Tag: ชาวจีน
-
Brooklyn ลูกชาย David Beckham โดนดราม่าโพสต์ภาพ “เหยียด” นักท่องเที่ยวชาวจีน!
Brooklyn Beckham ลูกชายแท้ๆ ของตำนานนักฟุตบอลอย่าง David Beckham ได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมากมายหลังจากที่เขาถ่าย “นักท่องเที่ยวจีน” ในอิตาลี แล้วโพสต์ลงอินสตาแกรม . Brooklyn แอบถ่ายภาพของชาวจีน (หรือชาวเอเชีย) ที่เดินเลือกซื้อของและล่องเรือกอนโดลาอยู่ในเมืองเวนิส พร้อมโพสต์ลงบนอินสตาแกรมพร้อมด้วยคำบรรยายภาพว่า… “คงไม่มีที่ไหนดีเท่าอิตาลีแล้วล่ะเนาะ” (No place like Italy innit.) และนั่นทำให้ชาวเน็ตโดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาเห็นได้พากันคอมเมนต์อย่างโกรธเคือง เพราะมันฟังดูเหมือนการแซะ การดูถูก ถึงขั้นว่าเป็นการ “เหยียด” กันเลยก็ว่าได้ ภาพดังกล่าวมียอดไลก์นับแสน แต่ปัจจุบันรูปภาพเหล่านั้นถูกลบไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ชาวจีนหลายคนก็ยืนยันว่าต้องการให้ Brooklyn ออกมากล่าวขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ตัวอย่างคอมเมนต์กล่าวว่า “นี่น่ะเป็นการเหยียดเชื้อชาติอย่างแท้จริง เขาเองก็ไม่ใช่ชาวอิตาลี เขาก็เป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน มีสิทธิ์อะไรมาว่าพวกเรา มันสูงส่งกว่าชาวเอเชียอย่างพวกเราตรงไหน?” เมื่อโดนกระหน่ำมากๆ เขา Brooklyn ก็ถึงกับล็อกให้อินสตาแกรมของตนเองเป็นโหมดส่วนตัว งานนี้ไม่ใช่แค่หนุ่ม Brooklyn ที่โดนกระหน่ำ ความซวยตกลงไปถึง David และ Victoria…
-
มหาเศรษฐีชาวจีน ใช้เวลาว่างไปกับการ “เดินเก็บขยะ” ในเมืองทุกๆ วันมากว่า 3 ปีแล้ว!!
คนที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยกลายเป็นมหาเศรษฐี เขาคงมีเวลามากพอสำหรับพักผ่อน หรือใช้ชีวิตตามแบบที่เขาต้องการ แล้วหากเป็นคุณ คุณจะใช้เวลาเหล่านั้นเพื่อทำอะไรกันล่ะ? ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร แต่เรื่องราวของมหาเศรษฐีชาวจีนคนนี้จะทำให้คุณหวนกลับมาคิดใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน… Zhong Congrong นักธุรกิจวัย 52 ปีจากมณฑลฉงชิ่งประเทศจีน ผู้ประสบความสำเร็จจากกิจการของเขาเอง ได้หันมาใช้ชีวิตหลังความสำเร็จด้วยการตระเวน เดินเก็บขยะ บนถนนในเมืองมาเป็นเวลาถึง 3 ปีแล้ว เรื่องราวเริ่มจากการที่เขาได้มาพบกับอดีตศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งที่อุทิศตนเก็บขยะให้บ้านเมืองมากว่า 4 ปีแล้ว เขาจึงประทับใจและร่วมเดินเก็บขยะในเมืองทุกๆ วัน Zhong Congrong วัย 52 ปี ในช่วงแรกเขากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างมาก แต่กลับเป็นในเชิงไม่ดีเท่าใดนัก หลายคนสังสัยว่าทำไมมหาเศรษฐีอย่างเขาต้องมาเก็บขยะ เกรงว่าจะมีเหตุผลอื่นแอบแฝง แต่ Zhong ก็ไม่สนใจและยังคงทำต่อไป จนกระทั่งเรื่องราวเข้าถึงหูของครอบครัวเขา ทีแรกลูกๆ และภรรยาของเขารู้สึกขายหน้ากับสิ่งที่เขาทำอย่างมากถึงกับไม่ยอมไปไหนกับ Zhong ในที่สาธารณะเลยทีเดียว จนกระทั่ง พวกเขาพบว่าบริเวณใกล้บ้านเริ่มสะอาดขึ้นทุกวัน เนื่องจากการกระทำของ Zhong พวกเขาจึงยอมรับพร้อมทั้งชื่นชมและหันมาสนับสนุนเขาด้วย ชมคลิปของ Zhong มหาเศรษฐีเก็บขยะกัน “เราจะทิ้งขยะหรือเก็บขยะมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับระดับการศึกษา วัฒนธรรม อายุ หรือว่าฐานะหรอก” Zhong…
-
หนุ่มจีนฮีโร่…ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยแฟนสาว และอีก 4 ชีวิตให้รอดจากเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในบ้านเรา ทั้งเหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำ และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสลดใจไม่แพ้กัน คือ ‘เหตุเรือล่มที่ภูเก็ต’ เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครอย่างให้เกิด เมื่อเรือลำใหญ่ที่ขนนักท่องเที่ยวไปมากกว่า 100 ชีวิตเกิดประสบอุบัติเหตุล่มลง จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และนี่คือเรื่องราวของหนุ่มฮีโร่ชาวจีน ที่พยายามช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดชีวิตจากการจมน้ำ ชายคนนี้มีชื่อว่า Zhang Haofeng วัย 30 ปี จากเมืองซิ่นหยาง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ในวันเกิดเหตุเขาและคู่หมั้น Meng Ying ได้ไปออกเดทเพื่อฉลองก่อนวันแต่งงานกันสองคน ก่อนที่เรือ Phoenix จะปะทะกับคลื่นลูกใหญ่ที่มีความสูงกว่า 5 เมตร และพลิกคว่ำลงไป Zhang จึงรีบกระโดดไปช่วยเหลือแฟนสาวของตัวเองขึ้นไปอยู่บนเรือชูชีพอย่างปลอดภัย แต่เขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น!! จากนั้นก็เหลือบไปเห็นคู่ตายายกำลังจะจมน้ำ เขาจึงรีบว่ายเข้าไปหาทั้งสองคน เข้าหยิบเซิร์ฟบอร์ดที่อยู่ใกล้ๆ มาให้พวกเขาเกาะจนสามารถลอยตัวได้ จากนั้นเขาก็พยายามช่วยเหลือคนอื่นๆ และพาขึ้นเรือชูชีพไปได้ แต่กลับกลายเป็นว่าบนเรือไม่มีที่ว่างพอสำหรับเขาแล้ว Zhang จึงต้องเกาะเรือและลอยตัวเอาไว้ ขณะที่คลื่นและลมพัดแรงมาจนทำให้เขาเกือบจะถูกกลืนลงไปในทะเลหลายครั้ง จนลอยมาได้ระยะเวลาหนึ่ง เขาก็เจอชายที่กำลังจะจมน้ำ Zhang…
-
คลิปฮาๆ ไขความสงสัย ‘คนจีน’ คิดอะไรอยู่ทำไมชอบมอง ‘ชาวตะวันตกผิวสี’ กันนักนะ!?
สำหรับคนเอเชียอย่างเราๆ เมื่อมีคนต่างชาติที่มีสีผิวแตกต่างเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำงานในบ้านเรา พวกเราก็มักจะชายสายตามองไปยังพวกเขาเป็นปกติ แต่หารู้ไม่ว่าในวัฒนธรรมของตะวันตกนั้น การมองไปยังผู้อื่นถือว่าเสียมารยาทอย่างมาก สำหรับชาวเอเชียแม้ว่าการมองไปยังชาวตะวันตกเป็นเพียงสายตาของความสนใจและสงสัย แต่ชาวต่างชาติที่ถูกมองก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แชแนลยูทูบสายฮาอย่าง Mamahuhu ชาวตะวันตกที่อาศัยอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน จึงได้ทำคลิปวิดีโอขึ้นมา เพื่ออธิบายว่าที่จริงแล้ว ชาวจีน เวลาที่เขามองมายังชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนผิวสีนั้น คิดอะไรอยู่กันแน่ คลิปตัวอย่างความอึดอัดเวลาที่ชาวต่างชาติเข้ามายังเอเชียแล้วถูกมอง ในวิดีโอจะไม่มีเสียงและคำบรรยายเป็นภาษาไทย อย่างไรก็ตามหากใครไม่เข้าใจก็สามารถอ่านคำบรรยายพร้อมภาพประกอบได้ตามนี้… วิดีโอเริ่มขึ้นด้วยชายสูงวัยชาวจีนนังอยู่ในรถไฟใต้ดิน เขานั่งตรงข้ามกับชายผิวสีคนหนึ่ง แม้ว่ายังไม่เห็นหน้าก็ตาม สีหน้าของคุณลุงดูสนใจและมองตาไม่กะพริบ หนุ่มผิวสีคนที่ลุงมองก็คือคนนี้นี่เอง เขาเห็นแล้วว่าลุงกำลังมองเขาอยู่ ท่าทางของเขาเหมือนจะเคยชินกับการถูกชาวเอเชียมอง จากนั้นคุณลุงชาวจีนก็เกิดคิดถึงความทรงจำสมัยอยู่บ้านเกิด หลังจากที่ได้มองมายังชายหนุ่มผิวสีคนนี้ จากนั้น คุณลุงก็เปลี่ยนที่นั่งย้ายมานั่งข้างๆ กับชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก และแล้วคุณลุงก็ยกแขนขึ้นมาลูบผมของชายหนุ่ม . คุณลุงกล่าวขอบคุณที่ชายหนุ่มได้จุดประกายให้ลุงคิดถึงความทรงจำแสนหวาน จากนั้นคุณลุงก็ชูนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมเอ่ยว่า “Laowai” ที่แปลว่า “ฝรั่ง (ชาวต่างชาติ)” นั่นเอง แต่คำนี้ในบางแง่หลายๆ คนก็ใช้พูดในทางลบ สุดท้าย คุณลุงก็ลงจากขบวนรถไฟไป และก็มีสาวจีนเซ็กซี่เข้ามานั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มแทน ชายหนุ่มพยายามแสดงความสนใจ แต่หญิงสาวเซ็กซี่กลับกลอกตามองบน แล้วก็พูดว่า…
-
แม่ยกชาวจีน แห่คอมเมนต์หาพี่หมื่น ในไอจีของ “โป๊ป ธนวรรธน์” กันอย่างล้นหลาม
ถึงแม้ละคร บุพเพสันนิวาส จะจบลงไปแล้ว แต่อารมณ์ของคนดู มันยังไม่จบ!! ด้วยกระแสอันโด่งดังของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึง และที่สำคัญมันไม่ใช่แค่ในบ้านเราเสียด้วย ละครเรื่องนี้ดังไปไกลถึงประเทศจีนเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดเรื่องราวน่ารักและน่าประทับใจ หลังจากที่ชาวจีนจำนวนหนึ่งได้สัมผัสกับความสนุกสนานของบุพเพสันนิวาสและฝีไม้ลายมือการแสดงของเหล่านักแสดงนำเข้าไป ทำให้ แม่ยกชาวจีน ก็พากันมาคอมเมนต์อินสตาแกรมของพี่หมื่น หรือ คุณโป๊ป ธรวรรธน์ กันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว ผู้ใช้เว็บไซต์พันทิปชื่อว่า เยียรบับ ได้มาโพสต์ว่า “ไอจีของโป๊ปถูกสาวจีนล้อมเอาไว้หมดแล้ว” พร้อมภาพประกอบ และยังเสริมว่าส่วนตัวอยากให้โป๊ปได้โกอินเตอร์จริงๆ แต่ติดอยู่ที่ตัวของโป๊ปเองดูท่าจะไม่ค่อยสนใจทางนี้เท่าไหร่ จึงอยากขอให้ต้นสังกัดหรือใครก็ตาม ช่วยผลักดันและส่งเสริมให้โป๊ปหลายเป็นดาราดังในต่างประเทศทีเถอะ ใครก็ได้ ไปสื่อสารกับแม่ยกจีนที~ “นี่คือข้อความจากจีน ฉันไม่ได้ชมละครทีวีมานานมากแล้ว แต่ผลงานชิ้นนี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันดูมันทุกคืนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และฉันก็อินกับเรื่องราวของพ่อเดชและแม่การะเกดมากๆ ฉันยังชอบตรงที่ฉันได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอีกด้วย ฉันเคยไปประเทศไทยครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฉันอยากจะไปอีกนะ แล้วก็ขอบคุณที่มอบละครดีๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้ชมกันด้วย” บางคนก็หาวิธีพิมพ์มาเป็นภาษาไทยเลย ส่วนคนล่างบอกว่า “เราจะคิดถึง คุณพี่ มากๆ เลยนะ จุ๊บๆ” คนนี้แปลมาให้แล้วเรียบร้อย …
-
ขยี้ตาอีกสักที เพราะชายที่คุณเห็นนั้นคือคุณปู่วัย 68 ปี ที่ดูยังไงก็ 30 ต้นๆ ชัดๆ อมก!!
Hu Hai คือชายวัย 68 ปีจากเมืองเซี่ยงไฮ้ที่ใครเห็นก็ต้องอึ้งและกลับไปดูอายุของเขาใหม่อีกครั้ง เพราะถ้าคุณถามถึงชายใกล้ 70 ปีนั้น คุณคงคาดว่าจะได้เจอกับชายที่ดูแก่หรืออาจจะดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่กลับกัน ชายคนนี้ดันดูแข็งแรงราวกับวัย 30 ต้นๆ เท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นคนที่มีการแต่งตัวสุดเฟี้ยวตามแฟชั่นสุดๆ จนใครที่เห็นก็ต้องสงสัยว่าสรุปแล้วเขาเป็นคุณปู่ทั่วๆ ไปหรือว่าเขาเป็นแวมไพร์กันแน่ คุณปู่ Hu Hai นั้นเกิดในปี 1950 สมัยช่วงที่จีนยังเฟื้องฟูเรื่องคอมมิวนิสต์ โดยเขาเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก เลยต้องอยู่กับแม่และพี่น้องอีก 6 คนด้วยกัน แต่แม้ชีวิตเขาจะดูยากลำบากเขาก็ไม่เคยละทิ้งความคิดที่มองโลกในแง่ดีเสมอซึ่งนั่นแหละ คือหนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้เขาดูเด็ก นอกจากความคิดที่บวกตลอดเวลาแล้ว เขายังบอกถึงเคล็บลับอื่นๆ เช่นการทำสมาธิและฝึกโยคะ 30 นาทีทุกวันด้วย ในเรื่องอาหารการกินนั้นเขาบอกว่าเขากินไม่เยอะแต่กินอาหารทุกประเภทที่มีประโยชน์และยังอาหารเสริมต่างๆ เพิ่มเติม คุณปู่นั้นได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ทุกคนล้วนต้องแก่ และตายไปในท้ายที่สุดนั่นคืิอเรื่องจริงที่คุณเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองแก่ตลอดเวลาและใช้ชีวิตเพื่อรอความตาย รวมถึงรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากเรียนรู้อะไรอีกแล้ว วินาทีนั้นและคือคุณกำลังแก่จริง ที่สำคัญเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับอายุเลย” นอกจากนี้คุณปู่ Hu Hai ยังเชื่อว่าร่างกายคนเรานั้นมีช่วงอายุ 3 แบบด้วยกัน อย่างแรกคืออายุจิตใจ ตามด้วยอายุของร่างกาย…
-
หญิงสาวตรวจพบลิ่มเลือดในสมอง หลังเธอจ้องมองจอมือถือนานกว่า 20 ชั่วโมงติด!!
การที่คุณเป็นคนสุขภาพดีเรื่อยมา ไม่ได้หมายความว่าวันพรุ่งนี้คุณจะไม่ป่วย ถ้าเกิดจู่ๆ คุณก็เลิกสนใจสุขภาพไม่แน่ว่าวันต่อมา ชีวิตของคุณอาจจะเปลี่ยนไปจากโรคภัยที่มาอย่างกะทันหันก็เป็นได้ อย่างเช่นหญิงชาวจีนวัย 47 ปี จากมณฑลเหอหนานที่ตอนแรกก็พบว่าตัวเองสุขภาพดีมากๆ จนกระทั่งเมื่อช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา เธอได้เดินทางกลับมายังบ้านและกำลังจะกลับไปทำงานยังเมืองกว่างโจวในมณฑลกวางตุ้งก็พบว่าตัวเองนั้นป่วยอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เธอจึงเดินทางไปพบแพทย์และตรวจร่างกายก็เจอลิ่มเลือดในสมอง หญิงสาวคนดังกล่าวตกใจมากๆ เพราะเธอนั้นสุขภาพดีมาตลอดไม่เคยป่วย จนกระทั่งหมอได้ถามว่าช่วงก่อนหน้าเธอทำอะไรหนักๆ มาหรือเปล่า จากการสอบถามแพทย์ก็ได้รู้ว่า ช่วงที่เธอกำลังเดินทางกลับมายังเมืองกว่างโจวเธอต้องนั่งรถไฟเป็นเวลานาน ซึ่งในช่วงนั้นคนก็แน่นและเธอไม่รู้จะทำอะไรจึงใช้โทรศัพท์มือถือในการฆ่าเวลา ด้วยความที่คนบนรถไฟแน่นมากๆ ทำให้เธอขยับมากไม่ได้ เธอจึงต้องนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นกว่า 20 ชั่วโมง แพทย์จึงทำการผ่าตัดและจัดการลิ่มเลือดในสมองของเธอ ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่ถึงเกือบ 3 เซนติเมตร โดยแพทย์ก็ได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะรักษาเธอจนหาย ด้านแพทย์จากโรงพยาบาล Hospital of Jinan University ในเมืองกว่างโจวก็บอกว่า เธอนั้นนั่งในท่าเดิมนานเกินไป ฉะนั้นจึงอยากจะฝากเตือนคนอื่นๆ ว่าไม่ควรจะอยู่ในท่าเดิมที่นานเกินไปโดยเฉพาะเหล่าวัยรุ่นที่ปัจจุบันมักจะใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์มือถือนานๆ ฉะนั้นเราจึงควรจะขยับบ่อยๆ เล็กน้อยก็ยังดี ส่วนหญิงสาวในเหตุการณ์นี้อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามแพทย์ก็บอกว่าเธอยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจ้องโทรศัพท์อยู่ดีนั่นเอง ที่มา nextshark
-
คลิปผู้จัดการ-ลูกน้อง โจ๊ะพรึ่มๆ ในห้องประชุมลืมปิดกล้อง แท้จริงเป็นข่าวปลอม!!
เมื่อวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา หลายคนคงจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับคลิปหลุดที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้จัดการบริษัทผลิตไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ในจีน กำลังมีอะไรกับเพื่อนร่วมงานสาวบนโต๊ะทำงานอย่างเมามัน ซึ่งสื่อทั้งไทยและเทศน์หลายสำนักก็ต่างพากันรายงานกันยกใหญ่ว่าคลิปดังกล่าวนั้นเป็นคลิปหลุดที่ตัวผู้จัดการบริษัท Southern Power Grid เผลอทำหลุดเพราะลืมปิดกล้องหลังประชุมผ่านวิดีโอคอลเสร็จ แน่นอนว่าด้วยความที่ตัวเนื้อหาน่าสนใจและน่าตื่นเต้น บวกเข้ากับแนวทางที่น่าสนใจว่าเป็นคลิปหลุดแถวโจ๊ะๆ กันบนโต๊ะทำงานอีกพลอตน่าสนใจใครๆ ก็อยากจะหาวาร์ปมาดู แต่ล่าสุดทางสื่อจีนได้ออกมาบอกแล้วว่าข่าวที่ปล่อยออกมานั้น ปลอม!! เรื่องราวดังกล่าวนั้นได้รับการยืนยันผ่านสื่อใหญ่จากจีนอย่าง Shanghaiist ซึ่งพวกเขาได้ออกมาอัปเดตแล้วว่าข่าวที่นำเสนอไปก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องปลอมที่กุขึ้นมาโดยชายแซ่ Tang และหญิงแซ่ Wang โดยทั้งคู่มีอายุเฉลี่ย 30 ปี ปัจจุบันทั้งคู่นั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่จากเมืองกว่างโจวจับตัวและตั้งข้อหากุข่าวปลอมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่าคลิปที่เราเห็นนั้นเป็นคลิปหลุดที่เก่ามากแล้วในจีน ส่วนแรงจูงใจของทั้งสองก็มาจากการที่ทั้งคู่ไปได้ยินข่าวซุบซิบในบริษัทดังกล่าวจนทำให้คิดสนุกเลยเล่นให้มันใหญ่จนเป็นเรื่องเป็นราวนั่นเอง สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าคลิปหลุดดังกล่าวนั้นเก่าขนาดไหน และเป็นคลิปของใคร เอาเป็นว่าถ้านักล่าในตำนานคนไหนสามารถหาต้นต่อหรือคลิปเต็มๆ ได้ก็อย่าลืมเอามาแชร์กันนะ… ที่มา shanghaiist
-
แม้ทั่วโลกชอบ แต่จีนไม่ชอบ กับหนังราชาเสือดำเพราะตัวหนังมันดำเกินไป ทั้งคน ทั้งฉาก!!
แม้ว่าหนังเร่ือง Black Panther จะมีกระแสตอบรับที่ดีในหลายๆ ประเทศๆ ทั่วโลกแถมทำเงินไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่กระแสมันกลับไม่ดีอย่างที่ควรเมื่อหนังเริ่มฉายในประเทศจีน… รายงานดังกล่าวนั้นเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์รีวิวหนังหลายสำนักของจีน ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่ล้วนให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ตัวหนัง Black Panther มันมีความดำที่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะฉากในเรื่องหรือนักแสดงเองก็ตาม ยกตัวอย่างคอมเมนต์จากทางเว็บไซต์ Douban ที่มีมีชาวเน็ตเข้ามารีวิวหนังว่า “บางทีคนจีนคงจะไม่เหมาะกับหนังที่มีแต่คนดำ” และ “หนังมีแต่คนดำเต็มไปหมด แล้วไหนจะโทนหนังที่มีสีมืดๆ อีก มันเล่นเอาทรมานสายตามากๆ สำหรับฉันที่ดูในแบบ 3มิติ” หรือจากเว็บไซต์ Quartz ที่บอกว่า “Black Panther ก็ดำ นักแสดงหลักก็ดำ ฉากส่วนใหญ่ก็ดำ ยิ่งซีนที่วิ่งไล่ตามรถก็ดำ คือตรงไหนก็ดำไปหมดมันเล่นเอาฉันดูแล้วง่วงนอนมาก” ยังไม่หมดเท่านั้น ในเว็บเดียวกันยังมีรีวิวที่เขียนไว้ว่า “ตอนที่ฉันเข้าไปดูหนังซึ่งมันตรงกับฉากที่ตัวละครผิวสีสู้กันอยู่นั้นมันมืดมากๆ มืดซะจนฉันไม่เคยรู้สึกมืดจนหาที่นั่งไม่ได้แบบนี้มาก่อน” ยังไม่หมดเท่านั้น ในเว็บไซต์ Hip-Hop Wired ก็ยังคงมีชาวจีนเข้ามาคอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกันว่า “ขนาดโรงหนังทำให้จอสว่างมากๆ แล้ว หนังก็ยังดูมืดอยู่ดี”…
-
พ่อเจ้าบ่าวเมาหนัก ชิงจูบเจ้าสาวหน้าตาเฉย ครอบครัวเจ้าสาวเดือดขึ้นเวทีตบตีชุลมุน!!
ตามธรรมเนียมงานแต่งงานแล้ว เมื่อพิธีการทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนถึงขั้นตอนการสวมแหวน เจ้าบ่าวและเจ้าสาวนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการจูบเพื่อให้พิธีแต่งงานนั้นสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเกิดว่าคนที่จูบดันไม่ใช่เจ้าบ่าวแทนล่ะ? เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นกลายเป็นกระแสไวรัลที่ถูกพูดถึงกันเยอะมากๆ บนโลกโซเชียลของจีน เมื่อมีคลิปพิธีงานแต่งของบ่าวสาวคู่หนึ่งในเมืองเหยียนเฉิง มณฑลเจียงซู โดยเป็นจังหวะที่พ่อของเจ้าบ่าวได้พาเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี ในตอนแรกเราก็คงคิดว่ามันจะเป็นพิธีที่สวยงาม แต่เรื่องราวกลับผิดคาดเมื่อพ่อเจ้าบ่าวหันไปจูบเจ้าสาวด้วยสภาพที่เธอไม่ค่อยเต็มใจ จนเล่นเอาดีเจที่กำลังเปิดเพลงในงานถึงกับตะโกนลั่น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานญาติๆ ของเจ้าสาวก็ขึ้นมาจัดการและเล่นเอางานดังกล่าววุ่นกันยกใหญ่ จนมีข่าวลือออกมาว่างานแต่งนั้นต้องถูกยกเลิกไปก่อน และตัวเจ้าสาวก็ต้องกลับบ้านทันที ส่วนสาเหตุที่พ่อเจ้าบ่าวทำแบบนั้น มีการรายงานว่าเขาได้ดื่มหนักจนเมาก่อนที่จะขึ้นมาร่วมพิธี และชาวเน็ตก็พากันแสดงความคิดเห็นว่ามันน่าจะเป็นการจัดฉากมากกว่าเหตุการณ์จริงๆ ด้านโรงแรมที่ใช้จัดงานก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเหตุการณ์ในคลิปนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ส่วนผลลัพธ์ที่ตามมาเป็นอย่างไรนั้นไม่มีใครทราบว่าเจ้าบ่าวจัดการกับพ่อของตัวเองอย่างไร และครอบครัวเจ้าสาวมีท่าทีอย่างไรหลังจากเกิดเหตุที่ไม่ควรจะเกิดแบบนี้… อย่างไรก็ตามชาวเน็ตก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกันเยอะแยะมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็บอกทำนองว่า “ขนาดอยู่ในที่สาธารณะยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าอยู่ในที่ลับตาคนจะทำอะไรบ้างเนี่ย” “คิดภาพไม่ออกเลยว่าพ่อคนนี้จะทำอย่างไร ถ้าเกิดว่าอยู่กับเจ้าสาว ขณะที่เจ้าบ่าวไม่อยู่บ้าน” ที่มา shanghaiist
-
คุณพ่อชาวจีนทำงานหนัก ถึงขั้นไม่กลับบ้านวันปีใหม่จีน ลูกชายเสียชีวิตช่วงนั้นพอดี…
การเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและส่งลูกๆ เพื่อเรียนให้จบอาจจะเป็นตัวเลือกเดียวที่บางครอบครัวมีอยู่ แต่สำหรับบางครอบครัว การเลือกที่จะทำงานในช่วงวันหยุดนั้นก็ทำให้เขาต้องเสียใจไปตลอดทั้งชีวิต คนงานผู้อพยพชาวจีนผู้ซึ่งเลือกที่จะทำงานในช่วงวันหยุดตรุษจีนเพื่อให้ได้เงินเพิ่มเติมในการส่งเสียค่าเล่าเรียนให้กับลูกชายกล่าวว่า เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขามากๆ หลังจากที่ลูกชายของเขาเสียชีวิตในช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีน “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำก็เพื่อลูกของผม” คุณพ่อกล่าว “ถ้าผมรู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ผมคงเลือกที่จะกลับมาบ้านเพื่อใช้เวลาร่วมกับเขาในวันตรุษจีน” ลูกชายวัย 13 ปีที่ถูกปล่อยไว้ให้ญาติดูแลได้วิ่งออกไปเล่นด้านนอกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2018 แต่ไม่ได้กลับบ้านภายในเวลา 3 ทุ่ม ทำให้ทางครอบครัวรู้สึกกังวลจึงช่วยกันออกตามหา สุดท้ายพวกเขาได้พบกับร่างของเด็กชายนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่บนถนนข้างๆ รถบรรทุกขยะ เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลในทันทีและได้เสียชีวิตในวันอังคารถัดมา “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมอบให้ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ทั้งสิ่งของทั้งความรู้สึก มันได้หายไปหมดแล้ว” คุณพ่อกล่าว “ความหวังของผมได้พังทลายลงแล้ว” ทางตำรวจก็กำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กชายคนนี้ คาดว่ามาจากการชนแล้วหนี ลูกชายของคนงานผู้นี้เป็นหนึ่งในเด็กจำนวน 60 ล้านที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ญาติดูแลในแถบชนบท ในขณะที่พ่อแม่นั้นเข้าเมืองเพื่อทำงานหาเงินส่งค่าใช้จ่าย ซึ่งการกระทำแบบนี้อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกายต่อเด็กๆ ในแถบชนบทได้ ที่มา Nextshark, Scmp
-
คู่รักเทศบาลจีนผู้เสียสละ ยังคงทำหน้าที่เก็บขยะให้ประชาชน แม้จะเป็นช่วงเทศกาลใหญ่ก็ตาม…
แม้อาชีพเก็บขยะ จะเป็นอาชีพที่เหนื่อยเพราะต้องทำงานทั้งวัน โดยเฉพาะในวันที่ภายในเมืองมีการจัดกิจกรรมใหญ่ๆ ที่คนมักจะทิ้งขยะเอาไว้เบื้องหลังมากมาย แต่เราก็ได้พวกเขานี่แหละที่มาคอยจัดการให้ เช่นเดียวกัับประเทศที่จีน ที่ล่าสุดได้มีการเฉลิมฉลองวันตรุษจีน จัดงานเทศกาลกันอย่างยิ่งใหญ่ไปทั่วหัวเมืองต่างๆ ซึ่งหลังจากจบงานก็จะเป็นวันหยุดพักผ่อนที่ทุกคนจะได้กลับไปอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว แต่สำหรับคนที่ทำอาชีพเก็บขยะนั้น พวกเขาจะต้องอยู่ต่อเพื่อทำความสะอาดหลังจากที่ทุกคนฉลองในงานดังกล่าว และเพื่อเป็นการตอบแทนที่อยู่ทำงานแม้วันหยุด หลายๆ เมืองก็มักจะจัดงานเลี้ยงให้กับพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่กับทุกคน เพราะยังมีคุณลุงคุณป้าอีกสองคน ที่เลือกจะเมินงานเลี้ยงและทำงานของพวกเขาต่อไป สองสามีภรรยาที่แต่งงานกันมา 33 ปีจากมณฑลเจียงซี เลือกที่จะไม่สนใจงานเลี้ยงอะไรพวกนั้น พวกเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บขยะของพวกเขาต่อไป แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลากลางคืนที่ทุกคนนอนหลับ หรือพากันกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านก็ตาม ทั้งสองนั้นเลือกที่จะทำงานต่อไปในมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งพวกเขาไม่ต้องการตอบแทนอะไรทั้งนั้น นอกจากเงินเดือนตามปกติ พวกเขาแค่อยากจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้านภรรยา Liu Aijuan ก็เล่าว่า เธอนั้นขอแค่มี Shuangfa ผู้เป็นสามีอยู่ข้างๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะการทำงานและได้เงิน ต่อให้เธอไม่ได้กินของอร่อยๆ แบบคนอื่น สามีของเธอก็จะดูแลเธอเป็นอย่างดีและไปหาของอร่อยมาให้ในท้ายที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังบอกว่า แม้ในทุกปีของตรุษจีนจะทำให้เธอกับสามีคิดถึงบ้าน แต่พวกเขาก็ทำมันก็เพื่อครอบครัวที่อยู่ทางนั้น เพราะหวังว่าพวกเขาจะได้สบายนั่นเอง… ที่มา shanghaiist
-
แอร์โฮสเตสสาวแชร์ข้อความสุดประทับใจ ครอบครัวชาวจีนสุดน่ารักที่กลัวว่าลูกจะรบกวนคนอื่น
ในการเดินทางด้วยเครื่องบิน ผู้ที่เคยโดยสารคงจะรู้ดีว่าต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกๆ คน และเพื่อการเดินทางสู่จุดหมายโดยสวัสดิภาพ การเดินทางด้วยเครื่องบินนั้นเราจะต้องพบเจอกับผู้โดยสารหลากหลายประเภท บางคนก็มักจะมีความวิตกในการขึ้นเครื่องบินโดยเฉพาะเด็กทารก ผู้โดยสารที่เป็นเด็กมักจะมีอาการปวดหูเพราะแรงดันอากาศที่แตกต่างกัน จนบางครั้งอาจจะร้องไห้เสียงดังสร้างความรำคาญให้กับผู้โดยสารท่านอื่นได้ ซึ่งผู้ที่เป็นพ่อแม่ต้องหาวิธีจัดการเพื่อให้ลูกของตัวเองไม่ไปรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018 ผู้ใช้เฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Soontree Ngamsuntisuk ได้แชร์ข้อความกับไฟล์ตสุดประทับใจของเธอ มาให้ชาวเน็ตได้ชื่นชมกันใจความว่า “วันนี้ระหว่างที่กำลัง Board ผู้โดยสารอยู่ใน Cabin ไฟล์ต TG663 PVG-BKK เห็นผู้โดยสารผู้หญิงคนนึง กำลังขะมักเขม้นแจกของอะไรบางอย่างในผู้โดยสารคนอื่นที่นั่งอยู่ พอดีเดินผ่านผู้โดยสารก็พยายามจะคุยกับเราเป็นภาษาจีน (ฟังไม่ออก) แต่คิดว่าเค้าอยากแจกของตามเทศกาลตรุษจีน เลยบอกไปว่าข้างหลังมีลูกเรือ 4 คน แล้วสิ่งที่ได้มาคือสิ่งนี้ คือเค้าเดินทางกับลูกน้อย อายุ 10 เดือนและครอบครัว กลัวลูกจะร้องไห้เสียงดังรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นเลยทำขนมมาแจกพร้อมกับข้อความที่เห็น คือน่ารักมากกกก อ่านแล้วยิ้มไม่หยุดเลยยยย #เรื่องราวดีๆบนไฟล์ต #thaiairways : ))“ การเดินทางไฟล์ตนี้เป็นการเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าอาศยานนานาชาติปูดง เซี่ยงไฮ้ ครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง เกรงว่าลูกน้อยจะร้องไห้เสียงดังรบกวนคนอื่น จึงได้ทำของขวัญเล็กๆ เพื่อแจกให้ผู้โดยสารทุกคนในไฟล์ต รวมถึงลูกเรือด้วย ในของขวัญนั้นมีโน๊ตเล็กๆ…
-
หนุ่มเผลอทำ ‘iPhone 8’ ตกไปในส้วม พอจะล้วงขึ้นมาแขนก็ดันติด มันจะซวยอะไรขนาดน๊านน
จะเป็นอย่างไรถ้าเกิดคุณเผลอทำของมีค่าตกลงไปในส้วมขณะที่คุณกำลังถ่ายหนักหรือเบาอยู่ คุณจะยอมเอื้อมมือไปล้วงมันขึ้นมาไหม หรือคุณจะทำใจปล่อยมันไป? แล้วถ้ามันเป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่อย่าง ‘iPhone 8‘ ละ คุณจะทำอย่างไร? เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงในคืนวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2018 ที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง โดยสื่อท้องถิ่นของจีน lznews.gov.cn ได้รายงานว่า ชายชาวจีนแซ่ Tan ได้เดินทางไปเที่ยวและแวะดื่มกับเพื่อนๆ ที่โรงแรมในเมืองหลิวโจว แต่ว่าในขณะที่หนุ่มแซ่ Tan แวะไปเข้าห้องน้ำเขาได้เผลอทำโทรศัพท์ iPhone 8 ของเขาตกลงไปในส้วมนั่งยอง งานนี้หนุ่มคนดังกล่าวจึงยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้โทรศัพท์ราคาแพงมูลค่ากว่า 8,000 หยวน (ประมาณ 40,000 บาท) ของเขาต้องหายไปแบบนี้ เขารีบเอามือล้วงลงไปเพื่อควานหาโทรศัพท์ของเขาทันที… วินาทีที่หนุ่มชาวจีนกำลังคิดถึงแต่มือถือของเขาอยู่นั้น ไม่นานนักเขาก็ค้นพบว่าแขนทั้งแขนดันติดอยู่กับตัวส้วมและไม่สามารถดึงออกมาได้ จนเวลาล่วงเลยไปกว่า 20 นาทีในสภาพดังกล่าว โชคยังดีที่แม้จะเป็นกลางดึก แต่ยังคงเป็นกะสุดท้ายของภารโรงที่เข้ามาทำความสะอาดทำให้ชายแซ่ Tan คนนี้ถูกพบตัวและได้รับการช่วยเหลือทันทีจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งแขนของเขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลทำให้เขาต้องส่งตัวไปทำแผลต่อทันที อย่างไรก็ตามแม้เขาจะถูกช่วยไว้ได้ แต่ iPhone 8 ของเขาดันไม่รอดกลับมาด้วย ซึ่งจากเรื่องราวครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่มาช่วยฝากเตือนทุกคนผ่านสื่อไว้ว่า ถ้าเกิดใครบังเอิญเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันพยายามอย่าสอดมือลงไปในส้วมเป็นอันขาด…
-
หนุ่มคนจริงไม่อิงซีซี ขับรถเก่า Yamaha Mate 80 ข้ามทะเลทรายโกบี ด้วยใจอันมุ่งมั่นไม่หวั่นใดๆ!!
การเดินทางไกลข้ามจังหวัด หรือข้ามประเทศด้วยรถมอเตอร์ไซค์นั้นอาจะเป็นความฝันของหลายๆ คนที่มีใจรักในเจ้าสองล้อนี้ แต่ทว่าบางครั้งข้อจำกัดบางอย่างก็อาจจะทำให้ความฝันนั้นเป็นอันต้องล้มเลิกไปเลยทีเดียว แต่ถ้าหากว่าคุณได้รู้เรื่องราวของ Ys Liu ผู้นี้ล่ะก็ นี่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเดินทางไกลด้วยมอเตอร์ไซค์ของคุณก็ได้ พบกับเรื่องราวของหนุ่มชาวจีนผู้ไม่สนซีซี ที่เดินทางกว่า 3,500 กิโลเมตรข้ามทะเลทรายโกบี ด้วยรถ Yamaha Mate 80 (หรืออีกชื่อคือ Yamaha CY80) นวัตกรรมสองล้อจากปี 1993!! ทะเลทรายโกบีตั้งอยู่บริเวณรอยต่อทางตอนใต้ของประเทศมองโกเลีย กับทางตอนเหนือของประเทศจีน ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในทะเลทรายที่มีพื้นที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว พื้นที่ที่กว้างถึง 1.3 ล้านตารางกิโลเมตร หรือเกือบๆ 3 เท่าของประเทศไทย ทำให้การเดินทางข้ามดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ Ys Liu ชายหนุ่มนักผจญภัยที่มาพร้อมกับจักรยานยนต์รุ่นคุณแม่ผู้นี้ ซึ่งทางด้านคุณ Ys Liu ได้นำเรื่องราวการผจญภัยของเขามาเผยแพร่ในกลุ่ม Horizons Unlimited Motorcycle Adventure Travellers หนุ่มนักผจญภัยของเราได้โพสต์ภาพการเดินทางพร้อมข้อความว่า “Yamaha Mate 80 ในมองโกเลีย นี่คือรถที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1993 และนี่คือทริปการเดินทางข้ามทะเลทรายโกบีระยะทางกว่า 3,500 กิโลเมตร ด้วยตัวคนเดียว!!”…
-
คุณลุงยอมเดิน 40 กิโลเมตรกลับบ้าน ในวันที่หิมะตกหนัก เพื่อเก็บเงินซื้อชุดใหม่ให้ภรรยา
ค่าของเงินในแต่ละคนนั้นล้วนมีไม่เท่ากัน บางคนเลือกจะใช้โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก บางคนอาจจะคิดถึงอนาคตและเก็บสะสมเงิน หรือบางคนที่รายได้น้อยอย่างคุณลุงเจ้าของเรื่องนี้ก็เลือกที่จะประหยัดเงินเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเขา Zhao Fangzi คุณลุงวัย 60 ปี จากมณฑลเหอหนาน ได้ตัดสินใจจะเก็บเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้าให้กับภรรยาของเขาเป็นของขวัญในปีใหม่จีน ด้วยการเดินเท้ากลับบ้าน แถมยังเป็นที่หิมะตกหนักด้วย!! คุณลุงเล่าว่าเขาตัดสินใจจะเดินเท้ากลับบ้านเพราะว่าหลังจากที่เขานั่งรถไฟจากเซี่ยงไฮ้มาลงที่สถานีลั่วหยาง ระบบขนส่งส่วนใหญ่นั้นปิดให้บริการแล้ว นอกจากนั้นต้องนั่งแท็กซี่หรือรอให้หิมะหยุดโดยการเปิดโรงแรมพักเขาก็จะไม่มีเงินเหลือไปซื้อเสื้อผ้าให้กับภรรยาของเขา ฉะนั้นเขาจึงเลือกเดินทาง 40 กิโลเมตรจากสถานีดังกล่าวไปยังบ้านของเขา Zhao ได้บอกกับสื่อจีนว่า “เงินนั้นหายาก ผมทำงานให้กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งผมได้เงิน 2,000 หยวน (ประมาณ 10,000 บาท) ต่อเดือน ถ้าผมไม่ประหยัดค่าเดินทางหรือใช้ให้ดีผมก็จะไม่มีเงินเก็บเลย “ ยังไม่หมดเท่านั้นคุณลุง Zhao ยังบอกว่าเขารู้สึกเสียใจที่เจ้านายของเขาไม่ได้จ่ายค่าจ้างที่ค้างเขาไว้ 10,000 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท) ก่อนปีใหม่จีน ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกผิดหวังมากๆ ทั้งที่นายจ้างได้ให้คำมั่นสัญญาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามคุณลุงก็บอกว่า การเดินทางนี้เหมือนจะยากลำบากแต่มันก็เป็นการเดินทางเที่ยวเดียว เพราะเขาบอกว่าเขาอาจจะไม่กลับไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้อีกแล้ว เพราะด้วยอายุที่มากขึ้นการทำงานก็ยากขึ้น ฉะนั้นเขาจะตัดสินใจอยู่ที่บ้านกับภรรยาของเขานั่นเอง จากรายล่าสุดของสื่อจีน คุณลุง Zhao…
-
คุณพ่อชาวจีนหัวเก่า สนับสนุนให้ลูกคบกับคนผิวขาว แทนที่จะคบกับคนผิวสี
เรื่องของเชื้อชาติหรือสีผิวยังคงเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอยู่ตลอด ไม่ใช่เพียงเพราะความแตกต่างในเรื่องของภาษาหรือวัฒนธรรม หากแต่ยังมีคนบางกลุ่มที่มองว่า เชื้อชาตินี้ดีกว่าอีกเชื้อชาติหนึ่ง เหมือนอย่างความคิดของคุณพ่อชาวจีนคนนี้ ที่อยากให้ลูกสาวของตัวเองคบกับคนผิวขาว และไม่ให้คบกับคนผิวสี แนวคิดของคุณพ่อคนนี้ถูกนำเสนอออกมาผ่านการพูดคุยกับลูกสาวของตัวเอง และเธอก็ทำการถ่ายคลิปแบบให้ได้ยินแต่เสียง ไม่เห็นหน้า ก่อนที่จะนำมาโพสต์ใน Reddit เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2018 ภายในคลิปหญิงสาวถามพ่อของเธอว่า “ถ้าน้องสาวคบกับคนผิวสีพ่อจะโกรธใช่มั้ย แต่ถ้าเป็นคนผิวขาว-” แล้วพ่อเธอก็ตอบแทรกมาว่า “ใช่ เพราะปกติแล้วคนจีนไม่ชอบคนผิวสี” ลูกสาวยังถามพ่ออีกว่า “ไม่ใช่แค่ผิวสี แต่รวมถึงคนแขกฝั่งอินเดียด้วยหรือเปล่า” พ่อเธอก็ตอบว่า “ใช่ พ่อไม่ชอบพวกเขาเหล่านั้นเลย” เธอจึงถามหาเหตุผลว่าทำไมพ่อของเธอถึงคิดเช่นนั้น เขาจึงตอบกลับมาแบบคลุมเครือว่า “พ่อจะอธิบายว่ายังไงดี คนพวกนั้นทำให้พ่อรู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่” หญิงสาวจึงมุ่งประเด็นไปว่าทำไมพ่อของเธอถึงคิดว่าคู่รักชาวจีนกับคนผิวขาว ถึงดีกว่าคู่รักชาวจีนกับคนผิวสี แล้วคุณพ่อจึงอธิบายว่า “พ่อไม่ได้บอกว่าคนขาวดีกว่าคนจีน แต่คู่รักคนจีนกับคนผิวขาวยังไงก็ดีกว่าคนจีนที่คบกับคนผิวสีหรือคนแขก” จากนั้นลูกสาวจึงถามประโยคสุดท้ายว่า “พ่อคิดว่าลูกครึ่งชาวจีนกับผิวขาวดูสวยงามมากที่สุดแล้วใช่มั้ย?” พ่อเธอจึงยกตัวอย่างถึงคนคนหนึ่งที่ชื่อว่า Gabby และบอกว่าคนคนนั้นมีใบหน้าที่ขี้เหร่เมื่อตอนเป็นเด็ก แต่พอโตขึ้นมากลับน่ารัก ซึ่งคาดว่าคนที่พ่อของเธอพูดถึงจะเป็นลูกครึ่งชาวจีนกับคนผิวขาว วิดีโอดังกล่าวได้กลายเป็นที่พูดถึงเกี่ยวกับความคิดที่หลายๆ คนมองว่าเป็นการถูกปลูกฝังของคนในยุคเก่า ที่มองว่าเชื้อชาติหนึ่งดีกว่าอีกเชื้อชาติหนึ่ง ซึ่งในที่นี้หมายถึงคนขาวดีกว่าคนผิวสี แน่นอนว่าเชื้อชาติที่ต่างกัน…
-
‘ถ้าหนูจากไป แม่คงกลับมา’ จดหมายจากลูกสาวผู้ป่วยมะเร็ง ฝากถึงพ่อให้หยุดการรักษาเธอ
โรคมะเร็งเป็นโรคที่รุนแรงและยากที่จะเยียวยาได้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะหาเงินมาจ่ายตลอดการรักษาได้ เด็กหญิงวัย 7 ขวบนามว่า Zhang Jiaye ที่อาศัยอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเจียมูซิ มณฑลเฮย์หลงเจียง จีนตะวันออกเฉียงเหนือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่ปี 2016 และกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล เธอได้เขียนจดหมายสุดเศร้า ขอร้องให้หยุดการรักษาโรคมะเร็งของเธอ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นสูงเกินกว่าที่พ่อของเธอจะจ่ายไหว ซึ่งพ่อของเธอมีหนี้สินกว่า 590,000 หยวน หรือราวๆ 2,900,000 บาท จากการรักษาถึง 18 ครั้ง ซ้ำแม่ยังทิ้งเธอไปในเดือนกรกฎาคมปี 2017 และติดต่อไม่ได้อีกเลย จดหมายที่เขียนโดย Zhang มีเนื้อหาว่า “พ่อ หนูเห็นพ่อร้องไห้วันนี้ หนูรู้ว่าพ่อเสียเงินไปมากกับค่ารักษาของหนูจนพ่อเงินหมด ส่วนแม่ก็ทิ้งพ่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนู ถ้าหนูจากไป แม่คงจะกลับมา และพ่อก็จะมีความสุขอีกครั้งเหมือนเมื่อก่อน หนูไม่อยากรักษาอีกแล้ว กลับบ้านกันนะ” พ่อของเธอกล่าวหลังจากที่หมอวินิจฉัยลูกสาวของเขาว่าเป็นโรคลูคิเมียว่า “ผมรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าได้ถล่มลงมา” หลังจากนั้นจดหมายของ Zhang ฉบับนี้ก็ได้มีการเผยแพร่ไปบนอินเตอร์เน็ตจนทำให้ชาวเน็ตหลั่งไหลกันเข้ามาบริจาคเงินให้เป็นค่ารักษาพยาบาลของเธอเป็นจำนวนกว่า 600,000 หยวน หรือประมาณ 3,000,000 บาท …
-
หญิงจีนคีบตุ๊กตาได้กว่า 7,000 ตัว แชร์เทคนิคเด็ด “เขี่ยให้ร่วง ดีกว่าคีบติดก้าน!!”
บางคนบอกว่า “ตู้คีบตุ๊กตา” คือการพนัน หรือบ้างก็บอกว่ามันใช้ฝีมือ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ มันเสพติดสุดๆ โดยเฉพาะหลังคีบขึ้นมาแล้วทำท่าจะได้แต่จบที่ล้มเหลว… เช่นเดียวกับ Ya สาวชาวจีนวัย 27 ปี จากมณฑลกวางตุ้งที่แม้เดิมทีจะทำอาชีพช่างภาพและมองว่าการเล่นตู้คีบตุ๊กตามันไร้สาระ แต่หลังจากได้สัมผัสมันเพียงครั้งเดียวก็ค้นพบว่าตัวเองเสพติดมันไปซะแล้ว แถมหลังจากคีบตัวแรกสำเร็จมันดันเรียกพวกมาอีกกว่า 6,999 ตัว!? เรื่องราวของ Ya มันเริ่มขึ้นเมื่อปี 2016 ได้เดินไปเจอกับตู้คีบตุ๊กตาที่มีเป็ดสีเหลืองแสนน่ารักอยู่ข้างใน แน่นอนว่าสาวๆ เมื่อตุ๊กตาเป็ดก็จะต้องอยากได้เป็นธรรมดา แต่ด้วยความคิดครั้งแรกที่เธอคิดว่ามันไร้สาระและมีไว้เพื่อใช้หาเงินเท่านั้น เธอจึงไม่อยากเล่น จนกระทั่งความอยากมันชนะหลักความคิดของเธอ เธอจึงหลวมตัวหยอดเหรียญไปหนึ่งครั้ง นับจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอคนพบว่า การคีบตุ๊กตามันสนุกกว่าที่คิดมันได้คิดและใช้ความสามารถพร้อมกับโชคอีกนิดหน่อย ซึ่งเธอบอกว่ามันก็คล้ายกับการเล่นดนตรีที่ต้องฝึกหลายๆ ส่วน รวมถึงการจับเทคนิในการคีบ เธอบอกว่าช่วงแรกที่เธอเริ่มเข้าถึงมันเธอยังไม่มั่นใจมากนัก เธอใช้เวลาไปกับยืนดูและเรียนรู้เทคนิคของคนอื่นมากกว่า แต่เวลาผ่านไปเธอก็พบว่ามันไม่ช่วยอะไรมากนัก เธอจึงจัดการซื้อตู้คีบตุ๊กตามาไว้ที่บ้านเพื่อฝึกฝน แต่เรื่องมันกลับพีคยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอออกไปคีบตุ๊กตาจริงๆ ซึ่งเธอพบว่าตู้คีบตุ๊กตามันมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ฉะนั้นมันจึงไม่เหมือนกับตู้ที่เธอซื้อมาฝึก เธอจึงต้องเริ่มฝึกให้มากกว่าเดิม ด้วยการออกมาคีบ การค้นคว้าในเน็ตและอื่นๆ อีกมากมาย เวลาผ่านไป Ya ค้นพบว่าการเอาที่คีบค่อยๆ…
-
จากภาพ “เด็กชายผู้ฝ่าหิมะไปเรียน” ล่าสุดมีคนใจดีมอบเงินเพื่อให้ไปทัศนศึกษาในปักกิ่งด้วย
เมื่อราวๆ เดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา ได้มีภาพๆ หนึ่งถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง เป็นภาพของเด็กชายชาวจีนที่ชื่อ Wang Fuman วัย 8 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในมณฑล Zhaotong เขต Yunnan เขาต้องฝ่าอากาศอันหนาวเย็น -8 องศาเพื่อไปโรงเรียนประถม Zhuanshanbao Primary School ที่อยู่บนเขาที่ห่างจากบ้านไปราวๆ 4.5 กิโลเมตร แต่เนื่องจากอากาศอันหนาวเย็นสุดขั้ว ทำให้เส้นผมของเขาและขนตาของเขามีแต่เกล็ดหิมะเกาะเต็มไปหมด คุณครูจึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพของเขาไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กและกลายเป็นภาพไวรัลที่มีผู้คนแชร์กันออกไปอย่างรวดเร็วจนได้รับฉายา “Ice Boy” จากความโด่งดังของเขาทำให้เด็กชาย Wang ถูกสื่อหลายแห่งเชิญไปสัมภาษณ์ เด็กชาย Wang บอกว่าเมื่อโตขึ้น เขาอยากจะเป็นตำรวจเพื่อจะได้จับคนร้าย และปณิธานในปีใหม่นี้ เขาตั้งใจจะเรียนหนังสือให้มากขึ้นและหาเงินมาเพื่อรักษาคุณยายที่ป่วยของเขา เด็กชาย Wang บอกว่าเขาเองไม่เคยทิ้งบ้านแล้วเดินทางไปไหนเลย เขาอาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆ กับน้องสาวและคุณยาย ส่วนแม่ได้ทิ้งครอบครัวไปครอบครัวใหม่ และพ่อต้องไปทำงานในต่างถิ่น จะได้กลับบ้านเพียงปีละครั้งหรือสองเท่านั้น แต่เขาก็หวังว่าสักวันจะได้ไปปักกิ่ง เพราะจะได้รู้ว่าเด็กๆ ที่นั่นเขาเรียนหนังสือกันยังไง และเพราะความโด่งดังของภาพนั้น มันได้ช่วยเปลี่ยนให้ชีวิตของเขาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อของเด็กชายได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งและถูกเสนอให้ทำงานใกล้ๆ กับบ้านของตัวเอง แถมทั้งครอบครัวยังได้รับเงินบริจาคกว่า…
-
คุณหมอชาวจีนเสียชีวิตต่อหน้าผู้ป่วย หลังหักโหมทำงานหนักติดต่อกันนาน 18 ชั่วโมง
การที่เราขยันทำงานถือเป็นความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ทุกคนควรกระทำ แต่อะไรที่มากเกินไปจนเกินพอดีก็อาจนำไปสู่ผลเสียที่เลวร้ายเกินกว่าจะคาดเดาได้ ดังเช่นเรื่องราวที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ แพทย์หญิงชาวจีนอายุ 43 ปี นามว่า Zhao Bianxiang เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ และยังเป็นถึงรองหัวหน้าแผนกทางเดินหายใจในโรงพยาบาล Yuci District Hospital ในเมืองจินจง มณฑลซานซี เกิดช็อคและเสียชีวิตหลังจากทำงานติดต่อกันนานเป็นเวลา 18 ชั่วโมง เธอเริ่มเข้างานเมื่อเวลา 6 โมงเย็น ของวันที่ 28 ธันวาคม 2017 ต่อมาในวันที่ 29 ธันวาคม มีรายงานว่าเธอล้มลงและหมดสติไป ทีมแพทย์จึงใช้เวลา 20 ชั่วโมงทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือเธอให้กลับมามีสติ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า หมอ Zhao เสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 7.16 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม 2017 ด้วยอาการเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก คำพูดสุดท้ายของเธอก่อนเธอจะล้มลงและหมดสติไปก็คือ “แม่ของหนูเป็นอย่างไรบ้าง” ที่เธอพูดถามกับลูกสาวคนไข้ของเธอ และจากนั้นเธอก็ล้มลง ทั้งนี้เหล่าเพื่อนร่วมงานของต่างออกมาพูดถึงแพทย์หญิง Zhao เช่น “คุณหมอ Zhao นั้นบ้างานมากๆ” “เขาไม่ว่างแม้กระทั่งจะไปพัก” “ในหน้าหนาว ผู้ป่วยทางเดินหายใจจะเยอะเป็นพิเศษ…
-
รู้จักกับ ‘Chen Si’ หนุ่มชาวจีนผู้ช่วยชีวิตคนที่กำลังคิดจะฆ่าตัวตายมาแล้วหลายร้อยชีวิต
เรื่องราวอันแสนน่าประทับใจนี้เป็นของชายชาวจีนท่านหนึ่งนามว่าคุณ Chen Si เขาได้ช่วยเหลือคนที่คิดสั้นและกำลังจะฆ่าตัวตายมากกว่า 330 คน ชื่อของชายคนดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังจากที่เกิดกระแสดราม่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของยูทูบเบอร์ชื่อดังอย่าง Logan Paul (อ่านข่าวเก่า Logan Paul ออกมาขอโทษชาวเน็ตญี่ปุ่น หลังหัวเราะ ‘ศพ’ ที่ตัวเองบังเอิญไปเจอในป่า) ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ชายชาวจีนผู้นี้ได้ใช้เวลาว่างในวันหยุดของเขาออกเดินสำรวจในบริเวณสะพาน Nanjing Yangtze หนึ่งในจุดฆ่าตัวตายยอดนิยมแห่งหนึ่งของโลก เพื่อช่วยเหลือเหล่าคนที่กำลังจะคิดสั้น ในปี 2006 คุณ Chen ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวว่าเขาได้เดินมองหาผู้คนที่กำลังหมดหวัง หรือคนที่กำลังได้รับความกดดันจากชีวิตอย่างมาก ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกับพวกเขา คุณ Chen ใช้เวลาในการพูดคุยกับพวกเขาพร้อมกับโทรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือในบางครั้งถ้าหากจำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพวกเขา ชายผู้นี้ก็เคยทำมาแล้ว!! “บ่อยครั้งที่ต้องมีการเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ผมเคยช่วยคนที่กำลังจะกระโดดสะพานและดึงพวกเขากลับมา บางครั้งผมก็ช่วยไว้ได้ทัน แต่บางครั้งผมก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาไว้ได้” คุณ Chen ให้สัมภาษณ์ คุณ Shi Xiqing หนึ่งในผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ หลังจากที่เขากำลังจะฆ่าตัวตายเนื่องจากปัญหาหนี้สินและค่ารักษาพยาบาลของลูกสาว ชายหนุ่มเล่าว่าในทุกๆ สัปดาห์คุณ Chen จะโทรมาพูดคุยกับเขาและช่วยพูดคุยกับเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกของปัญหาและช่วยให้เขาผ่านมันมาได้ เรื่องราวอันน่ายกย่องของหนุ่มชาวจีนผู้นี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Angel of Nanjing ในปี 2015 และสามารถกวาดรางวัลจากเทศกาลหนังได้อย่างล้นหลาม ชมเรื่องราวของเขาผ่านตัวอย่างหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่เลย… ที่มา ladbible
-
โมเมนต์เมื่อเปิดขวดน้ำในมองโกเลีย ที่อุณภูมิติดลบ 20 องศา กลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา
ในช่วงนี้อากาศของประเทศไทยลดต่ำลง จนหลายๆ คนต้องหาเสื้อกันหนาวอุ่นๆ มาใส่ไว้หลายๆ ชั้น แต่เพื่อนรู้ไหมว่าความหนาวของไทยนั้น มันยังเทียบไม่ได้กับที่มองโกเลียเลยสักนิด ทำไมนะเหรอ?? ก็เพราะว่าไม่นานมานี้ ได้มีคลิปวิดีโอยืนยันความหนาวเย็นแบบสุดขีดของทางเหนือของประเทศจีน ที่แค่เปิดขวดน้ำดื่มก็เกิดปรากฏการณ์สุดน่าทึ่งที่เรียกว่า ‘Supercooling’ เชื่อเลยว่าเพื่อนๆ หลายคนต้องชอบอากาศหนาวๆ จนต้องหอบข้าวหอบของขึ้นมาสัมผัสลมหนาวบนดอยสูง แต่สำหรับชาวจีนทางเหนือแล้ว พวกเขาไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ก็ได้พบกับความหนาวเย็นสุดขั้วที่มาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน คลิปวิดีโอนี้กำลังแสดงให้เห็นถึงชายชาวจีนคนหนึ่งที่กำลังจะเปิดขวดน้ำดื่ม ซึ่งอาจเป็นเพราะอุณหภูมิที่ติดลบกว่า 20 องศาเซลเซียส จึงทำให้น้ำในขวดที่เขาถืออยู่นั้นกลายเป็นน้ำแข็งในทันตา อย่างกับมีเอลซ่ามาเสกเวทมนตร์ยังไงอย่างงั้น คลิปวิดีโอนี้ถูกถ่ายที่เมืองฮูลัน บูเออร์ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ประเทศจีน ในวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าความหนาวเย็นในมองโกเลียนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะแม่แต่น้ำที่เป็นของเหลว ยังสามารถตกผลึกแข็งโป๊กได้ในทันตา เห็นแบบนี้แล้ว ก็ค่อยรู้สึกอุ่นขึ้นมาหน่อย ที่มา dailymail
-
สื่อนอกเผย เด็กจีนใช้เวลาทำการบ้านนานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 3 เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลก
อย่างที่พวกเราพอจะทราบกันเป็นอย่างดีว่าชาวจีนนั้นถือเป็นอีกหนึ่งชนชาติที่ขยันและทำงานอย่างหนัก แต่นอกจากสองเรื่องนี้แล้วพวกเขายังขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการเรียนการสอนที่หนักหน่วงอีกด้วย จากการรายงานของ Afanti ระบบเก็บข้อมูลขอผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนทั่วประเทศ เผยว่าตลอดช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เด็กนักเรียนในระดับชั้นประถมของที่นี่ใช้เวลาทำการบ้านเฉลี่ยมากกว่า 3.03 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกถึง 3 เท่า!! นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยผลการสำรวจระยะเวลาในทำการบ้านของเด็กญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อีก ซึ่งจากรายงานระบุว่าพวกเขาใช้เวลาในทำการบ้านเฉลี่ย 3.7 และ 4.8 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว จากผลการสำรวจในปี 2012 พบว่าเด็กชาวอเมริกันที่มีอายุเฉลี่ย 15 ปีจะใช้เวลาในการทำการบ้านเพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น ระบบการศึกษาของจีนนั้นถูกวิพากษ์วิจารย์ว่าเป็นระบบที่ซ้ำซากจำเจ และไม่ทำให้เด็กเกิดการพัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้ การบ้านนั้นยังไม่ได้ส่งผลต่อตัวเด็กเท่านั้นแต่ความกดดันจากผู้ปกครองก็ยังเป็นสิ่งที่สร้างความเครียดให้กับเด็กๆ อีกด้วย จากการรายงานของสื่อในท้องถิ่นได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่งที่เล่าว่าเธอมักจะรู้สึกอารมณ์เสียทุกครั้งที่พยายามช่วยสอนการบ้านลูก และเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจขึ้นเมื่อคุณพ่อท่าหนึ่งได้โทษลูกของเขาโดยการจับขึงไว้กลางถนน เนื่องจากเจ้าหนูน้อยไม่ยอมทำการบ้าน ที่มา medium
-
ชายผู้อาศัยอยู่ใน ‘อาคารผู้โดยสาร’ สนามบินปักกิ่งมาตลอด 10 ปี เพราะเมียไล่ออกจากบ้าน
เรื่องราวของ Wei Jianguo ชายชาวจีนวัย 53 ปี ที่ใช้อาคารโดยสารของสนามบินปักกิ่งเป็นที่พักอาศัย ทั้งกิน นอน และใช้ชีวิตราวกับว่าที่แห่งนี้แหละคือบ้านของเขาจริงๆ สาเหตุที่เขาต้องมาอยู่ในสนามบินปักกิ่ง เพราะเขาทะเลาะกับภรรยาอย่างหนักเมื่อปี 2008 จนถูกไล่ออกจากบ้าน เนื่องจากเขาติดสุราจนเสียงานเสียการ นาย Wei ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปก็ได้แต่เก็บข้าวของที่จำเป็นมุ่งหน้าไปที่สนามบินปักกิ่งเพื่อที่จะอาศัยอยู่ชั่วคราว แต่ความครบครันของสนามบินแห่งนี้ทำให้เขาตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ไปนานๆ เนื่องจากว่ามันสะดวกสบาย มีพร้อมทุกอย่าง แถมยังไม่ต้องเสียค่าเช่าอีกด้วย สนามบินใหญ่ระดับโลกที่มีผู้คนคับคั่งตลอดเวลาทำให้เขาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่มาไล่เขาก็ไม่ออกไปไหน รถเข็นกระเป๋าถูกนำมาใช้เป็นที่เก็บของ บ้านหลังน้อยๆ ของเขามีแค่ผ้าห่มปูกับพื้นและครัวขนาดจิ๋ว . . เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วที่นาย Wei ได้อาศัยที่สนามบินแห่งนี้ เขาบอกว่าอยู่แบบนี้สบายใจดี จะกินเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องฟังเมียบ่นอีกต่อไป งานก็ไม่ต้องทำ เพราะว่าได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลในฐานะคนว่างงานเดือนละ 4,900 บาท แถมยังมีผู้คนแวะเวียนเอาผ้าห่ม เสื้อผ้า ของกินมาให้ตลอดๆ ความจริงนั้นเขาสามารถกลับไปอยู่บ้านได้ตลอดเวลาแต่ที่เขายังเลือกที่จะอยู่สนามบินแห่งนี้ต่อไปเหตุผลหลักๆ คงเป็นเพราะว่าไม่อยากเจอหน้าเมียสินะ ฮ่าๆ …
-
ศิลปินชาวจีน รังสรรค์ผลงาน “รอยสักสีน้ำ” ตวัดพลิ้วไหว เหมือนใช้พู่กันจีน สวยงามแบบตะวันออก
สำหรับผู้ที่มีรอยสักบนร่างกายแล้วนั้น พวกเขาอาจจะใช้รอยสักสื่อถึงความหมายลึกซึ้งบางอย่าง ทั้งเรื่องราวในชีวิต ความทรงจำ ความชื่นชอบ และอื่นๆ อีกมาก เช่นเดียวกับช่างสักชาวจีนคนนี้ “Chen Jie” เขาได้สร้างสรรค์รอยสักที่ผสานความเป็นตะวันออกอย่างชัดเจนในอารมณ์ของลายเส้นที่พลิ้วไหวและการตีความหมายที่เกี่ยวกับธรรมชาติ อีกทั้งสร้างรอยสักยังเหมือนกับการวาดด้วยพู่กันสีน้ำ มันช่างดูงดงามราวกับไม่ได้ใช้เข็มลงสี ผลงานสุดเจ๋งของเขาเหล่านี้รวบรวมอยู่ในอินสตาแกรมที่ชื่อว่า chenjie.newtattoo ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน แค่นี้ก็การันตีได้แล้วฝีมือของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ 1. ลองดูหางปลาที่พลิ้วไหวนั้นสิ เหมือนกับว่ามันกำลังแหวกว่ายอยู่บนแผ่นหลังยังไงอย่างงั้น 2. รอยสักรูปแมวที่เหมือนกับใช้พู่กันระบายลงไป 3. จิ้งจอกน้อยสีสันสวยงามก็มีนะ 4. นกกระเรียนตัวนี้ก็ดูมีความตะวันออกอย่างเห็นได้ชัด 5. ไม่อยากจะเชื่อว่าใช้เข็มสักลงไป 6. ยังไง๊ยังไงก็ดูเหมือนปาดสีด้วยพู่กัน 7. เจ้าม้าที่ดูสง่างาม 8. ดอกไม้ในความคิด ที่ดูงดงามสุดๆ 9. ใบไม้ที่เหมือนแต้มสีด้วยพู่กัน 10. แพนกวินน้อย อุ๋งๆ 11. ดอกโบตั๋นที่แสดงออกถึงความเป็นประเทศจีนสุดๆ 12. ปลาหมึกสีสันสดใส…
-
คุณลุงเฝ้ารอวันสุดท้ายของชีวิตมา 7 ปี เพิ่งจะได้รู้ความจริงของการวินิจฉัยติดเชื้อ HIV นั้นผิดพลาด
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องของคุณลุง Zhong Xiaowei อายุ 54 ปี ผู้ที่ต้องทนทุกข์กับการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความกังวลมานานกว่า 7 ปี หลังจากที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเขาติดเชื้อ HIV คุณลุงท่านนี้ได้ออกมาเปิดเผยประวัติชีวิตของเขาว่า เขาเกิดในปี 1963 เป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้อง 5 คน พ่อของเขาจากไปด้วยโรคมะเร็งปอด เขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับแม่และพี่น้อง ฐานะของเขานั้นยากจนมาก ต้องลาออกจากโรงเรียนมาเพื่อทำงานเพื่อที่จะได้มีข้าวกินในแต่ละวัน ช่วงชีวิตวัยรุ่นของเขานั้นก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เขาเริ่มหันเข้าหายาเสพติดเพราะความเบื่อหน่ายในชีวิต เขาเสพเฮโรอีนเรื่อยมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และแล้วเขาก็ได้พบกับหญิงสาวผู้ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของเขา เขาจึงเลิกยาเสพติดและหันมาเปิดกิจการร้านอาหาร เมื่อทั้งสองคบหาดูใจกันมาได้ซักระยะหนึ่ง ทั้งคู่ก็ได้วางแผนที่จะแต่งงานกันในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2009 เขาจึงได้ไปตรวจร่างกายก่อนที่จะเริ่มชีวิตคู่ โดยเขาได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเฉิงตู ซึ่งผลตรวจก็ได้ออกมาปรากฏว่า เขาติดเชื้อ HIV ซึ่งเขาก็ยอมรับโดยดีและคิดว่ามันน่าจะเป็นผลพวงมาจากการการที่เขาเสพเฮโรอีนในช่วงก่อน ผลตรวจทำให้ครอบครัวและแฟนสาวหยุดการติดต่อกับเขาในทันที เขาไม่คิดที่จะรักษาเจ้าเชื้อ HIV นี้ โดยเขาได้ออกมาใช้ชีวิตคนเดียว เก็บตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์และไม่ยอมกินยาเพื่อต่อต้านเชื้อใดๆ และนับวันรอความตายไปเรื่อยๆ ช่วงที่เขาเก็บตัวอยู่คนเดียว เขาจะได้รับเงินสวัสดิการเล็กน้อย ในการดำรงชีพและต้องรายงานตัวทุกปีเพื่อตรวจจำนวน CD4…
-
สองเด็กชายหลบอยู่ใต้รถเมล์ ข้ามเมืองไปไกลกว่า 90 กม. เพื่อออกไปตามหาพ่อแม่
เหตุการณ์อันน่าตกใจนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน หลังจากที่เด็กชาย 2 ได้แอบเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถบัส และออกเดินทางเกือบ 100 กิโลเมตรเพื่อตามหาพ่อแม่ของพวกเขา เด็กหนุ่มวัย 8 และ 9 ขวบได้แอบขึ้นรถบัสจากหมู่บ้านของพวกเขาที่อยู่ทางตะวันตกของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เพื่อไปตามหาพ่อและแม่ที่ออกไปทำงานในเมือง ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ใต้รถบัสนานกว่า 3 ชั่วโมงก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่พบ เด็กน้อยทั้งสองแอบหนีออกจากโรงเรียนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีรถโดยสาร เด็กน้อยแอบซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบๆ บริเวณใต้รถของรถโดยสารที่กำลังจะเดินทางเข้าไปในเมือง ซึ่งราคาตั๋วค่าโดยสารนั้นอยู่ที่ประมาณ 160 บาท สำนักข่าวจากประเทศจีนรายงานว่า หลังจากที่รถคันดังกล่าวเดินทางมาเป็นระยะทางกว่า 90 กิโลเมตรและผ่านเส้นทางที่ทุรกันดารมากมาย เจ้าหน้าที่ของสถานีก็ตรวจพบเด็กน้อยทั้งสองที่ใต้ท้องรถ ในสภาพที่ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยโคลนและฝุ่น โชคดีที่เด็กน้อยทั้งสองไม่ได้รับอันตรายจากการเดินทาง ทั้งสองถูกส่งตัวกลับไปยังบ้านเกิดหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อกับทางโรงเรียนให้มารับตัวพวกเด็กๆ ถึงแม้ว่าเด็กน้อยทั้งสองจะได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ความฝันที่จะได้พบหน้าพ่อแม่ของพวกเขานั้นกลับไกลออกไป ทั้งสองบอกกับเจ้าหน้าที่สถานีว่าพ่อแม่ของพวกเขาทำงานอยู่ใกล้ๆ กับมณฑลกวางตุ้ง แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อเดินทางไปถึงเมืองใหญ่แล้วจะออกตามหาพ่อแม่ได้อย่างไร . ปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หลายๆ คนต้องทิ้งครอบครัว มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวง พร้อมกับความหวังที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยต้องแลกกับความรักความอบอุ่นของครอบครัว ที่มา shanghaiist
-
สาวจีนมัวแต่เล่นวีแชท รู้ตัวอีกทีก็ลงไปอยู่ในสระน้ำพร้อมกับรถหรูมูลค่า 10 ล้านบาท!!
