรือไม่) มีคลิปหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่ากอริลล่าไม่ได้ทำร้าย แต่พยายามปกป้องเด็กต่างหาก อีกฝ่ายก็บอกว่าเป็นความผิดของผู้เป็นพ่อแม่ที่ปล่อยละเลยลูกของตัวเอง จนทำให้เกิดเรื่องอันน่าเศร้านี้ จนเรื่องใหญ่โตมากขึ้น กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ได้ออกมาประกาศเข้าร่วมวงหาความยุติธรรมให้กับกอริลล่า Harambe ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าแม่ของเด็ก Michelle Gregg ขาดคุณสมบัติของความเป็นแม่ ไม่สามารถดูแลลูกตัวเองได้ จึงเป็นต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมด และเริ่มปฏิบัติการ #OpHarambe ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวอ้างตัวว่าเป็น Anonymous Ohio โดยออกมาเรียกร้องเพื่อให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งสวนสัตว์และตัวผู้เป็นแม่ที่ดูแลเด็ก เพราะจากคลิปวิดีโอหลักฐานอีกมุมหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ากอริลล่ากำลังปกป้องเด็ก ไม่ใช่ทำร้ายเด็ก คลิปแถลงปฏิบัติการ #OPHARAMBE ทั้งนี้หากไม่มีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง…
-
ผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้แจงเบื้องหลัง กรณี ‘สังหาร’ เจ้ากอริลล่า แทนที่จะใช้ยาสลบ!!?
หนึ่งในเรื่องเศร้าสลดใจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คงไม่มีเรื่องไหนที่จะน่าเศร้าไปกว่าเรื่องของเจ้ากอริลล่า ที่ตกเป็นเหยื่อถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เพราะดันมีเจ้าหนูวัย 4 ขวบตกลงไปและเกรงว่ามันจะทำอันตรายเจ้าหนู จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในด้านการทำงาม รวมถึงความรับผิดชอบของพ่อแม่ไปทั่วโลก!!! มาถึงจุดๆ นี้หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เอ…ทำไมทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ไม่ยิงลูกดอกยาสลบหรือใช้วิธีอื่นจัดการล่ะ? แทนที่จะมาฆ่าแกงสัตว์ในสวนแบบนี้ ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญอย่าง Dr. Sharon Redrobe ก็ได้ออกมาอธิบายถึงเรื่องนี้แล้วล่ะ!!! Dr. Sharon Redrobe หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ Twycross Zoo ใน Leicestershire กล่าวว่า ‘การสูญเสียเจ้า Harambe กอริลล่าวัย 17 ปีถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง แต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็น!!!’ เจ้า Harambe กอริลล่าวัย 17 ปี ทางผู้เชี่ยวชาญของเราก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า ‘อีกเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจกันนั่นก็คือ เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็ต้องจัดการกับอุบัติเหตุนี้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย และคงไม่มีใครรู้จักพฤติกรรมของสัตว์ตัวนั้นๆ เท่ากับเหล่าเจ้าหน้าที่อีกแล้วล่ะ’ ‘ในความเป็นจริงก็คือ ก่อนจะยิงสังหารเจ้ากอริลล่านั้นทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้ดูสถานการณ์กว่า 10 นาทีเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าพวกเขาได้พยายามแทบทุกอย่างแล้วที่จะไล่เจ้ากอริลล่าตัวนี้ไปให้ไกลจากเจ้าหนู’ เธอกล่าวต่อ ข้อความจากทวิตเตอร์ของผู้เชี่ยวชาญ และนี่คือข้อความจากทวิตเตอร์ของเธอ ‘มันเป็นเรื่องเศร้า แต่กอริลล่าเป็นสัตว์ใหญ่ และลูกดอกยาสลบต้องใช้เวลาถึง…
-
ฝ่ายแฟนของกลุ่มวัยรุ่น 6 คนผู้พรากชีวิตชายพิการโต้กลับ ‘อยู่ดีๆ ก็โดนผู้เสียชีวิตหาเรื่องก่อน’
กำลังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่น 6 คนกระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ด้วยการทำร้ายชายพิการผู้ทำงานสุจริตจนถึงขั้นเสียชีวิต นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำการทั้งหมด แต่ยังไม่อาจทราบได้ว่าจะได้รับโทษอย่างที่สมควรหรือไม่เพราะกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ล้วนเป็นลูกของตำรวจทั้งสิ้น ภายหลังจากที่กลายมาเป็นข่าวใหญ่โตและสื่อสำนักใหญ่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น ทางด้านแฟนสาวของหนึ่งในวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ฟังความทั้งสองด้าน โดยบอกว่า ไม่ได้ฟันชายพิการ เพียงแต่ถือมีดไว้ป้องกันตัว และชายพิการเป็นผู้ที่เข้ามาทำร้ายก่อน แต่พลาดท่าล้มจนไปโดนมีดที่ถืออยู่เข้าหลอดลม?? อีกทั้งยังเล่าเหตุการณ์ว่า ‘เราอยู่ดีๆ ผู้เสียชีวิตมาหาเรื่องก่อน’ และรวมไปถึงการโพสต์ข้อความทำนองคนภายนอกอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นข้อความที่มีความรุนแรงอยู่พอสมควร แต่ปรากฏว่าสืบหาเพจหรือเฟสบุ๊กดังกล่าวไม่เจอแล้ว ซึ่งทางด้านทนายความ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้นำหลักฐานทั้งหมดนำไปแจ้งความ ข้อหาโพสต์ข้อความลักษณะข่มขู่ ตามความผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่มา : ยมทูต ติ้งต้อง’ง
-
ไม่น่าเลย… นักศึกษาลงมือฆ่าอาจารย์มหาวิทยาลัย เพียงเพราะทะเลาะกันเรื่อง ‘วิทยานิพนธ์’ !??
อารมณ์ชั่ววูบของคนเรามักจะนำพาไปสู่เหตุการณ์อันรุนแรงอยู่เสมอ ซึ่งหากใครที่เคยผ่านช่วงเรียนมหาวิทยาลัยหรือกำลังเรียนอยู่นั้นจะรู้ได้ว่าการทำวิทยานิพนธ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องผ่านหลายขั้นตอน รวมไปถึงการรับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา Dr. Hj Nurain Lubis อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ วัย 57 ปี เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นที่ North Sumatra Muhammadiyah University (UMSU) ประเทศอินโดนีเซีย ทางสำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่าอาจารย์ Dr. Hj Nurain Lubis วัย 57 ปี จากคณะศึกษาศาสตร์ได้มีปากเสียงทะเลาะเรื่องวิทยานิพินธ์กับนักศึกษานามว่า Rormardo Sah Siregar วัย 21 ปี จากที่ควรจะเป็นการปรึกษาหาแนวทางแก้ไขกลับกลายเป็นสิ่งที่บันดาลโทสะให้กับนักศึกษารายนี้ หลังจากที่การสนทนาจบลงอาจารย์ก็ได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยที่มีนักศึกษาคนเดิมมาดักรออยู่ เมื่อสบโอกาสนักศึกษาก็คว้ามีดปาดคออาจารย์ทันที เธอกรีดร้องจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะล้มลงไป นักศึกษาผู้ก่อเหตุก็ได้เอาแต่หลบซ่อนขังตัวเองอยู่ภายในห้องน้ำ เพราะข้างนอกมีผู้คนรอรุมประชาทัณฑ์เป็นจำนวนมากอันเนื่องมาจากสิ่งที่เขาเลือกกระทำลงไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเข้ามาควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป ที่มา : hirunews, rappler, newsgra, inquirer
-
สามีปลอมการตายของตัวเอง เพื่อหาทางหนีทีไล่มาจับอดีตภรรยาผู้จ้างวานมือปืนสังหารตน!!
