Tag: ทำงาน
-
สาวสู้ชีวิต จากพนักงานร้านอาหาร เดินตามความฝันจนเป็น “นางพยาบาล” วิชาชีพ!!
เรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ฝ่าฟันจากอาชีพพนักงานสาวในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด กระทั่งได้กลายเป็นพยาบาลวิชาชีพได้สำเร็จ Faye Lewis หญิงสาวที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาแพทยศาสตร์ด้านการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว ได้บังเอิญพบหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่าชีวิตของเธอนั้นได้ผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอพบป้ายชื่อของตนเอง ป้ายชื่อแต่ละแผ่นได้ระบุตำแหน่งงานของเธอเอาไว้ โดยป้ายเหล่านี้ได้ย้ำเตือนให้เธอได้รู้ว่าการไล่ตามความฝันที่จะเป็นพยาบาล สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย Faye Lewis เธอได้โพสต์ภาพแผ่นป้ายชื่อเหล่านั้นลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตนเองในการเรียนปริญญาแพทยศาสตร์สาขาพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัวให้จบ เพราะนี่คือความฝันของเธอ และกว่าเธอจะมายืนจุดนี้ได้เธอผ่านอะไรมามากมายเลยทีเดียว เธอเริ่มรับงานแรกตอนอายุ 16 ปี โดยการสมัครเป็นพนักงานของร้าน KFC เพื่อเก็บเงินสำหรับเรียนต่อ เธอทำงานที่นี่จนเรียนจบมัธยม แต่มันกลับไม่เป็นไปตามแผน เธอได้เกรด B มาสองวิชา ทำให้เธอเกรดไม่พอที่จะเข้าเรียนต่อในสถาบันพยาบาล เธอจึงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและหลังจากเรียนจบปี 1 เธอก็ตั้งครรภ์ เธอจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยมาอยู่กับพ่อแม่ เวลาผ่านไป Faye ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการร้าน KFC และได้รับตำแหน่งแม่บ้านของ Assisted Living Facility ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาล ในเวลานั้น Faye สามารถเรียนจบหลักสูตรพยาบาลผู้ช่วยได้สำเร็จและเริ่มทำงานใน Memorial Medical Center ผู้จัดการ KFC แม่บ้านของ Assisted…
-
สาวโพสต์เศร้า เพื่อนร่วมงานไม่สนใจวันเกิด ชาวเน็ตแนะนำ “จัดเอง” ไปเลย!!
แต่ละคนก็ให้ความสำคัญกับวันเกิดแตกต่างกันออกไป บ้างก็เห็นว่าเป็นเพียงวันครบรอบอายุที่แสนธรรมดา บ้างก็มองว่ามันคือวันพิเศษที่ต้องการให้เพื่อนๆ มาร่วมเฉลิมฉลอง เช่นหญิงสาวที่ใช้ชื่อบนเว็บ Imgur ว่า AppleDarling คนนี้ ที่ได้โพสต์เล่าถึงความหม่นหมองเมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอ ไม่มีใครมาอวยพรวันเกิดให้เธอเลย AppleDarling เล่าว่า… “ฉันทำงานที่นี่มา 6 เดือนแล้ว ที่นี่ผู้ชายเป็นใหญ่เอามากๆ มีเพื่อนร่วมงานหญิงแค่คนเดียวที่อายุพอๆ กับฉัน แต่เธอมักคุยหรือสนใจพวกเพื่อนร่วมงานผู้ชายเสียมากกว่า ฉันพยายามทำตัวเป็นมิตรกับเธอและเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ ฉันมักเห็นเธอวางแผนจัดงานปาร์ตี้วันเกิดและมอบของขวัญให้พนักงานคนอื่นๆ อยู่เสมอ นั่นทำให้ฉันตื่นเต้นมาก และเมื่อวานขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็เข้ามากล่าวสุขสันต์วันเกิดล่วงหน้ากับฉันเพราะรู้ว่าวันถัดไปฉันจะหยุดงาน ฉันจึงถามเขาว่ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร นั่นทำให้ฉันรู้ว่า เพื่อนร่วมงานหญิงของฉันคนนั้นได้บอกกับทุกคนว่าฉันจะไม่มาทำงานในวันเกิดของตัวเอง ทุกคนก็เลยไม่ต้องเตรียมตัวจะฉลองหรือเตรียมของขวัญอะไรให้ฉัน…” จากนั้น ชาวเน็ตส่วนหนึ่งก็มาแนะนำว่าให้เธอจัดปาร์ตี้เองไปเลย “คุณเตรียมคัพเค้กมาให้ทุกคนซะสิ ไม่ใช่ว่าทำเพราะเซอร์ไพรส์หรอก แต่มันเป็นเรื่องของการแบ่งปันสิ่งดีๆ น่ะ นี่วันเกิดของคุณนะอย่าปล่อยให้เพื่อนร่วมงานหญิงของคุณทำลายมันสิ” “ถ้าอยากเอาคืนก็เตรียมคัพเค้กมาแจกทุกคนซะสิ แล้วบอกพวกเขาว่าพวกเขาน่ะโดนคนบางคนหลอกเสียแล้ว พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเขาได้ฟังเรื่องนี้มาจากใคร นี่แหละวิธีเอาคืนที่ดีที่สุด” “ใช่แล้ว มาทำงานเถอะ แล้วนำข้าวของสำหรับปาร์ตี้มาด้วย และทุกคนจะรู้เลยว่านังผู้หญิงคนนั้นมันห่วยขนาดไหนที่บอกว่าเธอจะไม่มา” “ต้องใช้ความใจดีเพื่อเอาชนะหญิงคนนั้น ทำตามที่หลายๆ คนบอกเถอะนะ…
-
รวม 20 บุคคลที่มี “ชื่อ-นามสกุล” ตรงกับงานที่ทำอย่างเหมาะเจาะ กลายเป็นความฮาไปเลย!
ชาวต่างชาติโดยเฉพาะประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่นั้น ผู้คนมักมีชื่อ-สกุลที่ใช้ศัพท์ไม่ยากเท่าไหร่นัก บางครั้งมันก็เป็นศัพท์ที่ใช้กันในชีวิตประจำวันนี่แหละ ต่างจากคนไทยที่ชื่อมีแต่คำศัพท์ยากๆ และนั่นก็ทำให้เกิดเรื่องราวฮาๆ เพราะชื่อของชาวต่างชาติมันดันเหมือนหรือคล้ายกับงานที่พวกเขาทำพอดิบพอดี พิมพ์แบบนี้อาจจะไม่เห็นภาพ งั้นเราไปลองชมภาพของ 20 คนที่มีชื่อตรงกับงาน ราวกับว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อทำงานนั้นๆ กันเลยดีกว่า… 1. พนักงานดับเพลิง McBurney (Burney = Burn = ไหม้) 2. นักวิทยาศาสตร์เส้นประสาทและสมอง Lord Brain (Brain = สมอง) 3. ทนายความ Sue Yoo (ออกเสียงเหมือน Sue You = ฟ้องคดีคุณ) 4. นักวิจัยน้ำ Andrew Drinkwater (Drink = ดื่ม water = น้ำ) 5. อาสาสมัคร Alan Toogood (Too Good…
-
ผู้บริหารตั้งกระทู้ถาม ทำไงดี ไม่ชอบเห็นพนักงาน “กลับบ้านทันที” ตอนเวลาเลิกงาน??
ชีวิตของการทำงานนั้น บางคนก็สนุก บางคนก็เหนื่อยหน่าย แตกต่างกันไปตามบริบทของการทำงาน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ในเวลาทำงานทุกคนก็จะต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และเมื่อถึงเวลาเลิกงาน หน้าที่ในวันนั้นๆ ได้สิ้นสุดลง กลายเป็นช่วงเวลาแห่งอิสระและการพักผ่อนนั่นเอง แต่สำหรับหัวหน้างานบางคนอาจไม่ได้คิดแบบนั้น ภาพพนักงานที่รีบออกจากสำนักงานเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก เขาจึงได้มาตั้งกระทู้ถามถึงวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เขาตั้งกระทู้ว่า… “ผมมีพนักงาน 2 คนที่มักจะออกจากงานในเวลา 6 โมงเย็นอยู่เสมอ พวกเขาทำงานดีนะ แต่ผมไม่ชอบเลยที่พวกเขามีใจให้กับงานแค่ในเวลางานเท่านั้น ในฐานะผู้บริหารผมควรทำอย่างไรดีครับ?” งานนี้ชาวเน็ตออกมาสั่งสอน ผู้บริหารคนนี้กับยกใหญ่ อย่างเช่น Chris McClinch ที่ออกมาพิมพ์ยาวเหยียดว่า… “ในฐานะผู้บริหาร คุณก็ควรใช้ชีวิตของคุณนะ 2 คนนั้นเป็นพนักงาน เขาใส่ใจกับการทำงานอย่างเต็มความสามารถในเวลางาน แต่พอสิ้นสุดเวลางาน เขาก็ต้องใส่ใจกับตัวเอง ครอบครัว สัตว์เลี้ยง งานเสริม หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่ว่าต้องมาใส่ใจคุณ” ส่วนชาวเน็ตอีกราย Paul LaRue ก็อธิบายว่า… “ยุคนี้ความคิดของผู้จ้างที่คาดหวังให้พนักงานอยู่ทำงานนานๆ นั้นใช้ไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นคนรุ่น Gen X หรือ Gen…
-
ชาวเน็ตเล่าประสบการณ์ …สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เคยทำเพื่อ “แลกกับเงิน” หยึยๆ ทั้งน้านนน~
ไม่ว่าใครๆ ก็จำเป็นต้องมีเงินมาไว้ใช้ในการดำรงชีพทั้งนั้น แต่กว่าจะหาเงินมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนยอมทำเกือบทุกวิถีทางและคว้าทุกโอกาสเพื่อให้ตนได้รับ เงิน มาเป็นของตัวเอง ตามที่หลายคนเข้าใจก็คือ คนเราต้องทำงานเพื่อแลกกับเงิน และงานเหล่านั้นถ้าว่ากันตามตรงก็ควรจะเป็นงานที่สุจริตและเป็นกิจจะลักษณะ แต่วันนี้ลองมาฟังเรื่องราวแปลกๆ จากชาวเน็ตเว็บไซต์ Reddit ที่จะมาเล่าถึง “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาเคยทำเพื่อแลกกับเงิน” คืออะไรกันบ้าง… จากคุณ u/seattlefoodie “เคยทำงานเป็นคนดูแลตู้สล็อตในคาสิโน โดยลวนลามเกือบทุกวันแถมไม่ได้ทิปอีกต่างหาก พอย้ายงานไปที่อีกคาสิโนหนึ่งได้ทำงานเป็นพนักงานส่วนเคาน์เตอร์” “แม้เงินเดือนน้อยลงแต่ก็ไม่ต้องถูกลวนลามแถมเก็บทิปไว้เป็นของตัวเองได้อีกด้วย แต่สักพักคาสิโนทั้งสองที่นี้ก็ร่วมหุ้นกัน ฉันลาออกเลยจ้า…” จากคุณ u/billbapapa “ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 8 ขวบฉันอยากหาเงินมาก ป้าฉันเลยบอกว่า ‘ถ้าอยากได้เงินขนาดนั้นก็ไปเล่นขี้ซะ’ จากนั้นฉันก็ไปคว้ากิ่งไม้มาจิ้มแล้วคนๆ ลงไปในบ่ออุจจาระนอกบ้าน แล้วกลับไปขอค่าตอบแทนจากคุณป้า เท่านั้นแหละป้าฉันหัวเราะออกมาลั่น พลางพูดออกมาว่าไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะทำจริงๆ หลังจากนั้นฉันก็ไปหยิบกิ่งไม้ขึ้นจากบ่ออุจจาระแล้วไปวางไว้บนกระโปรงรถของคุณป้า…” จากคุณ u/LittlePoogie “พี่ชายผมท้าให้ผมกระดกดื่ม เมเปิลไซรัป ให้หมดขวดแลกกับเงิน 1,650 บาท ผมตอบตกลง แต่พอดื่มเข้าไปผมคิดว่าผมจะตายเสียแล้ว มันหนืดๆ และน่าขยะแขยง แถมยังไหลลงคอช้ามากๆ ผมต้องทนกับรสชาติแย่ๆ นี้เป็นสัปดาห์เลยล่ะ” จากคุณ u/jackbanks2469 “ผมเคยดื่ม ซอสบัฟฟาโล…
-
ชาวเน็ตแชร์คำถามสัมภาษณ์งาน “โคตรยาก” จากประสบการณ์ตรง มีทั้งผ่านและไม่ผ่าน!!
หลังจากที่เราเรียนจบและเข้าสู่โลกของการทำงาน สิ่งที่ดูจะเป็นเรื่องยากของหลายๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้น การมีงานทำ นั่นเอง เพราะกว่าจะได้งานทำมันต้องผ่านการคัดเลือกอะไรมากมาย หนึ่งในกระบวนการคัดเลือกพนักงานเข้าทำงานก็คือ การสัมภาษณ์ ที่คนจำนวนไม่น้อยเองก็ต้องผิดหวังและสอบตกกันไปในกระบวนการนี้ เพราะว่าคำถามหลายๆ ข้อในการสัมภาษณ์มันก็ช่าง “ยาก” เหลือเกิน ยากจนบางทีไม่รู้จะตอบอย่างไรกันเลยทีเดียวเชียว วันนี้ เราจึงได้รวบรวม คำถามสัมภาษณ์งานที่โคตรยาก จากประสบการณ์ของชาวเน็ตที่เข้ามาแชร์กันในเว็บไซต์ Reddit จะยากขนาดไหน และมีคำถามแบบไหนบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย… ดะ…เดี๋ยวเซ่!! A: “คุณชอบอะไรในตัวเองบ้าง?” B: “เอ่อ…” A: “ไม่ผ่านครับ” จากคุณ MintberryCruuuunch ตอบอย่างไรให้ได้งาน งานแรกของฉัน ฉันสมัครไปในตำแหน่งผู้จัดการโดยไม่มีประสบการณ์ด้านการจัดการเลย ฉันจึงถูกปฏิเสธ แต่สักพักคนที่ได้ตำแหน่งนี้กลับทำงานแย่ เขาเลยเรียกฉันกลับไปสัมภาษณ์ในอีก 3 เดือนถัดมา ผู้สัมภาษณ์ถามฉันว่า “คุณยื่นใบสมัครมาเมื่อ 3 เดือนที่แล้วและก็ถูกปฏิเสธ ทำไมคุณถึงคิดว่าครั้งนี้เราจะรับคุณเข้าทำงาน?” ฉันเลยตอบว่า “นี่ก็ยังเป็นงานแรกของฉันอยู่ ฉันไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหน ฉันยังคงไม่เคยเป็นผู้จัดการ แต่สิ่งที่ฉันทำก็คือหาโอกาสพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมตามที่คุณต้องการ และฉันก็ยินดีที่จะเป็นผู้สอนงานให้กับพนักงานใหม่คนอื่นๆ พร้อมทั้งจะทำให้ลูกค้าเพิ่มปริมาณมากขึ้นหากพวกเขาได้มาคุยกับผู้จัดการแบบฉัน ฉันจะอยู่ที่ออฟฟิศตลอดเวลาเพื่อคอยดูแลเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ฉันจะทำหน้าที่ผู้จัดการให้ดีที่สุดในทุกๆ…
-
ชายไร้บ้านที่ตำรวจช่วย ‘โกนหนวด’ ให้ไปสัมภาษณ์งาน สุดท้ายได้งานเรียบร้อยแล้ว!!
เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นช่วยสร้างความรู้สึกอิ่มเอมใจของเราได้เป็นอย่างดี… ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ เมื่อชายไร้บ้านคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก ‘เจ้าหน้าที่ตำรวจ’ เพราะเขาต้องเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งาน แต่กลับกลายเป็นว่าระหว่างโกนหนวดมีดโกนของเขาดันเสียขึ้นมาซะงั้น!? อ่านข่าวเก่า :“คุณตำรวจ” ช่วยแปลงโฉม “ชายไร้บ้าน” ให้ดูดีอีกครั้ง ก่อนที่เขามีนัดสัมภาษณ์งาน!! นาย Phillip หรือที่รู้จักกันในชื่อ Phil ได้รับมีดโกนหนวดมาจากพนักงานร้านแมคโดนัลด์สาขาที่ไปสมัครงานมา และเขาก็บอกว่าให้มาสัมภาษณ์งานในวันจันทร์ที่ผ่านมาพร้อมบอกว่าให้โกนหนวดซะนะ แต่แล้วเมื่อเจ้าตัวมาลองโกนหนวดที่ปั๊มน้ำมันดูก็พบว่ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะมีดโกนอันนั้นมันเสียซะแล้ว ประจวบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Tony เดินผ่านมาพอดี ก็เลยอาสาโกนหนวดให้เขา ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวมีคนถ่ายเอาไว้ได้ และมันถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย และล่าสุดจากรายงานของเว็บไซต์ Ladbible เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานี้ Phil ได้ผ่านการสัมภาษณ์งานและกลายเป็นพนักงานร้านแมคโดนัลด์เต็มตัวแล้ว!! เขาเดินทางไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ Tony ด้วยตัวเอง “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง และภายหลังก็มาทราบว่าเขาชื่อว่า Phil กำลังพยายามโกนหนวดของตัวเองด้วยมีดโกนของเขา” “ผมเลยเดินลงไปจากรถแล้วก็ถามว่ามีอะไรให้ช่วยไหม? เพราะผมรู้ว่ามีดโกนหนวดอันนั้นมันพังแล้วแน่นอน ก็เลยอยากจะซ่อมให้เขา และพบว่ามันมีนอตตัวหนึ่งหายไปจริงๆ ด้วย” เจ้าหน้าที่ Tony เล่า…
-
ญี่ปุ่นเผยเซตข้อคำถามที่ตัดสินแล้วว่า “ไม่เหมาะสม” ในการใช้ถามในการสัมภาษณ์งาน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดในเรื่องของการทำงานอย่างมาก การทำงานนั้นจะต้องตรงเวลาและมีความรับผิดชอบสูง พนักงานจะต้องมีความสามารถในการทำงานที่หัวหน้าสั่ง ฉะนั้น การว่าจ้างพนักงานในบริษัทของประเทศญี่ปุ่นก็จะมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้สมัครว่าสามารถเข้ากันกับวัฒนธรรมขององค์การได้หรือไม่ การสัมภาษณ์จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ แต่หลายครั้งการสัมภาษณ์ก็มีคำถามต่างๆ ที่อาจดูเป็นการคุกคามตัวผู้สมัครงานและอาจดูไม่เหมาะสม ล่าสุดกระทรวงแรงงานของจังหวัดคุมะโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้และขอให้แต่ละองค์การมีการสัมภาษณ์งานด้วยข้อคำถามที่เหมาะสม ทางกระทรวงแรงงานได้เผยข้อคำถามต่างๆ ที่มองว่า “ไม่เหมาะสม” ในการสัมภาษณ์หรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับงาน เช่น ครอบครัว สถานะทางบ้าน ภูมิลำเนา และปรัชญาทางการเมืองของผู้สมัคร เป็นต้น โดยตัวอย่างข้อคำถามที่ไม่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งานมีดังนี้: -คุณเกิดที่ไหน? -พ่อแม่ของคุณทำงานประเภทไหน? -คุณเป็นลูกคนเดียวหรือไม่? -รถที่คุณขับเป็นรถประเภทใด? -คุณนับถือศาสนาพุทธหรือไม่? -พรรคการเมืองใดมีความคิดใกล้เคียงกับคุณมากที่สุด? -คุณต้องการแต่งงานในวันใดวันหนึ่งหรือไม่? -บุคคลในประวัติศาสตร์คนใดที่คุณชื่นชอบ? -คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับลัทธิมากซ์ -คุณเป็นสมาชิกกลุ่มหรือองค์กรใดอยู่หรือไม่? -หนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวใดที่คุณอ่าน? คำถามเหล่านี้ บางข้อเป็นการถามถึงความเชื่อและค่านิยมทางศาสนาและการเมืองโดยตรง บางครั้งคำตอบของผู้สมัครอาจทำให้ผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีคำถามที่เกี่ยวกับรถที่ขับ และบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สามารถพูดคุยกันได้ในชีวิตประจำวัน หากคำถามเหล่านี้มีส่วนตัดสินการเข้ารับทำงาน จะสามารถแปลได้ว่าบริษัทดังกล่าวประเมินค่าของผู้สมัครที่สถานะทางสังคมและอุดมคติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝีมือและความสามารถในการทำงานเลยแม้แต่น้อย การสัมภาษณ์งานนั้นสำคัญอย่างมากที่จะทำให้บริษัทได้รับคนที่มีความสามารถเข้าทำงานตามที่ต้องการ ฉะนั้น ควรมีผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบข้อคำถามในการสัมภาษณ์โดยเฉพาะ ที่มา: soranews24
-
การ์ตูนคูลๆ ที่ทำให้เห็นว่า “เจ้านาย (Boss) VS หัวหน้า (Leader)” มันต่างกันอย่างไร!?
ทุกวันนี้ในโลกของการทำงาน บุคคลสำคัญที่เราหลีกเลี่ยงที่ไม่ได้ก็คือ หัวหน้างานหรือเจ้านาย นั่นเอง แค่พูดคำว่า “หัวหน้า” หรือ “เจ้านาย” ออกมาหลายคนก็ถึงกับขนลุกซู่ แต่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร คำสองคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่ โดยคำว่า เจ้านาย (Boss) นั้นว่ากันตามตรงมักใช้ในเชิงลบ ความหมายก็คือผู้ที่ใช้อำนาจควบคุมทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่คำว่า หัวหน้า (Leader) นั้นจะหมายถึงผู้ที่เข้าใจในผลประโยชน์ของการกระตุ้นให้พนักงานเกิดความสามัคคีแข็งขัน และทำงานจนบรรลุผลสำเร็จ อ่านข้อความอาจเข้าใจได้ยาก วันนี้เราจึงขอนำภาพการ์ตูนสุดเจ๋งจาก yukbisnis.com ที่วาดขึ้นเพื่ออธิบายความแตกต่างระหว่าง “หัวหน้า VS เจ้านาย” ได้เข้าใจง่ายสุดๆ แถมน่ารักอีกด้วย เราไปชมพร้อมกันเลยดีกว่า… เจ้านาย (Boss) จะเอาแต่ผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ หัวหน้า (Leader) จะคอยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของลูกทีมให้ทำงานได้ดีขึ้น เจ้านาย (Boss) มักจะดุด่าว่ากล่าวหากผิดพลาด แต่ หัวหน้า (Leader) มักจะสอนและหาทางแก้ไข เจ้านาย (Boss) มักออกคำสั่ง เช่น “ไปทำให้สำเร็จ!” แต่ หัวหน้า (Leader) มักจะชักชวนหรือกระตุ้น เช่น “เรามาทำให้สำเร็จกันเถอะ!”…
-
หืมม!? โพลออกมาว่า สาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคย “ซั่ม” กับพนักงานหนุ่มในที่ทำงานเดียวกัน!!
