Tag: ทดสอบ
-
5 ปริศนา “กระตุ้นไหวพริบ” ฝึกสมองให้ได้ขบคิดก่อน แล้วค่อยอ่านเฉลยนะจ๊ะ~
การทำงานมันต้องใช้สมองและความคิดเป็นอย่างมาก แต่บางครั้งสมองของเราก็ไม่ได้พร้อมที่จะใช้งานตลอดเวลา มันต้องมีการกระตุ้นกันบ้างจริงไหม? การฝึกให้สมองได้ขบคิดอะไรเล็กๆ น้อยๆ ดูท่าจะเป็นแบบฝึกของสมองที่ได้ผลดีทีเดียว วันนี้เราเลยนำแบบฝึกมาให้สมองของท่านได้รับการกระตุ้นกันสักหน่อย ขอเชิญเหล่าผู้มีปัญญาและไหวพริบทั้งหลายมาพบกับ 5 ปริศนาประลองไหวพริบ จะยากจะง่ายไม่สำคัญ แต่อย่างน้อยขอให้สมองได้ขบคิดบ้างก็ถือว่าได้ประโยชน์แล้ว!! ข้อแรก ห้องห้องหนึ่งมีพี่น้องหญิงสาวอยู่ด้วยกัน 5 คน: เอมิลี กำลังอ่านหนังสืออยู่, บาร์บารา กำลังทำอาหาร, เคที กำลังเล่นหมากรุก ส่วน เจมี กำลังซักผ้า คำถาม: คนสุดท้ายที่เหลือ ทำอะไรอยู่? ข้อที่สอง มีชายสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน คนหนึ่งหันหน้ามองไปทางทิศใต้ คนหนึ่งหันหน้ามองไปทางทิศเหนือ คำถาม: ทั้งสองคนสามารถมองเห็นกันได้อย่างไรโดยไม่ใช้กระจก? ข้อที่สาม คุณติดอยู่ในห้องใต้ดินของบ้านหลังหนึ่งที่มีสวิตช์ไฟอยู่ 3 อันสำหรับเปิดไฟ 3 ดวงของชั้นบน คุณต้องหาให้พบว่าสวิตช์ไฟอันไหนใช้กับไฟดวงไหน โดยก่อนจะตอบคุณสามารถขึ้นไปดูที่ชั้นบนได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น คำถาม: คุณจะตอบให้ถูกได้อย่างไร? ข้อที่สี่ พ่อ 2 คนกับลูก 2 คนออกไปล่าสัตว์ในป่า แต่ละคนยิงกระต่ายได้คนละ…
-
คู่รักชาวจีน “พิธีหมั้นล่ม” เมื่อฝ่ายชายเดินหนีออกจากงาน เพราะมีอาการกลัวความสูง
ความรักอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่หากอยากรู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นเป็นรักแท้หรือไม่ มันก็ต้องมีการพิสูจน์กันสักหน่อย แต่การพิสูจน์รักแท้มันก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน ล่าสุดวันที่ 15 สิงหาคม พิธีหมั้นของหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยกับชายหนุ่มคนหนึ่ง จัดขึ้น ณ สะพานกระจกที่ยื่นออกจากริมหน้าผาที่มีความสูงถึง 30 เมตร ตั้งอยู่ในเมืองซินหมี มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน แต่พิธีหมั้นนี้ก็ต้องล่มไม่เป็นท่า หลังจากฝ่ายชายเดินหนีออกไปเนื่องจากไม่สามารถทำใจเดินเข้ามาหาฝ่ายหญิงที่ยืนอยู่บนสะพานกระจกที่อยู่เหนือเหวลึก 30 เมตรได้ ชมคลิปวิดีโอ Xiao Jing หญิงสาววัย 23 ปีจากตระกูลผู้มีฐานะ ได้จัดพิธีขอหมั้น Xiao Yu คู่รักวัย 23 ปีของตน ด้วยรถสปอร์ตคันงานพร้อมกับเงินอีก 1,000,000 หยวน (4.8 ล้านบาท) แต่ก่อนที่ Xiao Jing จะมอบหัวใจและของหมั้นให้กับ Xiao Yu นั้น Xiao Yu จะต้องผ่านบททดสอบรักแท้ไปเสียก่อน เขาจะต้องเดินขึ้นสะพานกระจกมาแล้วตอบตกลงว่าจะหมั้นกับเธอ “เราคบกัน 3 ปีแล้วนะ…
-
มันต้องอย่างงี้… ครีมกันแดดตัวไหนเลิศเลอที่สุด ทาบนแผ่นหลัง นอนอาบแดดไปโลด!!
เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่า ครีมกันกันแดดที่เราใช้ๆ กันอยู่นั้นจะมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนกัน อาจจะเคยเห็นผ่านโฆษณามาบ้างว่าดีอย่างนู้นอย่างนี้ หรือไม่ก็ฟังมาจากเสียงของคนรอบข้างที่ว่า ‘ดีจริงๆ นะแกร’ แต่วิธีที่ชัวร์ที่สุดก็ต้องมาใช้งานเองอยู่ดี แต่ถ้าจะลองทีละตัวก็กลัวจะเสียเวลามากเกินไป เพราะกว่าจะเห็นผลชัดๆ ต้องไปนั่งตากแดดรอให้ผิวแห้ง ผิวแตก ฮร่าาา แต่ไม่ต้องห่วงอีกต่อไป เพราะทางเลือกในการตัดสินใจใช้ครีมกันแดดจากโลกโซเชียลจีน ทำการทดสอบมาแล้วผ่านแผ่นหลังของฝรั่งตาน้ำข้าว ด้วยการทาครีมกันแดดทีเดียวบนแผ่นหลัง 20 ยี่ห้อ!! ด้วยวิธีสุดแสนจะคิดได้ของบิวตี้บล็อกเกอร์สาว J公子 แต่ทว่าผลลัพธ์ที่กลับมาก็ทำให้เห็นได้ชัดเป็นแผ่นตารางกันเลยทีเดียว ไล่ตั้งแต่สีผิวไหม้แดดยันสีผิวขาวจั๊วะเหมือนไม่ได้ออกจากบ้าน ลอกเทปออกมาเป็นลายตารางเลย ฮร่าาา และแล้วผู้ชนะของเราก็ได้เลขตำแหน่งประจำตารางไปเรียบร้อย อันดับที่ 1 คือ Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense SPF 50 อันดับที่ 2 LA MER Broad Spectrum SPF 50 อันดับที่ 3…
-
ทดสอบสายตา! บททดสอบง่ายๆ เช็กดูว่าสายตาของคุณ “เห็นสี” ได้ปกติหรือไม่!!?
เรื่องของสายตา นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากของร่างกายมนุษย์เรา หากสายตาของเราเกิดความผิดปกติ หรือใช้การไม่ได้ นั่นอาจทำให้เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างยากลำบาก วันนี้เราจึงขอชักชวนเพื่อนๆ มาทดสอบสายตากันสักหน่อย เป็นการทดสอบในเรื่องของการ “มองเห็นสี” บททดสอบนั้นง่ายมาก เพียงแค่มองมาที่ 8 ภาพต่อไปนี้ แล้วอ่านคำศัพท์ที่อยู่ในภาพ หากใครสามารถอ่านได้ทั้ง 8 ภาพ 8 คำศัพท์ จะถือได้ว่า สายตาของคุณมองเห็น “สี” ได้อย่างสมบูรณ์ เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเลย… (เฉลยคำตอบท้ายบทความ) #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 ตอนนี้ก็ครบทั้ง 8 ภาพแล้ว ถ้าใครที่ไม่สามารถอ่านคำศัพท์ได้ครบทุกภาพ คำตอบของแต่ละภาพ มีดังนี้ 1. TREE 2. EAT…
-
สมาคมโลกแบน ทุ่มเงิน 600,000 ส่งจรวดพิสูจน์ความเชื่อ แต่..เอิ่ม… งานนี้จบไม่สวยแฮะ!!
แม้หลายร้อยปีที่ผ่านมา ได้มีหลักฐานมากมายออกมายืนยันว่าโลกเรานั้นกลม แต่ก็ยังมีกลุ่มที่เชื่อว่าโลกของเรามันแบน พวกเขาก็เลยพยายามหาหลักฐานต่างๆ มาโต้ พร้อมกับจะทำการพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าโลกมันแบนจริงๆ ถึงขั้นสร้างจรวดออกบินสำรวจกันเองเลยทีเดียว Mike Hughes วัย 61 ปี ได้กล่าวไว้ว่าเขาจะออกสำรวจโลกแบนด้วยจรวดแบบโฮมเมด (ข่าวเก่า) แต่ดันถูกยกเลิกการปล่อยไปก่อน ด้วยเหตุผลทางด้านเทคนิคต่างๆ แต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า คุณลุง Mike แกกลับมาสานต่อภารกิจตัวเองแล้ว ภาพการปล่อยจรวดของลุง Mike Hughes ในวันที่ 24 มีนาคม 2018 ในวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 2018 เขาประสบความสำเร็จในการปล่อยจรวดพลังไอน้ำของตน พุ่งทะยานขึ้นบนน่านฟ้ากลางทะเลทรายโมฮาวี ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยระดับความสูง 571.5 เมตร ก่อนที่จะร่อนตกลงมาอย่างแรงจนเขาที่นั่งอยู่ภายในได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตารางการปล่อยจรวดดั้งเดิมนั้นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2017 แต่ประสบกับปัญหาทางด้านการขนส่งจรวดและปัญหาด้านเครื่องยนต์อยู่บ่อยครั้ง จนต้องใช้เวลานานร่วมหลายเดือนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้หมดไป จรวด Liberty…
-
องค์กรอวกาศญี่ปุ่น JASA รับสมัครคนอยู่สถานีอวกาศจำลอง 14 วัน มีเงินให้ 100,000 อีก!!
หากใครที่อายุต่ำกว่า 55 ปี สุขภาพดีและกำลังหางานพาร์ตไทม์เงินแจ่มๆ ฟังทางนี้ เพราะล่าสุดบริษัท JAXA จากประเทศญี่ปุ่นกำลังมองหากลุ่มคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานกับพวกเขา แถมผลตอบแทนยังดีเกินคาด!! JAXA หรือ The Japan Aerospace Exploration Agency ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการสำรวจอวกาศของญี่ปุ่น (คล้ายกับ NASA นั่นแหละ) ได้ประกาศรับชายหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี มีร่างกายแข็งแรงและสุขภาพจิตต้องดีเช่นกัน เพื่อที่จะเข้าทดสอบการจำลองใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศนาน 14 วัน 13 คืน จุดประสงค์ในการทดสอบครั้งนี้ก็เพื่อจำลองสถานะการกดดันของมนุษย์เมื่อต้องไปอาศัยอยู่บนสถานีอวกาศเพียงคนเดียว ผู้ทดสอบนั้นต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเพียงคนเดียวและห้ามติดต่อกับใคร ส่วนสถานที่ทดสอบนั้นจะจัดขึ้นที่ Tsukuba Space Center หากผ่านการคัดเลือก ผู้เข้าร่วมทดสอบนั้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน 380,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 110,000 บาท เอาเป็นว่าถ้าใครที่สนใจอยากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบนี้ก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ jcvn แต่สำหรับคนที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่นต้องเสียใจด้วยนะ เพราะเขาไม่เปิดรับคนที่ไม่ได้ถือสัญชาติญี่ปุ่นนั่นเอง ถ้าให้#เหมียวมู่ทู่ไปอยู่ล่ะก็คงจะอกแตกตายแน่เลย เพราะแค่ไม่ได้เล่นเน็ตเล่นมือถือแค่แปบเดียวก็จะตายแล้ว ที่มา rocketnews24
-
ทดสอบกับดัก Home Alone ในชีวิตจริง ผลคือรุนแรงกว่าที่คิดไว้เยอะเลย (ฮ่า!!)
สมัยเด็กๆ หลายคนคงเคยดูหนังเรื่อง Home Alone กันใช่ไหม หนังที่มีเด็กน้อยคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียว จากนั้นก็มีโจรมาขึ้นบ้าน ทำให้เด็กน้อยต้องปกป้องบ้านและตัวเองจากโจรด้วยกับดักสารพัด แน่นอนว่าตอนนั้นเราดูแล้วมันสนุก มันฮามากๆ ถ้าเราไม่คิดมากก็เป็นหนังในตำนานที่เทพซ่าเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ว่าถ้าเราย้อนมองกลับไปดูความจริง เราเคยคิดไหมว่าถ้าเจ้าหนู Kevin McCallister แจ้งตำรวจทุกอย่างมันก็จะจบ นอกจากนี้เรายังเคยคิดกันไหมว่า ถ้าเราใช้กับดักแบบในเรื่องจริงๆ โจรจะอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ไหม? ด้วยเหตุนี้ทางช่องยูทูบ Vsauce3 จึงจัดการจำลองดูให้เห็นกันว่าถ้าเกิดโจรโดนกับดักแบบในหนังจริงๆ พวกเขาจะได้รับผลอย่างไรบ้าง เริ่มแรกจากการทดลองเอาไฟมาลนลูกบิดประตู ซึ่งมีฉากหนึ่งในหนังที่เอาเหล็กวางไว้ตรงลูกบิดเพื่อให้ความร้อนส่งผ่านไปยังลูกบิดอีกฝากหนึ่ง ทว่าพอทำการทดสอบแล้วมันไม่สามารถทำได้ หรือถ้าจะทำก็ต้องใช้เวลาที่นานมากกว่าความร้อนจะส่งผ่านไปถึง ตามมาด้วยถังสีที่ในชีวิตจริงถ้าใครเคยยกก็จะรู้ว่ามันหนักสลัด ทีนี้ในหนังเล่นเอาถังสีจำนวนมากมาแขวนเพื่อให้ชนเข้ากับหน้าของโจร ซึ่งในชีวิตจริงถ้าถังหนักขนาดนั้น พร้อมกับแรงเหวี่ยงที่เยอะพอสมควร กระดูกของคุณสามารถร้าวได้เลย หรือไม่ก็จมูกหักกันไปข้างหนึ่ง ยังไม่หมดเท่านั้น ยังมีฉากที่เอาแชลงทุบแมงมุมที่อกอีก ซึ่งในความเป็นจริงถ้าแชลงที่เป็นเหล็กทั้งแท่งฟาดลงมาที่หน้าอกของมนุษย์ กระดูกตรงจุดนั้นรับรองว่าหักแน่นอน นี่ยังไม่รวมการทดลองอื่นๆ อีกนะ ซึ่งเอาเป็นว่าการรับมือของหนูน้อย Kevin ในหนังถูกใช้ในชีวิตจริง โจรที่บุกเข้ามารับรองว่าไม่นอนโรงบาลฯ ก็ตายแล้วละ ที่มา ladbible
-
จะเป็นยังไงถ้าให้นางแบบเพ้นท์ตัวทั้งบนและล่างไปเดินห้าง ใครจะดูออกไหมน้า!!
บ่อยครั้งที่มักจะมีการทดสอบให้นางแบบสาวเพ้นท์ตัวแล้วออกไปเดินตามที่สาธารณะ ซึ่งปกตินั้นจะให้นางแบบเพ้นท์แค่ส่วนล่าง โดยส่วนใหญ่คนที่เดินตามท้องถนนจะไม่ค่อยได้สังเกตในส่วนั้นมากนัก แต่มาคราวนี้ Jen Seidel ช่างเพ้นท์ตัวมืออาชีพกับลูกสาวได้ตัดสินใจทำแบบทดสอบดูบ้างเหมือนกัน ทว่าพวกเธอจะไม่เพ้นท์นางแบบแค่ข้างล่างเหมือนคนอื่นๆ เธอจะจัดการเนรมิตรทั้งเสื้อและกางเกงให้แทนเลย อย่างแรกคือต้องขอบคุณความสามารถของเธอที่ทำให้งานออกมาเนี้ยบและเหมือนจริงมากๆ เริ่มจากลงสีส่วนเสื้อก่อน จากนั้นก็ลงไปเก็บรายละเอียดส่วนกางเกงยีนส์ ทำให้เหมือนกางเกงขาดๆ จะว่าไปคุณลูกก็เก่งไม่แพ้คุณแม้เลยนะ และนี่ก็คือผลลัพธ์ที่ได้ เนียนกริ๊บสุดๆ พร้อมแล้ว ทุกคนเตรียมลุย!! Jen บอกว่าเธอกับลูกสาวใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเพื่อเพ้นท์ตัวนางแบบสาวคนนี้ ส่วนถ้าใครคิดว่าถ้าออกไปเดินจะโป๊ไหมนั้น ก็ไม่ต้องห่วงเพราะนางแบบยังสวมกางเกงในนะ…อื้มม เอาล่ะ ได้เวลาออกไปลองของกันสักหน่อย แน่นอนว่าหลายคนน่าจะสังเกตได้ ดูจากพี่คนข้างหลัง โดยเฉพาะการเข้าไปลองเสื้อผ้าตามร้านต่างๆ พนักงานจะสังเกตได้ทันที ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน และเสียงตอบรับก็ล้วนชอบใจ เชื่อว่าดูแต่ภาพเนี้ยมันไม่ถึงพริกถึงขิงหรอก ต้องดูสีหน้าแบบเคลื่อนไหวเด็ดกว่าเยอะ ถ้ามาทำบ้านเราจะเป็นยังไงบ้างนะ ที่มา boredpanda
-
รัสเซียไม่น้อยหน้า ทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายประเทศได้ในพริบตา
ก่อนหน้านี้หลายคนคงได้ยินข่าวประเทศเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์กันไปบ้างแล้ว ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียจึงไม่ยอมน้อยหน้า ทำการทดสอบขีปนาวุธของตัวเองบ้างซะเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อทางรัสเซียได้ทดสอบขีปนาวุธไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ RS-28 Sarmat หรือรู้จักกันในชื่อ Satan 2 เป็นมิสไซล์นำวิถีที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากจุดปล่อยจรวดที่ชื่อว่า Plestek Cosmodrome ตั้งอยู่ในเมือง Mirny หลังจากนั้นมันก็ได้พุ่งออกไปไกลกว่า 5,700 กิโลเมตรเพื่อไปยังเป้าหมายพื้นที่ทดสอบขีปนาวุธที่ชื่อว่า Kura ในครั้งนี้เป็นการปล่อยจรวดมิสไซล์นำวิถีเป็นครั้งที่ 3 ของปี เพราะก่อนหน้านี้รัสเซียเคยทดสอบขีปนาวุธชื่อว่า Topol กองกำลังทหารของรัสเซียได้ออกมาบอกว่า ขีปนาวุธ Satan 2 นี้มีอานุภาพร้ายแรงขนาดที่ว่าชนะทุกการป้องกันและสามารถลบประเทศหนึ่งให้หายไปได้ในพริบตา เพราะมันได้บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้ภายในถึง 12 อัน ซึ่งคาดว่ามันจะพร้อมใช้งานได้จริงในปี 2019 – 2020 Satan 2 หนักกว่า 100 ตัน และอานุภาพของมันรุนแรงกว่าระเบิดที่ถูกทิ้งในฮิโรชิม่าและนางาซากิ เมื่อปี 1945 กว่า 2,000…
-
ล้ำไปอีก!! จีนผุด “รถบัสอัจฉริยะ” ไร้คนขับ ที่ดูเหมือนรถไฟวิ่งบนรางเป็นครั้งแรกของโลก
วันที่ 24 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า ผู้ผลิตรถไฟของจีนได้พัฒนารถบัสอัจฉริยะเออาร์ที (ART – Autonomous Rail Rapid Transit) แบบไม่จำเป็นต้องพึ่งคนขับเป็นครั้งแรกของโลก และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีการนำออกมาทดสอบบนถนนในนครจูโจว มณฑลหูหนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการรายงานระบุว่า รถโดยสารดังกล่าวถูกพัฒนาโดยหน่วยวิจัยของบริษัท CRRC Zhuzhou Locomotive ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย ART เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ารุ่นมาตรฐานที่มีความยาวราว 30 เมตร มีขนาดกว้าง 3.75 เมตร เดินทางด้วยความเร็ว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถจุผู้โดยสารได้มากถึง 300 คนเลยทีเดียว นอกจากนี้ ART ยังมาในรูปลักษณ์ที่ผสมผสานระหว่างรสบัสและรถไฟแบบดั้งเดิมเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมถูกติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ที่สามารถวัดขนาดถนน และวางแผนเส้นทางได้ด้วยตัวเอง สุดยอดดด!! ด้าน Feng Jianghua หัวหน้าวิศวกรรถไฟได้ออกมากล่าวว่า “การสร้างรถบัส ART ขึ้นมาจะสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเทียบกับการสร้างระบบรถไฟใต้ดิน ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 150-200…
-
พาไปดูการสอบข้อเขียนการเป็น “นินจา” ไม่ใช่แค่ว่าใส่ชุดและสู้เป็นเท่านั้น ต้องมีใบรับรองด้วย
บางครั้งการจะประกอบอาชีพบางอาชีพได้นั้น คุณอาจจะจำเป็นต้องผ่านการเรียนรู้และการฝึกฝนทักษะต่างๆ และที่สำคัญบางครั้งคุณเองอาจจะต้องผ่านการทดสอบเพื่อยืนยันว่าคุณมีคุณสมบัติที่พร้อมสำหรับอาชีพนั้นจริงๆ และนินจาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยการจะเป็นนินจาที่สมบูรณ์แบบได้นั้นคุณเองก็จะต้องสอบให้ผ่านข้อเขียนวัดทักษะด้วยเช่นกัน!! นินจา Koga นั้นเป็นกลุ่มนินจาที่อยู่ภายใต้การนำของ Ieyasu Tokugawa นายพลผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงสมัย Edo โดยการทดสอบความรู้ความสามารถของนินจาครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ที่วัด Zojo-ji วัดพุทธในกรุงโตเกียวที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูล Tokugawa การทดสอบครั้งนี้เป็นครั้งที่ 10 แล้วนับตั้งแต่เริ่มมีการจัดการทดสอบขึ้นมา ซึ่งในระดับแรกนั้นผู้เข้าร่วมการทดสอบนั้นจะต้องตอบคำถามทั้งหมด 50 ข้อภายในระยะเวลา 30 นาที เมื่อได้คะแนนมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถึงจะผ่านการทดสอบ จากนั้นผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้เข้ารับการทดสอบในการสวมชุดนินจาและทักษะการใช้อาวุธนินจา และเมื่อผ่านระดับนี้ไปได้คุณก็จะกลายเป็นนินจาเต็มตัวแล้ว และนอกจากการทดสอบความรู้ความสามารถทางด้านนินจาแล้ว ในงานดังกล่าวยังมีการแสดงทักษะพิเศษของเหล่านินจาอีกด้วย โดยการแสดงนั้นจะจัด 2 รอบต่อวัน ในเวลา 11.00 – 11.30 และเวลา 12.00-12.30 ในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคมนี้ และสำหรับใครที่สนใจรายละเอียดงานเพิ่มเติมล่ะก็ สามารถเข้าไปชมได้ที่เว็บไซต์ koka-kanko กันได้เลยจ้า ที่มา kotaku, moshimoshi-nippon
-
เกาหลีใต้เผยการทดสอบ ‘ขีปนาวุธแบบลอบเร้น’ พุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมาย สำเร็จอย่างงดงาม
ท่ามกลางไฟสงครามระหว่างเกาหลีเหนือ – ใต้ ที่กำลังถูกจับตามองจากทั่วโลก ล่าสุด.. เกาหลีใต้ได้ออกมาเผยผลการทดสอบ ‘ขีปนาวุธแบบลอบเร้น’ ได้อย่างประสบความสำเร็จ!! โดยเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2017 เกาหลีใต้ ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธ ‘Taurus Missile’ จากเครื่องบินรบ F-15 ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถหลบการตรวจจับจากเรดาร์ก่อนพุ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างน่ากลัว ก่อนอื่นเราไปชมคลิปวิดีโอสั้นสรุปการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้กันก่อนเลย… ด้วยคุณสมบัติจากนวัตกรรมการออกแบบขีปนาวุธของโรงงาน ‘Germany’s Taurus Systems’ ทำให้หัวจรวดรุ่นนี้มีระยะรัศมีไกลออกไปถึง 500 กิโลเมตร อีกทั้งมันยังถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี และดีไซน์การพรางตัวสุดล้ำ ที่ช่วยให้ขีปนาวุธสามารถพรางตัวจากการตรวจจับของเรดาร์ได้ (ประมาณว่า… รู้ตัวอีกทีมันก็พุ่งมาชนบ้านเราแล้ว) หลังการทดสอบสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ได้ทำข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ในการขยายอำนาจขอบเขตการครอบครองขีปนาวุธ ให้เพิ่มระยะสูงสุดได้มากถึง 800 กิโลเมตร ผ่านสัญญาข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย ซึ่งสาเหตุของการเร่งพัฒนาอาวุธทางทหารของเกาหลีใต้ก็เป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า หลักๆ แล้วก็เพื่อป้องกันและรับมือกับปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ของฝั่งเกาหลีเหนือ หลังจากที่ฝั่งเหนือมีการทดสอบยิงขีปนาวุธไปยังที่ต่างๆ แล้วมากถึง 6 ครั้ง ในขณะที่ล่าสุดมีการรายงานว่า…
-
ลองเลือก 1 ใน 4 คนจากภาพนี้ “ใครโง่ที่สุด” ตัวเลือกนั้นมันบ่งบอกได้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน!?
ชีวิตของเราจะต้องเจอกับตัวเลือกอยู่ตลอดเช่นวันนี้จะกินอะไร? ชอบสีอะไร? หรือแต่งตัวอย่างไรดี? ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันก็จะสามารถบอกได้ว่าคุณเป็นคนยังไง วันนี้เราจึงมีตัวเลือกง่ายๆ มาให้ได้ลองทำกันดูเพื่อช่วยอธิบายได้ว่า คุณจะมีลักษณะของความคิดในการแก้ปัญหาต่างๆ ไปในทิศทางใดกันแน่ เพียงแค่ให้คุณเลือกคนที่คุณรู้สึกว่า “โง่ที่สุด” เพียงหนึ่งเดียวจาก 4 คนในภาพนี้ โดยไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกสบายๆ แล้วเราไปดูกันว่าสิ่งที่คุณเลือกนั้นอธิบายออกมาได้ว่าอย่างไรบ้าง ใครโง่ที่สุดสำหรับคุณ!? เลือกคำตอบแรกในใจได้เลย… เลือกคนที่ 1 หากคุณคิดว่าคนที่นั่งรออยู่เฉยๆ ตรงปลายกิ่งไม้เป็นคนที่โง่ที่สุด แสดงว่าคุณเป็นคนที่ชอบยอมแพ้อยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะมีความคิดเห็นส่วนตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ อยู่แต่คุณก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะเข้าไปพูดได้ คุณจึงเลือกที่จะยอมรับในสิ่งที่ได้มามากกว่า นั่นจึงทำให้คุณไม่ค่อยมีการโต้เถียงหรือออกความคิดเห็น กลายเป็นคนดูเหมือนคนจิตใจดีที่รักความสงบคนหนึ่ง เลือกคนที่ 2 คุณเป็นคนที่ดีแต่มักจะด่วนตัดสินใจไปโดยไม่ได้ใช้เวลาคิดให้ดีก่อนจนทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ และคนรอบข้างอาจมองว่าคุณเป็นคนดื้อที่ดันทุรังทำเรื่องต่างๆ มากจนเกินไป เลือกคนที่ 3 ทุกครั้งคุณพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความเชื่อของตัวเองจนถึงวินาทีสุดท้ายและแทบจะไม่คิดยอมแพ้เลย อีกทั้งคุณอาจมีความสามารถในการเป็นนักธุรกิจที่ดี เพราะนิสัยการชอบต่อสู้และไม่ยอมแพ้ของคุณ นอกจากนี้คุณยังเป็นนักแก้ปัญหาที่ดี คุณมักจะมีแนวทางการวางแผนที่แตกต่างกันไปในแต่ละปัญหา เลือกคนที่ 4 คุณคือสุดยอดนักปฏิวัติอย่างแท้จริงที่สามารถต่อสู้กับทุกสิ่งรวมถึงตัวเองได้เพียงเพราะพิสูจน์ในจุดยืนของตน บางครั้งคุณอาจลืมคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล จนถึงกับทำร้ายตัวเองลงไปบ้าง คุณอาจจะเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ หรือคุณอาจจะเป็นแค่คนหัวดื้อที่พยายามเถียงทุกคนก็เป็นไปได้ เป็นอย่างไรกันบ้างเพื่อนๆ…
-
ทำคลิปลองใจคนญี่ปุ่น ด้วยการเอา “ของมีค่า” วางทิ้งไว้บนโต๊ะ งานนี้จะโดนจิ๊กหรือไม่!?
