Tag: ทำโทษ
-
บ. จีนโหด ‘โบย’ ลูกน้องด้วยเข็มขัด บังคับดื่มฉี่ หลังลูกน้องทำ “ยอดขาย” ไม่ถึงเป้า
ผู้จัดการ 3 รายในบริษัทแห่งหนึ่งของจีน ถูกควบคุมตัวโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังมีการแจ้งใช้ “เข็มขัด” ฟาดลูกจ้าง บังคับให้ดื่มปัสสาวะและบังคับให้กินแมลง พนักงานผู้เป็นเหยื่อ เป็นลูกจ้างในบริษัทพัฒนาบ้านเรือนแห่งเมืองจุนอี้ มณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน พวกเขาให้การว่าที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็เพราะพวกเขาทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้า หลังมีคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเผยออกมาบนอินเทอร์เน็ตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนสอบสวนอย่างรวดเร็ว ชมคลิปวิดีโอ ภายในวิดีโอเผยให้เห็นว่าหัวหน้างานมีการโบยลูกน้องด้วยเข็มขัด ประกอบกับมีการบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มสีเหลืองอีกด้วย ยังมีคำให้การเพิ่มอีกว่านอกจากการลงโทษแบบนี้ยังมีวิธีการอื่นอีกเช่น สั่งให้คุกเข่า กินมัสตาร์ด และสั่งให้โกนผม เป็นต้น มีการพบหลักฐานเป็นข้อความที่ผู้จัดการส่งมาถึงลูกจ้างว่า หากไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายทุกคนจะต้อง “กินแมลงสาบ” คนละ 3 ตัว ขณะนี้ผู้จัดการที่ก่อเหตุ 2 คนซึ่งมีสกุลว่า Guo และ Cai ตามลำดับถูกกักตัวไว้เป็นเวลา 10 วัน ส่วนอีกคนหนึ่งสกุล Huang ถูกกักตัวไว้เป็นเวลา 5 วัน มีหลายเสียงที่ถามพนักงานเหล่านี้ว่าทำไมต้องทน ทำไมถึงไม่ยอมลาออกจากบริษัทแบบนี้ หนึ่งในลูกจ้างก็ออกมาตอบว่า “บริษัทนี้ค้างจ่ายเงินเดือนพวกเขามา 2 เดือนแล้ว แถมขู่ว่าถ้าไม่ยอมรับโทษหรือลาออกก็จะถูกตัดเงินเดือนไปเลย” …
-
เมียหึงโหด! ตัด “เจ้าโลก” หนุ่มสุรินทร์เจ้าชู้ขาดสะบั้น แถมนำชิ้นส่วนไปทิ้ง ไม่อยากให้ต่อคืน…
สำหรับสามีภรรยาไม่ว่าคู่ไหนๆ การนอกใจและความเจ้าชู้นั้นมักจะเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะเสมอ… ล่าสุด ความเจ้าชู้ ทำพิษ ภรรยาสาวสัญชาติกัมพูชาลงทัณฑ์สามีชาวสุรินทร์เจ้าชู้ด้วยการใช้มีดหั่นอวัยวะเพศขาดสะบั้น แถมนำชิ้นส่วนไปซ่อนเพราะไม่อยากให้หมอต่อกลับคืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 บริเวณบ้านพักคนงานในแปลงผักออร์แกนิก ของหมู่ 5 ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีผู้บาดเจ็บ จึงเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่อย่างเร่งด่วนพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัย เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบว่าชายที่ถูกฟันอวัยวะเพศจนขาดคือหนุ่มชาวสุรินทร์วัย 40 ปีชื่อว่า นายศิริพันธ์ สานุสันต์ ที่กำลังนอนประคบน้ำแข็งเข้าที่บริเวณเป้า พร้อมร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด อีกฝ่ายคือภรรยาสาวสัญชาติกัมพูชานามว่า นางสาวกรุณา อายุ 24 ปีผู้ซึ่งเป็นคนลงมือก่อเหตุ ขณะนั้นเธอยืนดูอาการอยู่ใกล้ๆ ขณะที่ฝ่ายสามีถูกหน่วยกู้ภัยเคลื่อนย้ายไปยังรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นาวสาวกรุณาเปิดเผยออกมาจากการสืบสวนว่า ทั้งเธอและสามีก่อนหน้านี้ทำอาชีพปลูกผักขาย แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าสามีนอกใจแอบคบหญิงอื่น จึงเกิดความคับแค้นใจอย่างมาก จนกระทั่งเธอวางแผนแก้เผ็ดสามีได้โดยการทำทีนำมือไปลูบไล้บริเวณอวัยวะเพศให้ฝ่ายสามีเคลิบเคลิ้ม และจังหวะที่สามีกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น เธอก็ได้ใช้มีดทำครัวหั่นเจ้าโลกของสามีจนขาดเป็น 2 ท่อน เธอเห็นว่าเลือดพุ่งกระเซ็นเต็มที่นอน ประกอบกับภาพที่สามีกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอจึงเกิดสงสารและโทร. แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่ทว่า ชิ้นส่วนของอวัยวะเพศที่ขาดออกมานั้น…
-
ผู้ปกครองเดือด! ครูทำโทษตัดผมลูกสาวแหว่งจนไม่น่าดู นี่หรือทรงผมที่โรงเรียนต้องการ!!?
ปกติแล้ว ทางโรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะมีกฎเรื่องของเครื่องแบบนักเรียนรวมไปถึง “ทรงผม” ของนักเรียนด้วย ซึ่งหากว่านักเรียนคนใดไม่ปฏิบัติตามก็อาจจะถูกทำโทษด้วยวิธีต่างๆ ได้ ใครเคยพบเจอมาก็คงรู้ดีว่าบางครั้งหากนักเรียนไว้ผมผิดระเบียบ ครูและอาจารย์ก็จะนำตัวเด็กนักเรียนไปทำโทษด้วยการ กล้อนผมหรืออาจจะตัดผมให้เลยก็เป็นได้ ซึ่งถ้าการลงโทษครั้งนั้นทำให้เด็กถูกระเบียบก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ จากโพสต์ของทางเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ได้เผยภาพนักเรียนหญิงที่ถูกคุณครูทำโทษด้วยการตัดผมท้ายทอยออก ทว่าการทำโทษครั้งนี้ดูจะเกินเหตุไปหน่อย . . . เมื่อพบว่า ผมของเด็กหญิงคนนี้ถูกคุณครูตัดเสียจนแหว่งจนดูไม่เรียบร้อย และดูเกินเหตุไปกว่าการทำให้เด็กนักเรียนมีทรงผมที่ถูกระเบียบ ทางผู้ปกครองเองก็ไม่พอใจอย่างมากหวั่นใจว่าเด็กจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีฝังใจ ถึงแม้ในโพสต์ต้นฉบับทางผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ถูกก้อนผมแจ้งว่าได้ไปเจรจากับทางโรงเรียนและคุณครูมาเรียบร้อย และก็ได้รับคำขอโทษมาแล้ว แต่ชาวเน็ตที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ต่างก็หัวเสียกันเป็นจำนวนมาก . บ้างก็ว่าคุณครูทำเกินเหตุ ผู้ปกครองและเด็กควรได้รับมากกว่าคำขอโทษ บ้างก็ว่าทรงผมนั้นไม่ได้กำหนดผลการเรียนของเด็ก บ้างก็ว่าเด็กหญิงคนนี้ดูไม่น่าเป็นเด็กเกเรทำไมคุณครูถึงไม่เจรจาดีๆ ก่อน ในขณะเดียวกัน บางคนก็เห็นต่างว่า ทรงผมนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลการเรียน เพียงแต่ว่าการลงโทษในครั้งนี้ถือเป็นการสอนให้เด็กรู้จักอยู่ในกฎระเบียบในสังคม ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอยู่เสมอ สำหรับเรื่องทรงผมนักเรียน อยากรู้เหมือนกันนะว่า ผู้อ่านทุกท่านคิดอย่างไรกันบ้าง? ที่มา: เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return via kapook
-
เด็กหญิงป.5 เป็นลมและเสียชีวิต หลังถูกคุณครูสั่งทำโทษ ให้วิ่งรอบสนามกว่า 4 รอบ
