Tag: ชนเผ่าพื้นเมือง
-
ตามชมชีวิตชนเผ่าในอินโดฯ ที่ผู้หญิงต้องตัดข้อนิ้วออกเมื่อมีคนในครอบครัวเสียชีวิต
ตามชนบทนั้นมักจะมีความเชื่อหรือวัฒนธรรมโบราณที่สืบทอดกันหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลง บางวัฒนธรรมก็ค่อยๆ เลือนหายไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้มีหลายวัฒนธรรมที่ยังคงได้รับการปฏิบัติและสืบทอดอย่างเคร่งครัด หนึ่งนั้นคือวัฒนธรรมตัดข้อนิ้วมือของคนชนเผ่า Dani ในประเทศอินโดนีเซีย ชนเผ่า Dani อยู่ในหมู่บ้าน Baliem Valley ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลของประเทศอินโดนีเซีย ถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อปี 1938 จากการค้นพบในครั้งนั้น ทำให้หมู่บ้านดังกล่าวได้รับความสนใจจากคนภายนอกจนถึงปัจจุบันนี้ หนึ่งในนั้นคือช่างภาพที่ชื่อว่านาย Markus Roth ที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขานานถึงหนึ่งสัปดาห์ ตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่กับชนเผ่า Dani ช่างภาพได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาหารของพวกเขา ทักษะชีวิตพื้นฐาน และพิธีกรรมต่างๆ นอกจากนี้ Markus ยังได้เห็น Pig festival ซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวบ้านจะทำการฆ่าสัตว์พร้อมนำเสนอให้ทุกคนเห็นอย่างภาคภูมิใจ Markus จาก Pulheim ประเทศเยอรมนี กล่าวว่าหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของชนเผ่า Dani คือมัมมี่ของ Kurulu ซึ่งมีอายุอย่างต่ำ 370 ปี “มันเป็นศพมัมมี่ของนักรบที่ประสบความสำเร็จและน่าเกรงกลัว ซึ่งถูกเก็บไว้ในบ้านของผู้ชายในหมู่บ้าน และจะเอาออกมาให้ผู้มาเยือนดูอย่างภาคภูมิใจ” ช่างภาพกล่าว ชาวบ้านบอกกับเขาว่า “ทุกครั้งที่นักรบฆ่าเหยื่อได้ เขาจะสวมสร้อยคอเพิ่มมา 1 เส้น นั่นหมายความยิ่งนักรบสวมสร้อยคอมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นคนที่น่ากลัวมากเท่านั้น และเมื่อเขาตายไป ชนเผ่า Danis จะเก็บรักษาศพเขาไว้เป็นมัมมี่” …
-
คนงานเหมืองทองในบราซิลบุกรุนผืนป่า และสังหารชนเผ่าพื้นเมืองอย่างโหดเหี้ยม!!
แม้เราจะเติบโตกันในยุคสมัยที่เจริญแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าในโลกใบนี้ยังมีชนเผ่าพื้นเมืองอีกมากมาย ที่ยังไม่เจริญตามยุคสมัยหรือเข้าถึงเทคโนยีและยังรักษาแนวทางของพวกเขาไว้ ชนเผ่าอะเมซอนที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของบลาซิลก็เช่นกัน พวกเขาเป็นชนเผ่าที่ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก แต่ทว่าจุดที่พวกเขาอยู่นั้นมันกลับเป็นจุดที่มีแร่ธาตุต่างๆ อยู่นั้นรวมถึงทองด้วย จึงทำให้มีนายทุนเลือกที่จะส่งคนเข้าไปทำเหมืองบริเวณดังกล่าว แต่ว่าเรื่องสุดโหดเหี่ยมก็เกิดขึ้น เมื่อคนเหมืองสองคนถูกจับได้โทษฐานฆ่าหั่นศพชนเผ่าพื้นเมืองดังกล่าวถึง 20 คน ซึ่งพวกเขาได้ทำลายหลักฐานโดยการเอาศพไปทิ้งลงแม่น้ำนั่นเอง จากรายงานบอกว่า สถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ Vale do Javari ซึ่งเป็นที่ดินพื้นเมืองอันเก่าแก่ โดยอยู่ห่างจากเมืองมาเนาส์ราวๆ ของประเทศบลาซิล 1200 