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวแบบนี้จะเกิดขึ้นได้จริง ฟังๆ ดูแล้วมันน่าจะเป็นพล็อตของภาพยนตร์อาชญกรรมหรือไม่ก็ซีรีย์ซะมากกว่า แต่อยากจะบอกว่ามันมีมาแล้วหลายกรณี ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน Brad Sutherland วัย 31 ปี ได้ทำการปลอมแปลงการตายของตัวเอง เพื่อหลักเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายของมือปืนที่อดีตภรรยาของตนจ้างวานมาเพื่อสังหารเขา โดบที่ฝั่งอดีตภรรยา Laura Buckingham วัย 29 ปี ได้จ้างมือปืนให้ค่าหัวสามีตนเองเป็นมูลค่า 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 105,241 บาท) เพื่อกำจัดเขาออกไปจากชีวิต Brad Sutherland วัย 31 ปี ถ้าหากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ Brad จะต้องเสียชีวิตในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นมือปืนก็ได้นำรูปถ่ายมาเป็นหลักฐานว่างานสังหารของเขานั้นสำเร็จเรียบร้อยแล้ว Laura Buckingham อดีตภรรยาวัย 29 ปี ผู้จ้างวานมือปืนสังหารสามีตนเอง เธอปักใจเชื่อเต็มๆ และจ่ายเงินรางวัลค่าหัวในส่วนที่เหลือทั้งหมด แต่หารู้ไม่ว่ามือปืนที่จ้างมานั้นเป็นเจ้าหน้าที่แฝงตัวมาจากสำนักงานสืบสวน Tennessee ทำการช่วยเหลือ Brad ปลอมแปลงการตายของเขา…
-
นางแบบสาววัย 17 ถูกพี่สาวฆ่าโหดเพราะความอิจฉา ใช้มีดควักลูกตา แถมกระหน่ำแทงจนร่างพรุน
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรัสเซียพบศพของ Stefania Dubrovina นางแบบสาวชาวรัสเซียวัย 17 ปี ณ หอพักของชายไม่ทราบชื่อ ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยสภาพศพถูกมีดแทงตามร่างกายกว่า 140 แผลจนร่างพรุน ลูกตาควักออก ใบหูถูกเฉือน ซึ่งในภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุคดีสะเทือนขวัญนี้ก็คือ Elizaveta พี่สาววัย 19 ปี ของผู้ตายนั่นเอง นอกจากนี้ทางสำนักข่าวต่างประเทศยังได้รายงานว่า สองพี่น้องคู่นี้ไปกินเลี้ยงสังสรรค์ ณ ห้องของชายรายหนึ่ง และเมื่อเจ้าของห้องได้ออกไปซื้อของข้างนอก นางสาว Elizaveta ผู้เป็นพี่ จึงได้ก่อเหตุฆาตกรรมน้องสาวของเธอทันที ส่วนสาเหตุที่ทำให้ Elizaveta ทำการลงมือสังหารโหดน้องสาวของตัวเอง ก็เพราะความริษยา โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมตัว นางสาว Elizaveta ไปดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านนักแสดงวัย 43 ปี ที่เคยร่วมงานกับเหยื่อผู้ถูกสังหารโหด ได้เผยว่า Stefania…
-
หญิงมอสโกวก่อเหตุสะเทือนขวัญ ตัดหัวเด็กแล้วถือประจาน พร้อมตะโกน “ฉันเป็นผู้ก่อการร้าย”
กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนสะเทือนขวัญกันเลยทีเดียว สำหรับการกระทำของหญิงวัยกลางคนชาวมอสโกวคนนี้ หลังจากเธอยืนถือ “หัว” ของเด็กวัย 2-3 ขวบคนหนึ่งกลางที่สาธารณะ พร้อมตะโกนว่า “ฉันเป็นผู้ก่อการร้าย” โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้า Oktyabrskoye Pole ในแถวตะวันตะตกเฉียงเหนือของกรุง Moscow ประเทศ Russia มีคนถ่ายวีดีโอคลิปหญิงวัยกลางคนหนึ่ง สวมชุดสีดำ เดินไปเดินมาอยู่บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ในมือของเธอถือ “หัว” ของเด็กชายวัย 2-3 ขวบคนหนึ่ง พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ฉันเป็นผู้ก่อการร้าย” ซึ่งหลังจากนั้น เธอก็ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากการสอบสวนพบว่า เธอเป็นพี่เลี้ยงให้กับเด็กคนหนึ่งในอพาร์ทเมนต์แถบตะวันตกเฉียงเหนือของกรุง Moscow ซึ่งเธอมักมีอาการทางประสาทอยู่เสมอ จนกระทั่งวันนั้น เธอได้ฆ่าเด็กที่เธอดูแลและเผาอพาร์ทเมนต์แห่งนั้น ก่อนจะออกมาก่อเหตุดังกล่าว (ภาพของเด็กผู้โชคร้าย) ลองไปชมคลิปกันเถอะ น่าสะเทือนใจจริงๆ ยังไงเหมียวก็ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยนะฮะ คราวหลังใครจะจ้างพี่เลี้ยงเด็ก เหมียวขอแนะนำให้เช็คประวัติกันดีๆ ก่อนนะฮะ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีด T^T ที่มา Metro
-
หนุ่มใหญ่บังเอิญฆ่าคู่รักด้วย ‘แตงกวา’ ใช้เป็นเซ็กส์ทอยบำเรอรัก ลืมไว้คาปากจนสิ้นใจ!!
