Tag: ญี่ปุ่น
-
พบกับ “มิมมี่” น้องสาวฝาแฝดของเฮลโล คิตตี้ ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันเป๊ะ!!
เฮลโล คิตตี้ เป็นตัวละครที่แสนน่ารัก แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยข้องเกี่ยวกับ ซานริโอ เลย ก็รับรองว่าก็ต้องรู้จักเจ้าคิตตี้อย่างแน่นอน อ๊ะๆ แต่เจ้าตัวด้านบนนี้ไม่ใช่คิตตี้หรอกนะ มันคือน้องสาวฝาแฝดของคิตตี้ต่างหาก! เจ้าตัวนี้น่ะมีชื่อว่า มิมมี่ (Mimmy) เป็นน้องฝาแฝดที่เกิดพร้อมกับคิตตี้ เพียงแต่ว่าคลอดออกมาช้ากว่ากันนิดเดียวเท่านั้น คิตตี้และมิมมี่นั้นมีลักษณะที่คล้ายกันเอามากๆ จะต่างกันก็ตรงที่รสนิยมการแต่งตัวเท่านั้นเอง มิมมี่จะเลือกชุดที่มีสีสว่างสดใสอย่างสีเหลืองและฟ้า ส่วนโบของมิมมี่นั้นอยู่บนหูขวา ต่างจากคิตตี้ที่อยู่บนหูซ้าย คิตตี้ มิมมี่ แต่สิ่งที่ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างมากก็คือ บุคลิก นั่นเอง บนเว็บไซต์ซานริโอนั้นอธิบายว่า มิมมี่จะค่อนข้างขี้อาย ต่างจากคิตตี้ที่ชอบผจญภัยและออกเที่ยวอยู่เสมอ ส่วนมิมมี่จะชอบเย็บปักถักร้อย แถมเธอยังเป็นเลิศในวิชาคหกรรมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มิมมี่นั้นไม่ได้เป็นตัวละครใหม่แต่อย่างใด เพียงแต่ว่าเธอนั้นถูกมองข้ามจากแฟนๆ ที่หลงรักคิตตี้มากๆ นั่นเอง ที่มา: Sanrio, Puroland และ soranews24
-
Big Angel วงไอดอล “พลัสไซส์” ของญี่ปุ่น รวมนางฟ้าที่ตกสวรรค์เพราะกินเยอะเกินไป~
ต้องยอมรับเลยว่ายุคนี้มันเป็นยุคของวงศิลปินไอดอลจริงๆ เพราะหลังจากการแจ้งเกิดของ AKB48 ในญี่ปุ่น หรือ BNK48 ในไทย ก็ทำให้มีวงไอดอลสาวเกิดขึ้นมากมายตามมา หลายคนอาจเบื่อกับการต้องเห็นสาววัยกระเตาะ ตัวเล็กน่ารัก ออกมาร้องเต้นให้เห็นกันอย่างละลานตา วันนี้ ทางประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัววงไอดอลน้องใหม่อย่าง Big Angel รับรองว่าไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน เพราะว่าสาวๆ ไอดอลวงนี้น่ะ ล้วนแต่เป็น “สาวพลัสไซส์” หุ่นใหญ่ตามชื่อวงเลยล่ะจ้า Big Angel ชมคลิปของวง Big Angel กันเลย! จากวิดีโอ Michiko Gotochi หรือ “มิจัง” เผยออกมาว่าปัจจุบันเธอมีส่วนสูง 167 เซนติเมตร และมีน้ำหนักถึง 109.8 กิโลกรัม ทั้งที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นหญิงสาวที่มีน้ำหนักเพียง 54 กิโลกรัมเท่านั้น แต่มิจังบอกว่าปัจจุบันเธอมีความสุขมากกว่าตอนที่เป็นคนผอมเสียอีก ที่เธอน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็เพราะว่าเครียดแล้วก็เอาแต่กิน โดยเฉพาะ ไก่ทอดคาราอาเกะ Michiko Gotochi หรือ “มิจัง” สมัยที่มีน้ำหนัก 54…
-
ชาวเน็ตงง เจอป้ายประกาศหาคนหายในญี่ปุ่น ใบหน้าดูแปลกๆ แถมมีส่วนสูงตั้ง 620 ซม.!?
ประเทศญี่ปุ่นนั้นมักจะมีภาพหรือเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ชวนให้เรารู้สึกประหลาดใจอยู่เสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ใครบางคนติดป้ายประกาศหาคนหาย แต่ใบหน้าของคนในรูปนั้นกลับดูแปลกประหลาด ดวงตาดูไร้ชีวิตชีวาจนเข้าขั้นน่ากลัวเลยทีเดียว ชาวทวิตเตอร์นามว่า @zhetto64 ได้นำภาพดังกล่าวมาโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ของตัวเอง ภาพป้ายประกาศดังกล่าวเขาพบเจอในย่านอาซางายะของกรุงโตเกียว และจะหาคนหน้าตาแบบนี้เจอได้ยังไงกันล่ะเนี่ย!? ข้อความในป้ายประกาศเขียนไว้ว่า… “อายุ: 11 ขวบ (ณ ตอนถ่ายภาพ) ส่วนสูง: ระหว่าง 130-620 เซนติเมตร น้ำหนัก: ไม่ทราบ (แต่หนักกว่าที่คิดก็แล้วกัน) ลักษณะส่วนบุคคล: มักสวมหมวกและเสื้อผ้าสีเหลือง ผมสั้น ไม่มีผมหน้าม้า ไม่พูดคุย แววตาดูเหมืองมองไปยังที่ห่างไกล หายตัวไปหลังจากการเดินขบวนเพื่ออนาคตและสันติภาพ” งานนี้ชาวเน็ตพากันงง รวมถึงตัวผู้เขียนเองก็ต้องของงด้วยอีกคน ใครมันจะไปสูงได้ถึง 620 เซนติเมตรได้ล่ะเนี่ย!? แต่จากนั้นไม่นานชาวเน็ตนามว่า @yuyu7654321 ก็ได้เข้ามาเสนอว่า คนที่หายตัวไปอาจจะเป็น “มาสคอต” ของการรณรงค์ความปลอดภัยทางจราจรของญี่ปุ่นก็เป็นได้ เจ้าตัวนี้หรือเปล่านะ? แต่พอมองดูดีๆ เจ้าตัวมาสคอตจราจรมันไม่มีผมหน้าม้านี่นา ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะใช่ ชาวเน็ตอีกรายนามว่า @mukaitaki_T ก็เลยเสนอว่ามันอาจจะเป็นหนึ่งในรูปปั้น บุตรแห่งพระอาทิตย์ ทั้งสามก็เป็นได้ รูปปั้นนี้ถูกตั้งวางขึ้นหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น ไม่มีหน้าม้า แถมแววตายังดูเหมือนมองออกไปยังพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย และที่สำคัญรูปปั้นนี้ในเมืองฟูกูชิมะ…
-
ยูทูบเบอร์สาวชาวญี่ปุ่นคนนี้ ทุ่มเงินกว่า 200 ล้านเยน ศัลยกรรมตัวเองเป็น “ตุ๊กตาบลายธ์”
เชื่อว่าหลายคนจะต้องมีตัวละครที่ชอบเป็นแน่ สำหรับบางคนแล้วการชื่นชอบตัวละครตัวใดตัวหนึ่งก็อาจส่งผลถึงขั้นที่ว่าทำให้พวกเขาอยากจะมี “รูปลักษณ์” เหมือนกับตัวละครตัวนั้นเลยทีเดียว อาจจะเห็นกันมาบ้างแล้วสำหรับผู้ที่ยอมทุ่มเงิน ศัลยกรรม เป็นตัวละครหรือบุคคลที่พวกเขาคลั่งไคล้ เช่น ดารา ตัวละครจากหนัง หรือตุ๊กตาบาร์บี้ เป็นต้น ไม่ต่างอะไรกับยูทูบเบอร์สาวชาวญี่ปุ่นคนนี้ ที่ยอมทุ่มเงินกว่า 200 ล้านเยน เพื่อศัลยกรรมตัวเองให้มีรูปลักษณ์เหมือนกับ ตุ๊กตาบลายธ์ ยูทูบเบอร์สาวคนนี้มีชื่อในวงการว่า Vanilla “วานิลลา” เธอเล่าว่าสมัยเด็กๆ เธอเคยถูกรังแกถูกล้อจากเพื่อนๆ ว่าหน้าตาน่าเกลียด พอเธอกลับจากโรงเรียน พ่อของเธอก็ไม่ได้เป็นที่พึ่งให้เธอสักเท่าไหร่ ซ้ำยังบอกว่า “ก็ใครล่ะที่น่าเกลียด อดทนให้ได้สิ” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอฝังใจมาตลอด จนกระทั่งตัดสินใจทุ่มเงินนับล้านเยนในการศัลยกรรมตนเองให้เป็นตัวละครต้นแบบที่เธอชื่นชอบ โดยเธอบอกว่ามันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เธอเข้ารับการทำศัลยกรรมมาแล้วกว่า 100 ครั้ง!! . Vanilla ใช้จ่ายค่าศัลยกรรมไปแล้วรวมๆ 200 ล้านเยน (ราว 59 ล้านบาทไทย) เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นตุ๊กตาบลายธ์ ซึ่งเธอออกมาเผยว่า เธอนั้นไม่สามารถออกกำลังกายหนักๆ ได้ แช่อ่างอาบน้ำก็ไม่ได้ แถมผลข้างเคียงของการศัลยกรรมหน้าผากยังทำให้เธอปวดหัวอยู่บ่อยๆ จนเธอต้องพกยาแก้ปวดติดตัวไว้ตลอดเวลา …
-
นักเรียนญี่ปุ่นฮาแตก เจอข้อสอบ “ประธาน Nissan ที่ถูกจับกุม” ตัวเลือกแทบจะเฉลยอยู่แล้ว!!
หลังจากข่าวคราวการจับกุมตัว Carlos Ghosn ประธานบริหารของบริษัท Nissan ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก มันก็ได้กลายไปเป็นหนึ่งในข้อสอบปลายภาคสำหรับเด็กนักเรียนในญี่ปุ่น Carlos Ghosn ถูกจับกุมในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2018 และถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในการยักยอกเงินตอบแทนซึ่งเป็นหลักทรัพย์ของบริษัท Nissan เป็นเวลา 5 ปีรวมเป็นเงินราว 1,400 ล้านบาท และถูกควบคุมตัวอีกครั้งในข้อหารายงานเงินตอบแทนที่ล่าช้าของบริษัไม่ตรงตามความเป็นจริง เป็นระยะเวลาติดต่อกันถึง 3 ปี Carlos Ghosn วัย 64 ปี ข่าวคราวนี้จึงกลายเป็นที่โด่งดังในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลก ชนิดที่ว่าทางโรงเรียนของประเทศญี่ปุ่นได้มีการนำข่าวดังกล่าวมาออกเป็นข้อสอบ โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @E2311000OM ผู้ที่ได้ทำข้อสอบชุดนี้ ก็ถึงกับต้องออกมาโพสต์เพราะข้อสอบที่ออกเกี่ยวกับ Carlos Ghosn นั้นมันช่างฮาเสียเหลือเกิน โพสต์เขียนว่า “นี่คือภาพของ Carlos Ghosn ที่อยู่ในข้อสอบปลายภาคของโรงเรียนพวกเรา” ข้อสอบข้อนี้ถามว่า “กรุณาตอบคำถามต่อไปนี้ จากภาพด้านล่าง ใครคืออดีตประธานของ Nissan ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ในข้อหาผู้ต้องสงสัยรายงานรายได้ของบริษัทไม่ตรงความเป็นจริงเป็นเวลาหลายปี?” ความตลกนั้นบังเกิดตั้งแต่เห็นหน้าของ Mr. Bean แล้วล่ะ…
-
ศิลปินญี่ปุ่นใช้ PowerPoint ในการวาด “สถานีรถไฟโตเกียว” แถมเคลื่อนไหวได้ด้วย!!!
PowerPoint เชื่อว่าเป็นโปรแกรมที่หลายคนรู้จักกันดี เพราะเมื่อมีการนำเสนอชิ้นงานเมื่อไหร่ เป็นต้องได้ใช้มันทุกที เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ต้องมีติดคอมพิวเตอร์ไว้เสมอเลยล่ะ แต่รู้หรือไม่ว่า PowerPoint นั้นสามารถถูกใช้เพื่อทำเป็นศิลปะภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย! อย่างเช่น ศิลปินจากญี่ปุ่นนามว่า Gee Tee ที่ได้ใช้โปรแกรม PowerPoint ในการสร้างภาพของ Tokyo Station หรือสถานีรถไฟโตเกียวขึ้นมาแถมเป็นภาพเคลื่อนไหวเสียด้วย Tokyo Station สถานีรถไฟโตเกียวนั้นเป็นสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่ 20 มันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1914 และได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินหลายต่อหลายคนในการสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขา หนึ่งในบรรดาศิลปินเหล่านั้นก็คือ Gee Tee ที่ได้ประกอบวัตถุดิจิทัลกว่า 2,000 ชิ้นบนโปรแกรม PowerPoint เพื่อให้ออกมาเป็นภาพของ Tokyo Station ที่มีทั้งวิวทิวทัศน์ด้านหน้าและด้านหลัง เท่านั้นยังไม่พอ เขายังใส่การเคลื่อนไหวให้กับวัตถุในภาพเพื่อให้ภาพของ Tokyo Station ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกด้วย สถานีรถไฟโตเกียวจาก PowerPoint วัตถุดิจิทัล 2,000-3,000 ชิ้นในภาพเดียว เจ้าตัวเองยังกล่าวว่าการทำแบบนี้ทำให้คอมพิวเตอร์ของเขา “ไม่มีการตอบสนอง” ไปแล้วนับ 10 ครั้ง ฮ่าาาา…
-
อควาเรียมญี่ปุ่นแนะนำหนุ่มวัย 16 ปีที่หาแฟนไม่ได้ว่าให้ “เปลี่ยนเพศ” แบบปลาการ์ตูน…
เป็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยเมื่อจู่ๆ อควาเรียม ในประเทศญี่ปุ่นก็หันมาให้คำปรึกษาเรื่องความรัก ผ่านโครงการที่เรียกว่า Love Support Project Kyoto Aquarium อควาเรียมที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟเกียวโตเท่าใดนัก ได้ริเริ่มโครงการให้คำปรึกษาด้านความรักนี้โดยการตั้งกล่องรับฟังปัญหา ทางอควาเรียมจะมีกระดาษเอาไว้ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเขียนถึงสิ่งที่ต้องการปรึกษาในด้านความรักและหย่อนมันลงในกล่อง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะใช้ ความรู้เกี่ยวกับปลา ในการตอบทุกๆ ปัญหา ลองมาดูตัวอย่างนี้กัน! ภาพที่เห็นด้านบนเป็นภาพที่ถ่ายมาจาก กระดาษคำตอบของทางเจ้าหน้าที่ของ Kyoto Aquarium ที่ตอบเด็กวัย 16 ปีคนหนึ่ง ซึ่งภาพถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ @Mandorio0510 เด็กชายวัย 16 ปีคนดังกล่าวได้เขียนปัญหาลงในกระดาษว่า… “ผมเรียนในโรงเรียนชายล้วน ซึ่งมันทำให้ผมไม่มีโอกาสเลยที่จะได้เจอกับ คู่รักต่างเพศ…” จากนั้น เจ้าหน้าที่ Kameoka ก็เขียนตอบว่า… “มันมีปลาชนิดหนึ่งที่เราเรียกกันว่าปลาการ์ตูน เวลาที่พวกมันอยู่ในที่ที่ไม่มีตัวเมียเลยมันทำไงรู้มั้ย? ตัวผู้ที่ขนาดใหญ่ที่สุดจะกลายเป็นตัวเมียแทนยังไงล่ะ เอาล่ะ ลองไปโรงเรียนแล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นนักเรียนหญิงดูสิ เผื่อจะเจอคู่รักต่างเพศที่ตามหา!” งานนี้ชาวเน็ตที่พบเห็น ก็เข้ามาคอมเมนต์กันใหญ่ เช่น… “ถ้าคุณคิดว่าไม่มีทางหาคู่รักเพศตรงข้ามได้ คุณก็แค่เปลี่ยนเพศตัวเอง อืมมม…น่าคิดแฮะ” “แปลกใจจัง ผมรู้สึกเหมือนว่าต้องเปลี่ยนเพศตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” “คำแนะนำของ Kameoka…
-
ตำรวจพบสาวไทยวัย 19 ปี ถูกทำร้าย ‘ปางตาย’ ในญี่ปุ่น-คู่กรณีโดดตึกหวังจบชีวิต
เมื่อช่วงกลางวันของวันที่ 19 ธันวาคม 2018 เฟซบุ๊ก Thanakorn Jaisuksakuldee ได้รายงานว่ามีหญิงสาวชาวไทยถูกทำร้ายสาหัสในประเทศญี่ปุ่น ซ้ำคู่กรณีกระโดดตึกหวังจบชีวิต เฟซบุ๊กดังกล่าวเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ๆ สถานีรถไฟ JR Oguisudani ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 18 ธันวาคม 2018 พนักงานโรงแรมนั้นได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและกรีดร้องของผู้หญิงดังออกมาจากชั้น 5 ของโรงแรม จึงได้ทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงพบ หญิงสาวชาวไทยวัย 19 ปี นอนหมดสติในสภาพเปลือยกาย ทั่วทั้งร่างกายโดยเฉพาะใบหน้าและศีรษะมีร่องรอยการถูกทำร้ายอย่างสาหัส ภายหลัง พบร่างของชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปีนอนหมดสติจมกองเลือดอยู่บริเวณข้างโรงแรมในสภาพที่ไม่สวมอะไรเลยนอกจากกางเกงชั้นใน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ชายคนดังกล่าวมีกระดูกหักหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยล่าสุดชายคนนี้ก็ยังคงไม่ได้สติ ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า หญิงสาวชาวไทยและชายชาวญี่ปุ่นดังกล่าว อาจมีปัญหาส่วนตัวกันและเกิดการทะเลาะวิวาท ฝ่ายชายอาจมีการทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงและกระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย หลังจากการตรวจสอบข้อมูลในหนังสือเดินทางของหญิงชาวไทยดังกล่าว พบว่าเธอเป็นเพียงนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีระยะเวลาพำนักในญี่ปุ่นเพียง 15 วันเท่านั้นซึ่งจะหมดลงในวันที่ 20 ธันวาคม 2018 ส่วนฝ่ายชายนั้นเป็นชาวญี่ปุ่น เบื้องต้นทราบเพียงแค่ว่าเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น …
-
คอสเพลย์สาว Enako ประกาศปล่อย “อัลบัมภาพ” แรกในคอสตูม One Piece และ Dragon Ball
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรือสนใจในการคอสเพลย์ ต้องรู้จักนักคอสเพลย์สาวจากญี่ปุ่นนามว่า Enako (เอนาโกะ) อย่างแน่นอน เพราะเธอนั้นได้รับฉายาว่า “นักคอสเพลย์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น” เลยทีเดียว ที่ได้รับฉายาเช่นนั้นก็เพราะว่า ความคาวาอี้น่ารักเซ็กซี่ของเธอเป็นที่ถูกใจใครหลายๆ คน เรียกได้ว่าน้องเอนาโกะปรากฏตัวขึ้นงานไหน งานนั้นจะต้องแตกเพราะผู้คนที่ล้นหลามนั่นเอง เอนาโกะ “นักคอสเพลย์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น” เห็นว่าเป็นนักคอสเพลย์แบบนี้ ต้องบอกเลยว่าสาวน้อยเอนาโกะนั้นทำรายได้อย่างมหาศาลจากการขายสินค้าต่างๆ ของเธอ ยกตัวอย่างเช่น ในงาน Comiket ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ น้องเอนาโกะทำเงินจากการขายสินค้าไปราว 10 ล้านเยน (เกือบ 3 ล้านบาท) ภายในวันเดียว! แต่การกลับมาคราวนี้รับรองเลยว่าหนุ่มๆ จะต้องกระเป๋าสตางค์สั่นกันอีกครั้ง เพราะน้องเอนาโกะเธอกลับมาพร้อมกับการปล่อย คอลเล็กชัน อัลบัมภาพอย่างเป็นทางการของเธอ โดยภาพด้านบนเป็นภาพของสาวเอนาโกะซึ่งอยู่บนปกของนิตยสาร Weekly Young Jump จากสำนักพิมพ์ Shueisha ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดความสนใจแฟนๆ มากที่สุดก็คือ ทางสำนักพิมพ์ Shueisha ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า อัลบัมภาพแรก ของสาวเอนาโกะจะได้รับการตีพิมพ์และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยจะมีทั้งภาพถ่ายเก่าและใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน รวมถึงภาพที่สาวเอนาโกะนั้นแต่งกายเป็นตัวละครจากการ์ตูนดังแบบคาดไม่ถึงอีกด้วย Shueisha นั้นเป็นสำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์การ์ตูนดังๆ อย่าง Dragon Ball และ…
-
สำนักข่าวญี่ปุ่นโป๊ะแตก บอกหิมะสูงเท่าเอว แต่ชาวบ้านจับได้คาตา ฮาลั่นทวิตเตอร์!
การรายงานสภาพอากาศให้น่าสนใจนั้น ผู้รายงานหลายคนเลือกใช้วิธี ลงพื้นที่จริง เพื่อไปสัมผัสสภาพอากาศแบบสดๆ ในบริเวณนั้นๆ และแน่นอนว่าเมื่อฤดูหนาวมาเยือนเช่นนี้แล้ว ในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีหิมะตกอยู่ทั่วบริเวณ แต่หากพื้นที่ไหนมีหิมะตกหนา ก็จะได้รับความสนใจมากๆ เลยล่ะ งานนี้ สำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่นก็เลยคิดแผนเด็ดๆ ขึ้นมาเพื่อดึงดูดผู้ชมได้ ทีมรายงานข่าวได้เดินทางไปยังเมืองอาโอโมริ บนเกาะฮนชู เพื่อรายงานสภาพอากาศที่มี หิมะตกจนกองสูงท่วมเอว ของผู้รายงานข่าว “อย่างที่ทุกท่านได้เห็น หิมะนั้นตกหนักสะสมจนมีความหนาสูงพอๆ กับเอวของผมเลย” หิมะตกหนาขนาดนี้คงหนาวน่าดูเลยล่ะ จากนั้นไม่นาน ทวิตเตอร์นามว่า @koichinamini ก็ได้โพสต์บนทวิตเตอร์ว่าก่อนหน้านี้เธอได้ชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างบ้านตัวเองและก็ต้องพบว่า ทีมรายงานข่าว NHK นั้นกำลังทำอะไรประหลาดๆ กันอยู่ เธอพิมพ์บนทวีตดังกล่าวว่า… “ฉันสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่นะ? ฉันชะโงกหน้าออกไปเห็นนักข่าวของช่อง NHK กระโดดลงไปในกองหิมะ แต่พอวันรุ่งขึ้นฉันดูรายงานข่าวช่อง NHK แล้วได้ยินผู้รายงานข่าวพูดว่า ‘อย่างที่ทุกท่านได้เห็น หิมะนั้นตกหนักสะสมจนมีความหนาสูงพอๆ กับเอวของผมเลย‘ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” หิมะหนาจริงๆ แต่หนาแค่บางจุดนะ ชัดเจนเลย! สรุปว่านักข่าวทีมนี้ “โป๊ะแตก” จ้าาา งานนี้ชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์กันมากมายเลยล่ะ…
-
ชาวญี่ปุ่นชมปลาในตู้ว่า “น่าอร่อยจัง” ทางอควาเรียมบอก ไม่เป็นไร…ถือเป็นคำชมที่ดี!
ปกติแล้ว เวลาที่เราไปเที่ยว อควาเรียม นั้นเราย่อมต้องการไปชมสัตว์น้ำที่แสนสวยงามและอัศจรรย์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เวลาชมเรามักพูดกันว่า “สวยจัง” “น่ารักจัง” หรือ “แปลกจัง” เป็นต้น แต่สำหรับอควาเรียมในประเทศญี่ปุ่นนั้น ผู้คนที่เข้าไปชมปลากลับพากันชมฝูงปลาน้อยใหญ่ว่า “ว้าว น่ากินจังเลย!“ งานนี้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องงงกันแน่ๆ ว่าคนอะไร๊มาดูปลาในอควาเรียมด้วยจุดประสงค์อยากกินปลากันล่ะ? แต่ไม่ต้องงงหรอกครับ อควาเรียมหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่นระบุไว้ชัดเจนว่า มันโอเคหากผู้ชมจะชมปลาว่า “น่ากิน,น่าอร่อย” ด้วยความที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่นิยมใช้ปลามาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารอย่างแพร่หลาย จึงมีอควาเรียมหลายแห่งที่ติดประกาศไว้ว่าผู้ชมนั้นสามารถชมปลาในตู้ว่า “น่าอร่อย” ได้ อย่างเช่น Asamushi Aquarium ในเมืองอาโอโมริ ที่แปะป้ายประกาศชัดเจนเลยว่า พวกเขาไม่ว่าอะไรหากผู้เข้าชมจะชมปลาของพวกเขาว่าน่าอร่อย ทวิตเตอร์ชื่อว่า @muk0jima ได้ถ่ายภาพป้ายประกาศจาก Asamushi Aquarium มาให้ชาวเน็ตได้ดูกัน ในภาพจะมีข้อความที่ถามว่า… “มันจะโอเคหรือเปล่าที่จะบอกว่าปลาในตู้นั้นดูน่าอร่อย?” ในภาพก็มีข้อความที่ทางพนักงานอควาเรียมมาตอบ ใจความว่า… “ได้สิ ถ้าปลาตัวไหนดูน่าอร่อย มันก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปลาตัวนั้นสุขภาพดีและได้รับการดูแลอย่างดี สำหรับพนักงานอย่างพวกเราแล้ว ถือว่านั่นคือคำชมเลยล่ะ” แต่สำหรับผู้ที่กังวลว่ามนุษย์จะเอาแต่ล่าปลาจนปลาอาจจะสูญพันธุ์นั้นทางอควาเรียมก็ทำการตอบไว้เรียบร้อยแล้วว่า “นั่นคนละเรื่องกัน พวกเราทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ปลาเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น คนเรากินปลา ปลากินปูตัวเล็กๆ และหนอน แม้หนอนจะไม่ใช่อาหารของพวกเราแต่มันก็สำคัญเพราะถ้าไม่มีหนอน ปลาก็เติบโตไม่ได้ ฉะนั้น…
-
หนุ่มทวิตเตอร์ “เล่นเกมสังหารหมู่” มีเป้าหมายเป็นผู้หญิง 10 คนในสถานีโตเกียว…
กลายเป็นเรื่องชวนหวาดผวา หลังชายคนหนึ่งที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า Ryuuta (ริวตะ) โพสต์ประกาศว่าจะ “สังหาร” ผู้หญิง 10 คนในบริเวณสถานีรถไฟโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า ริวตะกับภารกิจลดประชากรงานสุดท้าย ได้โพสต์ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2018 ว่าเขาจะทำการเล่น “เกมสังหาร” โดยเขาจะทำการสุ่มฆ่าผู้หญิง 10 คนในบริเวณสถานีรถไฟโตเกียว ทวิตเตอร์ของ ริวตะ โพสต์บนทวิตเตอร์ของเขา เขียนว่า “ผมผิดหวังกับชีวิตมากๆ และผมคิดว่าผมคงต้องจบชีวิตตัวเองลงด้วยในเกมนี้ สถานที่คือสถานีรถไฟโตเกียว ตั้งแต่วันนี้ถึงวันมะรืน แต่ผมจะไม่บอกเวลา ผมจะเดินผ่านผู้คนและสุ่มฆ่า หากมีคนตายครบ 10 คนเมื่อไหร่ ผมเองก็จะตายตามไปด้วย เป้าหมายที่ผมอยากแก้แค้นมากที่สุดคือ ผู้หญิง ยังไงก็ช่วยระวังตัวเอาไว้หน่อยก็แล้วกันนะชาวโตเกียวทุกคน” โพสต์ดังกล่าวถูกแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว กระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ จึงนำกำลังมาเฝ้าระวังอยู่ ณ บริเวณสถานีรถไฟโตเกียวเป็นจำนวนมาก ภายหลังพบว่าบนทวิตเตอร์ของเขานั้นมีการเขียนอธิบายเอาไว้ว่า “เป้าหมายของผมก็คือการแก้แค้นสังคมและแก้แค้นผู้หญิง“ ทำให้คาดว่านี่อาจเป็นส่วนแรงจูงใจในการคิดก่ออาชญากรรมของริวตะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่มีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้นมีเพียงความหวาดผวาของชาวโตเกียวเท่านั้นที่ยังคงแผ่กระจายอยู่ทั่วสถานีรถไฟ กระทั่งชาวเน็ตบนทวิตเตอร์เริ่มคิดและถกเถียงกันว่านี่อาจจะเป็นการกลั่นแกล้งหรืออาจจะเป็นการไหวตัวทันของคนร้ายที่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเฝ้าระวัง ล่าสุด ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากทั้งฝ่ายของริวตะและเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หญิงสาวชาวโตเกียวที่ย่านสถานีต่างก็ยังคงตกอยู่ในความหวาดกลัว…
-
แอปฟรีจากญี่ปุ่น ที่ช่วยคุณจำ “ศัพท์ภาษาอังกฤษ” ได้ด้วยภาพ 3 มิติแบบน่ารักๆ
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับบางคนคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ เพราะกว่าจะจำคำศัพท์แต่ละคำได้ก็แย่แล้ว ไหนจะต้องกังวลไวยากรณ์อีกคงจะเครียดกันน่าดู แต่วันนี้บริษัทพัฒนาเทคโนโลยี Katakoto ได้พัฒนาแอปพลิเคชันชื่อว่า Spell Master ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจดจำคำคัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นแถมน่าสนุกสุดๆ เลยอีกด้วย Spell Master คือแอปฯที่สามารถทำให้คำศัพท์ที่เราเขียนลงบนแผนกระดาษนั้น มีรูปร่าง ขึ้นมาจริงๆ ได้ ราวกับมีเวทมนตร์จริงๆ อย่างนั้นเลยล่ะ ชมคลิปกันเลย ลองดูตัวอย่าง เขียนคำว่า “Apple” ลงไป https://twitter.com/katakoto_std/status/1048163459966197760?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1048163459966197760&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F12%2F13%2Fanime-style-magic-circles-summon-vocabulary-for-you-in-this-language-learning-app-from-japan%25e3%2580%2590vid%25e3%2580%2591%2F ไหนลองคำว่า “Earth” ซิ 魔法陣に英単語を書くとその言葉が召喚されるの面白い!子供の学習用に作られたらしいんだけど、多言語対応も準備中とのこと!これなら楽しく勉強できそう〜 ロシア語ほしいな🙏🏻#xRTech pic.twitter.com/p1dIRZXFo1 — こはる 🛰️ Haruka Inoue (@ko8ruuuuun) December 9, 2018 สำหรับการร่ายมนตร์ในแอปฯ Spell Master นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ไม้กายสิทธิ์แต่อย่างใด ขอแค่เพียงมีสมาร์ตโฟนเป็นของตัวเองก็พอแล้ว แต่ถึงกระนั้น แอปพลิเคชันนี้จะใช้ได้กับกระดาษที่มีลวดลายเวทมนตร์ของทางบริษัทเท่านั้น กระดาษเปล่าใช้ไม่ได้นะจ๊ะ ส่วนจำนวนคำศัพท์ที่แอปฯ จะสร้างภาพ 3…
-
เตรียมพบกับ Kyotrain Garaku รถไฟที่ “มีความเป็นญี่ปุ่น” มากที่สุด แถมดีไซน์ล้ำไปอีก!!
เรื่องของรถไฟนี่ต้องยกให้ทางญี่ปุ่นเขาจริงๆ ทั้งรถไฟหัวกระสุน ชิงกันเซ็ง รถไฟลายเฮลโลคิตตี้ และไอเดียเกี่ยวกับรถไฟอื่นๆ อีกมากที่มาจากแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ แต่ที่ยกตัวอย่างให้ฟังกันไปนั้น มันก็ยังไม่ได้มี ความเป็นญี่ปุ่น มากเท่ากับรถไฟที่จะนำเสนอในวันนี้ เพราะเขาว่ากันว่า รถไฟขบวนต่อไปนี้คือรถไฟญี่ปุ่นที่มีความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุดเลยล่ะ Kyotrain Garaku รถไฟนี้มีชื่อว่า Kyotrain Garaku ที่ออกแบบโดยบริษัท Hankyu Railway และจุดประสงค์ของพวกเขาก็คืออยากให้ผู้ใช้บริการได้รับความรู้สึกเหมือนอยู่ใน “เกียวโต” ภายในตู้โดยสารจะถูกออกแบบให้ได้กลิ่นอายของโรงแรมญี่ปุ่นแบบคลาสสิกย้อนยุค โดยจะมีการใช้สีน้ำตาลของไม้และสลับกับน้ำตาลอ่อนและเหลือง ประกอบกับการใช้แสงไฟที่ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย การตกแต่งภายในก็จะมีทั้ง หน้าต่างทรงกลม สวนหย่อม ม่านบังแสง และฉากกั้น โดยทุกอย่างจะดูเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบคลาสสิกทั้งหมด . ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละตู้โดยสารของรถไฟ Kyotrain Garaku นี้จะมีการตกแต่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีธีมแตกต่างกันออกไป เช่น ตู้ที่ 1 จะมาในธีม ฤดูใบไม้ร่วง ตู้ที่ 2 จะมาในธีม ฤดูหนาว ตู้ที่ 3 จะมาในธีม ฤดูใบไม้ผลิ ตู้ที่ 4 จะมาในธีม ฤดูร้อน ตู้ที่ 5…
-
นร. ญี่ปุ่นที่ไม่มีใครสนใจ วันนี้กลายเป็นสาว ‘สุดเอ็กซ์’ ซะงั้น น่าจะจีบตั้งแต่เด็กแล้วแบบนี้!
ว่ากันว่า วัยเบ่งบานของสาวๆ นั้นจะอยู่ในช่วงสมัยที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ นักเรียนสาวหลายคนก็เริ่มแตกเนื้อสาวเผยความงดงามความน่ารักออกมากันในช่วงวัยนี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอก เพราะสาวๆ บางคน คนที่เรามองข้ามยามที่ยังเป็นนักเรียนอยู่นั้น รู้ไหมว่าพวกเธอไม่ใช่ไม่สวยหรอกนะ แต่พวกเธออาจจะยังไม่ถึงวัยเบ่งบานต่างหาก! เช่นสาวน้อยชาวญี่ปุ่นคนนี้ที่เป็นเด็กนักเรียนซึ่งไม่ได้โดดเด่นอะไร ไม่ว่าจะเรื่องของรูปร่าง หน้าตา หรือว่าการแต่งกาย เธอไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของนักเรียนชายเลยสักนิด แต่ล่าสุด บนทวิตเตอร์ @myksan1717 เธอได้โพสต์ภาพเปรียบเทียบว่าในอดีตและปัจจุบันนั้นมันต่างกันขนาดไหน นักเรียนสาวคนนี้เปลี่ยนไปอย่างไร จะตรงใจหนุ่มๆ หรือเปล่า เราไปชมกันเลยดีกว่า… @myksan1717 สมัยเป็นนักเรียน พอเริ่มโตขึ้น @myksan1717 นั้นเริ่มรู้จักเดินตามสิ่งที่ผู้คนในสังคมเรียกกันว่า “ความงาม” เธอพยายามลดน้ำหนัก แต่งหน้า และแต่งตัวแบบที่เธอเองก็ไม่เคยทำมันมาก่อน ผลสุดท้าย ความพยายามของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่หนุ่มๆ ทุกคนต้องหันมอง ด้วยความที่เธอเป็นคนมีหน้าอกขนาดใหญ่เป็นทุนเดิม แต่เพิ่มเติมคือผอมลง งานนี้หนุ่มที่ไหนจะอดใจไหวกันล่ะ!! ผ่ามมม! . . . . . . . . . . . เห็นไหมล่ะว่าการตัดสินคนจากภายนอกมันก็มักจะนำพาความเสียดายมาให้อยู่เสมอ ส่วน #เหมียวโลลิ…
-
พิพิธภัณฑ์ญี่ปุ่นดูแล ‘ตุ๊กตา’ ที่เด็กลืมไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว …ยังรอเจ้าของมารับคืนอยู่นะ
หน้าที่สำคัญของ พิพิธภัณฑ์ ก็คือการเก็บรักษาสิ่งของที่มีมูลค่าเชิงประวัติศาสตร์เอาไว้ให้มีสภาพที่ดีที่สุด ก็อย่างที่พวกเราเข้าใจกัน แต่สำหรับพิพิธภัณฑ์ Chido Museum ในเมืองสึรุโอกะ จังหวัดยามางาตะ ประเทศญี่ปุ่น นั้นทำหน้าที่การเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ดีเยี่ยม แถมน่ารักอีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้เก็บ ตุ๊กตา ที่เด็กคนหนึ่งลืมไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไว้ ณ พิพิธภัณฑ์แห่งอย่างดี แถมมีการดูแลที่ดีเยี่ยมสุดๆ เจ้าตุ๊กตา โดนัลด์ดั๊ก ตัวนี้แหละ! เจ้าตุ๊กตา โดนัลด์ดั๊ก ยัดนุ่นตัวหนึ่งถูกพบบริเวณลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์ โดยคาดว่ามันน่าจะเป็นของเด็กคนหนึ่งที่เข้ามาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้พร้อมครอบครัว ทางพิพิธภัณฑ์เองก็รอคอย เผื่อว่าครอบครัวดังกล่าวจะพาลูกน้อยของตนกลับมารับตุ๊กตาตัวโปรดคืน กระทั่งปัจจุบันเจ้าตุ๊กตาโดนัลด์ดั๊กตัวนี้ก็ยังคงรอคอยเจ้าของเดิมกลับมารับคืนอยู่… เรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า แอดมินทวิตเตอร์ของ Chido Museum นั้นเคยทำงานในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สมัยที่เพิ่งเจอตุ๊กตาตัวนี้ใหม่ๆ แต่เขาก็ลาออกในอีก 10 ปีให้หลัง และราวๆ 5 ปีที่แล้ว เขาก็กลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง เขาก็พบว่า ไม่มีใครจัดการกับตุ๊กตาตัวนี้เลยแม้เวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปรวมๆ ถึง 30 ปี มันก็ย่อมทำให้มีฝุ่นมาจับเจ้าตุ๊กตาตัวนี้จนเกรอะกรัง แอดมินคนนี้จึงจัดการนำเจ้าโดนัลด์ดั๊กมาอาบน้ำ…
-
สมาชิกสภาญี่ปุ่น ‘ตะโกนถกเถียง’ กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ประเด็นจ่ายน้ำประปา
ชาวญี่ปุ่น อย่างที่เราทราบกันว่าจะมีความสุภาพ ใจเย็น และเป็นระเบียบมาก แต่วันนี้กลับมีภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้ง นักการเมืองในสภาแห่งชาติญี่ปุ่นได้มีปากเสียงกันอย่างจอแจ ขณะประชุมหารือกันเรื่องการให้บริการน้ำประปา ที่มุ่งถึงการอนุญาตให้บริษัทเอกชนได้ถือครองสิทธิ์การจ่ายน้ำประปา แม้มาตรการดังกล่าวจะได้รับเสียงสนับสนุนมาจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ๆ แต่กลับเกิดการถกเถียงกันอย่างวุ่นวายหลังจากที่ผู้เกี่ยวข้องทางการเมืองฝ่ายอื่นๆ ได้วิจารณ์โต้แย้งมาตรการนี้ เหตุการณ์จะวุ่นวายขนาดไหน ลองชมคลิปวิดีโอกันได้เลย 「水道改悪法」なんと審議なしで、採択強行!12/5 衆院・厚生労働委員会 pic.twitter.com/YsKV49SYEf — x (@xzjps) December 5, 2018 เหตุการณ์เกิดขึ้นในหมู่ผู้แทน แต่ไม่นานก็กลายเป็นประเด็นโต้วาทีกันระหว่างคนจำนวนมากที่ตะโกนใส่กันไปมา เสียงตะโกนหนึ่งที่ได้ยินอย่างชัดเจนก็คือคำว่า “ดาเมะ! ดาเมะ! ดาเมะ!” ที่แปลว่า “ไม่! ไม่! ไม่!” นั่นเอง ในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่า เหล่าสมาชิกท่านอื่นๆ ถึงกับต้องลุกขึ้นยืนด้วยความงุนงงกับเหตุการณ์ความชุลมุนที่คาดไม่ถึงนี้ ความชุลมุนครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยสาเหตุที่ว่า ฝ่ายสนับสนุนมาตรการนั้นรู้ว่าตนเองจะต้องชนะด้วยเสียงข้างมาก จึงข้ามขั้นตอนการหารือ ไปยังขั้นตอนการลงคะแนนเสียงและการร่างกฎหมายเลยนั่นเอง สรุปคร่าวๆ ฝ่ายสนับสนุนกล่าวว่าทางรัฐบาลจำเป็นจะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอย่างเช่นการจ่ายน้ำให้ดีขึ้น เพราะปีที่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นอัตตราหนึ่งในสามไม่สามารถจ่ายน้ำได้ทั่วถึง ส่วนฝ่ายผู้วิจารณ์เองก็แย้งว่ามาตรการให้สิทธิ์การจ่ายน้ำประปาแก่บริษัทเอกชนเป็นเวลา 20 ปี นี้อาจจะเป็นการเปลี่ยนยกบริการสาธารณูปโภคให้กลายเป็นของบริษัทเอกชนอย่างสิ้นเชิง และอาจทำให้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการรับบริการเหล่านี้ ขณะนี้ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าผลลัพธ์ของการหารือครั้งนี้ออกมาเป็นอย่างไรกันแน่ …
-
มิติใหม่แห่งการไล่นก ญี่ปุ่นจ้าง “นกเหยี่ยว” มาบินไล่นกกา… หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง!
ในเมืองมัตสียามะ จังหวัดเอฮิเมะ ประเทศญี่ปุ่น กำลังประสบปัญหาหนักเกี่ยวกับเหล่า นกกา ที่คอยป่วนอยู่เหนือหลังคาศาลากลางของเมือง ทางภาครัฐจึงใช้มาตรการรับมือแบบ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” ปัญหาเกิดจากนก มันก็ต้องแก้ด้วยนกเช่นกัน ชายนามว่า Yutaka Yasui ถูกว่าจ้างให้เข้ามาปราบปรามเจ้าฝูงนกกาพวกนี้ด้วย Sui นกเหยี่ยวแฮร์ริสของเขา เจ้า Sui จะบินโฉบไปตามทิศทางที่ Yutaka เหวี่ยงแขนออกไป และขับไล่เหล่านกกาตัวป่วนให้หนีกระเจิง ทั้ง Yutaka Yasui และ Sui นั้นถูกว่าจ้างภายใต้สัญญาของเทศบาลนครเมืองมัตสึยามะ ให้มาช่วยขับไล่ฝูงนกกาบนหลังคาศาลากลางตามนโยบายความสะอาดของบ้านเมือง (แต่ไม่ต้องถึงกับฆ่านก) เดิมทีทางภาครัฐตั้งใจจะใช้เสียงของเหยี่ยวเปิดขับไล่ฝูงนกกา แต่คิดไปคิดมาสรุปว่าใช้ “เหยี่ยวจริงๆ” ไปเลยน่าจะเห็นผลชะงัดกว่า เจ้าหน้าที่จึงติดต่อ Yutaka เพื่อขอให้รับภารกิจนี้ ชมคลิปวิดีโอ คลิปวิดีโอมาตรการไล่นกกาด้วยเหยี่ยว ในประเทศญีปุ่นนั้นจะเรียกผู้ครอบครองเหยี่ยวว่า “ทาคะโจ” เขาคนนี้มักขึ้นไปยังบริเวณดาดฟ้าของอาคารพร้อมกับทีมดูแลของภาครัฐ เพื่อปล่อยเจ้า Sui ให้บินโฉบขับไล่เหล่านกกาบนหลังคา ในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าทีแรกที่เจ้า Sui บินเข้าไปใกล้ๆ ฝูงนกกาจะรวมตัวกันเพื่อขับไล่เหยี่ยว แต่เมื่อเจ้า…
-
ชาวญี่ปุ่นถูกใจ “หมอนก้น” ที่ไม่ได้มีดีแค่รูปทรงชวนสวาท แต่ทำให้หลับสบายอีกด้วย!
ปัญหาการนอน บางส่วนก็เป็นผลมาจากรูปทรงและผิวสัมผัสของหมอนด้วยเช่นกัน หมอนที่นุ่มหรือแข็งจนเกินไปก็อาจทำให้กระดูกสันหลังและคออยู่ในรูปที่ผิดปกติได้ งานนี้ประเทศญี่ปุ่นจึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น หมอนรูปก้น มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว เพราะนอกรูปลักษณ์โดนใจหนุ่มๆ แล้ว การใช้งานของมันก็ยังถือว่าเกิดประโยชน์อีกด้วย The Buttress Pillow (หมอนรูปก้น) เห็นเป็นผลิตภัณฑ์แปลกๆ แบบนี้มันไม่ได้ถูกออกแบบโดยชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด กลับเป็นนักออกแบบชาวอเมริกันผู้หลงใหลใน “ก้น” นามว่า Jia ต่างหากที่ออกแบบเจ้าหมอนนี้ขึ้นมาขณะที่เขากำลังคิดถึงก้นแฟนสาวของตัวเอง ซึ่งก่อนที่มันจะถูกนำมาวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น หมอนก้นนี้ถูกผลิตและจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่พอ Jia นำเข้ามายังประเทศญี่ปุ่น หมอนก้นนี้ก็ได้รับการตอบรับที่ดีราวกับว่าเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นรอคอยกันมานาน ขนาดใกล้เคียงกับก้นของสาวจริงๆ เลยแหละ เจ้าหมอนก้นใบนี้ ไม่ได้ออกแบบขึ้นเพื่อสนองความต้องการ “ก้นสาว” เท่านั้น รูปทรงและลักษณะทางกายภาพของมัน ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างถึงที่สุด ทุกส่วนโค้งเว้าและความเด้งความนุ่มต่างๆ ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหนุนแล้วเกิดความสบาย ไม่ว่าจะใช้ซบ หนุนแบบนอนหงาย นอนตะแคง หรือจะนอนท่าไหนๆ ก็ตาม มันก็จะรองรับทุกองศาเลยล่ะ ซบ หงาย ตะแคง คว่ำ…
-
ตำรวจจับชายญี่ปุ่น “หั่นศพ” แม่ตนเองทิ้งทั่วเมือง สารภาพไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ไม่มีเงินทำศพ
เมื่อเร็วๆ ที่ผ่านมานี้ได้เกิดเหตุการณ์น่าขนลุกขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เมื่อชาวเมืองในอำเภอโออามิชาราซาโตะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่นพบเจอ ร่างศพที่ถูกหั่น กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วเมือง และในวันนี้ (26 พฤศจิกายน) หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวนถึงเหตุดังกล่าว ก็พบว่า ชายวัย 37 ปี เป็นคนก่อเรื่องนี้ทั้งหมด เขาได้ “หั่นศพ” แม่ของตนเองแล้วนำชิ้นส่วนร่างกายไปทิ้งไว้ยังสถานที่ต่างๆ ทั่วอำเภอ ผู้ต้องหา (มีผ้าคลุมศีรษะ) . เบื้องต้นเจ้าตัวสารภาพว่า เป็นคนทำเรื่องดังกล่าวทั้งหมด แต่ไม่ได้เป็นฆาตกร เขากล่าวว่าตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าแม่ของตนนั้นเสียชีวิตอยู่แล้ว แต่เขา “ไม่มีเงิน” มากพอจะทำศพ ก็เลยยต้องตัดสินใจหั่นแล้วนำไปทิ้ง ถึงจุดนี้ ทำให้เราต้องฉุกคิดเรื่องค่าครองชีพในประเทศญี่ปุ่นที่สูงลิบ แม้กระทั่งผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากในการทำพิธีส่งวิญญาณตามความเชื่อ ทั้งนี้ไม่อาจสรุปได้ว่าคำพูดของผู้ต้องหารายนี้เป็นจริงหรือไม่จริง เพียงแต่มันทำให้เกิดคำถามตามมว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับงานศพในญี่ปุ่นนั้นแพงขนาดที่ทำให้คนๆ หนึ่งยอมกลายเป็นฆาตกรหั่นศพเชียวหรือ? บางแหล่งข้อมูลระบุว่าค่าใช้จ่ายสำหรับการทำพิธีศพของญี่ปุ่นนั้นอยู่ที่ราวๆ 1-3 ล้านเยน หากคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 300,000-900,000 บาท . อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของมารดาผู้ต้องหา และไม่ว่าคำให้การของผู้ต้องหาจะเป็นจริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์น่าสลดใจเรื่องหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ …
-
สาวญี่ปุ่นบอกแม่ “จะไม่แต่งงาน” เพราะหลงรัก ‘ฟรีเซอร์’ จาก Dragon Ball มากกก!!
การที่คนเราชื่นชอบตัวละครในการ์ตูนสักตัวหนึ่งมากๆ ก็อาจทำให้เรายอมเสียเงิน เสียเวลา และอื่นๆ เพื่อตัวละครนั้นๆ ได้ แต่สำหรับเด็กสาวชาวญี่ปุ่นผู้ใชชื่อทวิตเตอร์ว่า Fau นั้นมาเหนือความคาดหมาย เธอบอกว่าชาตินี้จะ “ไม่แต่งงาน” เพราะเธอนั้นหลงรักตัวละคร Frieza (หรือ “ฟรีเซอร์”) วายร้ายจาก Dragon Ball เป็นอย่างมาก Frieza วายร้ายจาก Dragon Ball Fau หญิงสาวอายุ 19 ปี เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แต่งงานเพราะเธอได้มอบความรักให้กับตัวละคร Frieza ไปเสียแล้ว พ่อแม่คนไหนได้ยินแบบนี้ก็คงจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะจู่ๆ ลูกสาวของตนก็เลือกที่จะไม่แต่งงานเสียอย่างนั้น หลังจากที่เธอบอกเรื่องนี้ให้แม่ของเธอฟัง แม่ของ Fau ก็ตอกกลับมาอย่างเทพๆ จนเธอไม่มีวันลืมเลยล่ะ ว่าแต่แม่ของเธอจะตอบกลับมาว่าอย่างไรที่ลูกเลือกจะไม่แต่งงาน เราไปดูพร้อมๆ กันเลย ทวีตของ Fau เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอนำเรื่องนี้ไปบอกกับแม่ (คำแปลด้านล่าง) “ฉันมอบรักแรกของฉันให้ท่านลอร์ดฟรีเซอร์ไปเสียแล้ว และฉันก็รักเขามาก พอฉันอายุครบ 19 ปี ฉันก็บอกกับแม่ว่า ‘หนูรักฟรีเซอร์มากค่ะแม่ หนูคิดว่าหนูคงไม่รักคนจริงๆ อีกแล้ว…
-
ชาวญี่ปุ่นไอเดียเจ๋ง เปลี่ยน “ที่กั้นชั้นหนังสือ” ให้เป็น ‘ตรอกซอยจิ๋ว’ จินตนาการล้ำมาก!
ว่ากันว่าหนังสือเป็นสิ่งช่วยเสริมสร้างจินตนาการได้ดีเยี่ยม ทั้งนี้หากผู้ที่ชื่นชอบอ่านหนังสือจะมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ล้ำเลิศก็คงจะไม่แปลก เช่นนักออกแบบชาวญี่ปุ่นจากกรุงโตเกียว Monde ผู้ที่นอกจากจะมีความคิดสร้างสรรค์แล้วยังเป็นผู้ที่ถ่ายทอดจินตนาการของตนให้กับผู้รักการอ่านคนอื่นๆ อีกด้วย ที่กั้นชั้นหนังสือ แสนธรรมดาแบบที่เรามักเห็นกันบ่อยๆ อาจเป็นสิ่งที่คนเรามองข้าม แต่นักออกแบบผู้นี้กลับใช้มันเป็นสิ่งสำหรับถ่ายทอดจินตนาการ ที่กั้นชั้นหนังสือฝีมือ Monde Monde ได้เปลี่ยนที่กั้นชั้นหนังสือแสนธรรมดาให้กลายเป็นตรอกซอกซอยขนาดเล็กที่ดู “เสมือนจริง” มาก นั่นทำให้ชั้นหนังสือของเขาดูเหมือนว่าเป็นเมืองเมืองหนึ่งอย่างนั้นแหละ! ศิลปะชนิดนี้ถูกเรียกว่า ไดโอรามา (Diorama) มีต้นกำเนิดจากการสร้างฉากเสมือนจริงในโรงละคร แต่ปัจจุบันถูกใช้เรียกผลงานศิลปะเชิงเสมือนจริงขนาดย่อที่ใช้สำหรับจำลองเหตุการณ์ต่างๆ งานไดโอรามาของ Monde ถูกเสนอต่อนานาประเทศครั้งแรกในงาน Design Festa และก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างถล่มทลาย ครั้งนี้เขาก็กลับมาพร้อมกับ “ที่กั้นชั้นหนังสือ” ที่เป็นตรอกขนาดย่อ ลองไปชมผลงานที่เหลือของเขากัน… เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยล่ะ งานละเอียดดีจริงๆ . Monde ได้สานต่อไอเดียของตัวเองที่จะทำเมืองขนาดย่อเมื่อ 2 ปีที่แล้ว วันนี้เลยกลายมาเป็นที่กั้นชั้นหนังสือเจ๋งๆ แบบที่เห็นไงล่ะ เขากล่าวว่า “มันคงเจ๋งดีหากผมสร้างตรอกซอกซอยคั่นไว้ระหว่างหนังสือบนชั้นหนังสือ” . . . . . . . หลังจากที่ Monde โพสต์ภาพผลงานของตัวเองลงบนทวิตเตอร์…
-
ดราม่าญี่ปุ่น ครูไม่ให้คะแนนเด็ก เพราะไม่ใช้ “ไม้บรรทัด” ขีดเส้น แม้คำตอบจะถูกแล้วก็ตาม
พอเข้าใจได้ว่าวิชาคณิตศาสตร์นั้นเป็นวิชาที่ยากสำหรับใครหลายคน หลายครั้งเมื่อทำการบ้านวิชานี้ส่งครูเมื่อไหร่ก็จะต้องมีผิดมีพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา แต่เหตุการณ์ในวันนี้ กลับเป็นความผิดที่ชวนงงงวยสุดๆ เพราะคำตอบที่ได้จากการคำนวณนั้นถูกต้องเป๊ะๆ แต่ครูก็ยังให้ผิดเพียงเพราะ “ไม่ใช้ไม้บรรทัดในการขีดเส้น” ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @Toraphgu ผู้เป็นครูกวดวิชาได้โพสต์ภาพการแก้โจทย์การคูณตัวเลขของนักเรียนคนหนึ่ง ที่แม้ว่าจะมีคำตอบที่ถูกต้องแต่คุณครูที่โรงเรียนกลับให้ผิดเพราะว่าเส้นแนวนอนไม่ใช้ไม้บรรทัดในการช่วยขีด คำตอบถูกต้อง แต่ผิดเพราะไม่ใช้ไม้บรรทัด @Toraphgu เขียนอธิบายบนทวีตดังกล่าวว่า “วันนี้ผมตกใจมากที่เห็นนักเรียนกวดวิชาคนหนึ่งของผม ถูกครูที่โรงเรียนตัดสินว่าผิดเพียงเพราะเขาแสดงวิธีทำด้วยมือเปล่าๆ และไม่ได้ใช้ไม้บรรทัด” เมื่อชาวเน็ตผ่านมาเห็นเรื่องดังกล่าวก็เข้ามาคอมเมนต์กันยกใหญ่ เช่น… “ผมคิดว่าครูในโรงเรียนน่าจะทำงานหนัก…หนักจนกลายเป็นบ้า” “ลูกของผมก็มาฟ้องเรื่องแบบนี้ประจำ ผมก็งงว่ามันเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ตรงไหน เขียนด้วยมือมันก็โอเคนี่นา” “ผมว่าไม้บรรทัดมันก็มีข้อดีของมันนะ แต่มาลงโทษเด็กที่ไม่ใช้ไม้บรรทัดแบบนี้มันออกจะผิดประเด็นไปหน่อย” “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนฉันถูกสอนไม่ให้ใช้ไม้บรรทัดนะเพราะว่ามันเสียเวลา” “หรือว่าคุณครูเขาจะมีเอี่ยวกับบริษัทผลิตไม้บรรทัดกันแน่ นี่เป็นการโฆษณาใช่ไหมเนี่ย?” ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการใช้ไม้บรรทัดนั้นทำให้การขีดเส้นดูตรงและสะอาด แต่ชาวเน็ตเองก็ไม่เห็นด้วยว่าการคุณครูควรให้ “ผิด” กับคำตอบของนักเรียน ที่มา: Twitter/@Toraphgu และ soranews24
-
ประธานบริษัทญี่ปุ่นใช้ “อำนาจกดขี่” กดหน้าลูกน้องลง ‘หม้อชาบู’ ร้อนๆ อ้างแกล้งกันเล่น
หนึ่งปัญหาใหญ่ของสังคมคนทำงานก็คือ การใช้อำนาจกดขี่ (Power Harassment) ของผู้บังคับบัญชา ที่มักสร้างความเดือดร้อนหรือความอัดอั้นตันใจให้กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเสมอๆ ล่าสุดมีภาพเหตุการณ์การใช้อำนาจกดขี่ในญี่ปุ่นเผยออกมา ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า Power Harassment ในยุคสมัยปัจจุบันนั้นรุนแรงขนาดไหน ในงานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีในปี 2015 ของบริษัทผลิตสื่อบันเทิงแห่งหนึ่งในย่านชิบุยะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายแบบคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทแห่งนี้ก็ร่วมสังสรรค์พร้อมกับประธานบริษัทอย่างรื่นเริงกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ในการสังสรรค์ดังกล่าว ประธานบริษัทได้ทำการกดศีรษะของนายแบบวัย 23 ปีคนนี้จุ่มลงไปใน “หม้อชาบู” ที่กำลังร้อนระอุโดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของความบันเทิง การกระทำดังกล่าวทำเอาพนักงานคนอื่นๆ ต่างพากันตกใจ เพราะผู้เคราะห์ร้ายส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน ส่งผลให้ใบหน้าของนายแบบคนนี้ได้รับบาดเจ็บ และเป็นแผลเนื่องจากความร้อน ทั้งนี้ผู้เป็นเหยื่อกล่าวว่า การกระทำของประธานในครั้งนี้ส่งผลต่อใบหน้าของเขาก็จริง แต่ทว่ามันส่งผลต่อจิตใจมากกว่าที่ต้องมาอยู่บริษัทที่ใช้อำนาจกดขี่แบบนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาราว 3 ปีที่แล้ว แต่ผู้เก็บหลักฐานเพิ่งนำมาเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ชมคลิปเหตุการณ์ . เมื่อทำการสัมภาษณ์ประธานบริษัทวัย 25 ปีผู้ก่อเหตุ เขาให้การเพียงแค่ว่า “มันเป็นการแกล้งเล่นกันเฉยๆ” และหลังจากที่เรื่องเงียบมาหลายปี พนักงานก็เริ่มคิดที่จะฟ้องร้องประธานผู้ใช้อำนาจกดขี่รายนี้ โดยมีพนักงานส่วนหนึ่งออกไปให้ข้อมูลกับนิตยสาร Weekly Shincho เกี่ยวกับการกดขี่ที่เกิดขึ้น …
-
หนังสือนิทาน “ซินเดอเรลลา” วาดโดยนักวาดจาก Final Fantasy วางขายแล้วในญี่ปุ่น!
เมื่อพูดคำว่า ซินเดอเรลลา หลายคนก็คงจะนึกถึงใบหน้าใสแบ๊วกับรองเท้าแก้วคู่ใจ ตามสไตล์และเอกลักษณ์ของการ์ตูน Disney ใช่ไหมล่ะ? แต่หลายครั้ง ตัวละครนี้ก็ถูกนำมาวาดขึ้นใหม่โดยนักวาดทั่วทั้งโลก รวมไปถึงศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่า Yoshitaka Amano คนนี้ด้วย โดยภาพซินเดอเรลลาฝีมือของ Yoshitaka นั้นก็ดูงดงามแต่กลับดูแตกต่างจากเวอร์ชันของ Disney เสียเหลือเกิน แถมมันยังดูคุ้นๆ ตาชอบกลอีกด้วย ซินเดอเรลลา ฝีมือของ Yoshitaka ที่ลายเส้นอาจจะดูคุ้นตาก็เพราะว่า Yoshitaka เป็นนักออกแบบตัวละครให้กับซีรีส์เกมสุดโด่งดังอย่าง Final Fantasy ในช่วงหกภาคแรก ทั้งนี้ Yoshitaka ก็ได้วาดภาพของซินเดอเรลลาประกอบหนังสือนิทานเล่าเรื่องสั้นๆ ออกมา ลองไปชมผลงานการวาดของเขาในหนังสือซินเดอเรลลากันเลยดีกว่า . . ในช่วงแรกที่หนังสือถูกตีพิมพ์ออกมา หน้ากระดาษเป็นเพียงหน้าเล็กๆ แต่พอมันถูกพิมพ์ขึ้นเป็นหน้ากระดาษแผ่นใหญ่ ผลงานของ Yoshitaka ก็กลายเป็นผลงานที่ติดตรึงใจเด็กๆ จำนวนมาก นอกจากนี้หนังสือของเขายังพิมพ์ขึ้นเป็นสองภาษา (ญี่ปุ่นและอังกฤษ) โดยภาษาที่ใช้ทั้งสองภาษานั้นมีการปรับให้เป็นประโยคที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายเหมาะสมกับเด็กๆ . หนังสือเล่มนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Amano Yoshitaka Meiga Monogatari Cinderella มีความยาว 30 หน้า…
-
รัฐมนตรี ‘กระทรวงไอที’ ของญี่ปุ่น ยอมรับ “ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์” มาก่อนเลยสักครั้ง!??
ปกติแล้ว หากพูดถึงผู้นำแห่งกระทรวงความมั่นคงทางโลกไซเบอร์ เราย่อมคิดว่าคนผู้นั้นจะต้องโดดเด่นและเก่งกาจด้านไอทีมากแน่ๆ แต่กลับกันรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางโลกไซเบอร์ (Cybersecurity) คนใหม่ของญี่ปุ่นกลับเผยว่า “ไม่เคย” ใช้คอมพิวเตอร์มาก่อนเลยสักครั้ง! ในงานประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรี Lower House นาย Yoshitaka Sakurada วัย 68 ปีผู้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางโลกไซเบอร์ของญี่ปุ่น เผยว่า… “ผมไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ เพราะตั้งแต่ผมอายุ 25 ปี ผมก็ได้รับตำแหน่งผู้บังคับการที่มีเลขาฯ กับพนักงานคนอื่นๆ คอยลงมือปฏิบัติให้เสมอ” Yoshitaka Sakurada คำกล่าวของท่านรัฐมนตรีทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมท่านอื่นพากันหัวเราะขำขัน โดย Masato Imai ผู้ยื่นคำถามให้กับ Sakurada ก็กล่าวว่า “มันทำให้ผมตกใจมากที่บุคคลซึ่งไม่เคยแตะต้องคอมพิวเตอร์มาก่อนจะเข้ามารับผิดชอบในกฎกระทรวงความมั่นคงแห่งโลกไซเบอร์เช่นนี้” เมื่อถามท่านรัฐมนตรีถึงวิธีการป้องกันการถูกโจมตีจากการเชื่อมต่อเครือข่ายบนโลกไซเบอร์ ท่านก็ตอบว่า “ทางที่ดีไม่ควรใช้ USB” พร้อมอธิบายต่อว่าจริงๆ แล้วท่านเองก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่า USB คืออะไร และก็ไม่รู้ด้วยว่า ทำไมถึงไม่ควรใช้… “ผมรู้ว่า USB มันจะมีรูๆ …และผมก็ไม่รู้อะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว” อย่างไรก็ตาม Yoshitaka Sakurada ก็ยืนกรานว่าความปลอดภายบนโลกไซเบอร์นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทางรัฐบาลต้องดูแล และเขาก็มั่นใจในความสามารถของเขาสำหรับตำแหน่งนี้…
-
แวะชมภาพถ่ายโรงแรมที่ ‘ใหญ่ที่สุด’ ในญี่ปุ่น ซึ่งถูก ‘ทิ้งร้าง’ ท่ามกลางป่าไม้บนเกาะ
หากถามว่าโรงแรมแห่งไหนดีที่สุดในญี่ปุ่นคงจะตอบได้ยากสักหน่อยเพราะแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าถามว่าโรงแรมไหน ใหญ่โต ที่สุดในญี่ปุ่นล่ะก็เราหาคำตอบมาให้เพื่อนๆ แล้ว แถมยังพาไปชมทั้งภายนอกภายในเลยอีกด้วย ชื่อของโรงแรมที่ว่าก็คือ Hachijo Royal Hotel ตั้งอยู่บนเกาะภูเขาไฟห่างไกลจากโตเกียว 300 กิโลเมตร ที่นั่นไม่มีหาดทรายให้เล่น มีแต่น้ำลึกๆ สำหรับให้นักดำน้ำได้ผจญภัยเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่โรงแรมใหญ่โตแบบนี้กลับไม่ยั่งยืน มันถูกปิดและเปิดใหม่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถกู้ชื่อเสียงกลับมาได้สำเร็จ กระทั่งในปี 2006 มันถูกปิดอย่างถาวร ปัจจุบัน Hachijo Royal Hotel กลายเป็นโรงแรมร้างที่ยังคงความงดงาม ภายนอกรายล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม ภายในแม้จะผุพังแต่ก็ถูกประดับประดาด้วยแมกไม้ที่เข้ามาแต่งเติมความงามตามธรรมชาติ วันนี้ ช่างภาพ Natalia Sobańska จะพาเพื่อนๆ ทุกคนเข้าไปชมความงามของโรงแรมร้างแสนกว้างใหญ่แห่งนี้กัน ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย . . . . . . . . . . . . . . . . . . แม้จะถูกทิ้งร้าง…
-
แอร์ฯสาวญี่ปุ่น เจอผู้โดยสาร ‘ร้องขอหน้าต่าง’ จัดให้แบบนี้เล่นเอาเงียบกริบเลย!
สำหรับ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นั้นจะต้องมีทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีเยี่ยม เพราะในทุกๆ เที่ยวบินมีโอกาสเจอผู้โดยสารแปลกๆ ที่จะคอยนำปัญหามาให้เสมอ อย่างเช่นเรื่องที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินลำหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่แอร์โฮสเตสคนหนึ่งตอกกลับผู้โดยสุดป่วนแบบกวนๆ จนทำเอาผู้โดยสารคนนั้นเงียบไปเลย เรื่องราวถูกเล่าโดยทวิตเตอร์ @kooo_TmS_suke เขาเล่าว่า “ตอนที่แอร์โฮสเตสเดินเข้ามาถามพวกเราว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรไหม ชายที่นั่งข้างๆ ผมก็ลั่นออกไปว่า ‘เอาหน้าต่างมาให้ทีสิ’” ปกติแล้วผู้โดยสารบนเครื่องบินส่วนใหญ่ที่ได้นั่งชิดริมหน้าต่างจะได้มองเห็นวิวท้องฟ้าข้างนอก แต่สำหรับชายคนนี้กลับไม่มีหน้าต่างให้เสียอย่างนั้น จึงคาดเดาได้ว่าชายคนดังกล่าวคงรู้สึกคับข้องใจที่ตนได้นั่งชิดริมแท้ๆ แต่กลับมีแต่เพียงผนังด้านๆ ทึบๆ ที่มองไม่เห็นอะไรเลย แต่ด้วยความเอาใจใส่ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็หาทางออกมาให้กับชายคนนี้ ไม่นานเธอก็เดินกลับมาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง และนำมาแปะมันเข้ากับผนังเครื่องบิน… ผ่ามมม!! นี่คือ “หน้าต่าง” พร้อมวิวทิวทัศน์นอกเครื่องบินที่ชายคนนี้ถามหาไงล่ะ งานนี้ทำเอาชาวเน็ตที่รับรู้เข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย เช่น… “ฉลาดจริงๆ” “เป็นแอร์โฮสเตสที่มีความคิดดีจริงๆ” “ดูจากภาพแล้วเห็นว่าเขานอนหลับ เขาคงพอใจกับสิ่งที่ได้แล้วล่ะ” “โชคดีสุดๆ เลยชายคนนี้ ได้เห็นวิวที่เป็นเอกลักษณ์เชียว” เจอแบบนี้เข้า ก็คงไปไม่เป็นเหมือนกันแหละเนอะ ฮ่าๆ ที่มา: soranews24 และ Twitter/@kooo_TmS_suke
-
หนังสือ ‘นิทานเจ้าหญิง’ เวอร์ชั่นญี่ปุ่น โดนพ่อแม่เด็กโวยเพราะมัน “โมเอะ” เกินไป!
เมื่อพูดถึง ซินเดอเรลลา ลิตเติล เมอร์เมด หรือ สโนว์ไวท์ เราอาจจะนึกถึงภาพของเหล่า “เจ้าหญิงดิสนีย์” ที่แสนน่ารัก แต่หารู้ไม่ว่าการ์ตูนเหล่านี้ถูกสร้างมาจากนิทานพื้นบ้านเก่าแก่หลายศตวรรษมาแล้ว ฉะนั้น ดิสนีย์ จึงไม่ได้เป็นเจ้าเดียวที่นำเรื่องเล่าเหล่านี้มาสร้างเป็นการ์ตูนหรือสื่อร่วมสมัยต่างๆ ผู้ผลิตรายอื่นๆ เองก็สามารถสร้างการ์ตูน ภาพยนตร์ หรือหนังสือที่อิงจากนิทานพื้นบ้านเหล่านี้ขึ้นมาเป็นของตัวเองได้เช่นกัน อย่างเช่นสำนักพิมพ์ Kawade Shobo Shinsha จากญี่ปุ่นที่ได้สร้างหนังสือการ์ตูนอิงจากนิทานโบราณไม่ว่าจะเป็น สโนว์ไวท์ ซินเดอเรลลา และอีกหลายๆ เรื่องขึ้นมาให้เด็กๆ ได้อ่านกัน แต่แหม ด้วยความญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ทำให้เจ้าหญิงเหล่านี้ถูกวาดออกมาด้วยลายเส้น โคตรโมเอะ จนกระทั่งพ่อแม่ของเด็กๆ พร้อมใจกันบอกเลยว่าไม่ค่อยชอบภาพปกหนังสือเหล่านี้สักเท่าไหร่ ทางสำนักพิมพ์เลยออกมาทวีตใน @Kawade_shobo ให้เห็นกันว่าหนังสือของพวกเขามันโมเอะเสียจนรับไม่ได้กันเชียวหรือ ในภาพแถวบนจากซ้ายไปขวาจะมีเรื่อง ซินเดอเรลลา ลิตเติลเมอร์เมด และ สโนว์ไวท์ ตามลำดับ ส่วนแถวล่างก็จะมีเรื่อง เจ้าหญิงนิทรา โฉมงามกับเจ้าชายอสูร และ เจ้าหญิงคากุยะ ตามลำดับ ซึ่งภาพปกของหนังสือจากสำนักพิมพ์ Kawade Shobo Shinsha…
-
ญี่ปุ่นกรีดร้อง โปสเตอร์หนังเรื่อง Stung (2015) เวอร์ชั่นญี่ปุ่นมันจะโหดไปหน๊ายยยย!!
ต้องบอกกันตามตรงเลยว่า โปสเตอร์ภาพยนตร์ นั้นสำคัญจริงๆ เพราะนอกจากตัวอย่างแล้ว สิ่งที่จะสร้างความดึงดูดให้กับหนังเรื่องนั้นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นภาพเท่ๆ บนโปสเตอร์นี่แหละ ภาพยนตร์แต่ละประเภทก็จะมีลักษณะการออกแบบโปสเตอร์ที่ต่างกันไป แต่โดยส่วนมากแล้วคนเราจะชอบภาพโปสเตอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสวยงาม เห็นแล้วน่าเก็บสะสม อะไรทำนองนั้น แต่ความผิดพลาดมันก็เกิดกันได้เป็นปกติ เพราะบางครั้งผู้ออกแบบโปสเตอร์ก็อาจจะคิดไม่เหมือนอย่างที่ผู้ชมส่วนมากคิดกัน อย่างเช่นภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Stung (2015) เรื่องนี้ยังไงล่ะ โปสเตอร์ Stung (2015) เวอร์ชั่นต้นฉบับที่ฉายในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ มีความอาร์ตและความน่ากลัวที่ลงตัว โปสเตอร์ Stung (2015) เวอร์ชั่น DVD ในอเมริกา โอเค เฉลยเนื้อหาของเรื่องนิดหน่อยแต่ก็ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น แต่เมื่อหนังเรื่องนี้เข้ามาฉายยังประเทศญี่ปุ่น แน่นอนว่าต้องไม่เหมือนที่อื่นๆ แน่นอน โปสเตอร์ของหนังเรื่อง Stung นี้ถูกออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิมๆ โดยทวิตเตอร์ @terrorbit ได้ออกมาเผยให้เห็นโปสเตอร์ดังกล่าวที่ว่ากันว่า ชาวญี่ปุ่นถึงกับกรีดร้องในความ โหดเหี้ยม ของโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ ซึ่งถือว่ามันถูกทำออกมาได้แย่สุดๆ โปสเตอร์ Stung (2015) เวอร์ชั่นญี่ปุ่น แทนที่จะเป็นงานภาพแบบเรียบง่ายขายความอาร์ตและความน่าดึงดูด แต่ภาพนี้กลับใช้ภาพแมลงตัวต่อยักษ์ (ที่ดูไม่สมจริง)…
-
ครูกวดวิชาในญี่ปุ่น ถูกจับกุมเพราะ “เลียหู” นักเรียน อ้างเป็นวิธีการจับโกหก!!
หลายครั้งที่เด็กนักเรียนมักโกหกคุณครูด้วยเหตุผลบางประการ นั่นทำให้ครูหลายคนต้องงัดมาตรการจับโกหกของตัวเองออกมาใช้ และครูคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็งัดไม้เด็ดออกมา เขาบอกว่าเขาสามารถจับโกหกเด็กนักเรียนได้เพียงแค่เขา เลียหู เด็กคนนั้น!!? คุณครูวัย 32 ปี Teruki Suira เป็นครูสอนในโรงเรียนกวดวิชา Shinsei ในจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น เขากล่าวกับนักเรียนชายคนหนึ่งว่า “ครูจะรู้ทันทีว่าเธอโกหกหรือเปล่า ถ้าครูเลียหูของเธอ” และจากนั้นเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างของเขาจับที่ไหล่ของนักเรียนชายวัย 14 ปีคนนี้แล้ว เริ่มเลียหูข้างขวาของนักเรียนทันที จากรายงาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นราวเวลา 16.50 น. ของวันที่ 14 สิงหาคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับกุมนาย Teruki ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา นาย Teruki กล่าวว่า… “ผมเลียหูเด็กก็จริง แต่นั่นเป็นหนึ่งวิธีการสอนเด็กให้อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องนะ” ล่าสุดคุณครูคนนี้ก็ยอมรับว่ามีการใช้วิธีเลียหูเด็กนักเรียนเพื่อจับโกหกจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันชาวเน็ตที่รับรู้เรื่องราวดังกล่าวกลับเกิดอารมณ์ขันทันทีเมื่อรู้ว่าคุณครูคนนี้มีพฤติกรรมเลียนแบบตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง JoJo’s Bizarre Adventure จินตนาการภาพได้จากคลิปการ์ตูนเรื่องนี้… วิธีจับโกหกของคุณครูคนนี้จะได้ผลจริงมั้ยไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือใครโดนเข้าไปเป็นต้องขนลุกกันแน่นอนเลยล่ะ……
-
นักวาดการ์ตูนญี่ปุ่นอึ้ง เจอภาพวาดมังงะฝีมือ “แม่ตัวเอง” ในสมุดวาดเขียนจาก 50 ปีที่แล้ว
ถือเป็นการค้นพบที่น่าประทับใจจริงๆ เมื่อนักวาดการ์ตูนสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้มีโอกาสเห็นภาพวาดมังงะในสมุดวาดเขียนของคุณแม่จากเมื่อ 50 ปีที่แล้ว Haruka Komowata คือนักวาดการ์ตูนด้วยลายเส้นที่แสนงดงามน่ารัก ผู้ที่ฝากผลงานในเรื่อง Angel Beats และ Carlotte เอาไว้ ลายเส้นของ Haruka น่ารักใช่มั้ยล่ะ? เป็นลายเส้นที่คนในปัจจุบันชื่นชอบ เพราะมันโมเอะสุดๆ แต่ล่าสุด เธอได้โพสต์ภาพลงบนทวิตเตอร์ของตัวเอง @mokowata เป็นภาพของตัวละครมังงะที่ลายเส้นดูย้อนยุคมากๆ ถ้าใครชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นต้องรู้ดีว่าไม่ใช่ลายเส้นการ์ตูนในปัจจุบันแน่ และมันก็ไม่ใช่ว่าเป็นโปรเจกต์ใหม่ของ Haruka ที่จะออกมาวาดรูปสไตล์ย้อนยุคแต่อย่างใด แต่นี่ก็คือ ภาพตัวละครมังงะ ฝีมือคุณแม่ของเธอ ที่วาดไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้วยังไงล่ะ!! น่ารักสุดๆ ไปเลย สมุดวาดเขียนของเล่มนี้ คุณแม่เคยวาดมันสมัยที่ยังเรียนอยู่มัธยม และคิดว่าทำมันหายไปเสียแล้ว แต่วันหนึ่งเธอกลับค้นพบมันอีกครั้ง ก็เลยนำมาอวดให้ Haruka ลูกสาวตัวเองได้ดู ทำเอา Haruka ต้องโพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า “คุณแม่สมัยมัธยมมีฝีมือกว่าฉันตอนยังเรียนมัธยมอยู่ถึง 100 เท่าเลยล่ะ” จากลายเส้นคาดว่าน่าจะนิยมกันในช่วงยุค 1960s Glass Jewel ผลงานมังงะจริงๆ ของคุณแม่ …
-
ส่องคอสตูม “วันฮาโลวีน” สุดจัดจ้าน ของวัยรุ่นญี่ปุ่นในย่าน Ikebukuro แหล่งรวมโอตาคุ!!