กิโลเมตร คนงานเหมืองทั้งสองที่ถูกจับ ได้บอกถึงสาเหตที่ต้องฆ่าชนเผ่าว่า ถ้าไม่ฆ่าชนเผ่าพวกเขาก็จะถูกฆ่า ฉะนั้นจึงต้องลงมือทันที และจากรายงานที่บอกว่ามีผู้ตาย 20 คนนั้น จริงๆ แล้วก็ยังไม่มีการระบุตัวเลขที่ชัดเจน แต่ก็คาดว่าอยู่ราวๆ 19 ถึง 21 คน… อย่างไรก็ตามเรื่องราวในครั้งนี้นั้นถูกประนามโดยองค์กร Survival International และพวกเขายังบอกอีกว่า การฆาตกรรมครั้งนี้เกิดมาเป็นเดือนๆ แล้ว แต่พึ่งจะถูกเปิดเผยไม่นานนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความไม่ใส่ใจของรัฐบาล ที่มา metro
-
ตามติดชีวิต “ชนเผ่าซูริ” แห่งเอธิโอเปีย ใช้วัวเป็นทรัพย์สิน และเจาะร่างกายเพื่อความงาม
ชนเผ่าเอธิโอเปียที่อยู่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ สมาชิกในเผ่าจะต้องผ่านพิธีกรรมอย่างการเจาะปากแล้วนำแผ่นหินมาสอด หรือการต่อสู้ด้วยกระบองไม้ที่โหดเหี่ยม Mario Gerth ช่างภาพชาวชาวเยอรมันวัย 40 ปี ได้เดินทางไปที่หมู่บ้านของชนเผ่าซูริ และเก็บภาพของคนในเผ่ารวมถึงเล่าถึงความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของพวกเขามาให้พวกเราได้ชมกัน ชนเผ่าซูริ อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย ซึ่งพวกเขามีความภูมิใจในเรื่องของพิธีกรรมและรอยแผลเป็นของพวกเขามากๆ หญิงสาวชาวซูริ จะใช้ผิวของตัวเองเป็นที่แสดงถึงศิลปะและความสวยงาม พวกเธอจะสักร่องรอยต่างๆ ลงบนร่างกาย ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากธรรมชาติ เช่น หมวกจากดอกไม้และต้นหญ้า ส่วนหญิงสาวที่มีอายุถึงกำหนด พวกเธอจำเป็นจะต้องเจาะใต้ปากเพื่อที่จะจัดแผ่นหินลงไปได้ ที่สำคัญจำเป็นจะต้องถอนฝันหน้าสองซี่ออกไปด้วย ในส่วนขนาดของแผ่นหิน ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ พ่อของพวกเธอก็จะสามารถเรียกร้องวัว มาเป็นสินสอดได้เยอะยิ่งขึ้นในตอนที่พวกเธอหมั้นหมาย . ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมถึงต้องใช้วัวเป็นสินสอด ก็เพราะว่า สำหรับเผ่าซูริแล้ว วัวนับเป็นเครื่องแสดงฐานะและทรัพย์สินอันมีค่า หากบ้านไหนมีวัวมาก นั่นก็หมายถึงความร่ำรวยนั่นเอง ผู้ชายในเผ่าปกติแล้วจำเป็นจะต้องมีวัวในครอบครองราวๆ 30-40 ตัว แต่ว่าชายที่จะแต่งงานได้จำเป็นจะต้องมีวัว 60 ตัวขึ้นไป เพื่อใช้วัวส่วนหนึ่งในการมอบให้กับครอบครัวของเจ้าสาว Mario บอกว่า ความภาคภูมิใจของชนเผ่านั้นจะขึ้นอยุ่กับรอยแผลเป็นที่พวกเขาสามารถมีได้ โดยพวกผู้หญิงในเผ่าจะใช้ใบมีดโกนในการสร้างบาดแผลให้กับตัวเอง และตรงจุดนั้นก็จะกลายเป็นแผลเป็น ที่กลายเป็นความภาคภูมิใจของพวกเธอนั่นเอง …
-
ช่างภาพเผยเรื่องราว “ชนเผ่าพื้นเมือง ในยุคโลกาภิวัตน์” ที่ยังมีวิถีชีวิต เหมือนยุคโบราณ
