Tag: ชาวประมง
-
‘ชาวประมง’ ช่วย ‘หมาจิ้งจอก’ ที่ติดอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง จนมันได้ขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย
เมื่อไม่นานนี้ ขณะที่ชาวประมง Mallory Harrigan Cliff Russell และ Allan Russell ไปล่องเรือห่างจากชายหาดรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ประเทศแคนาดา ไม่กี่กิโลเมตร ทันใดนั้น พวกเขาก็สังเกตเห็นบางอย่างอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่กำลังละลายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร เมื่อมองดูดีๆ พวกเขาจึงได้รู้ว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมความสามารถในการว่ายน้ำ เพราะมันคือหมาจิ้งจอกอาร์ติก ที่กำลังอยู่ในสภาพเปียกปอน หิวโหย และหวาดกลัว ขณะที่แผ่นน้ำแข็งที่มันอยู่ถูกน้ำกัดเซาะจนพร้อมจะโค่นลงมาได้ทุกเมื่อ ชาวประมงบอกว่ามันอาจจะเห็นอาหารอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง เลยออกไปตรวจสอบ แต่ระหว่างนั้นแผ่นน้ำแข็งเกิดแตกตัว และลอยไปอยู่กลางทะเล เมื่อเห็นว่าหมาจิ้งจอกกำลังต้องการความช่วยเหลือ ชาวประมงจึงขยับเรือเข้าไปใกล้กับแผ่นน้ำที่มันอยู่ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้มันขึ้นมาบนเรือ Mallory บอกว่า “ตอนแรก หมาจิ้งจอกพยายามจะหนีจากเรา จึงทำให้เราทำงานกันอย่างยากลำบาก ในการพามันขึ้นมาบนเรือ” เขาบอกอีกว่า “เราต้องทำลายก้อนน้ำแข็งที่มันอยู่ จากนั้นก็ห่อตัวมันด้วยผ่าเช็ดตัว เจ้าหมาเอาแต่ต่อสู้ และพยายามจะหนีไป จนกระทั่งมันหมดแรงและไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก” หลังจากนั้น พวกเขาก็ทำที่นอนชั่วคราวให้เจ้าหมาจิ้งจอก พร้อมทั้งให้ความอบอุ่น และมุ่งมั่นที่จะดูแลมัน จนกว่ามันจะกลับมาแข็งแรง หมาจิ้งจอกไม่มีการโต้ตอบหรือขัดขืนใดๆ เพราะร่างกายของมันอ่อนแอเกินกว่าจะทำแบบนั้น ตอนแรกมันอาจจะดูสับสน และเมื่อได้รับการดูแลจากชาวประมง…
-
จากพนักงาน IT สู่คนเพาะเลี้ยงปลา กับการใช้ความรู้เดิมมาประยุกต์ให้ธุรกิจใหม่สบายขึ้น!!
Malcolm Ong ชายชาวสิงคโปร์ที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานแผนก IT ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน เขาเล่าว่ารอบๆ ตัวเขามีแต่คอมพิวเตอร์ มีแอร์และมีเพื่อนร่วมงานที่นั่งมองไปที่จอเหมือนๆ กัน แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้ไปพูดคุยและคลุกคลีอยู่กับชาวนาและชาวประมงในประเทศ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับความรู้และจุดประกายความสนใจในท้องทะเลแก่เขา จากจุดนั้นเองเขาจึงตัดสินใจว่าเขาจะออกจากงานและใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมที่เรียนจบมาใช้ร่วมกับการเลี้ยงปลาของเขา แต่ใช่ว่าหนทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาย Malcolm เล่าว่าตอนที่เขาออกจากงานเดิมมา และเริ่มเข้าสู่วงการนี้ทุกคนต่างพากันดูถูกว่าเขาจะทำมันได้เหรอ ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถทำมันได้และทำได้ดีด้วย เริ่มจากการเพาะเลี้ยงด้วยการนำเทคโนโลยีและความรู้ที่เขามีมาช่วย โดยเขาเล่าว่าปกติคนทั่วไปจะนับจำนวนลูกปลาที่มาจากฟาร์มอนุบาลด้วยมือหรือการคาดคะเน