Tag: ที่มา
-
ภาษาดอก….ไม้ 10 ความหมายของดอกไม้แต่ละประเภท คุณก็จะกลายเป็นคนโรแมนติกได้ง่ายๆ
ภาษาดอกไม้ (Language of Flowers) หรือ Floriography คือการสื่อสารแบบเข้ารหัสที่มีการใช้ดอกไม้ต่างๆ เป็นตัวกลาง เชื่อกันว่าภาษาดอกไม้เกิดขึ้นที่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิลของกรุงโรม ที่ประเทศอิตาลีในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 แต่มาดังในยุโรปเมื่อปี 1717 โดยการนำเข้ามาใช้ในอังกฤษของ Mary Wortley Montagu และการนำไปใช้ในสวีเดนของ Aubry de La Mottraye อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มแรกที่มีการรวบรวมภาษาดอกไม้เอาไว้นั้น มีชื่อว่า Dictionnaire du language des fleurs ซึ่งเขียนโดย Joseph Hammer-Purgstall ในปี 1809 โดยมีการรวบรวมความหมายของดอกไม้ไว้มากกว่า 8,000 อย่าง ซึ่ง #เหมียวศรัทธา ได้คัดเลือกชื่อที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับพวกเรามาแล้วดังนี้ ดอกกุหลาบ (Rose) ดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง ฉันรักคุณ ฉันต้องการคุณ ดอกกุหลาบขาว หมายถึง เสน่ห์ และความไร้เดียงสา ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง ความอิจฉา ดอกกุหลาบไร้หนาม หมายถึง รักแรกพบ ดอกทิวลิป (Tulip) ดอกทิวลิป หมายถึง ความรักและการอดทน…
-
เปิดประวัติศาสตร์ “ขันที” พวกเขาเป็นใครมาจากไหน ไม่ใช่แค่ต่างประเทศ ในไทยก็มี!?
ขันที คือชื่อเรียกที่เรานิยมใช้เรียกชายที่มีการตอนอวัยวะเพศ ซึ่งมักมีการนำไปทำงานในวังใน ว่ากันว่ามีที่มามาจากคำว่า Eunuch ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่ว่า Eunouchos แปลว่าผู้ดูแลรักษาเตียง ประวัติของขันที ประวัติที่เก่าแก่ที่สุดของขันทีนั้นย้อนไปได้ในช่วงราวๆ ช่วง 2000 ปีก่อนคริสตกาลที่เมืองละกาสช์ ของชาวสุเมเรียน ในเมโสโปเตเมีย ขันทีในสมัยนั้นมีหน้าที่หลากหลายภายในราชวังตั้งแต่ข้าราชบริพาร นักร้องเสียงแหลม ผู้เชี่ยวชาญทางศาสนา ทหาร ผู้คุ้มกันเจ้าหน้าที่ ผู้พิทักษ์สตรี หรือคนรับใช้ในฮาเร็ม ขันทีในยุคแรกๆ นั้นมักที่จะมาจากคนรับใช้หรือทาสที่ถูกนำมาตอน และออกแบบมาไม่ให้มีความสัมพันธ์กับทหาร ขุนนาง หรือแม้แต่ครอบครัวของตนเอง (อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีทายาท) เนื่องจากสภาพร่างกายสถานะทางสังคมของพวกเขาต่ำ และสามารถหาคนมาแทนที่ได้อย่างง่ายดาย หรือถูกฆ่าได้โดยไม่มีผลกระทบมากนัก วัฒนธรรมการใช้ขันทีแตกแขนงออกไปสู่จีน เอเชียตะวันตก เอเชียใต้ เปอร์เซียโบราณ และจักรวรรดิโรมันตะวันออก และในเวลาต่อมา ออตโตมาน ซาฟาวี และโมกุล การที่พวกเข้ามาสู่จีนนั่นเองซึ่งทำให้ขันทีกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในปัจจุบัน และพวกเขาก็กลายเป็นชายถูกตอนที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงกับเบื้องสูงได้ โดยไม่ต้องกังวลถึงความสัมพันธ์ชู้สาวมากนัก ขันทีในไทย ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร ได้สันนิษฐานว่า “ขันที” น่าจะมาจากคำว่า ขณฺฑ ในภาษาสันสกฤต…