ในบรรยากาศของการทำงานที่หนักหนาและเคร่งเครียด มันอาจทำให้คุณเหงา เคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่ง ยิ่งในสำนักงานของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อเรื่องความเคร่งด้วยแล้ว พนักงานก็อาจขาดความอบอุ่นได้เป็นเรื่องธรรมดา ด้วยเหตุนี้ จากสถิติจึงพบว่า หญิงสาวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากหลงใหลในความอบอุ่นของอ้อมแขนเพื่อนร่วมงานต่างเพศ ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดก็ยังคงพบว่า พนักงานหญิงและชายที่มีสัมพันธ์สวาทต่อกันนั้นเป็นเรื่องปกติ มีการทำโพลจาก Aikatu เว็บไซต์สำหรับหญิงสาววัย 20-30 ปีขึ้นไป ถามผู้ใช้งานเว็บไซต์ของตนเองว่า “มีความสัมพันธ์ทางกายกับเพื่อนร่วมงาน” บ่อยแค่ไหน? คำตอบที่ได้คือ จากผู้ใช้ 1,162 คนที่ตอบเข้ามา มากกว่า 3 ใน 4 ตอบว่า เคยหลับนอนกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ตอบแบบสำรวจ 45.5 เปอร์เซ็นต์ เผยว่า ไม่ได้มีเซ็กส์กันกับเพื่อนร่วมงานเพศชายเพียงเท่านั้น บางทียังทำกับคนที่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่อีกด้วย ส่วนอีก 32.2 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า พวกเขามีการล้ำเส้นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันแล้วกลายเป็นความรักใคร่เกิดขึ้น แต่อีก 22.3 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า การมีเซ็กส์ที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการงานเลย แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าสถานที่ทำงานของประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นแหล่งนัดแลกเซ็กส์หรือว่าอะไรก็ตามที่เป็นทำนองเดียวกัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าสังคมการทำงานที่จริงจังและเคร่งครัดของญี่ปุ่นทำให้ผู้คนมีเวลาพบปะและสานสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ตราบใดเท่าที่ผลงานในที่ทำงานยังคงดี เรื่องความรักที่เกิดขึ้นหากจัดการอย่างรอบคอบแล้วก็ไม่ได้เป็นผลเสียในมุมมองของบริษัท อีกอย่างคือในวัยทำงานสำหรับชาวญี่ปุ่นก็คือวัยที่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้…
-
สาวเอเชียถูกเหยียด “ชอบกินหมาแมวใช่ไหม?” ได้รับเงินชดใช้เกือบ 3 แสนบาท!!
เชื่อว่าหลายคนอาจไม่เข้าใจว่าการกระทำหรือคำพูดแบบใดบ้างถึงจะเรียกว่าเป็นการ “เหยียด” คนอื่น ฉะนั้น มันก็อาจมีบ้างทีที่เราจะพูดอะไรออกไปแล้วไปเหยียดคนอื่นเข้าโดยไม่ได้เจตนา ขณะเดียวกันก็มีคนที่ตั้งใจจะพูดเหยียดคนอื่นจริงๆ คนที่ชอบเหยียดคนอื่น ซึ่งทำให้ผู้อื่นต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ก็สมควรจะชดใช้ในสิ่งที่เขากระทำลงไป อย่างเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้… หญิงสาวชาวเอเชียที่เข้าไปทำงานยังบริษัทบัญชีแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ เมื่อราวๆ เดือนกรกฎาคม 2017 เพียงเดือนแรกที่เธอเข้าทำงาน เพื่อนร่วมงานเพศชายก็เข้ามาถามด้วยความเหยียดว่า “ผมได้ยินมาว่าแมวและหมาเป็นอาหารจานหลักของชาวเอเชียนี่ คุณชอบทานมันใช่ไหม?” คำถามนั้นทำให้หญิงสาวเสียความรู้สึกอย่างมาก เธอไปรายงานกับผู้จัดการด้วยน้ำตา จากนั้นผู้จัดการจึงรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ โดยการทำให้ชายที่เหยียดเธอต้องออกมาขอโทษ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน หญิงสาวคนนี้ก็ลาออกจากตำแหน่งงานเดิม และก็ได้ยอมรับคำขอโทษของเพื่อนร่วมงานที่เคยพูดจาเหยียดเธอ แต่เรื่องราวกลับใหญ่โตไปถึงองค์กร Workplace Relations Commission (WRC) ที่ขอให้บริษัทชดใช้ให้เธอเป็นจำนวนเงินราว 296,000 บาท ขณะในระหว่างการสอบสวน ทางองค์กรก็ทราบมาอีกว่า เพื่อนร่วมงานชายคนดังกล่าวยังมีพฤติกรรมเหยียดแบบอื่นอีก เขาได้แอบถ่ายรูปของสาวเอเชียคนนี้และส่งไปให้เพื่อนของเขาดู แถมเธอยังบอกว่า บางครั้งแอบเห็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเรียกเธอว่า “แม่สาวร่องสวย” นอกจากนี้ ชายคนเดิมยังมีพฤติกรรมเหยียดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น พูดว่า “ผมคงจะได้หญิงสักคนในคืนที่คุณไปเที่ยว เพราะที่ที่คุณไปผมก็จะไปด้วยเหมือนกัน”…
-
หนุ่มกดสัญญาณเตือนไฟไหม้ เพราะอยากดู ‘หน้าอกของเพื่อนร่วมงานเด้ง’ ขณะวิ่งหนีไฟ
หนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นบุรุษพยาบาลในโรงพยาบาล Highbury Hospital ในเมืองนอตติงแฮม กำลังจะถูกพักงานตลอดชีวิต (แปลง่ายๆ ว่าไล่ออก) เพราะไปก่อคดีลวนลามทางเพศหลายกระทงตั้งแต่ปี 2012 ถึง 2016 รวมถึงการกดสัญญาณเตือนไฟไหม้ในโรงพยาบาล เพียงเพราะอย่างดู ‘เต้า’ ของเพื่อนร่วมงานผู้หญิง ‘เด้ง’ ตอนพวกเธอวิ่งหนีไฟ!? เหตุการณ์ย้อนกลับไปในปี 2012 นาย Aaron Kibaja คุณพ่อลูก 4 ถูกลงโทษทางวินัย หลังจากที่ทำการกดสัญญานเตือนภัยในโรงพยาบาล จากการสอบสวนพยานต่างๆ ก็ทำให้ทราบว่าสาเหตุที่ทำไปนั้น เป็นเพราะเขาต้องการที่จะมอง ‘หน้าอก’ ของเพื่อนร่วมงานผู้หญิงเด้งไปมาขณะวิ่งหนีไฟเท่านั้น!! เพราะมีคนพบเห็นว่าตอนที่เพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังวิ่งหนีไฟไหม้ จู่ๆ นาย Aaron ก็ทำท่าล้อเลียนตอนที่เธอกำลังวิ่ง รวมไปถึงท่าทางของหน้าอกที่กำลังเด้งอยู่ นอกจากนี้เพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนอื่นก็ให้การเพิ่มเติมอีกว่า Aaron นั้นมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศอย่างชัดเจนในบริเวณตรงระเบียงทางเดิน หรือห้องสำหรับเจ้าหน้าที่ ในปี 2015 เมื่อเพื่อนร่วมงานกลับมาจากที่ทำงาน หลังจากที่ต้องพักไปเพราะอาการเจ็บข้อมือ จู่ๆ Aaron ก็มาพูดกับเธอว่า “สามีของเธอจะต้องหงุดหงิดแน่ๆ เพราะเธอไม่สามารถช่วยสามีสำเร็จความใคร่ด้วยมือได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังใช้ปากได้ล่ะนะ”…
-
11 กริยาท่าทาง “ไม่เหมาะสม” ในที่ทำงาน ใครเป็นแบบนี้ ควรเลิกทำได้แล้ว!
สำหรับวัยทำงาน หลายท่านคงทราบดีว่ามันต่างจากสมัยเรียนมาก ทั้งเรื่องของหน้าที่การงานและการวางตัว ขณะที่มารยาททางสังคมต่างๆ เองก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนเรียนอีกเสียด้วย วันนี้เราจะมากันด้วยเรื่องของ กิริยาท่าทางที่ดีในที่ทำงาน ซึ่งอาจมีหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วว่าท่าทางแบบไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้าอยากมีได้เลื่อนขั้นเร็วๆ ก็ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยล่ะ… 1. การนั่งทำงานแบบปล่อยตัวสบายเหมือนอยู่บ้าน แน่นอนว่าหลายคนอาจจะติดวิธีการนั่งสบายๆ มาจากที่บ้าน แต่สำหรับที่ทำงานแล้ว หากคุณปล่อยตัวสบายๆ แบบนั้น นอกจากมันจะทำให้กระดูกสันหลังบาดเจ็บแล้ว มันยังทำให้ ภาพลักษณ์คุณเสีย อีกด้วย หัวหน้าอาจมองว่าคุณไม่ใส่ใจกับงาน และขี้เกียจ เปลี่ยนเป็นท่านั่งที่ทะมัดทะแมงมากขึ้น เพื่อให้คนเห็นว่างานทุกงานคือสิ่งที่คุณสนใจและทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ 2. มองบน การมองบนอาจใช้เล่นกับเพื่อนๆ ได้ แต่อย่าใช้ในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะมันไม่สุภาพเอามากๆ ต่อให้ไม่มีใครเห็นก็ตาม แต่การกลอกตาหรือมองบนนั้นเป็นการไม่ให้เกียรติผู้อื่นอย่างยิ่ง ถ้าหัวหน้างานคุณมาเห็นคุณอาจจะต้องพบกับความซวยที่แท้จริง 3. ยืนกุมเป้า การยืนกุมเป้านั้นเป็นท่าประจำของหนุ่มๆ เลย แต่อยากบอกไว้สักหน่อยว่าในบริบทของการทำงาน การยืนด้วยท่ากุมเป้านั้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ ฉะนั้น ลองยืนท่าปกติ ปล่อยมือออกจากบริเวณเป้า 4. รุกรานความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ไม่ว่าหัวหน้างานของคุณจะเป็นคนอัธยาศัยดีและเป็นมิตรขนาดไหน คุณก็ไม่ควรเข้าไปรุกรานพื้นที่ส่วนตัวของเขา…
-
ลูกน้องขอเข้างานสาย เหตุเพราะอยากดูหมา เจ้านายไม่ว่าแถมบอก ‘เอาสิ ไม่ต้องรีบนะ’
ความลำบากใจของคนวัยทำงานส่วนใหญ่ เมื่อมีเหตุจำเป็นที่จะต้องขอลา ขอเข้างานสาย ด้วยเหตุสุดวิสัย หากเจ้านายไม่แคร์อะไร ต่อให้อ้างเหตุผลร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าหากได้เจ้านายใจดีนี่ ยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์กันเลย… แต่เหตุขอลาส่วนใหญ่จะเป็นในเชิงความจำเป็น เช่น ตัวเองป่วย พ่อป่วยแม่ป่วย รถเสีย รถติด หม้อหุงข้าวพัง ไฟดับ น้ำไม่ไหล ฯลฯ ร้อยแปดพันล้านเหตุผลเหล่านี้ แต่สำหรับหญิงคนนี้นี่สิ เธอขอเข้างานสายด้วยเหตุผลว่า ‘อยากอยู่ดูหมา’ เรื่องราวสุดน่ารักนี้เป็นของ Jenn กับเจ้านายของเธอ ที่บอกเล่าผ่านเว็บไซต์ Imgur โดยในเช้าวันหนึ่งที่เธอกำลังจะไปทำงาน มีเหตุขัดข้องนิดหน่อยที่จะทำให้เธอไปทำงานสาย พร้อมกับส่งข้อความไปแจ้งเจ้านายว่า ‘วันนี้ฉันจะเข้างานสายนิดหน่อยนะ’ เจ้านายก็บอกว่า ‘โอเคจ้า ทุกอย่างเป็นปกติรึเปล่า? เพราะเธอมักจะมาตรงเวลาหรือมาก่อนประจำนะ’ เธอตอบด้วยเหตุผล ‘ตอนนี้หมาของฉันกำลังหลับแล้วมันดูน่ารักมากๆ ฉันต้องใช้เวลาถ่ายรูปมันเก็บเอาไว้ ก่อนจะเตรียมตัวไปทำงาน’ พร้อมกับส่งภาพเจ้า Miller ในสภาพหลับใหลยามเช้า แทนที่เจ้านายจะโมโหเกิดอาการยั๊วะ ‘ดูเจ้าหนูนั่นสิ เอาเลยเต็มที่ไม่ต้องรีบ ผมจะให้ Miller คอยรับสายแทนในระหว่างที่คุณไม่อยู่…
-
โปรเจคชุดภาพ ‘เจ้าหญิงดีสนีย์กับอาชีพในฝัน’ พลิกบทโลกแฟนตาซี เนื่องในวันสตรีสากล
หากเรากำลังเหนื่อยล้าอยากจะพักผ่อนจากโลกแห่งความเป็นจริง นวนิยายหรือการ์ตูนต่างๆ ก็มักจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเราได้ และโลกของเจ้าหญิงดีสนีย์นั้นก็เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย อันต้องการเติมเต็มจินตนาการในช่วงที่กำลังขาดหายไป หากเพียงแต่ว่า เรามองโลกแฟนตาซีให้ใกล้ชิดตัวเรามากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมมงกุฎดั่งในนิทาน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างได้เช่นเดียวกัน กาลครั้งหนึ่งกับอาชีพในฝัน… โปรเจกต์ชุดภาพดีๆ จาก Ali Williams นักคอสเพลย์เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงดีสนีย์ให้ใกล้ตัวเรามากขึ้น ควบคู่ไปกับความรักความชื่นชอบในแบบดีสนีย์ เนื่องในโอกาสวันสตรีสากลที่ผ่านมา “ด้วยการนำเวทมนตร์วิเศษออกไป และนำตัวละครเหล่านี้เข้ามาอยู่ในยุคโมเดิร์น พวกเธอก็จะดูมีความใกล้เคียงชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น” Williams กล่าวผ่านเว็บไซต์ Buzzfeed แล้วเหล่าเจ้าหญิงจะทำงานอะไรกันบ้างในยุคสมัยปัจจุบัน เราลองมาดูกันเถอะ!! สำหรับ Snow White แล้ว เธอมักจะหาข้อดีให้กับผู้อื่นอยู่และคอยสนับสนุนพวกเขาอย่างดีที่สุดเสมอ เธอจึงเหมาะกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบำบัด ถัดมาคือ Pocahontas นักการเมืองหญิงชนเผ่าอเมริกันคนแรก ที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธบดีสหรัฐฯ Elsa สถาปนิกสายบรรเทาภัยพิบัติ เธอมักจะช่วยครอบครัวซ่อมแซมบูรณะสิ่งก่อสร้าง หลังเกิดภัยพิบัติธรรมชาติอยู่เสมอ คุณครู Rapunzel เรียนจบทางด้านการพัฒนาเด็ก ช่วยทำให้เธอมองการณ์ไกล มากกว่าที่จะเฝ้ารอคอยเจ้าชาย อยู่บนหอคอยอย่างโดดเดี่ยว…
-
เอาใจสาวกญี่ปุ่นกับ 14 อาชีพ ที่ชาวต่างชาติสามารถเข้าไปทำได้ในแดนปลาดิบ!!
ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ที่ผู้คนอยากไปเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากเป็นประเทศที่สวยงาม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ผู้คน และวัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก จนทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น การที่ชาวต่างชาติอย่างเราๆ จะสามารถเข้าไปใช้ชีวิตเสมือนหนึ่งในประชากรของประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเสียทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันภาวะขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถในญี่ปุ่น ทำให้ทางประเทศญี่ปุ่นจำเป็นต้องจ้างแรงงานต่างชาติเข้ามาช่วย ถึงแม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการจะไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น วันนี้เราจึงมานำเสนอถึง 13 อาชีพสำหรับชาวต่างชาติ ที่ทางประเทศญี่ปุ่นต้องการมากที่สุด จะมีอาชีพอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย… 1. วิศวกร ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการทำอุตสาหกรรมจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้าและยานยนต์ เป็นต้น ฉะนั้น ตำแหน่งวิศวกรจึงเป็นที่ต้องการจำนวนมาก หากใครที่เรียนด้านวิศวกรรมมาก็ถือว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงในการที่จะได้เข้าไปทำงานในประเทศญี่ปุ่น 2. เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ประเทศญี่ปุ่นเองก็ขาดแรงงานที่มีทักษะความสามารถทางไอทีหรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉะนั้น ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านนี้ก็มีโอกาสที่จะได้เข้าไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นสูงด้วยเช่นกัน 3. เจ้าหน้าที่ธนาคารการลงทุน ในตลาดแรงงานของญี่ปุ่น ธนาคารการลงทุนนั้นถือเป็นสถาบันการเงินที่มีการหมุนเวียนแรงงานเข้า-ออกบ่อยครั้ง หมายความว่า มีการรับเข้าพนักงานทั้งในและนอกประเทศจำนวนมาก และบ่อยครั้ง ชนิดที่ว่า “ปีต่อปี” เลยทีเดียว ฉะนั้น ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนเองก็มีโอกาสที่จะถูกรับเข้าทำงานจากธนาคารในญี่ปุ่น …
-
ศัลยแพทย์ใจถึงเดินฝ่าหิมะร่วม 3 ชั่วโมง เพื่อไปผ่าตัดให้คนไข้ แม้จะเดินทางลำบากก็ตาม!!
อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ จากต่างประเทศ เมื่อครั้งสภาพอากาศในประเทศอังกฤษและบริเวณใกล้เคียงในช่วงนี้ ต้องประสบกับสภาพอากาศหนาวรุนแรง มีหิมะตกหนักอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้สะดวกเหมือนช่วงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นปัญหาของผู้คนส่วนใหญ่ และเช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ทางด้านสาธารณสุข เมื่อไม่อาจเดินทางได้สะดวก อาจจะคงตัดใจไม่ไปทำงาน แต่ศัลยแพทย์ท่านนี้ปฎิเสธทุกปัญหา เพราะยังคงมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ!! ศัลยแพทย์หญิงผู้ไม่เปิดเผยนาม ได้ทำการเดินฝ่าดงหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก เป็นระยะทางรวม 12.8 กิโลเมตร (8 ไมล์) จากเขต Anniesland ในเมือง Glasgow ไปยังเมือง Paisley เขต Renfrewshire ของประเทศสกอตแลนด์ ในวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2018 ตามวันเวลาท้องถิ่น การกระทำเพื่ออุทิศให้กับงานครั้งนี้ ถูกเปิดเผยโดยนาย Andy Renwick ศัลยแพทย์ด้านลำไส้ ผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ และการเดินมาทำงานในครั้งนี้ก็เพื่อมาทำการผ่าตัดให้คนไข้ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่ต้องการการรักษาภายในวันนั้น… “เธอเดินมาจากเขต Anniesland มายังเมือง Paisley โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที ผมเห็นเธอเดินเข้ามา เธอสวมใส่แว่นตากันหิมะ พร้อมกับชุดหนาแน่นทั้งส่วนบนและล่าง…
-
คู่รักได้งานใหม่จากบริษัทถุงยาง แค่ต้องไปพักโรงแรมหรูๆ แล้วบรรยายช่วงเวลาสุดสวาท
งานสนุกแสนสบาย รายได้งาม แถมยังได้เที่ยวและได้พักโรงแรมหรูๆ ฟังดูเหมือนจะเป็นงานในฝันของใครหลายๆ คน แต่ถ้ามันเป็นงานที่คุณต้องไปพักยังโรงแรมหรูต่างๆ และกลับมาเล่าเรื่องของตัวเองและคู่รักขณะทำอย่างว่ากันด้วยล่ะ คุณจะยอมทำหรือเปล่า? ขณะที่ทุกท่านกำลังคิดกันอยู่นั้นได้มีคู่รักคู่หนึ่งทำงานนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว Jessica D’Argent หญิงสาวอายุ 23 ปีพร้อมแฟนหนุ่มของเธอ Justin Engelke อายุ 26 ปี ได้ชนะการคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนบล็อกท่องเที่ยวสุดเซ็กซี่ของบริษัทผลิตถุงยางอนามัย Skyn สำหรับผู้ชนะการคัดเลือก พวกเขาจะถูกพาไปยังโรงแรมสุดหรูรวม 14 คืน ในประเทศออสเตรเลีย เช่น ซิดนีย์ เมลเบิร์น ไบรอน เบย์ แทสเมเนีย และเวสเทิร์นออสเตรเลีย และสิ่งที่เขาต้องทำจากนั้นก็คือการกลับมาเขียนบล็อก Places of Intimacy เพื่อรีวิวถึงการมีเซ็กส์ในแต่ละโรงแรมที่เขาได้เข้าไปพัก ตัวอย่างหนึ่งของการเขียนรีวิวของพวกเขามีใจความว่า… “ขณะกำลังจะปิดประตูห้องฉันก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปจะเชยชมเตียงนอนเสียหน่อย แต่เขากลับดึงตัวฉันไว้ก่อนที่ฉันจะถึงบันไดขันสุดท้าย เวลานั้น มันทำให้ฉันรู้สึกเสียวซ่าน เขาผลักให้ฉันไปพังกับผนังที่ทำจากหิน และแล้วเราก็เฉลิมฉลองให้กับการที่เราได้มาอยู่ ณ จุดหายนะของโลก ฉันใช้เวลาอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนที่ฉันจะสามารถจับราวบันไดพาตัวเองลุกจากจุดๆ นั้นและขึ้นไปยังเตียงได้” Jessica และ Justin อยู่ด้วยกันมา…
-
น้ำตาแห่งความสุข… สาวดาวน์ฯ รอฟังผลสัมภาษณ์งานครั้งแรก และเธอทำสำเร็จ
สำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาวแล้ว การที่เข้าทำงานเป็นครั้งแรกนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง เป็นเหมือนกับพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่เลยก็ว่าได้ เพราะมันทำให้เด็กวัยรุ่นเหล่านั้นสามารถยอมรับตนเองในฐานะคนๆ หนึ่งที่มีความสามารถมีความรับผิดชอบ และมีประโยชน์ต่อสังคม ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตนเองที่แยกออกจากครอบครัว ได้ลิ้มรสของความพยายามและเงินที่หามาได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งเรียนรู้การที่ต้องเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ แต่สำหรับสาวน้อย Julia Hock จากแคลิฟอร์เนียแล้ว การถูกรับเข้าทำงานเป็นครั้งแรกมันมีความหมายกับเธอมากและแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ เนื่องจากเธอเป็นโรคดาวน์ซินโดรม แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เธอก็ไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้มาเป็นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายของชีวิต สาวน้อย Julia มีอายุได้ครบ 17 ปีแล้ว เธอได้ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ มามากมาย เช่น เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และช่วยดูแลร้านขายขนมในงานแข่งขันกีฬาต่างๆ อีกด้วย ทำให้ผู้คนในเมืองหวังจะได้เห็นรอยยิ้มแสนร่าเริงและไว้ใจนิสัยขยันทำงานของเธอนั่นเอง ในฐานะที่เป็นวัยรุ่นที่กำลังก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ เธอจึงตัดสินใจสมัครงานที่เป็นจริงเป็นจัง เธออยากทำงานที่ร้านอาหาร Chick Fil A เธอจึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ และคำแนะนำจากที่โรงเรียนในเรื่องของการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน “เด็กๆ ในโรงเรียนหลายคนเขียนจดหมายที่เป็นคำแนะนำส่งมาให้เธอ” Kerri Bass Hock แม่ของ Julia กล่าว “และก็มีเด็กๆ อีก 2 คนที่ช่วยเธอเลือกชุดพร้อมกับพาเธอไปสัมภาษณ์อีกด้วย” Kerri…
-
เมื่อลูกชายไม่อยากไปโรงเรียน พ่อแม่จึงสอน ‘บทเรียนชีวิต’ อันแสนล้ำค่า…
การเรียนนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันจะหล่อหลอมให้เรากลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต… การเรียนรู้วิชาต่างๆ ที่โรงเรียน และการเรียนรู้วิชาชีวิตจากที่บ้าน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สำคัญทั้งสิ้น เช่นเดียวกันกับหนูน้อยที่ชื่อว่า ‘เรียว’ คนนี้ คงจะได้รับบทเรียนอันแสนมีค่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Nuttanitcha Chotsirimeteekul (แม่อ๋อ) ได้โพสต์เล่าเรื่องราวในการสอนบทเรียนชีวิตให้กับลูกชายที่ชื่อว่า ‘น้องเรียว’ เมื่อเขาไม่อยากไปโรงเรียนจะทำอย่างไรดี? แทนที่จะบังคับให้ไปโรงเรียน แต่คุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ขัดขวางความคิดลูกแต่อย่างใดอนุญาตให้น้องเรียวหยุดเรียน จากนั้นก็พาไปสมัครงานที่ร้านขายกับข้าวใกล้บ้าน ให้ทำงานปัดกวาดเช็ดถู แล้วก็แอบดูอยู่ไกลๆ แต่กลับกลายเป็นว่าคุณป้าเจ้าของร้านก็น่ารักซะจริงเชียว คอยดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี แถมพาขึ้นไปนอนกลางวันข้างบนบ้านอีกด้วย จากนั้นก็พาน้องเรียวพกถุงไปเดินเก็บขวดขาย เป็นระยะทางราว 2.2 กิโลเมตร ได้ขวดมาร่วม 2 กิโลกรัม ขายได้ทั้งหมด 2 บาท ระหว่างทางกลับบ้าน น้องเรียวก็อยากทานขนม อยากทานเครื่องดื่ม อยากนั่งรถกลับบ้าน แต่คุณแม่ก็สอนให้น้องเรียวได้รู้ว่า เงินที่หามาได้ทั้งหมด 2 บาทนั้น มันไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย จนสุดท้ายน้องเรียวก็เป็นคนเอ่ยปากออกมาเองว่า “อยากกลับไปโรงเรียน” คุณแม่อ๋อเองก็เดินมาด้วยกันกับน้องเรียวตลอดทาง ซึ่งทางคุณแม่เองก็ต้องพยายามเอาชนะใจตัวเองเพื่อทำให้การมอบบทเรียนอันสำคัญนี้สำเร็จด้วย… …
-
มิ้วน้อยผู้ช่วยงานร้านเสริมสวย พอแกร่งกล้าก็สบโอกาสยึดร้าน ทำงานตลอด 4 ปีไม่มีหยุด!!
ในการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราอาจต้องการใครซักคนเข้ามาแบ่งเบาภาระหน้าที่การดูแลลูกค้าหรือการบริหารร้าน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร้านเสริมสวยแห่งนี้ เพราะสิ่งที่เข้ามาช่วยเหลือเจ้าของร้านไม่ใช่คนแต่กลับเป็นน้องเหมียวสุดน่ารักซะอย่างนั้น นี่คือเรื่องราวของเจ้าแมวที่มีชื่อว่า Betty ซึ่งเมื่อ 7 ปีก่อนมันมีอายุเพียงแค่ 8 สัปดาห์แต่กลับถูกทิ้งเอาไว้ข้างทาง ก่อนที่มันจะได้ไปเจอกับช่างเสริมสวยในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่มีชื่อว่า Chris Guglielmi เหมียวน้อยจอมซน Betty สวัสดีงับ ความน่ารักของมันทำให้หญิงสาวถึงกับใจละลาย Chris ตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเห็นและรีบพาเจ้าเหมียวไปรักษาตัวที่คลินิกสัตว์ในทันที หลังจากที่เจ้าเหมียวหายดี มันก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวคนสำคัญของเธอ หลังจากนั้นในปี 2013 หญิงสาวได้เปิดร้านเสริมสวยเป็นของตัวเองชื่อร้านว่า Babar Hair และร้านนี้ก็ได้กลายเป็นที่ทำงานของเธอและเจ้าเหมียว พนักงานคนนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับผม Betty จะมาที่ร้านกับเธอทุกๆ วัน และมันไม่ได้แค่มาเดินเล่นไปมาเฉยๆ แต่มันจะคอยบริการลูกค้าด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูอยู่เสมอ ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้านจะได้เจอกับบริการหนุนตักของเจ้าเหมียวตัวนี้ เพราะมันจะคอยมองหาว่าตักของลูกค้าคนไหนว่างอยู่ ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาและหนุนนอนอยู่บนนั้น สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนที่ได้เห็น แง่ะ พอขึ้นมาอยู่บนนี้แล้วรู้สึกง๊วงงงง่วง ไม่ไหวละ หลับดีกว่า แถมโชว์ท่ายากเป็นกรณีพิเศษ จงอย่าให้ตักของเจ้าว่างเชียวละเจ้ามนุษย์ …
-
ขอทานมืออาชีพจากดูไบ ที่สามารถหาเงินได้มากกว่าวันละ 80,000 บาท หรือ 2 ล้านต่อเดือน!!
อย่างที่เรารู้กันเป็นอย่างดีว่าถ้าหากให้ไล่เรียงชื่อของเมืองที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของโลก ชื่อของเมืองดูไบนั้นอาจจะเป็นชื่อแรกๆ ที่คุณนึกออกเลยก็ได้ และไม่ใช่เพียงแค่ความหรูหราของเมืองหรือความร่ำรวยของผู้คนในเมืองเท่านั้น ขอทานของที่นี่เองก็ยังดูเหนือกว่าที่อื่นๆ อีกด้วย โดยพวกเขาสามารถหาเงินได้มากถึง 2 ล้านบาทเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามืออาชีพจริงๆ !! อย่างไรก็ตามการขอทานในเมืองดูไบนั้นถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีการหาเงินด้วยวิธีดังกล่าวอยู่ โดยขอทานมืออาชีพเหล่านี้จะเริ่มการทำงานของพวกเขาโดยการมองหาคนที่ดูร่ำรวย ก่อนที่จะเริ่มแผนการต่อไป เมื่อพบเป้าหมายแล้ว เหล่าขอทานจะเริ่มเล่าเรื่องราวอันแสนยากลำบากของพวกเขาอย่างเช่นเรื่องของครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ข้างถนน หรือบางคนก็ต้องการเงินเพื่อกลับประเทศ พร้อมกับขอเงินช่วยเหลือ โดยจำนวนเงินที่พวกเขาขอร้องจากเป้าหมายนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 8,500 บาทขึ้นไป ในปี 2016 มีการจับกุมตัวขอทานรายหนึ่งพร้อมกับหนังสือเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวแบบ 3 เดือน ซึ่งขอทานรายดังกล่าวสามารถหาเงินได้มากถึง 2 ล้านบาทต่อเดือนเลยทีเดียว ชมเรื่องราวของพวกเขาได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… “จากการคาดการณ์ของเราพบว่าพวกขอทานนั้นสามารถหาเงินได้มากถึง 80,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว และเราเชื่อว่าวันศุกร์จะเป็นวันที่พวกเขาหาเงินได้มากที่สุด โดยเฉพาะจุดที่อยู่หน้ามัสยิด” คุณ Faisal Al Badiawi หัวหน้าเขตเทศบาลกล่าว มีการเปิดเผยว่าขอทานเหล่านี้มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหล่าอาชญากรชาวอาหรับและเอเชียได้ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมามีการจับกุมขอทานมากกว่า 65 คน และพบว่าทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากร ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ โดยมีการขอร้องให้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว นี่ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายของเจ้าหน้าที่จากดูไบเลยล่ะ ที่มา odditycentral
-
ชาวเน็ตร่วมแชร์ประสบการณ์ 22 ข้ออ้างสุดแปลก ที่ทำให้พวกเขา ‘ไปทำงานสาย’!!!
จะว่าไปแล้วการตื่นไปทำงานนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศแบบเรา แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือการเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันก่อนไปทำงาน ทำให้คุณต้องโดนหัวหน้าด่าเพราะไปทำงานสาย ว่าแต่ข้ออ้างในการไปทำงานสายของคุณนั้นมีอะไรกันบ้าง!? บางคนอาจเจอรถติด รถเสีย กุญแจรถหาย น้ำไม่ไหล ไฟดับ ลิฟต์ค้าง และอื่นๆ ถ้ามันยังดูธรรมดาไป เราลองไปชม 22 ข้ออ้าง ที่จะช่วยทำให้หัวหน้าของคุณเห็นใจกันมากขึ้นก็เป็นได้ 1. “เจ้านายของฉันบอกว่าวันนี้ต้องขาดประชุม เพราะออกจากบ้านไม่ได้เนื่องจากมีปัญหาใหญ่” 2. หาเชือกจูงหมาไม่เจอ เลยเอาขนมไปล่อให้มันเดินเล่น ก็เลยมาสายนี่แหละ 3. รู้ไหมว่าคนอลาสก้าไปทำงานสายเพราะเจ้านี่แหละ 4. ในเช้าที่เร่งรีบคุณพ่อไปทำงานสายเพราะหากุญแจรถไม่เจอ สุดท้ายเป็นเพราะลูกชายวัย 2 ขวบตัวแสบนี่เอง 5. ให้อาหารข้าก่อนไปสิเจ้ามนุษย์!!! 6. ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมพวกเราถึงไปทำงานสาย 7. ขอบคุณเอลซ่าที่โปรยหิมะลงมา จนไม่ต้องไปทำงานแล้วววว!!! 8. นอกจากจะไม่ยอมออกมาแล้ว ยังมาทำหน้าเยาะเย้ยอีกนะ ถ้าโดนตัดเงินฉันจะโทษแก!!! 9. มีคนปิดทางเดิน ก็เลยไปสาย 10. รอแมวประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะ เลยไปทำงานสาย…
-
Sparky แมวอ้วนที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงในโรงพยาบาลสัตว์ คอยช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นมานับไม่ถ้วน
จะมีแมวสักกี่ตัวที่ไม่ได้เกิดมาเพืี่อสัตว์เลี้ยง แต่กลับเกิดมาพร้อมกับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่คอยช่วยเหลือสัตว์ตัวอื่นๆ บ้างไหมนะ? แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ… แต่ Sparky เจ้าเหมียวอ้วนจากโรงพยาบาลสัตว์ในฟิลาเดลเฟีย มลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวนี้สามารถทำในสิ่งที่เรากำลังพูดถึงให้มันเป็นไปได้แล้ว และนี่คือโฉมหน้าของคุณ Sparky แมวที่นอกจากจะจิตใจดีแล้ว ยังหน้าตาดีด้วยนะเออ สำหรับ Sparky มันได้เข้ามารับการรักษาที่ The Cat Doctor ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2009 ในขณะที่มันยังเป็นลูกเหมียวตัวน้อยๆ “ปีต่อมาเจ้าของได้เอาเจ้าเหมียวมาฝากไว้กับเรา และเขาก็ไม่เคยกลับมาหามันอีกเลย” Cherie เจ้าหน้าที่ The Cat Doctor กล่าว อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ก็ตั้งใจที่จะเก็บเจ้า Sparky เอาไว้ จนแน่ใจว่าเจ้าของของมันจะไม่กลับมาอีกแล้ว ดังนั้น Sparky จึงได้กลายเป็นแมวน้อยไร้เจ้าของที่ต้องอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และมันก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาถึง 2 ปี จนในที่สุดก็มีสมาชิกในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลคนหนึ่ง ได้ตัดสินใจรับ Sparky ไปเลี้ยง แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเจ้าเหมียวก็ได้แสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวออกมามากขึ้น ด้วยเหตุนี้ มันจึงถูกส่งตัวกลับมายังสถานที่เดิม และไม่น่าเชื่อเลยว่าทันทีที่ Sparky…
-
เจ้าหมาชอบมานั่งกวนตอนทำงาน ยูทูบเบอร์สาวกลัวมันเหงา เลยซื้อคอมมาให้มันซะเลย!!
เวลาที่เราทำงานอยู่นั้น เคยรู้สึกไหมว่าเพื่อนสี่ขาทั้งหมาและแมวมักจะขี้สงสัยอยากรู้อยากเห็น และเข้ามาป่วนเราอยู่เสมอๆ ซึ่งบางครั้งเราก็รู้สึกรำคาญพวกมันมากๆ แต่จะหาทางออกที่ดูดียังไงก็หาไม่เจอสักกะที และปัญหานี้ก็เกิดขึ้นบ่อยๆ กับยูทูบเบอร์สาว Meghan Camarena ผู้เป็นเจ้าของช่องเกม Strawburry17Plays บนยูทูบเช่นกัน เจ้าตูบมักจะมาป่วน หรือไม่ก็อ้อนเธออยู่เสมอๆ ส่วนอะไรที่ทำให้เป็นปัญหานั้นมันก็ง่ายมากๆ เพราะเธอต้องอยู่หน้าคอมตลอด แต่เจ้าสุนัขตัวโปรดของเธอก็ยังมารังควานบ่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น แบบอยากรู้ว่าเจ้านายทำอะไรอยู่นะ พูดกับใครหยอ? สุนัขของเธอนั้นมีชื่อว่าเจ้า Chewie ซึ่งมันก็ตัวเล็กน่ารักมากๆ ไม่แปลกใจที่เธอจะเป็นห่วงและรักมันสุดๆ แต่เมื่อเจ้าตูบอยากรู้อยากเห็นเธอก็ไม่ปล่อยให้มันรู้สึกว่างเปล่าหรือไม่ได้ช่วยเหลือเธอ เจ้า Chewie น่ารักใช่ไหมล๊า Meghan ก็เลยจัดการสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ของเล่นขนาดเล็กมาจาก Amazon ซะเลย เพื่อให้เจ้า Chewie รู้สึกว่าเธอกำลังทำอะไร เผลอๆ มันอาจจะรู้สึกว่าได้ช่วยเหลือเธอด้วยนะ แมคบุ๊กแอร์เลยนะ ของแพงนะรู้ไหม!! เอ้า อย่ามัวทำหน้างง มาช่วยกันทำงานกันเถอะ Chewie ปัญหารบกวนหมดไป เจ้าตูบชอบใจ เห็นไหม เจ้านายมีความสุข น้องตูบก็มีความสุข!! ยังไงก็ตาม การใส่ใจและมอบความรักกับสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกครอบครัวนั้น ก็เป็นอะไรที่ดูแล้วยิ้มตามทุกทีเลยนะเนี่ย……
-
ึระยะทางไม่ใช่ปัญหา!! พบกับ 7 บุคคลที่มีวิธีการเดินทางไปทำงานแบบ ชิคๆ คูลๆ
บางครั้งการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันนั้นอาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลายๆ คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ หรือพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีปัญหาการจราจรสักเท่าไหร่ แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาทางด้านร่างกายหรือใครที่อาศัยอยู่เมืองหลวงแล้วบางครั้งการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันนั้นอาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย และวันนี้เราก็มีตัวอย่างการเดินทางจากเหล่าผู้คนที่เลือกวิธีไปทำงานที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีการเดินทางไปทำงานอย่างไรกันบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. ชายหนุ่มผู้พายเรือคายัคไปทำงานในทุกๆ วัน สำหรับชาวออฟฟิศในเมืองหลวง การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอาจจะเป็นสิ่งที่สะดวกและช่วยประหยัดเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทว่าบางครั้งปัญหารถติดก็อาจจะทำให้เราไปถึงที่ทำงานสายได้ง่ายๆ คุณ Zach Schwitzky หนุ่มออฟฟิศท่านนี้จึงเลือกใช้วิธีการพายเรือคายัคข้ามแม่น้ำแมนฮัตตันเพื่อไปทำงานแทนทุกๆ วันเขาจะใช้เวลาพายเรือประมาณ 20 นาทีก่อนที่จะเดินเท้าต่ออีกประมาณ 45 นาทีจนถึงที่ทำงาน 2. หนุ่มเยอรมันที่ว่ายน้ำไปทำงานทุกๆ วัน คุณ Benjamin David หนุ่มเยอรมันวัย 40 ปีผู้เบื่อหน่ายกับปัญหารถติด เขาจึงเลือกใช้วิธีการว่ายน้ำแทน!! ในทุกๆ เข้าเขาจะกระโดดลงแม่น้ำ Isar และว่ายเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรเพื่อไปทำงาน (อ่านข่างเก่า หนุ่มเยอรมันจิตหงุดเงี้ยว ไปทำงานก็รถติดทุกวัน เลยตัดสินใจว่ายน้ำไปออฟฟิศแม่มเลย..!!) 3. ชายหนุ่มที่ลงทุนสร้างเครื่องบินเพื่อย่นระยะเวลาการเดินทาง คุณ Frantisek Hadrava หนุ่มวัย 45 ปีจากหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันตกของสาธารณรัฐเช็ก ใช้เวลากว่า 2 ปีเพื่อสร้างเครื่องบินลำเล็กที่ชื่อว่าเจ้า Vampira โดยใช้ต้นแบบจากเครื่องบินเล็กของสหรัฐ ซึ่งเครื่องบินลำดังกล่าวช่วยให้เขาย่นระยะเวลาการเดินทางลงถึง 7 นาทีเลยทีเดียว!! 4. ชายชาวจีนที่เดินทางข้ามแม่น้ำไปทำงานด้วยไม้ไผ่แค่ท่อนเดียว คุณ Fang…
-
ผลงานภาพถ่ายชุด ‘Japanese businessmen’ ตีแผ่ชีวิตยอดมนุษย์เงินเดือนในญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ แต่ความก้าวหน้าเหล่านี้ล้วนต้องแลกมาด้วยกาารทำงานหนักของผู้คนที่อยู่ที่นั่น เมื่อไม่นานมานี้ได้มีช่างภาพหนุ่มท่านหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นและระหว่างที่กำลังฟังเพลงอยู่ จู่ๆ เขาก็เกิดไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานที่สื่อให้เห็นถึงสังคมการทำงานของที่นี่ หนึ่งในภาพถ่ายของช่างภาพหนุ่มผู้นี้ คุณ David Tesinsky ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายชุด Japanese businessmen หลังจากที่เขาได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งแรงบันดาลใจของผลงานชุดนนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เขากำลังฟังเพลงเศร้าและถูกรายล้อมไปด้วยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ช่างภาพหนุ่มเล่าว่า เขาเห็นภาพของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตราวกับหุ่นยนต์และทำงานอย่างหนักถึง 14 ชั่วโมงต่อวันหรือมากกว่านั้น “หลังจากเลิกงานแล้ว พวกเขามักจะออกไปดื่มกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า และกลับบ้านประมาณตอนตี 2 ก่อนที่จะตื่นไปทำงานในเช้าวันต่อไป บางครั้งพวกเขาก็อาจต้องนอนข้างถนนถ้าหากไม่มีรถแท็กซี่” คุณ David Tesinsky กล่าว ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทำให้ชายคนนี้มีสภาพอย่างที่เห็น บางครั้งการเล่นปาจิงโกะ ก็คือการพักผ่อนดีๆ หลังเลิกงาน “พวกเขาทำงานอย่างหนักและมีความหวังกับการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน” ช่างภาพหนุ่มกล่าว การดื่มหลังเลิกงาน หนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของพนักงานชาวญี่ปุ่น ทุกๆ เช้า ในขบวนรถไฟสายเดิม . พวกเขาไม่มีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับในครอบครัวเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน . รถไฟขบวนเช้า ที่อัดแน่นไปด้วยมนุษย์เงินเดือน บางคนก็จำเป็นต้องนอนข้างทาง หากมาไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้าย . .…
-
หนุ่มเยอรมันจิตหงุดเงี้ยว ไปทำงานก็รถติดทุกวัน เลยตัดสินใจว่ายน้ำไปออฟฟิศแม่มเลย..!!
ถ้าพูดถึงเรื่องรถติดเรามั่นใจเลยว่า ประเทศไทยเรานี่แหละเป็นอีกหนึ่งประเทศที่รถโคตะระมหาจะติดได้ทั้งเช้าทั้งเย็น ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาติดนักหนา ครั้นจะใช้ขนส่งสาธารณะ หลายคนก็ไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการขับรถประจำทางที่สุดยอดซะจนโดมินิค โทเรทโต้ ยังต้องยกนิ้วให้ (นิ้วกลางนะ) เหตุการณ์แบบนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับหนุ่มชาวเยอรมัน Benjamin David ด้วยเหมือนกัน ทุกเช้าที่เขาไปทำงาน ต้องตื่นมาเจอกับรถติดอันยาวเยียด จนจิตใจหงุดหงิด ไปถึงออฟฟิศด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและไม่อยากทำงานแล้ว นั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป… คนอื่นอาจจะขับรถบนถนนเพื่อรีบไปทำงาน แต่สำหรับ Benjamin David เขามีเส้นทางอยู่บนน้ำ เป็นประจำทุกเช้าที่เจ้าตัวจะแพ็คอุปกรณ์ในการทำงานทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแล็ปท็อป มือถือ กระเป๋าตัง ฯลฯ จากนั้นเจ้าตัวก็จะถอดชุดทำงานออก และกระโดดลงไปในแม่น้ำ Isar แห่งเมืองมิวนิค เขาต้องว่ายน้ำบนกระแสน้ำเชี่ยวกว่า 2 กิโลเมตร เป็นประจำทุกวันเพื่อไปทำงาน “ผมพูดตามตรงเลยนะ การจราจรที่เมืองนี้(แม่ง)แย่มาก ผมต้องเสียเวลาไปติดอยู่บนถนนนานเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำงาน แต่คุณเชื่อมั้ยล่ะว่าผมว่ายน้ำไปทำงานยังถึงเร็วกว่าซะอีก” เจ้าตัวเล่า นอกเหนือจากการว่ายน้ำแล้ว สิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาก็คือ กระเป๋ากันน้ำจากเพื่อนนักดีไซน์เนอร์นั่นเอง โดยเจ้าตัวเล่าว่าเขามีไอเท็มที่ทำให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้น ซึ่งก็คือกระเป๋ากันน้ำจากเพื่อนนักดีไซเนอร์ ที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นห่วงยางลอยน้ำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใช่ว่าเจ้าตัวจะกระโดดลงน้ำไปแบบดื้อๆ เลย เพราะในแต่ละอาทิตย์เขามักจะตรวจเช็คสภาพลมฟ้าอากาศและความแรงของกระแสน้ำก่อนเสมอ…
-
ชายจรจัดเข้ามาขอเงินเจ้าของร้านกาแฟ เธอจึงจ้างเขา ให้มาทำงานที่ร้านแทนซะเลย…
เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2016 ที่ผ่านมา มีชายจรจัดคนหนึ่งที่ชื่อว่า Marcus ได้เดินเข้าไปภายในร้านกาแฟในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในขณะที่ได้เดินเข้าไปภายในร้าน เขาก็ได้พบกับ Cesia Abigail ผู้เป็นเจ้าของร้าน และนั่นจึงทำให้เขาได้เดินเข้าไปขอเงินเธอ ในตอนนั้น Cesia ได้เพียงแต่คิดว่าถ้าหากเธอได้ให้เงินแก่ชายคนนี้ไป เขาอาจจะมาขอเงินเธออีกในภายหลัง ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่ให้เงินแก่เขา แต่กลับทำในบางสิ่งบางอย่างแทน… Cesia ได้ถาม Marcus ว่า ทำไมคุณถึงไม่ทำงาน? คุณก็รู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอกใช่ไหม? ทางด้านชายคนดังกล่าวก็ได้ตอบกลับเธอไปว่า เขาพยายามหางานทำมาหลายที่แล้ว แต่เพราะเคยมีประวัติที่ไม่ดีมาก่อน ทำให้ไม่มีใครอยากจ้างเขาทำงาน นอกจากนี้ เขายังได้บอกอีกว่า ในทุกๆ วันเขามักจะมีความหวังอยู่เสมอ แต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง เขาคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะรับเขาเข้าทำงาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นคนจรจัด เมื่อได้ฟังเรื่องราวของชายคนดังกล่าว Cesia จึงถามเขากลับว่า คุณอยากทำงานไหม? ฉันมีงานให้คุณทำ และนั่นก็ทำให้ Marcus รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาแทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีคนจ้างเขาทำงาน ซึ่งทาง Marcus…
-
ชีวิตน่าอิจฉาของชายหนุ่มผู้กล้าทำตามฝันของตัวเอง ด้วยการ “ท่องเที่ยว” ปีละ 6 เดือน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การทำงานเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญของชีวิตเรา เพราะถ้าหากไม่ได้ทำงานแล้วแน่นอนว่าจะเอาเงินที่ไหนมายาไส้กันล่ะครับ!! แต่การที่จะต้องทำงานไปตลอดทั้งวันจนไม่มีวันหยุดพักเลยก็ดูจะผิดมนุษย์ไปหน่อยเหมือนกันนะ อ่า.. อาจจะสงสัยกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าความพอดีเนี่ยมันอยู่ตรงไหนกัน?? ถ้าหากใครอยากละลองหาความพอดีของการทำงานและการใช้ชีวิตนั้น ลองไปพบกับเรื่องราวของพ่อหนุ่มคนนี้ได้เลย… พบกับ Benedict หรือ Ultra Romance ชายหนุ่มวัย 35 ปี ที่ทำงานครึ่งปีและหยุดครึ่งปี Benedict ค้นพบว่าการทำงานหนักตลอดทั้งปีนั้นมันดูจะผิดธรรมชาติมนุษย์ไปหน่อย ทุกวันนี้ Benedict ทำอาชีพคนตกปลาและเปิดให้เช่าเรือหาปลา ในแต่ละปีเขาจะทำงานหนักเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และใช้เวลาอีกครึ่งปีที่เหลือออกไปใช้ชีวิตกับธรรมชาติ แต่การเดินทางท่องโลกกว้างของเขานั้นไม่ได้ใช้ค่าใช่จ่ายที่สูงแต่อย่างใด บางวันเขาใช้เงินในการท่องเที่ยวเพียงแค่ 350 บาทเท่านั้น เขาเลือกใช้จักรยานเป็นพาหนะในการท่องเที่ยว สำภาระทุกอย่างถูกบรรทุกไว้กับจักรยานคู่ใจของเขา Benedict บอกว่า “ชีวิตธรรมดานั้นไม่ใช่ผม ผมจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และกำลังจะได้เป็นครูสอนพละ แต่แล้วภาพของอนาคตที่แสนน่าเบื่อก็ผุดขึ้นมาในหัวผม ซึ่งชีวิตแบบนั้นผมไม่ต้องการมันซักนิด” ในแต่ละปี Benedict จะมีรายได้จากการทำธุรกิจเรือของเขาประมาณ 300,000 บาท ถึงแม้จะไม่ใช่เงินที่มากมายแต่นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา เขาบอกว่าตัวเขาเองนั้นเป็นชาวประมงและใช้เวลาส่วนมากไปกับการหาปลาซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ ซึ่งมันแตกต่างกับพนักงานที่ต้องทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ทั่วๆ ไป …
-
บริษัทในญี่ปุ่น ออกกฎให้พนักงานยืนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสุขภาพที่ดีกว่า..!!
