Tag: ฆ่าตัวตาย
-
แม่ชาวมะกัน ยิงลูกบุญธรรมชาวจีน 4 คนรวม 34 นัด “ดับเรียบ” สุดท้ายยิงตัวตายตาม
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2018 ในรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าสลด เมื่อแม่ใช้ปืนยิงลูกบุญธรรมชาวจีนของตัวเองจนเสียชีวิต ก่อนจะยิงตัวเองตายตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานวินิจฉัยทางการแพทย์ David Zimmerman กล่าวว่าพบร่างของ Kaileigh Lin เด็กสาววัย 17 ปีนอนอยู่บนพื้นห้องน้ำกับรอยกระสุนปืนอีก 13 จุดบนร่างกาย ณ บ้านของเธอในโคลัมเบีย ส่วนลูกสาวคนรอง Lia Lin วัย 15 ปีถูกพบร่างบนเตียงนอนด้วยแผลถูกปืนยิงอีก 9 แผล ส่วน Bo และ Meigan Li วัย 14 ปีทั้งคู่ ถูกพบเป็นศพบนเตียงนอนของตัวเองพร้อมรอยถูกยิง 4 และ 8 จุดบนร่างกายตามลำดับ สุดท้าย Cynthia Collier ผู้เป็นแม่ก็เสียชีวิตลงด้วยการใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะของตัวเอง ส่วน Andy Ogles เทศมนตรีของเคาน์ตีมัวรี ก็กล่าวเกี่ยวกับผลกระทบต่อชุมชมจากเหตุการณ์นี้ว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่เด็กๆ 4 คนจะถูกดึงเข้าสู่เหตุการณ์ความรุนแรงแบบนี้ เราไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะเรียนรู้จากมัน…
-
พ่อแม่ฟ้อง “มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด” ที่ไม่ดูแล และปล่อยให้ลูกชายของพวกเขา ‘ฆ่าตัวตาย’
ปัญหาทางด้านจิตใจนั้นเป็นสิ่งที่ควรได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากคนรอบข้าง เพราะบางครั้งปัญหาเหล่านี้อาจนำไปสู่ การฆ่าตัวตาย อันเป็นความสูญเสียที่ครอบครัวยากจะทำใจรับได้ เช่นเดียวกับ Luke Z. Tang หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด วัย 18 ปีที่ได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงอย่างน่าเศร้า จนทำให้ครอบครัวของเขาต้องเดินหน้าเอาผิดกับทางมหาวิทยาลัย ในวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาคือวันครบรอบ 3 ปีที่เขาเสียชีวิต Wendell W. Tang พ่อของเขาจึงฟ้องคดีดังกล่าวกับศาลสูงสุดในเคาน์ตีมิดเดิลเซ็กส์ เขาดำเนินการฟ้องร้องโดยมี องค์กรฮาร์วาร์ด, Catherine R. Shapiro คณบดีฝ่ายสถานที่พักอาศัย, Caitlin Casey คณบดีของบ้านพัก, Melanie G. Northrop ผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ David W. Abramson จิตแพทย์ HUHS เป็นคู่กรณี ในเอกสารยื่นฟ้อง มีข้อความว่า… “ในฐานะที่เป็นผลพวงของการละเลยและความไม่เอาใจใส่ของฮาร์วาร์ด ผู้เสียชีวิตของฝ่ายโจทก์จึงได้รับความเจ็บปวดทางกายและจิต และอื่นๆ จนกระทั่งนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด” Luke Z. Tang หนุ่มน้อยผู้เสียชีวิต โดยการฟ้องร้องในครั้งนี้ ฝ่ายโจทก์ได้ร้องขอจำเลยให้ชดใช้ความเสียหายนี้เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 650…
-
คู่รักอังกฤษกระโดด ‘ขวางรถไฟ’ เพราะอยาก “อยู่ด้วยกันตลอดไป” หลังชีวิตพบจุดวิกฤติ
คู่รักหนุ่มสาวที่ชีวิตพบจุดวิกฤติตัดสินเลือก “อยู่ด้วยกันตลอดไป” โดยการกอดกันและพากันกระโดดตัดหน้าขบวนรถไฟ จนเสียชีวิตทั้งคู่ Melissa Wood วัย 27 ปีและแฟนหนุ่มของเธอ Christopher Linley วัย 34 ปี ได้ต่อสู้กับภาวะเสพติดเฮโรอีนมาพักใหญ่ ประกอบกับที่ทั้งคู่ถูกไล่ออกจากงานซ้ำยังถูกไล่ออกจากห้องเช่าอีกด้วย ทั้งหมดล้วนส่งผลให้ทั้งคู่ตัดสินใจพากันอำลาโลกไปพร้อมๆ กัน โดยภาพเหตุการณ์ถูกบันทึกไว้ได้โดยกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟดองคัสเตอร์ มณฑลยอร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นว่าทั้งคู่โอบกอดและจับมือกันและกันก่อนที่จะพากันกระโดดลงไปยังรางรถไฟและเสียชีวิตในที่สุด หลายวันถัดมาหลังเหตุการณ์เสียชีวิตของทั้งคู่ ก็พบ จดหมาย จากทั้ง Christopher และ Melissa ที่จ่าหน้าซองถึงครอบครัวของพวกเขา โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า พวกเขาทั้งคู่ก็ต้องการ “อยู่ด้วยกันตลอดไป” และจากนั้นพวกเขาจะฆ่าตัวตายไปพร้อมๆ กัน โดยในวันตัดสินคดีความว่าเป็นการฆ่าตัวตาย Lisa Wood ผู้เป็นแม่ของ Melissa ก็กล่าวว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะฆ่าตัวตายได้ เธอดูมีความสุขตลอดเวลา ร่าเริง และแทบไม่เคยหยุดหัวเราะ” ส่วน Frances Glynn แม่ของ Christopher ก็กล่าวว่า “ฉันตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันหวังมาตลอดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะเขาเป็นคนเก่ง แต่ฉันก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้ว่าอย่างน้อยเขากับ Melissa ก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดกาล”…
-
หนุ่มจีน “แกล้งตาย” หวังเอาเงินประกัน ภรรยาเชื่อสนิทใจ ฆ่าตัวตายตามพร้อมลูกๆ …
กลายเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าเมื่อชายชาวจีนคนหนึ่งได้ “แสร้งว่าเสียชีวิต” เพื่อให้ได้รับเงินประกัน แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นว่ามันทำให้เขาต้องสูญเสียคนที่เขารักไป ชายชาวจีนวัย 34 ปีนามว่า He ได้แสร้งว่าเสียชีวิตเพื่อรับเงินประกันแต่กลับไม่ได้บอกแผนการครั้งนี้ให้คนในครอบครัวได้ทราบ มีรายงานว่า He ได้ยืมรถยนต์คันหนึ่งมาเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2018 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบว่ารถที่ He ยืมมานั้นได้พุ่งตรงลงไปยังแม่น้ำในเขตปกครองซินหัว แต่หลังจากทำการค้นหาในแม่น้ำในบริเวณที่เกิดเหตุก็ไม่มีใครพบร่างของ He เลยแม้แต่คนเดียว ชมคลิปข่าว สุดท้าย Dai ภรรยาวัย 31 ปีของ He กลับเชื่ออย่างหมดใจว่าสามีของตนได้ตายไปแล้ว ด้วยความโศกเศร้าเธอจึงตัดสินใจโยนลูกชายวัย 4 ขวบและลูกสาววัย 3 ขวบลงบ่อน้ำ ก่อนจะกระโดดน้ำ ฆ่าตัวตาย แต่ก่อนที่ Dai จะลงมือปลิดชีวิตของตนเองและลูกๆ ลง เธอได้เขียนข้อความเอาไว้ใน WeChat เธอเล่าว่าครอบครัวของ He นั้นมักมองว่าเธอเป็นหญิงที่ “ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย” อีกทั้งฝ่ายญาติของ…
-
แม่ร่ำไห้…ลูกชายวัย 13 ปี “โดดตึกตาย” เพราะเลียนแบบตัวละครในเกม PUBG!!
เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในประเทศจีน ที่ผู้เป็นแม่ต้องสูญเสียลูกชายวัย 13 ปีไปเนื่องจากเขาทำการกระโดดจากที่สูงจนตกลงมาเสียชีวิต เบื้องต้นแม่กล่าวโทษว่าเขาทำพฤติกรรมเลียนแบบตัวละครในเกม PUBG เกม PlayerUnknown’s Battlegrounds หรือ PUBG นั้นเป็นเกมยิงเอาชีวิตรอดที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนเล่นเกมในปัจจุบัน รวมถึงเด็กหนุ่มวัย 13 ปีคนนี้ก็ชื่นชอบการเล่นเกมนี้มากเช่นกัน โฆษณาเกม PUBG ในประเทศจีน ตามรายงานกล่าวว่าเด็กหนุ่มผู้เสียชีวิตนั้นได้กระโดดจากอพาร์ตเมนต์เมื่อราวเวลาตีหนึ่งของวันที่ 30 สิงหาคม 2018 หลังเล่นเกม PUBG บนเครื่อง iPad ฝ่าย Yu Lihua ผู้เป็นแม่ก็ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ลูกชายตนกระโดดลงมาจากอพาร์ตเมนต์ชั้น 4 เพราะต้องการรู้ว่าตนจะรอดชีวิตแบบตัวละครในเกมหรือไม่ เด็กหนุ่มผู้เสียชีวิตทราบภายหลังว่าชื่อ Xi Tianci เจ้าหน้าที่พบร่างศพของเขา 6 ชั่วโมงหลังเสียชีวิต ผลการชันสูตรพบว่า Xi Tianci น่าจะเสียชีวิตทันทีหลังตกลงสู่พื้น ฝ่าย Yu ผู้เป็นแม่ได้แต่ร่ำไห้และกล่าวโทษว่าเป็นเพราะเกมที่ทำให้ลูกชายของเธอต้องตาย “เกมนั่นแหละที่ทำให้ลูกฉันตาย ไม่มีเหตุผลอื่นอีกแล้ว” เธอกล่าว “เขาคิดถึงเกมนี้ตลอดแม้จะไม่ได้เล่นมันก็ตาม เขาต้องอยากรู้แน่ว่าเขาจะตกลงมาแล้วรอดชีวิตเหมือนในเกมหรือเปล่า” ในเกม PUBG หากตัวละครตกจากที่สูง…
-
เจ้าหน้าที่สั่งปิดสถานีรถไฟ นั่งปลอบใจชายคิดสั้นบนราง ‘เจอวันร้ายๆ มาใช่มั้ยพ่อหนุ่ม’
เรามักจะได้ยินเหตุการณ์บุคคลฆ่าตัวตายตามสถานีรถไฟอยู่บ่อยครั้ง หากเกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นมา จะส่งผลร้ายทั้งการสูญเสียชีวิต และตารางเดินรถจะได้รับผลกระทบ ส่งผลต่อไปยังผู้โดยสารคนอื่นๆ อีกมากมาย แต่เมื่อใดก็ตามที่ยังมีโอกาสที่จะหยุดยั้งความสูญเสียได้ ต่อให้จะต้องปิดการให้บริการชั่วคราวก็คือสิ่งที่ควรทำ อย่างในกรณีเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟใต้ดินประจำสถานี Dundas ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดาแห่งนี้ J.P Attard คือหนึ่งในเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อเขาเห็นว่ามีชายรายหนึ่งพยายามที่จะเดินลงไปบนรางรถไฟ หวังจะปลิดชีวิตตัวเอง เขาได้สั่งปิดทั้งสถานีเพื่อช่วยชีวิตชายคนดังกล่าวเอาไว้ นอกจากนี้เขาได้พยายามเปลี่ยนความคิดของชายคนนี้ ให้เขามาหาและรับคำปลอบประโลมในยามที่ต้องการกำลังใจมากที่สุด เรื่องเล็กๆ ของชายคนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ และกำลังจะหาหนทางทำร้ายตัวเอง นาย Attard กล่าวว่าเขาพยายามเปลี่ยนความคิดในแง่ลบให้เป็นบวกกับชายหนุ่มวัย 23 ปี “ผมถามเขาว่า เจอวันร้ายๆ มาใช่มั้ย เขาตอบผมว่า ‘ใช่ครับ ผมอยากทำร้ายตัวเอง’ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมโอบกอดเพื่อให้กำลังใจพ่อหนุ่มคนนี้ในวันที่ไม่มีใครเข้าใจเขา’ ท่ามกลางประชาชนที่คอยดูอยู่ห่างๆ นับร้อยชีวิตภายในสถานีรถไฟ เมื่อเห็นว่าชายคนนี้ต้องการกำลังใจเพื่อสู้กับชีวิตต่อ พวกเขาก็ร่วมช่วยกันตะโกนปลุกพลังฮึกเหิมให้เขา J.P Attard ภายหลังจากที่การช่วยเหลือสำเร็จ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวเขาออกมาจากรางรถไฟได้อย่างปลอดภัย และนาย…
-
10 ประโยคช่วยเหลือ “คนที่คิดจะฆ่าตัวตาย” พูดอย่างไรให้ถูก ให้พวกเขาอยากมีชีวิตต่อ
ปัจจุบันโรคภัยที่มาแบบเงียบๆ แต่แฝงความอันตรายเอาไว้คือ โรคทางจิต เพราะเราไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนเหมือนกันโรคทางกายที่เพียงปวดศีรษะหรือปวดท้องก็ไปพบแพทย์ได้ แต่อาการทางจิต บางครั้งคนเราไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติหรือเข้าข่ายมีอาการทางจิต ประกอบกับบางคนก็กลัวว่าสังคมจะไม่ยอมรับหากเข้าพบจิตแพทย์ จึงทำให้ผู้ที่มีเพียง “อาการทางจิต” หลายคนอาจพัฒนาจนเป็น “โรคทางจิต” ได้ ปัจจุบัน โรคทางจิตที่แพร่หลายและค่อนข้างใกล้ตัวผู้คนกว่าโรคอื่นก็คือ โรคซึมเศร้า ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง รวมทั้งอาจเกิดจากการประสบกับเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการเซื่องซึม เบื่อหน่าย ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยชอบหรือเคยทำได้ กินน้อยหรือมากผิดปกติ นอนไม่หลับ รู้สึกไร้ค่า โทษตัวเอง ซึ่งหากอาการรุนแรงก็จะเกิดความคิดอยาก ฆ่าตัวตาย ขึ้นมาด้วย อาการซึมเศร้า โรคซึมเศร้า และความคิดที่จะฆ่าตัวตายที่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตนเองหรือคนใกล้ชิด ฉะนั้นหากใครที่ต้องรับมือกับคนที่กำลังอยาก “ฆ่าตัวตาย” ก็ควรรู้วิธีช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้สักนิดก็ยังดี วันนี้เราจึงขอเสนอ 10 ประโยคที่ควรพูด กับคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตาย ให้พวกเขาได้คิดดีๆ อีกครั้ง 1. “ดีใจนะที่คุณบอกฉันว่าคุณกำลังคิดจะฆ่าตัวตาย” (หรือประโยคที่ความหมายใกล้เคียง) แทนที่จะพูดด้วยอารมณ์รุนแรงหรือพูดแบบไม่ใส่ใจ หันมาพูดกับเขาอย่างเปิดใจและยอมรับความคิดของเขาดีกว่า 2. “ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นคุณต้องเจ็บปวดแบบนี้” ประโยคทำนองนี้นอกจากจะแสดงความใส่ใจแล้วยังช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกคลายเหงาได้ด้วย อย่าพยายามปฏิเสธความคิดของเขาหรือทำให้ความเจ็บปวดของเขาดูเล็กน้อย เช่น “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง” หรือ “อย่าลืมว่าคุณมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”…
-
ช็อกใจหาย… หนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยริมหน้าผา กระโดดทิ้งดิ่งทันที โดยไม่ทราบสาเหตุ!?
ตามสถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขาถือว่ามีความเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นอุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และจะต้องคอยระมัดระวังทุกฝีก้าวในขณะเดินทางเที่ยวชมอยู่ตลอด แต่ไม่ทราบว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณทางเดินริมหน้าผาเขาหัวซาน ในขณะที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมทางไต่เขาตามปกติ และไม่พลุกพล่านมากนัก ภายในคลิปจะเผยให้เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวค่อยๆ เกาะเชือกเดินบนแผ่นไม้ริมหน้าผาที่มีความกว้างเพียง 30 เซนติเมตร และชายหนุ่มในเสื้อสีเทาเลือกที่จะหยุดเดิน ทำการปลดเข็มขัดนิรภัย และมองลงไปทางด้านล่างเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไป ท่ามกลางความมึนงงของนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ เจ้าหน้าที่ประจำเขาหัวซานยืนยันว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันอังคารที่ 24 กรกฎาคม ช่วงเวลา 16.00 น. โดยทางทีมกู้ภัยได้ออกตามหาร่างผู้เสียชีวิตในช่วงความสูง 2,000 เมตรจากจุดที่กระโดดลงมา จนกระทั่งสามารถกู้ร่างของผู้เสียชีวิตได้ในวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม ท่ามกลางความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภูเขาสูง มีความซับซ้อนและถูกบดบังการมองเห็นทั้งจากป่าและหมอกที่ลงหนา อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปเบื้องต้นคาดว่าเขาจงใจฆ่าตัวตาย แต่ทั้งนี้จะทำการสืบสวนต่อไปเพื่อระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตและแรงจูงใจในการกระทำการดังกล่าว… ที่มา: shanghai.ist, cgtn, ecns
-
สาววัย 18 เขียน ‘ข้อความให้กำลังใจ’ แปะไว้ที่ฆ่าตัวตายยอดฮิต เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา!!
เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงทางตัน หรือเจอปัญหาหนักๆ จนทำให้เกิดการท้อแท้ หลายๆ คนก็มีวิธีในการจัดการกับตัวเองในช่วงนั้นที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เลือกที่จะสู้ต่อไป บางคนก็อาจจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ก็มีบางคนที่เลือกจะยอมแพ้ทุกอย่าง แล้วจบชีวิตของตัวเองลงไปซะอย่างนั้น แน่นอนว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับสาววัย 18 ปี คนนี้ ที่พยายามทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้กำลังใจ โดยหวังว่าจะทำให้คนที่คิดฆ่าตัวตายเปลี่ยนใจกลับมาสู้ต่อและมีชีวิตอยู่ต่อไป Paige Hunter เด็กสาววัย 18 ปี นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย East Durham College ที่ใช้เวลาว่างเขียนโน้ตให้กำลังใจนำไปแปะที่สะพาน Wearmouth Bridge ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าวัยรุ่นนิยมไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายกันที่นั่นอยู่บ่อยครั้ง “ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อย ฉันรู้ว่าทั้งร่างกาย และความรู้สึกของเธอกำลังจะถูกดูดออกไป แต่คุณจะต้องสู้ต่อไปนะ” หนึ่งในข้อความบนกระดาษโน้ตของ Paige เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากมีคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตายได้มาอ่าน ก็อาจจะทำให้เปลี่ยนใจและสามารถช่วยชีวิตคนเหล่านั้นได้เพียงสักคนหนึ่งก็ยังดี “ฉันจะไม่บอกเธอหรอกนะว่ามันจะง่ายน่ะ แต่มันจะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน” “มันจะต้องดีขึ้นกว่านี้ อดทนเข้าไว้นะ” อีกหนึ่งประโยคที่เขียนลงในโน้ต จากการทำเป็นงานอดิเรกของเธอ ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสนใจและมอบรางวัลเกียรติยศให้กับเธอ ในฐานะที่เป็นคนให้ความช่วยเหลือและสร้างความดีให้กับสังคม และสนับสนุนให้เธอทำความดีแบบนี้ต่อไป “ผมคิดว่ามันสำคัญมากเลยนะ ที่เราจะชื่นชมในการกระทำของหนู Paige…
-
คดีสะเทือนโลก แฟนสาวยุยงหนุ่มให้ “ฆ่าตัวตาย” ทนายให้รื้อคดี “เป็นเสรีภาพในการพูด”
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญไปทั่วทั้งโลก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2017 สำนักข่าว AP ได้รายงานเรื่องของกรณีวัยรุ่นสาวชาวอเมริกัน Michelle Carter ผู้ยุยงแฟนหนุ่ม Conrad Ray ให้ฆ่าตัวตายผ่านการส่งข้อความ เรื่องราวจากการสอบสวนพบว่าหญิงสาวได้พยายามยุยงให้แฟนหนุ่มฆ่าตัวตาย ผ่านข้อความมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งในวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 2014 แฟนหนุ่มของเธอได้รมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ตัวเอง ด้วยการเปิดเครื่องปั๊มน้ำและสอดท่อไอเสียอัดเข้าไปในรถยนต์ ในช่วงจังหวะหนึ่งที่เขารู้สึกกลัวกับการฆ่าตัวตาย แฟนสาวก็ส่งข้อความยุยงให้เขากลับเข้าไปในรถเพื่อทำให้สำเร็จ จนในที่สุดแล้วเขาก็เสียชีวิต… โดยคดีนี้ได้มีการสืบสวนมาอย่างยาวนาน มีทั้งการค้นประวัติการแชทกัน วิเคราะห์ข้อความที่ส่งให้กันเพื่อให้ทราบเจตนาที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย ผู้ต้องหา Michelle Carter และแฟนหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย Conrad Ray Marie Claire Flynn อัยการได้ชี้แจงว่า “ผู้ต้องหาพยายามยุยงให้ชายหนุ่มฆ่าตัวตาย โดยให้เหตุผลเพียงเพื่อต้องการให้คนมาสงสารเธอ จากหลักฐานทั้งหมดเราพบว่า ในวันที่แฟนหนุ่มเข้าไปรมก๊าซพิษในรถ หญิงสาวไม่ได้โทรหาเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปกครองของแฟนหนุ่มเลย แต่สิ่งที่เธอทำกลับตรงกันข้าม..” โดยข้อความส่วนหนึ่งที่เปิดเผยจากหลักฐานในวันที่เกิดเหตุระบุว่า “เธอต้องทำให้ได้นะ Conrad ยิ่งเธอพยายามฝืนเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งพบกับความสุขมากเท่านั้น สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เปิดเครื่องนั่น ทำตัวตามสบายทำใจให้สงบ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอเฝ้าหามาตลอด…
-
ปริศนาหลอน ครอบครัวอินเดีย “ผูกคอตาย” ยกบ้าน 11 ศพ เชื่อเกี่ยวข้องกับลัทธิลึกลับ
ล่าสุดบนทวิตเตอร์ ได้มีการเผยแพร่ข่าวการตายอย่างลึกลับของชาวอินเดีย เมื่อครอบครัวหนึ่งกลายเป็นศพหมดทั้งครอบครัวรวม 11 ชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็น การฆาตกรรมและการฆ่าตัวตายหมู่ในครอบครัว หลายสำนักข่าวของอินเดียได้เผยแพร่โศกนาฏกรรมปริศนานี้ออกมาทั่วโลกอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทยชื่อว่า @washimarou ก็ได้นำเรื่องราวการตายอย่างลึกลับนี้มาเล่าต่อ โพสต์เล่าเรื่องการตายหมู่ของครอบครัว Bhatia ในอินเดีย เริ่มต้นวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 รูปภาพศพขณะที่เจ้าหน้าที่พบเจอ ดูได้ที่นี่ (แต่ไม่แนะนำให้เข้าไปดู) ตำรวจสงสัยทั้งครอบครัวกำลังนับถือในลัทธิลึกลับ และได้ประกอบพิธีกรรมล้างบาป . ในบันทึกที่พบ มีการเขียนกล่าวถึงการล้างบาปด้วยพิธี Baar Puja (บูชาต้นไทร) เป็นการแขวนคอ ปิดตา ปิดหู ปิดปาก มือไพล่หลัง ห้อยลงมาในลักษณะเหมือนรากไทร ลูกชายที่ชื่อว่า Lalit ฝันเห็นพ่อผู้ล่วงลับ ทำให้เชื่อว่าประกอบพิธีกรรมนี้แล้ว “พ่อ” จะมาช่วย และเชื่อว่าพิธีกรรมนี้ทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากบันทึกที่พบ ทำให้ทราบว่าพิธีกรรมนี้ต้องทำต่อเนื่อง 7 วัน หมายความว่าพวกเขาเริ่มทำพิธีกรรมมาตั้งแต่ วันที่ 23-30 มิถุนายน…
-
ผู้รับบท ‘จาร์ จาร์ บิงคส์’ เผยถูกคนเกลียดขี้หน้าทั้งกาแลคซี่ จนเกือบจบชีวิตตัวเอง
ภาพยนตร์ชุดยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล ‘สตาร์ วอร์ส’ ที่คงดำเนินเรื่องอย่างต่อเนื่องมาจนถึงไตรภาคที่ 3 กันแล้ว แต่ทว่ากระแสไตรภาคล่าสุดนั้นกลับไม่ถูกใจแฟนๆ เท่าที่ควร ย้อนกลับไปช่วงไตรภาค EP I – III ก็มีกระแสความเกลียดชังจากแฟนๆ ที่รุนแรงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับตัวละครชาวกันแกน ‘จาร์ จาร์ บิงคส์’ ด้วยบทสมทบสายฮา แต่แฟนหนังกลับไม่ฮาด้วยแถมเกลียดเข้าเส้น กระแสด้านลบที่มีต่อตัวละคร ส่งผลทำให้ Ahmed Best ผู้รับบทจาร์ จาร์ แทบจะทนไม่ไหว กับความโหดร้ายกับคำวิจารณ์ที่เขาต้องแบกรับเอาไว้ และเคยคิดจะฆ่าตัวตายเมื่อ 19 ปีที่แล้ว โดยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2018 เขาได้ทำการทวีตและโพสต์รูปภาพตัวเองและลูกชายกำลังมองออกจากสะพาน พร้อมกับข้อความว่า “ที่นี่คือที่ที่ผม เกือบจะจบชีวิตตัวเอง “ https://twitter.com/ahmedbest/status/1014222723764162561?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1014222723764162561&ref_url=http%3A%2F%2Fwww.thisisinsider.com%2Fstar-wars-jar-jar-binks-actor-ahmed-best-considered-suicide-2018-7 . https://www.instagram.com/p/BkyD0IUgWI1/ “ผมเจอกับกระแสลบเป็นเวลา 20 ปี และมันก็ยังคงกระทบกับอาชีพนักแสดงของผมมาจนถึงทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึง ผมรอดมาได้และเจ้าตัวตัวเล็กก็คือของขวัญสำหรับการมีชีวิตอยู่ ผมกำลังคิดจะทำโชว์เดี่ยวครบรอบ 20…
-
หนุ่มจีนคิดสั้นโดดตึก จนท. เร่งช่วย แต่ชาวบ้าน “คว้าเก้าอี้” นั่งรอชมกันเฉย!?
