Tag: ชนเผ่า
-
เชิญชม ชนเผ่าในปาปัวนิวกินี ที่เชื่อว่า ‘วิญญาณจระเข้’ จะแหวกว่ายอยู่ในตัว…
ในพื้นที่บนโลกที่เราไม่เคยไปหรือไม่รู้จัก อาจซ่อนความอัศจรรย์เอาไว้มากมายก็เป็นได้ อย่างเช่นที่นี่ ปาปัวนิวกินี สถานที่อันเป็นแหล่งอาศัยของชนเผ่า Sing-Sing ที่ถือหอก และมีความเชื่อว่าพวกเขามีจิตวิญญาณแห่งจระเข้เวียนว่ายอยู่ในตัว วันนี้เราจะพาทุกท่านไปชมภาพถ่ายทรงพลังอันน่าหลงใหล ด้วยฝีมือการถ่ายของช่างภาพ Trevor Cole ที่ได้เก็บภาพความงดงามของเผ่า Sing-Sing แห่งปาปัวนิวกินีมาให้เราทุกคนได้รับชมกัน ชนเผ่า Sing-Sing บางกลุ่ม จะทาใบหน้าด้วยสีดำ ขาว เหลืองและแดง Sing-Sing นั้นแบ่งออกเป็นอีกหลายเผ่าย่อยๆ เผ่า Kangunaman Tribesmen จะมีรอยแผลเป็นลวดลายหนังจระเข้ที่ดูองอาจและแข็งแกร่ง เผ่านักรบ Huli Wigmen จะสวมเครื่องประดับศีรษะ เพื่อเป็นสัญญาณพร้อมรบ หรือเผ่า Kunai ที่จะมีการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์และเพียบพร้อมไปด้วยหอก ธนู และขวาน ยามใดที่แต่ละเผ่ารวมตัวกันเป็นหนึ่ง พวกเขาจะเรียกตัวเองว่า Sing-Sing ศัตรูอันตรายของการมีอยู่ของเผ่านี้คือ น้ำท่วมและป่าที่กำลังลดลง สมาชิกชนเผ่าราว 65,000 คน อาศัยอยู่ที่บริเวณ Tari Basin…
-
ส่องเกาะลับแห่งมหาสมุทรอินเดีย “เซนทิเนล” ที่อาศัยของชนเผ่าดุร้าย ใครอยากลองดี เชิญ!!
มนุษย์นักสำรวจจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ชื่นชอบการสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่มีใครเคยไป เช่น ป่าเขาลึก เกาะร้าง หรือพื้นที่ทุรกันดาร เป็นต้น หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจลักษณะนี้ล่ะก็ เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ เกาะเซนทิเนลเหนือ หนึ่งในหมู่เกาะอันดามันแห่งมหาสมุทรอินเดีย เกาะแห่งนี้ ถือเป็นเกาะต้องห้าม เพราะบนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของ ชนเผ่าเซนทิเนล ที่ว่ากันว่าดุร้าย ไม่เป็นมิตร และปิดกั้นตัวเองจากคนนอก หากใครฝ่าฝืนเข้าไปใกล้ หรือเข้าไปข้างในเกาะ จะถูกโจมตีใส่ในทันที บนเกาะไม่มีชนกลุ่มอื่นเลย นอกจากเผ่าเซนทิเนล ทั้งนี้ด้วยความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและปัญหาทางธรรมชาติ รัฐบาลอินเดียจึงพยายามติดต่อกับชนเผ่านี้ให้ได้ ครั้งหนึ่งเคยส่งฑูตนามว่า T.N. Pandit เข้าไปยังเกาะ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจเขานำมะพร้าวและของใช้ต่างๆ เข้าไปมอบให้กับชนเผ่า ในครั้งแรก ชาวเผ่าเซนทิเนลก็ต้อนรับเขาโดยไม่มีการคำนับหรือการทักทายใดๆ แต่ T.N. Pandit ก็พบว่าชาวเผ่านั้นมีสุขภาพและชีวิตการเป็นอยู่ที่ดี เติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอก ภารกิจนี้จึงหยุดลง เกาะเซนทิเนลเป็นหนึ่งในหมู่เกาะอันดามัน ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย เกาะเซนทิเนล เป็นเกาะต้องห้ามเนื่องจากเป็นที่อาศัยของชนเผ่าดุร้ายไม่เป็นมิตร เผ่าเซนทิเนล ปฏิเสธการติดต่อกับโลกภายนอก และจะโจมตีอย่างไม่ยั้งมือ กับทุกคนที่กล้ารุกล้ำเขตแดนของเกาะ เพราะฉะนั้นอย่าอยากรู้อยากเห็นแล้วพยายามเฉียดเข้าไปใกล้จะดีกว่า การติดต่อกับโลกภายนอก อาจทำให้พวกเขาได้รับเชื้อโรคจากมนุษย์ภายนอก และนั่นอาจทำให้…
-
คนงานเหมืองทองในบราซิลบุกรุนผืนป่า และสังหารชนเผ่าพื้นเมืองอย่างโหดเหี้ยม!!
แม้เราจะเติบโตกันในยุคสมัยที่เจริญแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าในโลกใบนี้ยังมีชนเผ่าพื้นเมืองอีกมากมาย ที่ยังไม่เจริญตามยุคสมัยหรือเข้าถึงเทคโนยีและยังรักษาแนวทางของพวกเขาไว้ ชนเผ่าอะเมซอนที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบลาซิลก็เช่นกัน พวกเขาเป็นชนเผ่าที่ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก แต่ทว่าจุดที่พวกเขาอยู่นั้นมันกลับเป็นจุดที่มีแร่ธาตุต่างๆ อยู่นั้นรวมถึงทองด้วย จึงทำให้มีนายทุนเลือกที่จะส่งคนเข้าไปทำเหมืองบริเวณดังกล่าว แต่ว่าเรื่องสุดโหดเหี่ยมก็เกิดขึ้น เมื่อคนเหมืองสองคนถูกจับได้โทษฐานฆ่าหั่นศพชนเผ่าพื้นเมืองดังกล่าวถึง 20 คน ซึ่งพวกเขาได้ทำลายหลักฐานโดยการเอาศพไปทิ้งลงแม่น้ำนั่นเอง จากรายงานบอกว่า สถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ Vale do Javari ซึ่งเป็นที่ดินพื้นเมืองอันเก่าแก่ โดยอยู่ห่างจากเมืองมาเนาส์ราวๆ ของประเทศบลาซิล 1200 กิโลเมตร คนงานเหมืองทั้งสองที่ถูกจับ ได้บอกถึงสาเหตที่ต้องฆ่าชนเผ่าว่า ถ้าไม่ฆ่าชนเผ่าพวกเขาก็จะถูกฆ่า ฉะนั้นจึงต้องลงมือทันที และจากรายงานที่บอกว่ามีผู้ตาย 20 คนนั้น จริงๆ แล้วก็ยังไม่มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจน แต่ก็คาดว่าอยู่ราวๆ 19 ถึง 21 คน… อย่างไรก็ตามเรื่องราวในครั้งนี้นั้นถูกประนามโดยองค์กร Survival International และพวกเขายังบอกอีกว่า การฆาตกรรมครั้งนี้เกิดมาเป็นเดือนๆ แล้ว แต่พึ่งจะถูกเปิดเผยไม่นานนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความไม่ใส่ใจของรัฐบาล ที่มา metro
-
Korowai ชนเผ่าลึกลับในอินโดนีเซีย กับหลักฐานภาพถ่าย ที่ยืนยันการมีตัวตนอยู่บนโลก…
ทุกวันนี้ โลกของเราได้ก้าวหน้าไปมาก เนื่องด้วยมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะไหลตามไปกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพราะยังคงมีการปรากฏตัวของชนเผ่าโบราณ ที่ยังคงปฏิบัติตามธรรมเนียมของบรรพบุรุษ และรักษาตัวตนฉบับดั้งเดิมของพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม ในขณะที่เรากำลังจมอยู่กับกิจวัตรประจำวันของชีวิตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ความโกลาหน และความวุ่นวาย หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่า มีชนเผ่าแห่งหนึ่งที่แทบจะไม่รู้จักโลกภายนอก อาศัยอยู่ร่วมกับเราบนโลกใบนี้ด้วย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทางเว็บไซต์ Labible ได้เปิดเผยภาพถ่ายของ Korowai ชนเผ่าลึกลับจากประเทศอินโดนีเซีย ที่เพิ่งจะได้รับการยืนยันว่าพวกเขามีตัวตนอยู่จริงๆ สำหรับชาว Korowai หรือที่เรียกว่า Kolufo เป็นชนเผ่าที่มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดประมาณ 3,000 คน พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านต้นไม้ขนาดยักษ์บนเกาะนิวกินีฝั่งตะวันตก ในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ทางด้านนักมานุษยวิทยายังได้ออกมาชี้ว่า ชนเผ่าดังกล่าวอาจไม่รู้เลยว่านอกเหนือจากพวกเขาแล้ว จะมีคนอื่นๆ อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ด้วย จนกระทั่งพวกเขาก็ได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอกในช่วงปี 1970 จากการรายงานระบุว่า ชนเผ่า Korowai เป็นชนเผ่านักล่าสัตว์ ที่มีทักษะในการล่าสัตว์และการตกปลาที่ดีเยี่ยม นอกเหนือจากนี้ พวกเขายังปลูกผักไว้ทานเองอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานปรากฏให้เห็นว่า Peter…