-
ที่มาของ ‘วันหยุดสุดสัปดาห์’ เหตุใดเราต้องหยุดทำงานกันในวัน เสาร์-อาทิตย์
เพื่อนๆ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมพวกเราถึงได้หยุดงานกันในวัน เสาร์-อาทิตย์ จริงอยู่ว่าหลายๆ คนอาจจะไม่ได้หยุดวันนั้นแต่ถ้าหากนับจากประชากรส่วนใหญ่ที่รวมทั้งพวกเด็กๆ แล้ว วันหยุดของพวกเขาส่วนมากก็จะไม่พ้นสองวันนี้ใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมสองวันนี้จึงเป็นวันหยุดยอดนิยมกัน? มาหาคำตอบไปด้วยกันที่นี่เลย ในบางประเทศ (รวมทั้งไทยด้วย) มักจะมีตลาดนัดในวันหยุดเสมอๆ ในรูปคือตลาดนัดในประเทศจีน วันหยุดในสมัยก่อนนั้น ไม่ได้ใช้หลักการกำหนดในแบบปัจจุบันและแตกต่างกันไปในแต่ล่ะประเทศ ชาวโรมโบราณ จะมีวัน Nundinae (ภาษาลาตินแปลว่าตลาด) ซึ่งประชาชนส่วนหนึ่งจะหยุดจากการทำงานของตัวเองมารวมตัวกันในเมืองเพื่อซื้อขายสินค้าต่างๆ การนับวันแบบ 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่มีการอ้างอิงกับดวงจันทร์หรือหลักการทางธรรมชาติใดๆ นั้นเริ่มต้นขึ้นจากศาสนายิว เชื่อกันว่าระบบนับวันแบบนี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ประมาณช่วง 6 ศตวรรษก่อนก่อนคริสตกาล ชาวยิวนั้นจะถือว่าตั้งแต่พระอาทิตย์ตกในวันศุกร์ถึงพระอาทิตย์ตกในวันเสาร์เป็นวันพักผ่อน ของพวกเขา ส่วนการหยุดพักผ่อนในวันอาทิตย์นั้นเชื่อกันว่ามาจากความแพร่หลายของศาสนาคริสต์ โดยอ้างอิงตามคัมภีร์ไบเบิล ว่าวันที่ 7 นั้นเป็นวันของการพักผ่อนและการบูชาพระเจ้า เมื่อทำการนับวันตามหลักความคิดที่ว่าหนึ่งสัปดาห์มี 7 วันแล้ว วันอาทิตย์จึงถูกนับเป็นวันหยุดพักผ่อนนั่นเอง อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมการหยุด 2 วันนั้นเกิดขึ้นพร้อมๆ จากการลดสัปดาห์การทำงานให้สั้นลงในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ในอังกฤษ ในช่วงนั้นได้มีการเรียกร้องจากแรงงานในประเทศเพื่อเวลาการพักผ่อนที่ยาวนานขึ้น จากการทำงานในสภาพการทำงานที่เลวร้ายของอุตสาหกรรมในตอนนั้นที่หนักยิ่งกว่าการทำไร่ทำนาที่ยังมีเวลาหยุดพักเมื่อไม่มีแสงแดด โดยมีการยืดเวลาวันหยุดให้ครอบคลุมไปยังวันเสาร์ตั้งแต่บ่ายสองเป็นต้นไป และเป็นครั้งแรกที่พจนานุกรมภาษาอังกฤษออกซฟอร์ดมีการใช้คำว่า Weekend หรือสุดสัปดาห์ ในปี 1879…
-
14 สัญลักษณ์แบรนด์ดัง กับความหมายแฝงที่แท้ทรู ที่คุณเองก็อาจไม่เคยรู้มาก่อน..!?