แต่ละบริษัทอาจจะมีวิธีการกระตุ้นกำลังใจของพนักงาน หรือหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่พวกเขาที่แตกต่างกันไป และคราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับวิธีใหม่ของบริษัทแห่งหนึ่งจากญี่ปุ่น Iris Ohyama หนึ่งในบริษัทส่งออกวัสดุพลาสติกขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ออกกฎระเบียบการทำงานใหม่ที่เชื่อว่าจะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพ และเป็นผลดีต่อสุขภาพของพนักงานด้วยการ ‘ยืนทำงาน’ โดยกฎระเบียบใหม่ที่เพิ่งออกมาบังคับใช้กับพนักงานนี้ มีใจความระบุไว้ว่า: ‘ขอประกาศห้ามมิให้พนักงานนั่งใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน และทางบริษัทขอเสนอให้ใช้คอมพิวเตอร์จากโต๊ะทำงานขนาดเล็กที่ถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามาแทน’ แต่ก็ใช่ว่าบริษัทจะบังคับให้พนักงานยืนเมื่อยขาทั้งวันทั้งคืน เพราะพนักงานแต่ละคนจะมีสิทธิ์ใช้คอมพิวเตอร์แค่คนละ 45 นาทีต่อรอบเท่านั้น ประมาณว่าถ้างานเอกสารก็ใช้โต๊ะขวามือนั่งทำงานได้ แต่ถ้าอยากใช้คอมพิวเตอร์ก็ต้องยืนแทน ฝ่ายผู้บริหารเชื่อว่าการจำกัดช่วงเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ จะช่วยทำให้พนักงานเห็นคุณค่าของเวลาในการทำงานมากขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ตั้งใจทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลดีในระยะยาวต่อสุขภาพของพวกเขาอีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้นที่ต้องทำตามกฎนี้ เพราะภาพจากแผนผังของบริษัทเผยให้เห็นรูปแบบการจัดวางโต๊ะของฝ่ายผู้บริหารที่ต้องยืนทำงานเฉกเช่นเดียวกับพนักงานทุกคน ภาพแผนผังการจัดวางโต๊ะทำงานใหม่ อย่าคิดนะว่าถ้าบริษัทห้ามแบบนี้เราก็พกโน๊ตบุ๊กมาทำงานเองเลยไม่ดีกว่าเหรอ? เพราะตั้งแต่ปี 2007 บริษัท Iris Ohyama ได้ออกกฎห้ามมิให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในที่ทำงานด้วยเช่นกัน แต่สำหรับพนักงานที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์ ทางบริษัทก็ยินดีที่จะยืดหยุ่นกฎดังกล่าวให้สอดคล้องกับเงื่อนไขปัจจัยต่างๆ ของพนักงานแต่ละคนด้วยเช่นกัน บรรยากาศการทำงานคงคึกคักขึ้นน่าดูเลยเนาะ ที่มา: Rocketnews24
-
สุดยอดเจ้านายผู้ใจดี นอกจากจะพาพนักงานไปเที่ยวแล้ว ยังซื้อรถให้เป็นของขวัญอีกด้วย!!
เมื่อกล่าวถึง ‘บอส’ หรือเจ้านายแล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะนึกถึงภาพของความดุ ความโหด ความเนี้ยบ ที่คอยมาจ้ำจี้จ้ำไชกับเหล่าลูกจ้างตาดำๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปอิจฉาตาร้อนกับเหล่าพนักงานที่มีบอสที่เรียกได้ว่าใจดีมากที่สุดในโลก เพราะนอกจากจะพาเหล่าพนักงานไปเที่ยวแล้ว ยังมีการแจกของขวัญต่างๆ ให้พนักงานทั้ง รถ ตั๋วดูฟุตบอลโลก และอื่นๆ อีกเพียบ!! ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Radomir Novakovic Cakan นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งจากมอนเตเนโกร เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมอนเตเนโกร และล่าสุดก็ได้ผันตัวเองเข้าไปเล่นการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนึ่งในเรื่องที่นาย Radomir เชื่อมั่นก็คือความสำเร็จของเขานั้นไม่ได้มาจากน้ำมือของตัวเอง แต่มาจากการร่วมมือของเหล่าพนักงานด้วย นั่นทำให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้ก็คือความสุขของพนักงาน และเขาก็มักจะมีเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าพนักงานของตัวเองอยู่บ่อยๆ ย้อนกลับไปในปี 2012 Radomir ได้ทำการซื้อรถยนต์ยี่ห้อ Volkswagen ให้กับพนักงานถึง 4 คน แถมพ่วงประกันชั้น 1 ให้อีก “เมื่อผมเห็นรถเหล่านั้น ถึงกับช็อคจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว พอบอสบอกว่า ‘นี่เป็นของขวัญสำหรับนายนะ’ สิ่งที่อยู่ในหัวของผมมีแต่คำว่า ‘ไม่นะ นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ มันไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับเราได้หรอก’” Danijela Roćenović หนึ่งในพนักงานที่ได้รับของขวัญเล่า ซึ่งพนักงานทั้ง…
-
จัดหนัก 61 คีย์ลัดของ Microsoft Word เส้นทางสู่ปรมาจารย์ แห่งการพิมพ์งานเอกสาร!!
เมื่อกล่าวถึงโปรแกรม Microsoft Word แล้วเพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยใช้งานกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์รายงานเพื่อส่งอาจารย์ หรือใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ ในการทำงาน สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเทิร์นโปร เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้งานโปรแกรม Microsoft Word ไปพร้อมๆ กัน ด้วยคำสั่งคีย์ลัดต่างๆ ที่ไม่ต้องไปหากดบนแถบเครื่องมือกันให้เมื่อยตุ้ม 1. Alt + Ctrl + D → แทรกคำอธิบายเพิ่มเติมลงไปตรงข้อความที่ต้องการอธิบาย (Endnote) 2. Alt + Ctrl + F → แทรกคำอธิบายเพิ่มเติมลงทางด้านล่างของหน้ากระดาษ (Footnote) 3. Alt + Ctrl + I → แสดงหน้าต่าง Print Preview 4. Alt + Ctrl + Page Down → ไปทางด้านล่างของหน้าต่างเอกสาร…
-
งานวิจัยยืนยัน การหลับนอนไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้สมองมีประสิทธิภาพที่ด้อยลง..!!
สำหรับใครที่ชอบอดหลับอดนอนอยู่เป็นประจำ หรือชอบทำกิจกรรมถึงดึกดื่น พอตอนเช้าก็ตื่นไปทำงานสายทู๊กกที วันนี้มีงานวิจัยออกมายืนยันถึงผลเสียของพฤติกรรมดังกล่าว ที่มีผลต่อสมองของเราแล้วนะ อ้างอิงผลทีมวิจัยจาก Marche Polytechnic University ประเทศอิตาลี พวกเขาพบว่าสมองส่วนที่เรียกว่า ‘ซิแนปส์’ จะถูกเซลล์ที่เรียกว่า ‘แอสโทรไซต์’ กลืนกินจากสาเหตุเพราะการหลับนอนที่ไม่เพียงพอ โดยทีมวิจัยได้ทำการศึกษากับหนูทดลอง เกี่ยวกับประสิทธิภาพสมองของพวกมัน โดนเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มหนูทดลองที่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอ และกลุ่มหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นให้ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ พวกเขาค้นพบว่า.. เซลล์ส่วนที่เรียกว่า ‘แอสโทรไซต์’ ซึ่งใช้สำหรับการจัดการกับสมองจะส่งผลร้ายมากกว่า ในสภาวะของหนูที่ได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ เซลล์ดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘แอสโทรไซต์’ ซึ่งมันจะทำหน้าที่คอยกำจัดเซลล์ส่วนอื่นๆ และส่งผลให้สมองอ่อนแอลง มีประสิทธิภาพการทำงานที่น้อยลง “ในสมองส่วน ซิแนปส์ ก็เปรียบได้กับเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ที่ต้องได้รับการดูแล และทำความสะอาด เพื่อการทำงานของสมองที่ดีในระยะยาว” Michele Bellesi หัวหน้าทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ เมื่อพวกเขาได้ลองวิจัยกับสมองของอาสาสมัคร 1,344 คน โดยมีการตรวจวัดระดับความดันในเลือด ระดับน้ำตาล และระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด ทำให้พบว่าการนอนหลับไม่ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อทั้งสมอง และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายจริง จากสถิติพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนที่หลับนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงเป็นประจำ…
-
บริษัทญี่ปุ่นรับสมัคร ‘พนักงานฝึกงานดื่มเบียร์’ ที่อนุญาตให้ดื่มเบียร์ และทำงานไปพร้อมกันได้!!
สำหรับเหล่าเด็กฝึกงานทั้งหลายที่ต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าไปทำงานในตอนเช้า พอตกเย็นเลิกงานมาก็อยากจะซดเบียร์เย็นๆ ตามประสาวัยรุ่นซักขวดสองขวดให้ชุ่มชื่นหัวใจซักกะหน่อย แต่สำหรับที่บริษัท Technomobile ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาประกาศรับสมัครนักศึกษาฝึกงาน ในตำแหน่ง ‘เด็กฝึกงานดื่มเบียร์’ และมันไม่ได้หมายความคุณจะต้องคอยเป็นบริกรซื้อเบียร์จากร้านสะดวกซื้อมาให้พนักงานในบริษัทหรอกนะ แต่จะให้เข้ามาฝึกงานเป็นพนักงานทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์ด้วยแอปพลิเคชั่น Ruby on Rails และระหว่างการทำงานก็สามารถดื่มเบียร์ได้ด้วย!! ซึ่งการรับสมัครพนักงานฝึกงานในครั้งนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า “เพื่อช่วยขจัดความตึงเครียดในระหว่างการทำงานด้วยเบียร์ และให้พนักงานฝึกงานได้สัมผัสกับบรรยากาศการทำงานในบริษัท Technomobile และพิสูจน์ให้เห็นว่าเบียร์กับการทำงานนั้นสามารถไปด้วยกันได้” สำหรับผู้ที่จะมาสมัครเป็นพนักงานฝึกงานไม่ต้องการวุฒิการศึกษา แต่จะต้องมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป และมีประสบการณ์การทำงานในด้านการพัฒนาข้อมูล หรือ การสร้างฐานข้อมูลเว็บไซต์มาก่อนอย่างน้อย 1 ปี การฝึกงานจะเริ่มในวันที่ 22 และ 23 เดือนเมษายน เริ่มงานตั้งแต่ บ่ายโมง ถึง 6 โมงเย็น นั่นหมายความว่าหลังจากที่เลิกงานไปแล้ว อยากต่อที่ไหนก็สามารถไปแวะบาร์ดื่มกันต่อได้เลย แถมยังมีเวลาฟื้นตัวตอนกลางวันให้อีก สุดยอดจริงๆ!! หากเพื่อนๆ ที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นคนไหนสนใจก็สามารถเข้าไปสมัครที่เว็บไซต์ tcmobile ได้เลย และสำหรับคนที่ผ่านการฝึกงานแล้วก็จะมีโอกาสได้รับการจ้างงานแบบ Full-Time…
-
คุณยายวัย 94 ปี ทำงานที่ ‘ร้านแม็คโดนัลด์’ มานานกว่า 44 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่…
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับคุณยาย Loraine Maurer วัย 94 ปี พนักงาน ร้านแม็คโดนัลด์ ที่มีอายุมากที่สุด และเธอก็ทำงานที่นี่มานานมากกว่า 44 ปีแล้ว!! คุณยาย Loraine Maurer จากเมือง Evansville รัฐ Indiana เริ่มเข้ามาทำงานที่แม็คโดนัลด์ตั้งแต่ปี 1973 หลังจากที่สามีของเธอต้องเกษียณอายุการทำงานเนื่องจากความพิการ จนปัจจุบันนี้เธอก็ยังคงทำงานอยู่ และเข้างานสองกะต่อสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้เองเพื่อนร่วมงานของเธอก็เลยจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับการทำงานครบรอบ 44 ปีให้ ซึ่งคุณยายเองก็บอกกับเพื่อนร่วมงานทั้งหลายว่า “พวกเรายังอายุน้อยเกินไปที่จะอยู่ที่บ้านเฉยๆ ก็เลยต้องออกมาทำงาน” นอกจากนี้คุณยายยังบอกอีกว่าเธอไม่เคยต้องการที่จะถูกเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการเลยแม้ว่าจะมีประสบการณ์การทำงานที่นี่มานานมากกว่า 40 ปีแล้วก็ตาม… ผู้ร่วมงานปาร์ตี้คนหนึ่งได้กล่าวว่า “คุณยายเป็นคนเดียวที่รู้วิธีการทำข้าวโอ้ตแบบต้นตำรับ” หลังจากที่สูญเสียสามีไปในปี 1980 คุณยายก็เริ่มออกเดินทางไปไหนมาไหนมากขึ้น บางครั้งก็ไปคนเดียว บางครั้งก็ไปกับเพื่อนๆ และไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็มักจะแวะไปที่ร้านแม็คโดนัลด์ของแต่ละประเทศที่ไปเที่ยวทุกครั้ง คุณยายบอกว่า “ฉันเคยไปเที่ยวที่ Australia, Russia, Greece และ Rome และทุกๆ ครั้งที่นั่งเครื่องบินผ่านเมืองต่างๆ เหล่านี้ฉันก็มักจะมองหารูปตัว M สีเหลืองๆ ตลอด” คุณยายจะคิดถึงเรื่องการเกษียณอายุการทำงานในฤดูหนาวของทุกๆ…
-
แนะวิธีการนอนหลับอย่างไรให้ตื่นตอน 7 โมงเช้า โดยไม่มีอาการงัวเงีย และไม่อยากหลับต่อ…
ก็อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การตื่นนอน’ ในตอนเช้านั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ… แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเพราะวันนี้ #เหมียวหง่าว มีวิธีการคำนวณให้ตื่นนอนในตอน 7 โมงเช้าแบบสดชื่นโดยไม่มีอาการงัวเงียอยากนอนต่อแต่อย่างใดมาฝากเพื่อนๆ กัน จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการเข้านอนเร็วๆ จะช่วยให้ตื่นเช้ามาพร้อมกับความสดชื่นมากยิ่งขึ้น แต่ขอบอกเลยว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น เพราะมันขึ้นอยู่กับ ‘ประสิทธิภาพ’ ในการนอนด้วยยังไงล่ะ!! ซึ่งหากเราได้รับการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้เราไม่รู้สึกงัวเงีย หรือเกิดอาการขี้เซาในวันถัดไป ซึ่งการนอนหลับดีๆ นั้นมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า ‘วงจรการนอนหลับ’ และจากการคำนวณแล้วก็พบว่ามันมีประมาณ 5 ถึง 6 วงจร ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากการคำนวณจากเว็บไซต์ Sleep Calculator แล้วก็พบว่าหากเพื่อนๆ ต้องการจะตื่นนอนตอน 7 โมงเช้า ต้องเข้านอนในเวลา 21.46 น., 23.16 น., 00.46 น., และ 2.16 น. และหากเพื่อนๆ ต้องการจะตื่นนอนใน 6…
-
ใครอยากไปจีนเตียมเฮ!! รัฐบาลจีนเตรียมวางแผน มอบใบอนุญาต 5 ปี ให้คนทำงานมากขึ้น
เป็นข่าวดีสำหรับใครที่กำลังมองหางานทำในต่างประเทศ เมื่อประเทศจีนกำลังจะออกใบอนุญาตทำงานที่มีอายุนานถึง 5 ปี เพื่อลดความยุ่งยากของการทำงานในประเทศจีน เว็บไซด์ caixin รายงานว่า ทางการจีนเตรียมออกกฎหมายใหม่สำหรับชาวต่างชาติที่ทำงานติดต่อกันภายในประเทศอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป สามารถที่จะขอใบอนุญาติทำงานระยะยาวนี้ได้ เป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับ ผู้ที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศจีน เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาและความยุ่งยากในการ ต่อใบอนุญาติทำงานแบบเดิม ตามรายงานกล่าวว่าโครงการนี้ มีแผนที่จะเริ่มบังคับใช้ในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มใช้กับ 9 มลฑลใหญ่ๆ อย่างเช่น ปักกิ่ง หวู่ฮั่น และเหอเป่ย และอีก 11 เขตการค้าเสรี เช่น เทียนจิน ฉงชิ่ง และเหอหนาน เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีแผนที่จะมอบที่พำนักถาวรให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนมากว่า 4 ปีขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณารายละเอียดและความเป็นไปได้ของแผนนี้ โดยเมื่อไม่นานมานี้จีนเริ่มดำเนินมาตรการในการที่จะดึงดูดนักลงทุนใหญ่ๆ จากต่างชาติให้เข้ามาในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยมีการผ่อนคลายนโยบายที่พักอาศัยและการเข้าเมืองให้กับชาวต่างชาติกว่า 1,567 คนแล้วในปีที่ผ่านมา และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประกาศให้ชาวต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยของจีน หรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง สามารถที่จะขอวีซ่าสำหรับทำงานได้ทันทีเมื่อเรียนจบ ซึ่งก่อนหน้านี้จะต้องมีประสบการณ์ทำงานในระดับปริญญาโทอย่างน้อย 2 ปี ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยนะครับ ที่ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างประเทศจีนกำลังเปิดประเทศ นึกไม่ออกเลยว่า เศษฐกิจของจีน จะเติบโตมากขนาดไหน ส่วนใครที่สนใจจะทำงานในต่างประเทศก็ลองศึกษารายละเอียดดีๆ ก่อนนะครับ…
-
งานวิจัยเผย…’การถึงจุดสุดยอด’ อย่างน้อยวันละครั้ง จะช่วยให้ชีวิตการทำงานดียิ่งขึ้น!!
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเว็บไซต์ Catdumb ของเราได้นำเสนอเรื่องราวของนักการเมืองสวีเดนที่ออกมาสนับสนุนนโยบายให้พนักงานได้พักกลับบ้านไปปั่มปั๊ม เพื่อลดความเครียดจากงาน ไปแล้ว หลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ? อาจจะเหนื่อยจนไม่สามารถมีแรงมาทำงานต่อในช่วงบ่ายได้หรือไม่? สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปอ่านบทความงานวิจัยจากนักวิจัยในมหาวิทยาลัย Oregon State University เกี่ยวกับเรื่องการมีเซ็กส์ระหว่างทำงานกันว่ามันจะได้ผลจริงหรือไม่? ลองไปติดตามชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า จากงานวิจัยของรองศาสตราจารย์ Keith Leavit จากมหาวิทยาลัย Oregon State University ได้ผลว่า คนที่ถึงจุดสุดยอดอย่างน้อย 1 ครั้ง ใน 1 วัน จะมีแนวโน้มที่จะมีความสุขกับงาน สู้งาน และมีความก้าวหน้ามากกว่า แถมยังมีสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย การมีชีวิตเซ็กส์ที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถทำงานกันได้อย่างมีความสุข ซึ่งมันส่งผลดีต่อทั้งพนักงานและองค์กรที่พวกเขาทำงานให้ เพราะการมีเพศสัมพันธุ์จะทำให้เกิดการปลดปล่อยสารโดพามีน (Dopamine) ออกมา ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เป็นตัวช่วยให้เรารู้สึกมีความพึงพอใจ เกิดความรักใคร่ชอบพอ นอกจากนี้เมื่อโดพามีนหลั่งออกมามากๆ จะช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ รอบตัวมากขึ้นอีกด้วย เพื่อความเข้าใจถึงผลกระทบของเซ็กส์ที่มีต่อการทำงานนักวิจัยได้ดำเนินการเก็บข้อมูลจากพนักงานที่แต่งงานแล้วกว่า 159 คู่ เป็นระยะเวลากว่า 2…
-
พนักงานญี่ปุ่นเอามีดจ้วงตัวเอง เหตุเพราะไม่อยากไปทำงาน แถมยังให้การเท็จอีกแหนะ!!