เรียกว่าเป็นความสูญเสียมูลค่าหลายล้านที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เมื่อสาวจีนคนหนึ่งได้ขับรถสุดหรูของเธอพุ่งลงสระน้ำข้างทาง ด้วยสาเหตุที่ว่าเธอมัวแต่เล่นวีแชทจนไม่ได้มองถนน เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน โดยทาง South China Morning Post รายงานว่า ระหว่างทางที่หญิงสาวกำลังขับรถ Maserati GranTurismo มูลค่ากว่า 10 ล้านบาทไปยังเมืองหนานจิง เธอก็มัวแต่พิมพ์วีแชทจนสุดท้ายรถเสียหลักพุ่งลงบ่อน้ำข้างทาง แต่อีกสื่อหนึ่งก็ได้รายงานแตกต่างกันออกไป โดยได้รายงานว่าหญิงสาวนั้นหักหลบรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้ามา สุดท้ายเสียการควบคุมรถไปจนพุ่งลงบ่อน้ำข้างทาง อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการรายงานต้นเหตุของเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนกันคือรถหรูของเธอจบสภาพลงที่บ่อน้ำข้างทาง ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ Xu Jie ผู้มารับผิดชอบในคดีนี้ก็บอกว่า “ตอนที่ผมมาถึงยังที่เกิดเหตุ หญิงสาวคนนี้ก็กำลังเดินออกจากสระน้ำด้วยอาการสั่นจากอากาศที่หนาวเย็น โชคยังดีที่น้ำไม่ลึกมากนักโดยตัวรถยังไม่จมลงไปทั้งหมดเหลือส่วนหลังคาไว้เกือบๆ 30 เซนติเมตร นอกจากนี้ตัวรถก็ยังทำงานได้ปกติดี” นอกจากความเสียหายที่เกิดจากตัวรถแล้ว ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ จะมีก็แต่หญิงสาวเจ้าของรถที่ถูกตั้งข้อหาใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่ จึงโดนปรับเป็นเงิน 50 หยวน หรือเป็นเงินไทยราวๆ 250 บาท สุดท้ายแล้วก็ไม่มีการรายงานต่อว่า หญิงสาวได้ทำยังไงกับตัวรถหลังจากยกมันขึ้นจากบ่อน้ำ และตัวเธอนั้นเป็นเจ้าของรถหรือไม่นั้น ก็คงต้องรอรายงานกันต่อไป… ที่มา nextshark
-
เด็กชายชาวจีนวัย 4 ขวบ เข้าพิธีแต่งงานกับแม่ตัวเอง เพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพช่วงเวลาอันแสนประทับใจภายในงานแต่งงาน ที่ถูกจัดขึ้น ณ เมือง Xinfa มณฑลเฮย์หลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยพิธีวิวาห์ดังกล่าวไม่ได้มาในแบบคู่รักหนุ่มสาวทั่วๆ ไป แต่เป็นงานแต่งของคุณแม่ และ Baobao ลูกชายวัย 4 ขวบของเธอ ผู้ที่กำลังต่อสู้อยู่กับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากภาพปรากฏให้เห็นว่า หนูน้อย Baobao ได้ยืนอยู่ตรงกลางเวทีโดยมีพ่อและแม่ยืนอยู่เคียงข้าง ซึ่งพิธีแต่งงานสุดพิเศษนี้ ได้ถูกจัดขึ้นสองหลังจากที่ทางครอบครัวได้จัดฉลองวันเกิดครบครอบ 4 ปีให้กับเขา ทางด้านหนูน้อย Baobao ได้ออกมาเผยว่า “แม่ของผมเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก และผมก็อยากจะอยู่กับเธอตลอดไป” การรายงานระบุว่า เมื่อสองปีก่อน Baobao ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (ALL) และมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะตั้งแต่เดือนเมษายนหนูน้อย BaoBao ดูเหมือนว่าจะมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน ถือเป็นมะเร็งเม็ดเลือดชนิดหนึ่งที่มีผลต่อเซลล์เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก จากนั้นมันก็จะลามเข้าไปในกระแสเลือด และแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนต่างๆ…
-
รู้จักกับสาวชาวจีนร่างเล็ก Hu Tongtong วัย 25 ปี ที่มีดีกรีชนะการแข่งเขมือบมาแล้ว!!
Hu Tongtong สาวน้อยวัย 25 ปีจอมกินจุจากมณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน กลายเป็นที่โด่งดังอย่างมากหลังจากที่เธอได้อัพเดทคลิปวิดีโอการกินข้าวที่ดูน่าอร่อยของเธอ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ชื่นชอบการกินมากแค่ไหน แต่หญิงสาววัย 25 ปีผู้นี้กลับมีน้ำหนักตัวเพียงแค่ 43.5 กิโลกรัมเท่านั้น และคลิปการกินอาหารแบบดุเดือดของเธอก็ได้รับความนิยมจากชาวเน็ตในประเทศจีนอย่างมากเลยทีเดียว โดยคลิปวิดีโอที่ผ่านมาของเธอนั้นเผยให้เห็นถึงอาหารจำนวนมากที่เธอกินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นไข่ต้มที่มากถึง 93 ฟอง เกี๊ยวกุ้ง 200 ตัว ทาร์ตไข่ 76 ชิ้น แฮมเบอร์เกอร์ 5 กิโลกรัม รวมถึงเคบับแกะอีก 48 ชิ้นด้วยกัน ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ในงานแข่งขันกินจุในเมืองฉงชิ่ง Hu สามารถเอาชนะคู่แข่งของเธอและสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ซึ่งในการแข่งขันในครั้งนั้นภายในระยะเวลาแค่ 10 นาที เธอสามารถทานบะหมี่ได้ถึง 17 ชามเลยทีเดียว ในขณะผู้ชนะอันดับ 2 และ 3 ทานได้เพียง 7 ชามและ 5 ชามเท่านั้น!! Hu เริ่มต้นอัดคลิปวิดีโอของเธอเมื่อประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2016 หลังจากที่ได้เห็นคลิปกินจุของนักกินคนอื่นๆ…
-
เด็กหนุ่มวัย 12 ปี ต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาหาเงินดูแลรักษาคุณแม่ที่ป่วยใกล้ตาย
เมื่อเด็กชายวัย 12 ปี ต้องตัดสินใจเลือกสิ่งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาระหว่างเลือกไปเรียนเพื่ออนาคต กับเลือกที่จะออกไปทำงานเพื่อหาเงินมารักษาแม่ที่ป่วย เป็นคุณจะเลือกอะไร สำหรับหนุ่มน้อย Gu Guang Zhao วัย 12 ปี จากประเทศจีน เขาเลือกที่จะออกมาหางานและรักษาแม่ เนื่องแม่ของเขานั้นป่วยเป็นโรคไตวาย ต้องได้รับการปลูกถ่ายไตใหม่ให้ไวที่สุด ในตอนแรกที่เด็กชาย Gu รู้ว่าแม่ของเขามีอาการไตวายและต้องการเงินจำนวนมาก เขาได้ตัดสินใจเขียนข้อความบอกอาจารย์ทันทีว่าเขาต้องหยุดเรียนเพื่อช่วยแม่ของเขา แม้ว่าเขานั้นจะเป็นเด็กเก่งที่มีรางวัลจากการเรียนมากมายก็ตาม ด้านจำนวนเงินที่จะต้องหามาเพื่อใช้ในการรักษานั้น เด็กชายต้องหาเงินมากกว่า 2,500,000 บาท แต่โชคไม่ดีนักที่สถานะการเงินของเขาและครอบครัวไม่ดีเท่าไหร่และยังเป็นหนี้อีกกว่า 500,000 บาท ถึงอย่างนั้นเด็กชาย Gu ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินเพื่อช่วยแม่ต่อไป ทางด้านพ่อของเขาก็ได้ออกจากการเป็นคนงานก่อสร้างเพื่อมาดูแลภรรยาที่ป่วย ในตอนนี้เขากับลูกชายก็ต้องช่วยกันทำงานเก็บถั่วเพื่อหารายได้หลัก ส่วน Gu ก็ยังทำงานบ้านอีกหลายอย่างเพื่อให้แม่ของเขามีสุขภาพและชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามหลังจากเรื่องราวของเขาได้ถูกเผยแพร่ออกไปยังสื่อต่างๆ ในจีน ก็มีการบริจาคเพื่อช่วยเหลือครอบครัวนี้จนได้รับเงินตามจำนวนที่ต้องการเรียบร้อย ซึ่งหลังจากนี้แม่ของ Gu จะเข้ารับการรักษาที่ Henan Medical University ทันที สุดท้ายแล้วเรื่องราวของ Gu ก็ยังไม่จบ เขาเป็นเด็กที่ดีและสำนึกบุญคุณ ถึงขนาดที่เขาบอกกับแม่ว่าเขาได้ทำรายชื่อของคนที่เข้ามาช่วยเหลือทุกคน และเขาจะตอบแทนคนเหล่านี้อย่างแน่นอน …
-
โปรเกม LOL หัวร้อน ทะเลาะกับแฟนสาวพร้อมขู่ฆ่าขณะกำลังสตรีมสด จนถูกไล่ออกจากทีม
วันที่ 27 ตุลาคม 2560 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า Li Wei Jun หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งในเกมว่า “Vasilii” หนุ่มชาวจีนโปรเกมจากทีม Newbee ที่ลงแข่งเกม LOL (League of Legends) ได้ถูกไล่ออกจากทีมของเขา ภายหลังจากที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทะเลาะกับแฟนสาวผ่านสตรีมสดขณะที่กำลังโชว์การเล่นเกม จากการรายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เริ่มขึ้นเมื่อแฟนสาวได้ออกมาแนะนำว่า เขาดูเคร่งเครียดเวลาที่เล่นเกมมากเกินไป ซึ่งมันอาจจะทำให้แฟนๆ ที่เข้ามารับชมคอมเม้นต์ด่าได้ ด้วยคำพูดนี้เองที่ทำให้หนุ่มรายนี้ได้แสดงอาการไม่พอใจอย่างหนัก ถึงขั้นระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความโกรธ พร้อมกันนี้เขายังได้ทำลายโต๊ะคอมพิวเตอร์ ดึงกล้องเว็บแคมทิ้ง และทะเลาะกับแฟนสาวด้วยถ้อยคำที่หยาบคายต่อหน้าชาวเน็ตที่กำลังชมสตรีมสดอยู่ในขณะนั้น จากคลิปวีดีโอที่ถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ได้แสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงแฟนสาวของเขาก็ได้กรีดร้องออกมาเพราะ Vasilii ได้เริ่มตบตีเธอ และถึงแม้ว่าเธอจะร้องไห้อย่างหนัก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มิหนำซ้ำยังพูดขู่เธอด้วยว่า “ฉันจะตีเธอให้ตาย…ฉันจะฆ่าเธอ” อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เกิดเหตุได้ไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เรียกตัวนาย Vasilii ให้เข้าไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ ทางด้านชาวเน็ตที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พากันตกอกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งคลิปวีดีโอตรีมสดของโปรเกมรายนี้ก็ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตหลายรายก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นต่อพฤติกรรมสุดเถื่อนของโปรเกมรายนี้กันอย่างมากมาย เช่น…
-
“ชาชีส” เครื่องดื่มสุดฮอตฮิตที่มาแรงมาก ถึงขนาดชาวจีนยอมต่อแถวซื้อนานถึง 5 ชั่วโมง
มันอาจจะฟังดูค่อนข้างแปลกสำหรับใครหลายๆ คน หากมีการนำชีสมารวมตัวกับเครื่องดื่มอย่างชาจนกลายมาเป็นชาชีส และแน่นอนว่าเมนูเครื่องดื่มสุดแหวกแนวนี้ได้ก่อกำเนิดขึ้นในทวีปเอเชียแล้ว แถมยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ชาวจีนหลายพันคนได้พากันมายืนต่อแถวเป็นเวลานานถึง 5 ชั่วโมง เพื่อรอซื้อ “ชาชีส” โดยเฉพาะ จากการายงานระบุว่า ไม่มีเดือนที่ผ่านมา Hey Tea ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการผลิตชาชีสชื่อดังของจีน ก็ได้ทำให้วงการชากลับมาคึกคักอีกครั้ง ภายหลังจากที่ได้ออกเมนูใหม่ “ชาผสมชีส” เครื่องดื่มสุดแหวกแนว ที่สื่อจีนต่างพากันกล่าวขวัญถึงกระแสความฮอตที่ฉุดไม่อยู่ เพราะเมื่อได้เริ่มนำออกมาจำหน่ายได้ไม่ทันไร ก็ได้สร้างสถิติให้คนรอนานถึง 2 ชั่วโมงแล้ว หรือถ้าหากใครที่มาช้าหน่อยก็อาจจะได้รอนานถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว สำหรับบริษัท Hey Tea แรกเริ่มเป็นร้านขายชาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนริมถนนในมณฑลกวางตุ้ง ปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในบริษัทชาที่กำลังมีอัตราการเติบโตสูง โดยได้ขยายกิจการทั่วมณฑลกวางตุ้งไปมากกว่า 50 สาขา นอกจากนี้ ยังได้ไปเปิดในเมืองใหญ่ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้ และกรุงปักกิ่งอีกด้วย “ชาชีส” ถือเป็นเมนูเครื่องดื่มใหม่ที่มาแรงมาก ประกอบไปด้วยน้ำชาหลากสีสัน หรืออาจจะเป็นชาใส่นมหรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ส่วนสำคัญอยู่ตรงที่วิปชีสหนานุ่มที่ใส่เอาไว้ด้านบน…
-
หนุ่มจีนง้อเมีย จ้างรถแท๊กซี่กว่า 600 คัน เพื่อใส่ข้อความ ‘ที่รัก ผมผิดไปแล้ว’
เหล่าพ่อบ้านใจกล้าทั้งหลาย เวลาทำผิดอะไรไปก็อาจจะมีวิธีการง้อกวางน้อยของตนเองด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป ซึ่งระดับการง้อก็ขึ้นอยู่กับความผิดที่ได้ทำลงไป แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้ยากล่ะก็ ต้องง้อกันแบบเหนื่อยๆ กันหน่อยล่ะ ในเคสของพ่อบ้านชาวจีนคนนี้ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหล่าสามีทั้งหลายต้องขอคาราวะและแอบเซฟเก็บวิธีไว้เพื่อง้อภรรยาตอนทำผิด การง้อเมียด้วยดอกไม้ เครื่องสำอาง หรือของกินมันง่ายไป ต้องง้อด้วยการจ้างแท็กซี่ขอโทษไปทั่วเมืองแบบนี้ ชายหนุ่มแซ่หวัง จากเมือง Guangyan ได้กระทำผิดต่อภรรยาของเขาและได้ทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง ทำให้ภรรยาของเขาหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นและปิดการติดต่อจากเขา เวลาผ่านไปชายหนุ่มผู้นี้ก็เริ่มที่จะสำนึกผิด แต่ไม่รู้จะติดต่อเมียรักอย่างไร จึงได้ไปว่าจ้างแท็กซี่จำนวน 626 คัน เพื่อขึ้นข้อความว่า “ที่รัก ผมผิดไปแล้ว ให้อภัยผมนะ หวานใจ” ซึ่งรถแท็กซี่จำนวน 626 คันนี้ได้ขับไปทั่วเมือง คาดว่าภรรยาของเขาคงจะทราบถึงความตั้งใจและให้อภัยพ่อหนุ่มคนนี้ในเร็ววัน หลังจากนั้นไม่นานก็มีการรายงานเพิ่มเติมว่า หนุ่มแซ่หวังคนนี้ได้รับโทรศัพท์จากภรรยาในเมืองเฉิงตู และยอมให้อภัยเขา ซึ่งพ่อหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่ง้อภรรยาด้วยวิธีนี้ ยังมีพ่อบ้านคนอื่นที่เลือกใช้แท็กซี่ง้อภรรยาในจำนวน 1,000 คนมาแล้ว ซึ่งราคาในการว่าจ้างก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แค่ 150,690 บาทเอง!! แหม่ ถ้าเปลี่ยนวิธีง้อจากการเอาเงินไปจ้างแท็กซี่เปลี่ยนมาเปย์ให้เมียคงจะดีกว่านะ ฮ่าๆ ที่มา shanghaiist
-
หนุ่มจีนไปพักโรงแรม แต่ไม่มีเงินจ่ายเลยสวมวิญญาณ “สไปเดอร์แมน” โตงเตงเหินเวหา
เราอาจเคยได้ยินโจรหลบหนีหรือนักโทษแหกคุกด้วยวิธีที่เหลือเชื่ออย่างการใช้ช้อนขุดอุโมงค์หรือโดดลงทะเลทำนองนั้น แต่บอกเลยว่าชายคนนี้มีวิธีที่น่าหวาดเสียวมากกว่านั้นเยอะ เรื่องเกิดขึ้นในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เมื่อชายหนุ่มนิรนามท่านหนึ่งกำลังปีนสายโทรศัพท์เพื่อหลบหนีออกจากโรงแรม เพียงเพราะว่าเขาไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง!? ระยะห่างยังพอไหว แต่ความสูงขนาดนี้ก็ยังกล้าอยู่อีกนะ ด้วยความสูงเกือบ 60 เมตรหรือประมาณตึก 19 ชั้นของสายโทรศัพท์ที่เขาปีนอยู่ทำให้คนเดินผ่านไปมาต้องหยุดดูและรู้สึกหวาดเสียวไปตามๆ กัน เพราะถ้าเกิดพลาดตกลงมารับรองว่าเขาไม่รอดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหนทางที่จะปีนข้ามไปยังอีกตึกหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับสายไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ห่างตัวเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น คือถ้าแตะโดนปุ๊บก็จะช็อตปั๊บ ซี้แหงแก๋ในพริบตา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่สายโทรศัพท์เส้นไม่ใหญ่มาก ชายคนนี้จึงต้องพยายามรักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้และส่ายไปมาอยู่บ่อยครั้ง ทำเอาซะผู้ที่ดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่างใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จังหวะไปติดอยู่ระว่างสายสองเส้น ผู้ชมข้างล่างนี่กรี๊ดกันสนั่น และในที่สุดเขาก็สามารถข้ามไปถึงอีกฝั่งหนึ่งได้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้ามาช่วยให้เขาเข้าตึกไปได้อย่างปลอดภัยก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาควบคุมตัวเขาไปที่สถานี ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงโรงแรมที่เขาเข้าไปพักหรือค่าที่พักที่เขาต้องจ่าย แต่ถึงกับต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เดาว่าราคามันคงจะไม่ใช่น้อยๆ หรอกเนาะ เมื่อคลิปวิดีโอการหลบหนีครั้งนี้ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียชื่อ Weibo ของจีน ทำให้มีผู้ชมมากกว่า 7.4 ล้านคนและมีคอมเม้นท์ฮาๆ อันหนึ่งบอกว่า “ไอ้หนุ่มนี่คิดว่าถ่ายหนังแอ็คชั่นอยู่หรือไง?” คลิปวิดีโอไอ้หนุ่ม ‘สไปเดอร์แมน’ ผู้หลบหนีค่าโรงแรม อย่างน้อยเรื่องนี้ก็จบลงได้อย่างแฮปปี้เอนดิ้งไม่มีใครต้องบาดเจ็บอะไร เพื่อนๆ เวลาไปพักที่ไหนก็อย่าลืมถามราคาค่าห้องโรงแรมก่อนด้วยนะ ที่มา: aol
-
พิธีการรัดเท้า หรือที่เรียกว่า ‘เท้าดอกบัว’ ความงดงามสุดแปลกตาตามแบบฉบับจีนโบราณ…
ถ้าเราบอกว่าความงดงามในปัจจุบันเป็นอะไรที่แปลกตาแล้วละก็ เชื่อเถอะว่าพวกคุณคงไม่เคยเห็นความงดงามตามฉบับจีนโบราณที่เรียกกันว่า ‘เท้าดอกบัว‘ แน่ๆ ที่บอกว่าเท้าดอกบัว มันแปลกนั้นก็เพราะว่า เท้าดอกบัวหรือที่เรียกว่าการรัดเท้านั้น เป็นแฟชั่นสุดฮิตในยุคสมัยจีนโบราณที่ใช้วัดคุณค่าของหญิงชาวจีนเลยก็ว่าได้ ยิ่งเท้าใครเล็กคนนั้นก็จะยิ่งถูกมองว่าเป็นหญิงที่งดงาม . ความงามสุดแปลกตานี้มีต้นกำเนิดมาจากชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11 จากนั้นก็ได้รับความนิยมเรื่อยๆ จนกระทั่งในช่วงปี 1911 จึงเริ่มมีการแบนการรัดเท้าเกิดขึ้น พอศตวรรษที่ 20 จึงจะถึงจุดสิ้นสุดของแฟชั่นดังกล่าว . ความงามของเท้าดอกบัวนั้นจะถูกจัดแบ่งออกเป็นหลายชนชั้น ซึ่งก็แล้วความยาวของนิ้วเท้าของแต่ละคน คนที่มีนิ้วเท้ายาว 3 นิ้วจะถูกเรียกว่าเท้าดอกบัวทอง โดยถือเป็นความงามสูงสุด จากนั้นก็ลดย่อนลงมาลำดับป็นดอกบัวเงิน และดอกบัวเหล็ก ซึ่งยิ่งอยู่ในระดับบัวทองก็จะการันตีว่าจะมีชายร่ำรวยมาขอแต่งงานอย่างแน่นอน หน้าตาของรองเท้าดอกบัว ขั้นตอนการทำพิธีรัดเท้านั้นจำเป็นจะต้องทำแต่เด็กในช่วงอายุ 4 ถึง 9 ขวบ โดยการทำลายกระดูกเสียก่อน จากนั้นก็จัดรูปเท้าใหม่ให้เป็นเหมือนเกือกม้า ตามด้วยการถอดเล็บออกให้หมดเพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมาไม่ว่าจะเล็บที่อาจจะงอกใหม่และเชื้อโรคต่างๆ จากนั้นก็จะมัดให้คงรูปไว้เพื่อให้เท้าดอกบัวที่สมบูรณ์ แน่นอนว่ามันเจ็บสุดๆ เด็กๆ จะต้องถูกรัดเท้าด้วยผ้าตลอดเวลา ภาพเปรียบเทียบของเท้าที่ทำบัวกับไม่ทำ …
-
สาวชาวจีนผู้หลงใหลดินสอ เผยคอลเลคชั่นกว่า 1,000 แท่ง ที่ใช้เวลาสะสมกว่า 20 ปี
ดินสอ คือหนึ่งในอุปกรณ์การเรียนที่เราใช้ในการจดบันทึกสิ่งต่างๆ รวมไปถึงการวาดภาพ และสร้างงานศิลปะต่างๆ ซึ่งนอกเหนือจากความงามจากปลายดินสอแล้ว ลวดลายที่ประดับอยู่บนดินสอก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ประทับใจได้เช่นกัน และวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปพบกับคอลเลคชั่นดินสอ จากนักสะสมดินสอชาวจีนคุณฝู่ หญิงสาวหุ้นส่วนร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น มลฑลกวางตุ้ง เธอใช้เวลานานถึง 20 ปีในการสะสมดินสอมากกว่า 1,000 แท่ง!! คุณฝู่ หญิงสาวผู้หลงใหลในความสวยงามของเครื่องเขียน คุณ Fu เคยเป็นนักศึกษาด้านศิลปะมาก่อน และเริ่มสนใจที่จะเก็บสะสมดินสอจากทั่วโลกตั้งแต่ปี 1997 โดยในตอนแรกเธอเริ่มจากการสะสมดินสอที่มีสีและรูปร่างที่แตกต่างกันก่อน จนกระทั่งตอนนี้ดินสอที่เธอเก็บสะสมมาทั้งหมดนั้น สามารถนำมาจัดแสดงในตู้กระจกได้เลยทีเดียว คอลเลคชั่นสะสมบางส่วนของเธอ ดินสอรูปแบบต่างกันจากทั่วโลก ที่อยู่ในคอลเลคชั่นของคุณ Fu . บางลายอาจจะเคยเห็นในบ้านเราก็ได้นะ . ดินสอไม้แบบนี้ คุ้นๆ กันบ้างไหมเอ่ย?? แล้วแบบมีตุ๊กตาแบบนี้ล่ะ?? . เห็นดินสอที่คุณฝู่สะสมแล้วทำให้นึกถึงตอนสมัยประถมเลยนะว่าไหม?? ที่มา designyoutrust
-
ชาวบ้านจีนทำพิธี ‘แห่สุนัข’ ขอความอุดมสมบูรณ์ ฉลองความเท่าเทียมแห่งชีวิต
ความเชื่อนั้นถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์กันมาอย่างช้านาน โดยเฉพาะกับสังคมที่เกิดร่างฐานมาจากความเชื่อ อย่างหมู่บ้านในละแวกพื้นที่อันห่างไกลนั้น ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มกำลังใจในการใช้ชีวิตของพวกเขา ล่าสุดชาวจีนชนเผ่าแม้ว ที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ตอนกลางของประเทศจีน ก็ได้จัดพิธีแห่สุนัขขึ้นมา แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นแห่เพื่อกินหรืออะไรนะ อย่าพึ่งคิดว่าคนจีนจะกินสุนัขไปเสียทั้งหมด… เพราะสุนัขในงานแห่นี้ถือเป็นตัวแทนแห่งความสุขของพวกเขา โดยพวกเขาจะดูแลเอาใจใส่เจ้าตูบที่พวกเขาเอามาแห่กันเป็นอย่างดี โดยพิธีนี้มีชื่อว่าพิธี taigoujie (抬狗节) หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘พิธีแห่สุนัข’ ฟังดูแล้วเหมือนพิธีแห่นางแมวขอฝนในบ้านเราเลย โดยจะมีจุดประสงค์ที่คล้ายกันนิดหน่อย เพราะพิธีแห่สุนัขนั้นทำเพื่อขอลม ขอความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผลผลิตของพวกเขา รวมถึงขอบคุณที่มอบชีวิตที่เท่าเทียมและความสุขให้กับชาวบ้านนั่นเอง ขั้นตอนในการทำพิธีกรรมก็ง่ายมาก พวกเขาจะนำเสื้อผ้าทอและเครื่องเงินมาสวมให้กับสุนัข จากนั้นก็ให้พ่อหมอของหมู่บ้านมานำพิธี โดยให้เจ้าตูบนั่งเก้าอี้และแห่ไปตามหมู่บ้าน พร้อมกับเสียงดนตรีที่แสดงถึงความสุขของชาวบ้าน นอกจากนั้นพวกเขายังปาโคลนใส่กันเพื่อแสดงถึงความสงบสุข และความสุขที่พวกเขาได้รับตลอดมา ช่วงทำพิธีก็ดูจะเป็นห่วงเจ้าตูบกันสุดๆ เจ้าตูบก็คงรู้สึกว่า ได้เที่ยวรอบหมู่บ้านแบบ VVIP ดูๆ ไปก็น่ารักดีนะ ส่วนสาเหตที่ทำไมต้องเป็นสุนัขนั้น ก็เล่าขานกันมาตามความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า สุนัขเป็นสัตว์ที่นำพาชาวบ้านไปเจอกับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้ชาวบ้านรอดพ้นจากความแห้งแล้งนั่นเอง สุนัขสบายดี ชาวบ้านแฮปปี้ ที่มา shanghaiist
-
ชายหนุ่มตัดสินใจ นำร่างของภรรยาเข้ารับการ “แช่แข็ง” เพื่อหวังได้เห็นเธออีกครั้ง
“เธอยังไม่ตาย ตอนนี้ภรรยาของผมเธอแค่พักผ่อนอยู่เท่านั้น” คุณ Gui Junmin หนุ่มชาวจีนวัย 49 ปีที่ตัดสินใจนำร่างไร้วิญญาณของภรรยาเก็บไว้ในเครื่องแช่แข็งเพื่อรอให้เทคโนโลยีการรักษาก้าวหน้ากว่านี้ ร่างของคุณ Zhan Wenlia ภรรยาวัยเดียวกันของคุณ Gui ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ถูกแช่แข็งไว้ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิต่ำถึง -196 องศาเซลเซียส คุณ Gui บอกกับสำนักข่าว Xinhua News ว่าเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียภรรยาและไม่อยากเห็นเธอต้องจากเขาไป “ผมไม่อยากเห็นเธอจากไปพร้อมกับเปลวไฟ ผมคิดว่าตอนนี้เธอกำลังไปพักผ่อนที่ไหนซักที่” ชายหนุ่มบอกกับนักข่าว คุณ Zhan ถูกแช่แข็งด้วยวิธีการ cryogenically เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท Yinfeng Biological Group คุณ Gui บอกว่าภรรยาเขาได้ยินยอมเข้ารับการแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาร่างกายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Yinfeng จึงเดินทางมารอรับร่างของเธอที่โรงพยาบาล และหลังจากที่แพทย์ได้ยืนยันว่าเธอเสียชีวิตเมื่อประมาณตี 4 ของวันที่ 8 พฤษภาคม พวกเขาก็เริ่มต้นขั้นตอนการแช่แข็งโดยทันดี ภายใน 2 นาทีหลังจากที่จัดการเรื่องทางกฎหมายเสร็จ บริษัทได้ทำการฉีดยาต้านการแข็งตัวของเลือดและสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปในร่างกายของคุณ Zhan จากนั้นเกลือ น้ำ และน้ำแข็งก็ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเธอ เพื่อช่วยให้ร่างกายเธอเย็นลง เธอถูกสวมเครื่องช่วยหายใจกับเครื่องปั๊มหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดมีการไหลเวียนและป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดออกซิเจน หลังจากนั้นอีก 13 นาทีร่างของคุณ Zhan จึงถูกย้ายไปที่ห้องแลปของบริษัท Yinfeng เพื่อเข้ากระบวนการแช่แข็งและฉีดสารเคมีเข้าไปแทนเลือดเพื่อรักษาอวัยวะต่างๆ…
-
คุณแม่แอบพาลูก 4 ขวบขึ้นเครื่อง เพราะคิดว่าเด็กเล็กไม่ต้องซื้อตั๋ว ทำไฟลท์ดีเลย์วุ่นวาย!!
เรื่องราวสุดปั่นป่วนเมื่อคุณแม่ชาวจีนคนหนึ่ง ได้แอบพาลูกของเธอขึ้นเครื่องโดยที่ไม่ได้ซื้อตั๋วในส่วนของลูก ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบปุ๊บก็ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายขึ้นมาทันที เพราะต้องจัดการปัญหายิบย่อยจนสายการบินต้องดีเลย์เที่ยวบินไปนานกว่า 5 ชั่วโมง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฏาคม 2017 เป็นสายการบินจูนเยา เที่ยวบินระหว่างปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้ โดยที่ทางสายการบินจับได้ว่ามีผู้โดยสายคนหนึ่งแอบขึ้นเครื่องและจ่ายตั๋วไม่ครบ… ผู้โดยสารดังกล่าวเป็นคุณแม่ที่เดินทางมาพร้อมกับสมาชิกครอบครัว เป็นผู้ใหญ่สองคนและเด็กอีกสองคน ซึ่งปัญหามันเกิดขึ้นเพราะคุณแม่คนดังกล่าวแอบพาลูกวัย 4 ขวบขึ้นมาด้วย โดยไม่ยอมซื้อตั๋วในส่วนของลูกคนดังกล่าว!! ผู้ต้องหาได้ให้เหตุผลของการทำแบบนี้ว่า เธอคิดว่าลูกของตนยังเล็กและไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าโดยสาร จึงทำการพาขึ้นเครื่องมาด้วยโดยไม่ซื้อตั๋ว และเรื่องนี้ได้สร้างปัญหายกใหญ่จนทำให้เครื่องบินต้องดีเลย์ออกไป ท้ายที่สุดผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ต้องทนรับผลกรรมไปด้วยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาต่างประท้วงและบังคับให้สายการบินต้องออกตัวทันทีหลังจากเครื่องดีเลย์มาแล้วกว่า 5 ชั่วโมง!! แน่นอนว่าพอเรื่องนี้ไปถึงชาวเน็ต มีเหรอจะรอด จวกเละ!! แถลงการณ์จากทางสายการบินดังกล่าว ทางด้านสายการบินก็ได้ออกมาแก้ต่างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า พวกเขาจะไม่เอาผิดกับครอบครัวดังกล่าว เพราะแม้ว่าปกติแล้วเด็กวัย 2 ขวบขึ้นไปจะต้องเสียเงินค่าตั๋ว แต่ถ้าส่วนสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตรก็ถือว่าไม่เป็นไรและเด็กคนดังกล่าวก็อยู่ในเงื่อนไขนั้น ส่วนเรื่องเครื่องที่ต้องดีเลย์นานกว่า 5 ชั่วโมง จริงๆ แล้วปัญหามันเกิดขึ้นเพราะครอบครัวดังกล่าวแค่ 90 นาที ส่วนเวลาดีเลย์ที่เหลือเกินขึ้นเพราะสภาพอากาศไม่ดีนั่นเอง……
-
น่ารักน่าฟัดจริงจริ๊ง “เสี่ยวหมาน” สาวน้อยชาวจีนที่ได้รับฉายาว่า “เครื่องจักรบริโภคอาหาร”
#เหมียวขี้อ้อน เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนคงจะเคยเห็นคลิปวีดีน่ารักๆ ของหนูน้อยจ่ำม่ำแก้มยุ้ยคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับการโชว์กินอาหารแบบเหลี้ยงชามผ่านเฟซบุ๊ก หรือตามเว็บไซต์ต่างๆ กันมาบ้างแล้ว โดยหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอของหนูน้อยผู้รักการกินดังกล่าว ก็ทำให้ถูกแชร์จนกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์ของจีน จนยอดวิวทะลุเป็นล้านวิวแล้วจ้า และในวันนี้ เราก็จะขอพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับหนูน้อยนักกินคนนี้ บอกเลยว่ายิ่งรู้จักก็จะต้องยิ่งหลงรักเธออย่างแน่นอน สำหรับหนูน้อยคนนี้มีชื่อว่า “เสี่ยวหมาน” อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เธอได้กลายเป็นซุปตาร์ตัวน้อยภายในชั่วข้ามคืน หลังจากที่มีคลิปวีดีโอการกินแหลกแบบน่ารักได้เผยแพร่ออกมา และคลิปวีดีโอก็ได้แสดงให้เห็นว่า แม่หนูคนนี้เธอรักการกินมากจริงๆ เพราะเธอนั้นสามารถกินได้ทุกอย่างตั้งแต่เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ หรือแม้กระทั่งทุเรียน นางก็กินมาแล้วนะจ๊ะ เพราะความน่ารักของเธอเลยก็ทำให้ใครต่อใครต่างก็พากันหลงรัก และนี่คือคลิปวีดีโอน่ารักๆ ในขณะที่หนูน้อยกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย ว่าแล้วก็ไปรับชมกันเลย มาชมภาพของเธอกันบ้างดีกว่า เพราะความกินเก่ง และกินทุกอย่างที่ขวางหน้าเลยทำให้หนูน้อยเสี่ยวหมานรับฉายาว่า “เครื่องจักบริโภคอาหาร” หลงรักเลย โตขึ้นอีกระดับแล้ว สดใสมาก เห็นแล้วหลง >< สำหรับใครที่ชื่นชอบ และหลงใหลหนูน้อยนักกินคนนี้เข้าอย่างจังล่ะก็ คุณสามารถเข้าไปติดตามชีวิต…
-
ชาวเน็ตจวกหนัก… หลังมีภาพของนักท่องเที่ยวจีน ใช้มือจับคอนกนางนวล เพื่อบังคับถ่ายรูป
เป็นที่รู้กันดีว่าชาวจีนนั้นมีจำนวนประชากรเยอะที่สุดในโลก และนั่นทำให้กลุ่มชาวจีนแบ่งออกเป็นทั้งคนที่ดีและกลุ่มคนที่นิสัยไม่ดีออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นเรื่องราวของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิสัยไม่ดีนั่นเอง เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณอ่าวเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน โดยภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ใช้อาหารหลอกล่อนกนางนวลในบริเวณนั้นให้เข้ามาใกล้ๆ และคว้าตัวนกมาอย่างรุนแรง ทั้งการจับคอ จับตัว รวมไปถึงการจับปีกด้วย ภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Weibo สื่อโซเชียลของจีน และกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่พอใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับออกมาถกเถียงอย่างรุนแรง โดยมีบางส่วนบอกในทำนองว่า “ลองให้นักท่องเที่ยวที่ไหนไม่รู้ เข้ามาบีบคอตัวเองถ่ายถ่ายรูปสิ จะรู้สึกชอบกันมั้ย!?” ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมนักท่องเที่ยวชาวจีนถึงอยากถ่ายรูปกับนกนางนวลนั้น คงจะเกิดขึ้นเพราะว่านกนางนวลหัวดำจะพบเจอได้เฉพาะฤดูกาลเท่านั้น และกว่าจะได้เจอนั้นก็มีโอกาสที่น้อย พวกเขาก็อยากจะได้ภาพของพวกมันกลับไป เรื่องราวในทำนองนี้ไม่ได้พึ่งจะเกิดขึ้น แต่ว่ามันเคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2014 ในบริเวณทางใต้ของเมืองคุนหมิง โดยมีนักท่องเที่ยวไปจับนกนางนวลมาเพื่อที่จะถ่ายรูปเช่นกัน แต่แล้วนักท่องเที่ยวก็ทำให้ปีกของนกนางนวลหัก และในปีต่อมาก็มีนักท่องเที่ยวไปจับนกนางนวลมาอีก คราวนี้เป็นการจับขามันเอาไว้แน่นไม่ให้ไปไหนแล้วก็ถ่ายรูป และต้นปีที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวจีนมีปัญหากับนกนางนวลเช่นกัน โดยพวกเขาได้ทุ่มนกนางนวลลงกับพื้นจนมันบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว . ยังไงก้ตามแม้กระแสชาวเน็ตจะโจมตียังไง เรื่องเหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่กับนกนางนวลแต่นักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มก็ยังคงสร้างปัญหาหลากหลายรูปแบบไม่หยุดหย่อน คงทำได้แค่รอดูกันต่อไปว่าอนาคตทางการจีนจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงบ้าง.. ที่มา shanghaiist
-
ชายชาวจีนสร้างสุสานอันเงียบสงบเพื่อตัวเอง และใช้บั้นปลายชีวิตที่เหลือ ณ ที่แห่งนี้…
หลังจากสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปเมื่อนานมาแล้ว คุณหมอชาวจีนท่านหนึ่ง ได้ตัดสินใจสร้างสุสานให้กับตัวเองไว้ในภูเขาที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน และก็ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่แห่งนั้นจนวาระสุดท้ายของเขา Liang Fusheng คุณหมอชาวจีนวัย 92 ปี ก็คือชายผู้เป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เคยมีครอบครัวที่ดีเหมือนกับคนอื่นๆ แต่แล้วเขาก็ต้องสูญเสียภรรยาและลูกอีกสามคนไปเพราะโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อน พร้อมกับอายุที่มากขึ้น จึงทำให้ไม่มีใครมาอยู่ดูแลเขาอีกต่อไป ด้วยเหตุนั้นทำให้เขาเริ่มที่จะมองหาสถานที่สำหรับบั้นปลายชีวิตของตัวเอง จนมาหยุดอยู่ที่หมู่บ้านในภูเขามณฑลหูหนาน เขาเริ่มสร้างสุสานให้กับตัวเองในราวๆ ปี 1990 โดยการจ้างชาวบ้านให้มาช่วยขนวัสดุและช่วยกันสร้างสถานที่ดังกล่าว เขาใช้เงินมากถึงประมาณ 1.3 ล้านบาท และเวลาอีก 14 ปี กว่าจะสร้างได้สำเร็จ และในที่สุดแล้วเขาก็เรียกที่แห่งนี้ว่าบ้านหลังสุดท้าย ส่วนการกินการนอนของเขาก็จะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้หรูหราอะไร ที่นอนของเขาก็จะเป็นโลงศพที่เตรียมพร้อมไว้ เผื่อว่าเขาต้องตายไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องลำบาก นอกจากนั้นเขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนสุสานอันสงบสุขของเขา เขาจึงทำการติดตั้งกับดักรั้วหนามและป้ายเตือนไว้รอบๆ แถมตัวสุสานยังมีการปิดกั้นอย่างแน่นหนาด้วยล็อค 5 ชั้น พร้อมกับบอกกับชาวบ้านว่าไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เป็นคนใจจืดใจดำอะไร เขาได้บอกกับชาวบ้านว่าถ้ามีใครต้องการความช่วยเหลือหรือป่วย เขาก็จะเดินทางไปช่วยชาวบ้านในทันที สุดท้ายเขาก็ได้บอกลากับชาวบ้านไปเมื่อราวๆ ปีก่อน และร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับชาวบ้านพร้อมบอกว่าเขาคงจะต้องจากไปในอีกไม่นานอย่างแน่นอน… ที่มา odditycentral
-
หนุ่มจีนได้กลับมาพบหน้าพ่ออีกครั้ง เพราะรสชาติ “หอยทอด หลังถูกลักพาตัวหายไป 13 ปี
เรื่องราวของการพลัดพรากนั้นเป็นเรื่องน่าเศร้า มันสร้างความเสียใจให้แก่คนที่ต้องจากกัน และเฝ้ารอว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และข่าวที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ก็ทำให้เราได้ชื่นใจในความสุขได้อย่างแน่นอน… Li Risheng หรือ Ye Fengqiang (ชื่อที่ถูกตั้งโดยครอบครัวใหม่ของเขา) แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นเด็กชายที่ถูกแม่ของเขาลักพาตัว และขายให้กับครอบครัวอื่น โดยที่พ่อของเขาไม่ได้ยินยอมเป็นเวลานานกว่า 13 ปี ตอนแรกเขาพยายามหนีหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งในตอนนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับและต้องอาศัยกับครอบครัวที่ซื้อเขาไป ทว่าตอนนี้ Li มีอายุ 20 ปีเรียบร้อย เขาจึงเริ่มตามหาครอบครัวจริงๆ ของตัวเอง โดยบอกว่าตนเริ่มตามหาครอบครัวจริงๆ ตั้งแต่ 10 ปีก่อน เพราะเขาอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วตัวตนที่แท้จริงเป็นใครกันแน่และมาจากที่ไหนกัน นอกจากนั้นใครคือครอบครัวจริงๆ ของเขากัน!? แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างออกตามหาปูมหลังของตัวเอง เขาได้แวะกินอาหารที่ร้านหอยทอดแห่งหนึ่งในเมืองม่าวหมิง ซึ่งหลังจากที่ได้ลิ่มรสชาติของหอยทอดจากร้านดังกล่าว อยู่ดีๆ ความทรงจำของเขาก็ย้ำเตือนทันทีว่าหอยทอดที่เขากำลังกิน มันคือรสชาติต้นตำรับของบ้านเกิดเขา!! ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจว่าที่นี้แหละคือบ้านเกิดของเขา ทำให้ Li เริ่มประกาศหาคนในครอบครัวของตน โดยการตามหาว่าชายแก่คนใด สูยเสียจากเหตุการณ์หายตัวไปของลูกชายเมื่อ 13 ปีก่อน จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งมาขอให้ช่วยตรวจ DNA ให้หน่อยเพราะลูกชายของตัวเองก็หายไปเมื่อ 13 ปีก่อนเช่นกัน และเขาก็พยายามตามหามาโดยตลอดจนท้อใจ ก็ยังไม่ตามเจอตัวสักที… …
-
คุณพ่อชาวจีนสวมชุด “ปิกาจู” ขอรับบริจาคเงิน เพื่อนำไปรักษาลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย
เมื่อลูกน้อยเกิดความลำบาก แน่นอนว่าคนที่มีหัวใจของความเป็นพ่อแม่นั้น ย่อมทนเห็นลูกตกอยู่ในความยากลำบากนั้นไม่ไหวแน่ ผู้เป็นพ่อและแม่ย่อมพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกของพวกเขาได้สิ่งที่ดีที่สุด และเรื่องต่อไปนี้ก็คงจะอธิบายนิยามของความเป็นพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อคุณพ่อชาวจีนยอมลงทุนแต่งตัวด้วยชุดมาสคอต เพื่อเรี่ยไรเงินมารักษาลูกสาวตัวน้อยที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่คุณพ่อชาวจีนวัยหนุ่ม Liu ต้องแต่งตัวด้วยชุดมาสคอตปิกาจู เพื่อไปขอรับเงินบริจาคในสถานีรถไฟใต้ดินของเมืองฉางตู เพื่อหาเงินมารักษาลูกสาววัยขวบกว่าซึ่งป่วยด้วยโรคร้ายที่ว่านี้ สาวน้อยผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ชื่อว่า Yu Yan เธอลืมตาขึ้นมาดูโลกเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2015 และหลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งปี ความสุขของพวกเขาก็หมดลง เมื่อลูกสาวของพวกเขาเริ่มหยุดทานอาหารและมีอาการทรมานจากโรคหวัดอย่างรุนแรง เธอถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของเมืองเฉิงตู เมื่อเดือนมกราคมปี 2016 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าสาวน้อยเป็นโรคลูคีเมียแบบฉับพลัน คุณหมอบอกว่ามีโอกาศที่จะรักษาชีวิตลูกของเค้าได้เพียง 70 เปอร์เซนต์และต้องใช้ค่ารักษาที่แพงมากถึงหลายแสนบาท แต่ถึงอย่างนั้นผู้เป็นพ่อก็ไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มวัย 24 ปีลาออกจากงานก่อสร้างทันที เนื่องจากงานที่ทำอยู่นั้นจะจ่ายเงินในตอนสิ้นปี แต่ทว่าตอนนี้เขาต้องการเงินอย่างมากในการรักษาลูกสาว พวกเขาใช้เงินในการรักษาไปแล้วกว่า 8 แสนบาทสำหรับค่ารักษาพยาบาล Liu และภรรยาเป็นหนี้สินมากมายเนื่องจากค่ารักษาที่แพงมาก โดยในแต่ละวันค่ายาของหนูน้อยจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท ในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาเขาตัดสินใจสั่งซื้อชุดมาสคอตในร้านขายสินค้าออนไลน์ แต่หลังจากที่ Liu เล่าเรื่องราวของลูกสาวให้พวกเขาฟัง ทางร้านก็มอบชุดนี้กับเขาฟรีๆ จากนั้นเขาก็แต่งกายด้วยชุดปิกาจู พร้อมทั้งนำเอกสารยืนยันอาการป่วยของลูกสาว และประกาศขายรูปถ่ายในชุดตุ๊กตาแลกกับเงินบริจาค…
-
ความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน กับประเพณี ‘เท้าดอกบัว’ ที่ใกล้จะหายไปจากโลกนี้แล้ว!!
บนโลกของเรานั้นมันช่างกว้างใหญ่ซะเหลือเกิน ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้คนทั้งโลกดำเนินชีวิตเหมือนกันไปซะทั้งหมด สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันก็ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนมีความหลากหลาย สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมวัฒธนธรรมความเชื่อในเรื่องของความงามของหญิงจีนแบบโบราณ ต้องขอบอกเลยว่ามันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ เลยล่ะ ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีนโบราณจะมีประเพณีที่ชื่อว่า ‘Lotus Feet’ หรือ เท้าดอกบัว ผู้หญิงจีนจะต้องนำผ้ามามัดเท้าของตัวเองอย่างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงวัยเจริญเติบโต คือ 4-9 ขวบ เพื่อให้เท้าของพวกเธอมีขนาดเล็ก เพราะเชื่อว่ามันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความงดงาม และฐานะทางสังคม ประเพณีนี้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศจีนเมื่อช่วงยุคก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20 แต่ภายได้ถูกยกเลิกออกไป และรัฐบาลจีนก็ได้ทำประกาศว่ามันผิดกฎหมายในปี 1911 ปัจจุบันยังคงหลงเหลือชาวบ้านที่ยังคงดำเนินตามแบบแผนของวัฒนธรรมโบราณนี้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และเท้าของพวกเธอแต่ละคนก็จะมีรูปร่างที่แปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด นิ้วเท้าจะงอม้วนเข้าหาตัว และกระดูกมีรูปร่างที่แปลกประหลาด เพราะถูกรัดเอาไว้จนทำให้เจริญเติบโตผิดรูปร่าง และนี่ก็คือภาพถ่ายของคุณยายทั้งหลายในเมือง Biejie ที่เป็นกลุ่มสุดท้าย ที่ยังคงรักษาประเพณีความเชื่อดั้งเดิมนี้อยู่ . . . . . . . ที่มา : dailymail
-
ชาวจีนโชว์สุดยอดวิชา ใช้ “หรรมส์” ลากรถยนต์รวดเดียว 7 คัน น้ำหนักรวม 12 ตัน!??
เรามักจะเห็นชาวจีนที่ฝึกวิชากังฟู มวยจีน หรือศาสตร์การต่อสู้แขนงต่างๆ ออกมาโชว์ศักยภาพของวิชาและร่างกายที่ตัวเองฝึกมาด้วยวิธีการต่างๆ หรือบางทีก็มักจะมีข่าวแปลกๆ อย่างเช่นการโชว์พลังแแบบโลดโผนอย่างที่เราเห็นกัน Ye Wei ชายชาวจีนวัย 39 ปี ได้โชว์วิดีโอที่เขาบันทึกการทำลายสถิติของเขาเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่าน เขาได้ใช้ส่วนอวัยวะเพศและลูกอัณฑะผูกเข้ากับเชือกแล้วลากรถยนต์พร้อมกันถึง 7 คันในคราวเดียว (ไข่จะไม่ขาดเอาเหรอพี่) มีคนมาดูเขามากมายเต็มไปหมดพร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้กับเขา ในระหว่างที่เขากำลังรวบรวมสมาธิลงไปที่อวัยวะเพศเพื่อดึงรถทั้งหมดที่มีน้ำหนักรวมกันมากถึง 12.6 ตัน และเมื่อเขาพร้อมเขาเริ่มออกแรงลาก ที่สำคัญรถค่อยๆ ขยับทีละนิดอีกต่างหาก จนสุดท้ายแล้วเขาลากรถไปได้ไกลกว่า 8 เมตรเลยทีเดียว เขาบอกว่าที่สามารถรวบรวมพลังจนสามารถทำแบบนี้ได้ เขาใช้เทคนิคที่เรียกว่า Xi Sui Gong แถมเขายังบอกเพิ่มเติมว่าการที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อฝึกร่างกายตามแบบลัทธิเต๋า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถทางเพศได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าการโชว์ลากรถในครั้งนี้ถือเป็นการทำลายสถิติของเขาเมื่อมีนาคมปีก่อน โดยสถิติเก่าของเขาก็คือรถ 5 คัน และเขาได้ปิดท้ายว่า ยิ่งเขาฝึกวิชาพวกนี้มากเท่าไหร่ ปัญหาการหลั่งเร็วก็ลดลงและความอึดในการมีเพศสัมพันธ์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น!! มาขนาดนี้แล้ว ลองชมคลิปการดึงรถของเขาดูหน่อยเป็นไง สงสัยต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์วิชาไข่เหล็กกับอาจารย์ท่านนี้ซะแล้ว ที่มา dailymail
-
United Airlines ใช้กำลังลากผู้โดยสารลงจากเครื่อง จนบาดเจ็บ-มีดราม่า หลังขายตั๋วเกิน??
ถ้าจะพูดถึงเรื่องอื้อฉาวที่โด่งดังสุดๆ ในช่วงนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเหตุการณ์ของสายการบิน United Airlines ที่ปรากฏเป็นคลิปการลากผู้โดยสารลงจากเครื่องด้วยวิธีการบังคับและใช้กำลัง จนชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา บนเที่ยวบินจาก Chicago มุ่งหน้าไป Louisville ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากทางสายการบินไม่สามารถขึ้นบินได้ เพราะมีตั๋ว Over-booking เกินมา 4 ที่นั่ง (Over-booking คืออะไรนั้น สรุปไว้ท้ายข่าวนะครับ) เจ้าหน้าที่เลยจำเป็นจะต้องหาอาสาสมัคร 4 คนเพื่อสละที่นั่งดังกล่าว โดยตอนแรกทางสายการบินได้เสนอเงิน 1,000 เหรียญ (ราวๆ 34,000 บาท) เพื่อให้ผู้โดยสารเปลี่ยนเที่ยวบินไปวันรุ่งขึ้น(วันที่ 10 เมษายน)แทน แต่ด้วยความที่ทุกคนอยากเดินทางตามกำหนดการของตัวเองจึงไม่มีใครยอมสละที่นั่ง ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่จึงบอกว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องสุ่มที่นั่งผู้โดยสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหาคนสละที่นั่งแทน ซึ่งผู้โดยสาร 3 คนแรกตอบตกลงและรับเงินชดเชยแต่โดยดี ในขณะที่ผู้โดยสารคนที่ 4 มีท่าทีขัดขืน ตามรายงานบอกว่าผู้โดยสารรายที่ 4 เป็นชายชาวจีนวัย 69 ปี โดยเจ้าตัวได้ให้เหตุผลว่าตนเองเป็นหมอและต้องรีบเดินทางไปดูคนไข้ในโรงพยาบาลให้ทันวันรุ่งขึ้น ทำให้เกิดการถกเถียงกันยกใหญ่ จนสุดท้ายทางสายการบินจึงต้องเรียกพนักงานมาลากเขาลงไป ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลากเขา มีการขัดขืนและส่งผลให้ศีรษะของเขาฟาดเข้ากับที่นั่งผู้โดยสาร จนภายหลังเขารูุ้สึกตัวว่ามีอาการบาดเจ็บที่หัวและเลือดออกปากด้วย พร้อมกับพูดแค่ว่า “ผมต้องกลับบ้าน ไม่งั้นก็ฆ่าผมซะเถอะ” ซ้ำไปมา…
-
คุณลุงชาวจีนต้องทนอยู่กับอาการ ‘คอบวม’ มาตลอด 13 ปี เนื่องจากรักษาผิดวิธี…
คุณลุง Wang Zhixiang วัย 55 ปี ต้องประสบพบเจอกับโรคประหลาดมานานกว่า 13 ปี ที่คอของเขามีอาการบวมออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะอาการบาดเจ็บจากการทำอาชีพใช้แรงงาน แต่หลังจากที่เข้ารับการรักษาไปแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด กลับกันดันแย่ลงด้วยซ้ำ เนื่องจากว่าคุณหมอใช้การรักษาด้วย ‘ฮอร์โมนบำบัด’ ที่มักจะใช้รักษาโรคมะเร็งที่เกิดจากฮอร์โมนที่มากเกินไป คุณลุง Wang เองก็ไม่คิดว่ามันจะแย่ขนาดนี้ เนื้องอกที่คอของเขาเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ จนทำมีขนาดใหญ่มากกว่าปกติถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ที่เมือง Jilin มณฑล Jillin ประเทศจีน เขาเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยจนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่คอ จากนั้นก็เข้ารักษาด้วย ‘ฮอร์โมนบำบัด’ จนมาถึงปี 2005 เขาก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ กลับกลายเป็นว่าคอของเขากลับมีอาการบวมโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเป็นการเข้าใจผิดว่าเป็นโรคคอพอก แต่หลังจากการตรวจสอบจนแน่ใจที่โรงพยาบาล Changchun Hospita ในเมือง Jillin แล้วก็พบว่าเขาป่วยเป็นเนื้องอกที่ลำคอ แต่เป็นเพราะคุณลุง Wang ไม่มีเงินมากพอ จึงทำให้ไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ คุณหมอบอกว่าการจะรักษาอาการป่วยของคุณลุงได้ต้องสูญเงินมากกว่า 500,000 บาทเลยทีเดียว ก็หวังว่าคุณลุง…
-
คุณพ่อหันมาทำอาชีพขับแท็กซี่ เพื่อตามหาลูกสาวที่หายสาบสูญไปนานถึง 23 ปี!!
เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่ชายชาวจีน Wang Mingqing เปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนขับแท็กซี่ในมณฑลเฉินตู ในประเทศจีน เพื่อที่เขาจะสามารถตามหาลูกสาวที่จากกันไปนานถึง 23 ปี!! เขาเล่าว่า 23 ปีก่อนเขากับภรรยาของเขาทำงานเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายผลไม้อยู่ข้างถนน ส่วนลูกสาวยังมีอายุแค่ 3 ขวบเท่านั้น และระหว่างที่เขากำลังวุ่นอยู่กับการขายของให้ลูกค้าจำนวนมากอยู่นั้น กว่าจะรู้ตัวอีกทีลูกสาวของเขาก็หายไปเสียแล้ว… แน่นอนว่าลูกสาวหายไปทั้งคนเขาไม่นิ่งนอนใจ เขาวิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจทันทีเพื่อให้ช่วยตามหาลูกสาวของเขา แต่ว่าเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่มีมีวี่แววของลูกสาวของเขาเลย ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะออกตามหาทั้งบนท้องถนน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและอื่นๆ อีกมากมายแล้วก็ตาม แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า และไร้เบาะแสใดๆ เขาก็เลยคิดว่าต้องหาทางเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ต้องเลือกวิถีชีวิตที่เขามีโอกาสได้ค้นพบลูกสาวมากที่สุด.. จนในปี 2015 ที่ผ่านมา เขาได้หันมาทำอาชีพคนขับแท็กซี่ ซึ่งเขาหวังว่าการคุยกับผู้โดยสารน่าจะทำให้เขาได้รับข้อมูลของลูกสาวของเขาบ้าง ตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเขาได้ถามเรื่องลูกสาวของเขากับผู้โดนสารแล้วมากกว่า 5,000 คน เขาแสดงหลักฐานทุกอย่างให้ลูกค้าดูแต่ก็ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ เลย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เลิกหวังที่เจอลูกสาวของเขา . เมื่อผู้สื่อข่าว West China Metropolis ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ เขากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ความฝันเดียวของผมตอนนี้ก็คือ ผมจะเจอลุกสาวของผมขึ้นมานั่งบนรถแล้วจำผมได้…
-
หญิงสาวชาวจีนคิดสั้น ‘กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย’ แต่กลับรอดมาได้เพราะ “ไขมัน” ในร่างกายเยอะไป!?
