Tag: ซึมเศร้า
-
จุดเปลี่ยนชีวิตคุณหมอ ติดนิสัยกินแก้เครียดจนอ้วน แต่คุมอาหาร-ออกกำลัง ลดได้ในปีครึ่ง!!
หากใครกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นถี่เกินกว่าจะควบคุมได้ ปัจจัยของน้ำหนักที่เพิ่มมาอาจจะมาจากหลายสาเหตุ แต่สามารถลดได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาอะไร อยู่ที่ใจและวินัยล้วนๆ ตัวอย่างจากคุณหมอ Kevin Gendreau วัย 30 ปี ปัจจุบันน้ำหนัก 79 กิโลกรัม หากย้อนกลับไปในปี 2016 นั้นคุณหมอแทบจะเป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักมากถึง 136 กิโลกรัม จนไม่สามารถควบคุมได้ คุณหมอเคยเป็นเด็กที่มีสุขภาพดี ทำกิจกรรมดูแลสุขภาพมาโดยตลอด แต่เมื่อพี่สาวของเขาป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง เขาจึงเครียดมาก เขาจึงเลือกที่จะกินเพื่อแก้อาการเครียดและซึมเศร้า จนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมา 22 กิโลกรัมในช่วงที่ยังเรียนปีหนึ่ง และหลังจากที่เสียคุณพ่อให้กับโรคมะเร็งผิวหนัง เขาก็ยิ่งกินหนักยิ่งกว่าเดิมในช่วงที่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ จนไม่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวได้เลย แต่แล้ว Kevin ก็นึกขึ้นได้ว่าวิถีชีวิตทำลายสุขภาพจะก่อให้เกิดปัญหาเสี่ยงตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง ปัญหาคลอเลสเตอรอล โรคเบาหวานและ ภาวะการหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ ภายหลังที่รู้ตัวว่ายังมีทางเลือกในชีวิต เขาจึงเริ่มต้นควบคุมอาหารในเดือนสิงหาคม 2016 เขาหยุดกินคาร์โบไฮเดรตขัดสีทั้งหมด และกินเพียง 1,700 แคลอรี่ต่อวัน พร้อมใช้แอปติดตามการลดน้ำหนัก และลดไปได้ 18 กิโลกรัมแรก…
-
สาวซึมหนักร้องไห้ 19 วันติดกัน จากเหตุเสียคุณพ่อไป เพื่อนๆ จึงยอมเสี่ยงช่วยดึงกลับมา…
บุคคลที่ประสบกับความเศร้าหนักๆ อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าต้องการความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง พวกเขาบางคนสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตบางส่วนไป แม้แต่เรื่องง่ายๆ ในชีวิตก็ไม่อาจกลับมาทำได้เหมือนเดิม บางรายถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตายได้เลย… โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหากมีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิต พวกเขาจะรู้สึกว่าปมปัญหาต่างๆ ถูกขมวดเอาไว้แน่นและพวกเขาไร้ซึ่งความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง หากไม่ได้รับการคลายความตึงที่ถูกต้อง อาจทำให้เรื่องบานปลายได้ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มาช่วยในจุดนี้ได้ แม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตามที Sheila O’Malley Sheila O’Malley คือหนึ่งในบุคคลที่ประสบกับสภาวะซึมเศร้าอย่างหนัก หลังจากที่เธอสูญเสียคุณพ่ออันเป็นที่รัก