พูดถึงเรื่องบนเตียงมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์แหละ เล่นจ้ำจี้จึ๊กกะดึ๋ยเพื่อสร้างสีสันในชีวิตคู่กันซักหน่อย แต่บางคู่ก็อยากจะเล่นให้มันพิสดารมากขึ้นไปอีก ด้วยการนำของเล่นอะไรต่อมิอะไรเท่าที่จะสรรหามาได้ อย่างในกรณีอันน่าเศร้าของคู่รักหนุ่มใหญ่เซลล์แมน Oliver Dietmann วัย 46 ปี กับ Rica Varna วัย 46 ปี ที่ดันชอบนำผักมาเป็นอุปกรณ์เสริมใช้ในระหว่างบำเรอรักบนเตียง ซึ่งทั้งคู่ใช้มันบ่อยๆ ด้วยนะ และในคราวนี้ก็เป็น ‘แตงกวา’ Oliver Dietmann เซลล์แมนชาวเยอรมันวัย 46 ปี จากรายงานบอกว่าก่อนที่จะขึ้นไปทำกิจกรรมบนเตียงทั้งคู่จิบไวน์ด้วยกันประมาณ 4 ขวด แล้วก็พากันไปเล่นจ้ำจี้บบนเตียงก่อนที่ฝ่ายชายจะคว้าแตงกว่ามายัดปากคู่รัก แต่จู่ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีควันพวยพุ่งออกมาจากเตา เนื่องจากย่างเนื้อไว้เป็นอาหารสำหรับสุนัขทิ้งไว้ เขาก็เลยรีบไปที่ห้องครัว และให้อาหารน้องหมาด้วยเนื้อที่ย่างทิ้งไว้ จากนั้นก็ไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงก่อนที่จะกลับมาที่ห้องนอน ปรากฏว่า Rica หมดสติไปแล้ว เพราะดันลืมที่จะเอาแตงกวาออกจากปากก่อน!! ทั้งนี้สาเหตุการตายก็คือแตงกว่าหลุดเข้าไปติดในลำคอทั้งแท่ง ทำให้ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต และผลพิจารณาคดีนี้ศาลตัดสินให้เขาต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 5 ปีเต็ม ที่มา :…
-
สามีจ้างวานมือปืนปลิดชีวิตภรรยา แต่ภรรยากลับรอดตาย โผล่เซอร์ไพรส์ ณ งานศพตัวเอง!!
ฟังๆ ดูแล้วเรื่องราวแบบนี้ลักษณะมันคล้ายๆ กับภาพยนตร์อาชญากรรมดราม่า แย่งชิงผลประโยชน์อะไรทำนองนี้เลยแฮะ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงบนโลกใบนี้ แต่ก็อย่างว่า ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้จริงๆ #เหมียวเลเซอร์ ขอนำเสนอเรื่องราวสุดแปลกในระหว่างความสัมพันธ์ของคนสองคน ที่อยู่กินกันแบบสามีภรรยาที่ประเทศออสเตรเลีย แต่เกิดผิดใจกันถึงกับต้องแลกมาด้วยชีวิต Noela Rukundo ภรรยาที่ถูกมือปืนตามล่าจากการจ้างวานของสามี รายงานมาจากเว็บไซต์ The Mirror กล่าวว่า Balenga Kalala ผู้เป็นสามี ได้ทำการจ้างมือปืนเป็นมูลค่า 180,000 บาท เพื่อสังหาร Noela Rukundo ผู้เป็นภรรยา หลังจากสงสัยว่าภรรยาอาจจะมีการนอกใจตน มือปืนก็ได้ทำการตามตัวเธอจนเจอในที่สุด แต่ทว่ามือปืนไม่อยากลงมือฆ่าเธอแต่อย่างใด เพราะเขาเป็นคนรู้จักของพี่ชายเธอ ดังนั้นมือปืนจึงได้บอกแผนการทั้งหมดที่สามีได้วางเอาไว้ และกลับไปบอกฝ่ายสามีว่าลงมือสังหารสำเร็จเรียบร้อยหายห่วง Balenga Kalala ผู้เป็นสามี จากนั้นฝ่ายสามีก็ไปบอกครอบครัวของภรรยาว่า เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในแอฟริกาและจะจัดงานศพให้ ทุกสิ่งกลับทำให้ช็อคยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่งานพิธีไว้อาลัยเสร็จสิ้นไปแล้ว จู่ๆ ภรรยาที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาซะงั้น!! จากบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของ The Washington Post เธอกล่าวว่า…
-
นักศึกษาโชว์ ‘กระดูกแมว’ ผลงานส่งขึ้นพิพิธภัณฑ์ แต่ดันเป็นแมวยายข้างบ้าน
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาเป็นประเด็นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธุ์ เวลาประมาณตี 1 ได้มีคนหนึ่งได้แคปภาพของนักศึกษาที่โพสต์อวดโครงกระดูกแมว ซึ่งเป็นผลงานทำส่งอาจารย์ลงในกลุ่ม “ทาสแมว” หลังจากนั้นก็มีคนออกมาวิจารณ์ถึงการกระทำของเขา ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 มกราคม ปี 2016 นักศึกษาคนนี้ได้ทำการโพสต์ภาพผลงานกระดูกแมวของเขาลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว เปิดเป็นแบบสาธารณะให้คนทั่วไปสามารถเห็นได้ มีใจความว่า “ก็แบบ ตอนนั้นทำมีแต่คนด่า หาว่าเราป่าเถื่อน โหดร้าย แต่สุดท้ายพอทำเสร็จ ส่งอาจารย์ไปแล้ว 2ปี งานกระดูกก็ได้เอาไปวางจัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์ ปล. ขอบคุณน้องแมว จากยายข้างบ้าน ที่ตอนนี้ก็ยังหาแมว ไม่เจอ รู้สึกผิดเล็กน้อย” หลังจากโพสต์ไป ก็ได้มีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นบางส่วน คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน และเขาได้เล่าถึงวิธีฆ่าแมวด้วย หลังจากเรื่องนี้ถูกแชร์เป็นอย่างมาก ชาวเน็ตจึงเข้าไปประนามนักศึกษาคนนี้อย่างรุนแรง แต่ก็ยังไม่มีการตอบโต้ใดๆจากเจ้าของผลงาน รวมถึงมีการแจ้งให้อาจารย์ประจำวิชาที่นักศึกษาคนนี้นำงานไปส่งด้วย สรุปสั้นๆ แบบเข้าใจง่ายจากเพจจ่าพิชิต ไอ้ที่เป็นประเด็นกันในกลุ่มทาสแมว ก็ประมาณนี้ครับคือมีนักศึกษาคนนึง เห็นว่าได้การบ้านมาต้องทำโครงกระดูกสัตว์ส่งอาจารย์อ… Posted by Drama-addict on Saturday, February…
-
คุณยายเกาหลีใต้รับเลี้ยงหมากว่า 200 ตัว ก่อนที่พวกมันกำลังจะถูกนำไปฆ่าทิ้ง!!