เทศกาลวันฮาโลวีน จากที่เคยเป็นที่นิยมในประเทศฝั่งตะวันตกในอดีต ปัจจุบันได้กลายเป็นที่นิยมกันทั่วโลกเสียแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศแถบเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เมื่อวันฮาโลวีนมาถึง สิ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือการแต่งกายเป็นอะไรก็ได้ที่คิดว่าดูน่ากลัวมากที่สุด ซึ่งนั่นเรียกได้ว่า “เข้าทาง” ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะวัยรุ่นที่ชอบแต่งคอสเพลย์แบบสุดๆ เลยล่ะ ย่าน Ikebukuro ประเทศญี่ปุ่น ยิ่งในย่านที่เป็นศูนย์รวมเหล่าโอตาคุอย่าง Ikebukuro แล้วด้วย ฮาโลวีนปีนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันและความจัดจ้านของหนุ่มๆ สาวๆ ในเมืองที่งัดคอสตูมมาประชันกันอย่างเต็มที่ ถ้าหากว่าอยากเห็นภาพบรรยากาศของวันฮาโลวีนในประเทศญี่ปุ่นย่าน Ikebukuro แล้วล่ะก็ เชิญไปชมความเด็ดดวงของวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นกันได้เลยจ้า 1. Kaname Madoka จาก Puella Magi Madoka Magica เปิดมาก็น่าสนใจแล้ววววว 2. Licker จาก Resident Evil อันนี้น่ากลัวแฮะ 3. Leon Kennedy จาก Resident Evil 4. Totoro จาก My Neighbor Totoro น่าร้ากกก 5. Goblin Slayer …
-
โมเดลจิ๋วฝีมือชาวญี่ปุ่น ที่แสดงให้เห็นว่า “แมว” ไม่ใช่สัตว์ที่คุณเคยรู้จักอีกต่อไป!!~
ใครก็รู้ว่า แมว นั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มี 4 ขา นอกจากนี้มันยังมีต้นตระกูลมาจาก “เสือไซบีเรีย” อีกด้วย แต่ปัจจุบันนี้มนุษย์เองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าพวกแมวนั้นยังคงเป็นสัตว์ที่พวกเราเคยรู้จักกันอยู่หรือเปล่า เพราะหลายครั้งเราก็เห็นว่าพวกมันเป็น ของเหลว บางครั้งก็เป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกๆ งานนี้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า めーちっさい จึงนำโมเมนต์ประหลาดๆ ของเข้าพวกเหมียว มาทำเป็นรูปปั้นจิ๋วๆ เพื่อให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่า แมวจะเป็นอะไรก็ได้ “ยกเว้น“ สัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก!! 1. เป็นกระต่ายหน้าโหด . 2. เป็นเงาตะคุ่มๆ ที่มีสองขา . . 3. เป็นก้อนอะไรสักอย่างที่เคลื่อนที่ในอากาศได้ด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. . . 4. แมวเป็นสัตว์ 1 ขา?? . . 5. เป็นไอ้โรคจิตที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงผู้ด้อยกว่า . 6. เป็น… ตัวอะไรฟะเนี่ย!!? . ทำไมเหลือขาแค่นี้!!?…
-
Aika Okita ผู้ประกาศข่าวผู้มาพร้อมรอยยิ้ม “โคตรสดใส” คว้าหัวใจชายหนุ่มไปหมดแล้ว!!
เช้าวันเสาร์ของประเทศญี่ปุ่นจะมีรายการ Mezamashi Saturday ที่ถ่ายทอดทางช่อง Fuji TV ซึ่งเป็นรายการประกาศข่าวสารวาไรตี้ เช่น ข่าวกีฬา บันเทิง แฟชั่น รวมถึงรายงานสภาพอากาศ ล่าสุด รายการ Mezamashi Saturday ก็กลายเป็นที่ชื่อชอบของผู้ชมโดยเฉพาะ “หนุ่มฉกรรจ์” ทั้งหลาย ก็เพราะว่าผู้รายงานสภาพอากาศสาวของรายการนั้นมีความ น่ารัก คิ้วท์ๆ เกินห้ามใจไหวจริงๆ!! หนูคนนี้นี่แหละ (คาวาอี้สุดๆ) และเรื่องนี้ก็กลายเป็นที่ฮือฮากันอีกครั้งเมื่อภายหลังทราบว่าเธอคนนี้น่ะยังเป็น นักศึกษา อยู่เลย!! เธอมีชื่อว่า Aika Okita อายุ 21 ปี มาจากจังหวัดมิยาซากิ ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู แม้ว่าเธอเพิ่งเข้ามาเริ่มงานผู้ประกาศข่าวรายงานสภาพอากาศได้เพียง 6 เดือน แต่ตอนนี้บอกเลยว่าแฟนคลับแน่นเอี้ยด!! Aika Okita ผู้รายงานสภาพอากาศสุดคิ้วท์ งู๊ยยยยยย…ยิ้มทีใจละลาย ขณะที่หนู Aika อยู่ในชุดทำงานแสนสุภาพเรียบร้อยเธอก็มีหนุ่มๆ มาสมัครเป็นแฟนคลับอย่างล้นหลามแล้ว ยิ่งพอเธออยู่นอกบทบาทหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวกลายเป็นหญิงสาวธรรมดาที่แต่งกายตามใจชอบ ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นหญิงที่ต้องใช้คำว่า “โคตรน่ารัก” เลยทีเดียว… น่ารักแถมเก่งอีกด้วยนะเนี่ย!! …
-
ชาวเน็ตโพสต์คลิป “คนยักษ์” ในญี่ปุ่นช่วงปี 1890 มนุษย์จะตัวใหญ่ขนาดนี้ได้จริงหรือ?
เคยได้ยินบ่อยครั้งอยู่เหมือนกันว่า คนสมัยก่อนนั้นบางคนก็มีขนาดร่างกาย “ใหญ่ยักษ์” แต่ไม่รู้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อดีเพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนยืนยันคำกล่าวเหล่านั้น แต่เมื่อเร็วๆ นี้กลับมี คลิปวิดีโอ หนึ่งบนอินเทอร์เน็ตที่เผยให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คนยักษ์” ที่ร่วมเดินขบวนอะไรบางอย่างในประเทศญี่ปุ่น คลิปวิดีโอคนยักษ์ ในญี่ปุ่น ช่วงปี 1890 จะเห็นได้ว่าชายคนหนึ่งที่ดูตัวใหญ่โตมหึมาสวมชุดซูโม่กำลังเดินร่วมขบวน สองข้างทางเป็นผู้คนที่คาดว่าน่าจะมาร่วมชมขบวนนี้ ต่างคนต่างก็ถือธงประจำประเทศญี่ปุ่นเป็นของตัวเอง จังหวะที่คนยักษ์คนนี้ ชูมือโบกให้กับคนดูข้างทาง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีคลิปวิดีโอออกมาเช่นนี้ เสียงของชาวเน็ตก็ยังแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าเป็นภาพจริงเพราะคนสมัยก่อนนั้นหากจะมีขนาดตัวใหญ่กว่าปกติ 2-3 เท่าก็ไม่แปลก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกลับแย้งว่าเป็นคลิปวิดีโอที่ถูก “สร้าง” ขึ้นด้วยเทคนิคการตัดต่อ เพราะไม่มีทางที่มนุษย์จะมีขนาดตัวใหญ่อย่างที่เห็นในคลิปวิดีโอได้ แล้วท่านผู้ชมล่ะครับ จากคลิปวิดีโอนี้ คิดว่าโลกของเราจะมีมนุษย์ที่ตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนี้อยู่จริงหรือเปล่า? ที่มา: ck101 และ liveleak
-
เท่มาก!! ชาวญี่ปุ่นโชว์การ “นวดโฟมล้างหน้า” ให้กลายเป็น ‘ฟอง’ สุดแสนเพอร์เฟกต์
ว่ากันว่าคนเรามันจะต้องมีสิ่งที่ตนเองถนัดและทำได้ดีกันบ้างแหละ ถึงบางครั้งจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะใช้ในการทำงานไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ดู “เท่” เพราะแค่ทำมันได้ดีเท่านั้นเอง ตัวอย่างเช่นผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า คาริน ได้โพสต์คลิปวิดีโอโชว์ในสิ่งที่เขานั้นทำมันได้ดีกว่าใครหลายๆ คน นั่นก็คือการขยี้ โฟมล้างหน้า ให้กลายเป็นฟองที่แสนเนียนนุ่มได้!!? โฟมล้างหน้ายามที่มันใกล้จะหมดนั้น คนขี้เสียดายคงจะรู้ดีว่าต้องพยายาม “รีด” มันออกมาให้หมดจนหยดสุดท้าย แล้วบางครั้งไอ้หยดสุดท้ายนั้นก็ช่างตีเป็นฟองได้ยากเสียเหลือเกิน แต่มันไม่เป็นปัญหาสำหรับคนคนนี้เลย… ไปดูคลิป การทำโฟมล้างหน้าหยดสุดท้ายให้เป็น “ฟอง” เนียน นุ่ม เด้ง กันเเลย เจ้าของทวิตเตอร์เขียนคำอธิบายไว้ว่า “ฉัน คนที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยนอกจากสิ่งนี้สิ่งเดียว และฉันก็กำลังจะโชว์ให้พวกคุณได้เห็น” https://twitter.com/na_mi_da/status/1052576345614503936?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1052576345614503936&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F10%2F19%2Fjapanese-netizens-sole-talent-of-making-dense-foam-out-of-face-wash-impresses-internet%2F โฟมล้างหน้าหลอดแบ๊นแบน ต่อให้รีดจนสุดแรงก็ออกมาแค่นี้แหละ ขยี้ไปๆ มาๆ ผสมน้ำนิดหน่อย ชวิ้ง!! ออกมาเป็นก้อนโฟมแสนฟูฟ่อง เนื้อสัมผัสนุ่มเด้ง…น่าละเลงบนใบหน้าอย่าบอกใครเชียว เจ้าของทวิตเตอร์ดังกล่าวแอบบอกด้วยว่า เมื่อทำให้โฟมกลายเป็นเนื้อเนียนเด้งแบบนี้แล้ว มันทำให้รู้สึกดีมากๆ เลยล่ะเวลาที่นำมาสัมผัสกับใบหน้า งานนี้เรียกได้ว่าชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันเพียบเลยล่ะ ตัวอย่างเช่น.. “บนฉลากเขียนว่าให้นวดจนเกิดโฟม ไม่ยักรู้ว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย!!” “ว้าว! คุณดูเหมือนกับนักประดิษฐ์มืออาชีพเลยล่ะ!”…
-
รวม 20 ภาพ Fan Art เจ๋งๆ ของ “Power Rangers” ขบวนการห้าสี ฮีโร่ในวัยเด็ก!!
ขบวนการ Power Rangers นั้นครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ Live-Action ขวัญใจเด็กๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว ด้วยการปรับปรุงรูปแบบมาจากแก๊งซูเปอร์ฮีโร่สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Super Sentai ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ Power Rangers มีความผสมผสานที่ลงตัวเลยทีเดียวเชียว Power Rangers (2017) แต่การดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ล่าสุดอย่าง Power Rangers (2017) นั้นไม่ได้รับการตอบรับที่ดีนัก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความทรงจำในวัยเด็กไม่กลับมาเจิดจรัสเท่าที่หวังไว้ วันนี้ เหล่าแฟนๆ และสาวกของ Power Rangers จึงออกมาสร้างผลงานภาพ Fan Art สวยๆ เพื่อให้เหล่าขบวนการห้าสีนี้กลับมาดูเท่ เฉียบ และดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เอาล่ะ ถ้าอยากดูแล้ว เราไปชมกันเลย!! 1. The Imprisoned Rangers ผลงานจาก Bryant Koshu 2. Armored…
-
ญี่ปุ่นร่วมใจ “ลงภาพโฆษณา” น้อง Koki บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกสำนัก พร้อมแฝงอักษรลับ
ประเทศญี่ปุ่นนอกจากจะเป็นประเทศที่โดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ญี่ปุ่นยังถือว่าเป็น ประเทศรักการอ่าน มากๆ อีกด้วย และล่าสุดสำนักหนังสือพิมพ์ทุกสำนักในประเทศญี่ปุ่นก็ได้ร่วมใจลงภาพโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ของตนเอง เพื่อต้อนรับ วันแห่งการโฆษณาของหนังสือพิมพ์ ของสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศญี่ปุ่น ภาพโฆษณาดังกลาวเป็นรูปใบหน้านางแบบสาวน้อยอย่าง Koki (ลูกสาวของพระเอกหน้าหวานอย่าง Takuya Kimura) ซึ่งแต่ละสำนักหนังสือพิมพ์ก็ได้ร่วมใจใช้ภาพเดียวกันนี้เป็นการโฆษณา ความอัศจรรย์อยู่ตรงที่ทั้งสำนักข่าวรายใหญ่และรายย่อยตามท้องถิ่มตั้งแต่เหนือจรดใต้ รวมๆ แล้ว 74 สำนักหนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่นซึ่งมีการแข่งขันระหว่างสำนักพิมพ์ที่ “สูง” มาก กลับพร้อมใจกันลงภาพโฆษณาเดียวกันนี้ เพื่อโฆษณาและกระตุ้นให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการอ่าน รวมถึงการรับรู้ข่าวสารเพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น และที่ ล้ำ ไปกว่านั้น… หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจะมีตัวอักษรฮิรางานะ 1 ตัวอยู่บริเวณขวาบนของภาพ ส่วนใบหน้าน้อง Koki ก็จะต่างกันไปตามการออกเสียงของตัวอักษรแต่ละตัว ตัวอักษรต่างๆ แต่ละฉบับเมื่อนำมาเรียงกันแล้วจะได้ใจความว่า… “ฉันยังไม่รู้ เรื่องราวต่างๆ ของประเทศนี้และโลกใบนี้ จงรู้ เพื่อให้เข้มแข็งขึ้น จงรู้ เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว จงรู้ เพื่อที่จะได้ปกป้องอิสรภาพ ให้หนังสือพิมพ์เปิดทางสู่อนาคต” จะเห็นได้ว่าข้อความนี้เป็นอีกโฆษณาหนึ่งที่แฝงอยู่ภายใต้ภาพน้อง Koki เป็นนัยยะที่ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการอ่านและการรับรู้ข่าวสารที่จะทำให้บุคคลรู้เท่าทันโลกมากขึ้น ส่วนวันแห่งการโฆษณาของหนังสือพิมพ์นั้นจะตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม 2018 และตั้งแต่วันที่ 15-21…
-
เย้ยย! ภาพ “กระรอกสุดอึ๋ม” จากญี่ปุ่น กลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตไปแล้วตอนนี้!!
ใครๆ ก็ต้องชอบสาวๆ หน้าอกสวย กันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ!? เพราะหน้าอกเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับหญิงสาว ปัจจุบันสาวๆ จำนวนไม่น้อยจึงพยายามหาวิธีเสริมเติมแต่งหน้าอกของตัวเองให้ดูอึ๋มยังไงล่ะ ล่าสุดในประเทศญี่ปุ่นความอึ๋มก็ได้ทำให้เกิดเน็ตไอดอลคนใหม่…เอ๊ย ตัวใหม่ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ชาวญี่ปุ่นพบ กระรอก ที่มีหน้าอกสุดอึ๋ม ทำเอาชาวเน็ตหลงรักกันเพียบ!! เย้ยยย หน้าอกอึ๋มจริงด้วย!!! ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า @boblim1204 ได้ไปเที่ยวยังสวนสัตว์ Inokashira Park Zoo ในกรุงโตเกียวแล้วพบเจ้ากระรอกตัวหนึ่งที่ดูเหมือนมีหน้าอกของหญิงสาว เขาก็เลยนำภาพมาแชร์ให้ชาวเน็ตได้ดูกัน จากที่ไม่คิดก็ต้องคิดว่าเจ้ากระรอกตัวนี้ดูแล้วเหมือนกับหญิงสาวที่ยืนใช้มือปกปิดหน้าอกของตัวเองไว้อะไรทำนองนั้น แถมปัจจุบันทวิตเตอร์รูปกระรอกสุดเซ็กซี่ตัวนี้มียอดไลก์ไปแล้วกว่า 100,000 คนแน่ะ ภาพอื่นๆ ของเจ้ากระรอกสุดเซ็กซี่ เฉลยก็คือเจ้ากระรอกอกอึ๋มนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงมุมกล้องที่ถ่ายติดขณะที่ ขนบริเวณหน้าอก ของมันพับมากองรวมกันเท่านั้นเอง เจ้าตัวคนโพสต์ถึงกับสร้างออกมาเป็นตัวการ์ตูนโดยตั้งชื่อว่า Shimada Arisu ด้วยล่ะ! シマ(だあ)リスの恩返しなんやかんやあって一緒に住みたい pic.twitter.com/cspyuDfb2w — ぼぶ (@boblim1204) October 11, 2018 เห็นไหมล่ะว่า “หน้าอก” มันสำคัญขนาดไหน ทำให้คนกลายเป็นเน็ตไอดอลได้ ทำไมจะทำให้กระรอกเป็นเน็ตไอดอลไม่ได้ล่ะ!! ที่มา: Twitter/@boblim1204 และ soranews24
-
ส่องบ้านโอตาคุ ผู้ทุ่มเงินกว่า 3 ล้านเยน เพื่อตัวละครอนิเมะ “ตัวเดียว” ที่เขารัก…
ว่ากันว่าความเป็น โอตาคุ นั้นมีแฝงอยู่ในตัวของทุกคนแต่จะมากหรือจะน้อยนั้นก็แตกต่างกันออกไป บางคนอาจมีความหลงใหลในกีฬา บางคนก็หลงใหลในเรื่องของรถ หรือบางคนก็หลงใหล “ตัวการ์ตูน” เป็นชีวิตจิตใจ อย่างเช่นชายชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @Onika_Rem0202 คนนี้หลงใหลในตัวละครสาวจากอนิเมะตัวหนึ่งอย่างมากขนาดที่ว่าทุ่มเงินราว 3 ล้านเยน (8.7 แสนบาท) เพื่อซื้ออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ ตัวละครที่หนุ่มคนนี้หลงใหลก็คือ Rem สาวน้อยน่ารักผมสีฟ้าจากเรื่อง Re:Zero−Starting Life in Another World นั่นเอง และวันนี้เราจะพาไปชม “ห้อง” ของชายหนุ่มผู้ทุ่มเทเงินมหาศาลให้กับตัวละครสาว Rem ดูซิว่าจะมันจะ Rem ขนาดไหนกันเชียว!? ที่สะดุดตาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นฟิกเกอร์ขนาดเท่าคนจริงของ Rem นี่แหละ แล้วก็พวกตุ๊กตาน่ารักโมเอะ มีเยอะมากๆ ลองส่องดูที่ตู้โชว์จะพบว่ามีโมเดลและฟิกเกอร์ของ Rem อยู่มากมายหลายขนาดและหลายอิริยาบถ ปัจจุบันก็ผ่านมาเป็นเวลา 2 ปิแล้วหลังจากที่อนิเมะเรื่องนี้ออกฉาย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหลงใหลใน Rem ของหนุ่มคนนี้ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขามักโพสต์ภาพลงบนทวิตเตอร์ว่าได้ตู้โชว์มาใหม่และไม่นานก็มีโมเดลกับฟิกเกอร์ของ Rem มาวางโชว์เต็มตู้เสียแล้ว ห้องที่หันไปทางไหนก็จะเจอแต่…
-
ญี่ปุ่นท้ากิน “เกี๊ยวซ่า” มูลค่า 3,000 บาท กินหมดแค่ชิ้นเดียวภายใน 1 ชั่วโมง “กินฟรี”!!
ใครที่ชื่นชอบ เกี๊ยวซ่า ล่ะก็รับรองว่าต้องสนใจเป็นแน่ เพราะร้านอาหารในกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นได้เสนอแชเลนจ์ใหม่ที่ง่ายแสนง่ายเอาใจลูกค้า แค่เพียงทานเกี๊ยวซ่า 1 ชิ้นให้หมดภายในเวลา 1 ชั่วโมง!! โอ้โห อะไรมันจะง่ายปานนั้น!? แค่ชิ้นเดียวงับคำเดียวก็หมดแล้ว… ถ้าใครคิดแบบนี้ช่วยหยุดความคิดไว้ก่อน เพราะว่าเกี๊ยวซ่าของร้านนี้หาได้เป็นเกี๊ยวซ่าทั่วไปอย่างที่เราเคยเห็นกันไม่ แต่มันคือ เกี๊ยวซ่ายักษ์ ที่เรียกได้ว่าถ้ากินหมดก็คงอิ่มไป 3 วันเลยล่ะ!! ผ่าม!! ใหญ่มาก ใครที่สามารถทานได้หมดภายในเวลาที่กำหนดก็จะได้ ทานฟรี โดยไม่ต้องเสียเงินสักเยน แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ปริมาณของเจ้าเกี๊ยวซ่ายักษ์นี้เพียงชิ้นเดียวก็เทียบได้กับเกี๊ยวซ่าขนาดปกติถึง 100 ชิ้น! ลองผ่าครึ่งแล้วเปิดดูภายในนจะพบว่า ไส้ของเกี๊ยวซ่านั้นประกอบไปด้วยหมูสับและผักที่ดูฉ่ำและน่ารับประทานมากๆ (แต่จะทานหมดไหมก็อีกเรื่อง) เห็นแบบนี้ดูเหมือนจะทานได้หมดอย่างไม่ยากเย็น แถมดูน่าอร่อยอีกด้วย แต่เมื่อชายในภาพลองทานจริงๆ กลับพบว่ามัน “ยาก” กว่าที่คิด เพราะกว่าจะทานหมดครึ่งเดียวก็แทบน้ำตาเล็ดแล้ว ขนาดมีซอสช่วยนะเนี่ย ก็ตามกติกาล่ะนะ ใครทานหมดได้ภายใน 1 ชั่วโมงก็ทานฟรี แต่ถ้าไม่หมดก็ต้องจ่ายตังค์ตามระเบียบ อย่างนายคนนี้โดนไป 10,080 เยน (หรือราวๆ 3,000…
-
แม่ชาวญี่ปุ่นโพสต์ภาพ “ของเล่น” ไม่ตรงปก… แทนที่ลูกสาวจะแฮปปี้กลายเป็นเศร้าเลย
ของเล่นเด็กนั้นส่วนมากจะต้องทำออกมาให้น่ารักน่าเล่น เหมาะสมกับวัย ความคิด และจินตนาการของเด็กๆ แต่หลายครั้งเราก็อาจจะเจอของเล่นที่ “ผิดคาด” ไปเสียหน่อย จากที่คิดว่าน่ารักๆ มันดันกลายเป็นน่ากลัวเสียนี่! อย่างเช่นคุณแม่ชาวญี่ปุ่นที่ทนคำอ้อนวอนจากลูกสาวไม่ไหว เธอจึงซื้อของเล่นจาก Tokyo Tower Aquarium ที่กำลังจะปิดตัวลงติดไม้ติดมือกลับบ้านไปเสียหน่อย กล่องของเล่น Pretty Mermaid คุณแม่เจ้าของเรื่องโพสต์ภาพของเล่นที่เธอซื้อมาลงบนทวิตเตอร์ @kilariya แสดงให้เห็นถึงความ “ผิดคาด” ของสิ่งที่เธอซื้อติดมือกลับมา มันเป็นของเล่นที่ชื่อว่า “Pretty Mermaid” เป็นของเล่นรูปเปลือกหอยที่ระบุว่าหากนำไปแช่น้ำพักหนึ่งมันจะแตกออกและเผยให้เห็นเงือกน้อยสุดน่ารักที่แฝงอยู่ภายใน ภาพบนกล่องเป็นรูปเงือกน้อยสุดน่ารักสมชื่อ ใครเห็นก็ต้องอยากซื้อให้ลูกเล่นเป็นแน่ ในทวีตของเธอ เธอเล่าว่า: “ลูกของฉันอ้อนให้พ่อซื้อของเล่นชิ้นนี้มาจาก Tokyo Tower Aquarium มันเป็นเปลือกหอยที่ต้องแช่น้ำถึง 3 วันกว่าจะกลายเป็นนางเงือกแสนสวย ลูกสาวของเราก็ตั้งตารอและถามเราทุกวันว่า ‘มันกลายเป็นนางเงือกหรือยัง?’ สุดท้ายพอนางเงือกโผล่ออกมา มันช่างดูต่างจากภาพบนกล่องเสียเหลือเกิน ทำเอาลูกสาวเราช็อกจนไม่อยากไปโรงเรียนเลยทีเดียว” พอเอาไปแช่น้ำจริงๆ กลับออกมามีหน้าตาแบบนี้ได้ไง!!? คุณแม่กล่าว “ฉันพยายามปลอบลูกโดยการบอกว่าทุกคนทั้งคนวาดรูปบนกล่อง คนออกแบบของเล่น รวมถึงพ่อที่ซื้อของชิ้นนี้ให้ลูกล้วนแต่หวังให้ลูกมีความสุขทั้งนั้น แต่เธอก็ไม่ฟังเลย ฉันเลยคิดว่าเราอาจจะต้องนำเงือกน้อยไปแช่น้ำให้นานกว่านี้อีกหน่อย ซึ่งพอลองทำดูแล้วพบว่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยจ้า” …
-
กระจก “Novera” ไอเทมใหม่จากญี่ปุ่น ที่จะคอย ‘เอาใจ’ คุณทุกอย่างเพียงแค่มาส่องมัน!!
ว่ากันว่า คำชม และ คำปลอบใจ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความภาคภูมิใจและให้การยอมรับกับตนเอง แถมช่วยลดอาการของภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย แต่คำพูดเหล่านี้ใช่ว่าจะพูดใส่ตัวเองได้เสมอไป มันจำเป็นต้องมีคู่สนทนา จะได้รู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนหลงตัวเอง แต่สิ่งที่หายากพอๆ กับคำพูดชมเชยก็คือ “คู่สนทนา” หรือว่าคนพูดนี่แหละ บริษัทหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเข้าใจถึงปัญหานี้ดี จึงผลิตนวัตกรรมใหม่ชื่อว่า Novera ขึ้นมา มันเป็นกระจกไฮเทคที่ทำหน้าที่ราวกับเป็นกระจกวิเศษของแม่มดในเรื่องเจ้าหญิงนิทราเลยก็ว่าได้ กระจก Novera จะสแกนใบหน้าของผู้ใช้เพื่อเก็บข้อมูลสีหน้าอารมณ์ต่างๆ และตอบสนองกลับมาได้อย่างชาญฉลาด เรียกได้ว่าเจ้ากระจกนี้สามารถบอกสิ่งที่เรากำลังต้องการฟังได้เลยทีเดียว ชมคลิปคอนเซ็ปต์การทำงานของเจ้ากระจกวิเศษ Novera กันหน่อย ตัวกระจกนี้จะติดตั้งกล้อง จอภาพ และลำโพงเอาไว้ด้วย การตอบโต้ของ Novera ก็คือจะมีเสียงพูดออกมาให้เราฟัง ซึ่งเป็นเสียงของนักพากย์ตัวละครอนิเมะที่เรียกได้ว่า “เสียงหล่อ” กระชากใจสาวกันไปเลย (คาดว่ามีให้เลือกหลายเสียง) ตัวอย่างคำพูดจากกระจกก็อย่างเช่น “ตาคุณดูโตจังเลยเวลาที่คุณมองมาที่ผม หัวใจผมสั่นไหวไปหมดแล้ว” หรือ “วันนี้ผิวคุณเปล่งปลั่งมากกว่าปกติเลยนะ” เป็นต้น สแกนใบหน้าและรายละเอียดต่างๆ บนใบหน้า เวลาที่กระจกเห็นว่าคุณเศร้าหมองมันก็จะตอบสนองออกมาเป็นเสียงพูด เช่น… “ช่วงนี้คุณรู้สึกแย่ใช่ไหม?” หรือ “ถ้าคุณเศร้าผมก็เศร้าด้วย เฮ้…ยิ้นหน่อยได้ไหม คิดว่าทำเพื่อผมนะ?”…
-
ชายญี่ปุ่นโหด คว้าโทรศัพท์มือถือ “ทุบศีรษะ” หญิงที่เผลอหลับ แล้วซบไหล่บนรถไฟ…
คนเราเวลาที่ง่วงบางครั้งมันก็ยากที่จะหักห้ามไม่ให้ตัวเองผล็อยหลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เพิ่งเลิกจากงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย ได้มานั่งบนรถไฟฟ้าที่เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ ก็ยิ่งทำให้ “หลับ” ได้ง่ายขึ้น ทว่าการนอนหลับบนรถไฟฟ้านั้นหากไม่ระวังให้ดีก็อาจเอนตัวไปสัมผัสโดนผู้โดยสารคนอื่นเข้าได้ แต่หากเจอคนใจดีเขาก็คงจะพูดกับเราอย่างสุภาพหรือไม่ก็ปล่อยให้เรานอนซบไหล่ไปเลย แต่หากเจอคนใจร้ายล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่มีใครทราบได้… ลองมาชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ที่หญิงสาวคนหนึ่งดันเผลอหลับบนรถไฟฟ้า ทำให้ตัวของเธอนั้นเอนไปชนเข้ากับชายวัยกลางคนรายหนึ่งเข้า ชายดังกล่าวมีสีหน้านิ่งๆ แต่ทำท่าจะคว้าอะไรสักอย่างจากในกระเป๋าถือของเขา เขาหยิบ “โทรศัพท์มือถือ” ออกมาฟาดเข้าที่ศีรษะของหญิงสาวคนที่หลับไปซบเขาจนเกิดเสียงดัง แล้วรีบเก็บเข้ากระเป๋าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยความงงงวยพร้อมกับความเจ็บปวด ชาวทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @SakuradaPC ก็ได้โพสต์วิดีโอเหตุการณ์ข้างต้นลงบนทวิตเตอร์ของตนเอง แสดงให้เห็นถึงวิธีการรับมือกับปัญหาของคน ที่เลือกจะ “ใช้ความรุนแรง” แทนการพูดและเจรจา ชมคลิปได้เลย… もたれかかって来るのが嫌なのは分かるけど…それはあかんやろ… pic.twitter.com/qBBlqeDRxa — 桜田PC (@SakuradaPC) October 3, 2018 ฟังจากเสียงแล้วคาดว่าน่าจะใช้แรงตีค่อนข้างมาก ประกอบกับโทรศัพท์มือถือเป็นของแข็งและค่อนข้างมีน้ำหนัก การกระทำเช่นนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายกับหญิงในคลิปได้มากกว่าแค่การ “ปลุกให้ตื่น” เมื่อมีคนบังเอิญหลับมาซบหรือชนเข้ากับตัวเรา การแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรงนั้นทำก็สามารถทำได้ตั้งหลายวิธีเช่น ปลุกด้วยการสะกิดแล้วเจรจากัน เป็นต้น แค่บังเอิญหลับมาซบแค่เนี๊ยะ พี่บอกหนูดีๆ ก็ได้มั้งง~ ที่มา: @SakuradaPC และ soranews24
-
หนุ่มญี่ปุ่นโป๊ะแตก โดนแฟนสาวจับได้ว่ามีคนอื่น เพราะ ‘แผ่นดินไหว’ เป็นเหตุแท้ๆ!!
เหตุเพราะ ‘แผ่นดินไหว’ หนุ่มญี่ปุ่นเลยถูกแฟนสาวจับได้ว่านอกใจ!! ในประเทศญี่ปุ่นนั้น การเกิดแผ่นดินไหวถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ซึ่งพวกเขาก็จะมีมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นจะทำการส่งสัญญาณเตือนไปยังโทรศัพท์แต่ละเครื่องเพื่อเตือนให้รู้ว่า ‘กำลังจะมีเหตุแผ่นดินไหว’ เกิดขึ้น จากการตรวจจับความคลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือน เสียงเตือนของมันก็จะดังประมาณนี้ แต่เรื่องมันพีคคือ มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวของคู่รักหนุ่มสาวคู่รัก ที่ความรักของพวกเขาได้จบลงเพราะ ‘สัญญาณเตือนแผ่นดินไหว’ นี้เป็นเหตุแท้ๆ @MeinerLacrima ได้โพสต์ข้อความเล่าว่า “ในวันนั้นฉันกำลังขึ้นรถไฟกลับบ้าน จู่ๆ เสียงสัญญาณเตือนแผ่นดินไหวก็ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กดู โชคดีที่แผ่นดินไหวในครั้งนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่” “เว้นแต่ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเจอกับปัญหาใหญ่ เขายืนอยู่ในรถไฟกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่น่าจะเป็นแฟนสาวของเขา หญิงสาวคนนั้นถึงกับตกใจเพราะจากสัญญาณเตือนภัยที่ดังขึ้นมานั้น ทำให้เธอจับได้ว่าแฟนหนุ่มของเธอพกโทรศัพท์มือถือถึงสองเครื่อง!?” “เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงพกโทรศัพท์ 2 เครื่องล่ะ? นายไม่เคยบอกฉันเลยนะว่ามีโทรศัพท์อีกเครื่องนะ มันคืออะไร อธิบายมาเดี๋ยวนี้!!” “บทสรุปของเหตุการณ์นี้ก็คือ พ่อหนุ่มคนนั้นใช้โทรศัพท์อีกเครื่องเพื่อติดต่อกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นกิ๊กก็ได้นะ” ทวีตดังกล่าว ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์กว่า 177,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 58,400 ครั้งเลยทีเดียว!!…
-
คุกกี้ร้านดังในญี่ปุ่น จัดโปร “ถุงเดียวใส่กี่ชิ้นก็ได้” งานนี้ลูกค้าก็จัดซะคุ้มราคากันไปเลย!!
ขนมที่เอร็ดอร่อยแน่นอนว่าใครๆ ก็ต้องชื่นชอบใช่ไหมล่ะ แต่บางครั้งมันก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้หลายๆ คนพลาดที่จะได้ทานของอร่อยๆ เหล่านั้น เช่นขนมคุกกี้ยี่ห้อ Aunt Stella’s ในประเทศญี่ปุ่นที่มีราคาถึง 80 เยนหรือเกือบ 24 บาทต่อหนึ่งชิ้น ซึ่งก็นับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคุกกี้ทั่วไปที่ขายเป็นห่อละหลายๆ ชิ้นในราคาไม่กี่สิบบาท ด้วยเหตุนี้ทางร้านจึงจัดกิจกรรมเอาใจคนรักคุกกี้นั่นก็คือมีการขาย ถุง All-You-Can-Pack ในราคา 880 เยนหรือราวๆ 250 บาท ซึ่งเจ้าถุงนี้คุณจะใส่คุกกี้เข้าไปเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ (เกิน 11 ชิ้นถือว่าคุ้มแล้ว) กฎของกิจกรรมนี้มีอยู่ว่า… 1. ชิ้นที่หยิบขึ้นไปแล้วห้ามนำกลับมาวางเด็ดขาด 2. ถ้าหากคุกกี้ร่วงจะถือว่าเกมโอเวอร์ 3. หากคุกกี้เกินถุงมาก็ไม่เป็นไรหากมันยังไม่ร่วงหล่นก่อนจ่ายเงิน 4. ใช้อุปกรณ์คีบได้อย่างเดียวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใช้อย่างอื่น (เช่น มือ เป็นต้น) 5. สุดท้าย ห้ามใช้อุปกรณ์คีบให้การประคองหรือพยุงคุกกี้เด็ดขาด หลังจากมีกิจกรรมนี้ขึ้นมาก็เรียกได้ว่าลูกค้าก็จัดเต็ม ซื้อถุงเดียวยัดคุกกี้กันเอาคุ้มเลยล่ะ เราลองไปชมภาพของแต่ละคนที่ถ่ายมาลงทวิตเตอร์กันเลยดีกว่า… คุณ @ken_rou (ป้าดดดดด วางได้ยังง๊ายย!) จากคุณ @yojino_mam (ไปฝึกกันมาจากไหนล่ะเนี่ย!?)…
-
ญี่ปุ่นไอเดียเจ๋ง สร้างแท่นชาร์จไร้สาย “สไตล์เวทมนตร์” เห็นแล้วอยากควักเงินให้เลย!~
เดี๋ยวนี้อุปกรณ์ไอทีเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือมักทำออกมาดึงดูดใจผู้บริโภคกันมากมาย โดยเฉพาะยิ่งเมื่อมีวิทยาการ “เครื่องชาร์จแบตเตอรีไร้สาย” ยิ่งทำให้มีสินค้าเก๋ๆ ออกมาวางขายเพียบ แต่ที่แหวกแนวแต่โดดเด่นเตะตาสุดๆ ก็คือแท่นชาร์จแบตเตอรีไร้สายจากบริษัทของญี่ปุ่นชิ้นนี้นี่แหละ ด้วยดีไซน์สุดล้ำของมัน ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนใช้ “เวทมนตร์” ในการชาร์จไฟเลยทีเดียว ชมคลิปแท่นชาร์จแบตเตอรี่พลังเวทมนตร์!! ผลงานชิ้นนี้เป็นของร้าน Six Seconds Shop ในญี่ปุ่นเขาล่ะ ปัจจุบันมีชาวเน็ตจากทั่วโลกมาสอบถามกันมากมายถึงราคาของเจ้าแท่นชาร์จพลังเวทมนตร์ชิ้นนี้ แต่ทางร้าน Six Second นั้นยังไม่คิดจะผลิตขึ้นเพื่อจำหน่าย เนื่องจากกำลังวางแผนการผลิตสินค้าชนิดอื่นๆ อยู่ แต่อย่างไรก็ตาม แท่นชาร์จชิ้นนี้ก็เป็นอีหหนึ่งแนวคิดและดีไซน์ที่เจ๋งซึ่งอาจผลิตขึ้นวางจำหน่ายในอนาคต หน้าตาของมันจะเป็นแบบนี้ ดูเหมือนกับแท่นชาร์จทั่วๆ ไปที่มีลวดลายสวยงาม แต่ทันทีที่เราวางโทรศัพท์มือถือลงไป ลวดลายเหล่านั้นก็เริ่มเปล่งแสง! แสงวิ่งไปตามลายเส้น เกิดเป็นวงแหวนที่มีลวดลายเป็นสัญลักษณ์ของพลังเวทมนตร์ เมื่อแท่นรองถูกเติมเต็มด้วยแสงเวทมนตร์จนครบ มันจึงทำการเริ่มชาร์จไฟเข้าไปในโทรศัพท์มือถือ ราวกับว่ามีการร่ายเวทก่อนอะไรแบบนั้น ทางบริษัท Six Second Shop จะผลิตเจ้าแท่นชาร์จพลังเวทมนตร์นี้ขึ้นจริงๆ เมื่อไหร่นั้นยังไม่มีข้อมูล หากใครสนใจแล้วอยากได้ไปครอบครองก็คงต้องติดตามร้านนี้กันต่อไปล่ะนะ ที่มา: 6秒商店 และ soranews24
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นโพสต์ ภาพคู่กับเพื่อนที่ดูเหมือน “ตัดต่อ” แต่แท้จริงแล้วมันเท่กว่านั้นเยอะ!!
ภาพบางภาพนั้นถ่ายออกมาแล้วดันเหมือนภาพที่ผ่านโปรแกรม Photoshop เสียจนเอาให้ใครดูก็ต้องคิดว่าเป็นภาพตัดต่อเป็นแน่ อย่างเช่นใน บทความเก่า ที่รวมเอาภาพถ่ายจริงแต่ดันไปเหมือนกับภาพตัดต่อเสียอย่างนั้น วันนี้เรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นกับทวิตเตอร์ของหนุ่มชาวญี่ปุ่นจากเกาะโอกินาวะนามว่า Shinya Nomura ที่ได้โพสต์ภาพถ่ายอำลาเพื่อนซี้ เนื่องจากตนจะย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ยังแผ่นดินแม่ของญี่ปุ่น เฮ้ย! นี่มันภาพตัดต่อชัดๆ!! ภาพดังกล่าวถูกอัปโหลดลงทวิตเตอร์ของเขา @1upcontinue เป็นภาพที่ Nomura ถ่ายพร้อมชูสองนิ้วคู่กับเพื่อนสนิทที่ก็ชูสองนิ้วเหมือนกัน แต่ดัน “ยืนกลับหัว” อย่างน่าประหลาดใจ มันก็เลยทำให้ชาวทวิตเตอร์ที่พบเห็นภาพนี้คิดว่าเป็นภาพตัดต่อโดยใช้โปรแกรม Photoshop แถมคิดเพิ่มด้วยต้องมีทักษะการตัดต่อภาพระดับเทพเลยด้วย เพราะแสงเงาและภาพพื้นหลังนั้นเนียนมาก แต่แท้จริงแล้ว ภาพนี้ไม่ได้มีการตัดต่อหรือ Photoshop ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงการถ่ายจากภาพเคลื่อนไหวให้ถูกจังหวะเท่านั้นเอง… (ชมคลิปด้านล่างได้เลย) コラじゃないよ。ほんとだよ。 pic.twitter.com/BFl7RrKmwt — 豊村真也 シェイプラボ清澄白河駅前店 (@1upcontinue) September 25, 2018 โอ้โห เล่นถ่ายขณะตีลังกากันแบบนี้เลยเหรอ!? มิน่าล่ะ ภาพถึงได้ออกมาราวกับถูกตัดต่ออย่างแนบเนียนขนาดนี้ ว่าแต่ถ้าเพื่อนๆ สงสัยเกี่ยวกับชุดที่ Nomura กับเพื่อนของเขาสวมใส่รวมถึงการตีลังกาอย่างในภาพ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าพวกเขาเป็นนักกีฬา Taido ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ของเกาะโอกินาวะนั่นเอง Taido เป็นศิลปะการต่อสู้ว่าด้วยแรงเหวี่ยง…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นเปลี่ยน “ซองขนม” ให้กลายเป็น “โมเดล” เรือสำเภาลำงาม…โคตรเนี๊ยบ!
ซองขนมหรือแพ็กเกจของช็อกโกแลตนั้นมักจะทำออกมาได้น่าสนใจเสมอ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือลวดลายก็ตาม จนบางครั้งเราทานหมดแล้วยังไม่อยากทิ้งซองของมันกันเลยทีเดียว ถึงอย่างไรเราก็ต้องตัดใจทิ้งซองขนมไป เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าจะเก็บมันเอาไว้ทำอะไรเก็บไว้ก็รกเปล่าๆ เชื่อเลยว่าหลายคนอาจมีความคิดแบบนี้ แต่สำหรับทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นคนนี้ กลับไม่คิดอะไรที่เหนือกว่า ทวิตเตอร์ชื่อว่า @02ESyRaez4VhR2l ได้โพสต์ภาพหลังจากที่เขาได้ทานขนมยี่ห้อ Alfort เสร็จแล้วและเขาได้นำ “แพ็กเกจ” ของมันมาเนรมิตให้เป็นผลงานศิลปะชั้นยอดอย่างน่าอัศจรรย์ ขนมดังกล่าวเป็นบิสกิตเคลือบช็อกโกแลตพิมพ์ด้วยลวดลายของเรือสำเภา เขาจึงตัดสินใจนำกล่องของขนมนี้มาตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆ และประกอบเข้ากันใหม่จนกลายเป็น “โมเดลเรือสำเภา” สุดเนี๊ยบ . ที่ต้องพูดว่าเนี๊ยบก็เพราะว่ามันเป็นโมเดลที่มีความงดงามและละเอียดละออจริงๆ มีการคัดเลือกชิ้นส่วนในการประกอบที่ดีเยี่ยม เช่นรั้วหรือขอบของเรือก็ใช้ส่วนขอบแพ็กเกจที่เป็นสีทอง หรือส่วนธงของเรือก็ใช้ป้ายสีแดงบนซองขนมที่เขียนว่า “รสชาติเป็นเลิศ” มาทำ เรียกได้ว่าโคตรสร้างสรรค์กันเลยงานนี้! ชาวเน็ตคนหนึ่งก็ถามเจ้าของทวิตเตอร์นี้ว่าใช้เวลาทำโมเดลเรือสำเภานี้ประมาณเท่าไหร่ ซึ่งคำตอบก็คือ “15 ชั่วโมง” ต้องยอมรับเลยว่านอกจากทุ่มเทความพยายามและความสามารถแล้วยังต้องทุ่มเทเวลาอีกด้วย ส่วนชาวเน็ตคนอื่นๆ ที่เห็นผลงานนี้ต่างพากันคอมเมนต์ชื่นชมกันยกใหญ่ เช่น… “นี่เป็นงานคุณภาพสูงเลยนะเนี่ย ถ้าคุณมอบให้ใครเขาต้องเอาไปตกแต่งที่ทำงานของเขาแน่นอนเลยล่ะ” “Alfort กลายเป็นเรือจริงๆ ไปแล้วแฮะ! ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ไม่รู้จบเมื่ออยู่ในมือของ Haruki” และ “มันดูราวกับเรือจากเกม Granblue Fantasy เลยล่ะ” นอกจากขนม Alfort…
-
ภาพหญิงสาวที่มี “ปานรูปกระจู๋” ขนาดเบิ้มพาดข้างลำคอ กำลังเป็นที่ฮือฮาบนทวิตเตอร์
ว่ากันด้วยเรื่องของ “ปาน” อันเป็นรอยด่างพร้อยบนร่างกายที่เกิดมาพร้อมกับตัวเรา ปานเกิดขึ้นเป็นรูปร่างต่างๆ ตามธรรมชาติที่เราไม่สามารถกำหนดได้ว่ามันจะมีรูปร่างเป็นอย่างไร บางคนอาจจะมีปานที่ดูเหมือนกับหัวใจ บางคนอาจจะมีปานรูปดอกไม้ วงกลม หรือพระจันทร์เสี้ยว เป็นต้น ล่าสุดมีชาวเน็ตแชร์รูปภาพผ่านทวิตเตอร์ เป็นรูปภาพของสาวผิวขาวผมยาวคนหนึ่ง ที่ถูกถ่ายรูปบริเวณข้างลำคอซึ่งปรากฏให้เห็นเป็น “ปาน” ดวงใหญ่ลากตั้งแต่กรามลงไปจดต้นคอ ปาน… (ว่าแต่รูปร่างมันแปลกๆ) จุดที่ว่าพีคกก็ตรงที่ปานของหญิงสาวคนนี้มันเป็นรูป “องคชาต” นี่แหละ!! ถึงจะห้ามไม่ให้คิดลึกแต่รูปร่างและขนาดของปานมันเหมือนกับ “ไอ้จ้อน” จนอดคิดไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าภาพนี้เป็นภาพจริงหรือว่าตัดต่อขึ้นมา แต่ผู้ที่ทำการเผยภาพดังกล่าวออกสู่สายตาชาวเน็ตก็คือ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @3h_plus_agency คนนี้นี่แหละ หากดูจากโปรไฟล์แล้วน่าจะเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นอย่างแน่นอน นี่แหละตัวการ ใครไม่ชอบใจ ก็ไปคุยกับนางเองเลยเด้อ!~ ไม่ว่าจะเป็นภาพจริงหรือหลอก แต่ถ้าคนเรามีปานรูป “องคชาต” แบบนี้จริงๆ คงเป็นเรื่องอัศจรรย์ไม่น้อยเลยทีเดียว! ที่มา: Twitter@3h_plus_agency via ck101
-
หนึ่งในฆาตกร ‘เยาวชน’ คดี “จุนโกะ” เมื่อ 30 ปีก่อน ถูกจับกุมอีกครั้ง จากข้อหาพยายามฆ่า
ครั้งหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน มีคดีฆาตกรรมอันน่าเศร้าสลดใจเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เด็กนักเรียนชาย 4 คน ได้วางแผนหลอกล่อเหยื่อมา “ข่มขืนและฆ่า” โดยเหยื่อก็คือ จุนโกะ ฟุรุตะ เด็กนักเรียนหญิง ม.ปลาย วัยรุ่นชายวัย 15 ปี นามว่า โนบุฮารุ จึงได้วางแผนกับเพื่อนเพื่อหลอกล่อจุนโกะมายังบ้านของตน จากนั้นจึงข่มขืน ทรมาน และฆ่าในที่สุด หลังตำรวจจับกุมตัวพวกของโนบุฮารุได้ ซึ่งขณะนั้นยังมีสถานะเป็น “เยาวชน” ศาลจึงผ่อนผันโทษตามข้อกฎหมายของเยาวชน โดยให้โนบุฮารุถูกตัดสินจำคุกเพียง 5-9 ปีเท่านั้น จุนโกะ ฟุรุโตะ เหยื่อฆาตกรรมเมื่อปี 1988 เวลาผ่านไปสามทศวรรษนับจาก “คดีฆาตกรรมจุนโกะ” เหล่าเยาวชนที่เป็นผู้ร้ายในคดีเติบโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานที่อาศัยร่วมกับสังคมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น… แต่ล่าสุดวันที่ 9 กันยายน 2018 มีรายงานว่าชายวัย 45 ปีนามว่า ชินจิ มินาโตะ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเนื่องจากทุบตีและใช้มีดแทงเพื่อนร่วมงานวัย 32 ปี ขณะทั้งคู่มีการทะเลาะวิวาทในจังหวัดไซตามะ ขณะที่เหยื่อวัย 32 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล มินาโตะผู้ก่อเหตุถูกตั้งข้อหา พยายามฆ่า…
-
คุณครูญี่ปุ่น ‘ฝีมือเทพ’ วาดการ์ตูนบนกระดานดำเพื่อ ‘เรียกสปิริต’ ให้นักเรียนเพื่อแข่งกีฬา!
สำหรับเด็กนักเรียนทั้งหลาย การเรียนนั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญและเป็นหน้าที่หลักที่จะต้องทำ ขณะเดียวกันก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องของ กีฬา เพราะนั่นทำให้พวกเขาได้มีสุขภาพที่ดีและมีความสามัคคีกับผู้อื่น โรงเรียนแทบทุกแห่งจึงต้องมีการจัด กีฬาสี ที่ให้เหล่านักเรียนได้มาแข่งขันกีฬากันอย่างสนุกสนาน ซึ่งถือเป็นอีกสีสันหนึ่งในชีวิตของการเป็นเด็กนักเรียน My Hero Academia ฝีมือวาดบนกระดานดำของอาจารย์ท่านหนึ่งในญี่ปุ่น “เราทุกคนจะออกไปแข่งขันและคว้าชัยชนะมาให้ได้!” นอกจากเด็กๆ ที่จะได้สนุกไปกับการแข่งขันกีฬาสีแล้ว ครู/อาจารย์ เองก็คงสนุกไม่แพ้กันที่จะได้ช่วยผลักดันและเสริมกำลังใจให้เด็กๆ ได้มีสปิริตในการแข่งขันกีฬา อย่างเช่นคุณครูท่านหนึ่งในญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @SwEnve ได้ใช้ฝีมือการวาดภาพของเธอในการ “ปลุกสปิริต” ของเหล่าเด็กนักเรียนให้พร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาสี เธอวาดเป็นตัวการ์ตูนจากหลายๆ เรื่อง ซึ่งนอกจากเรื่อง My Hero Academia แล้วยังมีการ์ตูนเรื่องอื่นๆ อีกซึ่งต้องเลยว่าฝีมือการวาดของเธอนั้นเยี่ยมยอดมาก ไปชมที่เหลือพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… อาจารย์ท่านนี้ใช้ชอล์กหลายๆ สีเป็นอุปกรณ์ในการวาดกระดานดำ เอลซาจาก Frozen: “ปล่อยมันออกไปให้เต็มกำลังเลยทุกคน ทีมสีแดงต้องชนะได้แน่!” โอตาคุน่องเหล็ก: “ทีมเขียวสู้ๆ ขึ้นเป็นหนึ่งกันเถอะพวกเรา!” Attack on Titan: “ต่อจากนี้ ทีมน้ำเงินจะเอาจริงแล้วนะ” Your…
-
“กันดัมจัง” สาวญี่ปุ่นใต้หน้ากากกันดัม เซเลบแอปฯ ขายเสื้อผ้า รั่ว ฮา แต่ “งานขา” จัดว่าดีย์!!
ในประเทศญี่ปุ่นจะมีแอปพลิเคชันหนึ่ง ที่จะให้สมาชิกมาโพสต์รูปภาพต่างๆ (คล้ายอินสตาแกรม) แต่จะเน้นไปที่การโชว์เสื้อผ้าเสียมากกว่า ชื่อของแอปนั้นก็คือ “WEAR” WEAR เป็นแอปฯ ที่เหล่าสมาชิกจะมาถ่ายรูปพร้อมการแต่งกายเท่ๆ โชว์กัน แล้วแปะลิงก์อธิบายว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้ายี่ห้ออะไรกันบ้าง เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมของวัยรุ่นชาวญี่ปุ่นค่อนข้างมากพอสมควรเลยล่ะ แต่ว่าล่าสุด ชาวเน็ตกลับไปเจอสมาชิก WEAR รายหนึ่งซึ่งมีความแหวกแนวสุดๆ หันไปเห็นถึงกับต้องไล่ดูภาพจนครบเลยเพราะว่าเธอคนนี้มีการนำเสนอเสื้อผ้าที่ “น่าสนใจ” จริงๆ ผ่าม!! (อิหยังวะเนี่ยยย) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @a1n9rid ได้ไปเจอสาวรายหนึ่งในแอปฯ WEAR ที่มันช่างดึงดูดสายตาเสียเหลือเกิน เพราะนอกจากรูปร่างของเธอแล้ว เธอยังมีการนำเสนอที่มากกว่าแค่สวมเสื้อผ้าแล้วถ่ายรูปอีกด้วย เธอใช้ชื่อว่า Dundam-chan (ล้อเลียน Gundam) เอกลักษณ์ของเธอก็คือเธอจะไม่เผยหน้าตา แต่จะสวมหน้ากาก กันดัม ที่ทำจากกล่องกระดาษ รวมไปถึงการโพสต์ท่าแปลกๆ ฮาๆ เรียกได้ว่าเสียเส้นพอตัวเลยล่ะ… ดูการโพสต์ท่าของนางเสียก่อน ถึงจะ “ไม่เห็นหน้า” แต่เธอก็เป็นขวัญใจหนุ่มๆ หลายคนเลยล่ะ จากการวิเคราะห์ของ #เหมียวโลลิ กันดัมตัวนี้น่าจะงานดีย์~ ถึงจะดูรั่วๆ ไปหน่อย…แต่ก็น่าร้ากก นี่ท่าโพสต์ขายเสื้อผ้าเหรอฟระเนี่ย!!! หน้าตาเป็นไงไม่รู้แหละ…
-
“ฮาวาย” โปรโมตการท่องเที่ยวด้วยการตลาดสุดฮา ชักชวนชาวญี่ปุ่นด้วย “อุลตร้าแมน”
หนึ่งกลไกสำคัญของการตลาดก็คือ การโปรโมตและการโฆษณา เพราะมันช่วยทำให้ผู้ชมสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นการโฆษณาประเภทต่างๆ ก็จะต้องทำออกมาให้ดึงดูดผู้คนมากที่สุด โดยอาจจะสร้างออกมาให้มีความสนุก ตลก ซึ้งกินใจ หรืออาจจะนำเสนอความจริง เช่น ค่าสถิติ เพื่อให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือกับผู้ชม แต่ต้องบอกเลยว่าโฆษณาโปรโมตการท่องเที่ยวของ ฮาวาย นั้นทำออกมาได้แหวกแนวและน่ารักจริงๆ พวกเขามีกลุ่มเป้าหมายคือชาวญี่ปุ่น จึงทำวิดีโอโปรโมตออกมาเชิญชวนชาวญี่ปุ่นด้วยเหล่า อุลตร้าแมน เสียเลย!! ผ่ามมม!! โฆษณาดังกล่าวปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว แต่ชาวไทยจำนวนมากก็ยังไม่เคยได้ชมโฆษณาชิ้นนี้ ถือได้ว่าเป็นการโปรโมตที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงเผง เพราะมีการใช้อุลตร้าแมนเป็นสัญลักษณ์แทนชาวญี่ปุ่นนั่นเอง ขนาดอุลตร้าแมนฮีโร่ประจำชาติญี่ปุ่นยังมาเที่ยวกันแบบสนุกสนานกันที่ฮาวาย แล้วชาวญี่ปุ่นจะไม่ลองมาเที่ยวได้อย่างไรกันล่ะ? ชมวิดีโอโปรโมตสุดน่ารักของฮาวายกันได้เลย!! ออกรอบกันสักหน่อย รำ…ระบำชาวเกาะ~ ตะวันจะตกดินแล้ว…กลับดีกว่า ฟิ้วว~ บางทีวงการโฆษณาหรือสื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของไทยก็อาจจะนำไอเดียนี้ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ได้ไม่มากก็น้อย ที่มา: AsiaTrend.org via facebook
-
ไอดอลญี่ปุ่น “ลืมปิดกล้อง” หลังไลฟ์เสร็จ พบว่าเธอขำคิกคักกับ ‘ค่าตอบแทน’ ที่เธอจะได้
ในประเทศไทยบ้านเราขณะนี้เองก็กำลังเป็นที่นิยมไม่น้อยเลยสำหรับ กลุ่มไอดอลสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง BNK48 ที่เรียกได้ว่าทั้งสายโหดสายซอฟต์ก็ผันตัวมาเป็น “โอตะ” กันเป็นขบวน ไม่ต่างอะไรกับประเทศผู้ให้กำเนิดอย่างญี่ปุ่น ที่มีกลุ่มไอดอลสาวๆ มากมาย แน่นอนว่าเหล่าสาวๆ ไอดอลนั้นจะต้องมีบุคลิกน่ารักน่าเอ็นดู มีความใสแบ๊วที่ทำให้ผู้ชมได้ชุ่มชื่นหัวใจเมื่อพบเห็น แต่เหตุการณ์ในวันนี้อาจทำให้เหล่าโอตะอาจจะต้องผิดหวังกันสักหน่อยเมื่อ ไอดอลสาว Bibian Murakawa จากวง HKT48 ประจำสาขาฟูกูโอกะ ถ่ายวิดีโอไลฟ์สดและ “ลืมปิดกล้อง” หลังถ่ายเสร็จ ทำให้เห็นเบื้องหลังอันน่าผิดหวังในความคิดของหลายๆ คน คลิปวิดีโอถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ @48gtosaka เนื้อหาภายในเป็นการถ่ายไลฟ์วิดีโอที่สาว Bibian วัย 18 ปี พูดคุยกับแฟนคลับของเธอ ซึ่งทุกอย่างดูปกติดีเว้นเสียจากว่าเธอ หัวเราะคิกคักเกี่ยวกับเรื่องค่าจ้าง ออกมา คลิปวิดีโอของ Bibian ที่ลืมปิดกล้องหลังวินาทีที่ 37 ※閲覧注意(夢を壊したくない方は見ないで下さい)配信切り忘れ?アイドルの裏の顔が流出配信直後にタワーの数をお金に換算して歓喜する親子村川緋杏の給料は月16万円と判明#PRODUCE48 #HKT48 #村川緋杏 #무라카와비비안 #SHOWROOM pic.twitter.com/dqNPJ90I1O — 48Gと坂道応援中🍥 (@48gtosaka) September 5, 2018 ในวินาทีที่ 37 ของวิดีโอ เธอกล่าวอำลาผู้ชมก่อนจะนำมือมาสัมผัสกับบริเวณกล้อง…
-
ศิลปินญี่ปุ่นสร้างผลงานสุดล้ำ ดูสวยงามสมจริง ทั้งหมดทำมาจาก ‘กระดาษลัง’!?
ใครเล่าจะคิดว่าจากกระดาษลังธรรมดาๆ จะสามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นสิ่งต่างๆ ที่ดูสวยงามและเหมือนจริงได้ถึงเพียงนี้!! การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วย ‘กระดาษลัง’ นี้เป็นของผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า @odonger2 เขากล่าวถึงคอนเซปต์ของการสร้างผลงานนี้ขึ้นมาว่า “มันคือองค์ประกอบของความหนาแน่น ผลงานที่สามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาจากพื้นที่อันว่างเปล่า โดยที่ไม่เกี่ยวว่าใครจะมองจากมุมไหนก็ตาม คุณจะสามารถเห็นมันได้จากการพับอย่างประณีตและรายละเอียดจากลวดลายที่สรรค์สร้างขึ้นมา” ผลงานแต่ละชิ้นนั้นเขาจะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างมันขึ้นมา อย่างเช่นเจ้าไก่ตัวนี้ที่ใช้เวลาราวๆ 2 เดือนกว่าจะเสร็จ ชื่อผลงาน : ไก่หางยาว ทั้งขนขนาดใหญ่ของมันนั้นต้องผ่านการตัดมากกว่า 4-5 พันชิ้น และขนเล็กๆ ก็ใช้ประมาณ 80 ชิ้น . แต่จริงๆ แล้วไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานจากกระดาษลังนั้นมาจากการเล่นกับลูกๆ เขาพบว่ากระดาษลังที่อยู่ในบ้านนั้นมีอยู่มากมายเหลือเกิน และการนำมันมาตัดเล่นก็ต้องใช้ความสามารถเป็นอย่างมาก และความท้าทายนี้เองก็นำไปสู่การสร้างผลงานที่ยากยิ่งขึ้น ชื่อผลงาน : เทพเจ้ามังกร . ชื่อผลงาน : ปั๊ก ชื่อผลงาน : ฉลามก็อบลิน ชื่อผลงาน : ซาคุ ลองไปชมผลงานอื่นๆ เพิ่มเติมที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า……
-
ประมวลภาพความเสียหาย พายุไต้ฝุ่น ‘เชบี’ ถล่มญี่ปุ่นเสียหายที่สุดในรอบ 25 ปี
เมื่อวันอังคารที่ 4 กันยายน 2018 กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นเผยรายงานว่า พายุไต้ฝุ่น ‘เชบี’ ได้พัดขึ้นฝั่งทางตะวันตกของญี่ปุ่น ส่งผลให้จังหวัดโทกุชิมะ โอซากา เกียวโต และจังหวัดโกเบ ถูกพายุไต้ฝุ่นที่มีความเร็วลม 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพัดถล่มเมือง ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นเชบีในครั้งนี้ มีการประเมินความรุนแรงเอาไว้ว่า รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ส่วนบ้านเมืองพังเสียหายจนรัฐบาลต้องสั่งอพยพประชาชนกว่า 1 ล้านคน สิ่งที่เสียหายส่วนใหญ่คือรถที่โดนแรงของลมพายุพัดจนเสียหายทั้งคัน ลมแรงถึงขั้นรถบรรทุกสินค้าพลิกคว่ำ อาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดโอซากาที่ได้รับความเสียหายจากแรงพายุ น้องหมาชิบะหลงทางจากเจ้าของ สไลด์เดอร์ที่ถูกลมหอบมา ราวสะพานถูกพายุพัดจนพังทั้งแถบ เพดานของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่พังถล่ม ต้นไม้พังเสียหาย วิกผมของใครสักคน ป้ายโฆษณาล้มพังอาคารบ้านเรือนเสียหาย หน้าต่างของตึกยังทนแรงพายุไม่ไหว มวลน้ำจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ขอให้คุณป้าปลอดภัยนะ รถบรรทุกคว่ำ สิ่งที่เสียหายมากที่สุดก็คือรถยนต์ของประชาชน …
-
แจ็กพอต!! ห้องน้ำญี่ปุ่นถูกใช้นานเกิน จนท. เปิดดูพบชาย-หญิง 2 คู่กำลัง “จ้ำจี้” กันเฉย!
การใช้ห้องน้ำสาธารณะ นานเกินไป อาจทำให้ผู้อื่นที่รอต้องเกิดความลำบาก ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะถูกเปิดห้องโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้!! ล่าสุดในประเทศญี่ปุ่น ณ ห้องน้ำสาธารณะสำหรับบุคคลพิเศษแห่งหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นภายในห้างสรรพสินค้า มีคนแจ้งว่าห้องน้ำนั้นถูกใช้งานนานเกินไป เจ้าหน้าที่จึงมาเปิดล็อกและพบกับภาพที่ไม่น่าดูเท่าใดนัก ทวิตเตอร์ @TwTimez ได้มีการโพสต์วิดีโอพร้อมกับบอกว่า ห้องน้ำสาธารณะห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องน้ำสำหรับบุคคลพิเศษนั้นถูกใช้งานเวลานานมาก จนเขารู้สึกว่ามันแปลก เขาจึงได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบโดยมิได้คิดว่าเจ้าหน้าที่จะทำการเปิดประตูห้องน้ำ และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการไขประตูเพื่อเปิดกลับพบภาพที่ไม่น่าดูของกลุ่มคนภายในห้องน้ำ… เจ้าหน้าที่ทำการเปิดประตู พบภาพ หญิง-ชาย 2 คู่ กำลังทำกิจกรรม “ร่วมรัก” กันในห้องน้ำดังกล่าว เมื่อเปิดไปพบ หญิงสาวก็ร้องออกมาอย่างเขินอาย ขณะที่ฝ่ายชายก็โบกมือเพื่อให้กล้องถ่ายไปทางซ้าย เนื่องจากมีอีกคู่กำลังทำกิจกรรมร่วมรักอยู่ด้วยเช่นกัน! ลองมาชมคลิปเต็มกัน (จริงหรือปลอมลองพิจารณากันดู) https://t.co/bkPf5QZZbG【TwTimez】RTの勢い順23位のツイートです。時速1,656RThttps://t.co/0lGtn4G672 @honkemarinオフパコで童貞捨てる猿とオカリナ … — TwTimez (@TwTimez) July 22, 2018 อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตที่เข้ามาชมคลิปเหตุการณ์นี้ก็ฝากความเห็นกันเอาไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น… “ผู้หญิงในคลิปน้ำหนักน่าจะประมาณ 80 กิโลกรัมได้” “โล้สำเภาในห้องน้ำ ใจเด็ดจริงๆ” “ถ้าโถส้วมไม่ดีมันทำให้คุณเจ็บตัวได้นะ”…
-
Ibuki หุ่นยนต์เด็ก “สุดหลอน” จากญี่ปุ่น ยิ้มได้ กะพริบตาได้ และพยักหน้าได้เอง…
คงอีกไม่ไกลเกินเอื้อมที่โลกมนุษย์ของเราจะกลายเป็นโลกที่สิ่งมีชีวิตนั้น อยู่อาศัยและใช้ชีวิตร่วมกับวิทยาการสุดลึกล้ำอย่าง “หุ่นยนต์” ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นนามว่า Hiroshi Ishiguro เป็นผู้ที่สร้างหุ่นยนต์อยู่ในโอซากะ หุ่นยนต์ล่าสุดของเขามีชื่อว่า Ibuki เป็นหุ่นยนต์เด็กที่เรียกได้ว่าใครเห็นก็ต้อง “ขนลุก” ไปตามๆ กัน Ibuki . Ibuki เป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กวัย 10 ขวบ เขาเคลื่อนที่ได้ด้วยลำตัวท่อนล่างที่เป็นล้อเลื่อน แต่ใบหน้าและมือของเขาถูกปกคลุมด้วยผิวหนังนุ่มๆ คล้ายผิวมนุษย์ แถมยังมีส่วนหลังของศีรษะเป็นผิวโปร่งใสอีกด้วย หุ่นยนต์ตัวนี้มีระบบอ่านใบหน้ามนุษย์และสามารถอ่านใบหน้าผู้คนเพื่อใช้เป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของตัวเองได้ด้วย Ibuki เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกใส่ระบบอัตโนมัติเข้าไป เช่น การกะพริบตาและการพยักหน้า เป็นต้น . ศาสตราจารย์ Ishiguro เขียนอธิบายเอาไว้ว่า… “โครงสร้างพื้นฐานของหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์นั้นจะต้องมีระบบการตอบสนอง และเพื่อที่จะสื่อสารกับหุ่นยนต์ได้ มนุษย์จะต้องสร้างอวัจนภาษาขึ้นมาและใส่เข้าไปในหุ่นยนต์ จึงจะสมดั่งจุดประสงค์ของหุ่นยนต์ที่คงอยู่เป็นผู้ช่วยและเป็นคู่สนทนากับผู้คน วัตถุประสงค์ของเราจึงเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับโครงสร้างรุ่นใหม่โดยอิงจากพื้นฐานของคอมพิวเตอร์วิทัศน์ วิทยาการหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์” พบกับ Ibuki หุ่นยนต์เด็กและระบบตอบสนอง ความก้าวหน้าและวิทยาการเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับมนุษย์ก็จริง แต่เจอแบบนี้มันก็น่ากลัวใช่ย่อยเลยแฮะ… ที่มา: designyoutrust และ ibuki -A child-like…
-
บริษัทญี่ปุ่นสร้าง ‘เฟอร์นิเจอร์ขนาดจิ๋ว’ สำหรับแมวเหมียว เพื่อปรนเปรอนายท่าน
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘ชาวญี่ปุ่น’ นั้นถือเป็น ‘ทาสแมว’ ที่ซื่อสัตย์และเคารพนับถือเจ้านายของตัวเองมากที่สุดเลยก็ว่าได้ จนถึงกับขนาดที่ว่าลงทุนสร้าง ‘เฟอร์นิเจอร์’ แบบเฉพาะขึ้นมา เพื่อเอาอกเอาใจนายท่าน จะได้พักผ่อนหย่อนกายอย่างสบายใจ เป็นผลงานของเหล่าช่างฝีมือจากบริษัท Okawa Kagu ที่ต้องการจะทำให้อุตสาหกรรมงานฝีมือในจังหวัดฟุกุโอกะ กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เมื่อก่อนนี้พวกเขาเคยเป็นอันดับต้นๆ ในด้านนี้มาก่อน ภายใต้โปรเจกต์ที่มีชื่อว่า ‘Craftsman MADE’ และบริษัท Okawa Kagu เองก็มาพร้อมกับไอเดียสร้าง ‘เฟอร์นิเจอร์สำหรับนายท่านเหมียว’ ขึ้นมา เพื่อทำให้ผู้คนได้เห็นว่าฝีมือของช่างในบริษัทเขานั้นสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ที่อื่นๆ โดยการสร้างเฟอร์นิเจอร์ตามแบบของจริง แต่ทำการลดขนาดของมันให้เล็กลง แต่ยังคงความมีคุณภาพสูงเอาไว้ ให้เหมาะแก่การใช้งานของนายท่านเหมียว ช่างฝีมือทุกคนตั้งใจทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อปรนเปรอนายท่านเหมียว . . อ่าห์ หลับสบายใจจุงงงง แบบนี้นายท่านทั้งหลายจะต้องชอบใจแน่ๆ เลย >< ที่มา : designboom, okawa…
-
ผู้สร้างอนิเมะอธิบาย ฉากสาวน้อย “นมกระเพื่อม” มันไม่ได้ทำง่ายๆ รายละเอียดเยอะมาก!!
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการดูการ์ตูนอนิเมะของญี่ปุ่น คงจะเคยเห็นตัวละครหญิงหลายๆ ตัวที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่สะบึ้ม แถมมันก็เด้งดึ๋งชวนจินตนาการอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งภาพเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่หนุ่มๆ หลายคนปรารถนา หารู้ไม่ว่า กว่าจะได้ภาพ หน้าอกกระเพื่อม สุดเซ็กซี่เย้ายวนชวนความกระหายของชายหนุ่มได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ล่าสุดทางผู้สร้างการ์ตูนเรื่อง How Not to Summon a Demon Lord ก็ได้ออกมาอธิบายสั้นๆ ว่าการสร้างฉากที่ตัวละครสาวหน้าอกเด้งนั้นต้องทำยังไง การ์ตูนเรื่องนี้มีพล็อตเรื่องประมาณว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งหลุดเข้าไปในโลกแห่งแฟนตาซี และก็ได้พบกับตัวละครสาวๆ มากมายที่เขาจำเป็นต้องทำความรู้จัก แถมตัวละครจำนวนมากในโลกแฟนตาซีนี้ก็สะบึ้มมากๆ เลยล่ะ ชมวิดีโอเปิดเรื่องกันก่อนเลยก็แล้วกัน จากคลิปวิดีโอจะเห็นตัวละครหนึ่ง (เอลฟ์ชุดสีเขียว) เธอมีชื่อว่า Shera จับตาดูให้ดีในนาทีที่ 0.55 ของวิดีโอจะมีฉาก Close up เข้าไปที่หน้าอกของตัวละครตัวนี้ ทำให้เห็นการเคลื่อนไหวสุดพลิ้วของหน้าอกขนาดมหึมา ทั้งนี้ทางผู้สร้างออกมาอธิบายว่า เพียงฉากสั้นๆ สองวินาทีนี้มันไม่ได้ทำขึ้นมาง่าย มันมีการใช้ Storyboard ถึง 4 หน้า แถมต้องโน้ตรายละเอียดให้เหล่าแอนิเมเตอร์สามารถสร้างฉากนี้ออกมาได้เด้งดึ๋งถึงใจสุดๆ อีกด้วย ตัวอย่างโน้ตที่ถูกจดลงมาใน Storyboard ให้เหล่าแอนิเมเตอร์…
-
งานจัดแสดงภาพถ่าย “ขาอ่อน” ในญี่ปุ่น งานที่อุดมไปด้วย ‘ความสดใส’ ของต้นขาวัยแรกแย้ม
ในงานจัดแสดงภาพภ่าย สิ่งที่หลายๆ คนหวังจะได้เห็นก็คือภาพถ่ายอันงดงาม ไม่ว่าจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ ธรรมชาติ ภาพคน หรือแม้แต่ภาพนามธรรม อีกหนึ่งความงามที่อยู่คู่กับโลกใบนี้มาตั้งแต่อดีตกาลก็คือ สตรี ที่ไม่อาจหาสิ่งสวยงามใดๆ มาเปรียบเปรยได้อย่างทัดเทียม เพราะผู้หญิงถูกประกอบสร้างขึ้นด้วยความน่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นดวงตา ริมฝีปาก ท่อนแขน หรือแม้แต่ ต้นขา ก็ดูน่าหลงใหลเคลิบเคลิ้มไปเสียหมด ช่างภาพญี่ปุ่นนามว่า Yuya Sugiyama ที่มีได้สร้างคอลเลกชัน “ภาพถ่ายต้นขา” ของเหล่าสาวญี่ปุ่น แถมยังจะมีงานจัดการแสดงภาพถ่ายเหล่านี้อีกด้วย โดยมีคอนเซ็ปต์ของงานคือ “ฤดูต้นขาเปล่งปลั่ง” นั่นเอง น่าสนใจ~ ช่างภาพคนนี้เป็นที่รู้จักกันในฉายา Yuria ไม่มีใครรู้ว่าตัวจริงของเขาเป็นใคร อายุเท่าไหร่ และเพศอะไร รู้เพียงว่า เขามีชื่อเสียงมาจากการที่เขาถ่ายภาพต้นขาขาวๆ ของเหล่าสาวญี่ปุ่นนั่นเอง บนทวิตเตอร์ของเขา เขาได้โพสต์เกี่ยวกับรายละเอียดของงานจัดแสดงภาพถ่ายที่จะเกิดขึ้น โดยมีชื่องานว่า “โลกแห่งภาพถ่ายขาอ่อนฤดูใบไม้ร่วง 2018” ที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคมจนถึง วันที่ 24 กันยายน 2018 เลยทีเดียว คงเป็นงานแสดงภาพถ่ายที่ทำให้โลกของหนุ่มๆ สดใสไม่น้อยเลยล่ะ ในงานจัดแสดงที่อำนวยการสร้างโดย Todays Gallery…
-
เพลงดังในญี่ปุ่นท้า ‘กองทัพเรือสหรัฐฯ’ ให้ออกมาเต้น พี่ทหารก็เลยสนองให้เสียเลย!!
ใครบอกกันล่ะว่าเหล่าทหารจะต้องเคร่งขรึมหรือว่าจริงจังตลอดเวลา พวกเขาเองก็มีมุมตลกๆ และน่ารักเหมือนกันนะ ถ้าไม่เชื่อลองดูตัวอย่างจากเหตุการณ์นี้กันได้เลย ล่าสุดได้มีภาพและวิดีโอการเต้นสุดฮาของเหล่าทหารอเมริกันเผยแพร่ออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ต มันเป็นท่าที่เรียกได้ว่ายอดนิยมกันอยู่ในปัจจุบันเลยทีเดียว ท่าอะไรประมาณนี้ เรื่องราวก่อนหน้าที่เหล่าทหารอเมริกันจะออกมาเต้นกันแบบนี้ เกิดขึ้นจากวงดนตรีวงหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้ปล่อยเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศอเมริกาออกมา เพลงดังกล่าวคือเพลง U.S.A. ของวง DA PUMP นั่นเอง เนื้อหาของเพลงก็ไม่มีอะไรมากนอกจากการเอ่ยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ปัจจุบันมีความสนิทแนบแน่นกันมากขึ้น และทุกๆ ประเทศบนโลกก็เป็นมนุษย์ที่อยู่บนเรือลำเดียวที่เรียกว่า “โลก” นั่นเอง นอกจากนี้เนื้อหาในเพลงก็ยังมีหลายท่อนที่ให้ความหมายดี แต่ท่อนที่ดูเหมือนจะติดหูผู้ฟังมากที่สุดก็คือท่อนที่ร้องว่า “C’mon baby, America!” หรือที่แปลว่า “มาร่วมสนุกด้วยกันสิ อเมริกา!” ชวนกันอย่างนี้ทางกองทัพเรือของสหรัฐอเมริกาก็ทนอยู่เฉยไม่ไหว ลุกมาเต้นกันยกใหญ่ https://twitter.com/mcipacpao/status/1030564593507041281?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1030564593507041281&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F08%2F20%2Fu-s-marines-perform-japans-hottest-dance-craze-share-video-through-official-account%25e3%2580%2590video%25e3%2580%2591%2F คลิปวิดีโอการเต้นของเหล่าทหารสหรัฐอเมริกาถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ทางการของ กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาศูนย์บังคับการประเทศญี่ปุ่น ที่เหล่าทหารหลายคนออกมาเต้นตามคำขอของเพลง U.S.A. ทุกคนล้วนเต้นด้วยท่าสุดฮาแบบที่นิยมกันในปัจจุบันพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสนุกสนาน แถมพวกเขายังสวมชุดเครื่องแบบของทหารเพื่อแสดงให้เห็นว่าทหารก็ไม่เคร่งขรึมตลอดเวลา… ดูเขาสนุกมากเลยล่ะ เชิ้บๆ ฝึกกันนานไหมล่ะเนี่ย!? เมื่อคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกไป ผู้ชมจำนวนมากก็เข้ามาให้ความเห็นกันต่างๆ นานา เช่น… “ทหารที่สนุกสนานได้แบบนี้แปลว่าบ้านเมืองอยู่ในความสงบสินะ USA!”…
-
เชฟญี่ปุ่นโชว์เซียน ทอดเทมปุระด้วย “มือเปล่า” พร้อมเฉลยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นได้!!
