Tag: ตอบกลับ
-
จิตรกรหนุ่ม “ให้บทเรียน” กับกลุ่มคนที่ชอบมาขอให้วาดรูป ‘แบบฟรีๆ’ ให้ ฮาเลยงานนี้!
จิตรกร เป็นหนึ่งอาชีพที่ออกมาบ่นว่าถูกขอให้ทำงานให้ “แบบฟรีๆ” บ่อยที่สุด เพราะหลายคนคิดว่าคนที่วาดรูปเก่งแล้วจะวาดให้ใครสักกี่รูปก็ได้ ศิลปินและนักวาดภาพจากอังกฤษนามว่า Jon Arton เองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ด้วยฝีมือการวาดภาพอันเยี่ยมยอดของเขา ทำให้มีผู้คนติดต่อเขามาหาเขา เพื่อขอให้วาดรูปให้พวกเขา “แบบฟรีๆ” ให้หน่อย แน่นอนว่า การวาดภาพนั้นยิ่งงานละเอียดก็จะเป็นต้องลงทุนลงแรงเป็นอย่างมาก แต่แทนที่ Jon จะปฏิเสธคนเหล่านั้นไป เขากลับตอบตกลงพร้อม ให้บทเรียน กับคนเหล่านั้น ลองชมผลงานฝีมือของ Jon Arton กันก่อน สวยมาก!!! คนแรกที่จะได้เรียนรู้ว่าของดีและฟรีมันไม่มีในโลก ก็คือหญิงสาวคนนี้ที่มาขอให้ Jon วาดรูปให้ Jon ก็เลยจัดให้ วาดรูปให้ฉันแบบฟรีๆ หน่อยสิ Jon จัดไปครับคุณผู้หญิง วาดพวกเราให้หน่อยนะ Jon ขอคนหน้าเด่นๆ ได้เลยครับ! Jon วาดรูปคู่ของพวกเราให้หน่อยสิ เป๊ะไหมล่ะ ฉันอยากให้วาดรูป…
-
ลูกค้าคอมเพลนไม่อยากให้ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ เข้าร้าน ผู้บริหารโต้กลับ ‘อย่ามาที่นี่อีก’
โดยปกติทั่วไปตามห้างร้านหรือบริษัทต่างๆ มักจะมีกล่องรับความคิดเห็นจากลูกค้าวางไว้เสมอ ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้ออกความคิดเห็น เพื่อนำไปปรับปรุงการบริการที่ดียิ่งขึ้น ในบางครั้งก็เป็นคำติชมที่เกี่ยวข้องกับทางร้านโดยตรง แต่บางครั้งก็เป็นการติชมเพื่อเอาความรู้สึกส่วนตัวของลูกค้า หวังจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนไม่ชอบนอกเหนือจากการบริการของทางร้าน กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @Yuto_yumi_ ผู้ทำงานอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่ง และได้เห็นจดหมายตอบกลับจากฝ่ายบริหาร ที่มีต่อข้อเสนอแนะของลูกค้าเกี่ยวกับ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ หรือ LGBT ซึ่งข้อความตอบกลับแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะตอบลูกค้าที่ทางบริษัทเคารพได้ถึงขนาดนี้ รายละเอียดของลูกค้าที่แจ้งเข้ามา มีใจความคร่าวๆ ว่า “อย่าให้พวกกลุ่มรักร่วมเพศเข้ามาในร้าน ระยะหลังๆ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะมีสินค้าราคาถูกและหลากหลาย แต่รู้สึกแย่กับสิ่งที่เจอ อย่างเมื่อวานมาที่ร้านก็เห็นคู่เกย์เดินจับมือกันออกมาจากลานจอดรถชั้น 1… ปัจจุบันคนพวกนี้ยิ่งมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ห้างร้านไม่คิดจะจัดการกับคนเหล่านี้สักหน่อยเหรอ? เห็นมามากพอแล้ว ถ้าไม่จัดการอะไรก็จะไม่มาที่นี่อีก แล้วจะแฉบนอินเทอร์เน็ตให้ด้วย” จากคำคอมเพลนดังกล่าวนั้น ถือว่าดูรุนแรงพอสมควร อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าได้ หากมีคนเห็นพ้องคล้อยตามคำขู่ แต่ทว่าผู้บริหารกลับไม่คิดแบบนั้น…เพราะจดหมายจากสำนักงานใหญ่ชี้แจงชัดเจนว่า “จากข้อสรุปทั้งหมดทางบริษัทขอชี้แจงว่า “กรุณาอย่ามาที่ร้านแห่งนี้อีก” บริษัทของเราไม่ได้คำนึงว่าลูกค้าจะมีรสนิยมรักร่วมเพศหรือไม่ แต่ทุกคนคือลูกค้าของเรา และลูกค้าทุกคนมีความสำคัญ แต่ถ้าหากดูถูกผู้อื่นแล้ว เราจึงไม่อาจต้อนรับท่านได้อีก เพราะฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามาที่ร้านของเราอีก และที่สำคัญพนักงานของเราบางส่วนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มรักร่วมเพศ และเราไม่มีนโยบายไล่ออกจากกรณีนี้ หากท่านมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ ทางบริษัทไม่ได้ตั้งใจจะโต้แย้งท่าน… เพียงแค่ขอร้องว่าอย่าแสดงวาจาหรือกระทำการเหยียบย่ำผู้อื่นต่อหน้ากันแบบนี้ จึงขอความกรุณามาเพียงเท่านี้” …
-
นศ.ได้อีเมลเตือน ให้ระวังเสือในพื้นที่ กะตอบเอาฮา ‘นั่นมันแม่ผมเอง’ เผลอส่งให้ทั้งคณะ!?