คุณยายชาวเกาหลีใต้ชื่อว่า จุง มยอง ซุก วัย 61 ปี เธอได้เลี้ยงสุนัขมานานกว่า 26 ปีแล้ว และตอนนี้เธอก็ช่วยชีวิตสุนัขไว้ได้กว่า 200 ตัว ก่อนที่มันจะถูกนำไปฆ่า ไม่ใช่เฉพาะหมาจรจัดเท่านั้น มันรวมไปถึงสุนัขที่จะถูกนำไปเป็นอาหารด้วย คุณยายให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า “ลูกของฉันไม่หิวเลย พวกเขาสามารถเล่นกันได้อย่างอิสระ บางคนก็ชอบนินทาว่า ‘ทำไมหญิงแก่ท่าทางเหมือนขอทานถึงยิ้มได้ทั้งวัน’ แต่ฉันก็ไม่สนใจ เลี้ยงลูกๆของฉันดีกว่า ฉันมีความสุขทั้งกายและใจดี” นอกจากนี้คุณยายซุกยังได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่นที่เห็นจิตใจอันดีงามของเธอด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เธอต้องย้ายถิ่นถึง 7 ครั้งหลังจากมีเพื่อนบ้านตำหนิเรื่องเสียงดังของสุนัข เราไปชมคลิปแห่งความสุขของคุณยายกันเลย ในประเทศเกาหลีใต้ สุนัขยังถูกฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารอยู่บางพื้นที่ ส่วนมากก็จะเป็นคนแก่ที่กิน ซึ่งเป็นเรื่องความความคิดและวัฒนธรรมและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่มา boredpanda
-
“ฆ่าคนชรา” ประเพณีสุดสะเทือนใจจากอินเดีย สาเหตุเพียงเพราะ “ความจน”
เราอาจเคยได้ยินประเพณีแปลกๆ จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่เชื่อว่าไม่มีประเพณีไหนน่าสะเทือนใจเท่าประเพณีจากประเทศอินเดียนี้อีกแล้ว เพราะพวกเขามีประเพณี “ฆ่าคนชรา” นั่นเอง ประเพณีฆ่าคนชรา หรือ Thalaikoothal เป็นประเพณีที่มีอยู่จริงในเขตรัฐทมิษนาฑู ในทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย โดยเมื่อถึงวันหนึ่ง เหล่าลูกหลานจะลงมือฆ่าผู้เฒ่าผู้แก่ของบ้านด้วยตัวเอง เหตุผลเพราะ “ความยากจน” โดยลูกหลานจะอาบน้ำมันให้กับคนชราเหล่านั้น และนำน้ำมันมะพร้าวมาให้ดื่ม ตามด้วยน้ำกะเพรา (Tulsi) และตามด้วยนม เมื่อคนชราได้ดื่มเข้าไป พวกเขาจะเกิดอาการป่วยไข้ขึ้นอย่างหนัก และจะเสียชีวิตในวันสองวันต่อมา แม้การฆ่าคนจะเป็นเรื่องผิด (ทางนิตินัย) แต่ประเพณีนี้ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันสำหรับผู้คนในแถบนี้ เพราะผู้คนในเขตรัฐทมิษนาฑู ต่างเป็นเพียงเกษตรกรยากจน พวกเขาไม่มีทั้งเงินและเวลาที่จะมาดูแลคนแก่ที่เหลือชีวิตอีกไม่นาน ซึ่งคนชราเหล่านั้นก็เข้าใจเหตุผลและยินยอมที่จะตายด้วยน้ำมือของลูกหลานของตนเอง เพราะพวกเขารู้ว่า นั่นเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความปราถนาดี และการตายของพวกเขาจะทำให้ชีวิตของลูกหลานสบายยิ่งขึ้น ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้อยากฆ่าพวกเขา พวกเราไม่ได้ทำเพื่อความสะใจ แต่พวกเขามีชีวิตเหลืออีกไม่นานแล้ว ทำไมพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากความยากจนด้วย” อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเพณีค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมทมิษนาฑูแล้ว อาจเป็นเพราะความเจริญที่เริ่มเข้าไปถึงพื้นที่ชนบทต่างๆ พวกเขาเริ่มมีเงิน พวกเขาจึงสามารถดูแลคนแก่คนเฒ่าได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น “ทุกวันนี้ผมดูแลคนแก่สองคนในบ้าน และผมก็จะดูแลไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่พวกเขาอยากจะมีชีวิตอยู่ หรือโชคชะตาจะพาเขาไป” ชายคนหนึ่งกล่าว …
-
Abaaoud – ISIS ตัวเบ้งผู้บงการการก่อการร้ายในกรุงปารีส ถูกสังหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!
ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจในวงกว้างเกี่ยวกับการก่อการร้ายที่อุกอาจที่สุด กับค่ำคืนศุกร์ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเมื่อกรุงปารีสถูกจู่โจมแบบกองโจร ภายใต้การบงการจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) อีกทั้งยังออกมาขู่โจมตีประเทศใหญ่ๆ อย่างเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงโรม ประเทศอิตาลี และวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา จากเหตุการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การตามล่าตัวผู้ก่อการร้ายที่เป็นผู้บงการการจู่โจมในครั้งนี้ นั่นก็คือ Abdelhamid Abaaoud ซึ่งล่าสุดนี้ทางอัยการปารีสได้ออกมายืนยันแล้วว่าถูกสังหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ย้อนกลับไปในเหตุการณ์เปิดฉากถล่มที่หลบภัยของกลุ่ม ISIS ทางตอนเหนือของกรุงปารีส ณ Saint Denis มีการเปิดฉากยิงกันระหว่างเจ้าที่ตำรวจฝรั่งเศสกว่า 100 นายและฝั่ง ISIS ในที่สุดทางการฝรั่งเศสก็สามารถควบคุมสถาณการณ์เอาไว้ได้ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุก็พบศพของ Abdelhamid Abaaoud ชาวเบลเยี่ยม วัย 27 ปี จากการระบุตัวตนด้วยลายนิ้วมือ และพบกระสุนฝังอยู่ในร่างเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงร่างของหญิงนักท่องเที่ยวรายหนึ่งจากการระเบิดฆ่าตัวตายด้วยเข็มขัดติดระเบิด จากการบุกถล่มในครั้งนี้นอกจากจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีระลอกที่ 2 แล้ว ยังนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อการร้ายได้อีก 7 ราย…
-
แค้นนี้ต้องชำระ!! หนุ่มอเมริกันถูกฉลามกัดเลยกลับไปล้างแค้น โดยตามล่า ฆ่า และนำไปทำอาหาร
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยคลิปวีดีโอของ Allen Engelman หนุ่มชาวอเมริกัน วัย 28 ปี จากรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะที่เขากำลังเล่นเซิร์ฟบอร์ดอยู่ใกล้กับเกาะซิงเกอร์ นอกชายฝั่งแอตแลนติกของฟลอริดาอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ถูกฉลามเจ้ากรรมกัดเข้าที่มือจนเป็นแผลยังไงละเหมียว เมื่อถูกฉลามกัดเข้าที่มืออย่างจัง จึงต้องรีบนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลบริเวณใกล้เคียง โดยแพทย์ได้ทำการเย็บแผลให้ถึง 15 เข็ม แต่หลังจากนั้นมือของเขาก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ด้วยความโกรธที่ถูกฉลามกัดมือ Allen จึงจัดการกลับไปล้างแค้นเจ้าฉลามทันที โดยพาพ่อ และลูกชายวัย 5 ขวบ กลับไปยังที่เดิม โดยสังเกตจากตำหนิที่ครีบของมัน เมื่อเจอตัวเจ้าฉลาม พวกเขาก็ลากมันขึ้นมาบนชายหาด จากนั้นก็ทำการฆ่า และนำมันไปทำเป็นอาหารเป็นมื้อค่ำยังไงละ ‘ผมถูกฉลามกัดเข้าที่มือ เราจะต้องล่า และจับมันมาหั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อนำมากินให้ได้ ‘ Allen กล่าว เฮ้อจะว่าไปก็สงสารเจ้าฉลามเหมือนกันนะเหมียว สัตว์มันอาจจะทำตามสัญชาตญาณ แต่ทำไมมนุษย์ถึงต้องแค้นมัน และตามฆ่ามันถึงขนาดนี้ ที่มา…
-
หนุ่มใหญ่อินโดฯ ฉุนจัด วางแผนฆ่าชายที่เคยข่มขืนภรรยาของเขา แถมตัดอวัยวะเพศมากินให้หายแค้น!!!
