Tag: นักเรียน
-
อควาเรียมญี่ปุ่นแนะนำหนุ่มวัย 16 ปีที่หาแฟนไม่ได้ว่าให้ “เปลี่ยนเพศ” แบบปลาการ์ตูน…
เป็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยเมื่อจู่ๆ อควาเรียม ในประเทศญี่ปุ่นก็หันมาให้คำปรึกษาเรื่องความรัก ผ่านโครงการที่เรียกว่า Love Support Project Kyoto Aquarium อควาเรียมที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟเกียวโตเท่าใดนัก ได้ริเริ่มโครงการให้คำปรึกษาด้านความรักนี้โดยการตั้งกล่องรับฟังปัญหา ทางอควาเรียมจะมีกระดาษเอาไว้ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเขียนถึงสิ่งที่ต้องการปรึกษาในด้านความรักและหย่อนมันลงในกล่อง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะใช้ ความรู้เกี่ยวกับปลา ในการตอบทุกๆ ปัญหา ลองมาดูตัวอย่างนี้กัน! ภาพที่เห็นด้านบนเป็นภาพที่ถ่ายมาจาก กระดาษคำตอบของทางเจ้าหน้าที่ของ Kyoto Aquarium ที่ตอบเด็กวัย 16 ปีคนหนึ่ง ซึ่งภาพถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ @Mandorio0510 เด็กชายวัย 16 ปีคนดังกล่าวได้เขียนปัญหาลงในกระดาษว่า… “ผมเรียนในโรงเรียนชายล้วน ซึ่งมันทำให้ผมไม่มีโอกาสเลยที่จะได้เจอกับ คู่รักต่างเพศ…” จากนั้น เจ้าหน้าที่ Kameoka ก็เขียนตอบว่า… “มันมีปลาชนิดหนึ่งที่เราเรียกกันว่าปลาการ์ตูน เวลาที่พวกมันอยู่ในที่ที่ไม่มีตัวเมียเลยมันทำไงรู้มั้ย? ตัวผู้ที่ขนาดใหญ่ที่สุดจะกลายเป็นตัวเมียแทนยังไงล่ะ เอาล่ะ ลองไปโรงเรียนแล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นนักเรียนหญิงดูสิ เผื่อจะเจอคู่รักต่างเพศที่ตามหา!” งานนี้ชาวเน็ตที่พบเห็น ก็เข้ามาคอมเมนต์กันใหญ่ เช่น… “ถ้าคุณคิดว่าไม่มีทางหาคู่รักเพศตรงข้ามได้ คุณก็แค่เปลี่ยนเพศตัวเอง อืมมม…น่าคิดแฮะ” “แปลกใจจัง ผมรู้สึกเหมือนว่าต้องเปลี่ยนเพศตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” “คำแนะนำของ Kameoka…
-
นร. ญี่ปุ่นที่ไม่มีใครสนใจ วันนี้กลายเป็นสาว ‘สุดเอ็กซ์’ ซะงั้น น่าจะจีบตั้งแต่เด็กแล้วแบบนี้!
ว่ากันว่า วัยเบ่งบานของสาวๆ นั้นจะอยู่ในช่วงสมัยที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ นักเรียนสาวหลายคนก็เริ่มแตกเนื้อสาวเผยความงดงามความน่ารักออกมากันในช่วงวัยนี้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอก เพราะสาวๆ บางคน คนที่เรามองข้ามยามที่ยังเป็นนักเรียนอยู่นั้น รู้ไหมว่าพวกเธอไม่ใช่ไม่สวยหรอกนะ แต่พวกเธออาจจะยังไม่ถึงวัยเบ่งบานต่างหาก! เช่นสาวน้อยชาวญี่ปุ่นคนนี้ที่เป็นเด็กนักเรียนซึ่งไม่ได้โดดเด่นอะไร ไม่ว่าจะเรื่องของรูปร่าง หน้าตา หรือว่าการแต่งกาย เธอไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของนักเรียนชายเลยสักนิด แต่ล่าสุด บนทวิตเตอร์ @myksan1717 เธอได้โพสต์ภาพเปรียบเทียบว่าในอดีตและปัจจุบันนั้นมันต่างกันขนาดไหน นักเรียนสาวคนนี้เปลี่ยนไปอย่างไร จะตรงใจหนุ่มๆ หรือเปล่า เราไปชมกันเลยดีกว่า… @myksan1717 สมัยเป็นนักเรียน พอเริ่มโตขึ้น @myksan1717 นั้นเริ่มรู้จักเดินตามสิ่งที่ผู้คนในสังคมเรียกกันว่า “ความงาม” เธอพยายามลดน้ำหนัก แต่งหน้า และแต่งตัวแบบที่เธอเองก็ไม่เคยทำมันมาก่อน ผลสุดท้าย ความพยายามของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่หนุ่มๆ ทุกคนต้องหันมอง ด้วยความที่เธอเป็นคนมีหน้าอกขนาดใหญ่เป็นทุนเดิม แต่เพิ่มเติมคือผอมลง งานนี้หนุ่มที่ไหนจะอดใจไหวกันล่ะ!! ผ่ามมม! . . . . . . . . . . . เห็นไหมล่ะว่าการตัดสินคนจากภายนอกมันก็มักจะนำพาความเสียดายมาให้อยู่เสมอ ส่วน #เหมียวโลลิ…
-
ครูในอเมริกาถูกจับกุม เหตุ “ตัดผม” นักเรียนโดยไร้สาเหตุ แถมร้องเพลงชาติไปด้วย