จนทำให้ชีวิตเสียศูนย์จนไม่อาจกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอย่างมั่นคงเหมือนเช่นเคย “ในปีหลังจากที่เสียคุณพ่อไปนั้นเลวร้ายมาก ฉันจำอะไรแทบไม่ได้เลย ฉันย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเมนต์ใหม่ แต่ไม่สามารถแกะกล่องของที่แพ็คมาได้ เป็นเวลาหลายเดือน รู้สึกละอายใจที่ทำไม่ได้ แค่แกะกล่องแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้? ก็แค่เปิดกล่องออกมาแค่นั้นเอง และมันเป็นช่วงเวลาที่ร้องไห้ติดต่อกัน 19 วันเต็ม” “เพื่อนที่ชื่อ David ที่รู้จักตั้งแต่ ม.ปลาย รู้ว่าฉันกำลังแย่และเขาไม่รู้จะช่วยยังไง เขาบอกได้แค่ มีคนรักเธอนะ พวกเราต้องการเธอ ฉันก็รู้สึกแค่ ไม่สำคัญอะไร แต่ขอบใจนะ เขาจึงอยากจะลองเสี่ยงสักครั้ง มันอาจจะทำให้แย่ยิ่งกว่าเก่าก็ได้ เพราะฉันอาจจะอาละวาดสติแตกขึ้นมา” “ฉันอาจจะรู้สึกถูกคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เขายอมที่จะเสี่ยง…
-
สาวป่วยโรคซึมเศร้า บอกเล่าวิธีการรักษาที่แปลกแต่ได้ผล ทำให้พูดแง่ลบน้อยลง
ปัญหาสุขภาพจิตอย่างโรคซึมเศร้า โรคขี้กังวล และอารมณ์แปรปรวนนั้นไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีการเปิดกว้างและยอมรับว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งของมนุษย์แล้ว และใครก็ตามที่กำลังประสบอยู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องทนทรมานอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป… แต่ทว่าวิธีการรักษานั้นยังไม่มีแนวทางที่แพร่หลายมากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์ การรับยาปรับสารเคมีในสมอง แต่ก็คงไม่แปลกเท่ากับวิธีของนักบำบัดรายหนึ่งที่ทำกับชาวเน็ตท่านนี้! เรื่องบอกเล่าจากผู้ใช้เว็บบล็อก Tumblr นามว่า anarchetypal เล่าถึงนักบำบัดที่ชื่อ Paul กับวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าของเธอที่ไม่ได้ให้ยา ไม่ได้ให้คำปรึกษา แต่เป็นการยิงปืน Nerf Gun ใช่แล้วล่ะ มันคือปืนอัดลมยิงลูกดอกโฟม! ปืนลมยิงลูกดอกโฟม Nerf Gun เมื่อเธอไปหานักบำบัดตามนัด ก็ต้องพบกับวิธีการรักษาที่คาดไม่ถึง! . “เมื่อฉันได้เห็นโพสต์เกี่ยวกับนักบำบัด มันทำให้ฉันจำได้ว่า Paul นักบำบัดคนเก่า ที่ฉันคิดว่าเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังมีชีวิต และเป็นผู้ที่ไม่ยอมแพ้กับความงี่เง่าของฉันแม้แต่วินาทีเดียว” “ฉันไปหา Paul ในช่วงหน้าร้อนปี 2016 แล้วฉันก็แสดงความงี่เง่าตามปกติ อย่างการพูดแย่ๆ เกี่ยวกับตัวเอง และ Paul ก็จ้องมาที่ฉัน จากนั้นก็ตัดบทและพูดว่าเขามีอุปกรณ์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้คนหลาบจำกับการพูดในแง่ลบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง” “แล้วฉันก็ทำเป็นว่า เอาเลย…
-
หนุ่มถูกลงโทษจำคุก 3 เดือน จากการข่มเหงเพื่อนร่วมชั้น ทั้งทางวาจาและร่างกายตลอด 9 ปี
