Tag: ทดลอง
-
เรื่องราวของเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีที่สร้าง “เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์” ขึ้นได้ด้วยตัวคนเดียว!
เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องราวจากปี 1994 ของ David Charles Hahn ที่มีแล็บทดลองวิทยาศาสตร์ลับๆ อยู่หลังบ้านเพื่อสร้างเป็น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในโรงเก็บของเล็กๆ หลังบ้าน David เด็กหนุ่มวัย 17 ปีได้ใช้เป็นพื้นที่สร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ จากแบตเตอรี นาฬิกาเก่าๆ ตะเกียง ยูเรเนียม และเทปกาว David เริ่มการทดลองทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ซึ่งขณะนั้นเขาชื่นชอบศาสตร์เคมีอย่างมาก แถมเป็นช่วงที่พ่อแม่ของเขาแยกทางกัน ทำให้เขาได้มีเวลาทำการทดลองได้มากขึ้น David ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ The Golden Book of Chemistry Experiments ที่คุณปู่ของเขาให้มาเป็นของขวัญตอนอายุ 10 ขวบ David มักอยู่ลำพัง พอโตขึ้นเขาก็เริ่มทำงานหาเงินมาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการทดลอง หลายครั้งเขาและเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ตั้งแคมป์กันยามค่ำคืน เขาและเพื่อนมักจุดไฟเพื่อสร้างดอกไม้ไฟ แต่ไฟก็ได้ลามไปติดกองแม็กนีเซียมเข้าและเกิดการระเบิดหลายครั้งจนพ่อแม่เขาได้ยิน แต่ที่แย่ที่สุดคือ ครั้งหนึ่ง David เคยทำให้เกิดระเบิดรุนแรงชนิดที่ว่าทำลายห้องแล็บชั้นใต้ดินของบ้านเขาจนเละ ตัวเขาต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล มันเกิดจากการที่เขานำฟอสฟอรัสสีแดงบรรจุเอาไว้ในขวด…
-
พบกับ ‘ลูกสิงโตหลอดแก้ว’ สองตัวแรกของโลก ความสำเร็จที่ช่วยให้รอดจากการ ‘สูญพันธุ์’
ถึงแม้เหล่าแมวยักษ์อย่างเสือและสิงโตจะเป็นสัตว์ป่าดุร้ายและอันตรายต่อมนุษย์ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ที่ไม่มีใครอยากให้มันต้อง “สูญพันธุ์” ไป ช่วงระยะหลังสัตว์จำพวกนี้มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นเนื่องจากหลายสาเหตุ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะสามารถช่วยเหลือเหล่าเสือสิงโตจากการสูญพันธุ์ได้แล้วด้วยการ เพาะเลี้ยงทารกในหลอดแก้ว เจ้า Victor และ Isabella เป็นลูกสิงโตสองตัวแรกที่ถูกเพาะเลี้ยงจากหลอดแก้วได้สำเร็จ นอกจากทั้งคู่จะเป็นความภาคภูมิใจของแม่สิงโตแล้วยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า “สปีชีส์ของมันยังไม่สูญพันธุ์” อีกด้วย เจ้า Victor และ Isabella (น่ารักมากเลย) นักวิจัยเผยว่าความสำเร็จในการเพาะลูกสิงโตสองตัวนี้เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ หลังพยายามหาวิธีรักษาเผ่าพันธุ์ของแมวยักษ์เหล่านี้มาเนิ่นนาน ทั้งคู่กำเนิดขึ้นมาได้หลังทำการปฏิสนธิเทียมกับแม่สิงโตเป็นเวลาครึ่งเดือน โดยปัจจุบันสามแม่ลูกนั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงและปกติดีในศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าประเทศแอฟริกาใต้ เจ้าสิงห์น้อยเพิ่งคลอดอายุได้ราวหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้ สิงโตกำลังมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ แต่ปัจจุบันเริ่มมีภาวะคงตัวมากขึ้นในแอฟริกาใต้ ทำให้พวกมันกลายเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการทดลองเพาะเลี้ยงในหลอดแก้ว ซึ่งหากสำเร็จจะสามารถนำไปใช้กับสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ ได้ Dr. Isabel Callealta หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า “การวิจัยของเรา ในอนาคตตั้งใจจะใช้วิธีเดียวกันนี้กับสัตว์สายพันธุ์แมวยักษ์ชนิดอื่นๆ เช่น เสือดาวหิมะและเสือโคร่ง เป็นต้น” ปัจจุบันเป็นที่คาดว่ามีเสือโคร่งในทวีปเอเชียอยู่ไม่ถึง 4,000 ตัว และมีเสือดาวหิมะอยู่ไม่ถึง 7,000 ตัวในเอเชียกลาง ส่วนลิงซ์สเปนเองก็มีไม่ถึง 300 ตัวในประเทศสเปน ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ได้ผลิตตัวอ่อนของสิงโตแอฟริกันจากรังไข่แช่แข็งเป็นที่สำเร็จแล้ว…
-
มันต้องอย่างงี้… ครีมกันแดดตัวไหนเลิศเลอที่สุด ทาบนแผ่นหลัง นอนอาบแดดไปโลด!!
เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่า ครีมกันกันแดดที่เราใช้ๆ กันอยู่นั้นจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนกัน อาจจะเคยเห็นผ่านโฆษณามาบ้างว่าดีอย่างนู้นอย่างนี้ หรือไม่ก็ฟังมาจากเสียงของคนรอบข้างที่ว่า ‘ดีจริงๆ นะแกร’ แต่วิธีที่ชัวร์ที่สุดก็ต้องมาใช้งานเองอยู่ดี แต่ถ้าจะลองทีละตัวก็กลัวจะเสียเวลามากเกินไป เพราะกว่าจะเห็นผลชัดๆ ต้องไปนั่งตากแดดรอให้ผิวแห้ง ผิวแตก ฮร่าาา แต่ไม่ต้องห่วงอีกต่อไป เพราะทางเลือกในการตัดสินใจใช้ครีมกันแดดจากโลกโซเชียลจีน ทำการทดสอบมาแล้วผ่านแผ่นหลังของฝรั่งตาน้ำข้าว ด้วยการทาครีมกันแดดทีเดียวบนแผ่นหลัง 20 ยี่ห้อ!! ด้วยวิธีสุดแสนจะคิดได้ของบิวตี้บล็อกเกอร์สาว J公子 แต่ทว่าผลลัพธ์ที่กลับมาก็ทำให้เห็นได้ชัดเป็นแผ่นตารางกันเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่สีผิวไหม้แดดยันสีผิวขาวจั๊วะเหมือนไม่ได้ออกจากบ้าน ลอกเทปออกมาเป็นลายตารางเลย ฮร่าาา และแล้วผู้ชนะของเราก็ได้เลขตำแหน่งประจำตารางไปเรียบร้อย อันดับที่ 1 คือ Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense SPF 50 อันดับที่ 2 LA MER Broad Spectrum SPF 50 อันดับที่ 3…
-
มาดูการปฏิกิริยาของสาวๆ เมื่อ “หนุ่มรูปงาม” ชวนไป “ซั่ม” ด้วยวาจาน่าเกลียด
ไม่ว่าใครก็ต้องชอบคนที่ดูดี จริงไหม? จากคำถามนี้ ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่เรียกตนเองว่า Germanlifter จึงได้ทำการทดลองที่น่าสนใจขึ้นมาชิ้นหนึ่ง นั่นคือการ สมัครบัญชีปลอมของแอป Tinder (แอปหาคู่เดต) เพื่อไปดูปฏิกิริยาของสาวๆ ที่มีต่อชายหนุ่มรูปงามแบบเขา เขาเขียนเล่าว่า “มันน่าทึ่งมากที่ เมื่อผม ปัดขวา กับสาวคนไหนก็ตาม ผมจะได้รับการจับคู่ทันที โดยที่ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ผมปัดขวาแล้วจะไม่มีการจับคู่” (สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจ ปัดขวา = ชอบ สมมติว่าคุณปัดขวาที่สาวคนหนึ่งที่เธอเองก็ปัดขวาคุณเอาไว้เหมือนกัน แอปก็จะจับคู่คุณและสาวคนนั้นให้ได้มาคุยกันนั่นเอง) Germanlifter แต่สังคมของแอปหาคู่แบบ Tinder แน่นอนว่าผู้คนก็ต้องมองหาคู่จากรูปลักษณ์ภายนอกอยู่แล้ว จึงไม่อาจเหมารวมได้ว่าเมื่อคนเราเจอกันจริงๆ จะเป็นเหมือนกับที่เจอในแอป แต่ผลลัพธ์ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากที่ Germanlifter ได้แชตกับสาวๆ เขาทำการทดลองอีกครั้ง โดยการพิมพ์อะไรไปก็ได้ จะลามก หยาบช้า หรือว่ามั่วซั่วขนาดไหนก็ยังคงขอเบอร์สาวๆ เหล่านั้นได้อยู่ดี เขาบอกว่า “ไม่ว่าผมจะพิมพ์อะไรออกไป ผมก็ยังได้เบอร์สาวพวกนั้นอยู่ดี สาวๆ ที่ผมคุยส่วนมากเธอจะเริ่มเข้ามาคุยก่อน และมักจะตอบอย่างรวดเร็วเมื่อผมส่งข้อความไป แต่เอาจริงๆ ผมก็ถูกปฏิเสธอยู่ 2-3 ครั้งนะ นั่นเป็นเพราะว่า ผมเริ่มการสนทนาด้วยคำว่า ‘มาเย**กันเถอะ’” เขาใช้รูปพวกนี้เป็นภาพโปรไฟล์บน…
-
รู้หรือไม่ว่า การอาบน้ำพร้อมๆ กับจิบเบียร์ไปด้วย อาจช่วยให้คุณฉลาดขึ้น!?
หลังจากเครียดและเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวัน แน่นอนว่าคนเราย่อมต้องการการพักผ่อนที่ดี เช่น การอาบน้ำให้สบายตัว หรือการหาเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งดื่มให้สบายใจ แหม่ พูดแล้วก็อยากจะไปอาบน้ำพร้อมกับหาเบียร์เย็นๆ มาจิบเสียหน่อย งงล่ะสิว่าทำไมไม่อาบน้ำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาจิบเบียร์ แสดงว่ายังไม่รู้สินะ ว่าปัจจุบันได้มีผลการทดลองออกมาแล้วว่า การดื่มเบียร์ขณะที่อาบน้ำนั้นนอกจากจะเป็นการผ่อนคลายแล้ว มันยังทำให้คนเรา “ฉลาด” มากขึ้นด้วย!! อ่านไม่ผิดหรอกครับ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ การทดลองจาก มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ที่นำชาย 40 คน มาเข้าร่วมทดลองโดยการ ให้พวกเขาแก้ปัญหาลับสมองหลายๆ ข้อ ผลปรากฏออกมาว่ากลุ่มชายที่ดื่มเบียร์ 1-2 แก้วก่อนทำ จะสามารถแก้ปัญหาได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มถึง 40 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยา Jennifer Wiley ได้ออกมาชี้แจงว่าการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่ได้ทำให้มีความฉลาดมากขึ้นโดยตรง เธอกล่าวว่า “ผู้คนที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ 0.07 จะมีความจำที่แย่ลง แต่จะมีความคิดการแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์ขึ้น” แต่เธอก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี เธอบอกว่า “สรุปก็คือ การตั้งใจและจดจ่ออยู่กับปัญหา หรือการมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ จะทำให้มีการแก้ไขปัญหาที่ดี แต่มันก็ไม่เสมอไปหรอก ความคิดใหม่ๆ บางที่ก็มาจากการที่ไม่ได้ตั้งใจหรือจดจ่อ การสูญเสียสมาธิบางทีมันก็ดีนะ” …
-
นักวิทย์ฯ เผยเราสามารถช่วยให้คนตาย “ฟื้น” ขึ้นมาได้ หากทำในช่วงเวลาที่ถูกต้อง…
ความตาย เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครๆ ก็ไม่อยากจะต้องพบเจอทั้งนั้น เพราะเมื่อใดที่คนเราพบเจอกับ “ความตาย” นั่นหมายถึงว่า เราต้องสิ้นสุดการใช้ชีวิตบนโลกนี้ แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่กลัวความตายมากๆ เรามีข่าวดีมาฝาก นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาทดลองแล้วพบว่า หลังจากที่มนุษย์สิ้นสุดลมหายใจไปแล้วนั้น ระบบสมองของมนุษย์ยังทำงานต่อได้อีกราว “ห้านาที” ฉะนั้น มันจึงหมายถึงว่า คนตาย มีโอกาสถูกช่วยให้ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ กลุ่มนักประสาทวิทยาได้เฝ้าสังเกตสัญญาณไฟฟ้าในสมองของคน 9 คน ในช่วงเวลาที่เขาตายลง พบว่าเซลล์ต่างๆ เองก็เริ่มตายลง เมื่อไม่มีการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยง เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว พวกเขาจึงใช้พลังงานทดแทนเลือดเติมเข้าไป ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เซลล์และระบบต่างๆ ของร่างกายนั้นยังคงทำงานต่อได้ในระยะเวลาหนึ่งหลังหัวใจหยุดเต้น ผลคือมันทำให้เซลล์ประสาทมีพลังงานหล่อเลี้ยงอย่าเหลือล้น แต่หลังจากนั้นมันก็จะนิ่งเงียบและไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อย่างถาวร ซึ่งอาการนิ่งเงียบนี้ ถือเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต และทางกลุ่มผู้ทดลองเองก็พบว่ามันเป็นช่วงเดียวที่สามารถช่วยให้ผู้ตายฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งได้ หัวหน้าผู้วิจัย Dr. Jens Dreier จาก วิทยาลัยการแพทย์ชาริเต้ กล่าวว่า “หลังจากที่ไม่มีเลือดหมุนเวียน มันจะเกิดการกลับขั้ว ซึ่งทำให้สูญเสียพลังงานเคมีไฟฟ้าในเซลสมองไป ทำให้เกิดภาวะเป็นพิษในร่างกาย จนกระทั่งตายในที่สุด แต่ที่สำคัญก็คือ มันสามารถย้อนกลับได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราให้พลังงานคืนแก่ร่างกายผู้ตายตอนไหน” สรุปก็คือ ขณะที่คนเราสิ้นชีวิตลง…
-
การส่งเด็กวัย 13 ไปทดลองซื้อปืนในอเมริกา เผยให้เห็นว่าปืนนั้นซื้อง่ายกว่าเหล้าและบุหรี่เสียอีก!?
เชื่อหรือไม่ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นอาวุธปืนกลายเป็นของที่หาซื้อได้ง่ายแสนง่าย ยิ่งกว่าเหล้า บุหรี่ หรือหวยขูดเสียอีก หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่จริง หรือเป็นไปไม่ได้ แต่คำตอบคือมันคือเรื่องจริง ดูได้จากการทดลองเชิงสังคมที่เรานำมาให้ชมในวันนี้ การทดลองดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงบนเฟซบุ๊กของ Jason Simpson วัย 13 ปี ในคลิปวิดีโอจะเป็นการทดลองให้นักแสดงหนุ่มน้อยอายุ 13 ปีชื่อว่า Jack จากเวอร์จิเนีย เข้าไปขอซื้อสิ่งของต่างๆ เช่น เบียร์ บุหรี่ นิตยสารโป๊ หวยขูด และสุดท้ายก็คือปืนนั่นเอง Jack จะถูกบอกให้เดินทางไปยังร้านขายของต่างๆ รอบเมือง ซึ่งแม่ของเขาต้องมาเป็นคนขับรถพาไปส่ง เนื่องจากเขายังไม่ถึงวัยที่ได้รับอนุญาตให้ขับรถได้ สถานที่แรกที่เขาต้องแวะเข้าไปก็คือร้านสะดวกซื้อ Jack ต้องเข้าไปขอซื้อ “เบียร์” กับพนักงาน แน่นอนว่าพนักงานปฏิเสธที่จะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์อย่างแน่นอน “ไม่ ขายให้ไม่ได้แน่นอน เขาดูเหมือนเด็กอายุ 12 ปีด้วยซ้ำ” พนักงานคิดเงินกล่าว . ร้านขายของถัดไป Jack จะต้องเข้าไปขอซื้อ “บุหรี่” และผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเคย พนักงานขายบอกว่าไม่สามารถขายบุหรี่ให้…
-
ทำความรู้จักกับ “นินจา” พวกเขาเป็นใคร? มีคาถาจริงหรือไม่? เชิญชมการทดลองและคำอธิบายเชิงจิตวิทยา
นักลอบสังหารแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ผู้ที่มีความว่องไวและเชี่ยวชาญการต่อสู้หลายรูปแบบ คือคำนิยามที่ผู้เขียนให้กับ “นินจา” นอกจากนินจาจะมีความสามารถด้านการต่อสู้แล้ว ว่ากันว่าพวกเขายังมีคาถาอาคมอีกด้วย แต่ว่าอย่าเพิ่งตื่นเต้นไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “นินจา” ให้มากขึ้น ด้วยประวัติของพวกเขา และคำอธิบายเชิงจิตวิทยา ว่าที่จริงแล้วนินจาคืออะไรและมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง ต้นกำเนิดของนินจา นินจา (Ninja) หรือ ชิโนะบิ (Shinobi) แปลว่า “ทำอย่างลับๆ” เป็นคำที่สามารถบ่งบอกคุณลักษณะของพวกเขาได้อย่างดี เนื่องจากนินจาเป็นกองกำลังสายลับในสมัยเซ็งโงะคุช่วงศตวรรษที่ 15 พวกเขามีทักษะขั้นสูงในด้านการจารกรรม วินาศกรรม การแฝงตัว การลอบสังหาร และการสู้เป็นกลุ่ม อาวุธที่เหล่านินจาใช้ก็จะเป็นอาวุธที่พกพาง่าย ใช้สะดวก น้ำหนักเบา และสามารถใช้ได้ในระยะไกล เช่น มีดสั้น และดาวกระจาย ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า ก็คือ “การทำสัญลักษณ์มือโบราณเก้ารูปแบบ” ที่เชื่อว่าเป็นคาถาอาคมของเหล่านักฆ่ากลุ่มนี้ ในช่วงความไม่สงบทางสังคมช่วงศตวรรษที่ 15-17 เหล่านินจานั้นมีบทบาทมากในจังหวัดอิกะ โดยเฉพาะรอบหมู่บ้านโคะกะซึ่งเป็นหมู่บ้านฝึกฝนนินจาด้วยตำราชิโนะบิที่มาจากปรัชญาสงครามของจีน โดยในช่วงปี 1868 สมัยฟื้นฟูเมจิ คำว่า “นินจา” ก็ได้กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานและตำนานตั้งแต่นั้นมา และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่เรื่องราวของเหล่านินจาถูกนำมาแต่งเติม เช่นที่ว่า…
-
หนุ่มทดลองหลับวันละประมาณ 4 ชั่วโมง ตามเหล่าอัจฉริยะ ด้วยการนอนแบบ Polyphasic!!
พวกเราส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เราควรจะต้องนอนหลับให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมงเพื่อการพักผ่อนที่เพียงพอ แต่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าอัจฉริยะหลายๆ คนที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็น Leonardo Da Vinci หรือ Nikola Tesla นั้นใช้เวลาในการนอนต่อวันแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้น นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้หนุ่มนักเขียนในเว็บไซต์ Bright Side ตัดสินใจลองนอนหลับเหมือนอย่างอัจฉริยะเหล่านั้นดูบ้าง เพื่อต้องการทราบว่าสุดท้ายแล้วมันจะส่งผลต่อการทำงานของร่างกายและสมองมากขนาดไหน Da Vinci หนึ่งในอัจฉริยะที่บอกว่าตนเองนอนแค่ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน การนอนหลับของเหล่าอัจฉริยะนั้นถูกเรียกว่าการนอนหลับแบบ Polyphasic หรือการแบ่งให้ตัวเองนอนหลายๆ ครั้งต่อวัน ชายหนุ่มจึงแบ่งเวลาการนอนของตัวเองเป็น 3 ครั้ง นั่นคือการนอนตอนกลางคืนเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ตี 1 ครึ่ง ถึงตี 5 ครึ่ง จากนั้นก็จะนอนพัก 25 นาทีตอนช่วงหลังอาหารกลางวัน และหลังจากการทำงานกลับมาบ้าน ชายหนุ่มเริ่มต้นแผนการนอนหลับของตัวเอง โดยเขาจำเป็นต้องพกที่อุดหูและผ้าปิดตาไปทำงานด้วย เพื่อใช้ในการบังคับให้ตัวเองนอนหลับตอนหลังกินข้าวกลางวันไป ซึ่งเขาก็เคยถูกเตือนมาแล้วว่าการวางแผนในครั้งนี้จะทำให้เขาต้องตกอยู่ใน “ภาวะซอมบี้” ซัก 2…
-
13 การทดลองแสนสนุกทางวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวกับอาหาร แถมมันก็กินได้ล่วยยยย!!!
การทำการทดลองนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนุกและน่าตื่นเต้นสุดๆ เมื่อเราได้ลองสร้างผลงานการทดลองด้วยตัวเอง แต่จะดีแค่ไหนถ้าผลงานเหล่านั้นไม่ใช่แค่สิ่งประดิษฐ์ธรรมดา แต่มันสามารถกินได้!! ไม่แน่ว่าคุณอาจจะได้เมนูใหม่จากการทดลองวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ก็ได้นะ 1. ราเมนสีรุ้ง เบื่อแล้วใช่ไหมกันการทานบะหมี่สีเดิมๆ เปลี่ยนความน่าเบื่อเป็นความสนุกด้วยการทดลองเปลี่ยนสีเส้นบะหมี่ ที่จะเปลี่ยนชามราเมงของคุณให้มีสีสันมากขึ้นกับการทดลองนี้ 2. ไข่รูปแบบแท่ง พวกเรานั้นมีความคุ้นชินกับไข่ที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ดังนั้นการทดลองทำไข่ให้เป็นแท่ง ก็คงจะเป็นอะไรที่แปลกดีไม่น้อย ทั้งสามารถหั่นทานได้อย่างง่ายๆ และยังสามารถเก็บไว้ทานได้หลายๆ ครั้งอีกต่างหาก 3. ลูกเกดเต้นระบำ วิธีการทำให้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์นี้ เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยน้ำโซดาและลูกเกด โซดาซ่าๆ จะช่วยผลักให้ลูกเกดนั้นเต้นระบำไปมาอย่างน่าแปลกใจ แต่เชื่อเถอะว่าน้ำโซดาลูกเกดนี้ยังมีรสชาติที่ดีและสดชื่น ลองดื่มดูสิ 4. ยูนิคอร์น เฟรปปูชิโน่ สีสันของยูนิคอร์นคงเป็นอะไรที่ดึงดูดสาวๆ ให้มาลิ้มลอง เช่นเดียวกับเฟรปปูชิโน่แก้วนี้ ที่ใส่ส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์เข้าไปจนเกิดเป็นเครื่องดื่มสีสันสวยงามแก้วนี้ ถ้าอยากรู้ว่าทำอย่างไรก็ต้องลองเข้าไปชมคลิปกันดูนะ 5. มหัศจรรย์ลิ้นเปลี่ยนรส การทดลองทางวิทยาศาสตร์นี้เกิดขึ้นในปากของคุณ โดยสิ่งที่มีชื่อว่า Synsepalum dulcificum มันคือโปรตีนพิเศษที่พบในผลเบอร์รี่ที่จะทำให้รสชาติเปรี้ยวนั้นกลายเป็นหวานได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ ผลการทดลองจะเป็นอย่างไรต้องไปพิสูจน์กัน!! 6. กลูเตนบอลลูน กลูเตนเป็นชื่อของโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นเสมือน ‘กาว’ ในการเชื่อมส่วนของอาหารไว้ด้วยกัน การทดลองคลิปนี้จึงทำการแยกกลูเตนออกมา และแน่นอนว่าความเหนียวของมันสามารถที่จะสร้างบอลลูนลูกใหญ่ได้เลยทีเดียว …
-
โหดฝัดรัสเซีย!! หญิงชาวรัสเซียใจกล้า เดินผ่านดงระเบิดแบบชิวๆ เพื่อทดสอบชุดเกราะรุ่นใหม่
ประเทศรัสเซียเป็นประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดมาตั้งแต่สมัยอดีตอยู่แล้ว ยิ่งในเรื่องยุทโธปกรณ์แล้วนับได้ว่าเป็นแนวหน้าในเรื่องนี้เลยทีเดียว และล่าสุดก็ได้มีการทดสอบชุดเกราะด้วยการนำผู้หญิงมาใส่ชุดเกราะแล้วให้เดินผ่านระเบิดซะอย่างงั้น!!! เหตุการณ์นี้ได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ Youtube เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาโดยภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า Viktoria Kolesnikova ได้สวมชุดเกราะตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเดินผ่านระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้ดิน และดูเหมือนว่าเธอจะเดินแบบหน้าตาเฉยและไม่มีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับระเบิดเลย อย่างโหด ซึ่งปรากฏว่าขณะที่เธอเดินผ่านระเบิดชุดเกราะอันนี้ได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบและระเบิดไม่สามารถทำอันตรายอะไรให้แก่เธอได้เลย โดยสิ่งที่ระเบิดทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือฝากรอยเขม่าสีดำๆ ไว้บนหน้าเธอเพียงเท่านั้น ถอดหน้ากากออกมายังกับนางฟ้า หลังจากเธอแสดงความโลดโผน เธอก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าชุดเกราะที่เธอสวมได้ให้ความรู้สึกเธออธิบายไม่ได้เลยทีเดียว “การเดินอยู่ในระยะระเบิดเป็นอะไรที่แสนวิเศษไปเลย มันสวยงามมากและฉันอธิบายได้เพียงแค่ว่า ว้าว” Kolesnikova กล่าว เหมือนในหนังใช่ปะล่ะ สำหรับ Kolesnikova นั้นเธอมีอาชีพเป็นสตั๊นท์แมนหรือนักแสดงแทนหญิงในฉากเสี่ยงอันตราย แม้เธอจะเคยเล่นฉากอันตรายมาก็มา แต่การเดินลุยดงระเบิดนี่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว Sergey Kitov หัวหน้าทีมพัฒนาพัฒนาชุดเกราะนี้ได้ออกมาบอกว่าชุดที่เธอใส่เดินผ่านระเบิดนั้นเป็นชุดพิเศษที่ผลิตขึ้นมาจาก Aramid Fiber ซึ่งเป็นไฟเบอร์สังเคราะห์แบบพิเศษที่สามารถทนต่อความร้อนและการฉีกขาดได้ดี เขายังบอกอีกว่าชุดนี้ดีพอที่จะสามารถป้องกันกระสุนและระเบิดได้ แต่ว่าชุดที่ว่านี้สามารถทนต่อไฟได้เพียง 30 วินาทีเท่านั้น ซึ่งพวกเขาตั้งใจจะพัฒนาให้ดีขึ้นกว่านี้ ทางผู้พัฒนาก็หวังไว้ว่าการสาธิตให้เห็นนี้จะทำให้มีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับกองทัพนั่นเอง ลองมาดูวีดีโอความใจกล้าของสาวคนนี้กัน ที่มา: rt
-
สาวท้าเพื่อนให้จูบกับพ่อเลี้ยง ใครจะไปคิดละว่าจะจูบจริง แถมนัดเจอนอกรอบด้วย..!!
เป็นคลิปวิดีโอที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้กับชาวเน็ตได้เป็นอย่างดี จากแชนแนล To Catch a Cheater บนเว็บไซต์ยูทูป เมื่อ Christina สาวลูกบุญธรรมของคุณพ่อ Peters วัย 48 ปี อยากทดสอบใจพ่อเลี้ยงด้วยการวางแผนให้เพื่อนสาวของเธอ Tara ไปอ่อยคุณพ่อ ซึ่งเธอและทีมงานได้แอบซ่อนกล้องบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ คลิปจากรายการตัวเต็ม 6.15 นาที ในคลิปวิดีโอเป็นเหตุการณ์ปกติตอนเลิกเรียนที่คุณพ่อจะมารับ Christina แต่คราวนี้ Tara มาบอกว่าเธอไม่อยู่ และใกล้จะถึงวันเกิดครบ 18 ปีของเธอ ฝ่าย Tara ก็ทำทีเป็นให้ท่าคุณพ่อ แถมยังชวนให้มางานวันเกิดครบรอบ 18 ปี และบอกอีกด้วยว่าสิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดคือ… คุณนั่นแหละพ่อขาา ตอนแรกคุณพ่อก็มีท่าทีเหมือนจะปฏิเสธ และรู้สึกว่ามันไม่สมควร แต่เอาไปเอามาฝ่าย Tara ก็สารภาพว่าแอบชอบมานานแล้ว… ทั้งคู่มีการนัดแนะไปเที่ยวหากันที่บ้าน พอเอาเข้าจริงๆ ฝ่ายพ่อเลี้ยงก็บอก Tara ว่าลูกสาวและภรรยาจะไม่อยู่บ้านวันไหนด้วย (แหม่..ร้ายจริงๆ) “มันก็เป็นเรื่องสำหรับคนวัยผมอ่ะนะ…
-
ก้าวไปอีกขั้น.. นักวิจัยทดลองเลี้ยงตัวอ่อนแกะในถุงครรภ์เทียม และประสบความสำเร็จ!!
นับว่าเป็นอีกข่าวดีจากวงการวิทยาศาสตร์ในรอบปี ที่ในอนาคตเราสามารถนำความสำเร็จนี้ ไปต่อยอดช่วยชีวิตเด็กทารกที่ต้องคลอดก่อนกำหนดได้ และความสำเร็จของทีมวิจัยจากโรงพยาบาลเด็กประจำเมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Communications โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้… นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองสร้างถุงครรภ์เทียมขึ้นมา โดยใช้ถุงพลาสติกที่ภายในประกอบด้วยน้ำ ออกซิเจน และสารอาหารต่างๆ เพื่อจำลองให้เหมือนกับถุงครรภ์ของแม่แกะจริงๆ ทีมวิจัยได้ทำการทดลองกับลูกแกะ 8 ตัว ที่มีอายุระหว่าง 105 – 120 วัน (เท่ากับเด็กทารกอายุ 23 – 24 สัปดาห์) พบว่าลูกแกะมีพัฒนาการทางสมองและปอดได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ถุงครรภ์จำลองเหล่านี้ มีการเชื่อมต่อระหว่างสายสะดือ และเครื่องปั๊มอากาศจากภายนอก เพื่อออกซิเจนที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต Colin Duncan ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘นับว่านี่เป็นการทดลองที่ประสบความสำเร็จ และส่งผลเป็นวงกว้างต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากความสำเร็จในครั้งนี้ จะสามารถนำไปต่อยอดช่วยชีวิตเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดได้ในอนาคต’ แต่ก็ใช่ว่าเราจะสามารถนำวิทยาการนี้ไปใช้กับมนุษย์ได้ในทันที เพราะยังมีอีกหลายกลไกในการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันอยู่มากระหว่างเด็กทารกและลูกแกะ โดยปกติแล้วเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด (ประมาณ 25 สัปดาห์ก่อนกำหนด) มักจะเกิดมาพร้อมกับสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ทำให้มีโอกาสรอดชีวิตที่น้อยมากๆ ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีวิทยาการแพทย์ขั้นสูงอยู่ แต่ปัญหาดังกล่าวก็ยังเป็นเรื่องที่แก้กันไม่ตก ซึ่งทีมวิจัยก็จะนำความสำเร็จนี้ไปศึกษาต่อยอด…
-
หนุ่มไทยเผยประสบการณ์สยิว ไปดูหนังโป๊ VR แบบเอ็กคลูซีฟ ที่ประเทศญี่ปุ่น!!
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เราสามารถพบเห็นร้านขายของเล่นผู้ใหญ่ได้ทั่วไปในเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ แถมในปัจจุบันยังมีการพัฒนาจากแผ่น DVD ธรรมดาๆ ไปสู่การรับชมแบบใหม่ๆ อย่างเครื่อง VR ด้วยนะ อย่างล่าสุดมีหนุ่มไทยที่ได้มาแชร์ประสบการณ์สยิวดูหนังโป๊ VR แบบเอ็กคลูซีฟที่ประเทศญี่ปุ่นให้เราอ่านกัน เขาคนนั้นก็คือคุณ Top คนนี้นี่เอง และถือว่าเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลกเลย จะเป็นยังไงเราไปชมกันเลยดีกว่า… คุณ Top เล่าว่าเขาได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและได้ทดลองใช้บริการร้านหนังโป๊ VR ของค่าย SOD ในย่านอากิฮาบาระ แพคเกจการใช้บริการจะมีอยู่สองแบบคือ 60 นาทีราคา 1,500 เยน และ 90 นาที 2,000 เยนซึ่งเจ้าของกระทู้ได้เลือกแบบแรก โดยอุปกรณ์ที่เขาได้รับมาก็จะมีทิชชู่เปียก (สำหรับใช้ตอนใส่เครื่องวีอาร์) และกระป๋องช่วยตนเองหนึ่งอัน ทางร้านจะมีห้องส่วนตัวขนาดเล็กให้ ภายในมีคอมพิวเตอร์สเปคแรงและหน้าจอ วิธีการใช้งานแค่นำแฟลชไดรฟ์เสียบที่คอมพิวเตอร์ จากนั้นทุกอย่างจะรันด้วยตนเอง แว่น VR ที่มีความคมชัดระดับ 4K ดูกันให้ชัดทะลุจอไปเลย หลังจากใช้งานเสร็จเจ้าของกระทู้ก็สรุปข้อดีไว้ดังนี้ 1. ตัวหนังที่นำมาฉายทั้งหมดเป็นหนังใหม่หมดไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนและการถ่ายทำก็ทำมาเพื่อเครื่อง VR จริงๆ…
-
เจ้าหมีถูกบังคับให้ดื่มเบียร์ เพื่อเอนเตอร์เทนลูกค้า หลุดพ้นจากวงจร… สู่อิสระที่ควรได้รับ
Pashuk เป็นชื่อของเจ้าหมีตัวหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในกรงที่แสนสกปรก มันเป็นหมีที่ค่อนข้างโชคร้าย หลังถูกจับไปอาศัยอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในแอลเบเนีย และเป็นที่รู้จักในชื่อ “หมีเบียร์” สำหรับเจ้า Pashuk มันได้รับความสนใจจากผู้คนที่มาเยือนยังร้านอาหารแห่งนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขาจะพากันมาถ่ายรูปกับมัน และในบางครั้งยังให้มันดื่มเบียร์อีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Thedodo ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวของเจ้าหมีที่น่าสงสาร โดยระบุว่า Pashuk ไม่ใช่หมีตัวเดียวที่อาศัยอยู่ในสถานที่ที่แสนสกปรกเช่นนี้ เพราะในความจริงแล้วยังมีหมีอีกสองตัวที่ชื่อว่าเจ้า Tomi และ Gjina ก็ถูกจับไปที่ร้านอาหารแห่งนี้เช่นกัน แต่อย่างน้อยชีวิตของพวกมันก็ไม่ได้เจอกับเรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะเมื่อปีที่แล้วเจ้า Pashuk, Tomi และ Gjina ได้รับความช่วยเหลือจากองค์กร Four Paws โดยพวกเขาได้ส่งตัวของมันไปยังศูนย์ Prishtina Bear Sanctuary สาธารณรัฐคอซอวอ สถานที่ที่จะทำให้มันได้พบกับความสุข โดยที่ไม่ต้องถูกล่ามในกรง และกินเบียร์ที่มนุษย์ยัดเยียดให้อีกต่อไป ในตอนที่เจ้า Pashuk ได้เดินทางเข้ามาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้เป็นครั้งแรก มันมักจะชอบอยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง แต่ในตอนนี้เจ้าหมีกลับสดใสขึ้น…
-
คลิปจำลองภาพที่ผู้ใช้สารเสพติด LSD สัมผัสได้ มาดูว่าพวกเขาจะมองเห็นอะไรบ้าง!?