คนเราเมื่อทำอะไรจนชำนาญแล้วมักจะมีความสามารถพิเศษในด้านนั้นๆ เพิ่มขึ้นมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการประดิษฐ์ การร้องเพลง หรือว่าการทำอาหารก็ตาม อย่างเช่นพ่อครัวชาวญี่ปุ่นที่ท่านนี้ที่มีความชำนาญในการ ทอดเทมปุระ ที่เรียกได้ว่าชั้นเซียนเลยทีเดียว เซียนขนาดที่ว่าทอดโดยใช้เพียง มือเปล่า ของเขาแบบไม่ต้องใช้ตะเกียบหรือตะหลิวเลยล่ะ พ่อครัวท่านนี้ถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ของชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า @Yuku1991 โดยมีการอัปโหลดเป็นคลิปวิดีโอจนทำให้มีผู้เข้ามาชมเป็นจำนวนมาก โดยพ่อครัวคนนี้เป็นทั้งเชฟและเจ้าของร้านอาหาร Tenkin ที่ตั้งอยู่แถวสถานีรถไฟฮามะมัตสี จังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำก็คือทักษะการทอดเทมปุระด้วยมือเปล่านั่นเอง! มาชมคลิปการทอดเทมปุระมือเปล่ากันเถอะ 現時点の人生で一番好きな飲食店は、浜松駅前にある天錦。税込1,000円で最高の天丼が食べられる。店主は職人技を極めすぎて天ぷら油に素手突っ込んで卵黄揚げてる。これ口で言うとみんなに「は?」って顔されるけど言葉通りのパフォーマンスだから動画で見て。 pic.twitter.com/Ycu20RBECe — ゆく nʞnʎ (@Yuku1991) August 15, 2018 จากคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าในมือเชฟนั้นมีถ้วยที่ใส่ไข่แดงอยู่ด้วย เขาเทไข่จากมือซ้ายมาใส่มือขวาเพื่อนำไปผสมกับแป้งเทมปุระ และแล้วเขาก็ชุบทั้งมือของเขาลงไปในน้ำมันเพื่อทอดเทมปุระ จากปรากฏการณ์ที่เห็นนี้ก็ได้มีผู้คนเข้ามาอธิบายว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า Leidenfrost effect ที่เมื่อของเหลวมีการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีความร้อนมากกว่าจุดเดือดของตัวเอง ก็จะทำให้เกิดไอน้ำขึ้นเป็นตัวกั้น หากมองจากคลิปวิดีโอ มือของเชฟนั้นชุบไว้ด้วยแป้งเหลวๆ ที่เมื่อสัมผัสกับความร้อนที่สูงกว่าจุดเดือดของแป้งนั้น ไอน้ำที่เกิดขึ้นก็จะเป็นตัวกั้นไม่ให้ความร้อนเข้าสู่มือของเชฟได้นั่นเอง แต่ถึงอย่างไรก็ตามเทมปุระที่ได้ออกมาก็มีหน้าตาแบบนี้ (น่ากินมากๆ เลยล่ะ) เมนูมีราคาอยู่ที่ 1,000 เยน (ราว 300 บาท) แต่ได้ทานอะไรอร่อยๆ แถมได้ชมการทอดด้วยมือเปล่าด้วยก็ถือว่าคุ้มล่ะนะ …
-
ลุงญี่ปุ่นวัย 48 ปี เมาแล้ว “ลวนลาม” สาวคนหนึ่ง สุดท้ายนางเป็นผู้ชายทั้งแท่งจ้าา!!!
ความเมาอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความอันตรายในชีวิตแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความอับอายได้อีกด้วย… ล่าสุดมีข่าวรายงานจากประเทศญี่ปุ่นที่ทำเอาผู้ชมถึงกับกลั้นความฮาไว้ไม่ไหว ในรายงานกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ร้ายที่เป็นชายวัย 48 ปีได้ เขาชื่อว่า ไซโตะ เคนอิจิ ส่วนข้อหาที่ทำให้เขาต้องถูกจับกุมก็คือ เขาเป็นผู้ต้องสงสัยว่าพยายาม กระทำชำเรา ผู้คนที่เดินผ่านมายังถนนไทโตะ ในกรุงโตเกียว เขาได้เข้าไปหาเหยื่อรายหนึ่งและลวนลามโดยการจูบและสัมผัสหน้าอก เขายอมรับว่าขณะนั้นเขามีอาการเมาสุราที่ค่อนข้างรุนแรง แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ เหยื่อที่เขาเข้าไปลวนลามนั้นกลับเป็นเด็กหนุ่มเพศชายวัยราวๆ 20 ปีแทนที่จะเป็นหญิงสาวอย่างที่เขาคิดไว้ และเขาก็ไปกอดจูบลูบคลำไปแล้วเสียด้วย อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่าลุงไซโตะคนนี้ไม่ใช่ได้มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน เพียงแต่ว่า ขณะนั้นเขามีอาการเมาอย่างมากประกอบกับชายหนุ่มคนนั้นดันแต่งกายด้วยชุดผู้หญิงหรือที่เรียกกันว่า Cross-dresser นั่นเอง ปล. การแต่งกายข้ามเพศหรือ Cross-dressing สามารถทำได้ทั้งชายและหญิงโดยที่ผู้แต่งไม่จำเป็นจะต้องนิยมเพศเดียวกันก็ได้ “ผมคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง ผมจึงเข้าไปจู่โจม แต่รู้ตัวอีกทีผมกลับพบว่าผมกำลังจูบกับผู้ชาย…” ไซโตะผู้ต้องหาวัย 48 ปีกล่าว ด้านล่างเป็นตัวอย่างของ Cross-dresser ที่เป็นเพศชายแล้วแต่งหญิง ดูแล้วบางครั้งเราเองก็อาจจะแยกไม่ออกเหมือนกันนะเนี่ย! . . . . ลุงคนนี้นอกจากจะได้รับโทษตามกฎหมายแล้ว ยังได้รับความอับอายมาติดตัวด้วยนะเนี่ย… ที่มา: ck101
-
ญี่ปุ่น “นวดเท้ากับสาวสุดน่ารัก” ด้วยเครื่อง VR แท้จริงแล้วคนนวดก็ผู้ชายนี่แหละ!!!
การนวดเท้านับว่ากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายให้กับร่างกายได้อย่างมาก นอกจากจะสบายเท้าแล้ว ว่ากันว่าที่เท้านั้นมีเส้นประสาทมากมายที่เมื่อนวดแล้วจะส่งผลไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย ที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็มีการนวดเท้าเช่นเดียวกัน แต่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศญี่ปุ่นจะให้มานวดเท้าธรรมดาๆ ก็คงจะไม่ได้ เพราะว่าเขามีการนวดพร้อมกับเครื่อง VR ที่ทำให้หนุ่มๆ ได้เห็นหมอนวดกลายเป็น สาวน้อยสุดโมเอะ บริษัท Tora no Ana ที่ขายผลิตภัณฑ์จำพวกหนังสือการ์ตูนและสินค้าต่างๆ สำหรับคนชอบการ์ตูน ล่าสุดได้เปิดบริการใหม่สำหรับสายโอตาคุ ซึ่งก็คือการเปิดให้หนุ่มๆ ได้เข้ามานวดเท้ากับสาวน้อยจากมังงะนั่นเอง ผู้เข้าใช้บริการจะต้องสวมเครื่อง VR ที่ทำให้มองเห็นภาพเสมือนจริงว่าตัวเองอยู่ในห้องๆ หนึ่งที่มีสาวน้อยน่ารักมาคอยรับบริการนวดเท้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่ในความจริงแล้วคนที่จะคอยนวดเท้าให้ผู้ใช้บริการก็คือ นักบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตการนวดมาแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นหนุ่มๆ หรือคุณลุงก็แล้วแต่ดวง ระหว่างการนวดตัวละครก็จะมีการถามคำถามนิดหน่อย ผู้ใช้บริการก็จะต้องตอบด้วยคันบังคับที่ตนถืออยู่ นั่นทำให้มันออกมาคล้ายกับเกมจีบสาวสุดโรแมนติกอะไรทำนองนั้น ขณะนี้มีตัวละครสาวน้อยที่จะคอยให้บริการนวดเท้าอยู่ 2 ตัวละครเท่านั้น ออกแบบโดยศิลปินนามว่า Rouka ในกิจกรรมนวดเท้าด้วย VR นี้จะมีการออกแบบเสื้อผ้าต่างๆ ให้กับตัวละครเพื่อให้ผู้ใช้บริการเลือกเปลี่ยนได้รวมถึงชุดชั้นในของตัวละครด้วย!! ถึงแม้กิจกรรมนี้จะดูเป็นสวรรค์จำลองแสนโรแมนติกของเหล่าหนุ่มๆ เมื่อเทียบกับความจริงแล้ว พวกเขากำลังถูกนวดโดยชายฉกรรจ์ล้วนๆ อะอ้าว… ขณะที่พวกเขามองเห็นว่าสาวน้อยน่ารักกำลังนวดเท้าให้เขาอยู่นั้น แท้จริงแล้วความผ่อนคลายนั้นๆ เกิดจากฝีมือการนวดของหนุ่มๆ ผู้ชำนาญการต่างหากล่ะ…
-
หนูน้อย 7 ขวบโชว์สกิล “หมอผ่าตัด” ผ่าเจ้าหมีได้น่ารักจนกลายเป็นไวรัลในญี่ปุ่นเลยล่ะ!!
บางครั้งวิธีการที่เด็กๆ เล่นของเล่นก็อาจส่อแววอนาคตของเด็กคนนั้นได้เช่นกัน อย่างเช่นเด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนี้ที่ทำการ “ผ่าตัด” ช่วยชีวิตเจ้าตุ๊กตาหมี จนกลายเป็นคลิปไวรัลไปเลยทีเดียว วิดีโอเด็กหญิงญี่ปุ่นวัย 7 ขวบที่แสดงบทบาทการเป็นศัลยแพทย์ที่พยายามผ่าตัดตุ๊กตาหมีของตนเอง ถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ @Kazzy_com มียอดเข้าชมปัจจุบันถึง 4.85 ล้านครั้งเลยล่ะ เรามาดูคลิปการผ่าตัดสุดน่ารักนี้กันดีกว่า https://twitter.com/Kazzy_com/status/1028780985972740096?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1028780985972740096&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fjapanese-girl-bear-operation-toy%2F ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อ @Kazzy_com นั้นเป็นพ่อของเด็กสาวในคลิป บอกว่ารู้สึกประทับใจและภูมิใจในตัวลูกสาวของตนมากที่มีความสนใจและใส่ใจรายละเอียดในการผ่าตัดเจ้าหมี ลูกสาวตัวน้อยของเธอจัดแจงสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับห้องผ่าตัดด้วยการ สร้างเสียงเครื่องวัดการเต้นของหัวใจด้วยเมโทรนอมหรือเครื่องนับจังหวะนั่นเอง เจ้าหมีสวมหน้ากากออกซิเจนด้วยล่ะ จากนั้นจะเห็นได้ว่าหนูน้อยได้สมมติการฉีดยาชาไปที่ตัวเจ้าหมี ก่อนที่จะทำการผ่าตัดอย่างพิถีพิถัน เครื่องไม้เครื่องมือที่เธอใช้ ถึงจะเป็นของเล่น แต่เธอก็ตั้งใจเลือกให้ใกล้เคียงของจริงเลยนะ เช่น เจ้าลูกโป่งน้ำที่เธอเลือกมาให้แสดงเป็น “ก้อนเนื้องอก” ในตัวเจ้าหมีนั่นไงล่ะ พอชาวเน็ตได้มาชมคลิปสุดน่ารักนี้ หลายๆ คนก็อดใจไม่ไหว เข้ามาคอมเมนต์เล่นไปกับน้องด้วยซะงั้น เช่น “เจ้าหมีเป็นไงบ้าง การผ่าตัดสำเร็จไหมเอ่ย?” ส่วนฝ่ายคุณพ่อ @Kazzy_com ก็ตอบกลับว่า “มันเป็นการผ่าตัดที่ยาก แต่เราก็นำเนื้องอกออกมาได้สำเร็จ ตอนนี้เจ้าหมีมีสุขภาพที่ดีและกำลังนอนอยู่ในห้องของลูกสาวผมอย่างสบายใจ” นอกจากนี้แฟนชาวเน็ตคนหนึ่งก็ได้วาดภาพแฟนอาร์ตให้กับเธอ เขียนในภาพว่า…
-
รายการทีวีญี่ปุ่น พาหนุ่มบริสุทธิ์ทัวร์ “ห้องกระจก” ที่คุ้นเคย ส่งตรงจากค่าย AV ชื่อดัง!!
(คำเดือน: เนื้อหาบทความบางส่วนไม่เหมาะสมกับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี) เชื่อว่าหลายคน (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) จะต้องรู้จักกับ “ห้องกระจกเคลื่อนที่” หรือ Magic Mirror ในหนังผู้ใหญ่ ของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน มันจะมีลักษณะเป็นรถบรรทุกขนาดกลางๆ ที่ด้านท้ายรถจะบรรทุกห้องกระจกที่สามารถขยายกว้างได้เอาไว้ ส่วนมากไอ้เจ้าห้องกระจกนี้จะใช้ถ่ายทำหนังที่มีพล็อตประมาณว่า ให้พระนางของเรื่องมีฉากเลิฟซีนกันในห้องกระจกท่ามกลางสถานที่ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน คนที่อยู่ภายในห้องจะมองเห็นผู้คนด้านนอกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่คนด้านนอกห้องกระจกที่มองเข้ามาจะเห็นเป็นเพียงกระจกทึบๆ เท่านั้น อะไรประมาณนี้ ล่าสุดในรายการหนึ่งของช่อง DT TV ได้เปิดทัวร์รถห้องกระจกนี้โดยเชิญ หนุ่มบริสุทธิ์ 3 คนมาเป็นผู้เข้าร่วมรายการด้วย เทปนี้เอื้ออำนวยโดย SOD ค่าย AV ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นนั่นเอง มาแล้ว! ชายหนุ่มบริสุทธิ์ทั้ง 3 คน ทั้งสามคนจะได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศของรถกระจกสุดสวาทคันนี้ เมื่อเข้าไปจะพบว่าภายในห้องนั้นกว้างและสะอาดมากๆ แถมปูด้วยพรม ฉะนั้น ก่อนจะเข้าไปก็ต้องถอดรองเท้าให้เรียบร้อย ภายใน มีห้องอาบน้ำสำหรับชะล้างร่างกายให้สะอาด ครบครันมาก หลังจากนั้นก็จะถึงช่วง พาทัวร์รายคน คนหนึ่งจะยังอยู่ในห้องโดยที่อีกสองคนก็จะต้องออกไปรออยู่ด้านนอก คนแรกที่ได้อยู่ภายในห้องก็ไม่มีอะไรทำได้แต่สำรวจไปมา…
-
ก็กลัวจะเหม็น… หนุ่มทนไม่ไหวสั่งให้ทุกคน “หนีไป!” ก่อนจะ “ทิ้งทุ่น” บนรถไฟใต้ดิน…
(คำเตือน: บทความมีภาพและเนื้อหาที่ไม่จรรโลงใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) จะมีอะไรที่บังคับให้เราต้องเร่งรีบไปมากกว่าความรู้สึก “ปวดอุจจาระ” อีกล่ะ? ต้องยอมรับเลยว่าไอ้เจ้าอุจจาระนี่มันอานุภาพรุนแรงมากจริงๆ บางครั้งถ้ามันอยากจะออกมาจริงๆ เราอาจจะคุมไม่อยู่เลยทีเดียว… ล่าสุดทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้เผยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในประเทศ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องบอกเลยว่าแค่เห็นภาพก็ขมคอแล้วล่ะ ภาพบรรยากาศสถานีรถไฟใต้ดินในญี่ปุ่น ทวิตเตอร์ชื่อว่า @DECADE10KENN ได้เผยภาพที่ชายสวมชุดสีแดงซึ่งนั่งในอยู่ภายในขบวนรถไฟ มีการปลดกางเกงลงจนล่อนจ้อน เจ้าตัวเล่าว่าในเหตุการณ์ผู้โดยสารต่างตะลึงงันว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้กันแน่ จนกระทั่งชายในชุดแดงลั่นวาจาออกมาว่าให้ทุกคน “หนีไป!” พร้อมปล่อยอุจจาระก้อนโตลง “เผละ” บนพื้นของรถไฟขบวนดังกล่าว ทำเอาผู้โดยสารทุกคนต่างขยับตัวออกห่าง อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาสืบสวนเหตุการณ์นี้แล้วแต่ยังไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุ โดยมีการสันนิษฐานเพียงว่าอาจเป็น การขัดขวางทางธุรกิจ หรือไม่ก็เป็น คนที่ปวดอุจจาระมากจริงๆ ที่นี้ชาวเน็ตที่เห็นทวิตเตอร์นี้ก็เข้ามาคอมเมนต์กันอย่างหรรษา เช่น “ช่วยไม่ได้ก็คนมันปวด” “แค่เห็นภาพกลิ่นก็ลอยมาแล้ว” “นี่มันคือการก่อการร้ายชัดๆ” “ขยะแขยงไม่ไหวแล้ว” “อย่างน้อยเขาก็รู้จักถอดกางเกงก่อนปล่อยนะ” และ “อย่าซูมภาพถ้ายังอยากทานอาหารเย็นอยู่” สำหรับ #เหมียวโลลิ บอกเลยว่า อวสานอาหารเย็นกันไปเลยจ้า… ที่มา: Twitter@DECADE10KENN via ck101
-
ยูทูบเบอร์ญี่ปุ่น มอบเงิน “1 ล้านเยน” ให้ชายชราไร้บ้าน กลายเป็นเรื่องราวน่าประทับใจ
ยูทูบเบอร์จากญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ใช้ชื่อแชแนลว่า ラファエル ได้เผยวิดีโอที่ตัวเขาเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนเพื่อค้นหา คนชรา และมอบความช่วยเหลือเท่าที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ ล่าสุดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาได้ไปพบกับชายชราไร้บ้านในชุดซอมซ่อคนหนึ่งเข้า เขาอยากทราบว่าสิ่งที่ชายชรคนนี้ต้องการซื้อมากที่สุดคืออะไรเมื่อมีเงิน 1 ล้านเยน เขาจึงมอบเงินจำนวน 1 ล้านเยน (ประมาณ 3 แสนบาท) ให้กับชายชราดังกล่าว โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะใช้เงินซื้ออะไรก็ได้ภายในหนึ่งวันเท่านั้น เมื่อยูทูบเบอร์หนุ่มมอบเงินให้กับชายชรา ชายชราก็ถามกลับด้วยความกังวลว่า “ฉันควรได้รับเงินนี้เหรอ ตำรวจจะไม่จับฉันใช่ไหม?” ยูทูบเบอร์หนุ่มจึงยืนกรานอีกครั้งว่าไม่เป็นไรจริงๆ ทันทีที่ได้รับเงินมา คุณลุงรีบไปยังห้างที่ใกล้ที่สุด ซื้อเสื้อผ้า อาหาร และของใช้ในชีวิตประจำวัน จากนั้นคุณลุงเดินเข้าโรงแรมเพื่อพัก อาบน้ำ และแต่งตัวเสียใหม่ ต่อมาคุณลุงจึงเดินไปตามถนน หาซื้อเสื้อผ้าราคาย่อมเยาแบรนด์ต่างๆ เมื่อยูทูบเบอร์หนุ่มเข้ามาถามว่า ทำไปออกมาซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ถูกๆ? ทำไมถึงไม่ซื้อในห้าง? คุณลุงจึงตอบว่า “กลัวเงินที่เหลือมันจะเหลือน้อยเกินไป อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด” สรุปแล้วคุณลุงใช้เงินในวันนี้ไปเพียง 20,000 เยน หรือราวๆ 6,000 บาทเท่านั้น ยูทูบเบอร์หนุ่มถามคุณลุงอีกว่า ต้องการซื้ออะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า? คุณลุงยิ้มแล้วตอบว่า “อยากร้องคาราโอเกะ…
-
สวรรค์กลางกรุง~ ร้าน Maidreamin “คาเฟ่สาวใช้สุดโมเอะ” คอยบริการนายท่านอยู่นะคะ…
จากการทำงานที่แสนเหนื่อยและน่าเบื่อ เชื่อว่าทุกท่านต้องการที่พักผ่อนเพื่อเติมความสดใสให้ชีวิตใช่ไหมล่ะ? โดยเฉพาะหนุ่มๆ ทั้งหลายที่เมื่อรู้สึกเหนื่อยหน่ายมันก็ต้องการคนมาคอยเอาใจดูแลกันบ้างจริงมั้ย!? ถ้างั้นลองมาชมและรู้จักกับ เมดคาเฟ่ กิจการร้านอาหารแนวใหม่สำหรับคนไทย ที่ต้องบอกเลยว่าตอบโจทย์หนุ่มๆ ที่ต้องการเติมความสดใสให้กับชีวิตอย่างแท้จริงเลยล่ะ วันนี้ร้านที่เราจะแนะนำให้รู้จักก็คือ ร้าน Maidreamin ตั้งอยู่ ณ ห้างสรรพสินค้า MBK Center ชั้น 7 ร้านนี้เป็นเมดคาเฟ่ส่งตรงมาจากจากประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว แถมเปิดตัวในไทยมาตั้งแต่ปี 2013 แล้วด้วย ว่ากันว่าใครที่เข้าไปยังร้านนี้ก็เหมือนได้เข้าไปอยู่ในดินแดนแห่งความฝันเลยล่ะ! ร้าน Maidreamin ร้านเมดคาเฟ่จะต่างจากคาเฟ่ทั่วไปตรงที่ นอกจากจะมีอาหารและเครื่องดื่มมากมายให้เลือกแล้ว ภายในร้านยังมีพนักงานที่เป็นสาวๆ น่ารักคาวาอี้แต่งกายด้วยชุดสาวรับใช้สไตล์ยุโรปที่เรียกกันว่า เมด (Maid) คอยบริการลูกค้าอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ส่วน จุดเด่น ของกิจการร้านสไตล์เมดคาเฟ่ ก็คือผู้ใช้บริการจะได้รับการดูแลราวกับว่า เขาเป็นเจ้าของบ้านที่มีเหล่าสาวใช้สุดโมเอะคอยบริการ โดยลูกค้าทุกคนจะถูกเรียกว่า “นายท่าน” และ “คุณหนู” ด้วยล่ะ สำหรับร้าน Maidreamin นั้นเรียกได้ว่าครบสูตรของความเป็นเมดคาเฟ่เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นสาขาย่อยมาจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทางร้านยังจัดกิจกรรมมอบความสุขสนุกสนานให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ เรียกได้ว่า ใครที่ชอบน้องๆ เมดที่มีความน่ารักสดใสสไตล์ญี่ปุ่นล่ะก็คงจะไม่ผิดหวังเลยล่ะ บรรยากาศภายในร้าน น้องๆ…
-
พาชมโรงแรม Peanuts “โรงแรมสนูปปี้” ของญี่ปุ่น ตอนนี้ยอดคนจองยาวถึงเดือนหน้าแล้ว!!!
โรงแรมและที่พักต่างๆ ก็มีจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันไปตามสไตล์ บางแห่งก็เน้นที่ความหรูหรา ขณะที่บางแห่งเน้นที่ความสะดวกสบายและครบครัน แต่บางแห่งก็ตกแต่งแบบเอาใจลูกค้าสุดๆ ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า มีใครชอบเจ้าหมาหูตูบ สนูปปี้ บ้างหรือเปล่า? เพราะถ้าใครชอบเราขอยินดีด้วยที่วันนี้มีข่าวดีมาฝากจากญี่ปุ่นเลยทีเดียว ในประเทศญี่ปุ่นเพิ่งมีโรงแรมใหม่เปิดตัวขึ้น โดยที่การตกแต่งของโรงแรมนี้เรียกได้ว่าเอาใจคนชอบสนูปปี้โดยเฉพาะเลยล่ะ เพราะภายในโรงแรมนี้มีตัวการ์ตูนจากเรื่อง Peanuts อยู่เต็มไปหมด รวมถึงสนูปปี้สุดน่ารักด้วย!! โรงแรมนี้ชื่อว่า Peanuts Hotel เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2018 ใจกลางเมืองเมืองโคเบะ ประเทศญี่ปุ่น โรงแรมถูกสร้างขึ้นในสไตล์บูติก มาพร้อมห้องพัก 18 ห้องที่ตกแต่งไม่ซ้ำกัน ด้วยลวดลายสนูปปี้ ชาร์ลี บราวน์ และตัวละครอื่นๆ จากเรื่อง Peanuts บอกเลยว่าแฟนๆ เจ้าตูบสนูปปี้ต้องหลงรักโรงแรมแห่งนี้แน่นอน ห้องพักที่ประยุกต์เอาสไตล์ญี่ปุ่นเข้ากับตัวการ์ตูนสุดโด่งดังจากฝั่งตะวันตก แต่ละจุดของโรงแรมก็จะมีการตกแต่งด้วยตุ๊กตาเป็นกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ คอนเซ็ปต์ของแต่ละชั้นในโรงแรมจะไม่เหมือนกัน อย่างชั้น 4 ก็จะเป็นธีม “จินตนาการ” . ส่วนชั้นที่ 5…
-
สรุปดราม่า เพจญี่ปุ่นจับผิดคนอ่าน “หนังสือโป๊” บนรถไฟ แท้จริงแล้วเป็นแค่การ์ตูน!
เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นฮ็อตฮิต ที่กำลังพูดถึงกันในโลกออนไลน์อยู่ ณ ขณะนี้กับกรณีของเพจเพจหนึ่งที่ระบุว่าตนอยู่ญี่ปุ่นถ่ายภาพคนอ่านหนังสือที่มีปกเป็นภาพของผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำ เลยไปถ่ายรูปเค้ามาแล้วโพสต์ในเพจว่าเขาอ่านหนังสือโป๊!? จนกลายเป็นกระแสดราม่าที่โด่งดังไปทั่วโลกโซเชียล เพราะจริงๆ แล้วหนังสือนั้นมันไม่ใช่หนังสือโป๊อย่างที่เพจดังกล่าวอ้างขึ้นมา แต่เป็น ‘หนังสือการ์ตูน’ เท่านั้น!! เอาล่ะ สำหรับบทความนี้ #เหมียวหง่าว จะขอมาสรุปเรื่องราวคร่าวๆ ให้ฟังว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยจ้า… เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมาเพจ Japankookkook ได้ทำการโพสต์ภาพที่เป็นประเด็นพร้อมกับแคปชั่นว่า “เอ่อ….พี่รีบมากเหรอจ้ะ อ่านที่บ้านไม่ได้งี้?!?! เวลาเจอคนอ่านหนังสือโป๊ในรถไฟ..เดี๊ยนทำหน้าไม่ถูกเลย เอาจริงๆ” “กุ๊กๆ เคยเจออยู่ 3-4 ครั้งนะ ผู้ชายที่ยืนอ่านหนังสือโป๊บนรถไฟอ่ะ ในใจก็ได้แต่คิดว่าเค้าไม่รู้สึกอายกันบ้างเหรอ …งงเล็กๆ ก็จริงอยู่ว่าร้านสะดวกซื้อที่ญี่ปุ่นก็มีมุมหนังสือพวกนี้ขายเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องผิดต้องห้ามเหมือนกับบ้านเรา ใครจะยืนอ่านตรงนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่กุ๊กๆ ว่าบนรถไฟที่คนแน่นๆ มันก็นิดนึงอ่ะนะ ผู้หญิงที่ได้เห็นก็จะรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กๆ เกร็งๆ หน่อยๆ กระดากนิดๆ แบบว่าไอ้หมอนี่มันหื่นมากเลยสินะ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่มาบ่น สบายใจ ไปละ 5555+” ภาพที่เป็นประเด็น แน่นอนว่ามีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเชิงว่า ทำไมผู้ชายคนนี้น่ากลัวจัง…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นชื่นชม “คนส่งของ” ที่ช่วยตำรวจจับผู้ร้ายถือมีด ด้วยการเข้ามาชกจนล้ม!!
การเป็นพลเมืองดีนั้นอยู่ที่จิตใจใช่ฐานะหรืออาชีพ เฉกเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประเทศญี่ปุ่นดังต่อไปนี้… เมื่อวันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 10 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในเขตฮิมอนยะ โตเกียว ได้รับแจ้งว่ามีชายถืออาวุธมีดเดินไปมาอยู่บนถนน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายไปถึงก็เกิดการปะทะขึ้น ตำรวจนายหนึ่งพยายามจับกุมชายถือมีดแต่เขาขัดขืน พลเมืองดีที่เป็น คนส่งของ ซึ่งเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเข้ามาช่วยทำให้ชายถือมีดล้มฟุบลงกับพื้นได้ คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว https://twitter.com/Azsa2go/status/1023735757687599104?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1023735757687599104&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fjapanese-deliveryman-knife-crime-police%2F จากคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ของ @Azsa2go แสดงให้เห็นว่าผู้ร้ายนั้นพยายามจะคว้ากระบองยาวที่เป็นอาวุธประจำกายของตำรวจคนหนึ่งไป เมื่อคว้าไปได้เขาจึงใช้มันทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกตีด้วยกระบองหลายครั้งขณะเข้าปะทะ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงอีกคนจึงพยายามเข้าไปช่วย แต่แล้วชายส่งของในชุดสีเบจและหมวกสีเขียวก็รี่เข้ามาช่วยอย่างรวดเร็ว เขาใช้กำปั้นชกไปที่ด้านหลังของผู้ร้ายจนล้มลง นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ร้ายไว้ได้ง่ายขึ้น เมื่อผู้ร้ายล้มลงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คว้ามีดของเขาและโยนไปให้ไกลมือ จากนั้นผู้ร้ายคนนี้ก็จับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อย เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมชายหนุ่มในชุดคนส่งของ หลายคนวิเคราะห์กันว่าเขาน่าจะเป็น “ตำรวจนอกเครื่องแบบ” แต่เมื่อสืบไปมาพบว่าที่จริงแล้ว เขาก็เป็น คนส่งของธรรมดา เนี่ยแหละ เขาทำงานให้กับบริษัท Yamato Transport ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งชื่อดังของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ที่มา: Azsa2go, soranews24 และ nextshark
-
ญี่ปุ่นร้อนจัด! สาวแชร์ภาพเหตุการณ์ตื่นขึ้นมาพบว่า “เตียงไหม้” จากความร้อนของแสงแดด
ประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้นับว่าประสบกับปัญหาสภาวะอากาศที่ร้อนขั้นรุนแรงจริงๆ ถึงแม้ว่าเราอยู่ประเทศไทยไม่เดือดร้อนอะไรกับประเทศเขา แต่เห็นแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้จริงๆ เพราะชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยออกมาโวยว่าอากาศร้อนทำให้พวกเขาต้องลำบาก ยกตัวอย่างเช่น อากาศร้อนจนบางคนนำแฮมมาทอดบนหลังคารถยนต์ได้ หรือนำไข่ไปอบไว้ในรถจนสุกได้ด้วยอากาศที่ร้อนจัด เป็นต้น แต่วันนี้ความร้อนในประเทศญี่ปุ่นได้แสดงพลังทำลายล้างยิ่งกว่านั้นอีก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะนะว่า อากาศในประเทศญี่ปุ่นมันร้อนขนาดที่ว่าสามารถ ทำให้เตียงนอนไหม้ ได้เลยทีเดียวเชียว ว่าแต่มันไหม้ได้อย่างไรลองมาดูกัน ร้อนจนเตียงไหม้!? เรื่องราวมีอยู่ว่า สาวญี่ปุ่นรายหนึ่งตกใจมากเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่า เตียงนอนของเธอมีรอยไหม้ราวกับจุดไฟเผา เธอจึงรู้สึกสงสัยและกลัวไปในเวลาเดียวกัน เพราะเธอคิดว่า อันตรายกำลังเข้ามาใกล้ตัว เธอจึงพยายามหาสาเหตุที่เตียงของเธอมีรอยไหม้เช่นนี้… เธอสืบไปสืบมาจนกระทั่งพบว่ามันเป็นเพราะกระจกบานหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆ เตียงของเธออย่างแน่นอน เพราะขณะที่เธอนอนหลับเธอไม่ได้ปิดผ้าม่านของหน้าต่าง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสูงและสาดแสงร้อนจัดเข้ามายังห้อง แสงอาทิตย์ก็ได้สะท้อนกับกระจกเงาเกิดการรวมแสงให้มีความเข้มข้นมากขึ้นและยิงสะท้อนกลับไปยังขอบเตียงของหญิงสาวคนนี้ ทำให้ความร้อนสะสมสูงและเกิดการเผาไหม้ในที่สุด!! เจ้ากระจกบานนี้นี่เอง!!! เธอเล่าว่าทีแรกเธอไม่เห็นหรอกว่ามีรอยไหม้เกิดขึ้นบนเตียงของเธอ เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเกิดร้อนๆ ขึ้นบริเวณข้อเท้า เธอจึงหันมาดูแล้วพบว่า เตียงของเธอถูกเผาไหม้ไปเสียแล้ว นอกจากนี้เธอยังมีการวาดภาพการ์ตูนน่ารักๆ แสดงถึงองศาที่แสงแดดส่องเข้ามาแล้วสะท้อนกลับไปสู่เตียงของเธอจนเกิดเป็นรอยไหม้ให้ชาวเน็ตได้ดูอีกด้วย แหม น่ารักจริงๆ ภาพประกอบน่ารักๆ แสดงถึงองศาของแสงที่สะท้อนกับกระจก เหตุการณ์ลักษณะนี้ แดดประเทศไทยเราคงทำได้สบายๆ ฉะนั้น อย่าลืมปิดม่านและอย่านำกระจกมาวางในมุมแบบนี้กันล่ะ เดี๋ยวไฟจะไหม้เอา ฮ่าๆ ที่มา: @TarakoButters via ck101
-
“เมืองอิงะ” ขอชาวต่างชาติเลิกโทรมาสมัคร ขาดแคลน “นินจา” จริงๆ แต่ไม่ได้เปิดรับจ้า!?
ก่อนหน้านี้มีข่าวเผยแพร่ออกมาจากสื่อหลายสำนักว่า เมืองอิงะในจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น กำลังขาดแคลนนักรบโบราณสายนินจาอย่างหนัก เนื่องจากเป็นเมืองที่โปรโมทการท่องเที่ยวด้วยนินจา และกำลังต้องการคนรุ่นใหม่มาสืบสานวิถีนินจาด้วยอัตราเงินเดือนที่สูงลิบลิ่ว เนื่องจากสถานีวิทยุแห่งชาติในสหรัฐอเมริกาได้รายงานเรื่องขาดแคลนนินจาในเมืองอิงะปุ๊บ ว่าต้องการนักแสดงนินจาเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเมืองทางด้านการท่องเที่ยว (โชว์นินจา) พร้อมกับเงินเดือนรายปีระดับหลักล้านบาทกันเลยทีเดียว Motoyoshi Shimai เจ้าหน้าที่แผนกยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเมืองอิงะ ถึงกับต้องออกมาบอกปัดทันทีว่า “ไม่ใช่แล้วล่ะ นั่นมันผิดเพี้ยนกันไปหมด เราไม่ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงเรื่องนั้นเลย อย่างไรก็ตาม บุคคลผู้พึงประสงค์จะเป็นนินจาจากทั่วโลก ที่ทราบเรื่องแบบผิดๆ ก็แห่ส่งทั้งอีเมลรวมไปถึงต่อโทรศัพท์ไปหารวมกว่า 115 คน จากทั้งหมด 23 ประเทศ รวมในประเทศญี่ปุ่นด้วย “ส่วนใหญ่ก็เข้ามาสอบถามว่าเมื่อไหร่เราจะเปิดรับสมัคร บางรายก็ถึงขั้นขอร้องอ้อนวอนให้เราจ้างเป็นนินจา แถมยังพยายามโปรโมตตัวเองยกใหญ่ เพราะพวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายมากๆ” Shimai กล่าวเสริม ทางการอิงะจึงต้องออกแถลงการณ์ในหลายภาษาเพื่ออธิบายว่า ยังไม่ได้มีการจ้างนินจาใดๆ เกิดขึ้น และไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องดังกล่าวเท่าไหร่นัก เพียงแต่แปลกใจมากๆ เพราะมีผู้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับนินจามากเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 Sugako Nakagawa ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์นินจาในท้องถิ่น เคยเปิดเผยกับทางสำนักข่าวรอยเตอร์ไว้ว่า… นินจาไม่ใช่สิ่งที่สามารถสืบทอดกันได้ง่ายๆ…
-
ญี่ปุ่นปิ๊งไอเดีย! เช่าพื้นที่ “ใต้วงแขน” ของสาวๆ สำหรับใช้เป็น “พื้นที่โฆษณา” ??
ประเทศญี่ปุ่นนี่เขามักจะมีอะไรออกมาให้พวกเราได้ประหลาดใจกันอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่วงการโฆษณาของประเทศเขาเอง ที่เกิดปิ๊งไอเดียประหลาด ใช้ ใต้วงแขนของสาวๆ เป็นพื้นที่สำหรับโฆษณา… หากคิดจะใช้ร่างกายมนุษย์เป็นพื้นที่โฆษณาจริงๆ ใต้วงแขนหรือเรียกอีกอย่างว่ารักแร้นั้นคงเป็นบริเวณท้ายๆ ที่เราจะนึกถึงเลยใช่ไหมล่ะ แต่ที่ญี่ปุ่นเขากลับมองว่าเป็นพื้นที่ทองคำที่น่าจะดึงความสนใจของผู้บริโภคได้ดี ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผันตัวเองให้กลายเป็น “ป้ายโฆษณาที่มีชีวิต” เช่นมีการสักโลโก้ของแบรนด์ต่างๆ ลงบนใบหน้าและส่วนอื่นๆ บนร่างกายเพื่อใช้เป็นพื้นที่โฆษณา แต่บริษัทโฆษณาอย่าง Wakino Ad Company กลับมีแนวคิดที่ล้ำลึกและแหวกแนวกว่านั้น พวกเขาคาดหวังให้ใต้วงแขนของสาวๆ กลายเป็นป้ายโฆษณาชั้นดีที่จะทำให้ผู้คนหันมาสนใจ ล่าสุดบริษัท Wakino ก็กำลังรับสมัครหญิงสาวเพื่อใช้บริเวณใต้วงแขนเป็นพื้นที่โฆษณา โดยค่าเช่าพื้นที่ที่ทางบริษัทจะตอบแทนให้ก็อยู่ที่ราวๆ 3,000 บาทต่อชั่วโมง เลยทีเดียว ทางบริษัทจะทำการแปะสติ๊กเกอร์ป้ายโฆษณาใดโฆษณาหนึ่งลงบนบริเวณพื้นที่ใต้วงแขนแสนเนียนของสาวๆ แล้วตัวนางแบบเองก็จำเป็นจะต้องโพสต์ท่าใดๆ ก็ได้ที่ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นป้ายโฆษณาได้ชัดเจนที่สุด ปัจจุบันไอเดียนี้ทางบริษัท Wakino เองก็เพิ่งเริ่มดำเนินการ จึงทำให้ยังไม่ทราบว่าไอเดียการโฆษณาใต้วงแขนนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ แต่ก็มีผลงานที่ค่อนข้างติดตาผู้คนแล้วนั่นก็คือป้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์กำจัดขนรักแร้ชนิดไม่ทำร้ายเซลล์ผิวนั่นเอง อย่างไรก็ตามบริษัทโฆษณา Wakino Ad Company นั้นเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของแบรนด์ Liberta ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมความงามบริเวณใต้วงแขนโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าใช้บริษัทตัวเองในการโฆษณาเพื่อเป็นตัวอย่างให้แบรนด์อื่นๆ หันมาสนใจนั่นเอง โฆษณาแปลกๆ แบบนี้อาจจะเป็นจุดสนใจของผู้คนมากกว่าที่คิดไว้ก็ได้นะ >…
-
สส.หญิงญี่ปุ่น บอกรัฐบาลไม่ควรช่วยเหลือกลุ่ม LGBT เพราะมีลูกเพิ่มคนในประเทศไม่ได้!!
เรื่องของ ‘ความหลากหลายทางเพศ’ ถือเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากชาวโลกเป็นจำนวนมากในช่วงหลังๆ มานี้ แน่นอนว่าในสังคมก็มีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด บ้างก็ให้การยอมรับกับเพศกลุ่มเพศทางเลือก บ้างก็มองว่าเพศสภาพนั้นมีแค่ชายกับหญิงเท่านั้น!! และนี่คือเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากมายในโลกโซเชียล กับกรณีของ สส. ญี่ปุ่น ออกมาให้ความเห็นว่ากลุ่ม LGBT ไม่สมควรได้รับสวัสดิการจากรัฐ เพราะพวกเขาไม่สามารถมีลูกได้!? Mio Sugita เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทำงานเป็นผู้บัญญัติกฎหมายของพรรคประชาธิปไตยเสรีนิยม (Liberal Democratic Liberty) ของประเทศญี่ปุ่น เธอได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกลุ่มเพศทางเลือกผ่านทางรายการเมื่อปี 2015 และสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก เธอบอกว่า “ย้อนกลับไปในช่วงที่เรียนอยู่ คุณครูถามฉันว่าคิดเห็นอย่างไรกับ LGBT โดยยกข้อมูลมาให้ว่าสถิติการฆ่าตัวตายของคนเหล่านี้สูงกว่าคนปกติทั่วไปถึง 6 เท่า แล้วคุณคิดว่าพวกเขามีความจำเป็นมั้ย? ฉันก็เลยตอบไปว่าไม่เลยแม้แต่น้อย” “มีครั้งหนึ่งที่ฉันเจอผู้หญิงที่เท่มากๆ เลยส่งจดหมายรักไปให้กับเธอ แต่พอโตมาฉันก็ตกหลุมรักผู้ชาย ได้แต่งงาน และกลายเป็นแม่คน ทำให้รู้ว่าที่ฉันเคยรู้สึกไปเมื่อในอดีตนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปโดยธรรมชาติ” “หลายๆ คนที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงที่ค่อนข้างจะมีอารมณ์อ่อนไหว ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกชอบพอกับเพศเดียวกัน ผู้ชายรักผู้ชาย ผู้หญิงรักผู้หญิง พวกเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิด มันจะเป็นอย่างไรถ้าเราสอนเด็กๆ ให้คิดแบบนี้กันล่ะ? มันจะทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับไปเป็นปกติได้น่ะสิ” …
-
ญี่ปุ่นร้อนจัด ร้อนเสียจน “หุ่นฟิกเกอร์” กลายเป็น “ไมเคิล แจ็กสัน” ไปหมดแว้ววว ฮ่าๆ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้ถือว่าประสบปัญหาทางสภาพอากาศค่อนข้างรุนแรงเลยทีเดียว อุณหภูมิที่ร้อนจนทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นเกิดความยากลำบากกันถ้วนหน้า และปัจจุบันก็ยังคงร้อนอยู่อย่างต่อเนื่อง ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยได้เผยผ่านทวิตเตอร์เกี่ยวกับอากาศร้อนที่พวกเขาประสบ ล่าสุดทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @genkinokakera ก็ได้เผยภาพว่าความร้อนนั้นได้ส่งผลไปถึงหุ่นฟิกเกอร์ของเขาเรียบร้อยแล้ว เจ้าของทวิตเตอร์ดังกล่าวมีโมเดลฟิกเกอร์ของตัวละครที่ชื่อว่า Ritsuko Akagi จากเรื่อง Evangelion แต่ล่าสุดก็ถูกความร้อนทำให้มันกลายเป็น… ไมเคิล แจ็กสัน ไปเสียแล้ว!!! ความร้อนจากอุณภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นทำให้หุ่นฟิกเกอร์ซึ่งผลิตมาจากพลาสติกเกิดการละลายที่บริเวณข้อเท้าของตัวละคร จึงทำให้ตัวหุ่นนั้นเอนไปด้านหน้า แต่ก็ไม่ล้มลง มันจึงเกิดเป็นภาพที่ดูเท่ไปอีกแบบ ราวกับเป็นท่าเต้นต้านแรงโน้มถ่วงในเพลง Smooth Criminal ของ ไมเคิล แจ็กสัน เลยทีเดียว! ทวิตเตอร์ @ROLLS_Ash_LOVE จึงตัดต่อภาพนี้เข้ามาคอมเมนต์ เรียกเสียงฮากระจายเลยทีเดียว (เนียนเลย ฮ่าๆ) หลังจากชาวเน็ตเข้ามาเห็นหุ่น Ritsuko สุดสวยกลายเป็นแบบนี้ ก็เข้ามาคอมเมนต์กันเพียบ! ลองมาดูตัวอย่างกันเถอะ… “ลุกขึ้นเถอะ Ritsuko!” “ฉันคิดว่าคราวหลังคงต้องเอาหุ่นฟิกเกอร์แปะติดกับผนังแล้วล่ะ” “ฉันเห็นทวิตนี้ปุ๊บ ฉันต้องรีบวิ่งไปดูหุ่นฟิกเกอร์ของฉันบ้างเลยล่ะ” “โว้ว มันโดนความร้อนแล้วละลายได้ด้วยเหรอเนี่ย? หวังว่าหุ่น Hatsune Miku ของฉันจะไม่เป็นไรนะ” อย่างไรก็ตาม หากเป็นหุ่นฟิกเกอร์ราคาแพงที่ผลิตจากวัสดุอย่างดีก็จะไม่ละลายหากโดนความร้อน บังเอิ๊ญเจ้าหุ่น Ritsuko ตัวนี้ดันเกรดไม่สูงน่ะสิ……
-
หนุ่มญี่ปุ่นสร้างหุ่นโมเดลขึ้นมาจาก “แมลง” ทั้งเท่ทั้งหลอนในเวลาเดียวกัน…
โมเดล ฟิกเกอร์ หรือ หุ่นยนต์ คงเป็นของเล่นชั้นยอดสำหรับเด็กๆ รวมไปถึงเป็นของสะสมราคาแพงสำหรับผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบ แต่สำหรับผู้ที่ล่วงเลยวัยเล่นหุ่นยนต์แต่ก็ไม่มีเงินพอซื้อฟิกเกอร์ตัวเท่ๆ แพงๆ ก็คงต้องทำใจ ในเมื่อไม่มีเงินแต่คนเรามีความสามารถ วัยรุ่นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งจึงเกิดความคิดเจ๋งๆ ประกอบเจ้าหุ่นโมเดลขึ้นเองเสียเลย แต่ประกอบขึ้นวัสดุที่หลายๆ คนมองข้ามนั่นก็คือ ตัวแมลง นั่นเอง ทวิตเตอร์ของหนุ่มญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า @ride_hero ได้อัปโหลดรูปภาพผลงานของตัวเอง มันเป็นโมเดลหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นเอง แต่เขาสร้างมันจาก “ตัวจักจั่น” หุ่นยนต์จักจั่นมาแล้วจ้าา เมื่อจักจั่นเติบโตขึ้นมันก็จะลอกคราบและสลัดเอาเปลือกนอกชิ้นเก่าทิ้งไป @ride_hero จึงพบเจอเปลือกเหล่านี้อยู่ทั่วบริเวณบ้าน และจึงคิดใช้ประโยชน์จากมันโดยการนำมาประกอบเป็นหุ่นโมเดลนั่นเอง เขาแต่งเนื้อเรื่องให้มันด้วยล่ะ เขาบอกว่าเจ้าตัวนี้มันมาจากนอกโลก และเข้ามารุกรานโลกในฐานะแมลงที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าตัวนี้กลับแพ้ทางให้กับไฟสุดๆ เลยล่ะ (เราคงรู้นะว่าทำไม ฮ่าๆ) ทั้งตัวทำจากเปลือกจักจั่นจริงๆ และแปะติดกันด้วยหมุดและกาว ที่ @ride_hero มีความสามารถขนาดนี้ก็เพราะว่าเขาชื่อชอบพวกหุ่นโมเดลอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นช่างถ่ายภาพที่ชอบถ่ายภาพโมเดลของซูเปอร์ฮีโร่ในท่าทางต่างๆ อีกด้วย หากใครสนใจและชื่นชอบผลงานของเขาก็อย่าลืมเข้าไปติดตามผลงานของหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้เลยที่ทวิตเตอร์ @ride_hero ยังไงล่ะ ส่วนชาวเน็ตที่เข้ามาเห็นเจ้าหุ่นโมเดลจักจั่นก็พากันคอมเมนต์เพียบเลยล่ะ เช่น… “เจ๋ง!” “เหมือนมาจากเกม Dark Soul เลยแฮะ” “ฉันชอบอะไรแบบนี้มากๆ เลยล่ะ ตอนฉันเห็นรูปนี้ฉันตื่นเต้นมาก…
-
รู้จักกับ ‘คุณตา’ นักเพาะกายวัย 81 ปีที่พิสูจน์ให้เห็นว่า “ไม่มีใครแก่เกินเล่นกล้าม”
ร่างกายของเรานั้นจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา กระดูกและกล้ามเนื้อที่เคยแข็งแรงก็จะอ่อนแอลงหรืออาจใช้งานไม่ได้ โดยเฉพาะในวัยที่ล่วงเลยเลข 8 ไปแล้ว นับว่าเป็นช่วงวัยชราที่ร่างกายคนเราจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคุณตาชาวญี่ปุ่นวัย 81 ปีคนนี้ยังสามารถเล่นกล้ามและเป็นนักเพาะกายได้อย่างสง่างาม ถึงแม้จะไม่ได้ดูเฟิร์มเหมือนนักเพาะกายหนุ่มๆ แต่ถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกันแล้วถือว่าร่างกายคุณตานั้นแข็งแรงมากจริงๆ Toshisuke Kanazawa นักเพาะกายวัย 81 ปี คุณตา Toshisuke เคยเป็นแชมป์นักเพาะกายหลายครั้งในสมัยยังเป็นหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “ไม่มีใครแก่เกินเล่นกล้าม” วัยที่ล่วงเลยก็ไม่อาจทำอะไรชายที่ชื่อว่า Toshisuke คนนี้ได้เลย ในอดีตคุณตาเคยเป็นนักเพาะกายก็จริง แต่เขาเลือกที่จะหยุดมันในวัย 34 ปีและเริ่มมัวเมากับการกิน ดื่มสุรา และสูบบุหรี่ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณตาปรารถนา จนผลสุดท้ายไม่เหลือเค้าของอดีตแชมป์นักเพาะกายอีกแล้ว คุณตาเริ่มมีแรงฮึดในการกลับมาเพาะกายอีกครั้งในวัย 50 ปี และก็ได้กลับมาโลดแล่นอยู่บนโลกของการประกวดเพาะกายอีกครั้งอย่างสง่างาม หนึ่งในแรงบันดาลใจให้คุณตา Toshisuke กลับมาเข้าโรงยิมยกน้ำหนักและเล่นกล้ามอีกครั้งก็คือ ภรรยา ของคุณตานั่นเอง คุณตาอยากเห็นรอยยิ้มที่แสนมีความสุขของภรรยายามที่ได้ที่รู้ข่าวว่าเขาเป็นแชมป์เพาะกาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าร่างกายของคุณตาไม่ได้เหมือนกับตอนวัยหนุ่มอีกแล้ว จากการที่เคยเข้ายิมยกน้ำหนัก 6 ชั่วโมงต่อวันก็ตัดเหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และหลังออกกำลังคุณตาก็ต้องพักฟื้นเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว คุณตา Toshisuke กล่าวว่าเขาจะยังคงเล่นกล้ามเพาะกายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 85 ปีเป็นอย่างน้อย…
-
คลื่นร้อนญี่ปุ่นทุบทุกสถิติทะลุ 40 องศา คร่า 30 ชีวิต อีกนับหมื่นเข้าโรงพยาบาล…
สำหรับประเทศไทยแล้ว คงจะคุ้นชินกับอากาศร้อนๆ เป็นอย่างดี หากไม่ได้ออกไปไหนก็หลบอยู่ภายในอาคาร เปิดพัดลมเปิดแอร์แช่กันไป หรือหากจะต้องออกไปข้างนอกก็หาน้ำเย็นทานคลายร้อนระหว่างทางได้เสมอ แต่ทว่าในประเทศญี่ปุ่นกลับกัน เนื่องจากอากาศที่ร้อนยิ่งกว่าในปีไหนๆ สภาพอากาศที่เปิดโล่งจนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกับร่างกาย ส่งผลทำให้ปีนี้เป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในญี่ปุ่น หลังจากที่ทางตะวันตกของญี่ปุ่นเพิ่งจะประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ได้ไม่นาน คลื่นความร้อนก็ได้ปกคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่นตามมาทันที โดยเฉพาะในเขตกรุงโตเกียวนั้น ได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับภัยความร้อนมากถึง 3,000 ครั้งภายในวันเดียว จากรายงานของแหล่งข่าวต่างประเทศ มีผู้เข้ารับการรักษาจากอาการฮีทสโตรก (โรคลมแดด) รวมแล้วทั้งสิ้น 12,000 รายทั่วประเทศ จากสภาพอากาศที่ร้อนพุ่งทะลุ 38 – 40 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนแล้ว 30 ราย หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุด คือเด็กชายวัย 6 ขวบจากจังหวัดไอจิ นักเรียนวัยประถมที่ออกไปทำกิจกรรมนอกห้องเรียน จนกระทั่งรู้สึกไม่สบายตัวจากความร้อนและเสียชีวิตด้วยโรคลมแดดในเวลาต่อมา ทางการได้สั่งประกาศให้ประชาชนพกน้ำดื่มติดตัว ดูแลอุณหภูมิร่างกายเวลาออกไปข้างนอก อีกทั้งยังให้โรงเรียนยุติทำกิจกรรมนอกห้องเรียนต่างๆ ในช่วงเวลานี้ จนกว่าคลื่นความร้อนจะมีอุณหภูมิลดลง ที่มา: japantimes, japantimes(2), independent, express, news.sky.com, abc
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นโวย “อากาศร้อน” พากันออกมาโชว์ ‘ทำอาหาร’ ในรถยนต์ให้ดูกันไปเลย!
ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหา อากาศร้อน อย่างรุนแรง จนประชาชนชาวญี่ปุ่นมากหน้าหลายตาต้องประสบกับปัญหาและความยากลำบาก โดยเฉลี่ยอุณหภูมิทั่วประเทศญี่ปุ่นในช่วงหน้าร้อนนั้นสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส และอาจสูงได้มากถึง 40 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน ซ้ำร้ายความชื้นโดยเฉลี่ยยังต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย แต่ปี 2018 ดูเหมือนจะเลวร้ายกว่าปีไหนๆ กระทั่งมีข่าวว่าร้อนจนเด็กนักเรียนสอบได้คะแนนน้อยกันเป็นแถบ รวมถึงมีเด็กนักเรียนที่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากอากาศร้อนจนเกินไป แต่ถึงกระนั้นชาวญี่ปุ่นหลายคนก็ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส อากาศร้อนขนาดนี้มันก็ต้องมีประโยชน์กันบ้างแหละ!! ขณะที่อากาศโดยรวมภายนอกจะอยู่ที่ราว 40 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเป็นในรถยนต์ล่ะก็รับรองว่าร้อนได้ใจแน่ๆ เริ่มจากชาวทวิตเตอร์ที่ชื่อ @bigboss0930 ก่อนเลย เขานำแผ่นแฮมไปวางไว้บนหลังคารถยนต์สีดำ และผลลัพธ์ก็ปรากฏว่ามัน “สุกกรอบ” จนรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อยเลยทีเดียว นำแผ่นแฮมมาวางลงบนหลังคารถ แดดและอุณหภูมิที่ร้อนๆ ยิ่งทำให้หลังคารถกลายเป็นเหมือนกระทะเลยทีเดียว ส่วนชาวเน็ตอีกรายที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @JR500K ก็ได้โพสต์การใช้ความร้อนให้เกิดประโยชน์อีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือการ “ต้มไข่” ในรถ เขานำไข่ไก่แพ็ก 10 ฟองไปวางไว้ในรถบริเวณกระจกหลัง ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น พอเปิดดูผลปรากฏว่า ไข่ทั้งแพ็กกลายเป็น ไข่ลวก (เหลวๆ หน่อยไม่ถึงกับเป็นไข่ต้ม แต่ก็สุกสามารถทานได้) …
-
หนุ่มญี่ปุ่นเปิดเผยกับครอบครัวว่า “เป็นเกย์” และผลตอบรับก็ทำให้ชาวเน็ตน้ำตาคลอ…
เรื่องของเพศทางเลือกถึงแม้จะมีการยอมรับมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะเปิดเผยตัวเองกับ “พ่อแม่และครอบครัว” ว่าเรา เป็นเกย์ เรื่องการเปิดเผยตัวตนและเพศที่ตนเองเลือกนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยหากคนรอบตัวเปิดใจให้การยอมรับ ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าก็ยังมีคนที่คอยเหยียดและแบ่งแยกเพศอยู่เสมอๆ บังเอิญได้เจอทวิตเตอร์ของหนุ่มญี่ปุ่นที่ชื่อว่า @_Fromage_ ผู้ที่โพสต์ภาพข้อความการ เปิดเผยเพศตัวเอง พร้อมทั้งแฟนหนุ่มของเขาให้ครอบครัวได้ทราบ แล้วครอบครัวของเขาก็น่ารักมากๆ เสียด้วย เขาเขียนคำบรรยายโพสต์ดังกล่าวว่า: “ขณะที่ผมป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ผมเรียกครอบครัวพร้อมทั้งแฟนของผมมา นั่นแหละครั้งแรกที่ผมบอกทุกคนว่าผมเป็นเกย์ และแนะนำแฟนที่คบกันมา 6 ปีของผมให้พวกเขารู้จัก น้องสาวของผมขำก๊ากออกมาแล้วพูดออกมาว่าเธอเองรู้อยู่แล้ว ส่วนแม่ก็แอบขำคิกคัก และวันนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่พอวันรุ่งขึ้นผมก็ได้ข้อความจากแม่” ข้อความจากแม่ มีใจความดังนี้: “เกี่ยวกับหนุ่มคนนั้นคนที่เป็นเพื่อนสนิทของลูกและคนที่ได้หัวใจของลูกไป แม่เข้าใจนะเขาเองก็ดูเป็นคนดี และพูดตรงๆ แม่โล่งอกมากๆ ที่เห็นลูกได้คบใครแบบนั้น มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถึงแม่จะคิดถึงยุคสมัยเก่าๆ แต่แม่ก็ไม่อาจปฏิเสธคนที่เดินตามหัวใจตัวเองแบบลูกได้หรอกนะ ลูกอยู่กับเขาแล้วมีความสุขด้วยกันหรือเปล่า นั่นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ ก่อนอื่น ลูกกับเขาควรทำความรู้จักตัวตนกันและกันให้มาก และแม่หวังว่าวันหนึ่งเขาคนนั้นนั่นแหละที่จะกลายเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจลูกมากที่สุด” เมื่อเรื่องราวน่าประทับใจนี้ถูกโพสต์เล่าบนทวิตเตอร์ ผู้คนก็เข้ามาคอมเมนต์กันมากมาย เช่น… “เป็นครอบครัวที่น่าทึ่งมาก คุณต้องดูแลพวกเขาและแฟนของคุณให้ดีๆ เลยนะ” “ฉันหวังว่าฉันจะเป็นแม่ที่ดีให้กับลูกๆ อย่างนี้บ้าง” “เป็นแม่ที่ดีมากๆ พ่อแม่บางคนไม่สนใจเลยว่าลูกตัวเองจะเป็นอย่างไร แต่แม่ของคุณนั้นใส่ใจคุณมากๆ เป็นครอบครัวที่เจ๋งจริงๆ” “นี่แหละคือความรักที่แท้จริง ฉันว่าฉันจะร้องไห้แล้วล่ะ”…
-
จับกุมอดีตพยาบาล ลอบวางยาผู้ป่วยสูงวัยเสียชีวิต คาดลงมือหวังผลไม่ต่ำกว่า 20 ราย!!
คดีสะเทือนขวัญในครั้งเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 เมื่อมีผู้ป่วยสูงอายุ 2 ราย เสียชีวิตอยู่บนเตียงชั้น 4 ในโรงพยาบาล Oguchi จังหวัดโยโกฮาม่า ในวันที่ไล่เลี่ยกัน พร้อมกับหลักฐานความผิดปกติในถุงน้ำเกลือของผู้ป่วย โดยคาดว่าเป็นการลงมือฆาตกรรม แต่ไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ (ข่าวเก่า) ล่าสุดนี้ทางเว็บไซต์ Asahi Shimbun ได้ทำการรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว หน่วยงานตำรวจจังหวัดคานางาวะ ได้ทำการจับกุมนาง Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาลวัย 31 ปี ในวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาล ผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุฆาตกรรม ในข้อหาต้องสงสัยลงมือฆาตกรรมผู้ป่วยสูงวัย 2 ราย ได้แก่นาย Sozo Nishikawa วัย 88 ปี และนาย Nobuo Yamaki วัย 88 ปี ด้วยวิธีการเจือนปนยาฆ่าเชื้อผสมในถุงน้ำเกลือ …
-
หนุ่มฝรั่งรูปหล่อ ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ผันตัวมาเป็นนักจัดสวนแบบเซนเต็มตัว!!
หากใครได้ลองไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คงจะมีแว่บนึงที่คิดขึ้นมาในหัวว่า ‘ฉันอยากจะมาอยู่ที่นี่จัง’ กันบ้างอย่างแน่นอน!! เช่นเดียวกันกับพ่อหนุ่มฝรั่งท่านนี้ ที่เป็นชาวสวีเดนโดยกำเนิด แต่พอได้มาอยู่ที่ญี่ปุ่นและได้เรียนรู้วัฒนธรรมการจัดสวนแบบเซนก็ทำให้เขาเกิดหลงใหลและผันตัวกลายมาเป็นนักจัดสวนไปโดยปริยาย!! เขามีชื่อแบบสวีเดนว่า Jakob Sebastian Björk และมีชื่อญี่ปุ่นว่า Tatsumasa Murasame เรื่องราวของพ่อหนุ่มคนนี้ถูกนำมาโพสต์โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @kuroda_xxx ทำให้ชาวเน็ตต่างก็คลั่งไคล้ในความหล่อของพี่แกไปตามๆ กัน โพสต์ดังกล่าวใช้แคปชั่นว่า ” – เขาต้องการที่จะใช้ชีวิตแบบชาวญี่ปุ่น เขาก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนสัญชาติ และตอนนี้ก็กลายมาเป็นชาวญี่ปุ่นเต็มตัว – เขาหล่อมากๆ หล่อแบบวัวตายควายล้ม – เขากล้ามแน่นมากๆ – เขาเป็นนักจัดสวนที่มีฝีมือ – เขามีชื่อที่โคตรเท่ว่า Tatsumasa Murasame ซึ่งตั้งโดยอาจารย์ที่สอนวิชาจัดสวนให้กับขา” หล่อโฮกกกกกก!! ทวีตของ @kuroda_xxx ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์มากถึง 361,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 103,000 ครั้งเลยทีเดียว!! จากความหล่อเหลาและใจรักในการทำสวนแบบชาวญี่ปุ่น ก็ทำให้พี่แกโด่งดัง ไปออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ มากมาย แถมยังเป็นนายแบบให้กับนิตยสาร Tokyo Graffiti ต้วย!! …
-
ญี่ปุ่นผวา! หลังน้ำท่วมใหญ่ได้พัดพาเอา “ดาบซามูไร” คมกริบหลายสิบเล่มไปกับกระแสน้ำ…
หลังจากเกิดน้ำท่วมกระครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ความเสียหายจึงเกิดขึ้นทั่วพื้นที่ ความเดือนร้อนนั้นแพร่กระจายไปทุกหนแห่งที่น้ำมวลมหาศาลนี้ไหลไปเยี่ยมเยือน ไม่เว้นแม้แต่ โรงตีดาบ ชายคนหนึ่งผู้อาศัยอยู่ในเมืองเซะกิ จังหวัดกิฟุ นครแห่งดาบซามูไรชั้นยอดอันเลื่องชื่อ เขาคือช่างตีดาบที่ได้สืบสานตำนานดาบซามูไรให้ยังคงมีมนต์ขลังอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ล่าสุดขณะที่หลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นต้องประสบกับภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่มวลน้ำที่ไหลหลากมาจนทะลักแม่น้ำสึโบกาวะ เมืองเซกิ ได้กลืนกินตลิ่งข้างแม่น้ำรวมไปถึงโรงเก็บดาบซามูไรอีกด้วย หลังจากภัยพิบัติเริ่มสงบลง ช่างตีดาบคนดังกล่าวจึงพยายามค้นหาดาบที่สูญหายจนทั่วบริเวณ แต่กลับพบเพียงอาวุธที่ถูกเก็บเอาไว้ในตัวอาคารเท่านั้น จากนั้นเขาจึงติดต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐของญี่ปุ่น ทำให้เกิดการตั้งทีม 10 คนเพื่อค้นหาใบมีดที่หายไป ซึ่งการค้นหาก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องกระทั่งปัจจุบัน ภาพเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา https://twitter.com/masayumi5/status/1015723435438137344?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1015723435438137344&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F07%2F11%2Fsamurai-sword-hunt-begins-as-storm-washes-away-blacksmiths-warehouse-in-gifu-prefecture%2F อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบว่าในโรงตีดาบดังกล่าว มีดาบประมาณ 20 เล่มจาก 40 เล่มที่หายไปอยู่ ล่าสุดวันที่ 10 กรกฎาคม มีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าดาบที่เหลืออีกราวๆ ครึ่งหนึ่งนั้นสูญหายโดยไม่สามารถค้นหาได้พบ อย่างไรก็ตามทั้งตัวช่างตีดาบและเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นกลับเป็นห่วงถึงความอันตรายที่เกิดขึ้น หากน้ำพัดพาเอาดาบซามูไรที่มีความคมไปยังสถานที่ต่างๆ อาจจะสร้างอันตรายแก่ประชาชนได้ ที่มา: soranews24 และ @masayumi5
-
ญี่ปุ่นน้ำท่วมหนักผู้คนอพยพหนี กลับมาดูอีกทีพบม้าแคระตัวน้อยยังรอด ยืนบนหลังคาบ้าน…
สถานการณ์ในฝั่งประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ยังคงน่าเป็นห่วง จากสภาพน้ำท่วมและฝนตกหนักจนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งนอกเหนือจากบ้านเรือนได้รับความเสียหายแล้ว สัตว์เลี้ยงต่างก็สูญหายไปด้วยเช่นกัน เรื่องราวของเจ้า Leaf ม้าแคระสำหรับช่วยบำบัด ได้สูญหายไปในช่วงที่น้ำท่วมทะลักเข้าสู่ฟาร์มพร้อมกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่อยู่ภายในนั้น โดยที่ไม่มีเวลาในการขนย้ายพวกมันได้ทัน โดยภายหลังจากที่น้ำท่วมในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลยังไม่ทราบชะตากรรมของเหล่าสัตว์ในฟาร์ม พวกเขาได้จัดตั้งทีมเพื่อออกตามหามัน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ เป็นเบาะแสเลย จนกลัวว่ามันอาจจะจมหายไปกับสายน้ำแล้ว ภายหลังระดับน้ำเริ่มลดลง พวกเขาก็ยังไม่ทิ้งความหวังสุดท้าย ออกตามหาเจ้าม้าแคระอายุ 9 ขวบตัวนี้อีกครั้ง จนในที่สุดก็พบว่ามันยังมีชีวิตอยู่ แต่ไปโผล่บนหลังคาบ้าน!? คุณ Mari Tanimoto วัย 49 ปี เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกล่าวว่า เธอรู้สึกช็อคและตกใจหลังจากที่ได้รับสายรายงานว่าเจ้า Leaf นั้นปลอดภัยดี ร่างกายเต็มไปด้วยโคลน มีอาการบาดเจ็บที่ขาหนึ่งข้าง แต่โดยรวมแล้วไม่ได้รับอันตรายใดๆ ชาวบ้านที่เห็นต่างสงสัยว่ามันไปอยู่บนนั้นได้อย่างไร เพราะระดับน้ำที่ท่วมนั้นไม่น่าจะถึงหลังคาที่มันไปยืนอยู่ตรงนั้นได้… ถึงอย่างไรก็ตาม ข้อสงสัยนั้นเอาเก็บไว้ก่อน จะต้องพาเจ้า Leaf ลงมาจากหลังคาก็ไม่ใช้เรื่องง่าย เพราะจะต้องค่อยๆ เอาแครอทมาล่อให้มันกินเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการตื่นตกใจ และค่อยๆ ต้อนออกมาจากทางหน้าต่างลงมาสู่ชั้นล่าง …
-
เอ๋า! ส่องเส้นทางในญี่ปุ่นผ่าน Google แต่ดันไปเจอห้องกระจกสำหรับ “ถ่าย AV” เฉยเลย!!
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยใช้ Google Street View กันแล้วใช่หรือไม่? แต่หากใครยังไม่เคยใช้ล่ะก็ ต้องบอกก่อนเลยว่าเจ้า Google Street View เป็นเทคโนโลยีที่ทางกูเกิลได้พัฒนาให้ระบบการดูแผนที่นั้นเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ทางกูเกิลจำเป็นต้องส่งทีมกล้องออกไปยังพื้นที่ต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อเก็บภาพมาใส่ไว้ในระบบ เมื่อถึงตรงนี้ผู้ที่เข้ามาใช้งานก็สามารถดูแผนที่ได้ทั้งแบบกว้างๆ และแบบขยายจนเห็นผู้คนและบ้านช่องได้เลยทีเดียว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนี้นี่เองที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ใช้ Google Street View เพื่อส่องดูอะไรสักอย่างแล้วบังเอิญไปเจอกับ ห้องกระจกน่าสงสัย เข้าให้ ห้องกระจกน่าสงสัยที่ตากล้องของ Google บังเอิญถ่ายติดมา สำหรับชาวญี่ปุ่นและผู้ที่เสพสื่อบันเทิง 18+ ของญี่ปุ่นแล้วแทบไม่ต้องเดาเลยว่านี่เป็นรถห้องกระจกที่มีไว้สำหรับทำอะไร มันคงเป็นอะไรที่คุ้นตาอย่างมากเลยทีเดียวเชียวล่ะ แท้จริงแล้ว เจ้ารถห้องกระจกน่าสงสัยนี้ก็คือ สตูดิโอสำหรับถ่ายภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ ของญี่ปุ่นนั่นเอง กับฉากที่พระเอกนางเอกต้องทำกิจกรรมจ้ำบ๊ะกันในห้องกระจกท่ามกลางสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ฉากนี้แหละใช่เลย… ค่อยโล่งใจหน่อยที่ไม่ถ่ายตอนเขากำลังแสดง “หนัง” กันอยู่พอดี… ที่มา: ck101
-
แม่โพสต์ทวิตเตอร์ ลูกชายทำข้อสอบแบบ “คิดนอกกรอบ” คุณครูใจดีให้คะแนนด้วย!!?
การเป็นคุณครูนั้นบางที่ก็ต้องมีความยืดหยุ่น มีความเปิดใจและเข้าใจเด็ก บางครั้งการเข้มงวดและยึดติดจนเกินไปก็อาจจะไม่ใช่ผลดี ดูเหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่าง คุณครูคณิตศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่นได้ยอมรับว่าเด็กคนหนึ่งตอบถูกและได้คะแนนถึงแม้ว่า เด็กคนนั้นจะไม่ทำตามโจทย์ที่ให้มาก็ตาม Tomoko Takagawa คุณแม่ของเด็กคนดังกล่าวได้โพสต์ภาพลงบนทวิตเตอร์ @darkmatter_tomo ว่าลูกชายคนเล็กชั้น ป.1 ของเธอได้ทำข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ที่มาพร้อมภาพสีสันน่ารักได้ถูกต้อง โจทย์ข้อที่ 1 มีเป็ดว่ายน้ำอยู่ในบ่อ 4 ตัว และที่กำลังวิ่งมาที่บ่ออีก 1 ตัว ส่วนข้อที่ 2 มีโหลปลาทองอยู่ 2 โหล โหลแรกมีปลาอยู่ 1 ตัว โหลที่สองมีปลาอยู่ 2 ตัว ซึ่งทั้งสองโหลกำลังถูกเทรวมกันในตู้ปลา และคำถามก็คือ “มีเป็ดรวมกันทั้งหมดกี่ตัวและมีปลารวมกันทั้งหมดกี่ตัว?” ถึงตรงนี้เราคงจะตอบกันโดยแทบไม่ต้องคิดว่า เป็ด 5 ตัว และปลา 3 ตัว แต่เจ้าหนูกลับตอบว่า มีเป็ดอยู่ 6 ตัวและมีปลาอยู่ 4 ตัว… ทุกท่านคงคิดว่ามันผิดแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ? แต่เจ้าหนูกลับได้รับคะแนนสำหรับคำตอบเหล่านี้ เพราะว่าเขาได้มีการ วาดรูป เป็ดอีกตัวเพิ่มเข้าไป แถมวาดปลาเพิ่มเข้าไปอีก 1 ตัวด้วยเช่นกัน…
-
สาแก่ใจยิ่งนัก… หนุ่มญี่ปุ่นแค้นตำรวจ ‘โดนจับแคะหูตอนขับรถ’ ฟ้องร้องชนะแค่ 100 บาท!?
ถือเป็นคดีแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศญี่ปุ่น กรณีจากปี 2010 เมื่อนาย Kazunori Terashima วัย 41 ปี จากจังหวัดไซตามะ ได้โชว์ผลงานอันภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขา ด้วยการเปิดเผยจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีมูลค่า 350 เยน (105 บาท) อันได้มาจากคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะไซตามะ เงินจำนวนดังกล่าวได้มาจากการต่อสู้คดีความกับตำรวจนายหนึ่งเป็นเวลานานร่วม 2 ปีครึ่ง จากการหยุดรถแจ้งข้อหาทำผิดกฎจราจร เนื่องจากการแคะหูระหว่างขับรถ!? ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2010 นาย Terashima กำลังขับรถ พักศอกของเขาไว้บนที่พักแขนเบาะที่นั่งคนขับ และทำการแหย่แคะหูไปพลางๆ ตามรายงานไม่ได้ระบุว่าเขาใช้ไม้แคะหรือใช้นิ้วเปล่าๆ แต่อย่างใด จนกระทั่งตำรวจจราจรสังเกตเห็นและได้เข้าแสดงตัว พร้อมกับเป่านกหวีดสะบัดธงแดงเพื่อให้นาย Terashima หยุดรถ เนื่องจากลักษณะพฤติกรรมคล้ายกับการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธอย่างไร เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมเชื่อ ไปจอดแคะหูตรงนู้นนะ… “ผมไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย คุณตำรวจเช็กประวัติการใช้งานได้นะ” ตำรวจสวนทันควัน “เอาใบขับขี่มาดู ถ้าไม่ยอมควักออกมา ผมจำเป็นจะต้องจับคุณ” เถียงกันไปมาเกือบ 20 นาที…
-
แพ้อย่างสง่างาม… บรรยากาศกองเชียร์ ‘ซามูไรน้ำเงิน เลือดบูชิโด’ สะอาดทั้งใจและสถานที่!!
ผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 คู่ ญี่ปุ่น – เบลเยียม รอบ 16 ทีม ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นคู่ที่ดูลุ้นสนุกทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งผลก็ปรากฏออกมาเป็นเบลเยียมสามารถเอาชนะซามูไรน้ำเงินไปได้ด้วยสกอร์ 3 – 2 ประตู . ซึ่งหลังจากทีมชาติญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติเบลเยียม กองเชียร์ซามูไรน้ำเงินที่ตามไปถึงติดขอบสนาม ต่างรู้สึกเสียใจและร้องไห้กับผลลัพธ์ที่ออกมา แต่กลับไม่มีอาการโกรธแสดงออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย . เมื่อสิ้นสุดเสียงนกหวีดจากกรรมการ อันเป็นการจบเกมโดยสมบูรณ์ นักเตะทีมชาติญี่ปุ่นซามูไรน้ำเงิน ต่างรวมตัวกันเดินไปยังขอบสนามทางด้านกองเชียร์เลือดบูชิโด เพื่อโค้งคำนับให้กับการติดตามสนับสนุนพวกเขาเป็นอย่างดีเสมอมา… Here’s Team #JPN staying on the field after that heartbreaking loss and paying tribute to their fans as their #WorldCup comes…
-
ญี่ปุ่นเผยเซตข้อคำถามที่ตัดสินแล้วว่า “ไม่เหมาะสม” ในการใช้ถามในการสัมภาษณ์งาน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดในเรื่องของการทำงานอย่างมาก การทำงานนั้นจะต้องตรงเวลาและมีความรับผิดชอบสูง พนักงานจะต้องมีความสามารถในการทำงานที่หัวหน้าสั่ง ฉะนั้น การว่าจ้างพนักงานในบริษัทของประเทศญี่ปุ่นก็จะมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้สมัครว่าสามารถเข้ากันกับวัฒนธรรมขององค์การได้หรือไม่ การสัมภาษณ์จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ แต่หลายครั้งการสัมภาษณ์ก็มีคำถามต่างๆ ที่อาจดูเป็นการคุกคามตัวผู้สมัครงานและอาจดูไม่เหมาะสม ล่าสุดกระทรวงแรงงานของจังหวัดคุมะโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้และขอให้แต่ละองค์การมีการสัมภาษณ์งานด้วยข้อคำถามที่เหมาะสม ทางกระทรวงแรงงานได้เผยข้อคำถามต่างๆ ที่มองว่า “ไม่เหมาะสม” ในการสัมภาษณ์หรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับงาน เช่น ครอบครัว สถานะทางบ้าน ภูมิลำเนา และปรัชญาทางการเมืองของผู้สมัคร เป็นต้น โดยตัวอย่างข้อคำถามที่ไม่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งานมีดังนี้: -คุณเกิดที่ไหน? -พ่อแม่ของคุณทำงานประเภทไหน? -คุณเป็นลูกคนเดียวหรือไม่? -รถที่คุณขับเป็นรถประเภทใด? -คุณนับถือศาสนาพุทธหรือไม่? -พรรคการเมืองใดมีความคิดใกล้เคียงกับคุณมากที่สุด? -คุณต้องการแต่งงานในวันใดวันหนึ่งหรือไม่? -บุคคลในประวัติศาสตร์คนใดที่คุณชื่นชอบ? -คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับลัทธิมากซ์ -คุณเป็นสมาชิกกลุ่มหรือองค์กรใดอยู่หรือไม่? -หนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวใดที่คุณอ่าน? คำถามเหล่านี้ บางข้อเป็นการถามถึงความเชื่อและค่านิยมทางศาสนาและการเมืองโดยตรง บางครั้งคำตอบของผู้สมัครอาจทำให้ผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีคำถามที่เกี่ยวกับรถที่ขับ และบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สามารถพูดคุยกันได้ในชีวิตประจำวัน หากคำถามเหล่านี้มีส่วนตัดสินการเข้ารับทำงาน จะสามารถแปลได้ว่าบริษัทดังกล่าวประเมินค่าของผู้สมัครที่สถานะทางสังคมและอุดมคติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝีมือและความสามารถในการทำงานเลยแม้แต่น้อย การสัมภาษณ์งานนั้นสำคัญอย่างมากที่จะทำให้บริษัทได้รับคนที่มีความสามารถเข้าทำงานตามที่ต้องการ ฉะนั้น ควรมีผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบข้อคำถามในการสัมภาษณ์โดยเฉพาะ ที่มา: soranews24
-
ชาวโคลอมเบียโร่ขอโทษ หลังคลิปแฟนบอลชาติตัวเอง หลอกแฟนบอลญี่ปุ่นพูด ‘เป็นคุณตัว’
คงจะเคยเห็นมุกตลกขบขันที่ให้ชาวต่างชาติลองพูดคำเป็นภาษาตัวเอง อย่างเช่นคำว่า ‘สวัสดี’ ให้พูดว่า ‘บิดาท่านสิ้น’ อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้ามองผิวเผินอาจจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ก็ไม่ควรมองข้าม… เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อมุมมองของคนในชาติภาครวมได้ เพราะการไปหลอกให้พวกเขาพูดแบบนั้นอาจจะเป็นการดูแคลนสติปัญญา ทำให้พวกเขาดูโง่ในสายตาคนชาติอื่น ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 คู่ระหว่างญี่ปุ่นเจอกับโคลอมเบีย (วันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2018) และญี่ปุ่นสามารถเอาชนะไปได้ 2-1 ประตู หลังจากจบเกมการแข่งขันนอกสนาม Mordovia Arena แฟนบอลชาวโคลอมเบีย Guillermo Morales วัย 40 ปี ได้อัดคลิปวิดีโอหลอกสาวแฟนบอลชาวญี่ปุ่น 2 คนให้พูดวลีภาษาสเปนตามเขา… คลิปวิดีโอต้นเหตุ โดยที่สาวคนแรก ผู้ไม่พูดและไม่เข้าใจภาษาสเปนได้พูดวลีตามเขาว่า ‘Yo soy perra’ แปลได้คร่าวว่า ‘ฉันเป็นหญิงขายบริการ’ โดยที่ไม่มีการอธิบายความหมายใดๆ เพิ่มเติม พร้อมกับให้พูดวลี ‘Mas puta’ อันมีความหมายไปในทางทิศเดียวกัน อีกคลิปหนึ่ง ชายคนเดียวกันไปหลอกแฟนบอลญี่ปุ่นผู้ชายอีกสองราย ให้พูดคำว่า ‘Yo…
-
ญี่ปุ่นเสนอเครื่องตรวจวัด “กลิ่นกาย” แบบพกพา เช็กหน่อยว่าคนอื่นเขาเหม็นคุณหรือเปล่า?
