Tag: ฆ่าคน
-
ชวนดู “The Push” เรียลลิตี้ที่ตั้งคำถามว่าเราจะสามารถฆ่าคนได้ไหม หากสถานการณ์บังคับ?
คนทุกคนมีจิตใต้สำนึกรับรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร รู้ว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้อน ใจเย็น มีเมตตา มีความเห็นแก่ตัว มีความเยือกเย็น หรือมีความวู่วาม แต่เชื่อเราหรือไม่ว่าคุณแทบจะไม่มีวันได้เจอกับตัวตนจริงๆ ของตัวเองจนกว่าจะถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ลำบากต่อการตัดสินใจ เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้กด Netflix เล่นๆ ไปเจอเข้ากับเรียลลิตี้โชว์ขนาดสั้นรายการหนึ่งที่มีชื่อว่า The Push (แรงผลักดัน) ของ Derren Brown ที่เป็นการตั้งคำถามขึ้นมาว่าคนคนหนึ่งจะสามารถฆาตกรรมคนอีกคนหนึ่งได้ไหม หากพวกเขาถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องลงมือ? ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า Derren Brown นั้นเป็นนักอ่านใจและนักมายากลชาวอังกฤษ ที่โด่งดังมาจากการทำรายการทีวีเกี่ยวกับการทดลองทางสังคมและการใช้จิตวิทยาเพื่อหลอกล่อผู้คนในแบบต่างๆ ซึ่งเขาทำรายการแนวๆ นี้มาแล้วมากมาย จนล่าสุดคือ The Push นี่เอง ในเรียลลิตี้โชว์นี้จะคัดเลือกเอาคนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามา 1 คน ซึ่งในรายการได้เลือกเอา Chris Kingston มาเป็นเหยื่อทดลอง โดยให้เขาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในงานการกุศลงานหนึ่ง ซึ่งเขามีหน้าที่คอยดูแลเทคแคร์ Bernie เศรษฐีกระเป๋าหนักคนหนึ่งที่จะมอบเงินก้อนโตให้แก่มูลนิธิ Chris Kingston ชายผู้ตกอยู่ท่ามกลางหน้าม้าทั้งมวล ก่อนการการทดลองทางสังคมจะเริ่มขึ้น ทางรายการได้พาเราย้อนกลับไปดูในขั้นตอนการคัดเลือกผู้เข้าร่วมรายการ โดยมีการนำเอาวิธีที่ชื่อว่า “การบีบบังคับทางสังคม” เข้ามาช่วยคัดเลือกคน สถานการณ์ที่ใช้ในการคัดเลือกคือทางทีมงานจะส่งหน้าม้า 3 คนเข้าไปนั่งในห้องแล้วทำแบบสอบถาม…
-
ฆาตกรต่อเนื่องผู้สังหารเหยื่อ 7 ราย รับสารภาพต่อศาลสูง และจะรับโทษจำคุก 360 ปี!!
