Tag: นักเดินเรือ
-
นักวิทย์เก็บชิ้นส่วนกระดาษ จากปืนใหญ่ของ “โจรสลัดเคราดำ” ทำให้รู้ได้ว่าพวกเขาอ่านอะไรกัน…
โจรสลัดสมัยก่อนมักถูกมองว่าไม่ฉลาดซักเท่าไหร่ เป็นพวกที่คอยจ้องแต่ฆ่า ปล้น แย่งชิงเรือ จับศัตรูเดินไปบนแผ่นไม้ และดื่มแต่เหล้าทั้งวัน แต่ล่าสุดมีการค้นพบชิ้นส่วนกระดาษที่มีข้อความอ่านได้ง่าย ในกระบอกปืนใหญ่บนเรือธงของโจรสลัดหนวดดำ ซึ่งมันทำให้เห็นภาพจากมุมมองจากเหล่าลูกเรือซึ่งเป็นมุมมองที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน โดยนักอนุรักษ์จากกรมธรรมชาติวัฒนธรรมของรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้แสดงให้เห็นว่าหนวดดำและลูกเรือของเขาได้เริ่มอ่านเรื่องหนังสือบรรยายการเดินทางซึ่งเป็นวรรณคดีที่ได้รับความนิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 ภายในบันทึกนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ทหารเรือของประเทศอังกฤษที่เดินทางโดยใช้เรือ Duke และเรือ Dutchess ด้วย นักอนุรักษ์ได้ค้นพบชิ้นส่วนกระดาษขณะกำลังสำรวจเรือของหนวดดำอยู่ ซึ่งเรือมันเกยตื้นอยู่ที่ใกล้ๆ Beaufort Inlet ใน North Carolina ในปี 1718 โดยหนวดดำได้ขโมยมันมาจากชาวฝรั่งเศสเมื่อปี 1717 ซึ่งชาวฝรั่งเศสก็ขโมยเรือมาจากเจ้าของเดิมที่เป็นชาวอังกฤษอีกทีในปี 1711 และแต่เดิมมันถูกเรียกว่าเรือ Concord เรือลำนี้มันถูกใช้เป็นเรือขนทาส หลังจากนั้นโจรสลัดหนวดดำผู้น่ากลัวคนนี้ก็ได้ตั้งเชื่อเรือใหม่ว่า Queen Anne’s Revenge จากนั้นก็ติดตั้งปืน 40 กระบอก และทำให้มันเป็นเรือของเขา โดยที่มีการค้นพบซากเรือในปี 1996 นักวิจัยได้ค้นพบกระดาษที่กระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยอยู่ 16 ชิ้นซึ่งมันอยู่ปะปนกับก้อนตะกอนเปียกๆ ในโถงสำหรับบรรจุลูกปืน ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 1 ส่วน 4 ของขนาดที่สมบูรณ์ แต่มันก็หายากมากในซากเรืออับปาง แล้วยิ่งมันมีอายุมากกว่า 300 ปี มันอาจจะเปื่อยและสลายหายไปใต้น้ำแล้วก็ได้ …
-
วิทยาศาสตร์พิสูจน์ความจริงของชาว ‘ไวกิ้ง’ กับการพา ‘แมวเหมียว’ ขึ้นเรือทุกครั้งที่ออกไปพิชิตโลก
พวกเราเคยได้ยินคำพูดที่ว่าแมวคิดจะครองโลกกันใช่ไหม แน่นอนว่าบางคนอาจจะคิดว่ามันก็แค่เรื่องล้อเล่น แต่หลังจากอ่านบทความนี้แล้วเพื่อนๆ อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดก็ได้ เพราะแมวมันคิดจะครองโลกจริงๆ นะ มันถึงกับขึ้นเรือตาม “ไวกิ้ง” ไปปล้นสะดมเลยทีเดียว จากการศึกษา DNA ของแมวโบราณนักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้ว่า มีการเลี้ยงแมวอยู่ในเขตตะวันออกและอียิปต์ตั้งแต่ประมาณ 1 แสน 5 หมื่นปีก่อน เมื่อตามรอยการเลี้ยงแมวบ้านไปเรื่อยๆ พวกเขาก็พบว่าแม้แต่พวกไวกิ้งก็มีการเลี้ยงแมวไว้ในบ้านด้วยเช่นกัน ซึ่ง DNA ของสายพันธุ์ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยนั้น ถูกพบในกว่าสามสิบแหล่งโบราณคดีทั่วทั้ง ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา น่าเสียดายที่เราไม่มีหลักฐาน ที่บอกว่าแมวในสมัยก่อนหน้าตาต่างจากปัจจุบันอย่างไร นักวิจัยตรวจสอบโดยมุ่งเน้นไปที่ DNA ที่ส่งผ่านจากแม่สู่ลูกเท่านั้น พวกเขาพบว่าแมวป่าที่มาจากตะวันออกกลาง และแมวป่าที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออก มี DNA mitochondrial ที่คล้ายกัน หรือก็คืออาจจะมาจากเชื้อสายเดียวกันก็เป็นได้ จากการวิจัยยังพบอีกว่า การเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลของแมวเลี้ยงนั้นน่าจะเกิดขึ้นถึงสองครั้งในประวัติศาสตร์ ครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่คุ้นเคยกันดี แมวป่าได้เข้ามาในพื้นที่เกษตรกรรมเพราะไปล่าพวกหนูที่กัดกินเมล็ดพืชในแถบนั้น พวกเกษตรกรที่เห็นความมีประโยชน์เหล่านั้นจึงได้เริ่มเลี้ยงพวกแมวที่เข้ามาในพื้นที่ มาล่าหนูอยู่ดีๆ ได้ทาสเฉยเลย สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือหลังจากนั้นหลายพันปี ก็มีการเกิดการเพิ่มจำนวนของแมวเลี้ยงขึ้นมาอีกครั้ง สาเหตุของครั้งที่สองมาจาก คนเดินทะเลในสมัยโบราณเช่นชาวเรือและชาวไวกิ้งรับเอาแมวมาเลี้ยงบนเรือของพวกเขา เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก ทำไมพวกคนเหล่านี้ถึงต้องการแมวบนเรือของพวกเขาที่ต้องใช้ในการเดินทางระยะยาวแบบนั้น? ที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากในการพาแมวขึ้นมาบนเรือ เนื่องจากแมวสามารถกำจัดพวกหนูในเรือได้ ทำให้หนูไม่ขยายพันธุ์จนล้นเรือ และเรือจะได้ไม่โดนพวกหนูเหล่านั้นแทะจนเป็นรูรั่ว…
-
พบศพชายนักล่องเรือชาวเยอรมันกลายสภาพเป็น ‘มัมมี่’ ชันสูตรศพพบว่าเสียชีวิตไม่เกินเจ็ดวัน!!
กลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่งกับการพบศพของนักล่องเรือ ผจญภัยไปตามมหาสุมทรต่างๆ ซึ่งจู่ๆ ชาวประมงสองรายจากชายฝั่งฟิลิปปินส์ บังเอิญไปเจอเรือที่อยู่ในสภาพล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย แล้วก็พบกับสภาพของศพที่อยู่สภาพคล้ายกับมัมมี่!! สำหรับศพดังกล่าวก็คือนาย Manfred Fritz Bajorat ชาวเยอรมัน วัย 59 ปี โดยมีรายงานว่าเขาได้หายตัวไปตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 และจากการสันนิษฐานในตอนแรก คาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตมาหลายปีแล้วอันเนื่องมาจากสภาพศพที่คล้ายกับมัมมี่ แต่ภายหลังการชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ทางตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์กลับแจ้งว่าเขาเสียชีวิตอันเนื่องมาจากหัวใจวายเฉียบพลัน ในช่วงที่ก่อนจะพบศพเขาอยู่บนเรือ ‘จากการชันสูตรศพพบว่าสาเหตุการตายของเขานั้นเกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และคาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตมาไม่มากหรือไม่น้อยกว่า 7 วัน’ โฆษกตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์กล่าว ตำรวจยังรายงานอีกด้วยว่า ชาวประมงผู้พบศพนั้นสังเกตเรือยอร์ชลำนี้ลอยอยู่ใกล้ๆ ชายฝั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนหรือมีกิจกรรมใดๆ เลย จึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจภายในก็พบกับสภาพศพของ Manfred Fritz Bajorat อยู่ในสภาพดังกล่าวคล้ายกับว่าจะทำการติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านวิทยุสื่อสารเป็นครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของสภาพศพที่กลายมาเป็นมัมมี่ได้ในเวลาอันรวดเร็วเพียงแค่ 7 วันได้ ยังคงเป็นเรื่องปริศนาที่ต้องการข้อพิสูจน์กันต่อไป ที่มา : mirror, unilad