โลโก้และชื่อเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำ ยกตัวอย่างก็เช่น Nike ที่ใครเห็นก็เป็นอันต้องร้องอ๋อ… และรู้ได้ทันทีว่ามันคือแบรนด์ขายอุปกรณ์กีฬาอะไรประมาณนั้น มีสินค้าแบรนด์หลายชิ้นที่เรายอมควักเงินจ่าย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสัญลักษณ์โลโก้ และชื่อแบรนด์ที่เราคลั่งไคล้ มีความหมายที่แท้จริงอะไรแฝงอยู่? เอาเป็นว่าไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย 1. Pepsi เดิมทีถูกใช้ชื่อว่า ‘Brad’s Drink’ ตามชื่อผู้คิดค้น Caleb Davis Bradham ต่อมาเจ้าตัวเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า ‘Pepsi-Cola’ ซึ่งผันมาจากศัพท์การแพทย์คำว่า Dyspepsia หมายถึงอาการอาหารไม่ย่อยนั่นเอง 2. Google ชื่อที่เรียบง่ายแต่เกิดจากการระดมสมองของกลุ่มนักศึกษาจาก Stanford University ตอนแรกมีคนเสนอใช้ชื่อ Googolplex ทว่าชื่อนี้ก็ตกไปและเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Google แทน 3. McDonald’s Raymond Kroc อดีตเซลส์แมนขายเครื่องปั่นได้เจอกับสองพี่น้อง Dick และ Mc McDonald เจ้าของร้านเบอร์เกอร์ในแคลิฟอร์เนีย และรู้สึกติดใจในรสชาติเอามากๆ จนต่อมาพวกเขาทั้ง 3 คนได้ทำธุรกิจร่วมกัน Raymond Kroc เป็นคนที่ทำให้ร้านเบอร์เกอร์ของสองพี่น้องขยายสาขาออกไปทั่วสหรัฐฯ จากนั้นเขาก็ทำการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ…
-
สาระน่ารู้เรื่องวัฒนธรรม “สินสอด” มาจากไหน ใครให้สินสอดบ้าง แล้วถ้าไม่ให้จะได้ไหม?
เศรษฐกิจยุคนี้มันช่างฝืดเคือง ค้าขายก็ไม่ค่อยจะดี แถมความรักก็ดูจะไปไม่รอด เพราะพ่อตาเล่นเรียกค่าสินสอดซะสูงเหลือเกิน แล้วลูกผู้ชายชนชั้นกลางอย่างเราๆ จะไปหาเงินหลายแสนจากไหนมาแต่งงานดีล่ะน้อ… เรียกได้ว่าวัฒนธรรมการให้สินสอด เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยเรามาอย่างยาวนาน นานซะจนคนรุ่นใหม่อย่างเราๆ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า มันมีที่มาจากไหน? หรือทำไปเพื่ออะไร? ด้วยความสงสัยดังกล่าว เราจึงไปค้นข้อมูลผ่านอากู๋ผู้รู้ใจ และได้พบว่าอันที่จริงแล้ว วัฒนธรรมสินสอดเนี่ย ไม่ได้มีแค่ในประเทศฝั่งเอเชียอย่างบ้านเราเท่านั้น แต่มันมีมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคอารยธรรมเมโสโปเตเมีย นู้นแน่ะ นักมานุษยวิทยาชาวฝรั่งเศส Philippe Rospabé ได้ระบุไว้ว่า วัฒนธรรมสินสอดแบบใช้เงินตราเนี่ย เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งมันมาจากรากฐานความคิดเรื่องของความมั่นคงในชีวิตคู่หลังการแต่งงาน และอาจแตกต่างกันไปตามบริบทการเป็นอยู่ของแต่ละสังคม เมโสโปเตเมีย อ้างอิงจากตำราฮัมมูราบี ได้กล่าวไว้ว่า สินสอดในอดีตของวัฒนธรรมชาวเมโสโปเตเมีย นั้นจะถูกกำหนดโดยญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย โดยมีกฏร่วมกันอยู่ว่า ถ้าหากฝ่ายชายมีชู้จะไม่ได้รับค่าสินสอดคืน ยกเว้นก็แต่ว่าพ่อตาจะไม่เอาเรื่อง วัฒนธรรมชาวยิว จากคัมภีร์ฮิบรูของชาวยิวได้มีการกำหนดเรื่องสินสอดไว้ตั้งแต่อดีตกาลนานมาแล้ว โดยมีบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘ชายใดที่เกี้ยวพานราศีกับหญิงบริสุทธิ์ ต้องจ่ายค่าสินสอดทองหมั้น และแต่งงานกับเธอ แต่ถ้าหากพ่อของฝ่ายหญิงปฏิเสธยกลูกสาวให้ ฝ่ายชายต้องจ่ายค่าสินสอดเพื่อชดใช้พรหมจรรย์ที่เสียไป’ กฏของชาวอิสลาม สำหรับวัฒนธรรมการแต่งงานของผู้นับถือศาสนาอิสลามนั้น ได้มีกฏบัญญัติไว้ว่า ฝ่ายชายจะต้องจ่าย ‘มะฮัร’ ซึ่งถือเป็นของขวัญ และสินน้ำใจที่ฝ่ายชายมอบให้ โดยจะแตกต่างจากสินสอด…
-
เจาะลึกที่มาของ “สัญลักษณ์ 7 อย่าง” ที่ทุกคนบนโลก ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี!!?