บางครั้งเมื่อชีวิตต้องเจอกับปัญหา หลายๆ คนก็มีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ใช้ความสามารถที่มีแก้ไขปัญหา บ้างก็ก้มหน้ายอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น บ้างก็เลือกที่จะหนีจากปัญหาเหล่านั้น เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนนี้ที่เลือกที่จะ ‘ฆ่าตัวตาย’ เพื่อหนีปัญหา แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด… เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ของประเทศจีนได้รายงานว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งพยายามที่จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันศุกร์ ณ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน สาวที่ไม่ทราบชื่อรายหนึ่งต้องการที่จะปลิดชีวิตของตัวเองจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อหวังจะฆ่าตัวตาย แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลก เพราะแทนที่จะจมลงไปแต่ร่างกายของเธอกลับลอยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำแทนซะงั้น!? จากนั้นไม่นานก็มีผู้พบเห็นเหตุการณ์เข้าจึงโทรไปแจ้งหน่วยฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือชีวิตเธอได้ทันเวลาพอดี และหลังจากที่ช่วยขึ้นมาถึงบนฝั่ง รถพยาบาลก็รีบนำตัวของหญิงสาวส่งโรงพยาบาลในทันที ไม่มีใครทราบถึงแรงจูงใจในการฆ่าตัวตายของเธอ ภาพของหน่วยฉุกเฉิน ที่เร่งช่วยหญิงสาวรายดังกล่าว . และยังคงเป็นที่สงสัยว่าเพราะเหตุใดร่างกายของเธอถึงไม่จมลงไปในน้ำ แต่กลับลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำแทน!? ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาให้ความเห็นว่าเป็นโชคดีของหญิงสาวคนนี้ที่มีมวลไขมันในร่างกายมากกว่า เพราะไขมันนั้นมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ นั่นหมายความว่าหากคุณมีปริมาณไขมันในร่างกายมากกว่าปริมาณกล้ามเนื้อมากเกินไป ก็จะทำให้ร่างกายของคุณลอยอยู่บนน้ำได้ อีกเหตุผลหนึ่งคือร่างกายเธออาจจะตอบสนองฉับพลันตอนจะจมน้ำว่าต้องเอาชีวิตรอด และเธอเลยเปลี่ยนใจประคับประคองตัวเองไม่ให้จม จนกระทั่งหน่วยกู้ชีพช่วยชีวิตมาได้สำเร็จ ถือเป็นโชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ได้รับโอกาสที่จะใช้ชีวิตอีกเป็นครั้งที่สอง ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเลือกใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปอย่างไร #เหมียวหง่าว ก็ขอเอาใจช่วยนะ ^^ ที่มา…
-
แม้จะอ้วกเป็นสายโลหิต เกมเมอร์ก็ไม่ยอมทิ้ง “สหายร่วมรบ” เป็นอันขาด พวกเราต้องชนะ!!
หลายๆ ครั้งที่เราจะมักพบเห็นข่าววัยรุ่นจีนเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นขณะที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะทั้งสลบไปหรือหรือเลวร้ายกว่านั้นก็คือถึงตายก็ตาม ซึ่งล่าสุดมันก็ได้เกิดขึ้นกับชายคนหนึ่งในมณฑลอานฮุย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทางตำรวจในมณฑลอานฮุย รับสายฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยหลังจากที่มีชายคนหนึ่งในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ล้มพับลงไปกับพื้นพร้อมกับเริ่มที่จะกระอักเลือดออกมา ตำรวจได้รายงานว่า พวกเขารีบเร่งไปที่เกิดเหตุก็พบกับชาวคนนี้นอนกระอักเลือดพร้อมกับหมดสติอยู่บนพื้นแล้ว ซึ่งจากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุก็ได้รู้ว่านายคนนี้ได้เล่นเกมในร้านแห่งนี้มานานกว่า 9 ชั่วโมงติดต่อกันแล้วโดยที่ไม่พักเลย หลังจากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็ได้มาถึงเพื่อจะพาเขาไปรักษา แต่ทว่าอยู่ดีๆ ชายหนุ่มคนนี้ก็เหมือนจะได้สติขึ้นมาก่อนที่รถพยาบาลจะออกตัว พร้อมกับนึกได้ถึงสิ่งที่เขากำลังทำพร้อมพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า “พาฉันกลับไป พวกเรากำลังจะชนะอยู่แล้ว!!” แน่นอนว่าทางเจ้าหน้าที่ย่อมไม่ยอม พวกเขาปิดเกมคอมนายคนนี้ลงและพาเขามุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา เพราะว่าอาการอาเจียนออกมาเป็นเลือดนี่แสดงว่าร่างกายผิดปกติบางอย่าง จนสุดท้ายอาการของเขาก็กลับมาดีขึ้นนั่นเอง . สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะทำอะไร ถ้าทำจนหักโหมเกินไปมันก็ล้วนไม่ดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าลืมดูแลสุขภาพและทำกิจกรรมอะไรให้มันแต่พอดีนะครับ เพื่อตัวคุณเอง ถึงแม้จะไม่รู้ว่านายคนนี้เล่นอะไร แต่อย่ารีพอร์ตเขาเลยนะ เขาอยากจะพาทีมชนะจริงๆ แต่ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว ที่มา shanghaiist
-
เรื่องราวของคนเก็บขยะชาวจีน ผู้บริจาคเงินให้เด็กยากไร้กว่า 800,000 บาท ส่งเรียนจบ 37 คน!!
ปกติแล้วเราจะบอกว่าต้องเป็นคนรวยถึงจะบริจาคให้ผู้ยากไร้ได้ แต่เขาคนนี้เป็นเพียงคนกวาดถนนเท่านั้น… ชายคนนี้มีชื่อว่า Zhao Yongjiu อายุ 56ปี เขาทำงานคนกวาดขยะอยู่ที่เมืองเสิ่นหยาง เขาจะทำงานพวกนี้สองแห่งด้วยกัน เริ่มแรกเขาจะออกไปทำงานตอนตี 4 ครึ่งของทุกวัน และจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงเวลา 3 ทุ่มของทุกวัน ซึ่งนี้จะเห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่ทำงานหนักมากๆ โดยค่าตอบแทนที่เขาได้ในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ราวๆ 12,000 บาท ถึงแม้เขาจะทำงานเป็นคนเก็บขยะแต่เขาก็สามารถที่จะแบ่งสันปันส่วนเงินของเขาออกมาเพื่อบริจาคให้กับเด็ก 37 คนที่ไม่มีโอกาสได้ไปเรียนหนังสือ ได้ไปโรงเรียนและมีการศึกษา ที่สำคัญเขาทำแบบนี้ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 30 ปีแล้ว แถมเงินที่บริจาคไปก็มากถึง 8 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว และด้วยเหตุนี้เขาจึงพยามทำให้ชัวร์ว่าเงินของเขาจะไปถึงเหล่าเด็กๆ เขาได้ขายบ้านที่เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวของเขาไป และไปเช่าห้องพักอยู่เดือนละ 3700 บาท เราอาจจะมองว่าการที่เขาทำแบบนี้ทำไปเพื่ออะไร แต่ว่าเขาได้บอกว่านี้เป็นวิธีที่เขาจะตอบแทนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยได้รับมา… ย้อนกลับไปในปี 1976 ซึ่งเป็นปีที่พ่อของเขาได้ตายจากไป และแม่ของเขาก็ต้องอยู่ดูแลเขาพร้อมกับต่อสู้กับชีวิตที่ยากลำบากเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและเขา ซึ่งพวกเขาก็สามารถที่จะผ่านช่วงยากลำบากนั้นมาได้ ต้องขอบคุณเพื่อนบ้านและเพื่อนๆ ที่ช่วยเหลือเขามาตลอด ทำให้เขาบอกว่าเขาไม่มีทางที่จะลืมความช่วยที่เขาได้รับในตอนนั้น และเขาจะตอบแทนมันกลับไปให้กับคนที่ลำบากเหมือนเขาในตอนนั้น หลังจากที่เรื่องนี้กระจายออกไปชาวเน็ตในจีนก็ออกมาชื่นชมเป็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาทำให้โลกน่าอยู่ และการเสียสละช่วยผู้ยากไร้กว่า…
-
หนุ่มจีนปั่นจักรยานกลับบ้านตรุษจีน นานนับเดือนกว่า 530 กิโล แต่โดนตำรวจทักว่า “มาผิดทาง!!”
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะขี้เหนียวหรืออยากจะประหยัดเงินด้วยการลดค่าใช้จ่ายด้วยการปั่นจักรยานไปไหนมาไหน ซึ่งหนุ่มชาวจีนคนนี้ก็เช่นกัน แต่มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยถ้าเขาไม่ปั่นจักรยานไกลถึง 531 กิโลเมตร แถมยังปั่นกลับบ้านผิดทางอีกตะหาก!! ภาพของเขาจากกล้องวงจรปิด รายงานข่าวจากทาง People’s Daily Online ระบุว่าหนุ่มชาวจีนคนนี้มาทำงานต่างถิ่น แต่ทว่าเมื่อถึงช่วงเทศกาลเขากลับไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้าน ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยตัวเอง แต่ทว่าในขณะที่เขาปั่นจักรยานอยู่บนทางหลวง เขาก็ถูกตำรวจหยุดไว้และถามว่าจะไปที่ไหน จนท้ายที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า ตัวเองปั่นมาผิดทางตลอดทางจริงๆ ที่เขาต้องปั่นไปคือขึ้นไปทางเหนือ แต่เขากลับปั่นมาทิศใต้ซะงั้น แถมปั่นมาแล้ว 531 กิโลเมตร อีกตะหาก!! ตำรวจเรียกตัวเขาให้หยุดตรวจ จนกระทั่งบอกเขาว่ามาผิดทาง ปั่นมาแล้วกว่า 531 กิโลเมตร ต้องเรียกว่าความอดทนของเขาสูงมาก จากรายงานของตำรวจบอกว่านายคนนี้เขาอ่านตัวหนังสือบนป้ายบอกทางไม่ออก ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะหลงทางจนปั่นผิดทิศมาได้ขนาดนี้ ซึ่งเขากะปั่นจากเมืองรี่เฉา ไปยังเมืองฉีฉีฮา ที่เป็นบ้านของเขาซึ่งคิดระยะทางยาวกว่า 1,738 กิโลเมตร หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทางตำรวจกับเจ้าหน้าที่ทางหลวงได้สมทบทุนให้กับเขาเพื่อให้เขาได้ซื้อตั๋วกลับบ้านกลับไปเฉลิมฉลองกับที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย ส่วนใครที่กำลังจะเดินทางไปไหนก็อย่าลืมศึกษาเส้นทางหรือสังเกตุป้ายบอกทางให้ดีละ พลาดหลงไปไกลเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!! ที่มา: dailymail
-
สื่อจีนรายงาน “ประเทศไทย” เป้าหมายอันดับหนึ่ง ชาวจีนกว่า 6 ล้านคนมาเที่ยวช่วงตรุษจีน
ก็อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีความน่าดึงดูด ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม วิถีชีวิตของผู้คน จึงไม่แปลกเลยที่จะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเข้ามาเที่ยวในประเทศของเรา โดยเฉพาะชาวจีนทั้งหลายที่จะดูเยอะเป็นพิเศษ และจากข้อมูลล่าสุดจากทางเว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยว่า ในช่วงตรุษจีนที่จะถึงนี้จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยมากขึ้นไปอีก!! ในช่วงตรุษจีนที่เป็นช่วงปีใหม่ของชาวจีนนั้นจะมีการเฉลิมฉลองกันด้วยการเดินทางออกไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าในช่วงตรุษจีนปี 2017 ที่จะถึงนี้กว่า 172 ประเทศทั่วโลกจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปเยือนอย่างแน่นอน โดยมีประเทศไทยก็เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง!! ซึ่งแต่ละทริปนั้นก็จะเฉลี่ยเป็นระยะประมาณ 9.2 วัน โดยทั้งหมดทั้งมวลพวกเขาจะใช้เงินไปทั้งสิ้นกว่า 513,000 ล้านบาท เลยทีเดียว เมื่อปีที่ผ่านมาที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากกว่า 6 ล้านคนเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศในช่วงวันตรุษจีนและใช้เงินจับจ่ายใช้สอยไปมากมายทั้งสินค้าและบริการ ในขณะที่อันดับที่สองเป็นประเทศญี่ปุ่น แต่ประเทศเกาหลีใต้ที่เคยอยู่ในอันดับที่ 4 ก็ตกไปอยู่ในอันดับที่ 7 สำหรับในปีนี้ กลับกันกับประเทศออสเตรเลียที่กระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 แทน จากที่เมื่อปีก่อนอยู่ในอันดับที่ 10 คาดว่าน่าจะเป็นเพราะการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำ Visa ขณะเดียวกันประเทศอเมริกาเป็นประเทศเดียวที่ไม่ได้อยู่ในทวีปเอเชียแต่ก็ได้ถึงอันดับที่ 4 ที่เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวจีนเลยทีเดียว ประเทศใต้หวัน ฮ่องกง และอินโดนีเซีย นั้นตกอันดับไปจากปีที่แล้ว แต่ก็มีประเทศใหม่ๆ แซงขึ้นมาอย่างเช่น อินเดีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นถึงจุดหมายปลายทางที่แตกต่างออกไปจากเดิม…
-
ประเด็นดังในจีน คลิปหนุ่มทุบตีพ่อแม่กลางถนน เพราะซื้อ ‘ห้องคอนโดของขวัญแต่งงาน’ เล็กเกินไป!!
สำหรับกรณีนี้ก็อาจเรียกได้ว่ากล่องข้าวน้อยฆ่าแม่รึเปล่าหน๊อ… ตามปกติแล้วเวลาคุณพ่อคุณแม่ซื้อของขวัญอะไรให้ลูกๆ ก็คงจะดีใจกันเป็นธรรมดา แต่ในกรณีนี้ ลูกชายหนุ่มชาวจีนคนนี้ถือว่าฉุนขาดเลยทีเดียวล่ะที่พ่อแม่ซื้อห้องอพาร์ทเม้นท์ให้กับเขา!? คลิปวิดีโอนี้ถูกถ่ายไว้ได้ที่เมือง Harbin ในมณฑลเหยหลงเจียง ประเทศจีน เป็นภาพเกี่ยวกับหนุ่มคนหนึ่งกำลังทุบตีพ่อและแม่ของเขา ด้วยสาเหตุของห้องที่พ่อแม่เขาซื้อให้นั้นไม่ถูกใจ เพราะมีขนาดเล็กเกินไป ชายหนุ่มชาวจีนทุบตีพ่อแม่ สำนักข่าว Daily Mail ได้รายงานว่าขณะที่มีผู้เดินผ่านสัญจรท้องถนนในแถบนั้น ก็พบชายคนหนึ่งกำลังทุบตีและมีปากเสียงกับชายและหญิงมีอายุคู่หนึ่งอยู่ ซึ่งภายหลังคนในละแวกก็รีบเข้าไปห้ามหลังรู้ว่าทั้งคู่นั้นคือพ่อและแม่ของเขา ขณะที่ชายหนุ่มทุบตีพ่อแม่อยู่นั้นพ่อแม่ก็ไม่ได้ตอบโต้เขาแต่ประการใด ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาปัดป้องเท่านั้น ผู้คนในแถบนั้นจึงพากันเข้ามาจับตัวเขาไว้และโทรเรียกเจ้าหน้าที่เพื่อมารับตัวไปในภายหลัง ภายหลังสืบทราบมาว่าชายหนุ่มได้ห้องอพาร์ทเม้นท์ที่ว่าเป็นของขวัญแต่งงาน แต่เกิดฉุนขาดขึ้นมาเพราะมีความรู้สึกว่าห้องที่ได้นั้นเล็กเกินไป คลิปวิดีโอนี้ถูกแชร์ออกไปมากมายและกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกันในสังคมออนไลน์ของประเทศจีนเลยทีเดียว ลองมาชมคลิปบางส่วนกันได้ที่นี่ (มีความรุนแรง) ที่จริงแล้วถ้าเขาฉุกคิดสักนิดว่าพ่อและแม่ต้องหาเงินมาด้วยความยากลำบาก กว่าจะนำมาซื้ออพาร์ทเม้นท์ให้เขาสักห้องได้ เขาก็คงไม่ทำแบบนี้หรอก… ที่มา: Dailymail
-
มาแรงมว๊าก!! “Little Red” ไก่ฟ้าจากจีน กลายเป็นเน็ตไอดอล เพราะมีทรงผมเหมือน ‘โดนัลด์ ทรัมป์’
หนึ่งในบุคคลที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง และพูดถึงมากที่สุด ณ ขณะนี้ ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่สามารถคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา มาได้สำเร็จ ซึ่งก่อนที่จะได้มาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีนั้น หลายคงก็คงจะรู้จักเขาเป็นอย่างดีในฐานะนักธุรกิจฝีปากกล้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอเมริกา อีกทั้งเขายังมีเอกลักษณ์ที่คุ้นตาในเรื่องทรงผมเป็นอย่างมาก ถึงขนาดไก่ฟ้ายังต้องขอเลียนแบบ…หา!! เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ณ ขณะนี้ทั่วโลกออนไลน์ในประเทศจีน ได้พากันแชร์ภาพของ “Little Red” ไก่ฟ้าทองแสนสวยวัย 5 ปี จากหังโจว ซาฟารีปาร์ค กันเป็นจำนวนมาก จนทำให้มันได้กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่มาแรงแซงโค้งสัตว์ทุกชนิดเลยก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักข่าวจากเมืองหางโจวได้สังเกตเห็นว่า เจ้าไก่ฟ้าดังกล่าวมีลักษณะที่คุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก โดยเส้นขนสีทองอร่ามบริเวณส่วนหัวของมันนั้น ช่างคล้ายกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของอเมริกาซะเหลือเกิน อะไหนๆ ขอดูรูปหน่อยสิ… ขุ่นพระ!! เห็นแว๊บแรกก็รู้เลย แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าไก่ฟ้าตัวนี้เหมือนใคร ด้านนาย Gao เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเจ้าไก่ฟ้า ในซาฟารีปาร์ค ได้เผยว่า เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นข่าวของมัน จากนั้นเขาก็เริ่มสังเกตเห็นความคล้ายคลึงของทั้งสอง และยังรู้สึกภูมิใจที่มันได้รับความสนใจจากสื่อต่างๆ “เจ้าไก่ฟ้าตัวนี้…
-
นักบินจีนช่วยชีวิตผู้โดยสาร 439 คน จากเหตุเครื่องบิน (เกือบ) ชนบนรันเวย์ รับเงินรางวัล 16 ล้านบาท
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นข่าวการรอดชีวิตจากอุบัติเหตุทางอากาศ เพราะเนื่องจากมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ยากต่อการควบคุม และหากคุณเคยได้ดูหนังที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุของเครื่องบินมาหลายเรื่องก็คงพอจะนึกภาพกันออกว่ามันเลวร้ายขนาดไหน แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่ายังมีนักบินฝีมือดี ที่สามารถควบคุมเครื่องบินจนสามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารนับร้อยชีวิตจนรอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์!! เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่านักบินชาวจีนรายหนึ่ง ได้ช่วยชีวิตผู้โดยสารกว่า 439 คนให้รอดตาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรันเวย์ในสนามบินเซี่ยงไฮ้ ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในสนามบิน Shanghai Hongqiao International Airport ประเทศจีน เวลา 12.04 นาฬิกา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2016 ในขณะที่เครื่องบินของสายการบิน China Eastern Airlines เครื่อง Airbus A320 กำลังเทคออฟขึ้นสู่อากาศ ในขณะนั้นมีเครื่อง Airbus A330 ที่อยู่บนรันเวย์และกำลังเลี้ยวเข้าไปขวางเส้นทางของ Airbus A320 พอดิบพอดี นักบินชาวจีนที่ชื่อนาย He Chao ที่บังคับเครื่อง Airbus A320 จึงตัดสินใจเร่งเครื่องเต็มกำลังเพื่อไม่ให้เครื่องบินที่เขาขับอยู่ไปชนเข้ากับเครื่องบินบนรันเวย์ ที่เฉียดกันไปเพียง 19 เมตรเท่านั้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทางสายการบินก็ได้มอบเงินรางวัลให้กับเขาเป็นจำนวน 3 ล้านหยวน…
-
ยอมใจ!! เด็กจีนวัย 13 ปี ติดในลิฟท์นาน 5 ชั่วโมง ไม่รู้ทำไง เลยหยิบการบ้านมาทำจนเสร็จ
นี่เป็นข่าวที่#เหมียวฟิ้นไม่รู้ว่าจะอึ้ง หรือขำ หรือรู้สึกยินดีกันแน่ เพราะความรู้สึกแต่ละอย่างมันปนกันไปหมดเลย… เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานว่าเด็กนักเรียนหนุ่มชาวจีนนามว่า ซุน ยี่เสี่ยว วัย 13 ปี ได้ติดอยู่ในลิฟท์ระหว่างที่เขากำลังเดินทางกลับบ้าน อันที่จริงแล้วเขาสามารถกรีดร้องหรือพยายามทุบประตูเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้คนภายนอกได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะใจเย็นมากกว่าเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ เด็กชายซุนจึงกดปุ่มไปยังชั้นต่างๆ เพราะเชื่อว่าเป็นการป้องกันไม่ให้ลิฟท์ตกลงไปข้างล่าง จากนั้นเขาก็พยายามที่จะใช้ระบบอินเตอร์คอมเพื่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ภายนอก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลอะไรเลย ไม่มีเสียงใครตอบรับกลับมา เป็นคุณจะทำยังไงต่อ!? เขาก็เลยหยิบเอากระดาษออกมาจากกระเป๋าแล้วเริ่มเขียนข้อความร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย โดยมีข้อความว่า “มีคนอยู่ในลิฟท์ ขอร้องช่วยติดต่อคนดูแลตึกนี้หน่อย” จากนั้นก็พยายามหย่อนมันเข้าไปในช่องระหว่างประตูลิฟท์ และหวังว่าจะมีคนมาเห็นเข้อ แล้วเมื่อไม่มีอะไรให้ทำนอกจากการนั่งรอคอยความช่วยเหลือแล้ว เด็กชายซุนก็หยิบเอาการบ้านออกมา แล้วนำกระเป๋านักเรียนมาวางไว้ที่ตักเพื่อทำเป็นโตะ ก่อนจะลงมือทำการบ้านที่คุณครูสั่งอย่างใจเย็น ตั้งแต่วิชาคณิต ต่อด้วยวิชาวิทยาศาสตร์ และวิชาภาษาจีน เวลาล่วงเลยผ่านไปได้สักพักจนเด็กชายซุนทำการบ้านได้เสร็จหมดทั้ง 3 วิชาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาช่วยเหลือเขาสักที หลังจากที่ผ่านไป 5 ชั่วโมง ก็มีนักดับเพลิงเปิดประตูเข้ามาพาเขาออกไปจนได้ แถมยังทึ่งที่พบว่าเขาทำการบ้านอย่างใจเย็นจนเสร็จหมดทุกวิชา เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปในโรงเรียน เด็กชายซุนก็ได้รับสมญาจากเพื่อนๆ ว่า “นักเรียนหัวเย็น” น้องทำใจเย็นอยู่ได้ไงเนี้ยะ!! ที่มา rocketnews24
-
ดีต่อผู้สูงอายุ!! รัฐบาลจีนแจก “สายรัดข้อมืออัจฉริยะ” ช่วยลดปัญหาผู้ป่วยอัลไซเมอร์หลงทาง
ปัญหาของผู้ป่วยอัลไซเมอร์นั้นค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากทีเดียว ในหลายๆ ประเทศกำลังประสบกับปัญหาที่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์สูญหาอยู่จำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือประเทศจีน ตามรายงานจากเพจอ้ายจง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม บอกว่าประเทศจีนมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์มากถึง 9.5 ล้านคน ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่าการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะมันทำให้ความจำของเราแย่ลง จำบุคคลหรือเส้นทางต่างๆ ไม่ได้ สำหรับประเทศจีน.มีจำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ประมาณ 9.5ล้านคน.หรือคิดเป็น4.75%ของผู้สูงอายุทั้งหมดในจีน ซึ่ง… โพสต์โดย อ้ายจง บน 9 ตุลาคม 2016 นั่นจึงส่งผลให้มีผู้ป่วยอัลไซเมอร์หลายๆ คนหลงทางหรือหายตัวออกไปจากบ้าน และที่ประเทศจีนเองก็มีผู้สูงอายุหายตัวไปถึง 1,370 คนต่อปี ทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันหาทางแก้ไขกันอย่างจริงจัง ทั้งนี้ทางรัฐบาลจีนได้เริ่มต้นโครงการผลิตสายรัดข้อมืออัจฉริยะมาตั้งแต่ปี 2012 เพื่อแจกจ่ายมันให้กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์นำไปใช้กันแบบฟรีๆ โดยในสายรัดข้อมือจะมีข้อมูลเช่นชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์ติดต่อญาติๆ ให้มารับกลับบ้าน โครงการที่ว่านี้มีการพัฒนารุ่นใหม่ออกมาตลอด จนล่าสุดในปี 2016 ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยี QRcode มาใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคนสามารถสแกนแล้วโทรหาญาติได้ทันที ลดระยะเวลาในการโทรแจ้งตำรวจหรือประกาศหาคนหาย นอกจากหน่วยงานรัฐแล้ว ก็ยังมีบริษัทเอกชนหลายแห่งผลิตสายรัดข้อมือแบบนี้ เช่น องค์กรอาสาสมัครยุวชนกวางโจว (Guangzhou Young Volunteers Association) องค์กรที่ว่า…
-
แบบนี้ก็มีเหรอ? หัวหน้างานบริษัทในปักกิ่ง บังคับพนักงานสาวทุกคนเข้าแถวจูบตัวเองทุกเช้า
ในหลายๆ บริษัทมักมีวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างกัน เมื่อเราต้องเข้าไปเป็นพนักงานเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ที่นั่น แต่…กฎเกณฑ์หรือวัฒนธรรมบางที่มันก็ดูแปลกเกินกว่าที่บางคนจะรับได้จริงๆ… เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายได้โดยพนักงานออฟฟิศในบริษัทขายเครื่องชงกาแฟแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อตีแผ่เรื่องราวในที่ทำงานของเขาว่ามีกิจกรรมที่แปลกประหลาดขนาดไหน ตามรายงานบอกว่าในทุกๆ เช้า เวลา 9 โมงถึง 9 โมงครึ่ง หัวหน้างานจะเรียกให้พนักงานสาวทั้งแผนกมายืนเรียงแถวกัน จากนั้นก็บอกให้พวกเธอเหล่านั้นจูบเขาทีละคนๆ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในที่ทำงานเหมือนปลากับน้ำ หัวหน้างานรายนี้บอกว่าพนักงานบางคนจะรู้สึกคิดถึงเขาเมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน บางคนถึงขั้นส่งข้อความไปหาเขาผ่าน WeChat เลย แถมยังบอกอีกว่าเขาได้ไอเดียนี้มาจากตอนที่เดินทางไปดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่ามีพนักงานสาวหลายคนยอมทำตามคำสั่งของหัวหน้ารายนี้ แต่ก็มีบางรายที่ทนไม่ได้และเซ็นลาออกในที่สุด (เพราะวัฒนธรรมการจูบแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติในเอเชีย) ชมคลิป หลังจากที่ภาพและคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนอย่างเว็บไซต์ Weibo ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เช่น “พนักงานสาวทั้งหมดนี้ยอมรับได้ยังไง? พวกแฟนๆ หรือสามีของพวกเธอรู้เรื่องกันบ้างหรือเปล่า?” “ฉันอยากจะถามพนักงานสาวพวกนี้มากว่า พวกคุณไม่มีเงินกันเหรอ? คุณจะอดตายไหมถ้าต้องเปลี่ยนงาน?” “ไอ้หัวหน้าคนนี้มันโรคจิตมาก แต่พนักงานพวกนี้โง่เง่ายิ่งกว่า” แบบนี้ก็ได้เหรออออ ที่มา shanghaiist
-
ด้านน่ารักก็มีนะ ชาวจีนรวมตัวกันเก็บขยะบนหาดพัทยา สร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่คนจีน
หากจะว่ากันตามตรง ที่ผ่านๆ มา#เหมียวฟิ้นเองก็ได้นำเสนอเรื่องราวด้านลบเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนอยู่ไม่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าประเทศจีนมีคนจำนวนมหาศาลเกินกว่าที่จะควบคุมให้พวกเขามีระเบียบวินัยเหมือนกันได้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเป็นแบบนั้นไปซะหมด เพราะอย่างเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมาก็มีข่าวเกี่ยวกับคุณป้าไกด์ชาวจีนที่ออกมาตักเตือนนักท่องเที่ยวจีนที่ทำตัวแย่ๆ เหมือนกัน ล่าสุดเราได้ไปเจอเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับคนจีนมาบอกกันอีกแล้วล่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนจีนที่รวมตัวกันไปเก็บขยะที่บริเวณหาดพัทยาและหาดจอมเทียน เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวจีนและทำให้สถานที่ท่องเที่ยวดูสะอาดตามากขึ้น เรื่องนี้ถูกบอกเล่าผ่านเฟซบุ๊กเพจ อ้ายจง โดยมีการระบุว่ากิจกรรมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งชาวจีนที่เห็นในภาพนี้เป็นการรวมตัวกันของนักธุรกิจจีนและชาวจีนที่ทำงานในประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนรักษาความสะอาดเมื่อไปเยือนในที่ต่างๆ ด้วย เป็นภาพที่น่าชื่นชมจริงๆ แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ชาวไทยหลายๆ คนรู้สึกดีไปตามๆ กัน และมีความเห็นในเชิงชื่นชมมากมาย เช่น Dr-Boss Permsuwan “เคยไปพักรีสอร์ทราคาแพงในหัวหิน วันนั้นมีทัวจีนมาพักตึกข้างเคียงด้วย เค้าไม่เสียงดัง พูดภาษาอังกฤษก็สำเนียงอย่างกับเจ้าของภาษาเลยครับ” Siwarporn Ruangsri “ดีค่ะ ชื่นใจ ดิฉันเคยเบื่อ รำคาญ ถึงขั้นเกลียดนักท่องเที่ยวจีนมากๆ แต่มีระยะหลัง เวลานั่งพักกับลูกทัวร์ (ฝรั่ง) ในวัดพระแก้ว แล้วพิจารณาดูพวกเขา เห็นบางคนทิ้งขยะบนพื้นหน้าตาเฉย บางคนใส่รองเท้าขึ้นมาบนศาลารายแล้ววิ่งลงแทบไม่ทันเพราะเจอเพื่อนมาด้วยกันตวาดให้ลง บางคนนอนแผ่บนศาลา ไกด์จีนรีบวิ่งมาตวาดให้ลุก…
-
เข้าท่ามั้ย? หนุ่มจีนใช้เศษขวดเบียร์ มาเจียระไนทำเป็นแหวนทุนต่ำ… สวยแทบไม่ต่างจากเพชร
ชาวจีนเป็นชนชาติหนึ่งที่ชอบมีพิธีหรือความเอิกเกริกคล้ายๆ คนไทยเหมือนกันนะ ซึ่งเราจะเห็นได้จากการเปิดงานต่างๆ หรือพิธีแต่งงาน ที่ต้องทำให้ดูหรูหรายิ่งใหญ่ไว้ก่อน แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องประหยัดหรือทำอะไรเล็กๆ ขอบอกเลยว่าพวกเขาเองก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เช่นชายหนุ่มคนนี้ที่พยายามจะทำแหวนแต่งงานให้กับแฟนสาวด้วยการนำเอาขวดเบียร์มาแปลงร่าง… เอ๊ะ ยังไงกันแน่? เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ามีชายหนุ่มชาวจีนรายหนึ่งได้โชว์วิธีการแปรรูปขวดเบียร์ที่ไม่ใช้แล้วให้กลายเป็นแหวนเพชรผ่านเว็บไซต์ Weibo จนมีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ภาพที่ทุกคนได้เห็นต่อไปนี้บางคนอาจจะมองว่ามันคือขวดเบียร์แบบธรรมดาๆ แต่หากเรามองให้ลึกลงไปอีกจะเห็นว่ามันก็มีความใสแวววาวไม่ต่างอะไรจากเพชรมรกตที่ยังไม่ได้เจียระไนเลย คุณจะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดเริ่มขึ้นตั้งแต่นำเอาขวดเปล่า มาทำให้กลายเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปเจียระไน และนำมาประกอบกับแหวน ซึ่งดูเผินๆ แล้วเหมือนเพชรมรกตจริงๆ ชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ภาพชุดนี้ถูกแชร์ออกไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีน ก็ทำให้หนุ่มๆ หลายคนถึงกับตื่นตะลึงในวิธีการทำแหวนแต่งงานแบบทุนต่ำ จนมีความเห็นต่างๆ ตามมากมายเช่น “ดูเหมือนว่าสาวๆ นอกจากจะต้องสวยแล้ว พวกเขาจะต้องดูอัญมณีให้เป็นด้วยนะ” “เฮ้ ทำไมแหวนฉันกลิ่นคล้ายๆ เบียร์เลยล่ะ!?” “ถ้าสามีของฉันมาขอแต่งงานด้วยแหวนทำเองแบบนี้ แม้จะไม่มีเพชรฉันก็ยังจะแต่งงานกับเขาอยู่ดี ฉันคิดว่าบางอย่างที่คุณแสดงออกมันทำให้คุณดูมีค่ามากกว่าเพชรซะอีก” . ได้แล้ว เพชรจากขวดเบียร์!! . . หนุ่มๆ คนไหนอยากลองทำแหวนทุนต่ำให้แฟนก็ลองดูได้ แต่ไม่รับประกันว่าถ้ารู้ความจริงแล้ว พวกเธอจะชอบหรือเปล่านะ…
-
พ่อเฒ่าแม่เฒ่าจีน อาศัยอยู่ในถ้ำมานานกว่า 54 ปี แม้ไม่มีชีวิตหรูหราขอแค่มีกันและกันก็สุขใจแล้ว…
จริงอยู่ที่ว่าเงินสามารถซื้อความสุขให้กับชีวิตของเราได้หลายๆ อย่าง (หรืออาจจะเกือบทุกอย่าง) แต่ก็ยังมีคู่รักบางคู่เหมือนกันที่แม้แต่เงินก็ไม่สามารถสร้างความสุขให้กับพวกเขาได้ เพราะขอเพียงมีกันและกันก็มีความสุขพอแล้ว นี่คือเรื่องราวชีวิตรักของนาง Li Suying วัย 77 ปี และสามีของเธอ Liang Zifu วัย 54 ปี คู่รักสองตายายที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะพวกเขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายภายในถ้ำแห่งหนึ่ง ในเมืองหนานชง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน แม้จะดูเป็น 2 บุคคลที่ใช้ชีวิตแบบมนุษย์โบราณ แต่ภายในถ้ำก็ถูกตกแต่งให้คล้ายกับบ้านหลังหนึ่งเพียงแต่วัสดุทั้งหมดเป็นสิ่งของจากธรรมชาติ อันที่จริงแล้วทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจที่จะอาศัยอยู่ในถ้ำตั้งแต่แรก แต่เพราะว่าในตอนที่ทั้งคู่แต่งงานกัน พวกเขามีฐานะที่ค่อนข้างยากจนมากจึงไม่สามารถซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านแบบปกติได้ พวกเขาก็เลยเลือกที่จะสร้างบ้านอยู่ภายในถ้ำเพราะใช้เงินน้อยกว่าหลายเท่าตัว สองตายายค่อยๆ นำไม้และก้อนอิฐมาก่อเป็นห้องต่างๆ ภายในถ้ำ จนตอนนี้มีห้องนอนแล้ว 3 ห้อง มีห้องครัวและห้องนั่งเล่นครบครัน เรื่องของสองตายายเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นจนเจ้าหน้าที่รัฐเริ่มเป็นกังวลและพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการเสนอให้พวกเขาย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ดีและสะดวกสบายกว่านี้ แต่พวกเขาก็ปฏิเสธและให้เหตุผลว่าพวกเขาเติบโตและคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ พวกเขาคิดว่ามันมีข้อดีอยู่มากทีเดียว เช่นอากาศภายในถ้ำเย็นสบายในหน้าร้อนและอบอุ่นเมื่อถึงหน้าหนาว แถมยังมีน้ำพุสะอาดๆ ผุดขึ้นมาอยู่ใกล้ๆ กับถ้ำของพวกเขาด้วย และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือพวกเขามีกันและกัน ยังจะมีอะไรที่พวกเขาต้องการอีกล่ะ? #เหมียวฟิ้นล่ะอิจฉาความรักของพวกเขามากเลยนะ แม้ภายนอกจะไม่ได้มีเงินทองมากมาย…
-
มหาวิทยาลัยจีนเอาใจ “พ่อแม่ห่วงลูก” กางเต๊นท์ให้นอนในมหาลัย 3 วัน 3 คืน ให้หายคิดถึง…
ว่ากันว่าเด็กๆ จะอยู่ในการปกครองดูแลของคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ถึงอายุแค่ 18 ปี หลังจากนั้นเมื่อเมื่อพวกเขาต้องก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและความอิสระ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ทำได้เพียงแนะแนวทางลูกเท่านั้นเอง แต่ก็มีพ่อแม่บางคนเหมือนกันที่ไม่ยอมปล่อยวาง แม้ว่าลูกๆ ของพวกเขาจะต้องไปเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว แต่พวกเขาก็ยังตามติดมาคอยดูแลกำกับชีวิตของลุกๆ เสมอ… เมื่อวานนี้มีรายงานจากสำนักข่าวในจีนอีกหลายแห่งได้รายงานว่าทางมหาวิทยาลัย Tianjin University และ Shantou University ได้ตั้งเต๊นท์จำนวนมากไว้ในโรงยิม เพื่อให้ผู้ปกครองที่เป็นห่วงลูกแบบสุดๆ ได้เข้ามานอนพักเป็นการชั่วคราว ตามรายงานบอกว่าทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมทั้งเต๊นท์ ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่มและอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้อย่างครบครัน แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถกินนอนดูลูกๆ เรียนหนังสือได้ตลอดไป เพราะทางมหาลัยจำกัดเวลาให้พวกเขาเพียง 3 วันเท่านั้น บางคนอาจมองว่าการที่เหล่าผู้ปกครองเป็นห่วงลูกๆ เกินเหตุแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องน่าอายสำหรับวัยรุ่น แต่เมื่อมีสื่อเข้าไปสัมภาษณ์ พวกเขากลับรู้สึกยินดีที่มีพ่อแม่มาเฝ้าพวกเขาถึงที่ พวกเขาบอกว่ามันช่วยให้ผู้ปกครองได้เห็นความเป็นอยู่ที่มหาลัย ส่วนหนึ่งอาจจะจากกฎบังคับให้ทุกๆ ครอบครัวมีลูกได้เพียงคนเดียว เลยทำให้พวกเขารู้สึกว่าลูกของพวกเขาคือแก้วตาดวงใจที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลา แม้ว่ามันจะทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่รู้สึกดีที่ได้เฝ้ามองลูกๆ เติบโตก็ตาม แต่มันก็อาจสร้างความอึดอัดให้กับพวกเขาได้ และอาจกลายเป็นการปลูกฝังให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยเกินเหตุ ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไรก็ตามก็จะหันมาพึ่งพ่อและแม่เสมอไป . . . #เหมียวฟิ้นคิดว่าการที่พ่อแม่จะทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ และคิดว่าพ่อแม่คนไทยบางคนก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เหมือนกัน แต่เชื่อเราเถอะว่าสักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องโตและเราเองก็ไม่สามารถมีชีวิตเพื่ออยู่ดูแลพวกเขาตลอดไปได้ ทางที่ดีเราควรจะสอนให้พวกเขารู้จักดูแลตัวเองและเอาตัวรอดในสังคมให้ได้มากกว่านะ…
-
สวยจนแทบหยุดหายใจ…เปิด 17 ภาพอีกมุมมองหนึ่งของประเทศจีน ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน
หากคนทั่วไปพูดถึงประเทศจีนล่ะก็ หลายๆ คนน่าจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม ตระเวนกินในกรุงปักกิ่ง ชื่นชมความงามของมหานครเซี่ยงไฮ้ หรือดูวัฒนธรรมบ้านเมืองในหางโจว แต่คุณรู้ไหมว่าในประเทศจีนยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอื่นๆ ราวกับในหนังแฟนตาซีที่เรายังไม่เคยเห็นอีกมากมายเลยล่ะ ในบทความนี้#เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพสวยๆ จากหลายๆ ที่ เช่นโอเอซิสในเมืองตุนหวง ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หรือป่าเขียวชอุ่มในจิ่วไจ้โก มณฑลเสฉวน ลองดูกันว่าแต่ละภาพสวยงามอย่างที่เราโม้หรือเปล่า? 1. นาข้าวใน Yuanyang 2. ทะเลทรายในเมือง Dunhuang มณฑลกานซู 3. เต็นท์แบบดั้งเดิมริมทะเลสาบในมณฑล Xinjiang 4. ล่องแพไม้ไผ่ในเม่น้ำ Li ทางใต้ของจีน 5. ทางเดินไม้ริมเขาสุดหวาดเสียวบนภูเขา Huangshan 6. ภาพน่าทึ่งจาก Kuitun Grand Canyon ตีนเขาเทียนชาน 7. หุบเขาในมณฑลอิสระ Shilin Yi 8. ภาพพระอาทิตย์ตกดินจากเมือง Xiapu มณฑลฝูเจี้ยน 9. ภาพในฤดูใบไม้ร่วงในช่วงพระอาทิตย์ตกดินจากเมือง Xiapu…
-
ฮร่าฮร่า นักร้องจีนคัฟเวอร์ Rolling in The Deep ในสไตล์ “โอเปร่าท้องถิ่น” ฮาสุดในสามโลก!!
ไม่ว่าคุณจะชอบ Adele หรือไม่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพลงของเธอนั้นโด่งดังและขายดิบขายดีไปทั่วโลก จนมีคนเอาไปร้องคัฟเวอร์ไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนคลิปในยูทูบ… ซึ่งก็มีทั้งคนที่ปังและปังปินาศมาให้ชมแล้วนักต่อนัก อย่างเช่นคลิปของชายชาวจีน Liao Jialin นักร้องเพลงโอเปร่า ที่เมื่อไม่นานมานี้เขาถูกเชิญไปออกรายการโชว์เพื่อร้องเพลง Rolling in the Deep ในแบบของเขาเพื่อสร้างความตื่นตะลึงและรอยยิ้มให้กับผู้ชม ในฐานะที่เขาเรียนจบจากวิทยาลัยดนตรีในมณฑลกวางตุ้ง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่นาย Liao Jialin กำลังทำอยู่นั้นคือการร้องเพลงคลาสสิคในสไตล์จีนโอเปร่าผสมสำเนียงแบบท้องถิ่น จนอาจกลายเป็นเพลงใหม่ไปเลย… ตอนนี้คลิปร้องเพลงของนาย Liao Jialin มีคนกดเข้าไปชมแล้วกว่า 6 ล้านครั้ง มีการส่งต่อกันในแอพสื่อสังคมออนไลน์ของจีนมาก . ถ้าใครอยากรู้ว่าเพลงที่เขาร้องมันแตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่นๆ ยังไง ลองไปดูกัน… เผื่อใครไม่เคยฟังเพลงเวอร์ชั่นต้นฉบับ งั้นลองไปฟังกันได้ที่นี่นะ จะว่าไปแล้ว Adele น่าจะลองฝึกร้องเพลง Rolling in the Deep แบบพ่อหนุ่มคนนี้ดูบ้างนะ . ที่มา rocketnews24 , Gavin Don
-
อะไรจะดีปานนั้น!? สาวจีนลงทุนคุกเข่า ซื้อมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ ขอแฟนหนุ่มแต่งงาน
ตามขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยเรา การขอแต่งงานถือเป็นเรื่องที่ผู้ชายต้องให้ความสำคัญ เพราะต้องเก็บหอมรอมริบเพื่อนำเงินไปสู่ขอแฟนสาว ไหนจะแหวน ไหนจะเงิน ไหนจะชุด ไหนจะพิธีแต่ง แต่กับชายหนุ่มชาวจีนรายนี้กลับไม่ต้องลำบากอะไรขนาดนั้น เพราะแฟนสาวที่มีพร้อมทุกอย่างลงทุนขอเขาแต่งงานด้วยตัวเองเลย!! เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนจากมณฑลเฉินตู ได้แต่งชุดเจ้าสาวพร้อมกับเอามอเตอร์ไซค์ Harley Davidson ไปเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่ม เท่านั้นยังไม่พอเธอยังคุกเข่าและขอแฟนหนุ่มแต่งงาน ท่ามกลางสายตาของผู้ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ทำเอาหนุ่มๆ ทั่วอินเตอร์เน็ตถึงกับกรีดร้องด้วยความอิจฉาเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่าก่อนที่เธอจะขอแฟนแต่งงาน เธอตะโกนออกมาว่า “ในที่สุดฉันก็ได้เงินมากพอสำหรับซื้อฮาร์เลย์ที่คุณรักแล้ว แต่งงานกับฉันเถอะ ฉันจะใส่ชื่อของคุณลงไปในโฉนดที่ดินของฉันด้วย” นั่นทำให้ฝ่ายชายถึงกับตกตะลึงและพยักหน้าเบาเป็นการตอบตกลงแต่งงาน หลังจากนั้นไม่นานก็มีสื่อตามไปขอสัมภาษณ์ถึงการขอแต่งงานสุดโด่งดังนี้ เธอเลยตอบว่า “การขอแต่งงานไม่ใช่หน้าที่ของผู้ชายสักหน่อย ทำไมผู้หญิงต้องรอไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้ชายมาขอแต่งงานล่ะ? ฉันต้องก้าวหน้ามากกว่านั้น ถ้าคุณชอบใครสักคน ก็จงไปตามทาง เวลามันไม่ใช่ประเด็นใช้ชีวิตให้เต็มที่” แน่นอนว่าการแหวกขนบธรรมเนียมประเพณีขนาดนี้ย่อมมีความเห็นต่างๆ ตามมาแน่นอน โโยชาวเน็ยบางคนให้ความเห็นว่า “ฉันคงเห็นด้วยที่ผู้หญิงควรมีสิทธิ์แทนที่จะรอให้ผู้ชายมาขอ แต่การเสนอโฉนดที่ดินให้แบบนี้ก็ดูจะเยอะเกินไปหน่อย” “เธอสวย และเขาก็หล่อ เธอซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เขาและมีบ้านให้ด้วย? ฉันคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก โชคดีมากเพื่อน”…
-
หวาดเสียว!! คุณตาชาวจีนนำ “ตะกร้าผลไม้” ทำเป็นที่นั่งบนมอเตอร์ไซค์ สุดท้ายโดนตำรวจจับ
ตามกฎหมายแล้ว ไม่ว่าจะในไทยหรือในต่างประเทศ จะอนุญาตให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์มีผู้โดยสารได้ไม่เกิน 1 คน แต่ก็ยังมีบางคนแอบซ้อน 3 ซ้อน 4 (ซ้อน 5 คน #เหมียวฟิ้น ก็เคยเห็นมาแล้ว) อาจจะเพราะเอาความสะดวกเข้าว่าหรืออะไรก็ตาม แต่ถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความอันตรายได้นะ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ CCTVNews ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของคุณตารายหนึ่งในมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ เนื่องจากต่อเติมมอเตอร์ไซค์ด้วยการนำเอาตะกร้าผลไม้มาไว้ที่ด้านข้าง เพื่อให้หลานๆ ทั้ง 3 คนสามารถนั่งไปกับเขาได้ ตามรายงานบอกว่าคุณตาได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทาง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโบกให้จอด เพื่อเข้าไปตักเตือนว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้พาเด็กขึ้นรถไปด้วยมากขนาดนี้ และถูกสั่งให้ถอดตะกร้าออกทันที . ชมคลิปได้ที่นี่เลยนะ หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันแสดงความชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในท้องถิ่นอย่างมาก Yohana Andrew “เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้หน้าที่ของตัวเองดี เพราะว่านี่มันเป็นสิ่งที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุบนทางหลวง อย่างการขับรถเร็วหรือการโดยสารเกินกว่ากำหนด” Michelle Yung “ตำรวจทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวเมื่อครอบครัวของฉันในจีนและฮ่องกงไม่ใช้เข็มขัดนิรภัยกับเด็กๆ (หรือวัยรุ่น) ฉันเคยถูกหัวเราะเยาะจากคนขับแท็กซี่เมื่อใช้เข็มขัดนิรภัยด้วย” Tommy Gonzo…
-
เจ็บตัวฟรี!? หนุ่มจีนยืนลุ้นรอภรรยาคลอดลูก จู่ๆ โดนหมอจับไปผ่าตัดริดสีดวงแบบงงๆ ซะงั้น…
หมอเป็นอาชีพหนึ่งที่ต้องอาศัยความเข้มงวดและรอบคอบมากที่สุดอาชีพหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาทำงานที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน ความเป็นความตาย ผิดพลาดนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตคนๆ หนึ่งเลย แต่เนื่องจากเป็นมนุษย์ ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้บ้างเป็นครั้งเป็นคราว อย่างเช่นเรื่องที่ #เหมียวฟิ้น กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า หนุ่มจีนแซ่หวัง วัย 29 ปีกำลังยืนรอภรรยาคลอดลูกอยู่ภายในโรงพยาบาลเสิ่นหยาง ประเทศจีน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ในระหว่างที่เขากำลังรอภรรยาคลอดลูกน้อยอย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆ ก็มีคุณหมอเข้ามาเรียกตัวเขาไปในห้องผ่าตัด เนื่องจากโรงพยาบาลมีห้องผ่าตัดเพียง 2 ห้องเท่านั้น นายหวังจึงเขาใจว่าเขาถูกนำตัวไปยังห้องผ่าตัดของภรรยาและคิดว่าหมออาจจะต้องการให้เขาช่วยเหลือในการทำคลอดของภรรยา แต่หมอกลับสั่งให้เขาถอดกางเกงออกโดยไม่ทันได้พูดคุยหรืออธิบายอะไรเลย แม้จะพยายามถามหมอแล้วว่าทำไมเขาถึงต้องถอดกางเกง หมอก็เอาแต่บอกให้เขาทำตามคำสั่งเท่านั้น “มันรู้สึกแปลกมาก และผมเลยถามเขาว่าทำไม? พวกเขาเลยตอบว่า ‘แค่ทำตามที่เราบอกก็พอ’” นายหวังกล่าว ต่อมาคุณหมอก็ทำการวางยาสลบแก่นายหวังและทำการผ่าตัดริดสีดวงให้กับเขา ในระหว่างการผ่าตัดนั้น นายหวังได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ไปด้วย เจ้าตัวบอกว่าในขณะนั้นเขารู้สึกมีความสุขมาก นายหวังบอกว่า “ผมไม่เคยรู้ว่าผมมีริดสีดวงทวารด้วย เมื่อผมขึ้นเตียงผ่าตัด ผมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ผมมีความสุขมาก และผมอยากจะกอดเขาสุดๆ แต่ผมเคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะผมรู้สึกเจ็บอยู่” หลังจากที่เขาผ่านการผ่าตัดริดสีดวงแบบงงๆ แล้ว ทางโรงพยาบาลก็ได้มีการออกมาขอโทษแก่เขาและบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดพลาดของทีมแพทย์เอง โดยพวกเขาอธิบายว่าก่อนที่จะผ่าตัดริดสีดวงให้เขานั้น จริงๆ แล้วควรจะเป็นคนไข้อีกคน แต่นายหวังดันมายืนอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดตอนนั้นพอดี ทำให้ทีมแพทย์นึกว่าเขาคือคนไข้ที่รอคิวผ่าตัด…
-
คุณป้าไกด์จีนโพสต์เตือนอีก หลังคู่รักพากันนอนบนเตียงในห้าง บอก “กลับบ้านไปดีไหม?”
กลายเป็นคนดังไปชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว สำหรับหัวหน้าไกด์จีนอย่างคุณป้า Bin Bin Ji (ออกเสียงว่าจี่ ปินปิน) ที่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวได้โพสต์คลิปวิดีโอต่อว่านักท่องเที่ยวชาวจีน ที่พยายามจะขโมยขอนไม้กลับไปยังประเทศของตัวเอง (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่) จนทำให้ชาวเน็ตในไทยต่างพากันแสดงความชื่นชมถึงมารยาทอันดีงามของคุณป้า ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 สิงหาคม คุณป้าก็ได้โพสต์รูปภาพเตือนนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกครั้ง คราวนี้เป็นคู่รักที่พากันขึ้นไปนอนบนเตียงซึ่งเป็นสินค้าโชว์ในงานจัดแสดงสินค้าหมอนยางพาราที่จังหวัดภูเก็ต จนทำเอาคนที่ผ่านไปผ่านมาถึงกับเอือมเลยทีเดียว พร้อมกันนี้คุณป้าจี่ยังโพสต์ข้อความอีกว่า “ไม่อยากจะพูดแล้ว พวกเธอกลับบ้านไปดีไหม…” หลังจากที่#เหมียวฟิ้นได้มีโอกาสคุยกับแอดมินเพจอ้ายจง ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับคุณป้าได้ ก็ทราบว่าภาพของนักท่องเที่ยว 2 คนนี้ไม่ใช่ลูกทัวร์ของคุณป้าจี่ แต่เป็นนักท่องเที่ยวของอีกทัวร์หนึ่งที่หัวหน้าทัวร์ไม่รู้จะทำยังไง จึงถ่ายภาพมาปรึกษากับคุณป้า แกก็เลยจัดประโยคเบาๆ ไปให้หนึ่งประโยค คุณป้าจี่นั้นรักเมืองไทยมาก จึงตั้งบริษัททัวร์มาเที่ยวไทย แต่เนื่องจากเห็นว่าคนจีนนั้นมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยจะน่ารักเท่าไหร่ จึงเขียนหนังสือกฎข้อปฏิบัติต่างๆ และเปิดคอร์สอบรมไกด์ทัวร์จีนขึ้น เพื่อไปอธิบายให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เข้าใจถึงวัฒนธรรมและการวางตัวในไทยนั่นเอง ที่มา Bin Bin Ji , อ้ายจง
-
ปรบมือรัวๆ!! ไกด์จีนเตือนชาวจีนด้วยกัน หลังพยายามหยิบ ‘ขอนไม้ไทย’ ติดมือกลับบ้านเกิด
แม้เราจะเคยเห็นเรื่องราวแย่ๆ เกี่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนดีๆ ที่มีความคิดดีๆ ยังคงมีอยุ่นะ เช่นคุณป้าหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์รายนี้ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ Bin Bin Ji ได้โพสต์คลิปวิดีโอของตัวเอง ขณะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าไกด์ทัวร์อยู่บริเวณชายหาดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ในระหว่างนั้นกลับมีลูกทัวร์คนจีนพยายามจะหยิบเอาขอนไม้อันหนึ่งกลับไปยังประเทศของตัวเอง หัวหน้าไกด์จึงเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้นำเอาสิ่งใดติดตัวกลับไปด้วย แต่นักท่องเที่ยวยังคงต่อเถียงกับเธอไม่หยุดหย่อน เธอจึงท้าให้ชาวจีนรายนั้นนำท่อนไม้กลับไปด้วย หากคิดว่าตัวเองสามารถผ่านสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ แต่นักท่องเที่ยวยังคงเถียงกับหัวหน้าไกด์แบบไม่หยุด และอ้างว่าทำแบบนี้มานานกว่า 20 ประเทศแล้ว แต่ไม่เคยถูกดำเนินคดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะเอาอะไรกลับประเทศก็ไม่เคยมีปัญหา เมื่อหัวหน้าไกด์จีนได้ยินแบบนั้นจึงต่อว่านักท่องเที่ยวจีนชุดใหญ่และบอกว่าชาวไทยนั้นกลัวนักท่องเที่ยวจีนกันหมดแล้ว สาเหตุที่ชาวไทยไม่ชอบคนจีนเพราะมีนักท่องเที่ยวแบบนี้เอง นอกจากนี้ยังมีข้อความประกอบคลิปด้วยว่า “ทำไมไม่เก็บชายหาดใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องกลับจีนไปด้วยเลยละ ไอ้โง่” ลองชมคลิปตัวเต็มแบบซับไทยจากเพจ China Social Media by Johny ได้ที่ด้านล่างเลย (ใครมองไม่เห็น กดที่นี่ได้เลยนะ) มนุษย์ป้าจีน ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมซับไทย ด่าหนักมาก! ด่าจีนด้วยกันเองประจาน! คนไทยด่าไม่ได้งี้ 555 เป็นประเด็นในโซเชียลจีนคลิปนี้ลงวันเดียว ยอดวิว 30 กว่าล้านแล้ว ป้าลูกทัวรฺ์ออกมาช่วยเมืองไทยพิทักษ์ธรรมชาติ น่าชื่นชม ยังคงต้องใช้เวลาปรับ เชื่อว่าเค้าพยายามกันอย่างหนักอยู่ ถ้าชอบไลค์เพจด้วยนะครับ สามชั่วโมงแรกยอดวิวแตะสี่หมื่น แอดมินอินไวท์เพิ่มไม่ได้แล้ววันนี้ 555 #เรายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มีวัฒนธรรม…
-
มาให้เห็นจริงแล้ว!! จีนเปิดตัว “รถบัสไฮเทค” วิ่งคร่อมถนน ไม่แคร์ทุกปัญหารถติด
หากใครจำกันได้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทีมงานเหมียวได้เคยรายงานเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์รถบัสไฮเทคที่สามารถวิ่งคร่อมถนนได้ แม้จะมีการจราจรที่หนาแน่น แต่เจ้ารถบัสคันนี้ก็จะสามารถขับผ่านไปได้อย่างสบายๆ หากใครนึกไม่ออกลองไปย้อนดูคลิปคอนเซ็ปต์ของเจ้ารถคันนี้กันดูเลย หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปประมาณ 2 เดือนเศษ เจ้ารถบัสที่เป็นเพียงคอนเซ็ปต์คันนี้ก็สำเร็จกลายเป็นรูปเป็นร่างแล้วเรียบร้อย!! อันที่จริงแล้วโปรเจ็คนี้ไม่ได้คิดค้นและสร้างเสร็จภายในเวลาสั้นๆ หรอกนะ แต่ทางทีมวิศวกรเขาเริ่มทำกันมาเป็นปีแล้ว แต่เพิ่งจะเป็นที่สนใจของสื่อเอาเมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามรายงานของเว็บไซค์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม บอกว่ารถไฮเทคคันนี้พร้อมที่จะออกวิ่งทดสอบในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีนแล้ว ในการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นการนำรถบัสออกไปวิ่งทั่วเมืองแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่เป็นการเดินทางในระยะเพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้นักข่าวและผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ทราบว่ามันสุดยอดขนาดไหน จากคำบอกเล่าของวิศวกรบอกว่าเจ้ารถบัสคร่อมถนนคันนี้จะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 1,200 คนได้ในเวลาเดียวกัน สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะดูไม่เร็วเท่าไหร่ แต่หากคุณจินตนาการถึงการจราจรอันติดขัดในเมืองจีนล่ะก็ ความเร็วเท่านี้ก็ถือว่าเร็วมากแล้วล่ะ ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าเจ้ารถบัสคันนี้จะเปิดให้บริการจริงๆ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะภายในเร็ววันนี้แน่นอน แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการลองนำมาวิ่งเป็นครั้งแรกเท่านั้น ยังคงมีหลายฝ่ายพูดถึงปัญหาที่จะตามมา ทั้งมารยาทให้การขับรถของคนจีนทั่วไปจะก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ รวมไปถึงอุปสรรคอีกต่างๆ นานาเมื่อใช้งานจริง เราคงต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ…!! ที่มา shanghaiist
-
อาตี๋น้อยเก็บขวดขาย 160,000 ใบ นาน 2 ปี เพื่อนำเงินบริจาคให้เด็กกำพร้าโรคเอดส์
นี่เป็นเรื่องราวดีๆ ของหนุ่มน้อยชาวจีนรายหนึ่งที่ชื่อว่า Sun Huixi เขาใช้เวลาหลังเลิกเรียนประมาณ 2 ชั่วโมงทุกๆ วัน เพื่อเก็บขวดพลาสติกไปขาย จากนั้นพอผ่านเวลาไป 2 ปี เขาก็สามารถเก็บขวดได้มากถึง 160,000 ขวด คิดเป็นเงินราวๆ 1 แสนบาท จากนั้นเขาก็นำเงินไปบริจาคให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้าน Red Ribbon Home ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ที่มีแต่เด็กๆ กำพร้าและป่วยเป็นโรคเอดส์มากมาย แม้ Sun จะอายุยังน้อย แต่เขาก็ตระหนักถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตโดยไม่มีพ่อแม่ เขาจึงคิดอยากจะช่วยเหลือคนอื่นๆ บ้าง ตามรายงานบอกว่าหนุ่มน้อยรายนี้อาศัยอยู่ในเมืองฮาร์บิน เมืองที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน หมู่บ้าน Red Ribbon Home ถูกก่อตั้งโดยองค์กรการกุศลแห่งหนึ่ง เพื่อเปิดรับเด็กๆ ผู้ป่วยเข้ามาอยู่ในความดูแลของพวกเขา ในตอนแรกที่ Sun ยังไม่ได้เก็บขวดขาย เขาได้บริจาคเงินส่วนตัวให้กับองค์กรเป็นจำนวน 1,000 บาท แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่าควรจะหาเงินมาช่วยเหลือเด็กๆ ให้มากกว่านี้ จึงเริ่มเก็บขวดขายนั่นเอง ในขณะที่พ่อแม่ของเขามีรายได้ต่อเดือนรวมกันได้เพียง 9,430 บาท เท่านั้น ถือเป็นความเฉลียวฉลาดในการหาเงินพอสมควร…
-
ชื่นชมเด็กชาวจีน ทำภารกิจเพิ่มน้ำหนัก 16 กิโลกรัม เพื่อปลูกถ่ายไขกระดูกให้คุณพ่อ
การทดแทนบุญคุณในความหมายของคนทั่วๆ ไป อาจจะนึกถึงการเลี้ยงดูพวกเขา การพาพวกเขาไปพักผ่อน พาไปกินอาหารดีๆ การพาพวกเขาไปเที่ยวในที่ที่อยากไป แต่สำหรับคนบางคนแล้ว ดูจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากเลยล่ะ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้เปิดเผยเรื่องราวภารกิจอันยิ่งใหญ่ของหนุ่มน้อยชาวจีนวัย 8 ขวบที่ชื่อว่าเช่า หยินเผิง จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่ต้องช่วยคุณพ่อที่กำลังป่วยเป็นโรคลูคีเมียในการปลูกถ่ายไขกระดูก ตามรายงานบอกว่าเช่า เหล่ย ผู้เป็นพ่อ ได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว(หรือลูคีเมีย) ทำให้เขาต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ และคนเดียวที่จะช่วยเขาได้ก็คือลูกชายแท้ๆ ของเขา แต่ดันมีปัญหานิดหน่อยตรงที่เช่า เหล่ย เหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนก่อนที่อาการจะทรุดหนักไปกว่านี้ บวกกับลูกชายของเขามีน้ำหนักเพียง 30 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป หากทำการปลูกถ่ายไขกระดูกอาจจะเป็นอันตรายแก่เขาได้ เมื่อทราบเงื่อนไขดังกล่าวแล้วเช่า หยินเผิงจึงพยายามขุนตัวเอง กินอาหารเพิ่มน้ำหนักอย่างหนัก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามออกกำลังกายไปด้วย เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงควบคู่กันไป ในที่สุดเช่า หยินเผิงก็ทำสำเร็จ เขาสามารถเพิ่มน้ำหนักจาก 30 กิโลกรัมเป็น 46.5 กิโลกรัมได้ภายใน 2 เดือน การปลูกถ่ายไขกระดูกของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่นตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางด้านจาง หลิน ภรรยาของนายเช่า…
-
เสียววาบ!! นักท่องเที่ยวจีนเผยที่พักแรมแบบใหม่ กางเต๊นท์นอนริมหน้าผาสุดเร้าใจ
หากคุณต้องเดินทางไปท่องเที่ยวตามป่าเขา แต่รู้สึกว่าคุณยังเร้าใจพอล่ะก็ คุณอาจจะอยากลองมาพักแรมในสถานที่แบบนี้ก็ได้นะ… เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTV ได้เผยแพร่ภาพสุดหวาดเสียว ของกลุ่มคนที่ขึ้นไปตั้งเต๊นท์กว่า 100 หลัง บริเวณริมหน้าผาของภูเขาเล่าจุ่น ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ที่มีความสูงจากระดับพื้นดินถึง 1,000 เมตร ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นกล่าวว่ากลุ่มนักเดินทางได้ขึ้นไปตั้งแคมป์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตั้งแคมป์ของชุมชนในท้องถิ่นเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนจำนวนไม่น้อยได้พิจารณาถึงความคิดนี้แล้วตัดสินใจขึ้นไปตั้งแคมป์อยู่ตรงพื้นที่เสี่ยงตายแบบนั้น แต่พวกเขาก็ถือว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทดสอบความกล้าของตัวเองและดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ของธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน แต่การขึ้นไปนอนอยู่ที่ริมหน้าผาของพวกเขานั้นไม่ใช่เพราะต้องการความตื่นเต้นหรือหวาดเสียวเพียงอย่างเดียว พวกเขาจะได้สิทธิพิเศษในการชมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านยามค่ำคืน และสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาได้ยากจากในตัวเมือง . แม้จะดูหวาดเสียวไปหน่อย แต่พวกเขาก็ได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ในแบบที่น้อยคนจะได้ทำแบบพวกเขาล่ะนะ ที่มา CCTVNews
-
หนุ่มจีนทำหน้าที่ลูกกตัญญู แอบภรรยาออกจากบ้าน มาดูแลแม่แท้ๆ ตลอด 9 ปี
ปัญหาเกี่ยวกับแม่สามีลูกสะไภ้นั้นมีให้เห็นได้ในทุกสังคมจริงๆ นะ บางคู่ถึงขั้นเลิกรากันเพราะแม่สามีกับลูกสะไภ้ไม่ถูกกันก็มี และคนที่อึดอัดใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นลูกชายหรือสามีเอง เพราะไม่สามารถเลือกข้างได้นั่นเอง เรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของของนายหลิว เสี่ยงลี่ และนางจ้าว จ่องกุ้ย ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี 2004 และได้รับมรดกมาจากครอบครัวฝ่ายหญิง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบที่สูงพอสมควร หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันแล้ว พวกเขาก็ได้วางแผนจะซื้อบ้านราคา 6 แสนกว่าบาท และหวังว่าจะชวนแม่ของฝ่ายชายมาอยู่ในบ้านด้วย แต่ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วยกับไอเดียนี้ ต่อมาในปี 2007 ทั้งคู่ได้ซื้อบ้านแล้วเรียบร้อย นายหลิวจึงไปรับแม่ของเขามาเที่ยวที่บ้านใหม่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างแม่และภรรยาของเขาจะไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนภรรยาขู่ว่าจะฆ่าตัวตายหากแม่่สามียังไม่ออกไปจากบ้านของเธอ เพื่อเป็นการรักษาบรรยากาศความสงบภายในบ้าน นายหลิวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากประนีประนอมตามคำขู่ของภรรยา แต่เขาเองก็ไม่อยากจะเป็นลูกชายที่อักตัญญู เพราะแทนที่จะส่งแม่กลับไปอยู่บ้านหลังเดิม เขากลับเช่าบ้านให้แม่อยู่นาน 9 ปี ตามรายงานบอกว่าบ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขาเท่าไหร่ เพื่อที่นายหลิวจะได้แอบภรรยาของเขามาดูแลแม่บ่อยๆ แต่ความลับนั้นไม่มีในโลก วันหนึ่งแม่และภรรยาของเขาดันไปเจอกันในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ นางจ้าวรู้สึกช็อคและโกรธเคืองมากที่สามีปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้เธอรู้มาเกือบ 10 ปี เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องที่เธอไม่อยากจะอยู่กับแม่ของสามีก็เพราะว่าพวกเขาเข้ากันไม่ได้ และกล่าวว่าแม่สามีควรจะหยุดยุ่งเรื่องครอบครัวของพวกเขาได้แล้ว แม้ว่าสถานการณ์ของครอบครัวนี้จะดำเนินไปแบบอึดอัด แต่ชาวเน็ตก็ได้แสดงความชื่นชมต่อการกระทำของลูกกตตัญญูรายนี้กันอย่างมากมาย เช่น “ฉันรู้สึกแย่กับภรรยาคนนี้มาก คาดหวังให้เธอดูแลแม่สามีไม่ได้เลย” “เราไม่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้จริงๆ แล้วเป็นยังไงกันแน่ ฉันหวังแค่ว่าพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข” ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราเป็นหนุ่มคนนี้เราคงจะอึดอัดใจไม่น้อย เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่เรารัก และไม่ควรจะต้องมาเลือกเลยว่าควรจะให้ความสำคัญคนไหนมากกว่ากัน…
-
สาวจีนฮิตไอเดียแปลก สวม “หน้ากากไอ้โม่ง” ลงทะเล หวังกันรังสี UV และแมงกะพรุน!?