คำที่ว่า ถ้าคุณลืมของไว้ญี่ปุ่น ผ่านไปเป็นวันกลับมาเอาของก็ยังอยู่ที่เดิม เคยคิดกันไหมว่ามันเป็นการอวยญี่ปุ่นกันเกินไป ด้วยเหตุนี้ทางช่อง Life Where I’m From ก็เลยทำคลิปเพื่อทดสอบว่าคำพูดดังกล่าวมันเกินจริงไหม… ขั้นตอนการทดสอบของช่องดังกล่าวนั้นง่ายมาก พวกเขาได้เอาของมีค่าวางไว้บนโต๊ะใน Skytree’s Sola Machi entertainment complex ในกรุงโตเกียวที่มีผู้คนมากมายผ่านไปมาก จากนั้นก็แอบเอากล้องอีกตัวถ่ายไว้ ของมีค่าที่วางไว้ก็เป็น ถุงช็อปปิ้งที่มีของข้างใน โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน จากนั้นก็วางทิ้งไว้เฉยๆ นั่งดูเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นก็รอดูว่าจะมีใครมานั่งหรือแอบหยิบของมีค่าของพวกเขาไปไหม ซึ่งผลที่ออกมานั้นมันเหลือเชื่อมากๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงยังไม่มีใครมาขโมยของบนโต๊ะเลย อย่างมากก็มานั่งใกล้ๆ ของ แต่พวกเขาก็แค่นั่งกินอาหารเท่านั้น ผู้คนต่างพากันเดินผ่านไปมาไม่ได้สนใจของมีค่าบนโต๊ะเลย เวลาผ่านไปอีกสักพักพวกเขาเริ่มรู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีใครขโมยแน่ๆ และเขาก็รู้สึกว่าเกรงใจพนักงานและร้านพอสมควรจึงทำการเก็บของ แต่พวกเขาก็ยังอยากทดสอบเพิ่มเดิม เลยเดินทางไปยังร้านสตาร์บัคส์ใกล้ๆ กันก็พบว่า ที่นี้มีคนวางของจองไว้เต็มไปหมด หลายโต๊ะเป็นกระเป๋าหรือของที่ดูมีค่าพอสมควรเลย พอไปที่สตาร์บัคส์ ก็เจอคนวางของไว้เต็มไปหมด โดยที่ไม่กลัวใครจะมาหยิบไปเลย ไม่ว่าจะเป็นถุงช็อปปิ้งหรือกระเป๋าสะพายก็วางทิ้งไว้กันหน้าตาเฉย แต่พวกเขาก็ยังไม่เลิก เลยจัดการเอาแมคบุ๊คไปวางไว้ จากนั้นก็ตั้งกล้องถ่าย ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมานั่งจุดที่แมคบุ๊ควางไว้ หรือท่าทีจะขโมยเลย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกว่ามันมีข้อสรุปแล้วล่ะ…
-
เมื่อหญิงสาวเล่นพิเรนท์ ทาสีโปสเตอร์ชมพูพริ้งทั่วใบหน้า เพื่อทดสอบว่า ‘ล้างออกได้’…
วัยรุ่นเป็นวัยที่ชอบความท้าทาย ชอบสรรหาเรื่องแปลกๆ มาทำอยู่ตลอด เพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็น จนกลายเป็นการเล่นอะไรที่ไม่เข้าท่าเข้าซะได้นี่!? นี่เป็นเรื่องราวของ Leah ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในนาม @LeleTill เธอได้โพสต์รูปภาพ 4 รูป พร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับการเล่นสีโปสเตอร์กลิตเตอร์สีชมพูมุ้งมิ้งของเธอด้วย… ภาพแรกเป็นรูปของ Leah ที่เอากลิตเตอร์เพชรสีชมพูทาทั่วใบหน้า ภาพถัดมาเป็นขวดกลิตเตอร์สีชมพู โดยมีฉลากข้างขวดเขียนว่า “ล้างออกจากผิวได้ง่ายและไม่ทิ้งคราบ” แต่ภาพสุดท้าย เป็นรูปที่เธอล้างสีออก ทว่าสีหน้ายังคงเป็นสีชมพูเหมือนเดิม เพียงแค่ไม่เข้มเหมือนตอนแรกเท่านั้นเอง นั่นทำให้หญิงสาวตระหนักได้ว่านอกจากล้างออกยากแล้ว ยังทิ้งคราบราวกับไม่ได้ล้างเลย… Leah จึงตัดสินใจอ่านฉลากให้ละเอียดอีกครั้ง แล้วก็พบข้อความแนะนำการใช้ที่ว่า “สีโปสเตอร์กลิตเตอร์ล้างออกได้” แต่สินค้ามันไม่ได้ถูกออกแบบมา เพื่อรองรับการทาบนผิวหน้าโดยตรงแบบนี้หรอกนะ!! ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหญิงสาวต้องอยู่กับหน้าชมพูพริ้งนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่นี่ถือเป็นบทเรียนก็แล้วกันนะ คำเตือนบนฉลากน่ะ ควรจะตีความเยอะๆ ก่อนทดลองใช้นะจ๊ะ ฮร่าาา แทนที่จะเอามาลองทานิดๆ บนแขนขา นี่เล่นทาทั่วใบหน้าเลย เฮ้อออ… ที่มา mashable, @LeleTill
-
ชาวเน็ตทดลองสร้าง ‘เน็ตไอดอลปลอม’ ผ่าน IG เพื่อเรียกค่าโฆษณา และผลก็เป็นไปตามคาด..!!
เรียกได้ว่าทุกวันนี้เรามีคนเด่น คนดัง ในโลกโซเชียลฯ แจ้งเกิดกันมาไม่เว้นแต่ละวันจนแทบจะต้องกลับมาตั้งคำถามถึงนิยามของคำว่า ‘เน็ตไอดอล’ อีกครั้ง ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประโยชน์ส่วนหนึ่งที่พวกเขาได้รับ หลังจากที่มีคนเข้ามาติดตามเป็นจำนวนมาก นั้นก็คือรายได้จากค่าโฆษณา ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ mediakix จึงได้ทดลองสร้างบัญชีอินสตาแกรมปลอมๆ ขึ้นมา เพื่อทดสอบให้เราเห็นว่า เงินค่าโฆษณาจากบริษัทเอเจนซี่ที่จะเข้ามาติดต่อเมื่อพบว่าคุณมีผู้ติดตามจำนวนมากนั้น ได้มาง่ายดายขนาดไหน หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนในการตลาดโฆษณาอินสตาแกรมมากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขั้นตอนแรกทีมงานได้สร้างอินสตาแกรมขึ้นมา 2 แอคเคาท์ ซึ่งแอคเคาท์แรกจะเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ถ่ายภาพ ส่วนอีกแอคเคาท์หนึ่งเป็นหญิงสาว (ตัวปลอม) ที่จะโพสต์แต่ภาพแฟชั่นอย่างเดียว พร้อมกับระบุข้อมูลว่าเป็นสาวชาวเมือง Santa Monica (ดูเก๋ๆ ขึ้นไปอีก) แน่นอนว่าภาพทั้งหมดไม่ได้ถ่ายขึ้นมาเอง และเป็นภาพที่สามารถหาโหลดได้ฟรีจากเว็บสต็อกรูปภาพทั่วไป ขั้นตอนต่อไป… พวกเขาก็ลงทุนซื้อผู้ติดตาม 1,000 คน/วัน (ราคาประมาณ 3 – 8 เหรียญสหรัฐฯ) เมื่อซื้อไปเรื่อยๆ ทีมงานก็ค้นพบว่าพวกเขาสามารถซื้อผู้ติดตามได้มากถึง 15,000 คน อย่างง่ายดาย หลังจากที่มีผู้ติดตามมากพอแล้ว…
-
ผลการวิจัยกว่า 5 ปี พบว่าขับรถนาน 2 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลต่อสมอง ทำให้ระดับ IQ ลดลงได้!!
สิ่งที่ทำให้เราต้องขับรถเป็นเวลานานหลายชั่วโมง อาจจะเกิดจากปัญหาการจราจรติดขัด หรือการเดินทางไกล ซึ่งนอกจากจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า การขับรถเป็นเวลานาน 2 ชั่วโมงต่อวัน อาจทำให้ระดับ IQ ของคุณลดลงได้ จากการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ที่ได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา เพื่อดูว่าการขับรถเป็นระยะเวลานาน ส่งผลอย่างไรต่อระดับความฉลาด ซึ่งก็ได้พบว่ากลุ่มวัยกลางคนที่ขับรถเป็นเวลานานมีระดับ IQ ลดลงจริง ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ ทางด้านนักวิจัยได้ใช้เวลาศึกษานานกว่า 5 ปี โดยได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างของชาวอังกฤษที่มีอายุระหว่าง 37-73 ปี ในการทดสอบความฉลาดและความจำ ทางด้าน Kishan Bakrania นักระบาดวิทยาทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ หนึ่งในผู้ร่วมทำการศึกษาได้ออกมากล่าวว่า “ระดับการรับรู้ทางสติปัญญาลดลงในระยะเวลากว่า 5 ปี 5 ปี เพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มผู้สูงวัย และผู้สูงอายุ… นี่เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องในด้านการดำเนินชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งเรายังได้ค้นพบว่าการขับรถมากกว่า 2 หรือ 3 ชั่วโมงต่อวันเป็นประจำ จะส่งผลที่ไม่ดีต่อหัวใจของคุณ สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ได้ชี้ให้เห็นว่า การขับรถนานๆ…
-
หนุ่มมุสลิมอัดคลิปกินขนม ‘แบบไม่มีตราฮาลาล’ เพื่อต่อต้านการบังคับจ่ายภาษีฮาลาล!!
เรียกได้ว่าเป็นข่าวคราวที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก หลังจากที่มีหนุ่มชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในเมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย ได้โพสต์วิดีโอของตัวเองที่กำลังทดสอบการทานช็อกโกแลตแบบที่ไม่มีตราฮาลาลติดอยู่ โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า เมื่อวันอังคาร 18 กรกฎาคม 2017 ผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า Imam Mohammad Tawhidi ได้โพสต์วิดีโอของตัวเองกำลังทานช็อกโกแลต พร้อมระบุเอาไว้ว่า… “ผมรู้สึกว่ารสชาติมันดีกว่าเยอะเลยถ้ามันไม่มีตราฮาลาลติดอยู่ เพราะผมยังสามารถทานมันได้อยู่โดยที่ไม่ต้องไปบังคับให้ประชาชนคนอื่นต้องมาจ่ายภาษีเพื่อตราฮาลาล และนี่ก็เป็นวิถีชีวิตในแบบออสซี่ที่ผมภูมิใจเป็นอย่างมาก” Imam Mohammad Tawhidi หลังจากได้ชิมช็อกโกแลตที่ไม่มีฮาลาลแล้ว เจ้าตัวก็บอกว่ารู้สึกอร่อยกว่าแบบที่มีฮาลาลซะอีก เนื่องจากรายได้ส่วนหนึ่งของสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ฮาลาลติดอยู่ จะถูกนำไปใช้เป็นสาธารณะประโยชน์ให้แก่กลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม ทว่าทางด้านของหนุ่มมุสลิมคนนี้ เจ้าตัวได้ให้เหตุผลว่า บริษัทและประชาชนในประเทศออสเตรเลีย ไม่ควรจะถูกหักภาษีเพิ่มจากสินค้าที่มีตราฮาลาล “เพราะอะไรรู้มั้ย? เพราะผมมองว่าการกระทำแบบนี้ยังเป็นเหมือนการแบ่งแยกกลุ่มคนอิสลามออกจากศาสนาอื่นๆ นั่นเอง” ทว่าแนวคิดที่ดูทันสมัยของเขา กลับทำให้เจ้าตัวถูกกลุ่มชาวมุสลิมอนุรักษ์นิยมหลายๆ คนมองว่ากำลังทำผิดกฎของศาสนาอยู่เช่นกัน หลังจากที่เจ้าตัวโพสต์วิดีโอดังกล่าว ทางเฟซบุ๊กก็ได้ดำเนินการลบวิดีโอออกทันที ทำให้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นไปอีก คลิปวิดีโอที่ถูกลบไป คิดว่าพี่มาร์กคงกลัวว่าจะกลายเป็นดราม่าระดับโลกแน่ๆ ถึงได้รีบลบวิดีโอออกอย่างไว ที่มา: Dailymail
-
สาวท้าเพื่อนให้จูบกับพ่อเลี้ยง ใครจะไปคิดละว่าจะจูบจริง แถมนัดเจอนอกรอบด้วย..!!
เป็นคลิปวิดีโอที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้กับชาวเน็ตได้เป็นอย่างดี จากแชนแนล To Catch a Cheater บนเว็บไซต์ยูทูป เมื่อ Christina สาวลูกบุญธรรมของคุณพ่อ Peters วัย 48 ปี อยากทดสอบใจพ่อเลี้ยงด้วยการวางแผนให้เพื่อนสาวของเธอ Tara ไปอ่อยคุณพ่อ ซึ่งเธอและทีมงานได้แอบซ่อนกล้องบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ คลิปจากรายการตัวเต็ม 6.15 นาที ในคลิปวิดีโอเป็นเหตุการณ์ปกติตอนเลิกเรียนที่คุณพ่อจะมารับ Christina แต่คราวนี้ Tara มาบอกว่าเธอไม่อยู่ และใกล้จะถึงวันเกิดครบ 18 ปีของเธอ ฝ่าย Tara ก็ทำทีเป็นให้ท่าคุณพ่อ แถมยังชวนให้มางานวันเกิดครบรอบ 18 ปี และบอกอีกด้วยว่าสิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดคือ… คุณนั่นแหละพ่อขาา ตอนแรกคุณพ่อก็มีท่าทีเหมือนจะปฏิเสธ และรู้สึกว่ามันไม่สมควร แต่เอาไปเอามาฝ่าย Tara ก็สารภาพว่าแอบชอบมานานแล้ว… ทั้งคู่มีการนัดแนะไปเที่ยวหากันที่บ้าน พอเอาเข้าจริงๆ ฝ่ายพ่อเลี้ยงก็บอก Tara ว่าลูกสาวและภรรยาจะไม่อยู่บ้านวันไหนด้วย (แหม่..ร้ายจริงๆ) “มันก็เป็นเรื่องสำหรับคนวัยผมอ่ะนะ…
-
นี่คือผลลัพธ์ เมื่อลองถามทั้งชายและหญิงว่า “ผู้ชายในอุดมคติ” ของผู้หญิงต้องเป็นยังไง!?