สำหรับคดีร้ายแรงอย่างการฆ่าคนนั้น ส่วนใหญ่จะผู้ต้องหาจะต้องได้รับโทษสูงสุดคือ ‘ประหารชีวิต’ แต่สำหรับกรณีดังกล่าว บางประเทศก็ได้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว จึงกลายเป็นว่าโทษสูงสุดถูกแปรเปลี่ยนให้กลายมาเป็นการถูกจำคุกตลอดชีวิตแทน และหากผู้หาก่อคดีร้ายแรงต่อเนื่องหลายคดีก็ต้องรับโทษตามจำนวนของคดีที่ก่อเอาไว้ อย่างเช่นคดีสะเทือนขวัญของฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนไปถึง 7 คน เป็นเหตุให้ได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 360 ปี William Devin Howel วัย 47 ปี จากเมือง New Britain รัฐ Connecticut ได้รับสารภาพระหว่างการพิจารณาคดีภายในศาลสูงแห่งเมือง New Britain ว่าเขาได้ลงมือฆาตกรรมเหยื่อมากถึง 6 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยก่อคดีฆาตกรรมเหยื่อรายหนึ่งมาก่อนหน้านี้แล้ว นั่นก็คือ Nilsa Arizmendi และถูกตัดสินความผิดร่วมกับการก่อเหตุที่เกิดขึ้นอีกรวมทั้งสิ้น 7 ราย Howell เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ Connecticut เท่าที่เคยเกิดขึ้นมา โดยที่ไม่นับรวมกับเหตุการณ์สังหารหมู่ในโรงเรียนประถม Sandy Hook ณ เมือง Newtown เมื่อปี 2012 ทั้งนี้ศพของเหยื่อทั้ง 7 ราย ถูกฝังอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งหนึ่งบนถนน Hartford หมายเลข…
-
อดีตนักรบ ISIS สารภาพความผิด สังหารคนไป 500 ศพและข่มขืนหญิง 200 คน เพราะ “ใครๆ ก็ทำกัน”
“มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครๆ ตรงนั้นก็ทำ… ผมเองก็เช่นกัน” – Amar Hussein เราอาจจะเคยได้ยินข่าวถึงความรุนแรงของกลุ่ม ISIS อยู่บ่อยครั้ง แต่มีไม่มากที่จะได้ฟังเรื่องเล่าเหล่านั้นจากปากของผู้กระทำเหตุต่างๆ หรือที่พวกเขาเรียกกันว่านักรบของกลุ่ม และในครั้งนี้จะพาไปรู้จักชายชื่อว่า Amar Hussein อดีตนักรบ ISIS ที่ถูกจับในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จากการกวาดล้างในเมืองคีร์คูก ซึ่งเขาเล่าว่าในช่วงที่เขาใช้เวลาอยู่ในคุก เขาได้อ่านอัลกุรอานทุกวันจนทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาสำนึกผิดและออกมาบอกเล่าถึงสิ่งที่เขาทำลงไปในอดีต เขาได้ข่มขืนหญิงสาวราวๆ 200 ในขณะที่เขาไปบุกปล้นหมู่บ้านต่างๆ ในอิรัค ช่วงที่กองทัพของเขาเรืองอำนาจ เรื่องเหล่านี้คือสิ่งปกติที่นักรบวัยคะนองทั้งหลายทำกัน แน่นอน เขาคือหนึ่งในคนบาปเหล่านั้น เขายังบอกอีกว่า ผู้บังคับบัญชาของเขาอนุญาติให้เหล่านักรบทุกคนสามารถที่จะข่มขืนหญิงสาวชาวยาซีดีกี่คนก็ได้ แล้วแต่พวกเขาจะพอใจ เป็นเรื่องแน่นอนที่นักรบวัยรุ่นอยากจะทำเรื่องพวกนี้ พวกเขาจึงบุกปล้นและข่มขืนผู้หญิง บ้านต่อบ้านไปเรื่อยๆ ทหารชาวเคิร์ดรายงานว่ามีหลักฐานถึงการฆ่าและข่มขืนของ Amar แต่ก็ไม่รู้ว่าจำนวนที่แท้จริงแล้วอยู่ที่เท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่านักรบของกลุ่ม ISIS ข่มขืนผู้หญิงชาวยาซีดีเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นพวกเขายังลักพาตัวหญิงสาวเหล่านั้นไปด้วย แต่ถ้าเกิดพวกเขาพบเจอผู้ชาย พวกเขาจะฆ่าผู้ชายเหล่านั้นทิ้งทันที นอกจากนี้ Amar ยังพูดอีกว่า “ผมฆ่าคนไปราวๆ 500 คน ข่มขืนไปอีก…
-
ทำได้ไง!?!? หน่วยเรนเจอร์สหรัฐโชว์โหด สังหารศัตรูด้วย “ช้อนพลาสติก”!!
