Tag: ทารกถูกทิ้ง
-
หมาไส้กรอกตัวน้อยพบ “ทารก” ถูกทิ้งในท่อระบายน้ำ จึงทำให้ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทัน
ใครกันนะที่บอกว่าว่าเจ้าตูบเป็นได้แค่เพื่อนยามเหงาเท่านั้น วันนี้ เจ้าตูบตัวหนึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันเป็นนักสำรวจตัวน้อยที่สามารถช่วยเหลือชีวิตมนุษย์คนๆ หนึ่งเอาไว้ได้เลยทีเดียว Charmaine Keevy วัย 63 ปีต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เมื่อเจ้า Georgie หมาไส้กรอกของเธอ ส่งเสียงเห่าและพาเธอไปพบกับทารกถูกทิ้งอยู่ ในเมืองพอร์ตเอลิซาเบท ประเทศแอฟริกาใต้ มองไกลๆ คุณ Keevy คิดว่าเจ้าตูบของเธอเห่าแมวที่นอนส่งเสียงร้องอยู่ แต่พอลองเข้าไปมองดูใกล้ๆ กลับพบว่าเป็นเด็กทารกเพศหญิงถูกทิ้งเอาไว้และกำลังนอนร้องไห้อยู่ภายในท่อระบายน้ำ เธอจึงรีบโบกรถที่ผ่านไปมาแถวนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งได้ความช่วยเหลือจากคุณ Cornie Viljoen ที่จอดรถเพื่อช่วยกันนำทารกออกมาจากท่อระบายน้ำ คุณ Viljoen ในวัย 60 ปีเป็นผู้ที่มุดเขาไปในท่อระบายน้ำที่ลึกราว 2 เมตร เพ่ื่อนำตัวทารกออกมา และนั่นทำให้เขาตกใจมากเพราะว่าบริเวณรอบๆ ตัวเด็กมีฝูงมดแดงล้อมอยู่เต็มไปหมด . Viljoen กล่าวว่า “ไม่รู้ว่าใครกันนะที่ช่างใจไม้ไส้ระกำทำกับเด็กทารกได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็ดีใจนะที่เราสามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้” เมื่อนำตัวเด็กทารกส่งเข้าโรงพยาบาล แพทย์จึงพบว่าเธอมีอาการตัวเย็นเกินปกติ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หลังจากนั้นแพทย์ก็ตั้งชื่อให้กับเด็กสาวคนนี้ว่า Grace April คุณ Keevey กล่าวว่า…
-
พ่อแม่ใจสลาย สู้ค่ารักษาลูกน้อยไม่ไหว นำลูกมาทิ้งไว้พร้อมโน๊ตเล่าเรื่อง หวังให้คนใจบุญดูแลลูกให้ดี
พ่อแม่ที่ทิ้งลูกน้อยไว้ให้ผู้อื่นดูแลรับผิดชอบต่อ อาจจะถูกมองว่าเป็นคนไร้ความรับผิดชอบและไม่มีจริยธรรมเอาเสียเลย ทว่าบางครั้งการที่พวกเขาต้องทิ้งลูกไว้ก็อาจเป็นเพราะต้องการให้ลูกได้รับชีวิตที่ดีก็เป็นได้ พ่อแม่ในเรื่องนี้ก็บอกเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาเด็กสาววัย 6 เดือนถูกพบทิ้งไว้ในรถเข็นกลางสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในจังหวัดตงกวน ประเทศจีน โดยมีถุงนมผง ผ้าอ้อม เสื้อผ้า และยาทิ้งไว้กับรถเข็นด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้กับเด็กทารกหญิงคนนี้ก็คือจดหมายจากพ่อแม่ของเธอ ซึ่งมีความยาวกว่า 1,000 ตัวอักษรเลยทีเดียว โดยประโยคแรกในจดหมายบอกเอาไว้ว่า “โปรดแจ้งตำรวจด้วยว่าเด็กคนนี้ถูกทิ้งเอาไว้” ในจดหมายนั้นบอกเล่าสาเหตุที่พ่อแม่ของเธอจำเป็นต้องเอาเธอมาทิ้งไว้แบบนี้ ใจความในจดหมายนั้นสรุปได้ว่าเด็กทารกคนนี้ป่วยเป็นโรคลมชัก