เราทุกคนล้วนมีคนในฝันกันทั้งนั้น คนที่เราคิดว่าคนนี้แหละ สเปคเราเลย ต้องมีรูปร่างแบบนี้ นิสัยแบบนี้ ถึงจะเป็นคู่ชีวิตของเราได้ และอีกฝ่ายหนึ่งก็พยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนในฝันเพื่อให้เขามาชอบเรา แต่เราอย่าไปคิดแทนคนอื่นเลย วันนี้เหมียวมีผลการศึกษาจาก Jacamo แบรนด์เครื่องแต่งกายจากอังกฤษ ได้ทำการสำรวจคนที่คบกันเป็นเวลายาวนาน พบว่า 72% นั้น ต้องการชายในฝันที่ไม่ใช่หนุ่มล่ำบึ๊กแต่อย่างใด “ผู้ชายมักจะคิดว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่มีทรงผมเหมือน Justin Bieber ,โครงหน้าแบบ Gerard Butler, กล้ามแขนแบบ Hugh Jackman และขาแน่นๆแบบ Cristiano Ronaldo” และนี่คือสิ่งที่ผู้ชายอังกฤษคิดว่าผู้หญิงจะชอบ… แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาได้ไปสำรวจความคิดเห็นจากผู้หญิง แล้วก็พบว่าชายในฝันของผู้หญิงมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ต่างหาก ความจริงแล้วผู้หญิงอังกฤษต้องการผู้ชายที่ยิ้มแบบเจ้าชายแฮร์รี่ และมีทรงผมแบบ James Corden และนี่คือภาพเปรียบเทียบของชายทั้งสองที่ผู้หญิงหลายคนหมายปอง ถึงแม้ว่ารูปแรกมันจะดูดึงดูดมากกว่า แต่ยังไงก็ยังแพ้ชายในรูปที่สองอยู่ดีนั่นแหละนะ แต่นี่คือสเปคของสาวๆจากอังกฤษนะ แล้วสาวๆบ้านเราสเปคเป็นอย่างไรกันบ้าง แชร์ให้ฟังหน่อย ที่มา Daily Mail
-
หนุ่มสวม “Jet Pack” แล้วออกบินกลางเวหา อยากเห็นคนบินได้ก็คราวนี้แหละนะ!!
พูดถึง Jet Pack แล้ว เชื่อว่าหลายคนต้องคิดว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมือนอยู่ในจินตนาการ ที่ยังไม่สามารถ (หรืออาจไม่มีทาง) เป็นจริงได้ในปัจจุบัน (เหมือนๆ พวกรถยนต์บินได้อะไรพวกนั้นแหละ) แต่รู้หรือไม่ ตอนนี้เรามี Jet Pack ตัวต้นแบบจาก JetPack Aviation ที่สามารถบินได้จริงๆ แล้วนะ ซึ่งแทบจะถอดแบบมาจากหนัง 007 เลยล่ะ ล่าสุดสองหนุ่มจากอเมริกา Tyson Henderson และ Carter Hogan ได้นำ JetPack ดังกล่าวมาถ่ายวีดีโอสุดเทพ ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วจะต้องอยากได้มาครอบครองซักอันอย่างแน่นอน ลองไปชมคลิปกันดีกว่า แบบว่าเจ๋งสุดๆ ไปเลยอ่ะ ใครอยากเป็นเจ้าของ JetPack อันนี้ ก็ลองไปช่วยระดมทุนกันได้ที่เว็บไซต์ jetpackaviation ได้เลยนะฮะ ตอนนี้ทางวิศวกรกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม่น และหวังว่าเวอร์ชั่นสมบูรณ์แบบจะสำเร็จในเร็วๆ นี้นะฮะ ที่มา devinsupertramp
-
ช่องยูทูปจีน ไปทดสอบทักคนญี่ปุ่นว่า “ทำเงินตก” เพื่อดูว่าพวกเขาจะรับหรือไม่!?
สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมานานคือ ‘ความซื่อสัตย์’ ที่ถูกปลูกฝังมาหลายต่อหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกประทับใจกับสิ่งเหล่านี้ที่พบเจอมา ถึงกับเป็นการบอกปากต่อปากว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมีความซื่อสัตย์มากขนาดไหน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเจอการแสดงความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ก็คงจะไม่เชื่อซักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากพอสมควรในโลกอินเตอร์เน็ต อย่างเช่นการทำคลิปทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นที่มีอย่างแพร่หลายผ่านยูทูป และในคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นการทดสอบความซื่อสัตย์ของชาวญี่ปุ่นจากช่อง YouTube สัญชาติจีน JokeTV ด้วยการพิสูจน์จากเงินจำนวน 10,000 เยน ทำทีไปทักว่าคนๆ นั้นทำเงินตก (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง) แล้วเขาจะรับเงินจำนวนมากขนาดนี้รึเปล่า? สำหรับธนบัตร 10,000 เยนนั้นถือว่าเป็นธนบัตรที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพกติดไว้ในกระเป๋าหลายๆ ใบ เพื่อความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน (เหมือนดั่งธนบัตรมูลค่า 1,000 บาทของบ้านเรา) พอชายผู้นี้โดนทักว่าทำเงินตกรึเปล่า เขารีบปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ของตัวเอง บางคนที่ถูกทักปุ๊บ ก็จัดแจงตรวจสอบกระเป๋าเงินก่อนว่าทำตกจริงๆ รึเปล่า แต่ทว่าก็ไม่มีใครยอมรับว่าทำเงินตกเลย ทำเงินตกรึเปล่าคะ? เอ่อ เปล่าครับ อย่างเธอคนนี้ก็ถูกทักว่าทำเงินตกจากจุดที่เดินผ่านมา สุดท้ายแล้วก็บอกว่าไม่ได้ทำตกแต่อย่างใด คุณยายรายนี้ก็ถูกทักเช่นกัน…
-
สาวอังกฤษ เพ้นท์ท่อนล่าง ให้กลายเป็นกางเกงยีนส์ เนียนเหมือนจริง แทบไม่มีใครดูออก!?
จะว่าไปแล้ว ‘กางเกงยีนส์’ นี่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มการแต่งตัวที่ทุกคนต่างต้องมีไว้อย่างน้อยซัก 1 ตัว ไม่ว่าจะเป็นทรงกระบอก ทรงสกินนี่ หรือแม้แต่ขาม้า ที่ไม่เคยตกยุคตกสมัยเลยจริงๆ ด้วยเหตุนี้เอง ‘Sarah Attwell’ ศิลปินสาวจากเกาะอังกฤษ ได้ผุดไอเดียที่อยากจะทดสอบชาวเมืองว่า ถ้าเธอใส่แต่กางเกงในตัวเดียว และเพ้นท์ร่างกายท่อนล่างให้เป็นกางเกงยีนส์ พร้อมกับออกไปเดินเล่นในเมือง ว่าจะมีใครดูออกมั้ย? งานนี้ได้นางแบบสาว ‘Kelly Klein’ มาร่วมเป็นอาสาสมัครกับการทดสอบในครั้งนี้ ซึ่งกว่าจะได้กางเกงยีนส์เนียนๆแบบนี้ ต้องใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ต้องบอกก่อนว่า ‘Sarah Attwell’ เธอเป็นศิลปินผู้มีความชื่นชอบในการเพ้นท์บนเรือนร่าง และเดินทางสายนี้มาตั้งแต่ปี 2005 แล้ว เธอเคยเพ้นท์บนร่างกายมาแล้วนับไม่ถ้วน หลากหลายรูปแบบ และครั้งนี้เธอต้องการจะทดสอบว่า ฝีมือของเธอเนียนพอที่จะตบตาชาวเมืองได้มั้ย ‘Sarah Attwell’ ศิลปินบอดี้เพ้นท์คนซ้าย และ ‘Kelly Klein’ นางแบบอาสาสมัครคนขวา เสร็จแล้วนางแบบสาวก็ลองไปเดินเล่นบนถนนย่าน Kensington ในกรุงลอนดอน จากการทดสอบครั้งนี้ ทั้งคู่พบว่า มีเพียงแค่…
-
ตากล้องฝรั่งนำกล้องโปรทั้ง 7 ค่ายยักษ์ มาพิสูจน์ว่าค่ายไหนให้ภาพ JPEG ได้ดีที่สุด!?
หนึ่งในปัญหาที่เหล่าตากล้องถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน คือกล้องยี่ห้อใด สามารถมอบคุณภาพ ‘ภาพถ่าย’ ได้ดีที่สุด? แต่ละคนก็มีมุมมองต่างกันออกไป บางคนชื่นชอบในตัวยี่ห้อนี้ บางคนก็ชื่นชอบอีกยี่ห้อ จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น เพื่อคลายข้อสงสัยดังกล่าว ทางชาเนล TheCameraStoreTV จากยูทูป ก็ได้นำกล้องโปรจาก 7 ค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการ อันได้แก่ Canon, Nikon, Sony, Fuji, iPhone, Pentax, Olympus และ Panasonic บวกกับ iPhone 7 Plus อีกเครื่องมาทำการทดสอบว่า กล้องตัวไหนสามารถถ่ายทอดภาพในสกุล JPEG ได้ดีที่สุด (ซึ่งเป็นสกุลภาพพื้นฐานสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ได้รับความนิยมสูงสุด) โดยในการทดสอบ ผู้ทดสอบจะปรับกล้องทุกตัวให้มีค่าเท่ากันทั้งหมดได้แก่ ระยะของเลนส์, รูรับแสง และค่า ISO ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็น White Balance และอื่นๆ จะตั้ง Auto ทั้งหมด (ส่วน iPhone ที่ปรับค่าเหล่านี้ไม่ได้) และจะถ่ายในสถานที่เดียวกันในสภาพแวดล้อมเดียวกัน เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ทีมงานก็ได้ปริ้นท์รูปทั้งหมดมาแปะเรียงกันโดยไม่บอกว่า รูปไหนถ่ายจากกล้องอะไร…
-
ช่างภาพชาวญี่ปุ่น ทดลองเทียบช็อตต่อช็อต กล้องเทพ Leica M9-P ปะทะ iPhone 7 !!!
