Tag: ตำนาน
-
คิดถึงกันมั้ย!? สองสาวดูโอ้ M2M ในวันนั้น ปัจจุบัน “โตเป็นสาว” สวยกันหมดแล้วนะเอ้อ!!
“Oh, my pretty pretty boy I love you like I never ever loved no one before you~” เชื่อว่าเนื้อเพลงท่อนนี้จะต้องคุ้นหูของเพื่อนๆ เป็นแน่ บางคนอาจจะร้องต่อจนจบเลยก็เป็นได้ เพราะเพลงนี้คือเพลง Pretty Boy จากศิลปินสาวน้อยดูโอ M2M นั่นเอง!! วง M2M มีสมาชิกเป็น 2 สาวก็คือ มาริต ลาร์เซน (Marit Larsen) และ เมเรียน เรเวน (Marion Raven) ซึ่งเมื่อออกอัลบัมแรกมาในปี 2000 วง M2M ก็โด่งดังเป็นพลุแตกชนิดที่ว่าลูกเล็กเด็กแดงก็ร้องเพลงของพวกเธอกันได้สบาย สองสาว M2M ผลงานเพลงที่ดังสุดๆ ณ ตอนนั้นก็มีเพลง Pretty Boy, The…
-
10 ความเชื่อพื้นบ้านจากรอบโลก ตามตำนาน ‘พระจันทร์สีเลือด’ บ่งบอกถึงลางร้าย
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เชิญชวนคนไทยชมปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงยาวนานที่สุดในรอบ 100 ปี ตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงเช้ามืดวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 (วันนี้-พรุ่งนี้) ทางสดร. ระบุว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ซึ่งจะกินเวลานานถึง 1 ชั่วโมง 43 นาที ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์จันทรุปราคาพระจันทร์สีเลือดในอดีต มักจะถูกเชื่อมโยงกับความเชื่อพื้นฐานทางด้านดวงชะตา-ไสยศาสตร์ ตามตำนานพื้นบ้านในแต่ละท้องถิ่น และทั้ง 10 ความเชื่อจากรอบโลกจะไปในทิศทางไหนได้บ้าง มาดูกัน ชนเผ่าอินคา (ที่มา) ชาวอินคาเชื่อว่าพระจันทร์สีเลือด เป็นผลพวงมาจากปิศาจเสือจากัวร์ผู้ชั่วร้าย ได้ทำการจู่โจมและกลืนกินพระจันทร์เข้าไป ส่งผลทำให้พวกเขาเชื่อว่าปิศาจจากัวร์จะลามมาสู่โลก ชาวอินคาจึงร่วมใจกันตะโกนคำรามและโบกหอกไปมา หวังเพื่อขู่ให้ปิศาจตนนี้เกรงกลัวจนหนีไป ชนเผ่าฮูปา (ที่มา) ชนเผ่าผู้ตั้งรกรากทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย เชื่อว่าพระจันทร์มีบริวารนางสนมถึง 20 นางพร้อมกับสัตว์เลี้ยงอีกนานาชนิด…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย ‘น้ำในโลงศพดำ’ เป็นน้ำเสียจากท่อน้ำทิ้งที่ซึมเข้าไป มันดื่มไม่ได้!!
หลังจากที่เป็นข่าวฮือฮากันไปพักใหญ่กับการขุดพบ ‘โลงศพดำ’ ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยภาพออกมาแล้วว่าข้างในนั้นมีอะไร เป็นโครงกระดูกของคน 3 คน แถมยังมีน้ำสีน้ำตาลแดงที่ดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามมีกระแสที่ออกมาเรียกร้องขอ ‘ดื่มน้ำสีน้ำตาลแดง’ ในโลงศพนั้น เพื่อซึมซับพลังด้านมืดจากความชั่วร้ายจากอดีต ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org และมีผู้ลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 20,000 ราย!! ล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยแล้วว่าของเหลวที่อยู่ในโลงศพดำนั้นมันคืออะไร และมาอยู่ในโลงศพที่ปิดตายมาตลอด 2,000 ปี ได้อย่างไร ดอกเตอร์ Moustafa Waziri เลขานุการของกระทรวงโบราณวัตถุของประเทศอียิปต์กลาวว่า “น้ำที่อยู่ในโลงศพนั้นมันไม่ใช่ยาอายุวัฒนะหรือสิ่งมหัศจรรย์แต่อย่างใด เป็นเพียง ‘น้ำเน่า’ จากท่อน้ำทิ้ง” “ของเหลวเหล่านี้ก็คือ ‘น้ำเน่า’ ที่ไหลซึมจากท่อน้ำทิ้งผ่านชั้นดินเข้ามาและไหลซึมเข้าไปยังรอยแตกของโลงศพ จากนั้นมันก็เข้าไปทำปฏิกิริยาย่อยสลาย ทำให้มัมมี่ที่อยู่ข้างในเปื่อยยุ่ยจนเหลือแต่โครงกระดูกที่เราเห็นในภาพ” “และมันจะดีมากๆ ถ้าคุณไม่ดื่มมันเข้าไป เพราะมันจะส่งผลให้เกิดภาวะกระเพาะและลำไส้อักเสบ นำไปสู่การท้องเสียอย่างรุนแรงได้” “เราได้ทำการเปิดโลงศพออกมา ขอบคุณพระเจ้าที่โลกก็ไม่ได้จมลงสู่ความมืดมิด ผมเป็นคนแรกที่ยื่นหน้าเข้าไปในโลงนั้น และผมก็ยังคงมีโอกาสได้มาพูดคุยกับพวกคุณอยู่ตรงนี้ ผมยังสบายดีอยู่!!” Waziri กล่าว ที่มา :…
-
เพจเกี่ยวกับครู แชร์ภาพเลขอารบิก 0 – 9 นับตามมุม ถูกสวนกลับยับ ‘มั่วและไม่ควรแชร์’
เรื่องไวรัลที่มีผู้คนแชร์กันเป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง อย่างภาพที่มาของตัวเลขอารบิก ซึ่งตัวเลขแต่ละตัวจะนับตามจำนวนมุมตั้งแต่เลข 0 – 9 ซึ่งหลายคนก็หลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คนทั่วไปก็ยังรู้สึกคลุมเครือว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มีการถกเถียงเกิดขึ้นทั้งฝั่งคนที่เชื่อและไม่เชื่อเถียงกันไม่จบไม่สิ้น จนกระแสซาไปได้สักพักหนึ่งก็กลับมาอีกครั้งและเป็นเพจที่เกี่ยวกับครูเป็นฝ่ายโพสต์ภาพดังกล่าว เพจดังกล่าวโพสต์ภาพพร้อมใจความว่า ‘เรียนมาจนจะแก่ตายอยู่แล้ว เพิ่งรู้ว่าเลขอารบิคเขานับจำนวนตามมุมของมัน’ และภาพที่มีก็เป็นเลข 1 – 0 และจำนวนมุมตามตัวเลข ด้านความคิดเห็นจากชาวเน็ตที่พบ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นในทิศทางที่ไม่เห็นด้วยเยอะมากๆ แรกๆ พอจะเชื่อได้ว่ามีเหตุผล แต่เลขหลังๆ เริ่มพยายามเกินไป . จนต้องมาแย้งว่า เลขอารบิก ไม่ได้คิดตามจำนวนมุม แล้วความจริงของเลขอารบิกในปัจจุบันมากจากไหนล่ะ? จุดแรกเริ่มของตัวเลขอารบิกที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลมาจากนักคณิตศาสตร์อินเดียในระหว่างช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล และคริสต์ศตวรรษที่ 3 จากการพบหลักฐานในคัมภีร์ Bakhshali บันทึกทางคณิตศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย ตัวเลขโบราณชุดแรกเริ่ม ตัวเลขโบราณพรามมิ โดยภายในบันทึกดังกล่าวได้เขียนเชิงอธิบายตัวอย่างแรกของการใช้ตัวเลขในระบบ 0 – 9 จะเห็นได้ถึงความใกล้เคียงของการออกแบบตัวเลขโบราณพรามมิ และตัวเลขฮินดู-อารบิก…
-
ชวนคิดถึง… สัตว์ 17 ชนิดที่เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ต้อง “สูญพันธุ์” ไปอย่างน่าเศร้า
เหล่าสรรพสัตว์บนโลกของเรานั้นมีมากมายหลายชนิดเสียเหลือเกิน แต่ถึงแม้จะมีมากอย่างไรมันก็มีการลดจำนวนลงไปเนื่องจากการสูญพันธุ์ สัตว์หลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมหาศาล แต่ขณะเดียวกันสัตว์หลายๆ ชนิดก็เป็นส่วนสำคัญต่อสภาพแวดล้อมและห่วงโซ่อาหาร แต่สุดท้ายมันก็กลับต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเศร้า วันนี้ เราจึงอยากเสนอ สัตว์ 17 ชนิดที่เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ต้อง สูญพันธุ์จากไปอย่างน่าเศร้า จะมีสัตว์ชนิดไหนบ้างนั้น ไปชมกันเลย… 1. เสือโคร่งชวา, เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย สูญพันธุ์ไปเมื่อปี 1993 ที่มา: Javan_tiger 2. นกพิราบพาสเซนเจอร์, ทวีปอเมริกาเหนือ สูญพันธุ์เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1904 ที่มา: Passenger_pigeon 3. แมวน้ำมังค์แคริบเบียน, หมู่เกาะแคริบเบียน สูญพันธุ์เมื่อปี 2008 ที่มา: Caribbean_monk_seal 4. คางคกสีทอง, ประเทศคอสตาริกา สูญพันธุ์เมื่อปี 1989 ที่มา: Golden_toad 5. นกโดโด, ประเทศมอริเชียส ทวีปแอฟริกาตะวันออก สูญพันธุ์เมื่อปี 1662 ที่มา: Dodo 6. วัวทะเลชเตลเลอร์, หมู่เกาะคอมมานเดอร์…
-
ตำนานมันฝรั่งแผ่นบาง เกิดขึ้นได้เพราะฉุนลูกค้าขี้บ่น ‘ข้าไม่ชอบหนา มันแฉะ มันไม่กรุบ’
นับว่าเป็นตำนานของอาหารการกินอย่างแท้จริง และยังคงเป็นตำนานที่มีลมหายใจมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะผ่านมานานกว่า 165 ปีแล้ว ‘มันฝรั่งแผ่นบาง’ ก็ยังคงได้รับความนิยม และมีขายเกลื่อนไปทั่วโลก!! รู้หรือไม่ว่าเมื่อปี ค.ศ. 1853 ชายนามว่า George Crum ผู้ดำรงตำแหน่งเชฟแห่งร้าน Cary Moon’s Lakehouse ณ เมือง Saratoga Spring ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้กำเนิดเมนูยอดฮิตตัวใหม่โดยบังเอิญ… George Crum และการให้กำเนิดมันฝรั่งทอดแผ่นบาง หลังจากการมาของ เฟรนช์ฟรายส์ ที่ได้รับความนิยมสูงในขณะนั้น ร้านอาหารทุกแห่งหนในอเมริกาต่างต้องมีเมนูนี้ แต่จะอยู่รอดได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการทอดที่จะถูกปากลูกค้าด้วยรึเปล่า ภาพถ่ายร้านอาหาร Carey Moon’s Lakehouse ในปี 1896 และเมนูเฟรนช์ฟรายส์ อันเป็นเอกลักษณ์ของร้านที่ชื่อ Moon’s Fried Potatoes อ้างว่าเสิร์ฟพร้อมธรรมเนียมแบบฝรั่งเศส (มันก็คือเฟรนช์ฟรายส์ใส่จานนี่แหละ) กลับโดนตำหนิต่อว่าไม่พอใจจากลูกค้ารายหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า… ชายคนนั้นว่ากันว่าคือ Cornelius…
-
เปิดภาพล่าสุดของ ‘เจ็ท ลี’ หลังเผชิญกับอาการเจ็บป่วยอย่างหนัก แทบไม่เหลือเค้าเดิม
หากพูดถึงดาราแอกชั่นจากเอเชียที่มีชื่อเสียงแล้ว หลายๆ คน ก็อาจจะคิดถึง ‘เฉิน หลง’ แต่จริงๆ แล้วยังมีอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันเลย ชายผู้นั้นก็คือ ‘เจ็ท ลี’ นั่นเอง แต่ช่วงหลังๆ มานี้เราจะเห็นได้ว่าเขาได้หายหน้าหายตาไปจากวงการภาพยนตร์เลย และล่าสุดเว็บไซต์ China Morning Post ของประเทศจีนได้เปิดเผยภาพล่าสุดของ เจ็ท ลี ในวัย 55 ปี ที่ดูเปลี่ยนไปมากจนน่าตกใจ ภาพดังกล่าวนี้เป็นภาพตอนที่เขาไปเยี่ยมชมวัดในทิเบต และมีแฟนๆ ถ่ายภาพของเขาเอาไว้ ปรากฏว่าสภาพร่างกายของเขานั้นไม่เหลือเค้าของหนึ่งในนักแสดงคิวบู๊แนวหน้าของเอเชียเลยแม้แต่น้อย ตามรายงานระบุว่าเจ็ท ลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย ประสบกับอาการป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมากกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบการเผาผลาญในร่างกาย นอกจากโรคไทรอยด์เป็นพิษแล้ว เจ็ท ลี ยังมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง นั่นทำให้เขาต้องหายหน้าหายตาไปจากวงการภาพยนตร์คิวบู๊ เพราะไม่สามารถทำกิจกรรมที่สร้างผลกระทบต่อร่างกายได้ ในปี 2013 เจ็ท ลี เผยว่า คุณหมอเตือนเอาไว้ว่า เขาอาจจะต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิตก็ได้…
-
เปิดตำนาน ‘ผีกัดอย่ากัดตอบ’… กับคำตอบว่าทำไมผีต้องกระโดดดึ๋งๆ – มีเสียง กอยๆๆ
หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงเมื่อ 20 ปีก่อน ต้องขอบอกเลยว่าหนังเรื่อง ‘ผีกัดอย่ากัดตอบ’ เป็นหนังที่สร้างความบันเทิงให้กับเราเป็นอย่างมาก และจุดที่น่าสนใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัว ‘ผีดิบ’ ในหนังนี่แหละ ที่เวลาเดินไปไหนมาไหนต้องยกมือตรงยื่นไปข้างหน้า แล้วก็กระโดดดึ๋งๆ พร้อมกับร้องว่า “กอยๆๆๆ” พอเอายันต์แปะที่หน้าก็จะหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน แล้วเพื่อนๆ สงสัยกันไหมว่าทำไมผีจีน ถึงมีท่าทางการเดินแบบนั้น ทำไมไม่เดินเหมือนคนปกติธรรมดา หรือใช้วิธีการลอยไปลอยมา นั่นเพราะว่าจริงๆ แล้วมันมีความเชื่อของประเทศจีนที่อยู่เบื้องหลัง!! ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก ไม่เชื่อจึงสงสัย ไม่ใช่การลบหลู่ – Resist Credulity & Swindler ระบุเอาไว้ว่าผีดิบดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกเป็นภาษาจียว่า ‘เจียงซือ’ และเรื่องของเจียงซือนี้ก็มีที่มาจากพิธีที่เรียกกันว่า ‘ส่งศพพันลี้’ ซึ่งเป็นพิธีกรรมพาศพคนตายกลับบ้าน เนื่องจากว่าสมัยก่อนนั้นยังไม่มีรถยนต์ ทำให้การเดินทางไกลๆ ยังไม่สะดวกสบายเท่ากับปัจจุบัน ทำให้เมื่อมีคนเสียชีวิตในต่างถิ่น จึงต้องมีการจ้างนักพรตให้ไปนำศพของคนตายกลับมา โดยนักพรตจะนำศพกลับมาในเวลากลางคืน ในระหว่างการเดินทางก็จะมีกระดิ่งสั่นตลอดทางเพื่อให้คนที่ได้ยินรู้ว่ากำลังทำพิธีส่งศพคนตายอยู่ จะได้ไม่ต้องเข้ามาใกล้และเดินไปทางอื่นเสีย เพราะพิธีดังกล่าวนี้ถือเป็นพิธีอัปมงคลสำหรับผู้พบเห็น นอกจากนี้พิธีการส่งศพกลับบ้านยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ‘ขนศพในเซียงซี’ เพราะเป็นที่นิยมมากในเมืองเซียงซี เพราะผู้คนมักจะออกไปทำงานต่างถิ่น เมื่อเกิดการเสียชีวิตขึ้นจึงต้องมีพิธีการพากลับมาที่บ้านโดยการจ้างนักพรต วิธีการขนศพกลับมาต้องแบกศพในท่ายืน และให้ศพยื่นมือทั้งสองข้าออกไปข้างหน้า ด้วยการเอาไม้ไผ่ดามเอาไว้ คนแบกจะมีสองคนประกบด้านหน้าและด้านหลัง (แต่จริงๆ แล้วศพจะถูกขนส่งในหลายท่าทาง…
-
ตำนานทวยเทพ “ธอร์” เทพเจ้าสายฟ้า ในตำนานท่านจะเฟี้ยวเหมือนในหนังหรือเปล่านะ…
ธอร์ ที่เรารู้จักกันในคอมมิคส์หรือภาพยนตร์ในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ชาวแอสการ์ดนั้น ในอีกบริเวณหนึ่งของโลก ธอร์ เป็นเทพแห่งสายฟ้าที่อยู่ในตำนานปรัมปราของชาวนอร์สด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของธอร์ เทพสายฟ้าเวอร์ชันตำนานทวยเทพของชาวนอร์สให้ฟังกัน แต่จะเหมือนหรือต่างกับธอร์ที่เห็นในภาพยนต์หรือไม่ ก็ต้องขอให้ผู้ชมรับชมกันเอาเอง ในตำนานทวยเทพของนอร์ส ธอร์ เป็นชายวัยกลางคนที่มีสีผมและหนวดเคราสีแดง ถืออาวุธประจำกายเป็นค้อนทรงอานุภาพที่เรียกว่า “โยเนียร์” ธอร์เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง แถมยังมาพร้อมกับพลังแห่งสายฟ้า เขามักเข้าต่อสู้กับ โยตุน เผ่าพันธุ์ประหลาด และ จอร์มันแกรน งูยักษ์ที่ถูกทำนายว่าจะทำให้เหล่าทวยเทพถึงคราวินาศ เทพเจ้าแห่งสายฟ้า ในตำนานทวยเทพของนอร์ส ธอร์นั้นถือเป็นคนสำคัญอันดับสองรองลงมาจากโอดินผู้เป็นบิดา แต่นอกจากชาวนอร์สแล้ว ยังมีชาวเยอรมันอีกบางส่วนที่นับถือว่าธอร์เป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้า แต่อาจจะเรียกด้วยชื่อที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะเรียกด้วยชื่อไหน ต่างก็แปลว่า “สายฟ้า” ทั้งสิ้น ในส่วนรูปลักษณ์ของธอร์ ว่ากันว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนมาพร้อมหนวดเคราและดวงตาสีแดง เขาเป็นบุตรแห่งโอดินและโยโรเทพีแห่งผืนดิน ส่วนภรรยาของธอร์ ก็กล่าวกันว่าคือ ซิฟ นอกจากนี้ ธอร์ยังถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาเทพของนอร์สอีกด้วย แต่จะถูกมองว่าสติปัญญาไม่สูงเท่าใดนัก โยตุนผู้เป็นศัตรูมักกลั่นแกล้งให้ธอร์ใช้ปัญญาอยู่เสมอ ธอร์ยังมีอารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย หากใครกล้าหยอกล้อ หรือล้อเลียน เขาจะหยิบโยเนียร์ไปฟาดทันที และชาวนอร์สก็เชื่อว่าที่มีสายฟ้าฟาดลงมายามฝนตก ก็เพราะว่าธอร์กวัดแกว่งค้อนโยเนียร์นั่นเอง อาวุธศักดิ์สิทธิ์…
-
ตำนาน ‘หญิงญี่ปุ่นคนแรก’ ที่ได้ศึกษาระดับวิทยาลัย และวางรากฐานการศึกษาให้กับประเทศ!!