LSD เป็นสารเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงที่มีฤทธิ์หลอนประสาท ส่งผลทำให้ผู้เสพมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งผู้ที่ได้ทดลองการเสพยาชนิดนี้ จะเห็นภาพหลอนในอดีต รวมถึงทำให้หัวใจเต้นแรงอีกด้วย โดยก่อนหน้านี้เราจะเห็นได้ว่ามีศิลปินหลายคนที่ได้ออกมาทดลองเสพยาชนิดนี้ หนึ่งในนั้นคือศิลปินสาวรายหนึ่ง ที่ได้ทำการทดลองเสพยาเสพติดชนิดดังกล่าว พร้อมทั้งวาดภาพของตัวเองขึ้นมา และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นว่า เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น ภาพวาดก็เริ่มเปลี่ยนจากภาพปกติเป็นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และในครั้งนี้ เราจะขอพาทุกคนมารับชมคลิปวีดีโอจากผู้ใช้ยูทูปที่ชื่อ AVI LSD ที่ได้ทำการจำลองภาพของผู้ที่เสพสาร LSD เข้าสู่ร่างกาย และนั่นจะสามารถทำให้เราได้เห็นว่า เมื่อได้เสพสารชนิดนี้เข้าไป ภาพที่ออกมาจะเป็นอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย จากคลิปวีดีโอดังกล่าวได้แสดงให้เราได้เห็นว่า เมื่อได้เสพสาร LSD เข้าไปในร่างกาย มันก็จะทำให้เราได้เห็นภาพสุดหลอน แถมยังเกิดอาการประสาทหลอนตามมาอีกด้วย ทีนี้เพื่อนๆ ก็คงจะหายสงสัยแล้วใช่ไหมละว่าอาการหลอนของเจ้าสารเสพติดชนิดนี้มันจะออกมาประมาณไหน ซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะทำให้เรารู้สึกหลอนแล้ว มันยังมีโทษทางกฎหมายที่รุนแรงอีกด้วย ในขณะเดียวกัน คนดังระดับโลกที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น Bill Gates และ Steve Jobs ที่เคยใช้สารเสพติดชนิดนี้กลับมองว่า LSD มีอิทธิพลต่อพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถยืนยันได้หรอกว่า สารเสพติดชนิดร้ายแรงนี้จะดีต่อสุขภาพของเรา ดังนั้น ไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับมันจะดีที่สุดนะ!! ที่มา : theladbible
-
เว็บต่างประเทศทดลองเอา ‘หมาปลอม’ ใส่ในถุงดำแล้วทำร้าย เพื่อดูว่าจะมีคนยื่นมือมาช่วยไหม
ในทุกๆ ปีประเทศอังกฤษจะมีคำร้องเรียนเรื่องการกระทำความรุนแรงกับสัตว์เลี้ยงมากกว่า 140,000 ครั้ง และมีสัตว์เลี้ยงที่ถูกช่วยเหลือมากกว่า 120,000 ตัว และเจ้าหมาเองก็เป็นสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมมากที่สุดในประเทศอังกฤษ มีสถิติที่น่าตกใจเมื่อปี 2015 องค์กรช่วยเหลือต่างๆ ได้รับโทรศัพท์รายงานว่ามีการทำร้ายเหล่ามะหมามากกว่า 81,146 ครั้ง คิดเป็น 72% เลยทีเดียว ทางสำนักข่าว DailyMail ของอังกฤษได้ทำการทดลองอะไรบางอย่าง โดยให้พนักงานชายคนหนึ่งแกล้งถือถุงดำที่บรรจุตุ๊กตาสัตว์พร้อมกับเครื่องเล่นเสียงร้องครวญครางของหมาน้อยเอาไว้ในนั้น เขาลงมือกระทืบถุงนั้นอย่างรุนแรง ท่ามกลางสถานที่ที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาพลุกพล่าน เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง เพื่อดูว่ามีใครสนใจ และมีท่าทีอย่างไรกับการกระทำของเขาบ้าง? ผลปรากฏว่ามีหลายคนหยุดและมองดู จากนั้นก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเขา บางคนถึงกับพูดกับเขาว่า “มีหมาอยู่ในถุงนั่นนะ!!” แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเดินจากไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย ในที่สุดก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขอถุงนั้นจากพนักงานของพวกเขา และเธอเป็นเพียงคนเดียวที่ทำแบบนั้น หลังจากที่เธอทราบแล้วว่านี่เป็นการทดลอง เธอก็เล่าให้ฟังว่า “จริงๆ ฉันอยากจะทำมากกว่านี้นะ แต่ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ดูท่าทางรุนแรง ก็เลยเลือกที่จะเดินหนีไปและแจ้งตำรวจ” นั่นแสดงให้เห็นว่าบางครั้งการที่เหล่าน้องหมาถูกทำร้าย แต่หลายๆ คนไม่อยากเข้าไปยุ่ง ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่อาจก่อความรุนแรง และอันตรายกับชีวิตของพวกเขา คลิปวิดีโอการทดลองแบบเต็มๆ ที่พวกเขาบันทึกเอาไว้…
-
ทดลองพาคนสูบบุหรี่มาแต่งหน้า เพื่อตระหนักถึงสุขภาพและริ้วรอย ที่จะทำให้แก่เกินวัย!!
เรามักจะได้ยินผู้ใหญ่พูดอยู่เสมอ ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กว่า “เหล้า บุหรี่ มันเป็นของไม่ดี โตมาอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับมันเลยนะลูก” ซึ่งมันก็ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่รู้ทำไมเราก็ยังเห็นผู้ใหญ่เค้าสูบบุหรี่กันเป็นประจำ? และถึงแม้ว่าจะมีโครงการรณรงค์งดสูบบุหรี่ หรือแม้แต่ติดรูปโรคร้ายที่จะเกิดขึ้นบนซองบุหรี่ ก็ไม่ได้ช่วยให้อัตราการสูบบุหรี่ลดน้อยลงเลย น่าแปลกที่มนุษย์เรามักจะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่คล้ายๆ กันนั่นก็คือ ‘ถ้าไม่เห็นโลงศพ ก็คงไม่หลั่งน้ำตา’ ถ้าบอกว่าบุหรี่มันส่งผลให้เกิดโรคมากมาย ก็คงไม่มีใครเชื่อจนกว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ และนี่คือรายการๆทดลองจาก BuzzFeed เมื่อพวกเขานำผู้ที่สูบบุหรี่อยู่เป็นประจำมาสัมภาษณ์ พร้อมกับตกแต่งหน้าของพวกเขา เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าถ้าหากยังคงสูบต่อ สภาพหน้าตาจะดูแก่ก่อนวัยอันควรมากขนาดไหน Meredith หนึ่งในสามอาสาสมัครครั้งนี้ เธอคือสาววัย 28 ที่เพิ่งเริ่มต้นสูบบุหรี่ในช่วงที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย และทุกๆวันนี้เธอยังคงสูบอยู่ประมาณ 3-4 มวนต่อวัน โดยเธอหวังว่าการได้เห็นสภาพของตัวเองที่ดูแก่ลงอย่างรวดเร็ว จะช่วยเป็นกำลังใจให้เธอเลิกบุหรี่ได้ ถึงแม้หลายๆ คนอาจจะบอกว่า แค่ 3-4 มวนเองไม่อันตรายเท่าไหร่หรอก ซึ่งอันที่จริงน่ะผิด!!! เพราะผลการวิจัยเมื่อปี 2010 เกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าวว่า ไม่ว่าคุณจะสูบบุหรี่มากหรือน้อยขนาดไหนต่อวัน โอกาสต่อการเกิดมะเร็ง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด นั้นมีอัตราเท่ากัน ซึ่งการทดลองโครงการนี้ ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ช่างแต่งหน้าที่จะมานั่งเทียน จินตนาการ แต่งหน้าให้ดูแก่อย่างมั่วๆ เท่านั้น เพราะยังได้ Dr.Taylor…
-
จะเป็นอย่างไร!? ทดลองแต่งหน้าให้นางแบบ 365 ชั้น ภายในวันเดียวเท่ากับวันละ 1 ชั้นภายใน 1 ปี
ผู้หญิงทุกคนที่แต่งหน้า คงจะมีจุดประสงค์เดียวกันคือ “เพื่อความสวย” แต่บางคนต้องแต่งหน้าทุกวันอาจจะเป็นเพราะด้วยหน้าที่การงานที่ต้องพบปะผู้คน หรืออาจมีความจำเป็นอื่นๆ ขณะเดียวกัน คงไม่มีใครสงสัยหรอกใช่ไหมว่า ใน 1 ปี คุณผู้หญิงทั้งหลายใช้เครื่องสำอางไปในปริมาณเท่าไหร่กันบ้าง และถ้าหากทดลองแต่งหน้าแบบ 365 ชั้นภายในวันเดียว โดยไม่ล้างออก ลองคิดสิว่ามันจะเป็นอย่างไร และครั้งนี้เราได้นำคลิปวีดีโอจาก Lernert Engelberts และ Sander Plug 2 เมคอัพอาร์ทติสชาวเยอรมัน ผู้ที่ได้ทดลองแต่งหน้าบนใบหน้าของนางแบบ ด้วยวิธีการเดิมๆ ทั้งหมดกว่า 365 ชั้นในวันเดียว มาให้ได้ชมกัน ก่อนอื่นก็มารับชมคลิปวีดีโอกันเลย และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้… สำหรับการทดลองในครั้งนี้ พวกเขาได้ใช้เวลาในการแต่งหน้าทั้งหมดถึง 9 ชั่วโมง โดยได้นางแบบสาวชาวเบลเยี่ยมมาเป็นแบบการทดลองในครั้งนี้ เราจะเห็นได้ว่าใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยรองพื้นที่หนามาก ภาพเปรียบเทียบก่อน และหลังแต่ง ช่างดูแตกต่างกันซะเหลือเกิน และนี่คือภาพเบื้องหลังของการถ่ายทำ . . . .…
-
ทำไปได้!! เมื่อหนุ่มนักทดลอง กระโดดลงไปในสระที่เต็มไปด้วยน้ำโคล่า ผสมลูกอมเมนทอส
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ Taras Maksimuk ชายหนุ่มจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่โด่งดังมาจากการถ่ายคลิปวีดีโอทดลองอะไรแผลงๆ แล้วนำลงไปโพสต์บนยูทูปชาแนล TechRax ของตัวเอง… ไม่ว่าจะเป็นการนำ iPhone ไปทำลายด้วยวิธีต่างๆ เช่น นำไปห่อเบคอนแล้วจุดไฟเผา จากนั้นก็โยนลงตึก ซึ่งคลิปวีดีโอแต่ละคลิปที่เขาได้ทำขึ้นมานั้น มักจะมีคนเข้าไปรับชมมากกว่า 1 ล้านวิว แทบทุกคลิปเลยก็ว่าได้ และเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา เขาก็ได้โพสต์คลิปวีดีโอการทดลองรูปแบบใหม่ โดยการนำน้ำโคล่าพันกว่าขวดลงไปเทลงในสระว่ายน้ำพลาสติก แล้วเทลูกอมเมนทอสจำนวน 1 ถังตามลงไป แล้วงานนี้จะเกิดอะไรขึ้นละเนี่ย หลังจากที่ได้เทเมนทอสลงไป ก็ทำให้เกิดเป็นฟองซู่ๆๆๆ อยู่ในสระ เนื่องจากในน้ำอัดลมมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ ดังนั้นเมื่อทำปฏิกิริยากับพื้นผิวของน้ำตาลในลูกอม จึงเกิดการปะทะอย่างที่เห็น เท่านั้นยังไม่พอ เขายังนำน้ำแข็งกว่า 90 กิโลกรัมเทใส่ลงไป พร้อมรีบวิ่งกระโดดลงสระทันที ซึ่งหลังจากที่ลงไปในสระสักพักเขาก็ได้บอกความรู้สึกออกมาว่า “เหมือนว่ายอยู่ในสระที่เต็มไปด้วยน้ำโคล่าเลย” นอกจากจะเอาตัวเข้าไปแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำโคล่าแล้ว พ่อหนุ่มคนนี้ยังเอาโดรนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง DJI Phantom มาทดลองบินเล่นในสระอีกด้วย…
-
นี่คือหมู่เกาะ Marshall ที่ถูกทดลองบอมบ์นิวเคลียร์ 67 ครั้ง จนกลายเป็นเขตอันตราย..!!
ถึงจะผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว หลังจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา ประชากรของประเทศแห่งนี้ก็ยังไม่สามารถกลับไปยังประเทศของตัวเองได้… เพราะค่ากัมมันตรังสียังถือว่าสูงอยู่มาก จากการเก็บข้อมูลและสำรวจของ Columbia University พบว่าค่าที่พบยังสูงอยู่เกือบสองเท่าจากระดับที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้แบบปลอดภัย วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับหมู่เกาะ Marshall สถานที่ๆ สหรัฐอเมริกาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์กว่า 67 ครั้ง จนกลายเป็นเกาะร้างไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปอยู่ได้… หมู่เกาะ Marshall แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้มีประชากรราวๆ 52,000 คนด้วยกัน แน่นอนว่าทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเกาะสถานที่ทดสอบนั้น ถูกย้ายออกก่อนที่เกาะจะกลายเป็นสถานที่ทดสอบอาวุธในช่วงปี 1946-1958 ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างช่วงปีนั้นระเบิดปรมาณูกว่า 67 ลูกได้ถูกนำมาทดสอบกันที่นี่ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ‘Bravo Shot’ ระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าลูกที่อเมริกาทิ้งใส่ฮิโรชิม่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 กว่า 1,000 เท่า!!! ตอนนี้เกาะแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเพราะมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เพราะความเข้มของกัมมันตรังสีที่อาจเรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่หลายเท่าตัว แถมการลดลงของมันก็ยังช้ากว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้อย่างมาก Bikini หนึ่งในเกาะของหมู่เกาะ Marshall สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์กว่า 67 ครั้ง จากการคาดการณ์โดยเหล่านักวิทยาศาสตร์ (Science News) คิดว่าตอนนี้ค่ากัมมันตรังสีจะอยู่ที่ 16 millirems ต่อปี…
-
โอมจงมึน… มาเล่นเกม ดูภาพหมุนชวนมึน แล้วไปชมภาพอื่น ให้ความรู้สึกมีพลังขึ้นมาเลย!!!
วันนี้เพื่อนๆ อาจได้อ่านข่าวที่มีสาระกันมามากแล้ว #เหมียวอ๊อดโด้ ขออาสาพาเพื่อนๆ มาเล่นอะไรสนุกๆ กันบ้าง กับภาพลวงตาที่จะมาทำให้ทุกท่าน งงงวย งงงวย แล้วก็งงงวย วิธีการเล่นก็ไม่ยาก ขอแค่เพื่อนๆ ลองจ้องภาพเคลื่อนไหวด้านล่างซัก 15-20 วินาที จากนั้นก็เลื่อนลงไปดูภาพต่อมา เท่านั้นความสนุกก็จะบังเกิดขึ้นแล้ว อ๊ะ ว่าแล้วก็ลองไปเล่นกันดีกว่า ภาพถ่ายโลกจากยานอพอลโล่ 17 ระยะประมาณ 50,000 กิโลเมตรจากโลก . ภาพ “View from the Window at Le Gras” ของ Nicéphore Niépce . ภาพอุทยานแห่งชาติ Grand Teton ในสหรัฐอเมริกา . ภาพ “Bliss” โดย Charles O’Rear ซึ่งเป็นภาพพื้นหลังของ Window XP . …
-
ทดลองความแตกต่าง “นมเปรี้ยวดัชมิลล์” แบบ “ขวด” กับแบบ “กล่อง” อันไหนอร่อยกว่านะ?!
สวัสดีครับเพื่อนๆ แฟนเพจเหมียวทุกท่าน วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอมาแปลก จะพาเพื่อนๆ ไปดูรีวิวความแตกต่างของ “นมเปรี้ยวดัชมิลล์” แบบ “ขวด” กับแบบ “กล่อง” อันไหนจะรสชาติดีกว่ากัน ต้องท้าวความก่อนเลยว่า #เหมียวอ๊อดโด้ เป็นคนที่ชอบดื่มนมเปรี้ยวมาก คือขอให้เป็นนมเปรี้ยวดื่มได้หมดไม่ว่าจะยี่ห้อไหน ซึ่งเอาจริงๆ ยี่ห้อที่หาได้ง่ายที่สุด ก็คงจะเป็น “นมเปรี้ยวดัชมิลล์” วันหนึ่งขณะ #เหมียวอ๊อดโด้ กำลังเดินเลือกซื้อนมเปรี้ยวดัชมิลล์ในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ก็รู้สึกเอะใจว่า ทำไมพวกเขาต้องขายนมเปรี้ยวทั้งแบบขวดและแบบกล่องด้วย โดยทั้งสองแบบนั้นมีราคาเท่ากัน นั่นก็คือ 10 บาท (ขวดเล็ก) แล้วเราควรจะเลือกซื้อแบบไหน และอันใดอร่อยกว่ากัน และในรีวิวนี้ เราจะได้ #เหมียวหง่าว #เหมียวสามสี และ #เหมียวฟิ้น มาร่วมรีวิวด้วย จะเป็นยังไง ไปชมกันเลยดีกว่า เรามาพูดถึงความแตกต่างทางเทคนิคของนมเปรี้ยวของสองแบบกันก่อนดีกว่า อย่างแรกเลยแบบขวดระบุบนฉลากว่า เป็นนมเปรี้ยวพาสเจอร์ไรส์ ส่วนแบบกล่องเป็นนมเปรี้ยวแบบยูเอชที ถ้าใครสงสัยว่าสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร ลองไปอ่านบทความที่ #เหมียวฟิ้น เคยเขียนไว้ดู (กดเลย) …
-
นางเอกหนังโป๊ แกล้งขับรถสั่งไดรฟ์ทรู “เปลือยอก” เพื่อทดลองว่าพนักงานจะเป็นยังไง…
ฝรั่งนี่มักจะสรรหาอะไรแปลกๆ มาแกล้งคนอื่นเสมอจริงๆ และวันนี้อีกครั้งกับการแกล้งพนักงานของร้านอาหารฟาสฟู๊ด พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หากลูกค้าที่ขับรถเข้ามา อยู่ในสภาพ “เปลือยอก” การแกล้งครั้งนี้เป็นผลงานของเว็บไซต์ Wood Rocket และผู้ที่จะมารับบทเป็นลูกค้าคนนั้น คือนักแสดงหนังผู้ใหญ่สาว Veruca James ในซีรี่ย์การแกล้งคนที่ชื่อว่า “Naked in Public” สิ่งที่เราจะได้ชมก็คือ Veruca จะขับรถในภาพเปลือยอกเข้าไปในร้านอาหารฟาสฟู๊ดแบบ Drive Thru แล้วปฏิกิริยาของพนักงานเหล่านั้น จะเป็นย่างไร ว่าแล้วก็ไปชมกันเลยดีกว่า ฮ่าๆ หลายๆ คนถึงกับพูดไม่เป็นภาษาเลยทีเดียว ก็อย่างว่า เห็นคนมาเปลือยอยู่ข้างหน้า ใครละจะไม่สติหลุด ฮาาาาาา ที่มา Wood Rocket
-
คลิปลิงชิมแปนซีไม่อยากจากเพื่อนไปไหน หลังอยู่คนเดียวมานานถึง 18 ปี!!
ลิงชิมแปนซีนั้นถูกใช้ในการทดลองมานานนับศัตวรรษแล้ว หลายครั้งที่มันต้องเจ็บปวด ต้องอยู่คนเดียวมานาน ไม่ได้พบปะกับเพื่อนๆ นอกจากจะเจอแต่นักวิทยาศาสตร์ แถมยังไม่รู้ว่าโลกข้างนอกนั้นเป็นยังไง อย่างเช่นเจ้าลิงตัวนี้ที่ชื่อว่า Jeannie ใช้เวลากว่า 40 ปี ในการอยู่ในห้องทดลอง จนอ้วนและขี้หงุดหงิด แต่หลังจากมันได้ถูกช่วยชีวิตออกมาโดยองค์กรที่ชื่อว่า Save the Chimps ในปี 2002 ชีวิตมันก็เปลี่ยนไป มันได้มีครอบครัวและมีลูก กลายเป็นลิงที่กลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง แต่แล้วก็ได้มีลิงชิมแปนซีอีกตัวหนึ่งเข้ามาในสถานรับเลี้ยงแห่งนี้ มันชื่อว่า Terry มันอยู่คนเดียวมานานกว่า 18 ปี เมื่อมันได้พบกับ Jeannie เธอก็ได้เข้าไปจับมือ Terry ไว้ให้มันรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้พบกับเพื่อนใหม่ แล้วทั้งคู่ก็จับมือกันไม่ยอมปล่อย เนื่องจาก Terry ไม่เคยเห็นลิงตัวอื่นหรือได้สัมผัสลิงตัวอื่นมาเกือบ 20 ปี เราไปชมคลิปความประทับใจนี้กันเลย Mondays are better with a friend.Terry recently met Jeannie and they didn’t want to let go of each other’s hand.…
-
หญิงอ้วนออกไปยืนกลางที่สาธารณะ ค้นพบท่าทีและความรู้สึกตลกขบขันของผู้คนที่มีต่อคนอ้วน!!