ในชีวิตประจำวันแต่ละวันของเรา มักจะได้พบเห็นกับสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะบนป้าย ข้างถนน หรือแม้แต่บนรีโมทโทรทัศน์!! คราวนี้เราจะขอทำตัวมีสาระกับเค้าบ้าง เดี๋ยวจะหาว่า #แก๊งค์แมวเหมียว พวกนี้เป็นแต่ทำตัวหื่นอย่างเดียว ขอพาไปเจาะลึกกับที่มาที่ไปของ 7 สัญลักษณ์สากลโลก ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี เอาเป็นว่าเพื่อไม่ให้เปลืองสามจี เริ่มกันเลยดีกว่า… 1. สัญลักษณ์ ‘&’ ที่มาที่ไปของสัญลักษณ์ที่เราใช้แทนค่าคำว่า ‘และ’ นั้นเดิมทีเป็นภาษาละตินจากคำว่า ‘Et’ ที่แปลว่า ‘And’ นั่นแหละ ซึ่งเดิมทีมันถูกคิดค้นขึ้นโดย ‘Tiro’ เลขาส่วนตัวของกษัตริย์ซิเซโร่ ตั้งแต่สมัยกรุงโรมนู้นแล้ว หลายศตวรรษต่อมา คำดังกล่าวกลายเป็นที่นิยมไปทั่วยุโรป และอเมริกา บวกกับการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และความรวดเร็วในการเขียน ทำให้สัญลักษณ์แรกเริ่ม ‘Et’ มารวมกันเป็นตัว ‘&’ แทนซะงั้น!? 2. สัญลักษณ์รููปหัวใจ จะว่าไปแล้วสัญลักษณ์รูปหัวใจถูกเอามาใช้ในเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับความรักมานานหลายทศวรรษได้แล้วล่ะมั้ง? และทฤษฏีที่มาที่ไปของมันก็มีหลักๆอยู่ 3 ข้อดังนี้ 1. เป็นสัญลักษณ์ที่เกิดจากการที่มนุษย์เห็น หงส์ สองตัวว่ายน้ำเข้าหากันกลายเป็นรูปทรงคล้ายหัวใจ ซึ่งในวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก หงส์ ถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความซื่อสัตย์…
-
22 ฟังก์ชั่นต่างๆ ในสิ่งของใกล้ตัว ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามันมีประโยชน์ยังไงบ้าง!?