เรื่องของภัยอันตรายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องทำการแจ้งเตือนให้ประชาชนคนทั่วไปรับทราบล่วงหน้าเสียก่อน… แต่ทว่าความหวังดีนั้น กลับกลายเป็นการเล่นตลกของเด็กหนุ่มนักศึกษาไปได้เสียนี่ เมื่อทางมหาวิทยาลัยร่อนอีเมลเตือนภัยสัตว์ป่าในพื้นที่มหาวิทยาลัย แล้วดันไปตอบกลับด้วยข้อความเหมือนตอบแชตซะงั้น Caleb Diaz Caleb Diaz วัย 23 ปี จากมหาวิทยาลัย Southern Oregon University หนึ่งในนักศึกษาที่ได้รับอีเมลแจ้งเตือนจากคณะ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเสือพูม่าหลุดเข้ามาในบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัย หากพบเห็นให้โทรเรียก 911 ในทันที “ในวันศุกร์ช่วงบ่ายๆ เราได้อีเมลแจ้งเตือนเกี่ยวกับเสือพูม่า แล้วผมกับรูมเมทก็มองหน้ากันเหมือนกับว่า มันดูคล้ายหญิงแก่ๆ ไม่ใช่สัตว์หรอก” Diaz ให้สัมภาษณ์กับทาง Buzzfeed เขาก็เลยเล่นมุกตลกตบกลับไป ทำการตอบกลับอีเมลนั้นโดยไม่คิดอะไร เพราะคิดว่ามันส่งได้สำเร็จ “ผมไม่ได้คิดว่าข้อความนั้น จะถูกส่งไปทั่วทั้งคณะเลย” ‘นั่นคือแม่ของผมเอง’ ใจความสั้นๆ ที่ถูกส่งไปทั่วทั้งคณะ… เขาคิดเอง เออเองว่าระบบจะทำการบล็อกไม่อนุญาตให้นักศึกษาส่งอีเมลตอบกลับไปทั่วทั้งคณะ และคิดว่าน่าจะมีผู้ดูแลระบบคอยจัดการอยู่ ซึ่งหลังจากร่อนอีเมลตอบกลับไปแล้ว ก็ไม่ได้รับอีเมลใดๆ เพิ่มเติม ทั้งตัวเขาและเพื่อนรูมเมทอีกคน แต่พอในเช้าวันถัดมา…
-
11 ข้อความที่ผู้ส่งถูกตอบกลับแบบเข็มขัดสั้น คาดไม่ถึงจนได้แต่อึ้ง ไม่ก็นั่งขำเท่านั้น
เวลามีใครส่งข้อความอะไรมา มันเป็นเรื่องที่ดีถ้าเราจะตอบข้อความเหล่านั้นกลับไป จะเป็นอะไรขอไปทีแบบคำว่า อ่า หรือ อืม ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันขึ้นว่าอ่านแล้วแล้วก็ไม่ตอบอะไรไปเลย แต่การตอบแบบขอไปทีบางครั้งก็จะทำให้รู้สึกห่างเหินกันเกินไปใช่ไหมล่ะ ดังนั้นคนเราจึงมักมีบทสนทนาแปลกๆ ออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจกวนจริงๆ หรือเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดีก็ตาม เหมือนกับการพูดคุยผ่านข้อความทั้ง 11 อัน ต่อไปนี้ ที่ผู้ส่งได้รับการตอบกลับแบบที่เข็มขัดสั้น คาดไม่ถึงจนได้แต่อึ้งหรือไม่ก็นั่งขำเท่านั้น เก้าอี้รถนุ่มๆ น้ำมันเครื่อง และแสงไฟหน้ารถ A: ผมขอชวนคุณมาทานอาหารค่ำสุดโรแมนติกในคืนนี้ ที่มีทั้งเก้าอี้นุ่มๆ น้ำมัน และแสงไฟ B: ไม่เอาอ่ะ ฉันจะไม่ไปที่โรงรถของนายอีกแล้ว เหนื่อยจนสลบสินะ…. ไม่ใช่เพราะน่ากลัวสินะ? A: คืนวันแต่งเป็นไงบ้าง B: จำไม่ได้ว่ะ ผมสลบไปตอนที่เธอถอดขนตาปลอม ไม่เมาก็ความจำสับสนแล้ว Helen: พ่อ… ทำไมพ่อคิดว่าหนูจะเมาถ้าปล่อยหนูไปงานวันเกิดเพื่อนอ่ะ แม่: Helen… นี่แม่ต่างหาก ข่าวร้ายจะเป็นอะไรกันน้า? ภรรยา: ที่รัก ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้ายมาบอก สามี: งั้นเริ่มจากข่าวดีแล้วกัน ภรรยา: ทางร้านจะลดค่าซ่อมรถให้…
-
หนุ่มถูกบริษัทปฏิเสธสมัครงาน “จบป.ตรี 3 สถาบันนี้ บริษัทไม่สะดวกรับ” ชาวเน็ตร่วมดราม่า!!
กำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางจากประเด็นของภาพอีเมลที่เปิดเผยโดย ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อว่า นับหนึ่ง ครับผม ครับผม ที่สามารถระบุได้ว่าเป็นการตอบกลับจากบริษัทแห่งหนึ่งในหัวข้อของการสมัครงาน โดยทั่วไปแล้ว การปฏิเสธรับสมัครงานจากบริษัทนั้นจะใช้รูปประโยคที่ไม่สื่อความหมายโดยตรง ให้เหตุผลแบบรักษาน้ำใจของผู้สมัคร แต่สำหรับบริษัทแห่งนี้กลับระบุชัดเจนให้รู้เลยว่า ‘ไม่สะดวกรับพนักงานวุฒิ ป.ตรี ม.ราชมงคล/ราชภัฏ/เอกชน โดยหลังจากที่มีการโพสต์รูปภาพดังกล่าวออกไป ก็ถูกแชร์ต่อไปอีกจำนวนมาก และมีชาวเน็ตต่างร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง อย่างเช่นบริษัทน่าจะให้เหตุผลที่ดีกว่านี้ มีทัศนคติที่แคบ ฯลฯ . . . . แต่ก็มีความเห็นจากชาวเน็ตอีกส่วนที่มองว่าเป็นสิทธิ์ของบริษัทที่ตัดสินใจให้เป็นแบบนี้ รวมไปถึงในเรื่องของภาษีจากชื่อของสถาบันการศึกษาที่มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานเช่นกัน . ที่มา : นับหนึ่ง ครับผม ครับผม
-
ร้านตอบกลับแบบจัดเต็ม หลังลูกค้าคอมเพลนเรื่องราคาฟิชแอนด์ชิพที่แพงเกิ๊นนน
ร้านอาหารแทบทุกร้านต้องเคยเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งคำชมและการกล่าวถึงข้อบกพร่อง เหมือนอย่างร้านอาหารในเมืองเบอร์เคนเฮด ประเทศอังกฤษ ที่มีลูกค้ารายหนึ่งเข้ามาต่อว่าเกี่ยวกับราคาอาหารที่ดูเหมือนจะแพงจนเกินไป และนั่นจึงทำให้ทางร้านไม่อาจนิ่งเฉยกับคำพูดของเธอได้ ร้านอาหารดังกล่าวมีชื่อว่า Oxton Bar and Kitchen ซึ่งถูกลูกค้ารายหนึ่งเข้ามาเขียนรีวิวเอาไว้ในเพจเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2018 ทางร้านจึงทำการตอบกลับไป และอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นไม่พอใจ รีวิวนั้นเขียนไว้ว่า “อาหารอร่อย พนักงานบริการเยี่ยมมาก แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณนำเสนอราคาอาหารแบบนี้ได้ไง ฟิชแอนด์ชิพจานเล็กราคา 8 ปอนด์ (ประมาณ 350 บาท) ได้อยู่หน่อยเดียวเนี่ยนะ?” เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Debbie Davies ได้เขียนรีวิวลงไปบนหน้าเพจร้าน เมื่อเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ทางร้านจึงตอบกลับไปในคอมเมนต์เกี่ยวกับราคาสินค้า มองว่ามันก็เป็นราคาที่น่าจะยอมรับได้ และอธิบายว่าทำไมมันถึงมีราคาเท่านั้น พวกเขาเริ่มจากการอธิบายเกี่ยวกับราคาของอาหารจานดังกล่าวว่า ที่มันราคา 8 ปอนด์ เพราะบวกภาษีของรัฐบาลไป 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทางร้านได้มาจริงๆ แค่ 6.66 ปอนด์ (ประมาณ 291 บาท) และจากที่เราได้มา จะเป็นค่าวัตถุดิบต่างๆ…
-
การตอกกลับของเหล่าผู้คนจากกลุ่มประเทศ ที่ผู้นำแห่งสหรัฐเรียกว่า ‘ประเทศหลุมขรี้’
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีคำพูดที่กลายเป็นกระแสในชั่วข้ามคืน จากคำพูดของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา Donald Trump ที่พูดเอาไว้ในการประชุมเกี่ยวกับประเด็นเรื่องแรงงานข้ามชาติ โดยเขาใช้คำเรียกแทนกลุ่มแรงงานอพยพจากเฮติ เอลซัลวาดอร์ และประเทศแถบแอฟริกันว่าเป็น “กลุ่มประเทศหลุมขรี้” (Shithole) คำพูดจากปากของผู้นำประเทศมหาอำนาจ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือแม้แต่ในหลายๆ ประเทศ มองว่ามันแสดงให้เห็นถึง การเหยียดเชื้อชาติในเชิงส่อเสียดที่รุนแรงอย่างแท้จริง เหล่าผู้คนที่ถูกสบประมาทก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ พวกเขาจึงตอกกลับด้วยการออกมาพูดถึงความสำเร็จและคุณค่าความหมายในชีวิต เพื่อเป็นการตอบกลับไปว่าความเป็นจริงไม่ได้เหมือนอย่างที่ถูกกล่าวหาเสมอไป และนี่ก็คือโพสต์ต่างๆ ที่มีในโลกโซเชียลจากผู้คนเหล่านั้น นักศึกษาแพทย์จากซูดานใต้ ที่สามารถพูดได้ถึง 3 ภาษา และมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ ชายหนุ่มจากแอฟริกาใต้ ผู้เรียนจบทางด้านวารสารศาสตร์ สามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา และเขาจะก้าวสู่การเป็นบรรณาธิการข่าวในอนาคต นักศึกษาแพทย์ชาวไนจีเรีย ที่มีปริญญาถึง 3 ใบ และยังจะได้เพิ่มอีก 2 ใบ มีความสามารถพูดได้ 3 ภาษา และเป็นคนที่คอยช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆ ด้วยจำนวนเงินกว่า 300,000 บาท ลูกครึ่งแอฟริกาที่ได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ คอยช่วยเหลือ ดูแล และปลอบประโลมผู้คนจำนวนมาก…
-
สาวบล็อกเกอร์พลัสไซส์ โพสต์ตอกกลับชาวเน็ตที่วิจารณ์ ว่าเธอกับแฟนหนุ่ม “ไม่เหมาะสมกัน!!”
เมื่อเราคบกับใครสักคน แล้วมีคนมาวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมกัน เราก็อาจจะมีอารมณ์โกรธบ้างเป็นธรรมดา และแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครชอบที่ถูกล้อในเรื่องของความเหมาะสม เช่นเดียวกันกับสาวเซเลบริตี้คนนี้ที่ถูกชาวเน็ตวิจารณ์ว่าเธอไม่เหมาะสมกับแฟนหนุ่ม เพราะเธอค่อนข้างที่จะมีรูปร่างที่จ้ำม่ำในขณะที่แฟนของเธอมีรูปร่างที่ผอมเพรียว แต่ว่าการตอบกลับของเธอ ก็ได้ทำให้คนเหล่านั้นถึงกับเงิบไปตามๆ กันเลยทีเดียว รูปภาพที่ทำให้เกิดประเด็นร้อนขึ้นมา เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับสาวที่ชื่อว่า Melissa Gibson จากรัฐเคนทักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการที่เธอเป็นนักเคลื่อนไหวในเรื่องของรูปร่าง ทำให้มีผู้ติดตามเธออย่างมากมายในโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเธอมักจะสนับสนุน รวมถึงให้กำลังใจผู้หญิงทุกคนให้ภูมิใจในรูปร่างของตัวเองไม่ว่าจะมีรูปร่างเป็นแบบใดก็ตาม ทว่าหลังจากที่เธอโพสต์รูปฉลองปีใหม่คู่กับแฟนหนุ่มชื่อว่า Johnathan ลงในอินสตาแกรมก็ปรากฏว่า ก็มีผู้แสดงความคิดเห็น ถึงเรื่องความเหมาะสมระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มถาโถมเข้ามาอย่างมากมาย ซึ่งบางความเห็นก็บอกในทำนองที่ว่า ภาพที่เธอโพสต์ช่างแสดงให้เห็นถึงความรักอันอบอุ่นของทั้งคู่ซะจริงๆ แต่ก็มีบางความเห็นที่กล่าวว่า เธอไม่สมควรคบกับแฟนหนุ่มคนนี้เพราะว่าเขาคนนี้ผอมเกินกว่าที่จะเป็นแฟนเธอ และก็ยังเล่นตลกร้ายว่าเขาต้องใส่เครื่องรางของขลังตลอดเวลา เมื่ออยู่ใกล้ๆ ตัวเธออีกด้วย ลงรูปภาพตอกกลับซะเลย และเมื่อเธอได้เห็นความคิดเห็นดังกล่าว เธอก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ยอมให้พวกนักเลงคีย์บอร์ดเล่นสนุกบนภาพของเธอตามอำเภอใจ เธอจึงตัดสินใจตอบกลับพวกมือบอนเหล่านั้นด้วยถ้อยคำที่แสนเจ็บแสบว่า “ฉันคิดว่าที่ทุกคนวิจารณ์เช่นนั้น ก็เพราะว่ารูปร่างในอุดมคติของพวกเขาก็คือ รูปร่างที่ได้สัดส่วนเหมือนกับออกมาจากแม่พิมพ์ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่กับตัวฉัน แต่สำหรับแฟนของฉันเขาอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้” “สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่เพียงแต่กำหนดคุณค่าของคนๆ หนึ่งจากการดูเพียงรูปร่างเพียงเท่านั้น แต่พวกเขายังใช้ความคิดเช่นนี้ ตัดสินว่าใครควรจะได้รับความรักหรือไม่อีกด้วย มันช่างเป็นความคิดที่แย่ซะจริงๆ ” Gibson ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Cafe Mom อวบแล้วไง แคร์ปะล่ะ และในอีก 2 วันต่อมาเธอก็ได้โพสต์ภาพภาพหนึ่ง…
-
สาวลดน้ำหนักลงได้ 158 กิโลแต่ยังมี ‘ขาย้วย’ โดนคนหัวเราะเยาะ เธอเลยตอบกลับซะหน้าหงาย!!
บางคนอาจเคยเจอกับสายตาดูถูกหรือเสียงหัวเราะเยาะจากคนอื่นรอบตัวแล้วหลังจากนั้นคุณจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร? คุณรู้สึกสูญเสียความมั่นใจแล้วเลือกที่จะหนีปัญหาไปเลยหรือเปล่า? แต่หญิงสาวชื่อ Jacqueline Adan คนนี้มีวิธีที่แตกต่างออกไป บอกได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่าวิธีการหนีปัญหาแน่นอน เพราะนอกจากจะสามารถจัดการกับมันได้แล้วยังช่วยให้คุณจัดการกับตัวเองได้อีกด้วย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอผู้เคยหนักมากถึง 231 กิโลกรัมแต่ตอนนี้เธอสามารถลดลงมาเหลือเพียงแค่ 73 กิโลกรัมเท่านั้น หายไปกว่า 158 กิโลกรัมเลยทีเดียว เธอผู้สามารถลดน้ำหนักไปได้มากกว่า 150 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามด้วยน้ำหนักที่ลดลงอย่างมากของเธอทำให้เธอมีผิวหนังที่เหี่ยวย่นหย่อนยานอยู่ทั่วร่าง เห็นได้ชัดที่สุดก็คือบริเวณต้นขาที่ดูย้วยมากกว่าปกติ แต่ในวันหนึ่งที่เธอออกไปเที่ยวในช่วงวันหยุดที่เม็กซิโก เธอตัดสินใจที่จะใส่ชุดว่ายน้ำอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ใส่มานานมากแล้ว และเธอก็ไม่ได้ใช้ผ้ามาคลุมปกปิดร่างกายเอาไว้เหมือนที่เธอเคยทำมาก่อน สมัยที่เธอยังหนักถึง 231 กิโลกรัมอยู่ ในตอนนั้นเธอรู้สึกประหม่าและวิตกกังวลไม่ต่างกับตอนที่เธอยังหนักมากเหมือนเมื่อก่อน หลังจากนั้นเมื่อเธอเดินไปในสระว่ายน้ำก็มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งชี้มาที่เธอและเริ่มที่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะราวกับเห็นเธอเป็นตัวตลก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะอายมากจนอยากจะหนีออกไปให้ไกล แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้วเธอหายใจเข้าลึกๆ ยิ้มและเดินลงไปในสระด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย เธอบอกว่า “ฉันยังคงรู้สึกกังวลและไม่สบายใจกับเรื่องแบบนี้อยู่มันทำให้ฉันรู้สึกรำคาญ แต่ฉันตั้งใจว่าจะไม่เอาสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับฉันเข้ามาหยุดการใช้ชีวิตของตัวเองได้” “ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะพูดว่าอย่างไรหรือพวกเขาจะพยายามให้คุณรู้สึกแย่ยังไง การแสดงออกของเราที่มีต่อสิ่งนั้นคือสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเองและร่างกายของเราเอง จงก้าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม” เธอกล่าวปิดท้าย เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกถ่ายทอดให้ผู้ติดตามเกือบ 60,000 คนของเธอได้เห็นผ่านอินสตาแกรม โพสต์นี้ของเธอก็มียอดไลก์มากกว่า 30,000 คนและเต็มไปด้วยข้อความให้กำลังใจและสนับสนุนเธอ …