ด้วยความร้อน ความเร่งรีบ และความแออัดของผู้คนก็อาจทำให้เรามีเหงื่อออกตามร่างกายได้ และสิ่งที่จะตามมาหลังจากเหงื่อออกก็คือกลิ่นกายตามจุดอับต่างๆ นั่นเอง แล้วยิ่งถ้าคุณต้องไปพบปะหรือไปใกล้ชิดกับคนสำคัญด้วยแล้วล่ะก็ อาการเหงื่อออกและมีกลิ่นกายคงเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์สุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ? ฉะนั้น เราควรพกอุปกรณ์ดับกลิ่นติดตัวไว้สักหน่อย เผื่อใช้ดับกลิ่นกายยามเหงื่อออกและเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการไปพบปะและใกล้ชิดกับผู้อื่น แล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า เราตัวเหม็นหรือยัง? บางครั้งการดมกลิ่นตัวเองก็อาจทราบได้ยากว่าตัวเรามีกลิ่นเหม็นหรือยัง ฉะนั้นเราขอแนะนำให้รู้จักกับ ES-100 อุปกรณ์ตรวจเช็กและวัดระดับกลิ่นกายจากบริษัทผู้ผลิตแบรนด์ Tanita เจ้าเครื่องนี้มีชื่อเล่นว่า “เครื่องตรวจกลิ่นแบบพกพา” ที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าร่างกายของบุคคลนั้นเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ที่ระดับไหนแล้วจาก 0-10 โดยตัวเลขยิ่งมากแปลว่ายิ่งเหม็นนั่นเอง… เครื่องตรวจกลิ่นแบบพกพา Tanita ES-100 เจ้าเครื่องนี้พัฒนามาจากผลิตภัณฑ์เดิมของ Tanita นั่นก็คือเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ แต่เปลี่ยนจากสแกนหาแอลกอฮอล์มาเป็นหาสารพาร์ทิเคิลที่ก่อให้เกิดกลิ่นแทนนั่นเอง ส่วนวิธีใช้ก็ง่ายดายเพียงแค่ เปิดเครื่อง กดขยายสัญญาณ แล้วนำไปชี้ยังจุดที่คุณต้องการตรวจสอบกลิ่น ระบบจะทำการตรวจเช็กราว 10 วินาที ก่อนจะแสดงผลออกมาเป็นระดับตัวเลข แถมเจ้าเครื่องนี้ยังสามารถเตือนคุณได้ด้วยเมื่อคุณใส่น้ำหอมมากจนเกินไป กลุ่มเป้าหมายของสินค้าชินนี้ก็คือมนุษย์เงินเดือนวัย 40-50 ปีนั่นเอง เครื่องตรวจกลิ่นแบบพกพา Tanita ES-100 นี้จะวางขายในวันที่ 1 กรกฏาคม 2018…
-
คุณปู่กลับสู่ความเจริญ หลังอาศัยเกาะร้างมา 30 ปี หวังใช้สถานที่นี้เป็น “ที่สำหรับตาย”
คุณเคยคิดไว้หรือไม่ว่า ในบั้นปลายของชีวิตคุณนั้นสถานที่ที่คุณต้องการจะอยู่ มันเป็นอย่างไรกันแน่? เป็นบ้านกลางเมือง? โรงแรมหรูหรา? หรือจะอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว? แต่คุณปู่ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า มาซาฟุมิ นากาซากิ วัย 82 ปีได้ตัดสินใจที่จะหลบหนีความวุ่นวายมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เกาะ ซาโตะบะนาริ เกาะร้างขนาดพื้นที่ราวๆ 1 กิโลเมตรในจังหวัดโอกินาวะ ล่าสุดคุณปู่ต้องถูกนำตัวกลับเข้าสู่สังคมเมืองอีกครั้งหลังหลบไปอาศัยอยู่อย่างลำพังบนเกาะร้างที่ตนเรียกมันว่า “บ้าน” มานานเกือบ 30 ปี ตามข้อมูลของนักสำรวจ Alvaro Cerezo ที่ระบุไว้ใน Docastaway คุณปู่นากาซากิปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตบนเกาะร้างด้วยความตั้งใจได้นานที่สุด ซึ่งเป็นเวลากว่า 29 ปีแล้วที่คุณปู่ตัดสินใจเข้าไปใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ คุณปู่เคยให้สัมภาษณ์กับ Reuters เมื่อปี 2012 ซึ่งเป็นปีแรกที่เรื่องราวของคุณปู่นากาซากิถูกเผยแพร่ให้โลกได้รับรู้ คุณปูกล่าวว่า “การหาสถานที่สำหรับใช้ชีวิตจนสิ้นลมหายใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ผมตัดสินใจแล้วว่าที่นี่แหละคือที่สำหรับผม” และยังเล่าต่ออีกว่า “ความคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อนจนกระทั่งผมรับรู้ถึงความสำคัญของสถานที่สำหรับวันสุดท้ายของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ที่บ้าน หรือท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว ไม่เลย เพราะสำหรับผมนี่แหละคือสถานที่ที่ผมจะตาย ท่ามกลางธรรมชาติ ธรรมชาติที่คุณไม่สามารถจะฝืนมันได้ยังไงล่ะ” ภายหลังคุณปู่นากาซากิ ก็เป็นที่รู้จักกันในนาม “ฤาษีชีเปลือย” ในปี 2014 นักสำรวจ Cerezo ได้เข้าไปอาศัยอยู่กับคุณปู่นากาซากิเป็นเวลา 5 วัน เพราะเขารู้สึกสนใจว่าทำไมถึงมีชายชรามาใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังบนเกาะร้างเช่นนี้…
-
กินยังไงล่ะเนี่ย!? ญี่ปุ่นเสิร์ฟ “น้ำแข็งไส” โคตรสูง กินได้ทั้งบ้าน ชื่นใจยันชาติหน้า!
ช่วงนี้ถ้าใครกำลังร้อนๆ หรือมองหาของหวานเย็นๆ สดชื่นๆ ล่ะก็ น้ำแข็งไส คงจะเป็นความคิดที่ดีเลยใช่ไหมล่ะ แถมทำให้นึกถึงวัยเด็กอีกด้วยแน่ะ ปกติแล้วน้ำแข็งไสที่เราทานกันนั้น ก็จะมีปริมาณน้ำแข็งประมาณ 1 ถ้วย ซึ่งนั่นก็เพียงพอจะทำให้เราอิ่มท้องและชื่นใจกันได้แล้ว แต่ถ้าหากคุณไปซื้อน้ำแข็งไสที่ร้านอุด้ง Hyakusho Udon ในประเทศญี่ปุ่นล่ะก็ คุณคงต้องพากันไปทาน ทั้งครอบครัว เสียแล้วล่ะ เพราะว่ามันใหญ่ยาวมากๆ!! โอ้โห! ร้านอุด้ง Hyakusho Udon โดยรสชาติของน้ำหวานที่ราดน้ำแข็งไสก็จะมีให้เลือกด้วยกัน 7 รสชาติ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ เมลอน มะม่วง และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนราคาก็นับว่ารับได้ น้ำแข็งไสขนาดเล็กจะอยู่ที่ราคา 250 เยน (75 บาท) ส่วนขนาดปกติก็จะอยู่ที่ราคา 590 เยน (177 บาท) หากใครไม่รู้จะทานรสชาติไหนดี ก็สามารถเลือกเป็นรสชาติเรนโบว์หรือผสมทั้ง 7 รสเข้าด้วยกันซึ่งก็มีราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แบบในภาพที่เห็นจะเป็นน้ำแข็งไสเรนโบว์ขนาดปกติ ราคาอยู่ที่ 650 เยน (195…
-
เอาจริงดิ!? “ประกวดคว่ำโต๊ะ” ของญี่ปุ่น โครมมม…สนองความหัวร้อนกันแบบสุด!!
เคยเห็นในหนังในละครกันบ้างไหม เวลาที่พวกคนหัวร้อนไม่พอใจอะไรมากๆ เข้าก็มักจะแสดงกิริยาก้าวร้าว เช่น การคว่ำโต๊ะ เป็นต้น ไม่รู้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ผู้คนเวลาที่ไม่พอใจ ถูกขัดใจ หรือโมโหนั้นมีการกระทำแบบนี้จริงๆ หรือเปล่า แต่ถ้าใครอยากเห็น ต้องมาดูนี่เลย การประกวดคว่ำโต๊ะ (!!?) ครั้งที่ 12 ของประเทศญี่ปุ่น อะเด๊ะ!!! เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2018 ที่ผ่านมา ณ ห้างสรรพสินค้าย่านยาฮาบะ จังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดการประกวด World Chabudai-Gaeshi Tournament ครั้งที่ 12 ขึ้น งานนี้ผู้แข่งขันจะต้องเข้าไปนั่งแล้วตะโกนแสดงความโมโหโกรธา ความไม่สบายใจ หรือความหวังออกมา พร้อมใช้มืองัดโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าให้คว่ำกระจัดกระจายเสีย (ฟังดูเป็นการประกวดที่เล่นง่ายดีนะ) นี่คือวิดีโอโปรโมตงานประกวดครั้งนี้ วิธีเล่นนั้นแสนง่าย ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันกำลังตะโกนความโมโห ความไม่สบายอยู่นั้น หญิงสูงวัยที่มาในชุดแม่ครัวซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็จะเข้ามาแตะตัวเบาๆ แม่ครัวหญิงจะขอให้ผู้แข่งขัน “ใจเย็นๆ” และนั่นคือเวลาที่ ผู้แข่งขันต้องคว่ำโต๊ะ…
-
McDonald’s จับมือ “คาลพิส” ปล่อยเมนู “Calpis Shake” เครื่องดื่มแสนชื่นใจ
เครื่องดื่มโยเกิร์ตรสชาติเยี่ยมอย่าง คาลพิส ที่ใครๆ หลายคนชอบดื่มกัน วันนี้ได้กลายเป็นหนึ่งเมนูของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสุดชิคอย่าง แมคโดนัลด์ ไปแล้ว ร้านแมคโดนัลด์ในประเทศญี่ปุ่นออกเมนูใหม่สำหรับคนที่ต้องการดื่มด่ำกับความสดชื่นในวันร้อนๆ กับเมนูเครื่องดื่ม Calpis Shake นั่นเอง Calpis Shake (คนญี่ปุ่นมักเรียกว่า คาลพิโกะ) ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าเมนูนี้มีขายที่ญี่ปุ่นเพียงเท่านั้นในขณะนี้ คนไทยที่อยากลิ้มลองก็คงต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นกันสักทริปเสียแล้วล่ะ ฮ่าๆ Calpis Shake เป็นเครื่องดื่มโยเกิร์ตที่มีการนำส่วนผสมต่างๆ ไปเข้าเครื่องปั่นสมูตตี้ให้ออกมาเป็นเครื่องดื่มแสนอร่อยชื่นใจ หอมหวาน และเนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด Calpis McShake เวอร์ชั่นปี 2017 เมื่อปีที่แล้ว (2017) เคยมีเมนูนี้ออกมาครั้งหนึ่ง โดยใช้ชื่อว่า Calpis McShake นั่นเอง แต่ว่ากระแสตอบรับจากผู้บริโภคหลายๆ คนบอกว่า “มันหวานเกินไปหน่อย” คราวนี้ทางแมคโดนัลด์จึงรื้อส่วนผสมมาทำใหม่โดยสัญญาว่าจะลดความหวานลงนิดหน่อย และเพิ่มความฝาดๆ แบบโยเกิร์ตเข้าไปให้มากขึ้น รับรองว่าผู้ดื่มต้องสดชื่นตาตื่นกันแน่นอน กลับมาดูที่ Calpis Shake กันอีกครั้งกับภาพเนื้อในของเครื่องดื่ม ด้านในมีสีขาวดูไม่เหลวมากนัก หนึบๆ ละเอียดๆ ซึ่งคาดว่ารสสัมผัสน่าจะค่อนข้างละมุน…
-
ร้านปิ้งย่างญี่ปุ่น เปิดตัว “เนื้อสีน้ำเงิน” เป็นกำลังใจให้ทีมชาติในฟุตบอลโลก 2018!?
ญี่ปุ่นได้รังสรรค์อาหารต่างๆ ที่มี “สีน้ำเงิน” ขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจเชียร์นักฟุตบอลทีมชาติที่แข่งขัน ฟุตบอลโลก ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในปี 2018 นี้ ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อพูดถึงอาหารสีน้ำเงิน หลายคนคงคิดว่าเป็นอาหารจำพวกเบอร์รี่ หรือขนมย้อมสีต่างๆ แต่วันนี้เราคงต้องแนะนำให้รู้จักกับความแปลกใหม่ที่ชาวญี่ปุ่นได้สรรค์สร้างขึ้นกันสักหน่อย เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมนักฟุตบอลญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “Samurai Blue” ทางร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่งในเกียวโต จึงได้เปิดตัว เนื้อย่างสีน้ำเงิน มาให้ผู้คนได้ลิ้มลองกัน เนื้อหมูและวัวสีน้ำเงิน (Blue Horumon) ขณะนี้กำลังวางขายในร้าน Yakiniku Bare Yaruki และร้าน Ponto-cho Yakiniku Yaruki ด้วยความที่สีของมันฟ้าผสมน้ำเงินดูสดอย่างมาก คนจึงสงสัยว่า เมื่อทานเข้าไปจะช่วยให้มีแรงเชียร์ทีมซามูไรบลูหรือว่าทำให้ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำกันแน่… เนื้อ Blue Horumon เหล่านี้มีการผสมมิ้นต์เข้าไปกับสีผสมอาหารสีน้ำเงินซึ่งเป็นสารอาหารที่รับประทานได้ ทั้งชุดเนื้อสีน้ำเงินจะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 150 บาท ซึ่งนอกจากจะมีเนื้อสีน้ำเงินแล้วยังมีอาหารและเครื่องดื่มอย่างอื่นที่เป็นสีน้ำเงินอีกด้วย เช่น เบียร์สีน้ำเงิน ไวน์สีน้ำเงิน และเครื่องดื่มอีกมากมายที่เป็นสีน้ำเงินสดใส เนื้อย่างสีน้ำเงิน Blue Horumon และเครื่องดื่มสีน้ำเงินทั้งหลาย เป็นเมนูที่แปลกดีจริงๆ เมืองไทยบ้านเราอาจจะยังไม่มีให้พบเห็น ฉะนั้น…
-
รถไฟญี่ปุ่นดีเลย์กว่า 7 ชั่วโมง ผู้โดยสารขอ “ตั้งวงเหล้า/ซ้อมยิมนาสติก” เลยละกัน!!!
การเดินทางโดยรถไฟ สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นถือเป็นระบบการคมนาคมหลักๆ เลย เพราะเส้นทางของรถไฟนั้นกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม แถมรวดเร็วอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่ชั่วโมงเร่งด้วยจะมีผู้คนไปอัดแน่นกันบริเวณสถานีรถไฟ เพราะว่าพวกเขาเตรียมตัวมาขึ้นรถไฟกันอย่างตรงเวลานั่งเอง แต่เหตุการณ์นี้กลับทำให้ความเป็นระบบระเบียบของผู้คนชาวญี่ปุ่นต้องพังทลายเพราะว่ารถไฟ ชิงกันเซ็ง ขบวนหนึ่งรอบ 12.20 น. กลับมาล่าช้าเนื่องด้วยสาเหตุบางประการ ปล่อยให้ผู้โดยสารเคว้งคว้างอยู่ในสถานีอย่างแออัดถึงกว่า 7 ชั่วโมง!! . ทางผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @Thrill_Junky ก็ได้ถ่ายภาพบรรยากาศมาให้ชมกัน ผู้คนที่แน่นขนัดอาจทำให้บรรยากาศดูตึงเครียด แต่ถ่ายไปถ่ายมากลับพบกลุ่มชายวัยกลางคนจนถึงวัยชรากลับพากัน ตั้งวงก๊งเหล้า เฉยเลย!!! มันเป็นเครื่องดื่มที่พวกเขาเตรียมเอาไว้เพื่อดื่มระหว่างการเดินทางบนรถไฟ แต่ในเมื่อรอนานขนาดนี้ พวกเขาก็เกรงว่าเครื่องดื่มจะไม่เย็น ทางออกที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้นก็คือ ดื่มมันตรงนี้แหละ…เดี๋ยวมันจะหายเย็นเสียก่อน!! และในขณะเดียวกันที่เมือง อาโอโมริ ซึ่งอยู่ทางเดียวกันก็พบกับปัญหารถไฟล่าช้าเช่นกัน ทำให้เหล่าผู้โดยสารต่อรอคอยกันอย่างหมดหวังที่ สถานีรถไฟฮะจิโนะเฮะ จนกระทั่งมีความบันเทิงเกิดขึ้น… 東北新幹線のホームで学生さんたちがパフォーマンスしてる pic.twitter.com/1r4QnPJTMm — かか (@hminami_oshi) June 17, 2018 . https://twitter.com/Ms_mickey7711/status/1008300686834991104?ref_src=twsrc%5Etfw&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F06%2F18%2Fdrinking-party-breaks-out-on-tokyo-station-platform-as-shinkansen-delay-strands-travelers%2F คราวนี้ไม่มีการตั้งวงก๊งเหล้าแต่อย่างใด เหล่านักกีฬายิมนาสติกของมหาวิทยาลัยออกมาใช้พื้นที่โล่งๆ ซ้อมการแสดงตีลังกากลับหลังกันอย่างชิลๆ เลยทีเดียว แหม…สร้างความบันเทิงให้ผู้คนได้ดีเลยทีเดียว สรุปกว่ารถไฟจะมาถึงก็ปาเข้าไป 19.30…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นรีวิว “จิมกระปอง” รุ่น “บั้นท้ายสาว” บ้านเราไม่มีขาย คงได้ดูแต่ภาพล่ะนะ…
ความรู้สึกที่เกิดจากแรงขับทางเพศนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจห้ามกันได้ง่ายๆ แต่การแสดงออกและตอบสนองทางเพศเองก็ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานที่และเวลาด้วยเช่นกัน หลายประเทศรวมไปถึงประเทศญี่ปุ่นนั้นใส่ใจเรื่องของแรงขับทางเพศตามธรรมชาติ จึงได้มีการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถทุเลาความรู้สึกดังกล่าวได้ และสิ่งหนึ่งที่เรารู้จักกันดีก็คือ “กระบอกสุญญากาศ” หรือ “จิมกระปอง” นั่นเอง ประเทศไทยบ้านเราไม่อนุญาตให้มีการใช้ของเล่นทางเพศเหล่านี้ ขณะที่ต่างประเทศเขาผลิตขายกันแพร่หลาย มีหลายแบบหลายเวอร์ชันกันเลยทีเดียว วันนี้ชาวเน็ตรายหนึ่งได้นำจิมกระปองเวอร์ชัน “บั้นท้ายสาววัยกระเตาะ” มาทดลองใช้และรีวิวให้ดู เรียกได้ว่าเป็นความตื่นตาของหนุ่มๆ เสียเหลือเกินเพราะที่บ้านเรานั้นมันไม่มีผลิตมาขายนั่นเอง ขออภัยที่จำเป็นต้องเซนเซอร์อย่างหนัก เพราะเกรงว่าจะไม่เหมาะสม (วาร์ปท้ายบทความ) แต่ขออธิบายว่ามันถูกทำขึ้นมาเป็นรูปร่างเหมือนกับ “ส่วนบ้้นท้าย ส่วนก้น และอวัยวะส่วนล่างของหญิงสาว” มากๆ เจ้าจิมกระปองรุ่นนี้ จำลองก้นของหญิงสาวที่นั่งใน “ท่าเป็ด” ซึ่งชายหลายคนชื่นชอบ ผู้รีวิวจึงทดลองนำจู๋ปลอมเสียบลงไป เพื่อเช็กว่ามันมีปฏิกิริยาและระบบการทำงานอย่างไรบ้าง สัมผัสของเจ้า “จิมกระปอง” เวอร์ชันนี้จะนุ่มเด้งเป็นพิเศษเลยล่ะ เฮ้ย คือมันนุ่มเด้งมากอะแกรร… ชาวเน็ตโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นต่างก็เข้ามาคอมเมนต์ชื่นชอบกันใหญ่ . . ในส่วนของการทำความสะอาด ก็แค่นำไปเสียบไว้กับก๊อกน้ำให้น้ำไหลผ่าน ก็เป็นอันว่าใช้ได้ แต่ตอนน้ำไหลออกมามันดูพิเรนทร์ชอบกลๆ ยิ่งใส่สบู่ที่มีสีเข้าไปในการล้างด้วยแล้ว ยิ่งพิเรนทร์เข้าไปใหญ่เลย… วาร์ป…
-
ญี่ปุ่นเสนอ วิธีเช็กด้วยการ “จับข้อมือ” ว่าใครมีหุ่นนางแบบ หุ่นนักกีฬา หรือหุ่นซูโม่!!
รูปร่างของคนเรานั้นสามารถจัดกลุ่มออกได้หลายประเภทแล้วแต่วิธีการจำแนก บางคนตัวผอมบาง กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสักที หรือบางคนก็อาจจะรูปร่างใหญ๋ ลดน้ำหนักอย่างไรหุ่นก็ไม่เพรียวสักที นั่นเป็นเพราะลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันนั่นเอง วันนี้ เราจะมาเสนอวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่ระหว่าง หุ่นนาง/นายแบบ หุ่นนักกีฬา หรือ หุ่นซูโม่ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วบีบเข้าที่ข้อมือเท่านั้นเอง ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า @KMarisa0606 ได้ออกมาเผยถึงวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่เพียงแค่ใช้นิ้วบีบรัดเข้าที่ข้อมือของเราเท่านั้น ภายในทวิตเตอร์ดังกล่าว อธิบายวิธีการเช็กเอาไว้ดังนี้ “ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางข้างที่ถนัดบีบรัดข้อมือแขนอีกข้างเอาไว้ แล้วมาดูกันว่าเป็นอย่างไร หากนิ้วโป้งและนิ้วกลางเหลื่อมเกินกันมาอย่างง่ายดาย แสดงว่าคุณมีรูปร่างผอมบางอ้วนยากและเพิ่มกล้ามเนื้อยาก (Ectomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนาง/นายแบบ ถ้าหากนิ้วโป้งและนิ้วกลางชนกันพอดี แปลว่าคุณเป็นคนที่มีรูปร่างแบบลดไขมันได้ง่ายแถมเพิ่มกล้ามเนื้อง่าย (Mesomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนักกีฬา แต่ถ้าหากว่านิ้วโป้งและนิ้วกลางของคุณไม่สัมผัสกัน หรือสัมผัสกันด้วยความยากลำบากก็อาจแปลว่า คุณมีรูปร่างชนิดที่ว่าเพิ่มไขมันและกล้ามเนื้อได้ง่ายดาย อ้วนง่าย (Endomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างซูโม่“ ถึงจะฟังดูเป็นเทคนิคมั่วๆ ที่คิดขึ้นเอง แต่ที่จริงมันมีพื้นฐานมาจากหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องของการจำแนกลักษณะของรูปร่างที่ริเริ่มขึ้นโดย Dr. William H. Sheldon ในช่วงปี 1940 วิธีการตรวจเช็กแบบวัดข้อมือยังถูกนำมาใช้ในการคัดเลือกผู้เหมาะสมที่จะเป็นนักกีฬาอีกด้วย อย่างไรก็ตามคนเราก็จะมีรูปร่างที่ผสมผสานเสียส่วนใหญ่…
-
ทีมเกมเมอร์ “หญิงล้วน” ญี่ปุ่น ขอโทษแฟนๆ หลังพบว่า มี “ผู้ชาย” แฝงตัวอยู่ในทีม…
ในยุคสมัยปัจจุบัน นับว่าการแข่งขันเกมในเชิงกีฬาที่เรียกกันว่า E-Sport นั้นมาแรงมากจริงๆ เกิดทีมแข่งขันต่างๆ ขึ้นมากมายทั่วทุกมุมโลก และทีม Whip เองก็เป็นหนึ่งในทีมนักกีฬาแข่งขัน E-Sport ด้วยเช่นกัน แต่จุดเด่นของทีม Whip นี้ก็คือ ทั้งทีมจะมี สมาชิกเป็นผู้หญิงล้วนๆ และจะรับแต่ผู้หญิงเท่านั้น โดยเกมที่ทีมนี้จะเล่นโดยปกติ ได้แก่ Call of Duty, Fortnite, PUBG, and Final Fantasy ล่าสุดทีม Whip ที่มีเจตจำนงว่าจะรับแต่ผู้หญิงเข้าร่วมทีมเท่านั้น กลับกลายเป็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งแอบแฝงเข้าทีมมาโดยปกปิดตบตาสมาชิกคนอื่นๆ ได้อย่างแนบเนียน แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหัวหน้าทีม Whip ที่ใช่ชื่อว่า Peroru ได้ออกมาเผยว่าในทีมของเธอ แอบมีผู้ชายแฝงอยู่ และได้กล่าวขอโทษแฟนๆ ที่ทำให้ผิดหวัง จากภาพด้านบนมีเนื้อความว่า “ล่าสุดพวกเราพบว่าสมาชิกในทีมคนหนึ่งเป็นผู้ชาย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในทีมเราอีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็ผิดเองที่ไม่ได้ระมัดระวังที่นำผู้ชายเข้ามาในกลุ่ม พวกเราต้องขอโทษทุกคนจริงๆ” “พวกเรายังคงก้าวไปข้างหน้า และผลิตผลงานความบันเทิงและสนุกสนานต่างๆ ที่แฟนๆ อยากเห็นจากทีมเกมเมอร์หญิงล้วนอย่างพวกเรา…
-
เบื้องหลังฆาตกรคลั่ง ไล่แทงเหยื่อบนชิงคันเซ็น เคยถูกรังแกกลั่นแกล้ง ส่งผลถึงจิตใจ
เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง เมื่อมีชายรายหนึ่งเลือกก่อเหตุฆาตกรรมในสถานที่ปิดบนรถไฟหัวกระสุน ทำร้ายเหยื่อแบบไม่เลือกหน้า ไล่ล่าใช้อาวุธมีคมทำร้ายแบบสุ่ม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา Ichiro Kojima ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้คือนาย Ichiro Kojima ชายว่างงานวัย 22 ปี เลือกลงมือในเวลาประมาณ 21.50 น. บนรถไฟขบวน Nozomi หมายเลข 265 ตู้ที่ 12 เดินทางจากกรุงโตเกียวไปยังสถานีชินโอซาก้า ซึ่งมีผู้โดยสารทั้งหมด 880 คน พร้อมกับพกวัตถุมีคมหลากหลายชนิด จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดคานางาวะ นาย Kojima ลงมือแทงเหยื่อผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเป็นรายแรง ก่อนที่จะไล่แทงหญิงอีกรายที่นั่งอยู่อีกฝั่ง โดยเหยื่อทั้ง 2 รายอยู่ในวัย 20 ปี และนาย Kojima ก็ลงมือแทงนาย Kotaro Umeda ชายวัย 38 ปี ผู้ที่พยายามจะหยุดฆาตกรรายนี้ …
-
โคตรเท่!! เหล่าซามูไรกระจายตัวทั่วโตเกียว ดูแลบ้านเมืองให้สะอาดปราศจาก “ขยะ”
เมื่อพูดถึง “คนเก็บขยะ” ในประเทศของเราแล้ว ทุกคนคงมองเห็นเป็นภาพเดียวกัน บุคคลที่ใส่ยูนิฟอร์มพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุ้นตากันดี หลายคนบอกว่าทำงานอย่างนี้ไม่มีเกียรติ ไม่เจ๋ง ไม่คูล แต่อยากให้ทุกท่านลองมาดูที่ประเทศญี่ปุ่นกันก่อน เพราะว่าคนเก็บขยะของเขานั้นเท่มว๊ากกกก… พบกับ โกโมฮิโระอิ ซามูไร (ซามูไรเก็บขยะ) ของญี่ปุ่น พวกเขาคือเหล่าคนรักสิ่งแวดล้อมที่รวมตัวกันแต่งตัวเป็น “ซามูไร” มาเก็บขยะภายในเมืองโตเกียว กลุ่มคนที่ร่วมกันแต่งกายเป็นชุดซามูไรย้อนยุค พร้อมท่าเก็บขยะที่สง่างามราวฟาดฟันดาบลงบนศัตรู เมื่อใดที่พวกเขาปรากฏตัว คนที่ผ่านไปมาจะต้องหยุดมองและถ่ายคลิปพวกเขาเอาไว้เสมอๆ ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วสารทิศ ล่าสุดพวกเขาปรากฏตัวออกมาปราบปราม “เศษขยะ” ในย่านอิเคบุคุโระ ในโตเกียว さっき外へ出たら60階通りにいきなりゴミ拾い侍が出現してその太刀さばきが余りにもお見事(´・_・`) pic.twitter.com/2Bxezi8CJh — ちからや てんちょー (@burao0304) June 5, 2018 อันที่จริงพวกเขาตั้งชื่อกลุ่มของตัวเองว่า จิไดกุมิ บาซะระ อันที่จริงพวกเขาตั้งชื่อกลุ่มของตัวเองว่า จิไดกุมิ บาซะระ พวกเขาไม่ใช่ใครหน้าไหนก็ไม่รู้ พวกเขามาจากคณะการแสดงซามูไร อิสเซ อิจิได จิไดกุมิ จากฮอกไกโด ที่มีการฝึกฝนท่าทางการร่ายรำมาอย่างงดงาม การกระทำของพวกเขาทำไปเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนสนใจในการรักษาความสะอาดภายในเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น…
-
‘ยกโทษให้หนูด้วย’ หนูน้อยวัย 5 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายจนเสียชีวิต เหมือนไม่มีตัวตน…
ปัญหาความรุนแรงภายในสถาบันครอบครัวยังคงฝังรากลึกอยู่ในทุกประเทศ และความโหดร้ายในครั้งนี้ก็ถูกเปิดเผยออกมาจากสื่อประเทศญี่ปุ่น กับเหตุพ่อเลี้ยงกระทำลงโทษเด็กหญิง 5 ขวบจนเสียชีวิต เนื่องจากการบังคับให้อยู่ในลู่ทางที่ตนต้องการ ยูอะจัง เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงบังคับและลงโทษอย่างรุนแรง ถูกปฏิบัติอย่างไร้ตัวตนในครอบครัว หลังจากที่พ่อเลี้ยงแต่งงานกับแม่ของเด็กในปี 2016 และให้กำเนิดลูกชายอีก 1 คน พ่อเลี้ยงทำร้ายและทุบตียูอะจัง บังคับให้ทานอาหารกับน้ำซุปเพียงแค่วันละ 1 มื้อเท่านั้น เนื่องจากเขาคิดว่าเธอมีน้ำหนักมากเกินไป เธอมักจะถูกปลุกตั้งแต่ช่วง 4.00 น. เพื่อมาชั่งน้ำหนักทุกๆ วัน และถูกจับแยกให้นอนคนเดียว ซึ่งในบางครั้งถูกบังคับให้นอนบริเวณระเบียงด้านนอกในช่วงอากาศหนาวด้วย ช่วงก่อนเกิดเหตุสลด เพื่อนบ้านสังเกตเห็นเด็กมีเลือดออกตามใบหน้า และถูกบังคับให้มายืนข้างนอกโดยไม่สวมถุงเท้าและรองเท้าใดๆ จนกระทั่งเธอถูกนำตัวส่งไปยังสถานสงเคราะห์เป็นการชั่วคราว แต่สุดท้ายพ่อเลี้ยงและแม่ก็กลับมารับ โดยก่อนกลับไปบ้าน เด็กเคยบอกให้รับรู้ว่าอยากจะไปอยู่กับคุณย่ามากกว่า ระยะสุดท้ายในช่วงเดือนมกราคม ครอบครัวนี้ได้ย้ายมาอยู่ในกรุงโตเกียว แต่ทว่าเพื่อนบ้านสังเกตถึงความผิดปกติ ทั้งที่มีลูก 2 คน แต่กลับปรากฏตัวเพียงแค่เด็กชายคนเดียว จนมารู้ทีหลังว่าน้องยูอะจังนั้นถูกขังลืมเอาไว้ภายในบ้าน ในที่สุดแล้ว น้องยูอะจัง ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล เรื่องจากสภาพร่างกายที่ถูกทำร้ายอย่างหนัก ร่างกายซีดขาว…
-
สาวอเมริกันวัย 19 ปี ดังไปทั่วเพราะ “นัดเย” กับหนุ่มญี่ปุ่น 50 คน แล้วทำคลิปรีวิว!!
ปัจจุบันสิ่งที่นิยมทำกันในโลกออนไลน์ก็คงจะหนีไม่พ้น การรีวิว รีวิวสินค้า รีวิวอาหาร หรือรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งการรีวิวนี้ทำให้ชาวเน็ตเกิดความสนใจและติดตามเป็นจำนวนมาก เพราะถือเป็นข้อมูลความรู้และประสบการณ์ที่ดี วันนี้ สาวชาวอเมริกันเชื้อสายละตินคนหนึ่งก็ได้โด่งดังไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตด้วยการรีวิวเช่นกัน แต่สิ่งที่เธอออกมาถ่ายวิดีโอรีวิวก็คือ รีวิวการนัดเยกับหนุ่มญี่ปุ่น!! Morena วัย 19 ปี สาวชาวอเมริกันดังกล่าว เธอมีชื่อว่า Morena อายุ 19 ปี ที่อธิบายตัวเองว่าได้เข้ามาขุดทอง (หาเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต) ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในอินเทอร์เน็ตอยู่พอสมควร ต่อมาเธอก็สร้างประเด็นขึ้นมาอีกครั้งโดยการอัปโหลดคลิปวิดีโอ รีวิวการมีเซ็กส์กับหนุ่มญี่ปุ่น 50 คน! ซึ่งมีคนเข้าดูไปแล้วกว่า 2 แสนครั้ง เพราะเธอออกมารีวิวแบบละเอียด ถึงพริกถึงขิงกันเลยทีเดียว วิดีโอรีวิวการนัดเยหนุ่มญี่ปุ่น จากวิดีโอ เธอบอกว่าหนุ่มญี่ปุ่นจะมีขนาดกระปู๋ “เล็ก” แต่อย่างไรก็ตามเธอบอกว่าข้อดีของพวกเขาก็คือ การเล้าโลม เธอบอกว่าหนุ่มๆ ญี่ปุ่นบรรเลงบทเพลงแห่งการเล้าโลมได้เก่งกาจยิ่งนัก ตัวอย่างเช่น การใช้ปากกับแทบทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็น รักแร้ ขาพับ หรือแม้แต่ก้นก็ตามที แต่ Morena เองก็บอกว่า…
-
หืมม!? โพลออกมาว่า สาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคย “ซั่ม” กับพนักงานหนุ่มในที่ทำงานเดียวกัน!!
ในบรรยากาศของการทำงานที่หนักหนาและเคร่งเครียด มันอาจทำให้คุณเหงา เคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่ง ยิ่งในสำนักงานของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อเรื่องความเคร่งด้วยแล้ว พนักงานก็อาจขาดความอบอุ่นได้เป็นเรื่องธรรมดา ด้วยเหตุนี้ จากสถิติจึงพบว่า หญิงสาวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากหลงใหลในความอบอุ่นของอ้อมแขนเพื่อนร่วมงานต่างเพศ ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดก็ยังคงพบว่า พนักงานหญิงและชายที่มีสัมพันธ์สวาทต่อกันนั้นเป็นเรื่องปกติ มีการทำโพลจาก Aikatu เว็บไซต์สำหรับหญิงสาววัย 20-30 ปีขึ้นไป ถามผู้ใช้งานเว็บไซต์ของตนเองว่า “มีความสัมพันธ์ทางกายกับเพื่อนร่วมงาน” บ่อยแค่ไหน? คำตอบที่ได้คือ จากผู้ใช้ 1,162 คนที่ตอบเข้ามา มากกว่า 3 ใน 4 ตอบว่า เคยหลับนอนกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ตอบแบบสำรวจ 45.5 เปอร์เซ็นต์ เผยว่า ไม่ได้มีเซ็กส์กันกับเพื่อนร่วมงานเพศชายเพียงเท่านั้น บางทียังทำกับคนที่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่อีกด้วย ส่วนอีก 32.2 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า พวกเขามีการล้ำเส้นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันแล้วกลายเป็นความรักใคร่เกิดขึ้น แต่อีก 22.3 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า การมีเซ็กส์ที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการงานเลย แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าสถานที่ทำงานของประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นแหล่งนัดแลกเซ็กส์หรือว่าอะไรก็ตามที่เป็นทำนองเดียวกัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าสังคมการทำงานที่จริงจังและเคร่งครัดของญี่ปุ่นทำให้ผู้คนมีเวลาพบปะและสานสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ตราบใดเท่าที่ผลงานในที่ทำงานยังคงดี เรื่องความรักที่เกิดขึ้นหากจัดการอย่างรอบคอบแล้วก็ไม่ได้เป็นผลเสียในมุมมองของบริษัท อีกอย่างคือในวัยทำงานสำหรับชาวญี่ปุ่นก็คือวัยที่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้…
-
สาวญี่ปุ่นเผยภาพตัวเองก่อนศัลยกรรมราคา 1.6 ล้านบาท มาไกลยิ่งกว่าดาวอังคาร…
ความสวยนั้นอาจเป็นที่ถกเถียงกันว่า สวยภายในดีกว่าหรือภายนอกดีกว่า ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูปร่างหน้าตานั้นสำคัญจริงๆ ขณะที่บางคนเมื่อถูกถามว่าทำไมสวยขึ้น ก็อาจจะตอบไปว่า เข้าวัดทำบุญบ่อย สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน หรือเอาหน้าอังหม้อข้าวมา แต่สาวญี่ปุ่นคนหนึ่งออกมาเผยให้เห็นเลยว่า ทำบุญสวยชาติหน้า แต่ทำหน้าสวยชาตินี้!! Hayakawa สาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @Hykw0__0 ได้ออกมาโพสต์ภาพเปิดเผยให้เห็นใบหน้าตัวเองก่อนและหลังทำการศัลยกรรม เปรียบเทียบความแตกต่างว่าเธอมาไกลขนาดไหน… ผ่าม!! เธอเปิดเผยด้วยว่าไปทำอะไรมาบ้าง เธอบอกว่าทำตา เสริมจมูก แล้วก็ปรับเปลี่ยนโครงหน้าให้มีลักษณะวีเชป (V-Shaped) เหมือนกันนักแสดงชาวจีน เธอใช้เวลากว่าหนึ่งปีลดน้ำหนักตัวเองจาก 82 กิโลกรัมให้เหลือเพียง 52 กิโลกรัมเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาบอกเลยว่าเธอคนเดิมแทบไม่เหลืออีกแล้ว!! ผิวขาวนวลตามธรรมชาติของชาวญี่ปุ่น ประกอบใบหน้าที่ดูอ้อนความรัก แถมใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิด จมูกหน่อย และตาดวงโตเป็นประกาย แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เธอก็เสียไปมิใช่น้อยเช่นกัน เธอทุ่มเงินไปกว่า 1.6 ล้านบาท แต่สำหรับตัวเธอเองแล้ว เงินจำนวนนั้นถือว่าคุ้มค่าอย่างมากเลยทีเดียว Hayakawa ได้กลายเป็นคนใหม่ไปแล้ว นิสัยเธอจะเป็นอย่างไรเราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอกลายเป็นที่มีรูปลักษณ์อันงดงามซึ่งมาพร้อมกับความมั่นใจ และอาจเปลี่ยนชีวิตเธอได้เลยทีเดียว ดูใบหน้าและดวงตาของเธอสิ… ทำบุญสวยชาติหน้า…
-
นักวาดญี่ปุ่นโดนจับโป๊ะ วาด Dragon Ball ได้เหมือนกับกัปตันอเมริกาไม่มีผิด!?
บางครั้ง นักวาดการ์ตูนก็อาจจะมีการแสดงความเคารพต่อต้นแบบหรือแรงบันดาลใจของพวกเขา โดยการวาดตัวละครของผู้อื่นด้วยลายเส้นตัวเอง ซึ่งผลงานส่วนใหญ่ที่ออกมาก็ทำให้แฟนๆ ชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่บางครั้ง การวาดให้เกียรติการ์ตูนที่ตนเองชอบ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ อย่างปกนิตยสาร V Jump ของญี่ปุ่นที่ชาวเน็ตตาดีดันไปเจอแล้วรู้สึกว่ารูปหน้าปกมันแปลกๆ คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ปกนิตยสาร V Jump ที่มี Goku จาก Dragon Ball กำลังปะทะกับ Yuya Sakaki จาก Yu-Gi-Oh! ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นซึ่งใช้ชื่อว่า @Hahihuhegay ออกมาโพสต์ภาพแล้วบอกว่า ท่ายืนของ Goku ในปกนิตยสาร V Jump มันทำให้นึกถึงหนังสือคอมมิก Captain America อย่างไรไม่รู้ เขาเขียนว่า “หรือนี่จะเป็นความบังเอิญ?” ชาวเน็ตเริ่มเปรียบเทียบภาพ แสดงให้เห็นว่ามัน “คล้ายกันมาก” การวาดภาพให้ความเคารพผู้อื่นอาจเป็นสิ่งน่าชื่นชม แต่การลอกเลียนแบบที่ผิดกฎหมายเช่นนี้เป็นเรื่องอาจส่งผลต่อชื่อเสียงของทั้งการ์ตูน Dragon Ball และตัวผู้วาดที่ชื่อว่า Toyotaro เองด้วย ชาวเน็ตอีกคนลองนำมาภาพมาเปรียบเทียบโดยการวางทับกันพบว่า…
-
รวมโคนัน 20 ตอนกับฉากหล่อที่คุณลุง “โมริ โคโกโร่” โชว์ฝีมือ ไขคดีด้วยตัวเอง~
การ์ตูนญี่ปุ่นแนวสืบสวนสอบสวนที่โด่งดังจนแทบไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอนว่าต้องหนีไม่พ้น ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน อย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนที่อยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลานานเลยทีเดียว การ์ตูนเรื่องโคนันมีหนังสือออกมาหลายเล่ม มีอนิเมะออกมากว่าเก้าร้อยตอน แต่สเต็ปการไขคดีนั้นกลับยังคงสไตล์เดิมจนคนดูจำกันได้ขึ้นใจ ตัวเอกของเรื่อง โคนัน เด็กประถมที่มีตัวจริงเป็น คุโด้ ชินอิจิ นักสืบมัธยมอันเก่งกาจ แต่ด้วยความที่ร่างกายเป็นเด็ก จึงต้องทำให้ โมริ โคโกโร่ นักสืบเอกชนติงต๊องสลบไป แล้วเข้าสวมรอยไขคดีต่างๆ ได้อย่างเฉียบขาด หลายท่านคงสงสัยว่า “อ้าว แล้วอย่างนี้ หมายความว่าโมริ โคโกโร่ ไม่เก่งหรืออย่างไร?” สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ก็อาจจะไม่ค่อยได้เห็นภาพที่คุณลุงโคโกโร่ไขคดีด้วยตัวเองเท่าใดนัก วันนี้ #เหมียวโลลิ ขออยู่ทีมคุณลุงวันนึงก็แล้วกันเนอะ ขอเสนอ 20 ตอนที่ โมริ โคโกโร่ ไขคดีได้ด้วยตัวเอง แต่เราจะไม่ขอสปอยล์เนื้อหา หากใครต้องการทราบรายละเอียดก็สามารถไปหามารับชมกันได้เลยย… 1. Episode 8 ตอน คดีฆาตกรรมเจ้าของหอศิลป์ 2. Episode 28-29 ตอน คดีฆาตกรรมสมาคมศิษย์เก่าของโคโกโร่ 3. Episode 55 ตอน…
-
ผู้ประกาศข่าวสาวชาวญี่ปุ่น รายงานข่าวปกติ แต่ทำไมสายตามันมองแต่ “ขา” ของเธอเนี่ย!?
เมื่อเร็วๆ นี้มีกระแสฮือฮาอย่างมากสำหรับชาวเน็ตญี่ปุ่น เมื่อสาวน้อยที่เป็นผู้ประกาศข่าวรายงานพยากรณ์อากาศคนหนึ่งกลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางโดยชายหนุ่มบนโลกอินเทอร์เน็ต ถึงตอนนี้เพื่อนๆ คงจะงงใช่ไหมล่ะว่า มันเกิดอะไรขึ้น ก็แค่รายงานสภาพอากาศมันจะไปน่าสนใจตรงไหน? เอาล่ะ เราขอให้ทุกคนดูภาพด้านล่างนี้ให้ดี แล้วตอบอีกทีว่า มันมีเงื่อนงำอะไรกันแน่ ทำไมคนถึงสนใจกันเยอะจัง… คาดว่าเพื่อนๆ คงมีคำตอบอยู่ในใจกันแล้วใช่ไหมล่ะ คำตอบก็คือ ขาคู่นั้น ของเธอนั่นเองที่มันทำให้เธอกลายเป็นประเด็นโด่งดังในโลกอินเทอร์เน็ตของชาวญี่ปุ่น ชาวเน็ตต่างบอกว่า “นี่เป็นขาที่ทรงพลังที่สุดที่เคยเห็นมาเลยล่ะ” ทั้งความขาว ความยาว และความเรียว เรียกได้ว่าไม่แพ้ซูเปอร์โมเดลของญี่ปุ่นเลยนะเนี่ย ชื่อของเธอก็คือ Ami Yamazaki ซึ่งในปี 2018 นี้เธอก็มีอายุเข้าปีที่ 21 เท่านั้น (ห๊ะ!?) ชาวเน็ตญี่ปุ่นต่างแชร์ภาพและวิดีโอในช่วงที่ Ami ออกมาประกาศข่าวกันอย่างล้นหลาม คลิปวิดีโอขณะ Ami รายงานสภาพอากาศ แต่เห็นเธออาโนเนะแบบนี้บอกเลยว่าเธอไม่ได้มาขายรูปร่างหน้าตา ในการคัดเลือกผู้ประกาศข่าวในปี 2014 เธอเป็นผู้ชนะและได้รับการคัดเลือกมาเป็นผู้ประกาศข่าว จากผู้สมัครทั้งหมด 10,315 คน! และในปี 2015 เธอเปิดตัวออกมาในฐานะผู้ประกาศข่าวรายงานสภาพอากาศ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเป็นอยู่เพราะผลงานของเธอนั้นดีเยี่ยมและเสมอต้นเสมอปลาย .…
-
มีความโลลิ~ สาวน้อยชาวญี่ปุ่นโตเร็วเกิ๊น อยู่ชั้นประถมแต่มีส่วนสูงถึง 175 ซม.!!
งงใจ ทำไมเด็กสมัยนี้โตไวจังเลยหืมมม!? เรื่องราวที่เราอยากเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ เด็กสาวชั้นประถม อ๊ะ อย่าเพิ่งคิดอะไรไม่ดี ไม่ได้จะชวนกันหื่นกามหรอกนะวันนี้ เพียงแต่น้องคนนี้ดูโตเกินวัยมากไปก็เท่านั้นเอง ลองดูภาพนี้สิ ทั้งคู่เป็นเด็กวัยเดียวกัน… ชื่อของสาวน้อยตัวสูงคนนี้ก็คือ Rino Natsume ภาพด้านบนเป็นภาพที่เธอถ่ายเอาไว้เมื่อตอนมีอายุเพียง 6 ขวบ!! ซึ่งตอนนั้นความสูงของเธอก็ปาเข้าไป 174 ซม. แล้ว ว่ากันว่าในช่วงวัยเด็กนั้น เด็กผู้หญิงจะมีพัฒนาการเติบโตเร็วกว่าเด็กผู้ชายมาก แต่นี่มันเร็วเกินไปแล้ว… สูงยาวเข่าดีเฟร่อ~ . บางคนอาจหลงลืมไปเลยว่านี่หรือคือเด็ก “ชั้นประถม” ปัจจุบันสาวโลลิขายาวคนนี้ (ไม่เผยอายุ) ได้กลายเป็นนางแบบให้นิตยสาร ニコ☆プチ ของญี่ปุ่นไปแล้วด้วย นั่นทำให้เธอยิ่งเป็นที่รู้จักในโลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และทำเอาชาวเน็ตญี่ปุ่นต่างช็อกกับหน้าใบหน้าเด็กประถมของเธอแต่มีส่วนสูงระดับเด็กมหาวิทยาลัย… อย่าลืมว่าเธอยังอยู่ในช่วงพัฒนาการของร่างกาย พูดง่ายๆ ก็คือ เธอยังสูงได้อีก!! ป่านนี้สาวน้อยคนนี้อาจจะสูงเกิน 175 ไปแล้วก็เป็นไปได้ ซึ่งเด็กในวัยเดียวกับเธอนั้นเรียกได้ว่า ไม่มีใครสูงเท่าเธอแล้วล่ะ อย่าว่าแต่เด็กวัยเดียวกันเลย Rino Natstume นั้นสูงกว่า ความสูงเฉลี่ยของผู้ใหญ่เพศชายชาวญี่ปุ่น อีกแน่ะ…
-
17 นวัตกรรมสุดเจ๋งในญี่ปุ่น ที่คุณอยากให้มีในบ้านเรา บร๊ะเจ้าจอร์จ มันยอดมว๊ากกก!!
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘ประเทศญี่ปุ่น’ เป็นประเทศที่มีนวัตกรรมต่างๆ มากมาย และมันมักจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่านักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมนวัตกรรมเจ๋งๆ จากประเทศญี่ปุ่น ที่เพื่อนๆ อยากจะให้มันมีอยู่ในประเทศเราอย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้าง ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ปุ่มเปิดเสียงในห้องน้ำ ที่จะช่วยกลบเสียงเวลาทำธุระของคุณ 2. กระดาษเช็ดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ที่มีรหัสไวไฟแจกด้วย 3. หน้าจอในห้องน้ำที่บอกว่าห้องไหนว่าง ห้องไหนไม่ว่าง จะได้เดินไปเข้าได้ถูก 4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบกล่อง ที่จะช่วยให้คุณได้ซึมซับความเป็นเด็กอีกครั้ง 5. ขั้นบันไดที่บอกแต่ละขั้นว่าคุณผลาญพลังงานแคลอรี่ไปเท่าไหร่ 6. ตู้หยอดเหรียญที่ขายไข่สดๆ จากฟาร์ม 7. ติดตั้งอุปกรณ์กันไฟฟ้าสถิตตรงปุ่มลิฟต์ เพื่อกันไม่ให้คุณถูกไฟดูด 8. เป๊ปซี่สีชมพู!! 9. โค้กรสพีชชชชช 10. รถขนของที่สามารถเปิดได้ทั้งด้านข้างและด้านหลัง 11. ตู้เก็บของแช่เย็นในชอปปิงเซนเตอร์…
-
หาาาา!! สาวน้อยบ้องแบ๊วคนนี้เป็น “ประธาน” บริษัทพัฒนาเกมมือถือที่ฮิตสุดๆ ในญี่ปุ่น~
เวลาเซ็งๆ เครียดๆ ไม่รู้จะทำอะไรพวกเราและใครๆ อีกหลายคนก็มักจะต้องหันไปหา เกมโทรศัพท์มือถือ อย่างแน่นอนเลยล่ะ ชาวญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน พวกเขาน่ะชื่นชอบการเล่นเกมโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกม Azur Lane ที่มีตัวละครเป็นสาวอนิเมะสุดเอ็กซ์ที่ทำหน้าที่เป็น “เรือรบ” ออกมาต่อสู้กันกลางทะเล เกม Azur Lane ดูทรงตัวละครแล้วไม่แปลกใจทำเกมถึงฮิต! ลองมาดู Trailer และ Game play ของเกม Azur Lane กันดีกว่า ไม่ว่าท่านผู้ชมจะชอบหรือไม่ชอบ เปิดตัวมาได้เพียงแค่ 8 เดือน เกมนี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ฮิตที่สุดในญี่ปุ่นไปเสียแล้ว แต่ที่ทำให้เกมนี้กลับมีชื่อเสียงขึ้นอีกเป็นสองเท่าก็คือ… ก็คือ!!! “ประธาน“ บริษัทพัฒนาเกมนี้นั่นเอง บริษัท Manjuu ที่ตั้งอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่รับผิดชอบการพัฒนาเกม Azur Lane และล่าสุดรายการหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นก็ได้เผยให้ชาวโลกได้เห็นโฉมหน้าของประธานบริษัทแห่งนี้… Choyan Lin สาวน้อยชาวจีน ประธานบริษัทพัฒนาเกม Azur Lane คิดไม่ถึงเลยว่าประธานฝ่ายพัฒนาเกม Azur Lane นั้นจะเป็น สาวน้อยหน้าใสสุดบ้องแบ๊ว…
-
สาวญี่ปุ่นฝีมือเทพ วาดภาพสถานที่โคตร “ละเอียด” แถมงานดีย์ด้วยบอกเลย คิคิ~
ไม่รู้ว่าคนที่วาดรูปเก่งๆ นี่เขากินอะไรเข้าไปกันนะ ถึงได้มีฝีมือการวาดภาพที่เหนือมนุษย์ขนาดนั้นได้ ตัวอย่างเช่น ศิลปินสาวชาวญี่ปุ่น Emi Nakajima คนนี้ ที่ทุ่มเทความพยายามในการวาดภาพสถานที่ดังๆ ให้ออกมาสวยสุดๆ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การวาดภาพของเธอเป็นการวาดภาพสิ่งก่อสร้างดังๆ ทั่วโลกด้วยลายเส้นที่ ละเอียด จนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดกันทุกเม็ดเลยทีเดียว เธอเป็นศิลปินชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยบ้านเรานี่เอง อย่ารอช้า ลองไปชมผลงานของเธอกันเลยดีกว่า ว่ามันจะละเอียดละออขนาดไหนกันเชียว… ภาพแรก จัดไปเลยกับ “วัดร่องขุ่น” งานทุกชิ้นของเธอ เธอตั้งใจและทุ่มเทให้กับมันอย่างมาก ดู๊!! อาสนวิหารสทราซบูร์ ประเทศฝรั่งเศส อื้อหืม ละเอียดยิบ! เก็บทุกเม็ด โอ้ พระเจ้า นี่มันฝีมือมนุษย์วาดจริงๆ เหรอเนี่ย มหาวิหารมิลาน ประเทศอิตาลี . หอนาฬิกาบิกเบน ประเทศอังกฤษ ปราสาท Alcázar of Segovia ประเทศสเปน . …
-
ห้องพักญี่ปุ่นนำเสนอ ออปชั่นพิเศษ ‘แมวเช่า’ สำหรับทาสแมวที่ไม่มีแมวมาอยู่ด้วย
เวลาเราไปเที่ยวญี่ปุ่น เหล่าทาสแมวย่อมไม่พลาดที่จะไปเที่ยวคาเฟ่แมว สวรรค์ที่เต็มไปด้วยแมวน่ารักจำนวนมาก ถึงจะอยู่ด้วยกันได้แค่แป๊บเดียว แต่มันก็ทำให้รู้สึกชื่นใจขึ้นมาได้บ้าง ทว่าวันนี้มีอีกทีหนึ่งที่ทาสแมวอาจจะสนใจเวลาไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น มันคือ My Cat ( まいきゃっと) ซึ่งอยู่ในเขตฮาโกเนะ จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่พักเหมือนกับโรงแรมทั่วไปนี่แหละ แต่ที่พิเศษก็คือที่นี่มีบริการให้ ‘เช่าแมว’ ไปอยู่ในห้องด้วย! ที่พักแห่งนี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตหลังจาก @mituyasann หญิงรักแมวที่ได้มาพักที่นี่ รีวิวความน่ามาพักไว้บนทวิตเตอร์ของเธอเอง เธอทวีตไว้ว่า “เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันไปเที่ยวที่เมืองฮาโกเนะ เพื่อสลัดความเครียดจากการทำงานในเดือนเมษายนทิ้งบ้าง ฉันได้พักในที่ที่ดีที่สุดที่เคยเจอมา … มันเป็นโรงแรมในเมืองยูกาวาระที่มีแมว (เช่า) อยู่ด้วย! ถึงฉันจะเลี้ยงแมวไว้ที่บ้านไม่ได้ แต่ฉันชอบเจ้าเหมียวตัวนี้มากเลย มันทำให้ฉันดีใจจนน้ำตาไหลเชียวล่ะ” ตอนแรกที่เข้าไปพัก ถ้าเราอยากเช่าแมว คนดูแลจะให้เลือกแมวก่อน รอบนี้หญิงสาวเลือกเจ้า Kai มาอยู่ด้วย คนดูแลบอกว่า Kai มันชอบเล่นคนเดียว แต่ก็ยังยอมให้เธอลูบอยู่นะ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วเจ้าเหมียวก็ขี้เล่นผิดกับที่โฆษณาไว้ทุกอย่าง ตั้งแต่เข้าห้องมามันก็เดินเข้ามาเล่นกับเธอเองแล้ว แถมไม่ยอมปล่อยซะด้วยสิ งื้อ ทาสฟิน …
-
ทั้งขำทั้งสงสาร! คุณตาญี่ปุ่นวัย 80 พยายามสร้าง “ที่ดื่มชา” แบบไม่พึ่งถ้วยชา 5555
คุณคิดไว้หรือยังว่าเมื่อคุณแก่ชรา หรือเข้าสู่วัย 60 อัพ คุณจะทำอะไร? นอนเฉยๆ? ทำสวน? เลี้ยงสุนัข? หรือว่าประดิษฐ์สิ่งของ? ถ้าหากว่ายังคิดไม่ออกล่ะลองมาดูตัวอย่างกันหน่อยเป็นไง คุณตาชาวญี่ปุ่นวัย 80 ปีคนหนึ่ง ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยการพยายามสร้างสิ่งมหัศจรรย์ นั่นก็คือ “อุปกรณ์ดื่มชาแบบเร่งด่วน” ข้อแม้ของการประดิษฐ์ในครั้งนี้ก็คือ ห้ามใช้ถ้วยในการดื่ม และเป็นที่มาของอาการฮาน้ำตาไหล เมื่อคุณตาค้นพบสิ่งที่ตัวเองต้องการสร้างแล้ว เขาจึงจัดแจงลงมือทำอย่างไม่รีรอ และแน่นอนว่า เมื่อคิดจะประดิษฐ์สิ่งของใดๆ ก็ตาม ก่อนที่จะประสบความสำเร็จมันก็ต้องผ่านความล้มเหลวกันมาก่อนทั้งนั้น ไอ้ความล้มเหลวในการประดิษฐ์นี่แหละที่เป็นความ ฮา ของงานนี้!! ครั้งแรก คุณตาสร้างตะแกรงใส่ใบชาไว้ที่ปาก แล้วเทน้ำร้อนลอดผ่านลงคอไปเลย น้ำพุ่งเลยครับคุณตา!! ครั้งที่สอง อุปกรณ์ดื่มชาของคุณตาเริ่มมีการเพิ่มสายที่ยาวขึ้น เพื่อให้น้ำชาลดอุณหภูมิลง อั้ยหยาาา เหมืองแด็กน้ำร้องเลยอ่าาา~~ (เหมือนดื่มน้ำร้อนเลยล่ะ) ครั้งที่สาม คณตาเริ่มใส่ใจกับระบบทำความเย็นมากขึ้น ทำให้สายยาวจนวนรอบศีรษะได้ ปรากฏว่าชายังไม่ทันเข้าปากเลยต้องถอดออกแล้ว ชาไหลผ่านสายที ร้อนยันหน้า… ครั้งที่สี่ คุณตายังคงมุ่งมันกับการยืดความยาวของสาย เอาไปแขวนไว้บนที่สูง…
-
ชาวญี่ปุ่นโอด…นักท่องเที่ยว ‘แกะสลัก’ ต้นไผ่ ในป่าไผ่อาราชิยามะ เจ้าหน้าที่ต้องจำใจตัดทิ้ง
‘ป่าไผ่อาราชิยามะ’ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เหล่านักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเดินทางไปเยือนเกียวโตเป็นต้องไปเยี่ยมชม แต่เนื่องจากว่ามันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาไปเยือน ย่อมทำให้เกิดปัญหาตามมา และปัญหาที่ป่าไผ่อาราชิยามะกำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้คนญี่ปุ่นมากมายออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากว่าเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา บริษัท Ebisuya ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการรถลากในป่าไผ่อาราชิยามะ รวมไปถึงช่วยจัดการดูแลด้านต่างๆ ในป่าไผ่แห่งนี้ ได้ทำการโพสต์หน้าเฟซบุ๊กเพจ เป็นภาพของต้นไผ่ที่ถูกสลักเขียนเป็นตัวหนังสือในภาษาต่างๆ มากมาย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งให้แคปชั่นในโพสต์ดังกล่าวว่า “ต้นไผ่ในป่าอาชิรายามะกำลังร้องไห้” ในโพสต์เล่าว่าต้นไผ่ที่ถูกแกะสลักนั้นจะต้องถูกตัดออกไป เหตุเป็นเพราะว่ารอยที่ถูกกรีดของต้นไผ่จะทำให้ต้นไผ่ค่อยๆ ผุพังไปทีละน้อย นั่นหมายความว่าจำนวนต้นไผ่ที่อยู่ในป่าไผ่จะหายไป ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหลังจากนี้จะไม่ได้ชมความงามที่แท้จริงของป่าไผ่ได้เหมือนในอดีต จากในโพสต์ระบุว่าตอนนี้มีต้นไผ่ที่ต้องตัดไปกว่า 100 ต้นแล้ว!! นอกจากนี้ทางเพจยังได้ทำการขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ว่าหากเห็นการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควร อย่างการแกะสลักต้นไผ่นี้ ก็ให้รีบมาแจ้งแก่เจ้าหน้าที่โดยด่วน จากการตรวจสอบบนต้นไผ่แล้วพบว่ามีตัวหนังสือภาษาอังกฤษ, เกาหลี, จีน และบางส่วนก็มีภาษาญี่ปุ่นอยู่ด้วย จากการคาดการณ์นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมยังป่าไผ่ ได้ทำการแกะสลักชื่อของตัวไว้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าตนได้มาเที่ยวยังที่แห่งนี้แล้ว เพราะต่อจากชื่อก็มีการสลักเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงวัน เดือน ปี ทางด้านเทศบาลของเมืองเกียวโต ก็ได้มีประกาศออกมาเพื่อขอความร่วมมือกับนักท่องเที่ยว ไม่ให้ทำการแกะสลักต้นไผ่เพื่ออนุรักษ์ป่าไผ่ …
-
เมื่อ ‘คนญี่ปุ่น’ ได้ลองชิม ‘ซูชิ’ แบบต่างประเทศ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนะ!?
‘ซูชิ’ ถือเป็นหนึ่งในอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แน่นอนว่าในต่างประเทศนั้นก็ต้องมีการ ‘เปลี่ยนแปลง’ รสชาติ หรือวิธีการทำซูชิให้เข้ากับวัฒนธรรมการกินของแต่ละที่อีกด้วย แล้วจะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘คนญี่ปุ่น’ ที่เป็นเจ้าของต้นตำรับซูชิแบบดั้งเดิม ได้ลองมาชิมซูชิของต่างประเทศ ที่มีการเปลี่ยนสูตรให้ต่างจากซูชิแบบดั้งเดิม ลองไปชมความเห็นของพวกเขาไปพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… เรื่องมีอยู่ว่าแชแนลยูทูบ Asian Boss ได้ถ่ายทำคลิปวิดีโอถามความเห็นของชาวญี่ปุ่น ถึงซูชิแบบอเมริกัน ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกันบ้าง? โดยทำการสัมภาษณ์ชาวญี่ปุ่นที่สัญจรไปมาบนถนนในกรุงโตเกียว จากการสัมภาษณ์พิธีกรได้ถามคนญี่ปุ่นว่า “พวกเขารู้หรือไม่ว่าซูชินี้ถูกนำทำขายในต่างประเทศด้วย?” ซึ่งพวกเขาก็ตอบว่า “เคยเห็นผ่านทางทีวีมาบ้างแล้ว” ซึ่งก็มีชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งบอกว่า “มันดูแปลก เพราะใส่อะไรต่อมิอะไรเข้าไปเยอะเหลือเกิน อีกทั้งยังดูแตกต่างจากซูชิธรรมดาไปมากโขเลยทีเดียว” มาถึงคราวที่ต้องชิมกันบ้าง ชิ้นแรกเป็น แคลิฟอเนียร์ โรล พอกินเข้าไปแล้วชาวญี่ปุ่นถึงกับตั้งคำถามออกมาเลยว่า “มันคือซูชิจริงๆ ใช่ไหม?” อีกทั้งยังมองว่ามันเหมือนกับข้าวปั้น (Onigiri) มากกว่าที่จะเป็นซูชิ มาถึงคราวให้คะแนนกันบ้าง ซึ่งคะแนนก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้ง 3 บ้าง 2 บ้าง 5 บ้าง แต่บางคนก็ให้เยอะถึง 9 เลยทีเดียว แต่ทั้งหมดนี้เป็นคะแนนในแง่ของความเป็น…
-
คู่รักลุงป้า ‘บงปง’ แต่งตัวเหมือนกันทุกวัน อยู่ร่วมกันมา 38 ปี เตรียมออกแบรนด์เสื้อผ้าแล้ว
หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้พบได้เห็นภาพน่ารักๆ ของคุณลุงคุณป้าชาวญี่ปุ่นคู่นี้กันมาบ้างแล้ว ที่มักจะโพสต์รูปภาพคู่ในชุดโทนเดียวกันเป็นประจำ ซึ่งในปัจจุบันก็โด่งดังมากๆ จนมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากถึง 700,000 คน!! bon・pon หรือ (夫妻 ที่แปลว่าสามีภรรยา) คือคู่รักวัยเกษียณชาวญี่ปุ่น ร่วมกันสร้างปรากฎการณ์แห่งความน่ารักของชีวิตคู่สูงวัย แต่ใจยังวัยรุ่น ด้วยสไตล์การแต่งตัวที่ยังคงสมวัย ทันสมัยและเป็นแนวเสื้อผ้าคู่รัก ทำการโพสต์ผ่านอินสตาแกรมมาตั้งแต่ปี 2016 คุณลุง Tsuyoshi Seki และคุณป้า Tomi Seki คือผู้ที่อยู่ในรูปถ่ายเหล่านั้น และเป็นผู้อัพโหลดความเคลื่อนไหวผ่านอินสตาแกรมด้วยตนเอง จากการตั้งไอโฟนบนขาตั้งกล้องและแชะรูปภาพน่ารักๆ ร่วมกัน เพื่อแชร์ให้กับชาวเน็ตได้ชื่นชม . และคู่รักในวัย 60 ปี ก็จะปรากฎในชุดแต่งกายสไตล์น่ารักสำหรับชีวิตประจำวัน จับคู่โทนสีให้เหมือนกัน ด้วยความเรียบง่ายเหล่านี้ก็ทำให้ได้รับคำชื่นชมจากทั้งแฟชั่นนิสต้า และผู้ติดตามที่คอยรอชมในอินสตาแกรม . ชื่อเสียงของทั้งคู่ โด่งดังไปจนทั่วอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์ผ่านบทความทั้งหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้ตีพิมพ์หนังสือเป็นของตัวเองถึง 2 เล่มเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบชีวิตการแต่งงาน …
-
ญี่ปุ่นช็อก สั่งอาหารไปนานผิดปกติ ปรากฏว่าพนักงาน “นอนแอ้งแม้ง” อยู่หลังร้าน!!
เรื่องราวในวันนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้เปิดร้านอาหารหรือทำงานด้านบริการได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อเลือกที่จะทำธุรกิจให้บริการลูกค้าแล้วนั้น ควรหยุกพักความสนุกส่วนตัว เช่น การตั้งวงดื่มสุราเอาไว้ให้ถึงเวลาเลิกงานเสียก่อน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อร้านว่า Redang ในย่านโอซากะ ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ลูกค้าต้องไม่พอใจขึ้น เมื่อราวๆ เวลา 6 โมงเย็นลูกค้าต่างพากันเข้ามาสั่งอาหารที่ร้านนี้ ด้วยเมนูขึ้นชื่อ อาหารขึ้นชื่อก็จะหน้าตาประมาณนี้ แต่ลูกค้าก็ต้องงุนงงกับการบริการที่ล่าช้าเป็นอย่างมาก สั่งอาหารไปแล้วทำไมถึงยังไม่ได้อาหารสักที จนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ลูกค้าบางคนจึงแอบเข้าไปส่องดูภายในครัวของร้านอาหารดังกล่าว สิ่งที่พบกลับทำให้พวกเขาถึงกับตกใจ เขาพบเจ้าของร้านอาหารและลูกจ้างอีก 3 คนกำลังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นครัวราวกับว่าจะขาดใจตาย แต่พอสังเกตดีๆ มันกลับทำให้ลูกค้าทั้งหลายต้องอารมณ์เสียกันเป็นแถบเพราะว่า ทั้งเจ้าของร้านและลูกจ้างนั้นมีสภาพที่ “เมาเหล้า” อย่างหนัก จนต้องเรียกรถพยาบาลมาช่วยเหลือ ที่สำคัญคือ หนึ่งในลูกจ้างมีเด็กหนุ่มวัย 18 ปีรวมอยู่ด้วยทั้งๆ ที่กฎหมายของประเทศญี่ปุ่นนั้นห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีดื่มของมึนเมา เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบพบว่าชายทั้ง 4 คนได้มีการดื่นสุราจนมึนเมามาตั้งแต่ก่อนเปิดร้านแล้ว ส่วนเจ้าของร้านอาหารดังกล่าววัย 48 ปีเองก็มีอาการบาดเจ็บสาหัสจากพิษสุราที่เขาดื่มอีกด้วย แต่รายละเอียดอื่นๆ ยังไม่เผยออกมาให้ทราบ นึกภาพไม่ออกจริงๆ…
-
รู้จัก 8 ตัวตนมาสคอตสาย ‘น่าเกลียดและน่ากลัว’ ความคาวาอี้คืออะไร พี่ไม่รู้จักจ้าาาา
ณ ดินแดนญี่ปุ่นนั้น ‘มาสคอต’ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสายงานที่นิยมใช้ในหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทั้งหน่วยงานราชการก็ดี บริษัทห้างร้านต่างๆ ก็ตาม มักจะใช้วิธีการโปรโมทผ่าน Yuruchara หรือ มาสคอต อยู่เสมอ ไม่ว่ากลยุทธ์การตลาดยุคใหม่จะเปลี่ยนเทรนด์ไปยังไง เมื่อกล่าวถึงญี่ปุ่น ความคาวาอี้น่ารักแบบสุดกู่ก็ต้องมาคู่กัน ดีไซน์ส่วนใหญ่จะออกมาในแนวน่ารัก เพื่อดึงดูดความสนใจผู้คน พร้อมกับสร้างเอกลักษณ์ตัวตนให้กับมาสคอตตัวนั้นๆ อย่างเช่น ชินโจคุง หรือ หมีคุมะมง ชินโจคุง หนุ่มนากแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์เมืองซูซากิ จังหวัดโคจิ https://www.instagram.com/p/Bi5panhDS89/ หมีคุมะมง ตัวแทนโปรโมทจังหวัดคุมะโมะโตะ https://www.instagram.com/p/Bi4XbzPlaq5/ แต่ทว่าสมรภูมิมาสคอตของญี่ปุ่น ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความน่ารักเท่านั้น เพราะถ้าจะให้อยู่รอดได้ก็ต้องกล้าที่จะแตกต่าง และทำให้กลายเป็นที่จดจำได้ง่าย นั่นก็หมายถึงการมาของมาสคอตสายน่าเกลียดน่ากลัวยังไงล่ะ เอาเป็นว่าเรามารู้จักตัวตนทั้ง 8 มาสคอตต่อไปนี้กันเลย!! Baron Ciste (เมืองมุกาวะ ฮอกไกโด) Baron Ciste, of Hokkaido's Mukawa-Cho, is an ammonite-headed gentleman…
-
ญี่ปุ่นเจ๋ง Asahi ออกเครื่องดื่มใหม่ กาแฟลาเต้ “สีใส” ไร้คาเฟอีน ใสจนนึกว่าน้ำเปล่า!!
พอพูดถึงกาแฟแล้ว แน่นอนว่าหลายคนต้องคิดถึง “สีดำ” อย่างแน่นอน แล้วถ้าบอกว่าเป็นกาแฟนมแบบลาเต้ล่ะ คุณก็คงต้องตอบว่า “สีน้ำตาลอ่อน” กันแน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ? แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ของ Asahi ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ถึงจะบอกว่าเป็นเครื่องดื่มกาแฟลาเต้ แต่เครื่องดื่มขวดนี้กับไม่มีสี!! แถมยังใสราวกลับน้ำเปล่าอีกด้วย… ช่วงก่อนหน้านี้ถ้าใครได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นล่ะก็ จะพบว่าตามร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อจะมีน้ำรสชาติต่างๆ วางขายเป็นเวอร์ชันใสๆ เต็มไปหมด เช่น น้ำพีชใส น้ำองุ่นใส น้ำส้มใส หรือแม้แต่โยเกิร์ตใสก็มีมาแล้ว งานนี้ถึงตา กาแฟลาเต้ใส ครองตลาดบ้างล่ะ!! แต่รู้หรือไม่ว่า ที่ยิ่งไปกว่าสีใสๆ ของมันก็คือการที่มันเป็นเครื่องดื่มกาแฟลาเต้ที่ผ่านกระบวนการผลิตด้วยวิธีต่างๆ ทางวิศวกรรมและเคมี จนกลายเป็นกาแฟลาเต้รสชาติละมุน ใส ไร้น้ำตาล แถมไม่มีคาเฟอีนอีกด้วย!! นี่คือหนึ่งขวดในขนาด 600 มิลลิลิตร ด้านหลังขวดก็เขียนรายละเอียดต่างๆ บอกเอาไว้ ห่างส่องดูจากก้นขวดจะเห็นได้ชัดเลยว่า “ใส” ราวกับน้ำเปล่าแน่ะ และนี่คือเครื่องดื่มไอเดียบรรเจิดจาก Asahi แถมบนฝามีลูกศรชี้ด้านเปิดขวดเสียด้วย …
-
ปริศนาลับสมองจากญี่ปุ่น “จะแบ่งแอปเปิล 2 ผลให้คน 3 คนเท่าๆ กันได้อย่างไร?”
เล่นทวิตเตอร์อยู่ดีๆ ก็มีปัญหามาให้ได้ลับสมองกันซะอย่างงั้น… เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งจู่ๆ ก็โพสต์ภาพออกมาให้ได้ชาวเน็ตได้ขบคิดกันว่า “จะแบ่งแอปเปิลสองผลให้กับคน 3 คนเท่าๆ กันได้อย่างไร โดยใช้มีดเพียงเล่มเดียวและใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น” ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @omahuko ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมทายปัญหาดังกล่าว ปัญหานี้ทำให้ชาวเน็ตผู้ไม่ชอบความท้าทายต้องเข้ามาให้คำตอบกันจำนวนมาก เช่น: “เอาแอปเปิลไปปั่นและคั้นทำเป็นน้ำแอปเปิลซะ” “เอามีดไปขาย แล้วเอาเงินไปซื้อแอปเปิลเพิ่มอีกลูก” “เป่ายิงฉุบกัน ใครชนะก็เอาแอปเปิลทั้งหมดไป” แล้วคนนี้ก็มาตอบด้วยคำตอบสุดโหดว่า “ทำให้มันเหลือ 2 คนซะสิ” และนั่นทำให้ชาวเน็ตอีกคนจุดประกายคำตอบใหม่ขึ้น ซึ่งก็โหดไม่แพ้กัน แต่มีความสร้างสรรค์เพิ่มมาหน่อย เขาตอบว่า “นำแอปเปิลทั้งสองมาตั้งเป็นแนวตั้งไว้บนหัวของคนใดคนหนึ่ง แล้วใช้มีดผ่าครึ่งตั้งแต่แอปเปิลลงมาจนถึงตัวคน จะทำให้คุณได้รับ แอปเปิล 4 ชิ้น แถมตอนนี้คุณก็มีคน 4 คนพอดี” เรียกได้ว่าคำตอบของแต่ละคนเริ่มดาร์กลงเรื่อยๆ บ้างก็บอกให้นำมีดมาแทงตัวเอง อะไรทำนองนั้น จนกระทั่งได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งเข้ามาตอบด้วยวิธีที่เป็นผู้เป็นคน แบบที่ไม่ต้องมีใครตายเลยสักคน คุณ @SF64052250 เข้ามาตอบว่าแบ่งแอปเปิลแต่ละผลเป็น 3 ส่วนสิ แล้วผ่าแอปเปิลทั้งสองผลภายในครั้งเดียวให้ออกมาเป็น 1 ส่วน 3 ผล ที่นี้มันก็จะออกมาเป็น…
-
สาวนักคอสฯ เปิดภาพอดีตตัวเอง กับการยอมจ่าย 2,000,000 บาท แลกกับความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น!!