เชื่อว่าเหล่าผู้เล่นอินเตอร์เน็ตในยุคบุกเบิกต้องเคยชมหนังสั้นเรื่อง The Horribly Slow Murderer with the Extremely Inefficient Weapon หรือนักฆ่าช้อนอันสุดเกรียน ที่เล่าเรื่องวิญญาณพยาบาทที่ไล่ฆ่าคนด้วยช้อนอันเดียว จนกลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วอินเตอร์เน็ต ใครที่ยังไม่เคยชม ลองไปชมกันก่อน แต่ใครจะเชื่อว่าในโลกแห่งความเป็นจริง มีคนใช้ช้อนฆ่ากันได้จริงๆ แถมไม่ใช่ช้อนธรรมดา แต่เป็นช้อนพลาสติกอีกต่างหาก! เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นของหน่วยเรนเจอร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้รับมอบหมายให้เข้าเคลียร์พื้นที่ตึกๆ หนึ่งในประเทศอิรัก ขณะพี่พวกเขากำลังบุกเข้าไปนั้น ปรากฎว่าภายในอาคารมีผู้ก่อการร้ายสี่คนหลบซ่อนอยู่ พวกเขาจึงเกิดการปะทะกัน หลังจากการยิงต่อสู้กันระยะหนึ่ง ฝ่ายทหารสหรัฐสามารถจัดการผู้ก่อการร้ายสามคนได้สำเร็จ และพวกเขาสังเกตเห็นว่า ผู้ก่อการร้ายอีกคน กำลังจะดึงสลักระเบิดมือ เพื่อทำการระเบิดพลีชีพ หนึ่งในหน่วยเรนเจอร์นั้น ได้พุ่งเข้าไปจัดการกับผู้ก่อการร้ายนั้น ขณะที่พวกเขากำลังสู้กันอยู่ หน่วยเรนเจอร์คนนั้นไม่สามารถหยิบมีดขึ้นมาได้เพราะมันกระเด็นออกไประหว่างการต่อสู้ เขาจึงตัดสินใจหยิบช้อนพลาสติกที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมา แล้วแทงเข้าไปที่คอของผู้ก่อการร้ายจนตาย หลายคนอาจสงสัยว่า ช้อนพลาสติกมันจะไปฆ่าคนได้ยังไง ความจริงแล้วช้อนพลาสติกที่ใช้ในภาคสนาม(ซ้าย) จะแข็งแรงกว่าช้อนพลาสติกที่เราใช้กันเป็นประจำ(ขวา) หากกะจังหวะแทงดีๆ ก็คงทำให้บาดเจ็บได้เหมือนกัน เห็นแบบนี้แล้ว ใครอย่าลองเอาช้อนพลาสติกไปจิ้มเพื่อนล่ะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา เหมียวไม่รับผิดชอบด้วยน้าาา ฮาาาา…
-
สถิติปีนี้ การถ่ายภาพเซลฟี่ ฆ่าคนมากกว่าการถูกจู่โจมโดยฉลามเสียอีก!!!