-
สาววัย 23 ทำบัตรประชาชนหายไปเป็นปี วันหนึ่งมันถูกส่งคืนมาพร้อม “จดหมายขอบคุณ” สุดฮา
ใครเคยทำบัตรประชาชนหายบ้าง? เชื่อว่าหลายคนต้องเคยทำหายบ้างละ แต่จะว่าไปคิดแล้วก็เซงเหมือนกันนะ เพราะไหนจะต้องเตรียมเอกสารเยอะแยะมากมาย ไหนจะต้องไปทำใหม่อีก เฮ้อ…เสียเวลาจริงๆ แต่สำหรับ Christina Egan สาววัย 23 ที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในประเทศสหรัฐอเมริกา คนนี้ เธอกลับไม่ได้รู้สึกเซ็งอะไรเลยที่ทำบัตรหล่นหาย เพราะเธอได้บอกว่า ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีผ่านมา เธอทำบัตรประชาชนหายมาแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกัน…แหม!! คิดว่าเธอคงจะชินกับการทำบัตรหายซะแล้วละ!! “ฉันชอบออกไปข้างนอก โดยพกแค่บัตรประชาชนของฉัน บัตรเดบิต รวมถึงลิปกลอส แล้วเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ โดยที่ไม่มีกระเป๋าสตางค์ใส่ มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีเอาซะเลย” Christina กล่าว ย้อนเวลากลับไปเมื่อปีที่แล้ว มีครั้งหนึ่งที่เธอทำบัตรประชาชนหล่นหาย ขณะที่กำลังเที่ยวในบาร์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก แต่แทนที่เธอจะรีบหามัน Christina กลับไม่คิดอะไร พร้อมรีบไปทำบัตรอันใหม่ขึ้นมาแทน Christina สาวที่ทำบัตรประชาชนหายอยู่บ่อยครั้ง ได้ลืมเรื่องราวที่เคยทำบัตรหายในบาร์ไปเสียสนิท กระทั่งวันหนึ่งเธอได้รับจดหมายลึกลับส่งมายังบ้านของเธอ ซึ่งเธอก็ได้เปิดดูมัน และพบว่านี่เป็นจดหมายขอบคุณ ภายในจดหมายที่ส่งมา มีบัตร ID Card ของเธอที่เคยทำหายไป พร้อมกับกระดาษจดหมายที่เขียนข้อความฮาๆ แนบมาด้วย และนั่นทำให้เธอเห็นได้ชัดเลยว่ามีคนพบบัตรของเธอ…
-
ยิ่งกว่าแอดมิน KFC!! หนุ่มอังกฤษเจอหนอนในแตงกวา แจ้งเพจ Tesco ตอบกันไปมาอย่างฮาซะงั้น
ถ้าใครคิดว่าแอดมินเพจ KFC ว่าฮาแล้ว ต้องไปเจอแอดมินของเพจ Tesco ซะหน่อยแล้ว หลังจากมีชายคนหนึ่งนำเรื่องราวการเจอหนอนบนแตงกวามาร้องเรียน ตอบโต้กันไปๆ มาๆ กลายเป็นเรื่องสุดฮาซะอย่างงั้น *อาจมีการบิดคำบ้าง เพื่ออรรถรส เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของเฟสบุ๊ค Wes Metcalfe ได้โพสร้องเรียนการเจอหนอนบนแตงกวาที่ซื้อมาจากห้าง Tesco บนเฟสบุ๊คอย่างเป็นทางการของห้างด้วยใจความว่า… “สวัสดี Tesco เมื่อวานผมซื้อแตงกวามาจากห้างของคุณเพื่อเอามาทำแซนด์วิซแตงกวา ปรากฎว่าเจอหนอนอยู่ภายในพลาสติกห่อ ผมตื่นเต้นมากเลยเรียกเด็กๆ มาดูสัตว์เลี้ยงใหม่ของเรา พวกเราตั้งชื่อมันว่า William แต่ดูเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงใหม่ของเราจะไม่ค่อยตอบสนองเท่าไหร่นะ สงสัยจะหลับอยู่ แต่หลังจากผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง มันก็ยังไม่ขยับ (แถมดูตัวมันแบนๆ นะ) ครั้นตัวผมก็ไม่ใช่สัตวแพทย์หรอก แต่ผมคิดว่ามันน่าจะตายแล้ว เพราะโดนพลาสติกห่อทับแบนแต๊ดแต๋ ตอนนี้ทั้งบ้านผมเศร้าเสียใจมาก เรากำลังจะเตรียมงานศพให้กับเจ้า William แต่ที่สำคัญ พวกเราไม่อยากกินแซนด์วิซแตงกวาอีกต่อไปแล้ว Tesco คิดอย่างไรบ้างกับเรื่องนี้?” . โพสไปไม่ทันไร ทาง Tesco ก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “สวัสดี Wes ตอนนี้ผมกำลังกำลังไปเที่ยวเทศกาลดินโคลน…