ในเรื่องของรูปร่างส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตัวบุคคลได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ความนิยมชมชอบของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น แต่ถ้าจะให้พูดถึงความนิยมรูปร่างในแบบสากลแล้วมักจะเป็นในส่วนของร่างกายที่มีความผอมแบบพอดี ไม่ปล่อยอ้วนท้วมจ้ำม่ำจนเกินไป แต่ก็ยังมีผู้คนที่ประสบกับความอ้วนอยู่มากมายเช่นกัน ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ใครจะรู้ล่ะว่าผู้คนจะมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรต่อคนอ้วน Haley Morris-Cafiero วัย 40 ปี จึงอยากจะเห็นภาพเหล่านี้ ด้วยการพาตัวเองออกไปยืนกลางที่สาธารณะ โดยความคิดนี้ย้อนกลับเมื่อ 4 ปีก่อน หลังจากที่เธอได้ถ่ายรูปตัวเองกลางย่านไทมส์สแควร์ สังเกตพบว่ามีผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง จ้องมองมาด้วยสายตาเยาะเย้ยเธอ จากนั้นด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าเนื้อแท้ของคนเราจะมีความรู้สึกต่อคนอ้วนอย่างไรบ้าง เธอก็เลยอยากจะลองเก็บภาพการแสดงออกของผู้คนในที่สาธารณะที่มีต่อคนอ้วนมาเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ จะเห็นได้ว่าการแสดงออกทั้งท่าทางและสีหน้าของแต่ละคน จะออกไปแนวเยาะเย้ยและตลกขบขัน สะท้อนให้เห็นว่าสังคมในปัจจุบันมีกระแสความคิดต่อความอ้วนเป็นอย่างไร หากจะมองแบบไม่คิดอะไร ทุกคนก็ว่าเธออาจจะดูตลกขบขันไปเสียหน่อย เพราะด้วยหุ่นอ้วนท้วมสมบูรณ์ แต่ท่าจะมองในแง่ซีเรียสก็คือ ผู้คนไม่ค่อยจะให้คุณค่ากับคนอ้วนซักเท่าไหร่ ที่มา : haleymorriscafiero, designyoutrust
-
ชาวเน็ตทดลอง หากนำชายวัย 65 มาแต่งงานกับเด็กหญิงวัย 12 ผู้คนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
การทำการทดลองทางสังคมหรือ Social Experiment ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้เราได้เห็นถึงแนวคิดและปฏิกิริยาของคนในสังคมต่อเหตุการณ์ต่างๆ และวันนี้อีกครั้งกับการทดสอบปฏิกิริยาของผู้คน ต่อการแต่งงานของ “เด็ก” โดยการทดลองครั้งนี้เป็นผลงานของ Coby Persin วัย 21 ปี เขาต้องการเพิ่มความตื่นตัวให้กับสังคม เกี่ยวกับปัญหาการแต่งงานอย่างไม่ยินยอมของเด็ก ซึ่งในหลายๆประเทศ กฎหมายอนุญาตให้หญิงสาวสามารถแต่งงานได้ตั้งแต่อายุ 12 ปี ซึ่งถือว่าเป็นวัยที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเธอยังถือว่าเป็น “เด็ก” อยู่เลย และหลายๆ ครั้งการแต่งงานเช่นนี้ เกิดจากความไม่ยินยอมซะเป็นส่วนมาก เขาจึงจัดฉากให้มีการถ่ายรูปแต่งงานระหว่างชายชราวัย 65 ปี กับเด็กหญิงวัยเพียง 12 ปีกลางเมืองนิวยอร์ค รัฐนิวยอร์ค ซึ่งเป็นอีกรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐฯ ที่อนุญาติให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 12 ปีเป็นต้นไป สามารถจดทะเบียนสมรสได้ ไปชมกันเลยดีกว่า ว่าปฏิกิริยาของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จะเป็นอย่างไรบ้าง ฉันว่าเธอยังเด็กไปนะ เธอเต็มใจกับการแต่งงานครั้งนี้หรือเปล่า?? แกมันตาแก่ตัณหากลับ ปล่อยเธอไปซะ!!! เธอยังเด็กอยู่เลยนะ คุณจะแต่งงานกับเธอจริงๆ เหรอ?! ไปชมคลิปกันเลย …
-
สภาพฐานลับของ NASA ถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นทศวรรษ น้อยคนที่จะเห็นและไม่มีใครกลับไปอีก!!
NASA หนึ่งในองค์กรที่มีความก้าวหน้าในด้านของเทคโนโลยีอวกาศ ที่มักจะแสดงให้ชาวโลกได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลก และสำรวจดาวดวงอื่นๆ รวมไปถึงการส่งนักบินอวกาศไปสำรวจดาวเคราะห์อันห่างไกล ภาพที่เราได้เห็น ได้รับรู้ และได้สัมผัสนั้นคือความสำเร็จขององค์กร NASA ที่มีเยอะแยะมากมายหลายโครงการ แต่ก็ใช่ว่าทุกโครงการที่เกิดขึ้นจะสำเร็จเสมอไป ถ้าหากเกิดความล้มเหลว ทางองค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องละทิ้งโครงการเหล่านั้นที่เคยคาดหวังว่ามันจะลุล่วงไป ซึ่งแต่ละอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย อย่างเช่น Santa Susana Field Laboratory โครงการขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 7,208 ไร่ ห่างจากย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง Los Angeles ไป 48 กิโลเมตร เป็นฐานลับที่เคยยิ่งใหญ่ที่ช่วงค.ศ. 1948 ภายหลังในปีค.ศ. 1959 มันได้กลายมาเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งแรกและครั้งที่ร้ายแรงที่สุดของอเมริกา ความล้มเหลวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ประสบกับปัญหาไฟกระชากอย่างรุนแรงในชั่วข้ามคืนละปล่อยก๊าซกัมมันตรังสีออกสู่ชั้นบรรยากาศ เจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถตลอดสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ไขก็ยิ่งทำให้มันแย่ลง เพราะเป็นการเพิ่มปริมาณสารกัมมันตรังสีให้มากขึ้นไปอีก . . ทางด้านเจ้าหน้าที่ Atomic Energy Commission เผยว่าองค์ประกอบของพลังงานล้มเหลวใน…
-
ชมคลิปการทดสอบการ “ดื่มฉี่” ของตัวเอง พร้อมปฏิกิริยาสุดฮาของแต่ละคน!!
ฉี่คือของเสียที่ร่างกายเราขับออกมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครคงคิดจะดื่มของเสียกันหรอก เพราะมันไม่น่าจะเป็นอะไรที่กินได้ ทางเว็บไซต์ BuzzFeed จึงได้ทำการทดสอบด้วยการให้อาสาสมัครมาดื่มฉี่ของตัวเองโชว์ทุกคน และบอกเล่าความรู้สึกว่ามันมีรสชาติยังไง และรู้สึกอะไรบ้างหลังดื่มมันเข้าไป แค่คิด เหมียวก็จะอ้วกแล้วเนี่ย หลายคนก็คงเคยอ่านบทความต่างๆ ว่าฉี่สามารถรักษานู่นรักษานี่ได้ บ้างก็บอกว่ามันเป็นข่าวลวงบ้าง ทั้งนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่าถ้าเราดื่มฉี่เข้าไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราบ้าง ดังนั้นใครคิดจะลอง ก็ลองไปเลยถ้ากล้านะ อิอิ และนี่ก็คือผู้ที่จะมาทดสอบการดื่มฉี่ของเรา ดูหน้าตาแต่ละคนแล้ว รู้เลยว่าเต็มใจมาก(เหรอ) การทำใจเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว แต่สุดท้ายทุกคนก็ทำได้ เราไปชมคลิปปฏิกิริยาของแต่ละคนกันเลยดีกว่า แน่นอนว่าทุกคนรับไม่ได้กับฉี่ของตัวเอง บางคนถึงกับน้ำตาไหล ส่วนรสชาตินั้นบางคนก็บอกว่ามันเค็มๆ บางคนก็บอกว่ากลิ่นเป็นไง รสชาติก็เป็นงั้น เหมียวนี่นึกตามไม่ถูกเลย ใครอยากรู้ว่าเป็นไงก็อย่าลืมไปลองชิมกันเองละกันนะ ที่มา distractify
-
Facebook แอบทำให้แอปเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ล่ม เพื่อลองใจผู้ใช้งาน!?!?
ในปัจจุบันเชื่อว่าคงจะมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักโซเชียลเน็ตเวิร์คสุดฮิตอย่าง Facebook รู้หรือไม่ เพิ่งจะมีการแฉออกมาว่า Facebook ได้ทำการทดลองบางอย่างกับผู้ใช้งาน โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว โดยทาง The Verge ได้รายงานว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา Facebook ได้ทำการทดลอง ด้วยการให้แอปเฟสบุ๊คเวอร์ชั้นแอนดรอยด์ล่มอย่างไม่มีสาเหตุ แล้วคอยดูว่าผู้คนจะทำอย่างไร ผลปรากฏว่าถึงแม้แอป Facebook จะล่ม แต่ผู้ใช้งานยังคงพยายามหาทางเข้าใช้ Facebook เหมือนเดิม เช่นไปใช้เฟสบุ๊คผ่านแอปเบราเซอร์แทน นั่นแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีในเฟสบุ๊คของผู้ใช้งาน ไม่มีรายงานที่แน่ชัดว่า เฟสบุ๊คได้ทำการทดลองนี้ที่ไหนบ้าง แล้วกลุ่มที่พวกเขาต้องการทดสอบนั้นคือใคร แต่เชื่อว่านี่เป็นการเตรียมพร้อมของ Facebook หากวันหนึ่งพวกเขาเกิดความขัดแย้งกับ Google จนต้องถอดแอปออกจาก Play Store สมาชิกยังคงจะหาทางเล่น Facebook อยู่หรือไม่ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่จากการที่สื่อใหญ่ๆ อย่าง The Verge นำมาเล่น นั่นยืนได้อย่างหนึ่งว่า ข่าวนี้มีเค้ามูลพอสมควร แต่ต่อให้ขัดแย้งขนาดไหน ก็เชื่อว่า Google ไม่กล้าถอดแอป Facebook ออกจาก Play Store…
-
อยากให้เธอลอง!! พาเลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ พาเกย์มาพบกับหญิงแท้ ลงเอยด้วย ‘จูบ’
ในยุคสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงมากจนถึงมากที่สุด ซึ่งในเรื่องของเพศทางเลือกในอดีตนั้นถูกปกปิดมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าทั้งฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงที่มีความรู้สึกในด้านความรู้สึกชื่นชอบเพศเดียวกัน ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการเปิดกว้างและยอมรับมากขึ้นแล้ว แต่จะว่าไปในเรื่องของความรู้สึกที่ชื่นชอบในเพศเดียวกัน หากให้พวกเขาเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยนหรือเกย์มาพบกับผู้ที่มีเพศเป็นปกติบ้างล่ะ พวกเขาจะรู้สึกแบบไหน!? ก็คงไม่ต่างจากคนทั่วไปนั่นแหละ ก็คือผู้คนธรรมดาเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือความรู้สึกในเรื่องแรงกระตุ้นในเรื่องเพศ ซึ่งหากให้พวกเขามาพบกับเพศที่ตรงกันข้ามแบบนี้ ปฏิกิริยาของพวกเขาก็มีความรู้สึกเขินอายเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งในงานนี้ก็ได้เชิญเลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ และเกย์มาพบกับหญิงแท้ เพื่อพิสูจน์ในเรื่องของการจูบ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ลองมาพิสูจน์กันได้ในคลิปทั้งสองด้านล่างเลยจ๊ะ เลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ เกย์มาพบกับหญิงแท้ (บางคนไม่เคยจูบผู้หญิงมาก่อนเลย) ทั้งนี้ จากการที่ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว พวกเขาก็ยังเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ว่าการจูบกับเพศปกตินั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ทางด้านเพศหรือมีแรงกระตุ้นเท่าที่ควร แต่ก็ยังมีความรู้สึกดีที่ได้มอบให้กับฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง ที่มา : The Human Experiment
-
ชายหนุ่มแกล้งเป็นลมในเสื้อผ้าลุค “ดูรวย” กับ “ดูจน” ปฏิกิริยาของผู้คนจะแตกต่างกันหรือไม่?