-
ผู้หญิงชนเผ่าอินเดีย เจาะจมูกและสักใบหน้า ทำให้ดูอัปลักษ์ เพื่อป้องกันชายต่างเผ่าลักพาตัว
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้เงินไปกับเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ยอมซื้อ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะผู้หญิงต่างก็อยากเป็นคนสวย และดูดีกันทั้งนั้น แต่สำหรับผู้หญิงในชนเผ่าที่เรียกตัวเองว่า Apatanis หรือ Tanis ไม่มีโอกาสทำให้ตัวเองดูสวยงามเหมือนผู้หญิงทั่วไป เพราะความสวยจะเป็นอันตรายต่อตัวเองได้ ภาพถ่ายของผู้หญิงในชนเผ่า Apatani ถ่ายในเดือนตุลาคม ปี 2016 ใน Ziro Valley รัฐอรุณาจัลประเทศ ประเทศอินเดีย Apatanis เป็นชนเผ่าที่อพยพมาอยู่ในที่ราบสูง Apatani ของประเทศอินเดีย พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะชนเผ่าที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเกษตรกรรม ส่วนประวัติศาสตร์หรือที่มาที่ไปของชนเผ่านั้นไม่ได้ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่มีเรื่องเล่าที่ถูกถ่ายทอดจากรุุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบันนี้ หนึ่งในเรื่องเล่าเหล่านั้นคือ เหตุผลที่ผู้หญิงในชนเผ่า Apatanis ที่ส่วนใหญ่แล้วจะต้องเจาะรูจมูกเป็นกว้าง และมีรอยสักอยู่ทั่วใบหน้าของพวกเธอ มีการเล่าว่าผู้หญิงในชนเผ่านี้ เป็นคนที่สวยมากและด้วยความสวยความงามเหล่านี้ จะทำให้พวกเธาถูกผู้ชายต่างชนเผ่ามาลักพาตัวไปเป็นภรรยา โดยที่ผู้หญิงไม่ได้มีความรู้สึกเต็มใจเลย หญิงชนเผ่า Apatani สองคนกำลังแบกข้าวเปลือกเพื่อเอาไปให้คู่รักใหม่ที่เพิ่งแต่งงาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผู้สูงอายุของชนเผ่าจึงตัดสินใจสักบนใบหน้าของผู้หญิงและเจาะรูจมูกของพวกเธอให้กว้างตั้งแต่เด็ก ทำให้มีลักษณะที่ดูอัปลักษณ์ เพื่อลดความสนใจของผู้ชายต่างเผ่า รอยสักบนใบหน้าจะเริ่มทำเมื่อเด็กหญิงมีอายุครบ 10 ขวบ และแม้ว่าสาเหตุของการทำแบบนี้จะไม่สวยงามเท่าไหร่นัก แต่ผู้หญิงบางก็ภูมิใจกับรอยสักและการเจาะรูจมูก เพราะมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนพวกเขาไปแล้ว…
-
รู้จักกับมนุษย์ดินโคลน ชนเผ่าใน “ปาปัวนิวกินี” กับวัฒนธรรมใส่หน้ากากเพื่อข่มขวัญศัตรู!!
โลกเรามันกว้างใหญ่มากซะจนอาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เช่นเดียวกับเรื่องราวของชนเผ่าหนึ่งในปาปัวนิวกินี ที่มีวัฒนธรรมแปลกแตกต่างออกไปจากชนเผ่าอื่นๆ พวกเขามีชื่อเรียกว่า ‘Mud Men’ หรือถ้าแปลไทยก็คงประมาณว่า ‘มนุษย์ดินโคลน’ นั่นเอง ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องเป็นโคลนหรือพวกเขาอยู่อาศัยอยู่อย่างไรนั้น เราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย ชนเผ่ามนุษย์โคลนมักจะอาศัยอยู่ตามพื้นที่ราบสูงของประเทศปาปัวนิวกินี ซึ่งที่นี่มีชนเผ่ามากกว่า 2,000 กลุ่ม รวมถึงมนุษย์โคลนจากหุบเขา Waghi ด้วยเช่นกัน ถ้าคุณอยากจะเจอพวกเขา ก็ต้องเดินทางขึ้นไปยังภูเขา Hagen ซึ่งถูกตั้งชื่อตามชาวเยอรมันที่ครั้งหนึ่งเคยเดินทางมาสำรวจ ณ ที่แห่งนี้ ด้วยความที่บริเวณชายฝั่งมักจะมีสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้พวกเขาต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ๆ มีฝนตก 3,800 มม. ต่อปี และไม่ต้องคอยห่วงเรื่องโรคมาลาเรีย ในอดีตพวกเขามักจะพรางตัวด้วยโคลนและซ่อนตัวอยู่ตามหนองบึง เพื่อซุ่มโจมตีชนเผ่าอื่นๆ ตามตำนานเล่าว่าพวกเขาเคยเป็นชนเผ่าที่มีวิธีล่าโหดร้ายมากที่สุด พวกเขามักจะออกล่าช่วงพลบค่ำ ด้วยหน้ากากแปลกๆ และการพรางตัว ทำให้ศัตรูมักจะคิดว่าพวกเขาเป็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ ชนเผ่าต่างๆ มักจะมีความเชื่อที่กลัวภูตผีปีศาจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนั่นก็ทำให้ชนเผ่ามนุษย์โคลนมักจะได้รับชัยชนะจากการออกล่าเสมอ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีการออกล่าฆ่าแกงกันเหมือนในอดีต ทว่าวัฒนธรรมการใส่หน้ากากดินเผา และการพรางตัวด้วยโคลน ยังคงเป็นจุดสนใจที่เรียกเงินจากนักท่องเที่ยวให้พวกเขาได้ดีเสมอ… ให้อารมณ์เหมือนกองทัพโคลนจากเรื่องสตาร์วอร์เลย เชร๊ดดดด!!…
-
หนุ่มตากล้องเก็บภาพชนพื้นเมืองไซบีเรีย ในช่วงเวลา 6 เดือน ระยะทางกว่า 25,000 กม.!!
เราอาจจะเห็นตากล้องอยู่หลากหลายคนที่ออกเดินทางท่องโลกกว้างเพื่อให้ได้มุมมองใหม่ๆ มาแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมโลกอย่างเราๆ ซึ่งนาย Alexander Khimushin ก็เป็นหนึ่งในตากล้องประเภทนั้นเช่นกัน เขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมกว่า 84 ประเทศทั่วโลกและค้นพบว่า “ผู้คน” เป็นสิ่งที่น่าสนใจและสวยงามที่สุด เขาเลยตัดสินใจที่จะถ่ายภาพผู้คนที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ในเขตไซบีเรียกลับมา ความท้าทายที่สุดไม่ใช่เพียงแค่ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร หรือ ระยะเวลากว่า 6 เดือนในการเก็บภาพ แต่เป็นสภาพอากาศที่โหดร้าย โดยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเขตที่หนาวที่สุดในโลกและการเดินทางที่แสนลำบากกว่าจะได้ภาพเหล่านี้มา ชนเผ่า Dolgan ชนเผ่า Sakha เด็กน้อยจากชนเผ่า Evenki สาวน่ารักจากชนเผ่า Ulchi ท่านผู้เฒ่าประจำเผ่า Evenki เด็กน้อยผู้ร่าเริงจากเผ่า Uilta การแต่งกายแบบเผ่า Sakha เด็กน้อยจากเผ่า Buryat สาวยิ้มสวยจากเผ่า Soyot ชนเผ่า Negidal หมอผีประจำเผ่า Buryat เสื้ออีกแบบประจำเผ่าของ…
-
เรียนรู้ประวัติชาวอินเดียแดงชนเผ่าต่างๆ จากภาพสีที่อาจไม่เคยผ่านตาคุณมาก่อน!!