ในทุกๆ ปี สาวๆ จะต้องแห่กันไปเที่ยวที่ชายหาดชิงเต่า ในมณฑลซานตง ประเทศจีน เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ และนอนอาบแดดให้สบายผิวของพวกเธอ ซึ่งในความเข้าใจของคนทั่วไปแล้ว การอาบแดดก็คงจะมีอุปกรณ์อยู่ไม่กี่อย่าง เช่นแว่นตากันแดด หรือหมวกใบใหญ่ๆ เพื่อบังแดดสักหน่อย แต่กับสาวๆ ชาวจีน พวกเธอมีอุปกรณ์ที่แปลกประหลาดกว่านั้น เพราะพวกเธอสวมใส่ “หมวกไอ้โม่ง” แล้วลงไปเล่นน้ำทะเลและอาบแดด เพื่อป้องกันรังสี UV ที่จะกระทบกับใบหน้าของพวกเธอ และมันยังเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมเอามากๆ ในปีที่ผ่านมาด้วย ในขณะที่แฟชั่นบางอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เจ้าหน้ากากไอ้โม่งชิ้นนี้กลับอยู่คู่กับชายหาดของจีนมานานตั้งแต่เมื่อปี 2004 แล้ว และยังคงได้รับความนิยมจากสาวๆ ที่เกรงกลัวรังสี UV เรื่อยมา เจ้าหน้ากากแบบนี้จะครอบคลุมทุกพื้นที่บนใบหน้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก จมูก แก้ม คาง มันดูจะมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนของจีนมากทีเดียว เพราะตอนนี้พุ่งสูงถึง 35 องศาแล้ว ตามรายงานบอกอีกว่าหน้ากากไอ้โม่งแบบนี้ มันเป็นทั้งหน้ากากและหมวกสำหรับว่ายน้ำที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำ และยังช่วยป้องกันอันตรายจากแมงกะพรุนที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย …
-
ทุ่มสุดตัว!! ทหารจีน 16 นาย ใช้ตัวเองเป็น “มนุษย์เขื่อนกั้นน้ำ” ไม่ให้ทะลักเข้าเมือง
นี่ถือเป็นข่าวของซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริงเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวของทหารจีน 16 นาย ทำการเกาะกลุ่มกันเพื่อสร้าง “มนุษย์เขื่อนกั้นน้ำ” กันน้ำจากทะเลสาบโปยาง ไม่ให้ไหลเข้าสู่มณฑลเจียงซี ประเทศจีน อย่างที่หลายๆ คนทราบ ในช่วงนี้ประเทศจีนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เช่นเดียวกับชาวนาและชาวบ้านในเมืองจิ่วเจียง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ที่เกือบจะถูกบังคับให้อพยพออกจากเมือง เนื่องจากเขื่อนกั้นน้ำจากทะเลสาบโปยางนั้นพังทลายลง ตามรายงานบอกว่าเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงเพิ่มสู่งขึ้นอย่างฉับพลัน บวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้น้ำยังคงไหลทะลักเข้าสู่เมืองอย่างต่อเนื่อง เหล่าทหารจึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการรวมกำลังกัน 16 นาย มายืนกั้นบริเวณเขื่อนกั้นน้ำแทน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับอาคารบ้านเรือนและชาวบ้าน เหล่าทหารหาญต้องยืนอยู่ในน้ำเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมง กว่าที่เพื่อนทหารคนอื่นๆ จะนำกระสอบทรายมากั้นและซ่อมแซมเขื่อนที่พังลงไปให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ชาวนาในท้องถิ่นกล่าวชื่นชมทหารว่าหากไม่มีพวกเขา นาข้าวก็อาจเสียหายไปหมดแล้ว “ทหารอยู่ที่นี่แล้ว นาข้าวหลายแห่งปลอดภัยแล้ว” นอกจากนาข้าวแล้วยังมีชาวบ้านอีกกว่า 6,000 หลังคาเรือนที่ปลอดภัยจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย . . และนี่คือวีรกรรมของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ในชีวิตจริง ที่ไม่ต้องมีพลังวิเศษหรือแต่งชุดเท่ๆ แบบในหนังหรือการ์ตูน แต่ก็สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดปลอดภัยได้เช่นกันนะ…
-
ชาวเน็ตต่างชื่นชม… แม้พายุเข้าจนไม่มีคนมางานแต่ง แต่เจ้าสาวก็ยังสตรอง ทำให้มันดีที่สุด
ในช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนต้องประสบกับมรสุมลูกใหญ่ เกิดเหตุอุทกภัยขึ้นในหลายๆ พื้นที่ ส่งผลให้กิจกรรมต่างๆ ต้องหยุดหรือยกเลิกไปก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คู่รักชาวจีนคู่นี้ย่อท้อและล้มเลิกงานของพวกเขาเลย เมื่อวันที่ 11 กรกฎดาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ BBC ได้เปิดเผยเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่ง ในเมืองซินเซียง มณฑลเหอนาน ประเทศจีน ที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะจัดงานแต่ง แม้สภาพอากาศโดยรอบจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยก็ตาม กำหนดการวันแต่งของพวกเขาคือช่วงเช้าของวันที่ 9 กรกฎาคม พวกเขาส่งการ์ดเชิญไปยังญาติๆ เพื่อนๆ และแขกทั้งหมด 300 คน แต่พอถึงวันงานกลับมีพายุถาโถมเข้ามาจนทำให้แขกเหรื่อส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางมางานเนื่องจากอาจเกิดอันตรายกับพวกเขา จึงมีแขกเพียง 10 คนเท่านั้นที่สามารถมาร่วมงานได้ แม้จะมีแขกมาร่วมงานน้อยขนาดนี้ นางโจว เถียน ว่าที่เจ้าสาวของเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย เธอพูดกับเจ้าบ่าวของเธอว่า “แม้ว่าพวกเราจะไม่มีแขกมาร่วมงาน ไม่มีดอกไม้ไฟฉลองให้ ไม่มีรถลีมูซีนหรูๆ หรือไม่มีเพลง นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับที่ฉันมีเธอ ฉันมีความสุขมากค่ะ” เรื่องราวนี้น่าประทับใจมากจนทำให้ข้อความของเธอถูกส่งต่อกันในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีนเป็นจำนวนเป็นพันๆ ครั้ง และมีข้อความชื่นชมพวกเขาอีกมากมาย เช่น “นี่คือรักแท้ หัวใจสองดวงที่มีรักให้กันและกัน นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเพียงความว่างเปล่าแล้วล่ะ” “การจัดงานแต่งงานมันไม่ได้ทำขึ้นเพื่อคนอื่นๆ แต่มันคือความสุขของคนสองคน นั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” “ไม่มีเพื่อนและครอบครัวมาเลยเหรอ?…
-
ชาวเน็ตจีน แห่แชร์ภาพความงดงามของป่าในเทพนิยาย ที่เกิดจากเงาต้นไม้สะท้อนกับน้ำท่วมขัง
การเผชิญหน้ากับปัญหาน้ำท่วม เรียกได้ว่ามันเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากจริงๆ เพราะมันได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน รวมไปถึงทรัพย์สินต่างๆ ของประชาชน บางรายก็ถึงขั้นเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เลยก็มี เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2559 เวลา 13:50 น. ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพจากมหาวิทยาลัย Nanjing ในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ภายหลังจากที่ได้เผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างหนัก จนทำให้เกิดน้ำขังภายในมหาวิทยาลัย และถึงแม้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมดังกล่าว จะกลายเป็นปัญหาที่สร้างความลำบากใจให้กับผู้คน แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งเราสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อันตึงเครียด ให้กลายเป็นเรื่องราวดีๆ ได้เช่นกัน เหมือนดังเช่นภาพที่เราได้หยิบนำมาเสนอดังต่อไปนี้ เป็นภาพของน้ำขังที่เกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมในมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นผืนน้ำที่ทำหน้าเป็นกระจกสะท้อนเงาต้นไม้ จนกลายเป็นภาพที่งดงามเหมือนกับออกมาจากโลกเทพนิยาย ไม่เชื่อก็ลองดูได้เลย… เรียกได้ว่าเป็นภาพถ่ายที่สวยงาม และกำลังถูกแชร์ไปทั่วโลกออนไลน์ของจีนในขณะนี้ อีกทั้งภาพเหล่านี้ยังถูกเรียกว่า Magic Forest หรือป่าในเทพนิยาย อีกด้วย ภาพต้นไม้สูงใหญ่ เมื่อถูกสะท้อนจากผืนน้ำ กลายเป็นภาพความงดงามที่ดูมีเสน่ห์ ราวกับต้องมนต์สะกด . . . .…
-
คุณตาเขียนจดหมายถึง ‘ภรรยาที่ล่วงลับ’ ทุกวันนานกว่า 4 ปี เผยมีเรื่องอีกมากที่ยังไม่เคยบอก
“ความรัก” นั้นถือเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรมเอามากๆ เลยนะ เราไม่สามารถจะหยิบความรักออกมาให้ดูแล้วบอกว่ารักมากหรือน้อยได้ แต่ในเมื่อความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นกับคนๆ หนึ่งแล้ว มันก็จะฝังรากลึกลงไปในความทรงจำ แม้ว่าร่ายกายจะจากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม แต่เสี้ยวของห้วงคำนึงยังคงอยู่กับคนรอบข้างเสมอ เหมือนกับเรื่องราวของคุณตารายนี้ล่ะ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวซึ้งๆ ของคุณตาเฉิน ซิวกัง วัย 70 ปี จากเมืองหนิงปัว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่พยายามเขียนจดหมายถึงภรรยาผู้ล่วงลับทุกวันๆ เป็นเวลา 4 ปี แม้ว่าเธอจะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม ตามรายงานบอกว่าคุณตาเฉินได้เขียนจดหมายจำนวนหลายร้อยหลายพันฉบับถึงภรรยาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อปี 2012 นับรวมกันแล้วมีตัวอักษรจีนกว่า 1.5 ล้านตัว โดยในจดหมายฉบับแรกๆ มีความยาวตัวอักษรอยู่ที่ประมาณ 1,000 ตัวต่อ 1 ฉบับ แต่นั่นก็ไม่อาจจะบรรยายถึงเรื่องราวในแต่ละวันและความรู้สึกที่คุณตามีต่อคนรักได้ จดหมายของเขาจึงค่อยๆ เพิ่มความยาวออกไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มีความยาวอยู่ที่ 2,000 ตัวอักษรต่อ 1 ฉบับแล้ว คุณตาบอกว่าเขาได้แต่งงานกับภรรยาตั้งแต่เมื่อปี 1967 แต่ก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกันนั้น พวกเขามีโอกาสได้เจอกันเพียงแค่ 3…
-
หนุ่มจีนทุ่มเงินประมูลป้าย 88888 เสริมดวงดี ขับวันแรกได้เรื่อง ตำรวจเรียกตรวจ 8 รอบ!!!
อย่างที่รู้กันดีว่าเลข ‘8’ นั้นเป็นตัวเลขที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นเลขมงคล จะนำพามาซึ่งความโชคดีมาให้ ยิ่งมีเลข 8 มากเท่าไหร่ ยิ่งให้โชคมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ชาวจีนหลายๆ คนเลือกที่จะนำเลข 8 เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น เบอร์โทรศัพท์ เลขที่บ้าน เลขทัเบียนรถ เป็นต้น เช่นเดียวกัชายหนุ่มชาวจีนนามว่า Kai Long ที่ทำงานเป็นเจ้าของกิจการขายส่งผลไม้ เขายอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อประมูลซื้อป้ายทะเบียนรถเลขสวยที่มีเลข 8 ถึง 5 ตัวด้วยกัน!! เขายอมเสียเงินไปกว่า 5 ล้าน 2 แสนบาท เพื่อแลกกับเจ้าป้ายทะเบียนสุดยอดอภิมหามงคลนี้มา หวังว่ามันจะให้โชค ช่วยการทำมาค้าขายให้เจริญร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป แต่ผลที่รับกับไม่เป็นอย่าที่เค้าหวัง เพราะเมื่อวันก่อนนาย Kai ได้ทำการประเดิมขับรถที่ติดป้ายทะเบียนมงคลออกไปขับเป็นวันแรก มุ่งหน้าแบบชิลๆ ไปตามทางด่วนในเมือง Zhenzhou แต่จู่ๆ ก็ถูกหยุดไว้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเข้าใจว่าป้ายทะเบียนรถของเขานั้นเป็นของปลอม!? แม้นาย Kai จะเถียงว่าเป็นของจริงก็ไม่เชื่อ จนต้องเช็คใบขับขี่ ใบเล่มทะเบียนรถ และเลขเครื่องยนต์ จึงได้ทราบว่าเป็นของจริง และยังไม่จบแค่นั้น…ในวันต่อมา นายไคก็เอารถคันนี้ออกไปขับอีก…
-
ยกย่องครู 6 คน เสี่ยงชีวิตปกป้องเด็ก 120 คน ระหว่างพายุทอร์นาโดถล่มโรงเรียน
ว่ากันว่าคุณครูบางคนนั้นมีจิตวิญาณของความเป็นครูมากกว่าคนอื่นๆ เพราะนอกจากพวกเขาจะให้ความรู้แล้ว คุณครูบางคนยังสั่งสอนเราในสิ่งที่ถูกหรือผิดเหมือนกับพ่อแม่ บางคนสอนการใช้ชีวิตให้กับเรา บางคนก็ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้พวกเรารู้สึกปลอดภัยก็มี เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อช่วงวันพฤหัสที่ผ่านมา มีพายุทอร์นาโดลูกยักษ์เข้าถล่มที่มณฑลเจียงสู ประเทศจีน ซึ่งในบริเวณนั้นเองมีโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ภายในโรงเรียนมีเด็กๆ กว่า 120 ชีวิต และคุณครูผู้ดูแลเด็กๆ อีก 6 คน ตามรายงานบอกว่าพายุลูกใหญ่พร้อมลูกเห็บได้เข้าถล่มโรงเรียนเมื่อช่วงบ่าย 2 ครึ่ง จนเกิดความเสียหายหนัก มีลมแรงและฝ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง คุณครู 6 คนจึงพาเด็กๆ เข้าไปหลบอยู่ในห้องเรียน เนื่องจากอาคารค่อนข้างเก่า และพายุรุนแรงมาก มันอาจจะพัดให้ประตูหน้าต่างหลุดปลิวได้ทุกเมื่อ ครูทั้ง 6 คนจึงช่วยกันค้ำยันเอาไว้จากลมพายุด้านนอก หวังเพียงให้เด็กๆทุกคนปลอดภัย หลังจากที่พายุสงบลง มีเด็กๆ 5 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณครูจีงรีบพาเด็กๆ ทั้งหมดไปส่งโรงพยาบาล โดยที่ไม่ทันได้คำนึงถึงบาดแผลของตัวเอง หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไปก็ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมากเช่น “ของคุณคุณครูทั้ง 6 คนที่กล้าหาญและเสียสละช่วยเหลือเด็กๆ ให้ปลอดภัย” และ “พวกเขาคือฮีโร่ตัวจริงสำหรับเด็กๆ เลย” …
-
รวยเหลือเกิ๊น!! เด็กสาวถ่ายคลิปอวดรวย โชว์กระเป๋า นาฬิกา สารพัด ชาวเน็ตจีนรุมจวกเพียบ!!
ในยุคที่ใครๆ ก็มีสื่ออยู่ในมือ ทุกคนก็อยากจะแสดงออกถึงความคิด ความรู้สึกของตัวเองออกไปให้คนอื่นๆ ได้รู้ อยากจะแชร์ภาพถ่ายการท่องเที่ยว หรือแม้แต่โชว์ข้าวของใหม่ๆ ที่เพิ่งซื้อมาให้คนอื่นได้ชื่นชมกัน แต่คงจะไม่มีใคร “อวด” ได้เก่งเท่ากับเด็กสาวชาวจีนคนนี้แน่นอน… เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของเด็กสาวชาวจีนรายหนึ่ง ที่พยายามตั้งกล้องแล้วอวดข้าวของหรูๆ ที่ครอบครัวซื้อมาให้เธอ พร้อมกับล้อเลียนผู้ชมว่าเป็นคนจน จากคลิปวิดีโอ เด็กสาวได้โชว์ตั้งแต่ กระเป๋าที่แม่ของเธอซื้อมาให้จากเกาหลี นาฬิกา Hello Kitty ที่พ่อซื้อมาให้จากเกาหลี พัดลมทรงลูกขนไก่จากสหรัฐ สร้อยคอจากประเทศไทยที่เธออ้างว่ามีมูลค่าถึง 52,990 บาท และแหวนจากญี่ปุ่น ลองไปดูการโชว์รวยของเด็กสาวคนนี้ได้ที่ด้านล่างเลย… แม้บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คลิปนี้ก็โด่งดังไปทั่วประเทศจีนจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการอวดร่ำอวดรวยโดยใช่เหตุของเธอ และยังมีความเห็นจากชาวเน็ตบอกอีกว่า “เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้เดินทางไปทั่วโลกโดยที่ไม่ได้พาเธอไปไหนมาไหนด้วย” , “เด็กคนนี้มีการบ้านจากโรงเรียนน้อยเกินไปจนทำให้เธอมีเวลาว่างขนาดนี้” , “ฉันคงจะตบหน้าเธอไปแล้วถ้าฉันเป็นพ่อแม่ของเธอ” อันที่จริงแล้ว การอวดข้าวของต่อโลกออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ แต่อย่างแรกมันจะทำให้คนรอบข้างของคุณวิจารณ์คุณไปต่างๆ นานา และอาจถูกหมั่นไส้ได้ อย่างที่สองมันอาจจะทำให้คุณเป็นอันตรายจากมิจฉาชีพได้ หากพวกเขารู้ว่าคุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง แถมการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อตามหาเลขที่บ้านของคุณก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้วด้วย ที่มา shanghaiist
-
แซ่บมาก!! ยลโฉมคุณป้าวัย 50 ปี ที่ออกกำลังกายจนมีหุ่นสวยเช้งยิ่งกว่าสาวๆ ซะอีก!!
คนเราเมื่อแก่ตัวลงไป ร่างกายของเราก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ผิวหนังที่เคยเต่งตึงก็จะเริ่มหย่อนยาน กล้ามเนื้อที่เคยสวยก็จะค่อยๆมีริ้วรอยมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นคงไม่ใช่กับคุณป้ารายนี้… ภาพที่ทุกๆ คนจะได้ดูต่อไปนี้ เป็นภาพของคุณป้าสวยที่ชื่อยี่ เหวิน เธออาศัยอยู่ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน แต่สิ่งที่ทำให้เธอเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ในขณะนี้ก็คืออายุของเธอ เพราะปัจจุบันยี่ เหวินมีอายุปาเข้าไป 50 ปีแล้ว!! นี่ใกล้จะเป็นรุ่นยายแล้วนะเนี๊ยะ ยี่ เหวินเริ่มเข้ายิมแบบจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้ 30 ปี ตอนนั้นเธอออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำทุกๆ วัน ทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเธอกระชับอยู่เสมอ และเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็มีข่าวว่าเธอว่ายน้ำผ่านช่องแคบมะละกา (ช่องแคบระหว่างคาบสมุทรมลายูและเกาะสุมาตรา) และเป้าหมายต่อไปของยี่ เหวิน คือว่ายน้ำข้ามแม่น้ำฮั่นในประเทศเกาหลีใต้!? นอกจากนี้เธอยังมีวินัยกับตัวเอง ในเรื่องการออกกำลังกายในยิมด้วย ซึ่งเธอบอกว่าเธอจะเข้ายิมประมาณ 2-3 วันต่อ 1 สัปดาห์ ใช้เวลาแต่ละครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง ยี่ เหวินบอกว่าเธอมีร่างกายที่เพรียวบางและสง่างามเมื่อตอนที่อายุ 30 ปี ก่อนที่เธอจะเริ่มออกกำลังกายจริงจังซะอีก และความฝันของเธอคือได้ใส่ชุดบิกินี่ได้สวยๆ ตอนที่เธอมีอายุได้ 80 ปีล่ะ นี่คือภาพเปรียบเทียมเมือสมัยที่เธออายุ 30 และตอน 50…
-
อาจารย์สาวสวมชุดวิวาห์ ขอแฟนหนุ่มนักศึกษาแต่งงานกลางมหาลัย ปิดท้ายด้วยจุ๊ฟเบาๆ..!!
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นภาพของหญิงสาวลงทุนขอแต่งงานกับฝ่ายชายด้วยตัวเอง และล่าสุดมันได้เกิดขึ้นที่ประเทศจีนแล้วล่ะ… . เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าศาสตราจารย์สาวแห่งมหาวิทยาลัยศิลปะและวิทยาศาสตร์หูหนาน ประเทศจีน ได้แต่งชุดเจ้าสาวพร้อมกับสวมหน้ากาก เพื่อมาดักรอและขอนักศึกษาชายคนหนึ่งแต่งงาน . ตามคำบอกเล่าของเหล่านักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาได้สักพักแล้ว และดูเหมือนว่าการขอแต่งงานครั้งนี้เป็นเป็นการเตรียมการที่ใช้เวลานานพอสมควรแถมยังเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยด้วย . หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ได้ไม่นาน ภาพของพวกเขาก็ถูกแชร์ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว จนมีความเห็นจากชาวเน็ตบอกว่า “ฉันสามารถหาคุณครูดีๆ แบบนี้ได้ที่ไหนบ้างเนี๊ยะ?” และ “สิ่งที่เราเคยได้ดูในหนังผู้ใหญ่ได้กลายเป็นจริงแล้ว พี่ชายผมล่ะอิจฉาคุณจัง” อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ บางความเห็นกล่าวว่า “เรื่องดังกล่าวนั้นดูไม่เหมาะสมเสียเลย” ก็เป็นความเห็นที่โต้แย้งแลกเปลี่ยนความคิดกันไป ว่าแต่ชาวเหมียวล่ะ คิดว่าเรื่องแบบนี้เหมาะสม หรือไม่เหมาะสมกันอย่างไร คิดเหมือนชาวเน็ตจีนเค้ารึเปล่า…!? . . แหม่ เป็นโชคดีของพ่อหนุ่มคนนี้จริงๆ ได้ทั้งความรู้ได้ทั้งภรรยา ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
หนุ่มจีนเกิดอาการปวดท้องรุนแรง เอ็กซเรย์แล้วแพทย์ตกใจ เพราะพบไตถึง 4 ข้าง!?
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ Shanhaiist ได้รายงานว่า นายหวัง ไคเหลียงวัย 28 ปี จากมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากตรวจพบว่ามีไตเจริญเติบโตในท้องของเขาอีก 2 ข้าง!? ตามรายงานบอกว่าเขามีอาการเจ็บที่ในช่องท้องอย่างรุนแรงจนไม่สามารถยืนขึ้นได้ ทีมแพทย์จึงนำเขาไปเอ็กซ์เรย์ พบว่ามีไตงอกออกมาอีก 2 ข้าง หลายคนได้ยินคงทำหน้าตกใจล่ะซิ!? แต่นั่นไม่ใช่ผลดีต่อนายหวัง เพราะมีเนื้อไตชิ้นหนึ่งเกิดอาการติดเชื้อ จึงต้องทำการผ่าตัดออกโดยด่วน หลังจากที่ใช้เวลาในการผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมง ทีมแพทย์ก็สามารถนำเอาไตที่ว่านี้ออกมาได้และนายหวังก็พ้นขีดอันตราย ส่วนคุณหมอที่ดูแลอาการของนายหวังบอกว่า ตลอดระยะเวลาในการเป็นหมอกว่า 20 ปีของเขา ไม่เคยเจอเคสไหนที่แปลกเท่ากับนายหวังมาก่อนเลย โอกาสที่จะเกิดการเจริญเติบโตของอวัยวะแบบนี้มีเพียง 1% จากจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้น (และโอกาสที่จะพัฒนาเป็นไตสมบูรณ์แบบกรณีนี้ แทบจะเป็น 1 ในล้านกันเลยทีเดียว) ทางด้านครอบครัวของนายหวังบอกว่าเขารู้สึกสุขภาพดีขึ้นมาก ทั้งกินอาหารและดื่มเครื่องดื่มได้มากกว่าที่เคย นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าครอบครัวของนายหวังนั้นมีความผิดปกติทางร่างกายอยู่แล้ว ทั้งคุณพ่อที่มีนิ้วก้อยเล็กผิดปกติทั้งสองข้าง และน้องสาวของนายหวังเองก็มีชิ้นเนื้อเล็กๆ งอกออกมาจากโคนนิ้วก้อย นี่อาจเป็นไปได้ว่ามันคือการส่งต่อของความผิดปกติทางพันธุกรรรมจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง ถ้าจู่ๆ มีอวัยวะชิ้นใหม่งอกออกมาจากร่างกายของเรา คงจะเป็นอะไรที่สยองมากเลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist , gzdsw
-
แชร์คลิปหนุ่มจีน ‘ตบสาว ยัดใส่ท้ายรถ’ กลางปั๊มน้ำมัน คนมุงเยอะ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ด้วย…
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของชายหนุ่มวัยกลางคนรายหนึ่ง ขณะที่กำลังตบตีหญิงสาวที่อยู่ในกระโปรงท้ายรถเก๋ง แม้จะมีคนยืนดูอยู่หลายคนก็ไม่ทำให้เจ้าตัวหยุดการกระทำสุดโหดร้ายได้เลย ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน โดยชายหนุ่มเชื่อว่าหญิงสาวได้นอกใจตนเอง จึงได้ลงมือทำร้ายเธอกลางปั๊มน้ำมัน แม้จะมีคนในบริเวณนั้นตะโกนว่า “อย่าตีเธอ” แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ฟัง แม้ชายหนุ่มจะไม่หยุดลงมือกับเธอ แต่ก็ไม่มีใครเข้าไปห้ามปรามใดๆ จนสุดท้ายชายหนุ่มได้ผลักหญิงสาวลงไปในกระโปรงท้ายรถและปิดล็อคไม่ให้เธอออกมาได้ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากปั๊มน้ำมันหน้าตาเฉย รองกรรมการจากสำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะของมณฑลเหอเป่ย ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ว่าหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นคลิปดังกล่าว พวกเขาก็ออกสืบสวนเรื่องนี้ทันที ภายหลังพวกเขาพบตัวหญิงสาวในเมืองฉางโจว เธอยืนยันว่าชายหนุ่มที่ปรากฏในคลิปนั้นเป็นสามีของเธอ แต่ไม่ได้รับบาดแผลจากการทำร้ายร่างกายในครั้งนั้น และแทนที่จะแจ้งดำเนินคดีกับสามี เธอกลับนิ่งเฉยและยังบอกอีกว่าเธอพยายามจะแกไขความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีน ก็มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้จากชาวเน็ตในจีนผุดขึ้นมามากมาย เช่น “ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ได้ความเคารพเลยในประเทศจีน ผู้ชายคนนั้นตบเธออย่างแรงมาก แม้เธอจะมีภรรยาของเขาแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำแบบนั้น” “ทำไมพวกเขามีเวลามาถ่ายวิดีโอ แต่ไม่มีเวลาที่จะไปหยุดผู้ชายคนนั้นหรือโทรศัพท์หาตำรวจล่ะ? ใครก็ตามที่ถ่านคลิปนี้มันช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน” “มันน่ากลัวมาก ไม่มีใครแสดงตัวที่จะปกป้องเธอเลยเหรอ?? ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้กดที่นี่นะ) This video showing a woman being slapped and stuffed inside the…
-
หนุ่มจีนชอบ ‘เครื่องบิน’ ตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่ได้เรียนโดยตรง แต่ศึกษาและสร้างมันได้ในที่สุด!!!
ชาวจีนถือได้ว่าเป็นชนชาติหนึ่งที่มีความมุมานะมากที่สุดชาติหนึ่งเลยก็ว่าได้ อย่างเช่นที่เรามักจะได้เห็นชาวจีนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอะไรหลายๆ อย่าง หรือเป็นคนดังมีชื่อเสียงในต่างประเทศก็มีให้เห็นมาแล้วมากมาย และหากพวกเขาอยากจะมีเครื่องบินเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องไปเสียงเงินเป็นล้านล่ะ? พวกเขาก็สามารถประดิษฐ์ขึ้นมาได้เองเช่นกัน วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับหนุ่มจีนคนหนึ่งที่ชื่อว่านายเซี๊ยะ บาวกัง ผู้ชื่นชอบเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ นายเซี๊ยะอาศัยอยู่ในเมืองเฮงชุ่ย มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน ในตอนที่ยังเป็นเด็ก เขาฝันมาตลอดว่าจะได้ออกบินไปพร้อมกับเครื่องบิน แต่เมื่อเขาอายุได้ 18 ปี ด้วยความจำเป็นในชีวิต เขาไม่ได้เรียนต่อในสาขาที่เขาใฝ่ฝัน จึงก็เริ่มหันหน้าเขาสู่วงการธุรกิจและเปิดร้านขายของเป็นของตัวเอง หลายคนคิดว่า ฝันเรื่องการสร้างเครื่องบินถูกทิ้งลงถังขยะไปแล้ว… แต่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนาน เขาก็ไม่เคยลืมความฝันในวัยเด็กของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจทิ้งธุรกิจของตัวเอง แล้วอุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการศึกษาเรื่องการบิน การประกอบเครื่องบิน และอีกหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการบิน จนในปี 2009 นายเซี๊ยะก็ได้สร้างเครื่องบินประกอบด้วยตัวของเขาเอง และนำมันออกทดสอบ แต่ปรากฏว่าเจ้าเครื่องบินนั่นยังไม่สมบูรณ์ดีพอ ทำให้ไม่สามารถขึ้นบินได้แบบที่เขาตั้งใจไว้ แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม จึงได้ศึกษาการประกอบเครื่องบินไปเรื่อยๆ ลำที่ 2 ที่ 3 และอีกมากมาย จนเมื่อเดือนที่ผ่านมา เขาได้ออกแบบเครื่องบิน (ซึ่งน่าจะเรียกว่าเฮลิคอปเตอร์มากกว่า) และประกอบมันเองเป็นลำที่ 8 (ที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้) ปรากฏว่ามันสามารถนำขึ้นบินได้จริงๆ มันสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบินได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรเลยทีเดียว แม้การประดิษฐ์เครื่องบินจะดูไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ต้องบอกเลยว่าการจะทำให้มันสมบูรณ์จนบินได้นั้น ต้องได้รับการออกแบบที่ถูกหลักวิศวกรรมด้วย เพราะอย่างชายคนนี้เองก็พยายามจะสร้างเครื่องบินเช่นกัน…
-
นักท่องเที่ยวจีน ยกเท้าใช้งานกับ ‘เครื่องเป่ามือ’ หลังฝนตกหนักที่ Shanghai Disneyland
ก็ต้องขอถอนหายใจกันยาวๆ สักหน่อยก่อนที่จะเข้าเรื่องในวันนี้… หลายคนก็คงพอจะรู้แล้วว่าประเทศจีน ถือเป็นประเทศที่มีเรื่องราวแปลกๆ และเรื่องราวชวนอึ้งออกมาให้ชาวโลกได้รู้ได้เห็นกันอย่างไม่ขาดสาย และล่าสุดบรรดานักท่องเที่ยวชาวจีน ก็ได้สร้างชื่อเสียงในการแสดงพฤติกรรมชวนเอือมระอากันอีกเช่นเคย ซึ่งคราวนี้เหตุการณ์ได้เกิดขึ้น ณ Shanghai Disneyland สถานที่ท่องเที่ยวสุดอลังการแห่งใหม่ของประเทศจีน ที่ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ แต่บรรดานักท่องเที่ยวจีนก็พากันยกขบวนไปสร้างวีรกรรมสุดแสบกันซะแล้ว โดยเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันที่ 3 มิถุนายน 2559 เป็นวันที่ทาง Shanghai Disneyland ได้เปิดให้บริการตามปกติ หลังจากที่เพิ่งเปิดไปได้เพียง 10 วัน ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกอย่างหนัก ดังนั้นจึงทำให้บรรดานักท่องเที่ยวตัวเปียก ดังนั้นพวกเขาจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ตัวแห้ง โดยการพากันเข้าไปในห้องน้ำและได้ทำในสิ่งที่หลายคนถึงกับอึ้งนั่นก็คือ พวกเขาได้ยกเท้าของตัวเองขึ้นมา แล้วเป่าให้แห้งกับเครื่องเป่ามือ ซึ่งหลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล ชาวเน็ตจีนต่างก็พากันเข้ามาแสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย เช่น เป็นพฤติกรรมที่สร้างความอับอายให้กับประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก็เคยมีกระแสข่าวพฤติกรรมสุดเอือมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ได้สร้างความสกปรกไปทั่ว Shanghai Disneyland…
-
จีนทำที่จอดรถกว้างพิเศษให้ ‘หญิงสาว’ ใช้บริการ ชาวเน็ตชี้เป็นที่จอด “เหยียดเพศ”
ตามห้างสรรพสินค้าใหม่ๆ เริ่มจะมีที่จอดรถสำหรับผู้หญิงไว้คอยบริการ นั่นก็เพื่อคอยให้บริการให้สาวๆ โดยทางห้างจะมีข้อกำหนดว่ารถคันนั้นจะต้องมีผู้หญิงเป็นคนขับมาจอด อาจจะขับมาคนเดียวหรือมีผู้โดยสารก็ได้ (แต่ควรจะเป็นผู้หญิง) หรือหากเป็นเด็กชายก็ควรจะมีอายุไม่เกิน 12 ปี ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเพิ่มการดูแลสอดส่องให้กับสาวๆ ให้รู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และล่าสุดที่ประเทศจีนก็เริ่มทำที่จอดรถแบบนี้แล้วเหมือนกัน แต่จุดประสงค์อาจจะแตกต่างไปสักเล็กน้อย เพราะที่นั่นเขามีไว้สำหรับหญิงสาวที่ขับรถไม่คล่องและไม่ถนัดในการเข้าเกียร์ถอยนั่นเอง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้ทำที่จอดรถสำหรับหญิงสาว ที่มีขนาดความกว้างกว่า 1.5 เท่าของช่องจอดรถขนาดปกติ โดยทาสีบนพื้นเป็นสีชมพูพร้อมกับสัญลักษณ์ผู้หญิง เพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่ายๆ ทางผู้จัดการของปั๊มน้ำมันกล่าวว่าที่จอดรถนี้มีไว้สำหรับหญิงสาวที่ขับรถไม่คล่อง ตอนนี้มีการจัดทำขึ้นมาเพียง 8 ช่องจากพื้นทั้งหมด 370 ช่อง แต่หากการทำที่จอดรถแบบนี้ไปได้สวยพวกเขาก็จะทำมันเพิ่มขึ้นไปอีก จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หลายคนเข้าใจไปว่า หรือนี่จะเป็นเพราะหญิงสาวชาวจีนขับรถได้แย่มากจนต้องเพิ่มขนาดของที่จอดรถเลยหรือ? โครงการทั้งหมดนี้ถูกชาวเน็ตในจีนวิพากษ์วิจารณ์กันไปว่ามันดูเหมือนเป็นการเหยียดเพศไม่มีผิด ความเห็นในโลกออนไลน์พากันวิจารณ์เกี่ยวกับที่จอดรถของหญิงสาวไปหลากหลายมาก อย่างเช่น @潘大官人啊 “พวกปกป้องสิทธิสตรีอยู่ที่ไหนกันหมด? นี่มันคือการเลือกปฏิบัติทางเพศชัดๆ” @一生顽主 “ถ้าพวกคุณจะเลือกปฏิบัติกันขนาดนี้ ทำไมเราไม่หาที่จอดกว้างๆ มาให้พวกเขาจอดตั้งแต่ตอนสอบใบขับขี่เลยล่ะงั้น?” แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางความเห็นพยายามแย้งว่านี่ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ เป็นเพียงข้อเสนอที่จะทำตามหรือไม่ก็ได้ อย่างเช่น @吖兴快跑 “พวกเขาไม่ได้บอกให้ผู้หญิงไปจอดรถตรงนั้น พวกเขาแค่ยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงที่จอดรถไม่เก่งเท่านั้น…
-
เดี๋ยวนี้ใครใช้ดอกไม้!? หนุ่มจีนขน ‘ช่อธนบัตร’ เซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาว คนให้กำลังใจเพียบ
‘ดอกไม้’ เป็นสื่อแทนใจที่สามารถใช้มอบเพื่อบอกแทนความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เช่น การที่ผู้ชายมอบดอกไม้ให้กับผู้หญิงนั้นเป็นการแสดงความรู้สึกรักที่มีให้กัน หรือการมอบช่อดอกไม้ตามงานต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการนำวัสดุต่างๆ มาทำเป็นดอกไม้ อย่างเช่น กระดาษ หรือแม้แต่เงินก็ตาม ซึ่งก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้ เว็บไซต์ Shanghaiist ได้ระบุว่ามีหนุ่มนักศึกษาชาวจีนรายหนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัยครูหนานชาง เขาได้คบหากับแฟนสาวคนหนึ่งมานานพอสมควรแล้ว จึงคิดที่จะขอเธอแต่งงาน เขาก็เลยผุดไอเดียสุดบรรเจิดด้วยการประดิษฐ์ดอกไม้ช่อใหญ่ไปคุกเข่าขอเธอแต่งงานท่ามกลางฝูงชน แต่!!! มันไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดาๆ น่ะสิ เพราะดอกไม้ที่เขานำไปมอบให้กับเธอนั้นทำมาจากเงินมูลค่ากว่า 27,000 บาทเลยทีเดียว ฝ่ายแฟนสาวก็เซย์เย้สรับช่อธนบัตรและตกลงปลงใจแต่งงานกับเขา แหม่ ถือว่าเป็นไอเดียขอแต่งงานที่เจ๋งสุดๆ อีกวิธีหนึ่งเลยนะเนี่ย เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความรักแล้ว… ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายหญิงถึงความมั่นคงและความพร้อมที่จะดูแลเธออีกด้วย ที่มา : shanghaiist
-
นวัตกรรมใหม่จากจีน “หุ่นจอดรถ”!? หมดปัญหาวนหาที่จอดไม่ได้!!
หลายครั้งหลายคราที่เหล่านักช็อปมักจะต้องเสียเวลาไปกับการวนรถในห้างสรรพสินค้าเพื่อหาที่จอดรถเหมาะๆ จนสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ จนบางครั้งบางคนเลือกที่จะจอดรถซ้อนคัน ทำให้รถที่จอดอยู่ก่อนแล้วเข้าออกลำบาก แต่ปัญหาเหล่านั้นกำลังจะหมดไปในเร็ววันนี้ล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้บริษัท ยี่เฟิง จากเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Automated Car Parking (ที่จอดรถอัตโนมัติ) เป็นหุ่นยนต์ที่จะช่วยให้คุณสามารถหาที่จอดรถได้อย่างสะดวกสบาย โดยหลักการทำงานของหุ่นยนต์ที่จอดรถก็คือ มันจะทำงานหลังจากที่ผู้ใช้เสียบการ์ดและกดปุ่มล็อครถเข้ากับหุ่นยนต์ที่จอดรถ จากนั้นหุ่นยนต์ก็จะนำรถของคุณไปจอดในซองที่ว่าง และเมื่อคุณกลับมาที่ลานจอดรถ เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็จะนำรถของคุณมาส่งให้ถึงที่ ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาทีเลยด้วย . ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า อัจฉริยะ++บริษัทยี่ เฟิง เทคโลโนยี ในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการทดสอบใช้หุ่นจอดรถ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอาคารจอดรถที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก โดยหุ่นยนต์ที่เป็นแผ่นรองรับรถยนต์จะนำรถไปจอดหลังจากที่ผู้ใช้รเสียบการ์ดและกดปุ่มล็อคตัวรถเข้ากับแท่นจอด และหุ่นยนต์จะนำมารถส่งคืนหลังจากที่ได้รับคำสั่งภายใน 2 นาที คาดสามารถเปิดให้ใช้งานจริงได้ในเดือนตุลาคมนี้ #ข่าวต่างประเทศช่อง8 โพสต์โดย ข่าวช่อง8 บน 26 พฤษภาคม 2016 ทั้งนี้ทางผู้ผลิตคาดการณ์กันว่าจะเริ่มใช้งานเจ้าหุ่นยนต์จอดรถอัตโนมัติจริงๆ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ล่ะ หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จและเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่พวกเราได้นะ ที่มา ข่าวช่อง8
-
สาวจีนระดมทุนค่ารักษาโรคมะเร็งให้น้องสาว โดยการยืนเป็นเป้าให้ทุกคนยิงธนูใส่เธอ!?
บางครั้งเรื่องจริงมันก็น่าเศร้ายิ่งกว่านิยายซะอีกแหนะ… เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวในประเทศจีนได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนได้ออกมายืนกลางถนนในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้ยื่นข้อเสนอให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมายิงธนูโดยมีตัวเธอเป็นเป็นเป้า เพื่อแลกกับเงินเพียง 10 หยวนต่อการปา 1 ครั้ง!? แต่หลังจากที่ยืนอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารวบตัวเธอและนำไปสอบสวนที่สถานี จึงได้ความว่าที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะเธอพยายามจะระดมทุนเพื่อนำเงินไปรักษา Ji Jiayan น้องสาวของเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน น้องสาวของเธอนั้นต้องเข้ารับการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ครั้งหนึ่ง Jiayan เคยพยายามจะหนีออกจากบ้าน โดยทิ้งกระดาษข้อความไว้ให้กับแม่ของเธอ ในเนื้อหาเป็นการแสดงความเสียใจที่เธอไม่สามารถอยู่ดูแลแม่ของเธอได้เมื่อแก่ตัวไป แต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะเธอคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา ทั้งนี้อาการป่วยไข้ของ Jiayan จำเป็นจะต้องใช้เงินในการรักษาสูงถึง 5 แสนหยวน หรือประมาณ 2,700,000 บาท เลยทีเดียว หลังจากเรื่องนี้เป็นประเด็นดัง ทางครอบครัวได้ทำการระดมทุนผ่านโลกออนไลน์และได้เงินค่ารักษามามากพอจนพี่สาวของเธอไม่ต้องไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีกแล้วล่ะ เมื่อถึงคราวจนตรอก สถานการณ์มันก็บีบบังคับให้คนทำได้ถึงขนาดนี้เลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
อาเมซิ่งเจงๆ!! ปรากฏการณ์ ‘สายรุ้ง 2 เส้น’ ความงามทางธรรมชาติ ที่ได้มีให้เห็นทุกวัน…
แม้ว่าประเทศจีนจะมีเรื่องแปลกๆ (ด้านลบ) มาให้เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ประเทศเดียวกันนี้ก็ชอบมีเรื่องน่าประหลาดใจมากให้เราตื่นตาตื่นใจตลอด อย่างล่าสุดมีชาวเมืองในกรุงปักกิ่งกว่าค่อนเมืองพบเห็นสายรุ้ง 2 เส้นพาดผ่านอยู่บนท้องฟ้า ทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์สุดอัศจรรย์ทีเดียว เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเกิดภาพสายรุ้งซ้อนกัน 2 เส้น ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ก่อเกิดภาพสวยงามคล้ายกับในหนังแฟนตาซี ตามรายงานบอกว่าหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวเมืองจำนวนมากพากันถ่ายภาพสายรุ้งและโพสต์ลงไปในเครือข่ายสังคมออนไลน์เต็มไปหมด ทั้งนี้การเกิดปรากฏการณ์สายรุ้งนั้นเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีฝนหยุดตกหมาดๆ โดยแสงจากดวงอาทิตย์จะตกลงมากระทบกับละอองน้ำในอากาศ ทำให้เกิดการหักเหของแสงและกลายเป็นแถบแสงสีต่างๆ อยู่บนท้องฟ้า ซึ่งปรากฏการณ์สายรุ้ง 2 เส้นแบบนี้จะเกิดจากการสะท้อนแสงซ้ำภายในเม็ดฝน จนเกิดเป็นสายรุ้งอีกเส้นที่มีสีซีดกว่าเส้นหลัก อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำ 2 เส้นแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ในไทยเราก็เกิดขึ้นอยู่หลายครั้งนะ แต่ชาวบ้านบางส่วนมักจะมองว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติซะมากกว่า …
-
เฟลซะยิ่งกว่าเฟล!! หนุ่มลงทุน ‘กระโดดร่ม’ ขอสาวแต่งงาน แต่ดันไปติดบนต้นไม้ แถมยังโดนปฏิเสธอีก
เมื่อกล่าวถึง ‘การแต่งงาน’ หลายๆ คนก็อยากทำให้เป็นโมเม้นต์ที่พิเศษ เพราะกว่าจะคบกันมาถึงจุดนี้จะให้ทำเป็นเรื่องธรรมดาๆ ได้ยังไงกันล่ะเนอะ วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวของชายหนุ่มที่ทำการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาวด้วยการกระโดดร่ม แต่อนิจจาตอนจบกลับไม่สวยงามอย่างที่คิด เว็บไซต์ Shaghaiist ได้บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มชาวมณฑลหูเป่ย์ประเทศจีน ได้ทำการเซอร์ไพรส์ขอแฟนสาวแต่งงานด้วยการกระโดดร่มลงมาจากฟ้าโดยที่ใต้ร่มนั้นเขียนด้วยคำว่า “โกฮองกยุน(ชื่อของแฟนสาว) แต่งงานกันนะ” โดยตามแผนที่วางไว้ก็คือกระโดดร่มลงมาและหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว จากนั้นก็คุกเข่าขอเธอแต่งงาน โอ้โห อะไรจะโรแมนติกขนาดนั้น แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน ธรรมชาติช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย เพราะบริเวณนั้นมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางอยู่ ก็เลยทำให้ชายหนุ่มและร่มไปติดแหง็กอยู่บนต้นไม้ซะได้ ทำให้เดือดร้อนไปถึงบรรดานักผจญเพลิงทั้งหลายที่ต้องมาช่วยลงไป . อาจจะผิดแผนไปนิดหน่อย แต่เขาก็ยังเลือกที่จะดำเนินภารกิจหัวใจให้เสร็จสิ้น หลังจากที่ลงมาได้แล้วชายหนุ่มก็เดินตรงดิ่งไปหาแฟนสาวพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ เขาคุกเข่าลงและเอ่ยปากขอเธอแต่งงาน แต่โชคร้ายที่แฟนสาวของเขากลับปฏิเสธและหันหลังเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย… ก็อย่างว่าแหละนะ บางครั้งความรักมันก็อาจจะจบลงแบบไม่สวยงามเสมอไปหรอก แต่ชายหนุ่มเค้าอุตส่าห์ลงทุนให้ขนาดนี้แล้วฝ่ายสาวยังปฏิเสธเนี่ยอาจจะไม่ใช่เพราะอับอายที่การขอแต่งงานดันมาเฟลหรอก แต่อย่างไรก็ตามก็ขอให้พี่ชายสู้ต่อไปนะ #เหมียวหง่าว เชื่อว่าสักวันหนึ่งต้องเจอคนที่พร้อมจะตอบรับคำขอแต่งงานของพี่แน่นอน (ถึงตอนนั้นก็ซ้อมซะก่อนล่ะ จะได้ไม่เฟลแบบนี้ ฮร่า) ที่มา : Shanghaiist
-
หน่วยสวาทของจีนทำลายสถิติ ทำท่า “แพลงกิ้ง” ได้นานกว่า 8 ชั่วโมง (บ้าไปแล้ว!!!)
#เหมียวฟิ้นเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินการทำท่าแพลงกิ้งมาบ้างล่ะนะ ไอ้การทำท่าแพลงกิ้งที่ว่านี้ก็คือการลงไปนอนแล้วใช้ข้อศอกยันกับพื้นไว้ ทำให้เกิดการเกร็งที่แขนและหน้าท้อง จะว่าไปแล้วมันก็คือท่าออกกำลังกายที่ดีท่าหนึ่งเลย หากทำในระยะเวลาสั้นๆ แต่คงจะทรมานน่าดูหากต้องทำท่านี้เป็นชั่วโมงๆ!? เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ามีการจัดการแข่งขันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เพื่อประลองความแข็งแกร่งระหว่างหน่วยสวาทของจีนกับทหารเรือสหรัฐฯ โดยการทำท่าแพลงกิ้งได้นานที่สุด โดยตัวแทนของฝั่งหน่วยสวาทจีนได้แก่นาย Mao Weidong และฝั่งทหารเรือได้แก่ George Hood เมื่อการแข่งขันดำเนินไปถึงชั่วโมงที่ 7 นาย George เริ่มแสดงอาการล้าให้เห็น และขอหยุดการแข่งขัน โดยเขาสามารถทำเวลาไปได้ 7 ชั่วโมง 40 นาที แต่นาย Mao ไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขายังคงมุ่งมั่นทำท่าแพลงกิ้งต่อไป สุดท้ายเขาก็สามารถทำเวลาไปได้ถึง 8 ชั่วโมง 1 นาที 1 วินาที (บ้าไปแล้ว) ซึ่งทำลายสถิติปีก่อนหน้านี้ที่ 4 ชั่วโมง 26 นาทีลงได้อย่างราบคาบ . . . …
-
พาทัวร์ “หุบเขาแอปริคอท” หุบเขาสีชมพูในประเทศจีนที่สวยงามหาได้ยากยิ่ง
ขึ้นชื่อว่าประเทศจีน แม้ว่าจะมีข่าวเสียๆ หายๆ ของผู้คนมาให้เราเห็นแบบรายวัน (นั่นก็เพราะว่าบ้านเมืองของพวกเขาเต็มไปด้วยผู้คนที่หลากหลายและยากต่อการควบคุม) แต่ที่นั่นก็ยังมีภูมิประเทศสวยๆ งามๆ รอให้นักเดินทางไปสัมผัสอยู่อีกไม่น้อยเลยนะ วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ เดินทางไปยังทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ในมณฑลซินเจียง พื้นที่ที่อยู่ห่างไกลตัวเมือง ที่นั่นเป็นที่ตั้งของหุบเขาแอปริคอทที่ปลูกเต็มภูเขา จนเมื่อดอกของมันเบ่งบานทำให้เกิดเป็นภาพสุดวิจิตรราวกับในเทพนิยายก็ว่าได้ เว็บไซต์ Boredpanda ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตการปกครองเต้อเจียน ติดกับชายแดนของคาซัคสถาน หุบเขาแอปริคอทแห่งนี้มีมานานหลายปีแล้ว มันดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปชมภูเขาสีชมภูด้วยตาของพวกเขาเอง หากคุณได้เห็นภาพเหล่านี้แล้วอยากจะขอเดินทางไปชมด้วยตัวเองล่ะก็ เหมียวฟิ้นจะบอกให้ว่าดอกไม้เหล่านี้จะผลิบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายนไปจนถึงช่วงปลายเดือนกันยายน รู้งี้แล้วก็รีบจองตั๋วเครื่องบินแล้วแพ็คกระเป๋ารอเลยดีไหมล่ะ? . . . . . . . . . โห!! ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยนะเนี๊ยะ ที่มา boredpanda
-
สาวจีนออกมาชูป้าย ‘ต้องการสามี’ หลังป่วยเป็นมะเร็ง โดนผัวทิ้งพร้อมหอบลูกและเงินก้อนสุดท้ายไปด้วย
ขอบอกเลยว่าเรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้มันดราม่าซะยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีก เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่แทนที่สามีจะอยู่เป็นกำลังใจและสู้ไปพร้อมๆ กัน กลับทิ้งเธอไปดื้อๆ ซะงั้น!? เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาง Ding Zhen วัย 28 ปี จากมณฑลซานตง ประเทศจีน หญิงสาวผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวและต้องเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นก็คือ สามีของเธอได้ทิ้งเธอไปแถมยังกระเตงลูกชายของเธอพร้อมกับหอบเงินทั้งหมดที่มีไปด้วย สาเหตุที่สามีของเธอทำแบบนี้ก็เพราะคิดว่าการรักษาโรคมะเร็งต้องใช้เงินอีกมาก จึงเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยการหนีไปคนเดียว เมื่อนาง Ding ทราบเรื่องก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะโรคร้ายคงไม่รอให้เธอตามสามีเจอ เธอจึงแต่งชุดเจ้าสาวออกมายืนกลางถนนแล้วชูป้ายตามหาสามีที่หายไป หวังให้กลายเป็นที่สนใจของคนที่ผ่านไปผ่านมาและช่วยเธอตามหาสามีของเธอ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าสามีของเธอพยายามจะขอหย่ากับเธอถึง 3 ครั้ง หลังจากที่รู้ว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง “หลังจากที่ฉันป่วย สามีของฉันก็ไม่ได้ให้เงินฉันค่ารักษาพยาบาลฉันเลย” เธอกล่าว นอกจากนี้สามีของเธอยังเอาเงินก้อนสุดท้ายของครอบครัว จำนวน 15,000 หยวน หรือประมาณ 83,730 บาท ไปด้วย ทำให้ตอนนี้เธอมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและค่ารักษามาก เธอหวังแค่ว่าจะได้เจอกับลูกชายตัวน้อยของเธออีกครั้ง เพราะเขาเปรียบเสมือนพลังที่ทำให้เธออยากต่อสู้กับโรคนี้ต่อไป ขอให้เจอสามีและลูกเร็วๆ…
-
ใครอยากไปเที่ยวจีนต้องอ่าน!! ชมการรีวิวอาหารจีนที่เข้าใจง่ายและกวนโอ๊ยที่สุดในปฐพี!!
หากในเร็วๆ นี้คุณมีคิวที่จะต้องเดินทางไปยังประเทศจีน ไม่ว่าจะไปทำธุรกิจ ไปเที่ยว ไปศึกษาต่อ หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วกังวลว่าคุณอาจจะกินอาหารที่นั่นไม่ได้แล้วล่ะก็ ลองมาดูรีวิวอาหารเหล่านี้หน่อย น่าจะพอช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะ ล่าสุด #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอกับการรีวิวสุดฮา (และกวนบาทา) จากผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า สมหมาย นอนหงายหลัง (แค่ชื่อก็กินขาดแล้ว) เขาได้เดินทางไปยังมณฑลเสฉวน ประเทศจีน แล้วถ่ายภาพอาหารมากว่า 29 เมนู แล้วมาเขียนรีวิวแบบเข้าใจง๊ายง่าย… . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . อ่านไปก็ขำไป อะไรมันจะแย่ปานนั้น 555+…
-
หนูน้อยแฝด 3 ชาวจีนออกเดินทางไปทั่วจีน แจกใบปลิวตามหาแม่ที่ทอดทิ้งพวกเขา
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รางานว่า เด็กน้อยแฝด 3 ชาวจีนวัย 5 ขวบ ได้ออกเดินทางไปทั่วประเทศจีนเพื่อแจกใบปลิวตามหาแม่บังเกิดเกล้าที่ทอดทิ้งพวกเขาตั้งแต่ยังเล็ก ตามรายงานบอกว่าเด็กๆ ทั้ง 3 คนถูกพบเห็นที่บริเวณ ข้างถนนในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน กำลังยืนแจกใบปลิวตามหานาง ฮัน ซินหัว แม่วัย 27 ปีของพวกเขา ที่ทิ้งพวกเขาไปแบบไม่ทราบสาเหตุ พร้อมทั้งกระเตงลูกสาวคนเล็กวัย 2 ขวบที่ชื่อหานไปด้วยอีก 1 คน มีรายงานเพิ่มเติมว่าเด็กทั้ง 3 คนนี้เป็นลูกของนางฮันกับนายหวง วันหนึ่งนางฮันได้ทิ้งนายหวงไปและแต่งงานกับแฟนคนใหม่และมีลูกสาวที่ชื่อหาน แต่ดูเหมือนว่าชีวิตคู่กับสามีคนใหม่จะไปไม่รุ่งเท่าไหร่ เธอจึงวกกลับมาหานายหวง แต่ก็หายไปอีกรอบ สุดท้ายนายหวงเกือบจะล้มเลิกการตามหานางฮันแล้ว แต่ดันไปได้ยินข่าวมาว่ามีคนพบเห็นนางฮันอยู่แถวเซินเจิ้น นายหวงเลยพาลูกๆ ทั้ง 3 มาออกตามหาแม่ของเขาที่นี่ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว และนี่คือหน้าตาคุณแม่ของเด็กๆ ล่ะ ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเด็กๆ ทั้ง 3…
-
อะเมซิ่ง!! ชาวจีนสร้างเรือดำน้ำทุนต่ำ ด้วยเงินเพียง 2 หมื่นกว่าบาท!?
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่ได้เป็นประเทศเจ้าแห่งไอเดียและการประดิษฐ์สิ่งแปลกๆ เหมือนกับญี่ปุ่น แต่พวกเขาก็สร้างข้าวของเครื่องใช้ได้เองแบบไม่น้อยหน้าใครเลย ล่าสุดเว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายหนุ่มจากมณฑลอันหุย ประเทศจีน ได้ประดิษฐ์เรือดำน้ำขึ้นมาใช้เอง ด้วยงบเพียง 5,000 หยวน หรือประมาณ 26,980 บาทเท่านั้น!? ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มรายนี้มีชื่อว่านายจาง เฉินวู เป็นชาวนาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาได้ใช้เงินประมาน 5,000 หยวนในการสร้างเรือดำน้ำ โดยเจ้าตัวบอกว่าใช้เวลาเพียงแค่ 2 เดือนก็สามารถสร้างได้แล้ว นายจางใช้เวลาเป็นชั่วโมงหลังเลิกงานตอนเย็นมานั่งต่อเรือดำน้ำ ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรือดำน้ำจริงๆ ที่มีขนาดประมาณ 2 ตัน และแล้วมันก็เสร็จสมบูรณ์และใช้งานได้จริงๆ นายจางบอกว่ามันสามารถดำลงไปในน้ำได้มากกว่า 1 เมตรเลยทีเดียว อยากรู้จริงๆ เลยว่ามันจะใช้การได้มากน้อยแค่ไหนนะเนี๊ยะ ถ้าอีกหน้าทำออกมาขายจริงคงจะเจ๋งไม่หยอกเลยทีเดียว ที่มา shanghaiist
-
สะเทือนอารมณ์ หนุ่มจีนผลักคนรักออกจากรถขณะมีไฟลุกไหม้ จนตัวเองถูกไฟคลอกตาย
กลายเป็นเรื่องราวที่ชวนให้สลดใจจริงๆ สำหรับความรักของชายหนุ่มที่มีให้กับหญิงสาว แม้วินาทีสุดท้ายของชีวิตก็เลือกที่จะปกป้องคนรักมากกว่าตนเอง… เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้รายงานว่าคู่สามีภรรยาได้ขับรถมาตามทางในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู ประเทศจีน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนเข้ากับรถอีกคันหนึ่งกลางถนน ทำให้รถของเขาเสียหายหนักและเกิดเพลิงลุกไหม้ในทันที ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นบอกว่าชายหนุ่มที่น่าจะมีอายุราวๆ 50 ปี ได้พยายามช่วยผลักหญิงสาวออกไปจากตัวรถ ในขณะที่เขายังติดอยู่ด้านในเนื่องจากเก้าอี้กที่เขานั่งได้รับความเสียหายจนไม่สามารถออกมาได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะรีบมายังที่เกิดเหตุด้วยความเร็วแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของชายคนนี้ไว้ได้ทัน จากนั้นสำนักข่าวก็ได้นำภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนชาวเน็ตต่างสลดใจไปกับเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาและแสดงความคิดเห็นเข้ามามากมาย “นี่คือรักแท้ ขอให้ไปสู้สุขตินะเพื่อน” โดย @Xiangjianhebiyouhenwan “ตอนนี้ผู้คนควรจะเห็นถึงความสำคัญของอุปกรณ์ดับเพลิงในรถได้แล้ว” โดย @Ershixiongyaodiaogan “ฉันหวังว่าเธอจะหายเศร้าโศก และใช้ชีวิตไปกับความรักที่สามีให้เธอมา” โดย @Zuoshouzhongdeyilian การซื้อถังดับเพลิงเล็กๆ ติดรถยนต์ไว้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะ เพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ เตรียมพร้อมไว้เป็นดีที่สุดนะ ที่มา CCTVNews
-
แหวกแนวไม่หยอก คู่รักชาวจีนชวนกันไปปีนเขา แต่จู่ๆ ฝ่ายชายเซอร์ไพรซ์ขอแต่งงานซะงั้น
การขอแต่งงานถือเป็นหนึ่งในความทรงจำที่น่าจดจำมาก ไม่ว่ามันจะออกมารูปแบบไหน หนุ่มสาวก็จะจดจำมันไปตลอดกาล และแม้ว่ามันจะออกดีหรือแย่ยังไงคุณก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันไม่ได้ ฉะนั้นจะทำทั้งทีต้องเอาให้เริ่ดไปเลย เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า คู่รักหนุ่มสาว ได้ชวนกันไปปีนเขาในอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังปีนขึ้นไปได้ครึ่งทางนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มก็หยิบเอาแหวนออกมาและขอเธอแต่งงานแบบเซอร์ไพรซ์สุดๆ จากนั้นชายหนุ่มก็ถามคำถามสุดคลาสสิกกับเธอว่าจะแต่งงานกับเขาไหม ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ยังห้องต่องแต่งอยู่ และหญิงสาวก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล แต่การขอแต่งงานนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากพวกเขามีตากล้องมืออาชีพคอยตามถ่ายภาพ แถมยังมีการเตรียมชุดเจ้าสาวขึ้นไปด้วย ฝ่ายหญิงสาวเองก็น่าจะพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าการขอแต่งงานนี้จะเกิดขึ้นโดยการเตี๊ยมกันมาก่อนหรือมาแบบเซอร์ไพรซ์ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าภาพถ่ายของพวกเขาสวยงามแตกต่างจากการขอแต่งงานทั่วๆ ไปจริงๆ จะขอแต่งงานให้แปลกแหวกแนวยังไงก็ดูเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
สยอง!! หนุ่มจีนป่วยมีเนื้องอกยักษ์ในช่องท้อง ใหญ่ยิ่งกว่าหญิงตั้งครรภ์!?
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมทีผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายชาวจีนวัย 33 ปีรายหนึ่ง ได้เข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทหารในมณฑลเฉินตู ประเทศจีน เนื่องจากมีหน้าท้องที่ขยายใหญ่ออกมา คล้ายกับหญิงตั้งครรภ์ เมื่อเห็นดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้ทำตรวจร่างกายอย่างละเอียดและพบว่าชายคนนี้มีก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่เจริญเติบโตอยู่ภายในช่องท้องของเขา แถมยังมีน้ำหนักมากถึง 15 กิโลกรัมเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่าชายชาวจีนรายนี้ได้สังเกตเห็นว่าหน้าท้องของเขาใหญ่ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2004 แต่ไม่ได้ไปพบแพทย์ในทันที และปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนเนื้องอกใหญ่ถึงขนาดนี้ ศัลยแพทย์ของทางโรงพยาบาลเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจพาเขาเข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลาทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว ทางทีมแพทย์จะต้องเฝ้าสังเกตอาการของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิดต่อไป หนุ่มๆ คนไหนที่มีหน้าท้องโตผิดปกติก็อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว ลองหาเวลาไปตรวจเช็คร่างกายและออกกำลังกายบ้างนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
มันไม่จริง!! ชมภาพสาวสวยคอสเพลย์สุดน่ารักจากจีน ที่แท้เป็นชายหนุ่มทั้งแท่ง!?