เมื่อเทียบปัจจุบันกับอดีตที่ผ่านมา จะเห็นว่าโลกเรามาไกลมากกกก ว่ามั้ย? เครื่องไม้เครื่องมือก็ทันสมัย สะดวกสบาย มีเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย จนทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่เชื่อมั้ยว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีชนเผ่ากลุ่มหนึ่งที่ยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว เครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ทำมาหากิน จนเรียกได้ว่า เป็นชนเผ่าสุดท้ายของโลกที่ยังใช้ชีวิตเหมือนยุคโบราณเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่า สักวันหนึ่งพวกเขาคงจะรับวัฒนธรรมสมัยเข้าไปใช้เหมือนชนเผ่าอื่นๆ ที่ผ่านมา ดังนั้นก่อนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงนี้ช่างภาพ Jimmy Nelsons จึงได้เก็บรวบรวมวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมจากทั่วโลกไว้ในหนังสือ Before They All Pass Away เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงความน่าสนใจของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ภาพหินแห่ง RahRah lava Island อยู่ในหมู่เกาะ Torba Province Vanuatu ถ่ายในปี 2011 วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมนี้ ทำให้ผู้คนในสังคมแห่งโลกาภิวัตน์ต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขามีศิลปะ และวัฒนธรรมที่แตกต่าง เรียกได้ว่าอยู่คนละโลกกับปัจจุบันเลยก็ว่าได้ พวกเขายังคงใช้ธนูเป็นเครื่องมือหากิน ยังสวมใส่เสื้อผ้าแบบโบราณที่ทำจากขนสัตว์ และใช้ชีวิตใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งเป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ ในสังคมเมือง แต่ภาพเหล่านี้ ยิ่งนานวันยิ่งหาได้ยากมากขึ้น… เพราะไม่ว่าสังคมไหน ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเสมอ อยู่ที่ว่าจะเป็นช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ชนเผ่า Perak Ladies…
-
ช่างภาพเดินทาง 19 ประเทศ เพื่อตามถ่าย ‘ชุดชนเผ่าพื้นเมือง’ ที่พวกเขาใส่ในพิธีกรรมต่างๆ
ในโลกนี้เต็มไปด้วยชนเผ่าต่างๆ มากมาย แต่ละชนเผ่าต่างก็มีประเพณีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะชนเผ่าดั้งเดิมอย่างชนพื้นเมือง ที่แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่พวกเค้ายังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดี จิมมี่ เนลสัน ช่างภาพผู้หลงไหลในการตามถ่ายภาพคนป่า ได้ใช้เวลาในประมาณ 2 ปี ในการเดินทางข้าม 19 ประเทศในแถบยุโรป เพื่อถ่ายภาพเครื่องแต่งกายของชนเผ่าพื้นเมืองที่ใช้ในการประกอบพิธีสำคัญๆ ประเพณีเหล่านี้ จัดขึ้นตามความเชื่อทางศาสนา Polytheistic ซึ่งมักจะจัดตามฤดูกาลเท่านั้น ที่สำคัญ ชนพื้นเมืองบางกลุ่มได้สืบสานกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แล้ว เครื่องแต่งกายนั้นถูกออกแบบตามรูปลักษณ์สัตว์ที่พวกเขาคุ้นเคย รวมทั้งตัวประหลาดที่พวกเขาคิดขึ้นเองด้วย และคนที่แต่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เหตุผลหนึ่งในการแต่งตัวเช่นนี้ เพื่อเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับธรรมชาติหรือสิ่งที่พวกเขานับถือ และนี่คือภาพส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ รายละเอียดของแต่ละภาพนั้น ช่างภาพไม่ได้ระบุไว้ แต่ได้รวมภาพทั้งหมดนี้ในหนังสือ Wilder Mann ซึ่งรายละเอียดแต่ละชนเผ่า สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่ www.charlesfreger.com/portfolio/wilder-mann อาจจะดูหลอนๆ…