สำหรับเหตุการณ์นี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจมาก หลังจากที่ตำรวจอินโดนีเซียได้มีการรายงานถึงการจับกุมชายคนหนึ่ง ที่ฆาตกรรมคนที่เคยข่มขืนภรรยาของเขา ตัดอวัยวะเพศชายออกมา แล้วนำมาทำอาหารให้เขาและภรรยาตัวเองกิน!!? Rudi Efendi ชายวัย 30 ปียอมรับว่า เขาได้ฆ่าชายคนดังกล่าว หลังจากที่พบว่าภรรยาของเขานั้นไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ในคืนแต่งงาน เธอจึงบอกความจริงกับเขาไปว่าเธอเคยถูกข่มขืนโดยชายคนหนึ่ง นั่นทำให้เขาโกรธมาก!!! ศพของผู้ตายถูกพบในรถตู้ที่เกิดเพลิงไหม้ เมื่อราวๆ เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าคนขับคือชายที่เคยคบหากับแฟนของเขามาก่อน ซึ่งพอตำรวจสืบค้นถึงวิธีการฆาตกรรมนี้ภรรยาของเขาก็พบว่า… เธอได้นัดเจอกับชายหนุ่มคนดังกล่าว พอไปถึงที่หมายผู้ตายพบเพียงแค่นาย Efendi รออยู่ และเอามีดจ้วงแทงเขาจนเสียชีวิต ตัดอวัยวะเพศชายของเขาออก แล้วเผารถตู้เพื่อทำลายหลักฐาน พอทำการสำเร็จทั้งคู่ก็นำอวัยวะเพศของชายที่ถูกฆ่าปรุงอาหาร แล้วนำมาทานด้วยกัน และทางตำรวจประเทศอินโดนีเซียก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ‘จากการสอบสวนที่ผ่านมาพบว่านี่เป็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่วางแผนมาอย่างไม่ต้องสงสัย’ อื้อหือออ อะไรจะโหดขนาดนั้น แบบนี้ก็ไม่ไหวนะเมี๊ยววว นี่เข้าขั้นจิตป่วนไม่พอยังเป็นมนุษย์กินคนด้วยรึเนี่ย น่ากลัวจริงๆ -*- ที่มา: Metro
-
ศิลปินวาดรูปเหล่าตัวการ์ตูนในดิสนีย์ ที่ถูกจัดการโดยเหล่านายพราน เพื่อให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของมนุษย์!!!
ก็เรียกได้ว่าต้องบัยม์กันเลยทีเดียว สำหรับความฝันในวัยเด็กของเหมียว ที่ไม่ได้แค่โดนทำลายแล้ว แต่เป็นการโดน ‘ฆาตกรรม’ ไปเลยล่ะ!!! ศิลปินที่รู้จักกันในนาม MONK ได้นำภาพของเหล่าตัวการ์ตูนในดิสนีย์มาวาดใหม่ โดยให้พวกเขาถูกฆ่าโดยเหล่านายพรานผู้กระหายเลือด เพื่อแสดงให้เห็นถึงโลกแห่งความเป็นจริงที่มันโหดร้ายใบนี้ เห็นแล้วรู้สึกว่าสงสารและสะเทือนใจขึ้นมาเลยใช่มั้ยล่ะ!!? เอเรียลที่ถูกนายพรานที่ใช้ฉมวกยิง และล่าเหมือนปลา เจ้าทิกเกอร์ จากวินนี่ห์ เดอะ พูห์ มูฟาซ่า ที่ถูก Dr Walter Palmer ผู้สังหารสิงโตเซซิลผู้ไม่ทำร้ายมนุษย์จัดการ ช้างน้อยดัมโบ้ ที่คงบินไม่ได้อีกแล้วล่ะ และเมาคลีลูกหมาป่า จะต้องเสียใจมากแน่ๆ กับการที่เขาต้องสูญเสียเพื่อนไป… เห็นแล้วก็รู้สึกเศร้าจริงๆ เพราะว่าตัวการ์ตูนเหล่านี้สามารถเข้าถึงอารมณ์ของเราได้ง่ายกว่าภาพของสัตว์ที่ถูกล่า เพราะเรารู้จัก และมีความผูกพันกับตัวละครเหล่านี้นั่นเอง แต่ก็นั่นล่ะ โลกของเรามันก็โหดร้ายจริงๆ นั่นแหละ… ที่มา: Metro
-
คุณพ่อสุดเดือด จ้างนักฆ่าฆ่าลูก (ในเกม) หลังติดเกมออนไลน์จนไม่ทำอะไร!!