บางครั้งบางทีสิ่งของต่างๆ ก็มีอุปกรณ์ที่เป็นฟังก์ชั่นแปลกๆ ที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเพื่อใช้ประโยชน์อะไร? แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปชมกับประโยชน์เหล่านั้นกันแหละจากการเปิดเผยของ Buzzfeed.com ว่าแล้วก็มาเบิกเนตรกันเลยดีกว่า!! หลุมบนหัวของปลอกปากกานั้นหลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันสร้างมาเพื่อป้องกันมันแห้งรึเปล่า!? …หรืออาจจะเพราะเป็นการรักษาความดันให้ปากกาไหลออกมาได้ง่าย? ที่จริงแล้วมันง่ายกว่านั้นมาก เพื่อป้องกันเด็กๆ หรือคนที่ชอบเคี้ยวหัวปากกา ที่อาจเผลอกลืนลงไปแล้วติดในหลอดลม ทีนี้ก็จะมีรูอากาศให้พอหายใจได้บ้างแทนที่จะปิดไปเลยนั่นเอง เวลาเราซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ก็มักจะได้ของแถมแบบนี้มา…เพื่ออะไร? หลักๆ แล้วเพื่อนๆ อาจคิดว่ามันทำมาเพื่อใช้สำหรับซ่อมหรือปะใช่มั้ยล่ะ แต่ที่จริงแล้วบริษัทผลิตให้เพื่อทดสอบการซักมากกว่า ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณใช้น้ำยาชนิดนั้นๆ ซัก กระเป๋าเล็กๆ ที่ติดมากับกางเกงยีนส์ ถ้าเป็นคนงานเหมืองทองหรือคาวบอยตะวันตกในสมัยก่อนล่ะก็ จะรู้หตุผลกันเป็นอย่างดีเลยล่ะว่ามันคือช่องใส่นาฬิกาพกล่ะ เพราะช่วงที่กางเกงชนิดนี้ถูกคิดค้นขึ้นมานั้นเป็นช่วงที่นิยมพกกัน แล้วกระดุมที่ไม่ได้ใช้งานเหล่านี้ล่ะ!? ในช่วงแรกๆ ที่ Levi เปิดตัวกางเกงยีนส์ในตลาด หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่ามันเป็นที่นิยมมากๆ โดยคนงานเหมือง ปัญหาหลักของมันก็คือการฉีกขาดง่าย การติดกระดุมลงไปตามรอยต่อนั้นก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมัน แล้วรูเล็กๆ บนรองเท้าคอนเวิร์สล่ะ?? เหตุผลโต้งๆ เลยที่เราเห็นกันก็คือรูเหล่านั้นถูกออกแบบมาเพื่อระบายอากาศ แต่ในอดีตนั้น Converse All Stars ผลิตรองเท้าเพื่อวงการบาสเก็ตบอล ซึ่งมีการสันนิษฐานกันว่ารูดังกล่าวใช้เพื่อสอดสายรองเท้าให้แน่นได้มากขึ้น รูเล็กๆ…
-
ที่มาของมหานคร Las Vegas และทัวร์ ‘นิวเคลียร์’ ในอดีตของสหรัฐฯ ที่คุณอาจไม่เคยรู้…
ถ้าจะพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์หรือการใช้ปรมาณูในสงครามล่ะก็ เหตุการณ์ที่คงลืมไม่ได้ก็คงจะเป็นฮิโรชิม่าในประเทศญี่ปุ่นนี่แหละ ที่ฝ่ายสหรัฐฯ ได้ทำการทิ้งหัวรบเพื่อหยุดสงคราม ถึงจะส่งผลและมีประสิทธิภาพสุดๆ แต่แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในวิธีการที่โหดร้ายยิ่งนัก และถึงอำนาจการทำลายล้างของมันจะยิ่งใหญ่และน่าดูชมขนาดไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าคุณได้ไปเมือง Las Vegas ในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปี 1950 แล้วล่ะก็ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว เพราะคนที่นี่เห็นเป็นเรื่องรื่นเริง ราวกับงานฉลองเลยทีเดียว เพราะในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ และโซเวียตกำลังร้อนระอุ ประธานาธิบดี Truman ของสหรัฐฯ เลยอนุญาตให้ทดลองนิวเคลียร์กันได้อย่างโจ่งแจ้งในทะเลทรายของรัฐเนวาด้า ซึ่งก็คือบริเวณลาส เวกัส ในปัจจุบันนี่แหละ!!! กลายเป็นว่าการทดสอบหัวรบนิวเคลียร์ที่นี่นั้นได้ก่อให้เกิดทัวร์นิวเคลียร์ เป็นการท่องเที่ยวแบบใหม่ขึ้นซะเลย ผู้คนต่างหลั่งไหลมาที่นี่ นั่งชิวๆ จิบกาแฟจิบเบียร์เพื่อดูหัวรบลูกแล้วลูกเล่าถูกยิงทดสอบไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าถึงตอนนั้นที่นี่ยังจะไม่มีอะไร แต่ก็มีเหล่านักลงทุนหัวใสมาเปิดบาร์เปิดผับกันที่นี่มากมาย ถึงขั้นมีคอกเทลสูตรปรมาณูขายกันเลยทีเดียว ถ้ามองย้อนกลับไปตอนนี้คงเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่แปลกมากๆ นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหล่านี้ ยังมีการจัดประกวบสาวงามปรมาณู Miss Atomic Bomb ด้วยนะจ๊ะ ใครที่ชนะการประกวดก็จะได้มงกุฎไปตามระเบียบ ถือว่าเป็นเรื่องที่ฮือฮามาก จากนั้นคาสิโน และสถานบริการต่างๆ ก็เริ่มเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ ในแถบนี้ ตลอด 12 ปีของการทดลองหัวรบนิวเคลียร์ของรัฐบาล …
-
มาดูอินสตาแกรมของ Ayako เจ้านากน้อยสุดน่ารักที่จะมาชวนให้เพื่อนๆ กินผักและรักสุขภาพ!!!