ชายวัย 54 ปี จากเมืองคะซุไง จังหวัดไอชิ ประเทศญี่ปุ่น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมหลังยอมรับสารภาพว่าเอามีดแทงตัวเองบริเวณสะโพก เพื่อที่จะหาข้ออ้างโดดงาน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าถูกคนแปลกหน้าเอามีดมาแทง โดยปกติแล้วเมื่อเราขี้เกียจไปทำงานก็แค่โทร หรือส่งข้อความหาเจ้านายบอกว่าไม่สบาย จากนั้นก็ใช้ชีวิตตลอดทั้งวันไปกับการเล่นเกม ดูหนัง ดูซีรี่ย์ ก็ว่ากันไป แต่สำหรับนาย Masaru Miura ที่ต้องการจะโดดงานในวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็เลยตัดสินใจที่จะใช้มีดแทงตัวเอง ในห้องน้ำของสถานีรถไฟใต้ดินนะโงะยะ ก่อนที่จะโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจว่าตัวเองถูกคนแปลกหน้าทำร้ายขณะที่เขากำลังทำธุระส่วนตัว (ชิ้งฉ่อง) อยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่านาย Masaru กำลังเอามือปิดแผลที่บริเวณสะโพกด้านซ้ายอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการกั้นบริเวณสถานที่เกิดเหตุเอาไว้พร้อมกับสอบปากคำนาย Masaru เพื่อทำการสอบสวน ห้องน้ำในที่เกิดเหตุ ในตอนแรกเขาถูกสันนิษฐานว่าเป็นเหยื่อ แต่พอถามไปถามมาก็พบว่านาย Masaru นั้นให้การวกไปวนมา และตอบคำถามเดิมไม่ตรงกัน จนในที่สุดก็ยอมจำนน ยอมรับว่าที่พูดมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องโกหก เขาได้ให้การกับตำรวจว่าตนนั้นเครียดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน พอเห็นมีดวางอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟใต้ดิน ก็เลยฉุกคิดแผนการขึ้นมาได้และหากสำเร็จขึ้นมาเขาจะไม่ต้องไปทำงานเป็นเวลาอย่างน้อย…
-
จากตูบจรจัดไร้คนสนใจ ได้อนาคตที่สดใส รับงานใหม่กลายมาเป็นเด็กเก็บลูกเทนนิส
ในปีที่ผ่านมา เราเคยนำเสนอเรื่องราวของ อดีตเหล่าตูบจรจัดในเซาเปาโล ประเทศบราซิล ที่ได้รับชีวิตใหม่จนได้กลายมาเป็นเด็กเก็บลูกเทนนิสใน Brazil Open กันไปแล้ว โดยพวกมันเคยเป็นสุนัขจรจัดที่ไม่เคยแม้แต่จะได้รับความรักจากมนุษย์เลย จนในที่สุดวันดีๆ ก็เข้ามา เพราะสุนัขจรจัดเหล่านี้ ได้รับโอกาสครั้งใหม่จากศูนย์พักพิงสัตว์ จนทำให้มันมีชีวิตที่สดใสกว่าเดิม ทางด้านเจ้าหน้าที่จากทางศูนย์พักพิง ได้ตัดสินใจที่จะเริ่มฝึกฝนสุนัขจรจัดเหล่านี้ โดยการให้พวกมันได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในแมตช์เทนนิส ใน Brazil Open เพื่อเก็บลูกบอลให้ผู้แข่งขัน และล่าสุด ทางเว็บไซต์ Thedodo มีรายงานว่า 1 ปีที่ผ่านมา พวกมันได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และในตอนนี้บรรดาน้องหมา ก็กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่อยู่ ทางด้านเจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงก็ได้ออกมาเผยว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าพวกมันจะมาจากไหนหรืออายุเท่าไหร่ เมื่อมันถูกให้รัก และให้อาหารอย่างเต็มที่ พวกมันจะเป็นสุนัขที่ยอดเยี่ยมมาก… พวกมันได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกมากมาย แม้จะเคยเป็นสุนัขที่มีชีวิตยากลำบากมาก่อน แต่สิ่งที่เราได้มอบหมายให้มันทำ ก็จะสามารถพิสูจน์ให้ได้เห็นว่าพวกมันเคยมีประสบการณ์ที่ดีมากแค่ไหน” นี่คือภาพขณะเหล่าน้องหมาขณะกำลังวิ่งไปเก็บลูกบอลในแมตช์เทนนิส Brazil Open ในปีที่ผ่านมา จากหมาจรจัดไร้ที่อยู่ ตอนนี้มีชีวิตที่สดใสขึ้นกว่าเดิมแล้ว ย้อนชมภาพเคลื่อนไหวขณะที่น้องๆ กำลังทำงานกันบ้างดีกว่า พวกมันเป็นสุนัขที่น่ารัก…
-
นักจิตวิทยาแนะ ควรมีเวลาพัก ‘สโตรก’ ระหว่างทำงาน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นจริง!?
เชื่อว่าหลายคนกำลังเผชิญกับชีวิตการเป็นพนักงานประจำออฟฟิศ ต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปเข้างานให้ตรงเวลา พอตอนเที่ยงก็ได้เวลาพักมาแค่ 1 ชั่วโมง ที่ต้องหมดไปกับการทานอาหารเที่ยง แล้วก็ลากยาวต่อจนถึงตอนเย็น แถมบางทีงานก็มาล้นตัว จนได้กลับบ้านดึกดื่น แทบจะไม่มีเวลาพักกันเลยทีเดียว แต่อย่าได้น้อยใจไป เพราะถึงแม้ว่างานมันจะเหนื่อย เงินมันจะน้อย ถ้าลาออกก็ไม่มีกิน ด้วยเหตุนี้เองเราจะมาเสนอทางออกให้เพื่อนๆทุกคน ได้รู้จักกับวิธีการลดความเครียดระหว่างการทำงาน คงไม่ต้องบอกล่ะเนาะว่าการ ‘สโตรก’ ในที่นี้มีความหมายว่าอะไร Mark Sergeant ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเผยว่า การแอบช่วยตัวเองระหว่างวันทำงาน มีผลด้านบวกต่อการทำงานจริง!! โดยเขาได้อธิบายเพิ่มว่า สาเหตุที่ทำให้มันส่งผลต่อการทำงานในแง่บวก ก็เพราะว่าทุกครั้งที่เราได้ทำการ ‘สโตร๊ก’ ตัวเอง ร่างกายของเราได้ปลดปล่อยความตึงเครียดออกมาด้วย และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่เขาได้เสนอว่า บริษัทควรมีเวลาพัก ‘สโตรก’ ให้กับพนักงานทุกคน ซึ่งเขาเชื่อว่ามันช่วยทำให้งานของพนักงานบรรลุเสร็จตามเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ทางด้านของ Dr. Cliff Arnell หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ก็ได้ออกมาเห็นด้วยว่า ถ้าหากพนักงานทุกคน มีสิทธิที่จะพักช่วยตัวเองระหว่างการทำงาน มันจะส่งผลให้ระดับความโมโหโกรธเกรี้ยวลดลง ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่ได้ปลดปล่อยความเครียด และอีกสิ่งที่ตามมาก็คือ บรรยากาศการทำงานจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะว่าไปแล้ว…
-
นักวิทยาศาสตร์เผย การ “ทำงานก่อน 10 โมงเช้า” ไม่ต่างอะไรกับการทรมานตัวเอง!!
ใครๆ ก็ไม่อยากตื่นมาทำงานเช้าๆ กันหรอก แต่ทำไงได้ล่ะ เพราะใครๆ ก็อยากจะมีเงินเอามาหล่อเลี้ยงชีวิต จะให้เราเลือกงานที่ทำงานสายๆ มันก็ไม่ค่อยจะมีเสียด้วย แต่จะไปขอเจ้านายว่าจะมาทำงานสายๆ มันก็คงไม่ใช่เรื่อง แต่ด็อกเตอร์ Paul Kelly จากมหาวิทยาลัย Oxford University ได้ออกมาบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานเช้าๆ ก่อน 10 โมง เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะมันจะส่งผลต่อ “จังหวะรอบวัน” ในร่างกายของเรา และส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย ลองคิดว่าเราฝืนตัวเองตื่นเช้ามาทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่บางคนถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับการลากตัวเองให้ลุกจากเตียง (และถ้าไม่ได้กาแฟสักแก้วก็คงไม่สามารถอยู่ได้ทั้งวัน) ด็อกเตอร์ Paul ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์แบบนี้ว่า “เราไม่สามาถรเปลี่ยนจังหวะรอบวันของเราได้ เราไม่สามารถเรียนรู้การตื่นนอนที่ตรงเวลาได้ ตับและหัวใจของคุณมีรูปแบบที่แตกต่างกัน มันเหมือนกับการขอให้มันทำงานก่อนเวลา” การทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเป็นผลพวงมาจากช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มการผลิตให้สูงขึ้น ซึ่งสมองคนเรานี้เหมือนมีนาฬิกาปลุกอยู่ การปลุกแต่ละครั้งก็มาจากสมอง ระดับพลังงาน การผลิตฮอร์โมน และการรับรู้ถึงเวลา เขายังเสริมอีกว่า “นี่เป็นประเด็นระดับนานาชาติเลย ทุกคนกำลังประสบ ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้” เขาเลยลองทำการทดลองด้วยการทำสอบกับเด็กนักเรียนในอังกฤษ…
-
สุดยอดเลย!! หนุ่มน้อยวัย 7 ขวบ ของานทำเพื่อจะนำเงินที่ได้ ไปซื้อของเล่นให้กับเด็กคนอื่นๆ
สิ่งที่เด็กๆ อยากจะได้รับก็คือ “ของขวัญ” และแน่นอนว่าไม่ใช่เด็กทุกคนบนโลกใบนี้ที่จะได้รับสิ่งที่พวกเขาอยากได้ เพราะยังมีเด็กๆ อีกมากมายที่เกิดมาในครอบครัวยากจน ทำให้พ่อแม่ไม่มีเงินที่จะซื้อของขวัญให้ และนั่นก็ทำให้ Trenton หนุ่มน้อยวัย 7 ขวบจาก Bicknell รัฐอินดีแอนา ได้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายๆ คนต้องยกนิ้วให้ นั่นก็คือ เขาได้เข้าทำงานในร้านแมคโดนัลด์ และเก็บเงินเพื่อนำไปซื้อของเล่นให้กับเด็กคนอื่นๆ นั่นเอง ทางด้านผู้จัดการร้านอย่าง Rhonda Butler ได้ออกมาเผยว่า “เขาเข้ามาถามหางาน ซึ่งเราก็บอกเขาไปว่าเธอยังเด็กเกินไป และนั่นก็ทำให้เรารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก… เขาเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียร ทุกๆ ครั้งที่เขาได้มาที่นี่ เขามักจะพูดว่า ผมจะต้องถูกจ้าง ผมจะได้รับงาน และผมเริ่มทำงานได้หรือยัง” แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ Trenton ก็พาพยายามกลับไปที่ร้านทุกวัน เพื่อขอให้พวกเขารับตนเข้าทำงาน จนในที่สุดหนูน้อย ก็ได้ทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจเอาไว้ นั่นก็คือการได้เข้าทำงานเป็นพนักงานในร้านแมคโดนัลด์ เขาได้รับทั้งหมวก ผ้ากันเปื้อน พร้อมกับป้ายชื่อ เรียกได้ว่าตอนนี้หนุ่มน้อย Trenton ได้กลายเป็นพนักงานอย่างเต็มตัวแล้วสินะ ส่วนหน้าที่ในการทำงานของเขาก็คือ การเป็นพนักงานเช็ดโต๊ะนั่นเอง…
-
จากการศึกษาพบว่า นี่คือ 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรนั่งกินข้าว หน้าโต๊ะคอมและโต๊ะทำงาน!!
สำหรับในโลกปัจจุบันที่แสนจะเร่งรีบ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศและมนุษย์เงินเดือนนั้น การรับประทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองนั้นก็ออกจะดูเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินไปไหน แถมยังเป็นการประหยัดเวลาอีกต่างหาก แต่เชื่อมั้ยล่ะว่า การรับประทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองนั้น แท้จริงแล้วส่งผลเสียมากกว่าผลดีอีกนะเออ วันนี้เราจึงอยากนำเสนอ 5 เหตุผลดีๆ ที่ว่าทำไมคุณ ‘ไม่ควร’ ทานอาหารที่โต๊ะทำงานของตัวเองจากทาง FitSugar มาฝากกัน และไม่แน่ เราอาจเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ไปตลอดกาลเลยล่ะ… 1 . โต๊ะทำงานเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสำหรับการทานอาหารอย่างยิ่ง อย่างแรกเลยคือโต๊ะอาหารของคุณนั้นไม่ได้เป็นจุดที่มีความสะอาดและทานอาหารกัน กล่าวคือในคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆ นั้น ใน 1 ตารางนิ้วอาจมีเชื้อโรคแฝงอยู่เฉลี่ยแล้วกว่า 719 ตัว ส่วนเม้าส์น่ะเหรอ ไม่ต้องพูดถึง ราวๆ 846 ตัวเลยทีเดียว!! 2. การลุกไปเดินทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้น ในแต่ละวันนั้นถ้าอยากให้เดินแล้วสุขภาพดีขึ้นจริงๆ ควรมีระยะทางประมาณ 5,000 ก้าวต่อวัน แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่ามนุษย์ในปัจจุบันนั้นมีการเดินที่น้อยลงเรื่อยๆ การลุกไปหาอะไรทานเองซะบ้าง ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็ยืดเส้นยืดสายได้ล่ะเนาะ 3. คุณอาจพลาดโอกาสดีๆ ในการเข้าสังคม เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม และช่วงเวลาไหนที่จะพูดคุยกันได้ดีกว่าช่วงพักทานข้าวล่ะ?? ข้อมูลรนะบุว่า การออกไปกินข้าวด้วยกันนั้นทำให้เราพักได้ดีกว่า แถมยังเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนร่วมงาน ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย…
-
15 เซเลปใจบุญ ผู้อุทิศตนทำงานการกุศล และบริจาคเงินเพื่อสังคม ในปี 2016 ที่ผ่านมานี้!!
หลายๆ ครั้ง เหล่าดาราผู้ที่ถือว่าเป็น ‘คนของประชาชน’ นั้น พวกเขาก็ไม่ได้ลืมเลือนว่าที่มีวันนี้ได้เพราะแฟนๆ และสังคมที่ช่วยกันผลักดันและติดตามผลงานของพวกเขาจนโด่งดังและร่ำรวยได้อย่างที่เป็นในทุกๆ วันนี้ แถมหลายๆ คนยังเป็นนักทำงานเพื่อสังคม บริจาค และบางครั้งก็ก่อตั้งองค์กรเพื่อการกุศลต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือสังคมและผู้คนมากมายอีกด้วย และวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวส่วนหนึ่งของพวกเขามาฝากกัน กับ 15 เซเลปใจบุญผู้ทำงานช่วยเหลือสังคมในปี 2016 ที่ผ่านมานี้!! Taylor Swift ในแวดวงของงานบุญเราก็คงจะคุ้นหูชื่อของ Taylor Swift กันเป็นประจำ และในปีนี้ รายได้ทั้งหมดจากเพลง “Welcome To New York” ของเธอนั้น ได้ถูกบริจาคไปให้กับเหล่าโรงเรียนสำหรับเด็กๆ ในเมืองนิวยอร์ก (นี่ยังไม่นับที่เธอบริจาคเงินอีกจำนวนมากให้กับ UNICEF และสภากาชาดอเมริกาด้วยนะ) Mel Gibson ปีนี้ดาราใหญ่ของเราบริจาคเงินเหนาะๆ กว่า 10 ล้านเหรียญให้กับโรงพยาบาลเด็กหลายแห่ง และเข้าร่วมงานการกุศลอีกหลายงานเช่นกันทั้ง Healing the Children และ Declare Yourself 50 Cent…
-
ฝันที่เป็นจริง ของคนอยากนอนทำงาน ด้วยโต๊ะ Altwork Station จะจัดท่าไหนก็สบายทุกท่า!!
อ๊ากกกกกก นวัตกรรมนี้คือฝันที่เป็นจริงชัดๆ !!!! สำหรับเหล่ามนุษย์ออฟฟิศหรือนักศึกษาที่ชอบเล่นคอมกันเป็นประจำ สารภาพมาซะดีๆ ว่าก็คงต้องเคยแบกหามโน๊ตบุ๊คของตัวเองไปนอนเล่นบนเตียงกันบ้าง แต่ถ้าคุณสามารถนอนให้อยู่ในท่าทางที่สบายที่สุด แถมยังทำงานหรือเล่นคอมไปด้วยได้ล่ะ!? Altwork บริษัทสุดเจ๋ง กับไอเดียล่าสุดของพวกเขา Altwork Station คือฝันที่เป็นจริงของเหล่ามนุษย์เช่นคอมทั้งหลาย จับผสมผสานโต๊ะทำงานกับเก้าอี้หมอฟันเข้าด้วยกัน เห็นแล้วรู้สึกว่าดีต่อใจสุดๆ เลยล่ะ >< Altwork Station John Speicer ซีอีโอของบริษัทที่พัฒนานวัตกรรมตัวนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า เขาประสบปัญหาเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถยนต์และพบว่าตัวเองไม่สามารถนั่งทำงานในออฟฟิศแบบสบายๆ ได้อีกแล้ว และยังแอบบอกอีกด้วยว่ายตอนนี้เขาได้รับออเดอร์จากบริษัทใหญ่ๆ หลายๆ บริษัทที่สั่งไปให้พนักงานของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย จะสังเกตได้ว่ามีหน้าจอแยกติดตั้งมากับสเตชั่นด้วย เผื่อใครที่เล่นโน๊ตบุ๊คแล้วอยากทำสองจอ มีที่ยึดโน๊ตบุ๊คให้ระนาบกับระดับสายตา ตรงส่วนที่ยื่นมานั้นเพื่อนๆ ก็วางคีย์บอร์ด เม้าส์ หรือจะตั้งโน๊ตบุ๊คไว้จุดสั้นเลยก็แล้วแต่สะดวก เป็นการรวบรวมผสมผสานกันอย่างลงตัว จนสามารถจัดท่าทางการทำงานของคุณได้แบบอิสระและที่สำคัญ ‘สบายที่สุด’ และในอนาคตก็คงจะเป้นอุปกรณ์ออฟฟิศที่ขาดกันไม่ได้เลยล่ะ ฮร่าาา ตอนนี้ปัญหามีอยู่เรื่องเดียวก็คือ ‘ราคา’ ของมันนั่นเอง เวอร์ชั่นแบบปกติไม่ตกแต่งอะไรนั้นจะอยู่ที่สเตชั่นละ 5,900 เหรียญ หรือราวๆ 2 แสนบาท และถ้าอยากได้สีสันใส่เพิ่มเติมตรงส่วนของเบาะเข้าไปล่ะก็ ต้องจ่ายเพิ่มไปอีกราวๆ…
-
ประสบการณ์หนุ่มท่องโลก ทำงานและเที่ยวไปพร้อมกันบนเรือสำราญ ทั้งหมด 7 เดือนเต็ม!!
สำหรับคนที่รักการเดินทางแล้ว แน่นอนว่าการทำงานเข้าออฟฟิศนั้นก็ค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาอยู่บ้างเพราะราวกับว่าเป็นการจำกัดอิสรภาพเอาไว้ และด้วยเหตุเหล่านี้ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของเขาคนนี้ล่ะ!! Julian Austin ชายหนุ่มอายุ 28 ปีที่เดินทางท่องเที่ยวมาทั่วโลกแล้วกว่า 30 ประเทศ ตัดสินใจว่าตัวเขาต้องเริ่มหางานทำที่จริงจังแล้ว และเรื่องที่สำคัญก็คือ เขาต้องการงานที่ทำให้ตัวเองไม่ต้องละทิ้งความฝันในการเดินทางท่องโลก… และงานที่เขาเลือกก็คือ การทำงานเป็นกะบนเรือสำราญแคริบเบียน ด้วยระยะเวลา 7 เดือน และนี่คือประสบการณ์ที่เขาพานพบมาล่ะ!! Julian Austin ชายหนุ่มอายุ 28 ปีกับความฝันในการท่องโลก เขาเซ็นสัญญารับงานนี้เป็นระยะเวลา 7 เดือนเต็ม ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำงานมาแล้วทั่วโลก ทั้งรีสอร์ตเล่นสกี งานอาสาสมัครในโคลัมเบีย งานสอนในเกาหลีใต้ หรือแบ็คแพ็คไปทั่วยุโรปเพื่อทำงานทุกๆ อย่างที่หาได้ตามรายทาง งานบนเรือสำราญ เขารับหน้าที่เป็นสตาฟด้านกีฬา โดยเฉพาะการปีนเขาจำลอง แต่บางครั้งสัญญาของเขาก็ครอบคลุมไปถึงการเดินพาเหรดตีมบ้าๆ บอๆ ไปจนถึงการแต่งตัวเพื่อเต้นเป็นนักเต้นเปลื้องผ้าชายอีกด้วย!? แต่การทำงาน 7 เดือนเต็มนั้น วันหยุดแทบจะไม่มี การที่จะได้หยุดนั้นเรียกว่าเป็นชั่วโมงมากกว่า เพราะเขาต้องตั้งนาฬิกาปลุกตลอดเวลา เพราะมักมีงานให้คุณทำเสมอๆ และอีกหนึ่งเรื่องที่ทำได้ยากก็คือการแยกงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน เพราะทุกๆ คนต้องใช้ชีวิตด้วยกันตลอด …
-
McDonald’s ฉลองอย่างสมเกียรติ ให้พนักงานหนุ่มดาวน์ซินโดรม ผู้ทำงานมานานกว่า 30 ปี
หลายๆคนอาจจะมองว่า ผู้ที่เกิดมาพร้อมความบกพร่องทางร่างกาย อย่างเช่นโรคดาวน์ซินโดรม อาจไม่เหมาะสมกับการทำงานร่วมกับคนทั่วไปในสังคม ซึ่งเราขอบอกเลยว่าผิดถนัด เพราะสำหรับผู้ป่วยดาวน์ฯแล้ว เมื่อพวกเค้าต้องใจทำอะไรแล้ว ความพยายามของพวกเค้าไม่เป็นที่สองรองใครอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิตของพนักงานร้าน ‘McDonald’s’ หนุ่มชาวออสเตรเลีย Russell O’Grady วัย 48 ปี ผู้ทุ่มเทเวลายาวนานกว่า 30 ปี ไปกับการทำงานอย่างตั้งใจที่สาขา Northmead เมืองซิดนีย์ นับตั้งแต่ปี 1986 หนุ่ม Russell ผู้ทำงานร่วมกับแมคโดนัลด์ มาเป็นเวลานาน แต่นอกเหนือจากการเป็นพนักงานแมคโดนัลด์ ประจำสาขาแห่งนี้แล้ว เขายังเป็นที่รัก และชื่นชอบของชาวเมืองเป็นอย่างมาก Geoff คุณพ่อให้สัมภาษณ์ว่า “เขาเป็นเหมือนคนดังประจำตำบลเลยหล่ะ ทุกๆวันจะมีคนเข้ามาทักทาย พูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ หรือแม้แต่เข้ามากอดให้กำลังใจ” เขาวางแผนที่จะเกษียณตัวเองเมื่ออายุ 50 ปี (ขยันจริงๆเลยแฮะ พี่เขาเก่งมากๆ) ซึ่งก่อนหน้านี้ Russell เคยทำงานอยู่ในสายการผลิตมาก่อน แต่ในที่สุดเค้าก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เค้าสามารถไปทำงานอยู่หน้าร้านได้จริงๆ เขาจึงได้อยู่ในส่วนของแพ็คกิ้ง รวมไปถึงการดูแลทำความสะอาดภายในร้าน…
-
คุณแม่สอนให้ ‘ลูกชาย’ ทำงานบ้าน เพื่อให้เรียนรู้ความเท่าเทียม แต่กลับมีดราม่าเช่นเคย…
ถ้าพูดถึงงานบ้านแล้ว หลายคนคงคิดว่านี่เป็นหน้าที่ของผู้หญิง แต่จริงๆ แล้วเมื่อเราอยู่ด้วยกัน การทำงานบ้านควรเป็นงานที่ต้องช่วยกันทำ เหมือนอย่างคุณแม่ Nikkole Paulun จากรัฐมิชิแกน เธอได้เขียนลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ฉันสอนลูกชายให้ทำอาหารและทำงานบ้าน ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่างานบ้านไม่ใช่เรื่องเฉพาะของผู้หญิงน่ะสิ” ภาพที่คุณแม่โพสต์เป็นภาพของลูกชายวัย 6 ขวบ Lyle กำลังซักผ้า ล้างจาน และทำอาหารจากเตา ทำให้โพสต์นี้โด่งดัง มีคนกดไลค์กว่า 143,000 ครั้ง และแชร์ไปกว่า 57,000 ครั้ง แต่หลังจากมันแพร่ไปสู่คนมากมาย ก็ได้รับกระแสที่ต่างออกไป เนื่องจากว่าคุณแม่ต้องการจะทำงานภาพลักษณ์การทำงานบ้านแบบเก่าๆ ที่คิดว่าต้องเป็นเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้คนกลับคิดว่าการทำแบบนี้เหมือนเป็นการปฏิบัติต่อลูกเหมือนเป็นคน “ทาส” ที่ต้องรับใช้ คุณแม่วัย 22 นี้ ครั้งหนึ่งเธอเคยออกรายการช่อง MTV ก็ได้ออกมาตอบโต้บ้าง แต่ก็ดูเหมือนว่าความคิดเห็นก็เยอะมาก คุณแม่ได้โพสต์ภาพนี้ลงไปในเฟซบุ๊ก จนกลายเป็นที่โด่งดัง โพสต์ของเธอก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดูจากยอดไลค์และยอดแชร์ แต่หลังจากนั้นก็มีดราม่า เมื่อมีคนมาบอกว่า อย่าทำให้เด็กเป็นเหมือน “ทาส” หรือทำงานบ้านในส่วนที่แม่ไม่อยากทำ แต่เธอก็ตอบกลับไปว่าลูกของเธอไม่ใช่ทาส บางคนก็ถามว่าจะให้ลูกสาวไปตัดหญ้าบ้างไหม เธอก็ตอบกลับไปว่า…
-
ศูนย์ประชุม “Javits Center” จ้างแมวเหมียวเร่ร่อน มาช่วยกำจัดหนู ให้ที่พัก-อาหารฟรี!!
เมื่อหนู เริ่มทำการก่อกวนมนุษย์ ทำให้เหล่าแมวเหมียวทั้งหลาย ขอทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ลงมากำจัดหนูด้วยตัวเองซะเลย เห็นทีมนุษย์จะได้อยู่อย่างเป็นสุขก็คราวนี้แหละ เพราะมีแมวมาช่วยจับหนูแล้ว รายงานข่าวนี้ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ dnainfo มีรายงานว่า หลังจากที่ Rebecca Marshall ผู้จัดการด้านการบริการสิ่งแวดล้อมของศูนย์ประชุม “Javits Center” ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับหนูในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอย่างมาก ทางศูนย์จึงต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหา และกำจัดหนูให้หมดไป แต่ด้วยความที่ราคาของบริษัทกำจัดหนูได้พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับจะต้องการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเพื่อฆ่าหนู ด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้หันไปขอความช่วยเหลือจากบรรดา “แมวเหมียว” เพื่อมากำจัดหนูแทน อื้มมมม เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย!! สำหรับแมวเหมียว ที่มารับหน้าที่ในการล่าหนูนั้น ถูกส่งมาจากองค์กรช่วยเหลือแมวเร่ร่อน ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่ เจ้า Sylvester, Alfreda, Mama Cat และ Ginger และก่อนที่จะเข้ารับปฏิบัติหน้าที่ในการจับหนูรอบๆ ศูนย์ประชุม พวกมันได้ผ่านการฝึก พร้อมกับฉีดวัคซีน…
-
ฆ่าคนได้จริงๆ? สื่อนอกรายงาน 1 ใน 5 ของชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตจากการ “ทำงานหนัก”
ในชีวิตการทำงานมันช่างแตกต่างจากชีวิตในมหาวิทยาลัยเสียจริงๆ เพราะไม่มีใครมาคอยชี้นำคุณว่าควรใช้ชีวิตยังไง เก็บเงินเท่าไหร่ ทำงานยังไงให้ไม่กระทบสุขภาพ หรือควรจะทุ่มเทให้กับงานมากน้อยแค่ไหน ทุกอย่างล้วนเกิดจากการตัดสินใจของตัวเองแทบทั้งสิ้น แต่ไม่ว่ายังไงคุณก็ควรนึกถึงประสิทธิภาพตัวเองก่อน แล้วใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองให้มากๆ นะ เพราะหากคุณทำงานแบบไม่ลืมหูลืมตาล่ะก็ คุณอาจจะเสียสุขภาพจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย เพราะในเว็บไซต์ต่างประเทศเช่น Emirates-business ได้มีการเปิดเผยผลสำรวจจากรัฐบาลญี่ปุ่น ว่าตอนนี้ชาวญี่ปุ่นกว่า 1 ใน 5 กำลังเสี่ยงที่จะเสียชีวิต เนื่องจากการทำงานหนักและสังคมการทำงานที่เคร่งเครียดมากเกินไป มีรายงานว่าผู้ที่เสียชีวิต 100 คนจากการสำรวจครั้งนี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำงานหนัก พวกเขาจะมีอาการเช่นหัวใจวาย หลอดเลือดในสมองแตก หรือฆ่าตัวตาย ซึ่งในแต่ละปีจะมีคนฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลนี้ราวๆ 200 คน แต่ในปีล่าสุดกลับพุ่งสูงถึง 392 คน เหตุการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก และเริ่มจะมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับชาวญี่ปุ่นที่ทำงานหนักจนตายหลายรายแล้ว เช่นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2016 เว็บไซต์ Washingtonpost ได้นำเสนอเรื่องของนาย Kiyotaka Serizawa ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัย 34 ปี พนักงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ทุ่มเทเวลาการทำงานให้บริษัทของเขากว่า 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ยิ่งกว่าเจ้าของบริษัทจริงๆ เสียอีก เป็นเหตุนำเขาไปสู่ความเครียม…
-
คลิปรวม “การทำงาน” แบบชาวญี่ปุ่น เผยความตั้งใจ และมืออาชีพในทุกๆ ด้าน!!
อย่างที่ทราบกันดีว่าชาวญี่ปุ่นนั้นโดดเด่นทางด้านระเบียบวินัยและความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก และเมื่อสองสิ่งนี้มารวมกันแล้ว จึงเกิดเป็นการทำงานที่มีความเป็นมืออาชีพแบบที่เราคาดไม่ถึงเลย ทางบริษัทนิสสันเห็นว่าข้อดีข้อนี้เหมาะแก่การทำเป็นโฆษณาอย่างมาก ก็เลยรวบรวมเอาคลิปการทำงานของคนญี่ปุ่นที่แสดงให้เห็นถึงความมืออาชีพออกมา ซึ่งแต่ละอันก็เจ๋งๆ ทั้งนั้น ภายในคลิปโฆษณาจากทาง Nissan นี้ เราจะได้เป็นการทำงานของคนหลากหลายอาชีพ ซึ่งเทคนิคแต่ละอย่างไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ ต้องฝึกฝนจนเชี่ยวชาญจริงๆ การช้อนท่อนไม้ขึ้นรถบรรทุก ไม่ต้องใช้รถยก เช็ดกระจกแบบพร้อมเพรียง ราวกับฝึกที่สำนักเส้าหลินมาด้วยกัน การตอกไม้ ที่ใช้จังหวะอย่างพอดิบพอดี และยังมีทักษะอีกมากมาย เข้าไปชมคลิปกันเลย จริงๆ แล้วญี่ปุ่นก็เคยโฆษณาแนวๆ นี้มาแล้วนะ แต่เป็นของนิชชิน ซึ่งก็ทำให้เห็นถึงความเทพมากมาย อย่างเช่นแบบนี้ หรือแบบนี้ ดูคลิปโฆษณาเต็มๆ ได้เลย แหม่.. ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ ที่มา 日産自動車株式会社
-
เครียดเหรอ!? งั้นลอง Niceballs ลูกกระแป๋งบีบเล่น ช่วยคุณผ่อนคลาย จากงานแสนเหนื่อย
หากว่าชีวิตการทำงานของคุณมันน่าเบื่อ เซ็ง ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี งั้นลองมาทำความรู้จักกับ Niceballs อุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณหายเครียดกันดีไหม? เมื่อไม่นานมานี้บริษัท Imaginarte หน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการสื่อสารได้คิดค้นอุปกรณ์ช่วยคลายเครียด ที่คุณสามารถหยิบจับหรือเล่นมันได้ตลอดเวลา อุปกรณ์ที่ว่านี้คือ Niceballs ลูกบอลยางนิ่มๆ รูปหัวใจ (เอาน่า เราจะบอกว่ามันเป็นรูปหัวใจ เราจะไม่คิดลึกกว่านั้น) ที่คุณสามารถนำมันไปติดไว้ใต้โต๊ะทำงาน เครียดเมื่อไหนก็เพียงแค่เอื้อมมือลงไปบีบเล่นๆ เพื่อคลายเส้นได้ทันที เท่านี้ก็ช่วยผ่อนคลายให้กับคุณได้แล้ว มันเป็นรูปหัวใจ ย้ำว่า.. มันเป็นรูปหัวใจ อย่าคิดเป็นอย่างอื่นสิ!? เจ้าบอลรูปหัวใจนี้จะมีจุกดูด ทำให้ยึดติดกับโต๊ะทำงานของคุณได้ง่าย แถมเมื่อบีบลงไปแล้วยังสามารถคืนรูปร่างกลับมาเป็นแบบเดิมได้ทันที นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงอยากบีบมันบ่อยๆ นั่นเอง… ลองไปชมคลิปการสาธิตการทำงานของ Niceballs กันเลย ใครที่คลิปวิดีโอไม่ขึ้น คลิกชมได้ที่นี่นะครับ หากใครสนใจอยากจะมีติดโต๊ะทำงานสักอันล่ะก็ ลองกดเข้าไปดูที่เว็บไซต์ imaginarte.com ได้เลยนะ ที่มา boredpanda
-
ผลวิจัยจากสหรัฐฯ เผยว่าการเลือกงานที่ไม่ชอบตั้งแต่เรียนจบ ส่งผลให้สุขภาพแย่ตอนแก่!??
หากคุณรู้สึกจิตตกทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเย็นของวันอาทิตย์ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องฝืนตัวเองตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปตอกบัตรเข้าทำงานล่ะก็ นี่คือข่าวร้ายสำหรับคุณล่ะ นักวิจัยในมหาวิทยาลัย Ohio State University ได้นำข้อมูลจากชาวอเมริกัน 6,432 คนที่มีการเข้าร่วมกับ National Longitudinal Survey of Youth 1979 (หน่วยงานสำรวจผลระยะยาวของเยาวชนนานาชาติ) ที่จะติดตามวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 14 – 22 ปี เมื่อปี 1979 ผู้เข้าร่วมการวิจัยจะถูกถามเพื่อให้คะแนนงานที่ทำอยู่ในระหว่างที่พวกเขามีอายุระหว่าง 25-39 ปี ตั้งแต่ 1 (ไม่ชอบเลย) ถึง 4 (ชอบมาก) และจากนั้นพวกเขาก็จะถูกถามเพื่อให้รายงานปัญหาสุขภาพเมื่อพวกเขามีอายุย่างเข้า 40 ไปแล้ว ผู้คนถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม 1. พึงพอใจงานที่ทำในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง 2. พึงพอใจในงานที่ทำในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง 3. ชอบน้อยแล้วค่อยๆ เพิ่มความชอบในตอนหลัง 4. ชอบมากในตอนแรกและเริ่มไม่ชอบในเวลาต่อมา ในกลุ่มคนที่ให้คะแนนความชอบงานต่ำช่วงตอนเริ่มต้นทำงานนั้น จะมีปัญหาในด้านสุขภาพจิต มีรายงานเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลในช่วงชีวิตหลังจากนั้น ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ต่ำกว่านั้น…
-
หญิงสาวดีใจสุดๆ ที่ได้งานใหม่ เลยถ่ายรูปงานหมั้นกับ “ใบตอบรับเข้าทำงาน” จนดังทั่วเน็ต!!!
นี่คือเรื่องราวชีวิตของนางสาว Benita Abraham ผู้ได้พบรักกับสิ่งที่ไม่ใช่คน แต่กลับเป็นใบตอนรับเข้าทำงานในที่ที่เธอฝันว่าอยากทำงานที่นี่มาโดยตลอด หลังจากว่างงานมานานกว่า 7 เดือน ตอนนี้เธออายุ 37 ปีแล้ว ควรมีงานทำแบบจริงจังซักที จนกระทั่งเธอได้รับใบตอบรับให้เข้าทำงานตำแหน่ง Healthcare Administration ทำเอาเธอเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ก็เลยทำการออกไปถ่ายรูปสุดหวานกับใบตอบรับนั่นซะหน่อย จนโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ “ในที่สุดฉันก็เจอคู่แท้แล้วค่ะ เข้ากันได้ดี ที่ร๊าก” เธอเขียนไว้ในเฟซบุ๊กของเธอ “หลังจาก 7 เดือนที่รอมานาน ฉันก็ได้เจองานที่เหมาะและบริษัทที่ดูแลพนักงานเป็นอย่างดี และฉันจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย” และตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะกังวลเพราะมันดังเกินไป กลัวว่าบอสใหม่ของเธอจะเห็นเข้า “ฉันก็กังวลนิดๆ แต่ดูเหมือนเขา(บอส) จะบอกว่ามันน่ารักดี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก” . . . . . . ที่มา boredpanda
-
20 ผลงานจาก ‘การทำงานที่ผิดพลาด’…ยากจนเกินจะให้อภัย แต่ก็ฮาดีนะ!! 555+
ในชีวิตการทำงานนั้น ไม่ว่าใครก็คงเคยทำงานพลาดกันอยู่บ้างล่ะ ซึ่งบางครั้งความผิดพลาดมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ให้อภัยกันได้ แต่บางเรื่องมันก็เป็นเรื่องที่แบบว่าไม่น่าพลาดกันได้เลย เอาล่ะวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานจากการทำงานที่ผิดพลาด ที่ต้องขอบอกเลยว่าไม่น่าให้อภัยจริงๆ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมกันได้เลยจ้า… 1. นี่คงจะเป็นแตงโมสีเหลืองสินะ อืมมม 2. เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยมาก 3. คือว่า…ป้ายมันกลับหัวไม่ใช่เหรอนั่นน่ะ? จะไม่ทำอะไรซักอย่างกับมันซักหน่อยเหรอ? 4. ปิ๊กกาจูงานหยาบสินะ 555+ 5. สตรอว์เบอร์รี่? 6. นี่ก็สตรอว์เบอร์รี่อีกงั้นเหรอ? 7. มังสวิรัติเค้าทานเบอร์เกอร์เนื้อกันด้วยเหรอเนี่ย ฮร่า 8. ทำสงครามคล้ายๆ กัน ก็น่าจะใช่แล้วแหละมั้ง 9. จ้าาาาาา ฮิปโปมีความสุข (แต่บนเสื้อนั้นมันแรดนี่นา) 10. เค้าอาจจะเขียนถูกแล้วก็ได้ เพราะมันใช้ยีสต์ในการหมักเหมือนกันนี่นา ฮร่า 11. อย่าผิดแบบนี้บ่อยๆ นะ…
-
เด็กน้อยวัย 8 ขวบ ยอดกตัญญู เปิดร้านขนมปังของตนเอง หวังซื้อบ้านใหม่ให้กับแม่…
กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว เมื่อเด็กชายแสนกตัญญูวัย 8 ขวบคนหนึ่ง เปิดร้านขายขนมปังของตนเอง เพื่อหาเงินมาซื้อบ้านใหม่ให้กับแม่ของตนเอง เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กชาย Jalen Bailey วัย 8 ขวบจากแคลิฟอร์เนีย ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ Sharhonda Mahan เพียงสองคนในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง แม้เขาจะเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ แต่เขากลับมีความเข้าใจในความยากลำบากของแม่ เขาจึงตั้งปณิธานอย่างหนึ่งขึ้นมา…คือการซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมให้แม่ เขาเปิดร้านขายขนมปัง Jalen’s Bakery ของตนเองขึ้นมา เพื่อหาเงินมาทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง… Mahan เล่าว่า ลูกชายของเธอฝึกทำขนมปังและคุกกี้ต่างๆ มากว่าสองปีแล้ว เขาสามารถทำได้ทั้งเค้ก คุ๊กกี้ ทาร์ต มัฟฟิ่น และอื่นๆ อีกมากมายได้อย่างสบายๆ แต่ที่ถนัดจริงๆ คือคุ๊กกี้เนยถั่ว ซึ่งเธอรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายของเธอมาก “ฉันรู้สึกมีความสุขมาก มากจริงๆ ฉันหวังเสมอว่าเขาจะเติบโตมาเป็นคนที่มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว เขาไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ” เธอกล่าว นอกจากนี้เขายังช่วยรณรงค์หาเงินช่วยเหลือค่าเดินทางไปโรงเรียนให้กับเด็กไร้บ้านอีกด้วย จนมีชายใจบุญคนหนึ่งได้ทราบเรื่องดังกล่าว เขาจึงมอบเตาอบขนาดใหญ่ให้กับ Jalen เพื่อให้เขาสามารถขยายกำลังการผลิตขนมปังในแต่ละวันได้ และนี่คือคลิปที่ทาง ABC…
-
20 ภาพที่พิสูจน์ว่า “คนที่ไม่ตั้งใจทำงาน” ก็จะได้ผลงานออกมาเฟลๆ แบบนี้ล่ะ!!
ทุกคนย่อมมีเรื่องที่ตัวเองถนัดเป็นธรรมดา และสิ่งนั้นเองที่จะช่วยให้เราหาเลี้ยงชีพได้ เพราะว่าถ้าเราทำอะไรบางอย่างได้ดีแล้ว แต่ก็ไม่รู้ทำไม บางคนที่ดูเหมือนจะถนัด แต่พอมอบหมายงานให้ไปทำแล้ว กลับทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร วันนี้ #เหมียวสามสี มีภาพมาฟ้อง สำหรับคนที่ชอบทำงานแบบขี้เกียจๆ แหม่ เห็นแล้วน่าตัดเงินเดือนจริงๆ อีกนิดก็จะตรงแล้ววววว เอาซะตาน่ากลัว มีการสื่อสารอะไรผิดพลาดกันรึเปล่า!? ทิ้งให้ยาวได้ขนาดนี้ แสดงว่าไม่ได้ตัดนานเลยนะนั่น พี่สับสนอะไรรึเปล่า เปิดกูเกิลหาหน่อยก็ได้มั้งว่าใช่ไหม T_T รู้เลยว่าติดจากหลังมาหน้า คงไม่อยากหยิบออก พ่นทับไปโลด เป็นการออกแบบน้ำตกกลางเมืองที่น่าสนใจมากกกกก น้ำเปล่าสีแปลกๆ ไปหน่อยนะ พิมพ์ว่า Banana ยังจะสั้นกว่า อันนี้เหมือนจะวางแผนมาผิดพลาดแล้วล่ะครับ อ่ะ เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ (เขียนไว้ว่าห้ามซ้อน) น่าจะชุบผิดด้าน โห่ จารรรรรรรรรรย์ พี่ไม่ถอย ผมก็ไม่ถอย…
-
แอนิเมชั่นกลไก “การยิงปืน” ของปืนหลากหลายชนิด ซึ่งเราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน!!
พูดถึงปืนแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอาวุธมหาประลัยชนิดนี้อย่างแน่นอน ด้วยการลั่นไกเพียงครั้งเดียว ก็อาจพรากชีวิตน้อยๆ ของเหล่ามนุษย์เดินดินไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงกระนั้น ยังมีอีกหลายคนไม่เคยทราบว่า กลไกการทำงานของปืนเหล่านั้นเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้เอง #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม ภาพเคลื่อนไหวแสดงวิธีการทำงานของ “ปืน” ว่านับตั้งแต่เราลั่นไก อะไรจะเกิดขึ้นภายในนั้นบ้าง 8mm French Ordnance 8x50mmR Berthier Mle.16 .32 ACP Mauser Model 1914 7.92x57mm Mauser Gewehr .32 ACP F.Langenhan Selbstlader AK-47 Glock M-16 . มันทำงานแบบนี้เอง ถึงปืนจะอันตรายขนาดไหน แต่มันก็เป็นแค่สิ่งของเท่านั้น มนุษย์ต่างหากที่จะเป็นคนเลือกว่าจะนำไปใช้ทำอะไรต่างหาก จริงมั้ยละเพื่อนๆ ที่มา Eric Thompson, businessinsider
-
สามีใส่ชุดบัลเล่ต์ ถ่ายรูปตัวเองแบบฮาๆ เพราะอยากให้ภรรยาที่เป็นมะเร็ง ได้มีรอยยิ้ม…
Bob Carey เป็นตากล้องที่มีกรรมวิธีประหลาดๆ ในการถ่ายภาพพอร์ทเทรตอยู่เสมอ ในปี ค.ศ. 2002 ทีมงาน Arizona Ballet ได้ขอให้เขาถ่ายภาพนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบัลเล่ต์ให้หน่อย เขาจึงหยิบชุดบัลเล่ต์สีชมพูออกมาถ่ายกลางทุ่งนา จนกลายเป็นภาพสุดฮาภาพนี้ ต่อมาในปี 2003 เขาพบว่าภรรยาอันเป็นที่รักของเขา ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม แน่นอน สิ่งที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องการมากที่สุด คือกำลังใจ และดูเหมือนว่าภรรยาของเขาจะมีความสุขทุกครั้งที่เห็นเขาในชุดบัลเล่ต์สีชมพู ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำโปรเจค The Tutu ขึ้นมา เพื่อหารายได้จากการขายภาพของเขา ช่วยเหลือผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม เขาบอกว่า บางครั้งเสียงหัวเราะ คือยารักษาที่ดีที่สุด . “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มะเร็งของภรรยาผมสอนให้ผมรู้ว่าชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ขนาดไหน บางครั้งการจัดการปัญหาในชีวิตอาจเป็นเรื่องยาก แต่บางครั้ง การเผชิญหน้ากับชีวิตที่ดีที่สุด คือการหัวเราะไปกับมัน และแบ่งปันเสียงหัวเราะให้กับผู้อื่น” Carey กล่าว . . . . . . ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากขนาดไหน ขอให้ยิ้มและหัวเราะไปกับมัน รับรองว่าสิ่งที่ดูว่าหนัก ก็อาจไม่ได้หนักอย่างที่เราคิดหรอกนะ ^^ ที่มา ignant
-
โปรแกรมเมอร์สร้าง ‘บอท’ ให้ทำงานแทน ตัวเองนั่งเฉยๆ รับเงินเดือน 6 ปี จนลืมวิธีเขียนโค้ดแล้ว
ถถถถถถถถถ #จ่าสิบเหมียว นี่ลั่นอย่างรุนแรงเลยทีเดียวพอได้ยินข่าวนี้ นี่สินะคอนเซ็ปต์ของคำพูดที่ว่า ‘เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร’ น่ะ เอิ๊กๆๆๆ แต่เสียดายอย่างเดียวที่เขาไม่ต่อยอดทักษะและความสามารถของเขาให้ดีขึ้น เลยต้องมีจุดจบอย่างที่เห็นแบบนี้แหละ ผู้ใช้ Reddit ที่มีชื่อว่า FiletOfFish1066 พึ่งถูกไล่ออกจากงานโปรแกรมเมอร์ของเขา หลังจากทำงานมาถึง 6 ปีเต็ม!!? แต่เอาเข้าจริงเขาทำงานเพียงแค่ 8 เดือนแรกเท่านั้น…แล้วอีก 5 ปีกับอีกราวๆ 4 เดือนที่เหลือล่ะ?? สำหรับรายได้จากงานเขาจะได้รับประมาณปีละ 95,000 เหรียญ (3.2 ล้านบาท) โดย 8 เดือนแรกที่เขาเข้าไปทำงาน เขาได้เขียนโปรแกรมขึ้นเพื่อให้ทำงานแทนตัวเองได้สำเร็จ หลังจากนั้นน่ะเหรอ เขาก็อยู่เฉยๆ รับทรัพย์อื้อซ่าเลยน่ะสิ!!! เขียนโปรแกรมขึ้นมาเพื่อทำงานแทนตัวเองจนสำเร็จ หลังจากที่พัฒนาโปรแกรมเพื่อทำงานแทนตัวเองได้แล้ว 5 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย มีเวลามากมายไปเข้าฟิตเนส แต่ส่วนใหญ่ก็คือเล่นเกม League of Legends เอาเป็นว่าทำอะไรทุกๆ อย่างที่เขาอยากทำ ที่สำคัญได้รับเงินค่าจ้างแบบเต็มจำนวนอีกด้วย!!! โพสต์ของเขาใน Reddit…
-
สองพ่อลูกขี้สงสัย อยากรู้ว่าใน ‘เครื่องกาชาปอง’ นั้นทำงานกันยังไง ซื้อมาผ่าดูซะเลย!!!