ในปี 1868 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ยุคเมจิ อันเป็นยุคเปลี่ยนผ่านจากประเทศปิดสู่การเปิดรับความเจริญจากนานาประเทศทั่วโลก ยุคเมจิถือว่าเป็นยุคที่วางรากฐานการเปลี่ยนโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการศึกษา ในช่วงเวลาดังกล่าว การเดินทางข้ามประเทศของการทูตเริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์แล้ว ยังเป็นการศึกษาระบบการศึกษา โครงสร้างสังคมของสหรัฐอเมริกาและยุโรปด้วย โดยจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มี ‘ผู้หญิงชาวญี่ปุ่น’ คนแรกที่ได้สำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัยคนนี้ เธอมีชื่อว่า Sutematsu Yamakawa (ชื่อเดิม Sakiko) เกิดในปี 1860 ในช่วงเวลานั้นเธอมีอายุได้เพียง 12 ปี และได้กลายเป็นหนึ่งในห้าของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สมัครใจไป เธอถูกบีบบังคับ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นในยุคสมัยนั้นพ่ายแพ้ต่อการรุกรานของต่างชาติ ถูกห้อมล้อมไปด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ญี่ปุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากประเทศคนเถื่อนเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และจากน้ำมือของพี่ชายที่เซ็นสัญญามอบตัวไปอเมริกาโดยที่ไม่ถามเธอสักคำ มีเหตุผลเพียงสองข้อนั่นก็คือ เพื่อยกระดับชื่อเสียงของครอบครัว และไม่ต้องมาคอยเลี้ยงดูให้เป็นภาระของครอบครัวอีกต่อไป… กลุ่มผู้หญิงชาวญี่ปุ่นกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางออกนอกประเทศสู่สหรัฐอเมริกา ด้วยการบีบบังคับทั้ง 5 คน สำหรับ Sutematsu นั้น ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่คำเดียว และจะต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกพร้อมกับผู้หญิงอีก…
-
พบกับ 7 อุโมงค์สุดหลอนที่น่ากลัวที่สุดในโลก เอาซะไม่กล้าลอดอุโมงค์กันไปอีกนาน!!
สำหรับคนที่ชื่นชอบในการชมภาพยนตร์สยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจก็คงรู้อยู่แล้วว่าสถานที่แบบไหนที่มักจะมีเบื้องหลังอันน่ากลัวซุกซ่อนอยู่ หนึ่งในสถานที่เหล่านั้นก็คงไม่พ้นอุโมงค์ที่ดูลึกลับนั่นเอง ซึ่งก็มีสถานที่จริงๆ ที่มีตำนานที่เล่าต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าอยากรู้เรื่องราวก็ลองไปอ่านกันได้เลยกับ 7 อุโมงค์ที่เฮี้ยนที่สุดในโลก อุโมงค์ Sensabaugh หนึ่งในอุโมงค์ที่ผีดุที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นตั้งอยู่ที่รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างในปี 1920 และตั้งชื่อตามเจ้าของที่ดิน Edward Sensabaugh ซึ่งก็มีการเล่าเรื่องต่อๆ กันมาหลากหลายรูปแบบ บ้างก็เล่าว่า Edward เชิญคนไร้บ้านมาที่บ้าน คนไร้บ้านขโมยเงิน เมื่อ Edward รู้ คนไร้บ้านก็ลักพาตัวลูกสาวของเขาและพาไปฆ่าในอุโมงค์ บ้างก็เล่าว่า Edward เป็นคนฆ่าลูกสาวของเขาเองในอุโมงค์นั้น ทำให้เป็นที่สิงสถิตของวิญญาณลูกสาวของเขา หากขับรถเข้าไปและดับเครื่องยนต์กลางทาง รถของคุณจะสตาร์ตไม่ติดอีกเลย อุโมงค์โหยหวน เป็นอุโมงค์เล็กๆ บริเวณน้ำตกไนแอการ่า รัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ที่มีตำนานกล่าวว่ามีเด็กผู้หญิงถูกเผาทั้งเป็นที่นั่น เนื่องจากบ้านของเธอนั้นถูกเผา ทำให้ไฟเกิดลุกไหม้ติดที่เสื้อผ้าของเธอ เธอจึงวิ่งหนีเข้าไปในอุโมงค์และร้องโหยหวนอย่างทรมาน หากมีคนเดินเข้าไปจุดไม้ขีดในอุโมงค์ ไม้ขีดจะดับทันทีและจะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องอีกด้วย อุโมงค์วิญญาณสีน้ำเงิน อุโมงค์แห่งนี้มีชื่อว่า Merritton ซึ่งก็มีผู้คนมากมายกล่าวว่าพบเห็นเงาสีน้ำเงินบริเวณอุโมงค์แห่งนี้ นอกเหนือจากนั้นการก่อสร้างอุโมงค์นี้ยังก่อให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบริเวณสุสานใกล้เคียงอีกด้วย อุโมงค์ Moonville อุโมงค์รถไฟ Moonville…
-
Kap Dwa มนุษย์ 2 หัวสูง 3 เมตร ที่เคยมีตัวตนอยู่จริง ตำนานลี้ลับที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี!!
คุณเคยคิดไหมว่าบนโลกนี้จะมียักษ์สองหัวแบบในหนังหรือเกมอยู่? แน่นอนว่าคุณคงกำลังคิดว่ามันจะไปมีได้ยังไง ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องแต่งขึ้นและแฟนตาซีทั้งนั้น แต่กลับกันแล้ว เรื่องดังกล่าวนั้นกลับเป็นความจริงและเป็นตำนานเล่าขานกันมาเป็นเวลานานแล้ว ตำนานที่ว่านั่นก็คือ Kap Dwa ยักษ์ผู้มีสองหัวและสูง 3.5 เมตร ที่ถูกทหารเรือชาวสเปนพยายามจับตัวและสุดท้ายจบด้วยการต่อสู้จนยักษ์ตนนี้ตายลงเมื่อช่วงปี 1673 และพาศพกลับมาเก็บไว้ในอเมริกา แต่ก่อนที่ศพของ Kap Dwa จะไปจบลงที่อเมริกานั้น แรกเริ่มเดิมทีหลังจากถูกสังหารด้วยหอกและพาร่างมากลับมา ศพของเขาก็ได้ถูกส่งต่อมือต่อมือผ่านนักสะสมของแปลก จนกระทั่งปี 1914 นั้น Lord Thomas Howard ได้จัดการซื้อศพของเขาไปไว้เป็นของสะสมของตัวเอง ต่อมาปี 1959 ร่างของ Kap Dwa ก็ยังคงเปลี่ยนมือต่อมือไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด จนสุดท้ายก็ได้มาจบลงที่พิพิธภัณฑ์ The Antique Man Ltd ในเมืองบอลทิมอร์ สหรัฐอเมริกา โดยมี Robert Gerber กับภรรยาของเขาเป็นเจ้าของร่างในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เรื่องเล่าของยักษ์สองหัว Kap Dwa ก็ยังมีความลับอยู่อีกมากมายที่อาจจะจริงหรือไม่จริงและไม่มีใครรู้แน่ชัด ซึ่งแม้แต่ตัว Robert…
-
‘Bridegroom’s Oak’ ต้นไม้แห่งความโรแมนติก มีอายุกว่า 500 ปี ช่วยสื่อรักมานานร่วมศตวรรษ
ความเชื่อตามท้องถิ่นที่เกิดขึ้นมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา แต่มักจะมีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นร่วมกันก็คือ ความเชื่อในเรื่องของความรัก กับการกระทำบางอย่าง ในบางสถานที่ จุดประสงค์ก็เพื่อให้รักนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด ในบทความนี้ #เหมียวเลเซอร์ จะพาบินไปสู่ประเทศเยอรมนี เพื่อพาท่านไปรู้จักกับต้นไม้ Bridegroom’s Oak มีอายุประมาณ 500 ปี คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง รับสารจากผู้แสวงหาความรักจากทั่วทุกมุมโลก!! ตำแหน่งที่ตั้งของต้น Bridegroom’s Oak นั้น อยู่ในบริเวณเมือง Eutin ประเทศเยอรมนี ซึ่งในปัจจุบันมีที่อยู่ตามไปรษณีย์เป็นของตัวเองแล้ว และมักจะได้รับจดหมายราวๆ 40 ฉบับต่อวันเลยล่ะ ในยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟู มีแอปพลิเคชั่นหาคู่และบริการที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นมากมาย การส่งจดหมายบอกรักโรแมนติกแบบดั้งเดิมคงจะยากที่จะได้เจอกับความรัก แต่สำหรับวิธีนี้ก็ยังมีเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากแบบอื่นๆ รอคอยให้ปาฏิหาริย์ทำหน้าที่ของมัน และยังคงได้รับความนิยมแม้จะเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลแล้ว “มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกวิเศษ และโรแมนติกเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้ บนโลกอินเทอร์เน็ต ความจริงและชุดคำถามจะจับคู่คนไว้ด้วยกัน แต่สำหรับต้นไม้ต้นนี้ มันคือความบังเอิญที่สวยงาม ราวกับพรหมลิขิต” Karl-Heinz Martens บุรุษไปรษณีย์วัย 72 ปี กล่าวกับสำนักข่าว BBC…
-
การเดินทางของต้นฉบับ Alice in Wonderland จากงานเขียนสู่ของขวัญในการร่วมรบของอังกฤษ
สำหรับใครที่เป็นแฟนๆ นิยายล่ะก็ อาจจะคุ้นชื่อของหนูน้อย Alice กันเป็นอย่างดี เรื่องราวการผจญภัยของสาวน้อยในโลกแห่งจินตนาการที่เคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือเป็นหนึ่งในนิยายที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว และวันนี้เพื่อเอาใจแฟนคลับสาวน้อยรายนี้ #เหมียวเวจจี้ ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับนวนิยายแฟนตาซี Alice in Wonderland และประวัติของหญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจในการให้กำเนิดสาวน้อย Alice มาฝากกัน… เรื่องราวการผจญภัยของหนูน้อย Alice ในดินแดนมหัศจรรย์นั้นถูกเขียนขึ้นในปี 1856 โดยนักเขียน ช่างภาพ และนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ Charles Lutwidge Dodgson Dodgson เกิดและเติบโตมาจากมลฑล Cheshire ประเทศอังกฤษ โชคร้ายที่เด็กชาย Dodgson เกิดมาพร้อมกับความบกพร่องทางการได้ยิน และโรคทางระบบประสาทที่ส่งผลให้เขามองเห็นสิ่งรอบตัวมีขนาดที่ใหญ่หรือเล็กกว่าปรกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ความผิดปรกติเหล่านั้นไม่อาจจะหยุดยั้งความอัจฉริยะของเด็กน้อยได้ และดูเหมือนว่าโรคทางระบบประสาทนั้นจะช่วยส่งเสริมด้านความคิดสร้างสรรค์ให้กับเขา และมันอาจจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เขาจินตนาการถึงดินแดนมหัศจรรย์ของสาวน้อย Alice ขึ้นมาก็เป็นได้ ในช่วง 3 ปี ก่อนที่นิยายการผจญภัยของสาวน้อย Alice จะถูกตีพิมพ์ Dodgson ได้ออกไปล่องเรือในวันหยุดกับเพื่อนของเขาและเด็กน้อยอีก 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนูน้อย Alice Liddell วัย 10 ขวบ นักเขียนหนุ่มเล่าเรื่องนิยายการพจญภัยของสาวน้อย Alice ที่ลงไปในโพรงกระต่าย และได้พบกับดินแดนมหัศจรรย์ให้เด็กน้อยทั้ง 3 ฟัง…
-
ม้าป่าอาเคอร์เทคกะ สิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลกมนุษย์ พบเพียงแค่ 3,500 ตัวเท่านั้น
ม้า สัตว์ที่ได้ชื่อว่ามีความสง่างามที่สุด ด้วยขนอันมันเงาและมัดกล้ามเนื้อที่หนาแน่นของพวกมันล้วนทำให้หลายๆ คนหลงใหล และหนึ่งในสายพันธุ์ม้าที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงาม และหายากมากที่สุดของโลกสายพันธุ์หนึ่งนั่นก็คือม้าป่าสายพันธุ์อาเคอร์เทคกะ (Akhal-Teke) นั่นเอง เพราะปัจจุบัน ทั่วโลกเหลือเจ้าม้าสายพันธุ์นี้อยู่เพียงแค่ประมาณ 3,500 ตัวเท่านั้นเอง!! และนี่คือเจ้าม้าอาเคอร์เทคกะ พระเอกของเราในวันนี้ ลักษณะพิเศษของยอดอาชาสายพันธุ์นี้ก็คือ ขนที่มันเงาและสวยงามของมันนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปพวกมันจะมีขนสีเทา, ดำ, สีเม็ดเกาลัด แต่สีที่เรียกได้ว่ามีความพิเศษสุดๆ เลยนั่นก็คือขนที่ทองมันวาว ที่ดูคล้ายกับผ้าไหมราคาแพงนั่นเอง เจ้าม้าสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากมือง Achal ประเทศเติร์กเมนิสถานตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ซึ่งถือได้ว่าม้าป่าสายพันธุ์อาเคอร์เทคกะนั้นเป็นม้าสายพันธุ์เก่าแก่อีกสายพันธุ์หนึ่งเลยก็ว่าได้ และด้วยความแข็งแรงบวกกับต้นกำเนิดที่มาจากแถบทะเลยทราย จึงทำให้เจ้าม้าสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความรวดเร็ว อดทน และสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงท่าวิ่งเหยาะๆ ที่แสนสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามของมันนั้นทำให้ได้รับการขนานนามจากชาวจีนว่า “ม้าที่มาจากสวรรค์” และนอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าว่าม้าสายพันธุ์นี้ยังเคยถูกใช้เป็นพาหนะของเจงกีสข่านอีกด้วย (ถ้าใครเคยอ่านมังกรหยกภาคก๊วยเจ๋ง ม้าเหงื่อโลหิตของก๊วยเจ๋งและม้าเซ็กเทาของลิโป้และกวนอูในสามก๊กคือม้าพันธุ์นี้นั่นเอง) สีดำแบบเจ้าตัวนี้ก็ดูน่าเกรงขามไม่น้อยเลยทีเดียวนะ มัดกล้ามเนื้อและสีขนที่มันเงา ด้วยความสวยงามและความหายากของมันนั้นทำให้เจ้าม้าสายพันธุ์นี้มีค่าตัวสูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300 ล้านบาทเลยทีเดียว!! ไปชมท่าทางการเดินอันแสนสง่างามของมันได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… …
-
เปิดตำนาน Cerberus หมาแห่งนรก ผู้เฝ้าประตูเชื่อมต่อระหว่าง ‘ความเป็น’ และ ‘ความตาย’
ในตำนานเทพเจ้าของชาวกรีกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทรงพลังและทรงอำนาจ และคราวนี้จะเอ่ยถึงสัตว์ในเทพนิยายกรีกที่ได้รับความนิยม หยิบยกมาเป็นตัวละครสำหรับภาพยนตร์แฟนตาซีและเกมด้วย สัตว์ในตำนานนั้นก็คือ Cerberus (เซอร์เบอรัส) หมาสามหัวผู้เฝ้าประตูสู่นรก ประตูที่ตั้งอยู่ในยมโลกอันมืดมัว ดวงวิญญาณทั้งหลายต้องผ่านประตูนี้เข้าไปสู่ดินแดนนรกแห่ง Hades และเมื่อเข้าไปแล้วจะไม่มีใครสามารถรอดพ้นจาก Cerberus ออกไปได้ ในยุคโบราณ สุนัขนั้นถือว่าเป็นสัตว์ป่าที่ยังไม่ถูกนำมาเลี้ยงในบ้าน พวกมันวิ่งไปทั่วท้องถนนเป็นกลุ่มเพื่อตะกุยคุ้ยขุดหาอาหาร Cerberus จึงกลายเป็นตัวละครสะท้อนถึงความกลัวสุนัขในยุคโบราณ และถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์น่ากลัวโดยการผสมผสานสิ่งมีชีวิตนานาชนิดเข้าไปด้วย ชื่อ Cerberus นั้นมาจากคำภาษากรีกว่า “Kerberos” ที่แปลว่า “ลายด่าง” แต่ภาพที่ออกมาสำหรับตำนานของชาวกรีกนั้น คือสุนัขสามหัวแห่งนรกที่มีหางงูและมีกรงเล็บราชสีห์ สำหรับศีรษะทั้ง 3 ของ Cerberus นั้นหมายถึง อดีต ปัจจุบันและอนาคต แต่แหล่งข้อมูลบางแห่งบอกว่ามันสื่อถึง การกำเนิด ความเยาว์ และความชรา ความสามารถของ Cerberus ที่โดดเด่นก็คือสายตา ว่ากันว่าถ้าหากผู้ใดบังเอิญสบสายตากับมัน จะต้องกลายเป็นหินทันที (ความสามารถเหมือน Medusa) นอกจากนี้เขี้ยวและฟันของมันคมราวกับใบมีดอาบยาพิษ และถ้าหากพิษของมันหยดลงสู่พื้น จะทำให้พืชที่ชื่อว่า Wolf’s Bane…
-
ตำนานของ ‘ลิลิธ’ เทพแห่งเซ็กส์ นางมารผู้ชั่วร้าย หรือแท้จริงแล้วเป็นเทพธิดาแห่งอิสรภาพ!!