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2018 ที่ผ่านมา รายงานจาก Xuehua News ในเขตซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน พบว่ามีชายนิรนามคนหนึ่งอยู่บนดาดฟ้าของตึก 11 ชั้นและทำท่าจะกระโดดลงมา แต่ที่สำคัญคือชาวบ้านชาวเมืองละแวกนั้นที่เห็นเหตุการณ์อยู่ด้านล่างกลับรีบจับจองที่นั่ง บ้างก็ยืน บ้างก็คว้าเก้าอี้มานั่งรอชมเหตุการณ์กันเสียอย่างนั้น ในคลิปวิดีโอเหตุการณ์ เผยให้เห็นวินาทีที่ชายนิรนามดังกล่าวเดินอยู่บนดาดฟ้าของตึก เขาเดินมาบริเวณขอบตึก มีท่าทีเหมือนกับว่าจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย จากนั้นชาวบ้านที่มุงดูอยู่ด้านล่างก็เริ่มหยิบเก้าอี้สีเขียวๆ มานั่งรอชมเหตุการณ์กัน โดยนั่งดูกันอยู่ราวๆ 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ คนที่รอชมคงยืนรอไม่ไหวจนต้องหาที่นั่ง ตากล้องที่ถ่ายคลิปมาให้ดูเองก็นั่งกับเขาด้วย สุดท้าย เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้ช่วยชีวิตชายนิรนามได้สำเร็จ และทราบมาว่าภรรยาของเขาเองที่ทำให้เขาเกิดความคิดที่จะฆ่าตัวตาย จากเหตุการณ์นี้ ชาวเน็ตที่เข้ามารับฟังข่าวและชมคลิปเหตุการณ์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย เช่น… “คนจีนน่าจะชอบที่อยู่ในที่เกิดเหตุและชอบดูอะไรแบบนี้” “เพื่อนฝูงจากถนนเหรอ หรือว่าเพื่อนในแวดวง หรือเพื่อนบ้านกันแน่?” “ต้องเป็นคนแบบไหนถึงมารอดูอะไรแบบนี้ได้? เลือดเย็นกันเกินไปแล้ว” “โอ้ รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขามารอดูหนังกันอย่างนั้นแน่ะ” ไม่ช่วยก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ว่านั่งรอดูคนกระโดดตึกฆ่าตัวตายแบบนั้น มันอำมหิตเกินไปหรือเปล่า? ที่มา: nextshark, xuehua และ weibo
-
ระทึกชีวิตนักดับเพลิง ยื่นตัวออกไปนอกหน้าต่างรอรับ ‘หญิงโดดตึก’ คว้าตัวได้หวุดหวิด!!
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีบุคคลพยายามพรากชีวิตตัวเอง จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยกู้ภัยและนักดับเพลิงทั้งหลาย ต้องออกมาช่วยรักษาชีวิตหลงทางให้รอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่สำหรับบางงานนั้น ชีวิตของเจ้าหน้าที่ก็เสี่ยงทั้งการช่วยเหลือที่อาจจะไม่สำเร็จ หรือแม้แต่กระทั่งต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านี้ จากภาพที่เห็นเป็นภาพของนักดับเพลิงจากประเทศลัตเวีย ทราบนามว่าเป็นนาย Tomass Jaunzems เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนดังกล่าว เดินทางมาถึงอาคารที่ได้รับแจ้งว่ามีผู้หญิงรายหนึ่งจะกระโดดตึกลงมาจากชั้น 4 ช่วงจังหวะที่เขาไปไม่ทันถึงตัวหญิงสาว จึงตัดสินใจยื่นตัวดักรอรับผ่านหน้าต่างชั้นล่าง พร้อมกับเพื่อนเจ้าหน้าที่คอยยึดขาคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที หญิงคนดังกล่าวตัดสินใจกระโดดลงมา และนาย Jaunzems ก็สามารถคว้าตัวหญิงสาวระหว่างร่วงลงพื้นได้หวุดหวิด พร้อมกับนำตัวกลับเข้าสู่อาคารได้อย่างปลอดภัย ภายหลังเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นเอาไว้ว่า “ผมได้รับคำสั่งให้มารอที่ชั้น 3 หากเกิดอะไรขึ้นมา เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องคว้าตัวเธอเอาไว้ให้ได้” คลิปช่วงวินาทีระทึก เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถคว้าตัวหญิงสาวได้อย่างหวุดหวิด ทางด้านหน่วยดับเพลิง VUGD ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ผ่านเฟสบุ๊กว่า “ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลต้องสงสัยกำลังจะกระโดดออกจากหน้าต่างชั้น 4 เมื่อมาถึงสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรู้ว่าหากพยายามเข้าไปถึงตัวเธอ เธอจะกระโดดลงมาทันที… ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมตัวรอรับอยู่ด้านล่าง อีกหนึ่งทีมจึงไปดักรอที่หน้าต่างเพิ่มเติม พร้อมกับอีกทีมที่กำลังเตรียมเข้าให้ความช่วยเหลือจากบนหลังคา ในที่สุดเธอตัดสินใจกระโดดลงมาและเราก็สามารถช่วยเหลือได้สำเร็จ” ที่มา: skaties,…
-
คุณพ่อจัดงานปาร์ตี้ฉลองกับเพื่อนๆ ก่อนที่จะ “ฆ่าตัวตาย” เพราะทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้า
คุณพ่อ John Clayton นักวิจัยวัย 41 ปี ได้จัดงานปาร์ตี้ขึ้นกับเพื่อนฝูง ก่อนที่จะตัดสินใจปลิดชีพตนเองเนื่องจากต้องทนทุกข์กับความเจ็บป่วยทางจิตที่เรียกว่า โรคซึมเศร้าหลังมีลูก (Postnatal Depression) หลังจากที่ John ให้กำเนิดลูกชายของเขา Hugo เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคซึมเศร้าชนิดนี้ โดย Vicky Clayton อดีภรรยาวัย 38 ปีของเขาก็บอกว่าสุขภาพจิตของ John ย่ำแย่ลงหลังจากให้กำเนิดบุตรเมื่อ 5 ปีที่แล้ว Vicky ผู้เป็นภรรยาเองก็มีอาการซึมเศร้าหลังมีลูกเช่นกัน แต่พอเธอทราบว่า John สามีของเธอก็มีอาการ ทั้งคู่จึงตัดสินใจย้ายที่อยู่ใหม่ เธอเล่าว่า “การต้องกลายเป็นพ่อคนนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ John มากเลยทีเดียว บางที่ฉันก็ลืมไปว่าผู้ชายเองก็เป็นโรคซึมเศร้าหลังมีลูกได้เหมือนกัน” แต่หลังจากที่ลูกน้อย Hugo มีอายุได้ราวๆ 9 เดือน John และ Vicky ก็แยกทางกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน แถมยังช่วยกันเลี้ยงลูกอีกด้วย จากนั้นในปี 2016 John…
-
ชีวิตในวันสุดท้ายของนักวิทย์ 104 ปี ไม่ลังเล ไม่มีมื้อสุดท้าย ขอเพลงบีโธเฟ่นบรรเลงปิดฉาก…
‘ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือก’ หนึ่งในประโยคที่ใช้กับการเลือกที่จะใช้ เลือกที่จะซื้อ หรือเลือกที่จะกระทำบางสิ่ง และสำหรับนักวิทยาศาสตร์วัย 104 ปี David Goodall เขารู้สึกว่าใช้ชีวิตมามากเกินพอแล้ว และเขาก็เลือกที่จะตาย (ข่าวเก่า) จากที่ทางแคมดัมบ์ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์ David Goodall ได้เดินทางมาถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในวันที่ 10 พฤษภาคม 2018 ตามเวลาท้องถิ่นสวิตเซอร์แลนด์ 10.00 น. หรือ 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย คือเวลาที่เขาจะดับนาฬิกาชีวิตของตัวเองลง ศาสตราจารย์แถลงต่อหน้าสื่อต่างๆ ไว้ว่า ในวาระก่อนจะยุติชีวิตนี้ จะไม่มีอาหารมื้อสุดท้าย ไม่มีความลังเลใดๆ และขอเพียงบรรเลงเพลงซิมโฟนีหมายเลข 9 ของบีโธเฟนเป็นการปิดฉากชีวิต ก่อนหน้านั้นศาสตราจารย์ Goodall ได้ออกมาเยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบาเซิล พร้อมกับลูกหลานที่เดินทางติดตามมาด้วย เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในวาระสุดท้ายของชีวิต . Daniel Goodall วัย 30 ปีกล่าวกับสื่อว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ได้มาร่วมอยู่ตรงนี้…
-
“สิ่งที่เศร้าที่สุดก็คือถูกห้ามตาย” อาจารย์วัย 104 ปี มีชีวิตอยู่มานาน จนไม่อยากอยู่แล้ว…
ผู้คนส่วนใหญ่นั้นมักคิดว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ไปนานๆ มีอายุที่ยั่งยืนจนกว่าจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา อย่างน้อยๆ ก็ขอให้อยู่ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สำหรับศาสตราจารย์ David Goodall นักพฤกษศาสตร์และนักนิเวศวิทยาวัย 104 ปี จากประเทศออสเตรเลีย มีความตั้งใจอันแน่วแน่ว่า “อยากฆ่าตัวตาย” ศาสตราจารย์ David Goodall ในวัยหนุ่ม เพราะด้วยการใช้ชีวิตมานานผ่านสงครามโลกถึง 2 ครั้ง ฟุตบอลโลกอีก 20 ครั้ง ได้ดูมนุษย์คนแรกเหยียบบนดวงจันทร์ ก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว… เพราะเขารู้สึกเสียใจที่มีอายุมากถึงขนาดนี้ เขาได้กล่าวคำขอพรในวันเกิดครบ 104 ว่า ถ้าหากขอพรได้หนึ่งข้อ เขาจะขอให้พรนั้นเป็นความตาย “ผมรู้สึกไม่มีความสุข ผมอยากตาย มันไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าเลย แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือถูกห้ามให้ตายนี่แหละ” เขากล่าวกับสำนักข่าว ABC คำถามก็คือผู้คนจะสามารถหาสถานที่หรือบุคคลเพื่อช่วยบรรลุถึงแก่ความตายได้หรือไม่ เพราะประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นที่ถกเถียงไปทั่วโลก สำหรับการการุณยฆาตนั้นยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศออสเตรเลีย นั่นก็รวมไปถึงรัฐที่ Goodall อาศัยอยู่ด้วย ซึ่งยังไม่รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่รณรงค์ป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางประเทศที่รองรับความต้องการเหล่านี้อยู่ ซึ่งเป้าหมาย Goodall…
-
ครอบครัว Tim Bergling ‘Avicii’ เผยสาเหตุการเสียชีวิต เพราะเขาไม่อาจแบกรับได้อีกต่อไปแล้ว…
เรื่องราวน่าเศร้ากับการจากไปของดีเจชื่อดังระดับโลก Avicii หรือ Tim Bergling ดีเจชาวสวีเดนวัย 28 ปี ที่ถูกพบเป็นร่างไร้วิญญาณในระหว่างทริปพักผ่อนของเขาในเมืองมัสกัต ประเทศโอมาน เมื่อช่วงวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา Avicii ได้ประกาศหยุดทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2016 เนื่องจากประสบกับปัญหาสุขภาพร่างกายเรื้อรัง อีกทั้งยังมีสัญญานความปวดร้าวภายในจิตใจเกิดขึ้นด้วย Avicii หรือ Tim Bergling ดีเจชื่อดังชาวสวีเดน เสียชีวิตในวัย 28 ปี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกเพียงชั่วข้ามคืน ทางสำนักข่าวและสื่อทางด้านบันเทิงต่างคาดเดาไปถึงกรณีทางด้านอาชญากรรม การลอบสังหาร และการฆ่าตัวตาย ในวันที่ 26 เมษายน 2018 ทางด้านครอบครัวของ Tim Bergling ได้ร่อนจดหมายเปิดผนึกแก่สาธารณะ โดยที่โฆษกไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ โดยมีใจความดังต่อไปนี้… ภาพของ Avicii พร้อมคุณแม่ Anki Liden และคุณพ่อ Klas Bergling ระหว่างออกทัวร์ครั้งสุดท้ายในสวีเดน ‘ทิมผู้เป็นที่รักของเรานั้น คือผู้แสวงหา ศิลปินผู้มีจิตวิญญาณอันบอบบาง…
-
คนขับรถสิบล้อร่วมใจ จอดเรียงกันใต้สะพาน 13 คัน หวังจะช่วยชีวิตชายคิดสั้นเพียง 1 คน
เมื่อช่วงวันที่ 24 เมษายน 2018 เวลาประมาณ 01.00 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ในบริเวณย่าน Oak Park รัฐมิชิแกน มีการประกาศเตือนภัยจากตำรวจในพื้นที่ เนื่องจากมีชายรายหนึ่งกำลังยืนอยู่ปลายสะพาน พร้อมที่จะกระโดดลงมาบนทางด่วน… เมื่อมีการประกาศออกไปแล้ว ทางกลุ่มคนขับรถสิบล้อกลุ่มหนึ่งก็ได้ขับรถของตน รุดมายังที่เกิดเหตุในทันที พร้อมกับการจอดรถเรียงกันเป็นแถวเคียงข้างตลอดทั้งสองฝั่งถนนเป็นจำนวน 13 คัน โดยคาดคะเนถึงทุกจุดที่ชายคนดังกล่าวเลือกที่จะกระโดดลงมา Sgt. Jason Brockdorff จากสถานีตำรวจ Huntington Woods Police Department กล่าวถึงการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ตำรวจและคนขับรถสิบล้อถูกฝึกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือจำนวนของคนขับรถสิบล้อที่มาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ “การซักซ้อมถูกนำมาใช้งานจริงหากมีผู้ประสงค์จะกระโดดฆ่าตัวตาย พวกเราพยายามใช้วิธีแบบนี้ทุกครั้ง เพื่อลดระยะห่างความสูงจากด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง ถ้าหากพวกเขากระโดดลงมา” Brockdorff กล่าวถึงวิธีการรับมือต่อเหตุฉุกเฉิน . สถานการณ์ความตึงเครียดลากยาวประมาณ 4 ชั่วโมงไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อรถสิบล้อมาจอดเรียงกันใต้สะพานแล้ว ตำรวจจึงมีเวลามากพอที่จะเกลี้ยกล่อมชายคนดังกล่าวได้มากขึ้น …
-
เด็กนักเรียนวัย 14 เรียนเก่งท็อปของชั้น จบชีวิตลงเพราะรู้สึกว่าตัวเองถูกเพื่อนเมิน
บางครั้งการเรียนเก่งหรือการโดดเด่นเกินกว่าคนอื่นก็สร้างความลำบากให้คนๆ หนึ่งเช่นกัน อย่างเช่นหนูน้อย Elena Mondal วัย 14 ปีคนนี้ที่ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองจากเหตุเพราะเธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนเมิน หนูน้อย Elena Mondal จากโรงเรียน The Henrietta Barnett School ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้นเป็นเด็กที่มีความสามารถการเรียนระดับสูง เรียกว่าเป็นระดับท็อปของชั้นเลยก็ว่าได้ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหลังอาจารย์ไปบังเอิญเจอร่างของเธอที่กำลังแขวนตัวอยู่บริเวณสวนของโรงเรียน เจ้าหน้าที่รีบพาร่างของหนูน้อย Elena ไปส่งที่โรงพยาบาลทันที แต่น่าเสียดายที่ไม่นานนักเธอก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อไป ซึ่งครอบครัวของเธอนั้นกลัวว่าการกลั่นแกล้งที่โรงเรียนจะเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของเธอ ซึ่งหลังจากการตายของเธอ เจ้าหน้าที่ก็ได้ออกตรวจหาสาเหตุการฆ่าตัวตายของเธอทันที อย่างแรกคือโทรศัพท์รุ่นเก่าของเธอที่จัดการลบข้อความออกไปจนหมดทำให้ตำรวจไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้จากจุดนั้นได้เลย ต่อมาก็คือคนในโรงเรียนของเธอ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของโรงเรียนได้บอกว่า Elena นั้นมักจะเข้ามาร้องเรียนและระบายเสมอๆ ว่าเธอมักจะถูกเมินจากเพื่อน ซึ่งเธอนั้นไม่ได้รับความสนใจอะไรเลยแม้แต่ในกลุ่มแชทของเพื่อนๆ เธอก็ไม่ได้รับสิทธิ์ให้อยู่ในนั้น แต่ใครต่างคิดว่าเด็กเก่งแบบเธอคงไม่คิดฆ่าตัวตายแน่ๆ นั่นทำให้เจ้าหน้าที่คาดว่าความเครียดสะสมของเธอเป็นแรงผลักดันให้เธอทำร้ายตัวเอง เพราะว่าก่อนหน้าการตายเธอเคยพยายามทำร้ายตัวเองหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่มีคนไปพบก่อนเสมอ เจ้าหน้าที่จึงคาดว่าเธอกลัวการถูกเมินและอยากเรียกร้องความสนใจ เธอจึงพยายามทำร้ายตัวเองบ่อยๆ เพื่อหวังว่าใครจะมาสนใจและเจอเธอ แต่ว่าครั้งสุดท้ายมันกลับมากเกินไปและไม่มีใครมาเจอทัน ทำให้สุดท้ายจุดจบของเธอก็คือการเสียชีวิตนั่นเอง… ที่มา dailymail, thesun
-
ศิลปินอังกฤษสร้างหุ่นคล้ายคน 84 ตัว ไว้บนขอบตึก เพื่อกระตุ้นให้เห็นปัญหาการฆ่าตัวตาย
ปัญหาการฆ่าตัวตายนั้นเป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในประเทศที่มีการแข่งขันสูงยิ่งมีให้พบเห็นได้บ่อยขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปัญหาปัจเจกบุคคลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน่วยงานของรัฐเองก็ควรจะมีการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ อย่างในประเทศอังกฤษเองมีการรายงานว่าอัตตราการฆ่าตัวตายของผู้ชายที่นั่นโดยเฉลี่ยแล้วสูงถึง 84 คนต่อสัปดาห์เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ศิลปินอย่าง Mark Jenkins จึงได้ออกแบบรูปปั้นคน 84 ตัวตามจำนวนของคนที่ฆ่าตัวตายต่อสัปดาห์ พร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าให้มีความคล้ายกับคนจริงๆ มากที่สุด แล้วนำไปติดตั้งไว้บนขอบตึก ITV studio ในกรุงลอนดอน เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนและหน่วยงานของรัฐเห็นว่ามีชายชาวอังกฤษฆ่าตัวตายมากแค่ไหนในหนึ่งสัปดาห์ ตามรายงานขององค์กรอารกุศลที่มีชื่อว่า CALM (The Campaign Against Living Miserably) บอกว่าการฆ่าตัวตายเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในกลุ่มชายอังกฤษที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี CALM เป็นหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้ป่วย ผู้ที่มีปัญหาความเครียดและเข้าไปช่วยเหลือแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตอีกด้วย และยังกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐเข้าไปมีส่วนร่วมในเชิงรุกกับการแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วย ถึงแม้ตัวเลขการฆ่าตัวตายของชายชาวอังกฤษจะสูงขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่มีรัฐมนตรีคนไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเสนอแนะแนวทางการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อให้เสียงของพวกเขาดังยิ่งขึ้น องค์กรการกุศล CALM จึงได้ร่วมจัดตั้งแคมเปญผ่านเว็บไซต์ Change.org เพื่อล่ารายชื่อสนับสนุนให้มีมาตรการป้องกันภัยเงียบอย่างการฆ่าตัวตายและมีการแสดงความรับผิดจากรัฐมนตรีของอังกฤษ . . . .…
-
วินาทีชีวิต.. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ร่างกายของตัวเอง รับหญิงสาวที่โดดตึกลงมา
คงไม่มีใครอยากจะปล่อยให้มีคนเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาของตัวเอง แต่จะมีซักกี่คนที่มีความกล้ามากพอยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนเหล่านั้น เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มคนนี้ เรื่องราวของเขาเกิดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม 2018 ตำรวจหนุ่มคนดังกล่าวมีชื่อว่า Abdusalam Abulati เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเมือง Kuqa บนเขตปกครองตัวเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ระหว่างที่เขากำลังตรวจตราอยู่นั้น ก็ได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เจ้าหน้าที่ Abdusalam กำลังตรวจพื้นที่โดยรอบอยู่ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงออกมานั่งตรงบริเวณหน้าต่างชั้นสองของตึก ตรงบริเวณที่ Abdusalam และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กำลังลงตรวจพื้นที่อยู่ เพียงชั่วอึดใจเดียว หญิงสาวนิรนามก็โดดลงมา ทำให้ตำรวจหนุ่มตัดสินใจพุ่งเข้าไปใช้ร่างกายของตัวเองรับร่างเธอไว้ในทันที เขารีบวิ่งเข้าไปรับเธอในทันที โดยที่ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลย คลิปจากกล้องวงจรปิดทำให้เราเห็นว่า ตำรวจหนุ่มคนนั้นถึงกับล้มนอนลงไปด้วยความเจ็บปวด จากการที่เขาใช้ร่างกายเป็นเบาะรับแรงกระแทกให้กับหญิงสาว จากการสอบถามคนในละแวกนั้นทำให้ทราบว่า ผู้หญิงคนนั้นโดดลงมาจากตึกเพราะต้องการจะฆ่าตัวตายหลังจากที่ทะเลาะกับแฟนหนุ่มของตัวเอง แต่โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่ Abdusalam อยู่ในสถานที่เกิดเหตุพอดี เธอจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นการช่วยเหลือสุดระทึก ในขณะเดียวกัน ตำรวจหนุ่มกลับบาดเจ็บสาหัส กระดูกสันหลังบริเวณช่วงล่างของเขาแตกหัก…
-
จากแกล้งขำๆ สู่เหตุโศกนาฏกรรม…หนุ่มตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะถูกเพื่อนแฉข้อความลับ
หลายๆ คนอาจจะคิดว่า ‘การแกล้งกัน’ ก็เป็นแค่กิจกรรมขำๆ ที่สร้างความสนุกและเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม แต่ถ้าหากมองในมุมของคนที่โดนแกล้งจะพบว่ามันอาจจะไม่ขำเลยก็ได้ Edward Senior เด็กหนุ่มวัย 22 ปี เป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย Swansea University ที่ได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลง เพราะถูกเพื่อนๆ แกล้ง ตามรายงานของเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมาระบุเอาไว้ว่า สาเหตุที่ Edward ตัดสินใจจบชีวิตลงนั้นก็เพราะว่าเขาได้ทำการส่งข้อความไปคุยกับเพื่อนในชมรมรักบี้ ถึงประสบการณ์เสียวระหว่างนักศึกษาสาวคนหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าเพื่อนที่ไว้ใจกลับทำร้ายกันได้ลงคอ เขาเอาแคปภาพข้อความที่ Edward ส่งมา ส่งต่อไปยังนักศึกษาคนอื่นในมหาวิทยาลัยอีกนับร้อยคน หรือแม้แต่นักศึกษาหญิงที่ถูกกล่าวถึงในแชตก็ด้วย!! โดยอ้างว่าทำไปเพื่อความสนุกสนาน หนุ่ม Edward รู้ข่าวก็กลัวว่าเรื่องอื้อฉาวในครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตการเรียน และความฝันในการเป็นหมอของเขา จึงกลับมาที่บ้านแล้วก็ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองด้วยการแขวนคอ พอทราบข่าวครอครัวของ Edward ต่างก็เสียใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ Max พี่ชายของเขา “Edward เป็นนักกีฬารักบี้ที่มีความสามารถ เขาเป็นคนที่เล่นกีฬาเก่ง แถมยังตั้งใจร่ำเรียนเพื่อที่จะได้เป็นแพทย์ตามที่ใฝ่ฝันเอาไว้…
-
ตำรวจพบซากเท้าของมนุษย์ ลอยมาเกยที่ชายหาด คาดอาจเกี่ยวคดีฆาตกรรม
เมื่อไม่นานมานี้ ตำรวจแคนาดาได้พบกับคดีสยองขวัญของซากเท้ามนุษย์ที่ลอยมาเกยที่ชายหาดของรัฐบริติชโคลัมเบียประเทศแคนาดา ซากเท้าที่มีกระดูกหน้าแข้งและน่องติดมาด้วยถูกสวมใส่อยู่ในถุงเท้าสีเขาและรองเท้าวิ่งสีดำถูกพบโดย Mike Jones ชายวัย 56 ปี ขณะที่เขากำลังพาสุนัขไปเดินเล่นที่บริเวณชายหาดของเกาะแวนคูเวอร์ Jones ได้อธิบายเหตุการณ์ว่า “ตอนที่ผมพาสุนัขไปเดินเล่นอยู่ จู่ๆ มันก็เหมือนจะได้กลิ่นอะไรสักอย่าง มันเริ่มดมๆ หาอะไรสักอย่าง ผมจึงหยุดดูว่ามันเจออะไร ผมเห็นกระดูกและก็สังเกตได้ว่ามันอยู่ในติดกับรองเท้า” ซากเท้าที่คุณ Jones ได้เจอถือว่าเป็นกระดูกชิ้นที่ 13 ที่มีการพบเจอบนเกาะนี้ตั้งแต่ปี 2007 และตำรวจก็เชื่อว่าสามารถระบุตัวได้ว่าชิ้นส่วนข้อเท้านี้มันเคยเป็นของใครมาก่อน จากการระบุตัวโดยใช้ DNA ตำรวจก็สามารถระบุได้ว่าข้อเท้านี้เป็นของ Stanley Okumoto ชายวัย 79 ปีที่อาศัยอยู่ในเขต Kitsap รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2017 และหลังจากที่เขาหายตัวไป เจ้าหน้าที่ก็ได้พบอวัยวะบางส่วนแถวๆ Neah Bay ซึ่งห่างจากจุดที่พบรถของเขาจอดอยู่มาประมาณหนึ่งไมล์ (ราวๆ 1.6 กิโลเมตร) ในเดือนพฤศจิกายน 2017 Mark Nichols อัยการสูงสุดของเขต Clallam ก็ได้กล่าวว่าไม่พบผู้ต้องสงสัยและไม่สามารถระบุสาเหตุการตายของคุณ Okumoto ได้ …
-
2 สาวรัสเซียอัดคลิปบอกลาครอบครัวก่อนฆ่าตัวตาย อาจเกี่ยวข้องกับเกมมรณะ ‘วาฬสีน้ำเงิน’
ในปัจจุบันนี้อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคนมีแนวโน้มที่จะมีอาการซึมเศร้ากันมากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่พวกเราต้องระวังกันให้มาก เหมือนกับข่าวนี้ ที่มีคู่พี่น้องชาวรัสเซียสองคนได้ทำการถ่ายวิดีโอบอกรักครอบครัวก่อนที่พวกเธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตายจากการกระโดดลงมาจากดาดฟ้าชั้นสิบของอพาร์ตเมนต์ที่พวกเธออาศัยอยู่ แต่ประเด็นคือเรื่องอาจไม่ได้เกี่ยวกับกับโรคซึมเศร้าเพียงอย่างเดียว Maria Vinogradova อายุ 12 ปีและพี่สาวของเธอ Anastasia Svetozarova อายุ 15 ปี ถูกพบบริเวณทางเท้าแถวอพาร์ตเมนต์ในเมือง Izhevsk เมื่อตำรวจได้ทำการสืบสวนก็พบว่าการฆ่าตัวตายครั้งนี้ อาจจะมีเกี่ยวข้องกับเกมแห่งความตาย “วาฬสีน้ำเงิน” คนรอบข้างทราบว่า Maria รู้สึกหัวเสียและซึมเศร้า หลังจากที่แม่ของเธอพาเธอไปหาสูตินรีแพทย์เพราะรู้ว่าเธอเริ่มมีความสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่ชื่อ Dmitry แม่ของเธอโกรธมากๆ เกี่ยวกับแฟนของเธอ ส่วน Anastasia ก็ถูกเพื่อนๆ พูดถึงว่าเธอมีอาการซึมเศร้าเช่นเดียวกัน ตำรวจบอกว่ากลุ่มวาฬสีน้ำเงินและกลุ่มฆ่าตัวตายอื่นๆ จะเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กและมีอาการซึมเศร้า ที่น่ากลัวคือในหลายปีที่ผ่านมามีเยาวชนชาวรัสเซียกว่าร้อยคนฆ่าตัวตายหลังจากที่ถูกล้างสมองโดยกลุ่มวาฬสีน้ำเงิน ที่จะให้พวกเด็กๆ ทำภารกิจ 50 ขั้นตอน และสุดท้ายจะสั่งให้ฆ่าตัวตาย ตำรวจได้ทำการสืบค้นโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของพวกเธอเพื่อหาร่องรอยของกลุ่มฆ่าตัวตายที่พยายามจะชักจูงหรือใช้ประโยชน์จากอารมณ์ของพวกเธอ เพื่อพรากชีวิตพวกเธอไป Maria Vinogradova อายุ 12 ปี Anastasia Svetozarova อายุ 15 ปี วินาทีก่อนที่พวกเธอจะฆ่าตัวตาย Maria ได้โพสต์รูปภาพของแฟนเธอพร้อมกับรอยยิ้มและข้อความว่า “ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย…
-
คุณหมอสร้างเครื่อง ‘The Sarco’ เครื่องการุณยฆาตด้วยตัวเองที่บ้านภายใน 5 นาที