ทุกวันนี้เทรนด์การแต่งตัวคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนต่างๆ เริ่มได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้น และในช่วงหลังๆ มานี้ก็เริ่มมีการคอสเพลย์แนวใหม่จากญี่ปุ่น ที่เหล่าหนุ่มๆ หน้าใสจะแต่งตัวเป็นหญิงสาว หรือคอสเพลย์เป็นตัวการ์ตูนสาวๆ ล่าสุด#เหมียวฟิ้นไปเจอเข้ากับเฟซบุ๊กเพจของนักคอสเพลย์ชาวจีนรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า 豪歌 – Haoge ซึ่งเพจนี้มักจะลงรูปคอสเพลย์เป็นหญิงสาวผิวขาว หน้าตาน่ารัก มีแต่งชุดเมดบ้าง แต่งเลียนแบบตามแอนิเมะบ้าง หรือแม้แต่ถ่ายพอร์ทเทรตก็มี แต่ความพีคของสาวนักคอสเพลย์รายนี้มันอยู่ตรงที่…เธอไม่ใช่ผู้หญิง!! หากคุณไม่อยากจะเชื่อล่ะก็ ลองมาดูกันไปทีละรูปๆ เลย แต่งเป็นเซเบอร์จากการ์ตูนเรื่อง Fate Stay Night แต่งเป็นอาซึนะจากเรื่อง Sword Art Online แต่งเป็นเซเลอร์วีนัสจากการ์ตูน Sailor Moon มีออกงานแจกลายเซ็นเหมือนไอดอลทั่วๆ ไปด้วยนะ และนี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเธอ . . . . . . . . ทำใจแล้วก็ไปดูกันเลย!! ชายแท้ๆ เลยนะขอบอก!! มันช่างทำร้ายจิตใจกันซะเหลือเกิน ที่รู้ว่าเธอ…
-
น่ารักอะไรขนาดนี้? นักเรียนจีนโดนครูทำโทษให้เขียน Emoji กว่า 1 พันตัวลงกระดาษ
เชื่อว่าในสมัยเรียน แต่ละคนน่าจะมีวีรกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในโรงเรียนจนโดนคุณครูทำโทษด้วยวิธีต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่กับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีนกลับไม่ได้ใช้วิธีทั่วๆ ไปแบบที่เราเจอกัน เพราะพวกเขามีวิธีที่น่าร๊ากน่ารักไว้ใช้ลงโทษนักเรียนของพวกเขาล่ะ เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยวิธีการลงโทษนักศึกษาที่มาเรียนสายในมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ในมณฑลเฉิงตู ประเทศจีน ของศาสตราจารย์รายหนึ่ง ที่สั่งให้นักศึกษาไปวาดภาพอีโมจิ (สัญลักษณ์ที่แสดงอารมณ์ต่างๆ) ด้วยมือกว่า 1 พันภาพ!! ตามรายงานบอกว่านักศึกษารายนี้มาเข้าเรียนสาย ทำให้ผู้สอนต้องทำโทษ แต่แทนที่จะสั่งให้คัดลายมือ ทำการบ้านหรือหักคะแนน เขากลับสั่งให้นักศึกษาไปวาดภาพอีโมจิมาส่ง ซึ่งนักศึกษาก็สามารถวาดภาพทั้งหมดมาส่งได้ครบอย่างเหลือเชื่อเลย หลังจากนั้นไม่นานภาพวาดอีโมจิของเหล่านักศึกษาก็ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกอินเตอร์เน็ต ก็ทำให้ชาวจีนถึงกับฮาท้องแข็งเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันบางความเห็นกลับบอกว่านี่เป็นการลงโทษที่ไม่ถูกจุด ทำให้นักศึกษาเสียเวลาเปล่านั่นเอง ทีหลังอย่ามาเรียนสายอีกล่ะนักศึกษา ที่มา shanghaiist
-
อ้างว้างเหลือเกิน หมู่บ้านจีนสุดวังเวง เหลือผู้อยู่อาศัยเพียงคนเดียวมานานกว่า 10 ปี!?
หลายๆ คนมันจะเข้าใจไปว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่แออัด แถมยังมีประชากรอยู่หนาแน่นถึง 1.3 พันล้านคน แต่ใช่ว่ามันจะเป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะยังมีพื้นที่อีกมากที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นะ เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของหลิว เชงเจี๋ย ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน เฉินชานเชอ มณฑลกานซู ประเทศจีน แต่เนื่องจากเพื่อนบ้านของเขาได้ทยอยเสียชีวิตลงไปเรื่อยๆ และบางคนก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ทำให้เขากลายเป็นชาวบ้านเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ที่นี่ ตามรายงานบอกว่านายหลิวอาศัยอยู่คนเดียวที่หมู่บ้านแห่งนี้มานานกว่า 10 ปี ในขณะที่ชาวบ้านคนอื่นๆ ได้ย้ายออกไปกันจนหมด เนื่องจากมีทรัพยากรไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ต่อไปเพราะต้องดูแลแม่ที่แก่เฒ่าของเขา แต่แล้ววันหนึ่งแม่ของเขาก็จากไป ทำให้เขาต้องอยู่เพียงลำพังกับแกะอีก 2-3 ตัว นายหลิวบอกว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการให้อาหารแกะและออกไปตักน้ำกลับมาเก็บไว้ที่บ้าน หากเขาอยากจะออกไปซื้ออาหาร ที่นั่นก็มีร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร นายหลิวเลยพยายามอยู่อย่างพอเพียงเท่าที่จะทำได้ . . . ถ้า#เหมียวฟิ้นต้องอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใครเหลืออยู่เลย เราคงจะทนไม่ได้แหงๆ ที่มา shanghaiist
-
น่ากลัวมาก!! สื่อนอกรายงาน เด็กนักเรียนจีนถูกพายุหมุนพัดขึ้นไปในอากาศกว่า 4.5 เมตร!!
เคยเห็นพายุทอร์นาโดในหนังมาก็หลายเรื่อง แต่ไม่คิดว่าจะน่ากลัวได้ขนาดนี้เลยนะเนี๊ยะ!! เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาได้ มีพายุหมุนขนาดเล็กปรากฏขึ้นที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในมณฑลกานซู ประเทศจีน ทำให้ข้าวของของเด็กนักเรียนปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายกว่าที่คิด เพราะว่าพายุหมุนได้ทวีความรุนแรงจนทำให้เด็กนักเรียนคนหนึ่งปลิวขึ้นไปในอากาศกว่า 4.5 เมตร และตกลงมากระแทกกับพื้นด้านล่าง เมื่อเห็นดังนั้นเหล่าคุณครูก็รีบพาเจ้าตัวไปส่งยังโรงพยาบาลเป็นการด่วน โชคดีที่เมื่อตรวจสอบร่างกายแล้วพบว่าเจ้าตัวมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น ชมภาพเคลื่อนไหวของเจ้าพายุกันได้ที่ด้านล่างเลย น่าสยองมากเลยนะเนี๊ยะ เป็นภัยธรรมชาติที่เราต่อกรด้วยไม่ได้จริงๆ ที่มา shanghaiist
-
หนุ่มจีนก้มเก็บมือถือระหว่างขับรถ สุดท้ายพุ่งลงแม่น้ำข้างทาง ตกน้ำป๋อมแป๋ม
ไม่ว่าจะภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคไหนๆ ก็ออกมาพูดออกมาย้ำอยู่บ่อยๆ ว่าการเล่นมือถือขณะขับรถเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะมันทำให้คุณสนใจสิ่งที่อยู่ในมือมากกว่าสิ่งที่อยู่บนท้องถนน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ เลย ลองดูกรณีศึกษาจากข่าวที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองเหวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ประสบอุบัติเหตุขับรถตกลงไปในแม่น้ำ ขณะก้มเก็บมือถือที่ตกลงไปยังใต้เบาะ ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มคนนี้ได้ขับรถเลียบแม่น้ำมาเรื่อยๆ แต่ในระหว่างนั้นเจ้าตัวได้ทำมือถือตกลงไปยังด้านใต้เบาะคนขับ แต่แทนที่จะจอดเจ้าตัวกลับขับต่อไปเรื่อยๆ และก้มไปเก็บพร้อมๆ กัน ทำให้เขาเผลอไปเหยียบใส่คันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นรถยนต์ของเขาเสียหลักพุ่งลงไปในแม่น้ำทันที โชคดีที่เจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ทำให้เขาสามารถออกมาจากรถและขึ้นไปยืนตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่บนหลังคารถแบบที่เห็นในภาพ จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทราบเรื่องและนำรถเครนมาดึงรถของเขาขึ้นมาจากน้ำได้ในที่สุด การขับรถบนท้องถนนมันไม่เหมือนกับการขับรถในเกมนะ ที่จะได้ลุกไปเข้าห้องน้ำหรือหยิบของที่ตกระหว่างขับรถได้น่ะ ที่มา shanghaiist
-
หนุ่มชาวจีนโพสท์วิธีประดิษฐ์ ‘ฝักปัวอาบน้ำแฟนสาว’ แต่พอเสร็จแล้ว ไหงมันดูหลอนๆ ชอบกล!?
พวกเราจะรู้ๆ กันอยู่ว่าเหล่าคนจีนนั้นมักจะมีพฤติกรรมที่ออกจะแปลกๆ ออกมาให้พวกเราเห็นกันอยู่เป็นประจำ ยกตัวอย่างเช่น ชายแก้ผ้านอนใต้ท้องรถเพื่อง้อแฟน ไปกินร้านอาหารแล้วบอกว่าอาหารไม่อร่อยเพราะไม่อยากจ่ายเงิน เป็นต้น และวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวของชายชาวจีนคนหนึ่งที่ทำเรื่องแปลกๆ โดยการตกแต่งฝักบัวอาบน้ำให้กลายหุ่นผู้หญิงสุดหลอนมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน… เรื่องมีอยู่ว่าในเว็บไซต์ Weibo (เว็บโซเชียลมีเดียของจีนคล้ายๆ กับ Twiiter หรือ Facebook) หนุ่มชาวจีนคนหนึ่งได้โพสท์รูปภาพวิธีการสร้าง ‘Shower Girlfriend’ หรือ ฝักบัวอาบน้ำแฟนสาว ขึ้นมา จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลย… ก่อนอื่นเลยเจ้าของภาพเค้าก็โพสท์รูปภาพของฝักบัวอาบน้ำธรรมดาๆ และอุปกรณ์ที่จะใช้ในการประดิษฐ์ เมื่อพูดถึงแฟนสาวแล้ว เธอก็ต้องมีใบหน้าที่สวยสดงดงามสิเนอะ หมั่บ!!…ติดหน้ากากเข้าไป (เดี๋ยวนะ ตรูว่ามันดูหลอนๆ ชอบกลยังไงก็ไม่รู้แฮะ – -*) จากนั้นก็ไม่ลืมส่วนที่สำคัญที่สุดซึ่งก็คือ ‘หน้าอก’ นั่นเอง อยากได้ขนาดเท่าไหนก็เป่าเอาเลยจ้าา 555+ แถมเค้ายังเพิ่มความหลอนยิ่งขึ้นไปอีกด้วยลูกตา และวิกผม พอเสร็จแล้วขอบอกเลยว่านี่มันฝันร้ายชัดๆ น้องหนูๆ เปิดเข้าห้องน้ำมานี่มีร้องไห้กันมั่งล่ะ ดูเด่ะ พี่แกยังทำหน้าระรื่นอยู่อีกนะ เอ็งไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยจริงๆ เหรอะฟร๊ะ?…
-
แซ่บมาก!! คุณตาชาวจีนวัย 61 ฟิตร่างกายจนมีกล้ามบึ้ก ชาวเน็ตงง ทำได้ไง?
ใครว่าคนเราแก่แล้วแก่เลย? #เหมียวฟิ้นขอเถียงขาดใจ เพราะว่าหากเราดูแลตัวเองดีๆ แล้ว ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่คุณก็สามารถเป็นคนที่ดูดีได้เช่นกันนะ เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณตาที่มีชื่อว่า เหลียง ยู่เซี่ยง วัย 61 ปี จากมณฑลเฉินตู ประเทศจีน ผู้ที่ชื่นชอบการขับรถแรลลี่และแม้ว่าจะมีอายุปูนนี้แล้ว เขาก็ยังคงเรียกตัวเองว่าเป็น “นักแข่งที่อายุน้อยที่สุด” คุณตายู่เซี่ยงเคยขับรถแรลลี่ไปยังหลายพื้นที่มาแล้ว ทั้งกรุงโรม หรือรอบประเทศไต้หวัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจเขานอกเหนือจากอายุก็คือเรื่องของรูปร่างนี่แหละ เพราะคุณตาแกชอบออกกำลังกายมาก จนตอนนี้มีกล้ามขึ้นไปทุกสัดส่วน ทั้งไบเซ็ปไตรเซ็ป กล้ามท้องและหน้าอก ตอนนี้มีนิตยสารมาขอถ่ายภาพแฟชั่นของคุณตา ซึ่งตอนนี้มันก็ถูกเผยแพร่ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนอย่างแพร่หลาย จนเขากลายเป็นคนดังในเวลาไม่นาน ซึ่งคุณตาก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีชื่อเสียงในอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยนี้” นอกจากนี้คุณตายู่เซี่ยงยังได้เล่าว่าเขามีกิจกรรมยามว่างคือ ช็อปปิ้ง เขียนบล็อก ขับรถดริฟท์ แถมยังให้ข้อคิดดีๆ อีกว่า “คนแก่น่ะ ไม่ควรจะใช้เวลาหมดไปกับการดูแลหลานๆ และการเต้นรำหรอกนะ” เมื่อเราแก่ตัวไป เราจะยังมีไฟแบบคุณตาคนนี้ไหมนะ? ที่มา shanghaiist
-
วุ่นหนัก ฝาแฝดสาวแต่งงานกับฝาแฝดหนุ่ม แต่ดันจำผิดจำถูก จนต้องศัลยกรรมเพื่อแก้ปัญหา!?
นอกจากการเป็นคู่แฝดจะสามารถสร้างความสับสนงุนงงให้แก่ผู้คนรอบข้างได้ในระดังหนึ่งแล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้นหากคู่แฝดดันมาตกหลุมรักเข้ากับคู่แฝดอีกคู่เข้ามันคงจะสร้างความวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Thesun ได้เปิดเผยเรื่องราวของ หยุ่น เฟย และ หยุ่น หยาง ฝาแฝดชาวจีนวัย 22 ปี จากมณฑลส่านซี ประเทศจีน พวกเธอได้รู้จักกับคู่แฝดหนุ่ม จ้าว ซิน กับ จ้าว ซวน ผ่านการแนะนำของแม่สื่อ ทำให้ หยุ่น เฟย คบหากับ จ้าว ซิน และ หยุ่น หยาง คบกับ จ้าว ซวน หลังจากที่ทั้ง 4 เริ่มคบหากันได้ประมาณ 1 เดือน ทางด้านพ่อของฝ่ายชายก็เริ่มมีการแนะนำให้หมั้นหมายกับฝ่ายหญิงและจัดงานแต่งในที่สุด แต่เนื่องจากทั้ง 2 คู่มีใบหน้าที่เหมือนกันมาก ทำให้การแยกแยะว่าใครเป็นใครทำได้ยากพอสมควร แต่ปรากฏว่าหลังจากที่เสร็จพิธีแล้วหนึ่งในเจ้าบ่าวกลับจูงมือเจ้าสาวผิดคนซะงั้น แถมตอนที่ทั้ง 4 ไปฮันนีมูนด้วยกัน หยุ่น หยาง ยังไปคุยเล่นกับ จ้าว ซิน ที่เป็นพี่เขย เพราะคิดว่าเขาคือ จ้าว ซวน…
-
ไม่เนียน!! หนุ่มจีนแก้ผ้าแกล้งล้มให้โดนรถชน ตำรวจเผยเคยทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 12 เมษายน เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายหนุ่มในเมืองเว่นหลิง มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ได้ถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อน และแกล้งนอนอยู่หน้ารถเมอร์ซิเดซเบ๊นซ์คันหนึ่งเพื่อทำทีว่าตนเองถูกรถชน!? ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มได้ขี่จักรยานไปตามท้องถนนด้วยสภาพเปลือยเปล่า และล้มลงตรงหน้ารถยนต์ด้วยความรวดเร็ว จากนั้นเจ้าตัวก็เหยียดตัวและนอนลงบนพื้นยางมะตอยแบบสบายใจ โชคดีที่เจ้าของรถเมอร์ซิเดซสามารถเบรคไว้ได้ทัน ทำให้ชายหนุ่มไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เจ้าของรถจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มารับตัวชายคนนี้ไปสอบสวน จึงทราบว่าชายคนนี้มาจากมณฑลเหอหนาน วัย 31 ปี และเคยทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แถมยังเคยเข้าไปนอนในห้องขังมาแล้วด้วย แหม่ จะทำอะไรก็ให้มันเนียนๆ หน่อยซิพ่อหนุ่ม 555+ ที่มา shanghaiist
-
ขอร้องละครับ!! ยามห้างเมืองจีนลงทุน ‘คุกเข่า’ ขอร้องให้ลูกค้าย้ายรถ หลังจอดในที่ห้ามจอด
เรื่องของการใช้รถใช้ถนนนี่ถือเป็นเรื่องของสามัญสำนึกส่วนบุคคลจริงๆ นะ สำหรับบางคนอาจจะเคารพกฎเกณฑ์กันบ้างก็จะทำตามป้ายหรือสัญญาณจราจรต่างๆ แต่กับบางคนก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะเหลือเกิน… เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว People’s Daily, China ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 8 เมษายน มีหยิงสาวขับรถยนต์เข้าไปจอดรถในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองเต๋อโจว มณฑลซานตง ทางทิศตะวันออกของประเทศจีน แต่หญิงสาวชาวจีนรายนี้ดันไปจอดรถในที่ห้ามจอด ทางยามรักษาความปลอดภัยจึงต้องเข้ามาเตือนเธอด้วยคำพูด แต่ดูจะไม่เป็นผล เขาจึงตัดสินใจลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นและขอร้องให้หญิงสาวช่วยขยับรถออกจากบริเวณนั้นด้วย เพราะไม่สามรถใช้กำลังบังคับเธอได้ จากนั้นเธอก็ยอมขยับรถแต่โดยดี หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ออกไปก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการแก้ไข้ปัญหาด้วยวิธีดังกล่าว โดยบางความเห็นบอกว่าวิธีดังกล่าวอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก แต่เนื่องจากยามรักษาความปลอดภัยไม่มีทางเลือก การกระทำแบบนี้ก็พอจะทำได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรจะมีไม้กั้น เพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้เห็นแบบชัดเจนและรู้ว่าไม่สามารถจอดบริเวณนั้นได้ ยังไงแล้ว#เหมี่ยวฟิ้นขอฝากไปยังเพื่อนๆที่ต้องใช้บริการของห้างต่างๆ ด้วยนะ หากเขาไม่ให้จอดก็อย่าไปจอดเลย เห็นใจพี่ยามเขาด้วยนะ ที่มา People’s Daily, China
-
ใจเย็นแม่สาวน้อย!! สาวจีนวัย 20 ปี ขู่จะกระโดดน้ำตาย หลังตกหลุมรักชายวัย 69 แต่เจ้าตัวไม่ยอมมาพบ
เรื่องความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นะ แม้จะเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาว ชาย-ชาย หญิง-หญิง ความรักต่างวัยก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า มีชาวบ้านในเมืองเซียงหยาง ประเทศจีนได้พบเห็นหญิงสาวท่าทางเศร้าโศก กำลังนั่งอยู่บริเวณแม่น้ำหาน และดูเหมือนเธอกำลังพยายามจะกระโดดลงไปในแม่น้ำ แต่โชคดีที่ชาวบ้านและผู้ที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นสามารถช่วยเธอขึ้นมาได้ทันและพาเธอไปส่งยังโรงพัก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับหญิงสาวถึงได้ทราบว่าเธอมีชื่อว่า Xiao Yun วัย 20 ปี เธอบอกถึงสาเหตุที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำว่าเป็นเพราะเธอเสียใจที่แฟนของเธอเปลี่ยนไปและไม่ยอมมาพบกับเธอ Xiao Yun เล่าว่าแฟนของเธอชื่อ Liu วัยประมาน 50 ปี ทั้งสองได้พบกันที่ตลาดแห่งหนึ่งที่ Xiao Yun ทำงานอยู่ ทั้งสองจึงทำความรู้จักกันมาเรื่อยๆ และแม้ว่าวัยของนาย Liu จะมากขนาดที่เป็นพ่อของเธอได้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจว่าสังคมจะมองอย่างไร เธอคิดว่านาย Liu เข้ากันได้ดีกับเธอและทำให้เธอสบายใจเหมือนอยู่บ้าน อย่างไรก็ตาม นาย Liu ได้หย่ากับภรรยาเมื่อปีก่อน ทำให้ทั้งคู่สามารถมีความสัมพันธ์กันได้โดยไม่ติดข้องอะไร …
-
สยิวกิ้ว!! นักศึกษาจีนปิ๊งไอเดีย นำคนแปลกหน้าสองคนมาจูบกันโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่านักศึกษารายหนึ่งในมณฑลนานกิง ประเทศจีน ได้เกิดไอเดียอยากจะทำการทดลองกับกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ให้พวกเขามาปิดตาแล้วจูบคนแปลกหน้า เพื่อดูว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไงกันบ้าง? โปรเจ็คสุดแปลกนี้เป็นของนาย Liu Ke นักศึกษาระดับป.ตรีวัย 20 ปี จากมหาวิทยาลัยการบินนานกิง เขาได้เชิญชวนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยตั้งแต่วัย 18 ถึง 20 ปี ให้เข้ามาร่วมกิจกรรม “Hello Stranger” โปรเจ็คนี้จะเชิญชวนให้คนที่ไม่รู้จักกันมาจูบกันโดยที่จะปิดตาพวกเขาไว้ และมีกล้องวิดีโอคอยบันทึกภาพพวกเขา โดยในตอนแรก Liu จะเเป็นคนสัมภาษณ์พวกเขาก่อนว่าทำไมพวกเขาถึงอยากจะเข้าร่วมกิจกรรมการจูบกับเขา? หนึ่งในผู้เข้าร่วมการทดลองบอกว่า “ผมคิดว่ามันเหมือนกับในนิยายดีนะ และผมอยากจะมีประสบการณ์แบบนั้นในระหว่างที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ มันคงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก” ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอีกคนบอกว่า “ฉันคิดว่าถ้าฉันแก่ตัวไปคงต้องเสียใจแน่ๆ ที่ไม่ได้ทำมันตอนนี้” จากนั้นพวกเขาก็จูบกัน หลังจากที่ภาพและคลิปกิจกรรมของนาย Liu ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้ชมบางส่วนก็ได้แสดงความชื่นชมต่อไอเดียนี้ และคิดว่ามันมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ ซึ่งมันสามารถช่วยให้คนแปลกหน้าสองคนสามารถไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยและมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระด้วย แถมบางคนยัแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับความสะอาดในระหว่างที่จูบคนแปลกหน้าด้วย…
-
ชาวเน็ตจีนวิจารณ์ยับ หลังเห็นคลิปครอบครัวหนึ่ง จ้างโคโยตี้ มาเต้นไหว้หน้าหลุมศพอากงอาม่าในวันเชงเม้ง
สำหรับวันเช้งเม้ง หรือเทศกาลรำลึกถึงบรรพบุรุษของชาวจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 เมษายน 2559 เรียกได้ว่าครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน รวมไปถึงคนจีนทุกคน ก็คงจะนำดอกไม้ไปไหว้หลุมศพของบรรดาอากงอาม่ากันมาแล้วใช่ไหมละ ซึ่งการนำดอกไม้ และอาหารไปไหว้หลุมศพนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่มีการสืบทอดกันมาช้านานอยู่แล้ว แต่สำหรับครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง กลับทำในสิ่งที่ต่างออกไป เพราะพวกเขาไม่ได้นำดอกไม้ไปไหว้หลุมศพเพียงอย่างเดียว แต่กลับทำในสิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2559 ทางสำนักข่างต่างประเทศได้รายงานว่า ครอบครัวชาวจีนครอบครัวนี้ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกโซเชียลของจีนเป็นอย่างมาก หลังจากที่มีคลิปการจัดงานอย่างคึกคักในพิธีรำลึกการเสียชีวิตของญาติๆ ที่สุสานแห่งหนึ่งที่มณฑลกวางตุ้ง โดยทางครอบครัวดังกล่าวได้จ้างโคโยตี้ในชุดสุดเซ็กซี่ มาแดนซ์หน้าหลุมฝังศพของอาม่าอากง ท่ามกลางผู้คนที่แห่กันไปชมกันเป็นจำนวนมาก งานนี้ทำให้ชาวเน็ตหลายๆ คน ต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว จึงได้แสดงความเห็นว่า บรรพบุรุษคงไม่ไปสู่สุขคติแน่ๆ เพราะมีลูกหลานทำเรื่องเสื่อมเสีย และน่าอายแบบนี้ ในขณะที่บางรายบอกว่า อย่าทำลายประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานแสนนานเลย ให้พวกเขาได้อยู่กันอย่างสุขสงบเถอะ ที่มา : dailymail
-
โอ้โห!! นักศึกษาในจีนบ่นอุบ มหาวิทยาลัยทิ้งขยะกองยักษ์ไว้นอกหอพัก ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว
มหาวิทยาลัยหลายๆ แห่งมักจะสร้างหอพักไว้ภายในมหาวิทยาลัย เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่นักศึกษาและให้พวกเขาเดินทางไปเรียนได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่หากหอพักขาดการดูแลเอาใจใส่จนสกปรกเลอะเทอะไปทั่ว มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจสุดๆ เลยจริงไหม? เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shaghaiist ได้รายงานว่ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซี ประเทศจีน ได้ทิ้งขยะไว้ด้านนอกของหอพักนักศึกษาเป็นจำนวนมากและไม่ยอมส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บกวาด ทำให้ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วจนนักศึกษาแทบทนไม่ไหว ตามรายงานบอกว่าเหล่านักศึกษาเริ่มจะทนไม่ได้กับทางมหาวิทยาลัย ที่ทิ้งเศษขยะเอาไว้ใกล้ๆ กับหอพักพวกเขา เพราะมันส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และทำให้สภาพความเป็นอยู่โดยรอบดูแย่ไปด้วย จนพวกเขาต้องถ่ายภาพเอามาแฉในโลกออนไลน์เพื่อประท้วงและตีแผ่ให้ชาวเน็ตได้เห็นภาพดังกล่าว ไม่รู้ว่าหลังจากที่ข่าวนี้โด่งดังไปทั่วโลกทางมหาวิทยาลัยจะมีการแก้ไขปัญหานี้ไหมนะ แต่ยังไงขยะเหล่านี้ก็ยังดีกว่ามันอยู่ในห้องนอนแบบสาวคนนี้ล่ะนะ ที่มา shanghaiist
-
รถเมล์จีนไอเดียเก๋ ติดผ้าม่านให้เหล่าคุณแม่สามารถให้นมลูกได้ในระหว่างเดินทาง
การเป็นแม่คนว่าลำบากแล้ว แต่การเป็นแม่คนที่ต้องกระเตงลูกน้อยไปไหนมาไหนยิ่งลำบากกว่านะ เพราะเด็กๆ มักจะงอแงเสียงดัง เมื่อแม่ๆ เห็นแบบนั้นก็ต้องป้อนนมลูกน้อยเพื่อให้พวกเขาสงบลง แต่บางครั้งหากคุณเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะล่ะ จะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง? ด้วยเหตุนี้รถเมล์ในจีนก็เลยผุดไอเดียแจ่มๆ ในการให้บริการแก่เหล่าคุณแม่แล้วล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมืองผิงเซียง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ได้ติดตั้งเก้าอี้แบบพิเศษบนรถโดยสาร ที่มีผ้าม่านปิดรอบ เพื่อให้เหล่าคุณแม่สามารถให้นมลูกๆ ได้ตามต้องการ ตามรายงานบอกว่าเจ้าที่นั่งพิเศษนี้จะถูกติดตั้งไว้ใกล้ๆ กับทางเดิน โดยจะมีผ้าม่านสีชมพูถูกติดตั้งไว้กับราว เพื่อให้คุณแม่ได้มีความเป็นส่วนตัวเมื่อต้องให้นมลูก ซึ่งเจ้าที่นั่งนี้เองหากไม่มีคุณแม่พร้อมกับลูกขึ้นมาบนรถ เหล่าผู้โดยสารทั่วๆ ไปก็สามารถนั่งได้เช่นกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คนขับรถเห็นว่ามีคุณแม่ขึ้นมา คนขับรถจะทำหน้าที่ขอความกรุณาให้ผู้โดยสารย้ายไปนั่งที่อื่น เพื่อสงวนสิทธิ์ให้แก่คุณแม่เท่านั้น เมื่อช่วงปี 2013 ที่ผ่านมา ทางองค์การอนามัยโลกได้มีการทำผลสำรวจ พบว่ามีเพียง 28% ของคุณแม่ชาวจีนที่ให้นมลูก ในขณะที่ตัวเลขโดยเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 40% ฉะนั้นทางคณะรัฐบาลของจีนจึงต้องหาวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ทางรัฐบาลได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าภายในปี 2020 จะเพิ่มเปอร์เซ็นการให้นมลูกของคุณแม่เป็น 50%…
-
เทคโนโลยีใหม่ทำพิษ นักบินหนุ่มถูกสายการบินสั่งพักงาน หลังแพร่คลิปวิดีโอขณะขับเครื่องบิน!?
ตอนนี้โซเชียลมีเดียหลายๆ ตัวเริ่มจะมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ให้ผู้ใช้สามารถเผยแพร่คลิปวิดีโอแบบสดๆ ให้กับผู้ติดตามหรือแฟนๆ ไดชมกันได้แบบเรียลไทม์ แต่ไม่ว่าคุณจะใช้งานมันเพื่ออะไรก็ขอให้ระวังนิดนึงล่ะ เพราะมันอาจส่งผลต่อหน้าที่การงานของคุณได้เลยทีเดียว เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่ากัปตันหนุ่มหล่อบนสายการบินแห่งหนึ่งในประเทศจีน ได้ทำการเผยแพร่คลิปวิดีโอสดๆ ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องบังคับ ให้แก่เหล่าแฟนๆ ผู้ติดตามเขาบนเว็บไซต์ Weibo กว่า 64,000 คนได้ชมกัน แต่หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตคนหนึ่งโพสต์ข้อความว่า “ทำไมผู้โดยสารบนเครื่องถึงได้รับการเตือนตลอดว่าต้องปิดอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด แต่นักบินกลับไม่ทำตามกฎข้อนี้ไปได้ล่ะ?” ทำให้กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันระหว่างที่นักบินกำลังแพร่ภาพอยู่ เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น นักบินหนุ่มไฟแรงก็ถูกทางสายการบินสั่งพักงานทันที เพราะคลิปดังกล่าวกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนส่งต่อกันอย่างรวดเร็วราวกับไวรัสทางสายการบินจึงต้องมีมาตรการในการลงโทษอย่างรุนแรงกับนักบินรายนี้ สำหรับการกระทำที่ขาดการยั้งคิดนั่นเอง ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะมีข่าวว่ามีคู่เกย์ถ่ายคลิปวิดีโอสดๆ ขณะที่กำลังเล่นจ้ำจี้กันอยู่ด้วย ยังไงแล้วขอให้ใช้กันแบบที่ถูกที่ควรด้วยนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
ชาวบ้านในจีนยืนเป็นเกราะกำบังให้เจ้าแพนด้าหลงทาง เพราะกลัวว่าจะมีสุนัขเข้ามาทำร้ายร่างกาย
นี่คือเรื่องที่#เหมียวฟิ้นขอยกให้เป็นเรื่องน่ารักจากจีนประจำวันนี้เลย สำหรับเรื่องราวของกลุ่มชาวบ้านในเมืองจีนกลุ่มหนึ่ง ที่ดันไปเห็นเข้ากับเจ้าหมีแพนด้ายักษ์พลัดหลงออกมาจากป่ามา พวกเขาจึงเข้ามายืนรอบๆ ตัวมันเพื่อทำเป็นเกราะกำบังให้มันนั่นเอง เมื่อวันที่ 2 เมษายน สำนักข่าว CCTV ได้เผยแพร่เรื่องราวน่ารักๆ ของชาวบ้านในในเขตปกครองพิเศษเหลียงซาน ยี่ ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่พบเข้ากับแพนด้ายักษ์ตัวหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าเจ้าแพนด้าน่าจะพลัดหลงออกมาจากป่าและเดินโซซัดโซเซไปตามพื้นดิน ด้วยความกลัวว่าเจ้าแพนด้าจะถูกฝูงสุนัขแถวๆ นั้นทำร้ายเอา ชาวบ้านใจดีจึงรวมตัวกันเข้ามายืนล้อมเจ้าแพนด้าทำเป็นเกราะป้องกันให้กับมันและโทรเรียกให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์แพนด้ามารับตัวมันไป ชาวบ้านต้องยืนล้อมรอบเจ้าแพนด้าเป็นเวลากว่าชั่วโมง เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ขับรถมาถึงหมู่บ้านพวกเขาและรับเจ้าแพนด้าไปตรวจร่างกาย หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเช็คอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าเจ้าแพนด้าตัวนี้มีน้ำหนักอยู่ที่ 100 กิโลกรัม จากนั้นพวกเขาก็ปล่อยมันกลับสู่ผืนป่าไปตามเดิม ที่มา CCTVNews
-
หวาดเสียวเกิ๊น!! หนุ่มจีนขับรถออกจากบ้านไกล 15 กิโลเมตร โดยมีพ่อและพี่ชายเกาะอยู่ที่กระโปรงหน้ารถ!?
บางครั้งการทะเลาะเบาะแว้งกันภายในครอบครัวก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทางเดียวที่พอจะแก้ไขปัญหาได้ก็คือการให้อภัยกัน และทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การหนีปัญหานะ เพราะมันอาจจะทำให้อะไรๆ แย่ลงกว่าเดิมก็ได้… เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีนได้เรียกให้รถเก๋งคันหนึ่งจอด เพราะเนื่องจากที่กระโปรงหน้ารถมีชายสองคนนอนเกาะอยู่ ทำให้อาจเกิดอันตรายแก่ทั้งสองคนรวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย จากการสอบถามพบว่าชายทั้งสองคน เป็นพ่อและพี่ชายของคนขับรถ โดยก่อนหน้าที่พวกเขาทั้งสองจะมาเกาะอยู่แบบนี้ พวกเขาได้ทะเลาะและมีปากเสียงกันตอนอยู่ที่บ้าน ทำให้น้องชายเกิดความไม่พอใจจึงขับรถหนีออกมาจากบ้าน แต่คุณพ่อและพี่ชายพยายามตามมาขอโทษขอโพย และกระโดดขึ้นไปเกาะอยู่บนกระโปรงหน้ารถ แต่ถึงแม้จะเห็นแบบนั้นน้องชายผู้เป็นคนขับก็ไม่มีท่าทีว่าจะจอดรถ และยังขับออกไปยังเมืองดงยาง ที่อยู่ไกลออกไปถึง 15 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เขาก็พยายามขับรถด้วยความเร็วเพียง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น เพื่อให้พ่อและพี่ชายของเขาหาจังหวะกระโดดออกไปได้ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงเกาะหนึบไม่ยอมไปไหนเลย แต่สุดท้ายการตามตื้อของพวกเขาก็จบลงเมื่อเจ้าหน้าที่โบกรถให้พวกเขาจอด ทีหน้าทีหลังมีอะไรก็เคลียร์ๆ ให้จบกันที่บ้านไปเลยนะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของคนบนท้องถนน ที่มา shanghaiist
-
ไม่มีแปลกในจีน….แม้กระทั่งครูหนุ่มก็แก้ผ้าวิ่งปล้ำนักเรียนสาว กลางวันแสกๆ!!
เหตุการณ์แปลกๆ จากประเทศแผ่นดินใหญ่อย่างจีน มักจะมีเรื่องราวชวนช็อกมาให้คนดูทั่วโลกได้รับรู้กันอย่างต่อเนื่องจริงๆ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยว่า… นาย Huo ครูหนุ่มผู้ดูแลห้องแล็บวัย 30 ปี จากโรงเรียนมัธยม Taiping ในเขตปกครอง Guangxi ประเทศจีน ได้ทำเรื่องอนาจารขึ้นกลางวันแสกๆ ภายในโรงเรียน เพราะจู่ๆ เขาก็แก้ผ้าล่อนจ้อน วิ่งผ่านสนามเด็กเล่นเข้ามาจับนักเรียนหญิงคนหนึ่งไว้ จากนั้นก็พยายามฉุดลากตัวของเธอไปทำมิดีมิร้าย งานนี้ทำเอาเด็กๆ พากันมามุงดูด้วยความแตกตื่น อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยว่า นาย Huo เคยมีประวัติการป่วยอาการทางจิตมาก่อน ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งทางแพทย์ได้บันทึกไว้ว่า ในช่วง 2 ปี หากอาการของเขาไม่กำเริบ ก็แสดงว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งนี้ หลังจากที่เขาได้ก่อเรื่องสุดช็อกภายในโรงเรียน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้ ส่วนนักเรียนหญิงผู้เคราะห์ร้าย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หลังถูกส่งตัวเข้าไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล ที่มา : dailymail
-
หญิงท้องชาวจีนเป็นลมกะทันหัน ร่างทรุดฮวบลงไปคารั้ว ทำให้คอติดคาซี่เหล็ก เสียชีวิตในที่สุด
วันนี้ (30 มีนาคม 2559) ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์สุดสลดในมณฑลส่านซี ประเทศจีน โดยมีหญิงตั้งครรภ์ลูกแฝดอายุราวๆ 30 ปีรายหนึ่ง นั่งคุกเข่าหมดสติในสภาพศีรษะติดคาในช่องรั้วแผงเหล็กข้างทาง ด้านผู้เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าช่วยแต่ไม่เป็นผล จนทางเจ้าหน้าที่มาถึง ก็สามารถนำตัวของหญิงรายดังกล่าวออกมาจากรั้วได้ และรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลทันที ทั้งนี้ทางแพทย์ได้เผยว่า หญิงรายนี้ไม่หายใจก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ทางแพทย์พยายามช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ โดยได้ให้ยากระตุ้นหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอได้ จนสุดท้ายเธอเสียชีวิตลงพร้อมทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งออกมาเผยว่า เห็นหญิงคนดังกล่าวมีอาการวิงเวียนศีรษะ เธอได้พิงตัวไปที่แผงรั้ว หลังจากนั้นร่างก็ทรุดฮวบลงไป ทำให้ลำคอไปติดคาอยู่ระหว่างช่องซี่เหล็กพอดี ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้เบื้องต้นว่า เธอน่าจะเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งก่อนหน้านั้นน่าจะมีอาการหน้ามืดกะทันหัน อย่างไรก็ตามร่างของเธอจะถูกส่งไปชันสูตรศพต่อไป เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง ที่มา : CCTVNews
-
ความรักจะคงอยู่ตลอดไป…หนุ่มจีนขอแฟนสาวแต่งงาน หลังจากที่เธอป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
นี่คือเรื่องราวความรักของคนสองคน ที่แม้จะรู้ว่าพวกเขามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว แต่ความรักของพวกเขาก็ไม่ได้ถดถอยลงไปเลย เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่เรื่องราวของนาย เผิง ซิน ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วเขาเป็นเพียงหนุ่มช่างซ่อมแอร์ในเมืองหวู่ฮั่น ประเทศจีน เขามีรายได้ต่อเดือนประมาณ 1,500 หยวน หรือประมาณ 8 พันกว่าบาทเท่านั้น ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พบรักกับหญิงสาวที่ชื่อ หยาง หลิว เธอถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณยายของเธอหลังจากที่พ่อแม่ของเธอหย่าจากกัน แต่เมื่อคุณยายของเธอได้พบเข้ากับนายเผิงเธอกลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาอย่างแรง และบอกด้วยว่าหลานสาวของเธอสมควรมีแฟนที่ดีกว่านี้ ต่อมาในปี 2010 พ่อของนางหยางและคุณยายของเธอก็จากไป แถมคุณแม่ของเธอเองก็ยังป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมด้วย เธอจึงย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ทเม้นกับนายเผิง ซึ่งเขาเองก็วางแผนเอาไว้ว่าหากเก็บเงินได้มากกว่านี้เขาจะซื้อบ้านในเมืองสักหลังและขอแฟนสาวแต่งงาน แต่ความฝันก็ต้องสลายไปในพริบตา เมื่อนางหยางถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา และไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว นายเผิงจึงลาออกจากงานมาดูแฟนสาวของเขาตั้งแต่เช้าจนค่ำ เมื่ออาการของนางหยางเริ่มคงที่ นายเผิงก็เข้าไปคุยกับคุณหมอเพื่อเตรียมแผนการขอแฟนสาวแต่งงาน นายเผิงเล่าว่า “ผมจะเป็นสามีของเธอ ไม่ว่าเธอจะมีชีวิตได้นานแค่ไหนก็ตาม” แม้ว่าชีวิตรักของพวกเขาจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่นายเผิงก็ไม่คิดถอดใจ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ำรวยเงินทองหรือดีกว่าผู้ชายคนอื่นๆ แต่แฟนสาวก็เลือกเขา ฉะนั้นเขาจึงต้องอยู่เคียงข้างเธอในเวลาที่เธอต้องการเขามากที่สุด จากนั้นนายเผิงก็ได้ขอนางหยางแต่งงาน…
-
อยู่เข้าไปได้ไงเนี๊ยะ!? พาไปชมหอพักของนักศึกษาสาวในจีน ที่ได้ชื่อว่า “รกที่สุด!!”
โดยทั่วไปแล้วผู้คนมักจะเข้าใจกันว่าหญิงสาวนั้นเป็นพวกที่รักความสะอาดมากกว่าผู้ชายใช่ไหมล่ะ แต่#เหมียวฟิ้นอยากบอกว่าไม่เสมอไป… เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจากห้องพักของนักศึกษาสาวชาวจีนรายหนึ่ง ที่เศษขยะกองเรี่ยราดอยู่บนพื้น และข้าวของเครื่องใช้ที่วางแบบระเกะระกะ จนรกแบบสุดๆ และแทบไม่เหลือทางเดินให้เดินเข้าไปเลย ตามรายงานไม่ได้บอกว่าคลิปนี้ถูกถ่ายโดยใครและถ่ายขึ้นที่ไหน แต่หลังจากที่คลิปนี้เริ่มโด่งดัง สื่อต่างๆ ในจีนก็เริ่มตั้งฉายาให้กับห้องพักของหญิงสาวรายนี้ว่าเป็น “ห้องพักที่รกที่สุดตลอดกาล” และเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมหญิงสาวถึงไม่มีเวลาเก็บกวาดห้อง? สมาชิกในโลกออนไลน์ที่ใช้ชื่อว่า @金属杯盖 ได้กล่าวไว้ว่า “อ่าฮ่า กลายเป็นว่าห้องนี้เป็นของผู้หญิง มีขยะเยอะกว่าหอพักชายอีกนะเนี๊ยะ ในที่สุดผู้ชายก็มีข้อโต้แย้งสักที” และ @风葬秋暝 บอกว่า “หลังจากที่คุณจบการศึกษาแล้ว คุณสามารถหางานได้ทันทีที่กองขยะเลยนะ” ลองชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย โอย เหมียวเห็นแล้วจะเป็นลมแทน หนุ่มๆ คนไหนได้เธอไปเป็นแฟนล่ะก็…ขอให้โชคดีนะ ที่มา shanghaiist
-
เหมียวนี่ยอมใจ!! เด็กขายดอกไม้ในจีนตื้อจะขายของแก่คนผ่านไปผ่านมา ทั้งเกาะแขน ทั้งทิ้งตัว!?
หลายๆ คนน่าจะเห็นเห็นเทคนิคการขายของอันแพรวพราวของพ่อค้าตามสี่แยกมาแล้วมากมาย บางคนอาจจะมีเทคนิคในการส่งสายตา มีลูกอ้อน ลดแลกแจกแถมอะไรก็ว่ากันไป เพื่อให้คุณยอมควักเงินในกระเป๋าให้พวกเขา แต่ขอบอกเลยว่าวิธีที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ มันเป็นอะไรที่ชวนเหวอมาก!! เมื่อวันที่ 27 มีนาคม เว็บไซต์ Overseas.weibo ได้เผยแพร่ภาพของแม่ค้าสาวชาวจีนตัวเล็กคนหนึ่ง ที่พยายามขายดอกไม้ให้แก่ชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเท่าไหร่ จึงเดินผ่านแม่ค้าสาวไปเฉยๆ แต่ด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้าของแม่ค้าสาว เธอจึงพยายามเกาะที่แขนเสื้อของชายหนุ่มและตื้อให้เขาซื้อดอกไม้ของเธอ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ!! แม่ค้าสาวจึงทิ้งตัวลงกับพื้น ไม่ยอมปล่อยให้ชายหนุ่มเดินผ่านเธอไปง่ายๆ โดยที่ไม่ได้ซื้อดอกไม้จากเธอ โอ้วคุณพระ!! หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ของจีน ชาวเน็ตต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาน เช่นผู้ที่ใช้นามแฝงว่า @我命已定盘 กล่าวว่า “การเป็นคนขายดอกไม้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราควรจะเห็นใจและซื้อคนละดอก” หรือคุณ @M_sir98 บอกว่า “สาวน้อยคนนี้ควรจะมีศักดิ์ศรีบ้าง” เทคนิคการขายแบบนี้ต้องบอกเลยว่าทุ่มทุนสร้างมากๆ #เหมียวฟิ้นเองยังไงเคยทำ เดี๋ยวไว้ต้องกลับไปลองทำบ้างแล้ว ที่มา overseas.weibo
-
นักวิ่งชาวจีนปวดท้องนับพันคน หลังกินสบู่องุ่นเข้าไประหว่างวิ่ง เพราะคิดว่าเป็นอาหาร!?
ในงานแข่งขันวิ่งมาราธอนแต่ละที่มักจะมีการแจกอาหาร แจกน้ำ และผลไม้บำรุงร่างกายต่างๆ ให้แก่เหล่านักวิ่ง แต่คุณอาจจะต้องสังเกตฉลากดีๆ หน่อยนะ เพราะหากคุณกินโดยไม่ทันดูล่ะก็ คุณอาจจะถูกหามส่งโรงหมอก่อนที่จะเข้าเส้นชัยก็เป็นได้… เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ปี 2016 สำนักข่าว Qingyuan Daily ได้รายงานว่ามีนักวิ่งนับพันคนมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงระหว่างการแข่งขันวิ่งมาราธอนในเมืองชิงหย่วน ทางตอนใต้ของประเทศจีน ตามรายงานบอกว่าทางทีมแพทย์และพยาบาลในงานแข่งขันมาราธอนต้องรีบเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลแก่นักวิ่งกันอย่างวุ่นวายเกือบ 12,000 ครั้ง ทั้งนี้มีการโทรเรียกรถพยาบาลกว่า 23 ครั้ง มีคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 17 คน และมีผู้ที่อยู่ในอาการปวดท้องขั้นรุนแรงอีก 5 คน เมื่อสอบถามไปยังผู้จัดงานถึงสาเหตุที่เหล่านักวิ่งเกิดอาการปวดท้องก็เป็นเพราะว่าทางผู้จัดงานได้มอบถุงของขวัญแก่นักวิ่ง โดยหนึ่งในของขวัญที่อยู่ในถุงนั้นเป็นสบู่กลิ่นองุ่น ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่านั่นคือขนมเพิ่มพลังงานและกินเข้าไปนั่นเอง . จะกินอะไรก็ดูกันดีๆ หน่อยซิพวกมนุษย์ ไม่ใช่ได้มาแล้วยัดเข้าปากเลย ที่มา blogs.wsj
-
สาวจีนถูกรถตู้ชนจนกลิ้งเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ แต่ดันรอดแถมบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น!?
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม] เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้เผยแพร่คลิปวิดีโออุบัติเหตุสุดอึ้งของหญิงสาวรายหนึ่งขณะเดินข้ามถนนที่การจราจรแออัดในเมืองอันฮุย ประเทศจีน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 มีนาคม ในระหว่างที่เธอเดินข้ามถนนอยู่นั้นเอง กลับมีรถตู้เลี้ยวมาจากถนนอีกเส้นและชนเข้ากับเธอจากด้านหลังจนเจ้าตัวล้มลงและกลิ้งไปอยู่ใต้ล้อรถอย่างสยดสยอง แถมเธอยังถูกรถตู้ลากต่อไปอีกประมาณเมตรกว่าๆ จากนั้นชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นก็รีบเข้ามาในที่เกิดเหตุเพื่อดูอาการหญิงสาว ต่อมาคนขับรถตู้ก็ลงมาช่วยยกรถตู้เพื่อดึงเอาตัวหญิงสาวออกมา และตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวๆ นั้น จนในที่สุดก็สามารถดึงตัวหญิงสาวออกมาจากใต้ท้องรถได้ในที่สุด ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมจากสำนักข่าว CCTV บอกว่าหญิงสาวปลอดภัยดี แถมยังได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สาเหตุที่อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะว่าคนขับรถตู้นั้นขับด้านซ้าย และคนเดินข้ามถนนเองก็อยู่ด้านซ้ายของรถตู้เช่นกัน ทำให้คนขับมองไม่เห็นคนข้ามถนน ในขณะที่น้ำหนักของรถตู้ถูกเทไปทางด้านขวา ทำให้ไม่สามารถหักหลบได้ทันนั่นเอง ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย โชคดีมากเลยนะเนี๊ยะที่รอดมาได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะโชคดีแบบนี้ คราวหน้าคราวหลังก็ระวังกันไว้ด้วยนะจ๊ะ ที่มา rocketnews24
-
ชาวเซี่ยงไฮ้ประดิษฐ์สไลด์เดอร์ในอาคาร เพื่อให้ผู้สูงอายุลงจากที่สูงในกรณีฉุกเฉินได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่าเพิ่งคิดไปว่าที่ประเทศจีนนั้นมีแต่ข่าวแปลกๆ ข่าวในด้านลบๆ อย่างเดียวนะ เพราะงานไอเดีย งานล้ำๆ พวกเขาก็มีเหมือนกัน… เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่านาย Zhou Miaorong ชายชาวจีนวัย 70 ปี ได้คิดค้นหาทางแก้ปัญหาการเดินลงบันไดหลายๆ ชั้นของเหล่าผู้สูงอายุด้วยการสร้างสไลเดอร์ขึ้นมา เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถนั่งจากชั้นบนสุดลงไปยังชั้นล่างสุดได้ภายในเวลาเพียง 90 วินาทีเท่านั้น ตามรายงานบอกว่าสไลเดอร์ที่เห็นอยู่นี้ถูกติดตั้งอยู่ในอาคารแห่งหนึ่งที่มีความสูง 28 ชั้น ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มันทำมาจากสแตนเลสและอลูมีเนียม ทำให้การเดินลงบันไดหลายๆ ชั้นกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย นาย Zhou ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าสไลเดอร์นี้ถูกติดตั้งเพื่อเป็นการทดลอง โดยรางสไลดเดอร์จะถูกติดตั้งไปกับกำแพง หากจะใช้งานต้องกางมันออกมาซะก่อน และเมื่อสไลดเดอร์ชั้นบนสุดถูกกางออกแล้ว สไลดเดอร์ชั้นต่อๆ ไปก็จะกางออกมาโดยอัตโนมัติคล้ายกับโดมิโน นาย Zhou ยังตั้งชื่อเล่นให้มันว่า “บันไดวิเศษ” อีกด้วย แต่แม้ว่าสไลดเดอร์นี้จะดูน่าสนุกแค่ไหนก็ตาม แต่คุณก็ควรจะหาอะไรมาป้องกันตัวของคุณสักหน่อย เพราะเวลาใช้งานจริงจะมีการกระแทกกันน่าดู นี่ไม่ใช่ไอเดียแรกเริ่มที่มีการสร้างสไลเดอร์จงจากที่สูงหรอกนะ เพราะก่อนหน้านี้เองก็เคยมีห้างสรรพสินค้าในจีนสร้างสไลเดอร์สูง…
-
เร็วปานเดอะแฟลช!! กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในเวียดนาม คว้าผลไม้จากจานเกลี้ยงใน 6 วินาที!!
กลายเป็นเรื่องราวโด่งดังไปทั่วโลกทีเดียว สำหรับคลิปของเหล่านักท่องเที่ยวที่หิวโหยตักอาหารทะเลในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศไทยจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาอันรวดเร็ว ล่าสุดดูเหมือนที่เวียดนามเองก็ต้องรับมือกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเช่นกัน… เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนาม แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์โกลาหลเช่นเดียวกับที่อื่นๆ เพราะในระหว่างที่พนักงานโรงแรมกำลังนำจานลิ้นจี่มาเสิร์ฟบนโต๊ะนั้นเอง กลับมีชาวจีนกว่าสิบคนมายืนล้อมรอบพนักงานคนนั้นเพื่อแย่งชิงผลไม้ในท่าทางแบบหิวโหยสุดๆ เห็นได้ชัดว่าพนักงานรายนี้ดูจะหงุดหงิดสุดๆ เนื่องจากยังไม่ทันจะวางจานก็มีกลุ่มชาวจีนเอิ้อมมือมาหยิบไปซะแล้ว แถมเจ้าตัวยังไม่สามารถขยับออกไปได้ สุดท้ายเธอเลยวางมันลงบนโต๊ะจากนั้นลิ้นจี่บนจานก็หายไปในเวลาไม่กี่วินาที!! ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า Chinese tourists clear out fruit plate in under six seconds at the poolside bar of a hotel in Vietnam. READ MORE: http://shst.me/fruitplate โพสต์โดย Shanghaiist บน 24 มีนาคม 2016 #เหมียวฟิ้นกลัวแล้วจ้าาาา ที่มา shanghaiist
-
อยากลองชิมไหม? Starbucks เตรียมขาย “ชา” สูตรของตัวเองในจีนเดือนกันยายนนี้
Starbucks ถือเป็นแบรนด์กาแฟที่โด่งดังและมีสาขาไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ล่าสุดมีข่าวว่าพวกเขากำลังจะแผ่ขยายสาขาไปยังประเทศจีน แต่ไม่ใช่ร้านกาแฟแบบที่ทุกคนเข้าใจ แต่มันจะเป็นร้านขายน้ำชาแทน เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า ร้านกาแฟสัญชาติอเมริกันอย่าง Starbucks กำลังเตรียมที่จะเปิดร้านน้ำชาภายใต้แบรนด์ Teavana ที่ประเทศจีนเป็นสาขาแรก หลังจากที่เริ่มทำมาแล้วในอังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน ตามรายงานบอกว่าตอนนี้ชาของแบรนด์ Teavana กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์แล้วเมื่อปีที่ผ่านมา และพวกเขากำลังจะก้าวไปอีกขั้นโดยการเปิดร้านน้ำชาที่จีนในเดือนกันยายนนี้ จีนถือเป็นประเทศที่บริโภคน้ำชามามาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีหลักฐานต่างๆ ที่ขุดพบในหลุมฝังศพของจักรพรรดิฮั่น ที่ช่วยยืนยันว่าชาวจีนนั้นมีน้ำชาดื่มมาตั้งแต่เมื่อสมัย 2737 ปีก่อนคริสต์กาลแล้ว มีแม้กระทั่งน้ำชารสยาสีฟันเลยด้วยซ้ำ แต่การที่บริษัทอเมริกันจะเข้าไปเปิดธุรกิจร้านขายชาในจีนได้นั้นก็ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะจีนเป็นประเทศที่ปลูกชาเอง อาจจะต้องเจอกับคู่แข่งในท้องถิ่นก็เป็นได้ แต่ยังไงประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Starbuck อย่าง Kevin Johnson ก็ยังเชื่อมั่นว่าแบรนด์ของเขาจะแข็งแรงพอและประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับธุรกิจกาแฟที่เคยทำมา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ชาแบรด์ Teavana จะเข้าไทยบ้างนะเนี๊ยะ แล้วถ้ามาแล้วจะประสบความสำเร็จเหมือนกับกาแฟหรือเปล่า? อันนี้ต้องติดตามกันต่อไปล่ะ ที่มา shanghaiist
-
เล๊ะตุ้มเป๊ะ!! หนุ่มจีนจอดรถหรูขวางทางเข้าออกหมู่บ้าน ชาวบ้านทนไม่ไหวเอาไข่และน้ำหมึกมาปากันมันส์มือ!!
แม้ว่าคนบางคนจะขับหรู ราคาเป็นล้านๆ แต่ก็ใช่ว่าคุณภาพการขับขี่รถของคนบางคนจะเพิ่มสูงตามราคารถไปด้วยนะ และหากคุณไปทำนิสัยแย่ๆ ไว้มากเข้าล่ะก็ อาจจะถูกผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นๆ รุมเละแบบเจ้าของรถคันนี้ก็ได้นะ… เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเจ้าของรถพอร์เช่รายหนึ่งในกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้จอดรถขวางทางเข้าออกของเพื่อนบ้านเป็นเวลานานกว่า 14 ชั่วโมง ทำให้พวกเขาหมดความอดทน จึงหยิบเอาไข่และน้ำหมึกมาสาดใส่รถหรูสะเละเทะเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นมาจากช่วงเช้าของวันอังคารที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ถกเถียงกันระหว่างเจ้าของรถพอร์เช่แซ่หวาง และยามรักษาความปลอดภัยในละแวกนั้น โดยฝ่ายยามรักษาความปลอดภัยพยายามจะคิดค่าที่จอดรถแก่นายหวาง เนื่องจากเขาจอดรถนานเกิน 7 วัน เป็นจำนวน 70 หยวน หรือประมาณ 380 บาท แต่เจ้าของรถกลับโกรธจัด เพราะนายหวางบอกว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของคนในละแวกนั้นเช่นกัน จึงไม่ควรที่จะถูกปรับเป็นจำนวนเงินที่มากขนาดนี้ แถมรถคันนี้ก็ยังไม่ได้จดทะเบียนด้วย เขาจึงควรลดค่าปรับลงเหลือเพียง 10 หยวน หรือประมาณ 54 บาทเท่านั้น นอกจากนี้นายหวางยังบอกอีกว่ายามรักษาความปลอดภัยพูดจาดูถูกเขา เขาเลยอยากจะแก้แค้นโดยการจอดรถขวางทางเข้าออกของหมู่บ้าน แต่เห็นได้ชัดเลยว่านายหวางไม่ได้คิดถึงผลกระทบเกี่ยวกับเพื่อนบ้านเลย เพื่อนบ้านของเขาจึงต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางฉุกเฉินแทน และนั่นก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านโกรธแค้นและต้องลงไม้ลงมือในที่สุด …
-
Zhang Yuqi ดารานางแบบสาวสุดฮอตจากแดนมังกร สวยซะจนชะนีอย่างเราอิจฉา!!
สำหรับหนุ่มๆ คนไหนที่ทำงานหนักๆ มาทั้งวัน พักมาชมสิ่งสวยๆ งามๆ สักครู่ เพราะมันอาจจะทำให้คุณมีแรงในการทำงานต่อไปก็เป็นได้ เพราะในวันนี้เราได้นำภาพของดาราสาวสวยส่งตรงจากแดนมังกรมาให้ได้ชมกันแบบชัดๆ ระดับ HD งานนี้หนุ่มๆ ที่ได้ชมจะต้องเลือดกำเดาไหล เพราะแพ้ในออร่าความเซ็กซี่ของเธอไม่ไหวแน่ๆ และนี่ก็คือ Zhang Yuqi ดาราและนางแบบชาวจีนวัย 29 ปี ผู้ที่เคยรับบทเป็น ‘หยวน’ คุณครูสาวแสนสวยจากภาพยนตร์เรื่อง CJ7 ซึ่งหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เธอมีผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ชมกันอย่างมากมาย ซึ่งนอกจากผลงานการแสดงแล้ว เธอยังมีผลงานด้านการถ่ายแบบโชว์วาบหวิวมากมาย ที่สร้างความติดตราตรึงใจให้บรรดาแฟนๆ ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่กันมานักต่อนักแล้ว นอกจากความสวยที่มีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดาราสาวคนนี้ ฮอตฮิตอยู่ตลอดก็คงจะเป็นรูปร่างอันสะพรึงเว่อร์ของเธอเนี่ยหละ ที่เซ็กซี่ชวนน่าดึงดูดซะเหลือเกิน เล่นเอาบรรดาชะนีน้อยใหญ่ทั้งหลายอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว ไม่ว่าเธอจะมาร่วมออกงานไหนๆ ความออร่าก็เด่นมาแต่ไกลจริงๆ ความแซ่บก็ไม่เป็นสองรองใคร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนุ่มๆ ทั้งในและนอกประเทศถึงได้น้ำลายหกทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเธอ
-
สะเทือนอารมณ์ หนุ่มจีนถูกจ้างให้ปลอมตัวเป็นหลานชายที่ตายไปแล้ว เพื่อให้คุณยายสบายใจ
นี่เป็นหนึ่งในเรื่องราวชวนให้#เหมียวฟิ้นสะเทือนใจ ที่ก้ำกึ่งระหว่างความความรัก ความถูกต้องและศีลธรรมเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าชายชาวจีน Huang Xiaoyong ว่าจ้างชายหนึ่มคนหนึ่งให้ปลอมตัวเป็นลูกชายของตัวเอง เพื่อไม่ให้คุณยายของเขาจับได้ว่าหลานชายเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 2009 ตามรายงานบอกว่านาย Huang Ge ลูกชายของ Huang Xiaoyong ได้ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อมพันธุกรรม และเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อปี 2009 แต่เขากลับปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้คุณแม่ของเรารู้ แถมหูตาของเธอก็เริ่มฟ่าฟาง ทำให้เธอแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลานชายของเธอได้จากไปแล้ว นาย Huang Xiaoyong ได้บอกกับแม่ของเขาว่าหลานชายกำลังอยู่ในช่วงทำกายภาพบำบัดเพื่อกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่เนื่องจากลูกชายเสียชีวิตไปนานแล้ว เขาจึงจำเป็นที่จะต้องหลอกแม่ของเขาไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งแม่ของเขาก็เริ่มเฝ้าถามถึงหลานชายสุดที่รักของเธอ นาย Huang Xiaoyong จึงจำเป็นที่จำต้องพาลูกชายมาเจอกับเธอ แต่ในเมื่อเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก เขาก็เลยต้องตามหาคนที่มีลักษณะคล้ายกับลูกชายของเขา เพื่อปลอมตัวให้แม่ของเขาได้หาสงสัย จนวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับชายที่ชื่อ Wang Feng นาย Huang เลยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ผมต้องการชายหนุ่มอายุระหว่าง 25-28 ปี…
-
ออสเตรเลียขยายเวลาวีซ่าสำหรับชาวจีนเป็นเวลา 10 ปี หวังดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว!!
ประเทศออสเตรเลียถือเป็นประเทศที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวนะ เพราะเป็นประเทศที่สวยงาม มีความสงบ แถมเด็กๆ ชาวไทยก็เดินทางไปศึกษาต่อที่นั่นมากมายทีเดียว ล่าสุดพวกเขาได้เตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับชาวจีนโดยเฉพาะเลย เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายว่า ประเทศออสเตรเลียเสนอวีซ่าให้ชาวจีนเข้ามาในประเทศได้นานถึง 10 ปี เพื่อดึงเอานักท่องเที่ยวและเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ประเทศ จากที่ก่อนหน้านี้จะสามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 1 ปี ตามรายงานบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ Julie Bishop ได่กล่าวนโยบายดังกล่าว ถือเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” เลย เพราะเป็นการให้อิสระแก่นักท่องเที่ยวจีน ด้านนาย Zhang Chuanbo ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกล่าวว่า “ในหลายๆ ประเทศได้มีการผ่อนปรนเรื่องระยะเวลาวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนลง ยกตัวอย่างเช่นบางประเทศอย่างเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ ได้ยืดระยะเวลาจากเดิม 5 ปี เป็น 10 ปี” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนักวิเคราะห์มองกันว่าการขยายระยะเวลาวีซ่าดังกล่าวจะยังคงมีขอบเขตอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวจีนแอบมาทำงานในออสเตรเลียนั่นเอง #เหมียวฟิ้นมั่นใจเลยว่าหลังจากนี้ออสเตรเลียจะได้รับเม็ดเงิน จากนักท่องเที่ยวชาวจีนจนโกลาหลแน่นอน…
-
คุณยายชาวจีนวัย 87 ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง แต่หลังจากฝึกกังฟู อาการทุกอย่างก็ดีขึ้นทันตาเห็น!?
เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่เรื่องราวสุดเหลือเชื่อของคุณยาย หลิว ซิ่วยิ่ง วัย 87 ปี ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอท้อแท้ เธอจึงหันมาเล่นกังฟูเพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น!? แม้ว่ายายหลิวจะมีอายุปาเข้าไปกว่า 87 ปีแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังมีดวงตาที่ใสแจ๋ว สามารถมองเห็นเส้นด้ายและเข็มแม้จะไม่ได้สวมใส่แว่นตาก็ตาม และหลังจากที่เธอหันมาเล่นกังฟู อาการเจ็บออดๆ แอดๆ ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ นอกจากนี้คุณยายยังเผยเคล็ดลับอื่นๆ ที่ทำให้สุขภาพดีอีกว่า เธอหันมาชกมวย ปลูกผักในสวน และทำอาหารด้วยตัวเอง จากภาพประกอบจะเห็นได้ว่าคุณยายหลิวสามารถยกขาขึ้นมาเหนือหัวได้แบบสบายๆ แถมยังทำท่าฉีกขาได้อีก ทำเอาคนหนุ่มสาวอย่าง#เหมียวฟิ้นนี่ถึงกับอายม้วนเลยทีเดียว อนึ่ง กังฟูถือเป็นศิลปะป้องกันตัวของชาวจีนโปราณมาตั้งแต่สมัยเมื่อ 4,000 กว่าปีก่อน ตั้งแต่สมัยกษัตริย์หวงตี้ หรือ จักรพรรดิเหลืองนั่นเอง ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า อันที่จริงแล้ว เราอาจจะไม่ต้องถึงขั้นไปเล่นกังฟูแบบคุณยายก็ได้นะ แค่เรากินผักผลไม้เยอะๆ…
-
ขนลุกขนพอง!! สาวจีนอัดคลิปขณะเปิบแมงป่องเสียบไม้เป็นๆ อย่างเอร็ดอร่อย!?