ปิศาจและเทพีชั่วร้ายแห่งลัทธินอกศาสนา คือสิ่งที่ผู้คนนิยามให้กับ “ลิลิธ” หนึ่งในภูติสาวที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ต้นกำเนิดของเธอนั้นมาจากมหากาพย์กิลกาเมช และยังถูกกล่าวถึงในพระคำภีร์ไบเบิลกับพระคำภีร์ทัลมุดอีกด้วย ในความเชื่อของชาวยิว ลิลิธถือได้ว่าเป็นปิศาจที่เลื่องชื่อ ในขณะที่บางตำนานเล่าว่าเธอนั้นเป็นหญิงคนแรกที่ถูกสร้างขึ้นมาบนโลก แต่กลับถูกสร้างด้วยเศษตะกอนและสิ่งสกปรก ชื่อของเธอ “ลิลิธ” แปลว่า รััตติกาลหรือกลางคืน เธอนั้นมักจะมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับราคะ อิสรภาพ และความสยดสยอง ปิศาจโบราณแห่งชาวสุเมเรียน คำว่า “ลิลิธ” นั้นมาจากคำว่า “Lilitu” ของชาวสุเมเรียนที่แปลว่า ภูตแห่งสายลม หรือปิศาจหญิง เธอถูกกล่าวถึงในจารึกเล่มที่ 12 ของมหากาพย์กิลกาเมชของชาวเมโสโปเตเมียโบราณราว 2,100 ปีก่อนคริสตกาล ในเนื้อเรื่อง ลิลิธปรากฏกายขึ้นบนกิ่งไม้รวมกับปิศาจตนอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นผู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังคงถกเถียงกันว่าเธอนั้นเป็นปิศาจหรือเป็นเทพีที่ชั่วร้ายกันแน่ และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลิลิธก็ปรากฏขึ้นในตำนานของชาวยิวเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถทราบได้เลยว่าปรากฏที่ใดก่อนกัน แต่ที่ทราบแน่นอนก็คือแต่ละการปรากฏตัวของเธอนั้นล้วนเกี่ยวของกับเวทย์มนต์ของสุเมเรียน พระคำภีร์ทัลมุดของชาวบาบิโลเนีย ลิลิธถูกพูดถึงว่าเป็นภูตมืดที่มีกามารมณ์เกินควบคุมและเป็นอันตราย ในพระคำภีร์กล่าวว่า เธอนั้นบำรุงตนเองด้วย “น้ำกาม” ของผู้ชายเพื่อให้กำเนิดปิศาจ จนได้ชื่อว่าเป็น “มารดาแห่งเหล่าปิศาจ” จากนั้น ลิลิธ ก็กลายเป็นที่รู้จักในวัฒนธรรมที่หลากหลาย จนภายหลังได้เข้ามาสู่ยุโรปเหนือ…
-
เปิดตำนาน Food Taster อาชีพสุดเสี่ยงในอดีต ที่สามารถคร่าชีวิตของคุณได้เลย
เชื่อหรือไม่ว่า ครั้งหนึ่ง ยาพิษ นั้นเป็นอาวุธสังหารที่มีประสิทธิภาพสูงที่คร่าชีวิตผู้คนได้อย่างแยบยล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ทรงอำนาจที่ล้วนมีผู้คุ้มกันอันตรายอยู่รอบตัว ยาพิษนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลอบสังหาร ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเพียงแค่นำยาพิษไปผสมกับอาหารหรือเครื่องดื่มของเป้าหมายก่อนที่เขาจะกินหรือดื่มเข้าไป เพียงเท่านั้น บุคคลที่ต้องการกำจัดก็เป็นอันสิ้นใจ ดังนั้นในยุคสมัยก่อน ความกลัวยาพิษที่ปนเปื้อนมาในอาหารและเครื่องดื่มนั้นได้แพร่กระจายไปทั่ว ผู้สูงศักดิ์และเศรษฐีต่างพากันจ้าง “คนชิมอาหาร” ไว้ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น และความกลัวเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน… ดังนั้น CatDumb จึงขอพาทุกท่านมาอ่านเรื่องราวอันเป็นตำนานของคนชิมอาหาร ว่าลองได้รับตำแหน่งนี้เข้าแล้ว ชีวิตของคนชิมอาหารจะเป็นอย่างไรกันบ้าง เฮโลตุส (Halotus) – นักวางยาต้องสงสัย เฮโลตุสเป็นคนที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเขานั้นเป็นถึงคนชิมอาหารของจักรพรรดิคลอดิอุสแห่งโรมัน (Claudius) เขานั้นทำหน้าที่ชิมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อทดสอบว่ามียาพิษปนเปื้อนมาหรือไม่ ก่อนนำไปถวายให้แก่องค์จักรพรรดิ แต่วันหนึ่งหนึ่งจักรพรรดิคลอดิอุสก็สิ้นใจจากยาพิษที่ติดมากับเห็ดที่เฮโลตุสนำมาถวาย เขาจึงถูกขังในข้อหาปลงพระชนม์โดยความจริงแล้วเป็นฝีมือของพระมเหสีนั่นเอง แต่ต่อมาไม่นานขณะที่จักรพรรดิเนโร (Nero) ขึ้นครองราชย์ เขาก็กลับมาเป็นคนชิมอาหารอีกครั้ง และเมื่อเปลี่ยนยุคสมัยเป็นจักรพรรดิกัลบา (Galba) ผู้ที่ตั้งใจจะฆ่าบ่าวรับใช้ของ อดีตจักรพรรดิเนโรทุกคน แต่เฮโลตุสกลับได้รับการไว้ชีวิต จากนั้นชื่อของเฮโลตุสก็ถูกลืมเลือน คนชิมผู้โชคร้ายของ มาร์ก แอนโทนี (Mark Antony) ไม่ใช่ผู้ชิมทุกคนจะโชคดีอย่างเฮโลตุส…
-
ตำนานปีศาจ Popobawa แห่งแทนซาเนีย ข่มขืนไม่เลือกหน้าทั้งชายและหญิง ผู้คนพากันขวัญผวา!!
เวลาพูดถึงปีศาจที่ข่มขืนคน เรามักจะนึกถึง Succubus ปีศาจผู้หญิงที่ชอบข่มขืนและสูบกินผู้ชาย แต่เราคงไม่เคยได้ยินปีศาจที่ชื่อ Popobawa ปีศาจหน้าตาเหมือนค้างคาวที่สูบกินทั้งชายและหญิงมาก่อนใช่ไหม? มาๆ ล้อมวงเข้ามา เดี๋ยวหมอจะเล่าให้ฟัง… Popobawa นั้นเป็นปีศาจที่มีตำนานเล่ากันมาในประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นประเทศทางฝั่งแอฟริกา และถูกบอกเล่าถึงการค้นพบเมื่อปี 1965 โดยเจ้าปีศาจตัวนี้จะสามารถสลับร่างไปมาได้ระหว่างคนและร่างปีศาจ ในร่างปีศาจนั้น มันจะมีหน้าตาคล้ายๆ กับคนผสมค้างคาวและมีตาเดียว ที่สำคัญมันยังมีอวัยวะเพศที่ใหญ่ยาวสุดๆ นอกจากนี้ทุกครั้งที่มันบินมันจะหายใจดัง แฮ่กๆ…ไม่ใช่สิ “ฟี้ด….ฟี้ดดดด” ต่างหาก เจ้า Popobawa นั้นมันเป็นปีศาจที่มีนิสัยชอบแอบย่องเข้าไปในบ้านคนกลางดึก ซึ่งมันจะข่มขืนคนที่หลับอยู่ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ แต่จากคำบอกเล่านั้นรายงานว่าเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า (แถมบางที่ยังบอกว่าเคยโดนพร้อมกันทั้งครอบครัวด้วยนะ) เหยื่อหลายคนที่ถูก Popobawa ข่มขืนนั้นได้บอกถึงประสบการณ์ของพวกเขาว่า “ความรู้สึกที่โดน มันเหมือนเรากำลังฝันอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็รู้สึกถึง ปิกาจูของมันที่กำลังสอดเข้ามาได้ และแม้จะพยายามตื่นหรือขยับเท่าไหร่เราก็ไม่สามารถทำได้เลย รวมถึงการส่งเสียงขอความช่วยเหลือก็เช่นกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนตะโกนสุดเสียงแต่ไม่มีใครได้ยิน” คนที่ถูกปีศาจ Popobawa บุกมาข่มขืนตอนกลางคืน จะเริ่มมีอาการวิตกกังวลและหวาดกลัวทุกอย่างในเช้าวันถัดมา ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันหาทางออกโดยการรวบรวมคนมานอนข้างนอกบ้านพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อที่มันจะได้ไม่กล้าทำอะไรนั่นเอง …
-
15 เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กับการมีประจำเดือนและความขมขื่น ที่ผู้หญิงในอดีตยากจะหลีกเลี่ยง
ในอดีตกาล วิทยาศาสตร์หรือความรอบรู้ยังไม่เจริญก้าวหน้าเท่ากับปัจจุบัน จึงทำให้เกิดความเชื่อหลายๆ อย่างที่ผิดไปจากความเป็นจริง อย่างเช่นความเชื่อในเรื่องประจำเดือนของผู้หญิง ช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 แพทย์ในยุคนั้นเชื่อว่าผู้หญิงหลั่งเลือดออกมาเพื่อระบายความร้อน อารมณ์และความรู้สึกที่ผิดปกติ ซึ่งมันผิดไปจากความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่ แต่คนในยุคนั้นไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน นอกจากความเชื่อแบบนี้แล้ว ยังมีความเชื่อหรือตำนานแปลกๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของประจำเดือน เราลองไปรับรู้พร้อมๆ กันเลยยย 1. ชาวโรมันโบราณเชื่อว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนคือแม่มดมนต์ดำ นักปรัชญาชาวโรมัน Pliny The Elder บอกว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนจะสามารถบังคับพายุฝนฟ้าคะนอง ลมบ้าหมู ฟ้าผ่า และความแห้งแล้งอุดมสมบูรณ์ได้ รวมถึงเวทมนตร์ที่ใช้ป้องกันตัวอย่างการฆ่าสัตว์ที่จะเข้ามาทำร้ายเพื่อแค่การมอง เลือดเมนส์ที่ไหลออกมาก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดหมาบ้าขึ้นมาอีกต่างหาก 2. ชาวอียิปต์โบราณนำกระดาษพาไพรัสแบบอ่อนมาใช้เป็นผ้าอนามัยแบบสอด ชาวอียิปต์ใช้กระดาษดังกล่าวพันรอบๆ แท่งไม้เพื่อใช้เป็นผ้าอนามัยแบบสอดและช่วยในเรื่องของการคุมกำเนิด ในขณะที่ชาวโรมันใช้ขนสัตว์ในการทำผ้าอนามัยแบบเดียวกัน 3. ชาวยุโรปในยุคกลางจะเผาคางคกเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้น นักประวัติศาสตร์ Amy License บอกถึงวิธีการที่ง่ายมากๆ เพียงแค่จับคางคกมาเผาในหม้อ แล้วนำขี้เถ้าของมันไปใส่ถุงเอาไว้ โดยพกพาถุงที่ใส่ขี้เถ้านั้นให้มันอยู่ใกล้ๆ กับช่องคลอด เท่านี้เลือดลมก็ไหลเวียนดีขึ้นแล้ว 4. ชาวฝรั่งเศสเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ตอนที่เมนส์มาจะทำให้มีสัตว์ประหลาดคลอดออกมา ตามข้อมูลจาก The Curse: A Cultural…
-
ตำนานของคฤหาสน์ Winchester บ้านหลอกวิญญาณหลอน ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ
สำหรับใครที่ชื่นชอบอาวุธปืนล่ะก็ อาจจะคุ้นเคยกับปืนยี่ห้อดังอย่าง Winchester กันเป็นอย่างดี Oliver Winchester ผู้ให้กำเนิดปืนไรเฟิลที่สามารถบรรจุกระสุนได้มากถึง 13 นัด และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Winchester Repeating Arms Company ที่อยู่เบื้องหลังชัยชนะเหนือชนเผ่าอินเดียนแดงของสหรัฐอเมริกา แต่ทว่าหลังจากที่ขับไล่เผ่าอินเดียนแดงและยึดครองแผ่นดินของพวกเขาได้สำเร็จ ชัยชนะของกองทัพสหรัฐกลับทำให้ตระกูล Winchester ต้องได้รับคำสาปและกลายเป็นที่มาของคฤหาสน์ผีสิง The Winchester Mystery house คฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ที่เมือง San Jose รัฐแคลิฟอร์เนีย จุดเริ่มต้นของตำนานความหลอนของคฤหาสน์หลังนี้ก็คือลูกสะใภ้ของตระกูลอย่าง Sarah Winchester หลังจากที่เธอได้ขอให้คนทรงติดต่อกับวิญญาณของลูกสาวและสามี คนทรงบอกกับ Sarah ว่าสามีและลูกของเธอที่ตายก่อนวัยอันควรนั้นเป็นเพราะคำสาปแช่งของเหล่าวิญญาณจำนวนมากมายที่ตายจากปืนไรเฟิลของบริษัทตระกูลสามีเธอ พวกมันจะตามล่าและพรากชีวิตคนที่เธอรักไปทีละคน ซึ่งคนถัดไปก็คือตัวเธอนั่นเอง คนทรงได้แนะนำให้แม่หม้ายสาวย้ายไปอยู่ทางทิศตะวันตก และสร้างบ้านที่ทำให้เกิดเสียงดังตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกวิญญาณมารบกวน Sarah ซื้อโรงนาที่ยังสร้างไม่เสร็จพร้อมที่ดินกว้าง 400 ไร่และเริ่มต้นสร้างคฤหาสน์ของเธอ อย่างที่คนทรงบอกกับเธอว่าจะต้องสร้างบ้านที่มีเสียงดังตลอดเวลา งานนี้แม่หม้ายสาวของเราเลยจัดการสร้างคฤหาสน์ Winchester ตลอด 24 ชั่วโมงเลย และนอกจากนี้เธอยังได้ทำการสร้างกลไกต่างๆ อย่างประตูลับ และบันไดหลอกๆ เอาไว้อีกมากมายเพื่อป้องกันพวกผีอีกทีนึงอีกด้วย คฤหาสน์หลังนี้เริ่มก่อสร้างในปี 1884 มันถูกก่อสร้างขึ้นมาโดยที่ไม่มีแบบแปลนและไม่เคยหยุดต่อเติมจนกระทั่งวันสุดท้ายที่เธอเสียชีวิต ซึ่งเป็นเวลากว่า 30 ปีเลยทีเดียว คฤหาสน์หลังนี้มีห้องอยู่มากถึง…
-
ไม่ใช่แค่ชื่อ… เปิดประวัติ Gustave โคตรไอ้เข้ตัวจริง ตำนานที่ยังคงมีลมหายใจถึงทุกวันนี้
นอกจากมนุษย์แล้ว บนโลกนี้ยังเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์มากมายหลายชนิด ซึ่งก็มีทั้งสัตว์ที่เป็นมิตรและสัตว์ที่เป็นอันตราย และหากจะพูดชื่อสัตว์ที่เป็นอันตรายแล้ว ชื่อของจระเข้ต้องติดมาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะว่ารูปร่างหน้าที่น่ากลัวบวกกับการเป็นสัตว์กินเนื้อของมัน ทำให้ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดที่ต้องเข้าใกล้ต่างก็ต้องมีผวากันบ้าง จระเข้บนโลกนี้มีอยู่มากมายนับพันนับหมื่นตัว แต่ว่ามีจระเข้อยู่ตัวหนึ่งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตำนานนักฆ่า และได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญมาแล้วมากมาย และชื่อของมันก็คือ กุสตาฟ (Gustave) นั่นเอง กุสตาฟเป็นจระเข้แม่น้ำไนล์ตัวผู้ ซึ่งอาศัยอยู่ที่แม่น้ำรูซิซีในประเทศบุรุนดีในทวีปแอฟริกา ปัจจุบันมันมีอายุกว่า 60 ปีแล้ว อีกทั้งยังมีคนอ้างว่ามันเคยฆ่าคนมาแล้วมากกว่า 300 ชีวิตเลยทีเดียว ไม่ว่ากี่ปีจะผ่านไปก็ไม่เคยมีใครสามารถจับสัตว์ในตำนานตัวนี้ได้ ทำให้เราคาดเดาไม่ได้ว่ามันมีขนาดเท่าไหร่กันแน่ แต่จากการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์บวกกับพยานที่เคยเห็นมันตัวเป็นๆ พวกเขาได้คาดคะเนเอาไว้ว่า เจ้ากุสตาฟอาจมีลำตัวที่ยาวมากถึง 7.5 เมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 900 กิโลกรัม นั่นจึงทำให้กุสตาฟกลายเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีผู้พบเห็นในทวีปแอฟริกา และจากขนาดของมันในตอนแรกนักวิทยาศาสตร์คาดเอาไว้ว่ามันอาจจะมีอายุมากกว่า 100 ปี แต่จากการสังเกตที่ฟันของมันแล้วทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันมีอายุน้อยกว่านั้นและน่าจะอยู่ราวๆ ที่ 60 ปี และจะสามารถเจริญเติบโตได้มากกว่านี้อีก แม้ว่ากุสตาฟจะไม่เคยถูกจับได้ แต่ตามร่างกายของมันก็มีร่องรอยของกระสุนหลายนัก อย่างเช่นที่ไหล่ขวาของมันมีก็แผลเป็นที่เกิดมาจากแผลที่ลึกเป็นอย่างมาก แต่ที่มาที่ไปของบาดแผลก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามันบาดเจ็บมาจากสิ่งใด แต่จากคำบอกเล่าของคนในท้องถิ่น พวกเขาเล่าว่า บาดแผลของกุสตาฟเกิดจากการที่มันพุ่งเข้าไปโจมตีทหาร ที่พยายามจะสังหารมันด้วยการสาดกระสุนปืน AK47 ใส่…
-
เรื่องเล่าแปลกๆ ของ ‘สัตว์ในตำนาน’ จากความเชื่อปรัมปราทั่วโลก หลอนจนฉี่แทบเล็ด!!
ในโลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องแปลกๆ โดยเฉพาะเรื่องราวอันลี้ลับที่ถูกกล่าวขานผ่านตัวละครที่เป็นสัตว์ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่บางเรื่องกลายเป็นตำนานที่มีการพูดถึงจนทุกวันนี้ และนี่คือเรื่องเล่าแปลกๆ เกี่ยวกับสัตว์ เป็นความเชื่อของผู้คนจากทั่วโลก ที่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งมันก็ยังทำให้เราขนลุกได้เสมอ 1. Kelpie Kelpie เป็นสัตว์ในตำนานของชาวสก็อต มันมีรูปลักษณ์คล้ายกับม้าแต่อยู่ในน้ำ มันจะล่อคนลงไปในน้ำด้วยการส่งเสียงเหมือนชายหนุ่มหรือเด็กชายที่กำลังจะจมน้ำ เมื่อเหยื่อเข้ามาใกล้พอสมควร Kelpie ก็จะคว้าตัวเหยื่อแล้วลากลงไปในน้ำลึก นั่นทำให้หลายคนกลายเป็นศพใต้น้ำไปตลอดกาล 2. Redcap Redcap มาจากตำนานของชาวสกอตเช่นกัน เล่ากันว่ามันเป็นผีที่สวมหมวกสีแดง ซ่อนตัวอยู่ในกำแพงของปราสาทโบราณ และมันจะฆ่าทุกคนที่เจอ 3. Blackannis นี่คือจอมวายร้ายที่เป็นตำนานของอังกฤษ ว่ากันว่าเธอหรือมันเป็นแม่มดที่มีผิวสีน้ำเงินซีด อาหารที่เธอโปรดปรานที่สุดคือมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์เด็ก นอกจากนี้เล็บของมันเหมือนเหล็กมากกว่าเล็บคนทั่วไปซะอีก 4. Cerberus Cerberus มาจากตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ เป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีสามหัว เล่ากันว่ามันทำหน้าที่เฝ้าประตูนรกเพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไป และป้องกันไม่ให้ผู้ที่อยู่ข้างในออกมา 5. Lou Carcolh ชาวฝรั่งเศสเชื่อว่าสัตว์ประหลาดนี้จะล่อให้ผู้คนเข้าไปในถ้ำมืดและลึก ว่ากันว่ามันเป็นหอยยักษ์ใต้ดินที่กลืนกินคนทั้งตัว 6. Wendigo นี่คือสัตว์ร้ายจากตำนานของชาวอเมริกันพื้นเมืองบางกลุ่ม เล่ากันว่าจริงๆ แล้วมันเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ความหิวกระตุ้นให้มันบ้าคลั่งจนถึงกับจับมนุษย์มากิน 7. Yee Naaldooshiit Yee…
-
Capcom ประกาศปล่อย Rockman 11 หลังหายไปนานถึง 7 ปี เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 30 ปี!!