แต่ละบ้านเวลาเจอปัญหาลูกติดเกม ก็จะมีวิธีรับมือแตกต่างกันออกไป บ้างอาจจะตักเตือนดีๆ บ้างอาจใช้ไม้แข็ง แต่เชื่อว่าไม่เคยมีใครใช้วิธีอย่างคุณพ่อคนนี้มาก่อน นาย Feng มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ Xiao Feng วัย 23 ปี สมัยเรียนนั้น Xiao Feng มีผลการเรียนที่ดีมาก คุณพ่อ Feng จึงอนุญาติให้เขาเล่นเกมออนไลน์ได้ แต่อนิจจา พอเล่นๆไปเขาดันติดเกมซะอย่างนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาเคยไปทำงานกับบริษัทพัฒนาซอฟแวร์ แต่อยู่ได้เพียงสามเดือนก็ลาออกเพราะทนไม่ได้ซะอย่างงั้น หลังจากนั้น แม้พ่อเขาจะให้ไปสมัครงานอื่น เขาก็ไม่ยอมไป เพียงแต่บอกว่า เขายังหางานที่เขาชอบไม่เจอ ด้วยความเซ็งในตัวลูกชาย คุณพ่อ Feng จึงจ้างผู้เล่นคนอื่นในเกมออนไลน์ ให้ฆ่าตัวละครของลูกชายทุกครั้ง ที่เขาล็อกอินเข้าไปในเกม ไม่มีใครรู้ว่าคุณพ่อไปหาฆ่าคนนี้มาจากไหน แต่คุณพ่อ Feng หวังว่า เหตุการณ์นี้จะทำให้ลูกชายของเขา ขยันหางานมากขึ้นอีกนิด หลังจากถูกฆ่าในเกมบ่อยๆ Xiao Feng ตัดสินใจไปคุยกับพ่อของเขา เขาบอกว่า “มันไม่เกี่ยวกับที่ผมเล่นเกมหรอก ที่ผมไม่หางานเพราะผมกำลังหาในสิ่งที่ผมชอบจริงๆต่างหาก” พอได้ยินอย่างนั้น คุณพ่อ Feng ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ Xiao Feng…
-
ข่าวลวง!! อย่าเพิ่งเชื่อ “อดีต CIA ฆ่ามาริลีน มอนโร” เป็นการเอารูปเก่ามาเล่าใหม่
เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ wittyfeed ได้ทำการลงข่าวที่ว่าได้มีอดีต CIA ที่ใกล้เสียชีวิต ได้ให้ปากคำว่าเขาเป็นผู้สังหารดาราสาวชื่อดัง “มาริลีน มอนโร” ซึ่งถูกแชร์ไปเป็นจำนวนมาก เพราะเนื้อหาข่าวนั้นดูน่าเชื่อถือ ถือเป็นคดีปริศนาที่สะเทือนไปทั้งโลกก็ว่าได้ เพราะยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเธอฆ่าตัวตาย ถูกฆ่า หรือใช้ยาเกินขนาดตามที่เป็นข่าว และข่าวลวงก็ได้ออกมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2015 ในเว็บไซต์ World News Daily Report โดยพาดหัวว่า “RETIRED CIA AGENT CONFESSES ON DEATHBED: “I KILLED MARILYN MONROE”” เป็นเรื่องราวของอดีต CIA ชื่อว่า Normand Hodges ได้เผยความลับว่าเขาเป็นคนฆ่ามาริลีน มอนโร ซึ่งคนแชร์ไปเป็นจำนวนมาก และข่าวนี้ก็หายไปจากกระแสอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Wittyfeed ก็ได้โพสต์เนื้อหานี้อีกครั้งหนึ่ง จนเหมียวงงว่ามันจริงเหรอ ก็เลยลองเอาภาพของผู้ป่วยคนนี้ไปค้นหาดู ก็พบว่าเขาคือ Michael Tyrrell นักโทษที่ถูกกุญแจมือล่ามติดไว้กับเตียงในโรงพยาบาล ซึ่งเว็บไซต์ข่าว The Guardian เป็นผู้นำเสนอ…
-
เพนกวิน 14 ตัวในสวนสัตว์ ถูกฆาตกรรมโหดโดยหมาจิ้งจอกที่แอบเข้ามา!!!
เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นที่สวนสัตว์ Melbourne ในประเทศ Australia หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามาในสวนสัตว์ตอนเช้า แล้วพบว่าเพนกวิน 14 ตัวถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม จนเป็นที่ตื่นตระหนกไปทั้งสวนสัตว์ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุ คือหมาจิ้งจอกทีอาศัยอยู่บริเวณรอบๆสวนสัตว์ โดยกล้องวงวจรปิด สามารถจับภาพหมาป่าที่แอบย่องเข้ามาได้เป็นหลักฐาน โชคดี เพนกวินอีก 15 ตัวไม่ได้รับอันตรายจากการบุกทำร้ายครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่ก็ย้ายเพนกวินเหล่านี้ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าเดิมแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หมาจิ้งจอกมีแนวโน้มที่จะกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้อาจพาเพื่อนมาด้วย เนื่องจากมันคิดว่านี่คือแหล่งอาหารใหม่ของมัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังทำงานกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านจิ้งจอก เพื่อหาวิธีป้องกันไม่ให้จิ้งจอกเข้ามาในสวนสัตว์ได้อีก ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า จริงๆแล้วหมาจิ้งจอกก็อาศัยอยู่ทั่วไปในเมือง Melbourne แต่ด้วยวิถีชีวิตของมัน ทำให้หลายคนไม่ตระหนักถึงการมีอยู่ของพวกมัน น่าสงสารน้องเพนกวินจัง ขนาดอยู่ในสวนสัตว์ที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยแล้ว ยังไม่วายโดนทำร้ายได้ หวังว่าหลังจากนี้ จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขี้นอีกนะเหมียว ที่มา The Guardian
-
เจ้าของแมวพบแมวตัวเองถูกฆ่า แล้วแปรรูปเป็น “กระเป๋า” โดยคุณยายวัย 91 ปี
การที่สัตว์เลี้ยงของเราหายตัวไปแบบที่เราไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน ถือเป็นเรื่องที่ใจสลายยิ่งกว่าเรารู้ว่ามันตายจากไปเสียอีก เพราะเราจะไม่รู้ว่าถ้าเกิดมันไม่อยู่กับเราแล้ว ชะตากรรมมันจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรสลดเท่าเหตุการณ็ที่เกิดขึ้นที่เมือง Grand Haven รัฐมิชิแกนอีกแล้ว เมื่อมีหญิงชราวัย 91 ปี ถูกจับได้ว่ามีแมวกว่า 19 ตัวตายอยู่ในบ้านของเธอ ซึ่งแมวทั้งหมดนั้นล้วนเป็นแมวที่เคยถูกประกาศว่าหายไปแล้วทั้งสิ้นในละแวกหมู่บ้านนั้น และสิ่งที่น่าสลดยิ่งกว่าก็คือ เธอได้เอาแมวเหล่านั้นมาทำเป็นกระเป๋า… เดิมทีนั้น คุณยาย Marjorie Reynolds เป็นคนที่เงียบๆ และเป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน เธอมักจะโบกมือทักทายคนที่ผ่านไปมาประจำ แต่แล้วตำรวจก็จับได้ว่าพบศพแมว 19 ตัวในบ้านของเธอ ซึ่งแมวทั้งหมดนั้นก็คงถูกประกาศตามหามาแล้วทั้งสิ้น และแมวพวกนั้นก็ถูกแปรรูปเป็นกระเป๋า คุณยายยังโต้แย้งอีกว่าแมวเหล่านี้ตายอย่างลึกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยมีประวัติว่าเป็นโรคจิตเสื่อมมาก่อน และตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างประเมินผลทดสอบ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าสำหรับคนรักแมวเลยก็ว่าได้ ใครที่เลี้ยงแมวก็อย่าลืมดูแลมันให้ดีๆนะ ถ้าวันหนึ่งมันหายไป เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ที่มา creepybasement
-
เจ้าของบ้านเช่างัดบ้านผู้เช่าที่เลี้ยงแมวกว่า 35 ชีวิต ปล่อยให้หมากัดตาย เหตุเพราะค้างค่าเช่า!!