การที่คุณครูจะทำการ “กล้อนผม” นักเรียนเพื่อลงโทษนักเรียนที่ผมยาวกว่าเกณฑ์นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่พบเห็นได้จนชินตาในประเทศไทย แต่สำหรับรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่ครูคนไหนจะเข้ามาทำการตัดผมของนักเรียน Margaret Gieszinger ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมือง Visalia แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในข้อหากระทำอันตรายต่อนักเรียน เธอได้บังคับให้นักเรียนของเธอเดินมานั่งเก้าอี้ ขณะที่เธอเองนั้นถือกรรไกรอยู่ในมือ จากนั้นเธอก็ลงมือตัดผมของนักเรียนออกไปเป็นกระจุกพร้อมกับเปล่งเสียงร้องเพลงชาติออกมาอย่างภาคภูมิ Margaret Gieszinger ชมคลิปเหตุการณ์ จากวิดีโอจะเห็นได้ว่า Margaret ครูวัย 52 ปี ได้สั่งนักเรียนชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินกลับโต๊ะเรียนของตัวเอง ให้มานั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าห้อง เธอพูดออกมาว่า “ยังไม่เสร็จนะ” พอนักเรียนชายมานั่งลงที่เก้าอี้ดังกล่าว Margaret เธอก็ทำการ “ตัดผม” ของนักเรียนชายคนนี้ออกหนึ่งกระจุกและโยนผมกระจุกนั้นทิ้งไป พร้อมกับร้องเพลงชาติของสหรัฐอเมริกาควบคู่ไปด้วย เรียกมานั่ง ตัดผมออกไปหนึ่งกระจุก หลังจากนั้น Margaret ก็หันมาเรียกนักเรียนหญิงอีกคนพร้อมดึงผมของนักเรียนหญิงคนดังกล่าวเอาไว้ ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มหวาดผวา ส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีออกจากห้องเรียน นักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งชื่อว่า Lilli Gates เล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันแปลกประหลาดมาก เธอไม่เคยเห็นครูของเธอเป็นแบบนี้มาก่อน… “หนูลองถามเพื่อนๆ คนอื่นดูว่าปกติแล้วครูเป็นอย่างนี้หรือเปล่า เพื่อนๆ…
-
ดราม่าญี่ปุ่น ครูไม่ให้คะแนนเด็ก เพราะไม่ใช้ “ไม้บรรทัด” ขีดเส้น แม้คำตอบจะถูกแล้วก็ตาม
พอเข้าใจได้ว่าวิชาคณิตศาสตร์นั้นเป็นวิชาที่ยากสำหรับใครหลายคน หลายครั้งเมื่อทำการบ้านวิชานี้ส่งครูเมื่อไหร่ก็จะต้องมีผิดมีพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา แต่เหตุการณ์ในวันนี้ กลับเป็นความผิดที่ชวนงงงวยสุดๆ เพราะคำตอบที่ได้จากการคำนวณนั้นถูกต้องเป๊ะๆ แต่ครูก็ยังให้ผิดเพียงเพราะ “ไม่ใช้ไม้บรรทัดในการขีดเส้น” ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @Toraphgu ผู้เป็นครูกวดวิชาได้โพสต์ภาพการแก้โจทย์การคูณตัวเลขของนักเรียนคนหนึ่ง ที่แม้ว่าจะมีคำตอบที่ถูกต้องแต่คุณครูที่โรงเรียนกลับให้ผิดเพราะว่าเส้นแนวนอนไม่ใช้ไม้บรรทัดในการช่วยขีด คำตอบถูกต้อง แต่ผิดเพราะไม่ใช้ไม้บรรทัด @Toraphgu เขียนอธิบายบนทวีตดังกล่าวว่า “วันนี้ผมตกใจมากที่เห็นนักเรียนกวดวิชาคนหนึ่งของผม ถูกครูที่โรงเรียนตัดสินว่าผิดเพียงเพราะเขาแสดงวิธีทำด้วยมือเปล่าๆ และไม่ได้ใช้ไม้บรรทัด” เมื่อชาวเน็ตผ่านมาเห็นเรื่องดังกล่าวก็เข้ามาคอมเมนต์กันยกใหญ่ เช่น… “ผมคิดว่าครูในโรงเรียนน่าจะทำงานหนัก…หนักจนกลายเป็นบ้า” “ลูกของผมก็มาฟ้องเรื่องแบบนี้ประจำ ผมก็งงว่ามันเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ตรงไหน เขียนด้วยมือมันก็โอเคนี่นา” “ผมว่าไม้บรรทัดมันก็มีข้อดีของมันนะ แต่มาลงโทษเด็กที่ไม่ใช้ไม้บรรทัดแบบนี้มันออกจะผิดประเด็นไปหน่อย” “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนฉันถูกสอนไม่ให้ใช้ไม้บรรทัดนะเพราะว่ามันเสียเวลา” “หรือว่าคุณครูเขาจะมีเอี่ยวกับบริษัทผลิตไม้บรรทัดกันแน่ นี่เป็นการโฆษณาใช่ไหมเนี่ย?” ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการใช้ไม้บรรทัดนั้นทำให้การขีดเส้นดูตรงและสะอาด แต่ชาวเน็ตเองก็ไม่เห็นด้วยว่าการคุณครูควรให้ “ผิด” กับคำตอบของนักเรียน ที่มา: Twitter/@Toraphgu และ soranews24
-
อาจารย์หนุ่มพลาด มือลั่นเปิด “คลิปโป๊” ออกโปรเจกเตอร์แทนคลิปสื่อการสอน!