สำหรับใครที่สงสัยกันว่า ระหว่างกล้องของช่างถ่ายภาพมืออาชีพ กับกล้องของ iPhone 7 ที่ออกมาใหม่นั้น อันไหนจะดูเทพกว่ากัน และวันนี้เราก็มีคำตอบนั้นจากช่างภาพมือโปรมาฝากกันล่ะ!! Shin Noguchi เป็นช่างภาพสตรีทชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับคนหนึ่ง เขาตัดสินใจจะลองถ่ายภาพจากกล้องของ iPhone และจากกล้อง Leica M9-P และเลนส์ Leica Summicron ของเขาล่ะ ภาพทางด้านซ้ายคือจากกล้องไอโฟน 7 และภาพทางด้านขวาคือกล้องและเลนส์ของเขา… ปล. เลนส์และกล้องของเขาที่ใช้ถ่ายภาพนี้มูลค่ารวมแล้วกว่า 9,000 เหรียญ หรือราวๆ 300,000 บาท!! ภาพจาก Apple iPhone 7 และ Leica M9-P โดยใช้เลนส์ Summicron 35mm f/2 และยังมีอีกหลายภาพที่ใช้เปรียบเทียบกัน… ‘iPhone 7 ถือว่าเป็น กล้องแบบเซ็นเซอร์ 1/3 ที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ต้องยอมรับจริงๆ และถึงผมจะชอบกล้องของผมมากขนาดไหน แต่คุณภาพกล้องล่าสุดของ iPhone ก็ทำให้ผมอึ้งจริงๆ ‘ Shin Noguchi กล่าว…
-
สุดฮา!! รายการ Jimmy Kimmel ทดสอบเอา iPhone 7 ให้คนลองใช้ (ที่จริงเป็นเครื่องเดิม)
ช่วงนี้คงไม่มีกระแสใดจะแรงเท่ากับการเปิดตัวของ iPhone 7 จากค่าย Apple ผู้พลิกโฉมหน้าวงการโทรศัพท์มือถือมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยโทรศัพท์ของค่ายผลไม้เครื่องแรกถือกำเนิด จนถึงทุกวันนี้ก็ทำให้แฟนคลับหลงรักไม่เปลี่ยน แน่นอนว่า การเปิดตัวเครื่องใหม่ มันช่างยั่วยวนกิเลสของเหล่าสาวก Apple ให้เสียตังกันซะเหลือเกิน เชื่อว่างานนี้ใครๆก็อยากได้ของใหม่กันทั้งนั้นแหละ งานนี้พิธีการและดาราตลกชื่อดังในอเมริกาอย่าง Jimmy Kimmel อดไม่ได้จนต้องขออำเหล่าสาวกตามท้องถนนโดยการทดสอบครั้งนี้ ชื่อตอนว่า ‘First Look: iPhone 7’ วิธีการก็แสนจะง่ายดาย โดยการให้ทีมงานแต่งตัวเหมือนมาจากบริษัท Apple และทำเนียนเป็นว่าขอสัมภาษณ์ผู้ใช้ ถึงประสบการณ์ครั้งแรกหลังจากที่ได้ทดลองใช้เครื่อง iPhone 7 โดยอ้างว่า สามารถโอนถ่ายข้อมูลทุกอย่างจากเครื่องเก่าไปยังเครื่องใหม่ได้เหมือนเดิมเป๊ะ!!! แต่อันที่จริงแล้วมันคือมือถือเครื่องเดิมนั่นแหละ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย สิ่งที่พวกเขาทำก็แค่สัมภาษณ์ดึงจุดสนใจสายตาไว้ เช็ดหน้าจอให้ใสสะอาด และเปลี่ยนเคสมือถือให้ใหม่ แหมมช่างอำกันได้แสบซะจริงๆ จับมือถือเครื่องเดิมใส่เคสใหม่ซะเลย แค่นี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว ฮ่าๆๆ งานนี้เรียกว่าอุปทานหมู่ได้มั้ยเนี่ย? เพราะแต่ละคนต่างก็รีวิวมือถือเครื่องเดิมของตัวเอง เพราะคิดว่ามันกลายเป็น iPhone 7 ไปซะแล้ว บางคนพอจับปุ๊บ ก็รู้สึกทันทีว่ามันบางลง เบาขึ้น แถมระบบสัมผัสก็เรียบง่ายมากขึ้น…
-
ย้อนรอยหมาป่าในสวนสัตว์ ถูกฆ่าตรวจสอบพิษสุนัขบ้า หลังมีเด็กโดนกัด เพราะเข้าเขตหวงห้าม…
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนคงสะเทือนใจกับข่าวที่ลิงฮารัมเบ ที่ถูกวิสามัญหลังมีเด็กคนหนึ่งตกลงไปในกรงของมัน จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่รู้หรือไม่ เมื่อช่วงปีก่อนก็มีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ เกิดขึ้นที่สวนสัตว์ Menominee Park ในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา จนต้องสังเวยชีวิตหมาป่าบริสุทธิ์ไปหนึ่งตัว เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ มีพนักงานคนหนึ่งลืมปิดประตูทางเข้าเขตหวงห้ามไว้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง สามารถเข้าไปยังพื้นที่จำกัดของพนักงานได้ และขณะที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งซึ่งเป็นแม่กำลังง่วนอยู่กับการถ่ายภาพสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด ลูกชายวัย 4 ขวบของเธอก็เดินเข้าไปใกล้รั้วกั้นระหว่างกรงหมาป่า เจ้า Rebel หมาป่าวัย 12 ปีที่อาศัยอยู่ที่นั่น ก็เดินมาหาเด็กคนดังกล่าวด้วยความสงสัย และกัดที่มือของเด็ก ผลคือมือของเด็กเกิดรอยเขี้ยวเล็กๆ ซึ่งดูแล้วไม่หนักหนามาก เพียงทำแผลนิดหน่อยก็น่าจะหายในเวลาไม่นาน แต่เมื่อกระทรวงสาธารณะสุขของรัฐวินคอซินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างก็เลวร้ายลง พวกเขากังวลว่าวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่เคยฉีดให้กับเจ้า Rebel อาจไม่ออกฤทธิ์กับหมาป่า เพราะไม่เคยมีการทดลองอย่างจริงจังมาก่อน Spencer Wilhelm จากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมาป่ากล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่เคยมีการทดลองกับหมาป่า เพราะไม่มีใครอยากฆ่าหมาป่าที่มีจำนวนน้อยเหล่านี้เพื่อทดลองวัคซีนดังกล่าว แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เชื่อว่า วัคซีนพิษสุนัขบ้า ก็น่าจะได้ผลกับหมาป่าเช่นเดียวกัน สุดท้ายแล้ว ทางกระทรวงสาธารณะสุขให้โอกาสครอบครัวของเด็กที่ถูกกัดตัดสินใจว่า จะทำอย่างไร ระหว่าง 1. ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้าให้กับเด็ก หรือ 2.…
-
คลิปเหล่านี้จะบอกให้รู้ว่า ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่มี ‘ถุงลมนิรภัย’ มันอันตรายขนาดไหน!?
เวลาคนทั่วไปเลือกซื้อรถ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาจะพิจารณาคืออะไร? อาจจะเป็นเทคโนโลยีไฮเทคๆ หรือไม่ก็เครื่องยนต์แรงๆ หรือรูปลักษณ์สวยๆ แต่หลังจากที่เพื่อนๆ ได้ชมคลิปนี้แล้ว เพื่อนๆ จะต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน หลายคนอาจไม่เคยทราบว่า บรรดาสิ่งของที่ติดอยู่บนรถยนต์หลายๆ อย่าง ไม่ได้เกิดมาพร้อมๆ กับรถยนต์ตั้งแต่แรก อย่างเช่น เข็มขัดนิรภัย ก็เพิ่งมีการบัญญัติในกฎหมายเมื่อช่วงทศวรรษที่ 60 นี่เอง รวมถึงมาตรฐานและการทดสอบความปลอดภัยอื่นๆ ด้วย แต่แม้จะมีกฎหมายบังคับความปลอดภัยมากมาย แต่รู้หรือไม่ ในปัจจุบันก็ยังมีรถที่ได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับ 0 (แปลว่าไม่ป้องกันการชนแม้แต่นิดเดียว) จากองค์กร Global New Car Assessment Program อยู่มากมาย จนเพื่อนๆ ต้องตะลึงเลยว่า มันมีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ลองไปชมกันเลย เห็นได้ชัดเลยว่า แต่ละรุ่นที่เรานำมาให้ชมนั้น แทบไม่ปกป้องผู้ขับขี่กับผู้โดยสารแม้แต่น้อย งั้นเราไปลองชมหลายๆ รุ่นที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยมามั่งดีกว่า อื้อหือ เห็นได้ชัดเลยว่ารุ่นที่มีถุงลมนิรภัยมีความปลอดภัยกว่ามาก อย่างนี้จากนี้ไปเลือกซื้อรถ อย่าลืมเลือกรุ่นที่มีถุงลมนิรภัยมาให้นะฮะ แพงกว่าไม่กี่บาทเท่านั้นเอง ความปลอดภัยของเรามีค่ามากกว่านั้นเนอะ อิอิ…
-
ชวนชมคลิปการทดลองยืนท่ามกลางพายุลมความเร็ว 175 กม./ชม. คนปลิวเหมือนกระดาษ!?
แม้ว่าอากาศบ้านเราจะร้อนจัด จนบางคนภาวนาอยากจะให้มีพายุหิมะแรงๆ พัดกระหน่ำแบบในต่างประเทศ แต่เชื่อหรือไม่ว่าสภาพอากาศแบบนั้นก็ไม่ได้ดีเสมอไปนะ… เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Huffingtonpost ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการทดลองของสถานีอุตุนิยมวิทยา เมาท์วอชิงตัน ในรัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา โดยให้นาย Mike Dorfman ออกไปยืน เดิน วิ่งท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้ายบนยอดเขาสูง ตามรายงานบอกว่าในขณะนั้นมีพายุเฮอริเคนที่พัดด้วยความเร็วถึง 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้นาย Mike ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ เขาถูกลมพัดและต้านอย่างแรง แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามฝ่าลมแรงออกไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ แต่หลังที่พยายามอยู่นานเขาก็สามารถฝ่าออกไปได้ในที่สุด นาย Mike กล่าวว่า “มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝ่าลมแรงขนาดนี้ไปได้อย่างปลอดภัย คุณต้องเสี่ยงชีวิตของคุณพยายามหนีออกไปจากลมแรง (ผมเหนื่อยมากหลังจากที่ใช้เวลาหลายนาทีโต้ลม) หรือยอมติดอยู่ในเฮอริเคน ที่พร้อมจะพัดเอาเศษขยะและของมีคมปลิวไปมา” ทั้งนี้มีผู้ชมในโลกออนไลน์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จนมียอดผู้เข้าชมกว่า 500,000 ครั้งแล้ว ลองชมคลิปการทดลองได้ที่ด้านล่างเลย ถึงแม้อากาศบ้านเขาจะไม่ได้ร้อนจัดเหมือนกับบ้านเรา แต่มันก็ไม่แปลว่ามันคือเรื่องดีเสมอไปนะ ที่มา huffingtonpost , Mount Washington Observatory
-
CEO บริษัทขายอุปกรณ์ป้องกันตัวญี่ปุ่นโชว์แมน อัดคลิปทดสอบสินค้าลงเน็ต อะไรจะทุ่มเทปานน้าน!!
อย่างที่เราทราบกันดีว่า บริษัทจากประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ในโลก โดยเฉพาะผู้นำของบริษัทนั้น ต้องมีทั้งความสามารถ ความรับผิดชอบต่องานและสังคม รวมทั้งความทุ่มเทให้กับงานอีกด้วย ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกว่าพวกเขาเป็นยังไง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักับสุดยอด CEO คนหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ทุ่มเททั้งกายทั้งใจในการทำงาน จนบางทีก็สงสัยว่า ต้องทุ่มเทขนาดนั้นม้ายยย จะเป็นใคร ไปชมกันเลย คนทีเรากำลังจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักชื่อว่า Koichi Shiraishi เขาเป็น CEO ของบริษัท KSP Self-Defense & Security ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ต่อต้านอาชญากรรมและการจราจลชื่อดังของญี่ปุ่น ฟังดูแล้ว สิ่งของที่พวกเขาขายนั้นแทบไม่ต่างจากอาวุธดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะเป็นกระบอกช็อตไฟฟ้า โล่ช็อตไฟฟ้า สเปรย์พริกไทย และอื่นๆ อีกมากมาย แม้จะดูอันตราย แต่พวกเขายืนยันว่าอุปกรณ์ของพวกเขาทุกชิ้น ไม่ได้มีความรุนแรงจนถึงชีวิต ด้วยเหตุนี้เอง คุณ Koichi Shiraishi จึงออกมาอัดคลิปทดสอบผลิตภัณฑ์ของเขาด้วยตนเอง (และใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองด้วย) ว่าไม่มีอันตรายใดๆ ถึงตายนะจ๊ะ อ๊ะ ลองไปชมกันดูดีกว่า!! อันนี้เป็นคลิปทดสอบกระบองช็อตไฟฟ้า โอ้โห ทุ่มเทอะไรจะปานนั้น นอกจากกระบองช็อตไฟฟ้าแล้ว โล่ช็อตไฟฟ้าเค้าก็ทดสอบด้วยตนเองเช่นกัน ไปดูกัน…
-
5 บทเรียนดีๆ ที่เธอได้รับ ของบล็อคเกอร์สาว ผู้ทดลองเลิกเล่นโซเชียลมีเดียเป็นเวลา 72 ชั่วโมงเต็ม!!!
ก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะสังเกตกันรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ ก็คือโซเชียลมีเดียได้เข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตของผู้คนในยุคนี้เอาซะมากๆ จนอาจเรียกได้ว่ากลืนกินไปเลยทีเดียว สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีบทความดีๆ ของ Emma Renton บล็อคเกอร์สาวธรรมดาคนหนึ่งที่ทดลองเลิกใช้โซเชียลมีเดียเป็นเวลา 72 ชั่วโมง หรือประมาณ 3 วันนั่นแหละ และนี่ก็คือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากการเลิกเล่นสังคมออนไลน์ ระหว่างนั้นเธอก็ได้มีเวลาไปพักร้อนที่บาหลีพอดี และนี่คือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้… Emma Renton 1. ทำให้ฉันได้มีเวลาพักบ้าง วันแรกฉันรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างมาก ฉันไม่รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับฉัน ลองมานั่งคิดดีๆ แล้วก็นึกได้ว่าฉันมีความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบล็อคของฉันรึเปล่า คนเข้าชมอาจจะลดลง หรือฉันอาจพลาดอะไรไปในสังคมออนไลน์ของฉัน ฉันเลยไปหาอะไรอย่างอื่นทำดู เช่นดื่มคอกเทล กินอาหารดีๆ 2. ฉันมีเวลาเหลือเฟือเพียงพอที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ที่อยากทำได้ทั้งหมด น่าแปลกใจจริงๆ ที่การเลิกเล่นโซเชียลมีเดียให้เวลาคุณเพิ่มขึ้นอย่างมาก แทนที่จะเข้าไปดูว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกออนไลน์ เลื่อนๆๆๆ ดูมันอยู่อย่างนั้น ฉันมีเวลามากมาย ชื่นชมกับสิ่งรอบข้าง ดูแฟนฉันที่กำลังหลับ รวมถึงเวลาสำหรับทำงานวิจัย ที่มีอย่างเหลือเฟือเลยล่ะ 3. ฉันรู้สึกผ่อนคลายไร้กังวลและสดชื่นสุดๆ ความคิดเรื่องวันนี้จะโพสต์อะไรลงไปในโลกออนไลน์ดี? หรือวันนี้จะไปกินอะไรไปที่ไหนดีจะได้มีอะไรมาโพสต์? ความคิดเหล่านี้ล้วนแต่อันตรธานหายไปหมด แม้กระทั่งความกังวลที่ว่าจะต้องตอบแชทเพื่อนๆ…
-
‘คนญี่ปุ่นเค้าว่าซื่อสัตย์’ ตั้งแต่อดีตมาถึงสมัยนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือไม่ เรามาพิสูจน์กัน!?