กลายเป็นข่าวที่ฮือฮาวงการแพทย์อีกครั้ง หลังจากที่ดอกเตอร์ Philip Nitschke ได้คิดค้นเครื่อง Sarco อุปกรณ์ที่สามารถทำให้คุณการุณยฆาตตัวเองได้ที่บ้าน ภายใน 5 นาที ดอกเตอร์ Philip Nitschke หรือที่รู้จักกันในชื่อของ ดอกเตอร์ Death คือผู้ก่อตั้ง Exit International องค์กรอาสาสมัครการฆ่าตัวตายอย่างสงบ ซึ่งเขาเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนนั้นมีสิทธิ์ที่จะเลือกจบชีวิตตัวเองได้อย่างสงบ ดอกเตอร์คนดังของเราเชื่อว่าการตายนั้นเป็นสิทธิที่มนุษย์ทุกคนควรที่จะมี ดังนั้นจึงทำให้เขาคิดค้นและพัฒนาเครื่องที่ให้โอกาสผู้คนที่มีความต้องการดังกล่าว สามารถจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบ ภาพแบบจำลองของเครื่อง Sarco เครื่องดังกล่าวนี้จะทำงานโดยการปล่อยไนโตรเจนเข้าไปในแคปซูลอย่างช้าๆ และทำการตัดออกซิเจนภายใน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานจบชีวิตลงอย่างสงบภายใน 5 นาที จากรายงานระบุว่าเครื่องการุณยฆาตนี้มีความปลอดภัยสูงมาก โดยมันไม่สามารถใช้ฆ่าคนได้ ซึ่งผู้ใช้เองสามารถกดหยุดกลไกลการทำงานของเครื่องได้ในขณะที่พวกเขายังมีสติอยู่ แถมเจ้าเครื่องมือดังกล่าวนี้ยังถูกนำไปใช้ในหลายๆ พื้นที่ของยุโรปแล้ว ดอกเตอร์ Nitschke กล่าวถึงเครื่องฆ่าตัวตายของเขาว่า “ตอนที่ผมทำงานเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายอย่างถูกกฎหมายที่ออสเตรเลีย ผมพบว่ามีผู้คนมากมายที่อยากจบชีวิตของพวกเขาเอง แต่ไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ที่เพียงพอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนักวิชาการสาวชาวฝรั่งเศสที่อยากจะจบชีวิตของตัวเองในตอนอายุ 80 ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าเธอป่วย แต่เธอคิดว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตเธอได้ผ่านไปแล้ว การได้พูดคุยกับนักวิชาการสาวผู้นั้น ทำให้ผมเข้าใจว่าการตายควรเป็นสิ่งที่มนุษย์เราสามารถเลือกได้” ดอกเตอร์ Nitschke ยังกล่าวอีกว่ามีคนมากมายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ และส่วนมากคิดว่าการจบชีวิตแบบนั้นไม่ใช่การฆ่าตัวตายอย่างมีเหตุผล เพราะการฆ่าตัวตายที่ถูกต้องจะต้องมาจากเหตุผลความเจ็บป่วยทางด้านจิตเวชมากกว่า ดอกเตอร์ยังบอกอีกว่างานของเขาก็คือการช่วยเหลือผู้คนอยากที่จะจบชีวิตของพวกเขา และมีความคิดแบบนั้นอยู่ในจิตใจของพวกเขาตลอดเวลา ซึ่งไม่สามารถมีอะไรมาหยุดยั้งได้ แต่อย่างไรก็ดอกเตอร์ Nitschke เองรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของหลายๆ คนที่บอกว่าตัวเขาเองกำลังทำให้การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น…
-
‘หนูอยากตาย’ คุณแม่หัวใจสลาย เมื่อพบกับโน้ตใต้เตียงลูกสาว เพราะถูกรังแกบ่อยครั้ง
Naomi O’Neill คุณแม่วัย 28 ปี จากเมืองลิเวอร์พูลประเทศอังกฤษ แทบใจสลายเมื่อวันหนึ่งเธอพบเจอกระดาษโน้ตของลูกสาววัย 8 ปี Millie ที่เขียนว่า “หนูอยากตาย” Naomi กล่าวว่าขณะที่เธอเข้าไปเก็บที่นอนให้ลูกสาว เธอก็พบกระดาษโน้ตใบหนึ่งที่ปลายเตียง ในกระดาษเขียนด้วยลายมือที่เร่งรีบเหมือนตื่นตระหนก น่าจะเป็นเพราะว่า Millie ไม่อยากไปโรงเรียนอีก Naomi พบว่าลูกสาวของตนเองถูกรังแกมาร่วมสัปดาห์ และทราบอีกว่ามีนักเรียนคนหนึ่งขู่ Millie ว่าจะ “ฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว” ของเธอ Naomi ต้องการให้ Millie ย้ายโรงเรียน เพราะเธอมีอาการหวาดกลัวการไปโรงเรียน อีกทั้งยังพยายามทำร้ายตัวเองหากไม่ยอมให้เธออยู่บ้าน นอกจากนี้ Millie ยังไม่ยอมทานข้าว ไม่ยอมแต่งตัวแบบที่เคยแต่ง เพราะอยากเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเอง ในกระดาษโน้ตที่ Millie เขียน มีใจความว่า “หนูเสียใจเพราะว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเขาเอาแต่แกล้งหนูแบบนี้ ไม่ควรมีเด็กคนไหนควรถูกกลั่นแกล้งจนรู้สึกแบบนี้ มันทำให้หนูเสียใจ และไม่เหมือนเดิม ไม่สำคัญ โมโห โง่ และก็เจ็บปวด” “มีอีกหลายอย่างที่พวกเขาทำ แต่หนูไม่อยากเขียนออกมา” ส่วนอีกด้านหนึ่งของกระดาษเขียนว่า…
-
สาวกำลังจะเข้างานวิวาห์ แต่โดนแฟนเก่าแบล็คเมล์ เลยดื่มยาพิษฆ่าตัวตายพร้อมส่งคลิปตอนดื่มให้เขา
[เนื้อหาและภาพในข่าวมีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญานในการรับชม] เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2018 สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานข่าวกรณีที่หญิงชาวอินเดียดื่มยาพิษเพื่อฆ่าตัวตาย หลังจากที่เธอถูกแฟนเก่าแบล็คเมล์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้าน Rohini รัฐ Maharashtra ประเทศอินเดีย เหตุการณ์สุดสลดนี้เกิดขึ้นก่อนที่หญิงสาวที่ชื่อว่า Nisha Devidas ผู้เสียชีวิตจะเข้าพิธีวิวาห์เพียงไม่กี่วัน แน่นอนว่าคนในครอบครัวของเธอไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น นาย Ravi Kavle พี่ชายของว่าที่เจ้าสาวกล่าวว่า สาเหตุที่น้องสาวคิดสั้นฆ่าตัวตายในครั้งนี้ สาเหตุมาจากนาย Nikhil Borkar แฟนเก่าของเธอขู่แบล็คเมล์เนื่องจากว่าเธอจะเข้าพิธีแต่งงานกับชายอื่น ซ้าย นาย Nikhil แฟนเก่าผู้ขู่แบล็คเมล์ ขวา Nisha ผู้เสียชีวิต ว่าที่เจ้าสาวเครียดมากและตัดสินใจที่จะจบชีวิตของเธอเพื่อหนีปัญหา เธอใช้วิธีการดื่มยาพิษเพื่อจบเรื่องราวทั้งหมด ในขณะที่เธอกำลังฆ่าตัวตาย เธอได้อัดคลิปวิดีโอในขณะที่เธอกำลังดื่มสารพิษที่มีน้ำสีดำพร้อมกับส่งมันไปหาแฟนเก่า ก่อนที่จะมีคนมาช่วยเหลือเธอภายในบ้าน แต่ทุกอย่างมันสายเกินไปหญิงสาวเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล… น้องสาวของผู้เสียชีวิตกล่าวด้วยความเสียใจว่า “งานแต่งของพี่สาวของฉันจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ แต่เธอกลับมาเสียชีวิตก่อนวันแต่งงานของเธอ” หลักฐานและคำให้ปากคำทั้งหมดถูกบันทึกโดยตำรวจท้องถิ่น ก่อนที่จะมีการสืบสวนและดำเนินคดีกันต่อไป ที่มา dailymail
-
Logan Paul กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับคลิปเกี่ยวกับ “การฆ่าตัวตาย” ที่ชาวเน็ตต่างชื่นชม
หลังจากที่ถูกมรสุมชาวเน็ตรุมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับกรณีแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในป่าอาโอกิกาฮาระของประเทศญี่ปุ่นจนต้องออกมาทำคลิปขอโทษ ล่าสุดหนุ่ม Logan Paul ของเราก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายเหมือนเดิม แต่คราวนี้มันกลับให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป… หนุ่ม Logan Paul ได้กลับมาโพสต์คลิปวิดีโออีกครั้งเมื่อวันพุทธที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนานกว่า 20 วัน โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับการป้องกันการฆ่าตัวตาย และเขาต้องการให้คลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นเหมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่จากข้อผิดพลาดที่เขาเคยทำไป “ผมรู้ว่าผมทำสิ่งที่ผิดพลาด ผมรู้ว่าผมทำให้หลายๆ คนรู้สึกแย่ แต่มันจะเป็นอย่างไรถ้าหากเราใช้โอกาสนี้ในการสร้างสิ่งที่แตกต่างในโลกนี้” Logan พูดถึงคลิปวิดีโอใหม่ของเขาที่มีชื่อว่า Suicide: Be Here Tomorrow หลังจากที่ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง และได้รับบทเรียนไม่ว่าจะเป็นการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชาวเน็ตและนักแสดงชื่อดัง หรือถูกทางยูทูบตัดสิทธิ์ต่างๆ มากมาย มันทำให้เขาเข้าใจและได้เริ่มต้นแก้ไขสิ่งต่างๆ “นี่เป็นเวลาสำหรับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในอดีต ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วและกำลังเติบโตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง” Logan กล่าวในตอนท้ายของคลิปวิดีโอตัวใหม่นี้ Suicide: Be Here Tomorrow เล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับอัตราการฆ่าตัวตายของคนอเมริกัน พร้อมกับบทสัมภาษณ์ของ Kevin Hines ชายที่เคยพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดสะพาน Golden Gate เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 19 ปี…
-
“เครื่องดื่มชูกำลังฆ่าลูกผม” คุณพ่อเล่าด้วยความเศร้าหลังจากลูกชายดื่มเครื่องดื่มนี้วันละ 15 กระป๋อง
สำหรับคนที่ทำงานหนัก นอนดึก หรือสูญเสียพลังงานร่างกายไปมากๆ เครื่องดื่มชูกำลังช่วยคุณได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรดื่มเกินปริมาณที่กำหนดซึ่งมีระบุไว้ในฉลากของเครื่องดื่ม อย่างกรณีของคุณพ่อคนนี้ที่ออกมาเผยว่าลูกชายของเขาดื่่มเครื่องดื่มชูกำลัง 15 กระป๋องต่อวัน จนเป็นเหตุให้เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลายสัปดาห์ก่อนที่จะเกิดเหตุน่าสลดนี้ Justin Bartholomew วัย 25 ปี จากนิวเฮเวน อีสต์ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงและเครื่องที่มีรสหวานในปริมาณมหาศาล ซึ่งผู้เป็นพ่อเชื่อว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตาย Bartholomew คุณพ่อวัย 64 ปี บอกว่า “เราเห็นเขาดื่มเครื่องดื่มเหล่านั้นวันละ 15 กระป๋อง ซึ่งผมเคยพูดกับเขาว่า ‘ลูกต้องบังคับตัวเองให้เลิกดื่มแบบนีี้ได้แล้ว’ เขาตอบกลับมาว่า ‘ผมเลิกไม่ได้จริงๆ พ่อ ผมพยายามมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ มันเหมือนการเลิกสูบบุหรี่ที่ผมก็ทำไม่ได้เช่นกัน’” สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังนั้น 1 กระป๋องจะมีคาเฟอีนมากถึง 160 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าเอสเปรสโซถึง 2 เท่า และมีน้ำตาลมากถึง 14 ช้อนชา บวกกับการที่ชายหนุ่มมีภาวะซึมเศร้าอยู่ด้วย ผู้เป็นพ่อเลยปักใจเชื่อว่ามันน่าจะเป็นเหตุให้ลูกชายของเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จากการเสียชีวิตของ Justin สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Maria Caulfield ได้นำประเด็นดังกล่าวไปพูดในสภาว่าควรจะมีการจำกัดปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่ม เธอบอกว่า “ครอบครัวของ Justin เชื่อว่าการที่ลูกชายดื่มเครื่องดื่มชูกำลังวันละ 15…
-
หัวใจพังทลาย… คุณพ่อเชิญทุกคนที่เคยกลั่นแกล้งลูกสาวมาร่วมงานศพ เพื่อให้เห็นถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป
“เธอมักจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ว่าภายใน เธอนั้นเจ็บปวดมากเพียงใด…” การกลั่นแกล้งในหมู่เด็กๆ หรือวัยรุ่น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เพราะผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่เคยสนุกกับการกระทำเหล่านี้ และสุดท้ายอาจจบานปลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สายเกินแก้ อย่างกรณีของ Amy ‘Dolly’ Everett เด็กสาววัย 14 ปีที่ถูกกลั่นแกล้งทางสื่อออนไลน์ สุดท้ายเธอตัดสินใจจบปัญหาทั้งหมดด้วยการจบชีวิตตัวเอง ท่ามกลางความเศร้าโศกของครอบครัว เรื่องราวนี้กลายเป็นประเด็นโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังจากที่ผู้เป็นพ่อได้เชิญคนที่มีพฤติกรรมกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์มาร่วมงานศพของลูกสาว เพื่อให้พวกเขามาดูสิ่งที่ได้ทำลงไป สำหรับ Dolly เธอเคยเล่นโฆษณาให้กับบริษัท Akubra ของออสเตรเลียเมื่อตอนเป็นเด็ก โดยคนรอบข้างมักจะบอกเสมอว่าเธอเป็นเด็กสาวที่ใจดี เป็นบุคคลที่ใส่ใจคนอื่นและมีจิตใจที่งดงาม ขณะนี้พ่อแม่ของเด็กสาวที่อาศัยอยู่ในเมือง Katherine ทางตอนเหนือของออสเตรเลีย ได้เปิดแคมเปญต่อต้านการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ โดยกล่าวว่าการฆ่าตัวตายของลูกสาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้โลกของพวกเขาพังทลายลงไปด้วย Tick Everett พ่อของ Dolly ให้ความสำคัญกับแคมเปญนี้มากๆ เพราะเขาไม่อยากให้ชีวิตที่ล้ำค่าอื่นๆ ต้องมาพบกับจุดจบเหมือนลูกสาวของเขา คุณพ่อเขียนในเฟซบุ๊กว่า “ถ้าเราสามารถช่วยชีวิตคนอื่นๆ ไม่ให้พบกับความสูญเสียและความทรมานได้ การจากไปของ Dolly ก็จะไม่สูญเปล่า” “ถ้าคนที่คิดว่าการกลั่นแกล้งเป็นเรื่องตลกและทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นจากการข่มเหงคนอื่น ได้มาเห็นโพสต์นี้แล้ว ผมขอเชิญให้คุณมาร่วมงานศพของลูกสาวของผม เพื่อเป็นพยานถึงหายนะที่คุณได้ทำเอาไว้” …
-
อัปเดตภาพ Logan Paul จ้างบอดีการ์ดพิเศษ เฝ้าบ้านมูลค่า 200 ล้าน หลังเกิดดราม่าดัง
หลังจากที่ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนังเกี่ยวกับกรณีทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดหลังจากกลายเป็นกระแสดราม่าอย่างหนัก จากรายงานของ Daily Mail เผยว่า Logan Paul ได้จ้างบอดี้การ์ดในการดูแลความปลอดภัยของเขาที่บ้านหรูมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ภาพของรถรักษาความปลอดภัยที่จอดอยู่หน้าบ้านของยูทูบเบอร์หนุ่มวัย 22 ปี ถูกถ่ายภาพได้หลังจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของเขาที่ป่าอาโอกิกาฮาระเพียงแค่ไม่กี่วัน รถของบริษัทรักษาความปลอดภัยทั้ง 4 คนที่จอดอยู่ในบ้านหรูของยูทูบเบอร์หนุ่มถูกถ่ายได้พร้อมกับการออกมาปรากฏตัวครั้งเป็นครั้งแรกของเขาหลังจากที่เกิดกระแสดราม่า แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้แต่อย่างใด และทางด้านเซเลบหนุ่มก็ยังไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้ ภาพของรถจากบริษัทรักษาความปลอดภัยที่จอดอยู่หน้าแมนชั่นหรูของ Logan Paul จากรายงานระบุว่าภาพของหนุ่ม Logan ในระหว่างออกกำลังกายในตอนเช้านั้นดูมีอาการวิตกกังวลหลังจากที่มีกระแสดราม่าของเขา พฤติกรรมการหัวเราะและพูดเรื่องตลกเกี่ยวกับศพในป่าอาโอกิกาฮาระนั้นได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากเล่าคนดัง และสื่อหลายสำนัก ยูทูบเบอร์หนุ่มได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวแล้วถึง 2 ครั้ง และเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเขาก็ได้บอกว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเพียงแค่อยากจะสร้างกระแสด้านบวกไม่ได้เป็นการดูถูกแต่อย่างใด หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หนุ่มวัย 22 ปีไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคมที่ผ่านมามีคนพบเห็นเขาออกกำลังกายบนถนนใกล้กับบ้านหรูที่ลอสแองเจลิส สีหน้าของยูทูบเบอร์หนุ่มที่ดูวิตกกังวลหลังจากถูกโจมตีอย่างหนัก . ขณะนี้ช่องยูทูบของ Logan Paul กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยจากเดิมยอดผู้ติดตามใหม่ของเขาจะมีเพิ่มมากถึง 40,000 รายต่อวันลดลงเหลือเพียงแค่ 16,000 รายต่อวันเท่านั้น…
-
รู้จักกับ ‘Chen Si’ หนุ่มชาวจีนผู้ช่วยชีวิตคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตายมาแล้วหลายร้อยชีวิต
เรื่องราวอันแสนน่าประทับใจนี้เป็นของชายชาวจีนท่านหนึ่งนามว่าคุณ Chen Si เขาได้ช่วยเหลือคนที่คิดสั้นและกำลังจะฆ่าตัวตายมากกว่า 330 คน ชื่อของชายคนดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังจากที่เกิดกระแสดราม่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของยูทูบเบอร์ชื่อดังอย่าง Logan Paul (อ่านข่าวเก่า Logan Paul ออกมาขอโทษชาวเน็ตญี่ปุ่น หลังหัวเราะ ‘ศพ’ ที่ตัวเองบังเอิญไปเจอในป่า) ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ชายชาวจีนผู้นี้ได้ใช้เวลาว่างในวันหยุดของเขาออกเดินสำรวจในบริเวณสะพาน Nanjing Yangtze หนึ่งในจุดฆ่าตัวตายยอดนิยมแห่งหนึ่งของโลก เพื่อช่วยเหลือเหล่าคนที่กำลังจะคิดสั้น ในปี 2006 คุณ Chen ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวว่าเขาได้เดินมองหาผู้คนที่กำลังหมดหวัง หรือคนที่กำลังได้รับความกดดันจากชีวิตอย่างมาก ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกับพวกเขา คุณ Chen ใช้เวลาในการพูดคุยกับพวกเขาพร้อมกับโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือในบางครั้งถ้าหากจำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพวกเขา ชายผู้นี้ก็เคยทำมาแล้ว!! “บ่อยครั้งที่ต้องมีการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ผมเคยช่วยคนที่กำลังจะกระโดดสะพานและดึงพวกเขากลับมา บางครั้งผมก็ช่วยไว้ได้ทัน แต่บางครั้งผมก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาไว้ได้” คุณ Chen ให้สัมภาษณ์ คุณ Shi Xiqing หนึ่งในผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ หลังจากที่เขากำลังจะฆ่าตัวตายเนื่องจากปัญหาหนี้สินและค่ารักษาพยาบาลของลูกสาว ชายหนุ่มเล่าว่าในทุกๆ สัปดาห์คุณ Chen จะโทรมาพูดคุยกับเขาและช่วยพูดคุยกับเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกของปัญหาและช่วยให้เขาผ่านมันมาได้ เรื่องราวอันน่ายกย่องของหนุ่มชาวจีนผู้นี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Angel of Nanjing ในปี 2015 และสามารถกวาดรางวัลจากเทศกาลหนังได้อย่างล้นหลาม ชมเรื่องราวของเขาผ่านตัวอย่างหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่เลย… ที่มา ladbible
-
‘The Sarco’ โลงแคปซูลที่จะช่วยให้คนอยากฆ่าตัวตาย จากโลกไปอย่างสงบเพียงแค่กดปุ่ม…
“การฆ่าตัวตาย” เป็นการกระทำที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่สำหรับคนที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองแบบนั้น พวกเขาคงมีเห็นผลบางอย่างอยู่ เมื่อการฆ่าตัวตายไม่อาจห้ามได้ จึงได้มีการออกแบบอุปกรณ์ที่ชื่อว่า The Sarco เครื่องที่จะช่วยให้คนฆ่าตัวตายจากไปอย่างรวดเร็วและไม่เจ็บปวดใดๆ ไม่กี่วันหลังจากที่ผู้บัญญัติกฎหมายในวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ได้ลงมติให้การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย คุณหมอ Philip Nitschke ก็ได้ประกาศเปิดตัว The Sarco ซึ่งเป็นเครื่องที่ช่วยให้ผู้คนยุติชีวิตตัวเองด้วยการกดปุ่ม The Sarco พัฒนาขึ้นโดยองค์กรของคุณหมอ Philip ที่ชื่อ Exit International ซึ่งเป็นแคปซูลที่มีขนาดจุคนได้ 1 คนพอดี เมื่อผู้ใช้พร้อมจะตาย พวกเขาต้องกดปุ่มที่อยู่ภายในแคปซูล จากนั้นไนโตรเจนเหลวจะถูกพ่นออกมา ซึ่งมันจะทำให้ออกซิเจนภายในลดลงไปประมาณ 5% ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นผู้ใช้จะค่อยๆ หมดสติไปจนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด จากนั้นญาติผู้ตายจะใช้แคปซูลนี้เป็นโลงศพ หรือจะเอาไปใช้ซ้ำต่อก็ได้ สำหรับ Nitschke นั้น เขาให้การสนับสนุนให้การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องถูกกฎหมายมานานแล้ว โดยให้เหตุผลว่าทุกคนที่มีอายุเกิน 70 ปี ควรจะมีสิิทธิในการฆ่าตัวตายโดยได้รับการช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามเขายืนยันว่าไม่เพียงแค่คนที่อายุเกิน 70 ปี เท่านั้น แต่ทุกคนที่มีเหตุผลในการฆ่าตัวตายควรจะมีสิทธิในการเลือกที่จะตาย ก่อนที่ผู้คนจะได้รับอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ Nitschke บอกว่าคนคนนั้นต้องผ่านการกรอกแบบสอบถามออนไลน์เกี่ยวกับสุขภาพจิตก่อน…
-
หญิงผู้รอดชีวิตจากการปลิดชีพตัวเอง เผยความรู้สึกกับการต้องมีชีวิตอยู่อีกครั้ง…
ไม่ใช่ทุกครั้งที่การตัดสินใจของเราจะต้องถูกเสมอไป เพราะในบางครั้งเราอาจได้มารู้ทีหลังว่าที่เราทำลงไปนั้นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่อย่างน้อยมันก็อาจเป็นบทเรียนให้กับชีวิตเราในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เหมือนอย่างหญิงสาวคนนี้.. นี่คือเรื่องราวของ Christen McGinnes วัย 46 ปีจากรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตายด้วยการยิงปืนเข้าปากตัวเอง จนทำให้สูญเสียกรามขวา ลิ้น ฟันหลายซี่ ปากล่างและตาข้างขวาของเธอไป แต่อย่างน้อยเธอก็รอดมาได้จนพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เธอเล่าว่า ในปี 2009 เธอใช้ชีวิตทุกอย่างไปได้อย่างราบรื่น มีเพื่อนมากมาย รักงานที่ทำและเธอก็ยังสนิทกับคุณย่าของตัวเองเอามากๆ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานทุกอย่างก็กลับพินาศลงไปในพริบตา เธอตกงาน คุณย่าตายจากเธอไป พอเธอได้คบกับผู้ชายแสนดีคนหนึ่ง เขาคนนั้นกลับทิ้งเธอไปอีก เธอสูญเสียทุกอย่างแม้แต่เงินเก็บของเธอทั้งหมด ทำให้เริ่มกินเหล้าอย่างหนักและเกิดความคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนี้เธอขอตายซะยังจะดีกว่า ในปีต่อมา หญิงสาวจัดห้องตัวเองให้สะอาดสะอ้าน ก่อนที่จะออกไปตรงระเบียงเตรียมจะยิงตัวตาย วินาทีนั้นเธอไม่ได้กลัวความตายเลย แต่สิ่งที่เธอกลัวคือ กลัวว่ากระสุนจะพุ่งไปห้องข้างๆ จนทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ เธอเล่าว่า “ฉันรู้สึกสงบเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ตอนนั้นฉันไม่กลัวตายเลย จากนั้นฉันจึงเหนี่ยวไกเข้าที่ศีรษะของฉัน” ในตอนนั้นเธอไม่รู้เลยว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอก็อยู่ในห้องด้วย เมื่อเสียงปืนดังลั่น เพื่อนคนนั้นจึงรีบวิ่งมาดู ก่อนที่จะนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล หญิงสาวอยู่ในอาการโคม่านานกว่า 3 สัปดาห์ สิ่งที่เธอจำได้เป็นอย่างแรกในตอนที่ตื่นขึ้นมาคือ…
-
แค่การจ่ายค่ากาแฟให้กับคนที่ไม่รู้จักกัน แต่กลับสามารถช่วยต่อพลังชีวิตให้กับอีกคนได้
บางคนอาจคิดว่าการทำความดีเล็กๆ น้อยๆ คงไม่สามารถช่วยอะไรใครได้มากนัก แต่ความเป็นจริงแล้ว นั่นอาจเป็นแรงใจที่ทำให้คนๆ สามารถใช้ชีวิตต่อไป ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆ ที่เขาได้รับจากเรา เช่นเดียวกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2017 คนคนหนึ่งตั้งใจให้วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของชีวิต และก่อนที่จะฆ่าตัวตายเขาได้ขับรถไปใช้บริการร้านไดรฟ์ทรูชื่อว่า Tim Hortons ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เขาได้สั่งซื้อกาแฟและมัฟฟินของทางร้าน จากนั้นพอขับต่อไปยังช่องชำระเงิน พนักงานร้านกลับบอกเขาว่า “ชายนิสัยดีคนหนึ่งจ่ายค่ากาแฟให้คุณทั้งหมดแล้ว และเขาฝากมาบอกว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะ” ในตอนนั้นเขารู้ทันทีเลยว่าชายคนดังกล่าวก็คือคนที่ขับรถ SUV อยู่ด้านหน้าเขานี่เอง เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า “ทำไมชายคนนั้นถึงยอมซื้อกาแฟให้คนแปลกหน้า ทำไมต้องเป็นเรา? แล้วทำไมถึงต้องเป็นวันที่ฉันกำลังจะฆ่าตัวตายด้วย? ฉันรู้สึกนี้คือสัญญาณบางอย่างที่บอกกับฉันในวันนี้อย่างแน่นอน” จากนั้นความคิดก็เปลี่ยนไป เขาขับรถกลับบ้านพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เปลี่ยนแผนทุกอย่างในวันนั้นและเลือกจะทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น เมื่อถึงบ้านแทนที่จะฆ่าตัวตาย เขากลับเข้าไปช่วยเพื่อนบ้านยกของลงจากรถ และนั่นทำให้เขารับรู้ได้ถึงคุณค่าของชีวิตและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข ร้านไดรฟ์ทรู Tim Hortons เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกบอกเล่าผ่านจดหมายที่ทางสำนักข่าว Pickering News Advertiser ได้รับมา ก่อนที่พวกเขาจะนำมันออกเผยแพร่ให้กับสาธารณะ จนทำให้ชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตคนคนนั้นเอาไว้ปรากฏตัวขึ้นมา Glen Oliver…
-
การกลั่นแกล้งที่ไม่รู้จบ แม้ทำให้ลูกสาวฆ่าตัวตายไปแล้ว ก็ยังตามราวีพ่อแม่ของเค้าต่ออีกด้วย