หลายคนอาจบอกว่า ในทุกวันนี้ ทุกๆคนมีความเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะจนหรือรวย แต่ในความเป็นจริง มันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ? หรือว่าคนจนอาจได้รับการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมจากผู้อื่นกันแน่ ผู้ใช้งานเว็ปไซต์ Youtube ชื่อว่า NorniTUBE จึงได้ทำการทดลองถึงความมีน้ำใจของผู้คน ด้วยการแต่งกายด้วยลุคแบบนักธุรกิจและแบบคนธรรมดา แล้วแกล้งเป็นลมในที่สาธารณะ ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา จะมีปฏิกิริยาอย่างไร ไปชมกันเลย เริ่มจากแต่งแบบคนธรรมดาๆก่อน ไม่ไหวแล้ว เป็นลมดีกว่า มองแล้วก็ผ่านไป ทุกคนผ่านไปโดยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก สรุปคือนอนไปเกือบ 10 นาที ไม่มีคนสนใจเลย งั้นลองเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ คราวนี้มาในมาดของนักธุรกิจ พอล้มปุ๊บ มีคนสามสี่คน เข้ามาถามไถ่อาการในทันที เขายังไม่เชื่อเท่าไหร่ จึงทดลองเป็นลมอีกอีกครั้ง สุดท้ายก็มีคนเข้ามาช่วยในทันทีเหมือนเดิม ลองไปชมคลิปกันดู ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ เหมียวว่าถ้าเราเห็นคนกำลังอยู่ในความเดือดร้อน ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็ควรเข้าไปช่วยนะ อย่าเลือกปฏิบัติกันเลย เพราะพวกเขายังไงพวกเราก็คือมนุษย์เหมือนกันหมดนะครับ ^^ ที่มา NorniTUBE
-
นักวิจัยเผยวิธีเอาชนะโรคกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาที ‘ถ้ากลัวมัน ก็เข้าไปอยู่กับมันซะเลยสิ’
สัตว์โลกที่ทำให้หลายๆ คนถึงกับขนลุกขนพองผยองเดชมานักต่อนัก มันก็คือ ‘แมงมุม’ นั่นเอง ด้วยจำนวนขาที่มีมากว่าสี่ บางตัวก็ขายาวเป็นก้าง มีหนวด บางตัวก็อ้วนตุ๊บขาเป็นปล้อง แถมยังมีขนตามตัวอีก อี๋!! แค่นึกภาพก็สยองจะแย่แล้วววววว แล้วความกลัวแมวมุมเหล่านี้ คุณเคยคิดที่จะเอาชนะมันบ้างรึเปล่า? ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะเหลือเกิน ทั้งนี้นักวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ได้เสนอทางเลือกอันสุดแสนจะวิเศษที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะความกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาทีเท่านั้น แต่การที่จะเอาชนะมันในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ กลับกลายเป็นวิธีการที่ดูเหมือนจะทรมานเสียมากกว่า ดั่งสุภาษิต ‘หนามยอกเอาหนามบ่ง’ กลัวแมงมุม ก็ต้องไปอยู่กับแมงมุมภายในห้องเดียวกัน ซึ่งนักวิจัยก็เชื่อว่าการกระทำแบบนี้ภายในเวลาสองนาที กับการนำตัวกระตุ้นความกลัวเข้าไปด้วย จะช่วยทำให้เกิดการต่อสู้กับความกลัว โดยที่สองนักวิจัย Marieke Soeter และ Merel Kindt ได้ทำการทดลองกับผู้ที่มีอาการกลัวแมงมุม 45 ราย ไปขังเดี่ยวพร้อมกับแมงมุมทารันทูล่า พร้อมกับให้ยา Propranolol หรือ Placebo เพื่อลดความเครียดและกดดันของผู้ทดสอบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือบางคนอาการกลัวแมงมุมหายไปในทันที ในขณะบางส่วนก็ยังคงมีอาการกลัวแมงมุมอยู่ โดยอาศัยระยะเวลาผ่านไปประมาณปีกว่าๆ ความกลัวแมงมุมก็เริ่มหายไป …
-
นักวิทย์ฯ วิเคราะห์ภาพวาด ‘โมนาลิซ่า’ มานานกว่า 10 ปี พบว่ามีภาพผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่!!
กลายเป็นเรื่องที่จุดประเด็นให้อึ้งกันอีกครั้ง หลังจากที่นักวทิยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ปัสกาล โกตต์ ได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ให้สามารถเข้าไปวิเคราะห์ผลงานศิลปะชิ้นเอกของโลกตั้งแต่ปีค.ศ. 2004 นั่นก็คือภาพวาด ‘โมนาลิซ่า’ ของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เขาได้ทำการวิเคราะห์ภาพดังกล่าวด้วยเทคโนโลยี Layer Amplification Method ที่คิดค้นขึ้นมาเอง เป็นเทคนิคการฉายแสงความเข้มข้นสูงเข้าไปในภาพหลายๆ เพื่อวัดค่าสะท้อนแสง โดยจะนำข้อมูลที่มาสร้างภาพที่อยู่ระหว่างชั้นต่างๆ ของภาพวาด แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีภาพวาดทับซ้อนอยู่ใต้ภาพโมนาลิซ่ามากถึง 3 ภาพเลยล่ะ โดยภาพแรกเป็นภาพของผู้หญิงมีลักษณะมองออกไปด้านข้างไม่ได้มองตรงมาอย่างที่เห็น และมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอีกด้วย ส่วนภาพที่สองคือ ภาพร่างของบุคคลที่มีลักษณะศีรษะ จมูก และมือที่ใหญ่กว่าโมนาลิซ่า แต่มีริมฝีปากเล็กกว่า ส่วนภาพที่สามนั้นเป็นลักษณะคล้ายกับพระแม่มารีสวมเครื่องประดับศีรษะที่ประดับด้วยไข่มุก ทางด้าน ปัสกาล โกตต์ ก็เชื่อว่าภาพที่ปรากฏนั้นคาดว่าจะเป็น ‘ลิซ่า เกอราร์ดินี’ ภรรยาของพ่อค้าผ้าไหมชาวเมืองฟลอเรนซ์ในอดีต ส่วน ‘โมนาลิซ่า’ นั้นเป็นเพียงแค่ผู้หญิงอีกคน แต่อย่างไรก็ตาม…
-
เชฟชาวออสซี่ทดลองย่างเนื้อซี่โครงแกะในรถ แสดงอันตรายของการปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถ!!
หากใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำก็คงจะทราบกันดีว่าการจอดรถในที่โล่งแจ้งกลางแดดร้อนจัดๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเกิดเพราะว่าไม่สามารถหาที่จอดรถใต้ร่มได้ ปัญหาที่ตามมาก็คือความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวรถ ร้อนจะชนิดที่ว่ามันก็คือเตาอบดีๆ นี่เอง และหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษก็คือการลืมหรือปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถยนต์ที่จอดไว้ในบริเวณที่โล่งแจ้ง ทางด้าน Kidsafe Australia ก็ได้เชิญให้เชฟชาวออสเตรเลีย Matt Moran มาพิสูจน์ถึงความร้อนระอุภายในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้กลางแดด ว่ามันร้อนมากมายแค่ไหน ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ทำการจอดรถยนต์ไว้ใกล้ๆ กับบริเวณชายหาด โดยมีอุณหภูมิเริ่มต้นที่ 27.1 องศาเซลเซียส จากนั้นก็นำเนื้อซี่โครงแกะวางไว้บนถาดและนำมาวางทิ้งไว้ในรถยนต์คันดังกล่าว แล้วก็ปล่อยให้กระบวนการทำความร้อนย่างเนื้อให้สุก ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนภายในรถยนต์นั้นร้อนระอุถึง 72.5 องศาเซลเซียส เนื้อซี่โครงแกะชิ้นนี้ก็กลายมาเป็นเนื้อย่างที่พร้อมรับประทานแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่เขากำลังจะบอกก็คือ ในทุกๆ ปีมีเด็กกว่า 5,000 รายถูกทิ้งไว้ในรถยนต์แบบนี้ ความร้อนสามารถคร่าชีวิตคนได้ เพราะหากรถยนต์มีอุณหภูมิที่สูงมากๆ มันก็ไม่ต่างไปจากเตาอบเลย แม้จะเปิดหน้าต่างระบายความร้อนแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากที่ที่อันตรายแบบนี้ เพราะฉะนั้นจงใส่ใจกับเด็กๆ ด้วย ที่มา : theage
-
ทดสอบความซื่อสัตย์ ชายแกล้งตาบอดขอแลกเงิน โดยให้แบงก์ที่เกินจำนวน จะมีคนบอกหรือไม่!?!