แต่ตัวเขาได้เขียนโปรแกรมที่สามารถจับภาพและนับปลาได้อัตโนมัติขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ปลาที่เขาเลี้ยงยังมีขนาดและความสดที่สูงมากๆ จนเขานั้นสามารถที่จะนำปลาจากฟาร์มไปขายยังสถานที่ต่างๆ มากมายทั่วสิงคโปร์ ซึ่งนั่นรวมถึงร้าน Candlenut ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชเชอร์ลิน ก็ยังเป็นลูกค้าประจำของเขาด้วย ซึ่งด้วยความคิดบวกและไม่ยอมแพ้ต่อความฝันของเขา ได้สอนให้เรารู้ว่าจงอย่ายอมแพ้และจงพิสูจน์ให้คนที่ดูถูกเห็นว่า เราไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ซึ่งนั่นจะเป็นตัวผลักดันให้เราไปสู่ความสำเร็จ… ที่มา greatbigstory
-
ชาวประมงปล่อย ‘ล็อบสเตอร์ผี’ กลับทะเล แม้ว่าจะหายากและมีราคากว่า 15,000 บาท
คุณจะทำอย่างไร หากคุณบังเอิญจับล็อปสเตอร์สีสวยเด่นสะดุดตา ระหว่างจับไปกิน นำไปขาย หรือปล่อยให้มันกลับไปสู่ท้องทะเล? ซึ่งล่าสุดอย่างเช่นชาวประมงคนหนึ่งที่ได้เจอ กุ้งล็อบสเตอร์สีขาวซีดราวกับเป็นผีกุ้งยังไงยังงั้น!? สำหรับภาพของกุ้งตัวดังกล่าว ถูกแชร์ไปบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างถล่มทลาย จนตอนนี้กลายเป็นกระแสไวรัลกันไปแล้ว เพราะด้วยความแปลกของมันย่อมเป็นอะไรที่สะดุดตา และล่อตาล่อใจนักสะสมเป็นอย่างมาก!! เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Alex Todd นักจับกุ้งล็อบสเตอร์มืออาชีพวัย 48 ปี เขาได้บังเอิญตกเจ้ากุ้งผีน้อยตัวนี้ และเขาบอกว่า เขาจะปล่อยมันกลับสู่ทะเล แม้ว่าเจ้ากุ้งตัวดังกล่าวจะมีมูลค่ามากมายมหาศาลก็ตาม เขาเล่าว่าเขาสืบทอดอาชีพนักจับกุ้งล็อบสเตอร์ต่อมาจากคุณตาของเขา ก่อนจะตกมาถึงคุณพ่อ จนสุดท้ายเขาก็ได้รับช่วงต่อเมื่ออายุ 6 ขวบ เท่ากับว่าเขามีประสบการณ์มานานมากๆ เลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นล็อบสเตอร์ที่มีสีแบบนี้มาก่อนเลย แน่นอนว่าไม่มีใครเคยเห็นเช่นกัน เพราะปกติเราก็อาจจะเคยเห็นล็อบสเตอร์สีน้ำเงินหรือสองสีผสมกันมาแล้ว แต่สีขาวเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ ส่วนใครที่สงสัยว่า ถ้าเจ้าล็อบสเตอร์ตัวนี้มันหายากและทำเงินได้มากแน่ๆ ทำไม Alex ถึงเลือกจะปล่อยมันกลับสู่ทะเลล่ะ? Alex บอกว่า “ล็อบสเตอร์ตัวดังกล่าวนั้นเป็นตัวเมีย และมันก็อาจจะกำลังเตรียมวางไข่ก็ได้ ฉะนั้นผมจึงต้องปล่อยมันลงสู่ทะเล เพื่อให้มันได้ออกลูกออกหลานต่อไป” หลังจากที่ Alex ได้ถ่ายรูปเจ้าล็อบสเตอร์สีขาวเสร็จแล้ว เขาก็ปล่อยมันกลับสู่ทะเลทันที ปกติแล้ว ล็อบสเตอร์สีฟ้า (โอกาสเกิดขึ้นประมาณ…
-
บริษัทญี่ปุ่นผุดไอเดีย ให้ชาวประมงโทรปลุกคุณตอนเช้า ลืมนาฬิกาปลุกเดิมๆ ไปได้เลย…
การตื่นนอนในเช้าดูจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆ คน เพราะกว่าจะสลัดผ้าห่มแล้วลุกออกจากเตียงได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ยากซะกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก บางครั้งการตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ 6 โมงเช้าแต่เอาเช้าจริงๆ กลับตื่น 7 โมงกว่า (เพราะกดเลื่อนไปเรื่อยๆ รู้นะว่าทำบ่อยอ่ะ!!) ถ้าหากนาฬิกาปลุกใช้ไม่ได้ผลแล้ว ลองมาดูบริการสดใหม่แบบนี้สิอย่าง “บริการโทรปลุก ในตอนเช้าโดยชาวประมง” ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับชาวญี่ปุ่นขี้เซา เมื่อมีการผุดไอเดียสุดเจ๋งแบบนี้ขึ้นมา โดยให้คุณสามารถเลือกเวลาปลุกในตอนเช้า จากนั้นก็จะมีชาวประมงโทรปลุกให้คุณตื่นแทนที่จะเป็นนาฬิกา!! บริษัท Fisherman Japan ได้เปิดตัวบริการที่น่าสนใจดังกล่าว โดยใช้ชื่อว่า Fisherman Call ซึ่งจะมีชาวประมงของบริษัทที่กำลังออกหาปลาในชายฝั่งซันริกุ โทรมาพูดคุยกับคุณในตอนเช้าตามเวลาที่คุณได้กำหนดเอาไว้ บริการสุดแปลกนี้เปิดสามารถใช้บริกาได้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับการรับบริการนั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่คุณกรอกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และกำหนดเวลาที่ต้องการให้ปลุกผ่านทางระบบออนไลน์ จากนั้นก็จะมีโทรศัพท์จากชาวประมงโทรมาตามเบอร์และเวลาที่คุณกำหนดไว้แล้ว!! นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะเลือกได้อีกด้วยว่าต้องการให้ชาวประมงคนไหนโทรมาปลุกในตอนเช้า โดยชาวประมงส่วนมากนั้นจะตื่นแต่เช้าตรู่และทำงานของพวกเขาเสร็จในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าดังนั้นจึงไม่มีปัญหาสำหรับการโทรปลุกคุณในช่วงเช้าอย่างแน่นอน ไปดูตัวอย่างของบริการนี้ในคลิปวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลย ซึ่งเป้าหมายหลักของบริการนี้ก็คือการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงความสำคัญของอาชีพชาวประมง ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น เว็บไซต์ Spoon & Tamago รายงานว่าบริการนี้กำลังทำให้ผู้หันมาสนใจอุตสาหกรรมประมงมากขึ้น และกำลังเป็นไปได้สวยเลยล่ะ แหม่ ถือว่าเป็นไอเดียที่เจ๋งดีเหมือนกันนะเนี่ย นอกจากจะเป็นบริการที่แปลกแหวกแนวแล้ว ยังทำให้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับอาชีพชาวประมงอีกด้วย…
-
ชาวประมงพบอภิมหา “ล็อบสเตอร์” แห่งเบอร์มิวด้า อายุ 70 ปี น้ำหนัก 6 กิโลกรัม!!
โอกาสที่ชาวประมงจะสามารถจับ “ล็อบสเตอร์” วัยผู้เฒ่าที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ได้นั้น เรียกได้ว่าแทบจะมีโอกาสน้อยมากเลยก็ว่าได้ เว้นแต่…หลังพายุเฮอร์เคนสงบลง!! และนี่คือภาพของ Tristan Loescher ชาวประมงคนหนึ่ง ที่ได้ออกไปหาปลาตามปกติในเขตเบอร์มิวดา แต่ทว่าเขากลับพบกับเจ้าล็อบสเตอร์อายุราว 70 ปี ที่มีขนาดไซส์มหึมา และมีน้ำหนักมากถึง 6 กิโลกรัมตัวนี้ได้โดยบังเอิญ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุเฮอร์ริเคนนิโคล บริเวณเกาะเบอร์มิวดา ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงกว่ากระแสน้ำปกติถึง 6-8 ฟุต แถมยังมีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ซึ่งหลังจากที่พายุสงบลง Loescher ก็ได้พบกับเจ้าล็อบสเตอร์ยักษ์ตัวนี้ ภาพถ่ายของล็อบสเตอร์ยักษ์ ได้ถูกนำไปโพสต์บนเฟสบุ๊คในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมมีคำบรรยายประกอบใต้ภาพอีกว่า “พายุเฮอร์ริเคนพัดสัตว์ประหลาดในทะเลมาหาเรา” หลังจากที่ภาพถูกโพสต์ในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง ชาวเน็ตต่างเข้ามากดไลค์พร้อมกับกดแชร์ออกไปกว่า 6,000 ครั้ง และเมื่อ Loescher ได้ภาพถ่ายของมันเสร็จ เขาก็ปล่อยมันกลับคืนสู่มหาสมุทรดังเดิม ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ได้เผยว่า ล็อบสเตอร์ยักษ์ตัวนี้ น่าจะมีอายุราวๆ 70 ปี แต่มันไม่ได้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาพบมา ซึ่งล็อบสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดนั้น ถูกพบในปี 1977…