เป็นเวลานานกว่า 7 ปีแล้วนับจาก Rockman หรือชื่อฝั่งอเมริกาว่า Mega Man ภาคที่ 10 ได้ปล่อยออกมาเมื่อปี 2010 จนแฟนๆ ก็ต่างบ่นกันยกใหญ่ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะได้เล่นเกมจากซีรีส์ที่พวกเขารักสักที ซึ่งไม่นานมานี้ทาง Keiji Inafune ผู้ให้กำเนิดเกมดังกล่าวก็ได้แยกตัวออกจาก Capcom ไปสร้างเกมที่ชื่อ Mighty No.9 ซึ่งใช้แนวทางคล้ายๆ กับ Rockman เกมต้นตำรับของเขา แต่ว่ามันก็ดันพังไม่เป็นท่า แถมคนยังด่ากันยับเยิน จนสุดท้ายทาง Capcom ต้องออกมาแก้มือด้วยตัวเองพร้อมประกาศภาคต่ออย่างเป็นทางการเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี เกมตระกูลนี้กันเสียทีกับgd, Rockman 11 โดยภาคนี้ได้เปลี่ยนแนวทางจากภาค 9 และ 10 ที่เป็น 8 Bit ให้กลับมาเป็นแบบ 2.5D พร้อมปล่อยตัวอย่างแรกออกมาให้เราได้ดูกัน!! ความทรงจำวัยเด็กอันแสนหอมหวาน การต่อสู้ที่แสนยากลำบากในแต่ละฉาก รวมถึงความรู้สึกที่ต้องตัดสินใจใช้ถัง E ในทุกๆ ครั้งฉากที่ต้องสู้บอสจะกลับมาอีกครั้ง!! ภาพสวยงามสีสันสดใสรับ 2018 กลิ่นอายเดิมๆ…
-
ผลโหวต 10 วิดีโอเกมที่สำคัญสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ไปดูว่าจะมีเกมดังไหนติดเข้ามา…
ย้อนกลับไปยังในยุคบุกเบิกของวีดีโอเกม ประเทศแรกๆ ที่เข้ามามีบทบาทมากที่สุดในวงการนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่อดีตญี่ปุ่นได้ผลิตเกมคุณภาพเยี่ยมจนเป็นความทรงจำดีๆ ให้กับใครหลายคนมากมาย ซึ่งหลายเกมที่โด่งดังในสมัยก่อน ก็กลายเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและสามารถต่อยอดมายังปัจจุบันได้ จนเกมเหล่านั้นจะเรียกว่าเป็นดั่งตำนานแห่งประวัติศาสตร์เกมเลยก็ว่าได้ โดยชาวญี่ปุ่นมากมายก็พากันออกมาแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นานา ว่าควรจะยกให้เกมไหนเป็นเกมแห่งประวัติศาสตร์บ้าง ด้วยเหตุนี้ทาง Rocket News24 จึงรวบรวม 10 อันดับเกมแห่งประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นสมบัติแห่งวงการเกมญี่ปุ่นมาให้เราดูกัน ว่าแต่จะมีเกมไหนที่ตรงกับความคิดเพื่อนๆ กันบ้างนะ… 10. Resident Evil (ปี 1996) เกมยิงซอมบี้ระดับตำนานที่ในยุคนั้น ซึ่งเกมนี้ถือเป็นตัวบุกเบิกวงการเกมยิงซอมบี้เลยก็ว่าได้ เพราะแนวเกมจะเน้นการเอาตัวรอดมากกว่าการเอาชนะแบบล้างผลาญนั่นเอง 9. Wii Sports (ปี 2006) Will Sports ถือเป็นเกมที่เข้ามาบุกเบิกเทคโนโลยี Remote ในอุตสาหกรรมเกมเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นมันยังเป็นเกมที่สามารถออกกำลังและสร้างความสนุกไปพร้อมกันได้ 8. Final Fantasy VII (ปี 1997) Final Fantasy 7 อาจจะไม่ใช่ไฟนอลที่ดีที่สุดของใครหลายคน แต่มันคือจุดเปลี่ยนของวงการเกม RPG ในยุค PS1 และเกมตระกูล Final Fantasy เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นภาคแรกที่เปลี่ยนจาก 2D…
-
ตำนานของ Jim Thorpe ผู้พิชิต 2 เหรียญทองโอลิมปิกปี 1912 ด้วยรองเท้าที่คุ้ยมาจากถังขยะ
หลายคนมีความคิดว่าการที่เรามีอุปกรณ์กีฬาที่ดีก็จะทำให้เราสามารถเล่นกีฬานั้นๆ ได้ดีขึ้น แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เพียงอย่างเดียวเสมอไป เพราะอย่างชายคนนี้ที่ใช้เพียงแค่รองเท้ากีฬาที่เก็บได้จากถังขยะก็ยังทำให้เขาได้ถึง 2 เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเลย!! ชายคนนั้นมีชื่อว่า Jim Thorpe หนุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันที่เกิดในปี 1887 และได้สร้างผลงานเอาไว้ในการแข่งขันกรีฑาในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกประจำปี 1912 ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยเขาสามารถคว้าเหรียญทองกลับมาได้ถึง 2 เหรียญด้วยรองเท้าที่เก็บได้จากถังขยะ Jim Thorpe ผู้คว้า 2 เหรียญทองด้วยรองเท้าที่เก็บมาจากถังขยะ Jim มีพี่ชายฝาแฝดอยู่หนึ่งคน แต่ก็ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนอายุเพียง 9 ขวบ ต่อมาอีกไม่กี่ปีแม่และพ่อของเขาก็ได้จากโลกนี้ตามพี่เขาไป ทำให้เขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่นั้นมา แต่เขาก็ไม่ได้ย่อท้อกับชีวิต จนเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ได้เข้าร่วมการทดสอบคัดตัวนักกรีฑาตัวแทนสหรัฐอเมริกาที่ต้องไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกปี 1912 ด้วยศักยภาพความสามารถทางด้านกีฬาของเขาทำให้สามารถติดเป็นหนึ่งในทีม Pentathlon (หรือ ปัญจกรีฑา) ได้ไม่ยาก อีกทั้งยังถูกเลือกให้ลงการแข่งขันประเภท Decathlon (หรือ ทศกรีฑา) เพิ่มเข้าไปอีก แต่ถึงแม้เขาจะต้องลงแข่งหลายรายการขนาดไหนก็ไม่น่ากังวลเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนวันแข่ง เพราะรองเท้าของเขาถูกขโมยไปในวันนั้น แน่นอนว่ารองเท้าคือสิ่งสำคัญสำหรับนักกรีฑาอย่างมาก แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเขาได้ตัดสินใจใช้รองเท้าที่เก็บมาได้จากถังขยะ โดยรองเท้าทั้งสองข้างนั้นไม่ได้มาจากที่เดียวกัน ขนาดของรองเท้าจึงต่างกันทำให้เท้าข้างหนึ่งของเขาต้องใส่ถุงเท้าหลายๆ ชั้นเพื่อเพิ่มความหนาไม่ให้รองเท้าหลุดออกมาระหว่างแข่ง ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องรองเท้าก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับชายคนนี้ เพราะในการแข่งประเภท…
-
ไต้หวันเตรียมสร้าง “F4” เวอร์ชั่น 2018 พร้อมเผยโฉม 4 นักแสดงนำที่หล่อขยี้ใจสาวทั่วเอเชีย
นับเป็นซีรีส์ดังที่ทำเอาแฟนๆ ติดกันทั่วทั้งเอเชียเลยจริงๆ สำหรับ “Meteor Garden รักใสๆ หัวใจสี่ดวง” หรือ “F4” ซีรีส์สุดฮอตระดับตำนานจากไต้หวัน ซึ่งดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ที่เรียกได้ว่ามีอิทธิพลมากที่สุดในช่วงปี 2000 เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญยังส่งผลให้ 4 หนุ่มนักแสดงนำของเรื่องอย่าง Jerry Yan, Vic Zhou, Vanness Wu และ Ken Chu กลายเป็นซุปตาร์ที่โด่งดังเป็นพลุแตกอีกด้วย และด้วยความนิยมที่ไม่มีวันเสื่อมคลายนี้เอง เลยทำให้หลายประเทศในเอเชีย เช่น ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประเทศเกาหลีใต้ ได้นำ F4 กลับมารีเมคให้ผู้ชมได้ดูกันอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าทั้ง 2 เวอร์ชั่นนี้ได้รับเสียงตอบรับจากบรรดาแฟนๆ ไม่แพ้กับเวอร์ชั่นไต้หวันเลยทีเดียว F4 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น F4 เวอร์ชั่นเกาหลี ล่าสุด วันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ทางไต้หวันเตรียมทุ่มทุนสร้างซีรีส์…
-
เปิดตำนานดาบต้องสาป “มุรามาสะ” ดาบแห่งความบ้าคลั่งและเรื่องราวความเป็นมาของมัน
สำหรับใครที่เป็นคอเกม หรือว่าชอบศึกษาประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นคงจะรู้จักกับดาบซามูไรเป็นอย่างดี และหนึ่งในชื่อดาบที่พวกเราคุ้นหูมากที่สุดนั่นก็คือดาบมุรามาสะนั่นเอง!! มุรามาสะ เซ็นโง ช่างตีดาบในสมัยมุโระมะชิ (ช่วงศตวรรษที่ 14-16 ) ตามตำนานเล่าว่าช่างตีดาบผู้นี้เป็นหนึ่งในลูกศิษของสำนักตีดาบมาซามุเนะ ก่อนที่จะแยกตัวออกมา ในตัวของมุรามาสะเองนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความบ้าคลั่ง และเขาเองก็ได้ถ่ายทอดความเป็นตัวตนของเขาเองลงไปในดาบที่สร้างขึ้น นั่นจึงทำให้ผู้ที่ครอบครองดาบของมุรามาสะนั้นกลายเป็นนักรบที่บ้าคลั่งและโหดร้าย เหมือนกับตัวของมุรามาสะเอง แต่ดาบของมุรามาสะนั้นแตกต่างจากดาบของอาจารย์เขาโดยสิ้นเชิง ครั้งหนึ่งมุรามาสะได้ท้าประลองดาบที่เขาสร้างกับดาบของสำนักมาซามุเนะ เพื่อหาสุดยอดดาบที่ดีที่สุดในสมัยนั้น โดยในการทดสอบครั้งนี้ทั้งสองสำนักได้นำดาบที่พวกเขาสร้างขึ้นไปปักไว้ในลำธาร และหันคมดาบขึ้นต้านกระแสน้ำ ผลจากการแข่งขันพบว่าดาบของสำนักมุรามาสะนั้นสามารถตัดได้ทุกอย่างที่ไหลผ่านคมมีดของมัน ไม่ว่าจะเป็นปลา ใบไม้ หรือแม่กระทั่งอากาศเองก็ตาม แต่ดาบจากสำนักมาซามุเนะนั้นตรงกันข้าม แต่อย่างไรก็ตามกลับเป็นดาบจากสำนักมาซามุเนะที่ชนะการประลองครั้งนั้นไป เพราะเนื่องจากคมดาบของมุรามาสะนั้นมีความกระหายเลือดและสามารถทำลายได้ทุกอย่าง แต่ดาบของมาซามุเนะนั้นกลับเป็นดาบแห่งความเมตตาและไม่ทำลายล้างโดยไม่จำเป็น มีดสั้นจากศตวรรษที่ 14 ที่สลักชื่อของมุรามาสะไว้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับตำนานอาถรรพ์ของดาบจากช่างตีดาบผู้นี้อีกว่า มีการใช้ดาบของมุรามาสะในการฆ่าสมาชิกของตระกูลโทคุงาวะ หนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่นสมัยนั้น และหลังจากนั้นการครอบครองดาบของมุรามาสะนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่ผิดและถ้าหากใครที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างหนัก และหนึ่งในการลงโทษผู้ครอบครองดาบของมุรามาสะที่โด่งดังมากที่สุดในปี 1634 นั่นก็คือกรณีของ Takanak Ume ผู้พิพากษาจากเมืองนะงะซะกิที่ครอบครองดายของมุรามาสะมากถึง 24 เล่ม เขาถูกสั่งให้ทำการ “เซ็ปปุกุ” หรือฆ่าตัวตายโดยคว้านท้อง (หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “ฮาราคีรี” ก็ได้) เนื่องจากมีการกวาดล้างดาบของมุรามาสะอย่างหนัก หลายๆ คนที่ครอบครองดาบอยู่จึงได้พยามที่จะซ่อนดาบไว้และมีการลบสัญลักษณ์ชื่อของมุรามาสะที่อยู่บนดาบเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ในปัจจุบันนั้นการจะหาดาบของมุรามาสะแบบแท้ๆ…
-
เปิดตำนาน 7 เมืองที่หายสาบสูญไปของโลก อารยธรรมที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อน
โลกของเรามีอยู่มาอย่างยาวนานและเกิดการเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการที่ไม่รู้จบ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าสิ่งที่เราเห็นและรับรู้ได้ในปัจจุบันยังคงไม่ใช่ทุกสิ่งที่โลกเรามีหรือเคยมี วันนี้ #เหมียวตะปู จึงชวนให้เพื่อนๆ มารู้จักกับ 7 ตำนานเมืองที่สาบสูญไปของโลก ที่ความเป็นจริงแล้วในสมัยก่อนเราอาจเคยมีอารยธรรมที่รุ่งเรืองมากกว่าตอนนี้ก็เป็นได้ เราไปดูกันเลย Lemuria จากการสันนิษฐานของนักวิชาการชาวอังกฤษเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้เชื่อมระหว่างศรีลังกา ออสเตรเลีย และเกาะมาดากัสการ์รวมกันเป็นแผ่นดินใหญ่ก่อนที่จะจมหายไปใต้ก้นมหาสมุทร และชื่อ Lemuria ถูกตั้งมาจากชื่อของตัว ลีเมอร์ (Lemur) ซึ่งเป็นสัตว์ที่สามารถพบเห็นได้จากทั้งสามแห่ง นอกจากนั้นก็มีความเชื่อว่าดินแดนแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของชาวทมิฬ กลุ่มประชากรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยตามภาษาทมิฬแล้วที่แห่งนี้จะมีชื่อว่า Kumari Kandam Mu เป็นดินแดนที่เชื่อว่าเคยอยู่ระหว่างทวีปอเมริกาและเอเชีย คาดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร Naacals ต้นกำเนิดของมนุษย์ที่ย้อนกลับไปเมื่อ 50,000 ปีที่แล้ว ผู้สร้างพีระมิดในอียิปต์หรือชาวมายันก็ถูกสันนิษฐานว่าจะอพยพออกมาจากดินแดนแห่งนี้ในตอนที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนทำให้สถานที่นี้จมลงไปใต้มหาสมุทร เคยมีทฤษฎีที่บอกเอาไว้ด้วยว่าโขดหินใต้น้ำโยนากุนิ ในประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงการมีอยู่ของ Mu Beringia ดินแดนที่เปรียบได้กับสะพานขั้นกลางระหว่างทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ ก่อนที่จะจมหายพร้อมกับการสิ้นสุดยุคน้ำแข็งเมื่อ 12,000 ปีก่อน มีทฤษฎีที่เชื่อว่า 25,000 ปีก่อนมีผู้คนย้ายถิ่นฐานมาจากไซบีเรีย ผ่านไป 10,000 ปีพวกเขาได้อพยพไปอเมริกาเหนือและค่อยกระจายลงไปอเมริกาใต้ จึงเชื่อว่าพวกเขาอาจเป็นบรรพบุรุษของชาว…
-
เจาะตำนานหลายเวอร์ชั่นเก่าๆ ของ ‘หนูน้อยหมวกแดง’ ที่ตอนจบอาจหดหู่กว่าที่ได้ยินมา
ปกติแล้วถ้าพูดถึงนิทานเรื่อง ‘หนูน้อยหมวกแดง’ เราคงคุ้นเคยแต่กับเวอร์ชั่นที่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับวัยเด็กมากยิ่งขึ้น แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าอันที่จริงแล้ว… เรื่องราวของเด็กสาวกับหมาป่า ถูกนำไปดัดแปลงไว้มากมาย และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเวอร์ชั่นที่มีความโหดร้ายที่มากกว่า ย้อนกลับไปช่วงศตวรรษที่ 10 ในประเทศฝรั่งเศส ได้มีการนำนิทานเรื่องนี้มาเล่าก่อนแล้ว โดยใช้ชื่อว่า ‘The Story of Grandmother’ ตามแบบฉบับดั้งเดิมเล่าว่า… ‘กาลครั้งหนึ่งมีเด็กสาวถูกไหว้วานจากคุณแม่ให้เอาขนมปังไปให้คุณยาย เมื่อเด็กสาวเดินทางมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง เธอก็ได้พบกับ bzou หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ เธอถูกหลอกถามว่าจะนำของไปให้คุณยาย ณ ที่แห่งใด.. เมื่อเจ้า bzou รู้ที่หมายแล้ว มันจึงรีบไปดักหน้าและฆ่าคุณยายทิ้งและรอการมาถึงของเด็กสาว เมื่อเด็กสาวมาถึง เธอกลับไม่รู้เลยว่าคุณยายของเธอถูก bzou ฆาตกรรมและปลอมตัวเป็นคุณยายซะเอง bzou โน้มน้าวให้เด็กสาวทานอาหารและดื่มไวน์ ที่ทำมาจากเนื้อหนังและเลือดของคุณยายเธอเอง จากนั้นเด็กสาวก็ถูกคุณยายตัวปลอมหว่านล้อมให้ทำตามคำสั่ง ทั้งถอดเสื้อและให้ไปหลับนอนด้วย ทว่าเด็กสาวจับผิดสังเกตได้ว่าคุณยายของเธอมีลักษณะที่แตกต่างจากเดิม เมื่อรู้อย่างนั้นแล้วเด็กสาวก็เรียกร้องที่จะออกไปข้างนอกให้ได้ bzou จึงผูกเชือกไว้กับเท้าของเด็กสาว และปล่อยให้เธอออกไปวิ่งเล่นข้างนอกอยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวดูมีท่าทางพิรุธเหมือนกำลังจะผูกเชือกไว้กับอะไรบางอย่าง หมาป่าชักไม่แน่ใจจึงออกไปดูก่อนจะพบว่า.. เด็กสาวได้หนีกลับบ้านไปแล้ว’ Dr. Jamie Tehrani นักมานุษยวิทยา ได้ค้นพบตำนาน ‘หนูน้อยหมวกแดง’ ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นจากยุคกรีกเมื่อศตวรรษที่…
-
Abu Tahsin al-Salhi ทหารรุ่นใหญ่ใจเป้งชาวอิรัก ผู้ปลิดชีพ ISIS ไปแล้วกว่า 320 ราย!!