ขึ้นชื่อว่าเปิบพิสดาร หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงเมนูแปลกๆ อย่างการกินอาหารดิบๆ เมนูสารพัดสัตว์ที่คนทั่วไปเขาไม่กินกัน…แต่บางคนกลับชอบกินซะงั้น เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Liveleak ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดอึ้งของสาวจีนรายหนึ่ง ที่กำลังถือแมงป่องเสียบไม้ตัวเป็นๆ จากนั้นเธอก็งับเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย ประหนึ่งเป็นอาหารโปรดที่เธอโหยหามานาน!? แม้ว่าแมงป่องจะเป็นสัตว์มีพิษที่คนส่วนใหญ่หวาดกลัว แต่สำหรับชาวจีนแล้ว พวกเขาเชื่อว่าการรับประทานแมงป่องแบบเป็นๆ จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง คล้ายกับการดื่มยายาอายุวัฒนะยังไงยังงั้นเลย ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย สำหรับ#เหมียวฟิ้นแล้ว แค่กินยำกุ้งเต้นก็ถือเป็นที่สุดของความแปลกแล้วล่ะ เห็นแบบนี้แล้วถึงกับจุกในลำคอเลยทีเดียว ที่มา liveleak
-
สาวจีนสั่งซื้อ Apple iPhone 6s ผ่านเน็ตเพราะราคาถูก ปรากฏว่าดันได้ Pear Phone มา 2 เครื่องซะงั้น!?
การสั่งซื้อของออนไลน์ในปัจจุบันนี้ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากเลยนะ เพราะไม่ต้องเสียเวลายืนเลือกของ กว่าจะเดินทาง กว่าจะไปถงห้าง กว่าจะกลับอีก แต่มันก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้างนะ เพราะหากคุณไม่เจอของที่ราคาถูก “ผิดปกติ” คุณอาจจะกลายเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนแซ่เฉาได้ทำการสั่งซื้อมือถือ iPhone 6s ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์แห่งหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่ามีราคาถูกเพียง 3,400 หยวน หรือประมาณ 18,317 บาทเท่านั้น แต่หลังจากที่เธอโอนเงินให้กับพ่อค้าแล้ว กลับได้รับแจ้งว่า ตอนนี้มือถือของเธอถูกศุลกากรยึดเอาไว้ เธอจำเป็นจะต้องโอนเงินให้กับพ่อค้าอีกราวๆ 5,000 หยวน หรือประมาณ 26,937 บาท และเมื่อเธอได้รับของแล้วพ่อค้าจะโอนเงินคืนให้กับเธอเอง ซึ่งเธอก็ตอบตกลงแต่โดยดี แต่แน่นอนว่ามีพิรุธแบบนี้เธอคงจะไม่ได้มือถือ Apple iPhone6s แบบปกติแน่นอน และเมื่อพัสดุมาส่งถึงบ้านเธอก็แทบลมจับ เพราะภายในนั้นคือ Pear Phone ที่มีสัญลักษณ์ด้านหลังเป็นลูกแพร์!! เมื่อเธอพยายามจะติดต่อพ่อค้าเพื่อขอคืนเงินก็สายไปซะแล้ว เพราะเขาปิดมือถือและเปิดแน่บไปแล้วเรียบร้อย จำไว้ว่าของถูกและดีไม่มีในโลกนะ อาจจะมีบ้างแต่ถ้าถูกจนเกินจริง ให้สันนิษฐานก่อนว่าอาจจะไม่จริงนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
พ่อลูกชาวจีนใจบุญ รับเลี้ยงหมาจรจัดกว่า 300 ตัว ตลอดเวลา 13 ปีที่ผ่านมา!!
เรื่องที่ #เหมียวฟิ้น จะนำมาเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของสองพ่อลูกสุดใจบุญคู่หนึ่งในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ที่รับเลี้ยงสุนัขจนจัดมานานกว่า 13 ปี จนพวกเขาเปลี่ยนชีวิตของพวกมันให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พ่อลูกคู่นี้ได้รับสุนัขมาเลี้ยงแล้วกว่า 300 ตัว ซึ่งแต่ละตัวนั้นมีอาการป่วย พิกลพิการ ถูกทารุณกรรม หรือได้รับบาดเจ็บอะไรสักอย่าง โดยตัวลูกสาวอย่าง A Zi ได้เผยว่า พวกเขาเคยแม้กระทั่งไปช่วยสุนัขให้รอดพ้นจากโรงฆ่าสัตว์เลยทีเดียว ในขณะที่พวกเขาต้องพบกับความยากลำบากและสัตว์มากมายหลายรูปแบบตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะล้มเลิกการรับเลี้ยงสัตว์ แถมยังวางแผนที่จะช่วยเหลือสัตว์ให้ได้มากกว่านี้ซะอีก ตามรายงานไม่ได้ระบุจำนวนตัวเลขที่สองพ่อลูกต้องจ่ายเพื่อดูแลสุนัขกว่า 300 ตัว (แต่คาดว่าน่าจะเป็นแสนทีเดียว) คนใจบุญนี่ก็ใจบุญเหลือล้นจริงๆ ส่วนคนใจร้ายก็ร้ายได้แบบจินตนาการไม่ถึงทีเดียว ที่มา shanghaiist
-
ชายจีนพิการแขนขาดไม่ยอมแพ้โชคชะตา ประดิษฐ์แขนกลใช้เองจนสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
แม้ชีวิตของคนเราจะสูญเสียกำลังใจและอะไรหลายๆ อย่างไป แต่ก็อย่างได้ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเด็ดขาด เพราะหากคุณลุกขึ้นสู้แบบชายชาวจีนรายนี้ จะต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของนาย ซัน จีฟ่า วัย 63 ปี จากจังหวัดจี๋หลิน ประเทศจีน เขาได้สูญเสียแขนไปทั้ง 2 ข้าง แต่ด้วยความไม่ย่อท้อ ทำให้เขาประดิษฐ์แขนเหล็กขึ้นมาใช้ด้วยตนเอง จนได้รับฉายาว่า “ซันแขนเหล็ก” นายซันเล่าว่าเขาได้เข้าร่วมกับกองทัพเมื่อปี 1974 เข้ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระเบิดเป็นพิเศษ หลังจากรับใช้ชาติเสร็จแล้วเขาก็ถูกปลดประจำการกลับมาอยู่ที่บ้านและแต่งงานมีครอบครัว วันหนึ่งในเดือนกันยายนปี 1980 เขาได้ออกไปจับปลานอกบ้านเพื่อนำมาทำอาหารให้กับภรรยาของเขา แต่แทนที่จะใช้เบ็ตตกปลาแบบทั่วๆ ไป เขากลับใช้ตัวจุดระเบิดเพื่อระเบิดให้ปลาลอยขึ้นมาเหนือน้ำ แต่โชคร้ายที่ระเบิดดันระเบิดใส่มือของเขาก่อนที่จะระเบิดลงในแอ่งน้ำ ทำให้เขาสูญเสียแขนตั้งแต่ช่วงข้อศอกลงไป ในตอนนั้นนายซันรู้สึกท้อแท้กับชีวิตถึงขั้นอยากจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว โชคดีที่เขาได้กำลังใจจากภรรยา คนรอบๆ ตัว ทำให้นายซันฮึดสู้อีกครั้ง วันหนึ่งในปี 1934 นายซันได้ประดิษฐ์แขนกลขึ้นมาใช้กับแขนที่ขาดไปของเขา มันทำมาจากพลาสติก, ยาง และเหล็ก แต่นั่นยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเขา เลยมีการนำเอาแชนกลมาพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ …
-
ทารกน้อยพลัดตกตึกชั้น 5 หลังคุณยายปล่อยเล่นริมระเบียงคนเดียวจนประตูล็อค
อย่างที่ #เหมียวฟิ้น มักจะบอกกับเพื่อนๆ เสมอว่าไม่ควรปล่อยลูกน้อยไว้ในห้องนอนคนเดียว เพราะเด็กๆ มักอยากรู้อยากเห็นและซนยิ่งกว่าอะไรดี พวกเขาอาจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยนะ เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อช่วงบ่าย 3 ของวันที่ 10 มีนาคม หนูน้อยชาวจีนวัย 1 ขวบ ได้พลัดตกลงมาจากระเบียงชั้น 5 ที่อพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่งในเมืองดองกวน ประเทศจีน แต่โชคดีที่มีคนมาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน นางสาวซู หนึ่งในผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคาร ตอนนั้นฉันได้ยินเสียงร้องของเด็กพอดี ฉันเลยเงยหน้าไปมอง เห็นเด็กนั่งอยู่ที่ริมระเบียงชั้น 5 โดยมีขาข้างหนึ่งยื่นออกมาจากระเบียง” จากนั้นเธอก็รีบเข้าไปที่บ้านของตัวเองเพื่อดึงเอาเตียงออกมารองรับร่างของเด็กน้อยที่กำลังจะตกลงมา แถมยังมีเพื่อนบ้านที่อยู่แถวๆ นั้นเข้ามาช่วยเธอกันยกใหญ่ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามพังประตูเข้าไปช่วยเหลือเด็กน้อยออกมาจากระเบียง แต่เด็กน้อยดันร่วงลงมาซะก่อน แต่มีคนจำนวนมากช่วยถือที่นอนไว้ด้านล่าง ทำให้เด็กน้อยไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ตามรายงานบอกว่าสาเหตุที่เด็กน้อยตกลงมาจากระเบียงเป็นเพราะว่า ยายอุ้มหลานออกไปเล่นที่ระเบียง เล่นกันไปมาซักพัก คุณยายก็เข้าไปอยู่ฝั่งข้างในแล้วประตูดันล็อค ก็เลยทำให้เข้าไปที่ระเบียงไม่ได้ ซึ่งคุณยายเองสัญญาว่าจากนี้จะจะไม่ละสายตาจากหลานอีกเด็ดขาด ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า…
-
มันต้องไปได้ซิ!! คนขับแท็กซี่ในจีนหัวรั้น ขับรถลงพื้นซีเมนต์ที่ยังไม่แห้ง สุดท้ายติดแหงกจ้า
ทุกครั้งที่หน่วยงานของรัฐมีการปิดถนนเพื่อซ่อมบำรุง พวกเขาก็จำมีการนำเอาป้ายสัญลักษณ์หรืออุปกรณ์ต่างๆ มาวางกั้นไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน แต่ก็ยังมีคนขับรถบางคนที่ดื้อรั้นไม่ฟังใครเหมือนกันนะ… เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถนนเส้นหนึ่งในเมืองฉงฉิ่ง ประเทศจีน ได้มีการซ่อมบำรุงและเทปูนซีเมนต์ลงไปใหม่ โดยนำเอาที่กั้นมาวางไว้อย่างชัดเจน แต่ในขณะนั้นมีแท็กซี่ขับผ่านมาด้วยความเร่งรีบ เลยคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรหากขับผ่านไปด้วยความเร็ว จากนั้นแท็กซี่คันนี้ก็พุ่งลงไปยังพื้นซีเมนต์ที่ยังไม่แห้งดี ผลปรากฏว่าแหง็กซิครับ แท็กซี่คันนี้ไม่สามารถขับต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า รถแท็กซี่คันนี้ไม่ได้มีการชะลอแต่อย่างใด แถมยังขับทะลุสิ่งกีดขวางไปหน้าตาเฉย หลังจากที่คนขับแท็กซี่แหงกอยู่กับถนนได้ไม่นาน เขาก็ตัดสินใจได้เดินไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเอารถของเขาออกไป ก่อนที่รถของเขาจะติดอยู่กับถนนไปตลอดกาล อยากจะขอเตือนเพื่อนๆ เลยนะว่าหากเจอถนนซีเมนต์ที่ยังไม่แห้งแถวไหน อย่าขับรถไปเหยียบเด็ดขาด (ปกติก็ไม่มีใครเขาขับไปเหยียบอยู่แล้วแหละ) ที่มา shanghaiist
-
เป็นไปได้ไง!? จีนเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ 4 คันชนกันแบบครึ่งวงกลม ตำรวจคาดเกิดจากไม่ให้ทางกัน
อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่คงจะมีเพียงไม่กี่ครั้งหรอก ที่ทุกๆ คนจะต้องอึ้งและอุทานว่า “มันเกิดขึ้นได้ไงเนี๊ยะ!?” เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าวันที่ 9 มีนาคม ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบนถนน Yizhou ในมณฑลเสชวน ประเทศจีน ระหว่างรถยนต์ 4 คัน แต่ภาพที่เห็นไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาๆ แต่เป็นภาพที่รถทั้ง 4 คันกำลังคันชนกันเป็นรูปครึ่งวงกลม ทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาขับรถยังไงถึงชนกันแบบนั้น!? เมื่อเข้ามาดูให้ชัดๆ จะเห็นว่ามีรถ 3 คันชนกันจากซ้ายไปขวา ส่วนรถสีขาวที่อยู่ขวาสุดถูกชนที่ด้านท้าย หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวเข้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการสอบสวนโดยด่วน จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ทำให้รถบัสที่วิ่งตามมาจากด้านหลังต้องหยุดชะงักลง และส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยังไง ใครถูกหรือใครผิด แต่โชคดีที่คนขับรถทั้ง 4 คันไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง นี่อาจเกิดจากการที่คนขับรถทั้ง 4 คนไม่ยอมให้ทางแก่รถคันอื่นก็เป็นได้นะ เลยเกิดเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครยอมใครแบบนี้ยังไงล่ะ ที่มา dailymail
-
ผู้โดยสารจีนเปิดประตูเครื่องบินระหว่างรอเทคออฟ อ้าง “ผมจะสูดอากาศบริสุทธิ์” !?
กลายเป็นเรื่องราววุ่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนอีกแล้วล่ะ เพราะเมื่อผู้โดยสารเครื่องบินรายหนึ่งดันไปเปิดประตูฉุกเฉินระหว่างรอเครื่องเทคออฟ เพียงเพราะอยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์เท่านั้น!? เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าในระหว่างที่เครื่องบินจากสายการบิน China Southern กำลังเตรียมตัวที่จะเทคออฟออกจากสนามบิน จู่ๆ กลับมีผู้โดยสารรายหนึ่งเดินไปเปิดประตูฉุกเฉินแง้มๆ ไว้ เพื่อจะได้รับอากาศบริสุทธิ์ ตามรายงานบอกว่าสายการบินดังกล่าวกำลังจะออกจากมณฑลเฉินตู ไปยังเมืองอุรุมชี ต้องออกเดินทางช้ากว่ากำหนดเกือบ 1 ชั่วโมง ในขณะที่เจ้าหน้าที่สนามบินต้องวิ่งกันวุ่นเพื่อมาปิดประตู และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่บนเครื่องก็พบตัวชายผู้เปิดประตูฉุกเฉินบนเครื่องได้ โดยเจ้าตัวอธิบายว่าตนเองนึกว่าคันโยกของประตูฉุกเฉินคือคันโยกสำหรับเลื่อนหน้าต่างเครื่องบินให้เปิดออก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวจีนมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับประตูฉุกเฉิน เพราะมีรายงานกันว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2015 มีผู้โดยสารจีนเปิดประตูฉุกเฉินไปแล้วกว่า 15 ครั้งทีเดียว!! โชคดีที่เครื่องยังคงจอดอยู่กับที่ เพราะหากเปิดประตูฉุกเฉินในระหว่างที่เครื่องกำลังบินอยู่นั้นอาจทำให้ความดันเครื่องต่ำจนผู้โดยสารหายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้เลยทีเดียว เล่นเอาตกอกตกใจหมดเลยนะเนี๊ยะ ทีหน้าทีหลังไปสูดอากาศให้ฉ่ำปอดแล้วค่อยขึ้นเครื่องน้า ที่มา shanghaiist
-
อกอีแป้นจะแตก!! จีนจัดกิจกรรมให้คนแข่งกัน “ปลดตะขอบรา” นางแบบกลางห้างสรรพสินค้า!?
วันที่ 8 มีนาคมของทุกๆ ปี จะถือเป็นวันสตรีสากล เพื่อละลึกถึงคุณงามความดีต่อหญิงสาวใรด้านเศรษฐกิจการเมือง และบรบททางสังคมทั่วๆ ไป แต่ที่ประเทศจีนเขามีการเฉลิมฉลองวันดังกล่าวท่ “แตกต่าง” ไปจากภูมิภาคอื่นมากทีเดียว… เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเมืองหลิ่วโจว ประเทศจีน ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวันสตรีสากลโดยการให้นางแบบ 6 คนมายืนสวมชุดชั้นในกลางห้าง และให้เหล่าอาสาสมัครปลดตะขอที่บราของพวกเธอออกให้เร็วที่สุด!? ตามรายงานบอกว่ากิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วม 8 คนด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ชาย โดยกติกามีอยู่ว่า ผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้มือเพียงข้างเดียวในการปลดตะขอให้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ชนะได้แก่หนึ่งในหญิงสาวผู้เข้าแข่งขัน โดยใช้เวลาในการปลดตะขอไปทั้งสิ้นเพียง 14 วินาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผู้จัดงานและคนออกไอเดียดังกล่าวดูจะยังไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของวันสตรีสากลเท่าไหร่นัก เพราะแทนที่พวกเขาจะสร้างความเท่าเทียมทางเพศกลับนำเอามาเป็นกิจกรรมสนุกสนาน แถมยังสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบออกมาเสียเป็นส่วนใหญ่ เหมียวนี่อึ้งไปเลย ที่มา dailymail
-
ร้านอาหารข้างถนนในจีนไอเดียแหวก จ้างพริตตี้มายืนหน้าร้านหวังเรียกความสนใจจากคนผ่านไปผ่านมา!?
หากคุณทำธุรกิจค้าขายอาหารตามข้างทาง แล้วอยากจะเรียกความสนใจจากลูกค้าให้ได้มากๆ พวกคุ้ณอาจจะทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมหรือสร้างเมนูใหม่ๆ มาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองใช่ไหมล่ะ แต่ร้านอาหารที่จีนร้านนี้มีไอเดียที่แปลกแหวกแนวยิ่งกว่านั้น… เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าร้านอาหารตามข้างทางในเมืองเว่ยฟาง มณฑลซานตง ประเทศจีน ได้จ้างนางแบบเอวบางร่างน้อย (แถมยังนุ่งน้อยห่มน้อย) ให้มายืนประจำอยู่ที่หน้าร้าน เพื่อเรียกความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ทั้งนี้ไม่มีการรานงานว่าร้านค้าร้านไหนที่เป็นคนเริ่มการจัดกิจกรรมแบบนี้เป็นร้านแรก แต่หลังจากที่มันเริ่มโด่งดัง ร้านค้าอื่นๆ เช่น ร้านขายซุป ขนมปังนึ่ง และอีกมากมาย ก็หันมาจ้างนางแบบพริตตี้สวยๆ มายืนหน้าร้านกับเขาด้วย และแน่นอนว่าการจัดกิจกรรมแบบนี้จะต้องมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างแน่นอน หนึ่งในสมากชิกของโลกออนไลน์ที่ใช้นามแฝงว่า Kuaibao กล่าวว่า “นี่มันเป็นภาพโกหกที่บ่อนทำลายมณฑลซานตงชัดๆ” ส่วนอีกความเห็นหนึ่งบอกว่า “แม่สาวคนนี้ดูน่าเกลียดมาก ฉันแทบจะกลืนอาหารไม่ได้เลย” มีร้านอาหารในไทยร้านไหนสนใจอยากทำแบบนี้บ้างไหม” จ้าง#เหมียวฟิ้นได้นะ ไม่งอแง ยืนนานเท่าไหร่ก็ได้ ที่มา shanghaiist
-
เฉินหลงมาเอง!! หนุ่มจีนแอบเป็นชู้กับแฟนคนอื่น โดดหนีออกระเบียง หลังสามีของเธอกลับมาไม่ทันตั้งตัว
การที่เรารักเดียวใจเดียวนี่ถือเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะมันทำให้ความรักของคนสองคนยั่งยืน ปัญหาอะไรๆ ก็สามารถจัดการได้ง่าย (เมื่อมีน้อยคน) แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีอีกคน (หรือที่เราชอบเรียกว่ากิ๊ก) ปัญหาอีนุงตังนังก็จะตามมาแบบนี้แหละ เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอวุ่นๆ ของชายนิรนามชาวจีนที่แอบไปโจ๊ะพรึมๆ กับหญิงสาว ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง แต่ระหว่างนั้นเองดูเหมือนว่าสามีของฝ่ายหญิงจะกลับมาโดยไม่ทันตั้งตัว เขาจึงรีบโดดออกจากห้องของเธอด้วยความเร็วแสง หนุ่มจีนรายนี้รีบวิ่งออกไปยังอีกห้องหนึ่งที่ไม่ได้ล็อคเอาไว้ และเปิดออกไปยังระเบียงด้านหลังในสภาพที่กำลังนุ่งกางเกงในสีแดงเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็รีบสวมเสื้อผ้าอย่างว่องไวและห้อยเชือกกับระเบียงเพื่อโรยตัวลงมายังชั้นล่าง คลิปเหตุการณ์ทั้งหมดถูกถ่ายไว้ได้โดยนายหลิวและนายเฉา ทั้งสองพักอาศัยอยู่ในอาคารแห่งนี้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเขาเห็นชายคนหนึ่งโดดออกมาที่ระเบียงเขาก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอไว้ และเพิ่งจะรู้ตัวว่าห้องที่ชายชู้โดดออกมานั้นเป็นห้องนอนของพวกเขาเอง!? นายหลิวให้สัมภาษณ์กับนักข่าวภายหลังว่าห้องนั้นคือห้องของเขา ซึ่งอาจจะลืมล็อคห้องเอาไว้ ทำให้ชายชู้เข้าไปในห้องนั้นได้นั่นเอง ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย แหม่ ความกลัวนี่มันทำให้เราทำได้ทุกอย่างจริงๆ ที่มา mirror , 中大电视新闻频道
-
หลอนหนักมาก!! สาวจีนเสียชีวิตอยู่ในลิฟท์นาน 30 วัน โดยไม่มีใครเอะใจเลยว่าเธออยู่ในนั้น!?
กลายเป็นข่าวที่ชวนให้ขนลุกทีเดียว สำหรับกรณีของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่เสียชีวิตอยู่ในลิฟท์นานกว่า 1 เดือน ภายในอพาร์ทเม้นโดยที่ไม่มีใครเอะใจเลยว่าร่างของเธอติดอยู่ในนั้น!? เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพของหญิงสาวเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่อพาร์ทเม้นในมณฑลส่านซี ประเทศจีน จึงได้ทำการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเธอไปติดอยู่ในนั้นได้อย่างไร? หญิงสาวแซ่หวัง หนึ่งในผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า อาคารมีลิฟท์ 2 ตัว ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในอาคารสามารถใช้มันได้หมด แต่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมามีลิฟท์ตัวหนึ่งเกิดเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เมื่อวันที่ 1 มีนาคม เธอกลับมาจากที่ทำงานตามปกติ เธอก็เห็นรถพยาบาลมาจอดอยู่ที่หน้าอพาร์ทเม้น และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกับแพทย์ยืนอยู่ด้านนอกอาคารจำนวนมากทีเดียว “ตอนแรกฉันคิดว่าหนึ่งในผู้สูงอายุในอาคารนี้จะเจอปัญหาเข้าซะแล้ว แต่ตำรวจบอกฉันว่ามีการพบศพในลิฟท์” ทั้งนี้ผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารแห่งนี้คาดการณ์กันว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเสียชีวิตจากการอดอาหารเป็นเวลานาน มันเลยทำให้ภายในลิฟท์เกิดภาพที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ ตามแหล่งข่าวไม่ได้ระบุว่าผู้ตายเข้าไปติดอยู่ในลิฟท์นานขนาดนั้นได้อย่างไรโดยที่ไม่มีครอบครัว เพื่อน หรือใครเอะใจเลยว่าเธอหายไป ทั้งนี้มีการเรียกร้องให้ทางลิฟท์ติดตั้งระบบเตือนภัยเพื่อให้คนที่อาจติดอยู่ในลิฟท์สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากคนภายนอกได้ เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่คาดการณ์ไม่ได้จริงๆ จะขึ้นลิฟท์ที่ไหนก็ดูลู่ทางดีๆ นะ ที่มา shanghaiist
-
อั้วไม่จ่าย!! นักท่องเที่ยวจีนโวยร้านอาหาร ทำไม่อร่อย ให้น้อย ประท้วงไม่จ่ายเงิน!?
แม้ว่าประเทศไทยจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีน จนมีกรุ๊ปทัวร์พากันมาเที่ยวที่นี่อย่างไม่ขาดสาย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เสมอไปล่ะ เพราะมีข่าวคราวว่านักท่องเที่ยวจีนพากันขับรถชนชาวไทยมาแล้วหลายต่อหลายครั้งเนื่องจากไม่เข้าใจกฎหมายจราจรบ้านเรา ล่าสุดมีเรื่องราววุ่นๆ ของนักท่องเที่ยวจีนมาให้เราได้เห็นอีกแล้ว เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางไปแวะทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แต่กลับโวยวายขอไม่จ่ายเงิน เพราะอ้างว่าอาหารไม่อร่อยแถมยังได้น้อยอีกต่างหาก ลองชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย แก๊งจีนโวยลั่น! ขอไม่จ่าย..เพราะอาหารไม่อร่อย::–> แก๊งจีนโวยลั่น! กินไม่จ่าย..เพราะอาหารไม่อร่อย <–:: โดย@รักฟ้า เภตรา_[ได้โพสต์ไว้ว่า]: แดกแล้วไม่ยอมจ่ายคะ !! บอกอาหารไม่อร่อย ได้น้อย แพง งู้นงี้ แต่..แดกหมด !! ปล. #โปรดใช้วิจารณญาณ ~ CREDIT: @รักฟ้า เภตรา |https://goo.gl/DyBnIG ************************* ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@Ruttanarut Chaikaew Posted by YouLike (คลิปเด็ด) on 28 กุมภาพันธ์ 2016 หลังจากที่คลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คุณรักฟ้า เภตรา ก็ได้ออกมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของคลิปนี้เองพร้อมทั้งให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า “หนูเป็นคนถ่ายคลิปค่ะ แย่มาก! ดูเมนูทั้งที่รู้ว่ามันแพง แต่ก็ยังสั่ง!…
-
เหมียวอ่าน 3 รอบแล้วงงมาก!! จีนเปิดตัวหนังใหม่เกี่ยวกับไทย “สยามตายหมอนวด” !?
ดูเหมือนว่าในระยะหลังมานี้ สื่อภาพยนตร์ในจีนจะให้ความสนใจกับเรื่องราวในประเทศไทยมากขึ้น อาจเป็นผลพวงมาจากภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand เมื่อปี 2012 ทำให้ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ในจีนเริ่มดึงเอาผู้กำกับไทยไปทำหนังให้กับพวกเขา อย่างเช่นล่าสุดสตูดิโอภาพยนตร์ในจีนได้จ้าง ทวีวัฒน์ วันทา ผู้กำกับชาวไทยที่เคยกำกับ ทองสุก 13, อสุจ๊าก และขุนกระบี่ ผีระบาด ไปทำหนังสยองขวัญเรื่องใหม่ให้ แต่ที่กลายเป็นประเด็นไปทั่วโลกออนไลน์ก็คงจะเป็นชื่อไทยของหนังเรื่องนี้นี่แหละ เพราะชื่อไทยของหนังเรื่องนี้มีชื่อว่า สยามตายหมอนวด เล่นเอาชาวไทยถึงกับงงเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะอ่านท่าไหนหรือพลิกกี่ตลบมันก็ดูงงๆ อยู่ดี แถมยังมีคำโปรยชวนงงอีกว่า “ครั้งแรกในไทยกับอาจารย์แนวสยองขวัญระทึกขวัญครั้งแรกในประเทศจีน” ทำให้งงเข้าไปใหญ่ว่าตกลงแล้วในจีนหรือในไทยกันแน่? นอกจากนี้ชาวเน็ตยังได้ตั้งข้อสังเกตกันว่าชื่อไทยที่ได้มาแบบงงๆ นี้อาจจะเกิดจากการใช้ Google Translate ก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อนำเอาชื่อหนังภาษาจีนไปแปลแล้วก็ปรากฏว่าใช่จริงๆ !! แปลจาก Google Translate จริงๆ ด้วย ชมตัวอย่างหนังได้ที่ด้านล่างเลย ตัวหนังก็น่าสนใจดีนะ แต่#เหมียวฟิ้นว่า ลองเปลี่ยนชื่อซะหน่อยดีไหม? ที่มา ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
-
เหงาน่าดู…โรงเรียนประถมในจีน เหลือนักเรียนเพียงคนเดียว เพราะผู้ปกครองพาลูกๆ ไปเรียนในเมืองกันหมด
เชื่อว่าในสมัยเรียน เพื่อนๆ คงเคยผ่านประสบการณ์สุดอ้างว้างอย่างเช่นเพื่อนสนิทไม่มาโรงเรียน หรือเพื่อนในห้องต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อ จนทำให้รู้สึกเหงาๆ กันบ้างใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครเหงาเท่าเด็กชายคนนี้อีกแล้ว เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยภาพสุดว้าเหว่ของเด็กชายหลิว เจียนคัง เด็กนักเรียนในโรงเรียนประถม Taohuagou ในมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ที่นักเรียนอยู่ภายในห้องเรียนเพียงคนเดียว หนำซ้ำทั้งโรงเรียนยังมีนักเรียนเพียงแค่เขาคนเดียวอีกด้วย ทางด้านคุณครู หลิว เซาหมิง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า โรงเรียนแห่งนี้เคยมีนักเรียนมากถึง 300 คน และคุณครูอีกกว่า 30 คนทีเดียว แต่เนื่องจากเหล่าผู้ปกครองต้องการให้ลูกๆ ได้เรียนในเมืองเพื่อสร้างโอกาสทางหน้าที่การงานที่ดีกว่า พวกเขาจึงทยอยพาลูกหลานออกไปจากที่นี่กันจนหมด ทั้งนี้ตามรายงานยังบอกอีกว่าสาเหตุที่เด็กชายหลิวยังคงเรียนที่นี่เพียงคนเดียวก็เพราะว่าพ่อแม่ของพวกเขาต้องปล่อยให้ลูกชายเรียนอยู่ที่ต่างจังหวัดแทนที่จะเข้าไปเรียนในเมืองกับพวกเขา เนื่องจากการเดินทางไปอยู่ในเมืองนั้นมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่า และพ่อแม่ของพวกเขาก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินเลยไม่สะดวกที่จะพาลูดชายไปกับพวกเขาด้วย นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการขับเคลื่อนเศษฐกิจในจีน ที่ผลักดันให้คนเข้าไปทำงานในเมืองมากกว่าที่ชนบท ทำให้เหล่าพ่อแม่หลายๆ คนต้องทิ้งให้ลูกๆ เติบโตโดยที่ไม่มีพวกเขา (หรือเพื่อนร่วมชั้น) อยู่เคียงข้างนั่นเอง น่าสงสารน้องเขาจัง หวังว่าจะมีเพื่อนใหม่มานั่งเรียนด้วยนะ ที่มา shanghaiist
-
เผยภาพสะเทือนใจ เด็กจีนร้องไห้โฮ รั้งแม่ไม่ให้ไปทำงานไกลบ้าน เพราะทนคิดถึงไม่ไหว
ในช่วงเทศกาล Spring Festival หรือช่วงวันหยุดตรุษจีนที่ผ่านมา ในประเทศจีนได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างคึกคัก และเป็นโอกาสให้เหล่าลูกจ้างทั้งหลายได้กลับไปเยี่ยมญาติๆ ตามต่างจังหวัดอีกด้วย แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราฉันใด วันหยุดก็ย่อมมีวันหมดฉันนั้น เมื่อสิ้นสุดช่วงวันหยุดยาว เหล่าชาวจีนจำนวนมากก็พากันขนข้าวขนของกลับเข้าเมืองไปทำงานตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าเด็กชายคนนี้จะไม่ยอมให้แม่ของเขากลับไปทำงานง่ายๆ แถมยังเหนี่ยวรั้งคุณแม่ของเขาไว้สุดชีวิต กลายเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจทีเดียว เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanhaiist ได้เปิดเผยภาพสุดสะเทือนใจของเฟงเฟง เด็กชายวัย 7 ขวบ ในเมืองเควียงหลาย ประเทศจีน ที่ร้องไห้จ้า และดึงรั้งคุณแม่ของเขาไม่ให้กลับไปทำงานในเมืองใหญ่ จนกลายเป็นภาพที่ชาวจีนส่งต่อกันมากที่สุดในโลกออนไลน์ขณะนี้เลย ตามรายงานบอกว่าเด็กชายเอาแต่ตะโกนด้วยคำพูดซ้ำๆ ว่า “แม่ทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ” พร้อมกับร้องไห้สะอื้นและถีบประตูรถยนต์อย่างรุนแรง เพราะกว่าจะได้เจอหน้าแม่ของเขาอีกครั้งก็ต้องรอให้ถึงเทศกาลตรุษจีนในปีหน้าเลยทีเดียว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านกว่า 61 ล้านคน จากทั่วประเทศต้องย้ายเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ๆ เพื่อหางานดีๆ ทำ พวกเขาเลยต้องฝากลูกๆ ไว้กับคนที่บ้านอย่างคุณตาคุณยาย เพื่อให้เลี้ยงลูกแทนพวกเขานั่นเอง น่าสงสารคนที่ต้องอยู่ห่างไกลกันแบบนี้มากเลยนะเนี๊ยะ แต่มันทำให้เราเห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกันมากขึ้นนั่นเอง ที่มา shanghaiist
-
หนูน้อยคลานเล่นในห้องจนหัวติดลูกกรงห้อยต่องแต่ง!! หลังคุณแม่ทิ้งไว้ในห้องคนเดียว
สำหรับพ่อแม่คนไหนที่ชอบปล่อยลูกให้เล่นคนเดียวอยู่ในห้องอาจจะต้องดูไว้เป็นตัวอย่างหน่อยแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้พวกคุณหวาดกลัวจนไม่อยากปล่อยเขาไว้ตามลำพังเลย เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าคุณพ่อคุณแม่ชาวจีน ปล่อยลูกน้อยให้เล่นอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ชั้น 3 ตามลำพัง แต่โชคร้ายที่หนูน้อยดันพลัดตกไปที่ลูกกรงตรงระเบียง ทำให้ร่างของเขาห้อยต่องแต่งจนน่าหวาดเสียว ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองหม่าเจียง มณฑลเจียงซูของจีน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โชคดีที่ศีรษะของหนูน้อยไปติดเข้ากับลูกกรงทำให้ยังไม่ตกลงมา เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่ม 3 คนที่อยู่แถวนั้นจึงรีบปีนขึ้นไปช่วยเด็กน้อยเพราะเกรงว่าจะตกลงมาซะก่อน เมื่อทราบเรื่อง นางหยางผู้เป็นแม่ก็ได้รีบออกตามหาชาย 3 คนที่ช่วยลูกน้อยของเธอไว้และกล่าวขอบคุณ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุ เธอกล่อมลูกน้อยจนนอนหลับและไม่คิดว่าจะตื่นขึ้นมากลางคัน เธอจึงออกไปข้างนอกเพื่อทำธุระ ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย พ่อแม่คนไหนชอบปล่อยลูกไว้ที่ห้องหรือที่บ้านแบบนี้คงต้องระวังกันหน่อยแล้วล่ะ หากลูกน้อยเป็นอะไรขึ้นมา#เหมียวฟิ้นว่ามันไม่คุ้มกันแน่นอน ที่มา GlobalNewsAZ , dailymail
-
สาวจีนขับรถไม่คล่อง ใส่เกียร์ถอยระหว่างจอด ทำรถ Volkswagen ตกลานจอดรถสูง 4 เมตร!!
นี่อาจเป็นอุทาหรณ์สอนใจสาว (หรือหนุ่มบางคนที่ขับรถไม่คล่อง) ว่าเวลาจะจอดรถ ควรจะเช็คเกียร์ของคุณให้ดีๆ ซะก่อน เพราะหากเข้าเกียร์ผิดอาจทำให้รถของคุณเจ๊งไม่มีชิ้นดีแบบนี้ เมื่อวันที 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าหญิงสาววัย 38 ปี จากเมืองฉงชิ่งประเทศจีน ที่ไม่ได้ขับรถมาเป็นเวลานาน ได้พยายามจอดรถบนลานจอดรถที่ด้านหลังมีถนนต่างระดับถึง 4 เมตร และใครๆ ก็คงรู้ดีว่าเวลาจะจอดรถนั้นควรจะเข้าเกียร์ว่างและดึงเบรคมือ แต่สาวจีนรายนี้กลับใส่เกียร์ถอย ทำให้รถ Volkswagen คันงามของเธอถอยหลังและร่วงลงไปยังถนนด้านล่างจนพังยับเยินเหมือนรถของเล่น แต่โชคดีที่เจ้าตัวปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน และนี่คือสภาพรถของเธอที่ไม่ต่างอะไรกับรถของเล่นเด็กเลย ทีหน้าทีหลังเวลาจะจอดรถที่ไหนก็ตาม ลองเช็คดูนะว่ารถของคุณอยู่ในเกียร์ว่างหรือเปล่า หรือถ้าเป็นเกียร์ออโต้ ลองเช็คดูว่าอยู่ในเกียร์ P ไหม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากจอดในห้างหรือจอดซ้อนคันก็ไม่ควรดึงเบรคมือเอาไว้นะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
คนไข้สติแตกหยิบมีดจี้คอพยาบาลสาว แต่ทุกคนมัวแต่ถ่ายคลิป เจ้าตัวเลยแจ้งตำรวจเองซะเลย!?
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าพยาบาลสาวในโรงพยาบาลนานกิง ประเทศจีน ถูดผู้ป่วยสติแตกรายหนึ่งจับเป็นตัวประกันพร้อมกับใช้มีดจี้ไปที่คอของเธอ ทำให้เหล่าคนไข้คนอื่นในโรงพยาบาลพากันแตกตื่นไปตามๆ กัน ตามรายงานบอกว่าคนไข้รายนี้มีอายุราว 40 ปี เอาแต่ตะโกนโหวกเหวกว่า “ฉันไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว มีบางคนกำลังวางแผนจะฆ่าผมอยู่!!” จากนั้นเขาก็คว้ามีดปอกผลไม้ขึ้นมาแล้วจี้มันไปที่คอของพยาบาลสาว แต่แทนที่คนไข้คนอื่นๆ จะพยายามเรียกตำรวจหรือช่วยพูดให้ชายคนนี้สงบสติอารมณ์ลง กลับเอาแต่หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพและคลิปวิดีโอกันยกใหญ่ และก่อนที่เรื่องราวจะใหญ่โตไปกว่านั้น เขาได้บอกให้คนไข้ที่อยู่ใกล้ๆ เขาโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาจับตัวเขาด้วยตัวเอง (!?) เมื่อตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก็สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และช่วยตัวพยาบาลสาวออกมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน ใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ให้รีบแจ้งตำรวจนะจ๊ะ ไม่ใช่เอาแต่ถ่ายคลิปจนต้องให้คนร้ายมาเตือนแบบนี้ ที่มา shanghaiist
-
คุณปู่ชาวจีนวัย 66 ซ้อมจัดงานศพแบบหลอกๆ ของตัวเอง เพื่อเช็คว่าจะมีคนมาร่วมงานศพมากแค่ไหน
สมัยนี้ไม่ว่าจะทำอะไร หลายคนก็มักจะวางแผน และกำหนดเป้าหมายในชีวิตเอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมรับมือกับอนาคต บางคนก็วางแผนว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือทำในสิ่งที่ตนเองรัก แต่จะมีใครบ้างละที่คิดวางแผนซ้อมจัดงานศพของตัวเอง แน่นอนว่าคงไม่มีใครเคยคิดแบบนี้หรอกใช่ไหม แต่ความคิดที่แปลกสุดขั้วแบบนี้มันดันเข้าไปอยู่ในหัวของ Zhang Deyang คุณปู่วัย 66 ปี ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ณ มณฑลซานตง ประเทศจีน คนนี้ซะแล้ว งานนี้แกก็เลยตัดสินใจซ้อมจัดงานศพของตัวเองขึ้นมายังไงละ หา!! เอาจริงหรอเนี่ยคุณปู่ โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ทางสำนักข่าว Shanghaiist ได้รายงานว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คุณปู่ Zhang คนนี้ ได้ตัดสินใจจัดงานศพหลอกๆ ของตัวเองขึ้น เพื่อเป็นการซ้อมก่อนงานศพของจริง ซึ่งสาเหตุที่คุณปู่ได้จัดงานศพหลอกๆ ของตัวเองขึ้นมา ก็เพราะคุณปู่อยากจะเช็คเรทติ้งสักหน่อย ว่าจะมีชาวบ้านมาร่วมงานศพหลอกๆ ของแกสักกี่คนกัน และในที่สุดตัวเลขที่ได้ ก็เป็นที่พออกพอใจกับคุณปู่เป็นอย่างมากเลยละ เพราะการซ้อมงานศพหลอกๆ ของคุณปู่ในครั้งนี้ มีชาวบ้านมาร่วมพิธีถึง 40 คน และนอกจากชาวบ้านในหมู่บ้านของเขาแล้ว…
-
คุณป้าวัย 50 กระโดดน้ำช่วยชีวิตเด็ก แต่หลังเกิดเหตุก็เดินหายไป แม้แต่คำขอบคุณก็ยังไม่ทันได้กล่าว!!
การทำดี โดยที่ไม่หวังสิ่งใดๆ ตอบแทน ถือเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรปฏิบัติ เพราะนอกจากคุณจะได้รับคำยกย่องแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับในสังคมอีกด้วย เหมือนกับเรื่องราวของคุณป้าวัย 50 ที่ทางสักนักข่าวต่างประเทศได้นำมาเผยในครั้งนี้ เรียกได้ว่ามันช่างน่าประทับใจมากจริงๆ เพราะคุณป้าแก ยอมเปียกปอนกระโดดลงน้ำเพื่อลงไปช่วยเหลือชีวิตเด็กยังไงละ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ทางสำนักข่าว Shanghaiist ได้รายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า มีเด็กชายวัย 8 ขวบรายหนึ่ง กำลังเล่นโรลเลอร์สเกตอยู่ในเมืองต้าหยุน มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน แต่จู่ๆ เด็กน้อยก็เกิดพลัดตกน้ำไปซะอย่างนั้น งานนี้เมื่อคุณป้าวัย 50 ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี จึงรีบจะกระโดดลงไปช่วยเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย แล้วพาเขากลับขึ้นฝั่ง พร้อมกำชับคนบนฝั่งดูแลเด็กอีกด้วย หลังจากพาตัวเด็กขึ้นฝั่งแล้ว ยังไม่มีใครได้เอ่ยคำขอบคุณ คุณป้าก็ว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งอีกฝั่งหนึ่งแล้ว จากนั้นเธอก็เดินกลับบ้านไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อภาพของคุณป้าถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างก็พากันยกย่องถึงความดีของเธอ ว่าเธอนั้นเป็นคนดีที่แท้จริง แม้แต่มีสื่อมาขอสัมภาษณ์ คุณป้ายังขอปฏิเสธ บอกเพียงแต่ว่า มันเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยที่คนคนหนึ่งควรพึงกระทำเท่านั้น ที่มา : shanghaiist
-
ทำไปได้!! หนุ่มจีน นั่งยองๆ อึบนพื้นกลางป้ายรถเมล์แบบชิวๆ แถมเอาบุหรี่ขึ้นมาดูดอย่างสบายใจเฉิบ
หากเป็นเหตุการณ์ที่ชวนให้คนดูทั้งโลกอึ้งไปตามๆ กัน แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องยกให้พี่จีนเค้าเลยละ เพราะบ่อยครั้งที่เราได้นำเสนอเรื่องราว หรือเหตุการณ์ต่างๆ ของคนประเทศนี้ เรียกได้ว่ามีแต่เรื่องแปลกๆ ชวนตะลึงซะส่วนใหญ่ และล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ก็ได้เผยภาพพฤติกรรมสุดยี้ของพี่จีนอีกเช่นเคย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เกิดขึ้นที่เมืองหลานโจว ในมณฑลกานซู จากภาพเราจะเห็นอาตี๋รายหนึ่ง อยู่ในสภาพปลดกางเกงเปลือยก้น แล้วนั่งยองๆ ทำท่าเหมือนกำลังปล่อยอึบนพื้นกลางป้ายรถเมล์ และดูท่าทางไม่มีการเขินอายเลยแม้แต่น้อย เท่านั้นยังไม่พอนอกจากพี่แกจะปล่อยอึกลางที่สาธารณะแล้ว อาตี๋คนนี้ยังเอาบุหรี่ขึ้นมาดูดอย่างสบายใจเฉิบอีกด้วย เอิ่ม!! ทำไปได้เนาะ ลองไปชมคลิปวีดีโอกันเลย ดูเหมือนว่าสิ่งที่อาตี๋กำลังทำ จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในบรรดาคนจีนไปซะแล้วนะเนี่ยเมี๊ยวววว ที่มา : mirror
-
หญิงสาวสั่งรองเท้ามาจากในเน็ต แต่เอ๊ะทำไมตอนเราใส่ ไม่เห็นสวยเหมือนในภาพเลย!
ปัญหาการสั่งซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจากอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นเรื่องที่เราพบเห็นได้เป็นประจำ ด้วยความที่ผู้ซื้อไม่สามารถทดลองใส่ก่อนได้ ทำให้บางครั้งสินค้าที่ได้มา ไม่พอดีตัวบ้างอะไรบ้าง อย่างเช่นสิ่งที่สาวจีนคนนี้เจอ ระหว่างที่เธอท่องอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยๆ เธอเห็นรองเท้าคู่หนึ่งสวยงามสะดุดตา เธอจึงตัดสินใจสั่งมาครอบครองซักคู่หนึ่ง จากในภาพนี้ เป็นรองเท้าที่สวยเก๋ เท่ไม่หยอกจริงๆ แต่เมื่อรองเท้าที่เธอสั่งเดินทางมาถึง เธอก็ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เพราะนอกจากสีไม่สวยเหมือนในรูปแล้ว ยังรัดติ้วจนขาเป็นรอยอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้วใครจะสั่งสินค้าทางเน็ต ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ ขอให้ไปลองก่อนเถอะฮะ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา เสียทั้งเงิน เสียทั้งอารมณ์ เสียทั้งเวลานะคร๊าฟ ที่มา http://tt.mop.com/
-
เฮ้ย!! ชาวจีนขนไก่และเป็ดกลับบ้านหลังเทศกาลตรุษจีน ด้วยการห้อยถุงก๊อบแก๊บไว้หลังรถ!?
หลังจากที่ชาวจีนหยุดยาวในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ก็มีอันต้องโบกมือลาวันหยุดยาวแล้วในวันนี้ และกลับไปทำงานทำการกันเสียที ชาวจีนส่วนใหญ่ก็ขับรถจากต่างจังหวัดกลับเข้าเมืองไปทำงานกันต่อในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทางบ้านของแต่ละคนก็จะต้องมีของฝากให้ลูกๆ หลานๆ เอากลับไปกินกันต่อที่บ้าน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า “วิธีการ” ขนกลับไปมันจะชวนเหวอได้ขนาดนี้!? เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เฟซบุ๊กเพจของสำนักข่าว People’s Daily, China ได้เผยแพร่ภาพสุดแปลกที่มีคนถ่ายได้ระหว่างการเดินทางบนถนนในจีน เผยให้เห็นภาพรถเก๋งคันงามกำลังขนเป็ดและไก่ขึ้นรถไปด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือพวกเขานำเป็ดและไก่ใส่ถุงก๊อบแก๊บแล้วห้อยไว้ท้ายรถ บางคันถึงขั้นเอาสก็อตเทปมาพันไว้รอบๆ ตัวไก่เพื่อไม่ให้มันดิ้นหลุดไปไหน ทำเอาผู้ใช้รถใช้ถนนถึงกับอึ้งกิมกี่เลยทีเดียว ขนไก่กลับบ้านน่ะไม่เป็นไร แต่พี่ไม่คิดจะหากรงหากล่องอะไรใส่ให้ดีๆ หน่อยเหรอ? ที่มา People’s Daily, China
-
เล่นเสียวไม่เลิก!! กลับมาอีกครั้งกับ 3 หนุ่มรัสเซียจมปีนตึก คราวนี้บุกไปถึงเมืองจีนเลย
บางคนอาจจะเคยได้ยินหรือได้เห็นชื่อของแก๊งวัยรุ่นรัสเซีย Madkhorov และ Raskalov มาบ้าง พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ชอบท้าทายความตายด้วยการแอบขึ้นไปปีนตึกสูงๆ ตามที่ต่างๆ แล้วถ่ายคลิปมาให้ชาวเน็ตได้ชมกัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า แก๊งวัยรุ่นรัสเซียกลุ่มนี้ได้พากันไปปีนตึกระฟ้าแห่งใหม่อีกแล้ว คราวนี้เป็นตึกชุนหิงสแควร์ในเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อดูจากภาพความสูงแล้วถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว เพราะตึกแห่งนี้เป็นตึกระฟ้าที่มีความสูงถึง 384 เมตร มีทั้งหมด 69 ชั้น และสร้างเสร็จเมื่อปี 2539 และพวกเขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าระดับความสูงแค่นี้ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนุ่มๆ แก๊งนี้พากันไปปีนตึกท้าตาย เพราะเมื่อปีที่แล้วพวกเขาก็เคยไปปีนตึกระฟ้าที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกที่เซิ่นเจิ้นมาแล้ว เล่นอะไรก็อย่าให้มันหวาดเสียวหรือเดือดร้อนคนอื่นเลยนะ เกิดพลาดท่าตกลงไปรับรองว่าไม่สวยแน่ๆ ที่มา shanghaiist , on the roofs
-
ชาวเชียงใหม่โอด นักท่องเที่ยวจีนแห่ขับรถมาไทย เกิดอุบัติเหตุกลับไม่จ่ายสักบาท!?
ในช่วงนี้ดูจะมีนักท่องเที่ยวจีนหลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในแถบจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนแห่กันขับรถเข้ามาเที่ยวในตัวเมือง จนชาวเชียงใหม่หลายคนโอดครวญเกี่ยวกับปัญหารถติดและอุบัติเหตุพอสมควร และหากใครได้ติดตามข่าวคราวในช่วงนี้จะพบว่ามีรถยนต์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนเกิดอุบัติเหตุชนกับรถของชาวไทยหลายครั้ง อันเนื่องมาจากกฎหมายจราจรและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก อินทิรา อุ๋มอิ๋ม ก็ได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ตนเองถูกรถยนต์ของนักท่องเที่ยวจีนชนมาเหมือนกัน โดยเจ้าตัวเล่าว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 ของวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เธอได้ขับรถจากลำปางไปเชียงใหม่ แต่ระหว่างทางกลับเจอรถของคนจีนพุ่งออกมาจากซอยทางด้านซ้ายมืออย่างกะทันหันและชนเข้าที่ด้านข้างของรถยนต์เธอ จากการปะทะทำให้รถของเธอได้รับความเสียหาย ทั้งยางแตก ฝาครอบไฟเลี้ยวแตก และกันชนหน้ายุบ ทั้งนี้เมื่อเธอขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าไหร่ เพราะเห็นว่านักท่องเที่ยวเป็นชาวจีนมีเพียงพรบ.คุ้มครองเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น อ่านเรื่องราวของเธอแบบเต็มๆ ได้ที่นี่เลย เป็นแบบนี้ก็แย่เลยนะเนี๊ยะ หรือว่าเราควรจะมีมาตรการอะไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแบบนี้ไหม? ยังไง#เหมียวฟิ้นขอฝากเรื่องนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยนะจ๊ะ ที่มา อินทิรา อุ๋มอิ๋ม
-
เสียวไปยันต่อมหมวกไต!! นักท่องเที่ยวจีนนับพันแห่เดินขึ้นเขาในฉงชิ่ง ทางเดินหวาดเสียวมาก!!
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบความหวาดเสียวและมีแพลนว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศจีน คุณอาจจะอยากมาที่นี่ก็ได้ เพราะวันนี้#เหมียวฟิ้น จะพาเพื่อนๆ เดินทางไปยังเมืองฉงชิ่ง เพราะที่นั่นมีทางเดินขึ้นเขาเส้นเล็กๆ ชวนหวาดเสียวไปยันไส้ติ่งและต่อมหมวกไตเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในเมืองฉงชิ่งประเทศจีน ได้มีการเปิดตัวทางขึ้นเขาแห่งใหม่ บนภูเขา Qianjiang Guangyin ซึ่งอยู่ห่างจากระดับพื้นดินกว่า 500 เมตร ทั้งนี้มีรายงานกันว่าหลังจากที่มีการเปิดตัวสะพานไปได้ไม่นาน ก็มีนักท่องเที่ยวและชาวจีนที่แสวงหาความตื่นเต้นจำนวนมาก แห่กันไปเดินขึ้นเขากันอย่างล้นหลามทีเดียว ตามรายงานบอกว่าทางเดินแห่งนี้มีระยะทางทั้งสิ้น 8 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการสร้างไปทั้งสิ้น 600 ล้านหยวน หรือประมาณ 3.2 พันล้านบาททีเดียว!! สำหรับใครที่ชื่นชอบความหวาดเสียวก็ไปตีตั๋วไปท่องเที่ยวกันได้นะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
คนรวยในประเทศจีน แห่เลี้ยงลิงพันธุ์จิ๋วของเล่นชิ้นใหม่รับปีลิง แม้จะผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่แคร์!!
ลิงจิ๋ว หรือ ลิงแคระมาร์โมเสท ที่เพื่อนๆ ได้เห็นกันอยู่นี้ คือลิงสายพันธุ์ Pygmy Marmoset มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ป่าสนแถบลุ่มแม่น้ำอเมซอนตะวันตก ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสัตว์หายาก และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลิงตัวเล็กที่สุดในโลก และล่าสุด วันที่ 11 กุมพาพันธ์ 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า บรรดาคนรวยในประเทศจีน พากันแห่มาเลี้ยงลิงพันธุ์จิ๋วกันอย่างมากมาย บางคนซื้อมาเลี้ยงดูเล่น หรือเอาเกาะไว้ที่นิ้วประหนึ่งเป็นแหวนเพชร นอกจากนี้เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่ง ก็ได้ทำการออกมาโพสต์รูปลิงพันธุ์จิ๋วลงในเว็บไซต์ของจีน แถมยังระบุข้อความราวกับเชิญชวนให้มาซื้อลิงว่า ปีใหม่นี้หากใครยังไม่มีของขวัญ สามารถแวะไปที่ร้านของเขาได้ ลิงพันธุ์จิ๋ว ที่มีขนาดเล็กเพียงเท่านิ้วโป้งนี้ มักจะมีการลักลอบนำมาขายอย่างผิดกฎหมายในประเทศจีน ซึ่งคนมีอันจะกินเท่านั้นที่สามารถซื้อมาเลี้ยงได้ เพราะมันมีราคาสูงถึง 160,000 บาทกันเลยทีเดียว แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมายืนยันว่าการซื้อและขายลิงพันธุ์นี้ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะสัตว์ป่ายังไงก็ไม่ควรนำมาเลี้ยง แต่คนรวยเหล่านี้ก็ไม่สนใจ พวกเขาซื้อมันมาตามเทรนด์ เพื่อต้อนรับปีลิงเท่านั้น ที่มา : shanghaiist
-
เอาจริงแล้ว ทางการจีนสั่งห้ามไม่ให้มีการ “ถ่มน้ำลาย” ลงบนพื้นเด็ดขาด ใครฝ่าฝืนโดนปรับทันที
เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวจีนนั้นมักจะมีวัฒนธรรมในการถ่มน้ำลายลงพื้น ซึ่งก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้วในปัจจุบัน เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ก็ยังคงมีพฤติกรรมแบบนี้ให้เห็นอยู่ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงแล้วล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า ทางการของมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้มีการขึ้นป้ายเตือนอย่างชัดเจน ว่าห้ามไม่ให้ผู้ใดถ่มน้ำลายลงพื้นเด็ดขาด เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเมืองที่ได้ชื่อว่า “สวยงามและหรูหราที่สุดในโลก” ทางการของมณฑลหางโจวจึงต้องออกกฎหมายเพื่อห้ามไม่ให้ชาวเมืองถ่มน้ำลายหรือทิ้งเศษขยะลงพื้น ซึ่งถือเป็นการกระทำของคนที่ “ไร้อารยธรรม” หากใครฝ่าฝืนจะมีโทษปรับอยู่ที่ 200 หยวน หรือประมาณ 1,000 บาท และภาพพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านั้นจะถูกบันทึกไว้เป็นวิดีโอและจัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์อย่างดี ทั้งนี้กฎหมายห้ามถ่มน้ำลายและทิ้งขยะจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ จากการทำแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการถ่มน้ำลายในที่สาธารณะนั้น มีผู้คนกว่า 90% บอกว่าพวกเขาถ่มน้ำลายในที่สาธารณะ และข้อกฎหมายนี้เองจะเป็นการแก้เผ็ดสำหรับคนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว เหมียวเองก็หวังว่าพวกเขาน่าจะมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นะ เพราะนอกจากภาพลักษณ์ของพวกเขาเองจะดีขึ้นแล้ว มันยังช่วยให้บ้านเมืองสะอาดด้วยนะเออ ที่มา shanghaiist
-
อึ้งกันทั้งขบวน ชาวจีนขนหมูขึ้นรถไฟไปขาย อ้างไม่มีเงินจ้างรถบรรทุก ผู้โดยสารโวยกันใหญ่
แม้ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ แต่ใช่ว่าเราจะนำพาอะไรขึ้นไปโดยสารกับเราก็ได้นะ อย่างช่นเกษตรกรชาวจีนรายนี้ ที่พาเอาหมูเกือบ 10 ตัวขึ้นรถไฟไปกับเขาด้วย!? เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTV ได้เผยแพร่ภาพของแก๊งหมูที่ขึ้นรถไฟมากับชายคนหนึ่ง สร้างความรำคาญใจแก่ผู้โดยสารคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก จนหลายคนตั้งคำถามกันว่ารถไฟสายดังกล่าวมีการอนุญาตให้นำหมูขึ้นรถไฟได้ด้วยหรือ? หลังจากภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออน์ไลน์ นาย หม่า เจี้ยน ผู้ที่เป็นเจ้าของภาพชุดดังกล่าวก็ออกมาให้ความเห็นว่า หมูเหล่านี้เป็นหมูของเกษตรกรรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต้าเหลียงชาน มณฑลเสฉวน ที่ห่างไกลความเจริญสุดๆ โดยเกษตรกรบอกกับนายเจี้ยนว่าหมู่บ้านของเขาอยู่ไกลจากตัวเมืองมากแถมยังไม่มีเงินมากพอจะจ้างรถให้ขนหมูเข้าไปขายในเมือง และหากจะต้องเดินเท้าก็ต้องใช้เวลาตั้ง 3 วันกว่าจะไปถึงที่หมาย เขาจึงตัดสินใจพามันขึ้นรถไฟไปด้วยเลย ทั้งนี้เมื่อช่างภาพได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็ขอให้ทุกคนพยายามเข้าใจหัวอกของเกษตรกรหน่อย ซึ่งเจ้าหน้าที่บนรถไฟก็อำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรอย่างอะลุ่มอะหล่วยทีเดียว ก็เข้าใจความรู้สึกของเกษตรกรล่ะนะ แต่สงสารผู้โดยสารคนอื่นๆ มั่งจิ ที่มา CCTVNews , bbs.hupu
-
สุดจะกลั้น!! หญิงนักท่องเที่ยวชาวจีน เกิดปวดท้องอย่างหนัก นั่งอุจจาระกลางสถานีรถไฟใต้ดินฮ่องกง
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพของหญิงชาวจีนรายหนึ่ง ที่ได้เดินทางไปเที่ยวฮ่องกง แต่จู่ๆ คุณเธอก็ดันปวดท้องกลางคันจนทนไม่ไหว ก็เลยทิ้งบอมนั่งอุจจาระกลางสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินซะงั้น งานนี้เรียกได้ว่าทำเอาผู้คนในบริเวณนั้นถึงจับอึ้งหนักมากกันเลยทีเดียว โดยหนึ่งในผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า หญิงจีนรายนี้ ได้เอากระดาษชำระแผ่นหนึ่งออกมาวางรอง จากนั้นก็เธอก็ทำการปลดทุกข์ออกมา ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้องเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่มีท่าทีเขินอาย และแคร์สายตาผู้คนเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามผู้คนในบริเวณนั้นได้เห็นภาพสุดอุจาดเพียงแค่ชั่วครู่ ก็เห็นพนักงานสถานีสองคนเข้ามาจัดการกับหญิงชาวจีนรายดังกล่าวไปตามระเบียบ ที่มา : shanghaiist
-
ไม่คิดถึงบ้านบ้างเหรอ? หนุ่มจีนติดหวยหนัก ไม่ยอมกลับบ้านนานกว่า 13 ปี!!
อาการติดหวยนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนไทยเท่านั้นนะ แต่คนในต่างประเทศก็เป็นเหมือนกัน อย่างที่ประเทศจีนมีชายหนุ่มคนหนึ่ง ติดหวยมากจนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเป็นเวลากว่า 13 ปีทีเดียว!! เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า หนุ่มชาวจีนนามว่า Xie Yuecong วัย 30 ปี ได้ออกจากบ้านไปทำงานเป็นกรรมกรตั้งแต่ปี 2003 หลังจากที่เรียนจบจากการศึกษาภาคบังคับแล้ว ตามรายงานบอกว่าตลอดระยะเวลาที่นาย Xie หนีออกจากบ้านไป เขาได้กลับมาบ้านเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ในแต่ละครั้งที่กลับมาจะเป็นช่วงสั้นๆ ที่เขาประสบปัญหาทางการเงินเท่านั้น โดยเขาตั้งใจจะออกตามหาฝันด้วยการซื้อหวยเพื่อที่จะได้ชนะรางวัล หอบเงินกลับมาบ้านเป็นกอบเป็นกำ แต่ฝันของเขาก็ดูจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อย เพราะตั้งแต่ซื้อหวยมาเขาแทบไม่เคยถูกรางวัลเลย วันหนึ่งในขณะที่เขาทำงานอยู่ในมณฑลหางโจว เขาก็ได้เห็นป้ายโฆษณาชวนเชื่อที่เขียนว่า “ซื้อหวย ชนะรางวัล หอบเงินกลับบ้านทันที” แต่ก็ไม่เป็นดังที่หวังไว้ แต่นาย Xie ก็ยังคงเดินหน้าเสี่ยงโชคต่อไป และยิ่งมีกำลังใจหึกเหิมขึ้น เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา เพื่อนของเขาถูกหวยจนได้เงินรางวัลก้อนโต จนซื้อรถและขับกลับบ้านอย่างคนมีอันจะกิน ทำให้เขาฮึดสู้อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ จนเมื่อไม่นานมานี้ นาย Xie…
-
ตำรวจรวบสาวจีน แอบถ่ายคลิป ‘สาวเปลือย’ ในโรงอาบน้ำสาธารณะ อ้างช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้สามี!!
สำหรับคู่รัก การดูแลเอาใจใส่ในคู่รักของคุณถือเป็นเรื่องสำคัญนะ ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิต การตัดสินใจต่างๆ ไปจนถึงเรื่องสยิวๆ บนเตียง แต่อะไรที่มากเกินความพอดีมันย่อมส่งผลเสียกับเราแน่นอน อย่างเช่นสาวจีนรายนี้ เพราะเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมหญิงสาวรายหนึ่งในมณฑลอานฮุย ประเทศจีนขณะแอบใช้กล้องวิดีโอถ่ายคลิปโป๊ของสาวๆ โรงอาบน้ำสาธารณะ ทำเอาสาวๆ ที่มาใช้บริการถึงกับควันออกหูเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่าหญิงสาวได้เข้าไปใช้บริการโรงอาบน้ำเหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา และเมื่อเธออาบน้ำเสร็จแล้ว แทนที่เธอจะแต่งตัวและกลับบ้านไป เธอกลับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นอยู่นานสองนาน จนสาวๆ ในโรงอาบน้ำเริ่มสงสัยพฤติกรรมของเธอ เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆ หญิงสาวนาม หลิน จึงเดินเข้ามาดูว่าเธอทำอะไรกับมือถืออยู่ เมื่อถามไปถามมาจึงได้ความว่าหญิงรายนี้แอบถ่ายคลิปวิดีโอของสาวๆ ในโรงอาบน้ำกว่า 5 คลิปด้วย จากการสอบถามหญิงสาวรายนี้ถึงได้รู้ว่าเธอพยายามถ่ายคลิปโป๊ของสาวๆ ในโรงอาบน้ำเพื่อไปให้สามีของเธอดู และช่วยปลุกอารมณ์ทางเพศให้แก่เขา แต่นางหลินและหญิงสาวคนอื่นๆ กลับไม่เชื่อ และคิดว่าเธออาจจะนำมันไปขายให้กับเว็บโป๊บางแห่ง จึงนำตัวเธอส่งให้กับตำรวจเพื่อจัดการกับเธอต่อไป แหม่ คนจะมาอาบน้ำแบบสบายอารมณ์สักหน่อย ดันต้องมาเจอคนโรคจิตแบบนี้ในสังคมแบบนี้ แย่จริงๆ เลยเหมียว ที่มา shanghaiist
-
หน้าไม่อาย!? เลขาสาวจีนเปิด IG โพสต์ภาพชีวิตอันหรูหรา ที่ได้มาจากเจ้านายของเธอ
กลายเป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ที่กำลังเป็นที่พูดถึงของโซเชียลเน็ตเวิร์คของประเทศจีนอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับเรื่องราวของเลขาสาวชาวจีน ที่ลงทุนเปิดบัญชี IG ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์แบบลับๆ ระหว่างเธอและเจ้านาย เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของเลขาสาวชาวจีนจากบริษัทแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ที่เปิดบัญชี IG ขึ้นมาเพื่อเผยกลยุทธในการพิชิตใจเจ้านายของตัวเอง และผลของมันก็ทำให้เธอมีเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น แถมยังมีชีวิตอันหรูหรามากทีเดียว แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ เพราะแน่นอนว่าเลขาสาวรายนี้ต้องใช้เรือนร่างของเธอเพื่อแลกกับความสะดวกสบายต่างๆ นอกจากนี้เธอยังโพสต์ข้อความด้วยว่า “ฉันทำสิ่งเหล่านี้ให้บอสในตอนกลางวัน พอตกกลางคืนเขาก็ทำให้ฉันบ้าง” แม้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เธอทำจะไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมายอะไรนัก แต่มันก็ขัดต่อศีลธรรมของคนในสังคม จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าถึงกับต้องใช้ร่างกายเข้าแลก คล้ายกับผู้หญิงขายบริการไม่มีผิด แหม่ งานนี้เหมียวต้องขอบอกเลยว่าเธอ สตรองมาก!! ที่มา shanghaiist
-
หนูน้อยชาวจีนวัย 10 ขวบรอดตายเพราะชาวเน็ตช่วยแชร์ภาพคนร้ายผ่านแอพฯ WeChat!!