แน่นอนถ้าพูดถึงอาหารจำพวกผักแล้วล่ะก็ หลายๆ คนอาจจะไม่ชอบกินกันเท่าไหร่ จะด้วยเหตุผลที่ว่าโดนพ่อๆ แม่ๆ บังคับกันกินตอนเด็กๆ หรือแม้แต่การที่มันอร่อยสู้เนื้อสัตว์ไม่ได้ แต่ช่างมันเถอะ มันจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับน้องนากน้อยตัวหนึ่ง ที่จะมาชวนเพื่อนๆ ให้รักการกินผักเพื่อสุขภาพกันเลยล่ะ กับอินสตาแกรมที่ชื่อว่า @poncayan ของมัน!!! เจ้านากตัวนี้มีชื่อว่า Ayako มันมีลักษณะนิสัยที่ชอบกินผักมากๆ จนอาจเรียกได้ว่าคลั่งไคล้จนเข้าเส้นเลยทีเดียว มากินผักกันเถอะ!!! วิดีโอที่โพสต์โดย ayako?? (@poncayan) เมื่อ พ.ค. 5, 2016 เวลา 2:26pm PDT ยะฮู้ววววววว วิดีโอที่โพสต์โดย ayako?? (@poncayan) เมื่อ พ.ค. 13, 2016 เวลา 11:16pm PDT เห็นแล้วรู้สึกดีจริงๆ ที่ชอบกินผักขนาดนั้น แถมมันยังดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมอินสตาแกรมของมันเพราะความน่ารักเนี่ยแหละ อิอิ น่ารักมากๆ ตอนนี้ก็มีผู้ฟอลโล่เจ้านากตัวนี้ราวๆ 6,000…
-
10 ภาพสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของโลก ที่ถูกออกแบบ และได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติใกล้ตัว
ในขณะที่คุณกำลังมองสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่นั้น คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเหล่านักออกแบบอาคาร เขาได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ และออกแบบสถาปัตยกรรมสวยๆ มาจากไหน คุณไม่ต้องคิดไปไกลหรอก เพราะบางทีสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ และสวยงาม มันอาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติใกล้ตัวของคุณก็เป็นได้ เหมือนดังเช่น 10 ภาพสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของโลกเหล่านี้ยังไงละ 1.ตึกระฟ้า ในกรุงไทเป 2.สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “รังนก” 3.สำนักงานใหญ่ของ Aldar headquarters เมืองอาบูดาบี แห่งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 4.หมู่เกาะต้นปาล์ม (The Palm Islands) โครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ 5.ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรค ในไต้หวัน 6.ชิคาโก Spire อาคารที่อยู่อาศัยที่สัญลักษณ์ใหม่ของชิคาโก 7.ศูนย์การแข่งขันกีฬาทางน้ำแห่งชาติ ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 8.ตึกระฟ้า ในลอนดอน 9.วัดดอกบัว (Lotus Temple) สถาปัตยกรรมที่นำสมัยมากที่สุดชิ้นหนึ่งของกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย 10.Olympic…
-
เหมียวพาชม ความเชื่อและที่มาของ 10 เทศกาลแห่ง ‘ความตาย’ จากรอบโลก!!!