เมื่อไม่นานมานี้ชาวอิรักได้สูญเสียยอดวีรบุรุษของพวกเขาไปในการต่อสู้เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยชายคนที่ว่านี้ได้รับการเชิดชูจากทั้งชาวบ้านและกองกำลังทหารอิรักอย่างเต็มภาคภูมิ การเรียกเขาว่า วีรบุรุษ จึงไม่เกินไปเลยนั่นเอง Abu Tahsin al-Salhi นายทหารอิรักรุ่นใหญ่วัย 63 ปีคนนี้ได้ทำการสังหารสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ISIS ไปแล้วอย่างน้อย 320 ราย โดยเขาเริ่มเข้าสู่สมรภูมิตั้งแต่สงครามอิสราเอลเมื่อปี 1973 โฉมหน้าของ Abu Tahsin al-Salhi เขามักจะใช้มอเตอร์ไซเป็นพาหนะหลักในการไปปฏิบัติภารกิจ ด้วยฝีมือและชื่อเสียงของเขาทำให้ทุกคนต่างพากันยอมรับ และเพื่อนๆ ร่วมสนามรบของเขาก็ต่างพากันตั้งสมยานามให้ Abu Tahsin ว่า ตาเหยี่ยว (Hawk Eye) หรือ The Sheikh of Snipers Abu Tahsin ได้เสียชีวิตลงระหว่างที่ไปทำศึกที่ Hawija ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิรัก ร่างที่ไร้วิญญานของเขาถูกนำกลับมาทำพิธีที่ทางตอนใต้ของเมือง Basra ที่นั้นเต็มไปด้วยบรรดาญาติและเพื่อนของเขาที่เดินทางมาแสดงความเสียใจแค่นักรบผู้เก่งกาจคนนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ได้จากไป ทิ้งไว้เพียงปณิธานของเขาที่ส่งต่อให้คนอื่น ผู้คนต่างพากันมาแสดงความเสียใจและคารพศพของเขา และต่างพากันร่ำไห้เสียใจจากการไปของนักรบยอดฝีมือของพวกเขา ผู้คนต่างพากันเสียใจและหลั่งน้ำตาออกมา ไม่ใช่เพียงเพราะว่า Abu Tahsin สู้กับนักรบ…
-
16 ประวัติฆาตกรต่อเนื่องสุดสยอง ที่จะทำให้คุณต้องกลัวการอยู่คนเดียวไปอีกนาน
ฆาตกรต่อเนื่องคือคนที่พรากชีวิตเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปมากมาย และในประวัติศาสตร์โลกเรา ก็มีฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังมากมาย และวันนี้เราลองมาทำความรู้จักกับพวกเขาเหล่านั้นกันหน่อยดีกว่า ว่าได้สร้างความน่ากลัวและหวาดผวาให้กับผู้คนไปมากแค่ไหนแล้ว โดยทั้ง 16 คนนี้ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกของเรา แต่ประวัติการฆาตกรรมของพวกเขา เรียกว่าอยู่ในแนวหน้าของวงการเลยทีเดียว ไปดูกันเลยดีกว่าว่า เรื่องราวเหล่านั้นจะชวนขนลุกขนาดไหน Leonarda Cianciulli หญิงอิตาลีคนนี้ได้ฆ่าผู้หญิงวัยกลางคนไป 3 คนในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี และมีหนึ่งศพที่เธอนำมาทำเป็นสบู่ก้อน แจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านและคนรู้จักของเธอเอง เธอเคยบอกเอาไว้ว่า “เนื้อของเธอคนนั้นอวบอ้วนและขาวเหลือเกิน เมื่อมันเริ่มละลายฉันจึงนำมาใส่ขวดโคโลญจน์เอาไว้ ก่อนที่จะนำไปต้มเป็นระยะเวลานาน ออกมาเป็นสบู่ก้อน เอาไปแจกจ่ายให้กับคนมากมาย” Anthony Sowell ในตอนนั้นร้านอาหารที่มีชืื่อว่า Ray’Sausage เมืองคลีฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา ต้องทุ่มเงินไปเกือบ 1 ล้านบาท เพื่อพยายามกำจัดกลิ่นเหม็นที่ลอยมาจากบริเวณใกล้เคียง ภายหลังจึงพบว่ากลิ่นเหม็นนั้น ลอยมาจากบ้านข้างๆ ที่เก็บศพอันเน่าเฟะของเหยื่อที่ถูกชายคนนี้ฆ่าตายไป และทำให้เขาถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยคดีฆาตกรรมหญิงสาวมากถึง 11 คน Rodney Alcala เขาคนนี้เคยไปออกรายการทีวีหาคู่มาก่อน และถูกสงสัยว่าได้ฆ่าคนไปมากถึง 130 คน…
-
นักประวัติศาสตร์เกลาตำนาน ‘โจรสลัดเคราดำ’ เผยความจริงที่ว่า เขาไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่คิด…
หนึ่งในโจรสลัดมีชื่อเสียงที่เหล่าแฟนคลับในเรื่องนี้หรือคนทั่วไปบางคนจะรู้จักกันดีอย่าง เคราดำ ชื่อเสียงของเขาคือความโหดร้าย ป่าเถื่อน ไล่ฆ่าและถล่มเรือไปหลายลำ แท้จริงแล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ชื่อของเขาจริงๆ คือ Edward Thatch ไม่ใช่ Teach อย่างที่ทุกคนเข้าใจมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นได้มีการกล่าวถึงเขาว่าในความเป็นจริงเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับที่ถูกแต่งเรื่องขึ้นมามากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อนักประวัติศาสตร์ชื่อ Collin Woodward ออกมาบอกว่า หากย้อนกลับไปดูความจริงที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน ไม่มีหลักฐานชิ้นไหนบอกได้เลยว่า… โจรสลัดคนนี้เคยฆ่าใครมาก่อน นอกจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกตัดหัวเท่านั้นเอง แถมยังเป็นคนที่สามารถใช้อำนาจจัดการปัญหาได้อย่างมีความยุติธรรมอีกด้วย ความโหดร้ายป่าเถื่อนทั้งหมด เป็นเพียงการกุข่าวขึ้นมาของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องการจะจับเขาอย่างถูกกฎหมายเท่านั้นเอง ทำให้ตำนานเหล่านั้นเล่าต่อกันมาให้เขาเป็นตัวร้ายในการ์ตูน หนัง หรือแม้แต่เกมดังอย่าง Assassin’s Creed Black Flag ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นการของชายคนนี้ที่เกิดในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ ปี 1680 ชีวิตในช่วงแรกไม่มีการกล่าวถึงกันมากนัก จนเมื่อเขาตัดสินใจนำเรือของตัวเองออกทะเลในฐานะโจรสลัดที่ถูกกฎหมาย ในช่วงสงครามสืบราชบัลลังก์ของสเปน และได้เข้าปล้นเรือหลายลำแถวหมู่เกาะอินเดียตะวันตก กระทั่งกลายเป็นโจรสลัดที่ผิดกฎหมายจริงๆ เมื่อสงครามจบลงในปี 1713 การ์ตูนดังอย่าง One Piece ก็มีเคราดำเหมือนกันนะเออ ต่อมาปี 1716 ได้เข้าไปเป็นลูกน้องของโจรสลัด Benjamin…
-
Rudolph Valentino ดาราหนังยุคเงียบที่โด่งดังที่สุด กับเรื่องราวการตายที่กลายเป็นตำนาน
การจากไปดาราดังนับว่าเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก ดังที่เราจะเห็นได้ว่าเมื่อเหล่าคนดังในบ้านเราหรือคนดังระดับโลกเสียชีวิต ก็ทำให้บรรดาแฟนๆ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก บางคนที่คลั่งไคล้หนักและเป็นแฟนคลับตัวยงอาจถึงขั้นเสียใจเป็นปีๆ ในขณะที่บางคนก็อยากที่จะฆ่าตัวตายตามกันเลยทีเดียว Rudolph Valentino ก็เป็นหนึ่งในคนดังระดับตำนาน ที่ได้สร้างความเศร้าโศกให้กับบรรดาแฟนๆ อย่างมาก เพราะภายหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงในปี 1926 ก็มีผู้คนได้เข้ามาร่วมเดินขบวนงานศพของเขาที่นครนิวยอร์กมากกว่า 100,000 คน ว่ากันว่ามีหญิงสาวหลายๆ คนที่เสียใจหนักจนอยากจะตายตามเขาไปเลยทีเดียว สำหรับ Valentino เขาเป็นนักแสดงชาวอิตาลีที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในทศวรรษ 1920 ในยุคที่หนังหนังส่วนใหญ่ยังเป็นหนังเงียบอยู่ ผลงานที่โด่งดังเขาก็อย่างเช่น The Four Horsemen of the Apocalypse, The Sheik, Blood and Sand และ The Eagle and The Son of the Sheik นอกจากนี้ เขายังได้รับการขนานนามจากบรรดาแฟนๆ ว่าเป็น “เซ็กซ์ซิมโบล” สัญลักษณ์ในวัฒนธรรมป็อปในยุคแรกๆ ที่เป็นที่รู้จักในชื่อ ละตินเลิฟเวอร์ หรือนักรักชาวละติน…
-
ที่มาของภาพ “มาลิริน มอนโร” กระโปรงบิน และเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเดรสสีขาวของเธอ!!
เชื่อแน่ว่าหลายๆ คนคงจะเคยเห็นภาพของดาราสาวผู้มากับชุดสีขาวและไฝที่ข้างแก้มของเธอ ที่กำลังโพสต์ท่าปิดหวออันแสนเซ็กซี่กันมาบ้างแน่ๆ ภาพอันโด่งดังของ “มาริลิน มอนโร” นี้ถูกถ่ายได้ในระหว่างที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟของเมืองนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 15 กันยายนปี 1954 ถึงแม้ว่าจะหลายๆ คนจะคุนเคยกับภาพที่ว่านี้กันเป็นอย่างดี แต่ #เหมียวเวจจี้ คิดว่ายังมีบางคนที่อยากจะรู้ที่มาที่ไปของภาพนี้แน่ๆ เลยใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย… ภาพถ่ายสุดอมตะนี้ปรากฏครั้งแรกในหนังเรื่องดังของเธออย่าง The Seven Year Itch ซึ่งทางผู้กำกับอย่าง Billy Wilder เองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าภาพดังกล่าวจะกลายมาเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ ผู้กำกับอธิบายว่า ในฉากนั้นมาลิรินและดาราคู่พระของเธออย่างทอม อีเวลล์ กำลังยืนอยู่ที่ถนนสาย Trans-Lux 53nd และเมื่อทั้งคู่ได้ยินเสียงรถไฟมาถึง นางเอกสาวของเราก็ได้ก้าวเท้าออกไป และจังหวะนั้นก็มีลมจากรถไฟพัดเข้ามาที่กระโปรงของเธอ และแฟนหนังจำนวนมากมารอชมการถ่ายทำของเธอและสามารถบันทึกภาพแห่งประวัติศาสตร์นี้ไว้ได้ และนอกจากภาพรอยยิ้มของเธอกับท่าปิดกระโปรงสุดเซ็กซี่จะกลายเป็นภาพแห่งศตวรรษที่ 20 แล้ว ชุดเดรสสีขาวที่เธอใส่วันนั้นก็เป็นอีกตำนานหนึ่งเช่นกัน โดยชุดสีชาวตัวดังกล่าวเป็นผลงานของ William Travilla นักออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมที่เคยกวาดรางวัลออสก้าในสาขานี้มาแล้ว มารับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบชุดตัวนี้ให้เธอให้อีกด้วย ชุดเดรสสีขาวตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานออกแบบชิ้นเยี่ยมของนักออกแบบท่านนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากความสวยงามแล้ว มันยังเผยให้เห็นสัดส่วนอันสวยงามและผิวที่เรียบเนียนของดาราสาวอีกด้วย และเรื่องราวของเจ้าชุดเดรสที่ว่าก็ไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ มันยังเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุการหย่าร้างระหว่างดาราสาวกับโจ ดิมาจกิโยนักเบสบอลชื่อดังอีกด้วย ซึ่งสาเหตุก็จากชุดที่เธอสวมและการถ่ายภาพที่วาบหวิวของเธอในครั้งนี้และเขาก็เป็นคนออกมาบอกอีกด้วยว่าภาพกระโปรงบินของเธอนั้นไม่ค่อยจะน่าชื่นชมสักเท่าไหร่เลย และหลังจากที่ดาราสาวเสียชีวิตลง ชุดเดรสสีขาวของเธอก็ถูกเก็บไว้อย่างดีในพิพิธภัณฑ์…
-
รูปปั้น “Kindlifresser” สัญลักษณ์คนกินเด็กสุดหลอนในสวิสเซอร์แลนด์ ราวกับไททันมีอยู่จริง..!!
คราวนี้เราจะขอบินลัดฟ้าพากัญชี้ (ห้ามผวนนะ!!) ไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ซึ่งมีเรื่องราวของตำนานยักษ์กินเด็ก ‘Kindlifresser’ (Children Eater) สุดหลอนราวกับว่ายักษ์กินคนนั้นมีอยู่จริง รูปปั้น ‘คนกินเด็ก’ ดังกล่าว นับว่าเป็นหนึ่งในประติมากรรมที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งสวิตเซอร์แลนด์ เพราะมันถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1546 แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครรู้ว่า.. เรื่องราวที่แท้จริงของรูปปั้นตนนี้คืออะไรกันแน่!? รูปปั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง Bern และไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ความหลอนแบบยุคกลาง ก็ยังปรากฎให้เห็นอยู่ตลอด ถึงเราจะไม่ทราบตำนานที่แท้จริง แต่ก็มีทฤษฏีสมคบคิด 4 ข้อหลักๆ ดังนี้… ทฤษฏีแรกและดูเป็นทฤษฏีที่ไม่น่าเชื่อถือมากที่สุด ได้ให้เหตุผลว่า รูปปั้นดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อข่มขวัญชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเมือง และสังเกตได้จากหมวกของรูปปั้น ที่เดิมทีเป็นรูปทรงหมวกที่ชาวยิวนิยมใส่กันในยุคนั้น ทฤษฎีที่สองที่ดูเหมือนจะออกทะเลอยู่หน่อยๆ ได้อธิบายไว้ว่า ยักษ์กินเด็กที่ปรากฎอยู่เป็นภาพตัวแทนของยักษ์ ‘Kronos’ ตามตำนานกรีก ซึ่ง Kronos ก็เป็นยักษ์ที่ชอบกินเด็กเป็นชีวิตจิตใจนั่นแหละ ทฤษฎีที่สามดูมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ประจำเมืองเล่าต่อกันมาว่า รูปปั้นดังกล่าวเป็นภาพของ Duke Berchtold หนึ่งในผู้ก่อตั้งเมือง Bern ทว่าด้วยความที่ถูกเมินเฉยจากพี่ชาย ทำให้จู่ๆ เขาก็กลายเป็นบ้าและเริ่มจับเด็กในเมืองมากิน …
-
ตำนานมวยปล้ำ Ric Flair ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่าจากโรคหัวใจ
กลายเป็นข่าวร้ายของวงการมวยปล้ำอีกครั้ง หลังจากที่มีรายงานว่าตำนานอย่าง Ric Flair นักมวยปล้ำที่ถูกจารึกชื่อไว้ในหอเกียรติยศของ WWE ได้เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการโคม่า และกำลังเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด อตีดนักมวยปล้ำวัย 68 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเมื่อเช้าวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และจากการรายงานของ TMZ Report ดูเหมือนว่าอาการของเขานั้นจะอยู่ในขั้นอันตรายอีกด้วย มีรายงานว่าอตีดนักมวยปล้ำชื่อดังนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจ จึงทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวในครังนี้ และสำหรับความสุดยอดของตำนานผู้นี้ แฟนๆ มวยปล้ำหลายคนคงจะรู้กันเป็นอย่างดี ตลอดชีวิตบนผืนผ้าใบของเขา Ric Flair หรือที่แฟนๆ รู้จักกันในชื่อ The Nature Boy สามารถคว้าแชมป์มวยปล้ำรุ่นเฮฟวีเวทได้ถึง 16 สมัย ก่อนที่จะประกาศอำลาสนามเมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา และถูกบันทึกชื่อในหอเกียรติยศของ WWE เมื่อปี 2008 ภาพนี้แฟนๆ มวยปล้ำรุ่นเก่าคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหลังจากที่รู้ข่าว บรรดานักมวยปล้ำชื่อดังต่างออกมาให้กำลังใจ และขอให้ Ric กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ทางด้าน Kurt Angle…
-
ญี่ปุ่นจัดแสดง ‘ดาบพระจันทร์เสี้ยว’ หนึ่งในตำนานสุดยอดห้าดาบใต้หล้า พร้อมให้ชมกันแล้ว!!
หากจะพูดถึงประเภทของดาบที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วโลกหลายๆ คนก็จะได้นึกถึง Katana ดาบแห่งประเทศญี่ปุ่น ที่มีความงดงามน่าหลงใหลในรูปลักษณ์ของมัน ที่มากไปกว่านั้นเมื่อถามผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ถึงที่สุดของ Katana ก็จะต้องเป็น “ห้าดาบใต้หล้า” หรือที่ญี่ปุ่นเรียก Tenko Goken โดยทั้ง 5 เล่มนั้นได้นำเสนอถึงรูปแบบวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และฝีมืออันยอดเยี่ยมของช่างที่ตีดาบเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่ง Mikatzuki Munechika นั้นคือดาบที่หลายคนจัดให้มีความงดงามที่สุดในทั้ง 5 เล่ม และในตอนนี้ก็ได้มีการจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นานาชาติโตเกียว ชื่อของดาบที่ดูเหมือนจะเป็นชื่อของคนมากกว่านั้น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าส่วนหนึ่งมาจากชื่อของช่างที่ตีดาบนี้คือ Sanjo Munechika เขาเป็นหนึ่งในช่างตีดาบที่มีฝีมือมากที่สุดในยุคเฮอัน (ช่วงปีค.ศ. 794 ถึง 1185) โดยดาบเล่มนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 10 ส่วนชื่อ Mikazuki นั้นในญี่ปุ่นมีความหมายว่า พระจันทร์เสี้ยว โดยในระหว่างการตีดาบประเภทนี้นั้นก็จะสร้างลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ลงไปบนผิวดาบแต่ละเล่ม สำหรับเล่มนี้นั้นมีลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยวที่โค้งอย่างสวยงาม เป็นเรื่องน่าเสียดายที่การจะถ่ายรูปให้เห็นลวดลายผ่านกระจกป้องกันที่กั้นไว้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่รูปทรงและแสงสะท้อนจากตัวเหล็กกล้านั้นก็ยังคงสามารถจับภาพไว้ได้ ดาบ Mikazuki Munechika ในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานพันปี ก็ได้มีผู้ที่เป็นตำนานในอดีตได้นำมันไปใช้ เช่น ในศตวรรษที่ 16 ได้แก่ยอดซามูไรอย่าง Toyotomi Hideyoshi…
-
ช่วงเวลาอบอุ่นหัวใจของคุณตา ค่อยๆ หวีผมให้ภรรยา ที่กำลังนอนหลับบนเตียงผู้ป่วย…
ความรักที่แท้จริงนั้น ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ แค่สิ่งที่คนรักยังคงมอบให้กันนั้นย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้เลย เหมือนกับคุณตาท่านนี้ที่คอยดูแลคู่ชีวิตของเขาอย่างใกล้ชิด เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแแพร่คลิปวิดีโอน่ารักๆ ของคุณตาท่านหนึ่งกำลังเสริมสวยให้กับคุณยาย ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเเตียงผู้ป่วย คู่รักสูงวัยจากสหรัฐอเมริกา ได้ทำให้คนทั้งโลกออนไลน์ต้องใจละลาย คุณตา Nellie พูดกับภรยาของเขาระหว่าที่หวีผมว่า “ผมไม่เคยหวีผมมาก่อนนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยคุณรู้ไหม” แต่อีกฝ่ายกลับไม่โต้ตอบใดๆ เธอได้แต่หลับตาและนอนนิ่งอยู่บนเตียง ปล่อยให้ชายชราทำหน้าที่ของเขา ระหว่างที่กำลังหวีผม ชายแก่ก็ค่อยๆ จับผมของคู่รักอย่างถนุถนอม และหวีเบาๆ อย่างนุ่มนวล ระหว่างที่ทำหน้าที่ของเขา คุณตาคอยถามภรรยาตลอดเวลาว่าเพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บ จากนั้นสามีก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวความหลังของพวกเขา และเรื่องราวของครอบครัวให้เธอฟัง ถึงแม้ว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันมานานหลายปี แต่ความรักที่คุณตามีให้กับภรรยาของเขานั้นกลับไม่จางหายไปเลย ภาพวิดีโอนี้คงจะบ่งบอกถึงความรักของทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี ชมคลิปวิดีโอได้ที่นี่เลย… ช่างเป็นภาพที่น่ารักอะไรอย่างนี้นะเนี่ย เห็นแล้วแอบเขินตามเลยนะว่าไหม?? ที่มา dailymail
-
ทหารหนุ่มช่วยหญิงจากค่ายกักกัน ครองรักกันมานานนับ 71 ปี จากสงครามโลกครั้งที่ 2!!