ปัญหาเด็กถูกลักพาตัวยังคงเป็นปัญหาที่พ่อแม่หลายๆ คนหวาดหวั่นว่าสักวันหนึ่งจะเกิดขึ้นกับลูกๆ ของตัวเอง อย่างที่ประเทศจีนเองก็มีคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่โชคดีเหลือเกินที่เด็กน้อยรายล่าสุดถูกช่วยไว้ได้ด้วยแอพฯ โซเชียลเน็ตเวิร์คของจีนอย่าง WeChat!! เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเด็กหญิงชาวจีนวัย 10 ขวบ ถูกชายแซ่เหย่วัย 49 ปีลักพาตัวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป ระหว่างรอกลับบ้านหลังโรงเรียนเลิก ในช่วงเวลาบ่าย 3 โมงของวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ทางพ่อแม่ของเด็กทราบข่าวก็รีบโทรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้พวกเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากบริเวณดังกล่าว จึงพบว่ามีมอเตอร์ไซค์พาเด็กหญิงออกไป ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ก็ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากบ้านในแหล่งชุมชนใกล้เคียงเช่นกัน เมื่อเห็นใบหน้าคนร้ายที่ลักพาตัวเด็กแล้ว ทางพ่อแม่และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้อัพโหลดภาพดังกล่าวไปยังแอพฯ WeChat และถูกชาวเน็ตส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว จนคนร้ายได้เห็นใบหน้าของตนเองในแอพฯ และเกิดหวาดกลัวการถูกจับ จึงพาเด็กหญิงไปส่งคืนที่บริเวณป้ายรถเมล์ในเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ในขณะเดียวกัน นายเหย่ก็เตรียมที่จะหลบหนีการจับกุม แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบที่อยู่คนร้ายและมาดักรอเขาที่อพาร์ทเมนต์แล้วเรียบร้อย ที่มา shanghaiist
-
หนุ่มจีนสุดซื่อ เจอแฟนสาวไล่ให้ “กลิ้ง” ไปให้พ้นๆ แต่กลับลงไปนอนกลิ้งกับพื้นจริงๆ ซะงั้น!?
เชื่อว่าคู่รักหลายๆ คู่ต้องเคยมีช่วงเวลาที่ทะเลาะกับแฟนจนอีกฝ่ายถึงกับต้องไล่ตะเพิดอีกฝ่ายให้ไปไกลๆ เพราะทนความรำคาญไม่ไหวแน่นอน แต่ชายหนุ่มชาวจีนรายนี้กลับไม่ได้หายไปตามที่แฟนของเขาบอก แต่กลับลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นซะอย่างงั้น!? เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปฮาๆ ของชายหนุ่มชาวจีนรายหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองหางโจว ประเทศจีน เขาได้ทะเลาะกับแฟนสาวอย่างหนัก จนฝ่ายหญิงทนไม่ได้ ตะโกนไล่ฝ่ายชายด้วยคำว่า “กุ่น” (gǔn) ที่แปลเป็นไทยว่า “กลิ้ง” ซึ่งหากใช้ในบริบทการโต้เถียงกันจะแปลว่า “ไปให้พ้นๆ” แต่เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขากลับใจเย็น และลงไปนอนกลิ้งกับพื้นจริงๆ ทำให้ผู้คนที่เดินไปมาในห้างถึงกับต้องหยุดมอง และหัวเราะออกมากันเป็นแถว จนแฟนสาวยืนงงอยู่นานสองนาน ทางด้านชาวเน็ตในโลกออนไลน์ของจีนเมื่อเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว ก็เอ่ยปากชมหนุ่มจีนรายนี้ว่าเป็นคนใจเย็น ช่างน่าอิจฉาหญิงสาวที่ได้เขาเป็นแฟนเสียจริงๆ ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย งานนี้ถ้าสาวๆ เจอเข้ากับตัว จะรู้สึกโกรธได้ลงอยู่ไหมล่ะ ที่มา shanghaiist
-
ชายหนุ่มปริศนา จู่ๆ โปรยเงินนับหมื่นไปในอากาศแล้วหนีไป ชาวเมืองช่วยกันตามเก็บจ้าล่ะหวั่น
เมื่อวันที่ 14 มกราคมเว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งโยนปึกธนบัตรจำนวนมากขึ้นไปในอากาศ ในระหว่างที่ธนบัตรกำลังลอยลงมาสู่พื้นดินนั้นเอง ชายหนุ่มปริศนาคนดังกล่าวก็หายออกไปจากที่เกิดเหตุทันที แต่แทนที่ชาวบ้านจะรุมเก็บกันอย่างชุลมุน พวกเขากลับรวมตัวกันเก็บกัมเก็บธนบัตรที่ปลิวอยู่ตามพื้นมารวบรวมไว้ โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นตัวแทนไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและนำมันส่งให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเลย หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำเงินทั้งหมดออกมานับ ปรากฏว่าได้เงินสดทั้งหมด 11,000 หยวนเลยทีเดียว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามจะระบุตัวชายปริศนาผู้ปล่อยเงินลงบนถนน เพื่อสืบสวนหาสาเหตุของการกระทำต่อไป ใครว่าคนจีนไม่มีระเบียบกัน นี่ไงพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาก็มีน้ำใจเหมือนกันนะเออ น่าชื่นชมจริงๆ ที่มา shanghaiist
-
เด็กหญิงขายไม้ขีดไฟตัวจริง? เด็กหญิงชาวจีนในนครเซี่ยงไฮ้นั่งขายไม้ขีดไฟข้างถนน
เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพของสาวน้อยชาวจีนรายหนึ่งในมหานครเซี่ยงไฮ้ที่แต่งตัวคล้ายกับเด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ ในนิทานของ Hans Christian Anderson’s เพื่อเรียกความสนใจจากผู้คน ให้ซื้อไม้ขีดไฟจากเธอนั่นเอง กิจกรรมนี้สร้างสรรค์โดยองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า Love Wardrobe เป็นองค์กรการกุศลที่ไม่หวังผลกำไร ที่มุ่งหวังจะช่วยเหลือเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากสภาพอากาศที่หนาวจัดในช่วงฤดุหนาว ในแถบภูเขาของประเทศจีน หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปตามเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องลงพื้นที่เพื่อไปสอบถามเด็กน้อย และเมื่อดูจากกล่องไม้ขีดอาจจะเห็นว่าเป็นเพียงกล่องธรรมดาๆ แต่ที่ข้างกล่องมีข้อความเขียนติดไว้ว่า “ยังมีเด็กๆ จำนวนมากมายที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บนภูเขา คล้ายกับ ‘เด็กหญิงขายไม้ขีดไฟ’ ที่ทรมานกับอากาศหนาว และพวกเขาต้องการความอบอุ่นอยู่” ในขณะเดียวกันที่ด้านหลังกล่องมีภาพ QR Code ที่ให้ผู้ใช้สามารถส่องสมาร์ทโฟนเพื่อลิ้งไปยังเว็บไซต์ช่วยบริจาคเงินให้กับเด็กๆ เพื่อที่เด็กๆ จะได้รับความอบอุ่นมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป กลับมีชาวเน็ตหลายรายตั้งข้อสังเกตว่าทำไมองค์กรการกุศลถึงให้เด็กๆ มานั่งขายของข้างถนนแบบนี้ซึ่งคล้ายกับการใช้แรงงานเด็กเลย ที่มา shanghaiist
-
น่าเล่นมาก ทะเลสาบในคุนหมิง เย็นจัดจนกลายเป็นลานไอซ์สเก็ต ชาวจีนนับพันแห่ไปเล่นเนืองแน่น
เมื่อถึงฤดูหนาว ที่อุณหภูมิในแต่ละประเทศลดลง มันก็มักจะทำให้เกิดบรรยากาศสนุกสนานและเกิดปรากฏการณ์แปลกๆ ขึ้นทั่วโลกเลยทีเดียว อย่างที่ประเทศจีน อุณหภูมิลดต่ำลงมากจนทำให้ทะเลสาบกลายเป็นลานน้ำแข็ง ผู้คนแห่กันไปเล่นไอซ์สเก็ตกันนับพันทีเดียว เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าทะเลสาบในมณฑลคุนหมิง ประเทศจีน ที่มีขนาดความกว้างกว่า 7 แสนตารางเมตร ถูกอุณหภูมิที่เย็นจัดจนกลายเป็นลานไอซ์สเก็ตสาธารณะ ที่ชาวจีนแห่กันมาเล่นกว่าพันคน ทำให้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนและนักท่องเที่ยวพากันหิ้วรองเท้าสเก็ตมาพักผ่อนกันอย่างเนืองแน่น และเปิดโอกาศให้พ่อค้าแม่ค้าหัวใสนำเอารองเท้าสเก็ตและอุปกรณ์ต่างๆ มาตั้งเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์มา ทั้งนี้ทะเลสาบคุนหมิงถูกตั้งชื่อโดยจักรพรรดิเฉียนหลง จักรพรรดิองค์ที่ 6 ของราชวงศ์ชิง เมื่อสมัยปี 1750 ต่อมาเริ่มมีการขยับขยายและพัฒนาให้มีความใหญ่มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของเขาในสมัยนั้น จะว่าน่าเล่นมันก็น่าเล่นอยู่นะ แต่ถ้าเกิดน้ำแข็งมันละลายขึ้นมาไม่ร่วงกันไปหมดเหรอเนี๊ยะ? ที่มา shanghaiist
-
แก๊งโสเภณีในจีน เนียนจัดฉากว่าเป็นคนดัง ออกขายบริการในโลกออนไลน์!?
เมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเซินเจิ้นประเทศจีน ได้ติดตามและจับกุมตัวหญิงสาวขายบริการในโลกออนไลน์รายหนึ่ง ที่พยายามหลอกคนอื่นๆ ว่าตนเองคือดาราคนดัง และประกาศขายบริการในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Weibo และ WeChat ในราคาสูงลิบลิ่ว แก๊งอาชญากรท้องถิ่นได้จัดตั้งกลุ่มขายโสเภณีออนไลน์ โดยการสร้างตัวตนปลอมๆ ของหญิงสาวอย่างแนบเนียน เพื่อขายบริการทางเพศ ทั้งนี้ได้มีภาพตัวอย่างเผยให้เห็นหญิงสาว กำลังโพสต์ท่าถ่ายภาพในขณะที่ตนเองชนะการประกวดนางงามในเวที Las Vegas ในขณะที่หญิงสาวบางคนยอมจ่ายเงินถึง 5 พันกว่าบาท เพื่อทำศัลยกรรมพลาสติกในเกาหลีใต้ เพื่อมาอัพค่าตัวของเธอจาก 2,000 หยวน เป็น 30,000 หยวน (164,764 บาท) ทีเดียว แต่ถึงแม้แก๊งนี้จะวางแผนไว้ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเซินเจิ้นไปได้ ใครเห็นแบบนี้ อย่าได้ตกหลุมพรางเด็ดขาดนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
คุณลุงชาวจีน เพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก จู่ๆ ก็ปีนขึ้นสายพาน เอาตัวเข้าเครื่องสแกนซะงั้น
เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยคลิปวีดีโอเหตุการณ์ชวนฮา ที่เกิดขึ้น ณ สนามบินแห่งหนึ่งในประเทศจีน โดยในคลิปเราจะเห็นเป็นภาพของคุณลุงท่าหนึ่ง กำลังเตรียมพร้อมจะออกเดินทาง ซึ่งก่อนที่คุณลุงกำลังจะเดินผ่านจุดตรวจนั้น พนักงานได้บอกให้วางกระเป๋า และปลดสัมภาระทุกชิ้นวางลงไปบนสายพาน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อน แต่งานนี้ดูเหมือนคุณลุงจะเข้าใจผิด และทำในสิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึง ในขณะที่พนักงานบอกให้วางกระเป๋าลงที่สายพาน แทนที่คุณลุงจะทำตาม แต่เขากลับปีนขึ้นไปนั่งบนสายพานซะอย่างงั้น เมื่อพนักงานเห็นจึงรีบคว้าตัวคุณลุงเอาไว้ แต่ทว่าพวกเขากลับคว้าไม่ทัน เพราะสายพานได้เลื่อนพาตัวคุณลุงเข้าเครื่องสแกนไปแล้วเมี๊ยว สงสัยคุณลุงแกคงจะเป็นมือใหม่ เพิ่งขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก หลงเข้าใจผิดคิดว่าพนักงานบอกให้เอาตัวเข้าไปอยู่ในสายพาน ฮ่าๆ คราวหน้าถ้าหากได้ขึ้นเครื่องอีกครั้ง คุณลุงคงไม่พลาดแน่นอน ที่มา : dailymaill
-
อู้หูววว สาวจีนรวมกลุ่มกันเต้นรูดเสาในสภาพอากาศหนาวเหน็บ เพื่อต่อต้านการใส่เสื้อผ้าจากขนสัตว์
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า กลุ่มนักเต้นรูดเสาสาวได้รวมกลุ่มกันออกมาเต้นรูปเสาในมณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน ในอุณหภูมิอันหนาวจัด เพื่อแสดงพลังในการต่อต้านเสื้อผ้าที่ทำมาจากขนสัตว์ ตามรายงานบอกว่า Song Yao วัย 29 ปี หนึ่งในสมาชิกนักเต้นรูปเสาได้เข้าร่วมกลุ่มกับสาวๆ คนอื่นเพราะว่าเธออยากให้ผู้คนตระหนักถึงความเลวร้ายในการเลือกใช้ขนสัตว์มาเป็นเครื่องนุ่งห่ม และปฏิเสธการใส่เสื้อผ้าแบบนั้นในฤดูหนาว หลังจากที่มีการแสดง ก็เริ่มมีคนกลุ่มเล็กๆ หยุดดูพวกเธอเต้นรูปเสาในสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ พร้อมกับหยิมมือถือขึ้นมาบันทึกภาพการแสดงของพวกเธอไว้ หลังจากที่การแสดงจบลง ทีมงานก็เข้ามาช่วยหิ้วพวกเธอออกไปจากบริเวณนั้น เพราะว่าพวกเธอหนาวสั่นเกินกว่าจะเดินได้เอง แม้จะดูเป็นการรณรงค์ที่ยากจะได้ผล แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นคุณค่าของสัตว์โลกและไม่อยากทำร้ายพวกมันล่ะนะ ที่มา shanghaiist
-
นี่ก็เกินไป๊!! ผู้รับเหมาจีนตูดหมึก สร้างบ้านทับสายไฟ เดินขึ้นลงต้องข้าม-ก้ม ตลอด!?
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าเจ้าของบ้านชาวจีนกลุ่มหนึ่งถึงกับตกตะลึง เมื่อเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยในบ้านตัวเองก่อนเข้าอยู่ แต่กลับพบว่าบ้านของพวกเขามีสายไฟตัดผ่านตัวบ้าน ทำให้เวลาเดินขึ้น-ลง ต้องก้มตัวหรือก้าวข้ามอยู่ตลอดเวลา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียงของจีน โดยตามรายงานระบุว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่สำหรับพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่กลับมีสายไฟพาดผ่านบริเวณนั้น แทนที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างจะเปลี่ยนไปสร้างบ้านที่อื่น พวกเขากลับสร้างบ้านทับลงไปเลย ทำให้ต้องเจาะกำแพงไปยังห้องต่างๆ เช่นห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว เพื่อให้สายไฟสามารถผ่านตัวบ้านไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นชาวบ้านเองก็ได้ทราบปัญหาสายไฟอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาคิดว่าน่าจะมีการย้ายสายไฟออกไปก่อนที่พวกเขาจะย้ายเข้า แต่เมื่อมาดูตัวบ้านจริงๆ ก็พบว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ในโครงการหมู่บ้านแห่งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 9 หลัง แต่มีแค่ 3 หลังเท่านั้นที่ประสบปัญหานี้ ตามรายงานจากเว็บไซต์ People’s Daily บอกว่ายังไม่มีผู้ว่าจ้างรายไหนจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาเลย หลังจากที่เจ้าของบ้านได้เข้าตรวจเช็ตสภาพบ้าน คุณตาวัย 83 ปีรายหนึ่งก็ได้สะดุดสายไฟล้มและได้รับบาดเจ็บจนต้องหามส่งโรงพยาบาล เสียค่ารักษาไปกว่า 3,000 หยวน หรือประมาณ 16,709 บาท ที่มา shanghaiist
-
ไม่น้อยหน้า!! Baidu เปิดตัวรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง คาดใช้เวลา 5-10 ปีในการเก็บเส้นทางในจีน
หากจะพูดถึงโปรแกรมกำจัดไวรัสสุดฮิต (เหรอ) อย่าง Baidu คงจะไม่มีใครไม่รู้จักล่ะนะ หากใครไม่รู้จักแอดเหมียวจะขออธิบายง่ายๆ ว่ามันคือโปรแกรมกำจัดไวรัสในคอมพิวเตอร์จากจีน ที่พร้อมจะชำแรกแทรกตัวเข้าไปอยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัวเลยทีเดียว ล่าสุด Baidu ได้พัฒนาไปอีกขั้น โดยการนำรถ BMW มาดัดแปลงให้กลายเป็นรถไร้คนขับ คล้ายกับของฝั่ง Google เพื่อออกสำรวจเส้นทางในจีน ซึ่งโครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2013 และคาดว่าจะใช้เวลา 5-10 ปี กว่าที่จะเก็บรายละเอียดของเส้นทางต่างๆ ได้จนครบ ทางด้านโฆษกของทาง Baidu ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “การทดสอบถนนนี้ ดำเนินการภายใต้รูปแบบถนนที่ซับซ้อน และยานพาหนะของเราอย่าง BMW ซีรี่ส์ 3 ก็ผ่านการทดสอบมาแล้ว ดังนั้นรถจะตอบสนองได้กับทุกๆ สภาวะแวดล้อมเลยทีเดียว” การทำสอบสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ารถคันนี้สามารถเลี้ยวซ้าย-ขวา ยูเทิร์นได้ สามารถตรวจจับรถคันข้างหน้าได้ ชะลอตัวเมื่อจำเป็น สามารถเปลี่ยนเลนหรือแม้แต่การแซงรถคันอื่นๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีการรายงานว่าเจ้ารถไร้คนขับคันนี้ จะสามารถวิ่งได้ดีในสภาพที่หมอกลงหนาในกรุงปักกิ่งเช่นตอนนี้ได้หรือไม่ แต่หากรถ Baidu สามารถแล่นไปบนถนนที่มีการจราจรติดขับแบบกรุงปักกิ่งได้ล่ะก็ ปัญหานั้นก็คงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขาแล้วล่ะ…
-
คนดีที่โลกรอ!! หมอจีนไม่ยอมแพ้ต่อความพิการ รักษาคนไข้มากว่า 12 ปี แบบไม่คิดเงิน แม้ตนเองจะมีขาเดียว
ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เหมียวอยากจะมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันในวันนี้เลยล่ะ สำหรับเรื่องราวของคุณหมอชาวจีน ผู้พิการขาเดียว แต่ยังคงทำหน้าที่รักษาคนไข้ในหมู่บ้านเล็กๆ มานานถึง 12 ปี แม้การเดินทางแต่ละครั้งจะเป็นเรื่องยากลำบากก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยคุณหมอรายนี้มีชื่อว่านายฉี เซิ่งหยง วัย 36 ปี เขาได้สูญเสียขาซ้ายไปตั้งแต่อายุได้ 14 ปี เพราะถูกรถชน ทำให้เขาต้องหยุดเรียนไป 1 ปี และฝึกการใช้ชีวิตด้วยขาข้างเดียว เมื่อสภาพจิตใจและร่างกายเริ่มเข้าที่แล้วเขาก็กลับมาเรียนต่อ แม้ชีวิตจะยากลำบากแค่ไหนเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ ทำให้เขาตั้งใจเล่าเรียนจนสอบเป็นหมอที่มหาวิทยาลัยหยูโจวได้สำเร็จ และกลับมารักษาคนไข้ผู้ยากไร้ต่อไป ตามรายงานบอกว่าชาวบ้านมักจะเห็นภาพของคุณหมอรายนี้เดินกะเผลกๆ พร้อมกับเครื่องมือการแพทย์ไปตามทางเดินในหมู่บ้านทุกวันๆ ไม่ว่าสภาพอากาศจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม คุณหมอฉีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ในตอนแรกผมล้มลงเพราะไม่คุ้นชินกับเส้นทางเดินเท่าไหร่ แต่รอยแผลทั้งหมดก็ช่วยเตือนผมว่ามีคนไข้กำลังรอผมอยู่ ไม่ว่าจะเจ็บตัวแค่ไหนแต่ก็ยังมีคนไข้ที่รอให้ผมไปช่วยอยู่” ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา หมอฉีบอกว่าเขารักษาคนไข้มานับไม่ถ้วน แถมยังไม่เคยเก็บเงินแม้แต่หยวนเดียว เพราะเขารู้ดีว่าชาวบ้านนั้นยากจนแค่ไหน…
-
โวยลั่น!! หนุ่มจีนร้องโวยวายเหมือนเด็ก หลังพยายามเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบิน แต่ถูกปฏิเสธ
พฤติกรรมการร้องไห้งอแงเพื่อจะเอาสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นพฤติกรรมน่าอายที่เด็กๆ ชอบทำกัน แต่เชื่อไหมว่าทุกวันนี้ก็ยังมีผู้ใหญ่บางคนทำอยู่เหมือนกันนะ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอหนึ่งที่ถูกถ่ายไว้ได้บนเครื่องบินที่กำลังจะเดินทางออกจารครเซี่ยงไฮ้ไปยังนิวยอร์คเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เผยให้เห็นผู้โดยสารชายชาวจีนรายหนึ่ง กำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่กับพื้น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ สาเหตุที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะว่าเขาพยายามจะขอเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบิน เพื่อไปนั่งในชั้นที่ดีกว่า แต่ถูกพนักงานบนเครื่องปฏิเสธทำให้เขาไม่พอใจและตะโกนเสียงลั่น จนเจ้าหน้าที่ต้องลากเขาออกจากเก้าอี้ เกิดเป็นคลิปวิดีโอสุดน่าอายอย่างที่เห็นนี่แหละ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวผู้โดยสารจีน มีเสียงของผู้โดยสารคนอื่นๆ ดังขึ้นว่า “ระวังหน่อย อย่าให้เขากัดคุณได้นะ” สร้างความโกลาหลให้ผู้โดยสารทั้งลำอยู่ไม่น้อย ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย ผู้โดยสารท่านไหนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ใจเย็นๆ หน่อยนะจ๊ะ ยังไงก็ถึงที่หมายเหมือนกัน ที่มา metro
-
ใจสู้ไม่ถอย!! ชาวจีนยึดมั่นไม่ยอมเวนคืนที่ดิน ทำให้รัฐต้องสร้างถนนอ้อมตัวบ้านแทน
ในบางครั้งที่รัฐพยายามจะสร้างถนนไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน หากเส้นทางนั้นไปตรงเข้ากับบ้านของผู้คน ก็อาจจะต้องมีการเวนคืน แต่หากมีคนบางคนดื้อๆ ไม่ยอมย้ายออกไปล่ะ จะเป็นยังไง? เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shaghaiist ได้รายงานว่าเจ้าของอาคารแห่งหนึ่งในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ปฏิเสธที่จะย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งประกอบไปด้วยโรงงานผลิตยาและที่ดินโดยรอบ ทำให้รัฐต้องเปลี่ยนการวางถนนใหม่ ให้อ้อมที่ดินของเขาไปด้านข้างแทน สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเจ้าของที่ดินได้รับค่าตอบแทนที่ไม่สมเหตุสมผล ทำให้พวกเขาปฏิเสธการขายที่ดินผืนนี้ จึงทำให้เกิดเป็นถนนรูปตัว C อย่างที่เห็น ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในประเทศจีนอยู่หลายแห่งทีเดียว ลองไปชมภาพกันเลย แอดเหมียวขอนับถือในความใจเด็ดของพวกคุณเลย ที่มา shanghaiist
-
ไม่ดูตาม้าตาเรือ!! หนุ่มจีนขับรถประมาท ทับเด็ก 2 คน แต่ดันรอดตายอย่างปาฏิหาริย์!?
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shahaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดช็อคของคนขับรถไร้วินัยรายหนึ่ง ที่ขับรถเหยียบเด็กเล็กสองคนจนเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องรถ แต่ทั้งสองกลับรอดตายและลุกขึ้นเดินหน้าตาเฉย!! ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในมณฑลอันหุยประเทศจีนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา หนุ่มแซ่ซันได้เช่ารถยนต์มาขับ และขับไปไปตามท้องถนน ในระหว่างทางมีเด็กสองคนกำลังก้มเพื่อผูกเชือกรองเท้าอยู่ นายซันกลับมาจอดรถอยู่ข้างๆ เด็กทั้งสอง แต่จู่ๆ เขาก็ถอยรถและขับไปชนเด็กๆ อย่างหน้าตาเฉย เด็กทั้งสองก็กลิ้งตัวไปอยู่ใต้ท้องรถก่อนที่รถยนต์จะหยุด จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ลุกออกมาจากใต้ท้องรถ ก่อนที่จะช่วยเด็กอีกคนที่ติดอยู่ในนั้นออกมา สร้างความตื่นตกใจให้แก่ชาวเมืองในละแวกนั้น รวมไปถึงชาวเน็ตที่ได้ชมคลิปดังกล่าวด้วย ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นก็ได้รีบเข้ามาดูอาการของเด็กทั้งสอง ปรากฏว่าทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนทางด้านคนขับนั้นจะถูกดำเนินคดีต่อไป นี่ถือเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้นะ ใครมีลูกมีหลาน โปรดดูแลพวกเขาให้ดีๆ นะ เหมียวล่ะเป็นห่วงจริงจริ๊ง ที่มา shanghaiist
-
สุดยอด!! เด็กชายวัย 11 ขวบ ต้องอุ้มน้องสาวป่วยพิการทางสมองไป-กลับ โรงเรียนทุกวัน
นี่เป็นหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่เหมียวอ่านแล้วชื่นใจมากเลยล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ People’s Daily ได้เผยแพร่ภาพของ Li Yuan เด็กชายวัย 11 ขวบจากจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะอุ้ม Li Nianying หนูน้อยวัย 6 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคสมองพิการ ไปเรียนด้วยทุกๆ วัน ตามรายงานบอกว่า Li Nianying เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่อายุได้ 1 ขวบ ทำให้เธอต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ทำให้ครอบครัวของพวกเขาเป็นหนี้มากมาย จนเมื่อเธออายุได้ 6 ขวบ ตายายก็สามารถพูดคุยกับทางโรงเรียน เพื่อขอให้หลานสาวได้เข้าเรียนที่นี่ได้สำเร็จ แต่ตายายไม่สามารถมาส่งหลานสาวได้เนื่องจากแก่มากแล้ว พี่ชายอย่าง Li Yuan จึงต้องอุ้มน้อยสาวไปเรียนด้วยทุกวันๆ และอุ้มกลับในตอนเย็น หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเริ่มถึงหูคุณครู ทางโรงเรียนก็ช่วยกันบริจาคข้าวของเครื่องใช้มากมายให้แก่พวกเขา และถึงแม้ว่าหนูน้อย Li Nianying จะมีความพิการทางสมอง แต่เมื่อดูผลการเรียนก็ถึงกับประหลาดใจ เพราะเธอเธอทำคะแนนได้ดีทีเดียว …
-
มันใหญ่มาก!! พบซากปลาวาฬหนักกว่า 3.9 ตัน นอนเกยตื้นอยู่บนชายหาดในประเทศจีน
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าพบศพปลาวาฬตัวยาวกว่า 8.5 เมตร หนัก 3.9 ตัน นอกเกยตื้นอยู่ที่บริเวณชายหาดในเมือง Rizhao มณฑลซานตง ประเทศจีน ตามรายงานบอกว่ามีชาวบ้านพบซากปลาวาฬตัวนี้เข้าที่ชายหาด จึงรีบโทรแจ้งไปยังหน่วยงานแถวนั้น เพื่อให้มารับซากของเจ้าปลาวาฬไป และด้วยขนาดตัวที่ใหญ่มากของมัน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่มาก เพื่อมาขนมันออกไป มีการประเมินเบื้องต้นว่าปลาวาฬยักษ์อาจเสียชีวิตเพราะว่ายน้ำไปชนกับตาข่ายของชาวประมงที่ใช้สำหรับหาปลา ทำให้ร่ายกายของมันไม่สามารถขยับได้และตายในที่สุด ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องนำตัวของมันกลับไปแช่แข็งและทำการสำรวจต่อไป เหตุการณ์เหล่านี้แม้จะดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ แต่ในอดีตที่ผ่านมา กลับเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้หลายครั้ง บางครั้งเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำก็สามารถช่วยพวกมันไว้ได้ทัน แต่บางตัวก็ถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายทีเดียว น่าสงสารเจ้าวาฬมาก ที่มา shanghaiist
-
ไม่กลัวหนาวตายเรอะ!? แก๊งค์หนุ่มใหญ่ แก้ผ้าลงเล่นน้ำในจีน แม้สภาพอากาศจะหนาวเย็นสุดๆ ก็ตาม
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shangahiist ได้รายงานว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สภาพอากาศในประเทศจีนได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้อากาศหนาวเย็นขึ้น แต่ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นยังไงก็ไม่สามารถห้ามคนบางกลุ่มไม่ให้ออกมาทำกิจกรรมข้างนอกได้ เพราะในเมืองฉงชิ่งเอง มีกลุ่มชายสูงวัยกว่า 20 คน พากันออกมาว่ายน้ำเล่นข้างแม่น้ำยงซีอย่างไม่สะทกสะท้าน ทำให้ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพพวกเขามาเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริเวณใกล้ๆ กันนั้นจะมีซุ้มหรือแหล่งชุมนุมที่เป็นหาดเปลือย ไว้ให้ชาวเมืองที่ชอบเปลือยกายได้มาพักผ่อนกันในที่ลับหูลับตาคน แต่ที่บริเวณนั้นก็ไม่ใช่ที่สำหรับหาดเปลือย และอาจก่อให้เกิดความอุจาดตาได้ ถ้าอากาศหนาวเย็นมาก ก็นอนพักผ่อนอยู่บ้านเถ๊อะพ่อ ที่มา shanghaiist
-
หนักหนา!! จีนเจอหมอกหนาปกคุลมจนมองอะไรไม่เห็น ประหนึ่งพายุทรายบนดาวอังคาร
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจากเมืองฮูฮอตทางตอนเหนือของประเทศจีน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยควันหนาจนมองอะไรไม่เห็น ประหนึ่งพายุทรายบนดาวอังคาร ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เดินทางไปยังกรุงปารีสเพื่อประชุม COP21 กับ UN เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาหมอกควัน ที่ปัจจุบันมีหมอกปกคุลมประเทศไปแล้วกว่า 530,000 ตารางกิโลเมตร เมืองนี้ถูกปกคุลมไปด้วยหมอกหนาสีน้ำตาล ซึ่งเปลี่ยนบรรยากาศของเมืองให้ดูน่าขนลุกกว่าเดิม และนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกด้วย อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ล่ะนะ ว่าถ้าเราย้ายไปใช้ชีวิตอยู่บนดาวอังคาร หน้าตาจะเป็นยังไง ที่มา shanghaiist
-
โหดร้ายเกินไปแล้ว!! นักเรียนนักเลงบังคับเพื่อนกิน “อึ” ในห้องน้ำ ทั้งกดหัว-กระทืบซ้ำ
โรงเรียนแม้จะเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับบ่มเพาะเด็กๆ ให้เติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ แต่ก็ไม่สามารถที่จะสั่งสอนเด็กบางคนให้กลายเป็นคนดีได้ เช่นเหล่านักเรียนนักเลงที่เหมียวจะนำเสนอต่อไปนี้ นี่เป็นคลิปที่กำลังมีการส่งต่อกันอย่างมากมายในเครือข่ายสังคมออนไลน์ของจีนอย่าง Weibo เลยทีเดียว สำหรับคลิปวิดีโอการกลั่นแกล้งกันของเหล่านักเรียนนักเลง ที่จับเอาเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาขังไว้ในห้องน้ำ และบังคับให้เขากิน “อึ” ภายในโถส้วม จากคลิปจะเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มถูกบังคับให้ก้มลงไปกับพื้น เพื่อกินอึ แต่ดูเหมือนเขาจะพยายามขัดขืน เหล่านักเลงจึงเหยียบหลังของเขาและกระทืบซ้ำๆ เพื่อให้เขาเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง ทั้งนี้ไม่มีการรายงานว่า เด็กๆ เหล่านั้นถูกตามตัวมาลงโทษหรือไม่ แต่หลังจากที่คลิปถูกแชร์ออกไปทั่วโลก ทำให้ชาวเน็ตต่างแสดงความเห็นกันอย่างร้อนแรง เช่นสมาชิกที่ใช้นามแฝงว่า Someaussiedude กล่าวว่า “ถ้านั่นคือลูกชายผม ผมจะออกตามล่าพวกมันและหักขาของพวกมันซะ” และ MeeLee กล่าวว่า “การกลั่นแกล้งกันเช่นนี้ มักจะจบลงด้วยการที่เด็กคนนั้นฆ่าตัวตาย ไม่ก็พยายามกลับมาล้างแค้นเด็กเลวพวกนั้นด้วยตัวเอง” ดูแล้วอารมณ์มันขึ้นจริงๆ ถ้าเป็งลูกเป็นหลานนี่จะตบหัวพุ่งเลย ที่มา D’ Ooor VideoOss
-
วิกฤตหนัก ชาวจีนว่างงานกว่า 1.3 ล้านคน แห่สมัครสอบข้าราชการ รับเพียง 27,000 ตำแหน่ง
ปัญหาคนว่างงานกลายเป็นปัญหาที่เริ่มระบาดหนักไปในหลายๆ พื้นที่เลยทีเดียว เพราะอย่างที่ประเทศจีนเองก็เกิดเหตุการณ์ที่เหล่าประชาชนกว่าล้านคน แห่กันไปสมัครงานข้าราชการ ที่รับเพียง 2 หมื่นกว่าคนเท่านั้น เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าประชาชนขาวจีนกว่า 1.39 ล้านคน ได้แห่กันไปสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ ซึ่งเป็นตัวการันตีว่าพวกเขาจะมีงานและรายได้ที่ดี แต่ตามรายงานบอกว่าการเปิดสอบครั้งนี้เปิดรับเพียง 27,817 ตำแหน่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้ออกกฎเพื่อลงโทษสำหรับผู้ที่คิดจะโกงข้อสอบ หากถูกจับได้จะต้องถูกลงโทษทางอาญา และถูกจำคุกถึง 3 ปีด้วยกัน แม้ว่าตัวเลข 1.39 ล้านคน จะดูสูงมาก แต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มาแล้ว นี่ก็ยังถือว่าไม่ใช่ตัวเลขที่สูงที่สุดอยู่ดี ที่มา shanghaiist
-
สุดยอดคุณแม่!! หญิงจีนแขนเดียว ทำงานวันละ 16 ชั่วโมง เลี้ยงลูก 2 คน หลังจากสามีเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวสู้ชีวิตของสาวแขนเดียวนามว่า Fang Wenying ที่อาศัยอยู่ในมณฑลอันหุยประเทศจีน เธอต้องสู้ชีวิตอย่างหนัก ทั้งทำงานวันละ 3 ที่ และเลี้ยงลูกสาวอีก 2 คน หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไปในเหตุการณ์รถชนเมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากที่ขาดหัวหน้าครอบครัวไป ทำให้เธอและลูกๆ ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก เธอจึงต้องหางานทำหลายๆ รวมแล้ว 16 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ นาง Wenying เล่าให้สื่อฟังว่า เธอต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 และกลับเข้าบ้านอีกครั้งในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แต่นั่นก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับที่เธอต้องทำงานทุกอย่างด้วยแขนเพียงข้างเดียว และเพื่อที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ลูกสาวของเธออย่าง Dandan วัย 20 ปีก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เพื่อมาช่วยทำงาน โดยเธอสามารถหารายได้ต่อเดือนได้ประมาณ 2,800 หยวนหรือประมาณ 15,720…
-
สื่อนอกเผยภาพพ่อ-แม่ชาวจีน ออกมานั่งเฝ้าที่จอดรถให้ลูกวันละหลายชั่วโมง ให้ลูกมีที่จอดรถ!?
กลายเป็นภาพที่ชวนหดหู่จริงๆ สำหรับภาพของชาย-หญิงชราคู่หนึ่ง ขณะนั่งบนเก้าอี้บนที่จอดรถหน้าบ้านตัวเอง เพื่อรอลูกชายขับรถกลับมาจอด แม้ว่าสภาพอากาศจะหนาวเหน็บแค่ไหนก็ตาม ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นภาพชาย-หญิงชราในเมืองนาน มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่ออกมานั่งเฝ้าที่จอดรถทุกวัน หลังจากช่วงบ่าย เพื่อให้เวลาที่ลูกชายกลับบ้าน จะได้มีที่จอดรถสำหรับเขา ตามรายงานบอกว่าชาย-หญิงชราคู่นี้จะผลัดกันออกมาเฝ้าที่จอดรถ เพื่อรอลูกชายกลับบ้าน เหตุเพราะว่าหลายครั้งที่ลูกชายมักจะกลับมาบ้าน และพบว่าไม่มีที่จอดรถสำหรับเขา พวกเขาเองก็เข้าใจดี และยอมมายนั่งเฝ้าที่จอดรถให้ลูกชายวันละหลายชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์บอกว่าสภาพอากาศในขณะนั้นเลวร้ายมากจนอดเป็นห่วงไม่ได้เลยทีเดียว ที่มา shanghaiist
-
อุบัติเหตุเหนือธรรมชาติ รถลอยขึ้นกลางอากาศ แท้จริงแล้วแค่สายเคเบิ้ลพันล้อรถ!?
ถือเป็นหนึ่งในคลิปฮือฮาที่มีการแชร์ให้เห็นบ่อยที่สุดในวันนี้เลยก็ได้ สำหรับคลิปอุบัติเหตุในประเทศจีน ที่จู่ๆ รถก็ลอยขึ้นไปในอากาศ จนเหมือนเป็นพลังเหนือธรรมชาติเลยทีเดียว เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นคลิปวิดีโอของรถตู้คันหนึ่ง ขณะขับตรงมาตามทาง แต่เมื่อถึงบริเวณสี่แยก รถตู้คันดังกล่าวกลับลอยขึ้นไปในอากาศ นอกจากนี้รถที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ลอยขึ้นด้วยเล็กน้อย จนทำให้ผู้ชมคลิปบางส่วนเชื่อกันว่านี่อาจเป็นเหตุการณ์ลี้ลับก็เป็นได้ แต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็คลี่คลาย เมื่อนักข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่ก็พบว่า แท้จริงแล้วเป็นเพียงสายเคเบิ้ล ที่พนักงานซ่อมถนนลืมเก็บเท่านั้น ทำให้รถยนต์ที่สัญจรไปมาไปเกี่ยวกับสายไฟเข้า จนเกิดเป็นภาพชวนอึ้งที่เห็นนี่เอง ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย แหม่ เล่นเอาซะตกอกตกใจหมดเลย ทีนี้ก็เอาไปคุยได้แล้วนะ ว่าไม่ใช่พลังลี้ลับอะไร ที่มา shanghaiist
-
เกินไปมั้ง!? เพื่อนเจ้าสาวในจีน ถูกแขกในงานรุมจับหน้าอกยับ แถมส่งเสียงเชียร์ “จับเลยๆ”
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดช็อคภายในงานแต่งงานแห่งหนึ่งในประเทศจีน แต่แทนที่จะมีภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบกัน กลับกลายเป็นภาพของเพื่อนเจ้าสาว ขณะถูกแขกภายในงานรุมจับหน้าอกซะอย่างงั้น ตามรายงานบอกว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายได้ที่มณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของประเทศจีน เผยให้เห็นภาพของเหล่าชายหนุ่ม กำลังลูบคลำหน้าอกของหญิงสาว อย่างสนุกสนาน โดยมีแขกในงานตะโกนส่งเสียงเชียร์ว่า “จับเลย จับเลย” หลังจากที่แขกหนุ่มๆ ได้จับหน้าอกของเธอแล้ว พวกเขายังหยิบเอาโทรศัพทมือถือขึ้นมาถ่ายภาพอีก ทำให้หญิงสาวเกิดความอับอายเป็นอย่างมาก และพยายามใช้มือปัดกล้องและมือของพวกเขาออกไป อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับได้ยากในสังคมชาวจีนเช่นกัน เพราะหลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันรุมประนามการกระทำอันไม่เหมาะสมดังกล่าว แถมยังต่อว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เป็นผู้จัดงานด้วยว่า ทำไมถึงไปห้ามปรามพวกเขา? ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง งานนี้เลยเถิดไปไกลเชียว เหมียวเห็นแล้วน่าสงสารมาก ที่มา dailymail
-
รักแท้..คู่รักชาวจีนฉลองแต่งงาน 70 ปี ด้วยการถ่ายภาพงานแต่งที่เดิมมุมเดิมอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 1945 มีคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งในมณฑลฉงชิงได้เข้าพิธีแต่งงานกัน และพวกเขาได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก วันนี้ผ่านมาแล้ว 70 ปี พวกเขาได้กลับมายังสถานที่แห่งเดิม เพื่อถ่ายรูปวันครบรอบแต่งงานของพวกเขาอีกครั้งหนึ่งในวัย 98 ปี Cao Yuehua และ Wang Deyi เป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาอพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ มายังฉงชิง ก่อน Cao จะถูกเกณฑ์ทหารเพื่อไปรบกับพวกญี่ปุ่น ตอนนั้นคุณตา Cao ถูกส่งไปประจำการที่ชายแดนพม่า หากเขามีเวลาว่าง เขาก็จะส่งจดหมายกลับมาหาคุณยาย Wang และหนึ่งในจดหมายที่พวกเขาเขียนตอบโต้กันนั้น ได้ชนะการประกวด “จดหมายที่โรแมนติก” ที่สุดในโลกอีกด้วย เมื่อสงครามจบลง คุณตา Cao ได้กลับมายังฉงชิง และแต่งงานกับคุณยาย Wang นับจากนั้นมาพวกเขาก็ครองรักกันอย่างมีความสุข การถ่ายภาพแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับพวกเขา เมื่อตอนครบรอบแต่งงาน 60 ปี พวกเขาก็เคยกลับมาถ่ายรูปแต่งงานแล้วครั้งหนึ่ง…
-
สวยงามราวเทพนิยาย พาไปชมต้นแปะก๊วยอายุ 1,400 ปี ผลัดใบจนพื้นกลายเป็นสีทอง!!
เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เหล่าต้นไม้ใบหญ้าเองก็จะเริ่มผลัดใบเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ภายใน แต่กับต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้ สามารถทำได้มากกว่าแค่การผลัดใบล่ะ เพราะมันเนรมิตให้พื้นรอบๆ ต้นไม้กลายเป็นทะเลสีทองไปซะอย่างงั้น เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน เว็บไซต์ Boredpanda ได้เผยแพร่ภาพของต้นแปะก๊วยอายุเก่าแก่ราว 1,400 ปี จากประเทศจีน ที่ผลัดใบสีเหลืองทองลงสู่พื้น จนเปลี่ยนให้พื้นโดยรอยกลายเป็นทะเลสีทอง โดยเจ้าใบไม้พวกนี้เริ่มผลัดใบตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในวัด Gu Guanyin บนภูเขา Zhongnan ประหนึ่งเป็นการเฉลิมฉลองให้กับฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะผ่านไป เจ้าต้นแปะก๊วยถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของต้นไม้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ฟอสซิลที่มีชีวิต” เพราะมันมีอายุยืนยาว ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วกว่า 200 ล้านปี นี่จึงถือว่าเป็นสายพันธุ์ของต้นไม้ ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับไดโนเสาร์เลยก็ว่าได้ ตู้หูววว กลายเป็นพื้นสีทองเหลืองอร่ามเลย อยากจะไปเก็บภาพสักครั้งเหมือนกันนะเนี๊ยะ ที่มา boredpanda
-
จิตใจทำด้วยอะไร? จำคุกแม่ชาวจีน 6 เดือน หลังฟาดลูกน้อยจนตัวลาย เหตุเพราะบังคับให้ทำการบ้าน!?
แม้ว่าทุกคนจะสามารถแต่งงานและมีครอบครัวได้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นพ่อเป็นแม่คนนะ อย่างเช่นกรณีที่เหมียวจะให้คุณดูต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อคุณแม่ชาวจีนรายหนึ่งฟาดลูกไม่ยั้ง จนร่างกายเป็นแผลเต็มไปหมด เหตุเพียงเพราะต้องการให้ลูกทำการบ้านให้เสร็จ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า ศาลในเมืองนานกิง มณฑลเจียงซูปประเทศจีน ได้สั่งจำคุกหญิงสาวแซ่ ลี เป็นเวลา 6 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายลูกน้อยวัย 9 ขวบ เพียงเพราะว่าเขาไม่สามารถทำการบ้านให้เสร็จได้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนทำให้ภาพของเด็กชายถูกแพร่ไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ตามร่างกายของเด็กชายนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกฟาดอย่างหนัก สันนิษฐานว่าเป็นการใช้แส้ฟาดลงไป ตามรายงานระบุว่าพ่อแม่ของเด็กชายเป็นเพียงพ่อแม่อุปถัมภ์ที่รับเขามาเลี้ยงเท่านั้น เหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวถูกพบโดยคุณครูของเด็กชายเมื่อปีที่แล้ว แต่คุณครูคิดว่ารอยดังกล่าวอาจเกิดจากอุบัติเหตุ คุณครูจึงไม่ได้เอะใจอะไร ทั้งนี้นางลีได้ให้การว่า “ฉันไม่ใช่แม่ที่เลวร้ายอะไร ฉันแค่พยายามจะฝึกวินัยลูกของฉันก็เท่านั้น” ที่มา shanghaiist
-
เป็นงง!! หญิงชราขู่โดดตึก หลังเถียงกับสามีว่าควรกินบะหมี่หรือกินข้าวเป็นมื้อเที่ยงดี!?
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวชวนงงสำหรับเหมียวในวันนี้เลยล่ะ สำหรับกรณีของคู่สามีภรรยาสูงวัยชาวจีน ที่ทะเลาะกันจนฝ่ายภรรยานั้นต้องออกมานั่งที่ขอบหน้าต่างและขู่ว่าจะโดดตึก เหตุเพียงเพราะพวกเขาทะเลาะกันว่าจะกินบะหมี่หรือกินข้าวเป็นมื้อเที่ยงดี!? เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าคู่สามีภรรยาที่พักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ในมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เกิดทะเลาะกันอย่างหนักหน่วง เหตุเพราะฝ่ายภรรยาอยากจะกินบะหมี่เป็นมื้อเที่ยง แต่ฝ่ายสามีกลับอยากกินข้าว จนภรรยาขู่จะโดดตึกหากสามีไม่เป็นฝ่ายยอมเธอ โชคดีที่ในระหว่างนั้นมีพยานผ่านมาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเข้า จึงรีบโทรเรียกพนักงานดับเพลิงให้เข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์ ซึ่งพนักงานดับเพลิงต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้คุณป้ายอมลงมาจากหน้าต่าง กว่าจะรักกัน กว่าจะแต่งงานกัน กว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันมาถึงจุดนี้ได้ เหมียวว่ามันไม่ง่ายเลยนะ ใครที่มีครอบครัวแล้ว เหมียวอยากจะบอกว่า หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันเถอะนะ ชีวิตเราสั้นนัก ทำสิ่งดีๆ ให้กันในวันที่ยังมีเวลาดีกว่า ที่มา shanghaiist
-
ชีวิตรันทดเหลือเกิน!! หนุ่มจีนเซอร์ไพรซ์แฟนสาวด้วยตุ๊กตาหมียักษ์ แต่โดนตำรวจจับซะงั้น
แน่นอนว่าสาวๆ กับตุ๊กตาหมีนั้นเป็นของคู่กัน เมื่อรู้ดังนั้น หนุ่มๆ ก็เลยพยายามสรรหาตุ๊กตาหมีน่ารักๆ มามอบเป็นของขวัญให้สาวๆ ตัวเล็กบ้างใหญ่บ้าง ตามแต่กำลังเงินของแต่ละคน แต่ก็ขออย่าให้มันใหญ่มากนะ เพราะมันอาจจะกลายเป็นปัญหาให้กับคุณได้แบบหนุ่มจีนรายนี้ล่ะ เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าเศรษฐีหนุ่มรายหนึ่งในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน พยายามจะเซอร์ไพรซ์แฟนสาวด้วยการซื้อตุ๊กตาหมีขนาดยักษ์มามอบให้กับเธอ แต่ด้วยความใหญ่ยักษ์ของมัน ทำให้เขาไม่สามารถจะยัดมันลงไปในรถสปอร์ตของเขาได้ เขาจึงนำมันมามัดติดกับหลังคารถและขับมันไปตามท้องถนน แต่เมื่อเขาขับออกไปได้ไม่นานก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกให้จอด เพราะเจ้าตุ๊กตาหมีทำให้เกิดความสับสนและเป็นอันตรายแก่ผู้สัญจรไปมา ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างนายถาน เฉียว ได้สั่งปรับเศรษฐีหนุ่มในข้อหาละเมิดกฎจราจร พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้เขาทำแบบนี้อีก และเมื่อเขาพยายามจะเรียกให้เพื่อนมาช่วยกันขนตุ๊กตากลับ ก็ไม่มีใครมีรถที่ใหญ่พอจะขนมัน แถมเขายังถูกสั่งห้ามขับรถสปอร์ตเป็นการชั่วคราว ทำให้ต้องนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านซะอย่างงั้น ชีวิตรันทดเหลือเกินพ่อหนุ่ม… ที่มา dailymail
-
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด!! สาวจีนนัดกันรุมตบเพื่อนสาว หลังจับได้ว่าแอบกิ๊กกับสามีตัวเอง!?
สำหรับหนุ่มๆ คนไหนที่ชอบแอบไปมีกิ๊กมีกั๊กนอกบ้าน คุณอาจจะต้องดูคลิปนี้ไว้เตือนใจหน่อยแล้ว เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ของจีนได้มีการกระหน่ำแชร์คลิปวิดีโอสุดน่าอายของหนุ่มจีนรายหนึ่ง ที่แอบไปมีอะไรกับกิ๊กนอกบ้าน ทั้งที่ตัวเองแต่งงานมีลูก 2 คนแล้ว คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านช่องยูทูบ Viral Cham เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นกลุ่มคน 3-4 คน กำลังรุมทำร้ายร่างกายชายหญิงในสภาพล่อนจ้อน โดยที่ทั้งคู่อับอายมากจึงพยายามกอดกันเพื่อปกปิดของลับของตนเอง พร้อมกับร้องไห้อ้อนวอนให้ทั้งหมดหยุดทำร้ายพวกเขาเสียที ตามรายงานบอกว่าฝ่ายชายนั้นแต่งงานกับภรรยาและมีลูกด้วยกันถึง 2 คน แต่ด้วยความไม่รู้จักพอ ทำให้ฝ่ายชายแอบคบชู้กับเพื่อนสาวของฝ่ายภรรยา และแอบนัดกันออกไปมีอะไรที่โรงแรม แต่เมื่อฝ่ายหญิงรู้เข้ากลับไม่ยอมอยู่เฉย จึงนัดเพื่อนๆ ที่เหลือตามไปถึงห้องพักของทั้งคู่และกระหน่ำตบตีทั้งคู่ในสภาพเปลือยเปล่า ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง หนุ่มเจ้าชู้ดูไว้เป็นตัวอย่างนะ ใครมีแฟนแล้วก็ขอให้รักเดียวใจเดียวล่ะ ที่มา Viral Cham
-
จะสดไปไหน!! ชายชาวจีนจูงวัวเข้าเมือง รีดนมขายกันแบบสดๆ
เชื่อว่าหลายคนอาจชื่นชอบการดื่มนมสด นมสดในที่นี้อาจหมายถึงนมที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปใดๆ หรืออาจแค่นำไปต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วนำมาขายในทันที ซึ่งพวกเขาคิดว่าการกินแบบนั้นจะได้รับสารอาหารมากกว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบกับของชายชาวจีนคนนี้แล้วล่ะก็ นมสดของท่านอาจไม่ใช่นมสดอีกต่อไป เพราะนมที่เขาขายนั้นสดจริงๆ ชนิดที่ว่ารีดนมกันให้เห็นตรงนั้นเลยทีเดียว!! ชายชาวกานซูคนนี้ ทุกๆเช้าเขาจะพาวัวจากฟาร์มของเขาเข้ามาในเมือง และรีดนมขายกันสดๆตรงนั้นเลย ซึ่งปรากฏว่า นมของเขานั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีผู้คนมาซื้อมากมายในตอนเช้า สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า มีหลายคนชอบดื่มนมแบบสดๆอย่างนี้มากกว่านมกล่อง เพราะคิดว่าจะได้คุณประโยชน์มากกว่า แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่า การดื่มนมสดแบบไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์อาจส่งผลเสียได้ เพราะภายในนมมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายอยู่ ฉะนั้นจึงควรกินนมที่สุกแล้วจะดีกว่า เหมียวล่ะสงสัยว่าเขากินไปได้ยังไง เหมียวเองเคยกินนมสดต้มสุกครั้งหนึ่งเหมือนกัน บอกเลยว่า คาวสุดๆ ชนิดที่ว่ากินไม่ได้เลยทีเดียว ใครสนใจก็ลองไปหากินกันได้นะ แต่เหมียวไม่รับประกันความอร่อย ฮาาา ที่มา Shanghaiist
-
ไปเที่ยวกันไหม? จีนผุด “บาร์สระน้ำเป่าลม” ให้หนุ่มๆ ขี้เหงา ได้ผ่อนคล้ายไปกับสายน้ำ
หากคุณเป็นหนุ่มโสดขึ้เหงาและอาศัยอยู่ในประเทศจีน ที่ต้องการความสนุกสนาน ความร่าเริง เพื่อเติมเต็มชีวิตคนโสด แต่ไม่มีใครสามารถให้คุณได้ล่ะก็ ลองมาที่บาร์แห่งนี้ดูซิ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าในเมืองเซิ่นหยางประเทศจีน มีการให้บริการที่เรียกกันว่า “บาร์สระน้ำเป่าลม” ที่จะให้คุณนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมกับชมโชว์จากสาวสวยในชุดบิกินี ที่จะมาร่ายรำอยู่ในสระน้ำเป่าลมให้คุณดูแบบเพลิดเพลิน นอกจากพวกเธอจะมาเต้นโชว์ให้หนุ่มๆ และแขกในบาร์ได้ชมกันแล้ว เธอยังอนุญาตให้เราสามารถเทแอลกอฮอลราดลงไปบนตัวเธอได้ด้วย (!?) และในขณะที่บางคนกำลังสนุกสนานกับโชว์ แต่ก็มีหนุ่มๆ บางคนเหมือนกัน ที่ไม่ชอบอะไรแบบนี้และแสดงท่าทีอึดอัดออกมาด้วย หากคุณอยากจะกินอาหารอร่อยๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมกับโชว์สาวเซ็กซี่ในสระน้ำเป่าลมแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะไปที่เมืองเซิ่นหยางนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
แฟชั่นแปลก!? มนุษย์ป้าใส่ชุดซีทรูสุดบางแถม “โนบรา” เดินว่อนทั่วห้างในจีน
แม้ว่าแฟนชั่นทุกวันนี้จะพัฒนาไปไกลจากแต่ก่อน มีเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสวยงามและสีสันที่แปลกตา แต่เหมียวก็ไม่เคยเห็นอะไรที่มัน…สยิวกิ้วแบบนี้มาก่อนเลย เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บไซต์ Ck101 ได้เผยแพร่ภาพการใส่เสื้อผ้าแฟชั่นสุดล้ำ(!?) ของมนุษย์ป้ารายหนึ่งในประเทศจีน ขณะสวมใส่ชุดซีทรู แต่แทนที่เธอจะใส่ชุดปิดด้านในให้เรียบร้อย เธอกลับใส่จีสตริง พร้อมกับโนบราด้านบน แถมยังเดินเที่ยวตามห้างแบบไม่แคร์สายตาผู้คนทั้งนั้น ทั้งนี้ มนุษย์ป้าได้เดินเข้าออกร้านต่างๆ แบบไม่อายใคร ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้า แถมยังมีการเซลฟี่บนถนนด้วย งานนี้ชาวบ้านอดรนทนไม่ได้ จึงต้องถ่ายภาพของเธอมาแชร์ในโลกออนไลน์เลยทีเดียว จะแฟชั่น หรือความสะดวกยังไง เหมียวก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ถึงขนาดโนบรามาเดินแบบนี้ เหมียวว่าไม่ต่างอะไรกับการแก้ผ้าล่อนจ่อนเลยนะเออ ที่มา ck101
-
สวยงามตามท้องเรื่อง!! ชมบรรยากาศ ‘วังเหมย-หลิง‘ ประหนึ่งเป็นสร้อยคอยักษ์บนขุนเขา
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ CCTVNews ได้เผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศของคฤหาสน์ของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีนที่ชื่อว่า ‘วังเหมย-หลิง‘ ตั้งอยู่ในมณฑลหนานจิง ประเทศจีน คฤหาสน์แห่งนี้ถูกก่อสร้างขึ้นในปี 2473 เพื่อให้ใช้เป็นที่พักสำหรับ ซง เหมย หลิง ภรรยาของภรรยาของจอมพลเจียงไคเช็ค ซึ่งเป็นผู้นำของจีนในขณะนั้น ต่อมาในปี 2492 สถานที่แห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นบ้านรับรองสำหรับแขกในประเทศและห้ามไม่ให้คนนอกเข้าชม จากภาพดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันตกตะลึงในความงานและการออกแบบ และคาดการณ์กันว่านี่อาจจะเกิดจากการออกแบบของจอมพลเจียง ที่ทำขึ้นเพื่อแสดงถึงความรักที่มีต่อภรรยา แต่ทางผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปนิกกลับแย้งว่านายพลเจียงไม่ได้สั่งให้มีการออกแบบเช่นนี้ และนี้อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็เป็นได้ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรเหมียวไม่รู้ล่ะ รู้แค่ว่ามันสวยงามตามท้องเรื่องเลย ที่มา CCTVNews
-
เอาที่สบายใจ จีนผุด ‘เดิน 4 ขาออกกำลังกาย’ เชื่อมีมาตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว!?
ขึ้นชื่อว่าประเทศจีน พวกมักจะมีเทรนด์ใหม่ๆ มาให้เราได้อึ้งกันตลอดซิน่า….!? อย่างล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ news.com.au สำนักข่าวของออสเตรเลียได้เผยแพร่ภาพของกลุ่มชาวจีนในเมืองเจิ้งโจว ขณะกำลังออกกำลังกายด้วยการเดิน 4 ขา ไปรอบๆ สวนสาธารณะ ตามรายงานบอกว่าผู้ที่ออกกำลังกายด้วยท่าแบบนี้ตามข่าวระบุว่าที่พวกเค้าทำกันแบบนี้ เพราะเชื่อกันว่าเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้สุขภาพดี คนที่เข้าร่วมเทรนด์ใหม่นี้มีตั้งแต่เด็กไปยันผู้สูงวัย โดยพวกเขาบอกว่าการออกกำลังกายแบบนี้ไม่ได้ทำอันตรายกับหลังของพวกเขาแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าการออกกำลังกายแบบนี้มีมาตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ยุคราชวงศ์ฮั่นเลยทีเดียว ถ้าต้องออกกำลังกายด้วยท่านี้จริงๆ เหมียวขอนอนอยู่บ้านดีกว่า ที่มา news , kapook
-
สุดล้ำ!? เด็กนักเรียนในจีนคิดค้นอุปกรณ์ “รักษาความปลอดภัย” แบบง่ายๆ ที่ดัดแปลงจากของใช้ต่างๆ
ในยุคที่ขโมยชุกชุม การจะติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยดูจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียวนะ เพราะทรัพ์สินแต่ละอย่างเมื่อถูกขโมยงัดแงะไปแล้วก็ยากที่จะตามมันกลับมา แต่การจะติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบนั้นก็มีค่าใช้จ่ายที่แพงหูฉี่ ยิ่งกับเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ต้องอาศัยอยู่ในหอด้วยงบจำกัดแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหากับเด็กนักเรียนที่มหาวิทยาลัยจงชาน เมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เพราะด้วยไอเดียสุดสร้างสรรค์ ทำให้พวกเขานำเอาสิ่งของรอบๆ ตัวมาดัดแปลงเป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบง่ายๆ ที่ใช้งบไม่เยอะ แถมกันขโมยได้อย่างดีด้วย จะเป็นไงมาดูกัน 1. ลูกบิดที่ร้องทุกครั้งที่เปิด-ปิด 2. หนังยาง + ไม้ = ล็อคแน่น (เหรอ) 3. กรรไกร มี งัดมาให้หมด 4. เอาวิกผมมาตั้งไว้ ต้องมีสะดุ้งกันบ้างแหละ 5. เอาว่าเข้ามาต้องติดเชื้อกสักเส้นแน่ๆ 6. ใช้ทั้งกระเป๋า เก้าอี้ ถังน้ำ อัดมันเข้าไปเลย 7. เอาตู้มาบังเอาไว้ รับรองเข้าไม่ได้แน่ๆ เอ่อ แต่ละอันนี่เหมียวยอมใจเลย สงสัยชาตินี้คงไม่ได้ออกจากห้องแล้วล่ะ ที่มา CCTVNews
-
มนุษย์เมียโหดสึด!! ใช้ไม้ทะลวงกระจกรถพังยับ ทั้งๆ ที่ผัวนั่งอยู่กับชู้!?
อันว่ามนุษย์เมียนั้น อย่าได้คิดจะต่อกรหรือขัดขืนพวกเธอเด็ดขาดนะ เพราะหากคุณคิดไม่ซื่อกับพวกเธอแล้วล่ะก็ ชะตากรรมของพวกคุณอาจไปไม่สวยเหมือนอย่างหนุ่มจีนรายนี้ก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของหญิงสาวรายหนึ่งในเมืองเอินซือ มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ที่ดันทราบข่าวมาว่าสามีของเธอนั้นแอบคบกิ๊ก และพาขึ้นรถออกไปเที่ยวด้วยกัน เมื่อรู้ดังนั้นเธอก็ไม่รอช้า จึงพาพี่สาวมายืนล้อมรถเก๋งของสามี จากนั้นจึงตะโกนคุยกัน แต่ไม่ว่าคุยเท่าไหร่ฝ่ายชายก็ไม่ยอมลงจากรถเสียที เธอจึงไม่รอช้า หยิบไม้แถวๆนั้นมาฟาดใส่รถเก๋งแบบไม่ยั้งมือ จนกระจกหน้าแตกเป็นรู เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังพยายามใช้ไม้แหย่เข้าไปในรถจนสามีของเธอต้องลงมาคุยด้วย จนชาวบ้านแถวนั้นเข้ามามุงดูกันอย่างมากมาย ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง อย่าคิดสู้กับมนุษย์เมียเลยนะ เหมียวขอร้อง ที่มา TITANVORTEX
-
อย่างนี้ก็มี? โลกออนไลน์เผยคลิปแขกรุมจับหน้าอกเจ้าสาว งานนี้กำไรเห็นๆ !!
