Tag: ทางการ
-
หญิงชาวอินโดถูกตัดสิน “ประหาร” ในซาอุฯ เพราะฆ่านายจ้างที่พยายาม ‘ข่มขืน’ เธอ
ชาวอินโดนีเซียในกรุงจาการ์ตาได้เกิดความไม่พอใจกับทางประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างมาก หลังหญิงชาวอินโดนีเซีย ถูกตัดสินประหารชีวิต โดยไม่มีการแจ้งรัฐบาลอินโดฯ Tuti Tursilawati ผู้ใช้แรงงานหญิงชาวอินโดนีเซียที่อพยพเข้ามายังประเทศซาอุดีอาระเบียได้ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2011 ด้วยคดีฆาตกรรมนายจ้างของตน แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังไม่ได้รับโทษ กระทั่งวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา เธอถูกประหารชีวิตเป็นที่เรียบร้อยในเมืองอัฏฏออิฟ ประเทศซาอุดีอาระเบีย Tuti Tursilawati การตัดสินคดีในครั้งนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ชาวอินโดนีเซียอย่างยิ่ง Joko Widodo นายกรัฐมนตรีของอินโดนีเซียได้ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ถึงสาเหตุที่ไม่แจ้งข่าวการประหารชีวิต Tuti Tursilawati ให้ทางการอินโดนีเซียได้ทราบ ประกอบกับการให้ปากคำของ Tuti ที่กล่าวว่าเป็นการกระทำเพื่อ ป้องกันตนเอง หลังจากถูกนายจ้างของเธอลวนลามและคุกคามทางเพศ ยิ่งทำให้ชาวอินโดนีเซียยิ่งไม่พอใจ ภายหลังทราบว่า ทางซาอุดีอาระเบียไม่สนใจเรื่องของการร้องขอสิทธิมนุษยชนและสิทธิการรักษาชีวิตของตน (ผู้กระทำผิด) สุดท้าย นายกรัฐมนตรีของอินโดนีเซียจึงได้พยายามร่างข้อตกลงจริงจังกับประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ทางการประเทศซาอุดีอาระเบียมีกาประหารชีวิตชาวอินโดนีเซียโดยไม่มีการแจ้งกลับมายังประเทศบ้านเกิด ที่มา: migrantcare, nextshark และ Daily Mail
-
ผู้สมัครสอบครูผู้ช่วย ส่งเอกสารขอดูคะแนนแต่ติด “แสตมป์ 7-11” สำนักงานศึกษาธิการเงิบ!!
เรียกได้ว่าเป็นภาพเหตุการณ์แปลกๆ ที่ทั้งเรียกเสียงหัวเราะและเสียงวิจารณ์เชิงลบได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อผู้สมัครสอบ “ครูผู้ช่วย” ส่งเอกสารขอรับคะแนนมาเป็นซองพร้อมแสตมป์เซเว่น… เมื่อค่ำวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้โพสต์ภาพของซองเอกสารขอรับคะแนนสอบที่ไม่เหมาะสม ประกอบไปด้วยสองภาพ ภาพแรก เป็นภาพซองจดหมายที่มีการจ่าหน้าซองเรียบร้อยแต่แสตมป์ที่ติดมานั้นหาใช่ดวงตราไปรษณียากรไม่ แต่กลับเป็นแสตมป์ที่ได้จากการซื้อของในร้าน 7-ELEVEn เสียอย่างนั้น แสตมป์เซเว่น!! ส่วน ภาพที่สอง เป็นภาพของซองเอกสารที่มีการจ่าหน้าซองพร้อมติดดวงตราไปรษณียากรสำหรับส่งแบบด่วน (EMS) ทั้งยังเขียนกำกับหน้าซองว่า “ส่ง EMS ให้ด้วย” ซึ่งดูเหมือนประโยคคำสั่งที่ไม่ควรใช้ในบริบทของทางการ “ส่ง EMS ให้ด้วย” หากว่ากันตามความเหมาะสม