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2017 เด็กสาววัย 13 ปี Rosalie Avila ได้ทำการฆ่าตัวตายในบ้านของเธอเอง ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักมาตลอด 2 ปี และถึงแม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เธอตัดสินใจจากโลกนี้ไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อพ่อแม่ของเธอกลายเป็นเป้าหมายต่อไป… หลังจากที่ Freddie Avila พบลูกสาวแขวนคอจบชีวิตตัวเองอยู่ในห้องนอน เขาและ Charlene แม่ของเด็กสาวก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็ยังถูกกลั่นแกล้งในโลกโซเชียลมีเดียเหมือนกับที่ลูกสาวเธอเคยโดนอีกด้วย Rosalie เด็กสาวที่ฆ่าตัวตายเพราะถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก พ่อแม่ของเด็กสาวคือเหยื่อรายต่อไปสำหรับการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้น มีคนส่งข้อความมาหาพวกเธอ เป็นรูปตัดต่อใบหน้า Rosalie ขณะพูดกับแม่ของเธอว่า “คราวหลังแม่ไม่ต้องพาหนูไปนอนบนเตียงนะ พาหนูลงหลุมศพไปเลยดีกว่า” แล้วเป็นภาพเด็กสาวชี้ไปที่หลุมศพของตัวเอง รูปตัดต่อที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อแกล้งตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ นี่คือความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของพวกเขามาตลอด 2 ปี ในวันที่เธอฆ่าตัวตายก็ได้ทิ้งจดหมายเอาไว้ให้กับพ่อและแม่ เขียนขอโทษที่เธอต้องทำอย่างนี้ลงไปเพราะว่าตัวเองเป็นคนที่ “น่าเกลียด” และ “ขี้แพ้” Freddie เล่าว่า ก่อนที่ลูกสาวของเขาจะจากไป เธอเคยมาปรึกษาและพูดคุยกับเขาอยู่หลายครั้ง และเขาจะพยายามพูดให้เธอคิดแต่สิ่งดีๆ…
-
หญิงสาวพยายามจะโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่เสื้อกันหนาวพองๆ ช่วยทำให้ลอยน้ำ และรอดมาได้…
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ขึ้นในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน หลังจากที่หญิงสาวรายหนึ่งกระโดดลงมาจากสะพานเพื่อหวังที่จะจบชีวิตของตัวเอง แต่ทว่าความตั้งใจของเธอนั้นกลับไม่เป็นไปอย่างที่เธอตั้งใจ คลิปวิดีโอจากประเทศจีนได้เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวคนดังกล่าวที่กระโดลงไปในแม่น้ำ หลังจากที่เธอมีปัญหากับทางบ้านจากการรายงานของสื่อประเทศจีน เธอพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดน้ำ แต่เดชะบุญเสื้อขนเป็ดที่เธอใส่นั้นกลับทำให้เธอลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ และทำให้เธอรอดตายได้ในที่สุด หญิงสาวนิรนามลอยเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางแม่น้ำก่อนที่ทีมช่วยเหลือจะมาถึง ทีมช่วยเหลือทำการเกลี้ยกล่อมอยู่นานก่อนที่หญิงสาวจะยอมขึ้นมาจากน้ำแต่โดยดี เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บและร่างกายที่เปียกน้ำ ทำให้ทีมช่วยเหลือเป็นห่วงในความปลอดภัยของเธอ พวกเขาจึงรีบพาหญิงสาวคนดังกล่าวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ นั้นทันที วินาทีที่ทีมช่วยเหลือกำลังนำตัวของเธอขึ้นมาจากน้ำ ไปชมวินาทีช่วยชีวิตหญิงสาวท่านนี้จากคลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ปัญหาการฆ่าตัวตายกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศจีนขณะนี้ และสาเหตุหลักๆ ที่เจ้าหน้าที่พบก็คือความขัดแย้งภายในครอบครัวนั่นเอง เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เช่นกัน เมื่อคุณแม่วัย 47 ปีจากมณฑลเหอหนาน ได้พยายามกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย หลังจากที่เธอมีปัญหากับลูกสะใภ้ ที่มา shanghaiist
-
เด็กสาวไม่พอใจในรูปร่างตัวเอง เขียนวันสั่งลาไว้ในไอจี ก่อนจะปลิดชีพตัวเองหลังจากนั้น…
การฆ่าตัวตายมีโอกาสเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใดหรืออายุเท่าไหร่ แม้แต่กับเด็กน้อยวัย 11 ปีคนนี้ที่ได้แสดงความต้องการในแง่ลบของเธอออกมาอย่างชัดเจน จนสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเธอต้องการที่จะฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่สามารถช่วยเธอเอาไว้และได้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า นี่คือเรื่องราวของเด็กสาวที่ชื่อว่า Milly Tuomey อาศัยอยู่ในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2017 พ่อแม่ของเธอได้เจอกับ “ไดอารี่ฆ่าตัวตาย” ของเด็กสาวที่บันทึกไว้ในอินสตาแกรมว่าตนเองต้องการที่จะตายวันไหน เด็กสาว Milly ที่ฆ่าตัวตายไปตั้งแต่อายุ 11 ปี เธอได้เข้ารับการบำบัดด้วยศิลปะ หลังจากที่เธอได้รับการตรวจสอบอาการทางจิตและพบว่าเธอมีบางอย่างที่ไม่ตรงตามคุณสมบัติทั่วไป ในครั้งแรกที่เธอได้เข้ารับการบำบัดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2015 นักบำบัดก็ได้แนะนำครอบครัวให้พาเธอไปเข้ารับการตรวจจาก บริการด้านสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นของ HSE เพื่อสำรวจในเรื่องของอารมณ์ที่เกิดขึ้นผ่านการพูดและความหมายของภาพที่เธอรับรู้ นักจิตวิทยาในสถานที่ดังกล่าวกลับไม่ได้สนใจในความผิดปกติของเธอมากเท่าที่ควร พวกเขาได้นัดให้เธอเข้ามารับการตรวจสอบและรักษาในวันที่ 30 มกราคม 2016 ซึ่งนั่นก็สายเกินกว่าที่จะช่วยเด็กคนนี้เอาไว้ได้ Fiona แม่ของเด็กสาวรู้สึกกังวลใจอย่างมาก เธอเล่าว่า “ลูกสาวฉันโพสต์ลงไปว่า ‘คนสวยจะไม่กินอาหาร’ แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ แล้วเธอก็ยังเขียนบอกอีกว่าต้องการตายวันไหน ซึ่งนั่นทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าควรต้องทำอย่างไรต่อไปดี” จนกระทั่งวันที่ 1…
-
อดีตนายพล ดื่มยาพิษฆ่าตัวตายกลางศาล หลังถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ในข้อหาอาชญากรสงคราม
เป็นธรรมดาที่ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกตัดสินโทษในหลายๆ คดี มักจะหนีโทษด้วยการหลบหนีหรือการฆ่าตัวตาย เพื่อไม่ให้ตนต้องทุกข์ทรมานรับการลงโทษ แต่จะมีสักกี่คนเชียวที่กล้าฆ่าตัวตายอย่างโจ่งแจ้งท่ามกลางสื่อแบบ Slobodan Praljak อดีตนายพลในกองทัพโครเอเชียในช่วงปี 1991 – 1995 คนนี้ เขาถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นอาชญากรสงคราม เนื่องในช่วงศตวรรษที่ 19 เขาเคยเป็นผู้นำในการฆ่าล้างกลุ่มชาวมุสลิมในประเทศยูโกสลาเวีย เพราะเขาต้องการสร้างรัฐที่มีแต่สายเลือดบริสุทธิ์ของชาวบอสเนียและโครแอตเท่านั้น ภาพอดีตนายพล Praljak กำลังไปรับคำตัดสินที่ศาลเมืองเฮก คดีนี้ยืดเยื้อมานานหลายสิบปี จนล่าสุดเขาถูกคณะตุลาการอาญาระหว่างประเทศตัดสินโทษจำคุก 20 ปี ในเมืองเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างชัดเจน เขาพยายามที่จะยืนกรานความบริสุทธิ์ของตนโดยพูดว่า “ศาลที่เคารพ ผมนาย Slobodan Praljak ไม่ได้เป็นอาชญากร” นอกจากนี้เขายังแสดงการต่อต้านคำตัดสินของศาลโดยบอกว่า “ผมขอปฏิเสธคำตัดสินนี้” หลังจากนั้นเขาก็ยกบางอย่างขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วพูดหน้าตาเฉยว่าผมพึ่งดื่มยาพิษเข้าไป สร้างความตื่นตระหนกและมึนงงให้กับคนทั้งศาลเลยทีเดียว หลังจากนั้นศาลจึงแจ้งให้ยุติการตัดสินคดีนี้ไปก่อนและรีบเรียกรถพยาบาลให้กับนาย Praljak เพื่อช่วยชีวิตเขา แต่คงจะไม่ทันการณ์เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิตลง ภาพของรถพยาบาลที่มาเพื่อรับตัวอดีตนายพลไปรักษา คลิปขณะที่เขาดื่มยาพิษต่อหน้าศาล ที่มา : Quartz, Dailymail, RT
-
หญิงสาวตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะโดนแฟนเก่าปล่อยภาพลับ จนถูกล้อเลียนจากเพื่อนๆ
ปัญหาเรื่อง Bully หรือการกลั่นแกล้งกันในสังคมวัยเรียนเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการล้อเลียนถากถางของเด็กในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้นำชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปสู่ความตายอย่างน่าอนาถใจ เหตุการณ์ที่แสนน่าเศร้านี้เกิดขึ้นกับ Karina Saifer Oliveira เด็กสาววัย 15 ปีในประเทศบราซิล โดยเธอต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับการล้อเลียนจากเพื่อนๆ ของเธอหลังจากที่แฟนเก่าของเธอได้นำภาพลับระหว่างพวกเขาออกมาเผยแพร่ Karina สาววัย 15 ปีผู้ตกเป็นเหยื่อการถูกกลั่นแกล้ง Karina เป็นเด็กแบบฉบับวัยรุ่นทั่วๆ ไป พ่อแม่ของเธอเล่าว่า ธอนั้นเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความใฝ่ฝันที่จะเรียนกฎหมาย และพวกเขาก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าลูกของพวกเขาจะคิดสั้นแบบนี้ “ฉันว่ามันเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนบนโลกนี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง” Angela Saifer แม่ของหนูน้อยผู้เสียชีวิตวัย 46 ปีกล่าว เธอได้ตัดสินใจจบชีวิตที่ระเบียงหลังบ้าน การติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่างแม่และลูกคู่นี้เกิดขึ้นในแอพพลิเคชั่น WhatApp ในบ่ายวันที่ 7 พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ Karina ได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลง ในบ่ายวันนั้นเธอยังกินข้าวเที่ยงอยู่กับพ่อบุญธรรมของเธออยู่เลย โดย Saifer ได้บอกว่าเธอรู้สึกกังวลใจอยู่เหมือนกันที่ลูกสาวของเธอไม่ได้ตอบข้อความ ซึ่งปกติแล้วมันจะไม่ใช่อย่างนี้ เมื่อแม่คนดังกล่าวกลับมาจากการทำงานที่โรงงานน้ำตาล ก็พบว่าลูกสาวของเธอเสียชีวิตลงแล้วที่ระเบียงหลังบ้านของเธอเอง Karina และพ่อของเธอ …
-
สุดสลด… หญิงสาวเสียชีวิตคาที่ หลังเด็กวัย 12 ขวบกระโดดสะพานลอยตกใส่รถเธอ
เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในรัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา หลังจากที่เด็กชายวัย 12 ปีผู้หนึ่งได้กระโดดลงมาจากสะพานลอยสูง 10 เมตร ลงมาใส่หลังคารถ Ford Escape ของหญิงสาววัย 22 ปีที่ผ่านมาบนเส้นทางดังกล่าวพอดี ในระหว่างที่ Marisa Harris หญิงสาวจากรัฐแมริแลนด์กำลังขับรถอยู่บนทางด่วนหมายเลข 66 นั้น จู่ๆ เด็กชายไม่ทราบชื่อวัย 12 ปีก็ได้กระโดดลงมาบนหลังคารถของเธอ เป็นเหตุให้เธอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ส่วนเด็กชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 4 โมงเย็นใกล้ๆ กับทางออกถนนหมายเลข 62 ในเมือง Fairfax County รัฐเวอร์จิเนียร์ เด็กชายวัย 12 ปีถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Fairfax Hospital หลังจากเกิดเหตุ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดในการร่วงลงมาของเด็กชายผู้นี้ นอกจากนี้ภายในรถคันดังกล่าวยังมีเพื่อนของหญิงสาวที่นั่งมากับเธอด้วย แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บและยังเป็นคนที่ช่วยหยุดรถหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐได้เผยว่าระหว่างช่วงปี 1999 ถึงปี 2015 มีเด็กอายุ 12 ปีกว่า 711 รายที่ฆ่าตัวตาย ในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายถึง 507 คน…
-
คุณแม่เผยภาพอันน่าเศร้าของลูกชายผู้มีบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง จนถึงกับพยายามฆ่าตัวตาย
ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่งจะมีลักษณะการแสดงออกทางอารมณ์ที่แตกต่างไปจากคนปกติ โมโหร้าย ฉุนเฉียวง่ายและแสดงออกมาเป็นการใช้ความรุนแรง หรือหนักกว่านั้นพวกเขาอาจถึงกับตัดสินใจฆ่าตัวตายเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อคุณแม่ที่ชื่อว่า Helen Barnes ได้แชร์เรื่องราวของลูกชายเธอ Jack ผู้ที่มีอาการผิดปกติดังกล่าว และได้พยายามฆ่าตัวตายในวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ความผิดปกติของเขาเริ่มต้นขึ้นในเมือง Pembrokeshire ประเทศเวลส์ ตอนที่เขาอายุได้ 13 ปี ในตอนนั้นเด็กหนุ่มต้องเข้ารับการบำบัดเพื่อให้สามารถจัดการกับความโกรธของตัวเอง Helen และลูกชายของเธอ Jack เวลาผ่านไปจนกระทั่งอายุได้ 15 ปีเขาก็เริ่มมีการแสดงออกที่ค่อนข้างรุนแรง หากรู้สึกหงุดหงิดเขาก็จะทำลายข้าวของ กรีดแขนตัวเอง ต่อยกระจกหรือกำแพง ทั้งหมดนั้นทำให้แม่ของเขารู้สึกเป็นห่วงและกังวลอย่างมาก และถึงแม้เขาจะมีเพื่อนบ้างเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องเล่นเกม ไม่ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนเด็กๆ ในวัยเดียวกัน ในตอนนั้นความผิดปกติของเขารุนแรงถึงขั้นตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ช่วยเขาไว้ได้ทันก่อนที่คุณหมอจะวินิจฉัยว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่นี้เป็นผลมาจากความผิดปกติของบุคลิกภาพ Helen เล่าว่า “ครั้งแรกที่โรงเรียนโทรมาบอกว่าเขาต่อยกำแพง ฉันรู้สึกว่านั่นไม่ใช่เขาเพราะเขาเป็นเด็กดีมาตลอด เอาใจใส่ดูแลคนใกล้ตัวโดยเฉพาะน้องสาวฝาแฝด Lucy และ Jordan Arthur น้องชายอีกคน” หลังจากนั้นมาเด็กหนุ่มได้เข้ารับการบำบัดเกี่ยวกับพฤติกรรมและการพูดคุย รวมถึงการบำบัดกันเป็นกลุ่มทุกๆ เดือน พออายุ 18…
-
คุณพ่อไลฟ์สดฆ่าตัวตาย เหตุน้อยใจ หลังลูกสาวแต่งงานโดยที่ไม่ได้ถามความเห็น
เรื่องน่าเศร้าสลดใจนี้เกิดขึ้นเมื่อนาย Ayhan Uzun อายุ 54 ปีได้ทำการไลฟ์สดผ่านทาง Facebook ส่วนตัว เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจในชีวิต จนนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น นาย Ayhan ได้ถ่ายทอดสดด้วยสีหน้าที่ดูเศร้า พูดถึงเรื่องความในใจที่เขามีทั้งน้ำตา… ใจความในการถ่ายทอดสดนั้นเขาได้พูดถึงความน้อยใจที่ลูกสาวของเขาที่หมั้นกับชายคนอื่น โดยที่ไม่เคยมาปรึกษาคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย รวมถึงการที่เขาถูกครอบครัวทิ้งให้อยู่ตามลำพังมาเป็นเวลานาน “การที่ผมมาถ่ายทอดสดในคืนนี้ ผมถ่ายด้วยความตั้งใจของผมเอง ผมไม่อยากให้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้มาร่วมงานศพของผม” “ในวันแห่งความสุขของลูกสาว พวกเขาโทรมาเพื่อให้ผมไปแสดงความยินดี โดยไม่มีใครถามผมเลยว่าผมคิดยังไง พ่อฝ่ายเจ้าบ่าวรับหน้าที่เองทั้งหมด เขาไม่มีสิทธิทำแบบนั้นด้วยซ้ำ ไม่มีคิดถึงผมเลย แม้ผมจะรอคำชวนของพวกเขาก็ตาม” “ภรรยาของผมเพิ่งโทรหาผม ผมก็ถามกลับไปว่า ทำไมเธอถึงไม่มาชวนผมต่อหน้า ซึ่งเธอก็ตอบกลับมาว่า พวกเธอไม่ว่างมาหาผม” “บางทีบางคนอาจบอกว่านี่เป็นแค่ละคร ผมบอกเลยว่าผมไม่อยากให้ใครมาเจออย่างที่ผมเจอ อีกไม่กี่วินาที ผมจะจบชีวิตตนเองด้วยปืนในมือของผม ลาก่อน ขอให้พวกคุณดูแลตัวเองด้วย” หลังจากนั้นคุณพ่อก็จบชีวิตของตัวเองด้วยการยิงปืนเข้าสู่ขมับของตัวเอง และการถ่ายทอดสดนั้นก็จบไปท่ามความตกอกตกใจของผู้ที่กำลังรับชมอยู่ ทางครอบครัวพอได้ทราบข่าวก็เรีบเดินทางไปยังที่บ้านทันทีแต่ก็พบว่าคุณพ่อได้เสียชีวิตลงแล้วทางตำรวจก็ได้ทำการสอบสวน และนำร่างของนาย Uzun ไปชันสูตรอีกที ที่มา metro
-
เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเครียดเรื่องสอบ จิตใจของคนเป็นแม่แทบสลาย
ในการสอบแต่ละครั้ง ผู้ที่เข้าสอบทั้งหลายก็ต้องพยายามอ่านหนังสือเพื่อให้เข้าใจในวิชานั้นๆ อย่างถ่องแท้ซึ่งบางครั้งอาจก่อให้เกิดเป็นความเครียดและความกังวลขึ้นมาจนอาจทำให้ใครบางคนคิดสั้นและตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะว่าจำเนื้อหาที่จะสอบไม่ได้ เหตุน่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ โดยผู้ที่ออกมาเล่าเหตุการณ์นี้คือ Emma Oliver อายุ 43 ปี แม่ของ Daniel Long นักเรียนคนหนึ่งที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเครียดกับการเตรียมสอบ GCSE ซึ่งเป็นข้อสอบที่จะนำไปใช้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ที่มีกำหนดสอบในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คุณแม่ใจสลายคนนี้เล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2017 ที่ผ่านมา โดยเธอได้ลำดับเหตุการณ์ให้ฟังว่า “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ฉันได้ขึ้นไปห้องของ Daniel ก็เห็นเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ ฉันจึงลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมอาหาร” “แต่อีก 20 นาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากข้างบน ฉันจึงรีบวิ่งขึ้นไปและพบว่าลูกชายของฉันกำลังใกล้ตายแล้ว ตอนนั้นฉันได้แต่กรี๊ดและวิ่งไปหาเพื่อนบ้านให้โทรหาโรงพยาบาล จากนั้นฉันก็ได้ CPR เบื้องต้นให้แก่ลูกชาย” โดยเธอไม่ได้บอกแหล่งข่าวว่าลูกชายของเธอตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยวิธีใด หลังจากนั้นเธอก็พบว่า Daniel ยังหายใจอยู่จึงส่งไปที่โรงพยาบาลในเมือง Leeds และเขาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา “ฉันนั่งอยู่ข้างเตียงของเขาและหวังว่าเขาจะปลอดภัย” Emma กล่าว แต่ว่ามันกลับไม่เป็นไปอย่างที่เธอหวัง ทีมแพทย์ได้ออกมาบอกว่า Daniel ได้มีภาวะสมองตายวินาทีที่เธอได้ฟังนั้นเธอบอกว่าใจแทบสลายเลยทีเดียว และเขาได้เสียชีวิตในวันที่ 28 กุมภาพันธ์…
-
สาวนักรักบี้ดาวรุ่งวัย 16 ปีตัดสินใจดับชีวิตตัวเอง เพราะตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้งในโรงเรียน
การกลั่นแกล้งในโรงเรียนเป็นสิ่งที่ยังคงมีอยู่ในทุกสังคมและดูเหมือนว่ามันจะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นที่บางครั้งพวกเขาอาจทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายจนคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับกรณีของเธอคนนี้ เมื่อเด็กสาวนักกีฬารักบี้และกีฬาเนตบอลวัย 16 ปีที่ชื่อว่า Brooke Firth กำลังศึกษาอยู่กฎหมายในวิทยาลัย Sixth Form เมือง Wakefield ประเทศอังกฤษ ตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันที่ 12 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา ภายหลังการจากไปอย่างน่าเศร้าของเธอเพื่อนๆ ใน Sandal Girls RUFC ทีมรักบี้ที่เธอเล่นอยู่รวมถึงเพื่อนในทีมอื่นได้โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจลงโซเชียลมีเดีย และพูดว่าเหตุผลที่เธอทำอย่างนั้นเพราะถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก Ellie Smith “เป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างมากที่มีการกลั่นแกล้งคนคนหนึ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง ขอให้ไปสู่สุขตินะเพื่อน” Tori-lea Harrison “ลาก่อนเพื่อนผู้เป็นที่รักและนักกีฬาเนตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุด หยุดการกลั่นแกล้งกันซักที!!” Paige Priestley “เลิกกลั่นแกล้งกันได้แล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยที่ต้องทำให้หลายคนต้องพบกับจุดจบแบบนี้” โค้ชในทีมที่ชื่อว่า John Ledger ก็ได้พูดถึงเธอเอาไว้ว่า “Brooke เป็นเด็กดี สดใสร่าเริงและมีความสามารถเป็นที่รักของทุกคนที่รู้จัก เธอคือหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแรกของทีมตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนที่มีกันอยู่แค่ 9 คน จนตอนนี้มีเกือบ 80 คนแล้ว และเธอเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับทีมมากกว่าใครๆ”…
-
งานหนักฆ่าคนได้… นักข่าวสาวเสียชีวิตจากการ ‘ทำงานล่วงเวลา’ จำนวน 159 ชั่วโมงต่อเดือน
กลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารย์เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานของประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากผู้ประกาศข่าววัย 31 ปีของสำนักข่าว NHK ต้องเสียชีวิตจากการทำงานอย่างหนัก คุณ Miwa Sado ผู้ประกาศข่าวที่ประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่ของสื่อดังกล่าวในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ทำงานล่วงเวลาอย่างหนักถึง 159 ชั่วโมงในหนึ่งเดือน และมีวันหยุดเพียงแค่เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเนื่องจากสภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อปี 2013 โดยการเสียชีวิตของนักข่าวสาวท่านนี้เรียกว่า karoshi หรือการตายจากการทำงานหนัก ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากอดีตนายจ้างของเธอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การเสียชีวิตของผู้ประกาศข่าวสาวทำให้เกิดแรงกดดันเกี่ยวกับสวัสดิการของเหล่าพนักงงาน และเรียกร้องให้ภาครัฐมีการจัดการแก้ปัญหาและทำให้หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัว การเสียชีวิตจากการทำงานหนักนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของพนักงานชาวญี่ปุ่น แต่ก่อนหน้านี้ Matsuri Takahashi พนักงานสาววัย 24 ปีก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย เนื่องจากความเครียดจากการทำงานหนัก ตามการรายงานของสำนักงานมาตรฐานแรงงาน Takahashi ทำงานล่วงเวลามากกว่า 100 ชั่วโมงในหนึ่งเดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในวันที่ 25 ธันวาคม 2015 หญิงสาวได้โพสต์ข้อความว่า “ฉันอยากตาย ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของฉันพังไปหมดแล้ว” การเสียชีวิตจากการทำงานหนักนั้นถือเป็นปัญหาระดับชาติที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ การทำงานหนักนั้นเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการทำงานของพนักงานญี่ปุ่น ที่อยากแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและทุ่มเทให้กับบริษัท แต่อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทางการญี่ปุ่นได้ออกกฎห้ามพนักงงานทำงานล่วงเวลาเกิน 100 ชั่วโมงต่อเดือน และมีบทลงโทษสำหรับบริษัทที่อนุญาตให้พนักงงานละเมิดกฎข้อห้ามดังกล่าว …
-
ใบหน้าของผู้ป่วยเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ ความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นและไม่อาจสังเกตได้
โรคซึมเศร้า คือสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทำให้รู้สึกเศร้าหรือหดหู่ใจอย่างรุนแรงมากกว่าปกติทั่วไป แต่คนรอบข้างกลับดูไม่ออกว่าพวกเขาเป็นอย่างนั้นในบางครั้ง เพราะอาการของโรคไม่จำเป็นที่จะต้องมีการแสดงออกทางสีหน้าจนทำให้เราคิดว่าพวกเขาก็ดูมีความสุขดี แต่แท้จริงอาจคิดถึงเรื่องในแง่ลบอย่างเช่นการฆ่าตัวตายอยู่ก็ได้ การสนับสนุนและช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาเยียวยาให้ทุกอย่างสามารถผ่านไปได้ด้วยดี เพราะไม่อย่างนั้นบางทีทุกอย่างมันอาจสายเกินไป เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ เราลองไปดูกันว่าใบหน้าของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะออกมาเป็นอย่างไร? ในตอนที่ไปหาหมอเธอกลับต้องเจอคำพูดว่า “คุณดูไม่เหมือนเป็นโรคซึมเศร้าเลยนะ” ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเธอไม่สามารถรับการรักษาหรือสั่งยามากินได้ ตอนนั้นเธอคิดว่า “คนที่เป็นโรคนี้จำเป็นที่จะต้องมีใบหน้าอมทุกข์ด้วยอย่างนั้นหรอ?” ไม่กี่วันก่อนที่นักร้องหนุ่มชื่อดัง Chester Bennington ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะจากโลกนี้ไป ภาพของเด็กชายก่อนที่เขาจะเดินไปหาวิธีการแขวนคอตายในคอมพิวเตอร์ และทำมันใน 2 วันหลังจากนั้น รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่เขากำลังเผชิญกับโรคนี้ที่ทำลายความสุขของเขาไปจนหมด หลังจากนั้นไม่นานจึงจบชีวิตตัวเองลงไปอย่างน่าเศร้า สาวน้อยวัย 8 ขวบที่แม่ของเธอบอกว่าดูไม่ออกเลยว่าเด็กคนนี้จะทำการฆ่าตัวตาย ในคืนเดียวกันกับที่เธอยังคงเล่นสนุกอยู่กับครอบครัว ถึงอย่างนั้นเธอก็ถูกพาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา ใบหน้าของคุณพ่อและสามีที่ดีคนหนึ่ง ไม่มีใครรับรู้ได้เลยว่าสองอาทิตย์ต่อมาเขาจะแขวนคอตัวเอง ชายเสื้อแดงวัย 60 ปีคือคุณพ่อที่คอยเตือนลูกทุกคนไม่ให้ฆ่าตัวตายอยู่เสมอ กระทั่งเขาทำสิ่งนั้นด้วยตัวเองโดยที่ลูกๆ ไม่มีสามารถรู้ล่วงหน้าก่อนได้เลย รอยยิ้มของเด็กหนุ่มที่ถ่ายรูปกับคุณแม่ในคืนก่อนที่เขาจะตัดสินใจจากโลกนี้ไปด้วยความวิตกกังวลและความเสียใจของคนในครอบครัว หน้าตาของคนที่จมอยู่กับโรคนี้มานานถึง 4 ปี ดูไม่ออกเลยว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นเธอต้องทุกข์ขนาดไหน คนมากมายแทบไม่เชื่อเลยว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า…
-
เด็ก 12 ขวบโดนเพื่อนจับมัดแล้วขว้างเนื้อใส่ เพียงเพราะเป็น “มังสวิรัติ” จนนำไปสู่ความตาย..