อาจเป็นข่าวที่ดูไม่ค่อยจะน่าเชื่อเท่าไหร่ แต่เชื่อมั้ยล่ะ ในปีนี้มีคนเสียชีวิตเพราะการถ่ายภาพเซลฟี่ มากกว่าถูกฉลามกินเสียอีกแน่ะ!!! เออ แปลกเหมียวกันนะเหมียวว่า และ ล่าสุดก็มีข่าวคราวสดๆ ร้อนๆ ของคนที่ถ่ายเซลฟี่จนตัวเองต้องเสียชีวิต จากการถ่ายภาพเซลฟี่ที่ทัชมาฮาล หนึ่งในแลนมาร์กสุดสวย จนตกลงบันไดไปโดนไฟฟ้าช็อตและเสียชีวิต เนื่องจากอยากได้ภาพสวยๆ จนลืมดูทางนั่นเอง การถ่ายภาพเซลฟี่ โดยสถิติในปีนี้สำนักข่าวเมโทรประเทศอังกฤษรายงานว่า มีคนเสียชีวิตจากการถ่ายภาพเซลฟี่ไปแล้วกว่า 12 คนในปีนี้ แต่เชื่อมั้ยล่ะ มีคนเสียชีวิตจากการถูกฉลามจู่โจม 8 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่า ด้วยเพราะเหตุการณ์เหล่านี้ ในประเทศออสเตรเลียเลยได้มีการปิดป้ายประกาศตามสถานที่อันตรายต่างๆ ตามภูเขา เพราะถึงผู้คนจะรู้ว่ามันอันตราย แถมมีการรายงานถึงเหตุการณ์หินถล่มบ่อยๆ แต่ผู้คนก็ยังเข้าไปถ่ายภาพโดยไม่ระมัดระวังในเรื่องนี้ การจู่โจมโดยฉลาม ในประเทศรัสเซียก็เช่นกัน มีป้ายโปสเตอร์รณรงค์การถ่ายภาพเซลฟี่กับปืน ว่ามันอันตรายมากๆ (โหดสมกับเป็นรัสเซียจริงๆ) เพราะเมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มเสียชีวิตจากการถ่ายภาพเซลฟี่กับปืน เพราะเขายิงตัวเองระหว่างพยายามถ่ายภาพ!!! จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ไม่ได้พยายามจะสื่อว่า ฉลามน่ะอันตรายน้อยกว่าการถ่ายภาพ แต่เป็นในเรื่องของความระมัดระวังและมีสติมากกว่านะจ๊ะ ห่วงความปลอดภัย ห่วงชีวิต มากกว่าความต้องการที่จะให้คนมาแห่กดไลค์ภาพของเราในโลกออนไลน์นั่นเอง… ที่มา: Metro
-
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อคุณตาวัย 91 ออกมายอมรับว่าฆ่าคนไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว!!!
นี่ล่ะหนอที่เขาว่า หนีตำรวจได้ หนีกฏหมายได้ หนีคนเอาผิดได้ แต่สุดท้ายแล้วก็หนีความรู้สึกผิดในใจตนไม่ได้ เมื่อชายแก่วัยกว่า 91 ปีได้มาสารภาพกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาเป็นคนฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อ 70 ปีที่แล้ว โดยตอนนั้นเขาได้ใช้ปืนพกรัสเซีย จากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยิงผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเป็นโสเภณีอยู่หน้าไนท์คลับ เหตุจากการที่เขาคิดว่าเธอคิดจะเชิดเงินของเขาไปฟรีๆ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ Blue Lagoon Club บนถนน Carnaby และแน่นอนถ้าเรื่องแดงตอนนั้นโทษของเขาก็คงเป็นประหารชีวิตโดยไม่ต้องสงสัย ตอนนี้คุณตาฆาตกรอายุ 91 ปีและกำลังรักษาตัวจากโรคมะเร็ง และแน่นอนเขาต้องการเคลียร์เรื่องนี้ที่ค้างคาใจและตามหลอกหลอนเขามาตลอดชีวิต คุณตาทหารผ่านศึกไม่สามารถจำชื่อของเหยื่อที่เขาฆ่าได้ ตำรวจจาก Scotland Yard ก็เลยบินไปหาเขาและนำภาพของเหยื่อฆาตกรรมในตอนนั้นและละแวกนั้นให้เขาดู คาดว่าจะเป็นสาวอายุ 26 ปี ชื่อ Margaret Cook ซึ่งตอนนั้นเธอเป็นนักเต้นของคลับแห่งนี้ ในปี 1946 เธอถูกยิงเสียชีวิตที่ทางแคบๆ ใกล้ทางเข้าคลับ ซึ่งตอนนั้นตำรวจเบนเป้าไปสงสัยกรรมกรแถบนั้น แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครเป็นแพะถูกจับเพื่อให้จบคดี และแน่นอนตอนนี้คดีได้ข้อยุติแล้ว ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!!! ที่มา: Metro