ชาวอเมริกันดั้งเดิม หรือที่เรารู้จักกันในชื่ออินเดียแดง ถือเป็นชนชาติดั้งเดิมที่ล้มหายตายจากไปเมื่อ 120 ปีก่อนเป็นผลมาจากการล่าอาณานิคม แต่สำหรับเรื่องนั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ส่วนในครั้งนี้เราจะมาดูภาพของชนเผ่าต่างของอินเดียแดงกัน ล่าสุดทางเว็บไซต์ Dailymail ได้ปล่อยเซตภาพดังกล่าวออกมา แต่ว่าภาพทั้งหมดล้วนเป็นภาพสีที่ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ โดยจะย้อนกลับไปเมื่อปี 1899 ซึ่งแต่ละภาพก็จะประกอบไปด้วย ชาวอินเดียแดงจากหลากหลายชนเผ่าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Sioux, Crow, Ute, Passamaquoddy, Pawnee, Maricopa, Blackfeet และ Salish Porrum และ Pedro จากเผ่า Ute ปี 1899 เผ่า Ute ถือเป็นเผ่าที่มีขนาดใหญ่และตั้งถิ่นฐานกันอยู่บริเวณภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของรัฐต่างๆ อย่างเช่น Colorado, Utah, Wyoming, Eastern Nevada และ Northern New Mexico นอกจากนั้นพวกเขายังมีทักษะในการล่าสัตว์ที่สูงมากๆ อีกด้วย Peter Tall Mandan และ Iron White Man จากชนเผ่า Sioux ปี 1900 เผ่านี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าที่เป็นชาวอเมริกันแท้ๆ โดยพวกเขาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณทุ่งหญ้าใน Minnesota…
-
ตามติดชีวิต “ชนเผ่าซูริ” แห่งเอธิโอเปีย ใช้วัวเป็นทรัพย์สิน และเจาะร่างกายเพื่อความงาม
ชนเผ่าเอธิโอเปียที่อยู่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ สมาชิกในเผ่าจะต้องผ่านพิธีกรรมอย่างการเจาะปากแล้วนำแผ่นหินมาสอด หรือการต่อสู้ด้วยกระบองไม้ที่โหดเหี่ยม Mario Gerth ช่างภาพชาวชาวเยอรมันวัย 40 ปี ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านของชนเผ่าซูริ และเก็บภาพของคนในเผ่ารวมถึงเล่าถึงความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของพวกเขามาให้พวกเราได้ชมกัน ชนเผ่าซูริ อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย ซึ่งพวกเขามีความภูมิใจในเรื่องของพิธีกรรมและรอยแผลเป็นของพวกเขามากๆ หญิงสาวชาวซูริ จะใช้ผิวของตัวเองเป็นที่แสดงถึงศิลปะและความสวยงาม พวกเธอจะสักร่องรอยต่างๆ ลงบนร่างกาย ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากธรรมชาติ เช่น หมวกจากดอกไม้และต้นหญ้า ส่วนหญิงสาวที่มีอายุถึงกำหนด พวกเธอจำเป็นจะต้องเจาะใต้ปากเพื่อที่จะจัดแผ่นหินลงไปได้ ที่สำคัญจำเป็นจะต้องถอนฝันหน้าสองซี่ออกไปด้วย ในส่วนขนาดของแผ่นหิน ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ พ่อของพวกเธอก็จะสามารถเรียกร้องวัว มาเป็นสินสอดได้เยอะยิ่งขึ้นในตอนที่พวกเธอหมั้นหมาย . ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมถึงต้องใช้วัวเป็นสินสอด ก็เพราะว่า สำหรับเผ่าซูริแล้ว วัวนับเป็นเครื่องแสดงฐานะและทรัพย์สินอันมีค่า หากบ้านไหนมีวัวมาก นั่นก็หมายถึงความร่ำรวยนั่นเอง ผู้ชายในเผ่าปกติแล้วจำเป็นจะต้องมีวัวในครอบครองราวๆ 30-40 ตัว แต่ว่าชายที่จะแต่งงานได้จำเป็นจะต้องมีวัว 60 ตัวขึ้นไป เพื่อใช้วัวส่วนหนึ่งในการมอบให้กับครอบครัวของเจ้าสาว Mario บอกว่า ความภาคภูมิใจของชนเผ่านั้นจะขึ้นอยุ่กับรอยแผลเป็นที่พวกเขาสามารถมีได้ โดยพวกผู้หญิงในเผ่าจะใช้ใบมีดโกนในการสร้างบาดแผลให้กับตัวเอง และตรงจุดนั้นก็จะกลายเป็นแผลเป็น ที่กลายเป็นความภาคภูมิใจของพวกเธอนั่นเอง …
-
เผยภาพถ่ายชนเผ่าผู้ห่างไกล ปฏิเสธโลกภายนอกสิ้นเชิง พร้อมจะปลิดชีพได้ทุกเมื่อ!!
ในยุคที่โลกของเราเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยแบบนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะยังหลงเหลืออารยธรรมของชนเผ่าหนึ่ง ผู้ซึ่งปฏิเสธความศิวิไลซ์จากโลกภายนอก Sentinelese คือชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างสันโดษ บนหมู่เกาะ North Sentinel คาบมหาสมุทรอินเดีย และไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามจะเข้าไปสำรวจเกาะแห่งนี้ มักจะถูกพวกเขาโจมตีขับไล่ออกมาตลอด! ภาพฟุตเทจจากทีมที่พยายามเข้าไปสำรวจ แต่ไม่สำเร็จ อ้างอิงข้อมูลจาก LoveBiteProduction คาดว่าชนเผ่าดังกล่าว อาจเป็นมนุษย์ที่สืบเชื้อสายโดยตรงจากชนเผ่าดั้งเดิมในแอฟริกา ซึ่งพวกเขาอยู่อาศัยบนเกาะนี้มาแล้วกว่า 60,000 ปี พื้นที่ทั้งหมดของเกาะมีขนาดเท่ากับเกาะแมนฮัตตัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีทีมสำรวจใด จะสามารถบอกจำนวนประชากรจากชนเผ่านี้ได้อย่างแน่ชัด ซึ่งปัจจุบันคาดว่าน่าจะอยู่ที่ราวๆ 40 – 500 คน ‘ไม่สำคัญว่าคุณจะมาผูกมิตร หรือเป็นศัตรู เพราะพวกเขาจะต้อนรับคุณด้วยลูกธนู และหอก นับไม่ถ้วน’ ทีมสำรวจกล่าว ภาพของเด็ก และผู้ใหญ่ จากฟุตเทจของทีมสำรวจ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 เกิดสึนามิขึ้นเป็นวงกว้างในแถบมหาสมุทรอินเดีย รัฐบาลอินเดียได้ส่งทีมกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือชนเผ่า Sentinelese แต่พวกเขากลับถูกต้อนรับด้วยลูกธนูแทน ภาพชนเผ่ากำลังยิงธนูใส่เฮลิคอปเตอร์ ที่เข้ามาช่วยเหลือจากรัฐบาลอินเดีย บริเวณที่ตั้งของหมู่เกาะดังกล่าว เมื่อปี 1967 รัฐบาลอินเดียเคยพยามที่จะสร้างสัมพันธไมตรีกับชนเผ่านี้…
-
ชนเผ่าในเอธิโอเปีย ผู้ตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับมากมาย เพราะไม่อยากเป็นทาส!!