ทุกวันนี้การกลั่นแกล้ง การรังแกข่มเหงผู้อื่น ยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากสังคมเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในยุคที่มีสังคมออนไลน์เติบโตเป็นดอกเห็ด ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การสร้างบัญชีปลอมขึ้นมากลั่นแกล้งใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย และป้องกันได้ยาก… กรณีของนาย Jiang Qi วัย 25 ปี ได้ทำการกลั่นแกล้งนางสาว Wang Jingjing ผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาตั้งแต่ปี 2009 ในขณะที่เรียนอยู่ในช่วงชั้นมัธยมปลาย เธอได้รับความทุกข์ทรมานทั้งจากคำพูดวาจาเหยียดหยาม และการกระทำล่วงเกินทางร่างกายด้วย นอกเหนือจากนั้น การกลั่นแกล้งถูกแพร่กระจายสู่โลกออนไลน์ ปล่อยข่าวลือในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเธอ โดยอ้างว่า Wang นั้นทำงานเป็นหญิงบริการ มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ จนถึงขั้นมีนักเรียนคนอื่นเข้าไปตบหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากที่ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน . Wang ถึงขั้นประสบกับโรคซึมเศร้าหลังจากกลายมาเป็นเหยื่อความรุนแรง มีรายงานว่าเธอพยายามคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม อดีตอันแสนโหดร้ายก็ยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ แม้จะเรียนจบระดับมัธยมปลายเข้าสู่รั้ววิทยาลัยแล้ว เพราะเพื่อนชายคนนี้ก็ยังตามหาจนเจอ และโพสต์คำพูดเหยียดหยามทั้งในกระทู้ออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ Wang ตัดสินใจที่จะตอบโต้กลับบ้าง เธอเก็บภาพหลักฐานในสิ่งที่นาย Jiang ทำการโพสต์ลงไปทั้งหมด 14 ภาพในเว็บไซต์โซเชียล Zhihu…
-
หนุ่มสมบูรณ์พยายามเปลี่ยนตัวเอง ลดน้ำหนักส่วนเกิน 30 กิโลฯ เป็นเจ้าชายโฉมงามเฉยเลย!?
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์นั้นมีค่านิยมในความสวยความหล่อที่เป็นมาตรฐานสากล โดยที่ไม่ต้องมองไปไกลตัวเราเลย สังเกตได้จากวงการบันเทิงทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสิ่งที่จะกำหนดปลีกย่อยอีกทีก็คือความนิยมในพื้นที่นั้นๆ แต่สำหรับเรื่องความอ้วนที่มาจากน้ำหนักส่วนเกิน มักจะทำให้บุคคลนั้นถูกมองข้ามอยู่เสมอ บางคนอาจจะมองว่าเป็นส่วนดี สำหรับชายผู้นี้กลับคิดว่ามันส่งผลร้ายให้กับเขามากกว่าที่มันจะเป็น… Jeffrey Kendall ในอดีตและปัจจุบัน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว Jeffrey Kendall หนุ่มวัย 26 ปี ประสบกับปัญหาน้ำหนักเกิน ตกงาน และซึมเศร้าอย่างหนัก เขาอาศัยอยู่กับคุณแม่ในรัฐคอนเนตทิคัต เพื่อดูแลเธอหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรงในปี 2015 ในระหว่างที่เขาดูแลแม่ที่ได้รับการบำบัดจากโรงพยาบาล และนำกลับมารักษาตัวที่บ้าน อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นแถมยังถูกซ้ำเติมด้วยหมดสัญญาประกันชีวิตอีก เขาเล่าย้อนถึงตัวเองในช่วงนั้นว่า