การขอดูคะแนนสอบนั้นควรส่งเอกสารคำร้องขอดูคะแนนไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ผ่านทางไปรษณีย์ โดยให้ใช้ซองสีน้ำตาลพร้อมติด ตราไปรษณียากร (ไม่ใช่แสตมป์อะไรก็ได้) งานนี้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดถึงกับกุมขมับกับสิ่งที่พวกเขาได้รับจากผู้สมัครสอบครูผู้ช่วย จึงต้องออกมาโพสต์ภาพซองจดหมายดังกล่าวพร้อมให้ข้อมูลและตักเตือน ไม่ให้ผู้สมัครสอบคนอื่นๆ ทำแบบเดียวกันอีก ชาวเน็ตที่พบเห็นโพสต์นี้ก็ต่างพากันคอมเมนต์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก เช่น… “เอาไรคิด?” “คือไรอะครับ อันนี้ไม่เคยส่งหรือคิดมาแล้วเลยทำเพราะจะเอาฮา หรือ*ง่จริง” “กลัวไม่ถึง จัดเลย 9 บาท 5555” “ติดสแตมป์เซเว่นนี่คือคิดยังไง…
-
ทางการไซบีเรียเตือนประชาชน โปรดระมัดระวัง ‘หมีมีปืน’ หลุดอาละวาด ถ้าเจออย่าแกล้งตาย!!
เวลาพูดถึงไซบีเรียคุณจะนึกถึงอะไรเป็นสิ่งแรก สุนัขไซบีเรีย? สภาพอากาศที่หนาวเย็น? แน่นอนว่าคุณอาจจะไม่ทันคิดถึงหมีใช่ไหมล่ะ ยิ่งหมีถือปืนคุณยิ่งคาดไม่ถึงแน่ๆ อ่านแล้วอาจจะงง อะไรกันหมีมีปืน? แต่ทางการไซบีเรียได้แจ้งเตือนกับประชาชนแบบนั้นจริงๆ เพราะว่าเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 ได้มีหมีตัวตัวหนึ่งบุกเข้าไปในกระท่อมนายพรานจากนั้นก็แอบขโมยปืนของเขาไป นายพรานวัย 56 ปี ได้ออกมายืนยันเรื่องนี้กับตัวเอง โดยเขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ตอนนั้นผมออกไปล่าสัตว์ ซึ่งกว่าจะกลับถึงเมืองก็ใช้เวลานาน ผมเลยตัดสินใจพักอยู่ในกระท่อมกลางป่า จากนั้นผมหิวน้ำเลยกะออกไปหาน้ำดื่มสักหน่อย พอกลับมาก็ได้เจอกับเจ้าหมีที่พยายามทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมไม่อยากปะทะจึงต้องหนี” ไม่นานนักหลังจากที่นายพรานคนดังกล่าวหนีไปเพื่อหลบเจ้าหมีก็ได้กลับมาที่กระท่องหลังเดิม เขาพบว่ากระเป๋าและปืนสองกระบอกของเขาได้หายไป ตัวเขาจึงตัดสินใจไปแจ้งตำรวจเกี่ยวกับเรื่องที่เจอ จากรายงานของตำรวจก็พบว่าหมีได้ทิ้งร่องรอยการเดินทางไว้พอสมควร ทั้งกรงเล็บและรอยฟันของมัน อย่างไรก็ตามตัวนายพรานก็ตัดสินใจออกตามหาหมีเพื่อทวงปืนของเขาคืน . หลักฐานที่เจ้าหน้าที่เจอรอย เล็บของเจ้าหมีตัวป่วน แน่นอนว่านายพรานยังสามารถล่าหมีดังกล่าวได้ปกติ เพราะจนกว่าจะหมดฤดูกาลล่าสัตว์ในไซบีเรียนนั้น ก็ต้องรอจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน ซึ่งก็หวังว่านายพรานจะเจอหมีและปืนของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากรู้แน่ๆ คือหมีเอาปืนไปทำไม? หรือว่าหมีจะเรียนรู้การใช้ปืนแล้ว? หรือมันตั้งใจวางแผนจะมายึดครองโลกของเรา หว่ายยยยย!! ที่มา siberiantimes,odditycentral
-
อัพเดทภาพ “ปู ไปรยา” มาในลุคสุดทางการ สวยดูดี เป๊ะเวอร์แม้จะไม่ได้อยู่ในลุคเซ็กซี่