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 11.00 น. ด.ญ.ภัทราพร หรือน้องเนิร์ต วัย 11 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ป.5 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้เข้าเรียนวิชาพละศึกษา แล้วมีเด็กนักเรียนชายในห้องเล่นกันขณะที่ครูกำลังสอน ครูจึงสั่งทำโทษนักเรียนทั้งห้องโดยการสั่งให้วิ่งรอบสนาม 4 รอบ น้องเนิร์ตจึงต้องวิ่งไป และเธอก็ล้มลง จนเพื่อนๆ ต้องช่วยกันนำตัวส่งห้องพยาบาล ในเบื้องต้นครูพยาบาลก็เช็ดตัวให้ ขณะนั้นน้องเนิร์ตยังพอรู้สึกตัวและสามารถลุกมากดน้ำเองได้แต่ก็กลับล้มฟุบลงไปอีก จนสุดท้ายทางโรงเรียนต้องติดต่อกลับไปหาผู้ปกครองให้มารับน้องเนิร์ตกลับบ้านเพราะเห็นว่าไม่สบายและตัวร้อน เมื่อพ่อและยายมาถึงก็พบว่าน้องเนิร์ตนอนตัวสั่น หายใจแรง และบอกว่ารู้สึกร้อนภายในตัวมาก จากนั้นพ่อและยายจึงรีบนำตัวน้องเนิร์ตส่งโรงพยาบาลตากสิน ขณะเดินทางไปโรงพยาบาลน้องเนิร์ตมีอาการคลื่นไส้อาเจียน พูดไม่รู้เรื่อง เกร็งกล้ามเนื้อ และก็หมดสติไป เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้แจ้งว่า น้องเนิร์ตได้ “เสียชีวิต” ตั้งแต่ก่อนมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ทางคุณพ่อจึงเข้าไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน และขอนำศพน้องเนิร์ตเข้ารับการชันสูตรที่ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งต้องรอผล 45 วัน หลังจากนั้นมีการติดต่อเข้ามาจากครูพยาบาลเพื่อสอบถามอาการของน้องเนิร์ต คุณยายจึงได้แจ้งครูพยาบาลไปว่าน้องเนิร์ตเสียชีวิตแล้ว จากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อมาอีก และเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 พ่อของน้องเนิร์ตก็ได้เข้าพบผู้อำนวยการของโรงเรียน แต่กลับได้รับคำตอบว่าผู้อำนวยการไม่รับทราบเรื่องนี้เลย จากนั้นผู้อำนวยการและคณาจารย์จึงได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพงานศพของน้องเนิร์ตในคืนที่ 3…
-
ทหารโพสต์โชว์ท่า “หัวปัก” อ้างว่าทำได้สบายๆ เจอกระแสตอกกลับจากชาวเน็ตเพียบ
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่าสลดของน้องเมย ภคพงศ์ นักเรียนเตรียมทหารที่เกิดการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมไทยอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทารุณกรรมร่างกาย รวมถึงเรื่องของอวัยวะภายในที่หายไปอีกด้วย และหนึ่งในเรื่องที่ถูกหยิบยกมาเป็นข้อสันนิษฐานการเสียชีวิตของ นรต.ภคพงศ์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 นั่นก็คือเรื่องของการทำโทษนั่นเอง เมื่อไม่นานมานี้ได้มีนายทหารท่านหนึ่งโพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับหลักการทำโทษพร้อมขอร้องให้ทุกคนอย่าเข้าใจผิดและสามัคคีกันไว้ ในใจความของโพสต์ของนายทหารท่านนี้ กล่าวว่าการทำโทษด้วยท่าหัวปักนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะทำให้ผู้ที่ไม่เคยฝึกมีอาการบาดเจ็บได้ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกมานั้นสามารถทำได้อย่างไม่เป็นปัญหา