กำลังต่อสู้กับภาพลักษณ์ของตัวเองและความเศร้าหมองมาอย่างยาวนาน ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเพื่อนของเขาเลิกกับแฟนและตกอยู่ในสภาพหัวใจแตกสลาย เพื่อนคนนี้ก็เลยชวน Jeffrey ไปเป็นเพื่อนออกกำลังกาย ช่วยกันผลักดันให้กลับมามีรูปร่างดีอีกครั้ง ด้วยความอยากช่วยเพื่อน Jeffrey จึงตกลงทันที และเขาก็อย่างเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองเช่นเดียวกัน “มันเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนครับ เรานัดกันมายกบาร์เบลขนาด 45 ปอนด์ และดันพื้นทุกวัน จากนั้นก็เริ่มตื่นเช้าๆ มาเดินรับแสงแดด ฟังเพลงของ…
-
“3 วิธีการพูด” ที่เป็นสัญญาณว่าคุณมีแนวโน้มของ “โรคซึมเศร้า” ลองไปสังเกตกันดู…
ในสังคมปัจจุบันนี้เราสามารถพบเห็นผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าในสมัยก่อน โดยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะไม่เหมือนกับความรู้สึกเศร้าของคนทั่วไปที่เกิดขึ้นและหายไปเป็นครั้งคราว พวกเขาจะรู้สึกซึมเศร้าเป็นประจำและแต่ละครั้งก็ยาวนานกว่าปกติ แถมบ่อยครั้งยังไม่รู้สาเหตุของความเศร้าด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะสังเกตว่าเราหรือคนรอบตัวเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว หากอยากทราบแน่ชัดต้องไปให้จิตแพทย์วินิจฉัยเท่านั้น แต่ในวันนี้มีอีกหนึ่งวิธีสังเกตที่ได้ผ่านผลการรับรองจากนักวิจัยแล้ว ด้วยการสังเกตจากวิธีพูดของแต่ละคนนั่นเอง งานวิจัยที่ว่านี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Clinical Psychological Science โดยทำการทดลองจากการอ่านบันทึก และฟังบทสนทนาจำนวนมากของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า และคนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า จึงสังเกตเห็นว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีการใช้ภาษาที่แตกต่างออกไปดังนี้ 1. มักจะใช้สรรพนามบุคคลที่หนึ่งที่เป็นเอกพจน์ คนเป็นโรคซึมเศร้ามักจะใช้สรรพนามกล่าวถึงตัวเองเช่น ฉัน ผม หรือเรา(ในกรณีที่หมายถึงตัวเองคนเดียว) อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมากนัก อาจจะเป็นเพราะเพวกเขาชอบปลีกตัวมาอยู่คนเดียวมากกว่าจะอยู่คนจำนวนมากก็ได้ อีกทั้งการใช้สรรพนามแบบนี้ ยังทำให้เราเห็นว่าคนที่เป็นโรคซีมเศร้ามักจะให้ความสนใจกับตัวเองและแนวคิดของตัวเองมากเป็นพิเศษ และไม่ค่อยสนใจแนวคิดในแบบของคนอื่นมากนัก 2. พูดถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้ว คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะใช้คำที่มีความหมายเชิงลบมากกว่า โดยคำพูดเหล่านั้นมักจะเกี่ยวกับอารมณ์ในเชิงลบเช่น เศร้า และเหงา เป็นต้น และยังรวมไปถึงคำพูดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของตัวเองด้วย แต่ผลการวิจัยก็ชี้ว่าการใช้สรรพนามบ่งบอกถึงโรคซึมเศร้าได้ดีกว่าการใช้คำพูดในเชิงลบอย่างเห็นได้ชัด 3. ภาษาที่ใช้มักจะมีความสุดโต่ง เมื่อคนเราอยู่ในภาวะซึมเศร้าก็มักจะใช้ภาษาแบบสุดโต่ง (ถ้าไม่ขาวก็ดำไปเลย ไม่มีระหว่างกลาง) มากกว่าที่คิด อย่างเช่นคำว่า เป็นประจำ ไม่เคย เต็มไปหมด…