ก่อนอื่นนั้น #จ่าสิบเหมียว ต้องขอออกโรงเตือนเพื่อนๆ ก่อนเลยล่ะว่า อย่าลอกเลียนแบบการกระทำนี้ที่บ้านและที่สำคัญ ร้านค้าต่างๆ ที่มีเครื่องกดชนิดนี้กันอยู่นะจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ เจ้าเครื่องแคปซูลแจกของเล่นที่เราเห็นกันตามร้านค้าต่างๆ นั้นชื่อว่า Gashapon หรือกาชาปอง ที่ทำหน้าที่แจกจ่ายสิ่งของต่างๆ เพียงแค่เราหยอดเหรียญ แล้วหมุน ทีนี้ก็ได้สิ่งที่เราต้องการแบบ Random ออกมาจากเครื่องกันแล้ว แต่เรื่องของเรื่องก็คือ คุณเคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่า เจ้าเครื่องนี้มันมีกลไกการทำงานกันแบบไหน ซึ่งวันนี้ Daniel และ Lincoln Markham สองพ่อลูกขี้สงสัยจึงได้ติดต่อขอซื้อเครื่องนี้มา 1 ตัว และจัดการผ่าดูการทำงานซะเลย!!! ไหนๆ ขอดูหน่อยซิว่าแกทำงานยังไง เลื่อยซะเลยเช้งๆๆๆ !!! ไหนๆๆๆ มาดูซิ อิอิ ถ้าคุณสงสัยล่ะก็ ว่าทำไมหมุนๆ ไม่เคยได้แคปซูลสองลูกเลย ก็โทษเจ้าแท่งๆ นั่นแหละ ที่ปิดไม่ยอมให้มันไหลลงไป T^T จากนี้คุณพ่อก็สาธยายเลยล่ะว่าทำไมเราถึงทำให้แคปซูลไหลออกมาได้ แต่เอามือซุกเข้าไปดึงออกมาไม่ได้ มากไปกว่านั้น ตอนเราผ่าด้านข้างออกมาก็จะเห็นว่า ไม่มีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ หรือใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเลยแม้แต่น้อย!!! สุดท้ายแล้วเครื่องกาชาปองของเราก็เละเทะเลยทีนี้…แต่เป็นความเละที่คุ้มค่ามากๆ…
-
16 เหตุผลดีๆ ที่ไม่ควรเอา “แมว” ไปนั่งทำงานด้วย ระวังงานไม่เสร็จ!!
แมวขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ที่เป็นตัวป่วนที่สุดในโลก และไม่มีใครสามารถเข้าใจความคิดของมันได้ว่ามันต้องการอะไร หรือสาเหตุใดมันถึงทำแบบนี้ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะไว้วางใจมันเท่าไหร่ ดังนั้นช่วงเวลาที่เราต้องการสมาธิและการเป็นส่วนตัวนั้น แมวจึงเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ควรเอามานั่งใกล้ๆ เด็ดขาด เพราะมันอาจจะรบกวนการทำงานของคุณทุกอย่าง จนไม่สามารถทำงานได้เลย ถ้าใครนึกภาพไม่ออก วันนี้ก็เลยเอาภาพตัวอย่างมาให้ชม แล้วจะรู้ว่ามันร้ายแค่ไหน!! เอาไปทำงานด้วยก็ต้องแต่งตัว แต่มันคงไม่ชอบ จับจ้องตลอดเวลา จ๊ะเอ๋ เจ้านายจะใช้คอมป่ะ ในที่สุดแมวก็เป็นเพื่อนกับหนู อุ่นดีจัง.. เข้ามานอนในนี้ได้ไงงง เป็นผู้ช่วยที่หลับตลอดเวลา ครับๆ ผมจะรีบทำงานแล้วครับ มาเล่นกันก่อนน ทำไยอ่ะ ช่วยพิมพ์มั้ยฮะ รอซุ่มโจมตี บิดขี้เกียจจจจ ตรงนี้อ่ะๆ เห็นป่ะ พูดมา เดี๋ยวพิมพ์ให้ บอกแล้วววว อย่าเอาแมวมาทำงานด้วยยยยย… ที่มา distractify
-
เปรียบ 10 ลักษณะนิสัยคนในออฟฟิศกับตัวละครในซีรี่ส์ Game of thrones ใครเป็นใครมาดูเลย!!
เป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาว์นไปทั่วเฟซบุ๊กเลยทีเดียว สำหรับซีรี่ส์ Game of thrones ที่ตอนนี้ดำเนินมาถึงซีซั่นที่ 6 แล้ว หากใครที่ติดตามมาตั้งแต่แรกก็จะรู้ว่าในซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวย้อนยุคกึ่งแฟนตาซีที่มีตัวละครมากหน้าหลายตา โดยตัวละครเหล่านั้นก็จะมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป บางตัวละครไปกษัตริย์ บางตัวละครเป็นบ่าวไพร่ บางตัวละครเป็นนักรบที่ฉลาดเฉลียว บางตัวละครเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ใครๆ ก็แช่งมันตายๆ ไปสักที ซึ่งตัวละครเยอะขนาดนี้มันก็ต้องมีใครสักคนที่มีความคล้ายกับคุณหรือคนที่คุณรู้จักบ้างแหละ ด้วยความหลากหลายเหล่านั้นเอง วันนี้#เหมียวฟิ้นเลยอยากจะขอหยิบยกเอาตัวละครในซีรี่ส์มาเปรียบเทียบกับคนในออฟฟิศของคุณ ดูซิว่าในที่ทำงานของเรา มีใครมีบุคคลิกหรือนิสัยเหมือนกับตัวละครในซีรี่ส์กันบ้าง? 1. Tyrion Lannister ทำงานเก่งกาจ มีความคิดความอ่านและการวางแผนที่ดี แต่มักจะถูกคนอื่นมองข้ามอยู่ตลอด 2. Cersei Lannister มีความเด็ดเดี่ยวจนเกือบจะเผด็จการ มั่นใจในตัวเองสูงและไม่ค่อยเปิดรับคำแนะนำจากคนอื่น 3. Jon Snow เป็นคนซื่อสัตย์ต่อองค์กรมาก ไม่ว่ามอบหมายงานอะไรให้ก็สามารถทำได้ สามารถทำตามคำสั่งได้ดี 4. Daenerys Targaryen มีความเฉลียวฉลาด สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ดูเข้าถึงยากหน่อยและคนอื่นมักมองว่าเป็นคนเรื่องเยอะ 5. Sansa Stark เป็นคนหัวอ่อนหน่อยๆ ใครพูดอะไรก็คล้ายตามได้ง่ายๆ เปรียบเสมือนเด็กฝึกงานหน้าใหม่ ที่อาจถูกพี่ๆ ในออฟฟิศหลอกใช้งานหรือเป่าหูเรื่องต่างๆ…
-
รวมภาพ 16 ภาพเด็กน้อย “แบตหมด” สุดน่ารัก ที่เห็นแล้วหมดเรี่ยวแรงไปด้วยเลย
ชีวิตวัยทำงานนั้นไม่ง่ายเลย เคยไหม หลังเลิกงานทีไร รู้สึกเหนื่อแบบสุดๆ ทุกที พอหันไปดูปฏิทิน ปรากฎว่าวันหยุดก็ยังอีกตั้งหลายวัน เห็นแล้วยิ่งรู้สึกหมดแรงเข้าไปใหญ่ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพเด็กน้อย “แบตฯ หมด” สุดน่ารัก ที่เห็นแล้วจะเข้าใจในทันทีว่า คำว่าหมดสิ้นทุกเรี่ยวแรงเป็นยังไง จะน่ารักขนาดไหน ไปชมกันเลย ไม่ไหวแล้ววว ขอมุดเลยละกัน เล่นซ่อนแอบอยู่ แล้วเกิดง่วงขึ้นมากะทันหัน แม่ไม่รับซักที หลับรอละกัน พื้นมันเย็นดีนะ ขอหลับซักงีบเถอะ จังหวะนี้ตัวต่ออะไรก็เอาไม่อยู่แล้ว ฟี้… ถึงบ้านซักที ไม่ไหวละ นอนก่อนล่ะ ว่าจะไปนอนที่เตียง ทำไมมาโผล่ตรงนี้ได้ล่ะ อิ่มแล้ว หลับดีกว่า หลับมันตรงนี้เลยละกัน ข้า..ไม่..ไหว..แล้ว คร๊อกกก ทำไมหมอนเหม็นจัง ความสบายมีอยู่จริง …
-
พาไปชมสุดยอด “ออฟฟิศ” สุดหรูจากทั่วโลก เห็นแล้วสงสัยว่าได้ทำงานบ้างป่ะเนี่ย!?!
สถานที่ทำงานถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้งานของเราออกมามีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ถ้าใครเคยทำงานที่ห้องเราเองกับไปนั่งทำงานที่ดีๆ ก็คงจะรู้ว่ามันคนละฟีลลิ่งกันเลย ใครๆ ต่างก็อยากจะมีออฟฟิศดีๆ กันทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะออฟฟิศของกูเกิลที่เราเคยเห็นตามข่าว แค่เห็นก็รู้สึกอิจฉาพนักงานแล้ว อยากไปเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่นเลยทีเดียว แต่ช่างเถอะ วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมออฟฟิศที่ดูหรูจากทั่วโลก เห็นแล้วน่าไปนั่งทำงานมากๆ White Mountain Office, สต็อคโฮล์ม, สวีเดน iHeartMedia, นิวยอร์ค, นิวยอร์ค Selgas Cano Architecture Office, มาดริด, สเปน Google, Tel Aviv, อิสราเอล Airbnb, ซาน ฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย Dropbox, ซาน ฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย SoundCloud, เบอร์ลิน, เยอรมนี Beats By Dre Electronics, Culver City, แคลิฟอร์เนีย Warner Music, ลอนดอน, อังกฤษ…
-
ระวังให้ดีออฟฟิศคุณมีฆาตกร!! ชมตัวอย่างหนังสยองขวัญเรื่องใหม่จากเกาหลี “Office พนักงานดีเดือด”
หากคุณคิดว่างานหนักไม่เคยฆ่าใคร อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะงาน…อาจฆ่าคนทั้งออฟฟิศได้… นานๆ จะมีหนังสยองขวัญที่น่าสนใจมาให้เราชมกันสักทีนะ คราวนี้เป็นคิวของหนังสยองขวัญจากแดนกิมจิ Office หรือชื่อไทยว่า “พนักงานดีเดือด” หนังเรื่องนี้เป็นการนำเอาความโหดร้ายของชีวิตการทำงานในออฟฟิศสมัยใหม่ ที่เต็มไปด้วยความเครีดและกดดันมาตีแผ่แบบเจ็บแสบ หนังเล่าเรื่องราวของ คิมบยองกุก หัวหน้าทีมเซลส์ที่ทำยอดขายมาได้ดีตลอด แต่ความกดดันในการทำงานก็ส่งผลร้ายกับชีวิตของเขา วันหนึ่งคิมกลับมาที่บ้านและลงมือฆ่าทุกคนในบ้านอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็เดินทางกลับมาที่ออฟฟิศและหายตัวไปอย่างลึกลับ โดยไม่มีใครทราบสาเหตุว่าเขากลับมาทำไม ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตามหาเขา พนักงานในออฟฟิศกลับค่อยๆ ถูกฆ่าตายอย่างปริศนาไปทีละคนๆ หนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบให้แก่คนรักงานทุกๆ คน ที่เอาแต่ทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในออฟฟิศมากกว่าที่บ้าน เจอเพื่อนร่วมงานมากกว่าคนรัก ยอมนอนน้อยเพื่อทำงานหนัก และได้งานที่โดดเด่นยิ่งกว่าใคร ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า หนังกำกับโดยฮองวอนชัน มือเขียนบทจาก The Chaser ที่โดดมากำกับหนังเป็นครั้งแรก หนังมีกำหนดฉายในบ้านเราคือวันที่ 3 มีนาคมนี้นะจ๊ะ ที่มา Monofilm Spotlight , jediyuth
-
จะทนเมื่อยมืออีกทำไม!? บ.ญี่ปุ่นออกแบบตุ๊กตา “รองข้อมือ” ช่วยให้การทำงานของคุณสบายยิ่งกว่าเดิม
เรื่องล้ำๆ น่ารักๆ ต้องยอมพี่ญี่ปุ่นเขาเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ ใหม่ๆ อะไรก็ตาม มักจะเกิดขึ้นที่นี่ที่แรกเสมอ อย่างล่าสุดมีบริษัทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ผลิตตุ๊กตาสำหรับรองข้อมือ ช่วยให้การทำงานหน้าคอมนานๆ เป็นเรื่องที่สบ๊ายสบาย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเว็บไซต์ rocketnews24 ได้รายงานว่าบริษัทผลิตตุ๊กตาในญี่ปุ่น ได้นำเอาตัวละครจากวิดีโอเกมสุดน่ารักที่มีชื่อว่า Kapibara-san และ Komasan มาทำเป็นตุ๊กตาและหมอนรองข้อมือสำหรับการทำงาน เพื่อให้เหล่าพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งแช่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ได้รู้สึกผ่อนคลายและไม่ต้องทนกับอาการปวดข้อมมือมากนัก หลังจากที่ตุ๊กตาและหมอนรองข้อมือชุดแรกได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินคาด พวกเขาก็เลยออกแบบตุ๊กตาชุดใหม่ที่มีลวดลายเป็นเจ้า Yokai Watch และเจ้าหมีซุปตาร์ Rilakkuma มาทำเป็นหมอนด้วยเช่นกัน งานนี้ใครมีเพื่อนๆ กำลังจะไปล่ะก็ ฝากหิ้วเลยจ้า หากใครอยากจะเป็นเจ้าของล่ะก็ เขาก็สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 47 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,670 บาทนะจ๊ะ ที่มา boredpanda , rocketnews24
-
บริษัทโฆษณาสุดเจ๋ง อนุญาตให้พนักงานพา “น้องหมา” มาที่ทำงานได้ หวังช่วยลดความเครียด
เคยมีงานวิจัยออกมาบอกว่า การเล่นกับสัตว์เลี้ยงสามารถช่วยลดความเครียดลงได้ ด้วยเหตุนี้เอง หลายๆ บริษัทจึงออกนโยบายให้พนักงาน สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในที่ทำงานได้ เพื่อช่วยลดความเครียด อย่างเมื่อช่วงก่อนเหมียวได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับบริษัทญี่ปุ่น ที่เลี้ยงแมวไว้ในออฟฟิศเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน (ข่าวเก่า) วันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปชมสามบริษัทที่มีนโยบายเอาใจผู้รักสัตว์ โดยพวกเขาอนุญาตให้พนักงาน สามารถนำน้องหมาของตนเอง เข้ามาอยู่ในที่ทำงานด้วยได้ เพื่อช่วยลดความเครียดระหว่างการทำงาน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย อย่างที่เราทราบกันดีกว่า การทำงานในบริษัทโฆษณานั้นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก อย่างที่เราเห็นเหมือนกันทั่วโลกก็คือ พวกเขาพยายามจัดออฟฟิศให้ดูน่าอยู่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งพนักงานมีความสบายใจเท่าไหร่ โอกาสที่งานจะออกมาดีก็มีมากเท่านั้น แต่สำหรับ Mistress, Deutsch LA, และ Huge สามบริษัทโฆษณาจาก Los Angeles แค่การจัดออฟฟิศให้น่าอยู่คงจะไม่พอ พวกเขาจึงอนุญาตให้พนักงาน สามารถนำ “น้องหมา” ของตนเองเข้ามาเลี้ยงในออฟฟิศได้ ตัวแทนจาก Mistress กล่าวว่า การมีหมาอยู่ในที่ทำงาน ทำให้พนักงานรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เหมือนได้นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นยังไงอย่างงั้น และการทำงานกับบริษัทโฆษณาแบบนี้ มันทำให้เราเครียดอยู่แล้ว ซึ่งน้องหมามีส่วนช่วยในเรื่องนั้นมาก ทางตัวแทนของ Deutsch LA กล่าวว่า เวลาประชุมงานเครียดๆ พอออกมาแล้วได้เห็นคนอื่นๆ กำลังเล่นกับน้องหมาอย่างมีความสุข ก็ทำให้เรามีความสุขไปด้วย ความเครียดก็หายไปเยอะเหมือนกัน…
-
เมี้ยววว!! บริษัทญี่ปุ่นปิ๊งไอเดีย ‘เลี้ยงแมวในออฟฟิศ’ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การทำงานในแต่ละที่นั้น มีความยากง่ายแตกต่างกันไป บางทีทำงานแบบสบายๆ แต่บางที่อาจจะต้องการสมาธิในการทำงานสักหน่อย แต่ไม่ว่าที่ไหนหากทำไปได้สักพักแล้วก็อาจจะเกิดความเครียดกันเป็นธรรมดา บริษัทจากญี่ปุ่นแห่งนี้เลยคิดค้นไอเดียแปลกขึ้นมาเพื่อหวังช่วยให้พนักงานของเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทที่แอดเหมียวกำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Ferray Corporation ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ต พวกเขามีวิธีแปลกใหม่ในการช่วยกระตุ้นการทำงานของพนักงานในบริษัทและช่วยเพิ่มความผ่อนคลายด้วยการเลี้ยงแมวไว้ในออฟฟิศ!! ตามรายงานบอกว่าพนักงานในบริษัทแห่งนี้ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าให้นำเอาแมวมาเลี้ยงในออฟฟิศได้ ทำให้ออฟฟิศนี้มีแมวมาป้วนเปี้ยนวิ่งเล่นอยู่ด้วยกันถึง 9 ตัว ทั้งจากพนักงานที่นำมาเลี้ยงเองและแมวจรจัดที่พวกเขาเก็บมาเลี้ยง มากกว่านั้น หากใครยังไม่มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง พวกเขาสามารถจ่ายโบนัสให้กับแมวที่ไม่มีบ้านอยู่ ด้วยการรับมันไปเลี้ยงที่บ้านได้ด้วย ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่บริษัทนี้ตัดสินใจเอาแมวมาเลี้ยงในออฟฟิศ จะทำให้พนักงานในบริษัทมีเรื่องให้พูดคุยกันมากขึ้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วเจ้าเหมียวพวกนี้ก้ได้มีบ้านใหม่ที่เต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์ และมนุษย์ที่จะคอยเล่นกับพวกมันตลอดเวลานั่นเอง เราเริ่มยึดครองออฟฟิศที่ญี่ปุ่นได้แล้ว เป้าหมายการครองโลกอยู่ไม่ไกล ที่มา brightside
-
ผลสำรวจต่างประเทศเผยให้เห็นถึงรายได้งามๆ ของ 10 สาขาอาชีพที่ไม่ต้องการใบปริญญา!!