พ่อและแม่ของเธอจึงเลี้ยงดูและรับภาระค่ารักษาโรคของเธอไปด้วย ทว่าพวกเขาจ่ายค่ารักษาเธอไม่ไหว แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะกัดฟันสู้จนหมดตัวแล้วก็ยังมีค่ารักษาไม่เพียงพออยู่ดี พวกเขาจึงหวังว่าเด็กคนนี้จะมีคนที่สามรถดูแลเธอได้เต็มที่มารับเธอไปเลี้ยงแทน ในจดหมายมีใจความดังนี้ “ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูกของตัวเอง แต่พวกเราจ่ายค่ารักษาราคาแพงไม่ไหวจริงๆ” พวกเขาเขียนต่อว่า “ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมาก ฉันไม่หวังให้ใครมาเข้าใจหรอก แต่ฉันหวังเพียงแค่ให้เด็กน้อยคนนี้ได้เติบโตมาอย่างปลอดภัยและมีความสุขเท่านั้น” นอกจากความรู้สึกของพ่อแม่แล้ว พวกเขายังเขียนวิธีการดูแลเด็กทารกคนนี้ที่คนเจอควรจะรู้ทิ้งไว้ให้ด้วย โดยบอกว่า “เด็กทารกคนนี้ต้องได้รับยาทุกวันตอน 8 โมงเช้า … ถ้าคุณทำได้ล่ะก็ ช่วยพูดคุยกับเธอ และจับมือและเท้าของเธอไว้ด้วย เธอจะได้รู้ว่ายังมีคนรักเธออยู่” ในจดหมายมีข้อความทิ้งท้ายเพื่อขอบคุณผู้ที่รับเลี้ยงเธอ และมีข้อความว่า “ในชาติหน้า เราจะทำงานให้หนักกว่านี้เพื่อชดเชยความผิดที่เราได้กระทำไป” …
-
พ่อใจร้ายนำลูกที่คลอดก่อนกำหนดไปทิ้งในถังขยะ เพราะคิดว่าไม่รอด โชคดีมีคนช่วยไว้ทัน
การมีลูกในช่วงวัยที่ยังไม่พร้อม สภาพเศรษกิจของครอบครัวไม่เอื้อ หรือไม่ได้ตั้งใจมีตั้งแต่แรก สุดท้ายแล้วปัญหามักจะไปตกอยู่กับทารกน้อยที่ไม่รู้สีรู้สาอะไรด้วย เหมือนกับเรื่องราวสุดสะเทือนใจนี้ เมื่อคุณพ่อคนหนึ่งจากเมืองซวนวี ประเทศจีน นำลูกไปทิ้งไว้ในถังขยะทั้งที่เด็กน้อยเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ในรายงานบอกว่าภรรยาของชายคนดังกล่าวได้คลอดก่อนกำหนด (8 เดือน) ภายในบ้านของตัวเอง แต่แทนที่ผู้เป็นพ่อจะดูแลลูก เขากลับวางลูกไว้บนเตียงแล้วไปดูแลภรรยา คือปกติการคลอดก่อนกำหนดก็อันตรายมากพออยู่แล้ว แต่นี่ยังเป็นการคลอดในบ้านที่ไม่มีหมอดูแลเลย ยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก ตามรายงานของตำรวจบอกว่าหลังจากที่วางลูกไว้บนเตียง เขาไม่ได้กลับมาดูลูกเลย กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ผู้เป็นพ่อได้กลับมาดูลูก แต่ปรากฏว่าตัวลูกกลายเป็นสีม่วงแล้ว พวกเขาเลยคิดว่าทารกคงไม่รอดแล้วแน่ๆ แทนที่พ่อแม่จะรีบไปโรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือจากแพทย์ แต่ผู้เป็นพ่อกลับห่อเด็กไว้ในถุงกระดาษ ก่อนจะนำไปทิ้งในถังขยะข้างนอก ภายใต้อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม โชคดีที่มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งผ่านไปเห็นเด็กน้อยพอดี จึงช่วยเหลือเธอเอาไว้ทัน และทำให้ร่างกายเธออุ่นขึ้น หลังจากการช่วยเหลือของหญิงชรา