คุณสมบัติที่สร้างชื่อเสียงและถูกกล่าวขานไปทั่วโลกสำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นก็คือ ‘ความซื่อสัตย์’ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ชาวญี่ปุ่นก็ยังคงยึดหลักความดีเหล่านี้ติดตัวอยู่เสมอมา แต่เราก็คงเคยได้ยินมาว่าเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน อะไรมันก็จะเปลี่ยนไป ไม่มียั่งยืน แล้ว ความซื่อสัตย์ เหล่านี้จะยังคงอยู่กับชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันหรือไม่ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าคิดเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น YouTuber ชาวญี่ปุ่นนามว่า Zenim จึงได้ออกไปทำการทดสอบกันซักหน่อย ด้วยการแกล้งทำกระเป๋าตังค์หล่นในย่านฮาราจูกุ โดยจะทำแบบนี้ทั้งหมด 15 ครั้งด้วยกัน ก่อนอื่นขออ้างอิงสถิติว่าในแต่ละปีจะมีเงินประมาณ 27 ล้านเยนถูกส่งให้กับตำรวจนครบาลของญี่ปุ่นอันเป็นทรัพย์สินที่สูญหาย และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอัตราการได้รับของคืนมากที่สุดในโลกคิดเป็น 72% และในคราวนี้ก็จะมาขอทดสอบกันหน่อยว่า เมื่อทำหล่นไปแล้วเขาจะได้กระเป๋าตังค์คืนมั้ย? รายแรกมาแล้ว เอ๊ะ!! ทำกระเป๋าตังค์ตกนะพี่ รีบวิ่งนำไปคืนอย่างรวดเร็ว รายที่สองก็เห็นเหมือนกัน กระเป๋าตังค์ตกอ่ะพี่ ฝ่ายชายรีบวิ่งไปเรียก ส่วนฝ่ายหญิงก็รีบไปเก็บมาให้ บางคนก็ไม่ได้หยิบให้เลยซะทีเดียว แต่จะทำการเรียกแทน ผลลัพธ์ที่อกกมาก็คือ ทดสอบ 15 ครั้ง ได้คืน 15 ครั้ง 100% …
-
วินาทีซึ้ง… หนูน้อยญี่ปุ่นกระโดดข้ามบอร์ดไม่ผ่าน เพื่อนๆช่วยรวบรวมกำลังใจ เห็นแล้วมันน่ารัก
ขึ้นชื่อว่าการสอบมันต้องหนักหนาและสาหัสอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงชั้นอนุบาลของประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีการทดสอบกระโดดข้ามเบาะอันสูงชัน ดูเป็นไปได้ยากสำหรับเด็กอนุบาล แต่เด็กๆ หลายคนก็สามารถผ่านไปได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าน้องคนนี้ที่ทำยังไง ก็ไม่ผ่านซักที หนุ่มน้อยรายนี้ พยายามที่จะกระโดดข้ามเบาะไปให้ได้ พยายามกี่ครั้งก็ตามแต่ ผลที่ออกมาก็คือไม่ผ่าน เพราะตัวดันไปติดกับเบาะตลอด คุณครูก็ให้โอกาสทดสอบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังให้หนุ่มน้อยสามารถกระโดดข้ามไปได้ แต่จนแล้วจนรอดพ่อหนุ่มน้อยของเราก็ยังไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้ซักที ถึงกับออกอาการท้อแท้ ร้องไห้ออกมาเลยล่ะ พอเพื่อนๆ เห็นปุ๊บก็คิดได้ว่าควรจะทำอะไรซักอย่างแล้ว เพื่อนๆ เห็นว่าเขากระโดดไม่ผ่านหลายรอบ จึงลุกขึ้นมาพร้อมกันและตั้งวงบูมให้ เพื่อเรียกพลัง ขวัญและกำลังใจ จนในที่สุดพ่อหนุ่มน้อยของเราก็สามารถกระโดดข้ามเบาะไปได้อย่างสวยงาม!! พลังสปิริตจากคนรอบข้างนี่รุนแรงจริงๆ 何度も涙を拭きながら、園児の挑戦 感動の10段跳び Posted by 有村吉孝 on Saturday, February 20, 2016 ที่มา : 有村吉孝
-
บอกมาคุณเห็นอะไร!? ภาพแรกที่สมองสั่งให้คุณเห็นสามารถบ่งบอกได้ว่าคุณเป็นคนยังไง
วันนี้ #เหมียวเลเซอร์ มีอะไรสนุกๆ ทดสอบสมองกันซักหน่อย ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรมากมาย เป็นเพียงแค่ภาพหนึ่งภาพ แต่สามารถบอกได้ว่าความคิดของคุณเป็นแบบไหนกัน เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนลงมาดูกันโลด!! ปิ๊งงงงง!! เอาล่ะ ทีนี้ ลองบอกมาซิว่าแวบแรกที่เห็น คุณนึกถึงอะไรเอ่ย? นกใช่มั้ย? ใช่กระต่ายรึเปล่า? เอ หรือว่าจะเป็น เป็ด? ไม่ว่าคุณจะเห็นเป็นอะไร มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ตอนแรกคุณเห็นเป็นเป็ด แต่ลองดูอีกที อ๊ะ!! มันกลายเป็นกระต่ายไปแล้ว งงล่ะสิ? สำหรับภาพดังกล่าวนั้นเป็นภาพลวงตา (ลักษณะคล้ายๆ กับสีเสื้อทอง – น้ำเงิน ที่เถียงกันในเน็ตไม่รู้จบนั่นแหละ) และสิ่งแรกที่คุณมองเห็นจะสามารถบ่งบอกได้ว่าสมองของคุณมีความคิดสร้างสรรค์มากแค่ไหน โดยภาพนี้ถูกวาดขึ้นมาโดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกันนามว่า Joseph Jastrow เป็นการทดสอบการประมวลผลของสมองที่จะสามารถมองเห็นสัตว์ตัวที่สองได้รวดเร็วแค่ไหน ซึ่งถ้าหากว่าคุณสามารถสังเกตเห็นสัตว์ตัวที่สองได้เร็วมากๆ นั่นก็หมายความว่าคุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าปกติ ที่มา : ist-socrates.berkeley.du, mathworld.wolfram, theladbible
-
ลองใจกับคนในเกม DayZ ให้ปืนฟรีๆ หวังจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม!!
หลายครั้งหลายคราที่เรามักจะได้เห็นคลิปการทดสอบทางสังคม การลองใจต่างๆ นานา เพื่อสะท้อนให้เห็นความนึกคิดภายในจิตใจของคน มันสามารถบอกเราได้ว่าในปัจจุบันมีทั้งคนที่ดีและไม่ดีอยู่ปะปนกันไป เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานั้นจะมีส่วนไหนมากกว่ากัน นอกจากในชีวิตจริงแล้ว ชีวิตจำลองภายในเกมก็เป็นเช่นเดียวกัน อย่างในเกม DayZ ผจญไปในโลกเปิดอิสระเสรีภายใต้การแพร่ระบาดของซอมบี้ ผู้เล่นต้องฝ่าฟันเอาชีวิตรอดจากทั้งซอมบี้และผู้เล่นอื่นๆ ภายในเกม เพราะใครสามารถทำอะไรก็ได้ แม้แต่การฆ่าผู้เล่นคนอื่นเพื่อแย่งชิงทรัพยากร!! เพื่อให้การอยู่รอดดำรงไปได้ยาวนานที่สุด มนุษย์จึงต้องทำการผูกมิตรกับผู้อื่น ซึ่งนั่นหมายถึงความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน โดยผู้ใช้ YouTube นามว่า Cyborg Lizard ได้ปล่อยคลิปการทดลองใจให้ปืนกับผู้เล่นคนอื่นภายในเกม เพื่อเป็นการผูกมิตร (ของฟรีใครก็อยากได้ โดยเฉพาะปืน) แต่การให้ปืนก็เหมือนกับให้อำนาจตัดสินชีวิต จึงต้องมีการปลดกระสุนไว้ก่อน ให้แต่ปืนเปล่าๆ เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่เพิ่งรู้จักกันก็มักจะหันปืนมาแล้วลั่นไกใส่ ซึ่งทำแบบนี้มันไม่ดีเลย จึงต้องโดนกรรมตามสนองไปทุกราย ถึงแม้จะเป็นการทดสอบภายในโลกของเกม แต่มันช่วยสะท้อนให้เห็นได้ว่าภายในความคิดและจิตใจของคนเรามันเป็นเช่นไร อย่างไรก็ตามก็ควรที่จะเล่นให้มีขอบเขตและมีน้ำใจให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ กันด้วยนะจ๊ะ #เหมียวเลเซอร์ ขอสนับสนุนให้เล่นเกมอย่างมีความรับผิดชอบทั้งตัวเองและผู้อื่น ที่มา : Cyborg Lizard
-
เปลี่ยนแปลงทุกความเชื่อ เมื่อเหล่าอาสาสมัครมาทดสอบ DNA ว่าพวกเขามีเชื้อสายมาจากที่ไหนกันแน่!!?
เพื่อนๆ ก็คงจะพอรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของตัวเองกันอยู่บ้าง ว่ามีบรรพบุรุษเป็นคนพื้นเพประเทศไหน เชื้อชาติไหน เพราะหลักๆ แล้วมันก็แสดงออกจากทางหน้าตาและกรรมพันธุ์นั่นแหละ แต่สิ่งที่เหมียวอยากจะบอกก็คือ ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราไม่มีทางทราบได้ 100 เปอร์เซ็นต์หรอกว่า เรามีพื้นเพมาจากไหนกันแน่!!? แต่รายการนี้ในต่างประเทศ จะทำให้คุณได้รู้กัน รายการ Test Friends เพื่อนรักนักทดสอบ เลยนำอาสาสมัครมาทดสอบว่าพวกเขาเป็นคนเชื้อชาติไหนกันแน่ โดยใช้เครื่องมือทดสอบทางพันธุกรรม ที่มีผลแม่นยำมาช่วยกันเลยทีเดียว!!? สำหรับบางคนก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนเชื้อชาติอะไร พื้นเพมาจากไหน และค่อนข้างมั่นใจด้วยล่ะ ในส่วนของการเก็บ DNA นั้นก็ไม่มีอะไรยาก ถุยลงไปเลย ฮร่าาาา เอิ่มมม เวรกรรม เศษอาหารติดลงไป -*- และผู้ดูแลก็คือ Erynn Gordon ผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาทางด้านพันธุกรรม Jen คนแรกที่ทราบผลก็ได้เรื่องเลย ว่าเธอไม่ได้มีเชื้อสายอิตาเลี่ยน อย่างที่เธอคิด!!? แต่กลับเป็นเอเชียและญี่ปุ่นแทน Maycie ที่มั่นใจได้เลยว่า 99.99 เปอร์เซ็นต์ของเธอนั้น เป็นชาวยุโรปเต็มตัว!!! Ryan แปลกใจมากๆ…
-
Go-Jek บริษัทเรียกวินมอไซค์ของอินโด ทดสอบกลิ่นตัวของผู้สมัคร ก่อนรับเข้าทำงาน!
ในประเทศที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคนอย่างอินโดนีเซีย พาหนะที่รวดเร็วและมีจำนวนมากที่สุดก็คือรถจักรยานยนต์นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ บริการจักรยานยนต์รับจ้าง จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป บริษัทเรียกรถจักรยานยนต์ออนไลน์อย่าง Go-Jek จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว (คล้ายๆ Grab Bike ในไทย) แน่นอน ด้วยความที่เป็นที่นิยมเช่นนี้ ทำให้มีผู้สนใจสมัครเข้าเป็นพนักงานของ Go-Jek เป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทางบริษัท Go-Jek จึงออกมาตรฐานการรับสมัครใหม่ ซึ่งอิงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก นอกจากทักษะการขับขี่รถแล้ว พวกเขายังทดสอบ “กลิ่นตัว” ของผู้ที่สมัคร ก่อนจะรับเข้าทำงานอีกด้วย! Aris Wahyudi ผู้ก่อตั้ง Go-Jek กล่าวขณะมาชมการทดสอบว่า “เราคัดเลือกพนักงานตามความพึงพอใจของลูกค้า คนที่มีกลิ่นเหงือกับกลิ่นรักแร้ เราจะไม่ให้ผ่าน” นอกจากคนที่กำลังจะเข้าทำงานแล้ว คนที่เป็นพนักงานอยู่แล้วก็ต้องมีการทดสอบเช่นกัน โดยทุกครั้งหลังลูกค้าใช้บริการเสร็จ จะมี “การประเมินกลิ่นตัว” ของพนักงานให้กด หากใครได้คะแนนต่ำๆ อาจจะโดนตักเตือน และมีการพักงานได้ Muhammad Ali พนักงานธนาคารวัย 44 ปี เขาต้องการหารายได้เสริมจากงานนี้…
-
ผู้รายงานข่าวชาวอิสราเอล ทดสอบเสื้อกันมีดแทง แต่โชคร้ายมันกันไม่ได้ 100% เจ็บตัวเลย!!
ถือว่าเป็นความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งกับการทดสอบเสื้อกันวัตถุอันตรายที่มีออกมามากมาย เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพที่แท้จริงของมัน ก็ต้องมีการทดสอบเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันกระสุน เสื้อกันสะเก็ดระเบิด รวมไปถึงเสื้อกันมีดตัวนี้แหละ ผู้รายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ชาวอิสราเอล Eitam Lachover เป็นผู้ที่ใส่เสื้อกันมีดแทงตัวนี้ โดยมีนาย Yaniv Montakyo รองประธานบริษัทผู้ผลิตเสื้อเกราะเป็นผู้แทงมีด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงความสตรองของเสื้อตัวนี้ มีดที่ใช้ทดสอบก็คือมีดคอมมานโดเหล็กหนาที่ถูกใช้โดยเหล่าทหารจากทั่วโลก ซึ่งก่อนที่จะถูกแทง Lachover ก็ถามแบบเกรงๆ ว่า ‘คุณจะแทงผมด้วยไอ้นี่จริงๆ เหรอ?’ คำตอบที่ได้รับก็คือ ‘อ่ะแน่นอน’ แถมยังบอกให้คลายกังวลว่า ‘คุณไม่ต้องห่วงหรอก เรามั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเรา มันสามารถปกป้องคุณจากมีดที่แข็งแกร่งว่ามีดเล่มนี้ได้ชัวร์ๆ อย่าได้กลัวไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ผมยังอยู่กับคุณนะ’ โดนแทงทะลุในการทดสอบครั้งที่สอง!! หลังจากที่เริ่มแทงไปได้ซักพัก ดูเหมือนว่าเสื้อเกราะกันมีดจะทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เพื่อให้แน่ใจก็แทงไปอีกรอบ ซึ่งในคราวนี้มันไม่เหมือนครั้งแรก เพราะโดนแทงทะลุเสื้อเกราะไปแล้ว มีปฏิกิริยาตอบสนองของ Lachover ให้เห็นเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาสีหน้าเอาไว้ได้ ภายหลัง Montakyo ก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจที่ไม่ทันได้สังเกตว่าเขาทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงกับการทดสอบในครั้งนี้ มันอันตรายมากๆ ถ้าหากว่ามีดเสียบทะลุเสื้อเกราะเข้าไปจนมิดด้าม…
-
ชมคลิปการทดสอบการ “ดื่มฉี่” ของตัวเอง พร้อมปฏิกิริยาสุดฮาของแต่ละคน!!
