Tag: ดินแดน
-
เปิดตำนาน 7 เมืองที่หายสาบสูญไปของโลก อารยธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อน
โลกของเรามีอยู่มาอย่างยาวนานและเกิดการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการที่ไม่รู้จบ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าสิ่งที่เราเห็นและรับรู้ได้ในปัจจุบันยังคงไม่ใช่ทุกสิ่งที่โลกเรามีหรือเคยมี วันนี้ #เหมียวตะปู จึงชวนให้เพื่อนๆ มารู้จักกับ 7 ตำนานเมืองที่สาบสูญไปของโลก ที่ความเป็นจริงแล้วในสมัยก่อนเราอาจเคยมีอารยธรรมที่รุ่งเรืองมากกว่าตอนนี้ก็เป็นได้ เราไปดูกันเลย Lemuria จากการสันนิษฐานของนักวิชาการชาวอังกฤษเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้เชื่อมระหว่างศรีลังกา ออสเตรเลีย และเกาะมาดากัสการ์รวมกันเป็นแผ่นดินใหญ่ก่อนที่จะจมหายไปใต้ก้นมหาสมุทร และชื่อ Lemuria ถูกตั้งมาจากชื่อของตัว ลีเมอร์ (Lemur) ซึ่งเป็นสัตว์ที่สามารถพบเห็นได้จากทั้งสามแห่ง นอกจากนั้นก็มีความเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของชาวทมิฬ กลุ่มประชากรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยตามภาษาทมิฬแล้วที่แห่งนี้จะมีชื่อว่า Kumari Kandam Mu เป็นดินแดนที่เชื่อว่าเคยอยู่ระหว่างทวีปอเมริกาและเอเชีย คาดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร Naacals ต้นกำเนิดของมนุษย์ที่ย้อนกลับไปเมื่อ 50,000 ปีที่แล้ว ผู้สร้างพีระมิดในอียิปต์หรือชาวมายันก็ถูกสันนิษฐานว่าจะอพยพออกมาจากดินแดนแห่งนี้ในตอนที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนทำให้สถานที่นี้จมลงไปใต้มหาสมุทร เคยมีทฤษฎีที่บอกเอาไว้ด้วยว่าโขดหินใต้น้ำโยนากุนิ ในประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงการมีอยู่ของ Mu Beringia ดินแดนที่เปรียบได้กับสะพานขั้นกลางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ ก่อนที่จะจมหายพร้อมกับการสิ้นสุดยุคน้ำแข็งเมื่อ 12,000 ปีก่อน มีทฤษฎีที่เชื่อว่า 25,000 ปีก่อนมีผู้คนย้ายถิ่นฐานมาจากไซบีเรีย ผ่านไป 10,000 ปีพวกเขาได้อพยพไปอเมริกาเหนือและค่อยกระจายลงไปอเมริกาใต้ จึงเชื่อว่าพวกเขาอาจเป็นบรรพบุรุษของชาว…
-
ช่างภาพถ่ายภาพ ‘ชนบท’ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ดูเงียบสงบน่าไปเที่ยวเสียเหลือเกิน
เมื่อพูดถึงความสวยงามของพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวง สถานที่สำคัญ หรือแม้แต่ชนบทที่ห่างไกล ทุกที่ล้วนมีความสวยงามในแบบของตัวมันเอง และยิ่งได้ช่างภาพมือดี สถานที่เหล่านั้นจะมีความสวยงามตราตรึงใจสุดๆ Martin Rak ช่างภาพวัย 33 ปี ได้เล่าถึงความรู้สึกของเขาที่รักการถ่ายภาพว่า เขาได้กล้องมาตอนเด็กๆ เมื่อตอนที่เขาอายุเพียง 6 ขวบ แต่เขาบอกว่าวินาทีเขารู้ทันทีว่าเขาชอบการถ่ายภาพมากๆ จนทำให้เขาเริ่มเดินทางสายนี้ จนล่าสุดเขาได้เดินทางไปยังดินแดนชนบทในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นั่นทำให้เขาพบว่าการที่เขาชอบท่องเที่ยวไปถ่ายรูปยังที่ต่างๆ มันคุ้มค่ามากๆ เพราะชนบทที่เขาไปมันสวยงามและดึงดูดสายตาเขาสุดๆ ชนบทที่เขาเดินทางไปถ่ายนั้นมีชื่อว่า Saxon-Bohemian โดยตั้งอยู่ระหว่างชายแดนประเทศเช็กเกีย และประเทศเยอรมนี ซึ่งเขาบอกว่าที่นี่เป็นที่โปรดของเขาเลยล่ะ และเขาก็เลยเอารูปที่เขาถ่ายมาแชร์ให้เราได้ดูกัน แล้วเราจะได้รู้ถึงเหตุผลที่เขาชื่นชอบมันขนาดนั้นกัน… แค่ภาพแรกก็เหมือนโดนมนต์สะกดแล้ว ดูแสงและทุ่งหญ้านั่นสิ… . ทุกอย่างมันดูเงียบสงบและลงตัวมากๆ ต้นไม้ต้นเดียวบนเนิน สถานที่ราวกับหลุดมาจากนิยาย เห็นแสงกับทุ่งหญ้าแล้วอยากจะล้มลงนอนมองท้าฟ้า รับลมสบายๆ แสงแดดอ่อนๆ จริงๆ . ทุ่งหญ้า เมืองที่เงียบสงบ วิวข้างหลังเป็นภูเขา นี่มันสวรรค์ชัดๆ . . …