อีกเรื่องราวความรักบันลือโลก ที่เกิดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามอันร้อนระอุในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเราก็มั่นใจว่าความรักของทั้งคู่อาจเป็นความฝันในบั้นปลายชีวิตของใครหลายๆ คน เพราะนี่คือตำนานรักดอกเหมยระหว่าง John Mackay อดีตทหารสก็อตแลนด์ผู้เข้าไปช่วยเหลือ Edith Steiner หญิงสาวชาวยิวที่ถูกจับตัวอยู่ในค่ายกักกัน John Mackay คุณปู่วัย 96 ปี และ Edith Steiner คุณย่าวัย 92 ปี ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กินด้วยกันมามากกว่า 70 ปีแล้ว ย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดินาซีเริ่มแพร่ขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรป มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็มีหญิงสาวที่ชื่อว่า Edith Steiner อยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของพรหมลิขิต เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ John Mackay ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในหน่วยคอมมานโดของประเทศสก็อตแลนด์ และหนึ่งในผลงานการสงครามของเขา คือการบุกเข้าไปช่วยเหลือเชลยศึกชาวยิวในค่ายกักกัน Auschwitz ในปี 1944 หลังเสร็จสิ้นสงครามทั้งคู่ไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งเมื่องานเต้นรำเฉลิมฉลองแด่อิสระภาพมาถึง… ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งและตัดสินใจที่จะจับมือกันเข้าสู่พิธีวิวาห์ ในวันที่ 17 มิถุนายน 1946…
-
“กิโนซาจิ” อดีตฆาตกรสุดเอื่อยแห่ง Youtube ผู้ฆ่าคนด้วยช้อน… ตามติดไปทุกที่ยิ่งกว่าเงา
เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วที่หนึ่งในตัวละครชื่อดังแห่งยูทูป ผู้อยู่ในยุคบุกเบิกได้ออกมาสู่โลกอินเตอร์เน็ต ตัวละครที่มีความโหดเหี้ยมและน่ากลัวที่สุดในมวลหมู่เหล่าผีสางทั้งมวล เขาคนนั้นก็คือ “ผีช้อนกิโนซาจิ” กิโนซาจิ คือชื่อของผีช้อนตัวดังกล่าว ซึ่งเจ้าผีช้อนนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวละครดังตัวแรกๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกอินเตอร์เลยก็ว่าได้ และ #เหมียวมู่ทู่ ก็เชื่อว่าบางคนคงอาจจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยดูเจ้าผีช้อนนี้มาก่อน ฉะนั้นเราจะมาย้อนกลับมาดูว่ามันคือตัวอะไร แล้วมันโหดเหี้ยมยังไง ลองมาดูกัน… กิโนซาจิ เดิมทีมีความหมายในภาษาญี่ปุ่นว่า ช้อนเงิน ซึ่งก็เป็นที่มาของอาวุธสุดแสนจะไร้ประสิทธิภาพ โดยตัวกิโนซาจิเป็นผีสุดเหี้ยมจากหนังสั้นในยูทูปที่ชื่อว่า The Horribly Slow Murderer with the Extremely Inefficient Weapon ซึ่งสร้างโดย Richard Gale ในเรื่องของความหลอนของมันนั้นเรียกว่าอยู่ในระดับท็อปเลยก็ว่าได้ ทว่าความน่ากลัวของมันไม่ได้จากฉากตึ่งโป๊ะแต่อย่างใด แต่มันกลับมาจากความโหดเหี้ยมที่จัดการ Jack ผู้เป็นเหยื่อในเรื่องด้วยช้อนตลอดทั้งเรื่อง และตามติดไปทุกที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม แม้แต่กล้องก็จับภาพของมันไม่ได้!!? แม้จะหนีไปสุดขอบโลกก็ไม่รอด และความหลอนยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อคุณรู้ว่าระดับความเหี้ยมของ กิโนซาจิ คือมันจะฟาดคุณด้วยช้อนไปจนกว่าคุณจะตาย ที่สำคัญเราไม่สามารถจะฆ่าตัวเองให้ตายได้ด้วย เพราะมันจะขัดขวางด้วยวิธีที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็ต รวมถึงการหยิบยื่นอาวุธให้มันก็ตาม มันก็จะไม่ใช้อะไรเลยนอกจากช้อน และคุณจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม…
-
‘ดิลโด้งาช้าง’ จากยุควิคตอเรียถูกนำมาประมูลขาย คาดว่าราคาสูงถึง 30,000 บาท!!
‘ความต้องการทางเพศ’ นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องพบเจอ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีจัดการกับมันแตกต่างกันออกไป บ้างก็อาจจะใช้ตัวช่วย (เซ็กส์ทอย) บ้างก็อาจจะเลือกที่จะไม่สนใจแล้วปล่อยให้ผ่านไป เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชม ‘ดิลโด้’ จากยุควิคตอเรีย (คริสต์ศตวรรษที่ 19) ที่ขอบอกเลยว่ามันช่างอลังการงานสร้างซะจริงๆ ดิลโด้ที่ทำขึ้นมาด้วยมือจากงาช้างจากครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยชาวอังกฤษ ที่ไปอาศัยอยู่ในไอร์แลนด์ เชื่อว่าฝ่ายสามีทำขึ้นมาเพื่อให้ภรรยาเป็นของขวัญวันเกิดในช่วงปี 1840 สภาพของมันนั้นดูใหม่เอี่ยมเพราะได้รับการเก็บรักษาดูแลไว้เป็นอย่างดีในกล่องที่ดูหรูหรา เจ้าดิลโด้งาช้างนี้ถูกนำมาประมูลในงานประมูณที่จัดขึ้นในเมือง County Meath ประเทศไอร์แลนด์ และคาดว่าน่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 30,000 บาทเลยทีเดียวเชียว ยุคสมัยวิคตอเรียเป็นยุคที่เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมและเป็นยุคสูงสุดของจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งตรงกับสมัยการปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ในยุคนั้นประเทศอังกฤษได้แผ่ขยายอาณานิคมไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้วพบว่าในช่วงยุควิคตอเรียนั้นมีการใช้งานเซ็กส์ทอยกันอย่างแพร่หลาย แต่ส่วนมากแล้วจะถูกใช้ในรูปแบบของการรักษาอาการป่วยซะมากกว่าที่จะนำมาบำบัดความใคร่ แหม่ คนเข้าร่วมประมูลเจ้าดิลโด้งาช้างนี้เค้าคงอยากได้เอาไปตั้งโชว์เป็นของสะสมอย่างแน่นอนเลยล่ะนะ ที่มา : dailymail
-
ปิดตำนานสุดยอดนักมวยปล้ำ “The Undertaker” ถึงเวลาอำลาสังเวียน เกือบ 30 ปีในวงการ!!
เป็นเวลากว่า 27 ปีแล้วที่ชายคนนี้ได้ขึ้นมาอยู่บนสังเวียนมวยปล้ำพร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองจนกลายมาเป็น The Undertaker และตอนนี้ก็คงจะถึงเวลาที่เขาจะต้องบอกลาสังเวียนด้วยอายุที่มากถึง 52 ปี เหตุการณ์อำลาสังเวียนของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่เขาพ่ายแพ้ให้กับ Roman Reigns ในศึก WrestleMania 33 โดยเขาได้นำเสื้อคลุม ถุงมือ และหมวกคู่ใจวางไว้กลางเวทีเพื่อเป็นสัญญานบอกลาแฟนๆ . ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล่นเอาช็อคและเรียกน้ำตาแฟนๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว รวมถึง #เหมียวมู่ทู่ ก็เช่นกัน โดยหลายคนน่าจะจะรู้ว่า The Undertaker หรือในชื่อจริงว่า Mark William Calaway ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแห่งวงการมวยปล้ำเลยก็ว่าได้เพราะการต่อสู้หลายๆ แบบเขาก็เป็นคนนำเข้ามาโดยเฉพาะรูปแบบแมทช์ Hell in the Cell การปล้ำในกรงเหล็กที่ฮิตสุดๆ ประวัติของเขาในการเข้าสู่วงการก็เรียกว่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เขาเริ่มปล้ำครั้งแรกตั้งแต่ปี 1990 ในศึก WWF (หรือ WWE ที่รู้จักในปัจจุบัน) Survivor Series ด้วยคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ถึงสองแบบด้วยกันนั่นก็คือ The Deadman ที่เป็นสัปเหร่อและซอมบี้ผู้ไม่มีวันตาย กับอีกคาแรคเตอร์คือ The American Bad-Ass ที่เป็นนักเลงอเมริกันรุ่นใหญ่ ในตอนแรกเขาเปิดตัวเป็น สัปเหร่อ …
-
เปิดตำนาน 14 ภาพลวงตาแห่งโลกอินเตอร์เน็ต ที่หลอกคนให้งงมาแล้วนับไม่ถ้วน!!!
เชื่อว่าชาวเน็ตทั้งหลายคงเคยเห็นภาพลวงตา ที่มักจะมีคนนำมาแชร์บนโลกอินเตอร์เน็ตกันหลายต่อหลายภาพแล้วใช่ไหมล่ะ? บางภาพเมื่อมองแล้วก็เกิดความสงสัยว่า เอ๊ะ…ทำไมมันถึงขยับได้ มันเป็นภาพ Gif รึเปล่า? แล้วทำไมมันถึงสามารถลวงตาเราได้ ซึ่งอันที่จริง #เหมียวบ็อบ ลองดูแต่ละภาพแล้วไม่ใช่ภาพ Gif ขยับดุ๊กดิ๊กแต่อย่างใด ทว่าเป็นภาพที่สร้างมาเพื่อหลอกให้ดวงตาและสมองของเราเห็นเป็นแบบนั้นมากกว่า เอาเป็นว่าเพื่อเป็นการแก้เบื่อฆ่าเวลา เราไปชม 14 ภาพลวงตาในตำนาน ที่หลายคนคงเคยเห็นกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยแหละนะ Fraser’s Spiral ถ้าเรามองที่จุดตรงกลางจะพบว่ามันสามารถขยับได้ อันที่จริงแล้วส่วนที่ลวงตาเกิดจากสีที่ทับซ้อนกันบริเวณเกลียวที่วนรอบออกมา และจุดสีม่วงทึบตรงกลางนั่นแหละ คือส่วนที่ทำให้มันลวงตาเราได้ The Ebbinghaus illusion ภาพอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของวงกลมนี้ ถูกตั้งชื่อตามนักจิตวิทยาชาวเยอรมัน ‘Hermann Ebbinghaus’ ซึ่งเป็นภาพที่วงกลมทั้งสองวงขนาดเท่ากัน แต่ดูเหมือนมีขนาดต่างกัน Impossible Cube illusion ภาพสี่เหลี่ยมลูกบาศก์นี้ถูกสร้างขึ้นโดย ‘Charles Cochran’ เมื่อปี 1966 จากในภาพเราจะเห็นได้ว่ามีมุมอยู่ 2 มุมที่ทำให้เรารู้สึกงงงวยเหลือเกิน Zöllner illusion ภาพของเส้นคู่ขนานกันสองเส้นที่มีความเอียงต่างกัน ซึ่งทำให้มันดูเหมือนว่าเส้นหนึ่งตั้ง และอีกเส้นหนึ่งนอน รูปแบบภาพลวงตานี้…
-
รึตำนานจะกลับมาอีกครั้ง? ฮอนด้าเปิดตัว Sonic 150R วางขายในประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับวัยรุ่นที่เคยยุคก่อนที่มีใจรักในความเร็ว และชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ต คงไม่มีใครไม่รู้จักกับมอเตอร์ไซค์ Honda Sonic 125cc กันอย่างแน่นอน!! แต่ภายหลังก็อย่างที่เรารู้กันดีว่ารถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อนี้ได้เลิกผลิตและวางจำหน่ายขายในบ้านเราไปนานหลายปีแล้ว ทำให้นานๆ ทีจะได้เห็นบนท้องถนน จนกลายเป็นอัญมณีล้ำค่าที่หาดูได้ยากไปซะแล้ว แต่ล่าสุดเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมเดือน 2558 ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเปิดตัว All New Honda Sonic 150R ที่ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้คนไทยหลายๆ คนต่างก็จับตามอง และรอลุ้นกันว่าเจ้ารถในตำนานนี้จะถูกนำเข้ามาขายที่ไทยด้วยหรือไม่ แต่สำหรับรอบนี้ Sonic ถูกยกระดับทั้งรูปลักษณ์ เทคโนโลยีและสมรรถนะให้ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น รายละเอียดที่เห็นได้ชัดเจนก็คือไฟหน้าแบบ LED จอแสดงผลแบบดิจิตอล และไฟท้ายแบบสปอร์ต ส่วนในเรื่องของเครื่องยนต์นั้นจะมีขนาด 149.16 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดที่ 16 แรงม้า 6 เกียร์ จุถังน้ำมันได้ 4.3 ลิตร แถมยังเปิดเผยอีกว่าใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับที่ใช้แข่ง Moto GP เลยทีเดียว Honda…
-
‘ม้าเหงื่อโลหิต’ ตำนานอาชาแห่งสวรรค์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ เหลือเพียง 1,200 ตัวบนโลก…
หากเพื่อนๆ หลายคนที่เคยอ่านวรรณกรรมของจีน ไม่ว่าจะเป็นสามก๊ก หรือเรื่องราวของเจงกิสข่าน ก็คงเคยได้เห็นคำว่า ‘อาชาแห่งสวรรค์’ หรือ ‘อาชาเหงื่อโลหิต’ อันเป็นพาหนะที่เหล่านักรบที่มีชื่อเสียงของจีนผ่านหูผ่านตากันมาอย่างแน่นอน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าจริงๆ แล้วเจ้าอาชาเหงื่อโลหิตนั้นไม่ได้มีชื่ออยู่ในวรรณกรรมเท่านั้นนะ เพราะมันมีอยู่จริงๆ!! แต่ที่เราไม่เคยรู้จักมันมาก่อนนั่นก็เพราะว่าเมื่อศตวรรษก่อนเหล่าอาชาจากสวรรค์นี้ต้องประสบปัญหากับการเกือบสูญพันธุ์ไปแล้วยังไงล่ะ และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับเจ้าอาชาเหงื่อโลหิตนี้กันซักหน่อยก็แล้วกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปชมกันได้เลยจ้า… อาชาเหงื่อโลหิตตามตำนานกล่าวไว้ว่าในยามที่มันออกวิ่งนั้น แผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมาเป็นสีแดงคล้ายเลือด นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้วรูปร่างของมันยังดูแข็งแรงและบึกบึน สามารถใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไกลและแบกน้ำหนักได้เป็นอย่างดี และด้วยความหายากของมันจึงทำให้จักพรรดิหวู่ตี้ (ในยุคราชวงฮั่นตะวันตก) นิพนธ์บทกวียกย่องให้มันเป็นอาชาจากสวรรค์ อาชาเหงื่อโลหิตมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน โดยมีชื่อเป็นภาษาเติร์กว่า Akhal-Tekin ที่แปลออกมาได้ว่า ‘สายเลือดอันบริสุทธิ์’ ปัจจุบันพวกมันเหลืออยู่เพียงประมาณ 1,200 ตัวบนโลก ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเพาะพันธุ์ม้าของประเทศจีนได้กล่าวเอาไว้ว่า อาชาเหงื่อโลหิตมีแหล่งกำเนิดอยู่ในเขตโอเอซิสของประเทศเติร์กเมนิสถานซึ่งผ่านการถูกเพาะเลี้ยงมายาวนานกว่า 3,000 ปี จนกลายเป็นม้าที่มีสายพันธุ์เก่าแก่มากที่สุดในโลกสายพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากว่าพวกมันมีจุดเด่นอยู่ที่ฝีเท้าเร็ว ร่างกายแข็งแรง มีความอดทนสูง มักจะถูกใช้ให้เป็นพาหณะในการเดินทางระยะไกล และส่วนในปัจจุบันจะถูกใช้ในพิธีการเดินสวนสนามในระดับสากล เพราะราคาของมันพุ่งขึ้นไปสูงกว่าตัวละ 350 ล้านบาท เลยทีเดียว!!…
-
15 ภาพในตำนาน ของคนดังระดับโลก กับอีกด้านหนึ่ง ที่ไม่ค่อยได้รับการเปิดเผย!!?
สำหรับดาราดังในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าแฟนๆจากทางบ้านอย่างเราๆ แทบจะรู้หมดทุกเรื่องของพวกเขา ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน หรือแม้แต่คบกับใครอยู่ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณโซเชียลมีเดียทั้งหลาย ที่ทำให้เราตามติดเรื่องของชาวบ้านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ทว่ากับดาราระดับตำนานบางคนที่เคยเชิดฉายในอดีต ยุคที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย เราไม่มีทางทราบได้เลยว่า ช่วงชีวิตในวัยเด็ก หรือวัยก่อนที่จะดังของพวกเขาทั้งหลายเป็นอย่างไรกันบ้าง ด้วยเหตุผลนี้แหละที่ #เหมียวบ็อบ จะพาทุกคนไปชม 15 ภาพเก่าเก็บหาดูย๊ากยาก กับอีกด้านหนึ่งของพวกเขาก่อนที่จะมาเป็นคนดังระดับโลก 1. เอลวิส เพรสลี่ กับการชื่นชอบดนตรีมาตั้งแต่สมัยวัยเด็ก 2. แองเจลีน่า โจลี่ ถ่ายรูปกับแม่ของเธอในวัยเด็ก 3. ชาร์ลี แชปลิน ตอนที่ถอดหมวกสัญลักษณ์การค้าของเค้าออก 4. อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ กำลังอวดกล้ามโชว์สาวๆรุ่นแม่ ในสมัยที่ยังเป็น มิสเตอร์โอลิมเปีย 5. หญิงสาวคนหนึ่งเป็นพนักงานในร้าน ‘Van Nuys’ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาเธอถูกคนทั้งโลกเรียกว่า ‘มาริลิน มอนโร’ 6. โรบิน วิลเลี่ยมส์…
-
ย้อนรอย ตำนาน ‘Bloody Bender’ แกงค์ฆาตกรต่อเนื่อง กลุ่มแรกของอเมริกา!!!
สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นปริศนาคาใจคนทั่วไปอย่างเราๆ ที่มีต่อข่าวคราวเหตุการฆาตกรรม ก็คงเป็นคำถามที่ว่า “จิตใจเค้าทำด้วยอะไร ถึงฆ่าคนทั้งคนได้ลงคอ?” แน่นอนละว่าการจะตัดสินใจปลิดชีพใครซักคน มันไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่ไม่ใช่กับกลุ่มพี่น้อง ‘Bloody Bender’ แกงค์ฆาตกรต่อเนื่องที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดังจนกลายเป็นที่อกสั่นขวัญผวาไปทั่วเมืองในยุค 1870s ว่าแล้วก็เพื่อไม่ให้เสียเวลา ตามไปดูกันเลย… แกงค์นี้ประกอบไปด้วย John, Elvira, Kate และ John Jr. พวกเขาทั้ง 4 ร่วมกันก่อตั้งโรงแรม และร้านขายของชำในเมือง Labette County รัฐแคนซัส ช่วงปี 1871 – 1873 ในช่วงเวลานั้นเองที่เจ้าหน้าที่คาดว่า พวกเขาทั้งสี่ได้ร่วมกันฆาตกรรมแขกที่เข้ามาพัก มีผู้บริสุทธิ์หลายสิบราย ที่จู่ๆก็หายตัวไปหลังเข้าพักโรงแรมแห่งนี้ ส่วนวิธีการนั้น เชื่อกันว่า พวกเขาจะเชื้อเชิญให้แขกผู้มีเกียรติได้นั่งเก้าอี้ตัวเด่น ซึ่งพวกเขาจะแอบวางกับดักไว้อยู่เหนือหัวเก้าอี้ตัวนั้น หลังจากที่เหยื่อเผลอ John จะแอบเอาค้อนมาทุบหัวผู้บริสุทธิ์ให้หมดสติ คนอื่นๆจะทำหน้าที่หั่นส่วนหัวออก หรือตัดคอ ก่อนที่จะทิ้งร่างกายของเหยื่อลงไปในหลุมลึก ที่มองเห็นเพียงแค่ความมืดมิดเท่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องเล่าที่น่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อทางการได้สืบประวัติแล้วก็พบว่าจริงๆแล้ว ‘John…
-
10 ตำนานเกี่ยวกับปีศาจ และสิ่งมีชีวิตลี้ลับจากทั่วโลก ต้อนรับวันฮัลโลวีนที่กำลังจะถึง!!