-
ชาวประมงไต้หวันช่วยชีวิตลูกปลาฉลามกว่า 75 ตัว ให้ออกมาดูโลกจากซากแม่ฉลามที่ตายแล้ว
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ สำหรับประชากรสัตว์น้ำอย่างฉลามเสือที่ต้องมาพบกับชะตาชีวิตอันย่ำแย่ เมื่อปลาฉลามเสือสองตัวไปติดตาข่ายดักปลาในวันที่ 13 และ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา บริเวณเมืองท่า Changbin, Taitung ของไต้หวัน จนเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ร่างของฉลามเสือทั้งสองก็ได้ถูกส่งไปยังศูนย์วิจัยสัตว์น้ำ Eastern Marine Biology Research Center เพื่อทำการเก็บร่างเอาไว้ศึกษาและวิจัยต่อไป แต่เมื่อสังเกตเห็นปุ๊บ ร่างของแม่ฉลามนั้นพร้อมที่จะทำการคลอดแล้ว หากไม่ทำการผ่าซากของแม่ฉลาม ลูกฉลามที่อยู่ภายในอาจจะตายตามแม่ของมันไปด้วย เพราะฉะนั้นชาวประมงไต้หวันจึงร่วมกันช่วยชีวิตเหล่าลูกปลาฉลามออกมาทั้งสิ้น 38 ตัวได้อย่างปลอดภัย และอีกวันต่อมาซากของแม่ปลาฉลามอีกตัวก็ถูกนำมาผ่าเพื่อช่วยชีวิตลูกปลาฉลามตัวน้อยอีกระลอก และชาวประมงก็ได้ช่วยชีวิตลูกปลาฉลามไว้อีก 37 ตัวด้วยกัน ลูกปลาฉลามทั้งหมด 75 ตัวถูกนำตัวไปรักษาในสระน้ำขนาดใหญ่ภายใต้การดูแลของศูนย์วิจัยสัตว์น้ำ แต่ทว่ามีลูกปลาฉลามผู้โชคร้าย 7 ตัวจากแม่ฉลามตัวที่สองยังอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมคลอด จึงเหลือรอดอยู่ทั้งหมด 68 ตัวเท่านั้น Ho Yuan-shin หนึ่งในตัวแทนของศูนย์วิจัยกล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงการให้กำเนิดลูกปลาฉลาม จึงทำให้พวกมันว่ายเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น…
-
ชาวประมงญี่ปุ่น พบฉลามปากยักษ์สายพันธุ์หายาก หนักกว่า 1 ตัน หลังว่ายมาติดตาข่ายดักปลา
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันศุกร์ 15 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ชาวประมงชาวญี่ปุ่นสามารถจับ ฉลามปากยักษ์ หรือ ฉลาม Megamouth Shark ได้ที่บริเวณท่าเรือโอวาเสะ ในเขตจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น โดยลักษณะของเจ้าปลาฉลามยักษ์สายพันธุ์นี้ มีความยาวถึง 5 เมตร มีน้ำหนักตัวที่มากถึง 1 ตัน อีกทั้งปากของมันก็มีขนาดใหญ่มากจนทำให้หลายคนถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ทั้งนี้จากการรายงานระบุว่า เจ้าฉลามตัวดังกล่าว ได้บังเอิญว่ายมาติดตาข่ายดักปลาของชาวประมง หลังจากที่มันว่ายมากินแพลงก์ตอนยังไงละ อื้อหือ!! ทั้งปาก และตัวใหญ่ยักษ์มาก แถมยังไม่ได้มีให้เห็นกันง่ายๆ ซะด้วย เนื่องจากเจ้าฉลามปากยักษ์ มันเป็นฉลามสายพันธุ์หายากนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฉลามได้ว่ายเข้ามาติดกับ ชาวประมงก็ได้นำเจ้าฉลามปากยักษ์ตัวนี้ไปขายต่อให้กับพ่อค้าปลา ที่มา : mirror
-
“นักจับปูอลาสก้า” อาชีพที่มาพร้อมกับความเสี่ยงในทะเลสุดอันตรายแต่รายได้มหาศาล!!