เรื่องราวสุดสลด ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการกลั่นแกล้งในสังคมนักเรียนจากโลกตะวันตก เมื่อเพื่อนของเด็กชายคนหนึ่งรู้ว่าเขามังสวิรัติ จึงจัดการกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ จนเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น… Louie Tom Fenton เด็กชายวัย 12 จากเมืองฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษ ได้ถูกเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้งอย่างหนักเพราะเขาเป็น ‘มังสวิรัติ’ ซึ่งนั่นทำให้เขาทั้งถูกล้อเลียนต่างๆ นาๆ จนล่าสุดเด็กชาย Louie ได้ตัดสินใจแขวนคอตายในห้องน้ำที่บ้านอย่างน่าเศร้าสลด ซึ่งผู้เป็นแม่ที่มาพบกับร่างไร้วิญญานของลูกก็ได้พบจดหมายของบุตรชาย ภายในนั้นได้บอกเล่าถึงความอึดอัดใจของลูกชาย ที่เขาได้ถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ ตั้งแต่ย้ายมาเรียน ซึ่งเธอได้เล่าให้ศาลฟังว่า ลูกชายของเธอโดนกลั่นแกล้งมาตลอด และมันหนักข้อขึ้นทุกวันโดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ถูกเพื่อนๆ ปาเนื้อใส่เขาที่โรงอาหารโรงเรียนด้วยเหตุที่เขาเป็นมังสวิรัติ และเมื่อการแกล้งมันหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เด็กชายก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปลีกตัวไปกินข้าวคนเดียวให้ห่างไกลจากเพื่อนฝูง ต่อมาเด็กชายก็หันไปสูบบุหรี่เพื่อช่วยหาทางออกในความเครียดเรื่องดังกล่าว จนสุดท้ายเด็กชายก็ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอตายในท้ายที่สุด ด้าน Graeme Fenton พ่อของ Louie ได้บอกว่าลูกชายของเขานั้นไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตาย เพราะเขาเป็นสมาชิกชมรมลูกเสือสมุทร และเขาก็ได้เรียนการผูกเงื่อนทุกชนิด ฉะนั้นมันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบที่เผลอทำลงไป นอกจากนั้นไม่นานมานี้ลูกชายยังเล่าถึงเรื่องการไปทัศนศึกษาอย่างสนุกสนานอยู่เลยแท้ๆ ยังไม่หมดเท่านั้น ด้านโรงเรียนหรือคนรู้จักของเด็กชาย ก็ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า Louie เป็นเด็กอารมณ์ดี เขาคงไม่คิดจะฆ่าตัวตายหรอก และพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น ทว่าจะพูดยังไงผลลัพท์มันก็ได้ออกมาแล้วอยู่ดี… ยังไงก็ตาม การตายของ Louie…
-
ความเศร้าที่อยู่ใต้รอยยิ้ม… คลิปวิดีโอ 36 ชั่วโมงก่อนที่ Chester Bennington จะฆ่าตัวตาย
เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ Chester Bennington นักร้องนำของวงดนตรีชื่อดังอย่าง Linkin Park ได้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า และยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คน ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาทางภรรยาสุดที่รักของ Chester เองได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอของอดีตสามีเธอ ที่อัดไว้ประมาณ 36 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป Talinda Bentley ได้เขียนอธิบายผ่านทวิตเตอร์ของเธอก่อนที่จะโพสต์คลิปวิดีโอว่า “ข้อความที่ฉันจะทวีตต่อไปนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด มันจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าคนที่มีภาวะซึมเศร้านั้นอาจไม่แสดงออกทางสีหน้าก็ได้” ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นนักดนตรีชื่อดัง กำลังเล่นกับลูกๆ ของเขาอย่างมีความสุข และดูไม่เหมือนคนที่มีสภาวะซึมเศร้าใดๆ เลย “มันเป็นเรื่องที่เศร้า นี่คือใบหน้าของเขาเมื่อ 36 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะตาย เขารักเรามาก และพวกเราก็รักเขาเช่นกัน” เธอทวีตข้อความดังกล่าว และนี่คือคลิปวิดีโอเมื่อ 36 ชั่วโมงก่อนที่ Chester จะเสียชีวิต คลิปวิดีโอของนักร้องชื่อดังนี้ อาจจะทำให้เราเข้าใจผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าได้อีกมาก พวกเขากำลังพยายามที่จะต่อสู้กับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และบางครั้งพฤติกรรมกับรอยยิ้มของพวกเขาก็ไม่อาจบอกถึงความทุกข์ที่ซ่อนอยู่ภายในได้ ข้อความจากทวิตเตอร์ของ Talinda Bentley . . นอกจากคลิปวิดีโอแล้ว ก่อนหน้านี้เธอยังได้โพสต์ภาพของ Chester ระหว่างที่กำลังมีความสุขในวันหยุดกับครอบครัวอีกด้วย เธออยากจะให้เราทุกคนเข้าใจว่า ว่าอาการเหล่านี้คือภัยเงียบแค่ไหน…
-
คุณพ่อใจสลาย เมื่อมีคนมากลั่นแกล้งลูกของเขา พร้อมเรียกเด็กชายว่า ‘ตัวประหลาด’
การเป็นพ่อเป็นแม่คนนั้น เวลาที่อยู่ๆ มีใครสักคนมาด่าทอลูกตัวเองเสียๆ หายๆ ย่อมเป็นอะไรที่รับไม่ได้อย่างแน่นอน และเมื่อยิ่งลูกเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของพ่อแม่เข้าไปอีก… Dan Bezzant คุณพ่อของเด็กชาย Jackson Bezzant วัย 7 ขวบ ซึ่งได้เล่าว่า เขาเสียใจมากๆ เมื่อลูกของเขาถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งพร้อมกับเรียกเขาว่า ‘ตัวประหลาด’ เพราะลูกของเขาป่วยเป็นโรค Treacher Collins syndrome ด้วยเหตุนี้เขาเลยโพสต์เรื่องราวความในใจลงเฟซบุ๊กของเขาเอง คุณพ่อเล่าความรู้สึกออกมาอย่างสุดเศร้า ราวกับหัวใจของผู้เป็นพ่อจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะลูกชายของเขาต่างถูกพากันด่าว่าเป็นตัวประหลาด เป็นปีศาจน่าเกลียดน่ากลัว และก็ถูกทำแบบนี้เป็นประจำทุกๆ วันที่โรงเรียน ที่เศร้าไปกว่านั้นคือ ลูกชายของเขา เจ้าหนู Jackson ยังเคยพูดกับผู้เป็นพ่อว่าเขาอยากฆ่าตัวตาย เขาไม่อยากทนที่ต้องโดนอะไรแบบนี้อีกแล้ว… Dan ยังบอกอีกว่า ลูกของเขาอายุยังไม่ถึง 8 ขวบด้วยซ้ำ แต่กลับมีความคิดแบบนี้แล้ว คิดดูว่าพ่อแม่จะรู้สึกแย่ขนาดไหน ยิ่งต้องเห็นลูกถูกเพื่อนๆ มารังแกด่าทอเสียๆ หายๆ พร้อมกับปาก้อนหินไล่บ้าง เขาขอให้พ่อแม่ของเด็กๆ ทุกคนที่ได้อ่านช่วยรู้สึกไปกับเขาว่า ถ้าลูกของพวกเขาโดนแบบนี้จะเป็นยังไง Dan ร้องขอแค่ว่าให้พ่อแม่ช่วยสั่งสอนและแนะนำลูกๆ ว่าอาการผิดปกตินั้นมันแย่พออยู่แล้ว อย่าไปทำร้ายหรือกลั่นแกล้งเด็กคนอื่นที่ป่วยด้วยวาจาหรืออะไรก็ตามเลย มันไม่มีผลดีหรอก สุดท้ายเขายังบอกว่า ลำพังแค่โรคของลูกชายแล้ว เขาต้องผ่าตัดอีกหลายครั้ง…
-
เด็กหนุ่มวัย 15 จบชีวิตตัวเอง หลังกลายเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้ง ถึงขั้นถูกขู่ข่มขืนแม่..!?
อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนนำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัวรายัต ชาวอินเดียผู้อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ โดยเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2017 เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานเรื่องราวของ ‘แบรนดอน รายัต’ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง หลังจากตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักที่โรงเรียน ครอบครัวรายัตกับภาพของลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัว แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของแบรนดอน จะดูเป็นปกติทุกอย่าง ทว่าคนรอบตัวกลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่า เขามีพฤติกรรมสะสมความเครียดมาโดยตลอด และพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่อยากไปโรงเรียน… ย้อนไปเมื่อปี 2015 ตัวเขาต้องทนกับภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก หลังเลิกรากับแฟนสาวเขาก็ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งอย่างหนักนับตั้งแต่นั้นมา ถึงขนาดที่ว่าครั้งหนึ่งแบรนดอนยอมโกนผมตัวเอง เพื่อให้กลุ่มเด็กเกเรยอมรับและเลิกกลั่นแกล้งเขาเสียที ครั้งหนึ่งในวิชาคอมพิวเตอร์ เคยมีเพื่อนร่วมชั้นเผยภาพหน้าบ้านของเขาจากกูเกิลแมพส์ พร้อมกับขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ของเขาถึงที่บ้าน (ในภายหลังเพื่อนคนนี้ก็อ้างว่าเป็นการอำกันขำๆ) ภาพจากข้อความส่วนหนึ่งระหว่างแบรนดอน กับเพื่อนที่เคยขู่ว่าจะบุกไปข่มขืนแม่ถึงบ้าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนใกล้ตัวไม่เคยสังเกตเห็นความร้าวระทมในใจของแบรนดอน จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี 2015 แบรนดอนได้เอ่ยเป็นนัยๆ ว่าตนไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว อีกทั้งยังมีอาการเครียดจัดจนสติแตก และคุณหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเขาประสบภาวะความเครียดเฉียบพลัน “เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกลั่นแกล้ง และสิ่งเหล่านี้ก็วนเวียนอยู่หัวของแบรนดอนไม่เคยหายไปไหน ความเศร้าทุกอย่างทำให้ชีวิตเขาดูแย่ลง เพราะยิ่งเขาโตขึ้น ก็ยิ่งมีสาวๆ มารุมล้อม และฉันคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เพื่อนรุ่นเดียวกันรู้สึกอิจฉา”…
-
นักเรียนมัธยมพากันแปะ “โพสต์อิทให้กำลังใจ” ไปทั่วโรงเรียน หลังเกิดเหตุเด็กฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายอาจเกิดขึ้นได้ในทุกสังคม ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะเราก็คงไม่อยากให้มีใครต้องจากไปโดยที่ยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้หรอก เหมือนกับโรงเรียนมัธยม Walnut Hills ในสหรัฐอเมริกา ที่มีเด็กในโรงเรียนเพิ่งฆ่าตัวตายไปในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้ทั้งโรงเรียนต่างเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะหดหู่กันไปซะหมด เพราะเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก นักเรียนจึงมีชมรมชื่อว่า Be Happy ขึ้นมา ไล่แปะกระดาษโพสต์อิทไปทั่วโรงเรียน เพื่อให้กำลังใจทุกคนและเป็นการรำลึกถึงผู้ที่จากไป ล็อกเกอร์ของเด็กที่ตายไป นักเรียนที่เดินผ่านไปมาช่วยกันแปะโพสต์อิทเพื่อรำลึกถึงเขาคนนั้น มีการตกแต่งล็อกเกอร์ไปในบางส่วน ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายโดยนักเรียนคนหนึ่ง และนำมาโพสต์ไว้ในโซเชียลมีเดีย เหตุผลที่ภาพเหล่านี้ออกจะเบลอๆ หน่อย เพราะว่าเขาถ่ายเอาไว้ขณะที่กำลังเดินไปเรียน โพสต์อิทยังคงมีแปะอยู่ในทุกที่ . Walnut(ชื่อโรงเรียน) ยังคงต้องการคุณ จงเข้มแข็งเข้าไว้ จากโพสต์ของเขาก็เกิดเป็นกระแสชาวเน็ตมากมาย เข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงการกระทำดังกล่าวนี้ “นี่คงเป็นเรื่องที่สายเกินไปหน่อยว่ามั้ย? เพราะหากว่าคนในโรงเรียนสนับสนุนกันอย่างนี้ตั้งแต่แรก เขาคนนั้นอาจยังมีชีวิตอยู่ก็ได้” “การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากมาก โดยเฉพาะในวัยรุ่นนี้ ฉันหวังว่าคำพูดเหล่านี้ที่คุณมอบให้กันและกัน จะช่วยให้ใครคนหนึ่งพบกับวันที่ดียิ่งขึ้น แม้ว่าการจากไปของเขาช่วยให้เกิดผลกระทบที่ดีได้ยาก แต่ก็จงคิดในแง่บวกกันเข้าไว้นะ!!” “เรื่องราวนี้เป็นการให้กำลังใจที่ดีมาก ในตอนที่ฉันอายุเท่าคุณ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวฉันเองหดหู่และปลีกตัวออกมาจากสังคม ไม่มีใครพูดอะไรหรือแม้แต้รับรู้ได้เลย และฉันก็เคยเป็นเด็กที่คิดว่าตัวเองแย่และแตกต่างกับคนอื่นมาก่อน สู้ต่อไปนะ พวกคุณทำในสิ่งที่ยอดเยียมมากๆ แล้ว”…
-
หญิงจีนถูกครอบครัวกดดัน ‘ให้คลอดแบบธรรมชาติ’ สู่เหตุสลดกระโดดตึก พร้อมกับลูกในท้อง
ปัจจุบันการคลอดบุตรของคุณแม่นั้น มีหลากหลายทางเลือกเพื่อให้เหมาะสมกับคุณแม่แต่ละคน แต่ก็มักจะกลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันว่า การคลอดบุตรแบบธรรมชาตินั้นดีกว่าการคลอดแบบผ่าตัดหรือไม่ และควรจะอยู่ที่จุดใดระหว่างความปลอดภัยของคุณแม่หรือความพึงพอใจของคนอื่น… และเรื่องโศกนาฏกรรมเรื่องนี้ เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเมืองหยูหลิน มณฑลซานซี ประเทศจีน เมื่อหญิงตั้งครรภ์แซ่หม่า วัย 26 ปี ได้เข้ารับการตรวจที่แผนกสูติกรรม หลังจากที่เธอตั้งครรภ์มาแล้ว 41 สัปดาห์ หลังจากทำการตรวจแล้ว แพทย์ได้ลงความเห็นว่าเธอจะต้องได้รับทำคลอดด้วยการผ่าตัด เนื่องจากศีรษะของทารกมีขนาดใหญ่เกินไป ซึ่งถ้าหากว่าคลอดด้วยวิธีธรรมชาตินั้น ก็อาจจะเป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กด้วย แต่ทว่าทางครอบครัวของนางหม่า ยืนกรานปฏิเสธที่จะไม่ให้ผ่าคลอด เนื่องจากในประเทศจีนมีกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่า ก่อนผ่าตัดทำคลอดนั้นจะต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากสมาชิกในครอบครัวเสียก่อน ซึ่งตัวเธอก็ได้ขอร้องให้ทางครอบครัวเซ็นยินยอมหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธและสั่งย้ำให้เธอต้องคลอดด้วยวิธีธรรมชาติเท่านั้น จากการถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แม้เธอจะพยายามบอกกับครอบครัวว่าเธอรู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบรับไม่ไหว แต่ครอบครัวของเธอก็ยังคงยืนกรานเช่นเดิมไม่ยอมอ่อนข้อใดๆ ด้วยความผิดหวังและเสียใจ เธอจึงตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 5 ของโรงพยาบาลพร้อมกับทารกในครรภ์…. เหตุการณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นข่าวดังในประเทศจีนทันที หลายคนได้แสดงความโกรธและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงค่านิยมดั้งเดิมกับการคลอดโดยวิธีธรรมชาติเพียงอย่างเดียว อีกทั้งในเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับการทำคลอดด้วยวิธีผ่าตัด ที่ไม่จำเป็นจะต้องขอความเห็นใดๆ นอกเสียจากผู้เป็นแม่ที่จะทำคลอดเท่านั้น รวมไปถึงการมองผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องมือในการผลิตเด็กทารกด้วย ในขณะที่ชาวเน็ตจีนหลายราย ก็ได้เรียกร้องให้ทางครอบครัวออกมารับผิดชอบเกี่ยวกับกรณีนี้ และร่วมกันเรียกร้องให้มีการลงโทษตามกฎหมาย หลังจากที่ครอบครัวคือสาเหตุที่ทำให้หญิงคนดังกล่าวก่อเหตุอันน่าสลดใจนี้ ที่มา shanghaiist
-
เด็กข้ามเพศฆ่าตัวตาย หลังถูกโรงเรียนห้ามเปลี่ยนชื่อ แต่ชาวเน็ตคิดว่ามีอะไรมากกว่านั้น…
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบัน ที่มักจะเกิดจากสาเหตุต่างๆ รอบตัวของพวกเขาไม่ว่าจะเป็น ครอบครัวหรือไม่ก็เกี่ยวกังสังคมที่โรงเรียนเป็นต้น Louise Etherington เด็กชายวัย 15 ปีจากเมืองบักกิงแฮมเชอร์ ที่เกิดมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองนั้นเกิดมาอยู่ผิดร่างกาย เพราะเขารู้สึกว่าจริงๆ ตัวเองเป็นหญิง และอยากใช้ชื่อว่า Leo นับจากนั้นมาเธอก็บอกความรู้สึกดังกล่าวกับพ่อของเธอไป แต่ยังไงก็ตามแม้ว่าคุณพ่อ Martin Etherington จะเข้าใจในตัวลูกทันที แต่ว่าเมื่อไปยื่นเรื่องดังกล่าวกับทางโรงเรียนว่าขอเปลี่ยนชื่อเป็น Leo อย่างเป็นทางการ แต่ทางอาจารย์ใหญ่ Sharon Cromie ได้ปฏิเสธคำขอดังกล่าว พร้อมกับยื่นเหตุผลว่าเธอจะต้องมีอายุ 16 ปีเสียก่อน หลังจากการปฏิเสธดังกล่าว เขาก็บอกว่างั้นเราก็ควรจะรออีก 1 ปีก็แล้วกัน ซึ่งมันฟังแล้วดูเหมือนเธอจะยอมรับและพร้อมรอ ซึ่งถ้ามองจากองค์ประกอบโดยรอบทั้งพ่อและโรงเรียนก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะทั้งพ่อและเพื่อนก็ดูจะยอมรับในสิ่งที่เธอเป็น แต่ยังไงก็ตามสุดท้ายแล้ว Leo ก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายในห้องนอนที่บ้านพร้อมทิ้งจดหมายไว้ ด้านคุณพ่อที่เปิดห้องมาเจอก็ต้องตกใจกับสภาพของลูก ซึ่งเขาก็ยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุการตายของลูกอยู่ดี เพราะเขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าลูกนั้นจิตใจเปลี่ยนไป และก็ยอมรับในตัวลูกถึงขนาดคิดว่าเมื่อลูกมีอายุที่พร้อม เขาจะช่วยออกเงินค่าแปลงเพศให้ลูกเลย ยังไงก็ตามเราก็ไม่สามารถจะโทษในตัวอาจารย์ใหญ่ได้ เพราะกฎนั้นถูกกำหนดมาก่อนแล้ว และจากข่าวที่สื่อไปสัมภาษณ์ตัวอาจารย์เอง เธอก็บอกว่า Leo เป็นเด็กดีและเธอก็ชอบในตัว Leo มากๆ เพียงแต่กฎก็ต้องเป็นกฎเท่านั้น…
-
จากเพื่อนที่ห้ามไม่ให้อีกฝ่ายฆ่าตัวตาย กลายเป็นคู่ชีวิตที่ตามหามานานในท้ายที่สุด…
เคยไหมที่เวลาเราดูละครแล้วมันมีบทที่ดูแล้วนิยายสุดๆ จนเราคิดว่า เออไอ้แบบนี้มันไม่มีอยู่จริงๆ หรอก…แต่เชื่อเถอะว่าชีวิตจริงๆ คนเรา มันยิ่งกว่าละครหรือในหนังเสียอีก อย่างเช่นเรื่องราวในครั้งนี้ ห๊ะ ไม่จริงหรอก!!? เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ Kevin Walsh เด็กหนุ่มวัย 13 กำลังเดินอยู่ในค่ายฤดูร้อนคนเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีหญิงสาวน่ารักๆ คนหนึ่งเดินมาพร้อมกับทักว่า “สีดำนี่เข้ากับนายดีนะ” Kevin ไม่รู้เลยว่าทำไมสาวสวยคนนั้นถึงมาทักทายและพูดคุยกับเขา จนภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นเพื่อนกัน ซึ่งก่อนจากทั้งคู่ก็ได้แลกเปลี่ยน AIM (โปรแกรมแชทคล้ายๆ MSN ในยุคแรก) กันไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็ได้คุยกันบ้างเป็นระยะๆ เวลาผ่านไป Kevin ก็เล่าว่า เขากับเธอไม่ได้คุยกันเป็นประจำ บางทีก็ห่างหายกันไปสักพักด้วยซ้ำ แต่เขาบอกว่าเขาคิดเรื่องของเธอเกือบตลอดเวลา แม้จะไม่ได้คุยกันจนห่างเหินกันไป เขาบอกว่าบางส่วนของเธอยังหลงเหลืออยู่กับเขา…(ละครไหมล่ะ?) หลายปีผ่านไป Kevin เติบโตและใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป วันหนึ่งเขารู้สึกว่าเขาทนเรื่อยแย่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังจะลงมือนั้น อยู่ดีๆ ก็มีสายแปลกโทรเขามา เขาบอกว่ามันเป็นช่วงเวลา 5 ถึง 10 วินาทีที่เขาตัดสินใจว่าเขาจะรับสายนั้น ซึ่งคนที่อยู่ปลายสายกับทำให้เขาตะลึงสุดๆ …
-
ชายหนุ่มฮีโร่ปีนขึ้นไปบนคานเหล็กสูง 6 เมตร เพื่อช่วยสาวที่กำลังพยายามจะฆ่าตัวตาย
เรื่องราวอันน่าชื่นชมของชายหนุ่มที่ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อเข้าช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังพยายามจะฆ่าตัวตาย ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของเมืองแมนแฮตตัน โดยการกระโดดลงมาจากคานเหล็กสูง 6 เมตร หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งได้ทำการปีนขึ้นไปบนคานในชานชาลาของสถานี Broadway-Lafayette เมื่อเวลาประมาณ 3 โมงครึ่งของวันเสาร์ที่ผ่านมา ชายหนุ่มผลเมืองดีคนดังกล่าวได้ปีนไปตามคานดังกล่าวเพื่อช่วยเกลี้ยกล่อมเธอ ในขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บางคนได้ทำการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ นาง Witness Michal Klein วัย 38 ปีจากเมือง Hoboken รัฐนิวเจอร์ซี่ ผู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวในระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางไปยังร้านอาหารได้โพสต์ภาพของทั้งคู่ลงบนเฟซบุ๊กของเธอว่า “มันน่าหวาดเสียวมากๆ เลยทีเดียว ถ้าหากมีใครบางคนกำลังร้องไห้หรือขยับตัวเพียงนิดเดียวก็อาจจะเกิดเรื่องเศร้าได้เลย “ และที่ชายหนุ่มพลเมืองดี กำลังพยายามเกลี้ยกล่อมหญิงสาวที่คิดสั้น นอกจากนี้คุณ Klein ยังเล่าถึงผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวอีกว่า “ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นปีนขึ้นไปด้านบน และพยายามจะฆ่าตัวตาย และหลังจากนั้นพอ่หนุ่มคนนี้ก็ปีนขึ้นไปเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ จากนั้นก็มีใครบางคนโทรแจ้งตำรวจ และไม่นานพวกเขาก็มาถึงพร้อมกับทำการเคลียร์พื้นที่เพื่อช่วยเหลือเธอ” จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ในที่สุดเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นเจ้าหน้าที่ก็ช่วยเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย “ฉันไม่นึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครกล้าปีนขึ้นไปบนนั้นไหม ชายคนนั้นต้องมีความกล้าและต้องระวังเอามากๆ เลย” Klein ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ New York Daily News ที่มา dailymail
-
แคมเปญ ‘ป้องกันการฆ่าตัวตาย’ ของเกาหลีใต้ ช่วยลดจำนวนได้ กวาดกว่า 38 รางวัลทั่วโลก!!