ช่วงนี้ก็ใกล้เทศกาลฮัลโลวีน หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า ‘เทศกาลปล่อยผี’ กันเข้ามาทุกที วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ 10 ตำนานปีศาจจากรอบโลก มาฝากเพื่อนๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศกันซักหน่อย ลองมาฟังกันดูนะ หึหึหึหึ!! Clurichaun หรือภูติแคระแห่งไอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเภทของภูติแคระตามตำนานของไอร์แลนด์ ชอบสร้างความวุ่นวายและโกลาหลตามไร่นาต่างๆ ทั้งทำลายพืชผล ก่อกวน และขี่สัตว์เลี้ยงเล่นๆ นอกจากนี้ก็ยังชอบแอบเข้าไปดื่มเหล้าและไวน์ที่ชาวบ้านหมักไว้จนหมดอีกด้วย (อาจเกิดจากคนที่ชอบดื่มเหล้าจนเมาแล้วสร้างความป่วนกลบเกลื่อนก็เป็นได้ -*-) Death Worm หนอนมรณะแห่งมองโกเลีย ตามตำนานแล้วเจ้าหนอนมรณะนี้ฝังตัวอยู่ในที่ไหนสักแห่งของทะเลทรายโกบี มีขนาดราวๆ 1 – 1.5 เมตร สามารถพ่นกรดที่ฆ่ามนุษย์ได้ หรือช็อตด้วยกระแสไฟฟ้าเพื่อสังหาร กล่าวกันว่าภายในปากของหนอนมรณะนั้นเต็มไปด้วยเขี้ยวนับพัน Bakhtak แห่งเปอร์เซีย มีชื่อเรียกต่างๆ กันในแต่ละวัฒนธรรม อาจเรียกได้ว่าเป็นปีศาจฝันร้ายนั่นเอง มีความเชื่อว่าอาการผีอำนั้นเกิดขึ้นจากปีศาจชนิดนี้ โดยเจ้า Bakhtak จะมานั่งบนตัวของเหยื่อและทำให้เกิดฝันร้าย เป้าหมายของมันคือการฆ่าเหยื่อให้ตายในขณะนอนหลับ และถ้ามันล้มเหลวล่ะก็ มันจะกลับมาทุกๆ คืนจนทำสำเร็จ!? Blemmyes จากตำนานกรีกโบราณ หรือ เบลมเมยส…
-
เปิดตำนาน Longcat และ Tacgnol เทพเจ้าแห่งแมว ผู้นำความสมดุลมาสู่โลกไซเบอร์!!
เปิดตำนานเรื่องราวของ เจ้า Longcat และ Tacngol เทพเจ้าแมวแห่งโลกไซเบอร์ ซึ่งคนที่เล่นเน็ตทุกคนควรได้รับรู้ไว้… ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากการที่ชาวเน็ตได้ไปพบเจอเข้ากับรูปภาพของแมวตัวสีขาวที่มีขนาดและความยาวมากมายมหาศาลชื่อว่า Longcat ซึ่งกลายมาเป็นเน็ตไอดอลแห่งแมว แต่ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปชาวเน็ตก็คลั่งไคล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ และยกย่องมันเป็นราวกับตัวแทนแห่งพลังความดีของแมว หลังจากนั้นมันก็ได้นำพลังด้านสว่างเข้ามาสู่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ขณะเดียวกันก็มีพลังด้านมืดที่เกิดขึ้นมาแบบลับๆ ในส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นพลังแห่งความมืดและชั่วร้าย นั่นก็คือ Tacgnol เป็นตัวแทนของพลังแห่งความน่ากลัว และความชั่วร้าย ที่จะมารักษาความสมดุลในโลกออนไลน์ (สังเกตดีๆ มันก็คือ Longcat มาไล่อักษรจากหลังไปหน้านั่นแหละ และนั่นอาจจะเป็นด้านมืดของเจ้าเหมียวขาวเหรอเนี่ย!??) มีผู้คนมากมายต่างก็สงสัยในความยาวของเจ้า Tacgnol โดยเอาไปเปรียบเทียบกับเจ้า Longcat ว่ามันยาวกว่าหรือไม่ หลายๆ คนก็ไม่อยากจะคิดว่าเจ้า Tacgnol นั้นยาวกว่าเพราะจะเป็นการให้ความสำคัญกับพลังด้านมืดจนเกินไป อาจทำให้นำความชั่วร้ายมาสู่โลกไซเบอร์ เนื่องจากว่ารูปลักษณ์ของมันนั้นสามารถบ่งบอกถึงความชั่วร้ายได้เป็นอย่างดี ทั้งสีขนที่ดำสนิท ดวงตาที่แฝงไปด้วยพลังชั่วร้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเหล่าสาวกที่เลื่อมใสในด้านมืด ก็ได้สันนิษฐานว่าการที่เจ้า Tacgnol ได้ถือกำเนิดขึ้นมานั้นก็เพื่อถ่วงความสมดุลในโลกไซเบอร์ ไม่ให้พลังด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป หากเป็นแบบนั้นโลกอาจจะถึงกาลอวสานเลยก็ว่าได้ (เหมือนกับ หยิน-หยาง ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสมดุล) บ้างก็บอกว่าแท้จริงแล้ว เจ้า Longcat…
-
28 ภาพยืนยันว่า แมวเหมียวนี่แหละ เป็นสิ่งมีชีวิตที่นั่งได้ ‘เก๋กู๊ด’ มากที่สุดในโลกแล้ว!!!
เมื่อคุณลองเปิดใจ และไม่คิดว่าแมวเป็นสัตว์ที่จะมายึดครองโลกใบนี้เพียงอย่างเดียว จริงๆ แล้ว มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าประทับใจนะ เพราะด้านดีๆ ที่สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนก็มีอยู่เยอะเช่นกัน อย่างการนั่งของแมว ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะมีสัตว์น้อยชนิดนักที่จะสามารถ “นั่ง” ในแบบของแมวได้ ทั้งการนั่งเลียนแบบมนุษย์ การนั่งไขว้ขา การนั่งแบบเซ็งๆ และอีกมากมายเลยละ คุณสามารถพิสูจน์ได้จาก 28 ภาพเหล่านี้เลย ประเดิมด้วยท่าแรก นี่มองไกลๆ นึกว่าคน สบายตัวเค้าละ มันเป็นการนั่งระดับตำนาน “แมว” เท่านั้น ที่จะสามารถทำแบบนี้ได้ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในยามเหงา เจ้าสัตว์เลี้ยงชนิดนี้มันไม่ธรรมดา แต่ละท่าจัดเต็มมาก ในมุมหนึ่ง ขอน้ำแข็งด้วยน้อง เชื่อแล้วละว่าแมวสามารถทำท่านั่งเลียนแบบพวกมนุษย์ได้โคตรเป๊ะ งานเซ็กซี่อวดเรียวขาขาวๆ ก็มา ท่านั่งหลับกลางอากาศ ลูกแมวน้อยฝึกนั่ง นั่งแบบยองๆ เราก็ทำได้ แมวในท่านั่งแปลกๆ…
-
หนุ่มวัย 19 ปี ตกเบ็ด ‘Pig Nose’ ปลายักษ์ในตำนานของชาวบ้าน ที่หายไปนานกว่า 40 ปี
เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จักการ์ตูนเรื่อง “เซียนเบ็ดมูซาชิ” กันมาบ้างแล้ว เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ใฝ่ฝันอยากเป็นสุดยอดนักตกปลา ออกเดินทางเพื่อฝึกฝนฝีมือของตัวเองไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งในเนื้อเรื่องก็จะมีปลาในตำนานที่มีขนาดใหญ่และหาตัวจับได้ยากสุดๆ และเจ้าปลาเหล่านั้นก็จะมีเรื่องเล่าและตำนานเป็นของตัวเอง และนี่ก็คือเรื่องจริงของเจ้าปลาในตำนานที่อยู่ในแม่น้ำ Fraser ที่ไหลผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐ British Columbia ประเทศแคนาดา เจ้าปลาตัวนี้มีชื่อว่า ‘Pig Nose’ เป็นปลาสเตอร์เจี้ยนสีขาวขนาดมหึมา ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีเลยทีเดียว!! มันมีความยาวกว่า 3 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 300 กิโลกรัมเลยล่ะ เรื่องราวของมันถูกเล่าขานเมื่อ 40 ปี ก่อนเมื่อมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นได้พบเห็นมันโดยบังเอิญ หลังจากนั้นก็ทำให้เหล่านักตกปลาจากทั่วทุกสารทิศต่างก็เข้ามาเพื่อหวังจะตกมันให้ได้ แต่ก็ไม่มีใครทำได้เลย และชื่อของมันนั้นก็ถูกตั้งขึ้นจากจมูกสีชมพูสุดแปลกตาที่เชื่อว่าเป็นแผลจากอุบัติเหตุที่มันว่ายไปชนเข้ากับอะไรบางอย่าง… หลังจากนั้นมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยจนกลายเป็นเรื่องเล่าขานของหมู่บ้านและนักตกปลาในละแวกนั้นมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปีเลยล่ะ!! จนมาถึงเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมามีชายหนุ่มวัย 19 ปี ชื่อว่า Nick McCabe ที่ไปเข้าร่วมกับทัวร์เพื่อการตกปลา River Monster Adventures ได้ทำการตกเจ้า…
-
รู้จักโปเกมอนทั้ง 17 ตัว ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ตำนาน” เรื่องต่างๆ จากทั่วโลก
ในจำนวนโปเกมอนหลายร้อยตัวที่เราได้เห็นทั้งในการ์ตูนและเกม หลายๆ ตัวนั้นทางทีมงานโปเกมอนไม่ได้ออกแบบมาส่งๆ แต่อย่างใด แต่พวกเขานั้นได้แรงบันดาลใจและดัดแปลงมาจากเรื่องเล่าและตำนานสยองขวัญจากทั่วโลก วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับโปเกมอนทั้ง 17 ตัวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานสยองขวัญจากทั่วโลก เราไปชมกันเลยดีกว่าว่ามีตัวไหนบ้าง Froslass หรือ ยูกิเมะโนโกะ โปเกมอนตัวนี้ไม่ได้มีแรงบันดาลใจมาจากเอลซ่าแต่อย่างใด ความจริงแล้วทางทีมงานได้ดัดแปลงมาจาก “ยูกิ อนนะ” ปิศาจหิมะในตำนานของญี่ปุ่น ที่มักจะมาปรากฎกายในช่วงฤดูหนาว หากหนุ่มคนใดหลงสเน่ห์เธอล่ะก้อ รับรองว่าได้ไปอยู่กับเธอตลอดกาลแน่นอน Absol หรือ แอบโซล ตามตำนาน หวงตี้ จักรพรรดิผู้ทรงปรีชาสามารถของจีนเมื่อ 2,500 ปีก่อน ได้ออกเดินทางสำรวจทางทะเลตะวันออก และได้พบกับสัตว์ในตำนานตัวหนึ่งชื่อว่า ไป๋สื่อ ที่มีแผงคอสลวย มีเขา และดวงตาหลายดวง ไป๋สื่อ ได้สอนจักรพรรดิ์หวงตี้หลายๆ อย่างเกี่ยวกับความลับของโลกและธรรมชาติ ซึ่งภายหลังตำนานนี้ได้เผยแพร่ไปยังญี่ปุ่นจนกลายเป็น คูตาเบะ ปิศาจที่คอยเตือนชาวบ้านก่อนจะเกิดเภทภัยต่างๆ Tornadus หรือ ทอร์เนลอส ทอร์เนลอส เป็นโปเกมอนที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ฟูจิน” เทพเจ้าแห่งลมของทางญี่ปุ่น ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ได้อิทธิพลมาจากเทพ “โบเรียส” ของทางกรีกอีกที Sableye…
-
ตำนานอันแสนเศร้าของ ‘Teru teru bozu’ เจ้าตุ๊กตาไล่ฝน… (ที่เรารู้จักกันในการ์ตูนอิคคิวซัง)
ก็อาจเรียกได้ว่าเราคงจะพอรู้จักกันบ้าง สำหรับตุ๊กตาไล่ฝนของประเทศญี่ปุ่น และหลักๆ แล้วคงรู้จักกันเพราะการ์ตูนอิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญาในสมัยก่อนนั่นเอง ตุ๊กตาไล่ฝน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาไปรู้จักตำนานจริงๆ ของเจ้าตุ๊กตานี้กัน ที่บอกได้เลยล่ะว่าค่อนข้างเศร้าเลยทีเดียว ลองมาฟังกันดูนะเพื่อนๆ … ตุ๊กตาไล่ฝนนั้นมีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ‘teru teru bozu’ ที่แปลได้ว่า ‘พระหัวล้านจนเปล่งประกายต้อแสงแดด’ เป็นสัญลักษณ์ของวันที่อากาศดีและมีแสงแดด ที่ส่องลงมาโดนหัวพระราวกับว่าเป็นพระอาทิตย์อีกหนึ่งดวงนั่นเอง ถึงแม้ว่าชาวญี่ปุ่นเองหลายๆ คนก็ตามอาจจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับตำนานนี้กันมากนัก แต่ก็มีความเชื่อกันมาอย่างนมนานแล้วล่ะว่าถ้าวันไหนอยากให้อากาศดีเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ กลางแจ้ง ทั้งงานแข่งขันกีฬา งานเทศกาล งานประจำปีต่างๆ จะต้องมีการทำเจ้า ‘teru teru bozu’ แขวนไว้ก่อนเสมอๆ Teru teru bozu นอกจากจะถูกแขวนไว้บริเวณขอบหลังคาของบ้านแล้ว เด็กๆ ก็มีเพลงสำหรับร้องกันด้วยล่ะ หลักๆ แล้วก็เป็นเนื้อเพลงเกี่ยวกับการขอให้ท้องฟ้าสดใสนั่นเอง เพลง Teru-teru-bozu ถึงเพลงจะพอทำให้รู้ที่มาอยู่บ้างว่าตุ๊กตาชนิดนี้แต่เดิมนั้นถูกทำมาเพื่อขอให้อากาศสดใส แต่ก็ยังคลุมเครืออยู่ดี เนื้อความสุดท้ายในเพลง Teru-teru-bozu ข้างบนนั้นค่อนข้างจะดาร์คหน่อยที่กล่าวว่า…. ‘ถ้าเจ้าทำให้ฝนหหยุดตกไม่ได้นั้น เราจะตัดหัวเจ้าออกเสีย’ เนื้อเพลงท่อนดังกล่าวนั้นย่อนกลับไปในสมัยก่อนยุคศักดินาของญี่ปุ่น มีพระที่มีชื่อเสียงและสามารถทำให้ฝนหยุดตกและบันดาลให้อากาศดีได้โดยการร่ายคาถาและนั่งสมาธิ…
-
10 ภาพการชกในตำนานสุดยอดนักมวย Muhammad Ali ตลอดชีวิตบนสังเวียนของเขา…
สำหรับข่าวคราวการสูญเสียบุคคลสำคัญในช่วงนี้คงไม่มีข่าวไหนที่ใหญ่ไปกว่าการเสียชีวิตของตำนานหมัดระดับโลกอย่าง Muhammad Ali ในวัย 74 ปีอีกแล้วล่ะ เพื่อเป็นการรำลึกถึงเขา วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีประวัติและเส้นทางการชกมวยสู่การประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ และโรยราของเขามาให้เพื่อนๆ กันล่ะโดยจะเป็นการนำเสนอแบบภาพนะจ๊ะ ลองมาดูกันเลยดีกว่า ภาพนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อปี 1954 ขณะที่เขากำลังเป็นเด็กน้อย ฝึกซ้อม และพึ่งเข้ามาในวงการมวย การเอาชนะ Gennadiy Shatov ในการแข่งโอลิมปิกที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี คือหนึ่งในสังเวียนที่สร้างชื่อให้กับเขาในปี 1960 สังเวียนการต่อสู้สุดดุเดือดจนได้รับการขนานนามว่าแม็ตช์แห่งปีของปี 1963 ระหว่างเขากับ Doug Jones และในปี 1964 สังเวียนที่สร้างชื่อให้เขาโด่งดังจนเป็นพลุแตก เมื่อเขาสามารถเอาชนะแชมป์โลกตอนนั้นได้ Sonny Liston ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงไก่รองบ่อนเท่านั้น หลังจากนั้นในปี 1965 เขาก็สามารถป้องกันเข็มขัดแชมป์ของเขาได้จาก Floyd Paterson อีกไม่นานนักหลังจากนั้น เขาก็ต้องขึ้นชกกับคู่ต่อกรที่แสนดุร้าย และกลายเป็นหนึ่งในแม็ชต์ที่ดุเดือดที่สุดในชีวิตของเขา ในการชกกับ Ernie Terrell หลังจากที่พักไปช่วงใหญ่ๆ เพราะไม่อยากเข้าร่วมการต่อสู้ในสงครามเวียดนาม เขากลับมาอีกครั้งโดยการขึ้นชกกับ Joe Frazier และแม็ชต์นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การชกที่เขาได้พ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ในสังเวียน… แต่เขาก็กลับมาชนะได้อีกครั้งในการสาวหมัดกับ George…
-
หนุ่ม ม.ปลาย แอบวาดรูปเพื่อนร่วมรุ่นทั้ง 411 คน เป็นความทรงจำดีๆ ในโอกาสจบการศึกษา
คุณยังจำความรู้สึกในวันเรียนจบมัธยม และจะต้องแยกย้ายจากเพื่อนๆ ในห้องกันได้หรือไม่ แน่นอนว่ามันเป็นวันแห่งความทรงจำดีๆ อีกวันหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกประทับใจทุกครั้งเมื่อได้คิดถึง และเหมียวขี้อ้อนเชื่อว่า เพื่อนๆ หลายคน ก็คงอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ ของเพื่อนในห้องเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปรวม เขียนความรู้สึกที่มีต่อกันลงในสมุดไดอารี่ หรือบางคนก็ลงทุนให้เพื่อนเขียนลงบนเสื้อนักเรียนเลยก็มี เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีวิธีเก็บความทรงจำดีๆ ในแบบที่ต่างกันออกไป เช่นเดียวกับ Phillip Sossou ชายหนุ่มที่จบจากโรงเรียน Latin High School ในบอสตัน สหรัฐอเมริกา คนนี้ เขาก็อยากมีภาพความทรงจำดีๆ ของเพื่อนร่วมชั้นเหมือนกัน แต่วิธีการสร้างความทรงจำของเขาเนี่ยสิ ดูเหมือนจะแปลก และไม่เหมือนใครเอาซะเลย Sossou อยากจะส่งต่อ และเก็บความรู้สึกดีๆ ให้กับเพื่อนของเขาทุกคน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจวาดภาพพอร์ตเทรตของเพื่อนทั้งชั้นกว่า 411 คนซะเลย โอ้วววว ดูเหมือนเขาจะรักเพื่อนมากเลยนะเนี่ย . Sossou นำภาพของเพื่อนๆ แต่ละคนมาวางไว้ข้างผนังซึ่งเป็นทางเดินไปห้องเรียน และแน่นอนว่าเมื่อเพื่อนๆ ของเขาได้เห็นทุกคนต่างก็ทึ่งไปตามๆ กันเลยละ . …
-
นักวิทย์คาดการณ์สัตว์ในตำนานอย่าง ‘ม้ายูนิคอร์น’ อาจมีต้นกำเนิดมาจาก ‘แรดไซบีเรีย’
ตามตำนานเทพปกรณัมต่างๆ มักจะมีพ่วงมาด้วยความเชื่อในความเป็นไปของมนุษย์ในอดีต อีกทั้งยังพ่วงเต็มไปด้วยสัตว์ในตำนานต่างๆ ที่มีลักษณะรูปร่างที่แปลกออกไป แต่การที่สัตว์พวกนี้ถือกำเนิดขึ้นมาได้ต้องมาจากความคิดของมนุษย์เช่นเดียวกัน และสัตว์ในตำนานที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ ก็คือ ‘ม้ายูนิคอร์น’ เป็นม้าที่มีเขาเกลียวแหลมขนาดใหญ่อยู่บนหน้าผาก นักวิทย์ฯ จึงพยายามหาหลักฐานข้อเท็จจริงเพื่อนำมาพิสูจน์ให้รู้ว่ามันน่าจะมีต้นแบบมาจากไหน แล้วก็พบความคล้ายคลึงอย่างหนึ่งกับ ‘แรดไซบีเรีย’ ทั้งนี้เจ้าแรดไซบีเรีย (ชื่อวิทยาศาสตร์ Elasmotherium Sibiricum) นั้นมีถิ่นอาศัยอยู่ในบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไซบีเรียเมื่อประมาณ 26,000 ปีก่อน โดยนักวิทย์ฯ ทำการตรวจสอบจากซากฟอสซิลที่ถูกค้นพบในเมืองปัฟโลดาร์ ประเทศคาซัคสถาน (วิจัยที่เกี่ยวข้องกับการย้ายถิ่นฐานของแรดไซบีเรีย) Dr. Andrei Shpanski จาก Tomsk University ได้กล่าวเกี่ยวกับรูปพรรณของแรดไซบีเรียเอาไว้ว่า ‘ส่วนใหญ่แล้วแรดพวกนี้จะเป็นเพศชาย มีขนาดตัวที่ใหญ่มากเป็นปกติ ซึ่งจะเป็นลักษณะที่แตกต่างไปจากที่วรรณกรรมเทพปกรณัมได้เขียนบรรยายรูปพรรณเอาไว้’ แต่ดูจากลักษณะเขาบนหน้าผากแล้วก็น่าจะมีเค้าโครงเป็นต้นแบบของม้ายูนิคอร์นในตำนานได้อยู่เหมือนกันนะเนี่ย เพียงแต่ว่าลดสัดส่วนลงมาให้ดูดีมีสง่าราศีตามจินตนาการนั่นเอง ที่มา : unilad
-
จัดอันดับ 10 เพลงแด๊นซ์ในตำนาน เต้นกันให้ยับสนั่น RCA ปลุกพลังวัยโจ๋ในตัวคุณให้กลับมา!!
#เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าอดีตของคนเรามักจะมีอะไรที่มีประสบการณ์ร่วมกันมาก่อน อย่างเช่นในเรื่องของเสียงเพลงนี่แหละ สมัยก่อนนั้นเพลงที่เปิดกันตามไนท์คลับผับบาร์ต่างๆ ก็มักจะเป็นเพลงแด๊นซ์ที่มีจังหวะชวนโยกนิดๆ (หากฟังในสมัยนี้) โดยย้อนไปในช่วง 10 – 15 ปีที่แล้วนี่ จังหวะแบบนี้นี่แหละ เต้นกันยับเลย!! ก่อนที่กระแส EDM ในปัจจุบันจะมา เพลงเหล่านี้เรียกว่า เพลงแด๊นซ์ (Dance) เฉยๆ ก่อนที่จะถูกจัดแยกประเภทเพลงออกมามากมาย เอาล่ะ!! หากใครยังจำกันได้ ลองมาฟังเพลงแด๊นซ์ในตำนานกันดีกว่า แบบว่าต้องเปิดทุกผับ ฟังปุ๊บ คุ้นหูแน่นอน #10 Jennifer Ellison – Bye Bye Boy #9 Jessica Jay – Broken Hearted Woman #8 Stretch N Vern – Get Up Go Insane #7 Diana King – La…
-
เรื่องจริงของ ‘Mayantuyacu’ แม่น้ำเดือดปุดๆกลางป่าอะเมซอน พร้อมจะฆ่าทุกชีวิตที่พลัดตกลงไป
เหมียวขี้อ้อนเชื่อว่า บนโลกของเราใบนี้ยังมีเรื่องราวอันน่าสะพรึงอีกมากมาย ที่เราอาจไม่เคยได้รู้มาก่อน และในวันนี้เราก็จะขอมาเผยเรื่องราวของสายน้ำมรณะกลางป่าอะเมซอน ในประเทศเปรู ผ่านประสบการณ์ของ Andrés Ruzo นักธรณีวิทยาหนุ่ม ที่ได้ไปสัมผัสสายน้ำแห่งนี้ด้วยตัวเองมาแล้ว Andrés เคยได้ยินเรื่องราวของสายน้ำมรณะมาจากคุณปู่ ซึ่งคุณปู่ได้เล่าว่ามีนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งในยุคจักรวรรดิอินคาช่วงสุดท้าย เข้าไปในป่าอะเมซอนเพื่อค้นหาทอง แต่เมื่อพวกเขาได้เข้าไปแล้ว กลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยพวกเขาได้เผชิญกับฝันร้ายในที่แห่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่เป็นพิษ งูกินคน และสายน้ำที่พร้อมจะฆ่าทุกชีวิตแบบทั้งเป็น Andrés ไม่ได้สนใจในคำบอกเล่าของปู่มากนัก จนกระทั่งเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้จากปากของน้าที่เคยไปเยือน ณ สถานที่แห่งนี้มาแล้ว จึงทำให้เขาเริ่มประหลาดใจ และอยากที่จะลองไปสัมผัสสายน้ำมรณะแห่งนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาก็ยังคงสงสัยว่า สิ่งที่ปู่ และน้าได้เล่ามามันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เขาจึงได้ถามเพื่อนที่ทำงานในบริษัทเหมืองและก๊าซ ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ ‘มันไม่มีอยู่จริง’ คำพูดของเพื่อนที่บอกว่ามันไม่มีอยู่จริง กับของน้าที่บอกว่ามันมีอยู่จริง จึงทำให้ Andrés ได้ออกเดินทางไปหาคำตอบด้วยตัวเองในปี 2011 และในที่สุดเขาก็พบว่า สายน้ำที่เดือดระอุมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ยังไงละเหมียว เมื่อเขาเดินทางไปถึงเขาก็พบว่า แม่น้ำ Mayantuyacu แห่งนี้ทอดตัวยาวกว่า…
-
รวมเกร็ดความรู้กับ 10 เทพเจ้าแห่งความรัก ต้อนรับฤดูกาลวันวาเลนไทน์อันหอมหวาน
ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลแห่งความรักที่ทั้งคนในต่างประเทศและประเทศไทยเองต่างก็เฝ้ารอกันมานาน เพื่อที่จะได้แสดงความรัก ความห่วงใยให้แก่กันและกัน (ปกติก็ทำทุกวันอยู่แล้วใช่มั้ย ใช่มั้ย?) และด้วยโอกาสอันดี #เหมียวเลเซอร์ ก็อยากจะหยิบยกประเด็นในเรื่องของเทพเจ้าแห่งความรักมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันซักหน่อย ถ้าพูดถึงแล้ว จะนึกถึงเทพเจ้าองค์ไหนกันบ้าง? หลายคนก็คงจะคุ้นกับเทพเจ้า Venus จากโรมันกันแน่ๆ แต่ยังมีตัวแทนความรักอีกเยอะมากเลย มาทำความรู้จักกันเถอะ #1 Xochiquetzal Xochiquetzal เป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความงาม ตัวแทนเพศหญิง จาก Aztec เธอจะคอยปกป้องผู้หญิงที่ตั้งท้องและคุณแม่มือใหม่ และเธอมักจะเป็นหญิงสาวสวยที่ถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้, ดอกไม้และผีเสื้อ #2 Áine เทพเจ้าแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์จากไอร์แลนด์ เธอมีพลังวิเศษที่สามารถควบคุมพลังของแสงอาทิตย์ได้ อีกทั้งยังสามารถอนุญาตให้มนุษย์มีพลังในการปกครอง รวมถึงถอดถอนพลังนั้นออกไปได้เช่นกัน #3 Oshun เธอเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา Ifá และ Yoruba ในแอฟริกาตะวันตก Oshun มาในร่างของ Orisha หรือดวงวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรัก ความอุดมสมบูรณ์ และเป็นตัวแทนของเพศหญิง อีกทั้งเธอเป็นเทพที่มาพร้อมกับน้ำสะอาด #4…
-
ภาพถ่ายชุดสุดท้ายของ “David Bowie” ตำนานเพลงร็อคที่สร้างแรงบันดาลใจ
เป็นข่าวที่น่าเศร้าเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา เมื่อมีข่าวว่า David Bowie ศิลปินตำนานเพลงร็อคผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนได้เสียชีวิตลง เหลือไว้แต่ผลงานมากมายที่เป็นอมตะและไม่มีวันหายไปจากความทรงจำของเราทุกคน หลังจากที่เขาเพิ่งปล่อยอัลบั้มใหม่ Blackstar ออกมาเมื่อวันที่ 8 มกราคมนี้ ซึ่งถือเป็นอัลบั้มฉลองวันเกิดของเขา เขาก็ได้ถ่ายภาพโฟโต้ชู้ต ซึ่งเป็นภาพโปรโมตอัลบั้มและเป็นภาพชุดสุดท้ายที่เขาได้ถ่ายก่อนจะจากโลกนี้ไป Thom Browne แฟชนั่นดีไซเนอร์ของอัลบั้มนี้ได้ออกแบบให้เขาใส่ชุดสูทสีดำพร้อมกับหมวก ถ่ายภาพโดย Jimmy King เผยให้เห็นรอยยิ้มของเขา และเขาก็ได้เขียนคำบรรยายไว้ทุกรูป “Why is this man so happy?” “That’s the message that I sent” David Bowie เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง หลังจากพยายามต่อสู้กับโรคร้ายนี้มานานกว่า 18 เดือน ถึงแม้ศิลปินในตำนานท่านนี้จะจากไปแล้ว แต่ผลงานของเขาก็ยังคงอยู่ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นหลังต่อไปได้ ทางเหมียวก็ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วยนะครับ ที่มา people
-
ซานต้าปิศาจในตำนานของฟินแลนด์ ไม่ใช่ลุงอ้วนใจดี แต่เป็น ‘ปีศาจแพะ’ ที่ทรมานและกินเด็กๆ !!!
ในประเทศฟินแลนด์ จะว่าไปแล้วมีประเพณีที่ค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะความเชื่อที่ว่า แท้จริงแล้วซานต้า ลุงอ้วนชุดแดงที่มักจะมาแจกของขวัญให้กับเหล่าเด็กๆ นั้น เป็นปีศาจชื่อว่า Christmas Bock ต่างหาก!!! ตามตำนานและนิทานของประเทศฟินแลนด์นั้น Christmas Bock คือปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายๆ แพะ เหมือนกับปีศาจ Krampus ที่หนังพึ่งฉายไปเมื่อไม่นานมานี้นี่แหละ Christmas Bock ปีศาจที่มีเขาคล้ายแพะ แถมชอบทำร้ายทรมานเด็กๆ ที่ดื้อและซนอีกด้วย ปีศาจ Krampus ซานต้าด้านมืด มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก เจ้าปีศาจ Christmas Bock เป็นตัวการสำคัญในการทำลายความสุขในวันคริสมาสต์ แถมภาพขวายังเป็นการสะสมอาหารไว้กินในฤดูหนาวของมัน สิ่งที่ชอบกินก็คือ กวางเรนเดียร์กับเด็กๆ (นี่มันด้านมืดซานต้าแบบสมบูรณ์เลยนะเนี่ย!!!) และนี่คือภาพการฉลองวัน St. Knut ในสมัยก่อน ตามประเพณีของฟินแลนด์ เอิ่มมม น่ากลัวไปอีก -*- สำหรับ St. Knut’s Day ในฟินแลนด์นั้นคือวันที่ 15 เดือนมกราคมของทุกๆ ปี ชาวเมืองจะแต่งตัวเป็นปีศาจแพะ เดินไปยังบ้านใกล้เคียง ร้อนตะโกนหลอกและขอให้ส่งอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้…
-
น้องดาด้า ผู้รับบท ‘มณีจันทร์’ ตอนเด็ก ในตำนานสมเด็จพระนเรศวร ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว น่ารักมาก!!
คุณยังคงจำตัวละคร ‘มณีจันทร์’ ตอนเด็ก จากภาพยนตร์เรื่อง ‘ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช’ ได้หรือไม่? และถ้าหากใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องจำได้อย่างแน่นอน ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่ภาคแรกที่เข้าฉายจนถึงปัจจุบัน วันเวลาก็ผ่านมาแล้วถึง 8 ปี ว่าแต่ตอนนี้นักแสดงที่เล่นเป็น ‘มณีจันทร์’ ตอนเด็กจะเป็นอย่างไรบ้างน้า เราลองไปย้อนความทรงจำดูภาพของเธอกันเลย และนี่ก็คือน้อง ดาด้า สุชาดา เช็คลีย์ นักแสดงเด็กลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ผู้ที่รับบทเป็น ‘มณีจันทร์’ ตอนเด็กนั่นเอง น่ารักมากๆ เลยใช่ไหม ใครที่เคยดูรับรองว่าจะต้องจำเธอได้อย่างแน่นอน และในตอนนี้เธอโตเป็นสาวอายุ 17 ปีแล้วน้า ยิ้มสวยฝุดๆ ตอนเด็กน่ารักยังไง โตมาก็ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลย เป็นไงละ!! อึ้งกันไปเลยใช่ไหม เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ดาราเด็กที่เห็นในละคร หรือภาพยนตร์ต่างๆ ก็โตกันหมดแล้ว บางคนก็สวย หล่อขึ้นจนแทบไม่ได้กันเลยทีเดียว อิอิ!! ที่มา : siamupdate, instagram
-
หลุดภาพถ่ายของมนุษย์แพะ ชาวเน็ตต่างถกเถียงกัน เป็นแค่เรื่องหลอกหรือมีอยู่จริง!?
ในความเป็นไปได้ในโลกของความเป็นจริง จากตำนานเรื่องเล่าลึกลับต่างๆ ในอดีต โอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือพบเจอจริงๆ นั้นถือว่ามีน้อยมากๆ แต่ในเรื่องของสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายเป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งสัตว์มีความเป็นไปได้อยู่บ้าง (รึเปล่า) เรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาในอเมริกา กับตำนานของ ‘มนุษย์แพะ’ สัตว์ประหลาดครึ่งคน ครึ่งแพะเป็นที่ล่ำลือกันมานานมากๆ ตั้งแต่ในช่วงปีค.ศ. 1957 เป็นต้นมา อาศัยอยู่ในป่าลึกห่างไกลผู้คนและมักจะปรากฏกายในช่วงกลางคืน เดินด้วยสองเท้าเหมือนมนุษย์ และเดินสี่เท้าเหมือนแพะ มีเขาและขนปกคลุมร่างกาย การค้นพบครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในรัฐ Maryland แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นมนุษย์แพะจริงๆ หรือไม่ เพราะหลักฐานภาพถ่ายที่ได้มานั้นเบลอจนแทบมองไม่ออก โดยสุดท้ายแล้วความเป็นไปได้ก็คือการกลั่นแกล้งใส่ชุดเป็นมนุษย์แพะ ไม่น่าจะต้องใส่ใจอะไรมาก แต่สำหรับบางคนกลับจริงจังกับเรื่องแบบนี้ Nathan Couch นักล่าท้าผี ก็ได้ทำการเขียนหนังสือ Goatman: Flesh or Folklore? (มนุษย์แพะ: มีจริงหรือแค่นิทาน?) เขาได้ทำการสืบค้นและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์แพะที่มีตำนานมาร่วมกว่า 60 ปี ซึ่งก็กล่าวกันว่ามนุษย์แพะนั้นเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว ปรากฏตัวในหลายๆ รัฐด้วย จนกระทั่งมีการพบเห็นมนุษย์แพะในเวลากลางวันแสกๆ ใกล้ๆ บริเวณภูเขา Wasatch…
-
มีจริงหรือหลอกลวง!? ตำนานหลอนหมายเลข 666 บน YouTube มีแต่ภาพแหวะๆ กับเลข 6
มันเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันมาอย่างยาวนานกับตำนานของผู้ใช้ที่ชื่อว่า 666 หมายเลขแห่งปีศาจซาตาน จากเว็บไซต์วิดีโอชื่อดังอย่าง YouTube ในสมัยก่อนนู้น ในช่วงที่ Google กำลังจะกลายมาเป็นเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าว โดยต้นกำเนิดของเรื่องชวนขนลุกปนสยองสู่สายตานี้มันเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2006 เมื่อมีการเล่าแบบปากต่อปากว่า หากคุณค้นหาช่อง 666 หรือผู้ใช้ 666 นี้ จะพบกับความว่างเปล่า บัญชีนี้ถูกระงับ แต่ถ้าหากว่าลองรีเฟรชหน้านั้นเรื่อยๆ ความสยองก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้า ตัวอักษรทุกตัวจะกลายเป็นเลข 6 และแชแนลลึกลับจะเผยตัวออกมา พร้อมกับวิดีโอชวนแหวะ หน้าจอก็จะกลายเป็นสีเลือด อีกทั้งเมื่อทำการรับชมวิดีโอภายในแชแนลนี้แล้ว จะไม่มีทางสามารถหยุดได้เลย ปิดก็ไม่ได้ วิดีโอจะเล่นอย่างต่อเนื่อง มีแต่เลือดสีแดงพร้อมกับท่วงทำนองเพลงประหลาดๆ ราวกับว่าโดนไวรัสหรือโดนแฮกยังไงยังงั้นเลย แถมด้วยสมัยนั้นยังมีเพียงแค่ Internet Explorer สุดอืดอาดและความปลอดภัยต่ำให้ใช้ จนในที่สุดก็ต้องกดปุ่มชัตดาวน์ปิดเครื่องไป สืบเนื่องจากความลึกลับแบบนี้ คาดว่าเป็นการกระทำของศิลปินทัศนศิลป์ชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Piropito หรืออีกชื่อหนึ่งใน YouTube – nana825763 โดยวิดีโอที่จัดทำขึ้นมานั้นเป็นภาพยนตร์รูปแบบ Flash สำหรับเทศกาลภาพยนตร์ (ในสมัยนี้เป็นยุครุ่งเรืองของ Flash…
-
เมื่อเหล่าคนดังในอดีตกลายมาเป็น “พรีเซนเตอร์” ให้กับแบรนด์ดังในปัจจุบัน
ลองนึกภาพว่าตำนานดารานักร้องในอดีต ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เราก็ยังคงเห็นพวกเขาโลดแล่นอยู่ตามหน้าจอเป็นแน่แท้ ทาง DesignCrowd จึงจัดกิจกรรมนำเอานักออกแบบกว่า 450,000 คนจากรอบโลก และหาภาพแบรนด์ดังทั้งหลายแหล่ในโลกมาตัดต่อรวมกันกับเหล่าดาราศิลปินในดวงใจที่ได้ลาโลกนี้ไปแล้ว เราจะได้เห็นพวกเขามีชีวิตอยู่บนโปสเตอร์แบบโลกสมัยใหม่แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ จะมีใครบ้าง เราไปดูกันเลย ที่มา boredpanda