ปัจจุบันในเรื่องของการทำศัลยกรรมพลาสติกนั้น กลายมาเป็นเรื่องปกติในสังคมไม่ว่าจะทั้งในประเทศไทยของเราเอง หรือในต่างประเทศต่างก็ต่างได้รับการยอมรับมาขึ้น แต่จะมีสักกี่คน ที่ยอมเปิดเผยเรื่องราวในอดีตของตนเองว่า เคยผ่านมีดหมอมาก่อน ผ่านมากี่ครั้ง และทำส่วนไหนไปแล้วบ้าง เพราะว่าภาพปัจจุบันที่เห็นกับภาพก่อนโดนผ่า แทบจะไม่อยากจะเชื่อสายตากันเลยล่ะ 【コスプレ】アイドルマスターシンデレラガールズ 一ノ瀬志希/スターリースカイブライト photo:KHさん(@Thundermare )#コスプレ #cosplay #デレマス #しきにゃん #一ノ瀬志希 pic.twitter.com/Z8Pzm1bY4Y — 水野めいみ🧸 (@meme_metan) March 13, 2018 . อย่างเช่นนักคอสเพลย์สาวชาวญี่ปุ่นผ่านทวิตเตอร์ @meiji1111111 เธอไม่ได้ปรับแต่งลุคภายนอกของตัวเองจากวิก พร็อพต่างๆ หรือเมคอัพแต่งหน้าเท่านั้น เพราะเธอลงทุนที่จะเปลี่ยนแทบทั้งตัวเลย… 口ゴボゴリラ横顔は死ぬほど働いて会社辞めて沢山課金して血反吐と鼻血垂れ流して1ヶ月流動食しか食べれない生活我慢すれ治ります pic.twitter.com/PjNunPvHWR — 水野めいみ🧸 (@meme_metan) April 30, 2018 เธอทำการทวีตภาพในอดีตก่อนที่จะทำการศัลยกรรม เทียบกับหลังการทำศัลยกรรม ภาพร่างกายแต่ละส่วนที่ผ่านมีดหมอ และประกาศว่าตอนนี้ตัวของเธอเองนั้นเป็น ‘เวอร์ชั่นที่ 3’ แล้ว และมาไกลจากเวอร์ชั่นแรกแบบสุดขอบจักรวาล ตัวตนในเวอร์ชั่นแรกสุด!! 完全な無課金アバダーはこちらです…
-
แบรนด์ญี่ปุ่นออก “ชุดว่ายน้ำ” เอาใจสาวสายโมเอะ เห็นความโลลิมาแต่ไกล เฮือกก~
ใครอยากเที่ยวทะเลบ้างยกมือขึ้นหน่อยเร๊ววว!! สาวๆ คนไหนที่กำลังอยากไปเที่ยวทะเลแล้วก็กำลังมองหาชุดว่ายน้ำสวยๆ น่ารักๆ อยู่ วันนี้แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่ชื่อว่า M Kigyo ของญี่ปุ่นได้ออกชุดว่ายน้ำสุดน่ารักสไตล์ โลลิ ออกมาให้สาวๆ ได้จับจองกันแล้ว โดยครั้งนี้ทางแบรนด์ก็ได้ไอเดียการออกแบบมาจากนิทานของทางฝั่งตะวันตกเขานู่นแหละ เท่าที่เห็นก็จะมีเรื่อง หนูน้อยหมวกแดง สโนว์ไวท์ และ อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ สโนว์ไวท์ – หนูน้อยหมวกแดง – อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ เริ่มกันที่ชุดของ หนูน้อยหมวกแดง เลยดีกว่า ทั้งชุดก็จะประกอบด้วย 4 ชิ้น ได้แก่ เสื้อคลุมมีฮู้ด เสื้อบิกินี่ กระโปรงสั้น และกางเกงบิกินี่นั่นเอง . . ที่ยิ่งกว่านั้น มีชุด หนูน้อยหมวกดำ มาเป็นแขกพิเศษด้วยล่ะ เอาล่ะ ต่อกันด้วยชุดของ อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ กันเลย ขณะที่ชุดหนูน้อยหมวกแดงมีราคาราวๆ 7,000 บาทไทย ชุดอลิซจะมีราคาเพียง 5,700…
-
แฟชั่นเป้ “สะพายนม” จากสาวญี่ปุ่น อาจกำลังจะกลายเป็นกระแสแฟชั่นใหม่ก็ได้นะเนี่ย!
กระเป๋าสะพายหลัง คือกระเป๋าที่มีสายสองเส้นสำหรับสวมแขนทั้งสองข้าง โดยสายนั้นจะคล้องอยู่บริเวณหัวไหล่ แต่วันนี้สาวญี่ปุ่นนางหนึ่งได้สะพายกระเป๋าในอีกวิธี แถมเป็นวิธีที่หนุ่มๆ เห็นเป็นต้องชอบเสียด้วย!! ชาวเน็ตเรียกมันว่าการ “สะพายนม” เอ๊ะ! มันเป็นยังไงกันแน่นะ ไปดูกันเลย Yui Okada ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @dotetinyui ได้ออกมาโพสต์ภาพที่เธอใช้กระเป๋าสะพายหลังมาสะพายในลักษณะที่ไม่ได้คล้องกับไหล่ แต่มันคล้องกับ เอ่อ… ตรงกลางของหน้าอก! เธอเขียนว่า “นี่คือการสะพายกระเป๋าด้วยหน้าอก” https://twitter.com/dotetinyui/status/995194350714765312 ในโปรไฟล์ของเธอ Okada บอกว่าเธอเป็นคนที่ทำดีวีดีคอสเพลย์สไตล์ผู้ใหญ่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการแต่งกายเป็นตัวการ์ตูนสไตล์วาบหวิวอะไรทำนองนั้น บางคนบอกว่ามันดูท่าทางจะเจ็บ แต่เธอบอกว่ามันไม่เจ็บ เพราะเธอไม่ได้ทำแบบนี้ตลอด เธอแค่ทำเพื่อความตลกและความบันเทิงเท่านั้นเอง แถมยังใจดีสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจว่าสายมันคล้องอยู่ตรงไหนกันแน่ เธอจึงโพสต์ภาพเพิ่มเติม แบบ “ถอดเสื้อ” เพื่ออธิบายให้เห็นชัดๆ อ่อ มันคล้องอยู่แบบนี้นี่เอง https://twitter.com/dotetinyui/status/995444434861871104?ref_src=twsrc%5Etfw&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F05%2F15%2Fbusty-cosplayers-boobpack-has-fans-hoping-it-becomes-japans-next-fashion-trend%25e3%2580%2590photos%25e3%2580%2591%2F&tfw_creator=NatsuKazeOtoko ทั้งนี้ชาวเน็ตต่างเข้ามาคอมเมนต์กันมากมายเช่น: “นี่เป็นไอเดียที่เยี่ยมยอดมากๆ” “บะลั่กกั่กเสียจริงๆ” “นี่มันจะทำให้เกิดเทรนด์ใหม่หรือเปล่า?” “ทีนี้หน้าอกของผู้หญิงก็มีหน้าที่ใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว” และ “สายกระเป๋าน่ารักจังเลย” Okada บอกว่านี่เป็นเพราะความเซ็กซี่ของเธอ ถึงได้มีผู้ติดตามมากมายขนาดนี้ ขณะที่เหล่าผู้คอสเพลย์คนอื่นๆ ทุ่มเทให้กับการแต่งหน้าหรือทำผม https://twitter.com/dotetinyui/status/989274659337064449?ref_src=twsrc%5Etfw&ref_url=https%3A%2F%2Fsoranews24.com%2F2018%2F05%2F15%2Fbusty-cosplayers-boobpack-has-fans-hoping-it-becomes-japans-next-fashion-trend%25e3%2580%2590photos%25e3%2580%2591%2F&tfw_creator=NatsuKazeOtoko …
-
หาดทรายแก้วจากจังหวัดนางาซากิ หาดทรายที่ทำจากแก้วจริงๆ ไม่ใช่ของก๊อปเกรด A
จังหวัดนางาซากิ ดินแดนจากทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากอาหารที่แสนอร่อยแล้ว เทศกาลไหว้พระจันทร์ของที่นี่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลที่น่าไปสัมผัสสุดๆ เลย และวันนี้เราก็มีอีกสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจของจังหวัดจากทางใต้แห่งนี้มาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน นั่นก็คือ หาดทรายแก้วจากเมืองโอมูระ นั่นเอง ซึ่งความพิเศษของที่นี่ก็คือหาดทรายที่เต็มไปด้วยเศษแก้วระยิบระยับแทนผืนทรายขาวๆ เหมือนชายหาดที่เราเคยเห็นทั่วๆ ไปยังไงล่ะ แบบนี้!! หาดทรายแก้วที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียวแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อุทยาน Morizono ซึ่งนอกเหนือจากความน่าทึ่งของที่นี่แล้ว คุณยังได้ชมความสวยงามของอ่าว Omura ที่อยู่ตรงหน้าอีกด้วย เศษแก้วมากมายเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการสลายตัวของสาหร่ายตามชายหาด ซึ่งจะส่งกลิ่นเหม็นในช่วงหน้าร้อนนั่นเอง ซึ่งพวกเขาได้ทำการลบขอบและความคมของมันออกจนหมด ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าคุณสามารถเดินชมความสวยงามของที่นี่ได้แบบปลอดภัยหายห่วงเลย อย่างไรก็ตามเราอาจจะต้องแสดงความเสียใจสำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวจะไปเล่นน้ำที่นี่ เพราะตอนนี้ทางการได้สั่งห้ามลงเล่นน้ำเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติของที่นี่ แต่อย่างไรก็ตามคุณยังสามารถนำเสื่อและข้าวกล่องไปปิคนิคได้อยู่ . และนอกจากหาดทรายแก้วแห่งนี้แล้ว ที่จังหวัดนางาซากิแห่งนี้ก็ยังมีกิจกรรมน่าสนใจให้คุณได้ทำอีกมากมายด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรูๆ ในปราสาท หรือจะลองเช่าเกาะส่วนตัวพักผ่อนชิลๆ ก็มีให้เลือกนะเออ ที่มา soranews24
-
ใครสอนให้ทำแบบนี้!!? ญี่ปุ่นวาง “หุ่นแม่ลูก” ไว้หน้าไซต์ก่อสร้าง แต่กลับหลอนคนยามค่ำคืน
การเฉลิมฉลองในวันสำคัญนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่…ทำแบบนี้มันก็เกินไป๊!! ทวิตเตอร์ชื่อว่า @ken1hatsumi ได้เผยแพร่ภาพที่เขาถ่ายมาจากไซต์ก่อสร้างแถวสถานีรถไฟโกตันดะ แขวงพิเศษชินางาวะ เป็นภาพที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร ก็แค่ “หุ่น” แม่และลูกที่ยืนอยู่ข้างๆ หมวกซามูไรคาบูโตะ โดยด้านหลังจะเขียนว่า “ขอบคุณครับแม่” นี่เป็นการตกแต่งเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันเด็ก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี แต่สำหรับผู้ที่ผ่านไปมากลับมองว่า มันชวนขนหัวลุกอย่างไรก็ไม่รู้… หากยังมองไม่เห็นว่ามันน่ากลัวตรงไหน ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า @setsunaiotona ก็ได้ออกมาแถลงไขว่าให้ลองคิดดูสิ หากว่าเขตก่อสร้างนี้ไม่ใช่อย่างที่เราเห็น ถ้ามันเป็นสถานที่ที่แม่ลูกคู่นี้ตายล่ะ แปลว่าสิ่งที่เราเห็นเป็น “หุ่น” แม่ลูก ก็อาจจะไม่ใช่หุ่น แต่อาจจะเป็นคำสาปหรืออะไรสักอย่างจากภายในตึก…ก็เป็นได้~ ต่อมีผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายหนึ่งชื่อว่า @sunny4050 และ @FrankSTK ออกมาเผยภาพในบริเวณเขตก่อสร้างเดียวกัน ที่ถ่ายไว้ก่อนวันเด็ก ในภาพจะแตกต่างจากภาพแรกเล็กน้อย ซึ่งมันดูน่ากลัวกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินผ่านในเวลากลางคืน ลองนึกภาพยามเดินผ่านในตอนกลางคืน หุ่นแม่ไร้หน้าตัวที่ยืนกับลูกซึ่งเป็นหุ่นที่มาพร้อมกับ หัวที่โยกได้ แถมสามารถ หันหน้ามองผู้ที่เดินผ่าน ได้ด้วย!!! ลูกหัวโยกได้! แถมมองตามได้ด้วย!? สรุปแล้ว หุ่นเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาเชิงพาณิชย์หรือตั้งใจทำให้กลัวใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ามันถูกนำมาวางเพื่อเฉลิมฉลองงานวันเด็กรวมไปถึงโอกาสสำคัญอื่นๆ อีกด้วย แล้วมันยังจะต้องวางแบบนี้ไปจนกว่าการก่อสร้างจะเสร็จ… ร่วมฉลองวันสำคัญมันก็น่ายินดีอยู่หรอก แต่ใครสั่งใครสอนให้ฉลองแบบนี้ ไม่กลัวคนเดินผ่านเขาหัวใจวายเหร๊อออ!!! ที่มา:…
-
จากเหตุอีกาฉลาด ขโมยบัตรเครดิตซื้อตั๋วรถไฟ ถูกจับตัวแล้ว… และคนจับก็โดนจับต่ออีกทอด
คดีสะเทือนสายตาอันไม่น่าเชื่อนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีเหตุ ‘อีกา’ ที่ไม่ใช่ Crow Zero ไปต่อยตีกับใคร แต่มันดันฉลาดเกินไป จนมาขโมยบัตรเครดิตของคน เพื่อไปใช้ซื้อตั๋วรถไฟแบบเก่งยิ่งว่าเคนจิเสียอีก… (ข่าวเก่า) จากความแสบของเจ้าอีกาตัวนี้ ในพื้นที่ของสถานีรถไฟ Kinshichō ก็ยิ่งทำให้เป็นที่เลื่องลือว่าควรจะระมัดระวังสิ่งของมีค่าของตนให้มากขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นการจะได้ทรัพย์สินกลับคืนมาครบถ้วนแทบจะเป็นไปไม่ได้ แม้ทางการรัฐและเอกชนจะมีวิธีป้องกันรับมือมากแค่ไหน ก็ไม่อาจสู้จำนวนอีกาที่มีได้… แต่แล้วล่าสุด เจ้าอีกา (ที่คาดว่าจะเป็นตัวเดิม) ถูกจับตัวได้แล้ว โดยเป็นการโพสต์รายงานจากชาวทวิตเตอร์ @yuruhuwa_kdenpa แต่การจับกุมอีกาในครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่เป็นผู้หญิงรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น หลังจากที่เห็นเจ้าอีกาตัวนี้วนเวียนแถวๆ สถานี เธอก็รู้สึกว่ามันน่าจะมีความสุขกว่าถ้าไปอยู่ตามธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น และเธอก็ถือวิสาสะจับมันมา… และคิดว่าหลังจากที่ดูแลจนมีสุขภาพดี พร้อมที่จะออกสู่โลกกว้าง เธอวางแผนจะพามันไปปล่อยแถวๆ ภูเขา ในจังหวัดนะงะโนะ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่ดีกว่า อดซ่าส์เลยยยยย… อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าอีกาจอมแสบหมดอิสระอยู่ในกรง หญิงคนดังกล่าวก็ต้องเจอกับข้อกฎหมายเข้าให้ เนื่องจากนายสถานีหรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้ต้องการจับมัน และการจับอีกาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการอนุรักษ์สัตว์ป่าและการจัดการของประเทศญี่ปุ่น อาจจะต้องโทษสูงสุดด้วยการจำคุก 1 ปี หรือถูกสั่งปรับเป็นเงิน 1,000,000…
-
ลูกค้าคอมเพลนไม่อยากให้ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ เข้าร้าน ผู้บริหารโต้กลับ ‘อย่ามาที่นี่อีก’
โดยปกติทั่วไปตามห้างร้านหรือบริษัทต่างๆ มักจะมีกล่องรับความคิดเห็นจากลูกค้าวางไว้เสมอ ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้ออกความคิดเห็น เพื่อนำไปปรับปรุงการบริการที่ดียิ่งขึ้น ในบางครั้งก็เป็นคำติชมที่เกี่ยวข้องกับทางร้านโดยตรง แต่บางครั้งก็เป็นการติชมเพื่อเอาความรู้สึกส่วนตัวของลูกค้า หวังจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนไม่ชอบนอกเหนือจากการบริการของทางร้าน กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @Yuto_yumi_ ผู้ทำงานอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่ง และได้เห็นจดหมายตอบกลับจากฝ่ายบริหาร ที่มีต่อข้อเสนอแนะของลูกค้าเกี่ยวกับ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ หรือ LGBT ซึ่งข้อความตอบกลับแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะตอบลูกค้าที่ทางบริษัทเคารพได้ถึงขนาดนี้ รายละเอียดของลูกค้าที่แจ้งเข้ามา มีใจความคร่าวๆ ว่า “อย่าให้พวกกลุ่มรักร่วมเพศเข้ามาในร้าน ระยะหลังๆ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะมีสินค้าราคาถูกและหลากหลาย แต่รู้สึกแย่กับสิ่งที่เจอ อย่างเมื่อวานมาที่ร้านก็เห็นคู่เกย์เดินจับมือกันออกมาจากลานจอดรถชั้น 1… ปัจจุบันคนพวกนี้ยิ่งมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ห้างร้านไม่คิดจะจัดการกับคนเหล่านี้สักหน่อยเหรอ? เห็นมามากพอแล้ว ถ้าไม่จัดการอะไรก็จะไม่มาที่นี่อีก แล้วจะแฉบนอินเทอร์เน็ตให้ด้วย” จากคำคอมเพลนดังกล่าวนั้น ถือว่าดูรุนแรงพอสมควร อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าได้ หากมีคนเห็นพ้องคล้อยตามคำขู่ แต่ทว่าผู้บริหารกลับไม่คิดแบบนั้น…เพราะจดหมายจากสำนักงานใหญ่ชี้แจงชัดเจนว่า “จากข้อสรุปทั้งหมดทางบริษัทขอชี้แจงว่า “กรุณาอย่ามาที่ร้านแห่งนี้อีก” บริษัทของเราไม่ได้คำนึงว่าลูกค้าจะมีรสนิยมรักร่วมเพศหรือไม่ แต่ทุกคนคือลูกค้าของเรา และลูกค้าทุกคนมีความสำคัญ แต่ถ้าหากดูถูกผู้อื่นแล้ว เราจึงไม่อาจต้อนรับท่านได้อีก เพราะฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามาที่ร้านของเราอีก และที่สำคัญพนักงานของเราบางส่วนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มรักร่วมเพศ และเราไม่มีนโยบายไล่ออกจากกรณีนี้ หากท่านมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ ทางบริษัทไม่ได้ตั้งใจจะโต้แย้งท่าน… เพียงแค่ขอร้องว่าอย่าแสดงวาจาหรือกระทำการเหยียบย่ำผู้อื่นต่อหน้ากันแบบนี้ จึงขอความกรุณามาเพียงเท่านี้” …
-
หนุ่มๆ ว่าไง!? Anri Okita สาวใหญ่ขวัญใจมหาชน กลายเป็น “คุณแม่” ไปเสียแล้วว!!
เรื่องราวในวันนี้ อาจทำให้ชายหนุ่มครึ่งจักรวาลต้องใจสลายเลยก็เป็นได้ เพราะว่าสาวใหญ่อย่าง Anri Okita ดาราหนังอย่างว่า กลายเป็นคุณแม่ไปแล้วสดๆ ร้อนๆ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2018 Anri ได้โพสต์ภาพของเธอกับลูกลงในอินสตาแกรม anri_okita พร้อมบอกว่า เมื่อสองสามวันที่แล้วตัวเธอราวกับได้รับปาฏิหาริย์จากสวรรค์ เทพธิดาตัวน้อยนั้นทำให้เธอมีความสุขอย่างมาก ลูกสาวของเธอลืมตาดูโลกได้อย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ Anri ก็ยังขอบคุณแฟนๆ และทุกกำลังใจที่คอยมอบให้กับเธอเสมอ Anri Okita และลูกสาวตัวน้อย . เมื่อเธอประกาศข่าวว่าเธอกำลังตั้งครรภ์และล่าสุดก็มีลูก เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวที่แวดวงชายฉกรรจ์พูดถึงในอินเทอร์เน็ตจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็มีทั้งผู้ที่คอมเมนต์ในแง่บวก เช่น “ยินดีด้วย”, “ขอให้มีความสุขมากๆ” หรือ “คุณต้องเป็นแม่ที่ดีแน่ๆ” เป็นต้น แต่ขณะเดียวกันก็มีคอมเมนต์ในแง่ไม่สร้างสรรค์ด้วย เช่น “ลูกคุณจะโตมาเป็นนางเอกเอวีแบบคุณหรือเปล่า?”, “ช่วยถ่ายคลิปตอนสร้างลูกมาให้ดูหน่อยได้ไหม?” หรือ “ฉันรอหนังเอวีเรื่องต่อไปของคุณอยู่นะ” เป็นต้น และอีกหนึ่งคอมเมนต์ที่มาชื่นชมประกอบกับเอาฮาก็คือ “ลูกคุณโชคดีนะเนี่ย คงมีนมกินไปจนอายุ 10 ขวบได้เลยล่ะ” . . . . .…
-
แมวเหมียวสุดหล่อ ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปท่าไหน ยังไง รูปก็ออกมาดูไม่น่าเกลียดสักรูป!?
แมวเหมียว Nyankichi เป็นแมวหนุ่มจากจังหวัดคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มันเกิดมาพร้อมกับหน้าตาหล่อเหลา แถมยังมีทาสที่ชอบเอาใจซะด้วย เจ้าเหมียวกับทาสท่องเที่ยวด้วยกันไปทั่วประเทศ และระหว่างนั้นทาสก็เก็บภาพของเจ้าเหมียวระหว่างที่เที่ยวมาเยอะแยะเลย ที่น่าแปลกใจก็คือไม่มีรูปไหนเลยที่เจ้าเหมียวดูไม่ดี!! ถึงจะฟังดูขี้โม้ แต่รูปของมันก็เป็นหลักฐานแล้วว่ามันถ่ายรูปขึ้นทุกขณะจริงๆ แถมมันยังมีแฟนคลับในเฟซบุ๊กที่กดถูกใจให้กว่า 123,000 ครั้ง แล้วก็มีคนติดตามตั้ง 70,000 คนด้วย เถียงไม่ได้เลยว่ามันดูดีขนาดไหน แลบลิ้นให้กล้องทำไมอะ รูปตาปรือก็ดูเซ็กซี่ ถ่ายมุมเผลอยังไงก็สวย รู้จักจัดท่าให้ตัวเองด้วยนะ ภาพในแบบในน้ำนี่แหละมัดใจแฟนคลับได้ เจ้าทาสทำไมไม่จัดแสงให้มันดีๆ ห๊ะ!! แค่นอนเล่นก็หล่อแล้ว องศาการมองโคตรนายแบบ ถ่ายเบลอๆ ก็ยังน่าร๊ากกก เลียนแบบพระพุทธรูปแป๊บ ถ่ายตอนข้าโดดน้ำให้ได้นะเจ้าทาส ดูเหมือนเป็นแมวยักษ์เลย ความสวยของดอกไม้ต้องชิดซ้ายเมื่อเจอแมว เราไม่กลัวน้ำนะจะบอกให้ ตอนตกใจก็ยังดูดีเลยอะ ถ่ายรูปเก๊าแล้วไม่นับ จะยิ้มให้กล้องได้ยังไง …
-
หนุ่มพยายามหยอดคำหวานเพื่อชนะใจ นร. สาวแลกเปลี่ยน งัดทุกคำที่รู้ออกมาใช้ให้หมด!!
ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยนะ แม้ว่าการที่จะพยายามเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม หากเรามีความรู้สึกดีๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่าย ต่อให้เป็นการใช้ภาษาต่างประเทศก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการฝึกฝนเช่นกัน อย่างนักเรียนชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ต้องการจะใช้ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้เกิดประโยชน์ เพื่อหยอดคำหวานเกี้ยวสาวนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันที่มาอยู่ในคลาสเดียวกัน ฮร่าาาา เรื่องราวของ Carolin Marie ยูทูบเบอร์ ช่างภาพ และนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันวัย 18 ปี ได้มีโอกาสแวะไปในห้องเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น และแนะนำตัวให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้รู้จัก ซึ่งก็จะมีช่วงเวลาที่ให้เพื่อนๆ ได้ถามคำถามเธอด้วย แต่แล้วก็มีนักเรียนชายผู้กล้า ลุกขึ้นถามเธอในสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ใช้วิถีความเซียนในการเนียนจีบเธอแบบน่ารักสุดๆ “ผมขอถามคุณหน่อยได้มั้ย?” เขาเริ่มต้นบทสนทนา และเธอก็ตอบ “ได้สิ” จากนั้นก็เริ่มด้วยการบอกว่า “เนี่ย มีคนดีๆ อยู่นะ” พร้อมกับชี้ไปที่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะชี้กลับมาที่ตัวเองว่า “โดยเฉพาะตัวผม” แหม๊… หมอนี่มันร้ายกาจจริงๆ “แล้วถ้าคุณมีแฟนในห้องนี้ คนไหนจะเหมาะสมที่สุด?” . ด้วยความเขินก็ทำได้แค่เพียงบอกว่า “ทุกคนน่ารักมากๆ เลย ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเม้นท์น่ารักๆ จากประเทศญี่ปุ่น…
-
ตำนาน ‘หญิงญี่ปุ่นคนแรก’ ที่ได้ศึกษาระดับวิทยาลัย และวางรากฐานการศึกษาให้กับประเทศ!!
ในปี 1868 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ยุคเมจิ อันเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากประเทศปิดสู่การเปิดรับความเจริญจากนานาประเทศทั่วโลก ยุคเมจิถือว่าเป็นยุคที่วางรากฐานการเปลี่ยนโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการศึกษา ในช่วงเวลาดังกล่าว การเดินทางข้ามประเทศของการทูตเริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์แล้ว ยังเป็นการศึกษาระบบการศึกษา โครงสร้างสังคมของสหรัฐอเมริกาและยุโรปด้วย โดยจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มี ‘ผู้หญิงชาวญี่ปุ่น’ คนแรกที่ได้สำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัยคนนี้ เธอมีชื่อว่า Sutematsu Yamakawa (ชื่อเดิม Sakiko) เกิดในปี 1860 ในช่วงเวลานั้นเธอมีอายุได้เพียง 12 ปี และได้กลายเป็นหนึ่งในห้าของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สมัครใจไป เธอถูกบีบบังคับ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นพ่ายแพ้ต่อการรุกรานของต่างชาติ ถูกห้อมล้อมไปด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ญี่ปุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากประเทศคนเถื่อนเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และจากน้ำมือของพี่ชายที่เซ็นสัญญามอบตัวไปอเมริกาโดยที่ไม่ถามเธอสักคำ มีเหตุผลเพียงสองข้อนั่นก็คือ เพื่อยกระดับชื่อเสียงของครอบครัว และไม่ต้องมาคอยเลี้ยงดูให้เป็นภาระของครอบครัวอีกต่อไป… กลุ่มผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางออกนอกประเทศสู่สหรัฐอเมริกา ด้วยการบีบบังคับทั้ง 5 คน สำหรับ Sutematsu นั้น ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่คำเดียว และจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกพร้อมกับผู้หญิงอีก…
-
คนขับรถเมล์ประท้วงคู่แข่ง วิ่งเส้นทางทับซ้อนกัน ค่าโดยสารก็ถูกกว่า งั้นขับให้ฟรีก็แล้วกัน!?
กลายมาเป็นเรื่องที่แทบจะพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เมื่อการเกิดใหม่ของคู่แข่งทางธุรกิจบริการรถโดยสารประจำทางของเมืองโอกายามะ ประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งจะมาใหม่เพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่เริ่มจะแซงหน้าด้านบริการเจ้าเก่าไปแล้ว… กลุ่มผู้ขับรถประจำทางของเมืองโอกายามะจากบริษัท Ryobi Group ที่ได้ครองถนนหนทางภายในเมืองมาอย่างยาวนาน จึงทำการประท้วงเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการขับรถไปตามเส้นทางของตน และปฏิเสธการเก็บค่าโดยสารในทุกกรณี (ขึ้นฟรี!!) ไม่รับค่าโดยสารค่ะ!! เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ Megurin บริษัทเดินรถเกิดใหม่อันเป็นคู่แข่งโดยตรง ได้เปิดให้บริการในเส้นทางทับซ้อนกับรถบริการของบริษัท Ryobi Group ในวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา อัตราค่าโดยสารก็ถูกกว่า แถมหน้าตาของรถก็ดูน่ารักกว่าด้วย!! รถโดยสารประจำทางดำเนินการโดยบริษัท Megurin . ด้วยเหตุนี้ทางด้านพนักงานขับรถของบริษัท Ryobi จึงรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามอยู่ หากปล่อยแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ ก็เลยทำการประท้วงไปยังฝ่ายบริหารผ่านพื้นที่สาธารณะ จากกรณีคู่แข่งใหม่ที่เกิดขึ้น แต่แทนที่จะนัดกันหยุดงาน กลับนัดกันมาเดินรถตามปกติ อีกทั้งได้นำผ้าขาวมาคลุมเครื่องเก็บค่าโดยสาร คนขับประกาศชัดเจนหลายต่อหลายครั้งบนรถโดยสารว่า จะไม่รับค่าโดยสารใดๆ ทั้งสิ้น กี่ป้ายก็ไม่ต้องจ่าย โดยสารฟรีตลอดเส้นทาง!! แม้ว่าการเดินรถโดยไม่เก็บค่าโดยสารนั้น จะส่งผลดีต่อผู้โดยสาร เป็นการกระทำที่ได้ใจประชาชนแถมยังได้พื้นที่โฆษณาไปฟรีๆ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนที่มองว่าเป็นการประท้วงที่ผิดจุด และอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทในระยะยาว แถมยังเป็นการประท้วงที่อาจจะไปไม่ถึงระดับผู้บริหารเลยด้วยซ้ำไป… …
-
ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ “จดหมายปฏิเสธรับเข้าทำงาน” สุดละมุน แถมมีของขวัญปลอบใจให้…
การเอาใจใส่ความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามนับว่าเป็นเรื่องที่น้อยคนนักจะมองเห็น ยิ่งเป็นเรื่องของบริษัทที่กำลังมองหาคนมาร่วมงานด้วย แต่ต้องตอบปฏิเสธกลับไป เนื่องจากเหตุผลร้อยแปด มักจะจบสั้นๆ เพียงแค่บอกว่าไม่รับ หรือไม่ติดต่อกลับเลย… สำหรับบริษัท Kagome บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับมะเขือเทศ (ซอสมะเขือเทศและน้ำมะเขือเทศ) กลับมีวิธีการปฏิเสธผู้มาสมัครงานที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง และดูน่ารักซะด้วยสิ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @tutuanna888 ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับการตอบกลับจากบริษัท Kagome โดยที่ไม่ได้มาในรูปแบบของอีเมล แต่บริษัทส่งกล่องพร้อมกับโน้ตข้อความภายในกล่อง และของขวัญปลอบใจมาให้แทน!! โน้ตดังกล่าวมีใจความดังต่อไปนี้… “พวกเราอยากจะขอขอบคุณอย่างจริงใจ สำหรับการมาสมัครร่วมงานกับบริษัท Kagome พวกเรารู้สึกซาบซึ้งในความสนใจของท่านที่มีต่อเราในฐานะพนักงานคนหนึ่ง และสำหรับเวลาที่ใช้ไปกับการกรอกแบบฟอร์มสมัครงานและเตรียมความพร้อมของเรซูเม่ เพื่อเป็นตัวแทนความขอบคุณ เราจึงขอส่งผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาให้ท่านโดยเฉพาะ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะคิดถึงบริษัท Kagome ในทางที่ดีต่อไปในอนาคตภายภาคหน้า” ภายในชุดกล่องแห่งความห่วงใยนี้ ประกอบไปด้วยจดหมายแสดงความขอบคุณ ที่มาพร้อมกับไก่ปรุงรสมะเขือเทศ และขวดน้ำมะเขือเทศ 100% ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งหมด และยังมีข้อความเล็กๆ ที่เขียนติดบนกล่องไว้ว่า… “ของเหล่านี้ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากนัก แต่ขอให้มีความสุขกับสิ่งเหล่านี้พร้อมครอบครัว เพื่อน หรือคนที่คุณรัก” โดยก่อนหน้าที่จะได้รับกล่องนี้…
-
ข่าวด่วน!! รถไฟเหาะสวนสนุกญี่ปุ่น หยุดกะทันหัน ผู้เล่น 30 คนอยู่ในสภาพกลับหัว
ข่าวด่วน!! เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2018 รายการข่าวญี่ปุ่นได้รายงานข่าวเหตุการณ์ เครื่องเล่นรถไฟเหาะใน Universal Studio Japan ประเทศญี่ปุ่น ได้หยุดกะทันหัน ทำให้ผู้โดยสารประมาณ 30 คนค้างอยู่ด้านบนในสภาพกลับหัว . ที่นี่คือสวนสนุกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และเชื่อว่าหลายๆ คนที่ได้ไปเที่ยวประเทศนี้จะต้องเคยไปเล่นกันมาก่อน ภายในภาพจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่เร่งมือเข้าช่วยเหลือผู้เล่นที่ค้างอยู่ด้านบนในทันที ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น . สิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจทำให้หลายๆ คนขยาดกับการเล่นรถไฟเหาะไปอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเคยดูหนังเรื่อง Final Destination มาด้วยแล้วก็คงไม่ต้องพูดถึง แต่ท้ายที่สุดก็ถือว่าโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรล่ะนะ ที่มา: กลุ่มคนชอบตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น
-
ปัญหาน่าเศร้าของญี่ปุ่น หญิงชราก่อคดีหวังเข้า “คุก” เพราะ ‘ฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว…’
ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าดูจะเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม แต่เมื่อหลายๆ สิ่งเปลี่ยนไป ประชากรของประเทศกลับต้องประสบปัญหาที่น่าเศร้า… ประชากรในประเทศญี่ปุ่น 27.3 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เป็นผู้สูงวัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และสิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการก่ออาชญากรรมของผู้สูงอายุนั่นเอง จากสถิติแล้วมีการแจ้งความและจับกุมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะ หญิงชรา ที่มีอัตราการก่อคดีสูงกว่ากลุ่มประชากรอื่นๆ เช่นกัน ราวๆ 1 ใน 5 ของจำนวนนักโทษนั้นเป็นผู้สูงอายุ และส่วนมากนักโทษหญิงสูงวัย 9 ใน 10 คน ถูกระบุว่าต้องโทษคดี ขโมยของในร้านค้า สาเหตุที่พวกเธอต้องลงมือก่อคดี หรือว่าขโมยของ ก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของประเทศญี่ปุ่น จากปี 1980 ที่การดูแลผู้สูงอายุนั้นเป็นหน้าที่สำคัญของครอบครัวและชุมชน เปลี่ยนแปลงมาจนถึงปี 2015 ที่กลับกลายเป็นว่าผู้สูงอายุต้อง อาศัยอยู่ตามลำพังเพิ่มมากขึ้น ราว 6 ล้านคนหรือมากกว่า 6 เท่าเลยทีเดียว จากการสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2017 พบว่าครึ่งหนึ่งของนักโทษหญิงชราในคดีขโมยของนั้นต้อง อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ไม่มีครอบครัวหรือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเครือญาติ พวกเขาเหล่านี้มักพูดว่า พวกเขาไม่เหลือที่พึ่งอีกแล้วยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ…
-
หนุ่มญี่ปุ่นถูกรางวัล “โค้กโปร่งใส” แต่พอรางวัลมาถึงก็พบว่ามันใสจริงๆ ใสจนไม่มีอะไรเลย!?
ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่ญี่ปุ่นมีกระแสเครื่องดื่มไร้สีออกมาเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาด ดังนั้นในตอนที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @masa_b_ ได้รับจดหมายจากทางเพจออฟฟิศเชียลของบริษัทโคคาโคล่าญี่ปุ่น ว่าเขานั้นถูกรางวัลจากกิจกรรม “โค้กโปร่งใสที่ไม่เคยมีใครลองมาก่อน” เขาก็รู้สึกดีใจมากๆ แน่นอนว่ารางวัลส่งมาที่บ้านเขาถึงที่เลย แต่ด้วยความที่เขาลืมมันไปแล้ว กว่าเขาจะไปหยิบมันออกมาจากตู้จดหมาย เวลาก็ผ่านไปหลายสัปดาห์อยู่ ในกล่องที่เขาได้มานั้น มีกล่องพลาสติกเปล่าๆ ที่ติดตราโลโก้ของโคคาโคล่าชัดเจนอยู่ เพียงแต่มันไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยนี่สิ เปิดกล่องมา…. เฮ้ย!? เจอกล่องเปล่า!? กล่องเปล่าจริงๆ ไม่อิงนิยาย ในตอนแรกเขาก็คิดไปมากมาย ตั้งแต่ทางบริษัทลืมใส่โค้กมารึเปล่า? มีคนมาแอบเปิดกล่องเอาของข้างในไปใช่ไหม? แต่หลังจากที่อ่านข้อความที่อยู่บนหลังกล่องเขาก็ถึงบางอ้อ “ขอแสดงความยินดีกับการได้รับรางวัล! เราขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่คุณได้เข้าร่วมกิจกรรมเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เราได้ใส่โค้กโปร่งใสที่ไม่เคยมีใครลองมาก่อนไว้ในกล่องนี้แล้ว 2 ขวด จากการวิจัยที่จำนวนมากเราได้สร้างรสชาติใหม่ที่ให้ความรู้สึกเบาราวกับว่ามันเป็นอากาศ และใช้ขวดใสที่ออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งสามารถมองเห็นได้โดยผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เท่านั้น ขอให้มีความสุขกับมันนะ!!” กิจกรรมนี้จัดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน… ใช่แล้วมันคือ April Fool นั่นเอง ด้วยความที่ว่าเปิดจดหมายเอาตอนปลายเดือน @masa_b_ เลยโดนหลอกเข้าอย่างจังเลย แถมราวกับตอกย้ำเพื่อยืนยันเรื่องนั้น ที่ด้านหลังของกล่องยังมีข้อความเขียนต่ออีกว่า นี่เป็นเพียง April Fool เท่านั้น และเป็นได้ว่าแผนการขายปลีกสินค้านี้ก็เป็นเพียงเรื่องโกหกเช่นกัน……
-
เด็กชายชาวญี่ปุ่นขู่จะแทงพนักงานในโรงเรียน เพราะบังคับให้ใส่ชุดนักเรียนราคาแพง
ดูเหมือนว่าการแต่งกายไปโรงเรียนนั้น จะเป็นปัญหาในหลายๆ ประเทศมากกว่าที่คิด ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะมีข่าว เด็ก 7 ขวบโดนทำโทษเพราะ “ทรงผมไม่เหมาะสม” จากครูที่ “ย้อมผมสีชมพู” กันไป คราวนี้ก็มีข่าว เด็กชายชาวญี่ปุ่นขู่จะแทงพนักงานในโรงเรียน เพราะโดนบังคับให้ใส่ชุดนักเรียนราคาแพงอีก เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนประถมศึกษา Taimei ซึ่งตั้งอยู่ในย่านชอปปิงสุดหรูของ Ginza ได้ออกนโยบายให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต้องแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ผลิตโดยแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของอิตาลี Giorgio Armani เดิมทีแล้วราคาชุดนักเรียนของญี่ปุ่นนั้นก็ค่อนข้างที่จะสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยหากจะซื้อชุดนักเรียนครบทุกฤดูในโรงเรียนปกติ ผู้ปกครองบางครั้งอาจมีค่าใช้จ่ายมากถึง 100,000 เยน (ราวๆ 30,000 บาท) เลยทีเดียว ดังนั้นการตัดสินใจของโรงเรียน Taimei จึงไม่ค่อยจะเป็นที่พอใจของชาวญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเด็กชายวัย 14 ปีผู้กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมต้นในจังหวัด Tochigi จากการเปิดเผยข้อมูลของตำรวจ เด็กหนุ่มได้ทำการเขียนข้อความขู่ลงบนอินเตอร์เน็ตว่า “(โรงเรียนประถมศึกษา Taimei) ควรปล่อยให้นักเรียนแต่งตัวมาเรียนตามปกติ ถ้าพวกมันไม่ทำผมจะออกไปจะแทงพวกมันด้วยมีดเอง” แม้จะดูเหมือนข้อความล้อเล่น แต่ด้วยความเป็นห่วงในความปลอดภัยของคนในโรงเรียน อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน Taimei จึงตัดสินใจแจ้งเรื่องนี้กับทางตำรวจ ซึ่งต่อมาสามารถสืบสาวกลับไปยังเด็กหนุ่มผู้เป็นคนเขียนข้อความได้ เด็กหนุ่มให้การรับสารภาพโดยบอกว่าทำไปเพราะเขาคิดว่า “มันเป็นเรื่องที่ผิดที่จะสั่งให้เด็กสวมเครื่องแบบที่มีราคาแพงทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นเพียงเด็กประถมเท่านั้น” ดูเหมือนว่าทางโรงเรียนจะมีการยื่นฟ้องต่อนักเรียนหนุ่มที่กระทำผิดในข้อหาเกี่ยวกับการคุกคาม แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าคดีจะปิดลงไปด้วยดีแล้ว อย่างไรก็ตามจากกระแสที่เกิดขึ้นนั้น คาดว่าโรงเรียนประถม Taimei อาจจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องนโยบายการแต่งกายเป็นแน่ โดยเฉพาะจากชาวอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่น…
-
ญี่ปุ่นสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถแปลงร่างเป็นรถยนต์ได้ แถมยังให้ผู้ใหญ่ขับได้จริงๆ!!
ถ้าใครเป็นแฟนอนิเมะญี่ปุ่นก็คงเคยดูกันดั้มมาบ้าง แน่นอนว่าหนึ่งในความฝันของคนที่ชอบกันดั้มก็คือการได้ไปขับกันดั้มจริงๆ ซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องที่จะดูเพ้อฝันไปนิด เพราะใครจะไปสร้างหุ่นที่คนสามารถขึ้นไปขับได้กันล่ะ แต่วันนี้มันใกล้เกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะคุณ Kunio Okawara หนึ่งในคนออกแบบหุ่นยนต์ให้กับอุตสาหกรรมอนิมะมามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ “กันดั้ม” ทั้งหลายที่เราเคยเห็น วันนี้เราจะได้เห็นหุ่นยนต์ที่เราเห็นแบบในการ์ตูนแบบตัวเป็นๆ แล้ว และหุ่นตัวนี้มีชื่อว่า J-deite RIDE ด้วยความที่เป็นนักออกแบบให้กับอนิเมะมามาก ทำให้ประสบการณ์ในการออกแบบจริงเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง แถมสเกลงานก็ไม่ใช่เล็กๆ แบบกันพลานะ แต่มันใหญ่แบบสมจริงขนาดสูงกว่า 4 เมตร ซึ่งนั่นทำให้คน(ผู้ใหญ่) สามารถขึ้นไปขับได้จริงๆ แน่นอนว่าหุ่นมันอาจจะไม่ได้เหมือนจริงมากนัก เพราะว่าตัวหุ่นมันต้องแปลงร่างเป็นรถยนต์ด้วย จึงมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องข้อต่อต่างๆ ที่ขยับได้จำกัด ไม่เหมือนกับหุ่น Transformers ที่ขยับได้แทบทุกจุด . หุ่นยนต์นี้ได้รับความร่วมมือจากสามบริษัทผลิตหุ่นยนต์แห่งญี่ปุ่นได้แก่ Brave Robotics, Asratec, และ Sansei Technologies ในการสร้างผลงานที่เป็นไปไม่ได้นี้ขึ้นมา จึงทำให้มันมีตาที่เรืองแสงได้ แปลงร่างเป็นรถที่คนนั่งขับถึงสองคนได้ ซึ่งทางผู้ผลิต Brave Robotics ได้กล่าวว่าหุ่นยนต์ที่แปลงร่างไม่ได้ มันก็ไม่ใช่หุ่นยนต์น่ะสิ . . มันไม่ได้แค่แปลงร่างเป็นรถเฉยๆ นะ…
-
หนุ่มญี่ปุ่นเปลี่ยนก้อนดินกลมๆ ธรรมดา ให้มันเนียนจนน่าเอาแก้มไปลูบไล้เหลือเกิน!!
ช่วงก่อนหน้านี้มีกระแสหนึ่งที่โด่งดังเป็นอย่างมากในโลกอินเตอร์เน็ตนั่นก็คือการปั้นฟอยล์ให้กลายเป็นลูกเหล็ก ซึ่งก็ได้มียูทูบเบอร์หลายคนนำไปทำตามกันเยอะมากๆ และวันนี้ก็ได้กำเนิดสิ่งใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว นั่นก็คือ “การปั้นดิน” Dorodango เป็นสิ่งที่เด็กญี่ปุ่นหลายคนคงเคยผ่านมา มันคือการสร้างลูกกลมๆ จากดินโคลน ซึ่งก็เป็นการละเล่นในวัยเด็ก ปั้นซ้ำไปซ้ำมาจนมันแข็งและขึ้นเงาจนสวยงาม แต่การปั้น Dorodango นั้น ปัจจุบันก็เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา ศาสตราจารย์ Fumio Kayo นักจิตวิทยาผู้ชื่นชอบการละเล่นของเด็กๆ ก็ได้ทำให้มันกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก Bruce Gardner ปรมาจารย์ทางด้านศิลปะก็สนใจด้วยเช่นกัน จึงพยายามทดลองการทำ Dorodango ในหลายๆ แบบ โดยใช้ดินที่แตกต่างกันออกไปเพื่อดูว่าอันไหนเวิร์คที่สุด และนี่ก็คือวิธีการทำของเขา เริ่มจากการเก็บดินมา แยกหินแยกทราย ขึ้นรูป แล้วก็ปั้นซ้ำไปซ้ำมา ใช้เวลาปั้นประมาณ 30 นาที แต่การปั้นดินนี้ก็คือการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แต่อาจจะต้องเบามือหน่อยนะ ไม่งั้นมันจะแตกเอาง่ายๆ จากนั้นก็ทิ้งให้แห้งในถุงประมาณ 20 นาที จากนี้ก็จะเป็นกระบวนการขัดให้เงาแล้ว ขัดๆๆๆๆ แล้วก็จะออกมาเป็นแบบนี้ สีของมันก็จะแตกต่างไปตามชนิดของดินที่ใช้…
-
มาชม Trailer Infinity War ที่ทำขึ้นใหม่ด้วย “ตัวละครอนิเมะ” ดูแล้วขนลุกเลยว่ะแกร๊!!
เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อลังการมากสำหรับการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War ที่กำลังเข้าฉายอยู่ ณ ขณะนี้ เมื่อเหล่าซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย Marvel ที่เราติดตามกันมานานแสนนาน ต้องมารวมพลังกันประมือกับวายร้ายสุดเก่งกาจอย่าง Thanos พร้อมสมุนสุดโหดอีกเป็นขบวน จึงเป็นที่สนใจของแฟนๆ Marvel และคอหนังเป็นอย่างมาก ขณะที่เราตื่นเต้นกับการที่ตัวละครจากภาพยนตร์ฮีโร่เรื่องต่างๆ เข้ามารวมอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันเพื่อต่อสู้กับวายร้าย ทางแชแนลยูทูบ Anime Mirchi ก็ปิ๊งไอเดียสุดเท่ นำตัวละครจากอนิเมะญี่ปุ่น มารวมพลังกันต่อสู้กับวายร้าย ราวกับว่าเป็น Avengers เวอร์ชันอนิเมะกันเลยทีเดียว บอกเลยว่า เนียนสุดๆ เมื่อโลกอนิเมะถูกรุกรานโดยวายร้าย เหล่าขุนพลแห่งการ์ตูนจึงต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อปกป้องโลกและขับไล่วายร้ายให้ออกไป ดราก้อนบอล! นารูโตะ! วันพีซ! คิลลาคิล! บลีช! ฟูลเมทัลอัลเคมิสต์! และ แอทแท็คออนไททัน! รวมพลังงง นารูโตะก็มา วันพีซก็ไม่น้อยหน้า (มาเต็มจอเล๊ยยย) อินุยาชิกิ อิจิโร่ มาในบทบาทของ โทนี่ สตาร์ก หรือ Iron Man ของเรานั่นเอง และความหวังของพวกเขาทุกคน ชายที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โกคู!! …
-
10 ห้องน้ำแปลกจากญี่ปุ่น ที่ออกแบบมาได้แหวกแนวเสียจนต้องร้อง “ว้าว” ด้วยความทึ่ง
“ห้องน้ำ” คือหนึ่งในสิ่งสำคัญอันเป็นองค์ประกอบในการใช้ชีวิตของผู้คน แม้ว่าหากมองตามการใช้ชีวิตของสัตว์โลกที่จะไปปล่อยที่ไหนก็ปล่อยได้แล้ว ห้องน้ำอาจจะถูกมองว่าเป็นเพียงสิ่งสิ้นเปลืองของมนุษย์เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันห้องน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญที่แยกความเป็นคนออกจากเหล่าสัตว์อื่นๆ เพราะอย่างน้อยคนเรา ก็ไม่จำเป็นต้องฉี่ใส่เสาไฟเพื่อแสดงอาณาเขตใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าไหนๆ ห้องน้ำก็จะนับเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับมนุษย์แล้วทำไมเราไม่ทำให้มันแปลกให้มันสุดไปเลยล่ะ เหมือนกับห้องน้ำของชาวญี่ปุ่นทั้ง 10 ห้อง ต่อไปนี้ ห้องน้ำทองคำ ออกแบบมาเพื่อคนที่ชื่นชอบในบรรยากาศของความมั่งคั่ง ห้องน้ำสีทองสวยหรูแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ร้าน Tokyo’s Robot Restaurant ในคาบุกิโจ ย่านสถานบันเทิงที่ชินจูกุ โดยที่ทั้งชักโครกและโถฉี่นั้น ทำมาจากทองคำ 18 กะรัต ห้องน้ำในสวน ชอบบรรยากาศธรรมชาติไหมล่ะ ห้องน้ำในสวนแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ร้านอาหารทะเล Resuto Ujou ในจังหวัดฟุกุอิ โดยมีการตกแต่งแบบสวนแถบเนินเขา ด้วยต้นไม้สีเขียว การจัดเรียงหินที่เป็นระเบียบ และสุขภัณฑ์นั่งยองโบราณสไตล์ญี่ปุ่น ห้องน้ำอควาเรียม จากทำบอกเล่าของผู้สร้างห้องน้ำอควาเรียมสุดอลังการแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในร้านอาหาร Hipopopapa ในเมืองอาคาชิ สร้างขึ้นด้วยเงินทุนมากถึง 5,600,000 บาท มันเป็นห้องน้ำที่ล้อมรอบไปด้วยอควาเรียม และสวยงามมากจนทำให้ทางร้านอาหารต้องติดตั้งประตู 2 ชั้น เนื่องจากคนมักลืมล็อกประตูเพราะมัวแต่ทึ่งกับสิ่งที่เห็น ห้องน้ำสกีโอลิมปิก ห้องน้ำที่ Madarao Kougen…
-
ลุงญี่ปุ่นสุดจะทน ท้าเพื่อนร่วมงาน “ดวลวิชามีด” หลังถกเถียงตอนทำงานเก็บขยะ ห๊ะ!?
การดวลนั้นเป็นการต่อสู้ที่เปี่ยมไปด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีซึ่งอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ซามูไรของชาวอาทิตย์อุทัยมาอย่างช้านาน อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมของการต่อสู้ตัวต่อตัวที่เดิมพันด้วยชีวิตนั้น ได้เลือนหายไปกับกาลเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการให้ความสำคัญกับชีวิตที่มากขึ้น และข้อบังคับทางกฎหมายเพื่อสันติสุขของผู้คนนั่นเอง เรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา พนักงานเก็บขยะสองคนออกไปทำงานในพื้นที่อำเภอโทโยโนะจังหวัดโอซากะ โดยที่คนหนึ่งเป็นชายวัยราวๆ 50 ปี และผู้ขับอีกคนเป็นพนักงานที่มีตำแหน่งสูงกว่าในวัย 46 (ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการขับรถเร็วกว่ากำหนด เมื่อได้เป็นคนขับรถขนขยะ) ชายวัยราวๆ 50 ปีที่นั่งอยู่ข้างคนขับจึงตัดสินใจที่จะเตือนเพื่อนร่วมงานของตนเองว่าให้ลดความเร็วลง และเส้นทางที่เขากำลังใช้นั้น ไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่ควรจะเป็น แต่คนขับกลับไม่ยอมฟัง จนในที่สุดจากคำเตือนก็บานปลายไปสู่การถกเถียงรุนแรง ในที่สุดคนขับรถก็ทนไม่ไหวและขอลางานในวันนั้น ปล่อยให้ชายที่อายุมากกว่าต้องทำงานบนถนนเส้นนั้นเพียงลำพัง แต่แทนที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ชายวัย 46 กลับเดินทางไปยังร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อมีดสองเล่ม และกลับมายืนรอเพื่อนร่วมงานอยู่ที่บริเวณที่จอดรถของสำนักงาน เมื่อเพื่อนร่วมงานผู้อายุมากกว่ากลับมาถึง ชายวัย 46 ก็โยนถุงที่มีมีดสองเล่มลงบนพื้น และบอกให้เพื่อนร่วมงานลงมาจากรถ และเลือกมีดที่ชอบมาหนึ่งเล่ม โชคดีที่ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานของเขาจะใจเย็นว่า และเลือกที่จะติดต่อตำรวจแทนที่จะเริ่มการดวลมีดที่ว่า ชายวัย 46 โดนจับในข้อหาเกี่ยวกับอาวุธในเวลาต่อมา และในการสอบปากคำเขาก็ให้การว่า เขารู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานของเขากำลังดูถูกประสบการณ์การทำงานของเขาอยู่ และเมื่อไม่สามารถพูดให้เข้าใจได้ เขาจึงตัดสินใจว่าทางเดียวที่พวกเขาจะจบการโต้เถียงที่ว่าได้ คือการประลองมีดนั่นเอง นอกจากการลงโทษทางกฎหมายที่เขาต้องได้รับแล้ว ดูเหมือนว่าชายหนึ่งผู้ก่อเหตุจะต้องถูกพักงานไปอีกเป็นเวลา 6 เดือนจากทางบริษัทของเขาด้วย ที่มา soranews24, nhk, sankei
-
บรูโน่เดือด! ปาผ้าใส่แฟนเพลง ที่ใช้โทรศัพท์ระหว่างคอนเสิร์ต แต่ดันคิดว่าเป็นที่ระลึก…
วัฒนธรรมการชมคอนเสิร์ตหรือตามการแสดงสดต่างๆ ในยุคปัจจุบัน ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร ตั้งแต่การมาของโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ เนื่องจากในตอนนี้ หากสังเกตดีๆ ผู้ชมส่วนใหญ่มักจะหยิบโทรศัพท์พร้อมเปิดกล้อง ยืนชูสูงๆ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศระหว่างการแสดง แทนที่จะซึมซับและสนุกไปกับการแสดงของศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ… อย่างในประเทศญี่ปุ่นเอง ก็มีศิลปินระดับโลกเข้ามาทำการแสดงสดมากมาย แฟนคลับที่นี่ก็มีหลากหลายสไตล์ แต่ก็ไม่อาจหยุดความชอบของพวกเขาได้ โดยที่ล่าสุดนี้ Bruno Mars ก็ได้มาทำการแสดง ณ Saitama Super Arena ยิงยาวตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 15 เมษายน ที่ผ่านมา และบัตรก็ขายหมดทุกรอบ เหตุการณ์ที่ชวนปวดหัวก็เกิดขึ้น เมื่อมีหนึ่งในแฟนคลับผู้โชคดีอยู่แถวหน้าเวที กำลังมีความสุขกับการได้อัดคลิประหว่างคอนเสิร์ต แต่แล้วจู่ๆ Bruno เห็นว่าเธอกำลังใช้โทรศัพท์อยู่ เขาจึงคว้าผ้าเช็ดหน้าปาใส่เธอแบบไม่ลังเล! อย่างไรก็ตาม แฟนคลับที่โดนเขาปาผ้าใส่นั้น ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เธอเป็นถึงนางแบบที่มีคนติดตามหลายพันคนบนโลกออนไลน์เสียด้วย แต่แทนที่เธอจะรู้สึกผิด กลับใจเต้นรัวๆ เพราะได้ ผ้าเช็ดหน้าจาก Bruno พร้อมกับแคปชั่นว่า “OMG!!!…
-
ศิลปินชาวญี่ปุ่นวาดรูปการ์ตูนแมวเหมียว ทั้งน่ารัก ทั้งฮา ทั้งโรแมนติก ครบรสมั่กๆ
ถ้าคุณกำลังมองหาความน่ารักของแมวเหมียวที่จะช่วยเติมพลังใจให้คุณระหว่างวันอยู่ล่ะก็ เราขอนำเสนอภาพการ์ตูนแมวผลงานของ 瞬く ที่มีความน่ารักอยู่เต็มเปี่ยม 瞬くเป็นศิลปินสัญชาติญี่ปุ่นที่วาดการ์ตูนอิสระตามแนวของตัวเอง สิ่งที่เขาชอบวาดก็คือตัวการ์ตูนที่มีกล้ามกำยำ และอีกสิ่งหนึ่งก็คือ ‘แมว’ นั่นเอง โดยการ์ตูนแมวของเขานั้นมีหลากหลายแบบ ทั้งแบบน่ารักๆ แบบดูตลกเฮฮา และก็มีช่วงที่ดูอบอุ่นโรแมนติกด้วย ถ้านึกภาพไม่ออกลองไปดูกันเลย มะเหมียวเรนเจอร์ มาแว้ว ตกลงเธอรู้สึกยังไงกับเรากันแน่ เธอก็สวยนะ เป็นแฟนกับเราป่าว ถ้าหนาวลองกอดตัวเองดูสิ จะได้อุ่นขึ้น กอดกันจะอุ่นกว่านะ วันนี้แหละเราจะได้รู้ว่าใครคือผู้ชนะ! ใครก็ได้ช่วยเก๊าด้วย เก๊าเป็นแมวกลัวหนู!! ถ้าอยากเป็นยอดแมว ต้องใช้ชีวิตอย่างแมวให้เป็น จริงๆ แล้วแมวเกิดมาจากท้องฟ้าล่ะ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะที่รัก เช้าแล้วเหรอเจ้าลูกเจี๊ยบ แกว่าเมฆก้อนนั้นดูเหมือนแมวไหม? ทุกคน ข้าวพร้อมแล้วนะ มากินเร๊วววว ชายกล้ามโตก็รักแมวเหมีอนกันะ แน่จริงก็จับให้ได้เซ่ งือ ฤดูใบไม้ร่วงหนาวจังเลย …
-
วิจารณ์กันสนั่น!! วงไอดอลสาวญี่ปุ่นทำการแฟนเซอร์วิสโดยการจูบปากกับแฟนคลับ!?
กระแสที่โด่งดังในช่วงนี้ คงไม่พูดถึงวงเกิร์ลกรุ๊ป ไอดอลสุดคาวาอี้อย่าง BNK48 เห็นทีคงไม่ได้ เรียกได้เมื่อ BNK48 ได้มาทำการเปิดตัวในประเทศไทยได้สักพัก ก็ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้กับคนทั้งประเทศ หลังจากที่ไอดอลกรุ๊ปไม่เคยประสบความสำเร็จเลยมาก่อน และถ้าพูดถึงไอดอล ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงประเทศต้นกำเนิดอย่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในขณะนี้มีการแข่งขันของวงไอดอลในตลาดสูงมากๆ ทำให้หลายๆ วงต้องงัดกลยุทธ์เด็ดออกมามัดใจแฟนๆ ให้ได้มากที่สุดบางวงก็มีการให้จับมือกับไอดอลได้ หรือบางวงก็มีของพิเศษให้เป็นต้น แต่วงที่เราจะกล่าวถึงในวันนี้เองพวกเธอมีทีเด็ดมากกว่านั้น เพราะว่าพวกเธอมีการทำแฟนเซอร์วิสโดยการให้แฟนคลับมาจูบกับไอดอล!! ใช่ครับเพื่อนๆ อ่านไม่ผิด จูบปากไอดอลจริงๆ เพียงแต่จะมีแผ่นอะคริลิคใสแสนบางกั้นอยู่ระหว่างบุคคลทั้งสอง วงไอดอลวงนี้คือวง The Banana Monkeys เกิร์ลกรุ๊ปที่มีสมาชิกน่ารักน่าหยอกจำนวน 4 คน ซึ่งมีสมาชิกคนหนึ่งอายุน้อยกว่า 15 ปีเสียด้วย พวกเธอได้ทำการแฟนเซอร์วิสให้แฟนๆ ที่ผ่านไปมาในย่านที่พวกเธอมาแสดงสดโดยการที่จะให้แฟนคลับมาจูบกับพวกเธอได้ แต่มีข้อแม้คือต้องจูบกันผ่านแผ่นอะคริลิคใสที่กั้นขวางอยู่ และเมื่อเหตุการณ์แฟนเซอร์วิสนี้ ถูกแชร์ออกมาในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตหลากหลายคนให้ความสนใจโดยที่ส่วนใหญ่จะให้ความเห็นในเชิงไม่เหมาะสมอย่างเช่น “มันมีกฏหมายคุ้มครองเยาวชนไม่ใช่หรอ ทำไมถึงได้ท้าทายกันนะ, นี่ดูเหมือนเป็นการล่วงเกินทางเพศ, ผู้จัดการวงทำอะไรกันอยู่? ทำไมถึงให้ทำแบบนี้กันได้?” แต่ก็มีคนที่เห็นชอบและออกมาปกป้องการทำแฟนเซอร์วิสแบบนี้เหมือนกันเช่น “แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนอ่ะ ดูหน้าสมาชิกแต่ละคนสิ มีแต่รอยยิ้มทั้งนั้น, ดูดีๆ มันมีแผน่อะคริลิคใสป้องกันจากการถูกตัวอยู่นะ” …
-
ปิดตำนาน 35 ปี ร้านเกมชื่อดังในญี่ปุ่น เพราะปัญหาสุขภาพ คนดังวงการเกมให้กำลังใจเพียบ
จากประสบการณ์ของ #เหมียวฟิ้น ที่เคยไปเดินในญี่ปุ่นมาบ้าง ทำให้เห็นว่าร้านขายเกมต่างๆ ในญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างใหญ่และครบวงจรทีเดียว เนื่องมาจากการซื้อขายเกมแบบถูกลิขสิทธิ์บ้านเค้าค่อนข้างที่จะแข็งแรง ไม่เฉพาะแต่กับแผ่นเกม แม้แต่พวก CD เพลงที่ออกวางขายมาหลายปีแล้ว เราก็ยังสามารถหาซื้อกันได้ที่ญี่ปุ่น กลับมาที่เรื่องร้านขายเกมกันต่อครับ ล่าสุดเราไปเจอข่าวคราวการปิดตัวของร้านขายแผ่นเกมร้านนึงเข้า แต่สาเหตุไม่ได้มาจากการขาดทุนหรือยอดขายลดลง แต่เป็นเพราะเรื่องของสุขภาพคนขายเอง แต่สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้น่าสนใจก็เพราะว่าในวันปิดร้าน มีเหล่าผู้บริหารค่ายเกมดังและคนแวดวงเกมมาร่วมให้กำลังใจกันอย่างล้นหลามทีเดียว เว็บไซต์ Kotaku ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา ร้านเกมชื่อดัง Games Maya ที่เปิดทำการมาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี ได้ปิดตัวลง ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว ร้าน Games Maya ดูจะไม่ใช่ร้านที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่เนื่องจากเจ้าของร้านอย่างคุณ Hisako Akitani มีอัธยาศัยที่ดี ตั้งราคาขายที่เหมาะสม มีสินค้าให้เลือกมากมาย มันจึงกลายเป็นร้านที่ไม่ว่าใครก็แวะเวียนเข้าไปดูเสมอ ในกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นเองก็มีหลายคนที่เติบโตมาและเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมเกมจริงๆ ซึ่งหลายๆ คนถึงกับได้เป็นผู้บริหารระดับสูงเลยก็มี หลายครั้งที่คุณ Hisako มักจะถูกเชิญไปงานแถลงข่าวเปิดตัวเกมต่างๆ จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของคนวงการเกมมาอย่างยาวนาน แต่หลังจากเปิดทำการมา 35 ปี เธอก็ตัดสินใจที่จะปิดตัวกิจการนี้ลง เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพและคุณหมอแนะนำให้เธอหยุดทำงานเพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง…
-
ใครว่าคนญี่ปุ่นไม่มีขโมย? ล่าสุดชาวญี่ปุ่นพบต้นซากุระถูกตัดแหว่งในโอซาก้า
ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ค่อนข้างซื่อตรง มีระเบียบวินัย เรื่องลักเล็กขโมยน้อยนี่แทบจะไม่มีเลย แต่จากข่าวที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้คุณเริ่มเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน 2018 ที่ผ่านมา สำนักข่าวท้องถิ่นในญี่ปุ่นได้รายงานว่ามีคนพบเห็นต้นไม้กว่า 25 ต้น กิ่งไม้ 18 กิ่ง ถูกตัดแหว่งในสวนสาธารณะ Kanokita Park ในเมืองฮิงาชิโอซะก้า ซึ่งในบรรดาต้นไม้ที่ถูกตัดไปมีต้นซากุระรวมอยู่ด้วยหลายต้นทีเดียว ในตอนแรกชาวเมืองคาดว่าน่าจะเป็นหน่วยงานรัฐที่เข้ามาจัดการกับต้นไม้เหล่านั้น อาจด้วยเหตุผลว่ากิ่งก้านเหล่านั้นเน่าเสีย ใกล้หักหรืออะไรก็ตามแต่ แต่กลายเป็นว่าไม่มีหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเลย จากหลักฐานจึงคาดได้ว่าน่าจะเป็นหัวขโมยที่แทบจะไม่เคยมีเลยในญี่ปุ่น ในขณะที่หลายๆ คนกำลังตื่นเต้นกับฤดูซากุระบานในญี่ปุ่น พากันเอาเสื่อออกไปกางพร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆ เพื่อชมความงามของดอกไม้ แต่กลับมีหัวขโมยมาแอบตัดไป จนทำให้ชาวเมืองเกิดความสงสัยว่าตัดไปทำไม และจะเอาไปไว้ที่ไหน? มีการวิเคราะห์กันจากรอยตัดต้นไม้ ว่ามีความเรียบเนียนคล้ายกับการใช้เครื่องมือระดับโรงงาน จึงน่าจะไม่ใช่หัวขโมยทั่วๆ ไป “ฉันไปสวนสาธารณะ Kanokita Park มา เป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่โดนตัดซากุระไป รอยตัดใหม่ๆ บนผิวหน้ามันดูเจ็บปวดและแย่มาก มันอยู่ตรงกลางสวนสาธารณะเลย” ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @Norikyuu กล่าว . . …
-
โค้กเตรียมออกสินค้าใหม่สุดเจ๋ง Coke Frozen Lemon น้ำอัดลมเกล็ดหิมะในถุงกินง่าย
ในฤดูร้อนแบบนี้ จะมีอะไรที่ดีไปยิ่งกว่าน้ำอัดลมซ่าๆ เย็นชื่นใจสักขวด แต่ว่าน้ำอัดลมที่เป็นน้ำนั้นก็ดูจะปกติเกินไปแล้วในยุคนี้ ฉะนั้นถ้าเราอยากจะลองอะไรใหม่ๆ น้ำอัดลมเกล็ดน้ำแข็งก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าสนใจเสมอ เพียงแต่การจะหาน้ำอัดลมเกล็ดน้ำแข็งกินได้นั้น เราจะต้องตามหาขั้นตอนในการทำต่างๆ หรือหาร้านค้าเฉพาะที่ขายอะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่ยากซะเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ทาง Coca Cola จึงไม่รอช้ารีบเข็นสินค้าใหม่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ทันที สินค้าชิ้นใหม่ที่ว่านั่นก็คือ Coke Frozen Lemon น้ำอัดลมเกล็ดน้ำแข็งบรรจุในถุง วิธีกินก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่นำไปแช่ตู้เย็นระยะหนึ่ง น้ำอัดลมธรรมดาในถุงก็จะกลายเป็นน้ำอัดลมเกล็ดน้ำแข็งเย็นชื่นใจ หลายคนอาจจะคิดว่าเจ้าสินค้าตัวนี้มันไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย แต่ความจริงแล้วมันเป็นสินค้าที่ทาง Coca Cola ต้องใช้เวลากว่า 8 ปีในการพัฒนาเลยทีเดียว เพราะการจะนำน้ำอัดลมมาบรรจุไว้ในถุงเก็บความเย็นได้นั้นเป็นอะไรที่ลำบากพอสมควร ไหนจะต้องทำให้มันสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นเกล็ดน้ำแข็งได้อีก ด้วยเหตุผลดังกล่าวและการพัฒนานานขนาดนั้น พวกเขาจึงต้องลองผิดลองถูกด้วยสินค้าต้นแบบกว่า 100 แบบ จนสุดท้ายก็ออกมาป็น Coke Frozen Lemon นั่นเอง และหลังจาก Coke Frozen Lemon นั้นเปิดตัวสักพัก ทางบริษัทก็ได้วางแผนจะเปิดตัว Fanta Frozen ต่อเลยทันที ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถหาซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในราคา 130…
-
นักวิทย์ญี่ปุ่นออกมาแจ้ง สาเหตุที่อึแมวมีกลิ่นเหม็น แท้จริงแล้วเพราะกำมะถัน
เป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์ตระกูลแมวนั้นอึเหม็นอย่างกับอะไรดี อึทีเหม็นไปทั่วบ้าน จะเป็นทรายแมวยี่ห้อไหนก็เอาไม่อยู่ ยิ่งถ้าวันไหนที่แกนึกอะไรไม่รู้ อึแล้วไม่ยอมกลบด้วยนะ โห… แทบจะย้ายบ้านกันไปข้าง ว่าแต่ทำไมมันถึงได้เหม็นโหดร้ายได้ขนาดนั้นกัน เหม็นเสียยิ่งกว่าสุนัขหรือสัตว์ประเภทอื่นๆ เลย บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นเพราะอาหารที่แมวกิน ไม่ก็แบคทีเรียบางชนิด แต่ในตอนนี้นั้น กลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Iwate ในประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาบอกแล้วว่า ที่อึแมวมันมีกลิ่นได้ขนาดนั้นไม่ได้เป็นเพราะแบคทีเรีย แต่เป็นเพราะกำมะถันต่างหาก ใช่แล้ว กลิ่นเดียวกับที่มาจากไข่เน่า หรือบ่อน้ำร้อนนั่นล่ะ ผลการวิจัยของพวกเขาได้รับการเผยแพร่ในวารสารนิเวศวิทยาทางเคมี โดยที่หนึ่งในกลุ่มนักวิจัย ศาสตราจารย์ Masao Miyazaki ได้สรุปผลการค้นพบของพวกเขาว่าจะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดกลิ่นเหม็นของอึแมว นักกลุ่มวิจัยของเขาได้พบสารประกอบกำมะถันจำนวนมากในแมวเพศผู้ที่มีการทำเครื่องหมายอาณาเขต และยังพบว่าไม่มีสารกำมะถันที่ว่านี้อยู่ในอุจจาระสุนัขเลย สารประกอบที่มีกำมะถันที่ว่าจะระเหยออกมาจากอุจจาระของแมว ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นแบบสุดๆ ที่เราโดนกันเป็นประจำนั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้เสียทีเดียว เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า เจ้าสารที่ว่านี้จะเกาะแน่นกับไอออนของโลหะ ว่าง่ายๆ ว่าหากเราสามารถผสมไอออนของโลหะเข้าไปในอุจจาระของแมวได้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ว่าก็จะลดลงไปได้ แต่การที่จะทำแบบนั้นได้อย่างไรนั้น ยังเป็นสิ่งที่ต้องศึกษากันต่อไป และต่อให้ไม่มีสารประกอบกำมะถันที่ว่านี่ในอึแมวก็ใช่ว่าจะทำให้อึแมวไม่เหม็นเลยอยู่ดี เพราะสารอื่นๆ ในอุจจาระนั้น ก็จะยังคงทำให้อึของแมวมีกลิ่นอยู่ดี แม้ว่ากลิ่นที่ว่าจะลดลงมาจนพอๆ กับสัตว์จำพวกอื่นก็ตาม ที่มา soranews24
-
เปิดตัวคู่หูสองนักล่าจากญี่ปุ่น เจ้าสิงห์น้อยและเสือจ้อย บุกทะลวงเข้าหลอมละลายหัวใจมนุษย์
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นสองนักล่ามาอยู่ด้วยกันแบบนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ว่าเมื่อมาเจอกัน ไม่ข้าก็เอ็งก็จะต้องไป ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง จะอยู่ด้วยกันไม่ได้อะไรประมาณนี้ แต่สำหรับกรณีนี้ถือว่ายกเว้น เพราะมันยังเป็นเบบี๋กันอยู่เลยไม่รู้เรื่องอะไรมากมาย รู้เพียงแค่ว่าความน่ารักมาแบบคูณสองเลย!! เมื่อทาง African Safari ซาฟารีสัตว์จากจังหวัดโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาในซาฟารี นั่นก็คือเจ้าสิงห์น้อยและเจ้าเสือจ้อย พร้อมทั้งเปิดตัวให้ชาวเน็ตได้ชมกันผ่านทวิตเตอร์ @africansafari1 แสดงให้เห็นว่าทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันแบบสุดๆ ทั้งหยอกล้อและเล่นด้วยกัน ให้ความรู้สึกเหมือนแมวไม่มีผิดเพี้ยนเลยแฮะ แฮร่!! เหนื่อยแย้วววว แบกกลับหน่อย มีความละมุนและมุ้งมิ้งขั้นสุดยอด!! . เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ ที่จะเห็นทั้งสองสายพันธุ์อยู่ด้วยกันได้แบบนี้ เพราะทั้งคู่ต่างเป็นสัตว์นักล่า แต่กลับกลายมาเป็นเพื่อนกันได้ แผล่บๆ . รู้สึกว่าเจ้าเสือจะอ้อนเจ้าสิงห์บ่อยนะ นอกจากนี้ก็ยังไปแอบผูกมิตรกับกระต่ายด้วยนะจ๊ะ . แต่ถึงอย่างไรก็ตามทั้งสองก็ต้องแยกกันอยู่เมื่อพวกมันเริ่มโตขึ้น เพื่อปรับสภาพที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกไม่นาน พอหลังจากแยกกันแล้วหวังว่าทั้งสองยังคงจำกันได้ว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อนนะ หูยยยยยยย น่ารักอ๊ะ หัวใจถูกหลอมละลายไปเรียบร้อยแล้วววววว ที่มา : rocketnews24, @africansafari1, itmedia
-
เทรนด์ดูคนกินข้าวมันเอ๊าท์ ต้องมาเจอกระแส ‘ดูคนทำการบ้าน’ ก็ทำคนเดียวเงียบๆ มันเหงานี่!!
ในโลกยุคออนไลน์อะไรๆ ก็ต้องมองผ่านหน้าจอไปเสียหมด ทั้งด้านการบันเทิงพักผ่อนหย่อนใจ ดูหนังฟังเพลง ดูคนเล่นเกม ดูคนกินข้าว จนกระทั่งลามมาถึงดูคนทำการบ้าน!? ใช่แล้วล่ะ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะในขณะนี้ ‘การดูคนทำการบ้าน’ กำลังกลายมาเป็นกระแสในประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะ ถึงขั้นออกอากาศผ่านในรายการโชว์ช่วงเช้ากันเลยทีเดียว สำหรับคลิปที่ถูกนำมาออกอากาศผ่านรายการนั้น เป็นคลิปของนาย Hajime Shacho หนึ่งในยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่มีผู้ติดตามมากถึง 6.1 ล้านคน และคลิปการทำการบ้านของเขานั้นถูกปล่อยออกมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2016 มีคนดูไปแล้วกว่า 3 ล้านครั้ง แต่ทว่าคลิปนี้ไม่ใช่คลิปแรก ที่เกิดเป็นกระแสของ “Benkyou douga” (勉強動画) โดยในช่วงนั้นก็มีคลิปคนทำการบ้านเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี ส่วนใหญ่จะตั้งชื่อคลิปว่า “Ore to issho ni benkyou suru douga” (俺と一緒に勉強する動画) หรืออาจจะตั้งชื่อแค่ “Study With Me” สั้นๆ ไม่ก็…
-
ผู้ลงสมัครนายกเทศมนตรีญี่ปุ่น ชูนโยบายใช้ AI เข้ามามีบทบาททางการเมือง!!
อย่างที่รู้กันดีว่าการหาเสียงของเหล่าพรรคการเมือง หรือตำแหน่งสำคัญเพื่อบริหารส่วนต่างๆ ของบ้านเมือง เหล่าผู้สมัครก็จะนำนโยบายต่างๆ มาปราศรัยเพื่อเรียกคะแนนจากประชาชน ซึ่งผู้สมัครแต่ละคนก็จะมีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับผู้เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองทามะ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว ได้ทำการเสนอนโยบายที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก คือการใช้ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือ AI เข้ามามีบทบาทหน้าที่ทางการเมือง และผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายนี้ก็คือนาย Michichito Matsuda วัย 44 ปี เขาได้กล่าวปราศรัยเอาไว้ว่า “เมืองทามะนั้นเคยเป็นเมืองที่เจริญมากๆ ของญี่ปุ่นเมื่อ 40 ปีก่อน ปัจจุบันนี้อายุของประชากรได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับกันจำนวนของประชากรไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม ฉะนั้น และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารในปัจจุบัน ผมจึงคิดว่าควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของระบบ AI เป็นตัวกำหนดนโยบายต่างๆ โดยการเก็บข้อมูลต่างๆ ในเมือง มาประมวลผลเพื่อทำหนดนโยบายทางการเมืองได้อย่างชัดเจน และแม่นยำ” และนี่ไม่ใช่การหาเสียงครั้งแรกของเขา โดยการชูนโยบายที่จะใช้ AI ในการบริหารงานส่วนต่างๆ แต่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเขาได้พ่ายแพ้ให้กับ Hiroyuki Abe ที่ได้รับเสียงโวตมากถึง 31,828 ครั้ง ส่วน Michichito ได้รับคะแนนไปแค่ 3,509…
-
ญี่ปุ่นสร้างชุด Exoskeleton เสริมพลังสุดเท่ ในราคาเบาๆ เพียงแค่ 2 ล้านบาทเท่านั้น!?