พร้อมกับบอกว่าพวกตนที่เคยผ่านการฝึกหน่วยรบพิเศษนั้นก็เคยทำโทษด้วยท่านี้และไม่เคยได้รับอันตรายแต่อย่างใด แต่การฝึกและอันตรายนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคล . เนื้อหาของโพสต์ดังกล่าว “คนไทยด้วยกันสามัคคีกันไว้ ในมุมมองทางการแพทย์ ย่อมมีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา เพราะท่า ‘หัวปัก’ อาจเป็นอันตรายกับคนที่มีโรคประจำตัว หรือ คนที่ไม่เคยฝึกอาจได้รับบาดเจ็บ กล้ามเนื้อหรือกระดูกต้นคอหากผิดพลาด ในมุมมองของผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมา ก็ถือว่าเป็นท่าปกติธรรมดา เพราะกล้ามเนื้อคอได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ใครๆก็ทำได้ นานเป็นชั่วโมงก็ยังได้ แล้วในระยะยาวพวกรุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ผ่านหลักสูตรรบพิเศษไม่ว่า ทบ. ทร. ทอ. ตร. ที่ผ่านการฝึกท่า หัวปัก มาอย่างโชกโชน จนอายุมาก หรือ เกษียณไปแล้ว ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีปัญหาสุขภาพจากท่านี้ แต่!ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% ในระยะยาว เพราะหากแก่ตัวไปกระดูกเริ่มเปราะบางอาจงานเข้าก็ได้ หรือ เริ่มมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน…
-
พ่อชาวจีนจับลูกมัดกับบันได จับกดลงในน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อทำโทษในฐานที่ลูกดื้อเกินไป!!
เป็นธรรมดาของเด็กที่จะมีความซุกซน และต่อให้ดื้อมากแค่ไหนก็ไม่ควรลงโทษเกินความเหมาะสม มิฉะนั้นอาจกลายเป็นการทำทารุณเด็กจนอาจทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจได้ อย่างกรณีนี้ ที่พ่อชาวจีนคนหนึ่งทำโทษลูกด้วยการทำให้เขาหวาดกลัว เพื่อไม่ให้ลูกทำผิดซ้ำอีก… นี่เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายในเมือง Yueyang จังหวัดหูหนานของจีนตอนกลาง ในคลิปจะเห็นเด็กชายคนหนึ่งถูกผูกติดไว้กับบันได อยู่ในสภาพที่ทั้งร้องไห้และสำลักน้ำ เพราะถูกพ่อผลักบันไดลงไปใต้น้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก เด็กชายพยายามตะโกนบอกพ่อว่า “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ไม่ทำแล้ว” แต่พ่อก็ยังคงทำโทษต่อไปเรื่อยๆ ตามรายงานบอกว่า เด็กชายคนนี้กระทำความผิดในโรงเรียน เขาทำการขโมยของและชกต่อยกับเพื่อน ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินทำโทษลูกด้วยการทำให้เขาหวาดกลัวเพื่อที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีก แต่ทว่ายังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าการกระทำของผู้เป็นพ่อในครั้งนี้ ได้มีการสอบสวนจากตำรวจแล้วหรือไม่ เพราะเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงกับเด็กเป็นอย่างมาก การลงโทษที่แรงเกินเหตุ นอกจากไม่ทำให้เด็กจำแล้วอาจกลายเป็นการสร้างปมในใจให้เด็กก็ได้นะ ที่มา dailymail
-
เกิดเหตุสลด!! แม่แท้ๆ ขังลูกน้อยและปล่อยให้ขาดใจในรถ ที่จอดกลางแดดนาน 3 ชั่วโมง