ฉี่คือของเสียที่ร่างกายเราขับออกมา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครคงคิดจะดื่มของเสียกันหรอก เพราะมันไม่น่าจะเป็นอะไรที่กินได้ ทางเว็บไซต์ BuzzFeed จึงได้ทำการทดสอบด้วยการให้อาสาสมัครมาดื่มฉี่ของตัวเองโชว์ทุกคน และบอกเล่าความรู้สึกว่ามันมีรสชาติยังไง และรู้สึกอะไรบ้างหลังดื่มมันเข้าไป แค่คิด เหมียวก็จะอ้วกแล้วเนี่ย หลายคนก็คงเคยอ่านบทความต่างๆ ว่าฉี่สามารถรักษานู่นรักษานี่ได้ บ้างก็บอกว่ามันเป็นข่าวลวงบ้าง ทั้งนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่าถ้าเราดื่มฉี่เข้าไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราบ้าง ดังนั้นใครคิดจะลอง ก็ลองไปเลยถ้ากล้านะ อิอิ และนี่ก็คือผู้ที่จะมาทดสอบการดื่มฉี่ของเรา ดูหน้าตาแต่ละคนแล้ว รู้เลยว่าเต็มใจมาก(เหรอ) การทำใจเป็นเรื่องที่ยากมากเลยทีเดียว แต่สุดท้ายทุกคนก็ทำได้ เราไปชมคลิปปฏิกิริยาของแต่ละคนกันเลยดีกว่า แน่นอนว่าทุกคนรับไม่ได้กับฉี่ของตัวเอง บางคนถึงกับน้ำตาไหล ส่วนรสชาตินั้นบางคนก็บอกว่ามันเค็มๆ บางคนก็บอกว่ากลิ่นเป็นไง รสชาติก็เป็นงั้น เหมียวนี่นึกตามไม่ถูกเลย ใครอยากรู้ว่าเป็นไงก็อย่าลืมไปลองชิมกันเองละกันนะ ที่มา distractify
-
อยากให้เธอลอง!! พาเลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ พาเกย์มาพบกับหญิงแท้ ลงเอยด้วย ‘จูบ’
ในยุคสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงมากจนถึงมากที่สุด ซึ่งในเรื่องของเพศทางเลือกในอดีตนั้นถูกปกปิดมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าทั้งฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงที่มีความรู้สึกในด้านความรู้สึกชื่นชอบเพศเดียวกัน ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการเปิดกว้างและยอมรับมากขึ้นแล้ว แต่จะว่าไปในเรื่องของความรู้สึกที่ชื่นชอบในเพศเดียวกัน หากให้พวกเขาเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยนหรือเกย์มาพบกับผู้ที่มีเพศเป็นปกติบ้างล่ะ พวกเขาจะรู้สึกแบบไหน!? ก็คงไม่ต่างจากคนทั่วไปนั่นแหละ ก็คือผู้คนธรรมดาเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือความรู้สึกในเรื่องแรงกระตุ้นในเรื่องเพศ ซึ่งหากให้พวกเขามาพบกับเพศที่ตรงกันข้ามแบบนี้ ปฏิกิริยาของพวกเขาก็มีความรู้สึกเขินอายเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งในงานนี้ก็ได้เชิญเลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ และเกย์มาพบกับหญิงแท้ เพื่อพิสูจน์ในเรื่องของการจูบ ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ลองมาพิสูจน์กันได้ในคลิปทั้งสองด้านล่างเลยจ๊ะ เลสเบี้ยนมาพบกับชายแท้ เกย์มาพบกับหญิงแท้ (บางคนไม่เคยจูบผู้หญิงมาก่อนเลย) ทั้งนี้ จากการที่ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว พวกเขาก็ยังเหมือนคนทั่วไป เพียงแต่ว่าการจูบกับเพศปกตินั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ทางด้านเพศหรือมีแรงกระตุ้นเท่าที่ควร แต่ก็ยังมีความรู้สึกดีที่ได้มอบให้กับฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง ที่มา : The Human Experiment
-
นักวิจัยเผยวิธีเอาชนะโรคกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาที ‘ถ้ากลัวมัน ก็เข้าไปอยู่กับมันซะเลยสิ’
สัตว์โลกที่ทำให้หลายๆ คนถึงกับขนลุกขนพองผยองเดชมานักต่อนัก มันก็คือ ‘แมงมุม’ นั่นเอง ด้วยจำนวนขาที่มีมากว่าสี่ บางตัวก็ขายาวเป็นก้าง มีหนวด บางตัวก็อ้วนตุ๊บขาเป็นปล้อง แถมยังมีขนตามตัวอีก อี๋!! แค่นึกภาพก็สยองจะแย่แล้วววววว แล้วความกลัวแมวมุมเหล่านี้ คุณเคยคิดที่จะเอาชนะมันบ้างรึเปล่า? ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะเหลือเกิน ทั้งนี้นักวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ได้เสนอทางเลือกอันสุดแสนจะวิเศษที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะความกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาทีเท่านั้น แต่การที่จะเอาชนะมันในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ กลับกลายเป็นวิธีการที่ดูเหมือนจะทรมานเสียมากกว่า ดั่งสุภาษิต ‘หนามยอกเอาหนามบ่ง’ กลัวแมงมุม ก็ต้องไปอยู่กับแมงมุมภายในห้องเดียวกัน ซึ่งนักวิจัยก็เชื่อว่าการกระทำแบบนี้ภายในเวลาสองนาที กับการนำตัวกระตุ้นความกลัวเข้าไปด้วย จะช่วยทำให้เกิดการต่อสู้กับความกลัว โดยที่สองนักวิจัย Marieke Soeter และ Merel Kindt ได้ทำการทดลองกับผู้ที่มีอาการกลัวแมงมุม 45 ราย ไปขังเดี่ยวพร้อมกับแมงมุมทารันทูล่า พร้อมกับให้ยา Propranolol หรือ Placebo เพื่อลดความเครียดและกดดันของผู้ทดสอบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือบางคนอาการกลัวแมงมุมหายไปในทันที ในขณะบางส่วนก็ยังคงมีอาการกลัวแมงมุมอยู่ โดยอาศัยระยะเวลาผ่านไปประมาณปีกว่าๆ ความกลัวแมงมุมก็เริ่มหายไป …
-
นักวิทย์ฯ วิเคราะห์ภาพวาด ‘โมนาลิซ่า’ มานานกว่า 10 ปี พบว่ามีภาพผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่!!
กลายเป็นเรื่องที่จุดประเด็นให้อึ้งกันอีกครั้ง หลังจากที่นักวทิยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ปัสกาล โกตต์ ได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ให้สามารถเข้าไปวิเคราะห์ผลงานศิลปะชิ้นเอกของโลกตั้งแต่ปีค.ศ. 2004 นั่นก็คือภาพวาด ‘โมนาลิซ่า’ ของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เขาได้ทำการวิเคราะห์ภาพดังกล่าวด้วยเทคโนโลยี Layer Amplification Method ที่คิดค้นขึ้นมาเอง เป็นเทคนิคการฉายแสงความเข้มข้นสูงเข้าไปในภาพหลายๆ เพื่อวัดค่าสะท้อนแสง โดยจะนำข้อมูลที่มาสร้างภาพที่อยู่ระหว่างชั้นต่างๆ ของภาพวาด แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีภาพวาดทับซ้อนอยู่ใต้ภาพโมนาลิซ่ามากถึง 3 ภาพเลยล่ะ โดยภาพแรกเป็นภาพของผู้หญิงมีลักษณะมองออกไปด้านข้างไม่ได้มองตรงมาอย่างที่เห็น และมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอีกด้วย ส่วนภาพที่สองคือ ภาพร่างของบุคคลที่มีลักษณะศีรษะ จมูก และมือที่ใหญ่กว่าโมนาลิซ่า แต่มีริมฝีปากเล็กกว่า ส่วนภาพที่สามนั้นเป็นลักษณะคล้ายกับพระแม่มารีสวมเครื่องประดับศีรษะที่ประดับด้วยไข่มุก ทางด้าน ปัสกาล โกตต์ ก็เชื่อว่าภาพที่ปรากฏนั้นคาดว่าจะเป็น ‘ลิซ่า เกอราร์ดินี’ ภรรยาของพ่อค้าผ้าไหมชาวเมืองฟลอเรนซ์ในอดีต ส่วน ‘โมนาลิซ่า’ นั้นเป็นเพียงแค่ผู้หญิงอีกคน แต่อย่างไรก็ตาม…
-
เชฟชาวออสซี่ทดลองย่างเนื้อซี่โครงแกะในรถ แสดงอันตรายของการปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถ!!
หากใครที่ใช้รถยนต์เป็นประจำก็คงจะทราบกันดีว่าการจอดรถในที่โล่งแจ้งกลางแดดร้อนจัดๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องเกิดเพราะว่าไม่สามารถหาที่จอดรถใต้ร่มได้ ปัญหาที่ตามมาก็คือความร้อนที่สะสมอยู่ภายในตัวรถ ร้อนจะชนิดที่ว่ามันก็คือเตาอบดีๆ นี่เอง และหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจกันเป็นพิเศษก็คือการลืมหรือปล่อยเด็กทิ้งไว้ในรถยนต์ที่จอดไว้ในบริเวณที่โล่งแจ้ง ทางด้าน Kidsafe Australia ก็ได้เชิญให้เชฟชาวออสเตรเลีย Matt Moran มาพิสูจน์ถึงความร้อนระอุภายในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้กลางแดด ว่ามันร้อนมากมายแค่ไหน ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ทำการจอดรถยนต์ไว้ใกล้ๆ กับบริเวณชายหาด โดยมีอุณหภูมิเริ่มต้นที่ 27.1 องศาเซลเซียส จากนั้นก็นำเนื้อซี่โครงแกะวางไว้บนถาดและนำมาวางทิ้งไว้ในรถยนต์คันดังกล่าว แล้วก็ปล่อยให้กระบวนการทำความร้อนย่างเนื้อให้สุก ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนภายในรถยนต์นั้นร้อนระอุถึง 72.5 องศาเซลเซียส เนื้อซี่โครงแกะชิ้นนี้ก็กลายมาเป็นเนื้อย่างที่พร้อมรับประทานแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่เขากำลังจะบอกก็คือ ในทุกๆ ปีมีเด็กกว่า 5,000 รายถูกทิ้งไว้ในรถยนต์แบบนี้ ความร้อนสามารถคร่าชีวิตคนได้ เพราะหากรถยนต์มีอุณหภูมิที่สูงมากๆ มันก็ไม่ต่างไปจากเตาอบเลย แม้จะเปิดหน้าต่างระบายความร้อนแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากที่ที่อันตรายแบบนี้ เพราะฉะนั้นจงใส่ใจกับเด็กๆ ด้วย ที่มา : theage
-
ผลวิจัยชี้ วินาทีก่อนตาย เหล่าคนไข้มักจะเห็นภาพเพื่อนๆ ญาติๆ หรือคนรักที่ตายไปแล้วมาเยี่ยม!!!
เป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่น่าสนใจเลยทีเดียว แต่ไม่ใช่เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายหรอกนะจ๊ะ แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิต ‘ก่อนที่จะตาย’ มากกว่า เหล่านักวิทยาศาสตร์แห่ง Canisius College นิวยอร์ก ได้ทำการวิจัยในเรื่องนี้ โดยการสัมภาษณ์อย่างใกล้ชิด กับคนป่วยที่แพทย์ฟันธงแล้วว่าใกล้ตาย และจะตายแน่นอนกว่า 66 ราย โดยพวกเขาตอบเป็นเสียเดียวกันเลยล่ะว่า… ยิ่งความตายใกล้เข้ามามากเท่าไหร่ พวกเขามักจะเห็นภาพเพื่อนๆ ญาติ หรือคนที่พวกเขาห่วงใยและรัก ที่ตายไปแล้ว มาเยี่ยมพวกเขาในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต… ซึ่งเหล่าผู้ทดลองได้พบว่า คนไข้จะเห็นภาพเหล่านี้อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และพวกเขาแทบจะแยกแยะไม่ออกว่ามันเป็นภาพลวงตา เพราะมันรู้สึกเหมือนจริงมากๆ ส่วนความบ่อยอาจจะอยู่ที่ อาทิตย์ละครัง วันละครั้ง หรือแม้กระทั่งชั่วโมงละครั้งก็มี!!! แต่การที่เหล่าคนไข้เห็นภาพเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้อาการกลัวความตายของพวกเขาลดน้อยลง และทำให้จากไปได้อย่างสงบ… อื้อหือออ ยิ่งมีงานวิจัยออกมาแบบนี้เหมียวนี่เห็นภาพเลย ถึงว่าเวลาในภาพยนตร์ตัวละครใกล้ตายมักจะเห็นภาพคนที่รักลอยมาลางๆ อาจเป็นแบบนี้นี่เองเนาะ >< ที่มา: Metro
-
มาดูกันว่ากระจกกันกระสุนจะสามารถป้องกันปืน RPG ได้หรือไม่!!
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อกระจกกันกระสุนกันมาบ้างใช่มั้ยละ แล้วเชื่อว่าหลายๆคนก็คงเคยสงสัยว่ามันสามารถกันกระสุนขนาดไหนได้บ้าง เวลามันเจอกับปืนยิงจรวด มันจะเป็นอย่างไร วันนี้ช่องทดสอบอาวุธจากรัสเซีย Crash Zone ได้มาทดสอบให้เราดูว่า หากเราใช้ปืนยิงจรวดใส่กระจกกันสุนที่ซ้อนกันไว้หลายชั้น มันจะเป็นอย่างไร? กระสุนจะถูกหยุดหรือไม่ หรือว่ากระจกทั้งหมดจะโดนถล่มราบเป็นหน้ากลอง ไปชมคลิปทดสอบกันเลย เรียกได้ว่าเละเทะกันเลยทีเดียว จะกี่ชั้นๆก็ไม่สามารถทนทานปืนยิงจรวดได้ นั่นคงเป็นสาเหตุว่าทำไม บรรดารถถังทั้งหลายจึงไม่มีช่องกระจกไว้มองภายนอก เพราะถ้าโดนปืนนี้ไป รับรองว่าจอดไม่ต้องแจวทุกราย ยังไงก็ตามแต่ คลิปนี้เป็นคลิปที่ทำขึ้นมาเพื่อหาความรู้เท่านั้น เพื่อนๆอย่าเอาไปลองเอาที่บ้านล่ะ (บ้านใครจะมี RPG ฟระ) ที่มา Crash Zone
-
มาแล้วคลิปทดสอบการงอเครื่อง iPhone 6s Plus ดีขึ้นหรือแย่ลง ไปชมกัน!!!