โลกของเราประกอบไปด้วยชนเผ่ามากมายหลายกลุ่ม กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก แต่ทว่าหนึ่งในชนเผ่าที่มีความยูนิคด้านแฟชั่นมากที่สุด เราต้องขอยกให้กับเผ่าเหล่านี้ จากประเทศเอธิโอเปีย ภาพถ่ายทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของช่างภาพสาวชาวเลบานอน ‘Omar Reda’ เธอได้เดินทางไปยังหุบเขา ‘Omo’ เพื่อศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของชนเผ่าแห่งนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่พวกเขาประดับประดาร่างกายให้เต็มไปด้วยสิ่งของมากมายแบบนี้นั้น ก็เพื่อการไม่ยอมตกเป็นทาสในยุคสมัยก่อนนั่นเอง แผนที่บริเวณหุบเขา ‘Omo’ ย้อนกลับไปในยุคล่าอาณานิคมจากประเทศโลกตะวันตก ในช่วงสมัยนั้นมีการเดินทางเข้ามายังบริเวณทวีปแอฟริกา เพื่อซื้อขาย ‘ทาสชาวแอฟริกัน’ อย่างเปิดเผยราวกับเป็นเรื่องปกติ แน่นอนว่าลึกๆแล้วในความเป็นมนุษย์ ไม่มีใครอยากถูกยึดครองอิสรภาพ และเอาไปใช้งานเยี่ยงทาสแน่นอน นี่จึงเป็นที่มาของการที่ผู้หญิงในชนเผ่าเหล่านี้ เลือกที่จะตกแต่งตัวเองด้วยการเอาจานมาติดที่หู ปาก หรือแม้แต่การหาวัสดุจากธรรมชาติ มาประดับประดาตัวเองให้ดูไม่ปกติมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการคัดเลือกจากกลุ่มนายทุนค้าทาสในอดีตกาล “ชนเผ่า Mursi จะเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของการเจาะริมฝีปากด้านล่าง ในอดีตพวกเขาทำไปเพื่อไม่ต้องการถูกนำไปเป็นภาพ พวกเขาจะเริ่มจากจานขนาดเล็ก ค่อยๆขยายไปจนมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น โดยชนเผ่านี้มีค่านิยมที่ว่าถ้าหากแผ่นไม้ที่อยู่ใต้ริมฝีปากยิ่งใหญ่ เธอคนนั้นก็จะยิ่งมีความสวยงามมาก” ช่างภาพสาวชาวเลบานอนเล่า ภาพถ่ายส่วนหนึ่งจากชนเผ่าท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงการประดับร่างกายด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ผู้เฒ่าผู้แก่จากชนเผ่าเดียวกัน ที่ประดับร่างกายด้วยสร้อยคอที่ทำจากเม็ดพลาสติก “อีกชนเผ่าหนึ่งที่ฉันไปเจอคือชนเผ่า ‘Hamar’ หญิงสาวในชนเผ่านี้จะชะโลมเส้นผมของพวกเธอด้วยดินเหนียว เนย…
-
วิถีชีวิตชนเผ่าโบราณ Huaorani ใช้เวลาส่วนใหญ่ปีนต้นไม้ และออกล่า ‘ลิง’ เป็นอาหาร!!
ถึงแม้ในตอนนี้กระแสโลกาภิวัฒน์จะเข้าครอบคลุมอย่างทั่วถึงเกือบทั้งโลก แต่ก็ยังมีชนเผ่าโบราณที่ยังใช้ชีวิตตามแบบดั้งเพิมของบรรพบุรุษของพวกเขา หล่อเลี้ยงชีวิตโดยการเป่าลูกดอกเพื่อล่าลิงมาปรุงเป็นอาหาร!! ชนเผ่า Huaorani แห่งเอกวาดอร์ ในป่าแห่งนี้ไม่มีร้านอาหาร ร้านขายของชำ หรือแม้แต่กระแสไฟฟ้า ผู้คนต้องดำเนินชีวิตตามแบบบรรพบุรุษโบราณ ด้วยวิธีการปีนป่ายขึ้นไปซุ่มอยู่บนต้นไม้ แล้วเป่าลูกดอกอาบยาพิษใส่ลิงที่หลงเข้ามา ชนเผ่า Huaorani ทางตอนเหนือของประเทศเอกวาดอร์ ด้วยการที่มีประชากรราวๆ เพียง 4,000 คนเท่านั้น ทำให้ความแตกต่างทางพันธุกรรมและยีนส์ของคนเผ่านี้แทบจะเรียกได้ว่าน้อยมาก ทำให้คนในชนเผ่ามีเท้าที่แบน และมีนิ้วเท้า 6 นิ้วด้วยกัน และบางรายก็มีนิ้วมือ 6 นิ้วอีกด้วย!!? การล่าและกินเนื้อลิงนั้นเป็นอาหารหลักของพวกเขา นอกจากนี้ก็มีหมูป่า นกทูแคน และพืชผักสมุนไพรต่างๆ ที่สามารถหาได้ในป่า แต่การหาพืชผักจะเป็นหน้าที่ของหญิงสาวในหมู่บ้านแทน พวกเขาอาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำ Rio Napo ที่ไหลลงไปสู่แม่น้ำอะเมซอน Pete Oxford ผู้ถ่ายภาพกล่าวว่า ‘ชนเผ่า Huaorani คือชนเผ่าอินเดียนแดงโบราณที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นภายในชนเผ่าของพวกเขาแล้ว หลังจากมีการค้นพบแหล่งน้ำมันในพื้นที่’ อาหารหลักของชนเผ่านี้คือลิง ‘พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการล่าลิงและนกเป็นส่วนใหญ่ โดยการเป่าลูกดอกอาบยาพิษ ผมมีความสุขอย่างมากที่ได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเขา อยู่ที่นี่ ราวกับว่าผมเป็นชาวต่างชาติเลยล่ะ’ Pete กล่าวต่อ ‘ผมค่อนข้างได้รับการยอมรับจากคนในเผ่า แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่งก็คือผมมักจะนอนในเต้นท์ไม่ได้…
-
ตากล้องบังเอิญค้นพบ “ชนเผ่าลึกลับ” เผ่าใหม่ กลางป่าอเมซอน ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน..
แม้ว่าโลกของเราจะพัฒนาไปมากทั้งทางด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม แต่ดูเหมือนว่ายังมีชนเผ่าลึกลับอีกมากมาย ใช้ชีวิตอยู่ดินแดนที่มนุษย์ไม่เคยเข้าไปย่างกราย และหลายๆ ชนเผ่านั้น ยังคงใช้ชีวิตเหมือนที่บรรพบุรษของพวกเขาเคยใช้เมื่อหลายพันหรือหลายหมื่นปีก่อน อย่างเช่นล่าสุด ตากล้องชาวบราซิล Ricardo Stuckert ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับโลก หลังสามารถเก็บภาพชนเผ่าลึกลับในป่าอเมซอน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ชนเผ่าบนโลก ที่ยังไม่เคยมีการติดต่อกับโลกภายนอก ภาพชนเผ่าที่เขาถ่ายภาพได้นี้ ยังไม่มีการตั้งชื่อ เพราะไม่ได้มีการสำรวจในพื้นที่ตรงจุดนี้มาก่อน Ricardo เล่าว่าเขากำลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปยังชนเผ่าชนเผ่าหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐอากรี ประเทศบราซิล แต่บังเอิญเกิดฝนฟ้าคะนอง ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนเส้นทางการบินหลบพายุแบบฉับพลัน และขณะที่บินอยู่นั้นเอง พวกเขาก็สังเกตเห็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่านี้ บริเวณป่าอะเมซอนของประเทศบราซิล เปรู โบลิเวีย และโคลัมเบีย คาดว่าจะมีชนเผ่าลักษณะนี้อยู่มากกว่า 100 เผ่า เมื่อชนเผ่าดังกล่าวเห็นเฮลิค็อปเตอร์บินต่ำลงมา พวกเขาก็พยายามจับอาวุธเช่น ธนู หอก และมีดขึ้นมาโจมตี แต่แน่นอนว่าอาวุธโบราณเหล่านั้น ย่อมไม่อาจทำอันตรายนกเหล็กยักษ์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าได้ “แค่ลองนึกดูว่าในศตวรรษที่ 21 แบบนี้ ยังมีผู้คนที่ไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอก และยังคงใช้ชีวิตเหมือนบรรพบุรุษเมื่อ 20,000 ปีก่อน มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าตื่นเต้นมากจริงๆ” Ricardo กล่าว ไม่มีใครทราบว่าพวกเขาพูดภาษาอะไร…
-
ประเพณี Ma’nene ขุดศพญาติผู้ใหญ่ขึ้นมาตกแต่งให้สวยงาม เป็นประจำทุกๆ 3 ปี
ความเชื่อที่มีอย่างยาวนานและยังคงสืบต่อกันมาเป็นประจำของชนเผ่า Toraja แห่งประเทศอินโดนีเซียอาจจะเป็นเรื่องแปลกในสายตาของคนนอก แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันคือสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นการแสดงความเคารพให้กับญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเวลาประจำทุกๆ 3 ปี บนเกาะซูลาเวซี ชนเผ่า Toraja ก็จะทำการขุดหลุมฝังศพญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาขึ้นมา ทำการสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับการตกแต่งศพเพื่อให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมีการร่วมถ่ายรูปกับครอบครัวอันเป็นประเพณีที่ชื่อว่า Ma’nene หรือแปลได้ว่า พิธีการทำความสะอาดศพ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษแล้ว หลานชายกำลังหวีผมให้กับร่างของคุณปู่คุณย่าในระหว่างการทำพิธี ประเพณีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพิธีการที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับชนเผ่า Toraja ซึ่งถ้าหากว่ามีคนในครอบครัวเสียชีวิต พวกเขาก็จะทำการห่อผ้าหลายชั้นเพื่อป้องกันการย่อยสลายของศพ ลักษณะคล้ายกับการห่อมัมมี่ และร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปฝังตามวิธีที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เมื่อผ่านพ้นระยะเวลาไปได้ 