Tag: ซอส
-
ซอสมะเขือเทศ (Ketchup) ซอสจิ้มของชาวตะวันตก แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดจากเอเชีย!!
เมื่อพูดถึง ซอสมะเขือเทศ หรือที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่า Ketchup แน่นอนว่าใครๆ ก็ต้องนึกถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารตะวันตกเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาวอเมริกัน จากการรายงานพบว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกัน นั้นมีซอสมะเขือเทศอยู่ในบ้านของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นซอสที่มีอยู่ทุกบ้านเลยจริงๆ แต่หารู้ไม่ว่า ต้นกำเนิดของ Ketchup จริงๆ นั้นมันอยู่ที่ทวีปเอเชียต่างหาก!! National Geographic ระบุไว้ว่า ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 ชาวสหราชอาณาจักรได้พบเจอกับซอสที่เรียกว่า Ketchup เป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยอยู่ในรูปแบบของซอสที่หมักขึ้นจากปลา ส่วนวิธีการ Ketchup ในยุคแรกนั้นถูกตีพิมพ์ขึ้นในปี 1732 โดย Richard Bradley โดยมีการอ้างอิงไว้ชัดเจนว่าได้ต้นแบบมาจากตำราอาหารของชาวเอเชียตะวันออก วิธีทำดังกล่าวเกิดจากการที่ชาวอังกฤษได้ชิมซอส Ketchup ของเอเชียแล้วพวกเขาก็พยายามลองทำมันขึ้นมาใหม่จากความจำ โดยพวกเขาใช้วิธีหมักเห็ด ผลวอลนัท หอยนางรม และปลาแอนโชวี ส่วนมะเขือเทศนั้นยังไม่ได้มีบทบาทในช่วงแรก กระทั่งปี 1812 ชายนามว่า James Mease ได้ลองใส่ผลไม้ที่เรียกว่า Love Apple ลงไปในซอส Ketchup ดั้งเดิมพร้อมมะเขือเทศบด เครื่องเทศ และบรั่นดี เขาก็ตั้งชื่อมันว่า Ketchup ตามซอสฉบับดั้งเดิม…
-
ชวนรู้จัก ซอสหม่าล่า “แมวคาบพริก” กับการตั้งชื่อแบรนด์สุดแนว และผลิตภัณฑ์สุดคูล!!
เมื่อไม่นานมานี้#เหมียวฟิ้นได้มีโอกาสไปเจอเข้ากับผลิตภัณฑ์ซอสหน้าตาแปลกๆ พร้อมกับชื่อแบรนด์สุดฮา ที่ทำให้เราต้องหันกลับมาดูอีกทีเลยว่า “นี่มันใช่ชื่อแบรนด์จริงๆ ใช่ไหม?” ซอสที่ว่านี้คือซอสหม่าล่า ตราแมวคาบพริก นั่นแหละคุณอ่านไม่ผิด เขาใช้ชื่อแบรนด์ว่าแมวคาบพริกจริงๆ… ด้วยความแนวของชื่อนี้เอง ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะกลับมาหาข้อมูลว่าผู้ผลิตไปใคร? ทำไมถึงได้ตั้งชื่อแบรนด์ได้แหวกแนวจากผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันขนาดนี้? วันนี้เราก็เลยจะพาคุณไปคุยกับคุณคม ชัยบดินทร์ ชัยชมภู (คนกลาง) หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์แมวคาบพริกร่วมกับพี่ๆ หุ่นส่วนอีก 2 คนคือคุณเอกพรรดิ์ สายันตนะ และคุณสราวุธ ศรีวิชัย มาดูซิว่าเขามีแนวคิดเรื่องการตั้งชื่อ และความยากง่ายในการทำธุระกิจยังไงบ้าง? เหมียวฟิ้น: อยากถามเรื่องแบรนด์หน่อยครับ มีที่มาที่ไปยังไง? คุณคม: พอดีผมเลี้ยงแมวครับ แล้วมันเป็นแมวที่ตลกๆ ฮาๆ ปนโหดๆ มันจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เลยทำแบรนด์นี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึง โดยดึงความสนุกสนานฮาๆ เอามาออกแบบแบรนด์ครับ แล้วที่คาบพริกนี้คือซอสมันเผ็ดครับ เหมียวฟิ้น: แมวตัวนั้นชื่ออะไรเหรอครับ? คุณคม: ชื่อกอลั่มครับ เพราะตอนได้มาไม่มีขนเลย เหมือนกอลั่มใน The Lord of The Ring เหมียวฟิ้น: ทำไมถึงกล้าตั้งชื่อแปลกแหวกแนวขนาดนี้ครับ? คุณคม: เพราะอยากให้ลูกค้าจำแบรนด์ของเราได้ครับ ฮาๆ ไว้ก่อนครับผม เหมียวฟิ้น: ทำไมถึงอยากทำซอสขายเหรอครับ? หรือปกติแล้วเป็นคนชอบทำอาหารหรือเปล่า?…
-
รู้จักกับบิสกิตที่เกิดมาเพื่อให้คุณนำไปจิ้ม นี่แหละที่ตามหามานาน!!!