นับว่าปัญหาการฆ่าตัวตาย เป็นปัญหาที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญเลยก็ว่าได้ จนทำให้รัฐบาลหลายๆ ประเทศเริ่มที่จะหันมาสร้างแคมเปญเพื่อรณรงค์แก้ปัญหาดังกล่าว เช่นเดียวกับที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งคราวนี้เราจะพาไปชมอีกหนึ่งแคมเปญการแก้ปัญหาที่เกิดจากความมือระหว่างรัฐ และภาคเอกชน ที่ช่วยลดจำนวนตัวเลขบุคคลฆ่าตัวตาย และกวาดรางวัลมาแล้วกว่า 38 รางวัล สะพาน Mapo สถานที่ๆ มีคนมาจบชีวิตตัวเองลงมากที่สุดในเกาหลีใต้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้จับมือร่วมกับบริษัทประกันภัย Samsung Life Insurance และ Cheil Worldwide เพื่อสร้างแคมเปญที่หวังจะช่วยลดปัญหาการฆ่าตัวตาย มีการใช้พื้นที่โฆษณา และมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ผ่านหลายช่องทาง และหนึ่งในนั้นก็มีการเขียนข้อความติดบนสะพาน Mapo ตัวอย่างเช่น “ทานข้าวมารึยัง?” หรือ “ใจเย็นๆ นะ ไปเดินเล่นด้วยกันมั้ย?” เป็นต้น ด้วยความที่สะพาน Mapo ถูกใช้เป็นสถานที่ฆ่าตัวตายมากที่สุด ทางการจึงได้สั่งให้มีการติดตั้งไฟตามสะพานเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูมืดอึมครึมมากเกินไป รวมทั้งยังมีการสร้างรูปปั้นที่ช่วยตระหนักให้คนที่กำลังหมดหวังในชีวิตให้ได้รู้ว่า… ไม่ว่ายังไง ชีวิตเราก็ยังมีคนที่คอยรับฟัง และพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ รูปปั้นของแคมเปญ ‘Bridge of Life สะพานแห่งชีวิต’ ที่กลายเป็นกำลังใจให้ผู้คนที่สิ้นหวัง…
-
เรื่องราวของ Heaven’s Gate ลัทธิหลอกคนมา “ฆ่าตัวตาย” เพื่อมุ่งไปพบเอเลี่ยน!?
บนโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยความเชื่อหรือลัทธิที่มีอยู่มากมายแตกต่างกันไปทั่วทุกมุมโลก ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนำมาเป็นการนำทาง ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับตัวเอง แต่ถ้าหนักไปก็อาจจะพบกับจุดจบอย่างลัทธินี้ก็เป็นได้ Heaven’s Gate คือลัทธิของชาวอเมริกันที่มีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลก หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเอเลี่ยน โดยกลุ่มนี้นั้นได้มีรากฐานที่ตั้งอยู่ในเมือง San Diego รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1974 ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม 1997 ตำรวจได้พบศพจำนวน 39 ศพซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกในลัทธินี้และเป็นผู้ร่วมกระทำการฆ่าตัวตายหมู่ ตามคำสั่งของความเชื่อที่จะขึ้นยานอวกาศตามไปกับดาวหางเฮลล์-บอพพ์ สมาชิกของ Heaven’s Gate นั้นจะมีความเชื่อที่ว่าโลกนั้นถึงเวลาที่จะหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง โดยที่ทางเดียวที่จะรอดจากเหตุการณ์นี้นั้นก็คือการออกไปในทันที โดยที่พวกเขานั้นมองว่าร่างกายเป็นเพียงพาหนะนำสู่การก้าวไปยังขั้นต่อไป โดยจะต้องละทิ้งทุกสิ่งที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ เช่น ครอบครัว เพื่อน เรื่องเพศ หน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง และสิ่งที่ตนเองครอบครองทั้งหมด เพื่อก้าวสู่ The Evolutionary Level Above Human ซึ่งเป็นดาวอีกดวงหนึ่งที่ไม่มีความตาย เรื่องเพศ การกิน หรือสิ่งที่ทำให้เราเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทั้ง 39 ศพนั้นจะมีการกินยาที่ตนผสมขึ้นเองและนำถุงพลาสติกครอบศีรษะไว้ทับด้วยผ้าคลุมหน้าสีม่วง…
-
สื่อนอกวิเคราะห์ “สัญญาณการฆ่าตัวตายของ Chester” ที่ซ่อนอยู่ในเพลงล่าสุดของ Linkin Park
ในช่วงคืนที่ผ่านว่ามานั้นเราหลายๆ คนคงจะทราบข่าวเรื่องราวการจากไปของนักร้องนำวง LINKIN PARK อย่าง Chester Bennington ที่ทำเอาแฟนเพลงช็อคไปตามๆ กัน ซึ่งก่อนหน้านั้นทางวงเพิ่งไปปล่อยซิงเกิลใหม่มา ก็เกิดข่าวการฆ่าตัวตายของ Chester ที่บ้านพักส่วนตัวของเขา โดยเหตุจูงใจในการเกิดเหตุการณ์สุดเศร้าครั้งนี้คืออะไรกัน บทเพลงที่เขาได้เขียนไว้น่าจะเป็นสิ่งสื่อถึงความรู้สึกของเขาได้ดีที่สุด Chester Bennington นักร้องนำวง LINKIN PARK วัย 41 ปี ถูกพบว่าเสียชีวิตจากการที่เขาแขวนคอตัวเองในบ้านพักส่วนตัวในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในเพลงสุดท้ายที่ Chester ได้เขียนไว้นั้นมีการกล่าวถึงการฆ่าตัวตายไว้ ในขณะที่เพลง Heavy ที่ปล่อยมาในช่วงต้นปีนั้น ก็ได้เผยให้เห็นถึงความรู้สึกของเขา ที่มีปัญหากับชีวิต ในเนื้อเพลงของ Chester นั้นก็มีประเด็นที่ชัดเจนว่า “If I just let go, I’d be set free” คือถ้าเขาจากไป เขาจะได้รับอิสระ เพลง Heavy นั้นเขียนขึ้นโดย Chester และเพื่อนในวงอย่าง Brad Delson และ Mike Shinoda ร่วมกับ Julia Michaels และ Justin Tranter แรงบันดาลใจของเพลง Heavy มาจากบทสนทนาของพวกเขาเกี่ยวกับความผิดหวังและปัญหาในชีวิตของตัวเอง…
-
หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยฆ่าตัวตาย หลังจากที่มันพึ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน ไว้อาลัย 3 วินาที
ปัจจุบันการทำให้หุ่นยนต์มีความนึกคิดเป็นของตัวเองนั้น ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะแปลกใหม่สักเท่าไหร่แล้ว ทว่าบางครั้งการทำให้พวกมันคิดเองได้ก็อาจจะนำไปสู่จุดจบของชีวิตก็เป็นได้ เพราะล่าสุดได้มีเหตุการณ์สุดสลดเมื่อเจ้าหุ่น Knightscope K5 ซึ่งเป็นหุ่นรักษาความปลอดภัยที่สามารถบันทึกและส่งภาพไปยังทีมงานได้ทันที ได้ถูกพบขณะจมน้ำอยู่ในน้ำผุหน้าออฟฟิศของสำนักงานแห่งหนึ่งใน DC เดิมทีแล้วเจ้าหุ่น K5 ตัวนี้มันถูกออกแบบมาให้เดินตรวจตาไปรอบๆ บริเวณที่มันถูกตั้งค่าไว้ แต่มันก็ยังมีระดับความคิดที่สามารถคิดเองได้ว่ามันควรจะเดินไปที่ไหน การที่มันจะลุกขึ้นจากน้ำเองก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน เพราะดีไซน์ของ K9 นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นรูปทรงจรวดและไม่มีแขนเพื่อดันตัวเองขึ้นเวลาล้ม ยิ่งไปกว่านั้นตัวของมันเองยังมีน้ำหนักมากถึง 136 กิโลกรัมเลยล่ะ . ทางด้านเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจดูจึงคิดว่ามันอาจจะเดินไปจมน้ำด้วยความตั้งใจของมันเอง ราวกับว่ามันไม่ชอบจะทำงานนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งแม้ว่ามันจะพึ่งจะเข้าประจำการได้ไม่นานก็ตาม งานนี้ก็คงต้องสืบหากันต่อไปแล้วล่ะ ว่ามันจะเป็นไปตามที่เจ้าหน้าที่คิดไหมว่า หุ่นก็มีความคิดจิตใจจริงๆ… (เปลี่ยนไปใช้ R2D2 หรือก็ CP8 แทนดีกว่า เชื่อพี่…) ที่มา theverge
-
อีกแล้ว!! เด็กหนุ่มเสียชีวิต หลังเข้าร่วมเกมมรณะ “วาฬสีน้ำเงิน” ที่หลอกล่อให้คนฆ่าตัวตาย
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้นำเสนอเรื่องของ เกมวาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) ซึ่งเป็นเกมที่ผู้เข้าร่วมจะต้องทำเป้าหมาย 50 อย่างที่เจ้าของเกมกำหนดไว้ให้สำเร็จ โดยจะต้องทำให้สำเร็จวันละหนึ่งอย่าง แต่ทว่าเป้าหมายสุดท้ายของผู้ที่เข้าร่วมเกม มักจะมีจุดจบด้วย “การฆ่าตัวตาย” ทำให้เด็กหนุ่มชาวอมริกันคนนี้ที่ได้เข้าร่วมเล่นเกมดังกล่าว ถูกชักจูงไปในทางที่ผิดและเป็นเหตุทำให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง Isaiah Gonzales วัย 15 ปี จากรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกพบในสภาพแขวนคอตัวเองภายในตู้เก็บของเมื่อวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2017 และพบข้อความในโทรศัพท์มือถือของเขา ที่เขียนเกี่ยวกับเจตนาในการฆ่าตัวตาย… หลังจากที่ตรวจสอบประวัติการใช้อินเตอร์เน็ตของ Isaiah ทางครอบครัวยืนยันว่าลูกชายไม่เคยแสดงอาการของคนที่อยากฆ่าตัวตายเลย และมั่นใจว่าลูกตกเป็นเหยื่อของเกมวาฬสีน้ำเงินอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่เข้าร่วมเล่นเกมวาฬสีน้ำเงินนั้น ต้องทำตามคำสั่งของผู้ควบคุมเกมที่ไม่ได้ระบุตัวตนเป็นเวลา 50 วัน สิ่งที่ต้องทำมีตั้งแต่ชมภาพยนตร์สยองขวัญตลอดทั้งคืน ไปจนถึงการทำร้ายตัวเอง นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมเกมจะถูกขอให้ถ่ายรูปตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นการไปนั่งบนขอบตึก ไปนอนบนรางรถไฟ และสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือบังคับให้ผู้เล่นฆ่าตัวตาย หากผู้เล่นต้องการที่จะเลิกหรือออกจากเกม พวกเขาจะถูกข่มขู่และคุกคามด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ขู่ทำร้ายครอบครัว ดังนั้นผู้เข้าร่วมเกมจึงต้องฝืนทำภารกิจจนถึงวันสุดท้าย แต่เมื่อถึงวันที่ 50 พวกเขาก็จะถูกสั่งให้ฆ่าตัวตาย หากผู้เข้าร่วมเกมเปลี่ยนใจกลางคัน ผู้ควบคุมเกมก็จะตามมาจัดการเองในชีวิตจริง ปัจจุบันเกมวาฬสีน้ำเงินได้แพร่ไปทั่วสังคมออนไลน์ และคนที่ตกเป็นเหยื่อมักจะเป็นวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลอง ดังนั้นสิ่งที่จะป้องกันได้คือพ่อแม่…
-
สาวเก็บมือถือของคนกระโดดน้ำฆ่าตัวตายได้ แต่ไม่ยอมคืนให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต!!
เวลาเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม ตำรวจมักจะกั้นที่เกิดเหตุไว้เพื่อไม่ให้คนภายนอกเข้า ป้องกันหลักฐานถูกทำลาย รวมทั้งปกป้องทรัพย์สินของผู้ประสบอุบัติเหตุด้วย แต่หากไม่ทำแบบนี้นั้นอาจเกิดเรื่องเหมือนอย่างกรณีนี้ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งเจอมือถือของคนที่ฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่ยอมคืนให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต นี่เป็นภาพบันทึกเหตุการณ์จาก Yichang ในมณฑลหูเป่ย์ เผยให้เห็นภาพชายหนุ่มวัย 17 ปี กระโดดสะพานฆ่าตัวตาย เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา เหลือไว้แต่โทรศัพท์มือถือที่ทิ้งไว้บนทางเท้า หลังจากประมาณ 6 นาที ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งไปยังที่เกิดเหตุแล้วหยิบโทรศัพท์ของชายหนุ่มขึ้นมา ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเหตุการณ์นั้น น้องสาวของผู้เสียชีวิตก็ได้ตามหามือถือของพี่ชาย จนกระทั่งวันอาทิตย์เธอก็สามารถติดต่อกับใครบางคนผ่านโทรศัพท์ของพี่ชาย เมื่อน้องสาวถามคนปลายสายว่าเป็นใคร เธอตอบกลับมาว่าเป็นคนที่เก็บโทรศัพท์ได้บนสะพาน น้องสาวจึงได้ขอโทรมือถือพี่ชายคืน แต่ผู้หญิงปลายสายกับวางสายอย่างรวดเร็ว สักครู่ต่อมา ผู้หญิงคนเดิมก็โทรกลับมา แล้วเรียกร้องเงินจากน้องสาวผู้เสียชีวิตเพื่อแลกกับโทรศัพท์เครื่องนี้ น้องสาวจึงตอบไปว่าจะให้ทุกอย่างขอแค่ได้โทรศัพท์พี่คืนมา แต่แล้วผู้หญิงปลายสายก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เธอบอกว่าถ้าคืนโทรศัพท์ให้คงต้องเจอปัญหาใหญ่แน่นอน ก็เลยตัดสินใจเก็บมันไว้เอง ตั้งแต่นั้นมา โทรศัพท์ของพี่ชายก็ถูกปิดการใช้งานทันที และไม่สามารถติดต่อผู้หญิงคนนั้นได้อีกเลย… เข้าไปดูคลิปเหตุการณ์ได้ที่นี่ ในการให้สัมภาษณ์ น้องสาวบอกว่าอยากได้โทรศัพท์ของพี่ชายคืน เพราะเธอและครอบครัวคิดว่าอาจจะมีข้อความหรืออะไรบางอย่างในโทรศัพท์ที่จะทำให้รู้อะไรเป็นเหตุจูงใจให้พี่ชายฆ่าตัวตาย ที่มา shanghaiist
-
ชายหนุ่มตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุผล “ไม่อยากอยู่ในโลก ที่มีแต่การก่อการร้าย…”
หลายคนอาจจะยังจำได้ดีกับเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรด ในเดือนกันยายนปี 2001 หรือจะเป็นก่อการร้ายในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2005 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมีเหตุการณ์โศกนาฎกรรมทำนองนี้เกิดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ Tony Walter ชายอังกฤษวัย 52 ปี คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในลอนดอนครั้งนั้น ทว่าภาพความทรงจำอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนเขามาเสมอ จนทำให้เจ้าตัวตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยเหตุผล “ไม่อยากอยู่ในโลกที่มีการก่อการร้ายอีกต่อไปแล้ว” Tony Walter Walter เป็นหนึ่งในผู้โดยสารของขบวนรถไฟ Edgware Road ที่ถูกระเบิดพลีชีพจนเกิดเป็นเหตุการณ์ 7/7 และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7 คน ทว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดในคอนเสิร์ตของ Ariana Grande ที่ผ่านมาไม่นานนี้ เขาก็เป็นอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย และมันกลับกลายเป็นภาพหลอนที่ทำให้เจ้าตัวหวนคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วันถัดมาเขาก็ยังไปทำงานปกติในวันที่ 23 พฤษภาคม โดยที่มีอาการบ่นถึงเพื่อนร่วมงาน และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเหตุการณ์มันทำให้เขาหลอนถึงเรื่องเมื่อ 12 ปีก่อนด้วย “Tony เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์ระเบิดที่คอนเสิร์ต เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดภาพแฟลชแบ็คขึ้นกับเขา ช่วงหลังก่อนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย และนี่ก็เป็นความผิดของผู้ก่อการร้าย” เพื่อนร่วมงานของ Tony ให้สัมภาษณ์ โดยเมื่อวันที่…
-
รู้จัก “จิม โจนส์” เจ้าลัทธิสุดสยอง ผู้เคยหลอกให้คน 900 คนฆ่าตัวตายพร้อมๆ กัน!!
ตลอดระยะเวลากว่า 5,000 ปีของประวัติศาสตร์มนุษย์ มีศาสนาและลัทธิต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย หลายๆ ศาสนาก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติ แต่ก็มีบางศาสนาที่นำผู้ศรัทธาไปพบกับโศกนาฏกรรมอันน่าสยอดสยอง อย่างเช่นลัทธิสุดสยอง “Peoples Temple หรือ วิหารแห่งปวงชน” ที่เคยหลอกให้ผู้ศรัทธากว่า 900 คนฆ่าตัวตายพร้อมๆ กัน จนกลายเป็นข่าวสุดสะเทือนใจไปทั่วโลก จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ดังกล่าวต้องย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1931 “จิม โจนส์” เด็กชายชาวรัฐอินเดียแอน่าถือกำเนิดขึ้นมาในครอบครัวอันอบอุ่นครับครัวหนึ่ง ในสมัยเด็กเขาชอบอ่านงานเขียนของนักปรัชญายุคเก่าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงานของ คาร์ล มาส์ก หรือ เซอร์โทมัส มอร์ โดยเฉพาะเรื่อง “ยูโทเปีย” หรือ “ดินแดนในอุดมคติ” ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน และความเชื่อนี้เอง ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งกับพ่อของตนเองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่พ่อของเขาเป็นสมาชิกของกลุ่ม “คู คลักซ์ แคลน (Ku Klux Klan)” กลุ่มเหยียดสีผิวชื่อดัง โดยครั้งหนึ่ง จิม พาเพื่อนผิวสีมาที่บ้าน แต่พ่อของเขากลับไม่อนุญาตให้เพื่อนผิวสีคนนนั้นเข้าไปภายในบ้าน ทำให้เขาเกิดความรู้สึก…
-
ตอบสนองไวเป็นเลิศ!! พนักงานสถานีรถไฟฟ้าจีน ช่วยชีวิตนักศึกษาที่พยายามฆ่าตัวตาย
เหตุระทึกขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมปี 2017 ณ สถานี Xianyou มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน โดยที่กล้องรักษาความปลอดภัยของสถานีสามารถจับภาพเหตุการณ์นี้ไว้ได้ โดยเวลาที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ประมาณ 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในคลิปวิดิโอกล้องรักษาความปลอดภัยที่บันทึกนั้นได้ แสดงเหตุการณ์ของนักศึกษาจากมหาลัยแห่งหนึ่งในจีน ที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายและถูกช่วยเหลือไว้ได้ทันโดยเจ้าหน้าที่สถานี ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที วงกลมสีน้ำเงินคือเจ้าหน้าที่สถานี ส่วนวงกลมสีแดงคือนักศึกษาผู้ก่อเหตุ นักศึกษาเริ่มออกตัววิ่งไปที่รางรถไฟเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เจ้าหน้าที่สถานีเห็นเหตุการณ์เริ่มไม่ชอบมาพากลจึงตัดสินใจวิ่งตาม เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาจนท. รู้ทันทีว่านี่คือการพยายามฆ่าตัวตาย จนท. พยายามหยุดหญิงสาวด้วยการจับที่แขนของเธอไว้ ความพยายามครั้งแรกดูเหมือนจะไม่สำเร็จ แต่จังหวะที่ 2 จนท. สามารถจับมือของหญิงสาวไว้ได้ จนท. พยายามเอนตัวได้ด้านหลังเพื่อดึงเธอขึ้นมาจากราง แม้ว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับมือเธอไว้ได้แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่จบลง เพราะรถไฟฟ้ากำลังพุ่งตรงเข้าสู่สถานีและอีกครึ่งตัวของเธอยังคงอยู่บนรางรถไฟฟ้า เสี้ยวนาทีของความเป็นความตาย จนท. คนที่ 2 และชายพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์ท่าไม่ดี จึงได้พยายามเข้ามาช่วยดึงหญิงสาวขึ้นมาจากรางในขณะที่รถไฟฟ้าเริ่มชะลอเข้าสู่สถานีจากความเร็วสูง วงกลมสีน้ำเงินคือชายพลเมืองดีและจนท. คนที่ 2…
-
ชมวินาทีชีวิต นักดับเพลิงเกาหลีใต้ช่วยชีวิตคนฆ่าตัวตาย โหนตัวลงมาถีบอย่างกับนินจา!!
ขอพาทุกท่านเข้าสู่ช่วงสกู๊ปพิเศษ… รายการวินาทีชีวิต ที่จะพาทุกท่านไปลุ้นระทึกกับภารกิจช่วยชีวิตของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง จากเกาหลีใต้ในครั้งนี้ โดยผู้สื่อข่าวจากเกาหลีใต้ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาวกำลังคิดจะกระโดดตึก และถึงแม้ว่าจะให้ญาติเข้ามาพยายามไกล่เกลี่ยแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล งานนี้นักดับเพลิงหนุ่มผู้กล้า ต้องแอบปีนขึ้นมาจากห้องด้านบนอย่างช้าๆ เขาค่อยๆ โหนตัวเองลงมาจากระเบียง ไม่มีสลิง ไม่มีตัวแสดงแทน นี่มันช็อตเสี่ยงตายชัดๆ!! ชั่วพริบตาเดียว เจ้าหน้าที่ได้โหนตัวเองลงมา พร้อมกับเอาเท้าถีบไปที่หญิงสาวเข้าอย่างจัง ก่อนที่จะกระโดดทิ้งตัวลงไปที่ระเบียง พี่เค้าทำเซียนเหมือนเรียนมาเลย ถ้าใครอยากชมวิดีโอเหตุการณ์เต็มก็ตามนี้เลย แต่เชื่อเถอะ..ว่าเราเล่าไปหมดแล้ว ฮ่าๆ ด้วยปัญหาชีวิต และอะไรหลายๆ อย่างอาจจะทำให้เธอคิดสั้น ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้แล้วกันนะ ที่มา: Allkpop
-
เด็กชายวัย 11 ปีเข้าใจผิดจนฆ่าตัวตายตามแฟน หลังถูกกลุ่มเพื่อนหลอก จนเชื่อว่าแฟนตายแล้ว!!
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ในปัจจุบันสื่อที่เข้ามามีอิทธิพล และบทบาทต่อชีวิตของมนุษย์มากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะรู้แล้วว่าสื่อเหล่านี้ก็เหมือนกับดาบสองคม ที่มีทั้งด้านดี และด้านเสีย บางคนก็ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในทางที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและสังคม ในขณะที่อีกหลายๆ คนกลับไม่มีสติ ใช้สื่อเหล่านั้นในทางที่ผิด จนสุดท้ายก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น บางรายก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า เหมือนดั่งเช่นเรื่องราวของ Tysen Benz เด็กหนุ่มวัยเพียง 11 ปี จากรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง เหตุเพราะถูกกลั่นแกล้งให้เข้าใจผิดบนโลกโซเชียล เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Katrina Goss ได้ออกมาเผยว่า Tysen Benz ผู้เป็นลูกชายได้เสียชีวิตลง หลังจากที่เขาได้ตกเป็นเหยื่อของแฟนสาววัย 13 ปีที่แกล้งเขาในโลกออนไลน์ “แฟนสาวของ Tysen และเพื่อนของเธอได้ใช้สื่อโซเชียลเป็นตัวกลางในการแกล้งเขา โดยเธอพยายามทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเธอฆ่าตัวตาย และมันก็ทำให้เขาเชื่อ แถม Tysen ยังบอกอีกว่า…ฉันจะฆ่าตัวตายตาม” Katrina กล่าว จากการรายงานระบุว่า…
-
เด็กอายุ 11 ปีตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง และบีบบังคับให้ค้ายา!!