เหมียวเห็นเรื่องแบบนี้แล้วถึงกับทำใจไม่ได้เลยล่ะ เพราะว่ามันเป็นการกระทำที่โหดร้ายเหลือเกิน ทำร้ายจิตใจของคนรักแมวเป็นอย่างมาก เหตุเกิดขึ้นที่บ้านเช่าย่านบางกรวย โดยมีผู้เช่าเป็นคุณสมนึก เป็นจิตรกรวาดภาพฝาผนังโบสถ์ และเลี้ยงแมวอยู่ภายในบ้านเช่าเป็นจำนวน 35 ตัวด้วยระบบปิด คุณสมนึกเลี้ยงแมวด้วยความเอาใจใส่ทุกชีวิต ไม่มีรบกวนบริเวณรอบข้าง ปิดมิดชิด ปลอดภัยจากอันตราย แต่ด้วยเหตุที่ทำให้คุณสมนึกต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดสัปดาห์ละสองวัน จึงไม่อาจดูแลได้ตลอด เมื่อไม่อยู่ก็ได้จัดน้ำและอาหารให้น้องเหมียวพออยู่รอดได้ แต่เนื่องจากเศรษฐกิจที่ไม่ดี คุณสมนึกติดหนี้ค้างชำระค่าเช่าบ้านสองเดือน ซึ่งเขาเองก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาเงินมาจ่ายค่าเช่าที่เหลือ แต่เจ้าของบ้านเช่ากลับเร่งรัดแถมข่มขู่ผ่านโทรศัพท์ว่าหากไม่ยอมจ่ายจะเข้าไปปล่อยแมวทั้งหมด จนกระทั่งเช้าวันที่ 16 ตุลาคม เจ้าของบ้านเช่าขนอิฐดินมาถมรอบบริเวณ งัดกุญแจบ้านเข้าไปปล่อยแมวหลายสิบชีวิตออกมา รวมไปถึง ‘เจ้าขาว’ แมวป่วยเป็นโรคมะเร็งลูคีเมีย ออกมาให้ลูกของตนลากเล่น ยังไม่พอมีสุนัขที่ติดตามมาอีกตามไปขย้ำแมวที่อีก 2 ตัวจนเสียชีวิต รวมไปถึงเจ้าขาวด้วย แมวอีกส่วนหนึ่งตกใจและวิ่งหนีจนสูญหายไป เมื่อคุณสมนึกกลับมาเห็นสภาพบ้านที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมกับซากของน้องเหมียวสามตัวภายในบ้าน ก็ถึงกับใจสลาย กับการจากไปของแมวทั้งสามตัว และยังรอคอยอย่างมีความหวังว่าน้องแมวที่เหลือจะยังมีชีวิตรอด และจะตามหาให้เจอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อาสาประชาชน ผู้ทราบข่าวสลดใจจากเพจทาสแมว เหตุ เจ้าของบ้านเช่า บุกงัดกุญแจบ้านผู้เช่า ซึ่งเลี้ยงแมวระบบปิด 35…
-
16 ภาพแมวเหมียวจอมวายร้าย ที่พยายามบอกให้รู้ว่า มันกำลังคิดวางแผน ‘ฆ่า’ คุณอยู่ก็เป็นได้
‘แมว’ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มักแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างหลากหลาย ซึ่งในบางครั้งเราอาจจะเห็นมันอารมณ์ดี ทำตัวน่ารัก บางครั้งก็ดูนิ่งๆ หยิ่งๆ และบางครั้งก็ทำท่าทางเหมือนฆาตกรโรคจิต ที่ดูแล้วน่ากลัว และไม่น่าเข้าใกล้ที่สุด ก็เหมือนกับภาพของพวกแมวเหล่านี้ ที่แม้แต่เหมียวก็มิอาจทราบได้ว่า พวกมันกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะบางตัวก็ทำท่าทางน่ากลัว และจ้องมองมาที่เหยื่อในสายตาที่อาฆาตเหลือเกิน หรือถ้ามองในแง่ดี บางทีพวกมันอาจจะกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ก็เป็นได้ อุ๊ยตาย!! นางมีมีดอยู่ในมือ ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร มีการแอบนั่งมองพวกมนุษย์อยู่ใกล้ๆ ในใจเอ็งคิดอะไรอยู่เจ้าเหมียว ข้าจะแย่งชุดเอ็งมาใส่ให้ได้เจ้าหมา หน้าตาร้ายกาจแบบนี้มันกำลังคิดแผนการอะไรของมันอยู่นะ อย่าให้ข้าได้ออกไปนะ เอ็งเสร็จแน่มนุษย์ มันกำลังคิดแผนยึดครองโลกอยู่แน่ๆ แม้แต่ตุ๊กตาข้าก็ไม่เว้น ท่าทางโหดซะเหลือเกิน อย่าให้ข้าได้เข้าไปได้นะ แกเสร็จแน่ บางทีแมวก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ความร้ายกาจมีอยู่ในตัวแมวอย่างเต็มเปี่ยม ลากันไปด้วยภาพนี้ หากบ้านใครที่เลี้ยงแมว แล้วมันกำลังทำหน้าตาโหดแบบนี้ ขอเตือนเลยนะว่าอย่าเพิ่งเข้าไปใกล้มันละ มิเช่นนั้นคุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของแมวเหมียวโดยที่ไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้ ที่มา : buzzfeed
-
หนุ่มนักดำน้ำตกใจเห็นฉลามเข้าใกล้ ใช้ฉมวกแทงจนตาย แต่ชาวเน็ตหลายคนไม่เห็นด้วย
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราว ที่ได้สร้างความสลดใจให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก สำหรับคลิปวีดีโอของ 2 หนุ่มนักดำน้ำชาวออสซี่ ที่กำลังว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางฝูงฉลามคอปเปอร์นอกชายฝั่งควีนส์แลนด์ ซึ่งในขณะที่ทั้งคู่กำลังว่ายน้ำอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้มีฉลามตัวหนึ่งได้ว่ายน้ำเข้ามาใกล้พวกเข้าเรื่อยๆ เมื่อพวกเขารู้ตัวว่ามันว่ายน้ำเข้ามาใกล้จนเกินไป จึงทำให้ชายหนึ่งในนั้นตกใจกลัวสุดขีด และเขาก็ได้ใช้ฉมวกอันคมกริบที่อยู่ในมือ แทงเข้าไปในลำตัวของเจ้าฉลามผู้โชคร้ายทันที เจ้าฉลามคอปเปอร์ถูกแทงเข้าที่ลำตัวอย่างจัง มันกำลังหยุดชะงัก และดูเหมือนมันได้ขาดใจตาย ก่อนที่ตัวของมันจะจมดิ่งลงสู่ท้องทะเล ทางด้านชาวเน็ตที่ได้รับชมคลิปวีดีโอดังกล่าว ต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งชาวเน็ตฝ่ายที่ไม่พอใจกับการกระทำที่ไม่ยั้งคิดยั้งทำของหนุ่มนักดำน้ำได้แสดงความเห็นว่า ‘เขาตั้งใจฆ่ามันชัดๆ เพราะดูยังไงฉลามตัวนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเข้ามาทำร้ายพวกเขาเลย มันแค่อยากรู้อยากเห็น เลยว่ายน้ำเข้ามาใกล้ๆ เท่านั้น’ บ้างก็บอกว่า ‘ในท้องทะเลเป็นพื้นที่ของพวกสัตว์น้ำอย่างฉลาม มนุษย์ต่างหากที่รุกล้ำพื้นที่ของพวกมัน แถมยังไปฆ่ามันอีก’ ในขณะที่ชาวเน็ตอีกฝ่ายหนึ่งกลับเห็นว่า ‘การที่หนุ่มคนนี้ได้ตัดสินใจแทงฉลามตัวนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะมันคือการป้องกันตัว’ เราลองไปชมคลิปวีดีโอกันเลย ที่มา : mirror
-
ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับแล้วว่า ‘กัญชา’ สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้!!!