เวลาเรากินบิสกิตหรือคุ๊กกี้ เรามักจะมีเครื่องเคียงอย่างเช่น ช็อกโกแลตหรือนมข้นหวาน หรือแยมเอาไว้จิ้มใช่ป่าว แต่บางครั้ง การจิ้มเครื่องเคียงเหล่านั้น ดันทำให้นิ้วเราเปื้อน เล่นเอาเซ็งไปตามๆกัน แต่ว่าวันนี้เรามีทางออกแล้ว ด้วยบิสกิตที่คิดค้นโดยนักออกแบบชาวอิตาลี Paolo Ulian เพราะเราสามารถจิ้มซอสต่างๆได้ โดยไม่เปื้อนนิ้วอีกต่อไป! โดยเจ้าบิสกิตอันนี้จะมีหน้าตาคล้ายๆกับกรวยจราจร ซึ่งเราสามารถเสียบเข้าไปในนิ้ว และจิ้มซอสต่างๆ โดยไม่ต้องกลัวจะเปรอะเปื้อนแต่อย่างใด เจ้าบิสกิตอันนี้ถูกนำไปจัดแสดงครั้งแรกในปี 2004 ที่งาน Pappilan exhibition ในเมือง Milan แต่ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปโดยบริษัททำขนมยักษ์ใหญ่อย่าง Ferrero ในปี 2006 ข่าวร้ายคือ นับตั้งแต่ตอนนั้น บริษัท Ferrero ก็ยังไม่มีแผนจะผลิตสินค้าตัวนี้ออกมาจำหน่ายซักกะที เล่นเอาเซ็งไปตามๆกัน ก็คงต้องร้องเพลงรอกันต่อไป ฮาาา ที่มา Mirror
-
เจ้าของร้านชายซอสอังกฤษเหวอ ยี่ห้อซอสที่นำมาขาย มียี่ห้อ “หน้า_ี”
เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา เจ้าของร้านขายซอสและเครื่องปรุงในอังกฤษได้โพสต์ภาพขวดซอสลงในเฟซบุ๊คเพจ Chilli-Shop Leeds Merrion Centre เป็นภาพของขวดซอสศรีราชาที่ซื้อไปขายต่อที่อังกฤษ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่ายี่ห้อที่ติดอยู่ที่ขวดนั้น มันกลับไม่ใช่ยี่ห้อธรรมดา แต่เป็นคำหยาบคายอย่างคำว่า “หน้า_ี” ทำเอาลูกค้าที่มาซื้อซอสที่อังกฤษ ถึงกับงงว่าทำไมถึงใช้คำนี้เป็นชื่อยี่ห้อ ซึ่งทางเจ้าของร้านเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ถ่ายรูปขวดซอสดังกล่าวมาถามในเฟซบุ๊คเพจ ว่าคำที่ว่านี้มีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ถึงได้รู้ว่ามันคือถ้อยคำที่หยาบคายและไม่ควรจะอยู่บนยี่ห้อของขวดซอสนั่นเอง โดยเมื่อวันที่ 7 กันยายน ทางเจ้าของร้านก็ได้โพสต์ข้อความขอโทษผ่านเฟซบุ๊คเพจ และบอกว่าเขาได้นำเอาขวดซอสดังกล่าวออกจากชั้นแล้ว แถมยังรู้ความหมายของมันแล้วด้วย แหม่ ใครช่างใจร้ายแกล้งพี่เขาได้นะ ถ้าเจอจะตีให้ก้นลายเลย ที่มา thechillishop , Chilli-Shop Leeds Merrion Centre
-
เฮ้ยน่าสน!! มาพลิกวิธีกิน ‘เส้นโซเมน’ ด้วยซอสจากกาแฟสตาร์บัคที่คุณก็ทำได้เองที่บ้าน
ถ้าจะนึกถึงอาหารขึ้นชื่อดับร้อนในเมืองไทย ใครๆก็คงจะไม่ลืมข้าวแช่เย็นๆ ที่กินคู่กับเครื่องเคียงแบบชาววังใช่มะ แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว ใครรู้บ้างเอ่ยว่าอาหารดับร้อนของบ้านเค้าคืออะไร!? ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยไปหรอกจ้า เพราะเหมียวจะเฉลยเดี๋ยวนี้แหละว่าที่นั่นเค้ากิน ‘โซเมน’ หรือเส้นแป้งสาลีคล้ายขนมจีน เสิร์ฟพร้อมเกล็ดน้ำแข็งแล้วกินคู่กับซอสสึยุ หรือโชยุหวานนั่นเอง ^^ แต่วันนี้เหมียวไม่ได้มาชวนกินโซเมนแบบธรรมดาๆ หรอกนะจะบอกให้ เพราะนี่คือการกินโซเมนกับซอสสตาร์บัคที่เหมียวอยากจะแนะนำให้ลองกันหละฮะพี่น้อง!! ใครสนใจเตรียมส่วนผสมด่วน!! 1. เส้นโซเมน 2. กาแฟสตาร์บัค 3. ซอสเมนสึยุ (หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป) เรามาเริ่มกันดีกว่า… 1. ต้มเส้นโซเมนให้สุกแล้วเอาไปยีในน้ำเย็นไม่ให้เส้นติดกัน 2. ผสมซอสสูตรเด็ดจากการผสมซอสเมนสึยุเข้ากับกาแฟสตาร์บัค ในอัตราส่วนของซอสปกติ แต่ใช้กาแฟแทนน้ำเปล่า 3. จากนั้นก็คีบเส้นโซเมนจุ่มซอสกินกันได้เลยยย!! ไหนดูฟีดแบคจากคนที่ลองแล้วหน่อยซิ.. สาวเม็กเธอบอกว่าไม่เลวนะฮ้าาา!! คุณพีเคบอกให้กินอีกก็ไหวอยู่ ส่วนพี่ช่างแอร์ เอ้ย.. พ่อหนุ่มผมยาวคนนี้ก็บอกว่า “เกลียดเธอไม่ลงจริมๆ” คุณซาโตะก็โอเคนะจ๊ะ แหม่.. ได้เห็นขนาดนี้ก็จงอย่าปล่อยผ่านเลย ไปซื้อกาแฟกันเถอะตะเองงง…