นางเอกสาวในวงการบันเทิงไทย ที่ทั้งสวย ฮอต และเซ็กซี่ หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของสาว “ปู ไปรยา” แน่นอน และนอกจากความสวยแล้ว สาวปูยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน หรือแต่งตัวในลุคใด ก็ดูสวยเป๊ะอยู่ตลอด ในลุควันสบายๆ แค่เสื้อสายเดี่ยวสีดำ สลายผมแบบธรรมชาติ แค่นี้ก็เป๊ะเว่อร์ หรือจะมาในลุคสวยหรู ดูไฮโซ นางก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน ลุคสาวมั่นที่เห็นจนชินตา สวยตลอดเวลาจริงๆ ภาพที่เห็นด้านบน ถือเป็นลุคที่เราเห็นสาวปูแต่งกันอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับลุคใหม่ล่าสุดที่เธอได้อัพเดทลงในอินสตาแกรมส่วนตัว บอกเลยว่าไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ แถมยังทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัวเลยละ นี่คือภาพของสาว ปู ไปรยา ในงานเสวนา “การทำงานเพื่อมนุษยธรรมกับหลักพุทธศาสนา” ของ UNHCR ที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ (UNCC) กับลุคที่ดูทางการ และเรียบร้อยที่สุดเลย แม้ว่าจะไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่ หรือเลิศหรูอลังการ แต่เธอก็ยังเป๊ะจริงไรจริง สวยของจริงต้องแบบนี้ นอกจากความสวยแล้วเธอยังเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แถมยังเป็นไอดอลของสาวๆ หลายๆ คนอีกด้วย…
-
ผู้สมัครทหารในอินเดียนับพัน ถูกจับแก้ผ้าสอบเหลือแต่กางเกงชั้นใน เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต
วันที่ 1 มีนาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ทางการของประเทศอินเดีย ได้สอบคัดเลือกผู้เข้าสมัครทหารใหม่จำนวน 1,159 ราย โดย 775 ราย สมัครสอบเพื่อเป็นทหารราบ ในขณะที่ 211 ราย สมัครสอบเพื่อเป็นแพทย์ทหาร และอีก 173 ราย สมัครสอบเป็นทหารฝ่ายเทคนิค จากการรายงานพบว่า รูปแบบในการสอบครั้งนี้ ผู้เข้าสอบจะต้องถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าจนหมดให้เหลือแต่กางเกงชั้นในตัวเดียว และให้นั่งสอบกลางสนามหญ้า เพื่อป้องกันการทุจริตในการสอบนั่นเอง นอกจากนี้ผู้สมัครรายหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อพวกเขามาถึงสนามสอบ ก็ถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้าทันที ซึ่งในสนามสอบพวกเขาจะต้องนั่งให้ห่างกันราว 8 ฟุตทั้ง 4 ด้าน ด้านนาย Col Godhara เจ้าหน้าที่จากกองทัพ ได้เผยว่า เราไม่เคยให้ผู้สมัครถอดเสื้อผ้าในระหว่างการสอบข้อเขียนเลย เว้นแต่จะเป็นการทดสอบสมรรถภาพทางกายและทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นความผิดพลาดของฝ่ายบริหารจัดการท้องถิ่นที่ไม่ควรเกิดขึ้น ที่มา : indianexpress