สำหรับเทศกาลแห่งความตาย ที่ทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คงหนีไม่พ้นเทศกาลปล่อยผี หรือ Halloween ของชาวตะวันตก ที่ผู้คนออกมาแต่งชุดคอสตูมเฉลิมฉลองกันทั้งเมืองนั่นเอง จะว่าไปแล้วความตายก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์ วันนี้เหมียวเลยอยากพาเพื่อนๆ ไปชมเทศกาลแห่งความตายกัน จากทั่วทุกมุมโลกเลยล่ะ ดูซิว่าจะเหมือนกันรึเปล่า Dia de los Muertos หรือวันแห่งความตาย ในประเทศเม็กซิโก ถ้าจะย้อนกลับกันจริงๆ แล้วเทศกาลนี้มีมาตั้งแต่อาณาจักรแอซเทคเรืองอำนาจเลยทีเดียว และนานนับศตวรรษ เทศกาลนี้ได้หลอมรวมเข้ากับศาสนาคริสต์อย่างกลมกลืน สำหรับการเฉลิมฉลองในวันนี้ ครอบครัวจะมารวมตัวกัน เพื่อทำความสะอาดให้หลุมศพของผู้ตายอันเป็นที่รัก และตกแต่งหลุมให้สวยงาม Ari Muyang ในประเทศมาเลเซีย ชาวเผ่า Mah Meri ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ ได้เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความตายนี้ด้วยการเต้นรำทำเพลง เหล่าพ่อมดหมอผีจะมาร่วมพิธีเพื่อร่ายมนตร์และกล่าวอวยพร ก่อนที่เทศกาลนี้จะเริ่มขึ้นอย่างเต็มตัว เทศกาล Chuseok หรือชูซอก ในประเทศเกาหลีใต้ ถ้าจะนับกันตรงๆ แล้วเป็นเทศกาลเก็บเกี่ยวของประเทศ ที่กินเวลา 3 วันด้วยกัน แต่ก็เป็นวันหยุดสำหรับบูชาเหล่าบรรพบุรุษของคนในประเทศเช่นกัน ทุกๆ…
-
เจ.เค. โรว์ลิ่ง เผย 16 สิ่งที่เกี่ยวกับครอบครัว “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ที่ไม่เคยปรากฏในหนังสือ
ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของหนังสือชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็คงหลงใหลในโลกเวทมนตร์ ท่องคาถาได้ทุกคาถา รู้หมดว่าใครเป็นอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ล้วนอยู่ในหนังสือที่เราอ่านกันจนจำขึ้นใจไปแล้ว แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ขั้นกว่า ก็คงเข้าไปเล่นในเว็บ Pottermore ที่ J.K. Rowling ได้เปิดให้เหล่าพ่อมดแม่มดหน้าใหม่เข้าไปผจญภัยในโลกเวทมนตร์ พร้อมทั้งยังซ่อนความลับต่างๆมากมายไว้ในนั้นด้วย ตอนนี้ J.K. Rowling ยังได้เปิดเผยถึงภูมิหลังของครอบครัว Potter ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 12 กันเลยทีเดียว ถือว่าได้ใจแฟนๆแฮร์รี่ได้อย่างสุดยอด ซึ่งวันนี้เหมียวก็เอาความลับเหล่านั้นมาเปิดเผยให้กับทุกคนได้รู้ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย เริ่มท้าวความกันก่อนว่าครอบครัว Potter ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในรายชื่อ “ยี่สิบแปดสกุลศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นรายชื่อครอบครัวที่มีเลือกบริสุทธิ์ถูกสร้างขึ้นอย่างลับๆ เมื่อยุค 1930 ครอบครัวที่อยู่ในรายชื่อนี้มีทั้งหมด 28 ตระกูล อย่างเช่น แบล็ก และ มัลฟอย ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เจ.เค. ได้กล่าวว่า “คนที่สร้างรายชื่อสกุลศักดิ์สิทธิ์นี้ที่ประกอบไปด้วยตระกูลเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งพวกเขาได้เอารายชื่อของครอบครัวพอตเตอร์ออกไป เพราะพวกเขาได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่ามีสายเลือดเสียเจือปนอยู่” อีกทั้งประวัติศาสตร์ของครอบครัวพอตเตอร์ยังคง “รุ่งโรจน์” อย่งต่อเนื่อง เพราะได้ไปเกี่ยวข้องกับ “เครื่องรางยมทูต” สามสิ่งของเวทมนตร์ที่ใครได้ครอบครองแล้วจะเป็นนายเหนือความตาย จากข้อมูลที่ลึกที่สุด สมาชิกรุ่นแรกๆในครอบครัวพอตเตอร์คือ “ลินเฟรดแห่งสตินช์คอมบ์” ซึ่งเจ.เค.…