-
ไม่ต้องขอบคุณจ๊า!! ยายที่ถาม Google แบบสุดฮา ได้รับการตอบกลับดีๆ จากบริษัทด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวเลเซอร์ ได้เสนอเรื่องราวอันน่ารักของคุณยายที่ถูกหลายแฉวิธีการใช้กูเกิ้ลของเธอ หลังจากที่ไปแอบเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเจอกับสิ่งที่คุณยายได้สอบถามขอร้องให้กูเกิ้ลช่วยแปลจำนวนตัวเลขโรมันให้แบบสุภาพมากๆ (ข่าวเก่า) หลังจากที่ Ben John เจ้าหลานชายตัวแสบแอบแฉคุณยายตัวเองผ่านทวิตเตอร์ไปแล้ว ก็ถูกอกถูกใจชาวเน็ตมากมาย แสดงให้เห็นถึงความน่ารักของคุณยายได้เป็นอย่างดี แล้วหลานชายก็แอบถามคุณยายด้วยว่า ทำไมต้องใช้คำว่า ‘กรุณา’ กับ ‘ขอบคุณ’ ด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณยายของเขานั้นคิดว่ากูเกิ้ลเป็นคนที่มีตัวตนจริงๆ คอยตอบคำถามให้กับเธอแบบเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนั้นเลยยังไงล่ะ หลานชายตัวแสบ Ben John กับคุณยายผู้น่ารัก จนกระทั่งเรื่องราวอันน่ารักของคุณยายก็ไปเตะตากูเกิ้ลเข้าจนได้ แถมยังตอบกลับมาด้วยว่า ‘ถึงคุณยาย ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกครับ จากใจพวกเราชาวกูเกิ้ล’ ถึงคุณยายของ Ben หวังว่าคุณยายจะสบายดีนะครับ ในโลกแห่งการค้นหาเป็นพันล้านครั้ง การค้นหาของคุณยายทำให้พวกเรายิ้มได้ อ้อ!! เกือบลืมไป คำตอบก็คือ 1998 นะครับ ขอบคุณครับ โอ้ยยยยย อะไรจะน่ารักปานนั้นเนี่ยยยยย นี่สิ เป็นตัวอย่างของการเอาใจใส่งานการให้บริการอย่างแท้จริง สร้างความสุขให้กับทั้งผู้รับและผู้ให้เลย อิอิ ที่มา : unilad
-
พิสูจน์ความสตรองในการตอบกลับของแอดมินเพจ Nikon ล้อเลียนดราม่าการประกวดภาพถ่าย!!
ในตอนนี้กำลังเป็นที่คึกคักในวงการช่างภาพเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ทางเพจ Nikon ได้ออกมาประกาศผลผู้ชนะเลิศการประกวดภาพถ่ายผ่านหน้าเพจตัวเอง จนโดนแฉว่าภาพถ่ายที่ชนะเลิศมานั้นได้รับการตัดต่อมา จนผู้คนออกมาโวยวายและล้อเลียนกันยกใหญ่ (ข่าวเก่า) ภาพต้นฉบับที่ถูกนำมาแฉ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าในแต่ละคอมเม้นก็จะยกภาพดังกล่าวมาแปะเอาไว้ ทำเป็น Meme ล้อเลียนกันสนุกสนานยกตัวอย่างเช่นดังต่อไปนี้ แบบนี้ แบบนี้ และก๊าซซซซซซซซซซซซซว!! โดยจะสังเกตได้ว่ามันเป็นอะไรที่ทำให้น่าอับอายเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจของ Nikon เอง ทั้งนี้เพื่อให้สถาณการณ์ลดความตึงเครียดลง แอดมินเพจ Nikon มาพร้อมด้วยความสตรองไม่มีสั่นคลอน ถึงแม้จะโดนล้อเลียนยังไง ก็ตอบกลับทุกคอมเม้นด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เหมือนหุ่นยนต์ในเพจใหญ่ๆ เอา Canon มา ส่งปืนใหญ่กลับไม่โกง ตัดต่อมาเป็นเครื่องบินหลายสิบเครื่องบินกันว่อน นี่ยังไม่ถึงวันชาตินะจ๊ะ เจอซุปเปอร์เกิร์ลบินผ่านด้วย แอดมินเพจก็ตอบกลับมาว่าเธอกำลังฝึกบินอยู่ ก็เลยแวะมาพักตรงนี้เฉยๆ บินมาขนาดนี้ ก็โดนสอยง่ายๆ สิจ๊ะ แม้ว่าจะโดนจู่โจมอย่างหนักในตอนนี้ แต่แอดมินเพจก็ยังดูแลอย่างทั่วถึง ตอบแต่ละคอมเม้นได้ยาวมาก นับว่าเป็นความใส่ใจที่หาได้ยากมากๆ เลยนะเนี่ย จะว่าไปแล้วก็นึกถึงแอดมินเพจ KFC…
-
หนุ่มทหารผ่านศึกโต้กลับโน๊ตสุดรุนแรง กรณีที่เขาจอดรถในที่คนพิการ ก็เพราะว่าบาดเจ็บจริง!!