ในวัยเด็ก หลายคนคงเคยวาดฝันว่าจะมีหุ่นยนต์ตัวใหญ่ หรือมีชุดทรงพลังไว้ใส่เท่ๆ กันบ้างใช่ไหม ซึ่งแน่นอนว่าถ้าลองมองย้อนกลับไป เราก็คงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมี Exoskeleton อันทรงพลังไว้ใส่ในชีวิตจริง แต่ว่าฝันนั้นจะเป็นจริงแล้ว เพราะทาง Skeletonics บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นจากความชอบส่วนตัวในการผลิตชุด Exoskeleton ได้ทำสำเร็จแล้ว พร้อมกับนำผลงานของพวกเขาออกมาโชว์ให้สาธารณะชนได้เห็นกัน Skeletonics นั้นเป็นบริษัทที่เกิดขึ้นโดยกลุ่มนักเรียนจากมหาวิทยาลัย Okinawa National College of Technology โดยพวกเขานั้นริเริ่มสร้างชุด Exoskeleton มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเริ่มจากจุดธรรมดาๆ ที่ทำจากวัสดุถูกๆ ปัจจุบันทีมได้พัฒนาชุดของพวกเขาจนเป็นชุดเหล็กทั้งตัว แถมยังสามารถขยับได้ดั่งใจนึกด้วย และผลจากการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็พร้อมจะวางขายชุด Exoskeleton ตามท้องตลาดกันแล้วในราคา 10 ล้านเยนหรือเป็นเงิน 2.9 ล้านบาท!! หลายคนคงสงสัยว่าเจ้าชุด Exoskeleton ที่ว่านั้นมันทำอะไรได้บ้างถึงได้ขายในราคาที่แพงขนาดนี้ ซึ่งทาง Reyes Tatsuru Shiroku หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังผลงานสุดเท่นี้ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเราไม่คิดว่าเรากำลังสร้างอะไรที่มีประโยชน์หรอกนะ แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถสร้างอะไรเจ๋งๆ และแปลกใหม่ออกมาได้ ซึ่งถ้าคุณดูดีๆ จะรู้ว่างานของเราสุดยอดแค่ไหน…
-
ยูทูบเบอร์ดักรอคนในป่าฆ่าตัวตายที่ญี่ปุ่น จนสามารถช่วยชีวิตคนคิดสั้นได้สำเร็จ
ชื่อเสียงของป่าฆ่าตัวตายหรือป่าอะโอะกิงะฮะระ ในประเทศญี่ปุ่นนั้นกลายเป็นชื่อที่โด่งดังไปทั่วโลกหลังจากที่ยูทูบเบอร์อย่าง Logan Paul เข้าไปถ่ายคลิปห่ามๆ ที่นั่น จนทำให้ชาวญี่ปุ่นและคนทั่วโลกก่นด่ากันมากมาย จากนั้นเป็นต้นมาได้มีการพยายามปรับภูมิทัศน์ของป่าแห่งนี้ และโปรโมตเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้คนอยากมาท่องเที่ยวมากกว่าฆ่าตัวตาย ล่าสุดมียูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่านาย Saito Taicho ได้เข้าไปในป่าอะโอะกิงะฮะระเพื่อถ่ายคลิปเช่นกัน แต่เขาก็ค่อนข้างกังวลว่าคลิปนี้จะถูกต่อว่าหรือเปล่า จึงเกิดความลังเลในใจ “บอกตรงๆ เลย ผมค่อนข้างรู้สึกขัดแย้งในตัวเองมากเกี่ยวกับว่า ผมควรจะอัปโหลดหรือไม่อัปโหลดคลิปวิดีโอนี้ลง Youtube ดี แต่ผมหวังว่ามันจะช่วยผู้คนที่ต้องรับมือกับความเจ็บปวดและความเศร้าทุกวัน เพื่อตระหนักว่าชีวิตของพวกเขามีค่า ผมเลยอัปโหลดมัน” Saito กล่าว จากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นว่านาย Saito กำลังยืนอยู่ตรงบริเวณจุดจอดรถบัส พร้อมกับถือป้ายที่มีข้อความว่า Free Hugs (กอดฟรี) เพื่อรอดูว่าจะมีใครที่มีท่าทีเป็นบุคคลที่มีอาการซึมเศร้าและมีโอกาสเดินเข้าป่าเพื่อฆ่าตัวตายหรือไม่? ถ้าเจอใครที่เข้าข่ายตามนี้เขาก็จะเดินเข้าไปหาคนๆ นั้นในป่า พูดคุยกับเขา พยายามโน้มน้าวให้เขาคนนั้นพิจารณาสิ่งที่จะทำใหม่อีกครั้ง Saito บอกว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากทำคลิปนี้ก็เพราะไปเห็นป้ายที่ถูกติดไว้ตามข้างทางในป่าอะโอะกิงะฮะระ ที่มีข้อความมากมายพยายามเตือนใจผู้คนที่คิดฆ่าตัวตายว่า ไม่ว่าความเศร้าเสียใจของพวกคุณจะมากขนาดไหน แต่ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งก็ยังเป็นสมบัติอันล้ำค่าอยู่ดี “ผมไม่ได้ทำเล่นๆ นะ” Saito กล่าวหลังจากที่ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่งในการยืนรอที่ป้ายรถบัส จากนั้นไม่นานเขาสังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมาจากรถโดยที่ไม่ได้ถือกล้อง กระเป๋า หรือสิ่งใดๆ ติดตัวมาเลย แถมยังไม่ได้ใส่เสื้อสำหรับเดินป่ามาด้วย …
-
พ่อชาวญี่ปุ่นถูกจับ หลังพบว่าเขาขังลูกชายไว้ในกรงนาน 20 ปี เพียงเพราะลูกป่วยทางจิต!?
Yoshitane Yamasaki คุณพ่อวัย 73 ปีจากจังหวัดเฮียวโงะได้ถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุม หลังจากที่มีการสืบพบว่าชายคนดังกล่าวได้กักขังลูกชายวัย 42 ปีมาแล้วกว่า 20 ปี!! เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่า ตอนที่ไปถึงพวกเขาก็ต้องพบกับชายวัยกลางคนอยู่ในกรงสูง 1 เมตร และกว้างไม่ถึง 2 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะพอสำหรับให้คนอาศัยอยู่ ข้อมูลทั้งหมดนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการเปิดเผยทั้งหมด เพราะยังคงอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน แต่จากการสอบสวนเบื้องต้นนั้นก็พบว่า สาเหตุที่ผู้เป็นพ่อตัดสินใจขังลูกไว้ก็เพราะลูกของเขานั้นมีอาการป่วยทางจิต และกักขังไว้ในกระท่อมเล็กๆ ถัดจากบ้านของนาย Yoshitane ผู้เป็นพ่อนั้นได้ให้ปากคำกับสื่อท้องถิ่นว่า “ผมจำเป็นจะต้องขังเขาไว้เพราะเขาป่วยทางจิตและอาจจะออกไปสร้างปัญหาได้ ฉะนั้นผมจึงต้องจำใจทำแบบนี้ แน่นอนว่าผมป้อนข้าวและอาบน้ำเขาอย่างสม่ำเสมอ” อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดูแลอย่างดีและกักขังเพราะเหตุจำเป็นก็ยังถือเป็นความผิดอยู่ดี แม้ว่าตอนนี้จะมีการตั้งข้อหาว่ากักขังบุตรชายไว้ 36 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการตั้งข้อหาที่ไม่ร้ายแรงมากนัก อาจจะเพราะด้วยเหตุผลที่เขาทำเพราะความจำเป็นก็ได้ ด้านตัวบุตรชายของนาย Yoshitane ได้ถูกนำส่งไปรับการดูแลรักษาต่อเพื่อตรวจเช็กสุขภาพหลังที่ได้รับผลจากการก้มตลอดเวลาแล้ว โดยอาการนั้นตอนนี้เริ่มมีท่าทีดีขึ้นตามลำดับนั่นเอง ที่มา afp, dailymail
-
สื่อญี่ปุ่นรายงาน Tsunenori Aoki นักแสดงจาก Kamen Rider ถูกจับเพราะจับหน้าอกสาว!?
เชื่อว่าฮีโร่ในวัยเด็กของใครหลายๆ คน ต้องมี “ไอ้มดแดง” รวมอยู่ในนั้นแน่ๆ เพราะพวกเขาคือฮีโร่ที่เป็นต้นแบบของความดี คอยผดุงความยุติธรรม แต่หากวันหนึ่งพวกเขาดันทำผิดซะเองล่ะจะเป็นยังไง? เว็บไซต์ Soranews24 ได้รายงานว่าเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตเซะตะงะยะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าจับกุมนักแสดงหนุ่มอย่างนาย Tsunenori Aoki วัย 30 ปี หลังได้รับแจ้งเหตุจากหญิงสาวว่าถูกนาย Aoki จับหน้าอกเข้า ตามรายงานบอกว่านาย Aoki นั้นนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งจนถึงเวลาราวๆ ตี 1 ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกมาแล้วจับหน้าอกของหญิงสาว 4 คน ภายในเวลาเพียง 30 นาที หลังจากถูกจับกุมนาย Aoki ได้กล่าวว่า “ผมมีงานยุ่งมากๆ และผมดื่มมากไปหน่อย” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หน้าที่การงานของเขาสะดุดอย่างจัง เพราะในเร็วๆ นี้เขากำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เตรียมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และจะเปิดให้ชมรอบสื่อในวันที่ 14 เมษายนนี้ ก็มีอันต้องยกเลิกไปก่อนเพราะข่าวของเขา Tsunenori Aoki นั้นเป็นนักแสดงที่แฟนๆ…
-
ลาก่อนตาของข้า!! สาวญี่ปุ่นน่ารักคิกขุ แท้จริงแล้วเป็นนักกล้ามปลอมตัวมาต่างหาก
ว่ากันว่าเครื่องสำอางก็เหมือนกับคทาเวทมนตร์ของสาวๆ ที่หากว่ามีฝีมือพอแล้ว คุณจะสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างบนใบหน้าให้เป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นดารา คนสวย หรือนางแบบ เผลอๆ จะเปลี่ยนใบหน้าของคนเป็นบางสิ่งที่ไม่ใช่คนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยด้วยซ้ำ เรื่องในคราวนี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Tats_Gunso ผู้มีชื่อจริงว่า Tatsuma Sugawara นักเพาะกายมืออาชีพ และนักแสดง เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของ Macho 29 กลุ่มนักเพาะกายที่ทำงานร่วมกับร้านเนื้อย่าง Macho Nikuya ร้านเนื้อย่างที่ให้ชายหนุ่มรูปงามล่ำบึกมาเสิร์ฟเนื้อ (เนื้อจริงๆ ไม่ได้เปรียบเทียบ) ให้กับคุณ นอกจากนี้เขายังได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันเพาะกายหลายรายการ และถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในสายงานของเขาอีกด้วย… แล้วคนแบบนี้มาเกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องของเครื่องสำอางที่ว่าไว้ข้างบนงั้นเหรอ? เรื่องราวมันมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา Sugawara ได้โพสต์วิดีโอคลิปหนึ่ง และมันได้กลายเป็นกระแสไปทั่วโซเชียลมีเดียของญี่ปุ่นไปในเวลาไม่นานหลังจากนั้น ซึ่งวิดีโอที่ว่านั้นไม่ได้เป็นภาพของหน้าตาหรือมัดกล้ามของเขาแต่อย่างไร แต่เป็นภาพของสาวงามคนหนึ่งต่างหาก ภาพของสาวงามที่ว่า ภาพของสาวงามสุดน่ารักคนนี้ทำให้ชาวเน็ตของญี่ปุ่นจำนวนมากต้องตกหลุมรักกันไปตามๆ กัน ว่าแต่เธอคนนี้เป็นใครกัน เธอเป็นแฟนสาวคนใหม่ของ Sugawara อย่างนั้นเหรอ มันใช้เวลาไม่นานเลยที่เหล่าผู้ที่เข้าไปดูวิดีโอนี้จะไขข้อสงสัยนั้นออก เฮ้ย!? แขน!! เพราะเมื่อกล้องเริ่มทำการซูมออกเพื่อแสดงให้เห็นตัวของหญิงสาวคนนั้นทั้งตัว ชาวเน็ตก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาอึ้งอย่างถึงที่สุด สาวน้อยหน้าตาคิขุอาโนเนะคนนั้น.. แขนขาใหญ่พวกตรูอีก เฮ้ยนี่มันเกิดอะไรขึ้น!? จะบอกว่าเดี๋ยวนี้นักกล้ามเขาบ้ากล้ามกันมากจนขนาดมีแฟนก็ยังต้องมีแฟนแบบกล้ามๆ อย่างนั้นเหรอ? …
-
สาวรักสัตว์เสี่ยงชีวิตตนเอง เพื่อดูแลวัวที่ถูกทอดทิ้ง ในพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี…
ผู้ที่อุทิศและทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากจะต้องฝ่าฟันอันตรายที่อาจจะหมายถึงชีวิตก็ตาม พวกเขาก็ยอมที่จะเสี่ยงเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ดั่งหญิงสาวชาวญี่ปุ่นผู้นี้ ที่ยอมสละเวลาส่วนตัวในทุกๆ วัน เดินทางมายังเขตอันตรายในจังหวัดฟุกุชิมะ เพื่อมาป้อนน้ำป้อนอาหาร คอยดูแลเหล่าวัวทั้ง 11 ตัวที่ถูกทอดทิ้งจากเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ภัยพิบัติในปี 2011 นั้น พรากชีวิตผู้คนไปร่วม 20,000 ราย และผู้คนอีกจำนวน 160,000 ราย จำเป็นจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ภูมิลำเนาไปสู่พื้นที่ปลอดภัย เหลือเพียงแต่สัตว์น้อยใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ปศุสัตว์ในเขตกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ เป็นวัวจำนวน 3,500 ตัว และกลายเป็นวัวนิวเคลียร์แห่งฟุกุชิมะไปโดยปริยาย ได้รับการปนเปื้อนจนส่วนใหญ่ล้มตายไปตามๆ กัน รวมไปถึงอดตายและถูกการุณยฆาต Tani Sakiyuki หญิงสาวผู้อุทิศตนเดินทางมายังเขตปนเปื้อน เพื่อมาดูแลวัวจำนวนที่เหลืออยู่ ตามปกติแล้วเธอทำงานอยู่ในกรุงโตเกียวเมื่อ 7 ปีก่อน แต่หลังเกิดเหตุภัยพิบัติ เธอก็ได้ย้ายมาทำงานในสาขาที่ใกล้กับเขตอันตรายและเปลี่ยนมาทำงานกะกลางคืนแทน เพื่อที่จะสามารถมาดูแลวัวทั้ง 11 ตัวได้ในทุกๆ วัน เธอให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากรายงานข่าวเกี่ยวกับสัตว์ที่อดอยาก และชาวไร่ชาวนาก็พยายามช่วยเหลือพวกมัน แม้ว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปก็ตาม เธอจึงรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ “ถ้าฉันไม่ทำ…
-
นึกว่าของจริง!! คุณแม่ชาวญี่ปุ่นสร้างบ้านตุ๊กตาหลังจิ๋ว ที่เก็บรายละเอียดได้โคตรสมจริง
บ้านตุ๊กตานั้นนอกจากจะเป็นของเล่นเสริมสร้างจินตนาการให้กับเด็กๆ แล้ว ยังสามารถเป็นผลงานทางศิลปะและงานฝีมือแบบหนึ่งได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่นชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง นามว่า Kiyomi (คิโยะมิ) ผู้ที่ทั้งคุณแม่ลูกสองและเป็นศิลปินอีกด้วย ผลงานของเธอส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ในสไตล์ศตวรรษที่ 18 ให้ออกมาในรูปแบบ จุลศิลป์ หรือ ศิลปะขนาดจิ๋ว นั่นเอง วันหนึ่งเธอตื่นแต่เช้าตรู่เวลาตี 4 เพื่อสร้างผลงานบ้านตุ๊กตาในสไตล์ยุคอุตสาหกรรม สิ่งที่มหัศจรรย์ก็คือ แม้ว่าสิ่งของที่เธอทำขึ้นมาจะมีขนาดเล็กจิ๋ว แต่กลับมีรายละเอียดที่สมจริงสุดๆ ลองไปดูผลงานของเธอกันเลย ตู้ขนมว่าเล็กแล้ว ขนมด้านในนั้นเล็กยิ่งกว่า แถมเก็บรายละเอียดของขนมได้อย่างดี โต๊ะ จักร และอุปกรณ์เย็บผ้าต่างๆ ล้วนละเอียด สมจริง ทำได้ยังไงงงง!!? คลาสสิกมากๆ . . เจ๋งงงงง ทำออกมาเป็นห้องขนาดจิ๋ว ห้องหนึ่ง ทุกๆ อย่างถูกเก็บรายละเอียดอย่างประณีต รองเท้าหนังคู่งาม สมจริงกระทั่งเงา . อาหารจิ๋ว ดูน่ารับประทานฝุดๆ .…
-
พิธีศักดิ์สิทธิ์…กับปลัดขิกอันเขื่อง~ มารู้จักกับพิธีแห่ “องคชาต” ของญี่ปุ่นกันเถอะ!!
ว่ากันว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นนอกจากจะโดดเด่นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว วัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นเองยังมีเอกลักษณ์และน่าสนใจอย่างยิ่ง อย่างเช่นในวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน 2018 ที่ผ่านที่ ที่เมืองคะวะซะกิ ในจังหวัดคะนะกะวะ ได้มีพิธีเฉลิมฉลองสุดแปลก แถมเป็นพิธีอันยิ่งใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมงานนับหมื่นคนทีเดียว การเฉลิมฉลองดังกล่าวก็คือสิ่งที่เรียกว่า คะนะมะระ มัทสึริ (Kanamara Matsuri) เป็นงานฉลอง “องคชาต” ที่จัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ณ บริเวณศาลเจ้าคะนะยะมะ มีการเดินขบวนพาเรดแห่งองคชาตสีชมพูที่เรียกว่า มิโคะชิ ไปตามท้องถนน มีการทานอมยิ้มและขนมหวานรูปทรงองคชาต พร้อมทั้งประติมากรรมรูปทรงองชาตอื่นๆ อีกมากมาย นักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามที่เข้ามาร่วมขบวนพิธีก็จะมีส่วนร่วม โดยการสวมใส่ “องคชาต” มีทั้งเป็นแบบหมวก หน้ากาก แว่น และจมูก บางคนก็ถือกระเป๋ารูปปลัดขิก หรือขึ้นขึ่ปลัดขิกไม้อันเขื่อง จุดประสงค์ของการเฉลิมฉลององคชาตในครั้งนี้ก็คือเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงการเพิ่มจำนวนประชากร และการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย พร้อมทั้งยังระดมเงินบริจาคให้กับผู้ป่วย HIV อีกด้วย จุดเด่นของงานคือ องคชาตเหล็ก ที่ตั้งอยู่ในศาลเจ้าคะนะยะมะ อันเป็นที่เคารพบูชาของเหล่าสาวขายบริการ ที่มักจะเข้ามาขอพรให้ตนนั้นรอดจากการติดโรค สาวๆ ในงานก็พากันอม…อมยิ้ม ที่จริงพิธีเฉลิมฉลองนี้มีตำนานมากตั้งแต่…
-
เตือน “คนไทย” ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น “ทานซูชิ” อย่าลอกแต่หน้าซูชิกิน ถือว่าเสียมารยาท
ซูชิ อีกหนึ่งอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมที่อาจจะเป็นของโปรดของใครหลายๆ คน ด้วยความอร่อยของซูชิที่เป็นเสน่ห์ที่ยั่วยวนใจกับการนำเนื้อปลาสดๆ หรืออื่นๆ มาโปะลงบนข้าวญี่ปุ่นที่ปั้นเป็นขนาดพอดีคำจิ้มกับโชยุและวาซาบิเผ็ดจี๊ด ทำให้หลายคนหลงใหลจนอยากจะไปลิ้มลองซูชิแบบต้นตำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ในการทานซูชินั้นก็มีมารยาทในการทานที่เหมาะสมอยู่หลายข้อเช่น ทานให้หมดในคำเดียว ไม่ผสมโชยุกับวาซาบิด้วยกันและการไม่เลือกทานเฉพาะหน้าซูชิ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเคร่งครัดเรื่องมารยาทในการทานอาหารมากๆ เพจ ฮอกไกโดแฟนคลับ-Hokkaidofanclub ก็ได้ออกมาโพสต์เตือนให้ชาวไทยปฏิบัติตามระเบียบที่ควรจะทำ “อยากขอร้องคนไทยที่ทานซูชิ?! วัฒนธรรมบางอย่างเราก็เรียนรู้กันไป บางอย่างที่ไม่รู้ก็เรียนรู้กัน แต่ในญี่ปุ่นเราจะมีธรรมเนียม คือถ้าอยากกินซูชิ เราต้องเข้าใจว่า ซูชิ คือข้าวบวกปลา เชฟเขาตั้งใจปั้น เราควรกินแบบเรียบร้อย เราควรกินทั้งข้าวทั้งปลา #ซูชิต้องกินทั้งคำ ถ้าอยากกินแต่ปลา ก็ไม่เป็นไร เราก็สั่งเป็นซาชิมิ เชฟเขาจัดให้ได้ แต่ถ้าเป็นร้านกินซูชิไม่อั้น การลอกแต่ปลามากิน เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่อยากกินข้าว เพราะกำลังลดความอ้วน เราก็ห้ามกินซูชิ เพราะซูชิต้องกินทั้งคำ ใจเขาใจเราเนอะ เรียนรู้กันไป ปล.สำหรับคนที่สั่งมาเป็นเซ็ท แต่กินไม่หมด ก็พอเข้าใจได้ แต่คนที่หยิบแบบกินไม่อั้นมา ต้องระวังหน่อย หยิบแต่พอกิน หากอยากกินแต่ปลาบนซูชิ แต่ไม่กินข้าวในร้านบุฟเฟต์ ถือว่าทำไม่ได้ ซูชิ แปลว่า ข้าว+ปลา (ต้องมีข้าวมาด้วย) ซาชิมิ แปลว่า ปลาดิบล้วนๆ ใครเห็นด้วยว่าซูชิต้องกินทั้งคำ ให้ร่วมติดแฮชแทก #ซูชิต้องกินทั้งคำ #คนทุกคนย่อมผิดพลาดกันได้ #โพสต์นี้เพื่อให้คนมาญี่ปุ่น #ไม่ได้โพสต์เพื่อประนาม#โพสต์เพื่อเรียนรู้เพื่อให้เราไม่พลาด #มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น #เริ่มต้นใหม่กับการกินซูชิ #ใจเขาใจเรา” จากการสรุปใจความของ #เหมียวบู้บี้…
-
บ.ญี่ปุ่นสร้างเงาปลอมๆ บนผ้าม่าน เพื่อให้สาวโสดที่อยู่คนเดียวรู้สึกอุ่นใจจากมิจฉาชีพ
หากคุณคือสาวโสดที่ต้องอาศัยอยู่ในหอพัก อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดเพียงคนเดียวในเมืองหลวง แล้วรู้สึกกังวลว่าอาจจะมีอาชญากรหรือขโมยขโจรมาทำมิดีมิร้ายกับคุณล่ะก็ เราพอจะมีทางออกให้คุณแล้วล่ะ บริษัทอย่าง Leo Palace 21 ผู้ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเข้าไปช่วยจัดการเกี่ยวกับธุรกิจหอพักในญี่ปุ่นได้คิดค้นระบบที่ชื่อว่า Man on the Curtain (ชายหนุ่มบนผ้าม่าน) เป็นระบบที่จะฉายภาพเงาของชายหนุ่มจากโปรเจกเตอร์หรือสมาร์ตโฟนลงไปบนผ้าม่าน โดยในเงาที่ฉายออกไปนั้นจะเป็นภาพของชายหนุ่มขณะออกกำลังกายมั่ง ทำความสะอาดห้องมั่ง ดื่มกาแฟมั่ง เล่นโยคะมั่ง ต่อยมวยมั่ง คาราเต้มั่ง และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 12 แบบ ทำให้คนที่มองจากภายนอกเห็นว่าคุณไม่ได้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว ถ้าคุณเกิดความสงสัยว่าแค่ภาพเงาธรรมดาๆ แบบนี้มันจะดีกว่าการตัดกระดาษแข็งมาวางไว้ที่ผ้าม่านยังไงล่ะก็ ขอบอกว่าระบบ Man on the Curtain มันสามารถเคลื่อนไหวได้แบบเต็มรูปแบบเลยนะ มีการขยับเขยื้อนเหมือนคนจริงๆ (เพราะมันถ่ายมาจากคนจริงๆ นั่นแหละ) ตามรายละเอียดโปรเจกต์นี้บอกว่าเงาแต่ละแบบนั้นจะเคลื่อนไหวได้ยาวนานกว่า 30 นาทีด้วยการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน . ลองชมตัวอย่างเงาหนุ่มต่อยมวยจากคลิปนี้ได้เลย หรือจะยกน้ำหนักก็มี ที่มา soranews24
-
White Lie เรื่องเล่าจากประเทศญี่ปุ่น โกหกที่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็นำมาซึ่งเรื่องราวอันน่าเศร้า
White Lie หรือการโกหกสีขาว คือการโกหกเพื่อความสบายใจของผู้ที่รับฟัง จะเรียกว่าการโกหกที่ไม่ใช่เรื่องผิด หรือการโกหกที่ไร้เดียงสาก็ได้ บ่อยครั้งที่เป็นการกระทำเพื่อรักษาน้ำใจของอีกฝ่าย กล่าวง่ายๆ ว่ามักจะเป็นการโกหกด้วยความหวังดีนั่นเอง แต่การโกหกสีขาวนั้นก็ไม่ได้นำมาซึ่งเรื่องที่ดีเสมอไป เพราะสุดท้ายนั้น การโกหก ก็ยังคงเป็นการโกหกอยู่ดี เรื่องเล่าในครั้งนี้เป็นเรื่องเล่ากึ่งนิทานของประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กสาวขี้โกหก กับคุณแม่ผู้เกลียดการโกหกเข้าไส้ ด้วยชื่อเรื่อง “White Lie” ครั้งหนึ่งเคยมีเด็กสาวชื่อว่าจิอากิ เธอได้ยินเสียงของแม่เรียกในระหว่างที่กำลังเล่นอยู่ในห้องนอน เธอเดินลงมาจากชั้นสองและพบกับคุณแม่ที่อยู่ในห้องครัว “จิอากิมานี่หน่อยสิ แม่มีอะไรจะถาม” แม่ของเธอกล่าว พลางกวักมือเรียกจิอากิเข้าไปหา “อะไรเหรอแม่?” จิอากิถาม “ลูกรู้ไหมว่าใครเป็นคนกินเค้กสำหรับแขกไป?” แม่ของเธอถามกลับ “อืม…ไม่รู้ค่ะ” เธอปฏิเสธ “ลูกกินไปรึเปล่า?” แม่ของเธอถามด้วยความสงสัย “หนูไม่ได้กินนะแม่” เด็กสาวปฏิเสธอีกครั้ง พลางบิดมือด้วยความไม่สบายใจ “จิอากิแม่ดูออกนะเวลาลูกโกหก” แม่ของเธอกล่าว จิอากิอาจจะไม่รู้ตัวแต่เวลาเธอโกหกเธอจะบิดมือเหมือนกับตอนนี้ “การเป็นหัวขโมยมันเริ่มต้นจากการโกหกนี่ล่ะ และหัวขโมยจะต้องถูกจับและลงโทษเสมอ ลูกเข้าใจที่แม่พูดไหม” จิอากิทนรับความรู้สึกผิดไม่ไหว จึงยอมรับผิด เธอร้องไห้และบอกว่าเธอเป็นคนที่แอบกินเค้กไปเอง “โอ้ โอ้ หยุดร้องไห้เถอะลูก” แม่ของเธอกล่าว “แม่ไม่ได้เกลียดลูกหรอกนะ ก็แค่ไม่อยากให้ลูกเป็นคนขี้โกหกเท่านั้นเอง” เรื่องราวประมาณนี้เกิดขึ้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง บางทีนั่นอาจจะเป็นการเรียกร้องความสนใจในแบบของเด็กสาวก็เป็นได้…
-
ศิลปินญี่ปุ่นใช้สองมือ เปลี่ยนก้อน ‘กระดาษฟอยล์’ ให้กลายเป็นบอลอัญมณีที่สวยงาม
กระดาษฟอยล์ คงเป็นสิ่งของทั่วๆ ไปที่เราใช้สำหรับการห่อโน่นนี่นั่น ไม่ค่อยมีอะไรสะดุดตาเราสักเท่าไหร่ แต่หากเพื่อนๆ ได้ลองมาเห็นผลงานของเขาคนนี้ อาจจะเปลี่ยนความคิดที่ผ่านมาไปเลยก็ได้ เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า @puchuco709 ได้ทำการเปลี่ยนม้วนกระดาษฟอยล์ความยาว 16 เมตร ให้กลายเป็นลูกบอลที่ดูสวยงามวิจิตรตระการตา ควรค่าแก่การเก็บเอาไปใช้ตกแต่งสิ่งต่างๆ เป็นยิ่งนัก โดยเขาใช้เพียงแค่สองมือบวกกับเครื่องมือทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง เราลองไปดูกรรมวิธีขั้นตอนการทำของเขากันเลย เริ่มจากการขยำกระดาษฟอยล์ ให้มีรูปร่างเหมือนลูกบอลแบบนี้ จากนั้นใช้ค้อนทุบให้มันกลมเข้าไปมากที่สุด โดยอาจมีฐานครอบทรงกลมช่วยจัดทรงไปเรื่อยๆ จากนั้นลูกบอลฟอยล์ของเราก็จะแน่นยิ่งขึ้น แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ก็ให้ทำซ้ำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะแน่นจริงๆ ชวนลูกๆ เด็กๆ มาช่วยกันทำด้วยก็ได้นะ เมื่อรู้สึกว่ามันแน่นมากแล้ว ค่อยใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบ หน้าตาจะเริ่มออกมาในลักษณะนี้ เสริมความเงาด้วยน้ำยาขัดเงาสักหน่อย แท่น แท้นนน เราก็จะได้ลูกบอลออกมาหน้าตาแบบนี้ เพื่อความสมบูรณ์แบบ ให้ใช้ผ้าสำหรับเช็ดแว่นตาหรือกระจก เอามาเช็ดให้ทั่ว เงาวาววับจับตาเลยมั้ยล่ะพ่อคู๊ณณณ สวยเกิ๊นนน แค่วางไว้ก็ดูดี…
-
เด็กประถมพบกล้องที่จมทะเลหายไปนานกว่า 2 ปี จากญี่ปุ่นสู่ไต้หวัน แถมยังใช้ถ่ายได้อยู่!!
เราคงคิดถึงหลายสิ่งที่เราอาจทำหล่นหายไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ อยากจะได้มันกลับมาอยู่ในอ้อมอกของเรา เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ความหวังในเรื่องนั้นก็จะยิ่งลดลง แต่ไม่แน่ว่าเพื่อนๆ อาจจะโชคดีเหมือนอย่างเธอคนนี้ก็เป็นได้ เธอไม่ได้เป็นคนค้นพบสิ่งที่หายไปด้วยตัวเอง แต่นี่เป็นการค้นพบของเด็กชั้นประถมในประเทศไต้หวัน ช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่ทางโรงเรียนกำลังพาเด็กๆ ไปเก็บกวาดขยะอยู่ตามริมชายหาด แล้วเด็กชายวัย 11 ขวบคนหนึ่งก็ได้เจอกับหินรูปร่างประหลาด ก้อนหินหน้าตาประหลาด เมื่อสังเกตดีๆ ให้ชัดๆ ถึงได้รู้ว่ามันคือกล้องถ่ายรูปที่สวมเคสกันน้ำอยู่ แต่ถูกเพรียงเกาะอยู่เต็มไปหมดเท่านั้นเอง เมื่อคุณครู Park Lee เห็นอย่างนั้น จึงเรียกรวมเด็กๆ ให้มาดูการค้นพบอันน่าแปลกประหลาดในครั้งนี้กัน ดูจากสภาพแล้ว มันคงจะทนใช้ชีวิตอยู่ใต้ทะเลมาอย่างยาวนาน แต่เด็กๆ ก็ช่วยกันเคาะเอาสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ออกจนพบเข้ากับปุ่มถอดเคสออก เมื่อถอดออกมาเด็กๆ และคุณครูก็พบว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้โดนน้ำเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นคือมันยังมีแบตหลงเหลือสามารถเปิดขึ้นมาใช้งานได้ตามปกติอีกด้วย กล้องยังคงอยู่ในสภาพที่ยอดเยี่ยม แถมยังมีแบตใช้งานได้ตามปกติ อาจารย์ Park เล่าว่า ในตอนแรกเด็กทุกคนยังคงถกเถียงกันว่าควรจะเก็บเอาไว้ หรือว่าพยายามตามหาเจ้าของดี ก่อนที่สรุปแล้วทุกคนเลือกที่จะตามหาเจ้าของกล้องตัวนี้ พวกเขาจึงเปิดรูปที่มีอยู่ในกล้องซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทว่ากลับมีเพียงภาพเดียวที่พอจะบอกได้ว่าเจ้าของเป็นใคร แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขาพบว่าเจ้าของนั้นน่าจะต้องเป็นคนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ดูจากหลายๆ สถานที่ที่เห็นในภาพแล้ว …
-
อรั้ยย! มาดูเทพธิดาแห่ง “หมากล้อม” จากไต้หวัน ถึงไม่ชนะเลิศแต่ชนะใจเรานะ…งื้ออ
หมากล้อม หรือว่า โกะ นั้นเป็นกีฬาที่แข่งขันกันด้วยปัญญาและความคิด และยังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศทวีปเอเชีย จนกระทั่งมีการแข่งขันชิงแชมป์ระดับประเทศและระดับโลกกันเลยทีเดียว โดยในเดือนมีนาคมปี 2018 นี้เองก็ได้มีการแข่งขันหมากล้อม Senko Cup เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของบริษัท Nihon Ki-in โดยในงานแข่งขันก็มีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากหน้าหลายตา แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายกลับมีดอกไม้ที่เบ่งบานและเจิดจรัสงามเด่นอยู่ดอกหนึ่ง นั่นก็คือ Joanne Missingham หรือเป็นที่รู้จักกันในฉายา เทพธิดาหมากล้อม ไงล่ะ นักกีฬาระดับเจ็ด Joanne คนนี้เป็นลูกครึ่งไต้หวัน-ออสเตรเลีย เธอมีอายุ 23 ปี ย่างเข้าปีที่ 24 แล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอจึงดึงเอาความสนใจของผู้เข้าร่วมการแข่งขันหมากล้อมไปจนหมด หากใครอยากรู้รายละเอียดของเธอมากกว่านี้ ก็เข้ามารับชมกันได้ ที่นี่เลยจ้า ป้าดดดด… แม่เทพธิดาน้อย ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า Joanne ไม่ได้คว้าแชมป์ไปในการแข่งขันครั้งนี้ แต่เธอก็ได้ที่ 2 ของงานมาครอง!! เดินกลับบ้านไปพร้อมกับเงินรางวัลกว่า 870,000 บาทเลยทีเดียว ว้าวววว อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาที่เด็กสาววัย 23 ปีจะเอาชนะคู่แข่งที่แก่กว่าเธอนับทศวรรษมาได้จนถึงรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าใครก็ตามที่แข่งขันหมากล้อมกับเธอ…
-
เป็ปซี่ญี่ปุ่นออกลายและรสชาติใหม่ ‘J-Cola’ ดีไซน์สวยงามน่าสะสม แฟนๆ อย่าพลาด!!
เมื่อพูดสินค้าสุดพิเศษ ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศแรกๆ เลยที่ใครๆ มักจะนึกถึง เพราะของกินแบรนด์ดังมากมายที่วางขายทั่วโลก มักเลือกจะออกรสชาติสุดพิเศษเพียงแค่ในเฉพาะประเทศนี้เพียงเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ถ้าใครติดตามก็จะจำกันได้ว่าทาง Pepsi ญี่ปุ่นนั้นเคยออกรสชาติสุดพิเศษในชื่อว่า Pepsi Sakura ที่มีดีไซน์แพคเกจสวยงามมาพร้อมกับตัวน้ำสีชมพูน่าทาน แน่นอนว่าขายแต่ในญี่ปุ่นนั่นเอง และหลังจากทิ้งช่วงมาได้สักพักมา คราวนี้ทางญี่ปุ่นก็ได้ฤกษ์ออกสินค้าตัวใหม่กันแล้วกับ Pepsi J-Cola เครื่องดื่มที่ได้รับการพัฒนาจากคนญี่ปุุ่น 100 คนที่ชอบในเครื่องดื่มนี้ มาช่วยกันออกความคิดเห็นจนออกมาเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์คนในประเทศมากที่สุด ผลจากความเห็นของคน 100 นั้น ทาง Pepsi พบว่า คนญี่ปุ่นอยากจะดื่ม Pepsi ที่มีรสชาติเยี่ยม รสชาตินุ่มลึกและดื่มแล้วทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง ซึ่งด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ J-Cola ถือกำเนิดขึ้น!! ตัว J-Cola จะมี 3 รสชาติด้วยกัน โดยจะประกอบด้วยรสชาติดั่งเดิม Zero และ Midnight ซึ่งรสชาติสองอย่างแรกนั้นจะมีการปรับเปลี่ยนสูตรนิดหน่อยเพื่อตอบโจทย์สาวกให้มากขึ้น แต่ทีเด็ดคืออย่างหลังสุดต่างหาก Midnight นั้นถูกดีไซน์มาเพื่อเหล่านักดื่มญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เพราะจากผลสำรวจของคนที่ชอบดื่ม Pepsi…
-
การตัดกระดาษขั้นเทพ “คิริเอะ” แบบฉบับญี่ปุ่นโบราณ ละเอียดละออน่าหลงใหล
Kirie (คิริเอะ) เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่เก่าแก่ของญี่ปุ่น มันเป็นการ “ตัดกระดาษ” ออกมาเป็นรูปต่างๆ อย่างละเอียดละออ มันเป็นงานที่ต้องทุ่มเททั้งเวลาและความสามารถลงไปอย่างเต็มที่ กว่าที่จะได้ออกมาเป็นผลงานแต่ละชิ้น วันนี้ เราจะขอแนะนำให้รู้จักกับผู้สร้างผลงาน คิริเอะ ฝีมือเยี่ยม เขาใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @kagemeenokirie ผลงานของศิลปินผู้นี้โดดเด่นที่ความละเอียดละออของงาน รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเองไม่เคยมองข้าม ผลงานของเขาเมื่อเห็นเพียงครั้งเดียวก็รับรู้ได้ถึงความตั้งใจที่ศิลปินได้ทุ่มลงไปกับงานเลยทีเดียว ดูช่องว่างของอิฐแต่ละก้อนนั่นสิ ลวดลายของหน้าต่างเอย รวมทั้งลายดอกไม้ที่เห็น นี่เป็นการตัดออกมาจากกรดาษสีดำเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น ลวดลายละเอียดยิบนี้ สร้างสรรค์โดยฝีมือของศิลปินผู้นี้เอง โดยมิได้พึ่งพาเครื่องจักรใดๆ ทั้งสิ้น พอซูมดูใกล้ๆ เท่านั้นแหละ รู้เลยว่าเป็นงานที่ละเอียดสุดๆ ไปเลย เมื่อสอบถามกับตัวศิลปินคนนี้ ว่าผลงานเหล่านี้ตัดจากกระดาษประเภทไหน เธอตอบว่า “กระดาษคิริเอะ” ซึ่งมันก็คือกระดาษทั่วๆ ไปที่มีสีดำเท่านั้นเอง ยัง ยังละเอียดได้อี๊กกก สรุปก็คือ การทำคิริเอะสุดเทพของเธอนั้น สิ่งที่ต้องใช้ ก็มีเพียงมีดสำหรับตัด กระดาษคิริเอะ และฝีมือเท่านั้นเอง ที่มา: Soranews24 และ Kagemeenokirie
-
เมื่ออาจารย์สั่งให้นักเรียนเขียนจดหมายขอโทษทุกครั้งที่ตดในห้อง คุณจะอั้นหรือปล่อยออกมา
ปกติแล้วเวลาคุณ ‘ปวดตด’ คุณจะทำอย่างไร คุณจะอั้นตดไว้แล้วรอไปปล่อยไกลคน หรือคุณเลือกจะปล่อยมันตรงนั้นโดยไม่อั้นไว้ ส่วนจะดังหรือจะเบา เหม็นมากน้อยก็ให้มันเป็นไปตามกรรมกัน? ถ้าคุณเลือกอย่างหลัง คุณเตรียมตัวเขียนจดหมายขอโทษส่งอาจารย์ได้เลย… เรื่องราวนี้มันเริ่มขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดโทะชิงิ ประเทศญี่ปุ่น เมื่ออาจารย์ไม่เผยชื่อท่านหนึ่งได้ตั้งกฎใหม่ในห้องเรียนว่า ถ้าเกิดใครที่ตดในห้องเรียนและทำให้เพื่อนๆ เหม็นโดยไม่ยอมไปตดในช่วงพัก นักเรียนคนนั้นจะต้องถูกลงโทษ ส่วนวิธีการลงโทษนั้นก็ง่ายมากๆ โดยนักเรียนที่ถูกลงโทษจะต้องเขียนจดหมายลงโทษว่า “ผมจะไม่ตดในชั้นเรียนอีกแล้ว ผมจะไปตดในห้องน้ำระหว่างช่วงพัก ถ้าผมผิดสัญญาผมจะต้องไปวิ่งรอบสนามโรงเรียน 10 รอบ” บทลงโทษดังกล่าวนั้นถือเป็นเรื่องที่จริงจังมากๆ เพราะตัวอาจารย์เองก็เล่นเขียนกฎนี้บนผนังห้องเรียน เพื่อให้ทุกคนเห็นบทลงโทษและข้อปฏิบัติโดยง่าย แน่นอนว่าเราคงสงสัยว่า การปวดตดหรือตดในห้องเรียนมันผิดขนาดนั้นเลยอย่างนั้นเหรอ ซึ่งสื่อในญี่ปุ่นก็ได้ให้เหตุผลว่าในญี่ปุ่นการตดนั้นถือเป็นเรื่องตลก และมักจะมีนักเรียนบางคนที่สามารถตดได้เก่งมากๆ พวกเขาจึงมักจะทำตัวให้ตลกด้วยการตดกลางห้องเรียนอยู่บ่อยๆ จนสร้างความน่ารำคาญให้กับเพื่อนๆ รวมถึงตัวอาจารย์ที่ยากจะรับมือ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการตั้งกฎดังกล่าวขึ้นมา ปัญหาการตดเรี่ยราดก็ลดลง และยังไม่มีนักเรียนคนไหนที่ผิดสัญญาจนต้องออกไปวิ่งรอบสนามเลยสักคนเดียว ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยนั่นเอง ตดไม่ว่า แต่กลิ่นกับเนื้ออย่าตามมาจะได้ไหม ที่มา soranews24
-
ชมตัวอย่าง Shiki Oriori เรื่องใหม่ฝีมือ สตูดิโอผู้สร้าง Your Name คราวนี้เนื้อเรื่องเกิดขึ้นที่จีน!?
ต้องขอบอกเลยว่าในปี 2016 นั้นนับได้ว่าเป็นปีทองของเรื่อง Your Name หลับตาฝันถึงชื่อเธอ ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทำรายได้ถล่มทลาย แถมยังสร้างความประทับใจให้กับแฟนอนิเมะทั่วโลก หลังจากนั้นอาจารย์ชินไคก็หายหน้าหายตาไป…เพราะกำลังทำโปรเจกต์ใหม่อยู่นั่นเอง จนเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่ผ่านมาโผล่มาสร้างผลงานโปรโมตการท่องเที่ยวให้กับแคนาดา และล่าสุดทางสตูดิโอ CoMix Wave Films จากกรุงโตเกียว ที่เคยร่วมงานกับอาจารย์ชินไค สร้างผลงานเรื่อง Your Name จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก กำลังจะปล่อยผลงานใหม่ในชื่อว่า Shiki Oriori (บทกลอนแห่งฤดูกาล) ให้แฟนอนิเมชั่นได้รับชมกัน ก็อย่างที่รู้กันดีว่าเรื่องก่อนๆ มากมายหลายเรื่องนั้นจะดำเนินเรื่องในประเทศญี่ปุ่น แต่ในครั้งนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ทั้งเมืองกว่างโจว, มณฑลหูหนาน, และนครเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ก็ได้มีการร่วมมือกันกับอนิเมชั่นสตูดิโอสัญชาติจีนอย่าง Haoliners ที่เคยมีผลงานในการสร้างอนิเมะชื่อดังมาแล้วมากมายอย่าง To Be Hero, Evil or Live, และ A Centaur’s Life เรื่องราวของ Shiki Oriori นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ซึ่งจะมีตัวละครที่แตกต่างกันออกไป และ 2…
-
อ้อ อย่างนี้นี่เอง!! บก. Dragon Ball เผยว่าทำไม “ซุปเปอร์ไซย่า” ต้องมีผมสีบลอนด์
เคยสงสัยมั้ยว่า ในการ์ตูนเรื่อง ดราก้อนบอล (Dragon Ball) ทำไมเวลาที่ชาวไซย่าแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าแล้วผมต้องเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ด้วยนะ? อย่างที่หลายๆ คนเห็นว่าการมีผมสีบลอนด์หลังแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่านั้นมันโคตรเท่โคตรคูลเลยสำหรับการ์ตูนขวัญใจมหาชนอย่างดราก้อนบอล แต่เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสีผมทองๆ ที่เราเห็นกัน มันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ Hiroyuki Nakano บรรณาธิการคนปัจจุบันของ โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ (Weekly Shonen Jump) สำนักพิมพ์ของการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอลในปัจจุบัน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในงานครบรอบ 50 ปีของสำนักพิมพ์ ว่าทำไม ผมของซูเปอร์ไซย่าถึงมีสีบลอนด์ทอง Nakano กล่าวว่า “มีหลายภาพที่ต้องลงสีผมโกคูด้วยสีดำ แต่สมัยที่หนังสือการ์ตูนจะมีสีเพียงแค่ขาวและดำเท่านั้น อาจารย์ Toriyama (ผู้เขียนดราก้อนบอล) จึงเลือกให้ผมของโงกุนเป็นสีบลอนด์เมื่อกลายเป็นซูเปอร์ไซย่า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงสี” Nakano อธิบายเพิ่มเติมว่า “การผลิตการ์ตูนรายสัปดาห์ออกมานั้นมีตารางงานที่ค่อนข้างแน่น และมีเวลาที่จำกัด ฉะนั้นจึงต้องประหยัดเวลาในบางส่วน เพื่อนำไปใช้ในส่วนอื่นที่สำคัญกว่า” สรุปง่ายๆ ก็คือ ที่ผมของโกคูตอนเป็นซูเปอร์ไซย่ามีสีบลอนด์ก็เพราะว่า มันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลงสี ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาเพื่อนำไปเน้นที่เรื่องงานภาพในฉากต่างๆ และลายเส้นได้มากเลยทีเดียว ที่มา: Soranews24
-
ไอดอลญี่ปุ่น จัดคอนเสิร์ตเพื่อระลึกถึงแฟนคลับวัย 55 ปี ที่จากโลกนี้ไปอย่างเดียวดาย…
ต้องขอบอกเลยว่าในวงการไอดอลของญี่ปุ่น เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง ‘แฟนคลับ’ กับ ‘ไอดอล’ นั้นเป็นอะไรที่แน่นแฟ้นมากๆ ไม่ใช่แค่ว่าบรรดาเหล่าแฟนคลับจะเป็นฝ่ายเข้าหาไอดอลเพียงอย่างเดียว แต่ไอดอลเองก็มีการเข้าหาแฟนคลับด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกันกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของแฟนคลับวัย 55 ปี ที่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ทำให้ศิลปินไอดอลสาวอย่าง Emi Arisaka ตัดสินใจจัดงานคอนเสิร์ตขึ้นเพื่อรำลึกถึงเขา เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วที่ Okkyan คุณลุงแฟนคลับวัย 55 ปี ติดตามไอดอลสาว Emi Arisaka มา เขาเดินทางไปเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตของเธอทุกงาน แต่ในปี 2017 เขาก็หายหน้าหายตาไปซะดื้อๆ ไม่มางานคอนเสิร์ตของไอดอลสาวเลย Arisaka เริ่มเป็นห่วงแฟนคลับของเธอ จึงเริ่มเปิดค้นข้อมูลในโลกออนไลน์ แล้วก็พบว่า Okkyan หยุดการอัปเดตในโลกโซเชียลมีเดียมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จนในที่สุดก็สืบทราบที่อยู่ของเขา เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมหาแฟนคลับตามที่อยู่นั้นเพื่อเช็กดูว่าเขาสบายดีหรือเปล่า แต่หลังจากที่ไปเยี่ยมก็ไม่พบใคร เพื่อนบ้านได้บอกเอาไว้ว่า Okkyan เข้าโรงพยาบาลไปเมื่อปีก่อนเพื่อรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของเลือดที่ไหลอยู่ในอวัยวะภายใน (Aortic dissection) หลังจากรักษาอาการป่วยเรียบร้อยก็กลับมาอยู่ที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็ทรุดลงอย่างหนักจนทำให้ถึงแก่ชีวิตในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2017 Okkyan…
-
ยิ่งกว่าละคร… ตำรวจญี่ปุ่นสาวต้องจับซากูซ่าหนุ่ม แต่ดันโดนขโมยหัวใจไปได้ซะนี่!!
บางครั้งชีวิตคนเรามันก็เหมือนละคร จนเราต้องตั้งคำถามว่าจริงๆ นี่เรายังอยู่ในละครสักเรื่องหรือเปล่า ดังเช่นเรื่องราวของตำรวจสาวและยากูซ่าหนุ่ม คนจากสองขั้วตรงข้ามที่ผันตัวมาเป็นคนรัก เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤษจิกายน 2017 โดยมีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจย่านชินจูกุเดินทางไปบุกจับตัวสมาชิกแก๊งยากูซ่าวัย 30 ซึ่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่นั้นก็มีเจ้าหน้าที่สาววัย 23 เดินทางไปด้วย ในเวลาต่อมาจากการสืบสวนสมาชิกแก๊งคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวเขาออกมาและให้ตำรวจสาวรับหน้าที่ดูแลเพื่อคอยสอบถามข้อมูลตลอดเวลา แน่นอนว่าทั้งคู่นั้นได้แลกเบอร์ติดต่อและอีเมลล์ของกันและกัน นับจากนั้น การพูดคุยในเชิงสอบสวนและติดตามก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอและเริ่มเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันในฐานคนรัก ถ้านี่คือละครทีวี ช่วงเวลานี้คงจะเป็นช่วงที่ฝ่ายชายจะต้องคิดถึงเรื่องร้ายต่างๆ ที่ตนเองเคยทำมา และผันตัวเองลบล้างประวัติจนหมดสิ้นในภายหลัง เพียงแต่ว่านี่คือชีวิตจริง เรื่องมันได้ไม่ได้สวยงามอย่างนั้น เพราะหลังจากทั้งคู่ใกล้ชิดกันเกินไปจนทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่นตั้งข้อสงสัยว่า ตำรวจสาวคนดังกล่าวนั้นหันไปร่วมมือและเปิดเผยข้อมูลลับแก่ยากูซ่าหนุ่ม ซึ่งในเวลาต่อมาจากการสอบสวนก็พบว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอได้ให้ข้อมูลลับต่างๆ แก่แฟนหนุ่มและสมาชิกแก๊ง ซึ่งเธอบอกว่าเธอไม่คิดว่าหลังจากความรักที่มีให้กัน แฟนหนุ่มจะเอาความลับทั้งหมดรวมถึงความสัมพันธ์ไปบอกคนอื่น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตำรวจสาวจะถูกลดขั้นและสั่งย้าย ทั้งคู่ก็ไม่ได้ถูกเอาผิดแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายชายยังบอกว่าเขายังอยากจะดำเนินความสัมพันธ์กับตำรวจสาวต่อไป ที่มา soranews24, nhk
-
นักออกแบบตราประจำตระกูลชาวญี่ปุ่น โชว์ผลงานสุดเจ๋งด้วยการใช้เทคนิค ‘Mon-Mandala’
ย้อนกลับไปในยุคสมัยก่อน ตระกูลต่างๆ ในญี่ปุ่นมักจะมีตราสัญลักษณ์ที่ไว้ใช้ประจำตระกูลอยู่เสมอ ซึ่งเจ้าตราประจำตระกูลที่ว่านั้นถือเป็นประเพณีที่สอบทอดต่อกันมาเป็นพันๆ ปี เพียงแต่ในปัจจุบันนั้นมันได้เริ่มจางหายอย่างช้าๆ แม้ปัจจุบันตราประจำตระกูล หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกกันว่า ‘Kamon‘ โดยปัจจุบันเหลือช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในด้านดังนี้ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่ง Monsho Uwaeshi ก็เป็นช่างฝีมือและนักออกแบบจากกรุงโตเกียวอีกคนที่ยังอยากจะรักษาประเพณีอันยาวนานนี้ไว้ เขาจึงเริ่มหันมาออกแบบตราสัญลักษณ์แบบใหม่ด้วยเทคนิคใหม่ๆ เพื่อดึงดูดคนให้สนมากขึ้น เทคนิคที่เขาใช้นั้นเรียกว่า ‘Mon-Mandala’ ซึ่งเป็นผลงานที่นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างพลังให้กำลังคนที่เห็นด้วย เรียกว่าทรงพลังและสวยงามสุดๆ ตราสัญลักษณ์ที่เกิดจากการร่วมกันของร่มสามอัน เกล็ดหิมะ ม้าที่กำลังนั่งลง ยิ่งเห็นลายยากๆ แล้วต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นผลงานที่ต้องใช้ฝีมือจริงๆ . อย่างภาพนี้ดูแล้วแบบ โอ้โห สุดๆ กว่าจะเกิดเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลญี่ปุ่นได้แต่ละอัน ถือเป็นการผสมผสานของวัฒนธรรม ที่ใช้รูปทรงในยุคสมัยใหม่ผสมเข้ากับเทคนิคยุคสมัยเก่า สุดท้ายแล้ว Monsho Uwaeshi ก็บอกว่าทุกอย่างมันต้องพัฒนาไปกับยุคสมัย โดยเฉพาะวัฒนธรรมเก่าๆ ที่ต้องปรับตัวตาม เช่นเดียวกับชิ้นงานของเขาที่ต้องหาเทคนิคและหนทางใหม่ๆ เสมอ เขายังแถมภาพกันดั้มที่เขาใช้เทคนิคดังกล่าวสร้างขึ้นมาอีกด้วยนะ เจ๋งสุดๆ …
-
ห้องน้ำหญิงสถานีรถไฟมาแปลก ติดป้ายห้องน้ำหญิง 9 อัน แถมมีเสียงบอกว่าไม่ใช่ห้องน้ำชาย
ในวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมาที่สถานีรถไฟ JR ในเขต Shinagawa กรุงโตเกียว มีห้องน้ำแห่งหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นตำนานบทใหม่ของห้องน้ำอันเป็นที่สุดของห้องน้ำทั้งปวง ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์นาม Chinda ได้ไปเห็นภาพห้องน้ำหญิงประจำสถานีรถไฟ Shinagawa ที่มีสัญลักษณ์ห้องน้ำหญิงติดไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการถ่ายภาพส่วนด้านหน้าของห้องน้ำที่ว่าและทำการโพสต์ภาพลงบนโลกออนไลน์ ห้องน้ำสุดแปลกแห่งนี้ ประดับไปด้วยสัญลักษณ์ “ห้องน้ำผู้หญิง” อันเป็นที่รู้กันไปทั่วโลก ขนาดต่างๆ กันไปจำนวนมากมายถึง 8 อัน โดยที่ป้ายทั้งหมดมีสีแดงของเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งเป็นสีสำหรับสตรีในความเชื่อของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีป้ายอีกสองอันที่เขียนว่า “ไม่มีห้องสำหรับผู้ชายอยู่ที่นี่” และป้าย “ห้องน้ำสำหรับผู้หญิง” ที่เขียนด้วยภาษาต่างๆ สามภาษา โดยที่ทามกลางสัญลักษณ์ห้องน้ำผู้หญิงสีแดงเหล่านั้น ยังมีป้ายสุขาหญิงสีดำ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นป้ายดั้งเดิมอยู่อีกหนึ่งป้าย แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะในเวลาหกวันต่อมา Chinda ก็ได้พบว่าห้องน้ำที่เขาเคยถ่ายรูปไว้ได้มีการปรับปรุงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกหนึ่งขั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ป้ายที่เพิ่มเข้ามาส่วนใหญ่จะอยู่ที่เดิม แต่มีการเอาป้ายสีดำที่เป็นป้ายดั้งเดิมออก โดยใส่ป้ายลอยสีแดงปลาแซลมอนอันที่เก้าเข้ามาแทน มีการทาสีกำแพงเป็นสีแดงอีกด้วย และที่สำคัญคือมีข้อความเสียงที่บันทึกไว้ “ที่นี่ไม่ใช่ห้องน้ำชาย” เล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ที่หน้าห้องน้ำอีกด้วย แน่นอนว่าข่าวในครั้งนี้ย่อมได้รับกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก มีคนจำนวนมากที่สงสัยในที่ไปที่มาของห้องน้ำแห่งนี้ “มันอาจจะมากไปนิด แต่ผมคิดว่าผมชื่นชมกับความทุ่มเทของพวกเขานะ” “ฉันชอบที่พวกเขามีป้ายที่บอกขนาดของร่างกายผู้หญิงหลายๆ แบบนี่ล่ะ” “ฉันแน่ใจว่า ยังไงก็จะมีผู้ชายเข้าไปอยู่ดี” “ในฐานะที่เป็นผู้ชาย…
-
เด็กญี่ปุ่นตอบกลับคำถาม “ปัญหาความรัก” ในนิตยสาร ด้วยความจริงอันโหดร้าย!!
ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า เด็กนั้นก็คือเด็ก พวกเขาจะพูดในสิ่งที่คิด และบอกเราในสิ่งที่อยู่ในหัวพวกเขาจริงๆ โดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งนั้น จนบางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผู้ใหญ่จริงๆ เสียอีก คำพูดในครั้งนี้คงเป็นคำอธิบายที่ดีของเหตุการณ์ในครั้งนี้เลยก็เป็นได้ เพื่อที่จะกระตุ้นพฤติกรรมการอ่านหนังสือที่ดีในเด็ก นิตยสารเด็กญี่ปุ่นรายหนึ่งจึงได้จัดทำมุม ตอบคำถามรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจขึ้น โดยคำถามที่ส่งเขามายังนิตยสารนี้นั้น จะได้รับการตอบโดยเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษานั่นเอง ตามที่ผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่น นำมาแชร์นั้น ประเด็นในครั้งนี้เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ถามทางนิตยสารนี้ ถึงวิธีการที่จะเป็นที่นิยมกับผู้หญิง คำถาม: “ผมเป็นชายโสดอายุ 45 ปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังกังวลเรื่องการหาแฟน และแต่งงาน ได้โปรดบอกผมทีว่า ผมจะเป็นที่นิยมกับผู้หญิงได้ยังไง“ คำตอบ: พวกเราก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกับผู้หญิงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่คนที่เป็นที่นิยมจริงๆ กลับทำให้เรารู้สึกรำคาญมากกว่า บางครั้งเรายังตะโกนว่า “คนที่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบมันมีแต่พวกบ้าๆ เท่านั้นล่ะ” แต่ถึงทำอย่างนั้น เราก็จะไม่สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้อยู่ดี เอาเป็นว่า เราได้ยินมาว่าคนแบบ 7K กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงอยู่ในตอนนี้ คนแบบที่เท่ (Kakkoi) ไม่สกปรก (Kitanakunai) ไม่มีกลิ่นตัว (Kusakunai) ฉลาด (Kashikoi) ปากหวาน (Kuchi Ga Umai) เอาใจใส่ (Kuki Yomeru) และไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น (Kurabenai) อะไรทำนองนั้น…
-
คนญี่ปุ่นตื่นเต้นจัด ต่อแถมรอชม “ลูกแพนด้า” เพิ่งเกิด แถวยาวยิ่งกว่าคอนเสิร์ตอีก!!
เมื่อหลายปีก่อน บ้านเราเคยมีเหตุการณ์แพนด้าฟีเวอร์ ที่หลายๆ คนถึงกับต้องจองตั๋วเครื่องบินเพื่อมาชม ช่วงช่วง หลินฮุ่ย กันที่เชียงใหม่ ถึงขนาดมีเพลงหมีแพนด้าออกมาเลยนะเออ แต่ไม่ใช่มีแค่บ้านเราเท่านั้นที่เห่อแพนด้า เพราะที่ญี่ปุ่นก็มีเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน ที่สวนสัตว์อูเอโนะในโตเกียวได้มีลูกแพนด้าเกิดใหม่ ทำให้ผู้คนตื่นเต้นอยากเจอจนต้องมาเข้าแถวกันราวกับมารอดูคอนเสิร์ต ด้วยความที่เป็นสวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่เคยสร้างเสียงฮือฮาเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วกับลูกแพนด้ายักษ์ และตอนนี้ทางสวนสัตว์เปิดให้เข้าเยี่ยมชมแล้ว นั่นก็คือเจ้า Shan Shan แพนด้าที่ทำให้คนรักสัตว์ทั่วญี่ปุ่นหลั่งไหลมาชมความน่ารักของมัน ทางสวนสัตว์อูเอโนะได้มีทางเข้าสามทางด้วยกัน แต่สำหรับใครที่อยากมาดูเจ้าแพนด้า ต้องเข้ามาทางประตูหลัก ซึ่งทางพนักงานได้ทำการตั้งคิวไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายและจำกัดการเข้าดูเพื่อให้แพนด้าไม่รู้สึกเครียดจนเกินไป โดยแต่ละวันนั้นจะมีตั๋วเพียงแค่ 9,500 ใบเท่านั้น การมาต่อแถวรอดูแพนด้านั้นไม่ต่างจากต่อแถวรอเข้าสวนสนุกเลย ผู้คนมากันแต่เช้า ตั้งแถวตามกรวย โดยสวนสัตว์นั้นจะเปิดในเวลา 9.30 น. วงกลมเหลืองๆ คือประตูทางเข้า ทำให้เห็นว่าแถวมันยาวมากๆ และผู้คนก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากเช่นกัน แถมในภาพนั่นยังเป็นวันวันพฤหัสบดีอีกด้วย อย่าลืมไปหลายคนก็ต้องไปทำงาน ไปเรียน แต่ก็มีคนที่สละเวลามาดูน้องหมีแพนด้า และเมื่อลองไปถามพนักงานสวนสัตว์ว่าจัดการคิวทั้งหมด 9,500 คนนั้นใช้เวลากี่ชั่วโมง ก็ได้คำตอบมาว่าเสร็จตอนประมาณ 11 โมงเช้า ซึ่งก็ถือว่าเร็วมากๆ แต่ถ้ามาในวันหยุดก็ไม่แน่นะ ปิดท้ายด้วยคลิปน้องหมีแพนด้าที่ใครๆ…
-
เมื่อนำบทสวดผสมกับเพลงเทคโนและแสงสี เกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า Techno Hoyo
ปัจจุบันนั้น การที่คนรุ่นใหม่ๆ จะหันหน้าเข้าหาวัดหรือเข้าไปฟังบทสวดยาวๆ สักครั้งหนึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะคนรุ่นใหม่จะรู้สึกว่าบทสวดตามวัดมันน่าเบื่อ ฟังแล้วมันง่วง ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเกือบทุกที่ไม่เว้นแม้แต่กับวัดญี่ปุ่น… ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาดังกล่าวมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนทั่วไป แม้แต่ตัวคนที่อาศัยอยู่กับวัดมาตลอดอย่าง Gyosen Asakura ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสรุ่น 17 ของวัดในจังหวัดจังหวัดฟุกุอิ ก็ยังรู้สึกแบบเดียวกัน Gyosen เล่าว่าวัดของเขาอยู่มานานแล้ว และครอบครัวก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาพร้อมกับอยากจะรักษามันไว้ ซึ่งเขาที่เป็นลูกจึงต้องรับช่วงต่อ เพียงแต่ในช่วงวัยรุ่นเขากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เขาอยู่กับมันทุกๆ วันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ เขาจึงตัดสินใจหนีจากมัน หนีเพื่อออกไปเจอกับโลกข้างนอก ในตอนที่เขาหนีออกมานั้น Gyosen วัยหนุ่มได้หันไปศึกษาเกี่ยวกับเพลง การเป็นดีเจและการเป็นช่างจัดไฟ ซึ่งในตอนที่เขากำลังเป็นดีเจอยู่นั้น วันหนึ่งเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเพลงที่เขาทำกับบทสวดที่เขาต้องทนฟังมาตลอด มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน บางอย่างที่ว่านั่นก็คือ บทเพลงและบทสวดทั้งคู่ล้วนพยายามจะสื่อสารสิ่งดีๆ ให้กับผู้ฟัง นับแต่นั้นเขาก็กลับมาที่วัดที่ครอบครัวตั้งใจปกป้องมันมากว่า 540 ปี และรับหน้าที่สืบทอดมันต่อในฐานะเจ้าอาวาสรุ่นที่ 17 เพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่ ตอนที่เขากลับมาและเดินทางทิศทางเดิมมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย คนกลับน้อยลงๆ ด้วยซ้ำ วินาทีนั้น Gyosen จึงคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าเขานำสิ่งที่เขาออกไปศึกษาช่วงทีหนีจากวัดไปมาผสมเข้ากับบทสวดด้วยการนำทำนองเพลงเทคโนผสมเข้ากับมัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจากบทสวดอันแสนหน้าเบื่อ เมื่อมันรวมเข้ากับทำนองเพลงอิเล็กทรอนิกส์และผสมเข้ากับแสงสีที่ฉายลงไปบนวัด ซึ่งเดิมทีวัดก็มีการตกแต่งที่สวยงามอยู่แล้ว…
-
พาตะลุยญี่ปุ่นกับร้าน Pokémon Cafe ร้านอาหารธีม ‘โปเกมอน’ แห่งแรกในโลก!!
ข่าวดีสำหรับผู้ที่เป็นสาวกการ์ตูนและเกมจากญี่ปุ่นสุดโด่งดัง Pokémon (โปเกมอน) มาถึงแล้ว เพราะว่าที่ประเทศญี่ปุ่นได้เปิดร้านอาหารสุดน่ารักเอาใจสาวกโปเกมอนชื่อร้านว่า Pokémon Cafe ขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อย ในย่าน นิฮงบะชิ แห่งกรุง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เกิดร้านอาหารโปเกมอนแบบถาวรขึ้นมาเป็นที่แรก ร้าน Pokémon Cafe นี้นอกจากจะมีการตกแต่งร้านสุดน่ารักที่มาในสไตล์โปเกมอนแล้ว ยังมีเมนูอาหารดีไซน์โปเกมอน พร้อมทั้งของสินค้าเกี่ยวกับโปเกมอนที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหนๆ ในโลก . ร้าน Pokémon Cafe นี้ตั้งอยู่ที่ ชั้น 5 ด้านตะวันออกของห้างสรรพสินค้า Takashimaya สาขานิฮงบะชิ เมื่อคุณไปถึง คุณจะทราบทันทีว่ามาถูกที่แล้ว เพราะที่หน้าลิฟต์ที่ใช้ขึ้นไปยังร้าน จะมีภาพของเหล่าตัวการ์ตูนจากโปเกมอนเต็มไปหมดเลย . ไม่ต้องกลัวว่าเมื่อมาถึงชั้น 5 แล้วจะหาร้านไม่เจอ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก คุณก็จะเห็นเจ้า คาบิกอน นั่งอ้วนอยู่ด้านหน้าเลยนั่นเอง ภายในร้านก็มีลักษณะค่อนข้างโมเดิร์น โดยกลางโต๊ะก็จะมีเจ้าพวกโปเกมอนตัวป่วนอยู่มากมาย เช่น ปิกาจู ฟุจิกิดาเนะ ฮิโตคาเงะ เซนิกาเมะ และอีวุย เป็นต้น . . . ภายในร้านคุณจะพบสัญลักษณ์โปเกบอลได้แทบทุกที่ โดยเฉพาะอันใหญ่ๆ…
-
ญี่ปุ่นเตรียมเปิดตัว รถไฟชิงกันเซ็งลาย ‘Hello Kitty’ อันแสนมุ้งมิ้ง ภายในฤดูร้อนนี้!!
ข่าวดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น และชื่นชอบตัวการ์ตูนสุดน่ารักอย่าง Hello Kitty จาก Sanrio เพราะว่า การ์ตูนดังกล่าวกำลังจะมีรถไฟความเร็วสูง “ชิงกันเซ็ง” เป็นของตัวเอง! บริษัท West Japan Railway ได้ประกาศว่ารถไฟชิงกันเซ็งซีรีส์ 500 ของพวกเขาจะมีตัวการ์ตูนตัวใหม่เข้ามาร่วมด้วย เพื่อเป็นสีสันอันสดใส และเติมความน่ารักมุ้งมิ้งให้กับระบบขนส่งความเร็วสูง โปรเจกต์รถไฟหัวกระสุนใหม่ของบริษัท จึงมาพร้อมกับลวดลาย Hello Kitty สุดน่ารัก ที่จะมาขโมยหัวใจทุกๆ คน รถไฟ Kitty นี้จะวิ่งจากสถานี ชิน-โอซะกะ ในโอซะกะ ไปจนถึงสถานี ฮะกะตะ ในฟุกุโอะกะ ลวดลายและสีสันของขบวนรถไฟจะมาในสีขาวตัดชมพู พร้อมกับลวดลายโบว์และริบบิ้นอันเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของ Hello Kitty ซึ่งจะสื่อความหมายว่า โบว์และริบบิ้นนี้จะเป็นสิ่งที่ “ผูกมัดและเชื่อมโยงผู้คนไว้ในแต่ละภูมิภาค” ที่ยิ่งไปกว่านั้น หัวขบวน (ตู้ที่ 1 และ 2) จะมีลวดลาย Kitty แบบพิเศษด้วยนะ โดยตู้คนบังคับ (ตู้แรก) จะมีลวดลายพิเศษประจำจังหวัดต่างๆ…
-
เหมียวขอท้า!! ให้เพื่อนๆ มาลองแยกดูว่า อันไหนคือ ‘ภาพถ่าย’ อันไหนคือ ‘ภาพวาด’
หลายๆ ครั้งเรามักจะมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่าง ภาพวาด และ ภาพถ่าย กันได้อย่างชัดเจน วันนี้ #เหมียวตะปู จึงอยากลองชวนให้เพื่อนๆ มาจำแนกกันดูว่า 4 ภาพนี้อันไหนคือภาพวาด ส่วนอันไหนคือภาพถ่าย เราลองเลื่อนลงไปดูภาพเหล่านั้นพร้อมๆ กันเลย เพื่อนๆ ลองแยกดูว่า ภาพไหนคือภาพวาด ภาพไหนคือภาพถ่าย . . . คำตอบของภาพทั้ง 4 ก็คือ “ไม่มีภาพถ่ายอยู่ในนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภาพวาด” ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Yasutomo Oka ผู้สร้างผลงานแห่งความสมจริงลงไปบนผืนผ้าใบอย่างงดงาม นี่คือตัวอย่างของผลงานที่เขาได้สร้างขึ้นมาผ่านนางแบบที่เป็นคนจริงๆ ผสมกับจินตนาการของตัวเอง แต่งแต้มสีลงไปอย่างพิถีพิถันจนทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นภาพถ่ายสวยๆ ภาพหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้ง 4 ภาพนี้ได้ทำให้เหล่าชาวเน็ตญี่ปุ่นถึงกับตกตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือผลงานที่เกิดจากปลายพู่กัน โพสต์ในทวิตเตอร์ของเขาจึงมีคนไลก์มากกว่า 155,000 ครั้งและรีทวีตออกไปอีกมากกว่า 56,000 ครั้ง รวมถึงความคิดเห็นที่เข้ามาชื่นชมผลงานของเขาอีกเพียบ “แม้ฉันจะรู้แล้วว่ามันเป็นภาพวาด แต่ฉันก็ยังคงมองว่ามันคือภาพถ่ายอยู่ดี” “นี่มันเหนือกว่าภาพวาดที่ฉันเคยเห็นมาตลอดชีวิต ทำเอาฉันรู้สึกตกใจมากจริงๆ” “ฉันขอพูดคำเดียวเลยว่า ‘น่าประทับใจ’…
-
เผยโฉมผลงาน ‘หัวสัตว์’ สุดสมจริงจากญี่ปุ่น ไม่ต้องเข้าป่าไปล่า ก็เป็นเจ้าป่าได้เช่นกัน!!
เวลาที่จะต้องไปงานแฟนซีกับเพื่อนๆ หลายคนอาจต้องใช้เวลานานเป็นสัปดาห์สำหรับการหาชุดที่แปลกหรือแหวกแนวแบบสุดๆ ซึ่งถ้าคุณคือหนึ่งในนั้น เราขอแนะนำให้รู้จักกับผลงานศิลปะที่จะสามารถช่วยคุณได้ง่ายๆ มันคือ หน้ากากสัตว์นานาชนิด สุดสมจริงนั่นเอง หน้ากากที่ทำให้คุณไม่ต้องมานั่งตามหาชุดไปงานแฟนซีอีกต่อไป เพราะเพียงแค่ใส่เจ้าหน้ากากตัวนี้ ต่อให้คุณใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมด๊าธรรมดา คุณก็จะดูโดดเด่นสะดุดตากว่าใครหลายๆ คนในงานอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นจงอย่ารอช้า ลองไปชมเจ้าสินค้าเหล่านี้กันได้เลย!! หน้ากากสัตว์เหล่านี้เป็นผลงานสุดสร้างสรรค์ของ Kamonohashizokei ศิลปินโมเดลพลาสติกชาวญี่ปุ่น ผลงานของเขาเต็มไปด้วยสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ เริ่มด้วยสิงโตทั้งแบบตัวผู้และตัวเมีย เอาไปใส่แทนเสื้อคู่รักก็ดูกิ๊บเก๋ไปอีกแบบ หน้ากากแมว น่ารักราวกับเป็นเจ้านายเหมียวจริงๆ ดูดวงตาสุดบ๊องแบ๊วคู่นั้นสิ อั๊ยยย สุนัขไซบีเรียนฮัสกี้หน้าดุดัน ตาสองสี ดวงตาเพชฌฆาตสุดกระชากใจ การเก็บรายละเอียดแบบครบถ้วน แม้กระทั่งส่วนด้านในปาก แกะน้อยคอยรัก จิบกาแฟอย่างโดดเดี่ยวแต่ไม่อ้างว้างนะเออ หมาป่า หนึ่งในสุดยอดนักล่าแห่งพงไพร สัตว์ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันทั่วไปก็มี อย่างเช่นเจ้านกกระสาปากพลั่ว รับรองว่าคนเดินผ่านไปมาได้เห็นคุณเข้า พวกเขาต้องหันกลับมามองซ้ำสองอย่างแน่นวลลล การสร้างผลงานที่ปราณีตทุกขั้นตอน ทำให้หน้ากากทุกอันดูสมจริงอย่างมาก และมันไม่ได้มีแค่สำหรับสวมใส่เท่านั้น แบบไว้แขวนประดับบ้านก็มีเหมือนกัน…
-
มิติใหม่แห่งการกิน กับแว่น VR ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับถูกป้อนโดยไอดอลสาวสุดน่ารัก
เราอาจเคยเห็นโฆษณาหรือการนำเสนอสุดแหวกแนวกันไปบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะการตลาดในประเทศญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันกันในระดับสูงไม่ใช่เล่น พวกเขาจึงจำเป็นต้องมีไอเดียเจ๋งๆ ถ่ายทอดออกมานำเสนอสินค้าของตัวเองอยู่เสมอ และนี่คือตัวอย่างความสร้างสรรค์ของพวกเขาเหล่านั้น สิ่งที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ได้ดูในครั้งนี้คือแคมเปญใหม่จาก Puccho บริษัทผลิตลูกอมเคี้ยวหนึบชื่อดังของญี่ปุ่น เมื่อพวกเขาได้เพิ่มระดับอีกขั้นของการกินลูกอม ด้วยแว่น 4 มิติที่สามารถรวมโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวแบบสุดๆ แว่น 4 มิติกับอีกขั้นของการกินลูกอม เจ้าแว่นตัวใหม่นี้มีหน้าที่ในการป้อนลูกอม Puccho ให้กับคุณโดยที่ไม่ต้องใช้มือหยิบกินเอง แต่ความพิเศษที่สุดของมันคือเจ้าสิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าถูกป้อนโดยสาวน้อยสุดน่ารักสดใส ที่เราจะรู้สึกอย่างนั้นก็เพราะว่าภาพที่เราเห็นขณะถูกป้อน เป็นภาพของสาวน้อย Kanna Hashimoto ไอดอลสาววัย 19 ปี ที่ถูกโหวตให้เป็น “สุดยอดไอดอลสาวในรอบ 1,000 ปี” ซึ่งเธอจะรับบทเป็นนักเรียนสาวคอยป้อนลูกอมให้กับคุณผ่านระบบ VR (การมองผ่านโลกเสมือนจริง) อันสมจริงสมจัง Kanna ไอดอลสาวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น เธอป้อนปุ๊บ คุณก็จะได้กินปั๊บ สิ่งที่คุณเห็นผ่านแว่นคือภาพบรรยากาศภายในห้องเรียนที่มีคุณอยู่กับไอดอลสาวแบบสองต่อสอง ก่อนที่เธอจะป้อนลูกอมให้กับคุณพร้อมกับเสียงสุดน่ารัก พอคุณอ้าปากตามที่เธอบอกเมื่อไหร่ เจ้าเครื่องมือในโลกแห่งความเป็นจริงก็จะยื่นลูกอมเข้าปากคุณทันที ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าหญิงสาวเป็นคนป้อนให้กับมือ ผลิตภัณฑ์ลูกอมเคี้ยวหนึบของ Puccho โฆษณาแคมเปญตัวนี้ …
-
ซูโก้ยยย!! ศิลปินเปลี่ยนขนม Kit Kat แต่ละรสชาติ ให้กลายเป็นตัวการ์ตูนสุดฟุ้งฟิ้ง
ขนมช็อกโกแลตชื่อดังและเป็นที่นิยมกันอย่างมากอย่าง Kit Kat นั้น ในประเทศญี่ปุ่นถือเป็นขนมที่มีลูกเล่นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว เนื่องจาก Kit Kat พยายามสรรหารสชาติใหม่ๆ ออกมาให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองอยู่เสมอ ปัจจุบันนี้ ขนม Kit Kat มีให้เลือกซื้อมากมายหลายรสชาติจะเลือกไม่ถูก เมื่อเป็นเช่นนั้น ศิลปินชาวญี่ปุ่นวัย 27 ปีคนหนึ่งชื่อว่า Jin และใช้นามแฝงว่า Cioccolatodorima จึงเกิดไอเดีย เปลี่ยนขนมช็อกโกแลตยอดฮิต Kit Kat แต่ละรสชาติให้กลายเป็นตัวละครเสียเลย ว่าแต่จะออกมาสวยงามและน่ารักขนาดไหน ขอเชิญทุกคนไปชมพร้อมๆ กันเลย #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 #9 #10 #11 #12 #13 …
-
Coca-Cola ญี่ปุ่นเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์’ อร่อยและเมาในเวลาเดียวกัน!!