3 ปี ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะทำการขุดหลุมฝังศพและนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาตกแต่งใหม่ สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญอีกเช่นกันก็คือการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมโลงฝังศพให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ เหล่าญาติค่อยๆ พยุงและสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับร่างของบรรพบุรุษ ตามความเชื่อของพวกเขานั้น วิญญาณของผู้ตายจะกลับมาสู่บ้านเกิดของตน หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานตามเส้นทางของจิตวิญญาณ โดยที่ไม่สามารถพาร่างของตนเองเดินทางตามไปด้วยได้ และถ้าหากว่ามีคนในชนเผ่าเสียชีวิตภายนอกหมู่บ้าน ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะตามไปถึงสถานที่เหล่านั้น และพาร่างของผู้เสียชีวิตกลับมาฝังที่บ้านเกิด สภาพร่างของอดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปีแล้ว L Sarungu อดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปี…
-
หาดูยาก…หญิงสาวแต่งชุดชนเผ่าไปซื้อของในห้าง แม้แปลกตา แต่คือความงดงามอย่างหนึ่ง
นี่เป็นภาพที่กำลังโด่งดังในต่างประเทศขณะนี้เลย สำหรับภาพของหญิงสาวจากชนเผ่าพื้นเมืองของแอฟริกา ที่ออกมาเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น ภาพเหล่านี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Metro เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เป็นภาพของหญิงสาวในชุดแบบชนเผ่า Himba ในประเทศนามิเบีย ที่เปลือยร่างกายบางส่วนพร้อมกับแบกลูกน้อยไว้ที่หลังของเธอ แสดงถึงความงดงามของวัฒนธรรมชนเผ่าที่เคียงคู่อยู่กับวัฒนธรรมแบบสมัยใหม่ ตามรายงานบอกว่าเธอกำลังเลือกซื้อแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาลและผงซักฟอก ซึ่งในระหว่างนั้นมีช่างภาพชาวสวีเดน Bjorn Persson ผ่านมาเห็นพอดี จึงถ่ายภาพเธอเก็บไว้ “ในตอนแรกเธอไม่ได้สังเกตเห็นผม แต่หลังจากนั้นเธอก็เริ่มรู้แล้วว่าผมกำลังทำอะไร หญิงสาว Himba จะสวมใส่เสื้อผ้าแบบนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่บ้านหรือออกมาในเมืองใหญ่แบบนี้” นาย Persson กล่าว แม้ว่าภาพเหล่านี้จะดูแปลกตาไปหน่อย แต่ก็ต้องบอกว่านี่คือการแต่งกายเพื่อแสดงออกถึงความงามแบบ Himba ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพแบบชนเผ่าอื่นๆ หากสังเกตดีๆ บริเวณผมและผิวหนังของพวกเขาจะปกคลุมไปด้วยดินโคลน นั่นคือการใช้ครีมกันแดดแบบธรรมชาตินั่นเอง . สำหรับคนจากในตัวเมืองเอง การที่ได้เห็นหญิงสาวจากชนเผ่าออกมาในเมืองเพื่อซื้อของแบบนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้บ่อยนัก นาย Persson กล่าวปิดท้ายว่า “พวกเขาแต่งตัวแบบนั้นในหมู่บ้าน ไม่มีใครมาจ้องมองกัน แต่ผมรู้สึกตราตรึงใจ สับสน มีความสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน ภาพถ่ายมันเป็นตัวแทนให้กับโลกเก่าและวัฒนธรรมที่กำลังปะทะกับโลกใหม่ สำหรับผมแล้ว…
-
ตามชมชีวิต ชนเผ่าโบราณในเอธิโอเปีย เมื่อวัฒนธรรมดั้งเดิม ต่อสู้กับโลกสมัยใหม่…
ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย และมีหลายสิ่งหลายที่รอให้เราได้เข้าไปสัมผัส เรียนรู้ เพื่อนำมาเผยแพร่ให้กับผู้อื่น วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปสัมผัส เรียนรู้อีกมุมหนึ่งของโลก จากประสบการณ์ของช่างภาพสารคดีคนหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปยัง Omo Valley ประเทศเอธิโอเปีย เพื่อบันทึกภาพวิถีชีวิตของ 5 ชนเผ่าโบราณดั้งเดิม ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้… เริ่มจากกลุ่มแรก ชนเผ่า Hamar ที่เหลือกำลังรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นใม้ใหญ่ เมื่อมีเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นที่แม่น้ำ Omo เพื่อที่จะสนับสนุนพื้นที่เพาะปลูกในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งส่งผลให้ชนเผ่าเหล่านี้ต้องย้ายไปยังที่ที่ห่างไกลจากแผ่นดินำถิ่นกำเนิดของพวกเขา การสร้างเขื่อนนี้ได้ทำลายระบบสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของชนเผ่านี้ที่มีความผูกพันอยู่กับแม่น้ำมาเป็นเวลานาน พวกผู้ชายจะเพ้นท์หน้าตัวเอง ก่อนที่จะเข้าร่วมพิธีกระโดดวัว เมื่อมีธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปด้วย “ผมต้องจ่ายให้พวกเขาทุกครั้งที่ถ่ายรูป และโอกาสที่จะได้ถ่ายภาพวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขาก็มีน้อยมาก ภาพที่หาเงินได้ดีที่สุดคือ ภาพที่ผู้หญิงเทินหม้อและดอกไม้ไว้บนหัว เด็กๆจะถูกจัดให้โพสต์ท่าราวกับนางแบบที่มีประสบการณ์มานาน มีการเอาสีมาทาบนเรือนร่างและออกท่าทางคล้ายกับการเต้น” เมื่อโลกาภิวัตน์เข้ามาแทนที่ ความเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้จึงหายไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้หญิงจะอาสาหาแส้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความมุ่งมั่นของหนุ่มๆในการเข้าร่วมพิธีกระโดดวัว ฝูงวัวจะยืนเรียงกัน เพื่อใช้สำหรับพิธีกระโดดวัว พิธีกระโดดวัว จัดขึ้นเพื่อทดสอบว่า วัยรุ่นชายพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และพร้อมที่จะแต่งงานมีครอบครัว รวมทั้งการได้เป็นเจ้าของวัวด้วย การเต้นรำของชนเผ่าในระหว่างพิธีกระโดดวัว…
-
7 ความเชื่อแปลกๆ ของชนเผ่าจากทั่วโลก ที่เปลี่ยน ‘ร่างกาย’ ของตัวเองให้ดูประหลาดไป
บนโลกของเราเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย และแน่นอนว่าในแต่ละพื้นที่ก็มีวัฒนธรรมและความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมประเพณีของชนเผ่าจากทั่วโลกที่มีการทำให้ร่างกายของตัวเองให้มีรูปร่างแปลกๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมกันได้ที่ข้างล่างนี้ได้เลย… 1. การเจาะและขยายริมฝีปากด้วยสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายจาน ที่พบในได้ในบางพื้นที่ของประเทศในแถบ แอฟริกา และ อเมริกาใต้ ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่ 8,700 ปีก่อนคริสตกาล และตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ในชนเผ่า Mursi ในประเทศ เอธิโอเปีย ด้วยการเจาะริมฝีปากข้างบนแล้วค่อยๆ ขยายด้วยการใส่จานแบนๆ เข้าไป ซึ่งก่อนหน้านั้นก็จะต้องถอนฟัน 2 ซี่หน้าออกไปด้วย โดยเจ้าจานนี้จะบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของบุคคลผู้นั้น 2. กระโหลกที่ยื่นออกมา อาจจะฟังดูน่ากลัวแต่ใช้เวลาทำเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น พิธีกรรมนี้สามารถพบได้ใน เปรู อิรัก และอียิปต์ เป็นพิธีกรรมที่พบเมื่อ 1,000 ปีก่อน โดยเริ่มทำตั้งแต่ยังเป็นทารกขณะที่กระโหลกยังไม่แข็งแรง ด้วยการนำเชือกมามัดที่หัวให้แน่น เพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางสังคม 3. การรัดเต้านมในแคเมอรูน การหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเต้านมนี้ ทำให้ดูไม่เหมือนผู้หญิง และทำให้ผู้หญิงไม่ตกเป็นที่สนใจของเหล่าผู้ชายทั้งหลาย ซึ่งวิธีการทำของมันนี่ต้องขอบอกไว้เลยว่าน่ากลัวมากๆ พวกเขาใช้ไม้พายร้อนๆ และครกเพื่อละลายไขมันที่หน้าอกและทำให้มันแบน ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมาย ทั้งมะเร็งเต้านม ซีสต์ และปัญหาในการให้นมเด็กทารก…
-
ชนเผ่า Sentinelese ชาวเกาะที่ไม่คิดจะเป็นมิตรกับโลกภายนอก และสังหารแทบทุกคนที่รุกล้ำเข้าไป!!!
สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับเกาะๆ หนึ่ง ที่อยู่ไกลโพ้นและห่างออกไปทางทิศใต้ของประเทศอินเดีย และทิศตะวันตกของบ้านเรานี่แหละ แต่บอกตรงๆ ว่าจะไม่มีใครอยากไปเที่ยวที่นี่กันอย่างแน่นอน!!! ลึกเข้าไปในมหาสมุทรอินเดีย เป็นที่ตั้งของเกาะอันโดดเดี่ยวที่มีชื่อว่า North Sentinel ที่ผู้อาศัยบนเกาะนี้ Sentinelese ถูกนับว่าเป็นชนเผ่าที่ไม่เคยติดต่อกับชนกลุ่มอื่นเลย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือย้อนไปหลายพันปีในประวัติศาสตร์ พวกเขาก็ไม่เคยติดต่อกับคนนอกแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการหาอาหาร ที่พักอาศัยหรือการเกษตร ณ ปัจจุบันนี้กับ 10,000 ปีที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และหลักฐานที่ว่าพวกเขามีตัวตนก็แค่ภาพถ่ายห่างๆ จากชายฝั่งเพียงเท่านั้น เพราะชนเผ่าเซนทิเนลจะสังหารคนนอกที่มายังเกาะของพวกเขาโดยไร้ซึ่งความลังเล!!! เกาะ North Sentinel ถึงแม้ว่านักภูมิศาสตร์จะรู้ว่าพวกเขามีตัวตนอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว ต่างกับเผ่าอื่นๆ ที่จะเป็นมิตรกับผู้มาเยือนและติดต่อค้าขายกัน พวกเขาจะเข้าไปประหัตประหารทันทีที่พบ!!! แม้ว่าจะมีหลายๆ ครั้งในประวัติศาสตร์ ของหลายๆ ชนชาติ ที่พยายามติดต่อกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาใช้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนก็คือความตายและห่าฝนลูกธนูเท่านั้น… ที่ตั้งของเกาะ North Sentinel เกาะใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ติดกันนั้นคือ เกาะ Andaman และเกาะ Nicobar ล้วนแต่เป็นอาณาเขตของประเทศอินเดีย มีชาวอินเดียหลายรายเข้าไปใช้ชีวิตในเกาะเหล่านี้ แต่ประชากรส่วนมากที่นี่เป็นชาวอันดามันโดยกำเนิด ชนเผ่าที่มีประชากรมากที่สุดก็คือ ชาว Jarawa…
-
วิถีชีวิต “พรานล่าน้ำผึ้ง” แบบโบราณของชาวเนปาล โรยตัวจากหน้าผาสูง เพื่อน้ำผึ้งอันหอมหวาน
คงจะไม่แปลกอะไรหรอกกับการเก็บน้ำผึ้งที่เราก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า น้ำผึ้งส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมานั้นมาจากผึ้งเลี้ยงในฟาร์ม มีความเสี่ยงเล็กน้อยหากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่ดี เพราะอาจจะถูกผึ้งต่อยได้ แต่ในประเทศเนปาลนั้น ยังคงมีการเก็บน้ำผึ้งแบบโบราณอยู่ เป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากธรรมชาติแท้ๆ อีกทั้งยังต้องเสี่ยงตายจากเหล่าผึ้งและความสูงชันของหน้าผาด้วย!! ผลงานภาพถ่ายของ Andrew Newey ช่างภาพจากประเทศอังกฤษ ได้ทำการเก็บบรรยากาศการล่าน้ำผึ้งของชนเผ่าโบราณ Gurung จากประเทศเนปาล ซึ่งเป็นหนึ่งในประเพณีที่ยังคงอยู่ของชนเผ่านี้ โดยการล่าน้ำผึ้งนั้นก็เกิดขึ้น 2 ครั้งต่อปี นักล่าน้ำผึ้งทั้งหลายจะต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผาอันสูงชัน ณ ใจกลางของประเทศเนปาล อันเป็นแหล่งของรังผึ้ง อุปกรณ์ที่ใช้ก็จะมีเพียงแค่เชือกบันไดในการโรยตัวจากหน้าผา พร้อมกับพกไม้ไผ่ก้านยาวปลายแหลมเพื่อใช้ตัดรังผึ้งให้ขาด และมีตะกร้าคอยรอรับอยู่ด้านล่าง ประเพณีการล่าน้ำผึ้งนี้ถือว่าเป็นอีกกิจกรรมโบราณชนิดหนึ่งที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยมีหลักฐานประกอบจากภาพวาดบนผนังถ้ำอายุประมาณ 8,000 ปี ในประเทศสเปน แสดงให้เห็นว่ามนุษย์กำลังปีนป่ายเถาวัลย์เพื่อเก็บน้ำผึ้ง แม้จะต้องเสี่ยงอันตรายมากมายซักแค่ไหน แต่เพื่อน้ำผึ้งอันหอมหวาน มนุษย์ก็ยังคงดำเนินประเพณีนี้สืบต่อไป ที่มา : designyoutrust
-
ช่างภาพตามติดชีวิตชนเผ่าโบราณ Dukha แห่งมองโกเลีย กับความห่างไกลอันแสนสุข!!