-
25 ภาพแห่ง “Lapland” ดินแดนน้ำแข็งในฟินแลนด์ กับความงามตราตรึงใจทุกฤดูหนาว…
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางที่ชอบเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หรือเป็นช่างภาพมืออาชีพ เราคิดว่าครั้งหนึ่งคุณไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนสถานที่ที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังที่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหลอย่าง “Lapland” ดินแดนน้ำแข็งที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ เพราะสถานที่แห่งนี้ นอกจากจะเป็นบ้านเกิดของซาตาคลอสแล้ว คุณยังจะได้เห็นดวงดาวที่แพรวพราวอยู่เต็มท้องฟ้า และแสงเหนืออันงดงามตระการตาอีกด้วย สำหรับ Lapland เป็นสถานที่ๆ มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วิวทิวทัศน์ที่อยู่บริเวณรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ หรือสิ่งต่างๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ และจับตัวกลายเป็นน้ำแข็งที่มีรูปร่างแปลกตานั่นเอง ดินแดนที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ แน่นอนว่าการได้ชมแสงออโรร่าด้วยตัวจริงแบบไม่ตัดต่อ เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ได้สักครั้งในชีวิต และประเทศฟินแลนด์ถือเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่เหมาะมากสำหรับการรับชมแสงเหนือ แถมใน Lapland เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือมากกว่า 200 ครั้งต่อปีด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ดินแดน Lapland จะมีพระอาทิตย์ขึ้น 24 ชั่วโมงเป็นช่วงเวลากว่า 3 เดือน ในส่วนของช่วงฤดูหนาวนั้นก็ตรงข้ามกัน จะไม่มีดวงอาทิตย์ให้เห็นเลย และปลายปีนี้หากใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวอันแสนงดงาม เราต้องบอกเลยว่า Lapland สามารถตอบโจทย์ให้กับคุณได้ และนั่นก็จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจเมื่อได้มาเยือนที่แห่งนี้อย่างแน่นอน ได้เห็นความงดงามของสถานที่แห่งนี้ #เหมียวขี้อ้อน ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผู้คนทั่วโลกถึงอยากไปเยือนกันเหลือเกิน ก็เพราะว่ามันทั้งสวยงามจับตา…
-
“Coober Pedy” เมืองลึกลับใต้ดินแห่งออสเตรเลีย ที่มีผู้อาศัยอยู่จริงเกือบ 2,000 คน
ลองจินตนาการเล่นๆ ดูสิว่า ถ้าหากคุณได้ไปยืนอยู่ท่ามกลางดินแดนอันร้อนระอุ คุณจะมีความรู้สึกอย่างไร? และถ้าหากมีคนเสนอให้คุณเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนั้น ที่ซึ่งไม่มีแม้แต่ต้นไม้ ห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายของ แถมยังมีอากาศที่ร้อนมาก คุณจะเข้าไปอยู่หรือไม่? แค่ดูก็รู้แล้วว่าหลายคนจะต้องปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่า บนโลกใบนี้มีผู้คนที่ตั้งหลักปักฐานอยู่ท่ามกลางดินแดนอันร้อนระอุจริงๆ แต่ไม่ได้อยู่บนดินนะ… และนี่ก็คือ Coober Pedy เมืองลึกลับจากทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย มีผู้คนมากมายอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้…แสดงว่ามันต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน เดี๋ยวๆ รูเล็กๆ เนี่ยนะ มีประชากรกว่า 1,675 คนอาศัยอยู่ และเมื่อลองเข้าไป คุณก็จะพบกับ Coober Pedy เมืองลับใต้ดินอยู่ข้างล่างนี้… ว้าววววว มันทั้งสวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ อีกทั้งยังมีอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมา แถมยังมีเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งอีกมากมาย ที่ดูเหมือนกับบ้านทั่วไปเป๊ะเลย นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับนักเดินทางที่อยากจะมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ ณ ที่แห่งนี้อีกด้วย และแน่นอนว่ามันไม่เคยทำให้คุณผิดหวัง!! ดูจากสภาพภายนอก… บ้านหลายๆ หลังที่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง ดูแปลกตา…
