Tag: ตัดจู๋
-
เมียหึงโหด! ตัด “เจ้าโลก” หนุ่มสุรินทร์เจ้าชู้ขาดสะบั้น แถมนำชิ้นส่วนไปทิ้ง ไม่อยากให้ต่อคืน…
สำหรับสามีภรรยาไม่ว่าคู่ไหนๆ การนอกใจและความเจ้าชู้นั้นมักจะเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะเสมอ… ล่าสุด ความเจ้าชู้ ทำพิษ ภรรยาสาวสัญชาติกัมพูชาลงทัณฑ์สามีชาวสุรินทร์เจ้าชู้ด้วยการใช้มีดหั่นอวัยวะเพศขาดสะบั้น แถมนำชิ้นส่วนไปซ่อนเพราะไม่อยากให้หมอต่อกลับคืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 บริเวณบ้านพักคนงานในแปลงผักออร์แกนิก ของหมู่ 5 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีผู้บาดเจ็บ จึงเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่อย่างเร่งด่วนพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบว่าชายที่ถูกฟันอวัยวะเพศจนขาดคือหนุ่มชาวสุรินทร์วัย 40 ปีชื่อว่า นายศิริพันธ์ สานุสันต์ ที่กำลังนอนประคบน้ำแข็งเข้าที่บริเวณเป้า พร้อมร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด อีกฝ่ายคือภรรยาสาวสัญชาติกัมพูชานามว่า นางสาวกรุณา อายุ 24 ปีผู้ซึ่งเป็นคนลงมือก่อเหตุ ขณะนั้นเธอยืนดูอาการอยู่ใกล้ๆ ขณะที่ฝ่ายสามีถูกหน่วยกู้ภัยเคลื่อนย้ายไปยังรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นาวสาวกรุณาเปิดเผยออกมาจากการสืบสวนว่า ทั้งเธอและสามีก่อนหน้านี้ทำอาชีพปลูกผักขาย แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าสามีนอกใจแอบคบหญิงอื่น จึงเกิดความคับแค้นใจอย่างมาก จนกระทั่งเธอวางแผนแก้เผ็ดสามีได้โดยการทำทีนำมือไปลูบไล้บริเวณอวัยวะเพศให้ฝ่ายสามีเคลิบเคลิ้ม และจังหวะที่สามีกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น เธอก็ได้ใช้มีดทำครัวหั่นเจ้าโลกของสามีจนขาดเป็น 2 ท่อน เธอเห็นว่าเลือดพุ่งกระเซ็นเต็มที่นอน ประกอบกับภาพที่สามีกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอจึงเกิดสงสารและโทร. แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่ทว่า ชิ้นส่วนของอวัยวะเพศที่ขาดออกมานั้น…
-
หนุ่มจีนประชดแฟนตัด ‘หรรมส์’ ของตัวเองทิ้ง น้อยใจที่ถูกต่อว่า ขนาดตัวเล็กไม่โอ่อ่า…
การประชด ถือเป็นวิธีสุดฮิตของเหล่าคู่รักวัยรุ่นมักจะเลือกทำกัน เพราะส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเมื่อทำให้ตัวเองดูน่าสงสารหรือการประชดประชันจะได้รับความสนใจจากคู่ของตน แต่กลับกันแล้ว ถ้าการประชดดังกล่าวมันกลายเป็นความรุนแรงที่ยากจะแก้ไขอย่างเช่นกรณีของนักศึกษาจีนจากเมืองกว่างโจว ที่เขาประชดแฟนสาวหลังมีอะไรกันแล้วแฟนสาวบอกว่าไอ้นั้นของเขามันเล็ก หนุ่มจีนคนดังกล่าวจึงจัดการหั่นปิกาจูของตัวเองทิ้ง เพื่อประชดให้แฟนเห็นว่าถ้าของเขามันเล็กนักก็อย่ามีมันเลยดีกว่า ซึ่งหลังจากตัดปิกาจูออกไป เขาก็เดินออกมานอกหอพักด้วยสภาพเปลือยเปล่าท่อนล่าง พร้อมกับเลือดที่อาบไปทั้งขา อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมีที่มาที่ไปแท้จริงอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ทางวิทยาลัย Guangdong Peizheng College ในกว่างโจว ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุก็ออกมายืนยันว่าเหตุการณ์เลือดอาบขาของหนุ่มคนนี้เกิดขึ้นจริง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารช่วงเวลา 14.00 น. ในวันดังกล่าว แต่สาเหตุนั้นไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นและมันเกิดจากการที่แฟนสาวบอกว่าเขาเล็กจริงไหม ส่วนอาการและวิธีการแก้ไขปัญหานั้น ทางวิทยาลัยได้บอกว่าหนุ่มคนดังกล่าวปลอดภัยดี และสภาพจิตใจของเขาก็ดีขึ้นตามลำดับ พร้อมกับแนะนำให้พยายามอย่าไปยุ่งกับภาพหรือคลิปอะไรก็ตามที่อาจทำให้เขาไม่สบายใจ แม้ว่าข่าวของเขาจะถูกส่งต่อและพูดถึงกันไปต่างๆ นานาแล้วก็ตาม สุดท้ายแล้ว ถ้าเกิดเขาหั่นปิกาจูทิ้ง แล้วเกิดทั้งคู่เลิกกันในอนาคตเขาจะรู้สึกเสียใจที่ประชดแฟนเก่าไหมนะ จะแก้ไขก็ไม่ได้แล้วด้วย… ที่มา weibo, shanghaiist
-
หนุ่มใหญ่อินโดฯ ฉุนจัด วางแผนฆ่าชายที่เคยข่มขืนภรรยาของเขา แถมตัดอวัยวะเพศมากินให้หายแค้น!!!
สำหรับเหตุการณ์นี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจมาก หลังจากที่ตำรวจอินโดนีเซียได้มีการรายงานถึงการจับกุมชายคนหนึ่ง ที่ฆาตกรรมคนที่เคยข่มขืนภรรยาของเขา ตัดอวัยวะเพศชายออกมา แล้วนำมาทำอาหารให้เขาและภรรยาตัวเองกิน!!? Rudi Efendi ชายวัย 30 ปียอมรับว่า เขาได้ฆ่าชายคนดังกล่าว หลังจากที่พบว่าภรรยาของเขานั้นไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ในคืนแต่งงาน เธอจึงบอกความจริงกับเขาไปว่าเธอเคยถูกข่มขืนโดยชายคนหนึ่ง นั่นทำให้เขาโกรธมาก!!! ศพของผู้ตายถูกพบในรถตู้ที่เกิดเพลิงไหม้ เมื่อราวๆ เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าคนขับคือชายที่เคยคบหากับแฟนของเขามาก่อน ซึ่งพอตำรวจสืบค้นถึงวิธีการฆาตกรรมนี้ภรรยาของเขาก็พบว่า… เธอได้นัดเจอกับชายหนุ่มคนดังกล่าว พอไปถึงที่หมายผู้ตายพบเพียงแค่นาย Efendi รออยู่ และเอามีดจ้วงแทงเขาจนเสียชีวิต ตัดอวัยวะเพศชายของเขาออก แล้วเผารถตู้เพื่อทำลายหลักฐาน พอทำการสำเร็จทั้งคู่ก็นำอวัยวะเพศของชายที่ถูกฆ่าปรุงอาหาร แล้วนำมาทานด้วยกัน และทางตำรวจประเทศอินโดนีเซียก็ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ‘จากการสอบสวนที่ผ่านมาพบว่านี่เป็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่วางแผนมาอย่างไม่ต้องสงสัย’ อื้อหือออ อะไรจะโหดขนาดนั้น แบบนี้ก็ไม่ไหวนะเมี๊ยววว นี่เข้าขั้นจิตป่วนไม่พอยังเป็นมนุษย์กินคนด้วยรึเนี่ย น่ากลัวจริงๆ -*- ที่มา: Metro