ปัจจุบันมนุษย์มีความเจริญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จึงอาจจะทำให้เราเผลอคิดไปว่าทุกภาคส่วนบนโลกล้วนมีแต่ความเจริญ ทั้งด้านเทคโนโลยีและความเป็นอยู่ จากหมู่บ้านกลายมาเป็นเมือง มีไฟฟ้าใช้ เป็นต้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม บางส่วนของโลกยังคงมีอารยธรรมแบบโบราณหลงเหลืออยู่ ด้วยกระแสโลกาภิวัฒน์ที่ทำให้โลกนั้นไร้พรมแดน จึงเป็นเรื่องยากที่จะอนุรักษ์อารายธรรมท้องถิ่นโบราณเอาไว้ บางสิ่งจึงเริ่มหายไปตามกาลเวลา แต่สำหรับชนเผ่า Dukha แห่งมองโกเลีย กลับใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมมาอย่างยาวนาน จะเปลี่ยนถิ่นฐานไปเรื่อยๆ ซึ่งยังคงอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ช่างภาพนามว่า Hamid Sardar-Afkhami ได้ทำการไปเยี่ยมและศึกษาวิถีชีวิตของพวกเขาในแต่ละวัน แล้วก็พบว่านอกจากจะใช้ชีวิตอยู่แบบโบราณแล้ว ยังมีการฝึกฝนสัตว์ป่าเพื่อใช้งานอีกด้วย นอกจากจะมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ชนเผ่านี้ยังมีการฝึกฝนกวางเรนเดียร์เพื่อใช้เป็นยานพาหนะหลักด้วย เด็กๆ จะได้เรียนรู้วิธีการฝึกและเลี้ยงกวางเรนเดียร์ตั้งแต่อายุน้อยๆ กวางเรนเดียร์ที่ได้รับการฝึกแล้วจะเป็นสัตว์ที่เชื่องและอ่อนโยนมาก แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ ก็ยังสามารถเข้าใกล้ได้ สาวน้อยกำลังจะพาลูกกวางเรนเดียร์อาบน้ำอาบท่า ชนเผ่า Dukha หรือในอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Tsaatan แปลว่า ผู้เลี้ยงกวางเรนเดียร์ ปัจจุบันครอบครัวของชนเผ่า Dukha นั้นเหลือเพียงแค่ 44 ครอบครัวเท่านั้น หรือประมาณ 200…
-
ช่างภาพสาวชาวญี่ปุ่น วัย 27 ปี ลงทุนแก้ผ้าถ่ายแบบ เพื่อแต่งกายให้เหมือนกับชนพื้นเมืองแอฟริกัน
Nagi Yoshida ช่างภาพสาวชาวญี่ปุ่น วัย 27 ปี ผู้ที่ชื่นชอบในวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ในแอฟริกันมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก เธอมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะลองไปเที่ยวที่ทวีปแอฟริกาสักครั้ง ดังนั้นเมื่ออายุ 23 ปี Nagi จึงได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ทวีปแอฟริกาเป็นครั้งแรก และเธอก็ได้เห็นว่าสภาพความเป็นอยู่ของคนในแอฟริกาค่อนข้างโหดร้าย แต่ทว่าผู้คนที่นี่ต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และยิ้มแย้มแจ่มใส ล่าสุดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้มีการรายงานว่า ช่างภาพสาวรายนี้ ได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังทวีปแอฟริกาอีกครั้ง และไปเยี่ยมชนเผ่าหลายๆ ชนเผ่าด้วยกัน แน่นอนว่าการไปเที่ยวในครั้งนี้ เธอจะต้องเก็บภาพประทับใจมาให้ได้มากที่สุด และเมื่อเธอจะถ่ายรูปตัวเธอเอง Nagi ถึงขั้นยอมลงทุนแก้ผ้าแต่งกายตามแบบชนเผ่าดั้งเดิม เพื่อความกลมกลืน และให้เกียรติผู้คนในเผ่า นอกจากนี้ Nagi ยังได้เผยว่า มีชนเผ่าแอฟริกัน 15 ชนเผ่าที่เป็นชนเผ่าเปลือย และเธอก็ได้ไปพบกับชนเผ่าเปลือยมาแล้วกว่า 12 ชนเผ่าเลยทีเดียว ดังนั้นเธอจึงยอมเปลือยกาย ด้วยการแต่งตัวให้เหมือนหญิงสาวคนอื่นในเผ่ายังไงละเหมียว ‘นางแบบยังเปลือยกายได้ ฉันก็เปลือยด้วย ไม่มีอะไรน่าอายเลย’ Nagi…
-
ชนเผ่า Mentawai แห่งอินโดนีเซีย หนึ่งในผู้คนที่ยังคงวิถีชีวิตแบบบรรพบุรุษไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ในปัจจุบันนี้ทั้งกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งเทคโนโลยีต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่กลืนกินวิถีชีวิตเก่าๆ ของผู้คน อาจจะเพราะด้วยความสะดวกสบาย รวดเร็ว ที่ทำให้ผู้คนละทิ้งวิถีแบบเดิมของพวกเขาและเข้าสู่โลกยุคใหม่ แต่กระนั้นก็มีบางส่วนที่ยังคงวิถีชีวิตแบบเดิมๆ เอาไว้ อย่างเช่นชนเผ่าแห่งเกาะ Mentawai ในประเทศอินโดนีเซีย แถบตะวันตกของสุมาตรา ชนเผ่ากึ่งเร่ร่อนที่ยังคงขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตแบบบรรพบุรุษของพวกเขา สำหรับผลงานภาพถ่ายชุดนี้เป็นของช่างภาพ Saleh Bin Dollah ที่ได้ไปเยี่ยมชมพื้นที่นี้ในปี 2014… ชนเผ่า Mentawai เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของประเทศอินโดนีเซีย ชนเผ่านี้มีเอกลักษณ์ในด้านรอยสักและการทำของใช้ในชีวิตประจำวันจากต้นไผ่ (สังเกตได้จากรอยสักของคนในภาพ) สำหรับผู้หญิงพวกเธอจะไม่สวมเสื้อ เหมือนๆ กับการแต่งกายของผู้ชาย บ้านของพวกเขา โดยภาพชุดนี้จะโชว์บางส่วนของวิถีชีวิตพวกเขาเท่านั้น วิถีชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่มีตามธรรมชาติ ประชากรทั้งหมดของเผ่าคือ 64,000 คน อาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างจากไม้ไผ่ ไม้ และใบหญ้า และนำกะโหลกของสัตว์ที่ล่าได้มาเป็นเครื่องตกแต่งบ้าน เหล่าผู้ชาย ที่มีหน้าที่ไปล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารให้กับคนในเผ่า …
-
ประเพณีแปลก พ่อแม่ปลูกกระท่อมให้ลูกสาวหลับนอนกับผู้ชาย จนกว่าจะเจอคนที่ถูกใจ
หากพูดถึงแนวคิด Free Sex หรือการมีเพศสัมพันธ์แบบเสรี หลายคนอาจคิดว่าแนวคิดนี้เป็นแนวคิดที่ขัดกับความเชื่อและค่านิยมของผู้คนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยสิ้นเชิง แต่เชื่อหรือไม่ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีชนเผ่าชนเผ่าหนึ่ง มีแนวคิดแบบ Free Sex แบบสุดๆ ชนิดที่ว่าประเทศแถบตะวันตกยังต้องทึ่งเลยทีเดียว เราไปทำความรู้จักกับชนเผ่านี้กันเลยดีกว่า นี่คือชนเผ่าเกรือง (Kreung) พวกเขาเป็นชนเผ่าเล็กๆ ที่อาศัยในชนบทอันห่างไกลทางตะวันตกเฉี่ยงเหนือของประเทศกัมพูชา ว่ากันว่าพวกเขาเป็นชนเผ่าที่มีความเสรีในด้านเพศสัมพันธ์อย่างสุดๆ เผ่าหนึ่งของโลก เมื่อไหร่ก็ตามที่หญิงสาวชาวเกรืองเข้าสู่วัยรุ่น พ่อแม่ของพวกเธอจะสร้างกระท่อมเอาไว้ให้พวกเธอพาผู้ชายที่เธอสนใจมาหลับนอนด้วย และพวกเธอสามารถพาชายที่ไหนมานอนด้วยก็ได้ จนกว่าเธอจะเจอคนที่ถูกใจ พวกเขาเชื่อว่านี่คือ “วิธีที่ดีที่สุด” ที่จะหา “สามีที่ดีที่สุด” ให้กับลูกสาวของพวกเขา แน่นอน หญิงสาวชาวเกรืองก็ต้องมีความมั่นใจในตัวเอง และรู้วิธีจะรับมือกับผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิต พวกเธอรู้ว่าเธอต้องการอะไรจากความสัมพันธ์กับผู้ชายเหล่านั้น หลายคนอาจรู้สึกช็อคกับวิธีการของพวกเขา แต่เชื่อหรือไม่ หมู่บ้านชาวเกรืองไม่เคยมีประวัติการข่มขืนหรือการหย่าร้างแม้แต่ครั้งเดียว นั่นแปลว่าวิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างที่พวกเขาว่าจริงๆ ก็ได้ ภายหลังองค์กรอิสระได้เข้าไปให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิด การป้องกันโรคติดต่อ และการใช้ถุงยางแก่พวกเขา และนี่คือ แนงจัน (Nang Chan) หญิงสาวชาวเกรืองวัย 17 ปี เธออาศัยที่กระท่อมบริเวณหลังบ้านพ่อแม่ของเธอ เธอได้ถ่ายทอดความคิดของเธอเกี่ยวกับประเพณีให้เราฟัง…
-
ช่างภาพเยอรมัน ปั่นรถถีบมากว่า 40,000 กม. ทั่วโลก เลือกแอฟริกาเป็นปลายทาง ถ่ายภาพชนเผ่าใกล้สาบสูญ!!!