การกลั่นแกล้งและการหยอกล้อกันระหว่างเด็กๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากไม่มีคำพูดหรือการกระทำที่เกินเลยไป แต่ในบางครั้งสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับเราอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครบางคนก็ได้ ความน้อยเนื้อต่ำใจหรือถูกกดดันจากสังคมรอบข้างก็เช่นกัน เหมือนที่เราเคยเห็นตามข่าวต่างๆ มักจะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย และเหตุการณ์ที่ #เหมียวเวจจี้ กำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็เช่นกัน ในวันที่ 19 มีนาคม 2017 เว็บไซต์ dailymail ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของ Julio Rodriguez หรือ Junior เด็กน้อยวัย 11 ปีที่ถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนกลั่นแกล้งอย่างหนัก จนตัดสินใจจบชีวิตด้วยการแขวนคอกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของตัวเอง เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนใจต่อผู้เป็นแม่อย่างมาก ซึ่งนาง Maya Rodriguez ผู้เป็นแม่บอกกับนักข่าวว่า “ในระหว่างที่ฉันกำลังจะเข้านอน ก็ไปตรวจห้องของลูกๆ ตามปกติแต่เมื่อถึงห้องของ Julio ประตูมันล็อค ทั้งๆ ที่ปกติเค้าไม่เคยล็อคประตูเลย และเมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปและต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ฉันเสียใจอย่างมาก เขาเป็นเด็กที่น่ารักมาก รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันมีความสุขเสมอ” “ก่อนที่เขาจะทำเรื่องที่ไม่คาดฝันนี้ ฉันเห็นลูกชายของฉันมีอาการกร้าวร้าว เขาทุบโต๊ะ ทุบกำแพงและเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย แบบที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน” “อยากฝากไปถึงผู้ปกครองทุกคนให้สังเกตพฤติกรรมของลูกๆ หลังจากกลับจากโรงเรียนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” Maya Rodriguez ผู้เป็นแม่บอกกับผู้สื่อข่าว โรงเรียน Stockard…
-
ฮีโร่พนักงานรถบัส ตัดสินใจจอดรถกลางสะพาน เพื่อเกลี้ยกล่อมหญิงสาวให้เลิกคิดสั้น…
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจเมื่อพนักงานขับรถบัสในรัฐ Ohio ได้ทำการจอดรถบัสกลางสะพาน หลังพบหญิงสาวกำลังจะกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย เขาเดินออกมาเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอจนสามารถเปลี่ยนความตั้งใจของเธอได้ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม เว็บไซต์ Dailymail ของอังกฤษรายงานว่า Damone Hudson พนักงานขับรถบัสกำลังขับรถข้ามสะพาน Main Street Bridge ที่ทอดข้ามแม่น้ำ Miami ในเมือง Dayton แต่แล้วเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนราวสะพานทำท่าเหมือนจะกระโดดลงไป จึงตัดสินใจที่จะจอดรถบัสในทันทีเพื่อขอร้องให้หญิงสาวคนดังกล่าวปีนกลับขึ้นมาบนสะพาน “ทำไมเราถึงไม่ข้ามกลับมาบนสะพานล่ะ เฮ้!! คุณผู้หญิง ทำไมเราไม่ข้ามกลับมาบนฝั่งสะพานก่อนล่ะ มาหาผม” Damone กล่าวพร้อมกับค่อยๆ เดินออกมาจากรถบัส “คุณผู้หญิงครับ ดูเหมือนว่าคุณกำลังพบเจอกับวันที่แย่ๆ อยู่นะ ผมขอกอดคุณซักทีจะได้ไหม? เผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้น” “เราทุกคนต้องผ่านเรื่องราวร้ายๆ ไปให้ได้ คุณเองก็ด้วย ลองไว้ใจคนอื่นบ้าง แม้ว่ามันจะมีหนทางเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม” นี่คือคำพูดที่เขาใช้พูดเกลี้ยกล่อมหญิงสาวที่พยายามจะกระโดดลงจากสะพานเพื่อฆ่าตัวตาย ซึ่งเขาเพิ่งมาให้สัมภาษณ์ในช่อง Fox 45 ภายหลัง เขาพยายามที่จะชวนผู้หญิงคนดังกล่าวพูดคุย จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็มาถึงและสามารถช่วยเหลือเธอเอาไว้ได้ …
-
Facebook พัฒนาระบบป้องกัน เมื่อผู้ใช้คิดจะเชิงลบจะฆ่าตัวตาย พร้อมกับนำ AI เข้ามาช่วยเหลือ
ทุกวันนี้การฆ่าตัวตายถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมโลก ตามสถิติแล้วทุกๆ 40 วินาทีจะมีคนฆ่าตัวตายอย่างน้อยๆ หนึ่งคน ยิ่งไปกว่านั้นการฆ่าตัวตายยังเป็นสาเหตุหลักอันดับสองของวัยรุ่นอายุ 15 ถึง 29 ปีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ Facebook จึงพัฒนาเครื่องมือและ AI ขึ้นมา เพื่อป้องกันและช่วยเหลือผู้ที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย โดยเครื่องมือแรก เมื่อผู้ใช้งานได้ไลฟ์วีดีโอเชิงไปในทางที่คิดจะฆ่าตัวตาย ผู้ใช้งานท่านอื่นสามารถรายงานเข้ามาได้ทันที และผู้ที่ไลฟ์ก็จะได้รับคำแจ้งเตือน ซึ่งในกรณีนี้ Facebook จะใช้ AI ในการช่วยคัดกรองเช่นกัน เครื่องมือชนิดที่สองคือ Facebook จะเชื่อมต่อ Messenger กับผู้เชี่ยวชาญการป้องกันการฆ่าตัวตายไว้ หากใครมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ก็สามารถทักไปขอคำปรึกษาได้ทันที โดยจะเริ่มใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และเครื่องมือสุดท้ายคือ Facebook ได้พัฒนา AI ตรวจจับรูปแบบการโพสต์ข้อความ หากผู้ใช้งานเหล่านั้นมีการโพสข้อความเชิงไปในการฆ่าตัวตาย และหากมีผู้ใช้งานท่านอื่นกดรายงาน ก็จะมีปุ่มแจ้งเตือนขึ้นมาทันที ในอนาคตข้างหน้า Facebook กำลังจะปล่อยระบบ AI ที่สามารถตรวจจับคนที่มีความคิดฆ่าตัวตายได้เอง และพวกเขาก็จะส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำปรึกษาทันที โดยไม่ต้องรอให้ใครแจ้งเตือน นอกจากนี้เฟสบุ๊กได้ปล่อยวีดีโอแคมเปญ Facebook…
-
หญิงสาวชาวจีนคิดสั้น ‘กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย’ แต่กลับรอดมาได้เพราะ “ไขมัน” ในร่างกายเยอะไป!?
บางครั้งเมื่อชีวิตต้องเจอกับปัญหา หลายๆ คนก็มีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ใช้ความสามารถที่มีแก้ไขปัญหา บ้างก็ก้มหน้ายอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น บ้างก็เลือกที่จะหนีจากปัญหาเหล่านั้น เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนนี้ที่เลือกที่จะ ‘ฆ่าตัวตาย’ เพื่อหนีปัญหา แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด… เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ของประเทศจีนได้รายงานว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันศุกร์ ณ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน สาวที่ไม่ทราบชื่อรายหนึ่งต้องการที่จะปลิดชีวิตของตัวเองจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อหวังจะฆ่าตัวตาย แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลก เพราะแทนที่จะจมลงไปแต่ร่างกายของเธอกลับลอยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำแทนซะงั้น!? จากนั้นไม่นานก็มีผู้พบเห็นเหตุการณ์เข้าจึงโทรไปแจ้งหน่วยฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือชีวิตเธอได้ทันเวลาพอดี และหลังจากที่ช่วยขึ้นมาถึงบนฝั่ง รถพยาบาลก็รีบนำตัวของหญิงสาวส่งโรงพยาบาลในทันที ไม่มีใครทราบถึงแรงจูงใจในการฆ่าตัวตายของเธอ ภาพของหน่วยฉุกเฉิน ที่เร่งช่วยหญิงสาวรายดังกล่าว . และยังคงเป็นที่สงสัยว่าเพราะเหตุใดร่างกายของเธอถึงไม่จมลงไปในน้ำ แต่กลับลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำแทน!? ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาให้ความเห็นว่าเป็นโชคดีของหญิงสาวคนนี้ที่มีมวลไขมันในร่างกายมากกว่า เพราะไขมันนั้นมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ นั่นหมายความว่าหากคุณมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าปริมาณกล้ามเนื้อมากเกินไป ก็จะทำให้ร่างกายของคุณลอยอยู่บนน้ำได้ อีกเหตุผลหนึ่งคือร่างกายเธออาจจะตอบสนองฉับพลันตอนจะจมน้ำว่าต้องเอาชีวิตรอด และเธอเลยเปลี่ยนใจประคับประคองตัวเองไม่ให้จม จนกระทั่งหน่วยกู้ชีพช่วยชีวิตมาได้สำเร็จ ถือเป็นโชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ได้รับโอกาสที่จะใช้ชีวิตอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเลือกใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างไร #เหมียวหง่าว ก็ขอเอาใจช่วยนะ ^^ ที่มา…
-
รู้จัก “วาฬสีน้ำเงิน” เกมลึกลับ ที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นรัสเซียกว่า 130 คน
ทุกวันนี้สื่อโซเชียลมีเดียถือว่าเป็นสิ่งที่สร้างอิทธิพลทางความคิดและส่งผลกระทบต่อวัยรุ่นเป็นอย่างมาก เพราะโดยธรรมชาติแล้ว วัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับจากคนรอบข้างอยู่เสมอ แต่จะเป็นอย่างไรหากมีกลุ่มโซเชียลมีเดียกลุ่มหนึ่ง พยายามยั่วยุให้วัยรุ่น “ฆ่าตัวตาย” จนกระทั่งตอนนี้ก็มีผู้หลงเชื่อไปแล้วกว่า 130 คน Yulia Konstantinova วัย 15 ปี เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ Yulia Konstantinova วัย 15 ปี และ Veronika Volkova วัย 16 ปี สองสาววัยรุ่นชาวรัสเซียได้ก่อเหตุฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากตึกสูง 14 ชั้น (Veronika Volkova วัย 16 ปี) ทั้งสองเติบโตมาในครอบครัวที่แสนอบอุ่นและเพรียบพร้อมไปด้วยทุกอย่าง จนไม่ว่าใครต่างสงสัยว่า เพราะเหตุใดพวกเธอจึงก่อเหตุอัตวินิบาตกรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้ ก่อนเหตุจะเกิดขึ้น Yulia ได้โพสต์คำว่า “จุดจบ” ไว้บนหน้าเพจโซเชียลมีเดียของเธอ พร้อมๆ กับภาพวาฬสีน้ำเงิน เช่นเดียวกัน Veronika กับข้อความ “ความรู้สึกหายไปแล้ว จบกันที” และหลายๆ ครั้งเธอโพสต์ข้อความอันแสนหดหู่ออกมาเช่น “เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามั้ย” หรือ “ฉันเป็นแค่วิญญาณ”…
-
จดหมายสุดท้ายของหญิงสาว… ตัดสินใจจบชีวิต เพราะถูกกลั่นแกล้ง-ข่มขืนอย่างโหดร้าย
Cassidy Trevan เป็นชื่อของหญิงสาววัย 15 ปี จากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ต้องมาเจอกับเรื่องราวอันแสนเลวร้ายในชีวิต หลังจากที่ถูกคนใจร้ายรังแก และข่มขืนในตอนที่เธออายุได้เพียง 13 ปีเท่านั้น เหตุนี้จึงทำให้เธอได้ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง จนนำมาสู่เรื่องราวอันแสนเศร้าที่ทำให้หลายคนถึงกับใจสลาย วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้นำเรื่องราวของ Cassidy มาเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ก็ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันโศกเศร้า และเสียใจไปตามๆ กันที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาจบชีวิตลงเพราะความโหดร้ายของมนุษย์ จากการรายงานระบุว่า ก่อนที่ Cassidy จะเสียชีวิต เธอได้เขียนจดหมายลาตาย เพื่อเป็นคำเตือนให้กับนักเรียนคนอื่นๆ ที่โรงเรียนของเธอ โดยมีข้อความดังต่อไปนี้… “ฉันชื่อ Cassidy Trevan และฉันถูกข่มขืน ฉันเป็นนักเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ฉันถูกนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่โรงเรียนเดียวกันข่มขืน จุดประสงค์ที่ฉันเขียนจดหมายขึ้นมาก็เพราะฉันอยากจะออกมาเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น (รวมถึงผู้ปกครองด้วย) เพราะฉันกลัวว่าพวกเขาอาจจะทำกับนักเรียนคนอื่นๆ เหมือนที่ทำกับฉัน… สำหรับคนที่ข่มขืน กลั่นแกล้งฉัน และทำให้ฉันถูกข่มขืน ฉันไม่ได้ต้องการที่จะแก้แค้น แต่เพียงแค่อยากจะออกมาเตือนนักเรียนในโรงเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 7-12 ปี เพราะฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับใครอีก หลังจากที่เกิดเรื่องฉันเลยอยากออกมาเตือน…
-
รู้จักกับ ‘Kevin Briggs’ ลุงจ่าไม่เฉยสุดแกร่ง ผู้ช่วยคนที่จะฆ่าตัวตายมาแล้วนับไม่ถ้วน!!
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักสะพาน ‘Golden Gate Bridge’ แลนด์มาร์กสำคัญของเมือง San Francisco กันเป็นอย่างดี (ก็แหงล่ะสิ…เล่นปรากฏมาในหนังแทบจะทุกเรื่องแล้วมั้งเนี่ย!?) แล้วรู้กันรึเปล่าว่าแลนด์มาร์กแห่งนี้ อีกด้านหนึ่งมันเป็นสถานที่ยอดฮิตของคนที่คิดจะฆ่าตัวตายเหมือนกันนะ ซึ่งนับตั้งแต่วันเปิดทำการเมื่อปี 1937 จวบจนปัจจุบัน ก็มีคนใช้สะพานแห่งนี้เป็นประตูสู่โลกหน้ามาแล้วหลายพันคน มุมยอดฮิตที่กลายเป็นประตูสู่ภพภูมิหน้า… แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่เกริ่นนำเท่านั้น เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับผู้พิทักษ์แห่งสะพาน จ่า ‘Kevin Briggs’ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งเกษียณจากการประจำการที่ ‘California Highway Patrol’ ก่อนจะผันตัวมาเป็น ‘ผู้พิทักษ์แห่งสะพาน Golden Gate’ อย่างเต็มตัว ถ่ายรูปหล่อๆ คู่กับสะพานแห่งนี้ซักหน่อย วีรกรรมที่อดีตนายตำรวจคนนี้ทำก็นับว่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะทุกๆ วันเขาจะคอยออกตรวจตราสะพานแห่งนี้ และถ้าพบเห็นว่ามีใครจะเข้ามาทำการฆ่าตัวตายที่นี่ละก็ เขาพร้อมที่จะให้คำปรึกษา และให้กำลังใจ ด้วยประโยคเด็ดที่มักจะใช้พูดกับคนทุกคนเหมือนกันว่า “เธอมาที่นี่เพื่อจะทำร้ายชีวิตของตัวเองจริงๆเหรอ?” ทั้งหมดนั้นเริ่มมาจากช่วงแรกที่เขาเข้ารับราชการตำรวจในพื้นที่แห่งนี้ เขาได้พบว่าทุกเดือนจะมีคนมากระโดดสะพานเพื่อมุ่งสู่โลกหน้ามากถึงเดือนละ 2 ครั้ง!! หลังจากเกษียณแล้ว เขาก็ได้นำเรื่องราวทั้งหมดที่เคยพบเจอ มาเล่าต่อผ่านปลายปากกา จนกลายเป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ได้เสียงตอบรับค่อนข้างดีจากหลายสำนักพิมพ์ และด้วยความที่เขาไม่อยากให้ใครคิดสั้น…
-
ตำรวจกล่อมชายที่กำลังจะกระโดดตึกด้วย “แมว” ของเขาเอง จนสุดท้ายใจอ่อนยอมมอบตัว
เหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เราได้เห็นถึงสายสัมพันธ์ของคนและสัตว์ได้อย่างดี… ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้วที่ซานฟรานซิสโก ได้เกิดเหตุชายผู้ต้องสงสัยว่าเป็นโจรขโมยรถพยายามจะปีนหน้าต่างออกมาเพื่อที่จะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย พอตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้มีการเจรจากันเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะไม่ยอมฟังอะไรเลย ซึ่งตำรวจใช้เวลาคุยนานกว่า 3 ชั่วโมง จนกระทั่งครอบครัวของเขามาถึงพร้อมกับแมวที่เขาเลี้ยงไว้ และดูเหมือนว่าแมวตัวนั้นจะสามารถช่วยเขาไว้ได้ สำนักข่าว SF Gate รายงานว่า หลังจากที่แมวมาถึง ตำรวจก็ใช้เวลาเพียง 45 นาทีในการที่ทำให้เขาใจอ่อนและยอมกลับเข้าไปในห้องได้ หลังจากนั้นเขาก็ยอมแพ้ หลังจากเหตุการณ์คลี่คลายลง ชายหนุ่มที่คิดจะฆ่าตัวตายก็ได้มีเวลาอยู่กับแมวของเขา ก่อนที่จะถูกนำตัวออกจากสถานที่เกิดเหตุ Albie Esparza โฆษกตำรวจเล่าว่า “ผมไม่เคยใช้แมวในการเจรจามาก่อน แต่มันก็ได้ผล ชายคนนั้นยอมที่จะไม่คิดฆ่าตัวตาย ปีนกลับเข้ามาในห้องแล้วยอมจำนนแต่โดยดี ดังนั้นพลังของความรักที่คนมีต่อสัตว์เลี้ยง มันสามารถทำให้เรียกคืนสติกลับคืนมาได้” ถึงแม้ว่าเหตุการร์นี้จะเกิดขึ้นครบ 1 ปี แล้ว แต่ก็ยังเป็นที่จดจำของใครหลายคนที่ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ของเราต่อสัตว์เลี้ยงมันเยียวยาอะไรได้มากมาย ที่มา distractify
-
หญิงสาวตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองเพราะ “คลิปหลุด” กลายมาเป็นกระแสความตลกในสายตาคนอื่น
เรื่องราวอันน่าเศร้าใจนี้เกิดขึ้นในปี 2015 หญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Tiziana Cantone จากเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี เธอได้ส่งคลิปที่เธอกำลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเก่าได้ดู และนั่นก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปในทันที คลิปของเธอถูกแชร์ใน WhatsApp และหลังจากนั้นก็เริ่มไปไกลถึงโซเชียลมีเดียอื่นๆ และคลิปนั้นก็ได้กลายมาเป็นมุกตลกที่ยกคำพูดของเธอจากในคลิปมาด้วย ในคลิปเธอได้พูดไว้ว่า “Mi stai facendo il video? Bravo” (แปลได้ว่า “กำลังอัดคลิปเหรอ? ดีเลย”) ซึ่งประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่ใช้ในเชิงตลกขบขัน ไม่ใช่แค่คนทั่วไป แต่ระดับบริษัทก็ยังใช้ในการโฆษณาด้วย ซึ่งประโยคนี้ก็ดังมาก ถึงขนาดที่ว่านักฟุตบอลในอิตาลี Paolo Cannavaro และ Antonio Floro Flores ก็ยังเอามาพูดกันในเชิงขำๆ จากเหตุการณ์ที่คลิปหลุดออกไปและกลายมาเป็นกระแสมุกตลกในโลกออนไลน์ ป้าของเธอก็พบว่าหลานสาวกลายเป็นศพด้วยวัยเพียงแค่ 31 ปีเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจของเมืองเนเปิลส์ก็กำลังสืบสวนถึงสาเหตุการตายของเธอ และทำการสันนิษฐานเอาไว้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย Tiziana Cantone ต้องลาออกจากงานอันเนื่องมาจากผลกระทบที่ตามมาในโลกออนไลน์ และจะต้องมาตามลบความผิดพลาดในเรื่องคลิปของเธอด้วย ดังนั้นเธอจึงจำเป็นที่จะต้องย้ายกลับไปที่เมือง Mugnano เพื่ออยู่กับครอบครัว Cantone ได้ทำเอกสารเพื่อร้องขอไปยัง Google, Facebook ประเทศไอร์แลนด์, Yahoo ของอิตาลี,…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 12 ข้อปฏิบัติที่ควรทำ เมื่อพบว่าคนใกล้ตัวคุณ อยากจะฆ่าตัวตาย…
ในโลกสังคมแห่งยุคสมัยที่เต็มไปด้วย การแข่งขัน การเอาชนะ และ การอยู่รอด อะไรๆก็ดูจะวุ่นวายไปหมด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้มีอัตราผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และด้วยความเครียด ความเหนื่อยล้า หรือการท้อแท้จากปัญหาต่างๆในชีวิต อาจจะทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกหมดหวัง หมดกำลังใจ ไม่มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไป และผลสุดท้ายหลายๆคนก็เลือกที่จะจบชีวิตลงด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะดูไกลตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนรัก หรือคนใกล้ตัวที่เราสนิทสนม เขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วถ้าวันหนึ่งเขาคิดอยากจะปลิดชีวิตตัวเองลงล่ะ? มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และนี่คือ 12 คำแนะนำที่เราควรจะปฏิบัติแก่คนใกล้ตัว เมื่อรู้ว่าพวกเขามีอาการป่วยทางจิต โดย Dr. Christine Moutier หัวหน้าทางการแพทย์ ประจำมูลนิธิการป้องกันเหตุฆ่าตัวตาย ประเทศสหรัฐอเมริกา 1. จงเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของคุณ เมื่อรู้สึกถึงคนมีปัญหา หลายๆ ครั้งที่มักจะมีสัญญาณเตือนออกมาจากปากของผู้ป่วยคนนั้น อย่างเช่น “ฉันรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะใช้ชีวิตต่อไปอีก” หรือบางทีพวกเขาอาจจะไม่อยากพบปะผู้คน หรือแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ถ้าหากสัญชาติญาณในตัวคุณทำให้คุณรู้สึกว่าคนใกล้ตัวกำลังมีปัญหา เราไม่ควรจะเพิกเฉย แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะเข้าไปพูดคุย รับฟังปัญหาต่างๆจากพวกเขาบ้าง 2. เป็นคนที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ลองจินตนาการตามดูว่า ถ้าหากคุณพ่อของเราป่วย คนทั้งบ้านต่างก็ช่วยกันปรึกษาหารือ หาวิธีรักษาคุณพ่อ…
-
คุณพ่ออัดคลิปถึงครอบครัวเด็กที่รังแกลูกชายของเขาจนฆ่าตัวตาย “ปิศาจของคุณพรากลูกของผมไป”
ปัญหาการรังแกกันภายในโรงเรียนถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและแทบจะเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก แม้จะมีความพยายามในการจะแก้ปัญหานี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมในหลายๆ ครั้ง อย่างเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ Daniel Fitzpatrick วัย 13 ปีคนนี้ เขาได้ทำการอัตวินิบาตกรรมด้วยการแขวนคอเมื่อช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากถูกเพื่อนๆ ภายในโรงเรียนรังแก และคุณครูก็ไม่พยายามห้ามเรื่องดังกล่าว โดยก่อนเขาจะก่อเหตุนั้น เขาได้ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ ใจความว่าเขาถูกเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งที่เคยเป็นเพื่อนสนิทรังแก แม้เขาจะบอกอาจารย์ในโรงเรียนหลายๆ คน แต่ก็ไม่มีใครพยายามหยุดยั้งเรื่องดังกล่าว จนสุดท้าย เขาก็เขียนด้วยความน้อยใจว่า “ผมยอมแพ้แล้ว” ล่าสุดคุณพ่อของ Daniel Fitzpatrick ได้ทำการไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊ค เพื่อบรรยายความรู้สึกที่ต้องสูญเสียลูกชายไป “ไม่ควรมีพ่อแม่ที่ไหนต้องมาฝังศพลูกตนเอง และไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ลูกชายของผมต้องเจอ สำหรับพ่อแม่ของเด็กที่รังแกลูกชายของผม เท่าที่ผมบอกได้คือ หวังว่าพวกเขาจะไม่ต้องเจอเรื่องราวอย่างเดียวกับที่พวกเราเจอ” “พวกคุณยังได้กอด ได้มอบความรักให้กับลูกของคุณในทุกวัน แต่ผมไม่มีทางได้ทำแบบนั้นอีกแล้ว ปิศาจตัวน้อยของครอบครัวคุณได้พรากเขาไปจากผมและครอบครัว” “ผมไม่รู้จะพูดอะไร ผมคิดถึงลูกชายของผม ผมแค่อยากได้ยินเสียงของเขาบอกว่า “สวัสดีตอนเช้าครับพ่อ” อีกครั้งหนึ่ง ผมจะได้ตอบเขาว่า “สวัสดีตอนเช้าลูก พ่อรักลูกนะ”” หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทางโรงเรียน Holy Angels Catholic…
-
สาวป่วยโรค ALS เชิญเพื่อนๆ มาร่วมงานปาร์ตี้ส่งท้าย ก่อนจากโลกไปด้วยวิธีการุณยฆาต
โรคร้ายเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ก็คงไม่อยากเป็น แต่เมื่อเป็นแล้ว มันก็คงยากที่จะทำใจ ดังนั้น เราจึงเห็นว่า บางคนจึงตัดสินใจจบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายหรือการการุณยฆาต และนี่คือราวสุดซึ้งของศิลปินสาว Betsy Davis โดย เมื่อปี 2013 เธอได้รับการวินิฉัยเป็นโรค ALS (เซลล์ประสาทบกพร่อง) มันค่อยๆ ทำให้เธอไม่สามารถเดิน กิน หรือพูดได้ รวมไปถึงการหายใจที่เริ่มติดขัด เธอจึงต้องนอนอยู่บนเตียง และให้อาหารผ่านหลอดตลอดเวลา แต่ด้วยความทรมานและไม่อยากเป็นภาระให้ครอบครัว เธอจึงตัดสินใจจบมันด้วยวิธีการการุณยฆาต ด้วยการฉีดยาและเธอได้ทำให้แน่ใจว่า ยาชนิดนี้ไม่ผิดกฏหมาย เพื่อไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง แม้ทางครอบครัวจะไม่เห็นด้วย แต่ทุกคนก็เคารพในการตัดสินใจของเธอ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจลาโลกนั้น เธอได้เขียนอีเมลล์ให้เพื่อนสนิทและครอบครัว เพื่อเชิญมาฉลองในวันสุดท้ายของเธอ ในอีเมลล์เขียนว่า “ขอเชิญพวกคุณที่มีใจกล้าหาญ มารวมส่งฉันเป็นครั้งสุดท้ายเป็นเวลา 2 วัน แต่งานนี้จะแตกต่างกับงานปาร์ตี้ทั่วไป เพราะมันค่อนข้างบีบคั้นจิตใจ” และเธอยังตั้งกฏข้อสำคัญอย่างหนึ่ง “ห้ามร้องไห้ต่อหน้าฉัน” มีคนมาร่วมงานมากกว่า 30 คน พวกเค้ากินพิซซ่า ดื่มเหล้า และมีการแสดงดนตรีด้วย โดยภายในงานทุกคนก็ไม่ได้ร้องไห้ให้เธอเห็นเลย ในที่สุดวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฏาคม…
-
สาววัย 16 ผู้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง หลังจากที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่มีใครเชื่อ…
เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง เกี่ยวกับข่าวคราวการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเด็กสาวคนหนึ่งในสหราชอาณาจักร Emily Stickells วัย 16 ปี ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ซึ่งไม่ได้ระบุไว้อย่างแน่ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำ) แต่พอเธอเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีคนเชื่อเธอเท่าไรนัก หลังจากนั้น18 เดือนต่อมา…. พ่อแม่ได้มาพบศพของเธอที่บ้านของพวกเขา Emily Stickells สาวน้อยผู้โชคร้าย Sharon Thomas แม่ของเธอได้เล่าให้ฟังว่า ‘ที่เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายก็เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่ได้โกหกเรื่องแบบนี้แน่นอน’ แม่ของเธอกลับบ้านมาพบกับร่างไร้วิญญาณของลูกสาว หลังจากเธอกลับมาจากที่ทำงานอย่างเร่งรีบ เพราะลูกสาวอยู่ดีๆ ก็ไม่ตอบกลับข้อความของเธอซะงั้น… Thomas Atherton เจ้าหน้าที่ของ Cardiff Royal Infirmary กล่าวว่า ‘Emily เลิกกับแฟนหนุ่มของเธอในตอนกลางคืน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันถัดมา’ โรงพยาบาล Cardiff Royal Infirmary Emily ได้เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศครั้งแรกตอนอายุราวๆ 15 ปี แต่กระนั้นก็ไม่มีใครเชื่อเธอมากนัก เพราะหลายๆ คนคิดว่าโอกาสที่เธอจะถูกล่วงละเมิดทางเพศนั้นมีน้อยมาก ระหว่างนั้นเธอได้รับการเยียวยาทางจิตใจโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เพราะความเขินอายของเธอเองที่ทำให้เธอเก็บปัญหานี้ไว้แต่เพียงลำพัง และบ่ายเบี่ยงการรักษามาตลอด Atherton เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลกล่าวเสริมว่า…
-
คุณครูเขียนจดหมายให้กำลังใจนักเรียน 130 คน หลังจากเกือบสูญเสียลูกศิษย์เพราะ ‘โรคซึมเศร้า’
ความเศร้าสามารถนำพาชีวิตของคนหนึ่งคนไปสู่การฆ่าตัวตายได้ อาจจะฟังเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ข้างๆ เราก็เป็นได้ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน คุณครู Brittni Darras ได้พบปะกับผู้ปกครองของนักเรียนภายใต้การดูแลของเธอในงานประชุมผู้ปกครอง และแล้วก็มีคุณแม่รายหนึ่งเข้ามาหาเธอเพื่อทำการบอกเล่าเหตุผลว่าทำไมลูกสาวของเธอถึงขาดเรียนเป็นประจำ คุณแม่เล่าว่าเหตุที่ลูกสาวของเธอนั้นขาดเรียนบ่อยๆ เป็นเพราะว่าลูกสาวของเธอเป็นโรคซึมเศร้า เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามายับยั้งเอาไว้ได้ โดยที่ลูกสาวของเธอพร้อมที่จะลาโลกนี้ไปด้วยการลบบัญชีสื่อโซเชียลทั้งหมดทิ้งพร้อมกับร่างจดหมายลาตายไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณครู Brittni Darras ก็เป็นห่วงมาก จึงเขียนจดหมายส่งไปให้ลูกศิษย์ผ่านคุณแม่ ใจความในจดหมายนั้นไม่ไดมีบอกโดยละเอียด แต่พอจะสรุปจากรูปที่เห็นได้คร่าวๆว่า ‘ถึงจะผ่านอดีตอันขมขื่นมา แต่เธอก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าประสบความสำเร็จ ครูชอบที่จะรับรู้เรื่องราวบ้าๆบอๆของพวกเธอ แล้เธอจะไปได้สวยแน่ในอนาคต ภูมิใจในตัวเธอมากนะ ทำดีต่อไปล่ะ ลงชื่อ คุณครู Darras’ เมื่อเธอได้รับจดหมายนั้น ทั้งคุณแม่และลูกสาวต่างร้องไห้ทันที ถึงกับพูดออกมาว่า ‘หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนห่วงใยหนูขนาดนี้ หนูไม่คิดเลยว่าจะมีใครคิดถึงหนูถ้าหากว่าหนูจากโลกนี้ไปแล้ว’ จากเหตุการณ์ที่เกือบจะสูญเสียลูกศิษย์ของเธอจากการฆ่าตัวตาย ด้วยความเป็นห่วง คุณครูก็เลยใช้เวลากว่า 2 เดือน เขียนจดหมายให้กับลูกศิษย์อีก 130…
-
ผอ.ศูนย์ดูแลสัตว์จรจัดฆ่าตัวตาย หลังถูกคนรุมด่า เพราะเธอต้อง ‘การุณยฆาต’ หมานับร้อย
หลายๆ คนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีค่าเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสัตว์อื่นๆ อย่างเช่น หมา แมว เสือ สิงโต เป็นต้น ไม่ว่าใครก็รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราไม่รู้ว่าความตายจะพาเราไปไหน แต่แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนรอบข้างอย่างแน่นอน เว็บไซต์ Dailymail ได้เล่าเรื่องราวของสัตวแพทย์หญิงรายหนึ่ง ที่ได้ทำการฆ่าตัวตายเหตุเพราะอาการซึมเศร้า สัตวแพทย์หญิง Jian Zhicheng อายุ 31 ปี รับหน้าที่เป็น ผอ. ศูนย์พักพิงสัตว์จรจัด Xinwu ในประเทศใต้หวัน โดยเพื่อนร่วมงานของเธอเล่าว่า เธอเป็นคนที่ใจดี มีเมตตา และอุทิศตนเองในการดูแลเหล่าสัตว์ทั้งหลาย และที่ผ่านมาเธอก็เคยช่วยเหลือสุนัขหลายตัวให้ได้มีบ้านอยู่อย่างถาวร รวมถึงยังสนับสนุนในการรณรงค์การรับเลี้ยงสัตว์จากศูนย์พักพิง แทนที่จะไปซื้อจากฟาร์มเพาะพันธุ์ แต่อนิจจา หน้าที่ในการเป็น ผอ. ศูนย์อนุรักษ์สัตว์นี้เธอต้องทำหน้าที่ในการควบคุมจัดการให้ศูนย์มีสภาพที่ดีในทุกด้าน รวมไปถึงในเรื่องของจำนวนประชากรสัตว์ที่อยู่ในศูนย์พักพิงนี้ด้วย เธอจึงต้องจำใจทำในสิ่งที่เธอเกลียดอย่างการจัดการประชากรสุนัขจรจัดที่มีมากเกินไปในศูนย์พักพิง สิ่งนั้นคือ… การการุณยฆาตพวกมันด้วยการฉีดยาให้จากไปอย่างสงบ ตามรายงานระบุไว้ว่า เธอต้องจำใจการุณยฆาตเหล่ามะหมาไปกว่า 700 ตัวภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี และ ด้วยเหตุนี้เองทำให้เธอถูกรุมประณามอย่างรุนแรงจากเหล่าคนรักสุนัข ถึงสิ่งที่เธอได้ทำลงไป จนถึงขั้นตั้งฉายาให้เลยว่า ‘นักฆ่าหมาหน้าสวย’ …
-
งานวิจัยเผยชีวิตของ ‘แซลมอน’ ในฟาร์ม มีอาการเศร้าและหดหู่ ราวกับคนพยายามฆ่าตัวตาย!!!