วันนี้เรามาดูการทดลองทางสังคมอีกอันหนึ่งที่เจ๋งมากๆ เพราะมันสามารถวัดความซื่อสัตว์ของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี โดยผู้ทำคลิปนี้ Adrian Gee ได้แกล้งทำเป็นคนตาบอด พร้อมกับออกเดินหาคนแปลกหน้าเพื่อทำการแลกเงิน เขาต้องการแลกแบงค์ 5 ดอลล่าร์ เป็นเหรียญทั้งหมด ซึ่งในกระเป๋าของเขาตอนนั้นมีแบงค์ 50 ดอลล่าร์และ 5 ดอลล่าร์ อยู่ด้วยกัน แต่เขาจะยื่นแบงค์ 50 ดอลล่าร์ให้กับคนแปลกหน้า แล้วแกล้งทำเป็นหยิบผิด เพื่อที่จะวัดใจว่าเขาจะเตือนว่านี่ไม่ใช่แบงค์ 5 ดอลล่าร์ หรือว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เอา 50 ดอลล่าร์ไป แล้วก็ให้เหรียญ 5 ดอลล่าร์ มาแทน อย่างคนแรกที่เขาไปเจอนั้นเป็นผู้หญิง และเธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมกับบอกว่าสิ่งที่ยื่นให้ไม่ใช่แบงค์ 5 ดอลล่าร์ แต่บางคน ก็ไม่ได้บอกว่าแบงค์ที่ยื่นให้คืออะไร แต่ก็หยิบเหรียญเพียง 5 ดอลล่าร์ยื่นให้ พร้อมกับเดินหนีไปเลย สามีภรรยาคู่นี้ก็เช่นกัน เขาหยิบ 50 ดอลล่าร์ไป แต่ให้เขาเพียงแค่ 5 ดอลล่าร์ พร้อมกับเดินหนี และเหมือนจะคุยอะไรบางอย่างที่ไม่ดีด้วย แต่บางคนที่ไม่มีเงินให้แลก เขากลับบอกกับชายตาบอดว่าเงินที่เขาอยู่นั้นมันเป็นแบงค์ 50 ดอลล่าร์ ส่วนแบงค์…
-
ชายหนุ่มทำคลิปทำลองเปรียบเทียบขออาหารจาก “คนธรรมดา” กับ “คนไร้บ้าน”
การให้ ถือเป็นสิ่งที่เราควรทำ เพราะเหมือนเป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การให้เพียครั้งเดียวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย เหมือนอย่างที่ชายคนนี้ได้ทำการทดลองอะไรบางอย่าง เขาได้ทดลองเดินไปขออาหารจากคนธรรมดาที่กำลังกินอาหารอยู่ในร้าน กับกลุ่มคนไร้บ้างที่กำลังนอนอยู่ ซึ่งก็ได้เสียงตอนรับที่แตกต่างกันออกไป จากในคลิปเราจะเห็นได้เลยว่าคนธรรมดาที่นั่งกินอยู่ในร้าน จะไม่ให้อาหารกับคนแปลกหน้า เขาก็เลยลองให้เพื่อนไปมอบอาหารให้กับคนไร้บ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปขออาหาร ซึ่งเขาก็ลองไปขออาหารดู ผลปรากฏว่าคนไร้บ้านได้แบ่งปันอาหารให้กับเขาด้วย ไม่ใช่แค่เพียงอาหารเท่านั้น ยังมีเงินอีกด้วย เราไปดูในคลิปได้เลย ที่มา SpreadTheMessage
-
ชมการทดลองการแก้ปัญหาของหมี เมื่อมันรู้ว่ากินอาหารแล้วจะถูก “ไฟช็อต”
คลิปนี้เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์เพื่อดูปฏิกิริยาและการแก้ไขปัญหาของหมีโดย ForTheGrizzly โดยเขาได้ไปเจอซักกวางที่ถูกรถชน จึงทำมาห้อยไว้ แล้วต่อกระแสไฟฟ้าเข้าไป รอจนกว่าหมีจะเข้ามากิน หลังจากหมีได้ลองกัดเข้าไปที่เนื้อกวางแล้ว มันก็รู้ว่าจะเกิดอันตราย มันจึงพยายามที่จะเข้าใกล้โดยไม่ให้ถูกไฟดูด มันเฝ้าอยู่นานตั้งแต่เช้ายันค่ำ จนมันคิดวิธีแก้ปัญหาได้อย่างชาญฉลาด เราไปดูในคลิปกันเลยว่ามันทำได้ยังไง ถือเป็นหมีในยุคใหม่ที่รู้จักการใช้กระแสไฟฟ้าด้วยนะเนี่ย เยี่ยมไปเลย ที่มา ForTheGrizzly
-
ชายคนนี้ทดลองไปเคาะประตูบ้าน เพื่อดูว่า “เด็ก” จะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านหรือไม่
วัยเด็กถือเป็นวัยที่ขาดการคิดที่ไตร่ตรอง บางทีเราอาจจะเห็นเด็กทำอะไรลงไปโดยไม่ปรึกษาพ่อแม่ หรือบางทีก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายได้ ชายคนนี้คือ JoeySalads เขาไดทำคลิปการทดลองบางอย่างขึ้นมา โดยการเตรียมกับพ่อแม่ของเด็กไว้ก่อนแล้ว ซึ่งพ่อแม่จะแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้าน ชายคนนี้ทำท่าทีเดินมาเคาะประตูบ้านแล้วขอเข้าไปข้างในบ้านเพื่อรอพ่อแม่กลับมา เด็กหลายคนก็รู้สึกงงๆเมื่อมีชายแปลกหน้ามาหาพ่อแม่ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กแทบทุกคนปล่อยให้ชายแปลกหน้าเข้าไปในบ้านอย่างง่ายดาย เราไปดูคลิปการทดลองกันเลยดีกว่า ในตอนจบของทุกเคส เราก็คงได้เห็นว่าพ่อแม่ได้สอนลูกๆ เกี่ยวกับการปล่อยให่คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน หลังจากนี้เด็กๆก็คงรู้แล้วว่าถ้ามีคนแปลกหน้ามาหา อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้ามาในบ้านเด็ดขาด ที่มา JoeySalads
-
สาวใจแกร่งวัย 18 มีสภาพร่างกายเหมือนคนอายุ 144 ปี เพราะเกิดจากโรคแก่ก่อนวัย
Rochelle Pondare สาววัย 18 จากประเทศฟิลิปปินส์ ผู้ที่เกิดมาปกติเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป แต่เมื่อเธออายุครบ 3 ขวบ ร่างกายของเธอก็ดูผิดปกติไปจากเดิม ผมของเธอร่วงจนหมดศีรษะ อีกทั้งผิวหนังของเธอก็เริ่มเหี่ยวย่น และหย่อนคล้อยเหมือนกับคนแก่ และภายหลังเธอก็ได้ทราบจากการวินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นโรค ‘โพรจีเรีย’ หรือโรคแก่ก่อนวัยนั่นเอง ซึ่งโรคที่เธอเป็น เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม โดยการกลายพันธุ์ของยีน จึงทำให้เซลล์ของอวัยวะและเนื้อเยื่อทำงานผิดปกติ ดังนั้นทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ถึงเธอจะมีอายุครบ 18 ปี แต่สภาพร่างกายของเธอกลับแก่เทียบเท่ากับคนอายุถึง 144 ปีเลยทีเดียว และแม้ว่า Rochelle จะเป็นหนึ่งในคนที่เป็นโรคแก่ก่อนวัย แต่เธอก็ยังเข้มแข็ง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้เหมือนกับคนปกติทั่วไป อีกทั้งเธอยังหวังว่า อยากจะมีชีวิตให้ยืนยาวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Rochelle ต้องทนทรมานอยู่กับอาการปวดเมื่อยตามตัว หายใจหอบ และเหนื่อยง่าย แต่เธอก็พยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุด และเข้าตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า ครอบครัวคือกำลังใจที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เธอเข้มแข็ง และพยายามยืนหยัดให้ได้ด้วยตนเอง ยังไงเหมียวก็ต้องขอชื่นชม และเป็นกำลังใจให้กับ Rochelle Pondare และอยากที่จะให้เธอสู้ต่อไป เพื่อที่จะได้สร้างความสุข และรอยยิ้มให้กับครอบครัว และคนรอบข้างของเธอไปนานๆ หากใครที่กำลังท้อแท้ และสิ้นหวังกับชีวิต…
-
ชมปฏิกิริยาของนักระบำใต้น้ำ หลังดื่มแอลกอฮอลจนเมาแอ๋ ว่าจะเก่งเหมือนเดิมไหม?
มีการรายงานกันว่าในปี 2014 ประเทศสวีเดน มีสถิติว่าผู้คนเสียชีวิตจากการจมน้ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยเมื่อเทียบกับอุบัติเหตุทางบกแล้ว ยังถือว่าเยอะกว่ามาก ซึ่งผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอลก่อนเกิดเหตุทั้งนั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนอย่างหนักหน่วง พวกเขาจึงปล่อยคลิปวิดีโอตัวหนึ่ง ที่ช่วยเตือนสติพวกเราว่า แม้จะมีความเชี่ยวชาญหรือเก่งกาจในการว่ายน้ำแค่ไหน แต่หากต้องอยู่ในสภาพเมา ก็ไม่อาจจะควบคุมร่างกายได้เหมือนปกติแน่นอน คลิปวิดีโอที่เหมียวจะให้ดูต่อไปนี้มีชื่อว่า Don’t Drink and Dive เป็นการทดลองของกลุ่มนักระบำใต้น้ำ Synchronised Swimming Team ที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย โดยพวกเขาจะต้องดื่มแอลกอฮอลเข้าไปในร่างกาย จนถึงจุดที่พวกเขาเมามากพอ และทีมงานจะให้พวกเขาลงน้ำ และซ้อมการระบำใต้น้ำเหมือนอย่างที่พวกเขาเคยทำ การทดลองดังกล่าวเริ่มต้นในเวลาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงเที่ยงคืนกว่า ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาจะเมาได้ที่และมีโอกาสเสี่ยงที่พวกเขาจะจมน้ำ แต่การทดลองครั้งนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมโดยตลอดการทดลองจะมีนักประดาน้ำคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ในน้ำให้พวกเขาด้วย ตัดสินด้วยสายตาของคุณเองแล้วกัน ว่าพวกเขายังเหมือนเดิมอยู่ไหม คลิ๊กชมคลิปได้ที่ด้านล่าง โชคดีที่หลังจากการทดลองจบลง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือจมน้ำใดๆ แต่คุณก็คงเห็นแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าแม้จะเป็นนักกีฬาที่เก่งกาจขนาดไหน แต่หากดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปขนาดนั้น ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เหมือนกัน ฉะนั้น ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่มนะทุกคน ที่มา Trygg-Hansa
-
ชายสองคนเดินจับมือกันเพื่อดูปฏิกิริยาของชาวรัสเซียที่มีต่อ “คู่เกย์”
โลกเรานี้ก็มีมากคนมากความคิด บางคนอาจมีค่านิยมที่ไม่เหมือนกันจนบางครั้งทำให้เกิดอคติต่อเหตุการณ์บางอย่าง ก่อนหน้านี้ที่สหรัฐฯก็ได้มีการประกาศอนุญาติให้กลุ่ม LGBT สามารถแต่งงานกันได้ตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก คลิปนี้จัดทำโดย ChebuRussiaTV พวกเขาได้ทำการทดลองทางสังคมโดยมีชายสองคนเดินจับมือกัน แกล้งทำเป็นคู่รักชายรักชาย เพื่อดูปฏิกิริยาของคนรัสเซีย ระหว่างที่พวกเขาเดินไป ก็ได้มีคนมองพวกเขามาก บางคนถึงกับด่าและพูดคำไม่ดีออกมา เราไปดูกันว่าวันนี้เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง อย่างที่บอกไปว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของใครได้ แต่บางครั้งเราก็ไม่ควรที่จะไปดูถูกหรือพูดคำไม่ใส่กับคนที่มีรสนิยมไม่เหมือนเรา อีกทั้งความรักในปัจจุบันมันไม่มีขอบเขตแล้ว ที่มา ChebuRussiaTV
-
คลิปการทดสอบความใจดีของ “ชาวลอนดอน” ที่ดูแล้วต้องยิ้มตาม!!
ใครๆก็ต่างคิดว่าผู้ดีอังกฤษโดยเฉพาะในลอนดอนนั้นต้องเป็นคนที่หยิ่ง มีความเป็นปัจเจกสูง แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของคนที่มองแต่ภายนอก Action Productions ได้จัดทำคลิปคลิปหนึ่งขึ้นมา เป็นการทดสอบความใจดีของชาวลอนดอน ซึ่งผลออกมานั้นต้องทำให้เรายิ้มตาม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยคุณยายยกของ การปลุกคนที่นอนอยู่ เราไปดูคลิปการทดลองน่ารักๆ นี้กันเลย ที่มา Action Productions