หลังจากที่แบรนด์ Coca-Cola หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า โค้ก นั้นได้ปล่อยสินค้าเป็นน้ำอัดลมสีน้ำตาลๆ ดำๆ มาเป็นเวลามากกว่า 100 ปี ในที่สุดทางบริษัทก็ได้ตัดสินใจอยากจะเปิดตัวสินค้าประเภทใหม่ของตัวเองเสียที… สินค้าที่ว่านั้นเกิดขึ้นจากความคิดที่ว่าทาง Coca-Cola ประเทศญี่ปุ่นมองเห็นว่าแบรนด์อื่นๆ ในประเทศอย่าง Kirin, Suntory และ Asahi ก็ล้วนมีน้ำดื่มหลากหลายประเภททั้งแบบที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ นั่นจึงทำให้ Jorge Garduno ประธานบริหารสาขาญี่ปุ่นออกมาบอกว่า พวกเขายังไม่เคยทดสอบผลิตสินค้าที่มีแอลกอฮอล์ต่ำมาก่อน ซึ่งถ้าเกิดจะต้องทำพวกเขาคงคิดว่าปริมาณ์แอลกอฮอล์ 3% ถึง 8% น่าจะเป็นปริมาณที่พอเหมาะ และถ้าเกิดการสำรวจและทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผน ทาง Coca-Cola ญี่ปุ่นก็คงจะมีการเปิดตัวสินค้าจากแบรนด์ตัวเองที่ผสมแอลกอฮอล์ออกมาให้คนในชาติสัมผัสเป็นที่แรกอย่างแน่นอน และมันก็ดูจะเป็นไปได้สูงมากๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การจะเดินหมากเช่นนั้นอาจจะสร้างปัญหามาในภายหลังได้ เพราะย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 ช่วงเดือนพฤษจิกายน Bonnie Herzog นักวิเคราห์จากบริษัท Wells Fargo เคยคาดการ (คาดการณ์) ไว้เช่นเดียวกับแผนการตลาดของ Coca-Cola ญี่ปุ่นที่อาจจะเกิดขึ้นว่า บริษัทน้ำหวานยักษ์ใหญ่อาจจะหันมาเดินเกมในสายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์…
-
ร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นออกสินค้าใหม่ ‘โอนิกิริเกี๊ยวซ่า’ โอ้โห น่าทานโคตรๆ
โอนิกิริ (Onigiri) คือข้าวปั้นของญี่ปุ่น ที่เกิดจากการนำข้าวมาปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ หรือแบบสามเหลี่ยม ใส่ไส้เป็นแซลมอน เนื้อปลาอื่นๆ หรือไส้ต่างๆ ตามใจชอบ เป็นอาหารที่ชาวญี่ปุ่นคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้สะดวกต่อการพกพาออกไปทานนอกสถานที่ โอนิกิริ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อทั่วญี่ปุ่น และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะว่ามันสามารถพกไปทานที่ไหนก็ได้และสะดวกมากในชั่วโมงเร่งด่วน ในยุคปัจจุบันโอนิกิริได้พัฒนาขึ้นมาให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น มีไส้ต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากมายเช่น ไส้เบคอนชีสเบอร์เกอร์ ไส้เบนโตะรวม หรือแม้กระทั่งไส้เกี๊ยวซ่าที่เราจะมากล่าวถึงในวันนี้ โอนิกิริไส้เกี๊ยวซ่า ประกอบด้วยข้าวผัดและเกี๊ยวซ่าชิ้นโตที่อัดแน่นมาด้วยกัน เมื่อโอนิกิริเกี๊ยวซ่าออกวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่น ผู้คนที่ได้ลิ้มลองรสชาติต่างก็ได้แสดงความรู้สึกดังนี้ “ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันอร่อย” “มันก็ให้รู้สึกถึงสัมผัสลึกๆ อยู่นะ ฉันรักมัน” “ความรู้สึกที่เห็น มันน่าอร่อยดี” โอนิกิริไส้เกี๊ยวซ่ามีวางจำหน่ายที่ร้าน Minishop ร้านสะดวกซื้อที่คล้ายๆ กับ 7-Elevens หรือ Lawsons ส่วนราคาก็ถูกมาก เพียงแค่ 160 เยนหรือประมาน 47 บาทเท่านั้น ซูมแบบเต็มๆ เลย เวลาทานก็ราดซอสให้ฉ่ำๆ เห็นแล้วหิวเหลือเกิน…
-
สื่อนอกระบุ ไทยนำเข้าปลาจาก ‘ฟุกุชิมะ’ เป็นครั้งแรกหลังเกิดภัยพิบัติ แต่ถูกปิดเงียบ…
ถือว่าเป็นข่าวใหญ่โตอีกหนึ่งเรื่อง แต่กลับไม่เป็นที่พูดถึงภายในประเทศไทยมากนัก เมื่อสื่อจากประเทศญี่ปุ่นเองได้ทำการรายงานเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจส่งออกและนำเข้าปลาจากจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มาสู่ประเทศไทย The Japan Times รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 โดยระบุว่าเรือขนส่งสินค้าปลาลิ้นหมา ได้เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นครั้งแรกที่มีการส่งออกปลาจากฟุกุชิมะตั้งแต่เกิดเหตุภัยพิบัติฟุกุชิมะไดอิชิในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 Kanji Tachiya หัวหน้าสมาคมประมงจากเมืองโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถส่งออกปลาจากจังหวัดของเราไปสู่ทั่วโลก และเราจะทำการส่งออกปลาที่ปลอดภัยเท่านั้น” จังหวัดฟุกุชิมะทำหน้าที่สนับสนุนสินค้าและธุรกิจในเครือประมง โดยไม่ได้กล่าวถึงความปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีมากนัก โดยเมื่อวันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 สินค้าประเภทปลาน้ำหนัก 110 กิโลกรัมถูกส่งไปยังประเทศไทย จากท่าเรือเมืองโซมะ ปลาดังกล่าวถูกนำมาใช้ในภัคตาคารอาหารญี่ปุ่น 12 แห่งในกรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งการส่งออกปลาในครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยจะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางส่งออกหลักในอนาคต ข้อมูลจากจังหวัดฟุกุชิมะ ตัวอย่างสุ่มของปลานั้นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยของประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุภัยพิบัติ…
-
Starbucks ญี่ปุ่นเปิดตัวร้านใหม่สไตล์ ‘เอะโดะ’ พาย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ประเทศญี่ปุ่นมักมีอะไรแปลกๆ ออกมาดึงดูดผู้คนอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ร้านกาแฟแบรนด์ดัง Starbucks ที่ยังต้องออกแบบให้มีลักษณะสวยงามในแบบฉบับของตัวเองและไม่เหมือนที่อื่นๆ อย่างเช่นเมื่อล่าสุด ใกล้ๆ กรุงโตเกียว ร้านกาแฟ Starbucks แห่งใหม่เปิดตัวขึ้นพร้อมกับดีไซน์สุดเจ๋งที่ต้องเรียกว่า เอาใจชาวญี่ปุ่นสุดๆ เพราะว่าลักษณะของร้านนั้นเป็นสไตล์ญี่ปุ่นย้อนยุค คล้ายๆ ร้านอาหารในยุคสมัยเอะโดะ ซึ่งต้องบอกว่าใครเห็นเป็นต้องมอง เพราะมันดึงดูดสุดๆ ร้านดังกล่าวเปิดตัวขึ้นในคะวะโงะเอะ จังหวัดไซตะมะ โดยการออกแบบในลักษณะย้อนยุคนี้ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่ ซึ่งก็คือย่านคะวะโงะเอะ ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมให้ยังคงดูคล้ายกับยุคสมัยเอะโดะ (ปี 1603-1868) เอาไว้ ระฆังแห่งเวลา (Toki no Kane) ตั้งอยู่ที่นี่มานานกว่า 350 ปีแล้ว ภายในย่านคะวะโงะเอะก็จะมีร้านค้าในสไตล์ย้อนยุคมากมายเรียงรายกันไปตามท้องถนน คล้ายกับได้ย้อนไปในอดีต โดยหากคุณเดินทางมาจากกรุงโตเกียวด้วยรถไฟ คุณก็จะมาถึงสถานที่แห่งนี้ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ร้าน Starbucks แห่งใหม่นี้ได้มีการผสมผสานบ้านเรือนที่สร้างจากดินเหนียวซึ่งเรียกว่า “คุระ” และลักษณะการทำหลังคาในสไตล์ย้อนยุคเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้กลิ่นอายของบ้านเมืองในยุคสมัยเอะโดะ การตกแต่งภายนอกจะใช้ไม้ซีดาร์เป็นวัสดุหลัก เพราะทาง Starbucks ก็ยังคงต้องการจะรวมเอาดีไซน์สมัยใหม่เข้าไปด้วย ส่วนการตกแต่งภายในจะเป็นเสมือนลานบ้านสมัยก่อนที่ลูกค้าที่เข้ามานั่งจะรู้สึกผ่อนคลาย โดยในส่วนบาร์ก็จะเป็นการก่อปูนพร้อมแต่งด้วยลายเส้นสีดำสลับขาว บริเวณหลังร้านก็จะมีสวนที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้…
-
เอาใจสาวกญี่ปุ่นกับ 14 อาชีพ ที่ชาวต่างชาติสามารถเข้าไปทำได้ในแดนปลาดิบ!!
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ที่ผู้คนอยากไปเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากเป็นประเทศที่สวยงาม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ผู้คน และวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก จนทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น การที่ชาวต่างชาติอย่างเราๆ จะสามารถเข้าไปใช้ชีวิตเสมือนหนึ่งในประชากรของประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเสียทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันภาวะขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถในญี่ปุ่น ทำให้ทางประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องจ้างแรงงานต่างชาติเข้ามาช่วย ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น วันนี้เราจึงมานำเสนอถึง 13 อาชีพสำหรับชาวต่างชาติ ที่ทางประเทศญี่ปุ่นต้องการมากที่สุด จะมีอาชีพอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย… 1. วิศวกร ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการทำอุตสาหกรรมจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้าและยานยนต์ เป็นต้น ฉะนั้น ตำแหน่งวิศวกรจึงเป็นที่ต้องการจำนวนมาก หากใครที่เรียนด้านวิศวกรรมมาก็ถือว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงในการที่จะได้เข้าไปทำงานในประเทศญี่ปุ่น 2. เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ประเทศญี่ปุ่นเองก็ขาดแรงงานที่มีทักษะความสามารถทางไอทีหรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉะนั้น ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านนี้ก็มีโอกาสที่จะได้เข้าไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นสูงด้วยเช่นกัน 3. เจ้าหน้าที่ธนาคารการลงทุน ในตลาดแรงงานของญี่ปุ่น ธนาคารการลงทุนนั้นถือเป็นสถาบันการเงินที่มีการหมุนเวียนแรงงานเข้า-ออกบ่อยครั้ง หมายความว่า มีการรับเข้าพนักงานทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก และบ่อยครั้ง ชนิดที่ว่า “ปีต่อปี” เลยทีเดียว ฉะนั้น ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนเองก็มีโอกาสที่จะถูกรับเข้าทำงานจากธนาคารในญี่ปุ่น …
-
เด็กประถมญี่ปุ่นกระจายข่าว บอกทีวีเชื่อมไปโลกหลังความตาย หลังกดรีโมตแล้วจอเป็นคลื่น
ทุกวันนี้เทคโนโลยีนั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อะไรที่เคยเป็นเรื่องยากในสมัยก่อนก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ในปัจจุบัน อย่างโทรทัศน์ที่เคยต้องมานั่งบิดเสาอากาศเพื่อหาคลื่น เดี๋ยวนี้แค่ติดกล่องทีเดียวก็ชัดแจ๋วแล้ว แต่การที่อะไรมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนั้น ย่อมมาพร้อมกับบางสิ่งที่จะถูกหลงลืมไปและบางครั้งก็กลายเป็นเรื่องลึกลับ อย่างคนรุ่นนี้อาจจะไม่มีใครรู้จักเพจเจอร์แล้วก็ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของบางสิ่งที่กลายเป็นสิ่งลึกลับไปกับการเวลา เมื่อเด็กญี่ปุ่นคนหนึ่งออกมากระจายข่าวเรื่องปุ่มลึกลับบนรีโมต ที่สามารถเปลี่ยนจอโทรทัศน์ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นทางเชื่อมระหว่างโลกคนเป็นกับโลกของคนตายได้… แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ Kujiradake Chonosuke โพสต์ในทวิตเตอร์ของเขา อธิบายว่าลูกสาววัย 7 ขวบเล่าให้เขาฟังถึงข่าวลือในโรงเรียนที่มีใจความว่า “ทีวีนั้นสามารถเชื่อมต่อไปโลกหลังความตายได้” และพูดในขณะที่กอดเขาด้วยความหวาดกลัวว่า “ทีวีของพวกเราก็ทำได้เหมือนกัน” เธอแสดงหลักฐานโดยการกดปุ่มที่เปลี่ยนโทรทัศน์เป็นระบบรับสัญญาณแอนะล็อก แต่เพราะที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลเป็นเวลาหลายปีแล้ว จึงไม่มีอะไรปรากฏขึ้นบนจอนอกจากคลื่นซ่าๆ (ในญี่ปุ่นเรียกกันว่า “砂の嵐” หรือ Suna No Arashi ที่แปลว่าพายุทราย) เหมือนพายุทรายไหม? เด็กรุ่นเดียวกับลูกสาวของ Kujiradake นั้น โตขึ้นในยุคที่มีแต่การแพร่ภาพดิจิทัลและไม่เคยพบจอทีวีที่เป็นคลื่นแบบนี้ด้วยตัวเองมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ตามจอทีวีแบบนี้กลับพบได้ทั่วไปในรายการทีวี และภาพยนตร์ โดยเฉพาะในเรื่องราวจำพวกภูตผีปีศาจ หรือหนังสยองขวัญ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กๆ จะได้รับความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับเจ้าจอทีวีที่เป็นคลื่นเหล่านี้ Poltergeist หนังจากปี 2015 ก็มีฉากเกี่ยวกับจอทีวีแบบที่ว่า ไม่แน่นะว่าเรื่องราวในครั้งนี้อาจจะกลายเป็น “ตำนานเมือง”…
-
ทหาร US กล่าว สงครามเกาหลีเหนือจะทำให้คนตายมากกว่าที่อิรักและอัฟกานิสถานรวมกัน
หัวหน้ากองทหารสหรัฐกล่าวว่าการทำสงครามกับเกาหลีเหนืออาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของนักรบชาวอเมริกันประมาณ 10,000 คนในช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานรวมกันถึง 3,000 คน พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลอันน่ากังวลนี่หลังจากเข้าร่วมการประชุมลับที่ฮาวาย โดยมีจุดประสงค์หลักที่การคาดคะแนสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีอยู่ โดยการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ ซึ่งได้ทำการศึกษาสถานการณ์หลายๆ รูปแบบ โดยมีเสนาธิการทหารบกนายพล Mark Milley และผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษนายพล Raymond Thomas เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย พวกเขายังได้สรุปอีกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตของพลเรือนทั้งสองฝ่ายอาจจะมีจำนวนนับแสน หรือมากกว่านั้น ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีทหารประมาณ 28,500 นายประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ ในขณะที่ขณะเมืองหลวงของเกาหลีใต้หรือกรุงโซลซึ่งอยู่ในระยะยิงปืนใหญ่ของ Kim Jong un มีประชากรอยู่ราวๆ 24 ล้านคน จากข้อมูลทั้งหมด นายพล Milley กล่าวว่า “ความโหดร้ายป่าเถื่อนของเรื่องที่อาจจะเกินขึ้น มันรุนแรงเกินกว่าประสบการณ์ทั้งชีวิตของทหารคนหนึ่งเสียอีก” ทหารเกาหลีเหนือที่ร่วมเดินสวนสนามที่เมืองเปียงยาง ตามรายงานระบุว่าผู้นำกองทัพยังมองอีกว่าจะต้องใช้หน่วยรบพิเศษจำนวนมากเพียงใดในการจู่โจมเป้าหมายพื้นที่ปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ นอกจากนั้นยังมีสถานการณ์อื่นๆ เช่นโอกาสที่กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องทำการต่อสู้ในอุโมงค์เช่นเดียวกับที่เคยทำในสงครามเวียดนาม แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ดูเหมือนจะลดลงในช่วงหลายสัปดาห์หลังการเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ในเกาหลีใต้ แต่เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมานั้น Kim Jong un ได้กล่าวหาสหรัฐฯ และญี่ปุ่นว่า “จะทำให้เกิดสงครามรุนแรงขึ้น”…
-
บริษัทแท็กซี่โตเกียวหัวใส แจกภาพ ‘ข้อมือ’ คนขับแท็กซี่ เพื่อสาวๆ ผู้ชื่นชอบโดยเฉพาะ
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อคนขับแท็กซี่ในญี่ปุ่นรู้สึกได้ถึงสายตาของสาวๆ บางคนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง จ้องมองมาที่มือของเขาอย่างไม่วางตา เขาทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ ในการเป็นแท็กซี่มืออาชีพในญี่ปุ่นนั้น เขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางเลี้ยวผิดแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ… ในเวลานั้นเขาไม่เข้าใจหรอกว่าสาวๆ เหล่านั้นก็แค่ชอบในข้อมือของเขา ที่โผล่มาระหว่างถุงมือและแขนเสื้อก็เท่านั้น ผลข้างเคียงของญี่ปุ่นที่มีเครือข่ายรถไฟที่ดีคือผู้ให้บริการรถแท็กซี่ต้องให้บริการที่ยอดเยี่ยมอย่างสุดๆ ไม่ว่าลูกค้าจะไปที่ไหนหรือจะไกลแค่ไหนก็ต้องไป แถมต้องรู้ถนนหนทางทุกเส้นในเมืองที่ตัวเองประจำอยู่ เรื่องส่งรถหรือเติมแก๊สนั้นอย่าหวังว่าจะได้พบเจอ เพราะในประเทศที่รถไฟไปได้ทุกที่อย่างญี่ปุ่น การที่เพียงแค่พาลูกค้าจากจุด A ไปยังจุด B นั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเรียกใช้แท็กซี่ที่ราคาแพงกว่ารถไฟแน่นอน ดังนั้นทางบริษัทแท็กซี่จึงได้คิดหาวิธีทุกอย่างมาเพื่อทำให้ลูกค้าหันมาใช้บริการพวกเขา ตั้งแต่ประตูรถที่เปิดได้เองโดยอัตโนมัติ หรือภายในรถที่กลายเป็นเสน่ห์ของแท็กซี่ญี่ปุ่น เรื่อยไปจนถึงกิจกรรมอื่นๆ อย่างแต่งตัวเป็นคนเบื้องหลังเวทีคาบูกิ การแถมชาเขียวแช่เย็น หรือการทำรถที่ปลุกเสกความโชคดีจากทางชินโต ล่าสุดนี้เองทางบริษัท MK แท็กซี่โตเกียวได้ออกมาให้ของแถมอีกแบบ… “เรารู้ว่านี่เป็นเรื่องกะทันหัน แต่มีพวกคุณกี่คนที่ชอบดูรูปมือ และข้อมือแบบนี้? ถ้ามีความต้องการแบบนี้เข้ามามากๆ เราจะพยายามเพิ่มจำนวนสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้น” いきなりですけど、こういう手元の写真好きな方どれくらいいらっしゃいます?需要あれば、意識して撮影していこうかと。 pic.twitter.com/4gZiGhufZB — MKタクシー (@MKofficial_PR) 27 กุมภาพันธ์ 2561 ฟังแล้วอาจจะเป็นเรื่องแปลกๆ ที่บริษัท MK แท็กซี่โตเกียวออกมาบอกอะไรแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วนั้น เรื่องที่ว่าสาวๆ ญี่ปุ่นจำนวนมากพอดูนั้นชอบ “พื้นที่บริเวณระหว่างถุงมือกับแขนเสื้อของหนุ่มๆ”…
-
พาชมโปรเจกต์การจำลอง ‘อาหารญี่ปุ่นในอนาคต’ โดยองค์กร JAXA หน้าตาล้ำโคตรๆ
เรื่องของอนาคตเป็นเรื่องที่เรายังไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ก็เลยเกิดเป็นทฤษฎีการคาดเดาไปต่างๆ นานาว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้หรือแบบนั้น เช่นเดียวกันกับโปรเจกต์ The Care for Earth Project ที่มีองค์กร JAXA หรือ องค์การวิจัยและพัฒนาการสำรวจอวกาศของญี่ปุ่น อยู่เบื้องหลัง โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนา ‘ร้านอาหาร’ แบบพิเศษที่มีชื่อว่า Ibuki เป็นการทำอาหารสไตล์ญี่ปุ่นสำหรับโลกอนาคต และล่าสุดได้มีการเชิญบุคคลสำคัญจากสายงานต่างๆ เป็นจำนวน 50 ท่าน เพื่อเข้าร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดพิเศษจากร้านนี้ อาหารจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมกันได้เลย… มาเริ่มกันที่ ‘ทาโกยากิ’ ซึ่งเป็นเมนูที่ใครหลายๆ คนจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ปกติหน้าตาของมันก็จะประมาณนี้ และนี่คือหน้าตาของ ‘ทาโกยากิ’ จากร้าน Ibuki ทาโกยากิใส จากทาโกยากิแป้งทอดหอมๆ กรอบๆ กลายมาเป็นคริสตัลทาโกยากิที่ทำจากเจลลี่ใสซะงั้น แต่จากการบอกเล่าของคุณ Kamiko Inuyama หนึ่งในผู้โชคดีที่ได้เข้าไปร่วมรับประทานอาหารที่ร้าน Ibuki ก็บอกว่ารสชาติของมันไม่เลวเลย พาสต้าสีฟ้า จากการใช้สไปรูลิน่าทำให้พาสต้าจานนี้เปลี่ยนสีกลายมาเป็นสีฟ้า แถมมีการโรยด้วยอัลมอนด์ ซึ่งทีมนักวิจัยคาดว่าวัตถุดิบจำพวกถั่วนี้จะสามารถเก็บไว้ได้นาน และมันจะกลายเป็นวัตถุดิบที่นิยมสำหรับการท่องอวกาศ มาถึงจานสเต็กกันบ้างดีกว่า …..นี่แหละครับสเต็กของเรา ไม่ต้องแปลกใจไปว่าทำไมมันถึงได้น้อย เพราะทีมวิจัยเค้าคาดการณ์เอาไว้ว่าในอนาคตนั้นเหล่าสิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์จะเหลือน้อยเพราะปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป…
-
พาชม ‘บ้านโปร่งใส’ จากญี่ปุ่น เหมาะสำหรับคนชอบเปิดเผย ใจกล้าต้องแนะนำให้ไปอยู่เลย!!
หากคุณเป็นคนชอบเปิดเผย ความสว่าง ความโล่งกว้าง ขอบอกเลยว่าจะต้องชอบบ้านหลังนี้แน่ๆ!! เพราะมันคือบ้านโปร่ง โล่ง กำแพงเป็นกระจกใส มีประตูห้องน้อย ทำให้เพื่อนบ้าน หรือคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสามารถมองเข้ามาเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนแห่งหนึ่งของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 85 ตารางเมตร ถูกออกแบบโดยบริษัทออกแบบ Sou Fujimoto Architects ได้รับแรงบันดาลใจมากจากวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นโบราณ ที่เคยอาศัยอยู่บนต้นไม้ และแต่ละส่วนที่อยู่อาศัยของทุกคนจะต้องมองเห็นกันได้แบบทะลุปรุโปร่ง “แม้ว่าจะแยกส่วนกันตามพื้นที่อยู่อาศัยแต่ก็ยังเชื่อมต่อกัน ทำกิจกรรมไปพูดคุยกันไป หรือกระโดดไปเยี่ยมเยียนกันก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย” Sou Fujimoto อธิบาย “นี่เป็นผลงานที่ค่อนข้างแตกต่างจากสังคมปัจจุบัน เพราะแทนที่เราจะแยกกันอยู่ทำกิจกรรมส่วนตัวของใครของมัน แต่สถานที่แห่งนี้ทำให้เราได้พูดคุยและติดต่อกับเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น” . ใครเดินผ่านไปผ่านมาก็จะเห็นผู้คนทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน เดินมาทักทายเพื่อนบ้านสักหน่อย นั่งกินลมชมวิวแบบชิลๆ แต่ก็คงต้องระวังกันหน่อยล่ะ เพราะดูเหมือนจะไม่มีอะไรกั้นเลยนะเนี่ย ชมบรรยากาศภายในกันบ้าง . ทุกคนพูดคุยกันได้แทบจะตลอดเวลา . . . …
-
สุดยอดความมือนิ่งของศิลปินชาวญี่ปุ่น กับสถาปัตยกรรมขนาดจิ๋วที่เกิดขึ้นจาก ‘เหรียญ’
เพื่อนๆ อาจเคยเห็นงานศิลปะมาในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจเพราะความสวยงาม หรืออาจทำให้เรารู้สึกตะลึงจนถึงกับต้องร้อง “ว้าววว!!” ออกมา อย่างเช่นผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้ นี่คือสถาปัตยกรรมขนาดจิ๋วที่เกิดขึ้นได้จากศิลปินผู้ใช้ชื่อในทวิตเตอร์ว่า @thumb_tani โดยเขาได้นำเหรียญขนาดต่างๆ มาเรียงต่อกันให้กลายเป็นผลงานอันน่าเหลือเชื่อ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา หน้าตาของมันจะออกมาเป็นอย่างไร เราไปชมพร้อมๆ กันเลยจ้า การวางเหรียญเรียงต่อกันขึ้นไปเรื่อยๆ กลายเป็นผลงานศิลปะที่เหนือชั้น ความยากไม่ใช่แค่ตอนที่วางระนาบต่อๆ กันขึ้นมาเพียงอย่างเดียว แต่พี่แกเล่นวางตั้งคั่นกลางเอาไว้ซะด้วย เหรียญที่เขาใช้คือเหรียญเงินเยนมูลค่าต่างๆ เห็นแล้วทำให้เรารู้สึกเบลอๆ ยังไงพิกล ไม่รู้ว่าผลงานนี้แกต้องใช้เวลาไปเท่าไหร่กัน เป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันยากกว่าการต่อเลโก้มากๆ เลย แม้จะเรียงกันไม่เยอะ แต่ทำไมเรารู้สึกว่ามันดูน่าทึ่งเหลือเกิน ใครอยากลองคงต้องเริ่มฝึกจากแค่นี้ก่อนละมั้ง นั่งทำงานอยู่ว่างๆ อาจลองฝึกใช้สมาธิด้วยวิธีการนี้ดูก็ได้นะ ผลงานบางชิ้นของเขาก็ไม่ได้ใช้แต่เหรียญเพียงอย่างเดียว แต่มีอุปกรณ์อื่นๆ เข้ามาเสริมให้มันเรียงยากมากขึ้นกว่าเดิม ทำเอาหลายๆ คนถึงกับต้องเกิดความสงสัยว่ามือพี่แกจะนิ่งไปไหน? ไม่ใช่แค่วางบนโต๊ะนิ่งๆ แต่นี่เขาเล่นวางไว้บนกรรไกรที่ตัวเองกำลังถืออยู่ด้วย อื้อหือออ ขอชื่นชมในความนิ่งของมือพี่แกเลยจริงๆ …
-
มาสคอต Olympics 2020 ที่โตเกียว ได้ถูกเลือกแล้ว จากการโหวตของเด็กๆ ชาวญี่ปุ่น
กีฬาโอลิมปิกในปีนี้นั้นกำลังจะปิดม่านลงในไม่ช้านี้แล้ว และงานกีฬาอันยิ่งใหญ่ที่ว่านี้จะจัดขึ้นอีกครั้งในปี 2020 ในโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ในชื่อของงานโตเกียวโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ซึ่งทางประเทศญี่ปุ่นนั้นได้เริ่มทำการจัดเตรียมความพร้อมของการแข่งขั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่แม้ว่าจะยังมีหลายๆ สิ่งที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ แต่ล่าสุดนี้ ทางโตเกียวโอลิม และคณะกรรมการจัดงานพาราลิมปิกก็ได้ออกมาเปิดเผยมาสคอตการแข่งขันอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นต้องขอย้อนความกันเล็กน้อย เมื่อเดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมานั้น มีการประกาศรายชื่อมาสคอตผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 3 คู่ และเด็กๆ ในญี่ปุ่นนั้นได้รับสิทธิ์ในการโหวตตัดสิน เด็กจากโรงเรียน 16,769 แห่งทั่วญี่ปุ่นได้รับแบบสอบถามความเห็นนี้ โดยในบรรดาโรงเรียนเหล่านี้นั้นรวมไปถึงสถาบันการศึกษาสำหรับคนตาบอดที่ได้รับโมเดลสามมิติของมาสคอตที่ว่าอีกด้วย แบบที่หนึ่ง สองมาสคอตผู้มีบุคลิคตรงข้ามกันโดยสินเชิงนี้ ตัวผู้ชายออกแบบโดยคำนึงถึงการผสมผสานของความทันสมัยเข้ากับรูปแบบตาหมากรุกที่เรียกว่า Ichimatsu Moyo ของญี่ปุ่น ซึ่งมักถูกใช้อยู่บ่อยๆ ในกิโมโนและภาพวาดแบบญี่ปุ่น และตัวหญิง (ที่เป็นสัญลักษณ์ของพาราลิมปิก) ออกแบบโดยอิงจากสีและรูปร่างของกลีบดอกซากุระ แบบที่สอง เป็นมาสคอตโอลิมปิกที่เป็นลูกผสมและหว่างแมวกวัก กับสุนัขจิ้งจอก Inari ซึ่งเป็นผู้รับใช้เทพตามความเชื่อของชินโต และมาสคอตของพาราลิมปิกออกแบบโดยผสมวิญญาณลม กับสิงโตสุนัข แบบที่สาม ได้แรงบันดาลใจจากสุนัขจิ้งจอกที่ปรากฏในเทพนิยายของญี่ปุ่นที่มีลายเม็ด Magatama สัญลักษณ์ของความสุขของญี่ปุ่น และมาสคอตของพาราลิมปิกได้แรงบันดาลใจจากแรคคูนที่มีเนื้อเรื่องในเทพนิยายของญี่ปุ่นเช่นกัน และสามารถใช้ใบไม้บนศีรษะเพื่อแปลงร่างได้ ส่วนผู้ที่ได้รับผลโหวตจากเด็กๆ…
-
ความจริงที่บิดเบือน…เผยความโหดร้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อ้างถึงหญิงเกาหลีทาสกาม
*เนื้อหาต่อไปนี้มีความรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของท่านผู้อ่าน* เป็นที่รู้กันดีว่าในช่วงภัยสงครามโลกนั้น ต่างฝ่ายต่างได้รับความสูญเสียอย่างมหาศาล ทั้งในเรื่องของเสถียรภาพของประเทศ การคลัง รวมไปถึงกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้… ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้เผยคลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 โดยกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างที่ทหารจากฝ่ายประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการจับผู้หญิงชาวเกาหลีจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปเป็น ‘นางบำเรอ’ ผู้หญิงชาวเกาหลีเหล่านี้ถูกทหารฝ่ายญี่ปุ่นจับตัวเพื่อนำไปเป็นทาสกาม หรือเรียกในอีกแง่หนึ่งคือนางบำเรอแก่ทหารชาวญี่ปุ่น โดยสื่อเกาหลีรายงานว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้น ถูกบันทึกไว้ในวันที่ 15 กันยายน 1944 ณ หมู่บ้าน Tengchong มณฑลยูนนาน ประเทศจีน รายละเอียดของเหยื่อที่เห็นภายในคลิปวิดีโอนั้น ถูกเหล่านายทหารญี่ปุ่นทำการข่มขืนก่อนจะถูกฆ่า และให้ทหารจีนนำร่างมาเผาภายในหลุมที่ขุดเอาไว้… คลิปวิดีโออันน่าหดหู่นี้ได้รับการเปิดเผยมาจากหน่วยงาน Seoul Metropolitan Government และองค์กร Seoul National University Human Rights ประเทศเกาหลีใต้ โดยอ้างว่าได้รับการกู้คืนมาจากหน่วยงาน National Archives and Records…
-
สื่อญี่ปุ่นรายงาน ‘โนบุฮิโระ’ ผู้วาดซามูไรพเนจร ถูกสั่งปรับ 60,000 บาท ฐานครองสื่อลามกเด็ก
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 ทางสื่อญี่ปุ่นได้รายงานว่า โนบุฮิโระ วาสึกิ อาจารย์ผู้วาดการ์ตูน ‘ซามูไรพเนจร’ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโตเกียวเข้าจับกุมตัว เนื่องจากครอบครองภาพยนตร์เนื้อหาลามกเกี่ยวกับเด็ก (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่) ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2018 ตามเวลาท้องถิ่น สื่อประเทศญี่ปุ่น Nikkan Sports ได้รายงานว่าอาจารย์โนบุฮิโระ ในวัย 47 ปี ถูกสั่งปรับเป็นเงินจำนวน 200,000 เยน (ประมาณ 60,000 บาท) ในข้อหาละเมิดกฎหมายสื่อลามกเด็กในประเทศ อาจารย์ โนบุฮิโระ วาสึกิ ผู้วาดการ์ตูน ‘ซามูไรพเนจร’ สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้น การครอบครองสื่อลามกเกี่ยวกับเด็กมีโทษสูงสุดคือจำคุก 1 ปี หรือถูกสั่งปรับเป็นเงินจำนวน 1,000,000 เยน อันเป็นข้อกฎหมายที่ถูกบัญญัติขึ้นครั้งล่าสุดในปี 2014 หลักฐานในการเข้าจับกุมนั้น ถูกพบอยู่ภายในบ้านและออฟฟิศที่ทำงานของอาจารย์โนบุฮิระ เป็นแผ่นดีวีดีจำนวนหนึ่ง โดยมีภาพของเด็กหญิงขึ้นปก และคาดว่าน่าจะมีอายุต่ำกว่า 15 ปี นอกเหนือจากนี้ ตามรายงานยังกล่าวอีกว่าอาจารย์โนบุฮิระได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังถูกจับกุมว่า…
-
คุ้มกว่านี้ไม่มีแล้ว… สปาเก็ตตี้ชามเท่าโอ่ง หากทานหมดคนเดียว ได้เงินกลับไปอีกด้วย!?
สำหรับคนที่ชื่นชอบอาหารสุดหรูหรืออาหารจานยักษ์สุดคุ้ม ก็คงเคยได้เห็นเมนูสเต็กเบอร์เกอร์วากิว 3 ชั้นที่มาพร้อมกับไข่ดาวเสิร์ฟบนกระทะร้อนจากร้าน Gyusha ในย่านอะกิฮะบะระมาแล้ว (อ่านได้ที่นี่) และในตอนนี้ร้านอาหารในเครือภัตตาคารของ Stamina Taro Next ในย่านทากาดะโนะบาบะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้มีการเปิดตัวเมนูใหม่ที่มีชื่อว่า Meaty Mega-mori Stamina Taro Napolitan Spaghetti (Mega-mori หมายถึงขนาดยักษ์) . ความอลังการของเมนูนี้นั้นไม่ได้มีแค่ชื่อเพียงเท่านั้น แต่ขนาดของจานและปริมาณนั้นก็มีความอลังการเช่นกัน ซึ่งเมื่อชั่งน้ำหนักทั้งจานแล้วมีน้ำหนักถึง 3.7 กิโลกรัมเลยทีเดียว!! ในจานของเมนูนี้ประกอบไปด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ที่มีปริมาณรวม 2 กิโลกรัม สเต็กหนัก 500 กรัม เบคอน 4 ชิ้นและเนื้อหมูอีกมากมาย แถมยังมาพร้อมกับซอสทงคัตสึและซอสชีสอีกด้วย ถึงแม้ว่าร้าน Stamina Taro Next จะเป็นร้านที่ค่อนข้างธรรมดา แต่สำหรับราคาต่อเมนูนั้นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งเมนู Meaty Mega-mori Stamina Taro Napolitan…
-
ศิลปินใช้เครื่องสำอางจริงๆ มาแต่งหน้าตัวละคร ‘อนิเมะ’ และผลงานก็ออกมาเฉียบเหลือเชื่อ!!
ในปัจจุบันการจะวาดภาพการ์ตูนหรือตัวละครต่างๆ เรามักจะเลือกใช้โปรแกรมจากคอมพิวเตอร์เป็นหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือถ้าใครที่วาดลงบนกระดาษก็มักจะเลือกใช้เทคนิคการลงสีด้วยอุปกรณ์ปกติอย่างสีไม้ สีน้ำและอื่นๆ เป็นต้น แต่เราเคยคิดไหมว่าถ้าเกิดเรามีตัวละครที่วาดขึ้นมาเป็นตัวละครหญิงสักตัว โดยที่ไม่ต้องแต่งหน้าให้กับเธอ เราจะสามารถนำเครื่องสำอางจริงๆ มาแต่งให้กับตัวละครดังกล่าวได้ไหม? แน่นอนว่าเราไม่รู้เพราะไม่มีใครเคยลองมาก่อน… จนกระทั่งศิลปินชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @Huku_0328 ได้ตัดสินใจใช้เครื่องสำอางจริงๆ มาแต่งแต้มสีสันให้กับตัวละครหญิงของเขา ซึ่งถ้าใครคิดว่าหน้าตัวการ์ตูนกับหน้าคนจะแต่งให้เหมือนกันได้อย่างไร แถมยังเป็นภาพบนกระดาษอีก แต่เชื่อเถอะว่าชาวเน็ตคนดังกล่าวได้ทำให้เราเห็นแล้วว่า มันทำได้จริงๆ และมันก็ออกมาดูดีมากๆ ด้วย ไม่เชื่อลองดูคลิปที่เธอโพสต์ไว้สิ (เข้าไปดูต้นฉบับได้ที่นี่ 御福 ) 一度やってみたかった 化粧品でキャラを塗るです?♀️? お顔だけだけど、楽しかった〜 pic.twitter.com/SExrNqbtHc — 御福 (@Huku_0328) 24 กุมภาพันธ์ 2561 หลังจากสร้างสรรค์ผลงานดังกล่าวออกมาเสร็จแล้ว @Huku_0328 ยังได้ทวีตข้อความบอกว่า “ฉันคิดไว้ตลอดเลยว่าอยากจะวาดตัวการ์ตูนโดยใช้เครื่องสำอางจริงๆ มาเป็นอุปกรณ์หลัก และตอนนี้ฉันก็เพิ่งทำไป ซึ่งมันสนุกมากๆ เลย” ด้ายกระแสตอบรับจากชาวเน็ตก็เรียกมาออกมาดูดีไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่ก็มักจะชมผลงานของเธอพร้อมกับบอกไปแนวทางเดียวกันว่า @Huku_0328 ควรจะเริ่มหันมาสร้างผลงานแนวนี้ให้เยอะๆ มากขึ้น เพราะมันน่าสนใจและแปลกใหม่มากๆ และนี่ก็คือผลงานที่วาดออกมาเสร็จแล้ว สวยงามเลยใช่ไหม…
-
ถึงกับดราม่า นักเขียนออกมาขอโทษ หลังวาด ‘กระจ๊วย’ บนหน้าเจงกิสข่านในการ์ตูนสำหรับเด็ก
กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตทีเดียวหลังจาก ภาพใบหน้าของ เจงกิสข่าน ในหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็ก ได้มีการแต่งเติมด้วยการวาดรูป “อวัยวะเพศชาย” ลงไปบริเวณหน้าผาก ซึ่งทำให้ผู้วาดต้องออกมาขอโทษขอโพย CoroCoro Comic คือสำนักพิมพ์หนังสือการ์ตูนรายเดือนสำหรับเด็กประถม โดยส่วนมากการ์ตูนของสำนักพิมพ์จะสอดแทรกไปด้วยมุกตลก ที่ทำให้เนื้อเรื่องมีสีสันและเกิดความบันเทิง อย่างเช่นหนังสือการ์ตูนเรื่อง Yarisugi!!! Itazura-kun ที่เขียนโดย Asumi Yoshino โดยในเนื้อเรื่อง มีฉากหนึ่งที่ตัวละครจะต้องตอบคำถามในชั้นเรียน ถึงการเติมช่องว่างที่หายไปเพื่อเติมเต็มชื่อของ เจงกิส ข่าน หรือที่ภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า จิงกิซุ ฮัง ในคำถามมีการเว่นช่องว่างไว้ ประมาณว่า “จิ_ _ง” ขณะที่กำลังคิดหาคำตอบที่เป็นไปได้ เช่น จิบะ เคน (แปลว่าจังหวัดชิบะ) หรือ ชา ฮัง (แปลว่า ข้าวผัด) สุดท้าย คำตอบที่ตัวละครตอบกลับเป็น จิง จิง ที่แปลว่า “กระจู๋” และเพื่อพิสูจน์ว่าคำตอบของเขาถูกต้อง เขาก็ได้วาดรูปจู๋ลงบนหน้าผากของ เจงกิส ข่าน ซึ่งเขาเรียกมันว่า “หมวกนักรบโรมัน” แต่มุกตลกในหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ได้เผยแพร่ไปเข้าหูของ Asashoryu…
-
นทท. อเมริกันถูกจับในญี่ปุ่น เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นพบศีรษะหญิงที่อยู่ด้วย ถูกตัดและซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทาง!?
Yevgeniy Vasilievich Bayraktar นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันวัย 26 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นบุกเข้าจับกุมหลังจากที่เขาถูกค้นกระเป๋าแล้วพบกับศีรษะของหญิงสาวที่อาศัยอยู่กับเขา… เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา โดย Yevgeniy และหญิงสาวไม่ทราบชื่ออายุ 27 ปี ซึ่งทั้งคู่นั้นถูกพบเห็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ผ่านกล้องวงจรปิดในประเทศญี่ปุ่นและถูกเห็นอยู่ด้วยกันครั้งสุดท้ายในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2018 บริเวณสถานีโอซาก้า จากนั้นในวันเดียวกันกล้องวงจรปิด ก็ยังจับภาพของ Yevgeniy ได้อีกบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ที่แปลกกว่าคือเขาออกจากที่พักมาเพียงคนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางอีกหลายต่อหลายครั้ง จนเจ้าหน้าที่เริ่มสงสัยถึงสิ่งผิดปกติ ต่อมาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2018 เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับตัวเขาข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งหลังจากการสอบสวนและเข้าค้นที่พักในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2018 เจ้าหน้าที่ก็ค้นเจอศีรษะของหญิงสาวที่อยู่ด้วยกันในกระเป๋าเดินทาง ทำให้จากเดิมที่ Yevgeniy Vasilievich Bayraktar ถูกตั้งข้อหากักขัง ทำให้เขามีการเพิ่มข้อหาฆ่าคนตายเข้าไปด้วย ส่วนแรงจูงใจนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุ รู้แต่เพียงว่าทั้งสองนั้นได้เจอกันบนโลกออนไลน์ก่อนจะมาพบกันและตัดสินใจเดินทางมาญี่ปุ่นด้วยกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าแรงจูงใจหลักอาจจะเพราะหญิงสาวนั้นตัดสินใจมาเที่ยวด้วยในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง…
-
มันถึงเวลาแล้ว… เกาะแมวที่ญี่ปุ่นประสบปัญหาแมวเยอะเกินดูแล จึงต้องเพิ่มมาตรการทำหมันให้
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีอย่างมากมาย ทั้งภูเขาไฟฟูจิ ตลาดปลาซึกิจิ หรือวัดวาอารามต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ทว่าก็ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่สามารถดึงดูดให้คนไปท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ ‘เกาะแมว’ ที่มีแมวอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด และก็ถือได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนที่รักเจ้าขนปุยแสนกวนซะจริงๆ แต่ว่าในตอนนี้ได้มีข่าวล่าสุดที่คาดเอาไว้ว่าน่าจะเกิดขึ้นกับเกาะแมว เพราะว่าทางผู้ดูแลแมวเหล่านี้กำลังวางแผนที่จะมีการทำหมันให้กับพวกแมวที่อยู่บนเกาะเพราะว่าพวกมันกำลังจะมีจำนวนที่มากเกินจะดูแลได้แล้ว ในประเทศญี่ปุ่นก็จะมีเกาะแมวน้อยใหญ่ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมได้อย่างมากมาย แต่ถ้าหากถามถึงเกาะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ต้องเป็นเกาะที่ชื่อว่าเกาะอาโอชิมะ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ โดยเกาะแห่งนี้มีแมวกว่า 130 ชีวิตที่เดินร่อนอยู่อย่างอิสระทั่วทั้งเกาะ และมันสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ไปเยี่ยมชมพร้อมกับเล่นกับพวกมันได้เป็นจำนวนมากในปีๆ หนึ่ง ส่วนมากแล้วไม่ว่าใครที่ได้ไปเยือนเกาะแมวแห่งนี้ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันเป็นเหมือนกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จริงๆ ที่มีแมวมาห้อมล้อมรอบกายแบบนี้ แต่สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะแล้วพวกเขากลับรู้สึกว่า ในตอนนี้แมวที่มีอยู่บนเกาะมันน่าจะมีจำนวนที่มากเกินไปแล้ว จึงทำให้กลุ่มผู้ดูแลแมวทั้งหมดบนเกาะนี้ที่มีชื่อว่า สมาคมคุ้มครองแมวอาชิมะ (Aoshima Cat Protection Society) ได้แนะนำให้มีการทำหมันแมวทุกตัวบนเกาะแห่งนี้เพื่อที่จะลดจำนวนประชากรของพวกมันลงให้อยู่ในจุดที่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง และอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้มีการทำหมันแมวเกิดขึ้น นั่นก็เป็นเพราะว่ามีจำนวนผู้ดูแลไม่เพียงพอ โดยสามารถเห็นได้ชัดจากความที่มีแมวจำนวน 130 ตัวอยู่บนเกาะแห่งนี้ แต่กลับมีมนุษย์เพียงแค่ 13 ครัวเรือนเท่านั้นและที่สำคัญคือพวกเขาเหล่านี้มีค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่เกินกว่า 75 ปีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอุปกรณ์การดูแลเแมวต่างๆ ที่มีอยู่อย่างไม่เพียงพอทั้งอาหาร ยารักษาโรคต่างๆ อย่างในปี 2016 ที่ผ่านมาทางสมาคมก็ต้องประกาศขอรับบริจาคอาหารแมวเพื่อจะใช้เลี้ยงแมวเหล่านี้ต่อไป ซึ่งในตอนนี้สังคมของชาวญี่ปุ่นเองก็คิดว่าไม่ควรจะมีแมวจำนวนที่มากกว่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน …
-
รีสอร์ตบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังในญี่ปุ่นออกโฆษณาให้ไปเที่ยว…บ่อน้ำพุร้อนที่อื่นแทน อ้าว…
การโฆษณานั้น โดยมากแล้วจะทำขึ้นมาเพื่อการดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาหาตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการอวดอ้างสรรพคุณ หรือจะการโจมตีคู่แข่งด้วยการแอบเสียดสีสินค้ากันบ้างในบางครั้ง แต่ในเหตุการณ์บางครั้ง ก็มีโฆษณาแบบแปลก ที่มีเป้าหมายผิดไปจากปกติเหมือนกัน ในตอนนี้ แทนที่จะไป Beppu ลองไปที่ Kusatsu ดู จากในโฆษณานี้ชื่อทั้งสองชื่อในภาพคือ เมือง Beppu ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะคิวชู ในจังหวัดโออิตะ และเมือง Kusatsu นั้นอยู่บนเกาะหลักของญี่ปุ่น ในจังหวัดกุมมะ ทั้งสองเมืองเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ (ที่รู้จักกันในชื่อออนเซ็นนั่นล่ะ) จากในภาพด้านบนนั้นถ้ามองเผินๆ ก็จะเหมือนกับโฆษณาทั่วๆ ไปที่ทาง Kusatsu ทำออกมาเพื่อแย่งลูกค้ากับทาง Beppu แต่ว่าเรื่องราวมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพโฆษณาที่พิมพ์อยู่ในหนังสือพิมพ์ แม้ว่าในภาพนั้นจะมีการลงรูปเกี่ยวกับวิธีการดั้งเดิมของ Kusatsu ในการเตรียมน้ำในบ่อก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า โฆษณาชิ้นนี้จะไม่ได้มาจากทาง Kusatsu แต่อย่างใด ที่ข้างใต้รูปของวิธีการเตรียมน้ำในบ่อแบบดั้งเดิมนั้น มีข้อความที่ว่าสีขาวที่เขียนเอาไว้ว่า “คุณเป็นคู่แข่งของเรา ดังนั้นคุณต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง” ถูกต้องแล้วโฆษณาชิ้นนี้นั้นทำขึ้นมาโดยฝั่งเมือง Beppu นั่นเอง คุณเป็นคู่แข่งของเรา ดังนั้นคุณต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง แน่นอนว่า Beppu กับ Kusatsu นั้นอาจจะเป็นคู่แข่งทางการค้ากันมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2018…
-
พ่อชาวญี่ปุ่นชนะสิทธิการดูแลเด็กๆ กว่า 13 คน ที่เกิดจากการจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ!!!
หลังจากเคยเป็นคดีอื้อฉาวในปี 2017 ที่ผ่านมา ถึงกรณีของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่จ้างคนไทยอุ้มบุญให้กับน้ำเชื้อของเขา และมีเด็กกำเนิดออกมาถึง 13 คนในประเทศไทย ในตอนนี้ศาลได้มีคำสั่งให้เขาชนะความ และมีสิทธิในการดูแลเด็กๆ เหล่านั้นอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากคุณแม่อุ้มบุญได้ยกเด็กๆ เหล่านี้ให้แต่โดยดี โดยจุดกำเนิดของเรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นในปี 2014 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าบุกเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมที่ใช้เป็นสถานที่อุ้มบุญแห่งหนึ่ง และพบเด็กจำนวนกว่า 9 คนที่นั่น นายมิตซึโตะกิ ชิเกะตะ หลังจากนั้นจึงมีการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วก็พบว่าเด็กๆ ทั้ง 9 คนมีดีเอ็นเอตรงกับ นายมิตซึโตะกิ ชิเกะตะ ชาวญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาเขาแต่อย่างใด โดยเด็กๆ ที่พบมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ – 2 เดือนในเวลานั้น ซึ่งเด็กๆ ทั้ง 9 คนก็อยู่ในการดูแลของรัฐบาลไทย ระหว่างที่มีขั้นตอนการสืบสวนเกิดขึ้น ทว่าหลังจากนั้นก็ได้มีการสืบค้นเพิ่มเติมและได้พบเจอเด็กอีก 4 คนที่มีดีเอ็นเอตรงกับเขา และเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วก็ปรากฏว่าชายคนนี้เป็นพ่อของเด็กถึง 13 คนเลยทีเดียว พี่เลี้ยงดูแลเด็กๆ ทั้ง 9 คน การค้นพบทั้งหมดในครั้งนี้ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมือกวาดล้างธุรกิจการอุ้มบุญที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทยในขณะนั้นนั่นเอง…
-
ชมความน่ารักของมาสคอต ‘ตัวนาก’ จากญี่ปุ่น ที่จะมาแจกความสดใสให้กับทุกคน
มีคำพูดที่พูดกันเล่นๆ ถึงประเทศญี่ปุ่นว่าเป็นประเทศที่เปลี่ยนทุกอย่างเป็นสาวน้อยน่ารัก และทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศนี้มีมาสคอต คำพูดพวกนี้มีความจริงปนอยู่ไม่มากก็น้อย เพราะว่าในตอนนี้ที่ญี่ปุ่นกำลังมีกระแสความน่ารักของ มาสคอตตัวนากสาวอยู่ยังไงล่ะ ชื่อของมาสคอตตัวนี้คือ Chiitan มาสคอตตัวนากเพศหญิงที่กำลังโด่งดังจากการออกวีดีโอทำเรื่องธรรมดาๆ ในชีวิตอย่างการวิ่งบนถนนนั่นเอง 坂道ダッシュに挑戦しましたっ☆ ちぃたん☆ですっ☆ pic.twitter.com/EHSAVi0UAi — ちぃたん☆ (@love2chiitan) 8 กุมภาพันธ์ 2561 ดูกันได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็กดที่ ตรงนี้ เลย เอาง่ายๆ ว่าแค่เล่นลูกบอลก็มีคนมาดูกว่าสองล้านวิวแล้ว ได้ข่าวว่าบางคนดูเป็นร้อยรอบเลยก็มี バランスボールを買ってもらいましたっ☆ ちぃたん☆ですっ☆ pic.twitter.com/G3fn2gSDyW — ちぃたん☆ (@love2chiitan) 19 กุมภาพันธ์ 2561 ดูไม่ได้ก็กด ตรงนี้ กันเลย และอันนี้ Chiitan พยายามปั่นจักรยาน ชุดก็ไม่ใช่เล็กๆ ยังจะทรมานตัวเองอีก ดีนะที่ไม่ล้ม 自転車を買ってもらいましたっ☆ ちぃたん☆ですっ☆ pic.twitter.com/7zETThsVUd — ちぃたん☆ (@love2chiitan) 7 กุมภาพันธ์ 2561 ดูไม่ได้ก็…
-
กวางในเมืองนาระมีอัตรา “กัด” ผู้คนเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวกว่า 80% ไม่ปฏิบัติตามกฎ
การที่เราจะไปเที่ยวชมสัตว์ต่างๆ แน่นอนว่าในแต่ละสวนสัตว์หรือว่าฟาร์มก็จะมีกฎระเบียบข้อปฏิบัติให้เราทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทั้งสัตว์ และตัวของเราเอง แต่ก็มีบางคนที่ละเลยถึงความสำคัญในเรื่องนี้จนต้องเจ็บตัวไปตามๆ กัน และดูเหมือนว่าในปัจจุบันคนกลุ่มนี้จะเริ่มมีมากขึ้น เพราะมีเมืองท่องเที่ยวเมืองหนึ่งได้ประกาศตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกวางกัดออกมา ซึ่งมันมากกว่าในอดีตอย่างไม่น่าเชื่อ!! ด้วยความที่เมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านวัด ศิลปะ วัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่อง กวางป่า จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาเข้ามาจำนวนมาก ทว่าก็มีนักท่องเที่ยวหลายรายต้องได้รับบาดเจ็บ เนื่องมาจากความพยายามถ่ายรูปกวางพวกนี้แบบใกล้ๆ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยที่สุดของพวกเขาเอง ทางการของจังหวัดนาราได้ออกมาเปิดเผยสถิติที่น่าสนใจ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาบอกว่าจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกวางที่อาศัยอยู่ในสวนนารากัด มีตัวเลขอยู่ที่ 164 คน จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2017 – 31 มกราคม 2018 โดยตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันถึง 118 คน อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่ากว่า 80% ของผู้บาดเจ็บทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวและส่วนมากเป็นชาวจีน อย่างไรก็ตามก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้าง เพราะจากข้อมูลได้บอกเอาไว้ว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ถูกทำร้ายร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และส่วนมากจะเกิดขึ้นขณะที่กำลังป้อนอาหารให้แก่กวางป่า “ส่วนหนึ่งของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นแบบผิดหูผิดตา เนื่องมาจากการที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ว่าอีกส่วนก็เกิดขึ้นเพราะความที่นักท่องเที่ยวอยากจะถ่ายรูปสวยๆ…
-
กลยุทธ์ดักมนุษย์เงินเดือน ตั้งตุ๊กตายางเป็นลูกค้าสาวขาเรียวสวย โอ้โห่… มีคนหลงกลด้วย ฮร่า
ในปัจจุบันนั้น การจะขายอะไรสักอย่างนอกจากสินค้าจะต้องดี ของกินจะต้องอร่อยแล้ว เทคนิคเฉพาะตัวในการขายก็เป็นอะไรที่จำเป็นเช่นกัน เช่นเดียวกับที่ร้านกาแฟใช้นางแบบมาขาย หรือร้านนาฬิกาให้ลุงยืมนาฬิกาไปใส่ออกสื่อ อะไรทำนองนี้ ร้านค้าข้างทางของญี่ปุ่นก็เช่นกัน พวกเขาจะต้องปรับตัวเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามา โดยหลายคนอาจจะเคยเห็นบาร์อาหารข้างทางตามหนังหรืออนิเมะที่ตัวละครจำพวกลุงๆ หรือมนุษย์เงินเดือนมักจะไปกินบ่อยๆ ซึ่งร้านดังกล่าวนั้นจะมีลักษณะเป็นผ้าปิดส่วนบน เราจะเห็นแค่ส่วนล่างเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นทางร้านในเมืองมิยะซะกิสุดหัวใสจึงใช้แผนการตลาดสุดเจ๋ง ชาวเน็ตนามว่า @yukochi9118 ก็ได้ตกเป็นทาสการตลาดเช่นกัน โดยเขาได้แชร์ภาพร้านข้างทางที่ทำให้เราเห็นต้นขาของหญิงสาวสุดสวยที่เห็นแล้วใจเต้นตุ๊บๆ จนอยากจะเข้าไปนั่งในร้านเป็นเพื่อนเธอ ขาวซะเหลือเกิน แน่นอนว่าพ่อหนุ่มชาวเน็ตคนนี้ก็ตกเป็นเหยื่อการตลาดอย่างรวดเร็ว โดยเขาไม่รอช้าเปิดผ้าเพื่อเข้าไปสั่งปีกไก่ที่เป็นเมนูเด็ดของร้านดังกล่าวทันที จนกระทั่งหนุ่มคนนี้หันไปสังเกตดูก็พบว่าขาขาวๆ นั้นเป็นขาของตุ๊กตายาง ปกติแล้วเมื่อเรารู้ว่าเราถูกหลอก เราก็สามารถที่จะหันหลังและเดินออกมาจากร้านได้ไม่มีใครว่า แต่ตามหลักการแล้วคนที่เดินเข้ามาก็เพราะอยากจะจีบสาวขาสวยคนดังกล่าวกันทั้งนั้น และการจะเดินออกไปเพราะโดนหลอกมันก็จะเขินหน่อยๆ ฉะนั้นสิ่งที่ลูกค้าจะทำได้คือสั่งของกินมากินนั่นเอง สุดท้ายแล้วทางด้าน @yukochi9118 ก็บอกว่าเขาไม่ใช่เหยื่อคนเดียวที่ถูกหลอกและได้เข้าไปนั่งกิน เพราะระหว่างที่เขานั่งกินก็มีเหยื่อหลายคนติดกับเช่นกัน ดูภาพต้นขากันแบบชัดๆ อีกสักที เป็นไงดูไกลๆ ยังไงก็โดนตก แต่เขาก็ไม่ได้บ่นหรือด่าทางร้านที่หลอกหลวงลูกค้าแต่อย่างใด เพราะจริงๆ แล้วอาหารของร้านดังกล่าวนั้นจัดว่าใช้ได้และราคาไม่แพง ซึ่งนั่นทำให้เขาคิดว่าทางร้านคงจะมีปัญหาแค่ในส่วนของความสามารถในการดึงดูดลูกค้าที่ไม่ดีเท่านั้น เพราะอาหารที่เขาคิดถือว่าโอเคนั่นเอง อย่างไรก็ตามวิธีการดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการเรียกลูกค้าที่ใช้ได้ดีเลยทีเดียว ที่มา rocketnews24
-
ลูกค้าบ่น ‘ข้าวเกรียบเซ็มเบ้’ ไม่ได้คุณภาพ บริษัทตอบกลับด้วยเรียงความ อธิบายให้กระจ่างชัด!!
ขนมข้าวเกรียบของชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ขนมเซ็มเบ้ เป็นขนมที่สร้างความเพลิดเพลินได้ดีทีเดียวยามขบเคี้ยวเวลาว่าง เนื่องจากความกรอบและความอร่อย แถมเมื่อเราห่อด้วยสาหร่ายด้วยแล้วยิ่งไม่แคล้วที่จะต้องกินแล้วกินอีก เจ้าเซ็มเบ้ชิ้นกลมๆ มักมาในซองขนมขนาดใหญ่ แต่เมื่อหญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งใช้ชื่อทวิตเตอร์ว่า @moyu1001 ได้เปิดซองขนมเซ็มเบ้ของเธอ นั่นทำให้พบเจอ “จุดสีดำๆ” จุดดำดังกล่าวอยู่บนเซ็มเบ้ชิ้นหนึ่ง เธอจึงไม่มั่นใจว่านั่นคือรอยไหม้ รอยแต้มสี หรือรา กันแน่ เธอจึงตัดสินใจส่งทั้งซองขนมกลับไปเพื่อแจ้งปัญหาให้กับผู้ผลิต ซึ่งก็คือ Kameda Seika และเธอก็ได้โพสต์ภาพคำอธิบายปัญหาจากทางฝ่ายบริษัทผู้ผลิตที่ตอบกลับมา . เนื้อหาที่ทางบริษัทตอบกลับมานั้น มีใจความว่า… “ถึงคุณผู้หญิงที่เคารพ ทางเราหวังว่าจะได้ยินดีกับความสำเร็จของคุณในอนาคต และต้องขอบพระคุณอย่างสูงที่อุดหนุนผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเราเสียใจกับสิ่งที่คุณพบเจอ เช่น ความไม่พึงพอใจที่เกิดจากขนมเซ็มเบ้ยี่ห้อ Magari ทั้ง 18 ชิ้นของพวกเรา และเราต้องขออภัยอย่างสูงพร้อมทั้งต้องขอบคุณจากใจจริงที่บอกกล่าวให้เราทราบถึงปัญหานี้ เราได้รับสินค้าจากคุณในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018″ มีต่อ เนื้อหาในจดหมายนั้นเต็มไปด้วยความสุภาพและอ่อนน้อม เป็นใครเห็นก็ต้องยอมให้อภัยแน่นอน “1. การยืนยันสินค้า ทางบริษัทได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจดูตัวอย่างที่คุณกรุณาจัดส่งกลับมาให้ เราสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีร่องรอยของการขึ้นราอย่างแน่นอน และเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทางเราได้ส่งผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ไปยังฝ่ายตรวจสอบคุณภาพสินค้า เพื่อทำการวิเคราะห์ด้วยวิธีที่เรียกว่า Fourier Transform Infrared (FTIR)…
-
ญี่ปุ่นจัดงานเทศกาล ‘สาวสวยตด’ และไฮไลต์ของงานนี้ก็คือมีดาราเอวีมาร่วมด้วย!!
เรื่องของการ ‘ตด’ เป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน ทว่าเมื่อมีการตดออกมาแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็อาจจะมีทั้งกลิ่นและเสียงที่ลอยมากระแทกประสาทสัมผัสของเราได้ เรื่องของการตดในบ้านเราจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวสักนิด แล้วถ้าหากบังเอิญทนไม่ไหวตดออกมาท่ามกลางผู้คนล่ะก็ บางทีมันอาจจะเป็นวินาทีแห่งหายนะของความเขินอายก็เป็นได้ แต่ถ้าใครที่มีรสนิยมแปลกๆ ชอบในเรื่องกลิ่นและเสียงแล้วล่ะก็นี่อาจเป็นสวรรค์สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว เพราะว่าในประเทศญี่ปุ่นกำลังจะมีการจัดงาน “ตดของสาวงาม” ขึ้นในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้แล้ว!! โดยในวันที่ 3 มีนาคม ประเทศญี่ปุ่นจะมีการจัดเทศกาลชื่อว่า Hina Matsuri ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แก่เด็กสาวที่กำลังจะก้าวข้ามไปสู่การวัยผู้ใหญ่ ซึ่งกิจกรรมในงานนี้ก็จะมีทั้ง การจัดแสดงตุ๊กตาญี่ปุ่นอันสวยงาม เทศกาลซูชิ รวมถึงขนมนมเนยต่างๆ ด้วย ทว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งนอกจากเหนือจาก ดนตรี อาหาร ที่อยู่ภายในงานนี้ และสิ่งๆ นั้นก็คือการตด ที่เราจะได้เห็นการตดจำนวนมากของผู้คนที่เข้ามาร่วมงาน เพราะว่าในเทศกาลนี้การตดจะถือว่าเป็นสิ่่งที่ถูกต้อง มากไปกว่านั้นยังมีปาร์ตี้การแสดงสาวงามตด ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการตั้งสมมุติด้วยว่ากว่า 94% ของประชาชนญี่ปุ่นทั้งหมดเป็นผู้ที่ชื่นชอบการตด เพราะพวกเขาถือว่าเป็นการสัมผัสที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง และที่นับได้ว่าเป็นไฮไลต์ของงานนี้ก็คือ จะมีดาราหนังผู้ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นมาร่วมงานด้วยจำนวนสามคนนั่นก็คือ Miu Akemi, Tomoka Akari และ Saiko Yatsuhashi ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนคลับของพวกเธอแล้วล่ะก็ ในงานนี้พวกเขาอาจจะได้กลิ่นที่ออกมาจากลำไส้ใหญ่ของพวกเธอก็เป็นได้ หากใครที่สนใจจะเข้าร่วมงานนี้ ก็มีกฎอยู่ง่ายๆ…
-
ดีไซเนอร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นประทับใจ ATM มีที่ให้แขวนของด้วย แสดงถึงความใส่ใจทุกอย่าง
อย่างที่รู้กันว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่มีความพิถีพิถันในการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในระดับที่ไม่น่าเชื่อ แทบทุกอย่างจะแลดูสะอาดมีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นตู้ขายน้ำอัตโนมัติ รถไฟฟ้า ไปจนถึงห้องน้ำ Marcin Wichary นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตัวพิมพ์ ก็เป็นหนึ่งในเหล่าผู้คนที่ชื่นชอบในการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกของประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน เขาได้ทำการทวีตความแปลกใจของเขาที่มีต่อเครื่องอำนวยความสะดวกที่เขาได้พบในการเดินทางไปญี่ปุ่นของเขามากว่า 200 ชิ้นแล้ว โดยสิ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่เขาก็มีตัวอย่างเช่น ตู้ขายน้ำอัตโนมัติ ทั้งหมดที่เจอที่นี่จะมีไฟขึ้นบอกว่าผมสามารถซื้ออะไรได้บ้าง ด้วยจำนวนเงินที่หยอดไป 22. All the vending machines I used so far (three) used lights to show me what I could afford after putting in money. pic.twitter.com/h88FLevp8f — Marcin Wichary (@mwichary) 1 กุมภาพันธ์ 2561 รถไฟที่นี่จะมีภาพเคลื่อนไหวบอกว่า คุณได้มาถึงสถานีแล้ว แถมยังบอกอีกว่าตู้ที่คุณอยู่จอดอยู่ที่บริเวณไหน และโครงสร้างคร่าวๆ…
-
สมาคมนักวาดมังงะเผยว่า เว็บอ่านการ์ตูนเถื่อนอาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นล่มสลาย!?
ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ในระดับโลก โดยเฉพาะปัญหาการอ่านการ์ตูนเถื่อนที่เริ่มจะสร้างความเดือดร้อนให้กับนักวาดและสำนักพิมพ์ทั่วโลก จนตอนนี้ทางญี่ปุ่นเองก็เริ่มได้รับผลกระทบหนักขึ้น และถึงกับต้องออกมาเตือนนักอ่าน ปัญหาการอ่านการ์ตูนเถื่อนในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุหลักๆ เลยก็คือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและค่านิยมของนักอ่านที่เปลี่ยนไป เนื่องจากการอ่านบนเว็บนั้นรวดเร็วกว่าการรอซื้อจากร้านหนังสือ ที่สำคัญคือมันฟรี ทางสมาคมนักวาดมังงะหรือ JCA (Japan Cartoonists Association) ก็ได้ออกมาพูดถึงผลกระทบที่ตอนนี้ทางนักวาดและผู้ผลิตผลงานประเภทต่างๆ ได้รับว่า “ด้วยเทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์นั้น มันเริ่มส่งผลให้นิสัยในการอ่านของผู้คนค่อยๆ เปลี่ยนไป ซึ่งนั่นรวมถึงการเข้าถึงสื่อต่างๆ ด้วย แน่นอนว่าพวกเราเชื่อว่ามันคือสิ่งที่ดีงามมากๆ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้แค่เข้าถึงงานของนักวาดมังงะเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้คนสร้างผลงานประเภทอื่นๆ ได้เผยแพร่งานตัวเองที่ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งนั่นก็จะทำให้ผู้ที่มาเสพงานของเราได้มีความสุขทั้งการอ่าน การฟัง และการดู อย่างไรก็ตามผลมันจะออกมาดีหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตและผู้เสพนั้นยังคงเกื้อหนุนกันอย่างถูกต้องตามหลักและทำกันเป็นลูปอยู่แบบนี้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผลมันดันไม่ออกมาเป็นอย่างที่คิด เพราะปัจจุบันเว็บไซต์เถื่อนต่างๆ เริ่มที่จะทำให้ผู้เสพออกจาลูปที่ว่าและหันมาละเมิดลิขสิทธิ์แทน ซึ่งนั่นถือเป็นการตัดรายได้ที่ตัวผู้สร้างควรจะได้รับไปในทันที และนั่นอาจจะหมายถึงจุดสิ้นสุดของลูปที่ช่วยเกื้อหนุนกันจนทำให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องหยุดและเลิกไปในท้ายที่สุด พวกคุณที่เป็นคนเสพผลงานลองคิดมุมกลับดูสิ ไม่ใช่แค่กับมังงะเท่านั้นแต่กับสื่อทุกอย่าง ว่าถ้าเรายังคงพากันออกจากลูปเดิมที่คอยเกื้อหนุนกัน จนสุดท้ายเหล่านักวาดและคนที่สร้างผลงานอื่นๆ ไม่ได้อะไรจากตรงนั้นจนพวกเขาก็พากันออกมาจากลูปที่ว่าเช่นกัน จนถึงวันนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น ถึงตอนนั้นหนึ่งในวัฒนธรรมหลักของญี่ปุ่นอาจจะต้องถึงคราวล่มสลายและสูญหายไปตลอดกาล” เราอาจจะคิดว่าคำพูดของทาง JCA คือการพูดเพื่อให้ดูดี แต่ปัญหานี้มันเกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นกับทุกวงการ ฉะนั้นเราก็คงต้องย้อนกลับมาดูที่ตัวเองแล้วว่า เราพอที่จะกลับเข้าไปอยู่ในลูปที่ว่าได้หรืิอ กลับไปช่วยเหลือกันและกันเหมือนวันเก่าๆ ที่มา rocketnews24
-
นี่มันคลิปอะไรกัน!? นางแบบญี่ปุ่นใช้หน่มน๊มทำลายอุกกาบาตที่กำลังพุ่งชนโลก
ยังจำกันได้ไหมกับสาวน้อย Erina Kamiya ไอดอลสาวผู้มาพร้อมกับเต้าอันทรงพลังและความฮาอย่างไร้ลิมิต ซึ่งถ้าใครจำได้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 #เหมียวมู่ทู่ เคยเอาความน่ารักฮาๆ ของเธอที่ทุบกระเบื้องด้วยนมมาให้ดูกัน (ใครเกิดไม่ทันสามารถตามไปดูข่าวเก่าได้ที่ ‘ไอดอลญี่ปุ่นท้าชนกระเบื้อง ฝ่ามือธรรมดาไป งานนี้เธอเลยเอา “นมฟาด” ซะเลย!?‘) ส่วนถ้าใครไม่รู้จักก็จะขอเล่าเกี่ยวกับเธอคนนี้ง่ายๆ ว่าตัวเธอนั้นเป็นไอดอลสาวจากวง Kamen Joshi ซึ่งลักษณะเด่นของเธอก็คือน่าอกน่าใจคัพ G และนิสัยขี้เล่นกวนๆ ของเธอ ที่สำคัญเธอยังมีช่องยูทูบของตัวเองที่ชื่อ 神谷えりな Kamiya Erina อีกด้วยนะ มันดีจริงๆ นะเธอว์ ส่วนเรื่องที่เราจะมาพูดกันวันนี้คือ เธอได้ปล่อยคลิปตัวใหม่ที่ไม่ใช่คลิปตลกๆ แบบทั่วไป แต่เป็นคลิปตลกใหม่ที่จัดทำขึ้นมาเป็นอย่างดีพร้อมผสมเข้ากับภาพอนิเมะสุดเฟี้ยว ส่วนคอนเซ็ปต์หลักก็แน่นอน มันยังวนเวียนอยู่กับ “อปไป” ของเธอ ฉะนั้นเรื่องนี้ก็จะเกี่ยวกับนมอันทรงพลังของเธอนั่นเอง ภายในคลิปสั้นฮาๆ นี้เราจะเห็นว่าอุกกาบาตกำลังตกลงมาจากฟ้า ซึ่งมันพร้อมจะชนโลกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ว่า!? สาวน้อย Erina ที่กำลังอาบน้ำอยู่กลางแจ้งผู้มีพลังอบไปบีมก็ไม่รอช้า…
-
ญี่ปุ่นผุดไอเดียเจ๋ง รังสรรค์สังคมเมืองให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้ โดยการสร้าง ‘ตึกป่า’ สูงระฟ้าที่ทำจากวัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อบ้านเมืองของเราจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตึกสูงที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเมืองของเรามีการเจริญเติบโตและมีการกลายเป็นเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่า ยิ่งพื้นที่กลายเป็นเมืองมากขึ้นเท่าไหร่ พื้นที่ธรรมชาติย่อมจะลดลงมากขึ้นเท่านั้น แต่ประเทศญี่ปุ่นเขาได้เกิดความคิดที่ผสานความเป็นเมืองกับความเป็นธรรมชาติเอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ด้วยการสร้างตึกสูงระฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยป่าและต้นไม้ ซึ่งทำให้ได้รับกลิ่นอายของธรรมชาติ บริษัท Sumitomo Forestry มีแผนสำหรับการก่อสร้างตึกสูงแห่งใหม่ ชื่อโครงการว่า “W350 Project” เนื่องจากตั้งใจว่าตึกจะสูง 350 เมตร และจะสร้างสำเร็จในปี 2041 เพื่อเป็นสัญลักษณ์การครบรอบ 350 ปี ของบริษัท จุดกำเนิดของบริษัท Sumitomo Forestry เริ่มขึ้นในปี 1691 พวกเขามีหน้าที่ดูแลจัดการผืนป่าบริเวณรอบๆ เหมืองทองแดง Besshi ในจังหวัดเอะฮิเมะ บนเกาะชิโกกุ และบริษัทนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญของโครงการสร้างตึกสูง ซึ่งต้องการใช้ไม้รวมแล้วราวๆ 185,000 ลูกบาศก์เมตรในการก่อสร้าง ทั้งนี้ทางบริษัทบอกว่าต้องใช้ทักษะและความสามารถทางวิศกรรมในการก่อสร้างในระดับสูงกว่าการสร้างตึกระฟ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็ได้มีการค้นคว้าและออกแบบสิ่งก่อสร้างที่ผสานธรรมชาติลงไปโดยหน่วยงานวิจัยและพัฒนาชื่อว่า Tsukuba Research Laboratory ที่เป็นของบริษัทเอง การก่อสร้างตึกดังกล่าวจะใช้วัสดุที่เป็นลูกผสมของไม้และเหล็กในอัตราส่วน 9:1 โดยจะร่วมมือกับองค์การสถาปนิก Nikken Sekkei โครงสร้างของตึกจะมีการใช้ท่อหุ้มรั้งในส่วนมุมต่างๆ ของตึก เพื่อป้องการแรงกระแทกจากด้านนอก เช่น ลมกระโชกและแผ่นดินไหว เป็นต้น ตึกระฟ้านี้คาดว่าจะมี 70…
-
ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ‘วัยรุ่น’ คือความเยาว์ที่แตกต่างแต่เหมือนกัน ไร้สัญชาติและไร้พรมแดน…
ผลงานภาพถ่ายของช่างภาพจากบรุกลิน สหรัฐอเมริกาที่ถ่ายทอดเรื่องราวของวัยรุ่นจากสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกชุดนี้ ได้เผยให้เห็นถึงสิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาจากแววตาของพวกเขา คุณ Amy Touchette ช่างภาพสาวของเราได้ออกเดินทางไปยังนิวยอร์ก ฮาวาย และโตเกียว เพื่อพบกับเหล่าวัยรุ่นที่มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม ครอบครัว และสังคม เธอได้บันทึกภาพของพวกเขาและเรียนรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขากับเพื่อนและคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นความสนุกในการใช้ชีวิต และการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครอง ซึ่งสิ่งที่เธอสัมผัสได้ก็คือรอยยิ้มอันสดใสของพวกเขานั้นเอง กลุ่มเป้าหมายของ Touchette คือวัยรุ่นอายุระหว่าง 13-19 ปี ซึ่งเธอจะขอความยินยอมจากพวกเขาก่อนที่จะเริ่มทำการบันทึกภาพ “หลังจากที่สังเกตความหลากหลายของภาพถ่าย ฉันอยากจะจับคู่ภาพที่มีลักษณะคล้ายกันไว้ด้วยกัน ภาพของผู้คนที่มีลักษณะคล้ายกันในสถานที่ที่แตกต่างกันคงจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว” ช่างภาพสาวให้สัมภาษณ์ ภาพของกลุ่มวัยรุ่นหญิงจากนิวยอร์ก (ซ้าย) และกลุ่มวัยรุ่นจากเกาะโอวาฮู ฮาวาย (ขวา) ช่างภาพสาวเล่าว่า ภาพถ่ายของวัยรุ่นจากสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ทำให้เธอเข้าใจถึงวิถีชีวิตและสิ่งที่เป็นภัยคุกคามกับพวกเขา ซ้าย: กลุ่มเด็กชายจากญี่ปุ่นที่กำลังเดินทางกลับบ้าน ขวา: กลุ่มวัยรุ่นจากนิวยอร์ก ภาพของเด็กสาวจากเกาะโอวาฮู ฮาวาย (ซ้าย) และภาพของเด็กสาวจากนิวยอร์ก (ขวา) “วัยรุ่นก็คือผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกขัดเกลา พวกเขากำลังสัมผัสกับชีวิตแบบผู้ใหญ่ แต่กลับมีประสบการณ์ที่ไม่มากเท่าไหร่ ฉันพยายามจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติที่หลากหลายของพวกเขาให้มากที่สุด แต่ฉันทำได้เพียงแค่บันทึกภาพในช่วงเวลาสั้นๆ ของชีวิตพวกเขาเท่านั้น” Touchette ให้สัมภาษณ์ …
-
ครูโอซาก้าถูกไล่ออก หลังปลอมตัวเป็นนักเรียนไปถามผู้หญิง 200 คนเกี่ยวกับเรื่องเพศ!?