-
น้องหมาตรอมใจตายเพราะซึมเศร้าหนัก หลังถูกเจ้าของทิ้งไว้ที่สนามบิน แม้ผู้ใจบุญพยายามช่วย
ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์ที่รู้สึกเสียใจเป็น เพราะสัตว์อย่างสุนัขก็มีหัวใจและเสียใจได้เช่นกัน ยิ่งถ้าหากเจ้าหมาตัวไหนที่ถูกทำร้าย หรือถูกเจ้าของเดิมทอดทิ้ง พวกมันก็จะกลายเป็นหมาซึมเศร้าบางตัวก็ถึงขั้นตรอมใจตายเลยก็มี เหมือนดังเช่นเรื่องราวของสุนัขที่น่าสงสารตัวนี้ มันถูกผู้เป็นเจ้าของทิ้งไว้ที่สนามบินอย่างไม่มีใยดี จนทำให้มันซึมเศร้าหนักและไม่ยอมกินอาหาร สุดท้ายมันก็ตรอมใจตายไปในที่สุด และนี่คือภาพของน้องหมาโดนทิ้งที่ได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่มันไม่ยอมแตะต้องอาหารเลย เพราะมันคิดว่าเจ้าของจะไม่กลับมาหาอีกต่อไป เจ้าหมาได้ใช้เวลาทั้งหมดตามหาเจ้าของที่มันเคยรักและไว้ใจอยู่ที่สนามบิน Bucaramanga ในประเทศโคลอมเบียเป็นเวลานานถึง 1 เดือน หลังจากที่ถูกทิ้งเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งทางพนักงานที่สนามบินก็ได้ตั้งชื่อเล่นให้มันว่า “Traveling Cloud” หลังจากที่มันรู้ตัวว่าโดนเจ้าของทิ้ง มันก็ไม่ยอมกินอาหารที่เหล่าผู้ใจบุญมอบให้ จนสุขภาพย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ภายหลังเหล่าพนักงานในสนามบินจึงพามันไปหาสัตวแพทย์ ทางด้าน Alejandro Sotomonte Nino สัตวแพทย์จากมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ในโคลอมเบียกล่าวว่า “เราคาดว่ามันน่าจะถูกทอดทิ้ง เพราะเห็นได้ชัดว่าในเดือนแรกมันกำลังมองหาใครบางคนซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของ และนั่นก็ทำให้สุขภาพของมันเริ่มทรุดโทรม เนื่องจากไม่ได้กินอาหาร ดังนั้น เราจึงต้องให้อาหาร พร้อมฉีดยาเพิ่มสารอาหารให้กับมัน แต่ดูเหมือนมันกำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า และกำลังหดหู่อย่างหนัก นั่นอาจทำให้มันไม่รอดชีวิต” แม้จะพบกับสัตวแพทย์และได้รับการรักษาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าความบอบช้ำทางร่างกายไม่อาจเทียบได้กับความบอบช้ำทางจิตใจที่มันได้รับ มันยังคงเศร้าซึม จนทำให้อาการแย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่ง 48 ชั่วโมงต่อมา…
-
ว่าไงนะ… งานวิจัยเผย ‘เห็ดขี้ควาย’ ช่วยรีเซ็ทสมอง และบรรเทาอาการของโรคซึมเศร้าได้!?