-
รวมภาพสวยงามจาก 10 ประเทศที่ได้ชื่อว่า “มีความสุข” ที่สุดในโลก จะน่าอยู่ขนาดไหนกันนะ…
การวัดค่าความสุขให้ออกมาเป็นรูปธรรมถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหลายครั้งมีเรื่องที่เราไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทำให้ความสุขของเราลดน้อยลงไป แต่ทางสหประชาชาติก็พยายามใช้วิธีการทางจิตวิทยาและสังคมศาสตร์ในการวัดค่าความสุขของผู้คนในแต่ละเมืองออกมา และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 10 ประเทศที่ดัชนีความสุขมากที่สุดในโลก บ้านเมืองของเขาจะน่าอยู่ขนาดไหน ไปชมกันเลย อันดับ 10 สวีเดน ดินแดนแห่งป่าหิมะ แสงเหนือ และปราสาทแสนงดงาม . อันดับ 9 ออสเตรเลีย หนึ่งในดินแดนที่มีชายฝั่งและหาดที่สวยงามที่สุดในโลก . อันดับ 8 นิวซีแลนด์ ดินแดนแห่งมัชฌิมโลกอันงดงามที่ครองใจใครหลายๆ คนมาอย่างยาวนาน . อันดับ 7 เนเธอร์แลนด์ ประเทศแห่งกังหันลม คลอง จักรยาน และแกะน้อยแสนน่ารัก . อันดับ 6 แคนาดา ดินแดนแห่งสะพานแขวน สิ่งปลูกสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ และน้ำตกไนแองการ่า . อันดับ 5 ฟินแลนด์ บ้านเกิดของซานตาคลอส…
-
‘หมู่เกาะแฟโร’ ดินแดนสวรรค์อันงดงาม อีกหนึ่งสถานที่ในฝัน ที่นักเดินทางจะต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง
หากจะพูดถึงดินแสนที่สวยงามราวกับสวรรค์ ต้องยกให้หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) หมู่เกาะกลางท้องทะเลแอตแลนติกเหนือ สถานที่ในฝันของนักท่องเที่ยวที่อยากไปผจญภัย อยู่ในท่ามกลางธรรมชาติอันแสนงดงาม และแม้หลายๆ คนอาจจะยังไม่คุ้นหูกับชื่อของหมู่เกาะแห่งนี้สักเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่า “หมู่เกาะแฟโร” ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เงียบสงบ รายล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติสุดอัศจรรย์และสวยงามที่สุดที่หนึ่งเลยละ หมู่เกาะแฟโร ดินแดนสวรรค์แห่งภูเขา ทุ่งหญ้า และเต็มไปด้วยฝูงแกะ ตั้งอยู่ในทะเลแอตแลนติกเหนือ ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสกอตแลนด์ อยู่ระหว่างเกาะไอซ์แลนด์และประเทศนอร์เวย์ และนอกจากความงดงามแล้ว หมู่เกาะแห่งนี้ยังประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆ ประมาณ 18 เกาะ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,399 ตารางกิโลเมตร มีความยาวของพื้นที่ประมาณ 113 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 75 กิโลเมตร ในหน้าหนาว ยอดเขาต่างๆ จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวอยู่เต็มไปหมด บวกกับวิวของท้องทะเลสีฟ้าสดใส ดูแล้วมันช่างงามตาจริงๆ เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ คือดินแดนสวรรค์กลางมหาสมุทรของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ที่อยากจะสัมผัส และใกล้ชิดกับธรรมชาติอันสุดแสนมหัศจรรย์ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็พบเจอแต่ความงดงาม แตกต่างจากวิถีชีวิตของชาวเมือง ที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ตึกรามบ้านช่องรายล้อมอยู่เต็มไปหมด…
-
‘สงครามวิสกี้’ กรณีพิพาทเกี่ยวกับดินแดนสุดฮา ที่กินเวลากว่า 3 ทศวรรษ ของแคนาดาและเดนมาร์ก!!!