40,000 กิโลเมตร!!! ดูไม่ผิดหรอกเมี๊ยวววว 40,000 กิโล!!! เหมียวว่ามันเป็นอะไรที่ Epic มากๆ เลยนะเนี่ย เชื่อได้เลยว่าเขาต้องพบเจออะไรมามากมายตลอดระหว่างการเดินทางอย่างแน่นอน Mario Gerth ช่างภาพชาวเยอรมันได้ตัดสินใจปั่นจักรยานไปรอบโลก ผ่านมาแล้วกว่า 80 ประเทศใน 5 ทวีป ได้พบพานสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งสงครามการเมือง การปกครองโดยระบอบเผด็จการของผู้นำประเทศต่างๆ และความรุนแรงทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นบนโลก แต่ถ้าถามถึงความประทับใจของเขาน่ะเหรอ?? เขาหลงใหลแอฟริกาเป็นอย่างมาก จนตัดสินใจว่าจะเดินทางไปที่นั่นเป็นที่สุดท้าย เพื่อเก็บภาพวิถีชีวิตของผู้คน และชนเผ่าใกล้สาบสูญต่างๆ เอาไว้ และนี่คือภาพที่เขาบันทึกไว้ได้ระหว่างการเดินทาง… หญิงสาวเผ่า Hamar ในเอธิโอเปีย Arbore, Ethiopia ชนเผ่า Karo ใน Ethiopia เช่นกัน หญิงสาวชาว Samburu ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ในประเทศเคนย่า สาวเผ่า Arbore ในเอธิโอเปีย ผู้หญิงเผ่า Suri ในเอธิโอเปียเช่นกัน นักรบเผ่า Samburu ประเทศเคนย่า…
-
วัฒนธรรมแแปลก? ชนเผ่า ‘อีโตโร’ ให้เด็กหนุ่มดื่ม ‘สเปิร์ม’ เพื่อความเป็นชายชาตรี
ก่อนที่เหล่าเด็กชายจะเติบใหญ่กลายเป็นวัยรุ่นและเป็นผู้ชายอย่างเต็มตัวนั้น จะต้องผ่านช่วงวัยต่างๆ ผ่านการเรียนการทำงาน ความรับผิดชอบมากมาย ถึงจะกลายเป็นชายเต็มตัวได้ แต่ไม่ว่าคุณจะผ่านอะไรมาก็คงจะไม่แปลกเท่านี้แน่นอน เพราะมีอยู่ชนเผ่าหนึ่งในประเทศปาปัวนิวกินี ที่ผู้ใหญ่จะบังคับให้เหล่าเด็กชายต้องดื่ม “สเปิร์ม” ของตัวเอง เพื่อเพิ่มความเป็นชายชาตรีล่ะ!! ชนเผ่าที่ว่านี้มีชื่อว่า “อีโตโร” (Etoro) อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศปาปัวนิวกินี โดยพวกเขามีความเชื่อกันว่ามนุษย์แต่ละคนต่างมีพลังชีวิตของตัวเอง และพลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่ในน้ำอสุจิ… แม้จะดูเป็นพิธีกรรมที่แปลกไปสักหน่อยสำหรับคนทั่วไป แต่ชนเผ่าอีโตโรก็ทำต่อๆ กันมาเป็นเวลานานแล้ว โดยหลังจากที่เด็กหนุ่มดื่มสเปิร์มเข้าไป พวกเขาก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และสามารถมีคู่ครองได้ 1 คน หากหญิงคนใดพลาดจากการตั้งครรถ์ พวกเธอก็จะถูกมองว่าผู้หญิงคนนั้นใช้สเปิร์มไปอย่างสิ้นเปลืองอีกด้วย นอกจากชนเผ่าอีโตโรที่มีพิธีกรรมแปลกๆ แบบนี้แล้ว ชาวแซมเบียในแถบอีสเทิร์นไฮแลนด์ของปาปัวนิวกินีเองก็มีพิธีกรรมการดื่มสเปิร์มเช่นกัน …………. ที่มา starrfmonline , kapook
-
มารู้จักกับ ‘Gurung’ ชนเผ่าล่าผึ้งในเนปาล ที่ต้องปีนหน้าผาสูงสุดอันตราย เพื่อขึ้นไปเก็บ ‘รังผึ้ง’
หากใครที่ยังไม่รู้จักชนเผ่า Gurung ที่อาศัยอยู่ในประเทศเนปาลล่ะก็ ในวันนี้เราได้นำเรื่องราวที่น่าสนใจของชนเผ่านี้มาให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันแล้ว ชนเผ่า Gurung เป็นชนเผ่าที่ใช้วิธีชีวิตเรียบง่าย แต่ทว่าพวกเขากลับทำงานที่เสี่ยงอันตรายที่สุดนั่นก็คือ การปีผาสูงกว่า 400 ฟุต เพื่อขึ้นไปเก็บน้ำผึ้งและรังผึ้งมาขายนั่นเอง นอกจากนี้พวกยังเป็นชนเผ่าล่าผึ้งที่ได้รับฉายาว่า ‘พรานน้ำผึ้งแห่งหุบเขา’ อีกด้วย ซึ่งการขึ้นไปเก็บรังผึ้งและน้ำผึ้งบนผาสูงนั้น นอกจากจะเสี่ยงอันตรายมากๆ แล้ว พวกเขายังไม่มีเครื่องป้องกันหรืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น จะมีก็แค่ตะกร้าและไม้ไผ่เท่านั้น และแน่นอนว่าก่อนที่จะออกไปเก็บน้ำผึ้งนั้น จะต้องมีการทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้าซะก่อน โดยพวกเขาจะนำเนื้อแกะ, ข้าว, ผลไม้ และดอกไม้ ไปบูชาเทพเจ้าแห่งภูผา เพื่อคุ้มครองให้ปลอดภัย และกว่าจะได้รังผึ้งและน้ำผึ้งมา พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว หวาดเสียวเหมือนกันนะเนี่ย สุดยอดไปเลย การถูกผึ้งต่อย เรียกได้ว่าเป็นเรื่องธรรมด๊าธรรมดาสำหรับพวกเขาไปซะแล้ว…
-
วิถีชีวิตสุดน่าทึ่งของชนเผ่า Gurung พรานล่าน้ำผึ้งแห่งผาสูงหิมาลัย!!!
วันนี้เหมียวขอนำเพื่อนๆ ไปพบกับเรื่องราวของวิถีชีวิตที่น่าสนใจอีกวิถีชีวิตหนึ่งเลยก็ว่าได้ กับเหล่าพรานน้ำผึ้งแห่งหุบเขาในประเทศเนปาล เรื่องราวของพวกเขาน่าสนใจจริงๆ ลองตามมาชมกันดู อิอิ ชนเผ่า Gurung เป็นชนเผ่าพรานล่าน้ำผึ้ง ซึ่งตามประเพณีแล้วพวกเขาไม่สวมเครื่องป้องกันอะไรเลย ตามธรรมเนียมก่อนที่จะขึ้นไปเก็บน้ำผึ้งบนหน้าผา จะมีการบวงสรวงบูชาแก่เทพเจ้า ทั้งการนำแกะมาฆ่า ข้าว ผลไม้ ดอกไม้ เพื่อให้เทพเจ้าแห่งภูผาอวยพรให้ปลอดภัย คนที่อยู่เบื้องล่างจะเริ่มสุมไฟให้ควันเยอะๆ ไปที่แถบหน้าผา เพื่อให้เหล่าผึ้งออกจากรัง ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของเหล่าพรานน้ำผึ้ง ที่จะโหนตัวด้วยบันไดเชือกเล็กๆ คอยให้ควันไล่บรรดาผึ้งออกมาจากรัง ทีนี้เหล่าพรานล่าน้ำผึ้งก็สามารถตัดรวงผึ้งออกมาจากหน้าผา ที่ผึ้งสร้างรังไว้ บันไดลิงที่ถูกทำด้วยเชือก และไม้ไผ่ชิ้นเล็กๆ นั้น เหล่านายพรานต้องปีนขึ้นไปกว่า 250 ฟุตเลยทีเดียว เพื่อเก็บน้ำผึ้ง และใช้เวลานานราวๆ 4 ชั่วโมง ที่สำคัญพวกเขาทำทุกๆ อย่างด้วยมือเปล่า!!! โดยการใช้ไม้ไผ่เรียวแหลม แซะรวงผึ้ง ตัดมันออกมาจากหน้าผา มาถึงจุดนี้ก็ราวๆ 400 ฟุตแล้วล่ะ ขอพักดูดบุหรี่แพร๊พพพพพ ซึ่งทักษะของพวกเขานั้นสั่งสมมารุ่นต่อรุ่น ใช้เวลาฝึกฝนนานนับแรมปี…