ครู คือคนที่ช่วยสั่งสอนลูกศิษย์ให้ได้รับความรู้ที่เหมาะสมและเดินไปในทางที่ถูกต้อง แต่แน่นอนว่าทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป สังคมวิชาชีพครูเองก็เช่นกัน เห็นได้จากตัวอย่างของคุณครูหนุ่มคนนี้ในประเทศญี่ปุ่น เขาคนนี้เป็นคุณครูในโรงเรียนมัธยมปลาย Osakufu Ristunisaki จังหวัดโอซาก้า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2018 สำนักข่าว SoraNews24 รายงานว่า เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะเขาปลอมตัวเป็นเด็กมัธยมในโลกออนไลน์ และส่งข้อความไปหาหญิงสาวเพื่อสอบถามในเรื่องเพศ จากการรายงานบอกว่า เขาถามผู้หญิงประมาณ 200 คน ซึ่งไม่มีการบอกว่าอายุประมาณเท่าไหร่ แต่ 2 คนในนั้นเป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเดียวกันกับที่เขาสอน ไม่มีรายงานว่าเขาใช้คำพูดล่อลวงสาวๆ ไปทำมิดีมิร้าย แต่สิ่งที่เขาถามสาวๆ เหล่านั้นก็คือ การถามถึงประสบการณ์ในเรื่องเพศของพวกเธอ จนทำให้เขาต้องถูกด่าย้อนกลับมา ก่อนที่จะถูกตามตัวและแจ้งไปหาโรงเรียนในที่สุด เขาได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปว่า “ผมแค่ต้องการตอบสนองความต้องการในเรื่องเพศของตัวเอง จึงคิดว่าการที่ผมกลายเป็นชายนิรนามก็คงจะไม่ได้เป็นอะไร” แสดงให้เห็นว่าเขาคงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกไปมองสาวๆ ในวัยเดียวกันซักเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม “เยี่ยมไปเลย เขาถูกไล่ออกแล้ว ทีนี้เขาจะได้มีอิสระที่จะทำทุกอย่างได้” “พวกเขาควรจะถอนรากถอนโคนคนที่มีแนวโน้มไปในทางอะไรแบบนี้ ก่อนที่พวกมันจะได้กลายมาเป็นครู” “เขาคิดว่าจะกลายเป็นชายนิรนามบนโลกอินเตอร์เน็ตได้จริงๆ เหรอ เขามีความโง่มากกว่าความโรคจิตของตัวเองซะอีก” “จำนวนของคุณครูโรคจิตเริ่มจะน่าเป็นห่วงขึ้นทุกที” เอาจริงๆ…
-
คุณตาวัย 64 ปีใช้มีดแทงหนุ่มบนรถไฟ หลังเขาไปนั่งที่ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษ
เมื่อเราขึ้นไปโดยสารบนรถโดยสารหรือรถไฟก็ตาม ก็จะมีทั้งคนชราและคนพิการ ร่วมใช้บริการด้วย โดยปกติแล้ว ผู้คนที่นั่งอยู่ควรเสียสละที่นั่งให้กับผู้ชราและผู้พิการดังกล่าว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพวกเขา แต่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น การสละที่นั่งให้ผู้ที่ลำบากนั้นมีให้พบเห็นยากขึ้นในสังคมของทุกวันนี้ จึงทำให้เกิดมาตรการจัดเตรียมที่นั่งไว้สำคนชราและผู้พิการ แต่ก็ยังไม่แคล้วเกิดปัญหาอีกจนได้ เมื่อมีคนที่เข้าไปนั่งในที่ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับคนชราโดยเฉพาะ เรื่องราวอันเป็นปัญหานี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2018 บนรถไฟสาย Kanjo ใน Osaka เมื่อคุณตาวัย 62 ปีนามว่า Motokazu Koizumi หันไปเห็นชายวัย 34 ปี (ไม่เผยชื่อ) ได้นั่งบนที่นั่งพิเศษสำหรับคนชรา คนพิการ และหญิงมีครรภ์ ขณะกำลังเดินทางไปทำงาน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณตา Koizumi เห็นชายคนดังกล่าวมานั่งตรงนี้ โดยเมื่อวันที่ผ่านมาทั้งคู่ได้มีปากเสียงกันบนรถไฟขณะที่ Koizumi กำลังเดินทางกลับบ้านในเวลากลางคืน Koizumi กล่าวว่า “ผมโมโหมากที่เขามานั่งในที่พิเศษแบบนี้” หลังจากนั้นเมื่อขบวนรถไฟเดินทางไปถึงสถานี Taisho ในเวลาประมาณ 06.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่น ชายวัย 34 ปีจึงลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกจากขบวนรถไฟ เวลานั้นเองเป็นตอนที่ Koizumi ได้เข้าไปใช้มีดปอกผลไม้แทงเขาหลายครั้งเข้าที่บริเวณท้อง ทำให้เกิดบาดแผลที่สาหัส แต่ยังโชคดีที่ไม่ถึงกับชีวิต จากนั้น Koizumi…
-
นักเรียนญี่ปุ่นโอดหนัก เมื่อข้อสอบเอนท์ฯ ถามว่า ‘มูมิน’ มาจากไหน พลาดข้อเดียวชี้ชะตาเลยนะ…
ทุกครั้งที่เราพูดถึงจุดเด่นของประเทศญี่ปุ่นเราก็จะนึกถึงสิ่งต่างๆ มากมายทั้งวัฒนธรรม หนังผู้ใหญ่ เทคโนโลยี เกมและสิ่งสำคัญเลยคือ ‘อนิเมะ’ ซึ่งเจ้าสิ่งนี้นั้นเรียกว่าแทบจะซึบซับเข้าไปอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนในญี่ปุ่นจะดูอนิเมะหรืออ่านการ์ตูน เพราะแต่ละคนนั้นก็ล้วนมีความสนใจที่แตกต่างกันออกไปซึ่งคิดดูแล้วมันก็ไม่ได้มีปัญหาจริงไหม ทว่ามันดันมีเนี่ยสิ!? เมื่อล่าสุดได้มีนักเรียนญี่ปุ่นจำนวนมากออกมาโพสต์ถึงเหตุการณ์สุดปวดตับที่พวกเขาต้องเจอสอบเอ็นทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยว่า พวกเขาจะต้องเจอกับข้อสอบสุดงงที่ประกอบด้วยรูปภาพของปีศาจอะไรก็ไม่รู้ รวมถึงภาษานอร์ดิกด้วย แต่ที่เงิบกว่าคือในข้อสอบดันมีคำถามที่ถามว่า ‘มูมิน’ นั้นพูดภาษาอะไรและมีต้นกำเนิดมาจากไหน นักเรียนทั้งหมดที่ได้ทำข้อสอบดังกล่าวก็เงิบกันไปยกใหญ่ เพราะนอกจากจะมีคนที่ไม่ค่อยอินกับการ์ตูนในญี่ปุ่นแล้ว นี่พวกเขายังต้องมาเจอกันการ์ตูนจากฟินแลนด์อีก ตายแน่งานนี้… (มูมิน เป็นตัวละครที่ถูกแต่งขึ้่นโดย Tove Jansson ซึ่งเป็นชาวฟินแลนด์ โดยเริ่มแรกถูกสร้างออกมาเป็นหนังสือสำหรับเด็กจำนวน 9 เล่มด้วยกันจากนั้นจึงถูกไปทำเป็นอนิเมชั่น ซึ่งตัวมูมินนั้นเป็นโทรล แต่มีลักษณะคล้ายๆ กับ ฮิปโปโปเตมัส ส่วนภาษาที่ใช้นั้นต้นฉบับจะเป็นภาษาสวีดิช ) เรื่องดังกล่าวนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องเล่าตลกขบขัน แต่เอาเข้าจริงมันกลับขำไม่ออกเลยเพราะว่ามันถือเป็นคะแนนที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของผู้สอบเข้ามหาลัยได้ และเราลองคิดดูว่าเราต้องมาฝากชีวิตไว้กับคำตอบของตัวการ์ตูนที่หน้าตาเหมือนฮิปโปอย่างนั้นเหรอ ข่าวได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งเรื่องนี้ได้ร้อนไปถึง Yoshihide Suga เลขาธิการใหญ่ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเขาก็ออกมาบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ผมรับรู้เรื่องดังกล่าวแล้ว แต่รัฐก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่จะสามารถเข้าไปยุ่งอะไรกับข้อสอบได้” . . เมื่อเลขาธิการพูดมาแบบนี้…
-
ญี่ปุ่นเปิดตัว “เหรียญโอตะคุ” แค่ดูเมะ แชร์เรื่องราว เขียนรีวิว ก็มีเงินไปชอปปิงสบายๆ
ธุรกิจการ์ตูนญี่ปุ่นหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าอนิเมะเป็นธุรกิจหนึ่งที่เติบโตไปทั่วโลก ทุกวันนี้จึงมีเหล่าโอตาคุ (ผู้ที่คลั่งไคล้อะไรบางอย่างจนเกินพอดี แต่มักใช้เรียกคนที่คลั่งไคล้ในอนิเมะ) เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนเหล่าแฟนๆ และเสริมสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจอนิเมะ ประเทศญี่ปุ่นจึงได้นำเงินตราเสมือนจริงเข้ามาใช้งานกับธุรกิจนี้เพื่อให้แฟนๆ สามารถนำเงินตราไปใช้จับจ่ายซื้อของหรือสนับสนุนผู้สร้างผลงานอนิเมะได้ด้วย โดยมีชื่อเรียกเงินตรานี้ว่า เหรียญโอตาคุ (Otaku Coin) บริษัทที่นำเอาเหรียญโอตาคุเข้ามาใช้ก็คือ Tokyo Otaku Mode ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายอนิเมะ มังงะ (หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น) เกมและรวมถึงของใช้เกี่ยวกับอนิเมะด้วย บริษัทนี้จัดจำหน่ายสินค้าออนไลน์ไปให้กับแฟนๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว แม้ว่าอนิเมะจะได้รับความความนิยมอยู่มากพอสมควร แต่แฟนๆ กลับมีช่องทางในการสนับสนุนคนทำอนิเมะหรือมังงะผ่านทางการซื้อการ์ตูนและสินค้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ทางบริษัทจึงหวังว่าการนำเหรียญโอตาคุเข้ามาใช้จะทำให้กลุ่มลูกค้าเข้ามาสนับสนุนธุรกิจโดยตรงได้มากขึ้น คลิปวิดีโอโปรโมตเหรียญโอตาคุ วิธีการสะสมเหรียญโอตาคุก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แฟนๆ อนิเมะก็เพียงแค่ทำสิ่งที่พวกเขาทำเป็นปกติอยู่แล้ว นั่นก็คือการรับชมอนิเมะ ช่วยกันแชร์อนิเมะ และเขียนรีวิวให้กับอนิเมะเพียงเท่านี้ก็ได้เหรียญโอตาคุมาใช้กันแล้ว หรือแม้แต่การไปงานอีเวนต์ก็ทำให้ได้รับเหรียญโอตาคุเช่นกัน เมื่อได้รับเหรียญโอตาคุมาแล้ว แฟนๆ ก็สามารถนำเหรียญเหล่านี้ไปซื้อของในเว็บไซต์หรือในงานอีเวนต์กันได้เลย นอกจากการซื้อของแล้วเหรียญเหล่านี้ยังสามารถใช้ส่งเป็นเงินสนับสนุนให้กับโครงการอนิเมะต่างๆ ได้ด้วย หรืออีกทางหนึ่งแฟนๆ ก็สามารถส่งเหรียญโอตาคุให้กับคนทำอนิเมะหรือมังงะเจาะจงเป็นรายบุคคลเลยก็ย่อมได้ เมื่อมีเงินสนับสนุนส่งให้แล้วคนทำผลงานก็จะได้สร้างอนิเมะและมังงะกันออกมาให้เราได้ชมมากขึ้นนั่นเอง หลังจากมีการเปิดตัวเหรียญโอตาคุออกสู่สาธารณะแล้ว ก็มีคนใหญ่คนโตในวงการอนิเมะหลายคนเข้ามาให้การสนับสนุนโครงการนี้ ในจำนวนนั้นก็รวมไปถึง Christopher Macdonald ผู้บริหารสูงสุดของ Anime News…
-
โรงเรียนในญี่ปุ่นสนับสนุน LGBT เปิดให้นักเรียนแต่งยูนิฟอร์มไม่ตรงเพศกำเนิดได้
ปัจจุบันโลกของเราเปิดรับกระแส LGBT หรือก็คือกลุ่มคนที่เพศไม่ตรงเพศกำเนิดมากกว่าแต่ก่อนมาก ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของประเทศเรา ก็อนุญาตให้บัณฑิตที่เป็นกลุ่มรักร่วมเพศแต่งชุดบัณฑิตผู้หญิงมารับปริญญาได้แล้ว ในประเทศญี่ปุ่นเองก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนกลุ่ม LGBT เช่นกัน โดยโรงเรียน Kashiwanoha Middle School ได้อนุญาตให้นักเรียนชั้นมัธยมต้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศใด แต่งกายชุดนักเรียนของผู้ชายหรือผู้หญิงมาโรงเรียนก็ได้ โรงเรียนที่ว่านี้อยู่ในเมืองคาชิวะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น มีจุดเริ่มต้นมาจากโรงเรียน Kashiwanoha Elementary School ที่เปิดเมื่อปี 2012 โดยมีการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนในชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ในปีนี้นักเรียนกลุ่มแรกที่เข้าเรียนก็กำลังจะจบชั้นประถมศึกษา และเพื่อรองรับนักเรียนเข้ามาเรียนในชั้นมัธยมศึกษาต่อ จึงได้สร้างโรงเรียนมัธยม Kashiwanoha Middle School ขึ้นมา ความพิเศษของโรงเรียนนี้ก็คือการให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมศึกษา ใช้สระว่ายน้ำและโรงอาหารร่วมกันและยังข้ามไปใช้ตึกเรียนร่วมกันด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับนักเรียนประถมก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในระดับมัธยมนั่นเอง แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนที่กำลังจะเข้าศึกษาในระดับมัธยม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถเลือกใส่ชุดนักเรียนของอีกเพศหนึ่งได้ตามความสบายใจของนักเรียนเองเลย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนแนวคิดเรื่องการเปิดรับ LGBT ที่มีมากขึ้นนั่นเอง ในตอนแรกทางโรงเรียนอยากจะให้นักเรียนแต่งชุดอะไรมาเรียนก็ได้ด้วยซ้ำ ทว่าทางด้านผู้ปกครองกว่า 90 เปอร์เซ็นต์มีความต้องการให้ลูกของตนสวมใส่ชุดนักเรียน ทางโรงเรียนจึงทำตามความต้องการนั้นนั่นเอง บุคลากรที่โรงเรียนเองก็พยายามเลือกชุดที่ดูเป็นกลางมากที่สุดเพื่อไม่ให้ชุดดูค่อนไปทางเพศใดเพศหนึ่งมากเกินไป จึงไม่ได้ใช้ชุดนักเรียนกะลาสีที่มีความเป็นผู้หญิง และชุดเสื้อแจ็คเก็ตคอตรงที่ดูมีความเป็นผู้ชาย สุดท้ายจึงเลือกใช้เสื้อเชิ๊ตสีขาวแล้วสวมทับด้วยแจ็คเก็ตแทน นักเรียนสามารถเลือกที่จะใส่กางเกงสแล็กหรือกระโปรงได้ตามใจชอบ และก็สามารถเลือกที่จะผูกคอเสื้อด้วยเนกไทหรือโบว์ก็ได้เช่นกัน แม้ว่าโรงเรียนบางแห่งจะให้นักเรียนหญิงผูกเนกไทได้อยู่แล้ว แต่ไม่เคยมีโรงเรียนไหนอนุญาตให้ผู้ชายผูกโบมาก่อนเลย ทางโรงเรียนหวังว่ากฎระเบียบการแต่งกายแบบใหม่นี้จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเพศ และเพิ่มความสบายใจในการแต่งตัวให้กับนักเรียนทุกคนได้ พวกเขาจะได้มาโรงเรียนด้วยความรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย…
-
Trap Adventure 2 เกมชวนหัวร้อนตัวใหม่ ทางที่เห็นอยู่ข้างหน้า อาจจะไม่อย่างที่คิดก็เป็นได้!?
คุณยังจำเกม Flappy Bird ได้ไหม และคุณยังจำ Mario Neko สุดเกรียนได้หรือเปล่า ถ้าคุณยังจำความหัวร้อนจากเกมเหล่านั้นได้ วันนี้ขอเชิญพบกับเกมหัวร้อนตัวใหม่ที่กำลังฮิตไปทั่วโซเชียลกับเกม Trap Adventure 2!! Trap Adventure 2 นั้นเป็นเกมที่สามารถเล่นได้เฉพาะบน iOS เท่านั้นในตอนนี้ ซึ่งถูกออกแบบโดยชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Hiroyoshi Oshiba โดยตอนที่เขากำลังพัฒนาเกมนี้อยู่เขาได้ออกมาบอกว่า เกมนี้มันเป็นอะไรที่เชรี้ยมากๆ แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องชอบมัน… ซึ่งเขาก็ได้โพสต์ตัวอย่างเกมเพลย์ของ Trap Adventure 2 มาให้เราได้ดูด้วย (ถ้าใครดูไม่ได้ให้เข้าไปดูตัวต้นฉบับที่ ひろ!! ) こんなアプリ作ってます。ヒドイのでおすすめしません。 トラップアドベンチャー2 iOS:https://t.co/hmdBJXroBD pic.twitter.com/bkxwN2c6xf — ひろ!! (@hirobikkuri2) 20 มกราคม 2561 ส่วนถ้าใครที่ดูแล้วยังไม่ค่อยจะเข้าใจว่ามันเกมมันยังไงและจะชนะยังไง คำตอบนั้นก็ง่ายมากๆ เกมนี้จะมีรูปแบบการเล่นคล้ายกับมาริโอ้สมัยก่อน คือตะลุยไปด้านข้างและผ่านด่านไปเรื่อยๆ ทว่าในแต่ละด่านก็จะมีอุปสรรคที่เกรียนแตกมาเยอะแยะมากมายให้เราหัวร้อนเล่นนั่นเอง ซึ่งถ้าใครอยากจะดูตัวอย่างการเล่นเกมนี้แบบร้อนๆ #เหมียวมู่ทู่ ก็จะขอหยิบคลิปมาให้ลองดูสักสองสามคลิปเป็นไง ไว้เป็นตัวอย่างก่อนที่จะตัดสินใจไปโหลดมาเล่นกัน…
-
ดีไซน์นั้นสำคัญ… นักออกแบบโพสต์ภาพอธิบาย ว่าการออกแบบเจ๋งๆ ให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไร!?
เราเคยคิดไหมว่าการดีไซน์นั้นสำคัญยังไง หลายคนอาจจะคิดว่าการดีไซน์นั้นก็เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว ซึ่งการดีไซน์เพื่อความสวยงามก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียว แต่ว่าบางครั้งเราจะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการดีไซน์ผลงานแต่ละชิ้นด้วย เช่นถ้าเราจะดีไซน์ของใช้งานจริงๆ เราก็จะต้องคำนึงถึงการใช้งาน ความสะดวก หรือถ้าดีไซน์ป้ายเราก็จะต้องคำนึงถึงเป้าหมายที่เราอยากจะสื่อผ่านป้ายของเรา ด้วยเหตุนี้ Marcin Wichary ดีไซน์เนอร์ที่ได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกและตกหลุมรักกับดีไซน์ต่างๆ ตั้งแต่แรกเห็น จึงออกมาบอกว่าการดีไซน์มันสำคัญจริงๆ โดยเฉพาะ UI (ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้) ของป้ายหรือเครื่องมือต่างๆ ที่ควรจะทำให้มันเข้าใจง่ายแม้จะไม่เข้าใจภาษานั้นๆ ก็ตาม ซึ่งเขาก็ได้ยกตัวอย่างมากมายมาให้เราได้ดูกันด้วย… อย่างแรกคือปุ่มกดตู้ ATM ที่ใช้ปุ่มกดแบบแมคคานิคอล ซึ่งมันทำให้เรากดง่ายมากๆ เช่นเดียวกับปุ่มเปิดปิดไฟ ที่ต่อให้คุณไม่เข้าใจว่าคำอธิบายเขียนว่าอะไร แต่รูปสามารถตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน ตู้ขายของอัตโนมัติที่แสดงให้เห็นว่าจำนวนเงินที่เรายอดเข้าไปซื้ออะไรได้บ้าง ผ่านสัญญานไฟที่โชว์ขึ้นมา บัตรเดินทางที่เข้าใจง่ายว่าใช้กับอะไรและซื้อได้ง่ายๆ จากตู้ขาย ป้ายแจ้งเตือนในโรงแรมที่เป็นแม่เหล็ก ทำให้ประหยัดกระดาษและที่สำคัญมันไม่ตกหายด้วย ป้ายบอกชั้นที่บอกอย่างชัดเจนว่าชั้นไหนมีอะไร แถมดูสวยงาม ป้ายเตือนให้ท่านชายนั่งหุบขา พูดไม่เยอะแต่ให้ภาพมันบอก สร้างแรงบันดาลใจในการเดินขึ้นบันไดด้วยจำนวนแคลอรีที่เผาผลาญไปในแต่ละก้าว ส่วนถ้าใครกลัวว่าไปต่างประเทศแล้วกลัวจะอ่านป้ายสถานีบนรถไฟไม่ออก ไม่ต้องห่วงญี่ปุ่นแก้ปัญหาได้ (ดูลิงก์ต้นฉบับได้ที่ mwichary) 5. The (Tokyo)…
-
พิธีเสกสมรสของเจ้าหญิงมาโกะ ถูกเลื่อนถึงปี 2020 เหตุ ‘ยังเตรียมการไม่พร้อม’
พิธีเสกสมรสของ เจ้าหญิงมาโกะ พระราชนัดดาองค์ใหญ่ (หลานสาวคนโต) ของ จักรพรรดิอะกิฮิโตะ นั้นได้ถูกเลื่อนระยะเวลาออกไปจนถึงปี 2020 เนื่องจาก “การเตรียมการยังไม่พร้อม” ตามกำหนดการแล้ว เจ้าหญิงมาโกะ วัย 26 ชันษา และ เค โคะมุโระ วัยเดียวกันนั้นจะเข้าพิธีหมั้นอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมภายในเดือนมีนาคม 2018 ก่อนพิธีเสกสมรสที่เดิมทีจะจัดขึ้นในวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน ทั้งคู่ชี้แจงกับองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีว่า การเฉลิมฉลองที่เกี่ยวกับพิธีเสกสมรสของทั้งคู่ จะถูกเลื่อนไปจนกว่าจะถึงปี 2020 ดังนั้นจึงทำให้หมายกำหนดการของสมาชิกราชตระกูลในปีถัดไปนั้นแน่นเนื่องจากการสละราชสมบัติขององค์จักรพรรดิ เจ้าหญิงมาโกะตรัสว่า “ข้าพเจ้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง ที่สร้างปัญหาใหญ่ให้กับทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือในพิธีเสกสมรสของพวกเราอย่างเต็มใจ” หน่วยงานตัวแทนสมาชิกของราชตระกูลออกมาชี้แจงว่า ทั้งคู่ยังต้องการเข้าพิธีเสกสมรสอยู่ และปฏิเสธว่าการเลื่อนวันพิธีนั้นไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นในนิตยสารที่เกี่ยวกับปัญหาการเงินของฝ่ายชายแต่อย่างใด องค์จักรพรรดิอะกิฮิโตะได้ทรงสร้างความตกใจให้กับประเทศครั้งหนึ่งเมื่อปี 2016 โดยการตรัสถึงการสละราชบัลลังก์เนื่องด้วยเหตุทางพระชนมพรรษาและสุขภาพ วันที่ 30 เมษายน 2019 เป็นกำหนดที่พระองค์จะสละราชสมบัติหลังจากได้ครองราชย์ในดินแดนญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ทั้งนี้ องค์ฟ้าชายนะรุฮิโตะ พระราชโอรสองค์โตขององค์จักรพรรดินั้นจะได้ขึ้นเสวยสิริราชสมบัติบนบัลลังก์เบญจมาศต่อไป ขณะเดียวกันการเสกสมรสของเจ้าหญิงมาโกะหมายความถึงการสละฐานันดรศักดิ์ในราชวงศ์ แต่พระองค์ก็หาได้สนพระทัยไม่ เนื่องจากพระองค์ประทับพระทัยในตัวของโคะมุโระตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ทอดพระเนตรเห็น “รอยยิ้มที่เจิตจ้าดั่งแสงตะวัน” ของเขา…
-
นักท่องเที่ยวแห่ทำตามความเชื่อ นำเงินยัดใส่เสาศาลเจ้า “อิสึกุชิมะ” หวั่นทำให้พังในเร็ววัน…
ประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนนิยมไปเที่ยวกันมากที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากความโดดเด่นด้านองค์ประกอบทางทัศนียภาพ อาหาร และศิลปะวัฒนธรรม ตัวอย่างก็เช่น ย่านอะกิฮะบะระ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่น หรือจะเป็น เมืองฮะโกะเนะ สำหรับผู้ที่สนใจในน้ำพุร้อนและการแช่ออนเซ็น เกาะมิยาจิมะ ในเมืองฮิโรชิมานั้นเองก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเช่นกัน เพราะเป็นเกาะที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาอันเต็มไปด้วยผืนป่าเขียวชอุ่มและศาลเจ้าเก่าแก่กว่าร้อยปี ที่นั่น นอกจากจะมีกวางออกมาเดินให้เห็นในเมืองกันแล้ว ยังมีสิ่งที่ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของเกาะ นั่นก็คือ ซุ้มประตูโทะริอิ แห่งศาลเจ้าอิสีกุชิมะ ที่โผล่ขึ้นมากลางน้ำ เมื่อยามน้ำลดลงคุณสามารถเดินไปยังบริเวณขาตั้งของซุ้มประตูได้ เสาซุ้มประตูสีส้มนี้เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆ . และด้วยความที่ช่วงล่างของซุ้มประตูนั้นต้องอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน เสาไม้ก็เริ่มแตกและโก่งงอ แถมนักท่องเที่ยวบางกลุ่มมีความเชื่อในการนำ “เหรียญ” เข้าไปยัดในรอยแตกร้าวของเสา ซึ่งทำให้เกิดภาพที่ไม่สวยงามและส่งผลเสียต่อซุ้มโทะริอิอีกด้วย ทั้งนี้ผู้ใช้ Twitter ชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชื่อว่า @riyusuisuiriyu ได้เผยแพร่ภาพสภาพปัจจุบันของเสาโทะริอิ พร้อมกับคำวิงวอนให้หยุดความเชื่อการยัดเหรียญดังกล่าว ในโพสต์ของเธอมีใจความว่า “หากยังทำเช่นนี้ต่อไป เสาโทะริอิจะต้องพังแน่ๆ ดูที่เหรียญเหล่านั้นสิ ผู้คนนำมันไปยัดไว้ในรอยแตกซึ่งมันก็จะยิ่งแตกมากขึ้นกว่าเดิม ฉันไม่อยากให้เสาโทะริอินี้กลายเป็นเพียงอดีตมรดกของโลกหรอกนะ จงจำไว้ นี่คือศาลเจ้า ไม่ใช่ของเล่นในสวนสนุก” ความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่าการบริจาคเหรียญด้วยวิธีการโยนหรือใส่เข้าไปในกล่องนั้นจะนำมาซึ่งโชคลาภ สุขภาพ และพรต่างๆ คงไร้ค่า และศาลเจ้าอายุนับศตวรรษก็คงจะสูญสลาย หากความเชื่อผิดๆ ที่ว่าการนำเหรียญไปยัดในเสาไม้โทะริอิที่แตกจะนำมาซึ่งสิ่งเดียวกันนั้นยังคงแพร่หลายต่อไป การไปเที่ยวในสถานหนึ่งๆ…
-
กระแสเกมเสมือนจริงในญี่ปุ่น ให้ผู้เล่นตัดขาดจากโลก เข้าไปสัมผัสความสนุกแบบเต็มตัว
ในยุคสมัยนี้ เกือบทุกคนจะต้องเคยเล่นวิดีโอเกมกันมาบ้างแล้วผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่ในสมาร์ตโฟน แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเราสามารถเข้าไปเป็นผู้เล่นในนั้นได้โดยตรง เหมือนกับว่าเราอยู่ในเกมนั้นจริงๆ ไอเดียดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น กับเหล่าเกมเสมือนจริง ที่ท้าทายให้เราพาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของเกมในชีวิตจริง ใช้ร่างกายเป็นตัวตัดสินว่าเราจะสามารถผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้หรือไม่ เกมเสมือนจริงในลักษณะนี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2007 ในตอนที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งพูดความรู้สึกเกี่ยวกับการที่ตัวเองได้เล่นเกมแนวหลบหนีหรือไขปริศนาว่ามันสนุกมากขนาดไหน ทางบริษัท Scrap ผู้พัฒนาเกมของประเทศญี่ปุ่นได้ฟังความรู้สึกของเด็กคนนั้นก็เกิดไอเดียที่จะดึงเอาเกมมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง เพื่อให้เหล่าผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมสามารถรับเอาประสบการณ์เหล่านั้นได้โดยตรง เหมือนกับเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง หลังจากนั้นเกมเสมือนจริงแนวการหลบหนีไขปริศนาก็ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม 2007 ในพื้นที่จังหวัดเกียวโต ซึ่งในตอนนั้นผลตอบรับที่ได้ก็เป็นไปอย่างดีเยี่ยม ทำให้ทางบริษัทเริ่มที่จะกระจายเกมประเภทนี้ออกไปเป็นวงกว้าง มีการจัดงานนำเสนอเชิญชวนผู้เล่นไปทั่วประเทศ เวลาผ่านไป ทางบริษัทก็ได้กระจายเกมเสมือนจริงนี้ออกไปให้ชาวญี่ปุ่นได้เล่นกันกว่า 15 แห่งทั่วประเทศ และยังมีบางเกมที่ถูกส่งไปตั้งให้ได้เล่นกันในต่างประเทศอีก 7 แห่ง ได้แก่ นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส โตรอนโต้ และอีกหลายๆ ที่ โดยมีภาษาอังกฤษรองรับให้กับเหล่าผู้เล่นจากทั่วโลก Akira Baba อดีตศาสตราจารย์นักประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว ก็บอกว่า ความสนุกของเกมเสมือนจริงเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้เทคโนโลยีล้ำๆ แต่มันคือการที่ทำให้ผู้เล่นได้เข้าไปสัมผัสด้วยร่างกายและสมองของตัวเอง เขาทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มมีคนเอามาทำจริงๆ โดยเขาเสริมว่า หนึ่งในความสนุกที่สุดของการได้เข้าไปเล่นเกมด้วยตัวเองก็คือตอนที่ผู้เล่นรู้สึกประสบความสำเร็จหลังจากจบเกม บวกกับความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากชีวิตจริงที่การพัฒนาในเรื่องต่างๆ จะเห็นผลได้ช้า…
-
ภรรยาให้สามีปั๊มตราให้ หากในวันนั้นเธออารมณ์ดี เพื่อแก้ไขการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
การที่จะใช้ชีวิตคู่ได้อย่างยืนยาวนั้น ต้องรู้จักยอมกันเสียบ้าง ถ้าฝ่ายหนึ่งเป็นไฟ อีกฝ่ายหนึ่งต้องยอมเป็นน้ำ ช่วยกันพัฒนาแต่ละฝ่ายให้กลายเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น เพื่อจะได้รักษาสมดุลระหว่างคนสองคนให้ยั่งยืน ซึ่งในข่าวนี้มีสามี ภรรยา ชาวญี่ปุ่นได้ทำการพัฒนาชีวิตคู่ไปด้วยกัน โดยที่ฝ่ายภรรยาจะให้สามีปั๊มตราลงในตารางในวันที่เธอไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียว โดยที่เธอหวังว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้เธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และสามีของเธอก็ยอมรับเงื่อนไขนี้ด้วย โดยที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ @c__i__y__o ได้โพสต์ภาพแสตมป์ที่ถูกปั๊มพร้อมกับข้อความว่า “มันค่อนข้างน่าอาย แต่ว่าฉันนั้นเป็นคนที่อารมณ์ร้อน ค่อนข้างขี้หงุดหงิด ฉันอยากที่จะแก้ไขมัน” “ดังนั้นฉันเลยทำตารางแสตมป์ขึ้นมา และให้สามีของฉันปั๊มแสตมป์ในวันที่ฉันไม่ได้มีอารมณ์ฉุนเฉียว ข้อความที่เขาเขียนให้ฉัน ทุกๆ สัปดาห์มันช่างดีและเต็มไปด้วยความรักเหลือเกิน” แสตมป์ที่ปั๊มเป็นรูปหัวใจและข้างในเป็นตัวคันจิที่แปลว่ารักด้วยนะ หวานเหลือเกินนน ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ ที่เธอตระหนักถึงอารมณ์ของเธอและต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ส่วนสามีของเธอก็ยอมช่วยเหลือให้เธอผ่านมันไปได้ เพราะหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดของชีวิตคู่ก็คือการช่วยให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเก่านี่แหล่ะ และนี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ฝ่ายหญิงบอกว่าข้อความที่ฝ่ายชายทิ้งไว้ให้ทุกอาทิตย์นั้นพิเศษ และเต็มไปด้วยความรักมากๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าเขาจะเขียนถึงเธออย่างไรกันบ้าง “มันสนุกมากๆ เพียงแค่ผ่อนคลายและใช้เวลาช่วงหยุดหน้าหนาวไปด้วยกัน ช่วยกันทำมันให้เป็นปีที่ดี ทำมันให้เป็นที่ที่สนุก กินอาหารมากมาย และหัวเราะด้วยกันมากๆ” “ผมต้องกลับไปทำงานหลังจากช่วงหยุดนี้ แต่ต้องขอบคุณกับความช่วยเหลือของคุณนะ ที่ทำให้ทุกอย่างมันง่าย ทุกๆ ครั้งที่ผมได้กินเบนโตะที่คุณทำ ผมก็รู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆ ได้ไปเข้ายิมตอนวันอาทิตย์และได้ไปกินซ่าอีก ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอสัปดาห์ต่อไปนะ” “ข้อความของวันที่ 20: คุณตัดผมแล้วดูน่ารักมากๆ ดูดีมากๆ…
-
ประเทศญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ ในการส่งจรวดที่เล็กที่สุดพร้อมบรรทุกดาวเทียมสู่นอกโลก
กลายเป็นเรื่องฮือฮาของวงการวิทยาศาสตร์อีกครั้ง หลังจากที่มีรายงานว่าองค์การสำรวจอวกาศประเทศญี่ปุ่น หรือ Japanese Aerospace Exploration Agency (JAXA) ได้ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมด้วยจรวด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา จากรายงานเผยว่าการปล่อยจรวดความเร็วเหนือเสียง SS-520 ที่บรรทุกดาวเทียม TRICOM-1R ที่มีขนาดเล็กเพียงแค่ 13.6 นิ้ว ครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าภารกิจก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาจะพบความผิดปรกติทางเทคนิคและล้มเหลวไปก็ตาม เจ้าจรวด SS-520 ที่ทำหน้าที่ในการปล่อยดาวเทียมครั้งนี้มีความสูงด้วยกันทั้งสิ้น 10 เมตร มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เซนติเมตร และมีน้ำหนักรวมเชื้อเพลิงเท่ากับ 2.6 ตัน ในขั้นตอนแรกของการปล่อยจรวดดังกล่าว ตรงส่วนครีบด้านล่างของมันจะบรรจุเชื้อเพลิง Hydroxyl-Terminated Polybutadiene (HTPB) แบบแข็งประมาณ 1.5 ตัน ซึ่งจะช่วยให้จรวดดังกล่าวพุ่งขึ้นจากพื้นในมุมที่ถูกต้อง และหลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งนาที ถึงจะมีการเปิดใช้งานเชื้อเพลงในส่วนที่ 2 และ 3 วินาทีที่จรวด SS-520 กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นอกจากจะบรรทุกดาวเทียม TRICOM-1R ที่มีน้ำหนักประมาณ 140 กิโลกรัมแล้ว จรวดดังกล่าวยังนำอุปกรณ์ถ่ายภาพและเครื่องรับสัญญาณวิทยุไปกับมันด้วย ไปชมวินาทีที่เจ้าจรวด SS-520 กำลังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย…
-
เหตุผลที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคอ้วน อาจเริ่มง่ายๆ จาก “อาหารการกิน”!?
ถ้าใครเคยได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เคยสังเกตกันไหมว่ามีแต่คนหุ่นดีเต็มไปหมด ไม่ค่อยได้พบเห็นคนอ้วนเลย แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา กลับตรงกันข้าม จากการสำรวจพบว่าอัตราเฉลี่ยของคนวัยผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วนในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นสูงถึง 30% ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีเพียง 3.5% เท่านั้น . อาหารการกินของคนในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความแตกต่างจากของอเมริกามาก จำนวนร้านอาหารจานด่วนในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีน้อยกว่าถึง 15 เท่า จึงทำให้คนชาวญี่ปุ่นเลือกที่จะกินอาหารอย่างอื่นที่หลากหลายกันมากกว่า แม้ว่าจะมีร้านอาหารจานด่วนอยู่บ้าง ก็ยังมีร้านข้าวสำหรับคนวัยทำงานที่มีเมนูง่ายๆ อย่างข้าวหน้าเนื้อ ซุปมิโสะ และอีกหลายเมนูที่ให้สารอาหารอย่างครบถ้วน มีราคาประหยัดและสะดวกรวดเร็ว หรือแม้กระทั่งในร้านสะดวกซื้อของประเทศญี่ปุ่นก็มีอาหารที่ดีต่อสุขภาพและราคาถูกให้เลือกมากมาย เช่น ข้าวปั้น สลัด หรือซุป เปรียบเทียบกับร้านสะดวกซื้อของอเมริกาในราคาเดียวกัน จะเลือกซื้อได้เพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของทอดที่เต็มไปด้วยไขมัน ของหวาน และของที่ไม่ดีต่อสุขภาพอีกมากมาย นอกจากนั้นร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่นมีอยู่แทบจะทุกที่ มีจำนวนกว่า 55,000 ร้าน ซึ่งหมายความว่ามีจำนวนร้านสะดวกซื้อต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตรมากกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับอเมริกา ถ้าหากคุณเพิ่งเลิกงาน คุณสามารถเลือกว่าจะเข้าร้านเบอร์เกอร์คิง หรือเลือกที่จะเข้าร้านซูชิข้างๆ หรือแม้กระทั่งร้านข้าวหน้าเนื้อที่มาพร้อมกับซุปเต้าหู้ หัวหอมและผักกาด ซึ่งความหลากหลายนี้จะทำให้ง่ายต่อการกินอาหารที่สุขภาพดีกว่า เนื่องจากคุณจะไม่ต้องทนเบื่อกินอาหารแบบเดิมในร้านเดิมๆ ทุกวัน…
-
เปิดเมนูลับ Subway ประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือแซนวิชด์ยักษ์ที่ใหญ่กว่าขนาดปกติถึง 8 เท่า!!
สำหรับชีวิตที่เร่งรีบในแต่ละวัน ทำให้เรื่องของอาหารก็เป็นเรื่องที่ต้องรวดเร็วด้วยเช่นกัน ดังนั้นหลายคนจึงเลือกอาหารที่สามารถหยิบแล้วกินได้เลย ซึ่งอาหารอย่างแซนวิชด์ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ผู้คนทั้งหลายต่างชื่นชอบกัน เพราะว่านอกจากจะเป็นอาหารที่สะดวกต่อการพกพาแล้ว มันยังมีอร่อยในแบบที่กัดไปคำเดียวแต่ได้รสชาติหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันอีกด้วย ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่หลงรักในอาหารชนิดนี้ ถึงขนาดที่ว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถต้านทานความอร่อยของมันได้ และในวันนี้ดูเหมือนความฝันของพวกเขาเหล่านี้จะเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เพราะมีร้านแฟรนไชส์แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่สร้างแซนวิชด์ให้ออกมาใหญ่ถึงขนาดปกติถึง 8 เท่า!!! โอ้โห จะกินหมดไหมเนี่ย สำหรับคอแซนวิชด์แล้วก็คงจะรู้จักกับร้าน Subway เป็นอย่างดี ซึ่งพวกเขาได้สร้างมิติใหม่ในการกินแซนวิชด์ขึ้นมาด้วยการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Giant Sub ที่มีขนาดใหญ่กว่าแซนวิชด์แบบปกติถึง 8 เท่า ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูลับที่ไม่มีขึ้นอยู่บนลิสต์รายชื่อเมนูอาหารภายในร้าน แต่แค่เพียงคุณเอ่ยชื่อเมนูนี้เท่านั้น พนักงานร้าน Subway ในประเทศญี่ปุ่นก็ยินดีที่ทำให้เป็นพิเศษเลยล่ะ โดยเมนูนี้ถูกค้นพบขึ้นโดยผู้สื่อข่าวที่มีชื่อว่า Meg นั่นเอง ห่อมาทีนี่ใหญ่กว่าข้าวหลามอีกนะเนี่ย การค้นพบครั้งนี้่เกิดขึ้นจากการที่ Meg ได้ไปที่ร้าน Subway แห่งหนึ่งในละแวกบ้านของเธอแล้วเอ่ยปากขอสั่งเมนู Giant Sub นี้แล้วจะมารับอีกภายใน 2 วันข้างหน้า และเมื่อเธอมารับของที่สั่งไว้ก็ถึงกับต้องตกตะลึงกับกล่องขนาดใหญ่ที่บรรจุแซนวิชด์ที่เธอสั่งเอาไว้ภายในนั้น น่ากินไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ โดยจริงๆ แล้วร้าน Subway ประเทศญี่ปุ่นมีแซนวิชด์ยักษ์นี้ให้บริการในหลากรสหลายสไตล์ถึง 4…
-
คุณแม่ถ่ายภาพลูกๆ แฝด 2 ผู้พี่ และน้องๆ แฝด 3 กับการเลี้ยงลูกแสนสนุก ไม่มีเบื่อ
ในยุคปัจจุบันนั้น คนยุคใหม่มักจะเริ่มเบื่อหน่ายกับการมีลูก เพราะพวกเขาคิดว่าการเลี้ยงลูกมันน่าเบื่อหรืออาจจะเพราะความไม่พร้อมของพวกเขา แต่สำหรับคุณแม่ยังสาวชาวญี่ปุ่นคนนี้กลับมองแตกต่างออกไป… Sachina คือคุณแม่ที่มองมุมกลับ โดยเธอได้มองหากิจกรรมสนุกๆ ทำกับลูกของเธอ โดยการให้พวกเขาแต่งตัวในแฟชั่นแบบต่างๆ และด้วยความที่เธอมีลูกชายคนโตเป็นแฝด 2 ลูกชายคนเล็กเป็นแฝด 3 ความสนุกมันก็เลยทวีคูณสุดๆ ดูสิ ครอบครัวหรรษา กับการแปลงร่างเป็นมินเนี่ยน แฝดคนโตทั้งสองคนอายุ 7 ขวบ ส่วนแฝดน้องทั้งสามอายุ 4 ขวบ หลายคนอาจจะสงสัยว่า สรุปน้องหนูแฝด 3 นั้นเป็นหญิงหรือชายกันแน่เพราะผมที่ยาวของพวกเขา แต่เชื่อเหอะว่าน้องหนูทั้งสามเป็นผู้ชายนะฮะ ทั้งหมดมีเสื้อผ้าที่ไว้แต่งให้เข้ากันเยอะแยะ เรียกว่าใส่ได้ไม่มีเบื่อเลย แม่ชอบแต่งตัว ฉะนั้นความเป็นแฟชั่นจึงถ่ายทอดมาสู่ลูกๆ คุณพ่อก็ดูจะเป็นคนมีความสามารถเหมือนกันนะ ถึงทำให้คุณแม่คลอดลูกแฝดออกมาติดกันได้แบบนี้ น่ารักกันจริงๆ เลยให้ตายสิ การแต่งตัวของคุณแม่ก็เฟี้ยวสุดๆ เลยนะเนี่ย ภาพนี้ดูแล้วหยั่งกับดูกระจกเลย แต่จริงๆ ไม่ใช่ อยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าทั้งหมดโตมาจะเป็นยังไง…
-
คาเฟ่แมวกับป้ายเตือนคน ‘แมวนั้นไร้เดียงสา จะเข้ามาก็หลีกทางให้น้องด้วย’
กลายเป็นกระแสพูดถึงบนโลกอินเตอร์เน็ตญี่ปุ่นกันพอสมควรเลยทีเดียว เมื่อชาวเน็ตนามว่า @Miki168uw ได้แชร์ภาพป้ายประกาศสุดเจ๋งหน้าร้านคาเฟ่แมว ซึ่งเป็นป้ายที่ไม่ได้แปะไว้เพื่อเตือนคนระมัดระวัง แต่เตือนให้คนดูแลเจ้าเหมียวแถวนี้ด้วย!? เห็นป้ายแปลกๆ ข้างล่างนั่นไหม ชาวเน็ตคนดังกล่าวนั้นเราล่าว่า เขาไปเจอป้ายดังกล่าวระหว่างที่กำลังเดินเล่นอยู่ในย่านอิเกะบุกุโระ เขาบอกว่าในโตเกียวมักจะมีอะไรแปลกๆ ให้เห็นอยู่แล้ว แต่เจ้าป้ายแบบนี้มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ โดยข้อความในป้ายนั้นเขียนไว้ว่า “แถวนี้มีแมวเพื่อนบ้านอยู่เยอะ และถ้าเกิดคุณเดินมาบังเอิญเจอพวกมันรออยู่หน้าร้านก็อย่าไปทำอะไรพวกมัน ที่สำคัญเปิดประตูช้าๆ เดี๋ยวพวกมันก็จะหลีกทางไปเอง ย้ำ!! ไม่ว่าจะมีแมวกี่ตัวก็ตามจงระวัง เพราะแมวนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์” แค่ป้ายเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่า เจ้าของร้านคาเฟ่แมว Smokers Cafe นั้นเป็นคนที่รักแมวขนาดไหน แม้แต่แมวเพื่อนบ้านที่มักจะมารบกวนหน้าร้าน เขายังเตือนให้ลูกค้าระวังพวกมัน เพราะกลัวพวกมันจะเจ็บจากการที่ลูกค้าเปิดประตูแบบไม่ทันสังเกตเลย ความน่ารักของป้ายดังกล่าวก็เลยทำให้ชาวเน็ตญี่ปุ่นถูกใจกันยกใหญ่และต่างพากันรีทวีตออกไปเกือบ 50,000 ครั้งแล้ว สดยอดจริงๆ สุดท้ายถ้าใครอยากจะไปเยี่ยมเยือนคาเฟ่แมวแห่งนี้ หรือตอนนี้กำลังเดินอยู่แถวย่านอิเกะบุกุโระก็ลองแวะไปดูกันได้นะ โดยตัวร้านจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงถึง 2 ทุ่ม และเปิดให้บริการทุกวันยกเว้นวันอังคารเท่านั้นนะจ๊ะ… ที่มา rocketnews24
-
คุณรู้ไหมว่า Haruo Nakajima ผู้นี้คือนักแสดงชื่อดังที่คนรู้จักกันทั่วโลก ในนามของ ‘ก็อตซิลล่า’
เมื่อพูดถึงนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ว่าใครก็ต้องมีผู้คนที่จำหน้าเขาได้ทั้งนั้น แม้บางคนอาจจะแสดงหนังดังมาเพียงไม่กี่เรื่องก็ตาม แต่ถ้าหากพูดถึง Haruo Nakajima ผู้ทืี่แสดงหนังดังๆ มาแล้ว 12 เรื่อง คงจะไม่มีใครนึกหน้าเขาออกแน่ๆ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า Haruo ผู้นี้คือผู้ที่อยู่ภายใต้ชุดสัตว์ประหลาดตัวโต “Godzilla” มาตลอดเลยยังไงล่ะ Haruo Nakajima นั้นเป็นนักแสดงคนแรกที่ใส่ชุด Godzilla ตั้งแต่ปี 1952 เลยล่ะ เขาเล่าว่าแรกเริ่มเดิมทีช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เขาก็ได้เข้ามาทำงานที่ Toho Pictures Japan ด้วยความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักแสดง การแสดงของเขาเริ่มจากการเป็นสตั๊นแมนในหนังซามูไร เช่น เรื่อง Seven Samurai เขาบอกว่า “เขามักจะได้แสดงเป็นคนที่ถูกฆ่าเสมอ” ต่อมาเมื่อเขาได้แสดงเรื่อง Eagle of the Pacific ที่ทำให้เข้าถูกจับตามอง โดยผู้กำกับ Ishiro Honda เขากล่าวว่า “ในฉากที่ไฟไหม้เครื่องบินแล้วมีนักบินกระโดดหนีออกมา นั่นแหละผมเอง” คุณ Honda เห็นว่าชายคนนี้มีความตื่นตัวและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาจึงเข้าไปหา Haruo…
-
เกาะ Tashirojima และ Aoshima แดนสวรรค์ของแมวญี่ปุ่น มีประชากรมากกว่ามนุษย์ซะอีก!!
ว่ากันว่าญี่ปุ่นนั้นคือดินแดนสวรรค์ของเหล่าคนรักสัตว์ โดยเฉพาะกับแมวที่จัดว่าเป็นหนึ่งในแหล่งใหญ่ของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะคาเฟ่แมวก็เริ่มมาจากที่นี่นั่นเอง แต่ถ้าใครที่รู้สึกว่าการไปคาเฟ่แมวในตัวเมืองมันยังไม่จุใจ งั้นเชิญพบกับเกาะแมว Tashirojima และ Aoshima สองเกาะดังที่ประชากรหลักคือแมว แถมยังมีคนอาศัยอยู่รวมกันแค่ 100 กว่าคนเท่านั้น!? เริ่มกันที่เกาะ Tashirojima กันก่อน เกาะนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดมิยะงิ โดยประวัติคร่าวๆ ของเกาะนั้นมันเริ่มมาจากปี 1950s ซึ่งตอนนั้นที่เกาะแห่งนี้ยังมีคนอาศัยอยู่กว่าพันคน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคปี 70s ก็เหลือจำนวนประชากรไม่ถึง 100 คนแล้ว จากการอพยพไปที่อื่นกันหมด ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกาะแห่งนี้มีแมวอาศัยอยู่เยอะนั่นก็เพราะในสมัยก่อนเกาะดังกล่าวเป็นเกาะของชาวประมง และชาวบ้านก็ต้องเจอกับปัญหาหนูที่มากินตัวไหม ทำให้ชาวบ้านสร้างแหจับปลาไม่ได้ “แมว” จึงกลายเป็นตัวเลือกหลักที่มาขจัดปัญหาดังกล่าว . แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปประชากรแมวกลับมาเยอะขึ้นๆ และผู้คนก็เริ่มย้ายออกไป ทำให้สุดท้ายประชากรแมวก็เพิ่มจุดถึงจุดพีคและยึดครองเกาะไปในที่สุดนั่นเอง . . . ข้ามมาที่อีกเกาะหนึ่งกันบ้างกับเกาะ Aoshima ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ ความพิเศษของเกาะแห่งนี้ที่ต่างจาก Tashirojima คือ ตัวเกาะนั้นแทบจะเป็นเกาะแมวแบบ 100%…
-
ร้านซูชิในประเทศญี่ปุ่น ต้อนรับเทศกาลแห่งความรักด้วย ซูชิช็อกโกแลตตต!!
สำหรับวาเลนไทน์ที่จะมาถึงในอีกไม่ช้านี้ หลายๆ คนอาจกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรไปมอบให้กับคนที่เรารักดี และแน่นอนว่าในทุกปีสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับของขวัญที่เราจะต้องเจออย่างแน่นอนนั่นก็คือช็อกโกแลต และเจ้าช็อกโกแลตเองก็ได้กลายเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารแนวใหม่จากร้านซูชิชื่อดังในญี่ปุ่น Kura Sushi ซูชิสายพานที่ทุกเมนูมีราคาแค่ 100 เยน หรือประมาณ 28 บาทเท่านั้น!! นอกจากเรื่องของความถูกแล้วร้านนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของเมนูสุดพิสดาร เหมือนอย่างเมนูใหม่นี้ที่มีชื่อว่า Tiramisushi หรือก็คือ ซูชิช็อกโกแลตตต!! Tiramisushi หรือ ซูชิช็อกโกแลตตต!! นี่คือการผสมผสานกันระหว่างซูชิ กับขนมหวานที่มีส่วนผสมหลักเป็นช็อกโกแลตอย่างเจ้า Tiramisu โดยภายในของเมนูใหม่นี้ประกอบด้วยพุดดิ้งช็อกโกแลตที่ขดตัวอยู่ด้านใน คั่นด้วยโนริสาหร่ายและข้าว ก่อนที่จะนำมาสคาโปนชีสมาโปะด้านบนเพื่อเพิ่มความหอมหวาน รสชาติของชีสและพุดดิ้งช็อกโกแลตจะทำให้คุณได้รับรสที่เหมือนกับกิน Tiramisu อยู่ยังไงยังงั้น แล้วเพิ่มความแปลกใหม่ด้วยรสชาติของข้าวสวยผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ซึ่งทางร้านออกมายืนยันเลยว่ามันเข้ากันแบบสุดๆ อย่างที่หากินจากที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ที่เดียว ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะพวกเขาได้แนะนำเพิ่มเติมว่าเจ้าของหวานตัวใหม่นี้ หากได้ลองนำไปกินกับกาแฟด้วยแล้วล่ะก็ จะยิ่งทำให้รสชาติมันกลมกล่อมอร่อยถูกปากมากขึ้นไปอีก เหมาะกับการจิบกาแฟ กินของหวาน พูดคุยกับคู่รักของคุณอย่างสุดๆ ไปเลย สินค้าชิ้นนี้จะถูกวางขายในช่วงเวลาจำกัด คือจะขายแค่เฉพาะวันที่ 9 – 15 กุมภาพันธ์…
-
ร้านสะดวกซื้อในจังหวัดกิฟุประเทศญี่ปุ่น เปิดบริการโดยไม่มีพนักงานแม้แต่คนเดียว
“สวัสดีครับ เชิญครับ” หรือ “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” นั้นเป็นคำทักทายที่เราได้ยินจนติดหูเมื่อเราเข้าไปใช้บริการในร้านสะดวกซื้อ พนักงานในร้านมักจะทักทายเราแบบนี้เสมอๆ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเหล่าพนักงานนั้นยินดีตอนรับและพร้อมบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ร้านสะดวกซื้อนั้นคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีสินค้าวางขาย และก็อยู่ไม่ได้เช่นกันหากว่า “ไม่มีพนักงาน” คอยดูแลร้านแม้แต่คนเดียว แต่เชื่อไหมล่ะว่ามันกลับมีร้านแบบนี้อยู่จริงๆ ในจังหวัดกิฟุ ของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งและเพื่อนๆ กำลังเดินทางไปยังเมืองคะคะมิกะฮะระ ในจังหวัดกิฟุ นั้นเอง พวกเขารู้สึกว่าอยากจะซื้อบุหรี่ และบังเอิญหันไปเห็นร้านค้าสะดวกซื้อแบรนด์ดังของญี่ปุ่น Lawson พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปซื้อบุหรี่ เมื่อเข้าไปแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึ้งก็คือ ชั้นวางสินค้าที่ว่างเปล่า แทบไม่เหลืออะไรเลยนอกจาก เครื่องดื่มที่กระจัดกระจาย หมากฝรั่ง แล้วก็ของต่างๆ สำหรับใช้ในห้องน้ำ นอกจากนี้ห้องน้ำของร้านแห่งนั้นยังแปะป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า “ปิดให้ใช้บริการ: ไม่สามารถใช้ได้ทั้งห้องน้ำผู้หญิงและผู้ชาย” พวกเขาจึงพยายามเรียกพนักงานอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีใครออกมา ไม่ได้ยินแม้เสียงของผู้คนที่ทำงานอยู่หลังร้าน จึงสรุปได้ว่า ที่ร้าน Lawson แห่งนี้ “ว่างเปล่า” ไม่มีใครอยู่ มีแต่ประตูที่ไม่ได้ล็อค และไฟที่เปิดไว้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากดูจากเว็บไซต์ของ Lawson ร้านนี้ยังถือว่าเป็นหนึ่งใน 10,000 สาขาที่ยังเปิดตัวอยู่…
-
ไขข้อข้องใจชายหนุ่ม กับประเด็นที่ว่า.. ทำไมนางเอกหนังโป๊ฝั่งญี่ปุ่น ชอบครางเสียงโทนสู๊งสูง
หนังโป๊จากประเทศญี่ปุ่นนั้นเรียกได้ว่าได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว และถ้าหากว่าคุณเคยดูล่ะก็สิ่งหนึ่งที่มักจะสัมผัสได้นอกจากความเร่าร้อนของดารานำหญิงแล้วล่ะก็ เสียงร้องของพวกเธอเองก็ช่างปลุกเร้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว… แต่เราเคยสงสัยกันบางหรือเปล่าว่าทำไมเหล่านางเอกพวกนี้เขาถึงได้มีน้ำเสียงที่เล็กและน่ารักแบบนี้นะ และทำไมเวลาที่พวกเธอส่งเสียงกระเส่านั้นมันมักจะออกเป็นโทนเสียงสูงๆ กันนะ!? อ่า… และเพื่อให้หนุ่มๆ ได้เพลิดเพลิน เอ๊ย!! เพื่อเป็นการไขข้อข้องใจ วันนี้เราก็ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าเสียงร้องแห่งความสุขนี้มาฝากกัน ภาพของความน่ารักคิขุนั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสาวญี่ปุ่น ภาพลักษณ์ความไร้เดียงสาเหล่านี้เองก็ถือเป็นหนึ่งในจุดขายของหนังผู้ใหญ่จากแดนปลาดิบ ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้พวกเธอดูเหมือนสาวน้อยวัยใสได้ไม่ใช่มีเพียงแค่การแต่งหน้าเท่านั้น แต่เสียงเองก็ถือเป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน จุดเริ่มต้นของน้ำเสียงสูงและแหลม น้ำเสียงที่สูงและแหลมนั้นจะทำให้พวกเธอดูเหมือนกับสาวๆ วัยรุ่น เพื่อให้พวกเธอรับบทสาวมัธยมหรือผู้หญิงที่ไร้เดียงสา ซึ่งหนังในแนวนี้ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น นอกจากนี้น้ำเสียงดังกล่าวยังได้รับความนิยมในหนังผู้ใหญ่แนวอื่นๆ อีกด้วย เนื่องจากมันแสดงให้เห็นว่าพวกเธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่กำลังต้องการมันด้วยเช่นกัน Erika Nishimori หนึ่งในนักแสดงหญิงแบบชั่วคราวของวงการเอวีได้เล่าว่า การทำเสียงสูงและยั่วยวนนั้นถือเป็นหนึ่งในงานของเธอ “ฉันต้องทำท่าทางแบบเหนียมอาย มันเป็นบทที่ต้องร้องไห้และแสดงว่าฉันกำลังกลัว และนั่นมันทำให้พวกชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้น” เธอให้สัมภาษณ์ น้ำเสียงของความอ่อนน้อม ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นนั้นผู้ชายจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีความเข้มแข็ง ส่วนผู้หญิงจะต้องมีความอ่อนน้อม โดยจะต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดีและคอยเชื่อฟังสามี แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันแนวคิดแบบนี้ได้มีการพัฒนาและเปลี่ยนไปอย่างมาก หนังผู้ใหญ่รวมถึงสื่อบันเทิงต่างๆ ก็ได้มีการพัฒนาเนื้อหาจากนวนิยายหรือเรื่องแต่งเสริมเข้าไปด้วยเช่นกัน โดยเนื้อหาของเรื่องมักจะแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นพวกขี้อายและไม่ค่อยเต็มใจ ก่อนที่จะถูกฝ่ายใช้กำลังเพื่อขืนใจพวกเธอ ซึ่งน้ำเสียงอันสูงแหลมนั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกพอใจด้วยเช่นกัน ตัวอย่างของการสร้างเสียงครางที่จะขาดไปไม่ได้จากสื่อฝั่งญี่ปุ่น (อย่าลืมใส่หูฟังก่อนนะ!!)… …
-
หนุ่มญี่ปุ่นรอว่าที่เจ้าสาวป่วยโคม่ากว่า 8 ปี ในที่สุดเธอก็ตื่นมาราวปาฏิหาริย์ และได้แต่งงานกัน
ในโลกนี้มีคู่รักหลายคู่ที่ต้องพรากจากกันไปด้วยโรคร้าย ในหลายกรณีก็ไม่ได้ถึงกับตายจากกันไปเสียทีเดียว แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็นอนเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทราไม่สามารถพูดคุยกันต่อไปได้ ชายญี่ปุ่นคนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าความรักของเขานั้นเป็นสิ่งที่มั่นคง ด้วยการรอคอยแฟนสาวที่นอนโคม่าอยู่นานถึง 8 ปีเต็ม ฟ้าคงจะเห็นถึงความรักแท้จริงของชายหนุ่มจึงได้สร้างปาฏิหาริย์ให้หญิงสาวหายดีดังเดิม จนในที่สุดทั้งคู่ได้แต่งงานกันตามที่ตั้งใจไว้ Nashiji Hisashi และแฟนสาว Makahara Mai Nakashiji Hisashi และ Nakahara Mai รู้จักกันเมื่อปี 2005 พวกเขาคบกันในฐานะคู่รักและรักกันดีเรื่อยมา พอคบกันได้ 2 ปีทั้งคู่ก็มั่นใจแล้วว่านี่แหละคือคู่ชีวิตของตัวเอง จึงได้วางแผนแต่งงานในเดือนมีนาคม 2007 ทว่า 3 เดือนก่อนงานแต่ง Mai ก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง แฟนหนุ่มจึงพาเธอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที แต่รักษาตัวได้เพียงแค่ 3 วันอาการของเธอก็ทรุดหนักอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเธอก็เกิดอาการหัวใจวาย ทางโรงพยาบาลรีบส่งตัวเธอไปรักษายังโรงพยาบาลใหญ่อีกแห่งทันที แม้ว่าแพทย์จะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้ แต่เธอก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไป แม้ว่าหญิงสาวจะไม่สามารถขยับร่างกายได้แล้ว มันก็ไม่ได้มีผลต่อความรักของชายหนุ่มที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเข้ามาเยี่ยมเธอทุกวัน วันละ 3 ชั่วโมงก่อนไปทำงาน และก็ใช้เวลาทั้งวันหยุดอยู่เป็นกำลังใจให้เธอด้วย…
-
คาเฟ่สำหรับชายขี้อาย คลายเหงากับ “น้องเหมียวจรจัด” ที่จะมาป่วนหัวใจจนคุณละลายยยย
ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นแหล่งเผยแพร่ความน่ารักของคาเฟ่แมวนั้น มีค่าเฟ่น้องเหมียวที่มีความเป็นเอกลักษณ์อยู่หลายแบบเลยทีเดียว ตอนนี้แบรนด์คาเฟ่แมว Neco Republuc เองก็กำลังจะจัดกิจกรรมพิเศษ โดยกิจกรรมนี้มีขึ้นเพื่อให้หนุ่มๆ โดยเฉพาะเลยจึงตั้งชื่อกิจกรรมนี้ว่า ‘วันของชายหนุ่ม‘ (Men’s Day) โดยปกติแล้วการเข้าคาเฟ่แมวนั้นเป็นกิจกรรมที่คนทั่วไปไม่คิดว่าผู้ชายจะทำ เวลาที่ผู้ชายจะเข้าไปในคาเฟ่แมวคนเดียวจึงมักจะถูกคนมองด้วยสายตาประหลาดใจอยู่เสมอ ทางร้านจึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น โดยมีจุดประสงค์จะให้ผู้ชายได้มีความสุขกับแมวเหมียวโดยไม่ต้องเขินอายต่อสายตาของสาวๆ และกิจกรรมนี้จะถูกจัดขึ้นที่ร้าน Neco Republic ในย่าน Shinsaibashi เมือง Osaka ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้แมวในร้าน Neco Republic เป็นแมวจรจัดที่ได้รับการช่วยเหลือมาทั้งนั้น พวกเขาหวังจะทำให้แมวพวกนี้ได้รับความอบอุ่นจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการด้วย หนุ่มๆ ที่จะมาร่วมกิจกรรมนี้จึงมีโอกาสได้มอบความอบอุ่นให้กับน้องเหมียวอีกด้วย ถึงจะมีชื่อกิจกรรมว่า ‘วันของชายหนุ่ม’ แต่สาวๆ เองก็เข้าร่วมกิจกรรมในวันนั้นได้เหมือนกันนะ เพียงแต่ทางร้านอยากจะให้ทุกท่านสวมวิญญาณความเป็นชายเข้าไปในร้านให้สมกับชื่อกิจกรรมเสียหน่อยเท่านั้นเอง คาเฟ่แมวสาขานี้กินพื้นที่ตึก Osaka Neko Building ทั้ง 5 ชั้นเลย แต่ละชั้นก็จัดทำเป็นคาเฟ่แมวในธีมที่แตกต่างกันไป ลองไปชมกันเลยว่าในร้านจะเป็นอย่างไรบ้าง ชั้นที่ 1 . ในชั้นแรกจะเป็นพื้นที่สำหรับ Apple…
-
สถานีรถไฟญี่ปุ่นที่ใกล้ที่พักที่สุด!? ใกล้ที่ว่านั้นก็คือ สิงอยู่ในอพาร์ทเมนท์ชั้นแรกกันเลยทีเดียว
คุณเคยได้ยินคำโฆษณาจากโครงการคอนโดต่างๆ บ้างไหมว่า “ทำเลดีใกล้สถานีรถไฟ” ซึ่งไอ้คำว่าใกล้นี้พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้ใกล้อย่างที่คุณคิดมากเท่าไหร่ เพราะถ้าจะโฆษณาว่าใกล้คอนโดมันต้องทำให้ได้แบบอพาร์ทเมนท์นี้!! อพาร์ทเมนท์ที่ว่านั้นตั้งอยู่ในเมืองมะสึโดะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งความพิเศษของอพาร์ทเมนท์แห่งนี้นั่นก็คือ ตัวอพาร์ทเมนท์ไม่ได้เป็นแค่ที่พักอาศัยทั่วไป แต่มันคือสถานีรถไฟไปในตัวด้วย!? ตัวอพาร์ทเมนท์นั้นถูกสร้างขึ้นมาทับสถานี ซึ่งตัวตึกนั้นมีขนาดสูง 11 ชั้น ส่วนตัวสถานีนั้นนับเป็นหนึ่งในเส้นทางนะงะเระยะมะ ฉะนั้นถ้าใครต้องเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าวแล้วอาศัยอยู่ที่นี่ก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องตกรถไฟเลยทีเดียวล่ะ แต่ใช่ว่าการอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งนี้จะมีแต่ข้อดีหรอกนะเพราะว่าปัญหาที่ตามมานั่นก็คือมลพิษทางเสียง เพราะรถไฟย่อมมีเสียงที่ดังและการอาศัยอยู่เหนือสถานีแบบนี้มันจึงสร้างปัญหาให้พอสมควรเลยทีเดียว เพราะรถไฟนั้นจะเริ่มวิ่งตั้งแต่ 5.03 นาฬิกาแล้วยิงยาวไปจนถึง 00.03 นาฬิกาในวันธรรมดา และจะวิ่ง 5:03 นาฬิกาไปจนถึง 00:20 นาฬิกาในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉะนั้นถ้าใครเป็นสายนอนไวก็จะอยู่ที่นี่ลำบากพอสมควร แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางออกซะทีเดียว เพราะอพาร์ทเมนท์สร้างระเบียงทางเดินหน้าห้องติดกับด้านรางรถไฟ และห้องด้านในก็จัดเรียงส่วนใช้สอยแบบญี่ปุ่น ถ้าเปิดประตูจะพบห้องครัว ห้องอาหาร และห้องน้ำ ก่อนที่จะเป็นส่วนที่อยู่อาศัยจริงๆ ฉะนั้นก็อุ่นใจได้เปราะนึง . สุดท้ายแล้ว แม้ว่าจะต้องแลกมากับเสียงรบกวนแต่เมื่อมองเกี่ยวกับการเดินทางในญี่ปุ่นเป็นหลัก การอาศัยอยู่ที่นี่ก็ถือว่าไม่เลวเลยเพราะถือว่าได้ความสะดวกสบายกลับมาเยอะมากๆ เลยทีเดียวละ แบบนี้สิถึงเรียกว่าที่อยู่อาศัยใกล้สถานีรถไฟ ที่มา rocketnews24
-
ถุงนอนรูปกางเกง เหมาะสำหรับคนเข้าป่า นอนได้ถึงสองคน แลดูอบอุ่นเชียวล่ะ
เวลาที่ต้องไปออกแคมป์หรือกางเต็นท์นอนนอกบ้านยามช่วงเวลาหนาวมาถึง ถุงนอนคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่หลายคนนึกถึงใช่ไหมล่ะครับ เพราะมันพกพาง่าย ใช้งานสะดวก แถมยังให้ความอบอุ่นได้ดีอีกต่างหาก แต่ถ้าหากคุณไปกับคู่รักล่ะก็ ถุงนอนจะเป็นตัวขัดขวางที่ดีเลยล่ะ เพราะมันจะทำให้คุณและคนรักของคุณต้องนอนแยกกัน โดยไม่ได้มีการสัมผัสหรือรับไออุ่นจากกันและกันเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีผลิตภัณฑ์ถุงนอนสไตล์ใหม่ที่คนมีคู่สามารถใช้เพื่อลดปัญหาที่ว่าไปข้างต้นได้ดีเลยทีเดียวเชียวล่ะ และถุงนอนที่ว่านี้ก็คือ “ถุงนอนรูปกางเกง” นั่นเอง ถุงนอนรูปกางเกงนี้ผลิตและออกแบบโดยบริษัท Felissimo ของญี่ปุ่นเขาล่ะ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตของใช้ที่ลวดลายแมวเหมียวและลายน่ารักๆ อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ผลิตกางเกงกีฬาที่มีขนปุกปุยนุ่มนิ่มออกมา จึงทำให้เกิดความคิดที่จะผลิตถุงนอนที่แสนสบายออกมา ทาง Felissimo จึงได้ออกแบบถุงนอนรูปกางเกงออกมา ดูเผินๆ แล้วก็จะเหมือนกางเกงยีนส์ขายาวตัวใหญ่ๆ ตัวหนึ่ง ที่มีมีรูด้านหน้า ซึ่งถ้าหากเป็นกางเกงจริงๆ ล่ะก็ รูทั้งสองรูหน้ากระเป๋ากางเกงนี้คงจะทำให้กางเกงคุณไม่น่าดูอย่างยิ่ง แต่หารู้ไม่ว่า มันมีไว้สำหรับให้คนนอนได้โผล่หน้าออกมาต่างหากล่ะ . . เห็นในภาพเป็นสาวน้อยนอนคู่กับตุ๊กตาหมีขั้วโลกแบบนี้ แท้จริงแล้ว จุดประสงค์ของถุงนอนกางเกงนี้ทำมาเพื่อให้คู่รักได้นอนด้วยกันต่างหาก การที่คนสองคนนอนใกล้ๆ กันนั้นจะได้รับความอบอุ่นที่เกิดจากร่างกาย และถุงนอนใบนี้ถึงจะเห็นว่านอนแยกกันในขากางเกงคนละข้าง แต่ส่วนบนนั้นเชื่อมถึงกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รับไออุ่นจากกันและกันแน่นอน ส่วนด้านข้างนั้นใส่เป็นซิปเพื่อให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ถุงนอนรูปกางเกงแบบนี้ ลมหนาวจะไม่พัดเขามาในขากางเกงหรอกเหรอ? ตอบได้เลยว่าไม่ เพราะขางกางเกงทั้งสองข้างนั้นมีฝาปิดที่แน่นหนา…
-
หนาวสะท้าน!! โตเกียวเผชิญหิมะถล่มหนัก รุนแรงสุดในรอบ 4 ปี นักท่องเที่ยวติดค้างเพียบ
ดูเหมือนสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นของบ้านเราจะสวนทางกับสภาพอากาศในญี่ปุ่นเอามากๆ เลยทีเดียว เพราะในขณะนี้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากกำลังประสบภัยหนาวและพายุหิมะ ที่ว่ากันว่าหนาวและรุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปีเลยทีเดียว เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Japantoday ได้รายงานเกี่ยวกับสภาพอากาศในกรุงโตเกียว ว่าในขณะนี้ชาวเมืองต้องเผชิญกับชั้นหิมะที่สูงถึง 21 เซ็นติเมตร จนเหล่าผู้ประกอบการและบริษัทต่างๆ ต้องแนะนำให้พนักงานของตัวเองกลับบ้านก่อนเวลา ตามรายงานบอกว่าพายุหิมะจะตกในช่วงเที่ยงๆ และน่าจะหยุดในช่วงวันอังคาร แต่ถนนในหลายๆ แห่งยังคงมีหิมะปกคลุมและมีความลื่นมากกว่าปกติจนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งในขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไปแล้วกว่า 60 คน และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกกว่า 660 ครั้ง บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า Tokyo Electric Power Company ได้กล่าวว่าขณะนี้มียอดการใช้พลังงานไฟฟ้าพุ่งสูงไปกว่า 95% ในแถบคันโต จึงออกมาขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้ไฟ เพราะหากมีการใช้ไฟฟ้าที่สูงเกินไปอาจทำให้ไฟฟ้าทั้งเมืองดับลงได้ นี่เป็นภาพของชาวเมืองในโตเกียวขณะเดินข้ามถนนในเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา ชาวเมืองต้องช่วยกันตักเอาหิมะออกจากถนนเพื่อให้เกิดการสัญจรได้ และเนื่องจากพายุหิมะที่เข้าถล่มกรุงโตเกีียว ทำให้ยานพาหนะและระบบขนส่งมวลชนในหลายๆ ที่ต้องล่าช้าหรือหยุดชะงักไป อย่างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Stuff ได้รายงานเพิ่มเติมว่ามีนักท่องเที่ยวตกค้างอยู่ในสนามบินของโตเกียวเป็นจำนวนมาก…
-
ญี่ปุ่นโปรโมตการท่องเที่ยวด้วยแว่น VR แค่คุณใส่แว่น ก็เหมือนได้ตะลุยเที่ยวแบบล้ำๆ
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าท่องเที่ยวไม่น้อย หลายคนได้ไปสัมผัสบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในญี่ปุ่นด้วยตนเอง แต่อีกหลายคนที่อยากไปก็ยังไม่ได้ไปเช่นกัน งานนี้สำหรับคนที่ยังไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องได้ตื่นตาตื่นใจกันแน่นอน เพราะองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นนั้นได้ร่วมมือกันกับบริษัท Enjin Tokyo Inc. ผลิตสื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ที่เป็นคลิปวิดีโอแบบ VR 360 องศา มาให้ทุกท่านได้รับชมกันนั่นเอง มาพร้อมความละเอียดแบบ 4K แถมยังหมุนกล้องดูบรรยากาศได้ 360 องศาเลยอีกด้วย เหมือนนั่งอยู่เฉยๆ ก็ได้เที่ยวสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นได้ทั่ว กับการตัดต่อที่ลื่นไหลและน่าติดตามสุดๆ มุมมองบุคคลที่ 1 ทำให้รู้สึกราวกับเราไปอยู่สถานที่แห่งนั้นจริงๆ แถมยังได้เล่นเครื่องหยิบตุ๊กตาแบบใกล้ชิดเลยล่ะ ทีเด็ดเลยก็คือ ซูชิสดๆ ที่นำมาเสิร์ฟกันต่อหน้าต่อตา สื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ผสมผสามเข้าด้วยเทคโนโลยี VR นั้นเรียกได้ว่าสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมได้ตื่นตาตื่นใจกันเลยทีเดียว ที่มา: Rocketnews24
-
บริษัท ASICS ญี่ปุ่นเปิดให้คุณออกแบบ ‘โอนิซึกะ ไทเกอร์’ เพื่อบ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวเอง!!
วันนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องของเครื่องแต่งกายกันบ้างดีกว่า นอกจากเสื้อผ้าแล้วสิ่งที่เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่จะทำให้การแต่งกายในครั้งนั้นออกมาดีหรือไม่ ก็คือ “รองเท้า” นั่นเอง สำหรับบางคน รองเท้าอาจจะถือได้ว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตน รสนิยม และวิถีชีวิตได้เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็จะต้องแตกต่างกันไป แต่การที่จะหารองเท้าที่มันเข้ากับตัวเราได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ดังนั้นจึงได้มีบริการใหม่ของทางบริษัท ASICS Japan เกิดขึ้นมา นั่นคือการให้เราสามารถออกแบบรองเท้าได้ด้วยตัวเอง ที่ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ สามารถมีอิสระมากขึ้นในการที่จะเลือกซื้อรองเท้าที่มีดีไซน์เหมาะสมกับตัวเรานั่นเอง โดยบริการดังกล่าวริเริ่มโดยบริษัท ASICS Japan ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรองเท้า Onitsuka Tiger ที่หลายๆ ท่านรู้จักดี โดยบริการดังกล่าวจะใช้รองเท้ารุ่น Mexico 66 Deluxe สีขาวดำเป็นพื้นฐาน รองเท้ารุ่น Mexico 66 Deluxe จะอยู่ในคอลเลกชัน Onitsuka Tiger’s ‘NIPPON MADE’ ที่รองเท้าในซีรีส์นี้จะเย็บด้วยมือ ด้วยหนังและวัสดุต่างๆ ที่ล้วนมาจากญี่ปุ่น ทางบริษัทกล่าวว่า “ดังนั้น ไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่ซ้ำกันแน่นอน” บริษัท ASICS นั้นอธิบายว่า “บริการออกแบบด้วยตัวเองนี้ มุ่งเน้นไปที่การบริการผู้บริโภคให้สามารถเลือกได้ตามความชอบเฉพาะตัวและเอกลักษณ์ของลูกค้าแต่ละคน” ในงานนี้คุณจะได้ปรับเลือกส่วนต่างๆ ของรองเท้าคุณได้ โดยมีหลากหลายตัวเลือกเลยทีเดียว เช่นวัสดุ อย่าง…