งานนี้สายเมาแบบ Trippy คงต้องมีเฮกันบ้าง หลังมีงานวิจัยจากสถาบัน Imperial College London ที่ค้นพบว่า… เห็ดขี้ควาย (Magic Mushroom) ช่วยรีเซ็ทสมอง และบรรเทาอาการโรคซึมเศร้าได้จริง!? ถ้าจะให้อธิบายคุณสมบัติแบบหยาบๆ ก็คือ เจ้า Psilocybe Cubensis (เห็ดขี้ควาย) เป็นเห็ดที่มีพิษส่งผลต่อระบบประสาท โดยส่วนใหญ่ผู้ที่รับประทานเข้าไปจะมีอาการ.. เห็นภาพ แสง สี ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด และอารมณ์คล้ายคลึงกับ LSD ซึ่งเราจะเรียกสสารในหมวดที่สร้างภาพหลอน และมีการเปลี่ยนแปลงเชิงจิตใต้สำนึกนี้ว่า ‘Psychedelic Drugs’ ตัวเห็ดมักขึ้นอยู่ตามกองมูลแห้งของควาย สามารถพบได้ในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก และในแต่ละพื้นที่ก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยทางสายพันธุ์ที่ต่างกันออกไป (รวมถึงอาการที่ได้รับด้วย) มาเข้าเรื่องของเรากันต่อ… โดย Dr. Robin Carhart-Harris หัวหน้าทีมวิจัยสาร Psychedelic ประจำสถาบัน Imperial College London ได้ให้สัมภาษณ์ถึงผลลัพธ์จากงานวิจัยว่า “เราได้ค้นพบครั้งแรกว่า อาการที่เกิดขึ้นจากการรับประทาน ‘เห็ดขี้ควาย’ ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมสมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือคนที่มีปัญหากับอาการเครียดได้..” …
-
นักวิทยาศาสตร์ไขข้อสงสัย “สุนัข” มีอารมณ์ “ซึมเศร้า” เหมือนมนุษย์หรือไม่
เวลาที่สุนัขเลียหรือกระดิกหางเร็วๆ ถ้าใครเลี้ยงสุนัขหรือใช้ชีวิตกับสุนัขบ่อยๆ จะรู้ทันทีว่าพวกมันกำลังรู้สึกมีความสุขอยู่ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า พวกสุนัขเหล่านั้น มีอารมณ์ “ซึมเศร้า” เหมือนมนุษย์รึเปล่า? Dr. Jill Sackman สัตว์แพทย์จาก BluePearl กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าสุนัขมีอารมณ์ซึมเศร้าเหมือนเรารึเปล่า เพราะพวกมันพูดไม่ได้ แต่หากดูจากงานวิจัยแล้ว สุนัขสามารถมีอารมณ์และความรู้สึกหลายๆ อย่างได้เหมือนมนุษย์ รวมถึงอารมณ์ซึมเศร้าด้วย” ถ้าจะสรุปให้เข้าใจง่ายงานวิจัยกล่าวว่า เวลาที่สุนัขมีอาการซึมเศร้า พวกมันจะทำทุกสิ่งตรงข้ามกับตอนที่พวกมันมีความสุข มันอาจจะนอนเยอะขึ้น กินน้อยลง ไม่ค่อยร่าเริง และปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของน้อยลง ซึ่งอาการเหล่านี้บางทีอาจเป็นอาการของการป่วยบางอย่างได้ ซึ่งเจ้าของควรตรวจสอบให้ดีก่อนลงมือทำอะไร แหม่ ทำหน้าซึมแบบนี้ สงสัยจะโดนดุมาแน่ๆ ซึ่งตามรายงาน อาการซึมเศร้าอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางทีอาจเกิดจากอาการเจ็บปวดของโรคภัยต่างๆ บางทีอาจเกิดจากการสูญเสียเจ้าของ หรืออาจเกิดเพราะมีการรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มภายในบ้าน และหลายๆ ครั้ง พวกมันก็มีอาการซึมเศร้า เพราะเจ้าของของพวกมันซึมเศร้า “สุนัขสามารถรับรู้อารมณ์และพฤติกรรมของเจ้าของได้ดีมาก ฉะนั้นเวลาคุณรู้สึกเศร้าเสียใจ สุนัขของคุณอาจจำพฤติกรรมนั้นไปใช้ ซึ่งพวกมันเก่งมากในการรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น” Sackman กล่าว ส่วนวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าในสุนัขนั้นไม่ยาก แถมยังไม่ต้องใช้ยารักษาใดๆ อีกด้วย…
-
สภาพห้องก่อน-หลัง ของคนเป็น ‘โรคซึมเศร้า’ ย้ำเตือนให้พวกเรา เข้าใจพวกเขามากขึ้น!!