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะเป็นใบเบิกทางนำไปสู่การประกอบอาชีพที่ใฝ่ฝัน แต่ทว่าในปัจจุบันก็มีหลากหลายอาชีพที่ไม่ต้องการใบปริญญาเพื่อเข้าทำงาน และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือรายได้ของแต่ละอาชีพนั้นถือว่าให้ผลตอบแทนงามมากๆ อาชีพที่ไม่ต้องการใบปริญญา? ล่าสุดนี้เมื่อทาง i100 ส่วนหนึ่งของ The Independent ร่วมมือกับ Statista จัดทำอินโฟกราฟฟิคที่แสดงให้เห็นถึงข้อมูลอาชีพที่ไม่ต้องการใบปริญญาและมีรายได้สูงสุดทั้งหมด 10 อันดับด้วยกัน โดยเป็นข้อมูลของอาชีพภายในประเทศอังกฤษ และใช้สกุลเงินปอนด์ จากผลสำรวจจะเห็นได้ว่าอาชีพ Equities Trader มาแรงเป็นอันดับหนึ่งกับรายได้เฉลี่ยเกือบๆ 60,000 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 3.17 ล้านบาท) อันดับที่สองคือ Mining Construction รายได้เฉลี่ย 56,260 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 2.97 ล้านบาท) และอันดับที่สามคือ Commodities Trader รายได้เฉลี่ย 53,003 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 2.8 ล้านบาท) หากลองไล่จากอันดับสุดท้ายขึ้นมาสามอันดับ อาชีพนักข่าวก็ถือว่าได้เงินเยอะมากเฉลี่ย 30,998 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ…
-
14 ภาพชวนขำ ของคนที่ชอบทำตัวมีความสุขในทุกๆ วัน ไม่เว้นแม้แต่วัน ‘ทำงาน’
สำหรับคนที่อยู่ในวัยทำงาน จะต้องรู้ดีว่ามันน่าเบื่อสักแค่ไหน เพราะในทุกๆ วันคุณจะต้องตื่นแต่เช้าแล้วรีบออกมาทำบาง บางคนก็ต้องเผชิญกับปัญหารถติด เรียกได้ว่าการทำงานนอกจากจะน่าเบื่อแล้ว ยังทำให้บางคนเกิดอาการเครียดอีกด้วย และสำหรับบางคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนุกกับการทำงานซะเหลือเกิน เพราะดูๆ แล้วการทำงานในแต่ละวันของพวกเขาดูเหมือนจะมีจะส่งความสุขให้ทั้งตัวเขาเอง และคนที่กำลังจะรับชมภาพของพวกเขายังไงละเหมียว เอิ่ม!! นี่ก็ทำไปได้เนาะ เล่นไปด้วยทำงานไปด้วย สนุกสุดยอด นี่มันแกล้งกันชัดๆ ดูพวกเขาไม่เครียดกับการทำงานเลยนะ ทำอะไรกันนะ แกล้งกันอีกแล้ว เฮ้ยๆๆ เวลาทำงานเล่นอยู่ได้ สนุกกันใหญ่เลยนะพวกมนุษย์ เล่นกันเข้าไป ถึงงานจะหนัก แต่ก็ไม่หวั่น ทั้งเล่น ทั้งกิน ทั้งทำงาน มีความสุขจริงจริ๊ง ถ้าคนทั้งโลกมีความสุขกับการทำงานแบบนี้ก็ดีนะสิ จะได้ไม่น่าเบื่อ และไม่ต้องเครียดกันยังไงละเหมียว ที่มา : ebaumsworld
-
คุณพ่อยอมลาออกงานเงินเดือนสูง ขายรถยนต์ เพื่อที่จะใช้ชีวิตที่เหลือพาลูกไปเที่ยวตามฝัน
เรื่องราวอันน่าประทับใจของคุณพ่อที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อดูแลลูกของตัวเอง อย่างเช่นคุณ John Silk จากอดีตนักธุรกิจ มีเงินเดือนสูงลิบ ได้ตัดสินใจลาออกจากงานที่มีเงินเดือนดีๆ ขายรถยนต์ Porsche คันหรู เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ดูแลลูกสาวคนพิเศษ และพาเธอไปเที่ยวตามฝัน การตัดสินใจอันแกร่งกล้าของเขานั้น มีเหตุผลมาจากหน้าที่การงานในตอนนั้น ทำให้เขาไม่มีเวลาอยู่ดูแลลูกสาวเลย เขาจึงลาออกจากงาน ขายรถยนต์หรู และเริ่มระดมทุนไว้ใช้สำหรับทริปในฝันของลูกสาวของเขา ลูกสาวของเขามีชื่อว่า Vicky ซึ่งมีอาการในกลุ่มดาวน์และเป็นโรค Eisenmenger ที่มีความซับซ้อนเกี่ยวกับหัวใจและปอด ซึ่งจากการวินิจฉัยของแพทย์ เธออาจจะมีอายุถึงเพียงแค่ 15 ปี แต่ปัจจุบันเธอมีอายุถึง 22 ปีแล้วล่ะ โดยที่ก่อนหน้านั้นเธอได้เจอหน้าคุณพ่อเพียงแค่แค่สุดสัปดาห์เท่านั้น หลังจากที่คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันคุณพ่อ John ได้งานใหม่เป็นผู้ช่วยคนขับรถบัสโรงเรียน ได้ไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเอง เจอหน้ากันทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ซึ่งถึงแม้จะเป็นงานที่เงินน้อย แต่มีความสุขมาก คุณพ่อเก็บเงินรักษาลูก แถมยังพาเธอไปเที่ยวมากถึง 24 ครั้ง 15 ประเทศ ตลอดระยะเวลา 14 ปี…
-
สุดยอดไอเดียโต๊ะทำงาน ที่คุณสามารถนอนทำได้ ราคาเบาๆ 2 แสนบาทนิดๆ
ใครๆต่างก็มีความฝันว่าอยากจะได้โต๊ะที่นั่งสบายๆ เผื่อที่ว่าเวลาทำงานจะได้มีความสุข ไม่ต้องกลัวว่าจะปวดหลังหรือนั่งไม่สบาย ปัญหาการปวดหลังนี่ถือเป็นปัญหาอันดับต้นๆเลยสำหรับคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆ แต่แล้ว Altwork ก็ได้ประดิษฐ์โต๊ะที่งานที่เปลี่ยนรูปแบบจากนั่งกลายเป็นนอนแทน โดยที่ทุกอย่างก็หมุนตามคุณได้ด้วย ทั้งจอคอม แป้น และอื่นๆ ทาง Altwork ได้ทำโต๊ะตัวขายในราคา 5,900 ดอลล่าร์หรือประมาณ 210,000 บาท ถึงแม้ว่ามันจะดูแพง แต่มันก็แลกมากับการที่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างสบาย เพราะเก้าอี้มีระแบบไฟฟ้าต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณมากมาย ซึ่งเขาใช้เวลาทั้งหมด 5 ปีในการพัฒนามันขึ้นมา ผู้ก่อตั้ง Altwork และซีอีโอ Che Voigt ได้ให้สัมภาษณ์กับ Wired ว่า “เราไม่ได้จะทำโต๊ะทั่วไป แต่เราออกแบบมาสำหรับคนที่ต้องทำงานกับคอมโดยเฉพาะ เพราะบางคนต้องมีความตึงเครียดเวลาทำงาน เช่นนักเขียน วิศวะกร นักวาดการ์ตูน ซึ่งถ้างานของเขาเสร็จเร็วขึ้น มันก็เป็นเรื่องที่ดีกว่า” ที่มา mashable, wired
-
20 ภาพเรื่องจริง ของคนเลี้ยงสัตว์ ที่เอางานกลับไปทำบ้าน และมั่นใจได้เลยว่างานเสร็จแน่นอน!!!
เหมียวเชื่อว่าหลายๆ คนก็ชอบเอางาน เอาการบ้านไปทำกันที่บ้าน แต่ถ้าบ้านใครมีสัตว์เลี้ยงล่ะก็ เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแน่นอน ว่าแล้วมาพบกันเลยกับ 20 ภาพของคนที่เอางานกลับมาทำบ้าน ที่ทำงานแล้วได้งานจริงๆ ฮ่าๆๆๆ มาดูกันเลย ขอนอนแปปนะงับ >< ช่วงนี้ดวงไม่ดีเลย เหมียวดูดวงให้ มาๆ ขอกินข้าวหน่อยจิ มันใช่เวลาทำมั้ย?? เกาพุงหน่อย ต๊ะเอ๋ เสร็จยังอ่ะ วิญญาณ…ยังตามติด สบายจัง ไม่ย้ายที่ด้วย ก็พิมพ์ลงตรงพุงเหมียวเลยสิ ไม่ไป!!! พิมพ์เบาๆ หน่อยสิ อย่าขยับสิ…
-
17 ภาพขำๆ ของเหล่าพนักงาน ที่ทำงานหนักจนต้องขอตัวมา ‘หลับในหน้าที่’ สักกันหน่อย
เวลาที่เราทำงานหนักๆ ทั้งวัน แน่นอนว่ามันก็ต้องมีช่วงเวลาที่เหนื่อย เพลีย และง่วงนอนเป็นธรรมดา ก็เหมือนกับผู้คนเหล่านี้ ที่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็คงจะทำงานหนักกันมาทั้งวันเช่นกัน จนเกิดอาการหลับในหน้าที่กันเลยทีเดียว แหมๆๆ ก็คนมันเพลียนี่นาขอแอบมานอนหลับให้หายเหนื่อยสักหน่อยจิ เจ้านายคงไม่ว่าหรอกน่า อิอิ!! ดูจากท่าทางแล้ว เจ๊แกคงจะหลับยาวแน่ๆ เชื่อว่าหลายคนคงเคยหลับคาโต๊ะทำงานแบบนี้… ตื่นมาพี่แกต้องปวดคอแน่ๆ ส่วนหนุ่มคนนี้ก็ไอเดียเจ๋ง หาอุปกรณ์รอบตัวมาทำเป็นหมอน คงจะเหนื่อยมากๆ ละสิท่า ก็คนมันง่วงนี่นา ขอหลับแปบนึงจิ สบายเลยนะลุง เหมียวเชื่อว่าเวลาแบบนี้ใครๆ ก็เคยเป็นกันทั้งนั้น แหมๆๆ หลอกซะเนียนเลยน้า โอ้ววว หลับมันตรงนี้เลยหรอ สุดยอด ZZZzzzZZzz พี่แกคงกำลังหลับฝันดี ก่อนจะทำหน้าที่อันหนักหน่วง ขอพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เชื่อแล้วละว่าพวกเขาคงจะเหนื่อยมากจริงๆ บางคนถึงขั้นหลับเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว เอ้าๆๆๆ พอหายเหนื่อยกันแล้ว ก็อย่าลืมรีบมาทำงานกันต่อละพวกมนุษย์…
-
สำหรับคนรักงาน ขอนำเสนออาหารเช้าสไตล์ “โต๊ะทำงาน” อร่อยแบบเรียลๆ
คุณเป็นคนหนึ่งที่หลงไหลในเทคโนโลยีอยู่ใช่หรือไม่ หรือคุณเป็นคนที่รักในการทำงานหน้าคอม ไม่ยอมลุกไปไหน ทุกการกิน นอน หรือแม้กระทั่งหายใจก็ทำมันอยู่ที่หน้าคอม วันนี้เหมียวขอนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ นั่นก็คืออาหารเช้าสไตล์โต๊ะทำงาน ที่จะทำให้คุณรู้สึกนั่งอยู่หน้าคอมตลอดเวลา ไอเดียนี้มาจาก Cafe Int. ในงาน Nexon Computer Museum ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเขาได้ทำวาฟเฟิลในรูปแบบแป้นคีย์บอร์ดพร้อมกับซอสแสนอร่อยโรยไอซ์ชูการ์เบาๆ อีกทั้งยังมาเมาส์วางเคียงข้างอย่างลงตัวอีกด้วย ถ้าใครอยากลองก็ไปที่งานนี้ได้เลย รับรองว่าฟินมากๆ แน่นอนว่าจะสั่งกาแฟนั่งจิบก็ได้นะ และตอนไปอย่างลืมถามเจ้าของด้วยล่ะว่ามีไวไฟให้ใช้รึเปล่า จะได้เข้ากับธีมร้าน อิอิ ที่มา Kotaku
-
เอาตังไปเลย สุดยอด “โต๊ะทำงาน” ที่สามารถแปรรูปเป็นเตียงนอนได้อย่างสบาย!!
เป็นเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ที่เวลาเราทำงานแล้วรู้สึกง่วง เหงา หาว นอน แล้วไม่รู้จะระบายความง่วงยังไง กาแฟก็เอาไม่อยู่แล้ว จะงีบบนโต๊ะก็ปวดหลังปวดคือ วันนี้เหมียวมีโต๊ะทำงานไอเดียเก๋มานำเสนอ บริษัท Studio NL จากกรีกได้ดีไซน์โต๊ะทำงานตัวหนึ่งออกมาชื่อว่า Nap Desk ซึ่งจุดเด่นของมันก็คือมันกลายเป็นเตียงนอนขนาดย่อมๆได้ด้วย เพียงแค่คุณปรับแต่งใต้โต๊ะนิดหน่อย มันก็กลายเป็นเตียงนอนสุดแสนสบาย ไม่ต้องนั่งงีบบนโต๊ะให้ปวดคออีกแล้ว หรือจะนอนแบบส่วนตัวก็ได้ เพียงแค่เอาม่านข้างๆลงมา แต่ก็อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกล่ะ เดี๋ยวไม่ตื่น ที่มา hellogiggles
-
ชายคนนี้ประดิษฐ์โต๊ะที่สามารถเอาไว้ “ทำงาน” และ “ปาร์ตี้” ในเวลาเดียวกันได้!!
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า Work hard, play harder รึเปล่า แปลอย่างง่ายๆก็คือทำงานหนักแค่ไหน ก็ต้องสนุกให้หนักยิ่งกว่า ชายคนนี้ชื่อ Jonathan Odom เห็นว่าคำนี้มันต้องเกิดขึ้นจริงๆ เขาก็เลยประดิษฐ์โต๊ะตัวนี้ขึ้นมา เดิมทีเขาต้องการที่จะมีบาร์ไว้ดริ๊งค์กับเพื่อนๆในห้องของเขา แต่ด้วยเนื้อที่จำกัดมากๆ เขาจึงจัดการที่จะทำโต๊ะแบบทูอินวันซะเลย ด้วยความที่เขาเป็นดีไซเนอร์ให้กับ Instructables Design Studio ในซานฟรานซิสโก เขาก็เลยดีไซน์โต๊ะตัวนี้ขึ้นมา ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนจากโต๊ะทำงานกลายเป็นบาร์ได้เพียงเลื่อนอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง อะไรจะง่ายขนาดน้านนนน เครื่องดื่มมีพร้อมตลอดเวลา ช่องใส่เครื่องดนตรีก็มี เอ้า ชนนนนนนน แต่อย่างดื่มให้มากจนลืมทำงานแล้วกัน ที่มา boredpanda
-
ครูมะกันซีด เกือบโดนไล่ออกหลังจากทำสถิติ มาสายกว่า 111 ครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา!!!
การที่จะเป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาตินั้น แน่นอนต้องเป็นตัวอย่างที่ดีๆ ให้กับเด็กๆ ที่เราสอนอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหลาย และเรื่องตรงต่อเวลาก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น!!! เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคุณครูชาวมะกันท่านหนึ่ง ที่เรียกได้ว่า ‘ไม่ว่าอย่างไร นักเรียนต้องมาก่อนเสมอสำหรับครู’ มากๆ แต่ไม่ใช่ความสำคัญมาก่อน หากแต่เป็นเรื่องการมาสาย!!! โดยคุณครูเขามีพฤติกรรมแปลกๆ โดยเมื่อเขาทานอาหารเช้า ระหว่างที่ทาน เขาจะเหมือนเหม่อๆ ลอยๆ และลืมในเรื่องของเวลาไปเลยเสียทุกครั้งไป ทั้งๆ ที่เขาได้ทำงานในฐานะอาจารย์มากว่า 15 ปีแล้ว Roosevelt Elementary School โรงเรียนที่เขาทำงานอยู่ โดยได้รับเงินราวๆ 90,000 เหรียญต่อปี หรือประมาณ 3 ล้านบาท จึงได้ตัดสินใจไล่เขาออกจากตำแหน่ง ด้วยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาได้สายไปแล้วกว่า 111 ครั้ง!!! แน่นอนเขาก็ชี้แจงเหตุผลจนสามารถรอดตัวไปได้ในครั้งนี้ แต่ก็ต้องทำงานให้กับโรงเรียนฟรีๆ ไปจนถึงเดือนมกราคมเป็นการลงโทษ และติดทัณฑ์บนห้ามสายตลอดช่วงเวลานั้นเลยทีเดียว… โถๆๆๆๆ น่าสงสารจริงๆ นะคุณครู ไม่รู้แกมีปัญหาชีวิตอะไรรึเปล่า แต่ก็นั่นล่ะนะ…
-
ชม 23 ภาพสุดฮาของเจ้าเหมียวที่อยากจะ “รบกวนเวลาทำงาน” ของคุณ!!
เมื่อนานมาแล้ว แมวเป็นสัตว์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาแต่ช้านาน ตอนนั้นแมวกับคนยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน โดยที่แมวก็เป็นผู้ช่วยงานคนในด้านต่างๆ จนกระทั่ง…. เกิดเรื่องบาดหมางทางด้านผลประโยชน์ ทำให้แมวออกมาเรียกร้องสิทธิ แต่คนไม่ยอม จึงพยายามลดขั้นของแมวให้กลายเป็นแค่สัตว์เลี้ยง นับตั้งแต่นั้นมาเวลาแมวเห็นคนทำงานแล้ว มันจะคอยเข้ามากวนอยู่เสมอ นี่เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อให้มันเชื่อมโยงกับชีวิตจริงที่แมวมันชอบมากวนเราทำงานทุกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไปเหมือนกัน วันนี้ #เหมียวสามสี จึงจะพาทุกท่านไปดูภาพฮาๆของเหล่าแมวพวกนี้ที่พร้อมจะกวนคุณได้ทุกเมื่อ “ฉันจะเฝ้าแกไปจนตาย” “ทำไปสิ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ยืนดูเฉยๆ” “อยากเขียนนักใช่มั้ย!?” “จ๊ะเอ๋ ทำไรอยู่จ๊ะ” “ห๊าวววววว ง่วงเหลือเกิน” “ทำงานไปสิ ไม่มีใครห้าม” “มาเอากระดาษเหรอฮะ” “ทำงานสิ อย่าอู้” “รีบทำ จะได้มาเล่นกับเราซะที” “แวอายูวววววว” “นี่ยอมขุดดินมาหาเลยนะ” “อะไยเหยอ เค้าแค่มาจับหนู” “หมอนนุ่มดีจริงๆ” “เมื่อไหร่แกจะเสร็จจจจจ” “หาผมอยู่รึเปล่า”…
-
9 สัตว์เลี้ยงสุดน่ารัก ที่ทำงานแทนเหล่ามนุษย์ แถมยังทำได้ดีเสียด้วย!!!
เพื่อนๆ เคยรู้กันมั้ยว่า มีงานหลายอย่างของมนุษย์เลยนะที่เหล่าสัตว์ทำงานให้ และแน่นอนที่พวกมันได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติเหล่านี้นั้น ก็เพราะมันทำเก่งกว่ามนุษย์นั่นเอง!!! มาดูกันเลย หนู ดมกับระเบิด ในแถบแอฟริกา สามารถสำรวจพื้นที่อันตรายได้ใน 20 นาที ขณะที่มนุษย์ต้องใช้กว่า 5 วัน แน่นอนหาเจอแล้วต้องมีรางวัลด้วยนะจ๊ะ เจ้าจ๋อบริกร ดูสิน่ารัก รวดเร็ว คล่องแคล่ว เอาใจดีขนาดนี้ สามารถพบกับพวกมันได้ที่ ร้านเหล้า Kayabukiya ในโตเกียวนะจ๊ะ กระรอกน้อยนักเซิร์ฟ เจ้าตัวนี้มีชื่อว่า Twiggy แถมได้แสดงในหนังเรื่อง Anchorman and Dodgeball ด้วยนะจ๊ะ ดาราดังเลยนะเนี่ย โครงการของนาวิกสหรัฐฯ นำเหล่าสัตว์น้ำมาฝึกเพื่อใช้ในสงคราม เจ้าสิงโตทะเลและโลมาเหล่านี้ สามารถตรวจทุ่นระเบิด และป้องกันชายฝั่งได้ สุดยอด!!! ม้าพันธุ์คลายเดสเดล ที่ทำหน้าที่เป็นสัตว์ช่วยแคมเปญโฆษณาของบริษัทเบียร์ บัดไวเซอร์ ตัวกราวน์ฮ๊อกพยากรอากาศ ทุกๆ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ถ้ามันออกมาจากรู แสดงว่าฤดูหนาวจะยาวไปอีกกว่า 6…
-
ชมคลิปมดในช่วงเวลา “รถติด” ที่ดูแล้วต้องพูดว่า “เอา 27 วิของฉันคืนมา”
ทุกวันนี้ได้ใครได้ออกไปทำงานตอนเช้าๆก็คงจะเข้าใจความรู้สึกของการเจอเหตุการณ์รถติดเป็นแน่แท้ มันเป็นอะไรที่เสียเวลาสุดๆ แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอ เพราะว่ามันคือทางเดียวที่เราจะไปทำงานทัน ไม่ใช่เฉพาะคนนะที่ต้องเจอกับรถติด มดมันก็มีรถติดเช่นเดียวกัน คลิปนี้จัดทำโดย Jesse Rosten ซึ่งในคลิปจะเป็นเหตุการณ์รถติดของเหล่ามดงานที่กำลังเดินทาง เราไปดูกันเลยดีกว่า!! เอาจริงๆเหมียวว่ามันเป็นคลิปที่ครีเอทมากๆเลยนะ แต่ก็นั่นแหละ มันสั้นไปหน่อย แต่ก็เจ๋งดี ที่มา Jesse Rosten
-
มาชม 15 ภาพเหล่าดาราฮอลีวู้ดและคนดังระดับโลก ในตอนที่พวกเขามาเที่ยวเมืองไทยกันดีกว่า
เรามักจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยกันเยอะแยะมากมาย แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบางทีนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ก็อาจจะเป็นเหล่าคนดังระดับโลกที่เดินทางมาเที่ยวแบบเงียบๆ ก็เป็นได้ และในวันนี้เราก็ได้นำ 15 ภาพของเหล่าดาราฮอลีวู้ดและคนดังระดับโลก ในตอนที่พวกเขามาเที่ยว หรือมาถ่ายหนังที่ประเทศไทย เรียกได้ว่าบางคนก็ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวได้แบบเนียนๆ จนแทบจะดูไม่ออกด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันเลยว่าจะมีใครบ้าง 1.Eva Mendes . 2.Paris Hilton . 3.Angelina Jolie . 4.Brad Pitt และ Angelina Jolie . 5.Barack Obama . 6.Ewan McGregor . 7.Ryan Gosling . 8.Kim Kardashian . 9.Bruno Mars 10.Katy Perry .…
-
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบสาเหตุดีๆ ที่ว่าทำไมเราต้อง “งีบระหว่างทำงาน”
เมื่อเรานอนหลับไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่สิ่งที่น่ากลัวได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า ปัญหาทางด้านความจำ และมะเร็ง ถึงแม้ว่าการงีบเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถทดแทนการหลับยาวๆได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบว่าการงีบเนี่ยแหละ มันสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ขึ้นได้ เดิมทีเรารู้จากผลวิจัยแล้วว่าการนอนสามารถช่วยในด้ายภูมิต้านทาน พลังงาน อารมณ์ และการรับรู้ แต่ผลวิจัยใหม่จาก University of Michigan ได้ค้นพบอีกด้วยว่าการงีบระหว่างทำงาน สามารถเพิ่มสามารถด้านควบคุมอารมณ์ได้อีกด้วย การที่เราอดนอนนั้นสามารถทำให้เราเป็นคนทำอะไรโดนไม่มีสติได่ อีกทั้งยังลดความสามารถทางด้านความคุมอารมณ์และการยั้งคิด ทาง University of Michigan จึงได้ทำการทดลองกับคนจริงๆ โดยให้คนกลุ่มหนึ่ง ทำแบบทดสอบในคอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับการนอนหลับ อารมณ์ และ อาการหุนหันพลันแล่น หลังจากนั้นเขาก็ให้กลุ่มคนเลือกว่าจะไปนอนหรือว่าจะดูหนังสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติยาว 60 นาที พบจบแล้วก็กลับมาทำแบบทดสอบอีกครั้ง นักวิจัยพบว่าคนที่ดูสารคดีมีความอดทนต่ำต่อการตอบคำถามที่แก้ได้ยาก และและดูมีอารมณ์หุนหันพลันแล่น ส่วนคนที่หลับมีความอดทนต่อการทำแบบฝึกหัดสูงและควบคุมอารมณ์ได้ดี สิ่งนี้ก็ทำให้เราได้รู้แล้วว่าการงีบนั้นสามารถช่วยในการควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ลดความคิดในแง่ลบลงไป แต่ได้มีนักจิตวิทยา Dr. Ron Friedman ได้บอกมาว่าวิธีนี้อาจจะไม่สามารถใช้ได้จริง เนื่องจากในสังคม โดยเฉพาะในอเมริกา การทำงานหนักๆจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความต้องการนอนมันก็มีเท่าๆกับที่เราต้องการอาหารและน้ำนั่นเอง Friedman เชื่อว่าสิ่งที่จะช่วยในการเปลี่ยนมุมมองของพนักงานที่มีต่อการงีบก็คือเจ้านายหรือผู้นำ เพราะเขาสามารถเปลี่ยนทัศนคตินี้ได้โดารการสร้างห้องไว้สำหรับพักผ่อนเพื่อให้พนักงานได้เข้าไปใช้นั่นเอง ที่มา businessinsider