เรื่องราวอันแสนน่าเศร้าของเด็กน้อยสองพี่น้องวัยหัดเดิน ที่ต้องจบชีวิตหลังจากถูกแม่แท้ๆ ทำโทษโดยการขังเอาไว้ในรถที่จอดตากแดดนานถึง 3 ชั่วโมง… นาง Cynthia Marie Randolph ถูกจับกุมตัวหลังจากที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของ Juliet กับ Cavanaugh ลูกน้อยวัย 2 ขวบและ 16 เดือนของเธอ Cynthia Marie Randolph คุณแม่วัย 24 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ตอนแรกหญิงสาวให้การปฏิเสธโดยเธออ้างว่าเด็กทั้งสองคนได้เผลอขังตัวเองเอาไว้ในรถที่จอดอย่บริเวณบ้านของพวกเขาในรัฐเท็กซัส ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่มีอุณหภูมิสูงถึง 35.5 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ภายหลังสถานีตำรวจ Parker County ได้รายงานว่านาง Cynthia นั้นได้กลับคำให้การโดยยอมรับสารภาพว่าเธอเองที่เป็นคนขังลูกๆ เอาไว้ในรถ หลังจากที่เห็น Juliet และ Cavanaugh กำลังเล่นกันอยู่ด้านใน ทางตำรวจบอกว่า นาง Cynthia นั้นคิดว่าเด็กๆ จะสามารถเปิดประตูรถออกมาได้เอง เธอจึงได้แต่ยืนดูพวกเขาอยู่ด้านนอก สำนักข่าว Washington Post รายงานว่าเธอเข้าไปนอนในบ้านและใช้ยาเสพติด ก่อนที่จะกลับออกมาอีกครั้งหลังจากนั้น 3 ชั่วโมง แต่เมื่อกลับมาที่รถเธอก็พบว่าลูกๆ ทั้งสองนั้นนอนหมดสติไปแล้ว Cynthia สารภาพว่าหลังจากนั้นเธอได้ทุบที่กระจกรถเพื่อให้ดูเหมือนว่า เธอพยายามที่จะช่วยลูกของเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตำรวจปักใจเชื่อเธอได้ เด็กน้อยทั้งสองได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิต ในช่วงประมาณ…
-
ชาวเน็ตรุมสาปส่ง เมื่อเห็นคลิปวิดีโอที่คุณครูใช้วิธีสุดโหด จัดการกับเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้
การลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังเป็นผลเสียกับตัวเด็กอีกด้วย บางครั้งการทุบตีพวกเขาอย่างรุนแรงแทนที่จะทำให้พฤติกรรมดีขึ้น อาจจะกลายเป็นการสร้างบาดแผลในใจให้พวกเขาแทน และเมื่อไม่นานมานี้ในประเทศจีนได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ การลงโทษนักเรียนอย่างโหดร้ายทารุณอย่างมาก เมื่อคุณครูได้ทำการลากเด็กไปกับพื้น หลังจากที่เธอไม่ยอมเข้าห้องเรียน คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากการรายงานของเว็บไซต์ Peoples Daily ภายในคลิปเผยให้เห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ Huachen ที่มลฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน โดยหลังจากที่เด็กน้อยร้องไห้งอแงไม่ยอมเข้าห้องเรียน คุณครูประจำชั้นของเธอจึงได้ใช้วิธีการที่รุนแรงในการพาตัวสาวน้อยกลับเข้าห้องเรียน โดยเขาจับที่ผมของเด็กน้อยและลากเธอไปกับพื้น สร้างความสลดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์อย่างมาก และนี่คือคลิปวิดีโอดังกล่าว เด็กน้อยร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอเอาแต่ร้องว่า “หนูอยากกลับบ้าน” ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ตะโกนถามครูสาวว่า “คุณทำอย่างนั้นกับเธอไม่ได้นะ” และได้คำตอบกลับจากคุณครูว่า “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ เธอเป็นลูกสาวฉันทำไมจะทำไม่ได้” ซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ออกมาอธิบายถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า สาวน้อยได้ออกไปทานข้าวเที่ยงกับแม่ของเธอด้านนอก แต่เมื่อถึงเวลาเรียนเธอกลับไม่อยากเข้าห้องเรียนและร้องไห้อยู่นาน จนทำให้คุณแม่ต้องจัดการกับลูกสาวตามที่เราได้เห็นในคลิปวีดีโอ หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อการกระทำของคุณแม่ท่านนี้อย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและบอกว่าการกระทำของเธอนั้นไม่เหมาะสม หลังจากนั้นสาวน้อยถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายยังโรงพยาบาลและไม่พบอาการบาดเจ็บใดๆ และทางโรงเรียนก็ได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมนี้ อา.. โชคดีจริงๆ นะเนี่ยที่เด็กน้อยไม่เป็นอะไร แต่ #เหมียวเวจจี้ คิดว่าคุณครูน่าจะมีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้นะ ที่มา dailymail
-
10 เทคนิควิธีการแปลกๆ ที่ใช้เพื่อการทรมานนักโทษ ในสมัยยุคกลาง
ถ้าเรามองย้อนไปในประวัติศาสตร์สมัยยุคกลาง หรือที่รู้จักกันในชื่อของยุคมืด คิดว่าหลายๆ คนคงไม่อยากอยู่แน่นอน เพราะเป็นยุคที่โลกในสมัยนั้นถูกปกครองด้วยศาสนจักร เรียกได้ว่าถ้าใครทำผิดอะไรนิดหน่อยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นประหารได้เลยนะ!!! และในสมัยยุคกลางนี้แหละ เป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดๆ ในเรื่องของการทรมานผู้กระทำผิด เพื่อให้พวกเขาบอกความจริง หรือรับสารภาพผิด ซึ่งแต่ละอย่างนั้นเน้นทรมานกะเอาตายกันไปข้างเลยก็ว่าได้ เราไปดู 10 ตัวอย่างการทรมานในอดีตกันเลยดีกว่า แต่ขอเตือนเลยว่ามันโหดร้ายมากจริงๆ 1. แท่งเหล็กแห่งการทิ่มแทง รู้หรือไม่ว่า Vlad หรือที่รู้จักกันในนาม Dracula เมื่อศตวรรษที่ 15 คือผู้ที่ชื่นชอบนำเอานักโทษหรือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมาทรมานด้วยการ ให้นั่งบนแท่งเหล็กที่มีความแหลม แล้วนักโทษคนนั้นก็จะค่อยๆ ไหลลงมาจากจุดบนสุดของหนามขนาดใหญ่อันนี้ และปล่อยให้นักโทษตายอยู่ตรงนั้น ว่ากันว่ามีคนโดนทำโทษด้วยวิธีนี้มากถึง 20,000 – 30,000 คนเลยทีเดียว อีกทั้งขุนนางอย่าง Vlad ชื่นชอบที่จะทานอาหารระหว่างดูนักโทษโดนทิ่มแทงอีกด้วย 2. เก้าอี้แห่งจูดาส ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะดูโหดร้ายกว่าอันแรกไปซักหน่อย แต่ความเจ็บและทรมาณนั้นไม่ต่างกัน เพราะนักโทษจะถูกบังคับให้นั่งลงบนเก้าอี้ทรงสามเหลี่ยม และมัดขึงไว้ด้วยเชือก รอคอยวันที่นักโทษค่อยๆ หมดแรง มีการทรมานเพิ่มให้เจ็บปวดมากขึ้น ส่วนเก้าอี้ก็ไม่ค่อยได้ล้างทำความสะอาดเท่าไหร่ รับประกันได้เลยว่าด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน นักโทษจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ และตายจากการทรมานในที่สุด 3. โรงศพทรมาน เป็นอีกเครื่องทำโทษที่เรามักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ตามหนังฮอลลีวู้ด…