ว่ากันว่าในยุคสมัยนี้ผู้คนประสบกับปัญหาของโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นเป็นจำนวนมาก และไม่อาจบอกได้เลยว่าบุคคลเหล่านั้นกำลังเป็นโรคนี้อยู่ เพราะพวกเขามักจะไม่ค่อยเอ่ยปากยอมรับ อีกทั้งคนรอบข้างก็ไม่อาจสังเกตเห็นได้ โรคซึมเศร้าก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย รวมไปถึงปัญหาเล็กๆ อย่างการจัดการระเบียบชีวิต โรคซึมเศร้านั้นส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยแทบทุกทาง จากจิตใจอันห่อเหี่ยวก็ยิ่งส่งผลไปถึงพฤติกรรมการกระทำต่างๆ ด้วย อย่างในเรื่องของกิจวัตรประจำวันง่ายๆ เช่นการจัดระเบียบห้อง การเก็บกวาดทำความสะอาด ในบางครั้งคนอื่นอาจจะมองว่าเกิดขึ้นเพราะความขี้เกียจ แต่หารู้ไม่ว่ามันเกิดขึ้นจากโรคซึมเศร้าก็เป็นได้ อย่างเช่นภาพของห้องที่รกและเต็มไปด้วยขยะห้องนี้ ที่กลายมาเป็นกระแสไวรัลในต่างประเทศเป็นอย่างมาก ผู้ใช้นามแฝง toofuckingbusyandviceversa จากเว็บไซต์ imgur ได้ทำการโพสต์ภาพห้องของตัวเอง พร้อมกับอธิบายไว้ว่า ‘ฉันทรมานกับความซึมเศร้าอย่างรุนแรงและมันเป็นช่วงเวลาที่ยากต่อการทำความสะอาดรวมไปถึงการทำงานบ้านอย่างอื่นด้วย ห้องของฉันรกมาเป็นเวลานานหลายเดือน เพราะว่าฉันไม่มีแรงจูงใจที่จะดูแลมัน แต่วันศุกร์นี้แหละ ฉันก็ทำมันได้เสียที’ และนี่ก็คือภาพห้องเดียวกัน ในสามวันถัดมา ‘คุณจะเห็นได้ว่าตอนนี้ได้พื้นห้องคืนมาแล้ว กล่าวทักทายหมีเท็ดดี้ Nalle บนเตียงด้วย ฉันรู้มันไม่ใช่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่สำหรับฉันแล้วมันยิ่งใหญ่มากที่จะสามารถเปิดบ้านต้อนรับผู้คนเข้ามาอีกครั้ง ฉันรู้สึกสงบอีกครั้ง และอยากจะร่วมแบ่งปันความรู้สึกให้กับทุกๆ คน’ ชาวเน็ตที่เห็นภาพแห่งความเปลี่ยนแปลงต่างก็ร่วมแสดงความรู้สึกยินดีด้วย ‘ด้วยความที่เป็นผู้ทรมานกับความซึมเศร้า มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก อย่าให้มันชนะเรานะ!’ ‘ฉันก็ทรมานกับความซึมเศร้าเช่นกัน และฉันรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำในสิ่งเล็กๆ…
-
คุณครูเขียนจดหมายให้กำลังใจนักเรียน 130 คน หลังจากเกือบสูญเสียลูกศิษย์เพราะ ‘โรคซึมเศร้า’
ความเศร้าสามารถนำพาชีวิตของคนหนึ่งคนไปสู่การฆ่าตัวตายได้ อาจจะฟังเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ข้างๆ เราก็เป็นได้ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน คุณครู Brittni Darras ได้พบปะกับผู้ปกครองของนักเรียนภายใต้การดูแลของเธอในงานประชุมผู้ปกครอง และแล้วก็มีคุณแม่รายหนึ่งเข้ามาหาเธอเพื่อทำการบอกเล่าเหตุผลว่าทำไมลูกสาวของเธอถึงขาดเรียนเป็นประจำ คุณแม่เล่าว่าเหตุที่ลูกสาวของเธอนั้นขาดเรียนบ่อยๆ เป็นเพราะว่าลูกสาวของเธอเป็นโรคซึมเศร้า เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามายับยั้งเอาไว้ได้ โดยที่ลูกสาวของเธอพร้อมที่จะลาโลกนี้ไปด้วยการลบบัญชีสื่อโซเชียลทั้งหมดทิ้งพร้อมกับร่างจดหมายลาตายไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณครู Brittni Darras ก็เป็นห่วงมาก จึงเขียนจดหมายส่งไปให้ลูกศิษย์ผ่านคุณแม่ ใจความในจดหมายนั้นไม่ไดมีบอกโดยละเอียด แต่พอจะสรุปจากรูปที่เห็นได้คร่าวๆว่า ‘ถึงจะผ่านอดีตอันขมขื่นมา แต่เธอก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าประสบความสำเร็จ ครูชอบที่จะรับรู้เรื่องราวบ้าๆบอๆของพวกเธอ แล้เธอจะไปได้สวยแน่ในอนาคต ภูมิใจในตัวเธอมากนะ ทำดีต่อไปล่ะ ลงชื่อ คุณครู Darras’ เมื่อเธอได้รับจดหมายนั้น ทั้งคุณแม่และลูกสาวต่างร้องไห้ทันที ถึงกับพูดออกมาว่า ‘หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนห่วงใยหนูขนาดนี้ หนูไม่คิดเลยว่าจะมีใครคิดถึงหนูถ้าหากว่าหนูจากโลกนี้ไปแล้ว’ จากเหตุการณ์ที่เกือบจะสูญเสียลูกศิษย์ของเธอจากการฆ่าตัวตาย ด้วยความเป็นห่วง คุณครูก็เลยใช้เวลากว่า 2 เดือน เขียนจดหมายให้กับลูกศิษย์อีก 130…
-
เรื่องราวสุดประทับใจ…เมื่อ ‘กระต่าย’ กลายมาเป็นผู้ช่วยในการเยียวยารักษาแผลใจของผู้ป่วย
เพื่อนๆ หลายคนคงจะหลงใหลในความน่ารักของเจ้า ‘กระต่าย’ กันเป็นจำนวนมาก ทั้งแก้มที่ดูจะย้วยๆ และหูที่ยาวยืดออกไป ซึ่งความน่ารักของมันนี้ต่างก็ทำให้เหล่าผู้คนทั้งหลายต่างก็มีความสุขเมื่อได้พบเจอกับมัน Jenn Eckert หญิงสาวชาวต่างชาติจะมาเล่าเรื่องราวสุดประทับใจเกี่ยวกับพลังความน่ารักของเจ้ากระต่ายให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน… เธอเสียแม่ของเธอไปเมื่อไม่นานมานี้ทำให้เกิดความซึมเศร้าเป็นอย่างมาก เธอก็เลยตัดสินใจรับเจ้ากระต่ายตัวน้อยเข้ามาเลี้ยงที่บ้าน เผื่อจะช่วยเยียวยารักษาอาการซึมเศร้านี้ โดยเธอตั้งชื่อเจ้ากระต่ายตัวนี้ว่า Betsy และมันก็กลายเป็นเพื่อนรักของเธอไปในทันที เป้าหมายในชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไป จากที่ต้องตื่นมาพบแต่ความอ้างว้างและโดดเดี่ยว เธอกลับต้องตื่นมาเพราะว่าไม่ต้องการให้เจ้า Betsy ทนหิว เจ้า Betsy เหมือนจะเข้าใจความเจ็บปวดของ Jenn เป็นอย่างดี มันก็เลยอยู่ข้างๆ เธอตลอดเวลาไม่ไปไหน ซึ่ง ณ ตอนนั้น Jenn ทำงานอยู่ที่ศูนย์ดูแลสุขภาพ Aurora Health Care ก็ทำให้เธอปิ๊งไอเดียดีๆ ในการช่วยเหลือผู้คนขึ้นมา…ในเมื่อเจ้า Betsy มันสามารถช่วยให้เธอหายจากอาการเศร้าได้ มันก็ต้องทำให้คนอื่นหายเศร้าได้ด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นเจ้า Betsy ก็เลยกลายเป็นผู้ช่วยในเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยทางจิตใจให้กับผู้ป่วยที่ศูนย์สุขภาพ หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าไปช่วยเหลือยังโรงพยาบาลจิตเวช และก็โรงพยาบาลอื่นๆ บ้านพักคนชรา และมหาวิทยาลัยต่างๆ หลังจากนั้นไม่นาน Jenn…