ไกลออกไปทางเหนือในทะเลอาร์กติกอันแสนหนาวเย็น เกาะที่มีพื้นที่เพียงไม่ถึง 2 ตารางกิโลเมตร ได้เป็นฉนวนเหตุสุดฮาในกรณีพิพาทระหว่างดินแดนของทั้งสองประเทศ!!! สำหรับเกาะเจ้าปัญหาที่ว่านี้ชื่อว่าเกาะ Hans จัดได้ว่าเป็นเกาะร้างที่ไร้ผู้คนอยู่อาศัย ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติอะไรซักอย่าง แต่กลับเป็นพื้นที่แย่งชิงกันของทั้งสองประเทศ ทั้งแคนาดา และเดนมาร์ก ยาวนานมากว่า 3 ทศวรรษแล้ว!!! เกาะฮานส์ เจ้าเกาะนี้อยู่กึ่งกลางพอดิบพอดีระหว่างแผ่นดินของประเทศแคนาดากับกรีนแลนด์ ที่เป็นของราชอาณาจักรเดนมาร์ก ทำให้ทั้งสองประเทศมีสิทธิ์ถือครองเป็นเจ้าของพื้นที่นี้ได้ตามกฎหมายสากล!!! แต่กระนั้นแผนที่โลกก็แบ่งเกาะนี้ให้เป็นของประเทศเดนมาร์ก ตามการตัดสินของ International Justice of the League of Nations ในปี 1933 แต่พอมาถึงปี 1984 องค์กรนี้ก็สลายตัวและได้กลายเป็น UN แทน ทำให้สิทธิ์การถือครองของเดนมาร์กนั้นอ่อนกำลังลง พิกัดของเกาะ ในราวๆ ปี 1984 นายกของเดนมาร์กได้ปักธงเดนมาร์กลงที่แผ่นดินนี้ แถมทิ้งโน๊ตไว้ว่า ‘ขอต้อนรับสู่เดนมาร์ก’ พร้อมกับขวดเหล้าอีกหนึ่งขวด…หลังจากนั้นก็เกิดเป็นสงครามวิสกี้ (แบบไม่จริงจัง) ขึ้น!!! เวลาหน่วยราชการของประเทศใดไปที่นี่ ก็จะทิ้งโน๊ตเกรียนๆ และขวดเหล้าไว้เสมอ สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องขำขันเฮฮากันไป ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ก็กินเวลามากว่า 3 ทศวรรษแล้วล่ะ ตอนนี้ทั้งสองประเทศกำลังตกลงว่าจะให้พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ส่วนรวมของทั้งสองประเทศ…
-
รวม 11 ดินแดนสุดเจ๋งทั่วโลก ที่มีแต่สัตว์บางชนิดอยู่เต็มไปหมด!!!
บางครั้งอยู่ในสังคมมนุษย์ก็วุ่นวายเกินใจคนเราจะรับไหว ทุกคนพยายามแก่งแย่งชิงดีกัน จนบางครั้งต้องทำร้ายคนอีกคนเพื่อความต้องการของตนเอง หากการอยู่ในสังคมมนุษย์มันยากขนาดนั้นล่ะก็ ลองไปอยู่เกาะที่เต็มไปด้วยสัตว์เหล่านี้ดูมั้ยล่ะ บางทีชีวิตคุณอาจจะง่ายขึ้นก็ได้ ไปชมกันเลยว่ามีที่ไหนบ้าง 1. เกาะแมว Tashirojima ในประเทศญี่ปุ่น มีประชากรมนุษย์ไม่ถึง 100 คน ที่เหลือเป็นแมวล้วนๆ สาเหตุที่พวกเขาเลี้ยงแมวไว้เพราะว่า พวกเขาเชื่อว่าการเลี้ยงแมวจะเขาโชคดี ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นที่นิยมอีกแห่งของญี่ปุ่นไปเสียแล้ว . 2. เกาะกระต่าย Okunoshima ในประเทศญีปุ่น ในเกาะนี้มีกระต่ายอยู่หลายร้อยตัว แถมส่วนมากก็เป็นมิตรกับมนุษย์อีกด้วย . 3. หาดหมูแห่ง Bahamas เกาะ Big Major Cay เป็นเกาะที่อยู่ในประเทศ Bahamas เราสามารถพบเห็น “หมู” ว่ายน้ำเล่นอยู่บนหาดอย่างมีความสุขได้บ่อยๆ แถมมันยังกินจุอีกด้วย เพราะไม่ว่าเราจะเอาอะไรให้ มันก็กินหมดนั่นเอง . 4. Nara เมืองแห่งกวางจากประเทศญี่ปุ่น เราสามารถพบเห็นกวางอย่างทั่วไปได้ตามวัด หรือบ้านคน หรือถนน เนื่องจากชาวเมืองเชื่อว่า การที่มีกวางเช่นนี้ จะทำให้พวกเขาประสบแต่ความโชคดี . 5. Madagascar…