ทารกที่เพิ่งเกิดไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาล…เมื่อตรวจร่างกายเสร็จ พบว่าทารกมีสุขภาพที่แข็งแรงดี ซึ่งตรงข้ามกับข้อสันนิษฐานของพ่อของเธอก่อนหน้านี้ คุณหมอบอกว่าจริงๆ แล้วการที่ทารกมีร่างกายเป็นสีม่วง เกิดจากการอยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พ่อแม่ของทารกถูกจับกุม ส่วนเด็กหญิงถูกนำตัวไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อจากนี้ไป หวังว่าทางสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจะหาบ้านใหม่ที่อบอุ่นให้กับเธอได้ เพื่อให้เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและลบล้างความเจ็บปวดในวัยแรกเกิดได้บ้าง ที่มา unilad
-
คุณพ่อฮีโร่ช่วยชีวิตทารกแรกเกิด ที่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป้ายรถเมล์ จนรอดมาได้อย่างปลอดภัย…
ทุกวันนี้มีทารกไม่น้อยที่ถูกทิ้งตั้งแต่แรกเกิด บางคนเสียชีวิตก่อนได้รับการช่วยเหลือ ในขณะที่บางคนรอดมาได้หากมีพลเมืองดีช่วยเหลือไว้ทัน Daniel Braxton เป็นพ่อลูกสอง ที่ได้ช่วยเด็กทารกที่ถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณป้ายรถเมล์ พร้อมกับให้ความอบอุ่นจนเด็กน้อยกลับมาหายใจได้อีกครั้ง วันที่พบเด็กทารกนั้น Daniel และลูกสาววัย 18 ปี Talitha ได้ขับรถผ่านป้ายรถเมล์ดังกล่าว ทันใดนั้นลูกสาวก็บอกกับพ่อของเธอว่าเห็นเด็กทารกอยู่บริเวณป้ายรถเมล์!! ตอนแรก Daniel ไม่เชื่อแถมยังหันไปบอกลูกว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระ แต่ลูกสาวยังคงลุกลี้ลุกลนและยืนยันว่าเธอเห็นทารกจริงๆ คุณพ่อจึงตัดสินใจหยุดรถแล้วถอยกลับมา และปรากฏว่าเป็นทารกจริงๆ อยู่ในสภาพที่เพิ่งคลอดออกมา มีอาการอ่อนแรงและหายใจแผ่วเบามาก ด้านหลังของเธอเต็มไปด้วยเลือด และที่สำคัญสายสะดือยังไม่ได้ตัดออกเสียด้วยซ้ำ ข้างๆ กันนั้นมีผ้าขนหนูที่คาดว่าน่าจะใช้ห่อทารกในตอนแรก แต่ตอนนี้เธอนอนอยู่บนพื้นเปล่าๆ ตัวเธอเริ่มเป็นสีเขียวอมฟ้า อันเป็นลักษณะของคนที่ใกล้จะเสียชีวิตแล้ว Danie จึงรีบไปเอาผ่าในรถมาห่อตัวเด็กไว้ แล้วอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขน จากนั้นก็พยายามลูบหน้าอกเธอเพื่อให้ความอบอุ่น จนในที่สุดทารกก็กลับมาหายใจปกติอีกครั้ง เขาเล่าว่า “ผมกดลงไปที่หน้าอกของเธอเพื่อปั้มหัวใจให้ เพียงแค่ 2 วินาที ดวงตาของเธอก็เปิดออก ตอนนั้นผมเห็นดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมาที่ผม มันช่างเป็นแววตาที่สวยงามมากจริงๆ” เขาบอกอีกว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่น่าทึ่งจริงๆ เธอได้แต่จ้องหน้าผมนิ่งๆ ผมก็เลยกอดเธอเอาไว้ แล้วบอกกับเธอว่าทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อยแล้ว อดทนไว้นะเด็กน้อย” เขาปลอบทารก เพราะคิดว่าเธอคงต้องการการปลอบใจมากที่สุดในตอนนี้……