ก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารโปรดของหลายๆ คนเลยทีเดียว กับหลากหลายเมนูแซลมอน แต่กระนั้นที่มาของอาหารชนิดนี้น่าเศร้าจนหลายๆ คงอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยทีเดียว เพราะเหล่าแซลมอนที่มาเสิร์ฟบนจานอาหารของคุณนั้น พวกมันมีชีวิตที่เศร้ามาก และมีแนวโน้มในการฆ่าตัวตายสูงสุดๆ โดยเฉพาะในฟาร์มปลาแซลมอนที่เลี้ยงกันไว้เป็นกระชังหรือบ่อที่แออัด ชีวิตอันแสนเศร้าของแซลมอน ล่าสุดในงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์โดย Royal Society Open Science พบว่า เหล่าแซลมอนที่ไม่ได้อยู่ในธรรมชาติ คือถูกเลี้ยงมาในฟาร์มนั้น มีพฤติกรรมซึมเศร้า แถมสารเคมีที่หลั่งออกมาจากสมองของพวกมันนั้น ยังเป็นสารที่คล้ายคลึงกับคนตอนหลั่งออกมาเวลาเศร้าหรือเสียใจอยู่!!? หนักไปกว่านั้นก็คือ บางครั้งในกระชังเราก็จะสามารถเห็นแซลมอนบางตัวลอยขึ้นมา มีอาการเหมือนซึมเศร้าสุดๆ จนไม่อยากทำอะไร เหมือนกับสิ้นหวังในชีวิตและอยากฆ่าตัวตายเลยทีเดียว Marco Vindas ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัย Gothenburg กล่าวว่า ‘เราจะไม่พูดว่าเหล่าแซลมอนพยายามฆ่าตัวตายหรอกนะ แต่มันอยู่ในจุดๆ ที่เกือบจะทนไม่ไหวแล้ว และการเลี้ยงแบบแออัดในฟาร์มนั้นยังทำให้พวกมันมีโอกาสตายสูงขึ้นอีกด้วย’ มันก็น่าเศร้าเหมือนกันนะ เพราะตามธรรมชาติแล้วคงได้ว่ายน้ำกันเล่นแบบไม่แออัด แต่การต้องมาอยู่ในกระชังว่ายวนๆ อยู่ที่เดิมเรื่อยๆ จนถูกจับไปขาย… ใครไม่เศร้าก็บ้าแล้วเนาะ!!! ที่มา: Metro
-
แม่ชาวจีนฆ่าตัวตาย หวังลูกนำเงินประกันไปรักษาตัว ปรากฎกรมธรรม์หมดอายุไปหลายปีแล้ว!!
ไม่ว่าแม่ที่ไหน ก็อยากจะให้ลูกมีความสุขเสมอ กระทั่งชีวิตของตนเอง พวกเธอก็สามารถสละได้ แม้สุดท้ายมันอาจจะไร้ค่าก็ตาม จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดสะเทือนใจเรื่องนี้ เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อปี 2005 ชายหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองเซิ่นเจิ้นตรวจพบว่าตนเองป่วยเป็นโรคข้อสันหลังอักเสบ อาการป่วยของเขาแย่ลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาไม่สามารถขยับร่างกายตั้งแต่คอจนถึงบริเวณสะโพกและต้องลาออกจากงานประจำ เพื่อทำการรักษาตัว เมื่อไม่สามารถทำงาน เงินทองที่เขาเก็บสะสมมา ก็ค่อยๆ หมดลงไปเรื่อยๆ จากรักษาร่างกาย เมื่อแม่ของเขาของทราบเรื่องดังกล่าว ก็เป็นกังกลอย่างมาก เธอจำได้ว่าเธอเคยซื้อประกันชีวิตเมื่อหลายปีก่อน เธอจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เธอตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้นเก้า และทำทีว่าเป็นอุบัติเหตุ เพื่อหวังว่าลูกชายของเธอจะนำเงิน 300,000 หยวนหรือราว 1.5 ล้านบาท โดยประโยคสุดท้ายที่เธอคุยกับลูกก็คือ “แม่ไม่เป็นไร แม่จะช่วยลูกหาเงินมาจ่ายค่ารักษาเอง” โชคร้าย ประกันชีวิตที่เธอทำไว้ หมดอายุไปตั้งแต่ช่วยเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้บริษัทประกันปฏิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว ชายดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก และถ้าเป็นไปได้ เขาอยากเป็นคนที่ตายแทนด้วยซ้ำ แม้สุดท้ายผลลัพธ์จะไม่ได้ออกมาอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่าความรักของมารดา นั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ที่มา shanghaiist
-
ชมคลิปแกล้งคนสุดเกรียน เมื่อคนขับแท็กซี่ที่คุณขึ้น กำลังจะทำ “คาร์บอมบ์” คุณจะทำยังไง?!?
ภัยก่อการร้ายในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของชาวอิสลามนั้นติดลบลงไปอย่างมาก ด้วยคำสอนที่เคร่งครัด ทำให้เหล่าผู้ก่อการร้ายฉวยโอกาสนั้น บิดเบือนคำสอนและล้างสมองผู้อื่นให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยเหตุนี้ทางกลุ่มนักทำคลิปจากซาอุดิอารเบียกลุ่มนี้ จึงทำคลิปแกล้งคนชิ้นนี้ขึ้นมา เพื่อแสดงให้ทุกคนตระหนักรู้ในความน่ากลัวของ “การก่อการร้าย” โดยพวกเขาแกล้งทำทีเป็นคนขับรถแท็กซี่ เมื่อมีผู้โดยสารขึ้นมา พวกเขาก็จะถามว่า “คิดยังไงกับการทำจีฮัด” (การต่อสู้เพื่อปกป้องศาสนา) จากนั้นคนขับก็จะเปิดเสื้อให้เห็นอุปกรณ์คล้ายระเบิดฆ่าตัวตาย เราไปดูกันดีกว่า ว่าปฏิกิริยาของผู้โดยสารเป็นยังไงบ้าง ใจเย็นพี่ๆๆๆๆ อย่าเพิ่งกดๆ ตรูโดดลงก่อนล่ะ ล็อคคอมันไว้ๆๆๆ ไปชมคลิปกันเลย ฮาาา ปฏิกิริยาแต่ละคนนี่เงิบๆ ทั้งนั้น เห็นมั้ยละว่าไม่ใช่ชาวมุสลิมทุกคนซะหน่อย ที่อยากจะก่อการร้าย เห็นทีเราต้องเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อชาวมุสลิมแล้วล่ะ ใช่มั้ยละเพื่อนๆ ที่มา Viral God
-
คู่สามีภรรยาสูงวัยทิ้งโน๊ตขอบคุณเพื่อนบ้าน ก่อนจะจับมือกันเผาตัวตายพร้อมบ้าน..
หลายคนอาจบอกว่าชีวิตนั้นมีค่าและเป็นสิ่งสำคัญ แต่เชื่อหรือไม่ บางครั้งเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ชีวิตนั้นอาจไม่ได้สำคัญเท่ากับสิ่งอื่นนัก อย่างเช่นคู่สามีภรรยาสูงวัยจากประเทศจีนคู่นี้ คุณตากับคุณยาย Zhu อาศัยอยู่กินกันมาหลายสิบปี และตอนนี้พวกเขาอายุ 85 ปีแล้ว วันหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเพียงพอแล้วกับการอาศัยอยู่บนโลกนี้ พวกเขาจึงทิ้งโน๊ตขอบคุณไว้ให้เพื่อนบ้านพร้อมบอกว่า “ถึงเวลาต้องไปแล้ว” ก่อนจะจุดไฟเผาบ้านตนเองและฆ่าตัวตายด้วยกันในนั้น ทันทีที่เพื่อนบ้านสังเกตเห็นว่า มีสิ่งผิดปกติ พวกเขาก็รีบโทรตามเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทันที และเขาก็พยายามจะเข้าไปช่วยคู่สามีภรรยาทั้งสองด้วย แต่ปรากฏว่าทั้งบ้านล็อก จนเขาไม่สามารถเข้าไปได้ ผ่านไปซักระยะหนึ่ง หนึ่งในเพื่อนบ้านสามารถพังประตูเข้าไปได้แล้ว แต่ไฟโหมลุกรุนแรงมาก จนพวกเขาไม่สามารถฝ่าเปลวไฟเข้าไปได้ จนกระทั่งไฟเริ่มสงบ พวกเขาสามารถเข้าไปถึงห้องนอนของตายายทั้งสองได้ ที่นั่นพวกเขาก็พบร่างไร้ชีวิตของตายายทั้งสอง “พวกเขานอนจับมือซึ่งกันและกัน” คุณยาย Zhu เป็นโรคอัมพาตเมื่อหลายปีก่อน เธอไม่สามารถลุกออกจากเตียงไปไหนได้ และเมื่อหลายวันก่อน เพื่อนบ้านเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของคุณตา โดยพวกเขาเห็นคุณตานำของเซ่นไหว้มาไว้ในบ้านมากมาย นอกจากนี้คุณตายังยกข้าวของหลายๆอย่างให้เพื่อนบ้านอีกด้วย แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะฆ่าตัวตาย จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าขึ้นมา เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ชาวเน็ตก็เริ่มตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการมีกฎหมายการุณยฆาต เพื่ออนุญาติให้ผู้ที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ สามารถจากไปได้โดยสงบด้วยความช่วยเหลือของแพทย์ โดยไม่ต้องฆ่าตัวตายอย่างน่าเศร้าเช่นนี้ น่าเศร้าจังเลยเนอะ ปัญหาการฆ่าตัวตายในผู้สูงวัยจริงๆแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันนะ เหมียวว่าทางรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้บ้างแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าแบบนี้ขึ้นอีกก็ได้…
-
จุดเริ่มต้นของการ ‘แขวนคอ’ จนนำไปสู่วิธีการฆ่าตัวตายอันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก!!
เรื่องของการนำเชือกหรือผ้ามาเป็นอุปกรณ์ในการปลิดชีวิตนั้นมีมาเนิ่นนานแล้วล่ะ การแขวนคอ หรือ การผูกคอ ตามแต่จะเรียกจุดประสงค์ของการใช้งาน ไม่มีความซับซ้อนอะไรมากมาย เพียงแค่นำมามัดเป็นห่วงที่สามารถคล้องคอได้ จากนั้นก็ปล่อยให้กลไกของแรงโน้มถ่วงโลกทำงาน ทั้งนี้การแขวนคอนั้นถูกนำมาใช้เป็นวิธีการประหารชีวิตเริ่มต้นขึ้นในช่วงยุคกลางของประเทศอังกฤษ นำเสนอวิธีการโดยชนเผ่าดั้งเดิมแซ็กซอนในช่วงศตวรรษที่ห้า เป็นวิธีการง่ายๆ และใช้งานได้จริง จึงได้รับความนิยมไปอย่างแพร่หลายทุกสารทิศ จากวิธีการประหารชีวิตก็กลายมาเป็นวิธีการฆ่าตัวตายที่ได้รับเลือกมากที่สุดในโลก เพราะเจ็บน้อยที่สุด ไวและง่าย อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครนำมันมาใช้เป็นคนแรกและเหตุใดถึงเลือกกระทำ ซึ่งอัตราการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอที่สูงที่สุดอยู่ในช่วงยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม มีอัตราสูงในหลายประเทศ นอกจากนี้การแขวนคอหรือการผูกคอ ในวัฒนธรรมของชาวไวกิ้งเชื่อว่าเป็นวิธีการบูชายัญชีวิตให้แก่เทพโอดิน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเชิดชูเทพโอดินจากการที่เทพได้ทำการแขวนคอตัวเองเพื่อสละชีวิตนั่นเอง จากทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อเป็นความรู้ อย่าได้คิดนำไปใช้งานจริงเชียวล่ะ เพราะทุกชีวิตมีคุณค่าอยู่ในตัวนะจ๊ะ ที่มา : historic-uk, wikipedia
-
ตำรวจนำแมวแสนรัก มากล่อมทาสหัวขโมยที่คิดกระโดดตึกฆ่าตัวตาย จนกลับใจยอมลงมาแต่โดยดี
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ ที่จะทำให้เราได้เห็นถึงพลังแห่งความรักความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์ เพราะเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพของชายคนหนึ่ง ที่ตกเป็นผู้ตกสงสัยว่าเป็นโจรขโมยรถ ซึ่งเขาได้ปีนออกมาจากทางหน้าต่างชั้น 3 แถมยังขู่อีกว่าจะกระโดดลงมาฆ่าตัวตาย งานนี้จึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมหน่วยกู้ภัย ที่ได้ไปถึง ณ จุดเกิดเหตุ รีบเข้าไปช่วยเหลือชายคนนั้นทันที ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเกลี้ยกล่อมชายคนดังกล่าวหลายต่อหลายครั้ง จนเวลาผ่านไปนานถึง 3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาไม่มีท่าทีที่จะยอมลงมาเลย ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา หลังจากทราบจากญาติของชายคนนี้ว่า เขามีแมวแสนรัก ดังนั้นพวกเขาจึงได้นำเจ้าเหมียวมาช่วยเกลี้ยกล่อมให้ทาสของมันล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย และสุดท้ายไม่น่าเชื่อเลยว่า มันสามารถดึงสติให้ชายคนดังกล่าวล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย แถมเขายังปีนกลับเข้าไปในตึก และเดินลงมาอย่างปลอดภัยอีกด้วย โอ้ววว เห็นทีงานนี้ต้องขอปรบมือรัวๆ ให้กับเจ้าหน้าที่หัวใสที่ได้ปิ๊งไอเดียสุดแจ่มนี้ขึ้นมา เรียกได้ว่ามันเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมากจริงๆ แถมเจ้าเหมียวก็สามารถทำหน้าที่ช่วยทาสของพวกเอ็งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ยอดเยี่ยมไปเลย ที่มา : news
-
สลดใจ!! ลูกชายโดนพ่อต่อว่าหนัก คว้าปืนยิงตัวเองดับต่อหน้าต่อตา
ปัญหาภายในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากการกระทำของคนในครอบครัวส่งผลต่อจิตใจมากๆ อาจจะทำให้รู้สึกอ้างว้างไม่เหลือที่ยืนอีกแล้วก็เป็นได้ อย่างเช่นในกรณีของลูกชายดาบตำรวจรายหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ทั้งนี้ตามรายงานจากสำนักข่าวต่างๆ ได้เขียนเอาไว้ว่า ผู้เป็นพ่อที่เป็นตำรวจจราจร สภ.เมืองพัทยา ออกจากเวรสายตรวจและกลับมาที่บ้าน พบกับลูกชายเอาแต่เล่นเกมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ช่วยแม่ปิดร้านขายของ ก็เกิดอาการไม่พอใจมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง พร้อมกับวางปืนพกที่ขึ้นลำไว้แล้วตรงหน้าโต๊ะที่ลูกชายนั่ง และแล้วเหตุการณ์ก็กลับแย่ยิ่งกว่าเดิม เมื่อลูกชายตัดสินใจคว้าปืนบนโต๊ะจ่อยิงเข้าที่ศีรษะของตัวเอง ต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อและแม่ เมื่อตั้งสติได้ผู้เป็นแม่จึงรีบนำปืนออกไปทิ้งบริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการยิงเกิดขึ้นอีก หลังจากที่ข่าวนี้เริ่มแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง สำนักข่าวและสื่อต่างๆ ก็ได้รายงานข่าวออกไปในแนวทางที่โทษการเล่นเกมเป็นหลัก ทั้งที่จริงแล้วเกมอาจจะไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาดังกล่าวเสียทีเดียว อาจจะเป็นเรื่องของปัญหาภายในครอบครัวมากกว่า ทั้งนี้ ได้มีการถกเถียงในเรื่องของสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้ มาจากเกมจริงๆ หรือไม่!? อะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อวางปืนลงบนโต๊ะหน้าลูกชาย ลูกชายติดเกมไม่ช่วยแม่ปิดร้านจริง หรือ อาจมีการทะเลาะเบาะแว้งมาก่อนหน้านี้รึเปล่า จากคลิปกล้องวงจรปิดเราไม่อาจเดาบทสนทนาที่เกิดขึ้นได้เลย ก็ต้องติดตามความจริงกันต่อไปแล้วล่ะ เนื้อหาภายในคลิปวิดีโอมีความรุนแรงต่อจิตใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม สลด! ตำรวจจราจรเมืองพัทยาต่อว่าลูกชายเพราะเล่นแต่เกม ลูกชายคว้าปืนจ่อขมับยิงตัวเองต่อหน้าต่อตาอ่านข่าวต่อได้ที่นี่ >> http://news.sanook.com/1868114/ Posted by เรารักด่านพัทยา on…
-
ตำรวจเกลี้ยกล่อมชาย “กระโดดสะพาน” จนสำเร็จ สุดท้ายโผเข้ากอดกันอย่างอบอุ่น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง Raleigh ใน North Carolina เมื่อมีชายคนหนึ่งพยายามที่จะกระโดดสะพานเพื่อฆ่าตัวตาย แต่แล้วก็มีตำรวจนายหนึ่งพยายามเกลี้ยกล่อม จนเขาไม่กระโดด แล้วทั้งคู่ก็กอดกัน เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมาในช่วงเย็นๆ ตำรวจจาก Raleigh ได้รับหน้าที่ให้ไปช่วยชายคนหนึ่งที่กำลังจะคิดฆ่าตัวตาย โดยที่เขากำลังยืนอยู่ริมสะพานเหนือถนน Wade Avenue หลังจากทั้งคู่ได้กอดกันแล้วตำรวจก็พาเขาไปส่งขึ้นรถ เราไปชมคลิปอันน่าประทับใจนี้กันเลย ถือเป็นอีกเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้น เขาบอกว่าเวลาเห็นคนเป็นโรคซึมเศร้า อย่าพยายามออกห่างพวกเขา เพราะคนเหล่านี้ต้องการที่พึ่งทางใจเป็นอย่างมาก ถ้าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวแล้วอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็เป็นได้ ที่มา DailyHQNews
-
หญิงสาวอัดคลิปประชดรักแฟนหนุ่ม ถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตาย!!!
ความรักแม้จะเป็นสิ่งที่สามารถบันดาลให้เรามีความสุขได้ แต่บางครั้งความรักก็เปรียบได้ดั่งกับยาพิษที่พร้อมจะทำร้ายผู้ที่ดื่มเข้าไปทุกเมื่อ หากคนผู้นั้นไม่รู้วิธีรับมือกับมัน อย่างเช่นหญิงสาวคนนี้ ที่อัดคลิปประชดรัก หลังถูกแฟนหนุ่มทิ้งไป พร้อมกล่าวว่า ตนเองนั้นอาจจะคิดสั้นฆ่าตัวตายได้ หากแฟนหนุ่มไม่กลับไปหาเธอ ไปชมคลิปดั่งกล่าวกันเลย เหมียวว่าคลิปนี้น่าจะเป็นตัวอย่างและบทเรียนที่ดีให้กับทุกๆคนนะ ความรักถึงแม้ว่าจะสำคัญ แต่ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าชีวิตของตนเองหรอกนะ ขอรักตัวเองมากๆ ชีวิตเรามีค่ามากกว่าจะมาเสียไปเพื่อคนๆเดียวนะจ๊ะ ที่มา เรื่องเด่น ประเด็นร้อน