เอาล่ะสิทำยังไงดี เมื่องานนี้สำนักข่าวเมโทรแห่งประเทศอังกฤษได้รายงานว่า พี่ใหญ่ผู้นำโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้ออกมายอมรับด้วยตนเองแล้วล่ะว่า กัญชานั้น สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้!!! เรื่องนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วล่ะ ซึ่งล่าสุดนั้นก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากทาง The National Cancer Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมะเร็งของทางกระทรวงสาธารณะสุขประเทศสหรัฐอเมริกา ‘…ทั้งการสูบ การใส่ลงไปในอาหาร หรือว่าการดื่มแบบสารสกัดสมุนไพร ล้วนแล้วแต่มีผลในด้านการช่วยฆ่าและรักษามะเร็งได้…’ ส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ของทางหน่วยงานนี้ แถมในไซต์ของหน่วยงานยังระบุด้วยว่านอกจากมะเร็งแล้ว ยังช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์โดยเฉพาะเนื้องอก ต้านไวรัสบางตัว และแม้กระทั่งช่วยบรรเทากล้ามเนื้อกระตุกที่เกิดจากหลายเส้นโลหิตตีบ แต่กระนั้นนี่ก็เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นเท่านั้นนะจ๊ะ และเป็นผลข้างเคียงเพียงส่วนหนึ่งของกัญชา ถึงจะมีงานวิจัยเหล่านี้ออกมามากมายในอดีต แต่ก็ไม่เคยได้รับการยอมรับเท่ากับครั้งนี้ จะว่าไปแล้วอะไรๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วล่ะ… และแน่นอนคงไม่มีใครดีใจกับข่าวนี้เท่ากับเหล่าผู้ชาย (และหญิง)สายเขียวอีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่อะไรก็ตามที่มีประโยชน์ แน่นอนถ้าเกินปริมาณที่พอดี มันก็จะกลายเป็นโทษได้นะจ๊ะ ที่มา: Metro
-
ไปดูงาน “แฟนอาร์ต” เผยตัวละครจาก Dragon Ball Z ใครฆ่าใครไปมากเท่าไหร่
วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักการ์ตูนในตำนานอย่าง Dragon Ball โดยเฉพาะภาค Dragon Ball Z นี่เรียกได้ว่าสนุกที่สุดสำหรับเหมียวแล้ว ศปลินท่าหนึ่งนามว่า Alberto Cubatas จึงได้สร้างผลงานแฟนอาร์ตชิ้นหนึ่งขึ้นมา เป็นการรวบรวมสถิติการฆ่าว่าตัวละครไหนฆ่าใครไปบ้าง ซึ่งบางตัวละครก็ทำให้เราอึ้งเลยว่าฆ่าไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เราไปดูกันเลยดีกว่า โกคูหรือโงกุน เบจิต้าสายโหด โกฮัง ฆ่าน้อยแต่ตัวโหด พิคโกโล่ตอนยังโหด ทรั้งค์จากอนาคต หยัมฉา ไอ๊หยาาาา ลมพัดฟิ้วววว… ที่มา animenewsnetwork
-
สุนัขโอบกอดเพื่อนเป็นชั่วโมงก่อนถูก “การุณยฆาต” แต่สุดท้ายมันก็รอดมาได้!!
Kala และ Keira สุนัขเพื่อนรักกันได้เข้าโอบกอดกันนานเป็นชั่วโมงหลังรู้ว่าตัวเองจะถูก “การุณยฆาต” คือการถูกนำไปฆ่าเพื่อที่จะไม่ให้ตัวมันเองต้องทรมานกับอาการบางอย่าง แค่ครั้งนี้สาเหตุมาจากการรับภาระไม่ไหว แต่ 2 ชั่วโมงหลังจากภาพที่มันกอดกันถูกโพสต์ลงไปบน Facebook พวกมันก็ได้รับไปเลี้ยงที่บ้านหลังใหม่ และจะไม่ถูกฆ่าแล้ว ภาพนี้ถูกแชร์โดย Angels Among Us ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ที่จอร์เจีย ซึ่งเป็นศูนย์ที่ช่วยชีวิตสุนัขและแมว เนื่องจากว่าพวกเขาต้องรับภาระการเลี้ยงดูเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องบ้านหลังใหม่ให้มัน หรือถ้าไม่ได้ ก็จำเป็นต้องทำอย่างอื่น ซึ่งโชคดีที่มีคนได้มาช่วยพวกมันไว้ ดูจากสาตามันก็พอรู้ว่ามันกลัวแค่ไหน แต่การกอดกันได้ช่วยชีวิตพวกมันไว้ หลังจากภาพได้ถูกเผยแพร่ไป มันก็มีชีวิตที่ดีขึ้น นี่แหละ ปาฏิหาริย์ที่แท้จริง ที่มา boredpanda
-
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อคุณตาวัย 91 ออกมายอมรับว่าฆ่าคนไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว!!!
นี่ล่ะหนอที่เขาว่า หนีตำรวจได้ หนีกฏหมายได้ หนีคนเอาผิดได้ แต่สุดท้ายแล้วก็หนีความรู้สึกผิดในใจตนไม่ได้ เมื่อชายแก่วัยกว่า 91 ปีได้มาสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาเป็นคนฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อ 70 ปีที่แล้ว โดยตอนนั้นเขาได้ใช้ปืนพกรัสเซีย จากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยิงผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเป็นโสเภณีอยู่หน้าไนท์คลับ เหตุจากการที่เขาคิดว่าเธอคิดจะเชิดเงินของเขาไปฟรีๆ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ Blue Lagoon Club บนถนน Carnaby และแน่นอนถ้าเรื่องแดงตอนนั้นโทษของเขาก็คงเป็นประหารชีวิตโดยไม่ต้องสงสัย ตอนนี้คุณตาฆาตกรอายุ 91 ปีและกำลังรักษาตัวจากโรคมะเร็ง และแน่นอนเขาต้องการเคลียร์เรื่องนี้ที่ค้างคาใจและตามหลอกหลอนเขามาตลอดชีวิต คุณตาทหารผ่านศึกไม่สามารถจำชื่อของเหยื่อที่เขาฆ่าได้ ตำรวจจาก Scotland Yard ก็เลยบินไปหาเขาและนำภาพของเหยื่อฆาตกรรมในตอนนั้นและละแวกนั้นให้เขาดู คาดว่าจะเป็นสาวอายุ 26 ปี ชื่อ Margaret Cook ซึ่งตอนนั้นเธอเป็นนักเต้นของคลับแห่งนี้ ในปี 1946 เธอถูกยิงเสียชีวิตที่ทางแคบๆ ใกล้ทางเข้าคลับ ซึ่งตอนนั้นตำรวจเบนเป้าไปสงสัยกรรมกรแถบนั้น แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครเป็นแพะถูกจับเพื่อให้จบคดี และแน่นอนตอนนี้คดีได้ข้อยุติแล้ว ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!!! ที่มา: Metro