สุดยอดความอร่อยที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับในมวลปูต้องยกให้กับ “ปูอลาสก้า” แล้วล่ะ เนื้อเยอะและแน่นสุดจะบรรยาย แต่มาพร้อมกับราคาที่แพงเอาเรื่องเลยล่ะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเป็นปูที่หายากและจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลแสนไกล กว่าจะจับมาได้ซักตัว นอกจากจะหายากแล้ว เหล่าชาวประมงผู้ที่ออกไปตามหาปูอลาสก้านั้นจะต้องพบกับความเสี่ยงในชีวิตตลอดเวลาที่ออกจากฝั่ง ซึ่งในทะเล Bering Sea ได้ชื่อว่าเป็นทะเลที่โหดที่สุด เพราะจะต้องพบกับกระแสน้ำอันโหดร้ายและสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง และช่วงเวลาที่ปูจะออกมานั้นมีเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น สำหรับปูที่ถูกจับตามองจากชาวประมงมากที่สุดก็คือ King Crab และ Opilio Crab เมื่อมีระยะเวลาอันจำกัด กัปตันเรือก็จะต้องตัดสินใจที่จะใช้เวลานานเท่าไหร่ในการจับปูแต่ละชนิดด้วย ชีวิตบนเรือจะต้องพบกับความเสี่ยงทุกเมื่อ จะนอนก็นอนไม่ได้ เพราะเรือสั่นตลอดเวลา ไหนจะต้องเจอกับพายุและคลื่นยักษ์อีก หนทางที่จะไปนั้นอาจจะคว้าน้ำเหลวอีกก็เป็นได้ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีปูอยู่ตรงนั้นรึเปล่า ต่อให้เสี่ยงแค่ไหน สิ่งที่คอยดึงดูดชาวประมงผู้แน่วแน่กับการตามหาปูอลาสก้านั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของ “รายได้” อันมหาศาล ถ้าหากว่าสามารถจับปูได้เยอะ พอกลับขึ้นฝั่งแล้วก็จะกลายเป็นเศรษฐีทันทีเลยล่ะ เพราะราคาของปูอลาสก้านั้นสูงมากๆ เมื่อไปถึงบริเวณที่คาดว่าจะมีปูอยู่เยอะๆ แล้ว พวกเขาก็จะทำการหย่อนกรงจับปูลงไป และจะรอให้ปูเข้ามาอยู่ในกรงเป็นเวลาประมาณ 5-12 วัน จากนั้นก็จะย้ายไปบริเวณอื่น บางทีอาจจะได้เยอะ และบางทีอาจจะได้น้อย คอยยกขึ้นมาตรวจเป็นระยะๆ ถ้าหากว่ายกขึ้นมาแล้วไม่มีอะไรเลย ก็ถึงเวลาที่จะต้องย้ายจุดวางกรงแล้วล่ะ ปูทุกตัวจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกก่อน ตัวไหนที่ได้ขนาดก็จะถูกเก็บไว้ภายในคลังท้องเรือ ตัวไหนที่ไม่ได้ขนาดก็จะถูกส่งกลับไปสู่ท้องทะเล…
-
สามคนนี้อาจดูเหมือนชาวประมงธรรมดา แต่ทักษะการร้องเพลงของพวกเขา ต้องเรียกว่าขั้นเทพ!!!!
พอนึกถึงภาพชาวประมง เราจะนึกถึงชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ๆหน้าเถื่อนๆใช่มั้ยล่ะ แต่สำหรับสามคนนี้ถ้าเราไม่บอก เชื่อเลยว่าพวกคุณจะไม่คิดว่าพวกเขาเป็นชาวประมงอย่างแน่นอน เพราะทันทีที่เขาเริ่มร้องเพลงจากในห้องครัวของพวกเขา คุณจะต้องปรบมือให้ดังๆอย่างแน่นอน ไม่เชื่อไปลองฟังกันเลย! ร้องดีกว่านักร้องบางคนอีก แบบนี้เข้ากับสำนวน “อย่าตัดสินคนจากภายนอก” จริงๆ ใครมีอะไรน่าสนใจ อย่าลืมส่งมาให้เหมียวบ้างนะครัชชช ที่มา Viralnova