ในเรื่องของมนุษย์ชอบแฉและเผือกเรื่องราวของชาวบ้านโดยที่ไม่ตรวจกันให้ดีๆ ก่อน ปล่อยให้อารมณ์ความหงุดหงิดเข้าครอบงำ จนไม่สนว่าอะไรเป็นอะไรอย่างเช่นกรณีที่มีบุคคลปริศนาได้ทิ้งโน๊ตอารมณ์ฉุนเฉียวเกี่ยวกับการจอดรถของพ่อหนุ่มทหารผ่านศึกรายนี้ ใจความภายในโน๊ตก็จะประมาณว่า ‘เฮ้ยพวก เลิกจอดรถในที่จอดรถของคนพิการซะ เพราะสภาพของเอ็งดูไม่เหมือนคนพิการเลยซักนิด ตอนนี้ตูได้ถ่ายรูปทะเบียนรถของเอ็งแล้วก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อย เลิกทำตัวเป็นไอ้งั่งซักที’ อ้าวววว!! เจอข้อความมาแบบนี้ เป็นใครก็หงุดหงิดตามซิ แต่พ่อหนุ่มทหารผ่านศึกรายนี้กลับใช้วิธีตอบโต้ที่นุ่มนวล ใช้ภาษาตอบกลับแบบสุภาพและนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ความหมายภายในนั้นตอกหน้าเจ้าของโน๊ตที่เขียนมาด่าได้อย่างลึกซึ้ง ใจความจากย่อหน้าแรก ‘ถึงเจ้าของโน๊ตผู้เกรี้ยวกราด อย่างแรกเลยก็คือ ในรัฐเท็กซัสเนี่ย ถ้ายานพาหนะคันไหนมีป้ายทะเบียนของทหารผ่านศึกที่พิการ ตามกฏหมายแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะแสดงต้องสัญลักษณ์คนพิการแสดงเพิ่มเติม เว้นเสียแต่ว่าไปจอดในที่ของรัฐบาลกลาง อันนี้ไม่ได้ ถ้าหากว่าสงสัยก็สละเวลาซัก 30 วินาที ควักคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก (น่าจะหมายถึงสมาร์ทโฟน) ออกมาจากกระเป๋า แล้วก็ค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องก่อน เพราะถ้าหาข้อมูลก่อนคุณก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องมาทิ้งข้อความรุนแรงนี้ให้ผมหรอก’ หน้าตาของป้ายทะเบียนที่ว่าจะประมาณนี้ ‘จากที่คุณถ่ายภาพทะเบียนรถผมไปคุณก็น่าจะเห็นข้อความที่เขียนเอาไว้ว่า ทหารผ่านศึกผู้พิการของกองทัพสหรัฐฯ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก คุณอาจจะถูกอารมณ์เพียงชั่ววูบครอบงำทำให้รู้สึกว่าเป็นพวก ‘ยอดมนุษย์พิทักษ์ความยุติธรรม’ ที่คิดว่าตัวเองถูกต้องไปซะหมด’ ใจความย่อหน้าที่สอง ‘อย่างที่สองนะ ถึงแม้ผมจะดูไม่เหมือนผู้พิการในสายตาของคุณ แต่ผมสามารถรับรองได้เลยว่าความเจ็บปวดในช่วงล่าง ที่เป็นผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น มันมีมากกว่าความเจ็บปวดที่คุณเคยสัมผัสมาตลอดทั้งชีวิตอย่างแน่นอน หรืออาจจะไม่ก็ได้ เพราะผมไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใคร…