Tag: ติดยา
-
คู่รักอังกฤษกระโดด ‘ขวางรถไฟ’ เพราะอยาก “อยู่ด้วยกันตลอดไป” หลังชีวิตพบจุดวิกฤติ
คู่รักหนุ่มสาวที่ชีวิตพบจุดวิกฤติตัดสินเลือก “อยู่ด้วยกันตลอดไป” โดยการกอดกันและพากันกระโดดตัดหน้าขบวนรถไฟ จนเสียชีวิตทั้งคู่ Melissa Wood วัย 27 ปีและแฟนหนุ่มของเธอ Christopher Linley วัย 34 ปี ได้ต่อสู้กับภาวะเสพติดเฮโรอีนมาพักใหญ่ ประกอบกับที่ทั้งคู่ถูกไล่ออกจากงานซ้ำยังถูกไล่ออกจากห้องเช่าอีกด้วย ทั้งหมดล้วนส่งผลให้ทั้งคู่ตัดสินใจพากันอำลาโลกไปพร้อมๆ กัน โดยภาพเหตุการณ์ถูกบันทึกไว้ได้โดยกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟดองคัสเตอร์ มณฑลยอร์กเชอร์ ประเทศอังกฤษ ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นว่าทั้งคู่โอบกอดและจับมือกันและกันก่อนที่จะพากันกระโดดลงไปยังรางรถไฟและเสียชีวิตในที่สุด หลายวันถัดมาหลังเหตุการณ์เสียชีวิตของทั้งคู่ ก็พบ จดหมาย จากทั้ง Christopher และ Melissa ที่จ่าหน้าซองถึงครอบครัวของพวกเขา โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า พวกเขาทั้งคู่ก็ต้องการ “อยู่ด้วยกันตลอดไป” และจากนั้นพวกเขาจะฆ่าตัวตายไปพร้อมๆ กัน โดยในวันตัดสินคดีความว่าเป็นการฆ่าตัวตาย Lisa Wood ผู้เป็นแม่ของ Melissa ก็กล่าวว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะฆ่าตัวตายได้ เธอดูมีความสุขตลอดเวลา ร่าเริง และแทบไม่เคยหยุดหัวเราะ” ส่วน Frances Glynn แม่ของ Christopher ก็กล่าวว่า “ฉันตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันหวังมาตลอดว่าเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตเพราะเขาเป็นคนเก่ง แต่ฉันก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้ว่าอย่างน้อยเขากับ Melissa ก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดกาล”…
-
สาววัย 20 ชีวิตเหลวแหลก เสียใจดรอปเรียน แฟนทิ้ง เสพยาหลอนหนัก จนควักเบ้าตาออก…
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ‘ยาเสพติด’ ที่ถูกเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยส่งผลดีอะไรให้กับสุขภาพร่างกาย และวิถีชีวิตของผู้เสพเลย นอกจากจะสูญเสียความเป็นตัวตนแล้ว ซ้ำร้ายไปยิ่งกว่านั้นก็คือหมดอนาคตในสังคม และอาจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายในห้องขัง ซึ่งในหลายกรณีของผู้ที่เบนเข็มทิศชีวิตมาเสพยา นั่นก็เป็นเพราะหมดหนทางในการแก้ปัญหา จึงเลือกที่จะให้ยาเสพติดกลืนกินชีวิตตนไปอย่างช้าๆ… Kaylee Muthart เรื่องราวของ Kaylee Muthart วัย 20 ปี จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ หลังจากที่เธอทำการควักนัยน์ตาของตัวเองออกทั้งสองข้าง สืบเนื่องมาจากผลของการเสพยาไอซ์ถึงขั้นประสาทหลอน Muthart ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองผ่านเว็บไซต์ Cosmopolitan ว่าเธอดรอปเรียนตั้งแต่อายุ 17 ปี เนื่องจากมีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้ขาดเรียนบ่อยจนผลการเรียนย่ำแย่ เธอจึงตัดสินใจที่จะหยุดเรียน ดีกว่าปล่อยให้มีผลการเรียนแย่ติดตัว พร้อมกับออกหางานทำเพื่อเก็บเงินไปเรียนวิทยาลัยด้านชีววิทยาทางทะเลแทน แต่แล้วในช่วงอายุ 18 ปี เธอเข้าสู่สังคมติดเหล้าและเสพกัญชาบ่อยครั้ง จนเมื่ออายุ 19 ปี เธอได้เสพกัญชากับคนรู้จักที่บ้านของเขา และมีอาการเมาที่ผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งในครั้งนั้นมันทำให้เธอรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่าแต่ก่อน จนเธอคิดว่ากัญชาที่เสพเข้าไป มีส่วนผสมของโคเคนหรือยาบ้า โดยที่ไม่เคยมองกัญชาเป็นสารเริ่มต้นที่ทำให้เข้าสู่วังวนยาเสพติดมาก่อน จนกระทั่งสารที่เธอไม่เคยต้องการได้เริ่มเข้ามาทำลายชีวิตเธอแล้ว …
-
เรื่องจริงของ Deanna คุณแม่ที่เสพเฮโรอีนอยู่เบาะหน้ารถ และปล่อยให้ลูกน้อยเสียชีวิตคาเบาะหลัง
กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้หลายคนรู้สึกเศร้าตามไปด้วย แม้จะไม่ได้เกิดกับตัวเอง เมื่อหญิงคนหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ถูกจับกุม หลังจากที่เธอทิ้งลูกสาวของเธอไว้ในรถหลายชั่วโมง ในขณะที่เธอมีเองก็เสพยาจนไม่ได้สนใจ ตอนขณะที่เกิดเหตุ Deanna J. Joseph อายุ 39 ปี ปล่อยให้ลูกวัย 2 ขวบ อยู่ในคาร์ซีทที่เบาะหลัง ขณะที่ตัวเองเสพเฮโรอีนที่อยู่ในเบาะหน้า แล้วก็เผลอหลับไป อัยการแห่ง Salem County คุณ John T. Lenahan ให้สัมภาษณ์ว่า “เด็กถูกขังอยู่ในรถเป็นเวลานาน ในขณะที่แม่ของหนูน้อยอยู่ในอาการหลอนของยาเสพติด และเด็กน้อยอาจจะได้รับบาดเจ็บด้วยก่อนที่เธอเสียชีวิต” จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าเด็กน้อยพยายามที่จะหนีแต่ถูกเข็มขัดนิรภัยรัดที่คอจนเสียชีวิต ภาพถ่าย Deanna กับลูกสาวที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊คเมื่อเดือนมิถุนายน เธอได้โทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 911 เมื่อเวลา 21.45 น. ว่าลูกสาวของเธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆ เมื่อตำรวจมาถึงที่บ้านในถนน Timberman ก็พบว่าเด็กน้อยเสียชีวิตแล้ว ตำรวจได้กล่าวว่านาง Deanna เสพเฮโรอีน ก่อนที่จะขับรถไปรอบๆ เมืองกับลูกสาวของเธอก่อนที่จะหลับไป และปล่อยให้ลูกสาวตายตรงที่เบาะหลังของรถนั้น ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ในปี 2014…
-
อตีดผู้ต้องหา 25 ปี ก่อตั้งองค์กร “The Well” หวังลดปัญหาอาชญากรรมซ้ำซาก
ปัญหาผู้ต้องขังล้นห้องขังนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเราเท่านั้น แต่ในประเทศอังกฤษเองก็เช่นกัน จำนวนกว่าครึ่งของผู้ต้องหา 86,368 คนที่ถูกคุมขังนั้นผ่านกระบวนการทางอาญาแล้ว และทางการต้องเสียเงินมากถึง 9,000 – 13,000 ล้านปอนด์ต่อปีเลยทีเดียว คุณ David Higham อดีตผู้ต้องหายาเสพย์ติดที่เคยใช้ชีวิตในห้องขังตั้งแต่อายุ 16 ปีและติดอยู่ในนั้นนาถึง 25 ปี หลังจากพ้นโทษมานานกว่า 10 ปี ในปี 2007 ชายหนุ่มตัดสินใจก่อต้ององค์กร The Well มูลนิธิที่คอยช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ต้องหาและผู้เสพย์ยาเสพย์ติดในเมือง Lancashire และเมือง Cumbria สหราชอาณาจักร ชายหนุ่มเล่าถึงช่วงชีวิตวัยเด็กที่ผ่านมาของเขาว่า “ผมอยากจะหนีจากสังคม และมีความไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆ และเพื่อจะเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆ ได้ผมจึงต้องยอมเสพเฮโรอีนที่พวกเขามอบให้ และก่อนที่ผมจะรู้ว่ามันคือยาเสพย์ติดผมก็ตกเป็นทาสของมันแล้ว” และเมื่อเริ่มลองยาเสพย์ติด ชีวิตของคุณ David ก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรม เขาติดคุกครั้งแรกเมื่อายุ 16 ปี และถูกดำเนินคดีอีกมากกว่า 100 ครั้ง “โดยปรกติแล้ว ผมจะใช้เวลาอยู่นอกคุกประมาณ 6 เดือน และก็กลับเข้ามาในคุกอีกครั้ง การเข้าออกคุกถือเป็นเรื่องปรกติสำหรับผม แต่แล้วผมก็เกิดคำถามกับตัวเองว่าทำไมผมต้องมีชีวิตแบบนี้ และผมจะทำอะไรได้บ้าง การเข้าออกคุกนั้นไม่ช่วยอะไรเลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมอยากจะทำบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนของผม” David กล่าว และหลังจากที่มองเห็นปัญหาว่าการเข้าออกเรือนจำนั้นไม่อาจจะแก้ปัญหาอาชญากรรมได้…
-
คุณแม่แชร์ภาพ ก่อนและหลังเลิกเสพ “เฮโรอีน” เพื่อกระตุ้นให้คนหันหลังให้ยาเสพติดซะ…
การเสพสารเสพติดนั้นนอกจากจะทำให้สุขภาพย่ำแย่แล้ว ยังส่งผลให้รูปลักษณ์ภายนอกดูแย่ลงไปด้วย อย่างเธอคนนี้ที่แชร์ภาพตัวเองตอนเสพเฮโรอีนกับตอนเลิกว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน Melissa Lee Matos เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง จาก West Virginia ผู้เลิกเสพเฮโรอีนมาได้ 1 ปี กับ 5 เดือนแล้ว และพบว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ภาพตอนที่ Lee Matos เสพติดเฮโรอีนนั้นแทบจะดูไม่ได้เลย เธอนั่งพิงผนังห้องน้ำ มีจุดดำขึ้นอยู่บนใบหน้า ขอบตาคล้ำ และเบ้าตาก็ลึกเหมือนคนแก่ เธอบอกว่า “ฉันอยู่ในสภาพนี้ทุกวันเป็นเวลาหลายปี มันเป็นสภาพที่สามีฉันต้องเจอ และเป็นภาพที่ลูกสาวมักจะเดินเข้ามาเห็น” “มันคือภาพที่ครอบครัวและเพื่อนๆ ของฉันเห็นจนชินตา เป็นแบบนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งฉันเกิดป่วยหนัก รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย และคิดว่าคงไม่มีทางรักษาแล้ว” ผลข้างเคียงจากการเสพเฮโรอีนคือ ทำให้เกิดฝีและมีแผลตามร่างกาย มีจุดดำขึ้นบนหน้าและลำตัว และทำให้น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว อีกภาพหนึ่งของ Lee Matos เหมือนกับผีดิบไม่มีผิด มีตุ่มขึ้นเต็มใบหน้า ส่วนมือก็กำลังถือชามขนม หน้าแนบพื้นโต๊ะ ไม่มีแรงแม้จะกระทั่งจะยกหัวขึ้น เธอเขียนไว้ในเฟซบุ๊กว่า “ฉันสูญเสียทุกอย่าง ฉันคิดภาพไม่ออกว่าจะอยู่ได้มั้ยว่าถ้าไม่เสพเฮโรอีน ตอนนั้นฉันอยากตาย เพราะการมีชีวิตอยู่มันยากเหลือเกิน” ปัจจุบัน Lee Matos เลิกเฮโรฮีนได้…
-
คลิปวินาทีสุดเศร้า เมื่อคุณพ่อบอกลูกชายว่า ‘แม่เสียชีวิตแล้ว’ จากการเสพยาเกินขนาด
คงไม่ใครอยากให้เกิดเหตุการณ์สูญเสีย แต่ชีวิตมันก็ต้องเป็นไป เมื่อคุณพ่อ Brenden Bickerstaff-Clark จากรัฐโอไฮโอ ได้ตัดสินใจที่จะทำเรื่องที่อาจจะกระทบจิตใจลูก เมื่อต้องบอกความจริงกับเขาว่าแม่ได้เสียชีวิตแล้ว คลิปนี้มียอดวิวกว่า 23 ล้านครั้งในเฟซบุ๊ก จนทำให้มีข้อถกเถียงว่าสิ่งที่คุณพ่อได้ทำลงไปนั้นถูกหรือไม่ ลองไปชมคลิปกันก่อนเลย คุณพ่อให้ได้คำอธิบายใต้คลิปไว้ว่า “คลิปนี้ให้สำหรับคนที่ติดยาที่อยู่กับลูกหลาน วันนี้ผมได้บอกลูกชายวัย 8 ขวบไปว่าแม่ของเขาเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดเมื่อคืนนี้ มันคือการตระหนักถึงความเป็นจริงของสิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเรา อย่าให้ความเลวร้ายนี้ต้องทำให้ใครไปบอกลูกว่าคุณตายเพราะว่าใช้ยาเลย นี่เป็นสิ่งที่ยากมากที่จะทำ ลูกของผมต้องไม่มีแม่เนื่องจากเฮโรอีน มันอาจจะทำใจยาก แต่คุณต้องได้ยินสิ่งที่เราพูด ได้โปรดช่วยกันเพื่อไม่ให้ลูกหลานของเราต้องทรมาน” ส่วนคนที่ได้ดูคลิปนี้ก็แตกออกเป็นหลายเสียง บางคนก็เศร้าไปกับคลิปและให้กำลังใจกับครอบครัวที่สูญเสีย แต่บางคนก็ตั้งแง่เกี่ยวกับการถ่ายคลิปความรู้สึกของเด็กแล้วมาแชร์ลงในอินเตอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว ตัวอย่างคอมเม้นท์จากชาวเน็ตเช่น “ฉันเพิ่งดูเสร็จ แล้วก็จบลงด้วยน้ำตา ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของเด็กคนนี้ “มันเศร้ามาก ฉันจินตนาการไม่ได้เลยว่าเขาจะผ่านไปได้ยังไง” “นี่เป็นช่วงที่เป็นส่วนตัวมากๆ สำหรับชีวิตของเด็กคนนี้ และมันก็แพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ตแล้ว” “ฉันคงจะโกรธมากถ้าใครมาอัดคลิปตอนที่ฉันร้องไห้อยู่ตอนที่ฉันเพิ่งเสียแม่ไป ใครที่โพสค์คลิปนี้บอกได้เลยว่าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องมากๆ” ทางคุณพ่อก็ได้ออกมาบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่าเขาก็คือคนหนึ่งที่เป็นคนติดยา แต่ตอนนี้ได้รับการบำบัดและลาจากสิ่งเสพติดมา 3 เดือนแล้ว เขาจึงอยากให้ทุกคนช่วยแชร์คลิปนี้เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้กับใครหลายๆ คนด้วย… ที่มา distractify
-
แม่ทำเค้กขอโทษลูกสาว หลังคิดว่าเธอ ‘ติดยา’ เพราะโรงเรียนอ่านค่าผลทดสอบผิด!!
ก็เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะเนี่ย เพราะในช่วงวัยรุ่นนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต พ่อแม่ก็พยายามที่สุดที่จะประคบประหงมลูกน้อยของตัวเองให้ผ่านพ้นในวัยนี้ไปได้และด้วยความเป็นห่วงที่อาจจะมีมากเกินไป แถมมาด้วยความกังวลและคิดมาก ก็ตามมาด้วยความระแวงที่มากเกินไปนี่แหละ Rachel Gelmis หญิงสาวในวัย 20 ปี (ปัจจุบัน) ที่กำลังเรียนอยู่ที่ University of Alabama ประเทศสหรัฐอเมริกาในวัย 16 ปี เธอเคยถูกแม่ของเธอสงสัยอย่างหนักว่าเธอกำลังเล่นยาหรือสารเสพติดรึเปล่า จนเกือบถูกส่งตัวไปสถานบำบัดเลยทีเดียว!! Rachel Gelmis ในตอนนั้นโรงเรียนของเธอมีการให้นักเรียนหลายๆ คนไปทดสอบว่าใช้ยารึเปล่า!? ณ จุดๆ หนึ่ง แม่ของเธอสงสัยมากๆ ในพฤติกรรมของเธอ แต่ผลของการทดสอบยิ่งช็อคไปกว่านั้น!!? เพราะโรงเรียนแจ้งให้แม่เธอทราบว่า เธอใช้ยาเสพติดเกือบทุกประเภท ทั้งโคเคน เฮโรอีน และยาไอซ์!!!? ‘ฉันตกใจและกลัวมากๆ เลยล่ะ ฉันพยายามครุ่นคิดสุดๆ ว่าทำไมที่โรงเรียนถึงตรวจพบว่าฉันใช้ยาเกือบทุกประเภท ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น’ Rachel Gelmis กล่าว แน่นอนว่าเธอไม่ได้ใช้สารเสพติดประเภทไหนเลย แต่แม่ของเธอน่ะสิ สติแตกไปเลย หลังจากนั้นตอนที่แม่มารับกลับบ้าน เธอก็ถูกคะยั้นคะยอให้ไปสถานบำบัดทันที ทำให้มีปัญหาปากเสียงกัน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทางโรงเรียนก็รู้ตัวว่าพวกเขาอ่านค่าของการทดสอบผิด ซึ่งแท้จริงแล้วผลออกมาตรงกันข้ามทั้งหมด…
-
ชีวิตวันนี้ของไอ้หนูจากเรื่อง ‘Home Alone’ ถึงจะผ่านเรื่องราวมาเยอะ เขาก็ยังสตรอง!!
เมื่อกลับไปในช่วงยุค 90 ต้องขอบอกเลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยดูหนังเรื่อง ‘Home Alone’ อย่างแน่นอน ที่ต้องขอบอกเลยว่าช่วงนั้นนี่ฮิตแบบสุดๆ เปิดไปช่องไหนก็เอาหนังเรื่องนี้มาฉายกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นฟรีทีวี หรือช่องเคเบิลก็ตาม Home Alone คืออะไร เผื่อใครงง… หนังเรื่อง Home Alone เป็นเรื่องราวของเจ้าหนูน้อยที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวในคืนวันคริสต์มาสต์ เนื่องจากว่าพ่อแม่ของเขาต้องออกไปทำธุระ ในระหว่างนั้นก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างเช่น ขโมยเข้าบ้าน ทำให้เจ้าหนูน้อยต้องเป็นคนวางแผนจัดการกับเจ้าขโมยอย่างชาญฉลาด หนังเรื่องนี้มีอยู่ 2 ภาคด้วยกัน และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ทำรายได้รวมทั้งหมดไปกว่า 31,500 ล้านบาทเลยทีเดียว (จากทุนสร้างแค่ 1,300 ล้านเท่านั้นเอง) และนั่นก็ส่งผลให้เจ้าหนูที่แสดงเป็นตัวเอง ซึ่งก็คือ Macaulay Culkin กลายเป็นเจ้าหนูเนื้อหอมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเช่นกัน เขาติดอันดับ 2 ของท็อป 100 นักแสดงเด็กยอดนิยมที่จัดโดยช่อง VH1 และช่อง E ในช่วงนั้นเลยทีเดียว ดูเหมือนชีวิตในวงการบันเทิงของเจ้าหนูน้อย Macaulay จะรุ่งโรจน์ไม่เบาเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะ!? แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ… …
-
เจ้าหมา ‘ติดยา’ เพราะเจ้าของคนก่อน แต่คุณตำรวจคนนี้ก็ไม่ทอดทิ้ง ช่วยให้มันมีชีวิตใหม่อีกครั้ง!!
เมื่อกล่าวถึงสุนัขแล้ว เราจะรู้ว่ามันเป็นสัตว์ที่มีความจงรักภักดี และคอยเชื่อฟังเราอยู่เสมอ มันรักเจ้านายของมันโดยไม่มีข้อกังหอใดๆ ถึงแม้ว่าจะถูกทำร้ายหรือรังแกขนาดไหนก็ตาม และหลายครั้งที่มนุษย์นั้นเลี้ยงสุนัขแล้วจับมันมาเล่นพิเรนทร์จนทำให้คุณภาพชีวิตของมันตกต่ำลงและเสี่ยงอันตราย วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวของเจ้าหมายน้อยพันธุ์ชิวาว่า ที่มีเจ้าของเป็นคนติดยาเสพติด แต่สุดท้ายมันก็ถูกช่วยไว้ได้โดยคุณตำรวจนายหนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่ามีอยู่วันหนึ่งในช่วงเดือน มีนาคม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบุกเข้าจับกุมคนร้ายข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองที่โรงแรมแห่งหนึ่งในรัฐ California นอกจากจะจับคนร้ายและของกลางได้แล้วเขายังพบเรื่องราวสุดช็อค เมื่อพบว่ามีเจ้าหมาชื่อว่า Bubba ที่คาดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ต้องหา ซึ่งพอตรวจดูแล้วก็พบว่ามันมีสภาพที่เมายาหนักมากเพราะได้รับสารเสพติดเข้าไปด้วย แทนที่จะปล่อยให้เป็นหมาจรจัด หรือนำมันไปกำจัดซะ เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นดังนั้นก็เลยพามันไปบำบัดที่โรงพยาบาลสัตว์ Orange County Animal Care เพื่อทำให้มันหายกลับมาเป็นปกติ และหลังจากที่มันหายแล้วก็ได้กลับมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการช่วยเหลือมันอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะดีใจสุดๆ ไปเลยล่ะ ราวกับว่ามันรู้สึกขอบคุณที่พามันออกจากช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นมาได้ และตอนนี้มันก็กำลังรอคอยคนใจดีมารับไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ ลองไปชมคลิปความน่ารักของเจ้า Bubba ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… คนเราก็เนาะ ทำกับสัตว์ตัวเล็กๆ ได้ลงคอ โชคดีแล้วนะที่รอดมาได้น่ะเจ้า Bubba #เหมียวหง่าว ก็ขออวยพรให้เอ็งได้บ้านหลังใหม่ในเร็ววันนี้นะ และก็ขอให้เจ้านายใหม่ของเอ็งรักและดูแลเป็นอย่างดี อย่าให้เหมือนกับคนเก่าเลยนะ ^^ ที่มา : หมีแพนด้าขี้เบื่อ, OC…