หากพูดถึงกิจกรรมภายในงานแต่งงาน หลายๆ คนคงจะนึกถึงการตัดเค้ก การร้องเพลง การกล่าวอวยพร หรือการโยนช่อดอกไม้หลังจากเสร็จพิธีแล้วใช่ไหมล่ะ คงไม่มีใครนึกหรอกว่าจะมีกิจกรรมแปลกๆ อย่างการจับหน้าอกเจ้าสาว โดยแขกผู้มาร่วมงาน!? เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แชแนลยูทูบ TruthTube ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ชื่อว่า Guest Plays With Bride’s Breasts At Wedding Party (แขกในงานแต่งจับหน้าอกเจ้าสาวในงานปาร์ตี้) ภายในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพของหญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งขณะถูกหนุ่มๆ รุมจับหน้าอกอย่างสนุกสนาน พร้อมกับถ่ายคลิปเก็บไว้ ทั้งนี้ไม่มีการรายงานว่าเกิดขึ้นในเขตหรือมณฑลไหนของจีนกันแน่ ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง เอ่อ เหมียวเห็นแล้วรู้สึกเสียวแว๊บบบเลย ที่มา TruthTube
-
พ่อแม่สุดเว่อร์ จ้างแม่บ้านมาทำอาหารให้ลูกทานถึงหน้าประตูโรงเรียน ด้านชาวเน็ตจีนแห่วิจารณ์ยับ
เวลาที่ลูกๆ ไปโรงเรียน พ่อแม่บางคนก็อาจจะไปส่งลูกด้วยตัวเอง บางคนที่ไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะจ้างรถรับจ้างมาส่งลูก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาๆ ทั่วไปที่พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะทำกันอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงชาวจีนรายหนึ่ง จากเมืองอู่ฮั่น ที่ดูเหมือนจะเลี้ยงลูกของตนราวกับเป็นลูกเทวดา เพราะนอกจากพวกเขาจะลุงทุนจ้างคนขับรถมารับส่งลูกของตนแล้ว ยังจ้างรถคันใหญ่มาจอดหน้าประตูโรงเรียน เพื่อให้ลูกออกมานอนพักในช่วงพักกลางวันอีกด้วย ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากจะจ้างรถบ้านมาให้ความสะดวกสบายแก่ลูกของตนแล้ว พวกเขายังจ้างแม่บ้านมาคอยทำอาหารทั้งในมื้อเช้า มื้อกลางวัน และช่วงพักเบรกถึงหน้าประตูโรงเรียนกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทราบ ก็ได้สั่งให้ย้ายรถและข้าวของอุปกรณ์ไปทำที่ถนนบริเวณอื่น เพราะกีดขวางทางเข้า ออกของโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะคนเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ยอมไปไหน ส่วนแม่บ้านก็ยังทำอาหารต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พยายามบังคับให้เธอหยุดทำครัว แต่เธอก็ดื้อดึงและทำอาหารต่อจนเสร็จ ก่อนที่จะเก็บข้าวของและขับรถออกไป และเมื่อภาพเหล่านี้ถูกโพสต์ลงบนโลกโซเชียลของจีน ชาวเน็ตจีนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการกระทำของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ แถมยังต่อว่าว่าเป็นการเอาเปรียบเด็กคนอื่นๆ อีกด้วย ที่มา : dailymail
-
ชื่นชมน้ำใจ รถบรรทุกไข่ไก่แหกโค้งในจีน ชาวบ้านกรูกันช่วยเก็บไข่แตก นำส่งคนขับรถ
แม้ว่าเราจะได้ยินข่าวแปลกๆ จากประเทศจีนมาเยอะ แต่ใช่ว่าประเทศนี้จะมีข่าวเสียๆ เสมอไปนะ เพราะเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม เว็บไซต์ Shaghaiist ได้รายงานว่าคนขับรถบรรทุกขนไข่ไก่มาเต็มลำรถ ได้เกิดอุบัติเหตุรถแหกโค้งในมณฑลซานตง ประเทศจีน ทำให้ไข่ไก่ทั้งหมดที่ขนมากับรถร่วงแตกลงพื้นเต็มไปหมด แต่แทนที่ชาวบ้านบริเวณนั้นจะใช้โอกาสนี้เข้าไปตักตวงแต่ไข่ไก่มาเป็นของตัวเอง เหมือนกับกรณีที่เราเคยเห็นก่อนหน้านี้ (ในไทยก็มี) แต่ด้วยความมีน้ำใจของพวกเขา ชาวบ้านจึงจัดแจงเข้าไปช่วยกันเก็บไข่ไก่ขึ้นมาใส่ภาชนะและนำไปคืนให้กับคนขับรถ แม้ว่าจะสามารถเก็บไข่ไก่บางส่วนกลับมาได้ แต่เมื่อตีมูลค่าความเสียหายของเหตุการณ์นี้แล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 หยวน หรือประมาณ 55,000 บาทนั่นเอง แม้ว่านี่จะเป็นอุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย แต่นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขายังคงมีน้ำใจ ไม่ต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ เลยล่ะ ที่มา shanghaiist
-
แบบนี้ก็มี!? แก๊งค์ต้มตุ๋นจีนสร้างห้องสืบสวนปลอม หวังไถเงินประชาชนที่เดือดร้อน
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Scmp ได้รายงานว่า ในมณฑลเฮย์หลงเจียง ของประเทศจีน มีแก๊งค์ต้มตุ๋น 4 คนได้สร้างห้องสืบสวนสอบสวนปลอมขึ้นมาเพื่อใช้เป็นห้องสอบปากคำปลอมๆ และรีดไถเงินจากประชาชนโดยอ้างว่าจะช่วยให้คดีง่ายขึ้น ตามรายงานบอกว่าแก๊งค์ต้มตุ๋นแก๊งค์นี้ได้ลงทุนไปกว่า 200,000 หยวน หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมภายในห้อง ให้เหมือนกับห้องสืบสวนจริงๆ ภายในห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง โดยพวกเขาตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้ห้องนี้ในการรีดไถเงินจากเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมทุจริตให้มากที่สุด ซึ่งมีหนึ่งในเหยื่อเป็นผู้จัดการหน่วยงานด้านเกษตรกรท้องถิ่นอย่างนายจางเหว่ยด้วย ตามรายงานระบุว่าแก๊งค์ต้มตุ๋นแก๊งค์นี้ได้บุกไปนำตัวนายจางเหว่ยออกมาจากที่พัก และปิดตาของเขาไว้ ในขณะที่ภรรยาของเขาก็รีบโทรแจ้งตำรวจทันที ก่อนที่ทั้งคู่จะถูกนำตัวไปยังห้องสืบสวนปลอม หลังจากที่ใช้เวลาในการสืบสวนเป็นเวลานาน แก๊งค์ต้มตุ๋นได้ตัดสินใจที่จะเรีกค่าไถ่พวกเขาเป็นจำนวน 400,000 หยวน ประมาณ 2.2 ล้านบาท ซึ่งเขาก็ยอมจ่ายแต่โดยดีเพื่อให้พวกเขานั้นปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมแก๊งค์ต้มตุ๋นไว้ได้ 2 คน ในขณะที่อีก 1 คนของเข้ามอบตัวด้วยตนเอง และอีก 1 คนนั้นสามารถหลบหนีไปได้ ที่มา scmp
-
คุณตาจีนสุดโหด!! จับนักเรียนสาวมาคุกเข่า, ตบ, ด่า หลังถูกขี่จักรยานชน ชาวเน็ตวิจารณ์แซ่ด
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์อุบัติเหตุระหว่างคนแก่และนักเรียนสาวรายหนึ่งในเมืองหลิงฉิง มณฑลซานตง ประเทศจีน เป็นเหตุการณ์ในช่วงเช้าที่เด็กนักเรียนสาวรีบปั่นจักรยานไปโรงเรียน แต่ในระหว่างทางดันเกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับชายชราคนหนึ่ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เด็กนักเรียนสาวก็ได้กล่าวขอโทษชายชรา แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะไม่จบลงแค่นั้น เพราะชายชราเกิดโมโหจัดและด่านักเรียนสาวแบบไฟแล่บ จากนั้นเขาก็ตบหัวเธออย่างแรง ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น แต่ถึงแม้จะทำขนาดนี้ ก็ดูเหมือนว่ายังไม่เป็นที่พอใจของชายชรา เขาจึงกระชากเธอลงมาจากจักรยานและบังคับให้เธอคุกเข่าขอโทษเขา และแม้ว่าเด้กนักเรียนสาวจะขอร้องให้ปล่อยตัวเธอไปเพราะกำลังจะไปโรงเรียนสาย แต่ชายชราก็ดูจะไม่พอใจกว่าเดิม หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ลงในโลกออนไลน์ ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณืต่างๆ ตามมามากมาย โดยมีการโต้เถียงกันในหมู่ชาวเน็ตว่า ชายชรานั้นทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ และยังชอบทำตัวให้ได้รับบาดเจ็บเพื่อจะได้รีดไถเงินจากคนอื่น ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง Schoolboy from Shandong province gets beaten and forced to kneel in the street by the elderly man he accidentally collided with.…
-
หนุ่มจีนเหวอ ลงทุนลากเรือมาขอแฟนสาวหน้าที่ทำงาน เธอกลับเขวี้ยงแหวนทิ้งอย่างไม่ใยดี
การขอแต่งงานเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ที่หนุ่มๆ ต้องดูให้ดีว่าสาวๆ ของคุณนั้นพร้อมหรือยัง อย่าไปคิดว่าสาวๆ ทุกคนจะน้ำตารื้นโผเข้ากอดเหมือนอย่างในหนังเสมอไปนะ เพราะบางคนก็ยังไม่พร้อม และอาจทำหนุ่มๆ ถึงกับเงิบเหมือนอย่างกรณีที่เหมียวจะให้ดูต่อไปนี้ล่ะ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่ามา เว็บไซต์ Shaghaiist รายงานว่า ชายหนุ่มในเมืองเหยเป่ยประเทศจีน ได้ลงทุนจ้างรถลากเรือเพื่อลากมาไว้ที่หน้าโรงพยาบาล ที่ที่แฟนของเขาทำงานอยู่ จากนั้นเขาก็ขึ้นไปยืนบนเรือพร้อมกับดอกไม้ในมือและใช้โทรโข่งตะโกนบอกแฟนสาวของเขาว่า “XXX ผมรักคุณ! ได้โปรดให้อภัยผมด้วย!” หลังจากนั้นไม่นานแฟนสาวของเขาก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลและปีนขึ้นไปบนเรือ โดยมีผู้คนจำนวนมาต่างเฝ้ามองทั้งคู่อยู่เบื้องล่างอย่างใจจดใจจ่อ แถมยังถ่ายภาพทั้งคู่และส่งเสียงเชียร์อย่างไม่ขาดสาย ต่อมาชายหนุ่มจึงหยิบเอาแหวนออกมาจากกระเป๋าและขอแต่งงานกับหญิงสาวอย่างโรแมนติก แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวหยิบแหวนของเขาขึ้นมาและเขวี้ยงมันหายไป จากนั้นเธอจึงลงจากเรือและกลับเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลต่อ จากนั้นชายหนุ่มก็ลงจากเรือและเดินจากไปเช่นกัน เอาล่ะหนุ่มๆ เริ่มกลัวการขอแต่งงานแล้วใช่ไหมล่ะ ลองพิจารณาสถานการณ์ของคุณและแฟนดีๆ นะ ไม่งั้นอาจมีเงิบแบบนี้ได้นะ ที่มา shanghaiist
-
พบชานมไข่มุกปลอมระบาดในจีน คาดทำมาจากยางรถ-หนังรองเท้า ‘อ.เจษ’ เชื่อ เป็นการเต้าข่าว
ขึ้นชื่อว่าของปลอม ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเกินหน้าเกินตาประเทศจีนจริงๆ เพราะแทบจะทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ถูกนำไปก็อปปี้มาแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Hongkongfp ได้รายงานว่าผู้สื่อข่าวรายหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ Shandong Television ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ชื่อดังของจีน เปิดเผยกับสื่อว่าพวกเขาพบชานมไข่มุกปลอมในเมืองเชิงเต่า มณฑลชานตง ประเทศจีน ตามรายงานบอกว่าผู้สื่อข่าวรายนี้ได้ซื้อชานมไข่มุกมาดื่มตามปกติ แต่แล้วก็เกิดอาการประหลาดขึ้น เพราะเขาเกิดอาการป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลในเวลาต่อมา และเมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วย CT Scan แล้ว จึงพบว่ามีเม็ดไข่มุกอยู่ในกระเพาะอาหารของเขา ในสภาพที่ยังไม่ย่อยสลายอยู่เต็มท้องของเขาไปหมด หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทีมงานจึงได้ออกสำรวจตามร้านชานมไข่มุกในเมืองชิงเต่า เพื่อสอบถามว่าพวกเขาเคยเห็นไข่มุกปลอมแบบนี้หรือไม่ โดยทั้งหมดตอบคล้ายกันว่าไม่เคยเห็นหรือได้ยินข่าวเกี่ยวกับไข่มุกแบบนี้มาก่อน แต่มีเจ้าของร้านชานมแห่งหนึ่งได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า ไข่มุกเหล่านั้นอาจจะผลิตมาจากโรงงานเคมี ที่ทำมาจากสันรองเท้าหนังและยางรถยนต์เก่าก็เป็นได้ ทั้งนี้ไม่มีการยืนยันว่าไข่มุกเหล่านั้นทำมาจากยางรถยนต์เก่าหรือสันรองเท้าหนังจริงหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชิงเต่า ได้ให้ข้อมูลว่า เม็ดมุกเหล่านั้นมีความเหนียวหนืดกว่ามุกทั่วๆ ไปมาก แต่ล่าสุด อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า อาจเป็นการกุเรื่องของสื่อจีนเท่านั้น เพราะราคายางรถยนต์แพงกว่าแป้งสำปะหลังสำหรับใช้ทำไข่มุกหลายเท่า แถมยังตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจไว้อีกหลายข้อทีเดียว ที่มา hongkongfp , Jessada Denduangboripant
-
ผู้ปกครองชาวจีนโวย ครูอนุบาลจับเด็กๆ แก้ผ้าถ่ายนู๊ด อ้างสอนเพศศึกษา!?
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณครูชาวจีนแซ่มา ในมณฑลเหอหนาน ที่จับเด็กชายชั้นอนุบาลมาแก้ผ้าล่อนจ้อนและถ่ายภาพของพวกเขาลงในแอพฯ WeChat โดยอ้างว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้นเพื่อเป็นการสอนเพศศึกษาให้กับเด็กๆ เท่านั้น หลังจากที่ภาพของเหล่าเด็ดๆ ถูกแชร์ลงในแอพฯ และกระจายออกสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ปกครองของเด็กๆ เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้มีการรวมตัวกันร้องเรียนให้ทางโรงเรียนที่คุณครูรายนี้สอนอยู่ ไล่เธอออกซะ หลังจากกลายเป็นข่าว คุณครูสาวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ที่เธอทำลงไปนั้นเพื่อเป็นการสอนเพศศึกษาให้กับเด็กๆ และอยากให้นักเรียนได้เรียนรู้ความหมายของการมีชีวิต ซึ่งเธอคิดว่าการที่เด็กๆ แก้ผ้าแบบนี้ถือเป็นภาพที่น่าักดี นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าในระหว่างที่ให้เด็กชายแก้ผ้านั้น เธอได้ขอให้เด็กผู้หญิงออกไปจากห้องก่อนด้วย ในเวลาต่อมาทางผู้อำนวยการและคุณครูสาวได้ออกมาแถลงข่าวขอโทษผ่านสื่อต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์สุดอื้อฉาวครั้งนี้ ทั้งนี้ไม่มีรายงานว่าเธอได้ถูกทางโรงเรียนคาดโทษหรือไล่ออกหรือเปล่า น่าสงสารเด็กๆ มากเลย ที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ไม่แน่ว่าการแก้ผ้าครั้งนั้นอาจเป็นภาพติดตาที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาในภายภาคหน้าก็ได้ ที่มา shanghaiist
-
ตำรวจมาเลเซียตามจับแก๊งค์นักท่องเที่ยวจีน หลังแก้ผ้าถ่ายรูปแชร์ลงในเน็ต!?
ยังคงเป็นที่น่าชื่นชม (!?) ได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ สำหรับวีรกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ล่าสุดได้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปเที่ยวที่เมืองเซปปอร์นาประเทศมาเลเซีย แต่การท่องเที่ยวก็มีอันต้องสะดุด เพราะพวกเขาดันไปแก้ผ้าถ่ายรูปบนเรือ และนำมันไปแชร์ลงในอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดการส่งต่อกันอย่างมากมาย ทำให้ชาวเน็ตเกิดความไม่พอใจและนำภาพของพวกเขาไปร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของมาเลเซียเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ทั้งหมดถูกตามจับกุมในที่สุด ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่าตำรวจมาเลเซียได้จับกุมนักท่องเที่ยวชาวจีนรายหนึ่ง วัย 30 ปี ซึ่งคาดการณ์กันว่าเขาอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับรูปเปลือยดังกล่าว โดยมีกำหนดปล่อยตัววันที่ 25 ตุลาคมนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นของมาเลเซียได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า การกระทำของนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่ไร้อารยธรรมและทำลายภาพลักษณ์อันดีของสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย เหมียวก็อยากจะฝากเตือนนักท่องเที่ยวชาวไทยเหมือนกันนะ หากจะไปที่ไหนก็อย่าไปทำลายหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับที่นั้นๆ นะ ไม่งั้นเราอาจสร้างชื่อเสียให้กับประเทศของเราได้ล่ะ ที่มา news.qq , kapook
-
อวสารอาหารมื้อไหนดี?!?! ชาวจีนมีอาการปวดหู พอส่องกล้อง เจอหนอนนับร้อยอยู่ข้างใน!!!
เรื่องสุขภาพแล้วความสะอาดของหู ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้จริงๆ ไม่อย่างนั้น คุณอาจจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้!! เรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นของชายชาวจีนจากมณทลกวางตุ้ง วันหนึ่งเขารู้สึกปวดหูและคันหูขึ้นมา เขาจึงไปหาหมอ และเมื่อหมอส่องกล้องเข้าไปดูพบว่า มีหนอนแมลงวันนับร้อย กำลังเต้นรำอย่างมีความสุขในหูของเขา หมอจึงทำการล้างหูและใช้คีมคีบหนอนทั้งหมดออกมา เมื่อทางสำนับข่าวท้องถิ่นสอบถามไปว่า ทำไมในหูเขาถึงมีหนอน ชายคนนั้นก็ปฏิเสธการให้ข้อมูลทุกอย่าง สำนักข่าวคาดว่า อาจมีแมลงเข้าไปวางไข่ในหูเขาตอนที่เขานอนหลับอยู่ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในพื้นที่เขตร้อนที่มีแมลงวันอยู่มาก และมักจะพบในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี สยองจริงๆ ไปชมคลิปกันเลยดีกว่า เห็นแบบนี้แล้ว ก็หมั่นตรวจเช็คสุขภาพหูบ่อยๆนะเพื่อนๆ ไม่แน่ในหูของท่าน อาจมีอะไรแบบนี้อยู่ก็เป็นได้!!! ที่มา Viral MTV1
-
เหลือเชื่อ!! ชาวจีนตื่นตระหนก ภาพเมืองลอยฟ้าขนาดยักษ์โผล่เหนือน่านฟ้าในจีน
กลายเป็นเรื่องที่ชวนให้ฮือฮาในประเทศจีนอยู่ตอนนี้เลยล่ะ สำหรับเรื่องราวของเมืองลอยฟ้าขนาดยักษ์ที่อยู่เหนือน่านฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน จนชาวบ้านลือกันให้แซ่ดว่านี่อาจเป็นฝีมือของสิ่งลี้ลับหรือเป็นโลกคู่ขนานก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า ชาวบ้านใรมณฑลเจียงซีและมณฑลฝูเจี้ยนประเทศจีน ได้พบวัตถุประหลาดลอยอยู่บนท้องฟ้าคล้ายกับอาคาร ทำเอาชาวเน็ตพากันตื่นตกใจและแชร์ภาพดังกล่าวออกไปอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญออกมาแสดงความเห็นและะทฤษฎีต่างๆ มากมาย โดยบางคนเชื่อกันว่านี่อาจเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่คาดกันว่าเป็นการทดลองของ Nasa ที่ชื่อว่า Blue Beam ที่เป็นการยิงภาพโฮโลแกรมขึ้นฟ้าเพื่อจำลองเหตุการของพระเยซู ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศออกมาแย้งว่าภาพเมืองลอยฟ้าที่เห็นนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า Fata Morgana ตามบันทึกในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาพบว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวมักจะโผล่ออกมาสร้างความตกใจให้แก่ผู้คนอยู่หลายครั้งทีเดียว ที่มา shanghaiist
-
ชายพิการดูแลภรรยาอัมพาตเพียงลำพังมานานกว่า 11 ปี ด้านชาวเน็ตแห่ซาบซึ้งในพลังแห่งรักแท้
เรื่องราวของชายชราชาวจีนขาพิการ กับภรรยาอัมพาตครึ่งท่อนล่าง ดูเหมือนจะทำให้ชาวเน็ตจากประเทศจีนซาบซึ้งใจในรักแท้ของทั้งคู่กันเป็นแถว เพราะเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เปิดเผยเรื่องราวของ Sheng Bingzhi ชายชราขาพิการวัย 72 ปี จากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่ได้ดูแลเอาใจใส่ภรรยา Xu Biqiu ที่ป่วยอัมพาตครึ่งท่อนล่างด้วยตัวคนเดียวมาตลอด โดยสาเหตุที่ทำให้นาย Sheng ต้องพิการสูญเสียขาขวาไปนั้น ก็เพราะว่าเขาเคยประสบอุบัติเหตุในโรงงานเมื่อเขาอายุได้เพียง 17 ปียังไงละเหมียว และเมื่อเขาได้มาพบรักกับนาง Xu ทั้งคู่ก็ได้แต่งงาน และอยู่กินกันมาเป็นเวลากว่า 30 ปี ก่อนที่ฝ่ายภรรยาจะโชคร้ายถูกรถชน จนทำให้เป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่าง หลังจากที่ภรรยาถูกรถชนจนเป็นอัมพาต ฝ่ายสามีผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา ก็ไม่ได้ทิ้งภรรยาไปไหน เพราะความรักที่เขามีต่อเธอ ทำให้เขาดูแลเอาใจใส่ภรรยาเป็นอย่างดี เพื่อเป็นการตอบแทนความรักนาง Xu มีให้เขามาโดยตลอด ด้านชาวเน็ตจีนเมื่อได้ทราบเรื่องราวของทั้งคู่ ต่างก็พากันซาบซึ้งในรักแท้กันอย่างมากมาย แถมยังมีชาวเน็ตบางรายเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือนาย Sheng และภรรยา…
-
หนูน้อยชาวจีนวัย 13 หนีจากการถูกลักพาตัวสำเร็จ เพราะเลียนแบบในหนังอาชญากรรม!!
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้เปิดเผยเรื่องราวของเด้กหนุ่มชาวจีนนามว่า เสี่ยวยี่ ที่ถูกโจรลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ แต่กลับสามารถหนีรอดออกมาได้ เพราะเลียนแบบภาพยนตร์อาขญากรรมที่เคยดูมา ตามรายงานบอกว่าเสี่ยวยี่อาศัยอยู่ในมณฑลเสฉวน แต่กลับมีชายคนหนึ่งจับเขาพันเทปกาวไว้ที่ปากและใช้ผ้าปิดตา ก่อนจะจับเขาไปขังไว้ที่บ้านร้างแห่งหนึ่งเพื่อโทรศัพท์หาพ่อและแม่ของเด็กเพื่อเรียกเงินจำนวน 30,000 หยวน หรือประมาณ 723,430 บาท จากนั้นเสี่ยวยี่จึงพยายามปลดล็อคตัวเองและแอบหนีออกไปตอนที่คนร้ายไม่อยู่ แต่โชคร้ายที่คนร้ายดันรู้ตัวก่อนเขาจึงถูกจับกลับมามัดไว้อย่างแน่นหนากว่าเดิม ก่อนจะออกไปข้างนอกอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เสี่ยวยี่ระมัดระวังตัวมากขึ้น เลยทดลองตะโกนเสียงดังถึง 2 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น เขาจึงจัดแจงพาตัวเองออกมาจากบ้านหลังนั้นในที่สุด หลังจากนั้นเสี่ยวยี่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนแถวนั้น เสี่ยวยี่ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ภาพยนตร์สอนผมให้รู้จักการร่วมมือกับคนร้ายลักพาตัว เพื่อซื้อเวลา และรออย่างใจเย็นจนกว่าจะมีโอกาสหนี” นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังสามารถตามจับตัวคนร้ายได้ในขณะที่นั่งชิวอยู่ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งด้วย สุดยอดไปเลยนะหนุ่มน้อย!! ที่มา CCTVNews
-
คุณครูสาวชาวจีน ‘ซู่ตงเซียง’ ดังชั่วข้ามคืน หลังมีภาพขณะออกกำลังกายหลุดออกมา
ถือเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ของจีนอยู่ในขณะนี้ สำหรับภาพของ ซู่ตงเซียง อาจารย์สาวผู้สอนวิชาศิลปะการแสดงในมหาวิทยาลัยต้าเหลียน โพลีเทคนิค ของประเทศจีน วัย 23 ปี ที่จู่ๆ ก็กลายเป็นเซเล็บในโลกออนไลน์ขึ้นมาซะอย่างงั้น หลังจากที่มีชาวเน็ตค้นพบภาพของเธอในชุดออกกำลังกายและปั่นจักรยาน ทำเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั่วเมืองจีนถึงกับตาลุกวาวเลยทีเดียว และเมื่อภาพของเธอถูกแชร์ออกไปในโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเว่ยป๋อ ก็ทำให้ยอดผู้ติดตามของเธอพุ่งสูงถึง 260,000 คนเลย ทั้งนี้ยังมีข้อมูลอีกว่า อาจารย์ ซู่ตงเซียง ยังทำอาชีพเสริมเป็นนางแบบอีกด้วย โอ้วววคุณพระ อ๊าคคคคคคคคคคค ที่มา dailymail
-
แบบนี้ก็ได้เหรอ? สื่อนอกเผยภาพป้ายภาษาอังกฤษในจีน ขอบอกว่าพังมาก!!
ขอบอกเลยว่าทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะเดินทางไปยังประเทศไหนๆ ก็มักจะได้เห็นป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ นั่นก็เพราะว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่มีคนใช้กันทั่วโลกนั่นเอง แต่บางคำ บางประโยคอาจจะยากต่อการเข้าใจ จนทำให้คนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษามีการแปลแบบผิดๆ ถูกๆ กันได้ อย่างเช่นภาพที่เหมียวนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นภาพป้ายที่ถูกรวบรวมมาจากประเทศจีนโดยเว็บไซต์ Shanghaiist ขอบอกเลยว่าแต่ละอันแปลผิดเพี้ยนไปไกลเลย… 1. มันใหญ่มาก!! 2. โด้ผัก… 3. Japanese นะ ไม่ใช่ Janpanese 4. เรามีเมนูภาษาอังกริช(Engrish) 5. สงสัยคนทำป้ายเพิ่งทะเลาะกับแฟนมา 6. บริการล้างหรรม!? 7. ชั้น 9 ถูกย้ายไปชั้น 15 ชั่วคราว!? 8. ราเม็งสำหรับพวกร่าน!? 9. นี่คือระเบิดมือ!? 10. ค่อยๆ ลื่นและล้มอย่างระมัดระวัง!? 11. เนื้อสามี!? โอ้ย…
-
หนุ่มจีนโชว์เก๋าขี่บิ๊กไบค์เร็ว 237 กม/ชม. อวดลงเน็ต ตำรวจตามรวบทันควัน
แม้ว่าจะมีเงินมากพอจะซื้อบิ๊กไบค์มาขี่แบบหล่อๆ แต่ก็ต้องเคารพกฎจราจรด้วยนะ เพราะไม่งั้นสิ่งที่คุณรักอาจย้อนกลับมาทำร้ายคุณหรือทำให้คุณเสียเงินทั้งที่ไม่จำเป็นก็ได้ เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Asiaone ของจีนได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของจีน สามารถตามจับไบค์เกอร์หนุ่มได้ หลังจากขับขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนหลวงด้วยความเร็วกว่า 237 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเกินกว่าความเร็วที่กฎหมายอนุญาตถึง 3 เท่า!! เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา บนถนนสายหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยชายหนุ่มแซ่เผิง วัย 30 ปี ได้ขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ความเร็ว 237 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทาง 37.5 กิโลเมตร ในเวลาแค่ 13 นาทีเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้นายเผิงถูกตามตัวได้แม้จะหายไปจากถนนแล้วก็เพราะว่า หลังจากที่ทำการซิ่งเสร็จนั้น เขาได้นำเอาคลิปวิดีโอระหว่างการเดินทางมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ที่มีคนกดแชร์ไปกว่า 220,000 ครั้ง ทำให้ตำรวจสามรถตามตัวเขาได้ไม่ยากเลยล่ะ ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง จะขี่รถเร็วก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่แอดเหมียวว่าขี่ในที่ที่เขาจัดไว้ให้ น่าจะปลอดภัยกับตัวเองและคนบนท้องถนนมากกว่านะ ที่มา asiaone , Sina premium
-
มาได้ไง? ศิลปินชาวจีนพบอุปกรณ์ดักฟังภายในบ้านที่ปักกิ่ง หลังเตรียมปรับสภาพบ้านใหม่
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของศิลปินชาวจีนนามว่า Ai Weiwei ที่ค้นพบอุปกรณ์ดักฟังอยู่ภายในห้องทำงานในบ้านของตนเองที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หลังพยายามปรับสภาพบ้านใหม่ นอกจากนี้แล้วนาย Ai Weiwei ยังพบอีกว่ามีอุปกรณ์ดักฟังอยู่ที่ห้องนอนอีกด้วย โดยมีการคาดว่าอุปกรณ์เหล่านี้น่าจะถูกซ่อนไว้ในบ้านของเขามาแล้วหลายปี แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะไม่ได้ทำให้เขาช็อคมากนัก เพราะเจ้าตัวได้ถ่ายคลิปวิดีโอประชดเจ้าเครื่องดักฟังนั่น ด้วยการจุดประทัดเสียงดังใส่มัน ซึ่งอาจทำให้บุคคลปริศนาที่แอบฟังอยู่หูแตกได้เลยทีเดียว 听到了么? A video posted by Ai Weiwei (@aiww) on Oct 3, 2015 at 8:59pm PDT เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นกับบุคคลทั่วไปได้ไม่บ่อยนัก แต่หากใครรู้ตัวว่าเป็นบุคคลที่มีมีธุรกิจหรือความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ก็ควรจะเช็ครอบๆ บ้านของคุณได้ดีนะ ว่าซอกหลืบไหนมีวัตถุแปลกๆ ซ่อนอยู่หรือเปล่า เพราะคุณคงไม่แฮปปี้แน่ๆ หากเรื่องส่วนตัวของคุณจะไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป ที่มา shanghaiist
-
ผู้ดีเหวอ เจอนักท่องเที่ยวจีน อุ้มลูกอึหน้าร้าน Burberry ในประเทศอังกฤษ!?
หากใครที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่อังกฤษก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของร้าน Burberry มาไม่มากก็น้อยล่ะนะ เพราะมีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อแถมยังปลอดภาษีอีกด้วย จึงเป็นร้านค้าที่ดึงดูดลูกค้าได้ดี โดยเฉพาะลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าชาวจีนบางคนจะไม่ได้เป็นแฟนของ Burberry เพราะเล่นพาลูกหลานมาอึที่หน้าร้านกับแบบไม่เกรงใจใครเลยทีเดียว!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หน้าร้าน Burberry สาขาหนึ่งในหมู่บ้าน Bicester ประเทศอังกฤษ เป็นเหตุการณ์ดูคุณยายชาวจีนคนหนึ่งกำลังอุ้มหลานชายและจัดแจงให้เขาอึลงบนถุงกระดาษที่หน้าร้านค้าชื่อดัง ทำเอานักท่องเที่ยวและชาวเมืองต่างเอือมไปตามๆ กัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลกันเข้ามาเที่ยวที่ประเทศอังกฤษกันอย่างไม่ขาดสาย และตั้งแต่ปี 2013 ที่ผ่านมา ทางการของอังกฤษก็ได้ติดตั้งป้ายหรือสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นภาษาจีนเพื่อให้พวกเขาเข้าใจง่ายมากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังใช้ไม่ได้ผลกับคนบางกลุ่มล่ะนะ ที่มา shanghaiist
-
เกินไป๊!! บริษัทจีนสุดโหด สั่งพนักงาน “เลื้อย” รอบบึง หลังทำยอดขายบริษัทได้ไม่ดี
หากคุณเป็นพนักขายอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำยอดขายได้ไม่ดีนัก คุณอาจจะแค่อดโบนัสหรือค่าคอมฯ อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่ประเทศจีน หากคุณทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้าที่วางเอาไว้ คุณอาจจะต้องไปเลื้อย-คลานกับพื้นจนเนื้อตัวมอมแมมเลยล่ะ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊คเพจ CCTVNews ได้รายงานว่าบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ได้ลงโทษพนักงานขายด้วยการสั่งให้พวกเขาลงไปนอนเลื้อยกับพื้นรอบบึงจนเสื้อผ้าขาดวิ้นและเป็นแผลเต็มตัว หลังทำยอดขายไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ ตามรายงานไม่ได้บอกว่าบริษัทแห่งนี้มีชื่อว่าอะไร แต่หลังจากที่มีคนพบเห็นพวกเขาเข้า ก็ได้มีการนำมาเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ Weibo เครือข่ายสังคมออนไลน์ของประเทศจีน และกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัง เกี่ยวกับการลงโทษพนักงานสุดโหดร้ายแบบนี้ โดยมีชาวเน็ตประนาณสิ่งที่บริษัทแห่งนี้ทำว่า เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนมาก เป็นการลดทอนสิทธิมนุษยชน ในขณะที่บางคนสงสัยว่าพนักงานเหล่านี้ทนอยู่กับบริษัทนี้ได้ยังไง? เหมียวว่า ถ้าเจอแบบนี้กับตัว เหมียวขอลาออกดีกว่า ที่มา CCTVNews , kapook
-
จะแข็ง…แกร่งไปไหน!? หนุ่มจีนโชว์อึด ใช้เจ้าโลกยกลังเบียร์กว่า 3 ลัง แถมแกว่งไปมาได้ด้วย!!
ขึ้นชื่อว่าประเทศจีน มักจะมีเรื่องเหวอๆ ฮาๆ แปลกๆ ให้เราได้เห็นกันอยู่เป็นประจำเลยนะ ล่าสุดแอดเหมียวไปเจอเข้ากับคลิปหนึ่งมา รับรองว่าอาจทำให้หนุ่มๆ เสียววาบกันเป็นแถบเลยล่ะ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้เผยแพร่คลิปของหนุ่มชาวจีนรายหนึ่ง ที่พยายามจะโชว์แกร่งด้วยการใช้เจ้าโลกผูกกับเชือกแล้วยกลังเบียร์หนักๆ ถึง 3 ลังพร้อมกัน คุณพระ!! และนอกจากยกให้ลอยเหนือพื้นแล้ว ยังพยายามแกว่งไปมาให้เราดูอีกด้วย ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง เอิ่ม รู้แหละนะว่าพี่แข็ง…แกร่งจริงๆ แต่อย่าทำบ่อยๆ เลย เดี๋ยวจะชำรุดป่าวๆ นะ… ที่มา mirror
-
คนมันรวย!! ไฮโซจีนเขวี้ยงเงินเป็นฟ่อนใส่หน้าพนักงานร้านทอง หลังเข้าใจผิดคิดว่าโดนดูถูก
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของไฮโซสาวชาวจีนรายหนึ่ง เขวี้ยงเงินเป็นฟ้อนใส่หน้าพนักงานร้านขายเครื่องประดับ หลังคิดว่าพนักงานสาวพูดจาดูถูกตนเอง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในมณฑลตู่เหาประเทศจีน จากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นหญิงสาวรายหนึ่งในชุดสีม่วง กำลังยืนพูดคุยกับพนักงานขายเครื่องประดับอย่างมีอารมณ์ แต่ดุเหมือนว่าพนักงานสาวจะพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้ไฮโซสาวไม่พอใจ ทำให้เธอวีนแตกและตะโกนออกมาว่า “อะไรนะ? นี่แกคิดว่าฉันไม่มีเงินเหรอ? ที่นี่มันคือที่แบบไหน? ถนนแฟชั่นเหรอ? เชื่อไหมว่าฉันสามารถซื้อทั้งถนนนี่ยังได้?” เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องเกินเลย เธอจึงจัดการควักเงินจากกระเป๋าและเขวี้ยงใส่หน้าพนักงานสาวทันที พร้อมตะโกนอีกว่า “นี่มันอะไรหะ? นี่มันอะไร!” ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย หลังจากที่คลิปนี้ถูกโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ก็กลายเป็นคลิปโด่งดังไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วและกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของไฮโซสาว ที่มา shanghaiist
-
สาวจีนได้ยินเสียงประหลาดภายในหู เชื่อเป็นเสียงปีศาจ ที่แท้เป็นแมงมุมทำรังอยู่ในหู!!
ถ้าคุณคิดว่าการพบแมงมุมในระหว่างทำความสะอาดห้องเก็บของเป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ แล้วล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ เพราะข่าวที่เหมียวจะนำเสนอในวันนี้อาจจะทำให้คุณขนลุกไปทั้งตัวได้เลยล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Uproxx ได้เผยแพร่เรื่องราวสุดสยองของนางลี่ หมิง จากประเทศจีน ตามรายงานบอกว่าเธอได้ยินเสียง “เกา” ประหลาด อยู่ในหูตลอดเวลา เธอจึงคิดเอาเองว่าเสียที่เธอได้ยินนั้นอาจเป็นเสียงของภูตผีปีศาจ ทำให้เธอรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นนางหมิงก็ได้เดินทางไปหาหมอผี เพื่อให้ร่ายคาถาและสวดมนต์เพื่อไล่สิ่งประหลาดออกไปจากหูของเธอ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจไปหาหมอหู คอ จมูก ปาก(น่าจะไปตั้งแต่แรกแล้ว) จากการตรวจสอบของหมอพบว่า มีแมงมุมกำลังชักใยทำรังอยู่ภายในแก้วหูของเธอ!! แต่สุดท้ายคุณหมอก็สามารถเอาแมงมุมตัวนั้นออกมาจากหูของเธอได้สำเร็จ สุดท้ายนี้นางหมิงได้กล่าวว่า เธอไม่อยากรู้เลยว่าแมงมุมนั่นหน้ามีหน้าตาเป็นยังไง… ที่มา uproxx
-
ทำไปได้!! คุณป้าโชว์สกิลเทพ พาครอบครัวนั่งมอเตอร์ไซค์อัด 7 ซิ่งบนถนนในประเทศจีน
เรียกได้ว่าถ้าไม่สามารถจริงทำไม่ได้เลยนะเนี่ย สำหรับคุณป้าชาวจีนท่านนี้ ที่ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์พาสมาชิกในครอบครัวถึง 6 คน รวมคุณป้าเป็น 7 ซิ่งบนถนนในเมืองตู้ชาน มณฑลเจียงซีของจีน เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา งานนี้ใครเห็นความสามารถอันน่าทึ่งของคุณป้า เป็นต้องรีบเหลียวหลังกลับมามอง ในความสามารถสุดเทพแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อเลยนะว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนิดเดียว จะสามารถบรรจุคนได้มากขนาดนี้ เพราะจากภาพ เราจะเห็นได้ว่าคุณป้าได้พาสมาชิกครอบครัวที่มีทั้ง แม่วัยชรา และลูกๆ อีก 5 คน นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ทั้งหน้าและหลัง ขับอู่บนถนนแบบชิวๆ ยังไงละเหมียว และเมื่อภาพของเธอถูกเผยแพร่ลงสู่โลกโซเชียล ก็ได้สร้างความอึ้งหนักมากให้กับชาวเน็ตกันเป็นแถว แถมบางคนก็มีแซวๆ ด้วยว่า แหม!! ความสามารถของเธอล้ำเลิศจริงๆ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตอีกหลายคน ที่ออกมาแสดงความเห็นว่า การกระทำแบบนี้ถือว่าอันตรายเป็นอย่างมาก ที่มา : news.qq, kapook
-
ชายหนุ่ม คุกเข่าขอแต่งงาน ‘แฟนหนุ่ม’ ของเขาบนรถไฟใต้ดิน ท่ามกลางผู้โดยสารจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยให้เห็นถึงคลิปวีดีโอของคู่รักสีม่วงชาวจีนคู่หนึ่งโดยในคลิปจะแสดงให้เห็นถึงชายหนุ่มกำลังคุกเขาขอแต่งงาน ‘แฟนหนุ่ม’ ของเขา บนรถไฟใต้ดินปักกิ่ง ท่ามกลางผู้โดยสารจำนวนมาก ชายหนุ่มได้ทำการคุกเข่าขอแต่งงานแฟนของเขา และได้พูดขึ้นมาว่า ‘ผมขอเชิญผู้โดยสารทุกคนที่ผมรู้จัก และไม่รู้จักมาเป็นพยานในครั้งนี้ด้วย’ พอเขาพูดจบ เขาก็ยืนขึ้น และสวมนาฬิกาข้อมือที่เป็นของหมั้นแทนแหวน ให้กับแฟนหนุ่มของเขา ซึ่งแน่นอนว่าผู้โดยสารโดยรอบมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็มิอาจละสายตาจากทั้งคู่ได้เลย จนในที่สุดทั้งคู่ก็สวมกอดกัน ดูแล้วน่าอิจฉามากๆ เลยใช่ไหมละเหมียว เมื่อคลิปวีดีโอของพวกเขาถูกเผยแพร่ลงสู่โลกอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนจะสร้างความประทับใจ ให้กับชาวเน็ตในประเทศจีนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่มา : pinknews
-
คู่รักชาวจีนนับร้อย ใช้คลื่นทะเลลูกใหญ่จากพายุไต้ฝุ่น มาเป็นฉากในการถ่ายพรีเวดดิ้ง
หากจะพูดถึงการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง คู่รักส่วนใหญ่มักจะเลือกสถานที่ที่สวยงาม และอลังการ เพื่อใช้เป็นฉากสวยๆ ในการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งใช่ไหมละ แต่สำหรับคู่รักชาวจีนกว่าร้อยคู่นี้ เรียกได้ว่าพวกเขาสามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสจริงๆ โดยพวกเขาแห่กันไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง บริเวณชายฝั่งของมณฑลซานตง ซึ่งในขณะนั้น เป็นช่วงที่กำลังเกิดคลื่นลมแรงจากอิทธิพลไต้ฝุ่นตู้เจวียน ที่เพิ่งขึ้นฝั่งไต้หวันเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยภาพจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยให้เห็นคู่รักชาวจีนนับร้อย กำลังถ่ายภาพพรีเวดดิ้งบริเวณริมชายหาด โขดหิน และกลางน้ำทะเล พวกเขาใช้คลื่นทะเลลูกใหญ่จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น มาเป็นฉากในการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ซึ่งนอกจากจะสวยงาม และน่าทึ่งแล้ว ยังช่วยให้ภาพถ่ายเหล่านั้น ดูสมจริงที่สุดอีกด้วย ส่วนผู้คนที่เห็นเหตุการณ์บริเวณนั้น ต่างก็พากันมามุงดูการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของคู่รักด้วยความสนอกสนใจเป็นพิเศษเลยละ งานนี้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของพวกเขา จะต้องออกมาสวยงาม และอลังการสุดๆ แน่นอน ที่มา : kapook
-
ยามมหาลัยฯ ในจีน แกล้งฝังสุนัขจรจัดในดินทั้งเป็น โชคดีได้นักศึกษามาช่วยไว้ทัน
ดูเหมือนว่ายามรักษาความปลอดภัยจะไม่ได้เป็นมิตรกับสุนัขจรจัดไปเสียทุกคนล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาเว็บไซต์ Shaghaiist ได้รายงานว่ามียามรักษาความปลอดภับรายหนึ่งในมหาวิทยาลัยหลานโจว ประเทศจีน ได้พบเข้ากับสุนัขจรจัดกลุ่มหนึ่งมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวมหาลัยฯ กลุ่มยามจึงตัดสินใจฝังพวกมันลงในดินทั้งที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ แต่โชคดีเหลือเกินที่ในระหว่างนั้นมีกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ยังมีหัวใจอยู่ได้พบเข้ากับกลุ่มลูกสุนัขโดยบังเอิญ พวกเขาจึงรีบเข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อขุดพวกมันขึ้นมา ทำให้พวกมันรอดตายอย่างหวุดหวิด ปัญหาของสุนัขจรจัดถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และมันทำให้หน่วยงานต่างๆ หาวิธีในการควบคุมมัน ซึ่งบางคนก็เลือกใช้วิธีอันโหดร้ายกับพวกมัน นอกจากการฆ่าพวกมันทั้งเป็นแล้ว แอดเหมียวว่ายังมีวิธีอีกมากมายที่สามารถจำกัดการกระจายพันธุ์ของสุนัขจรจัดได้อีกเพียบเลยนะ ใครทำแบบนี้แอดเหมียวขอให้เดินสะดุดยอดหญ้าตาย ที่มา shanghaiist
-
นักศึกษาดีไซน์เนอร์ในจีนผงาด ออกแบบชุดต่างๆ ให้กลายเป็นลวดลายดอกไม้ธรรมชาติ!?
เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพงานออกแบบชุดน่ารักๆ จากกลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยเสยฉวน ในประเทศจีน พวกเขาได้ออกแบบชุดง่ายๆ แต่แต่งเติมไอเดียล้ำๆ เข้าไป ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจชาวเน็ต จนกลายเป็นที่พูดถึงของโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย พวกเขาได้ร่วมมือกันเพื่อวางแผนที่จะจัดงานแฟชั่นโชว์ โดยการใช้เพียงแค่แผ่นกระดาษ ดินสอและกรรไกร เท่านั้น นักศึกษากลุ่มนี้กล่าวว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากผู้ใช้อินสตาแกรมรายหนึ่งที่ชื่อว่า Shamekhbluwi พวกเขาจึงได้ใช้กรรไกรตัดลงไปบนกระดาษที่ออกแบบชุดเอาไว้ เพื่อให้เป็นช่องตรงตามเสื้อผ้า จากนั้นก็นำไปส่องกับต้นไม้ใบหญ้า ก่อให้เกิดงานไอเดียเจ๋งๆ ขึ้นมาล่ะ หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ของจีน ก็มีชาวเน็ตต่างพากันเขามาแสดงความชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์พวกเขา ในขณะที่บางคนยังคงมองไม่ออกว่าภาพเหล่านี้สวยงามยังไง อย่างไรก็ตามมีบางคนให้ความเห็นว่าภาพเหล่านี้อาจไม่ใช่งานสร้างสรรค์ที่แท้จริง เพราะพวกเขาเคยเห็นงานออกแบบเหล่านี้ในต่างประเทศมาแล้วนั่นเอง ที่มา shanghaiist
-
เสียวววว!! เหมียวพาชมสะพานเชื่อมหุบเขาสุดหวาดเสียวในจีน สูงกว่า 182 เมตร!!
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความสูงและความหวาดเสียวแล้วล่ะก็ วันนี้แอดเหมียวจะพาคุณไปในสถานที่หนึ่งในประเทศจีน เพราะเมื่อเร็วๆ นี้เขาได้มีการเปิดตัวสะพานแก้ว ที่มีความสูงจากพื้นดินถึง 180 เมตรเลยทีเดียว!! สะพานที่เหมียวพูดถึงนี้ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน เป็นสะพานแก้วที่มีขนาดความยาวอยู่ที่ 300 เมตร และสูงจากพื้นดิน 180 เมตร และแน่นอนว่าเราสามารถมองทะลุสะพานลงไปยังพื้นด้านล่างได้ด้วย เดิมทีแล้ว สะพานแห่งนี้ถูกสร้างด้วยไม้(ขุ่นพระ) แต่วิศวะกรได้เริ่มออกแบบและเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่แข็งแรงและสวยงามมากขึ้นอย่างกระจกใส และแล้วมันก็สำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างที่เห็นนี่แหละ หลังจากที่สะพานถูกสร้างเสร็จแล้ว และมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมกัน ทุกคนก็พากันแตกตื่นกับความสูงและความหวาดเสียวของมันเลยล่ะ เราจะสังเกตเห็นได้จากสีหน้าของแต่ละคนที่ได้ไปยืนอยู่บนนั้นเลยล่ะ เอ้า ว่าแล้วก็ขอตีตั๋วไปชมเป็นบุญตาหน่อยเป็นไง ที่มา metro
-
ฉันจะไม่ทน!! เมียหลวงกระหน่ำตบเมียน้อยกลางที่สาธารณะ ไร้คนเข้าห้าม
กลายเป็นคลิปที่ร้อนแรงที่สุดในจีนขณะนี้เลย สำหรับคลิปการทำร้ายร่างกายระหว่างเมียหลวงและเมียน้อยกลางที่สาธารณะในประเทศจีน แต่แทนที่จะมีคนเข้าไปห้าม กลับปล่อยให้ฝ่ายเมียหลวงตบตีเมียน้อยจนลงไปนอนกับพื้นเลยทีเดียว คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เผยเรื่องราวสุดดราม่าของเมียหลวงรายหนึ่งที่จับได้ว่าสามีของตัวเองแอบไปมีเมียน้อย ทำให้เธอโมโหจัดจนต้องระบายอารมณ์กับเมียน้อยอย่างไม่ยั้งมือ นอกจากการทำร้ายร่างกายที่ไม่มีใครเข้ามาห้ามแล้ว ฝ่ายเมียหลวงยังได้กล่าวต่อว่าเมียน้อยด้วยคำพูดที่เจ็บแสบทีเดียว โดยบทสนทนามีอยู่ว่า เมียหลวง: “ทำไมเธอยังสนใจสามีฉันอยู่?” เมียน้อย: “ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาเลย” เมียหลวง: “บอกฉัน บอกฉันมา!” เมียน้อย: “ทำไมคุณไม่ไปลากสามีของคุณมาแล้วถามเขาเองล่ะ?” เมียหลวง: “ฉันจะไม่ถามเขาหรอก แล้วข้อความที่เธอส่งให้เขามันคืออะไรล่ะ? นี่คุณไม่รู้เหรอว่าเขามีลูกๆ แล้ว? นี่คุณอายุเท่าไหร่แล้ว? หาสามีเองไม่เป็นเหรอ?” เมียหลวง: “ถ้าคุณยังกล้ามาหาสามีของฉันอีก ฉันจะทำลายครอบครัวของคุณให้ตายไปเลยถ้าคุณยังกล้าเป็นเมียน้อยอีก ฉันจะฆ่าคุณซะ คุณยังสาวมากนะ ถ้าคุณหาสามีไม่ได้ก็ไปเป็นโสเภณีซะ” เจอเข้าไปแบบนี้ หวังว่าหญิงสาวรายนั้นจะเลิกเป็นเมียน้อยชาวบ้านสักทีนะ มีความรักอย่างเปิดเผยมันดีกว่าร้อยเท่าเลยล่ะ ที่มา shanghaiist
-
โชคดีเหลือเกิน!! หนุ่มจีนขอแฟนสาวแต่งงาน แต่พ่อตากลับให้รถให้บ้านพร้อม!!
เรื่องของการแต่งงานนั้น เป็นเรื่องใหญ่ที่คู่รักต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะฝ่ายชายต้องเป็นผู้ที่มอบเงินสินสอดให้แก่ฝ่ายหญิง ซึ่งก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยทีเดียว แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีหนุ่มบางคน ไม่แทบทรัต้องจ่ายค่าสินสอดเลย แถมยังได้ทรัพย์สินจากฝ่ายหญิงไปแบบหนักหน่วงเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Liveleak ได้เปิดเผยเรื่องราวของหนุ่มชาวจีนรายหนึ่ง ที่ตกลงปลงใจแต่งงานกับหญิงร่างท้วมฐานะดี แต่แทนที่ฝ่ายชายจะเป็นผู้มอบสินสอด เขากลับได้รับเงิน รถ และสินทรัพย์อื่นๆ มากมายจากพ่อตา จนทำให้ชาวเน็ตถึงกับอิจฉาในความโชคดีของเขาเลย ที่มา liveleak
-
เจ๋งมาก ! คนขับสามล้อจัดฟรีไวไฟ พร้อม iPad ให้ผู้โดยสารแก้เซ็ง
เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่เรื่องราวเจ๋งๆ ของคนขับสามล้อรายหนึ่งในมณฑลเฉิงตู ประเทศจีน ที่เปลี่ยนรถสามล้อธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสามล้อไฮเทคติด Wi-Fi ไว้ให้บริการลูกค้าแบบฟรีๆ !! คนขับสามล้อนามสกุลตันรายนี้ได้เปลี่ยนให้รถสามล้อของเขาให้เป็นรถไฮเทค โดยมีบริการ Wi-Fi ไว้ให้ใช้กันฟรีๆ นอกจากนี้ยังมี iPad และเครื่องเสียงแบบเซอร์ราวนด์ ไว้ให้ลูกค้าแก้เบื่อกันด้วย ทั้งหมดนี้นายตันต้องลงทุนไปมากถึงหลายร้อยหยวนเลยทีเดียว ตามรายงานบอกว่านายตันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเหวินเจียงและชอบความสนุกสนานมาก เขาเลยอยากจะทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการกับเขาได้สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานไปด้วย แต่บางคนอาจจะกังวลว่า รถสามล้อคันนี้ให้บริการเสริมเยอะแยะขนาดนี้ จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่ารถสามล้อทั่วไปหรือเปล่า? นายตันขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวล เพราะค่าโดยสารจะเริ่มต้นเพียง 3 หยวน หรือประมาณ 17 บาทเท่านั้น ขุ่นพระ!! เอาใจลูกค้าดีแบบนี้ เหมียวขอให้มีลูกค้าแบบไม่ขาดสายเลยน้าา ที่มา shanghaiist
-
เหมียวพาไปชม ห้องสมุดที่ “อ้างว้างและโดดเดี่ยวที่สุดในโลก” ตั้งอยู่บนชายหาดประเทศจีน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเข้าห้องสมุด และมักจะประสบปัญหากับเสียงรบกวน ความวุ่นวายต่างๆในห้องสมุด วันนี้เหมียวมีทางออกให้ล่ะ เพราะล่าสุดแอดเหมียวไปเจอเข้ากับห้องสมุดแสนสงบแห่งหนึ่งในจีนมา สงบจนได้รับฉายาว่าเป็นห้องสมุดที่ “อ้างว้างและโดดเดี่ยวที่สุดในโลก” เลยนะเออ ห้องสมุดที่ว่านี้ตั้งอยู่บนชายหาดทรายริมทะเลเบดาฮี ในเมืองชินฮวงเต่า มณฑลเหอเป่ย ของประเทศจีน ห้องสมุดที่ว่านี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกหนุ่มชาวจีนนามว่านาย ตง กง โดยเขาออกแบบอาคารหลังนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้มาใช้บริการ ได้รับความเงียบสงบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าภายนอกนั้นจะดูเรียบๆ แต่ขอบอกว่าภายในนั้นไม่ธรรมดา เพระห้องสมุดแห่งนี้มีขนาดความกว้างอยู่ที่ 450 ตารางเมตร มีการแบ่งออกเป็น 3 ชั้น มีห้องโถงที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี แถมยังมีวิวเป็นทะเลสวยๆให้ได้มองกันเพลินตาด้วยนะ ห้องสมุดสุดอ้างว้างแห่งนี้ถูกสร้างโดยบริษัทพัฒนาที่ดิน และเพื่อให้เข้าถึงความสงบอย่างแท้จริง ห้องสมุดแห่งนี้จึงไม่มีเส้นทางสาธารณะที่จะเข้ามายังห้องสมุดนี้ได้ด้วย ตามรายงานบอกว่าห้องสมุดแห่งนี้ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการนะ หากเปิดให้บริการแล้วจะมีการประกาศออกมาอีกทีนึงล่ะ นี่มันสวรรค์ของคนรักการอ่านชัดๆ เหมียวอยากไปปปปป ที่มา CCTV 中文 , ที่สุดในโลก
-
ปั่นประชดรัก!? หนุ่มจีนใช้การปั่นจักรยานระงับอารมณ์ทุกครั้ง หลังทะเลาะกับแฟน
เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ odditycentral ได้เปิดเผยเรื่องราวน่าทึ่งของหนุ่มจีนรายหนึ่ง ที่หาวิธีระบายอารมณ์เวลาทะเลาะกับแฟนด้วยการปั่นจักรยาน และเหลือเชื่อว่าเขาเคยทะเลาะกับแฟนจนต้องปั่นไปไกลถึงแอฟริกามาแล้ว!? หนุ่มจีนรายนี้มีนามว่านาย เหอ กันฮุย เขาเป็นคนที่ชอบปั่นจักรยานมาก และทุกๆ ครั้งที่นายเหอทะเลาะกับแฟน เขาก็มักจะหยิบจักรยานออกไปปั่นระบายอารมณ์ทุกครั้ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 ในปีนั้นนายเหอได้ทะเลาะกับแฟนอย่างรุนแรง แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์นั้นยังไง เขาเลยหยิบจักรยานออกมาปั่น จากบ้านในมณฑลกวางตุ้ง ไปจนถึงกรุงปักกิ่ง เป็นระยะทางกว่า 2,200 กิโลเมตร!! ขุ่นพระ!! หลังจากที่แฟนสาวทราบเรื่องเข้า เธอก็เลยซื้อจักรยานมาไว้ปั่นคู่กับเขาด้วยซะเลย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มีอันต้องทะเลาะกันอีกครั้ง เพราะในปี 2014 พวกเขาก็ได้มีปากเสียงกันอีกครั้ง คราวนี้นายเหอไม่ได้ปั่นอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่ปั่นไปไกลถึงแอฟริกาเลยทีเดียว!! ปัจจุบันนายเหอกลับมาอยู่กับแฟนของเขาแล้วเรียบร้อย เขาตัดสินใจที่จะพักการปั่นจักรยานไปสักระยะ และจับเข่าคุยกับแฟนของเขาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยแฟนสาวของเขาสัญญาว่าจะไม่ตะคอกใส่เขาอีก สุดท้ายนี้เขาได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “ผมคิดว่าตอนนี้ผมเห็นโลกมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะทำบางสิ่งให้ถูกต้องที่บ้านของผมแล้วล่ะ” เหมียวขอเป็นกำลังใจให้นายเหอและแฟนสาว สามารถผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดีนะจ๊ะ ที่มา odditycentral
-
อ่าเฮื้อออออ!! สื่อจีนเผยภาพคุณครูประถมสุดน่ารัก ไม่เป็นอันเรียนกันแล้วทีนี้
เมื่อวันก่อนแอดเหมียวเพิ่งจะนำเสนอเรื่องราวของคุณครูสาวเกาหลีสุดน่ารักไปนี่เอง ดูเหมือนว่าล่าสุดแดนมังกรจะไม่ยอมน้อยหน้าล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Ck101 ก็ได้ออกมารายงานว่า ที่จีนมีคุณครูสุดน่ารักไม่แพ้กันเลย คุณครูชาวจีนที่เหมียวพูดถึงนี่้ เธอมีชื่อว่าคุณครู ถังติงติง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศจีน ด้วยใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนี้ ชาวเน็ตจึงนำรูปของเธอมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ Weibo ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ในจีน ทำเอาชาวเน็ตถึงกับตกหลุมรักเธอไปตามๆกัน และนอกจากเป็นครูแล้ว เธอยังเป็นคนรักสุขภาพที่ชอบออกกำลังกายด้วยนะ แหม่ อะไรมันจะดีขนาดนี้ >< ว๊ากกก ไปจีน ไปจีน ไปจีน!! ที่มา ck101
-
สื่อจีนเผยคลิปมนุษย์ยายสุดหื่น ไล่จูบวัยรุ่นหนุ่มในลิฟท์!?
เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shaghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในอาคารแห่งหนึ่ง ปรากฏภาพของคุณยายชาวจีน ที่พยายามจะจูบวัยรุ่นหนุ่มภายในลิฟท์ แต่ดูเหมือนหนุ่มน้อยจะไม่เล่นด้วย จึงพยายามผลักเธอออกไป และกลายเป็นคลิปวิดีโอสุดน่าละอายนี้ขึ้นมาล่ะ แต่หลังจากที่หนุ่มน้อยพยายามผลักคุณยายออกไป ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ลดละความพยายาม และพยายามดึงตัวของเขาเข้ามาเพื่อจะจูบซ้ำอีกรอบ แต่คราวนี้หนุ่มน้อยฮึดสู้และไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเธอง่ายๆ ตามรายงานไม่ได้เปิดเผยว่าทั้งคู่มีชื่อว่าอะไรและเกิดขึ้นที่อาคารใด บอกเพียงว่าคุณยายชาวจีนรายนี้อาจจะตกหลุมรักเด็กหนุ่มในครั้งแรกที่เจอ จึงพยายามโผเข้าจูบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอายมากสำหรับคนวัยนี้ ชมภาพเคลื่อนไหวได้ที่ด้านล่าง เอ่อ เหมียวสยองง่ะ ที่มา shanghaiist
-
สยิวกิ้ว!! สาวสุดคลั่งลงทุนแก้เสื้อผ้าประชดแฟน กลางถนนในประเทศจีน
เคยได้ยินประโยคที่ว่า ยามที่สาวๆ โมโหขึ้นมา อะไรก็เอาเธอไม่อยู่ไหมล่ะ? ประโยคที่ว่านั้นไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริงเลย เพราะล่าสุดได้มีเว็บไซต์ในจีนเผยแพร่ภาพของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่กำลังแก้ผ้าทะเลาะกับแฟนกลางถนน เพียงเพื่อประชดเขาเท่านั้น!! ตามรายงานบอกว่าเกิดเหตุมณฑลหนานหนิง ประเทศจีน ในขณะที่คู่รักคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกันอยู่นั้น จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ถอดเสื้อผ้าออกมากลางถนน เพื่อประชดแฟนหนุ่ม โดยไม่สนใจสายตาของประชาชนที่เดินผ่า ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วการทะเลาะกันของพวกเขาจบลงด้วยวิธีใด แต่เหมียวอยากจะเตือนเพื่อนๆ ว่า…อย่าประชดกันด้วยวิธีนี้เลยนะ เดี๋ยวจะเป็นตากุ้งยิงกันซะหมด ที่มา news.qq
-
เอาอีกแล้ว วัยรุ่นจีนเกือบโดนบันไดเลื่อนดูด โชคดีกระโดดออกมาทัน!!
ยังคงมีข่าวคราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุบันไดเลื่อนออกมาให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ เลยนะ ซึ่งล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีกครั้งในประเทศจีนอีกแล้วล่ะ เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Liveleak ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน เป็นภาพเหตุการณ์ในระหว่างที่วัยรุ่นสาวรายหนึ่ง กำลังจะเดินลงบันไดเลื่อน แต่จู่ๆ ฝาปิดด้านล่างก็เปิดออกมา ทำให้วัยรุ่นสาวเกือบตกลงไป แต่โชคดีที่ในขณะนั้นเธอสามารถตั้งสติและกระโดดออกมาได้ทันเวลา ทำให้เธอไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จากนั้นไม่นานทางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในห้างสรรพสินค้าก็เข้ามาดูที่เกิดเหตุ และสั่งหยุดการใช้งานบันไดเลื่อนชั่วคราว ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง ใครที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวจีนเร็วๆ นี้ล่ะก็ระวังตัวกันหน่อยนะจ๊ะ ที่มา liveleak
-
นักศึกษาจีนสู้ชีวิต สูญเสียแขน 2 ข้าง แต่ใช้เท้าในการดำรงชีวิตได้คล่องแคล่วไม่แพ้คนปกติเลย
เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย เชา เผิง วัยรุ่นหนุ่มที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยสีฉวน ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีนได้สำเร็จ แม้เขาจะไม่มีแขนทั้ง 2 ข้างก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีแขนทั้ง 2 ข้าง แต่นายเผิงก็สามารถใช้เท้าทั้ง 2 ข้างในการดำเนินชีวิตได้อย่างคล่องแคล้ว รวมไปถึงการทำกิจกรรมต่างๆแบบคนทั่วไป ทั้งการใช้ตะเกียบ การแปรงฟัน การกินข้าว หรือแม้แต่การกดสมาร์ทโฟนก็สามารถทำได้เช่นกัน ในทุกๆเช้า นายเผิงต้องใช้เวลาในการอาบน้ำประมาณ 18 นาที และใช้เวลาอีก 20 นาทีเพื่อเดินจากหอพักไปยังมหาวิทยาลัยเป็นระยะทางอีกกว่า 2.1 กิโลเมตร นายเผิงตั้งใจจะเรียนพิเศษเพิ่มเติมนอกมหาวิทยาลัย เพื่อช่วยให้เขาสามารถเรียนจบปริญญาด้านกฎหมายได้ และโชคดีมากที่นายเผิงมีเพื่อนที่ดี ที่คอยช่วยให้เขาสามารถเดินทางไปยังห้องสมุดได้อย่างสะดวก หลังจากที่เรื่องราวของนายเผิงถูกเผยแพร่ลงสู่โลกออนไลน์ของจีน ก็ทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่างๆแก่วัยรุ่นและชาวจีนอีกมากมายเลยทีเดียว เอาล่ะวัยรุ่น เห็นแบบนี้แล้วก็อย่ายอมแพ้พวกเขาเด็ดขาดนะจ๊ะ ที่มา shanghaiist
-
เกินไปม๊าง!! สามีรีบขอหย่าภรรยา หลังรู้ว่าตัวเองถูกหวยรางวัลที่ 1 มูลค่ากว่า 26 ล้าน!!
แม้จะแต่งงานอยู่กินด้วยกันแล้วก็ใช่ว่าจะไว้เนื้อเชื่อใจได้นะ เพราะเมื่อต้องมีเรื่องเงินเรื่องทองเข้ามาเกี่ยว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สนแล้วล่ะ หากไม่เชื่อแล้วล่ะก็ งั้นเหมียวจะพาไปดูข่าวจากเมืองจีนข่าวนี้กัน เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Indiatoday ได้เปิดเผยเรื่องราวของชายหนุ่มที่ชื่อว่านาย หลิว เซียง จากเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ตามรายงานบอกว่าเขาได้ขอหย่าภรรยา และขอให้ภรรยารีบเซ็นใบหย่าทันที หลังจากที่เขารู้ตัวว่าถูกลอตเตอรี่เป็นจำนวนเงินกว่า 26 ล้านบาท!! แต่ความลับก็เป็นความลับได้ไม่นาน เพราะหลังจากที่นายหลิวได้นำเอาลอตเตอรี่ไปขึ้นเงิน ก็ทำให้ภรรยารู้ว่าเขาถูกลอตเตอรี่ 26 ล้านบาท และไม่คิดจะแบ่งให้เธอ เธอจึงยื่นฟ้องศาลเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และสุดท้ายศาลก็ตัดสินให้นายหลิวต้องแบ่งเงินให้ภรรยาของเขาเป็นจำนวน 6.5 ล้านบาท เพราะลอตเตอรี่ที่ซื้อมานั้น เป็นลอตเตอรี่ที่ซื้อในช่วงที่พวกเขายังเป็นสามีภรรยากัน ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่ทั้งคู่มีร่วมกันนั่นเอง ที่มา indiatoday