ในตอนที่ iPhone 6 Plus ออกวางจำหน่ายแรกๆ มีผู้ใช้งานร้องเรียนมากมายว่าตัวเครื่องสามารถงอได้ง่ายผิดปกติ และเมื่อมีการทดสอบจากหลายๆสำนักก็พบว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้ผู้ใช้งาน iPhone 6 Plus ต้องระมัดระวังไปตามๆกัน และตอนนี้ Apple ได้วางจำหน่าย iPhone 6s Plus เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ในต่างประเทศนะ) หนึ่งในคำถามที่แฟนๆต้องการคำตอบมากที่สุดก็คือ อาการเครื่องงอได้ง่ายยังมีอยู่หรือไม่ เมื่อทางช่อง FoneFox ได้เครื่อง iPhone 6s Plus มาพวกเขาจึงจับมาทำการทดสอบการงอเครื่องในทันที จะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย ผลที่ออกมาก็คือ ตัวเครื่องมีความแข็งแรงมากขึ้น จนแทบไม่สามารถงอได้ด้วยแรงของคนๆเดียว แต่ถ้ามีคนสองคนช่วยกัน ก็ยังสามารถทำให้มันงอได้ ซึ่งสำหรับการใช้งานแบบปกติแล้ว คงไม่มีใครมาช่วยกันงอโทรศัพท์หรอกจริงมั้ย ก็ถือว่าเป็นการปรับปรุงที่แฟนๆรอคอยกันมานาน อย่างไรก็ตาม เราอาจต้องรอผลการทดสอบจากหลายๆเจ้าเสียก่อน รวมถึงการใช้เครื่องมือทดสอบ เพื่อให้ได้ผลที่แน่นอนว่า มันจะไม่งออีกจริงๆ ที่มา FoneFox
-
ชม 15 ภาพทดสอบสมองของคุณ ว่ามีความคิดไปเรื่อง ‘อย่างว่า’ มากน้อยแค่ไหน!!?
วันนี้เหมียวก็มีบททดสอบเด็ดๆ มาฝากกันอีกแล้ว ว่าเพื่อนๆ มีความคิดในเรื่องอย่างว่ามากขนาดไหน!!? อิอิ โดยเราจะใช้ภาพทั้ง 15 ภาพนี้มาตัดสินกัน แล้วมาดูกันว่า ‘คุณ’ น่ะหื่นจริงไหม!!!? นี่ก็ผักผลไม้ธรรมดาไม่เห็นมีอะไรเลยเมี๊ยววว กล้วยไง ไส้กรอกน่ะสิ สเต็กไง กรวยไอศครีม ผลไม้ ของทอด นี่ส้มไงจำไม่ได้เหรอ ขนมสอดไส้รึเปล่า แครอทชัดๆ หรือเพื่อนๆ เห็นเป็นอื่น ของหวานไอศครีมธรรมดา ผลไม้อีกแล้ว ภาพเหล่านี้มันทดสอบความหื่นตรงไหนเนี่ย ไส้กรอกไงเออ พริกรึเปล่า!!? อาหารเช้าไงล่ะ อิอิ เหมียวไม่เข้าใจว่ามันหื่นตรงไหนเนี่ยยยยย เห้อออเสียเวลาเสียการเสียงานจริงๆ ใครดูภาพเหล่านี้เป็นเรื่องอย่างว่าก็บ้าแล้วล่ะ กิกิ >< ที่มา: Distractify
-
บริษัทขนส่งญี่ปุ่นกับโฆษณาสุดน่ารักในคอนเซปต์ ‘กล่องแพคง่าย แม้แต่แมวยังทำได้เลย’
ญี่ปุ่นถือว่าขึ้นชื่อในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และความน่ารักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอะไรก็ตามก็มักจะมีความน่ารักคิขุอาโนเนะอยู่เสมอ อย่างเช่นโฆษณาของ Yamato Un’yu บริษัทขนส่งจากประเทศญี่ปุ่น ที่นำเสนอในเรื่องของกล่องแพคส่งของ ที่สามารถแพคให้เข้ารูปได้ง่ายๆ โดยให้น้องเหมียวสีดำตัวนี้มาทำการสาธิตวิธีแพคให้ดู และถ้าให้พูดถึงกล่องกับแมวมันก็เป็นอะไรที่เข้ากั๊นเข้ากัน เอาล่ะ!! วันนี้เหมียวจะมาสอนวิธีแพคกล่องให้เจ้ามนุษย์ทั้งหลายดูนะ คือมันง่ายมากๆ เลยล่ะเจ้ามนุษย์ทั้งหลาย แม้แต่แมวยังทำได้เลย เจ้าเหมียวตัวนี้ถือว่ามีความอดทนสูงมากที่ไม่เข้าไปเล่นในกล่อง ฮ่าฮ่า!! ที่มา : rocketnews24
-
บททดสอบร่างกาย ‘กำนิ้วโป้งแล้วบิดข้อมือลง’ ถ้าหากรู้สึกเจ็บแปล๊บแสดงว่าใช้งานหนัก!!
เหมียวเชื่อว่าทุกวันนี้ใครๆ ก็คงจะหันมาใช้สมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว แบบว่าหันไปทางไหนก็เห็นมีแต่คนใช้นิ้วจิ้มหน้าจอ สไลด์ไปๆ มาๆ และหนึ่งในพฤติกรรมที่เรามักจะทำโดยไม่รู้ตัวนั่นก็คือการหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คแทบจะทุกนาที และสไลด์หน้าจอด้วยนิ้วโป้งบ่อยๆ ด้วยพฤติกรรมดังกล่าว หากใครทำบ่อยๆ เป็นประจำเกือบทุกวันก็จะส่งผลทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณข้อมือได้ ถ้าอย่างนั้นลองทำ Eichoff’s Test เป็นการทดสอบร่างกายด้วยการกำนิ้วโป้งแล้วบิดข้อมือลง เพื่อที่จะได้รู้ว่าคุณเป็นโรค De Quervain’s รึเปล่า? ซึ่งถ้าหากว่าคุณลองแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บและปวดบริเวณข้อมือ นั่นก็หมายความว่าคุณใช้งานนิ้วโป้งในการสไลด์หน้าจอหรือสัมผัสปุ่มบนหน้าจอบ่อยเกินไป กลายเป็นโรค De Quervain’s หรือปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ ถ้ารู้ตัวแล้วก็ควรที่จะพักการใช้งานบ้าง และรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วนเลยจ้า ที่มา : fooyoh
-
หญิงสาวใจเด็ด!! ยอมลงทุนใช้ตัวเองเป็น “ตัวทดสอบ” สารเคมีในเครื่องสำอางแทนสัตว์
เพื่อนๆ รู้ไหมเอ่ย กว่าจะมาเป็นเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์เครื่องประทินผิวให้เราได้ใช้กับต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง มันคงจะซับซ้อนน่าดู แต่ที่แน่ๆ เครื่องสำอางเหล่านี้ต้องผ่านการทดสอบกับสัตว์ก่อนว่าปลอดภัยใช้ได้หรือเปล่า หญิงสาวคนนี้เธอเลยทนเห็นสัตว์ตัวน้อยเหล่านี้ถูกนำมาทดสอบกับสารเคมีไม่ได้ เธอชื่อว่า แจ็คการีน (Jacquelin) หญิงสาวชาวอังกฤษ เธอยอมลงทุนทรมานตัวเองด้วยการ ใช้ตัวเองเป็นตัวทดสอบสารเคมีแทนสัตว์เหล่านั้น นานถึง 10 ชั่วโมง ที่เธอทำแบบนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าสัตว์รู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนเวลาโดนใช้เป็นตัวทดสอบเครื่องสำอาง เธอต้องการที่จะต่อต้านและหยุดการใช้สัตว์เป็นตัวทดลอง แจ็คการีน ในชุดบอดี้สูทสีเนื้อ ในตู้กระจกที่ลอนดอนเธอต้องการให้ทุกคนเห็นเธอโดนทำการทอสอบแบบไหนบ้าง เธอโดนกระทำเช่นเดียวกับที่สัตว์โดน เช่นการทดสอบสารเคบนเปลือกตา โดนบังคับให้อาหาร โดนโกนผมเผื่อใช้ทดสอบเพื่อทดสอบผิวหนังเช่นเดียวกับที่สัตว์เหล่านั้นโดน หน้าผากและแก้มเป็นรอยไหม้จากการทดสอบสารเคมี ขณะที่ทำงานทดสอบ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยสายไฟ นี่เป็นเครื่องมือบางส่วนที่ใช้ในการทดสอบ เธอโดนทดสอบเป็นเวลา 10 ชั่วโมง ที่มือของเธอเริ่มมีเลือดออกจากการฉีดยา เธอถูกทดสอบในตู้กระจกที่ลอนดอนเพื่อที่จะแสดงให้ประชาชนได้เห็นว่ามันทรมานแค่ไหน สัตว์เหล่านั้นก็เช่นกัน ต้องยอมรับในความกล้าหาญและเสียสละของเธอจริงๆ เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงให้หยุดการทดสอบเครื่องสำอางกับสัตว์ เพื่อให้รู้ว่าพวกมันก็เจ็บปวดและทรมานเช่นกัน ที่มา wittyfeed
-
วิดีโอลับทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในอดีต ที่เหล่าทหารต้องวิ่งเข้าใส่โดยไม่รู้ชะตากรรม…
เคยมีการพูดถึงผลกระทบของการทดลองนิวเคลียร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบ Nevada ในช่วงปี 1950 แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล่าวถึงเหล่าทหารที่อยู่ในสถานที่ทดสอบแม้แต่น้อย… ที่ Camp Desert Rock สถานที่ทดสอบในตอนนั้น เหล่าทหารไม่ได้เพียงแค่ถูกบังคับให้ดูการระเบิดเท่านั้น แต่ยังต้องวิ่งเข้าใส่ระเบิดด้วย โดยไม่มีใครทราบถึงผลร้ายของรังสีแม้แต่น้อย!!! ในคลิปวิดีโอมีทหารที่รอดชีวิตมาได้เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ ทหารเหล่านี้ รวมถึงผู้เข้าชม จะได้รับพิษจากปรมาณู ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย ที่สำคัญคือโรคมะเร็งนั้นเอง จากรังสีของการระเบิด!!! ลองมาชมคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายทำไว้ได้กันที่นี่ นี่ละหนอ ในความไม่รู้ ทำให้เหล่าทหารและผู้คนต้องเสียชีวิตโดยได้รับผลกระทบมากมาย ในเหตุการณ์นี้ มีผลกระทบต่อผู้คน และส่งผลให้พวกเขาเสียชีวิตจากการรับคำสั่งที่ไร้สาระ…เป็นจำนวนมาก ที่มา: Viralnova
-
ทดสอบความแข็งแกร่งของกระจกกันกระสุน เพื่อความมั่นใจ CEO บริษัทขอลองเองเลย!!
เทคโนโลยีกระจกกันกระสุนที่ติดตั้งอยู่บนรถยนต์ของบุคคลสำคัญต่างๆ นั้นมีมานานแล้ว แต่เพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพของกระจกกันกระสุนนั้นสามารถป้องกันได้จริงๆ ก็ต้องทำการทดสอบกันก่อน ซึ่งทางบริษัท Texas Armoring Corporation (TAC) อยากจะให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพ CEO ก็เลยขอลงมาทดสอบด้วยตัวเองเลย!! สวัสดีครับ ผม Trent Kimball (คนขวา) ผู้บริหารและ CEO ของ TAC จะมาทดสอบคุณภาพกระจกกันกระสุนด้วยตนเอง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัย แนะนำตัวกันไปเรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ!! พวกเราเข้าประจำที่ได้ แล้วกระจกกันกระสุนนี้จะป้องกันชีวิตของ CEO บริษัทได้หรือไม่ ตามมาลุ้นในคลิปกันได้เลยจ้า เสียวไส้มากขอบอก!! ที่มา : armoredvehicles
-
Google โชว์ของ!! แอพฯ แปลภาษาที่เหนือไปอีกขั้น “แปลภาษาผ่านกล้อง” รวดเร็วทันใจ
หลายครั้งหลายคราวที่เราต้องการความช่วยเหลือจาก Google ในส่วนของการให้บริการแปลภาษา ปัจจุบันก็ให้บริการในทั้งรูปแบบบนเว็บไซต์และแอพพิลเคชั่น แต่ Google ยังไม่หยุดยั้งเพียงเท่านี้ พัฒนาความสามารถของแอพฯ แปลภาษาให้สามารถอ่านแล้วแปลผ่านกล้องได้แล้ว!! ล่าสุดนี้ทางทีมงานของ Google ก็ได้ปล่อยวิดีโอคลิปโชว์ความสามารถของแอพฯ แปลภาษา ที่ทำการอ่านและแปลผ่านกล้องของสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและทันใจ แปลได้มากถึง 27 ภาษากันเลยทีเดียว สุดยอดไปเลยจ้า!! คลิปวิดีโอทดสอบในการใช้งานจริง เด็ดมากๆ ขอบอก!! ที่มา : twistedsifter
-
คลิปการทดสอบความใจดีของ “ชาวลอนดอน” ที่ดูแล้วต้องยิ้มตาม!!
ใครๆก็ต่างคิดว่าผู้ดีอังกฤษโดยเฉพาะในลอนดอนนั้นต้องเป็นคนที่หยิ่ง มีความเป็นปัจเจกสูง แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดของคนที่มองแต่ภายนอก Action Productions ได้จัดทำคลิปคลิปหนึ่งขึ้นมา เป็นการทดสอบความใจดีของชาวลอนดอน ซึ่งผลออกมานั้นต้องทำให้เรายิ้มตาม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยคุณยายยกของ การปลุกคนที่นอนอยู่ เราไปดูคลิปการทดลองน่ารักๆ นี้กันเลย ที่มา Action Productions