การที่เราต้องออกไปนำเสนองานหรืออะไรบางอย่างต่อหน้าคนจำนวนมาก และมีการใช้โปรเจกเตอร์ขนาดยักษ์ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการ เปิดวิดีโอน่าอับอาย ขึ้นมากลางห้อง ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะใครกันล่ะจะมาทำพลาดได้ขนาดนั้น? แต่เหตุการณ์แบบนั้นกลับเกิดขึ้นจริงกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่กำลังจะทำการสอนด้วยจอโปรเจกเตอร์ แทนที่เขาจะเปิดสื่อการสอนให้นักเรียนดู เขากลับเปิด สื่ออนาจาร ขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้น! ดูคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นทำให้เหล่านักศึกษาที่ถือสมุดหนังสือพากันหัวเราะคิกคัก เพราะแทนที่ภาพบนจอจะเป็นสื่อการสอนแต่ดันกลายเป็นสื่อเพศศึกษาไปเสียอย่างนั้น งานนี้อาจารย์คงจะหน้าชาน่าดูเลยล่ะ จากในวิดีโอจะเห็นว่าอาจารย์ท่านนี้พอรู้ตัวว่าทำพลาดก็รีบเข้ามาปิดอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอทำให้แทบทั้งห้องได้เห็นภาพของคู่หญิงชายกำลังทำกิจกรรมทางเพศกันแบบต่อหน้าต่อตา จากสำนักข่าว Mirror รายงานว่าขณะที่อาจารย์ท่านนี้เปิดคลิปวิดีโอเสร็จ เขาก็เดินออกไปนอกห้องโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเปิดสื่อการสอน “ผิด” ไปอย่างไม่น่าให้อภัย และหลังจากที่เขากลับเข้าห้องมาอีกครั้งก็ต้องพบความผิดพลาดของตัวเองท่ามกลางเสียงซุบซิบและเสียงหัวเราะของเด็กนักเรียน ไม่เป็นที่ทราบชัดเจนว่าเวลาและสถานที่เกิดเหตุคือเมื่อไหร่และที่ไหน แต่คลิปวิดีโอดังกล่าวกลายเป็นที่โด่งดังในโลกออนไลน์ที่มีคนแชร์ต่อกันไปมากกว่า 50,000 ครั้ง สำหรับใครที่ต้องออกไปนำเสนอหน้าห้องก็ขออย่าให้พลาดแบบอาจารย์หนุ่มคนนี้ก็แล้วกันนะ! ที่มา: ladbible, mirror และ metro
-
ครูใหญ่อินโดฯ บังคับเด็กนักเรียน “สูบบุหรี่” หลังจับได้ว่าแอบไปสูบกันในสนามเด็กเล่น
สำหรับนักเรียนที่อยู่ในวัยคาบเกี่ยวระหว่างวัยเด็กกับวัยรุ่น เวลาที่พวกเขามีพฤติกรรมต้องห้าม อย่างเช่น การสูบบุหรี่ เนื่องจากความอยากรู้อยากลอง ผู้ใหญ่และคุณครูเองก็จะต้องมีวิธีสั่งสอนและลงโทษ ขณะที่หลายๆ คนกำลังคิดว่าการรับมือกับเด็กที่กระทำพฤติกรรมแบบนี้อาจจะต้องใช้วิธีสอนให้รู้จักกับโทษของอบายมุขและอาจมีการตีบ้าง หักคะแนนบ้าง โรงเรียนแห่งหนึ่งในอินโดนีเซียกลับมีวิธีการลงโทษเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบสูบบุหรี่ที่แปลกประหลาดกว่าที่พวกเราคิด เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คุณครูท่านหนึ่งจับได้ว่ากลุ่มเด็กนักเรียนราว 11 คนกำลังแอบสูบบุหรี่กันในสนามเด็กเล่นของโรงเรียนประถมในเมืองซูคาบูมี ครูท่านนั้นจึงพาเด็กกลุ่มดังกล่าวไปพบกับครูใหญ่ของโรงเรียนเพื่อรอรับการตัดสินโทษ Tati Maelati ผู้เป็นครูใหญ่ของโรงเรียน แทนที่จะรายงานพฤติกรรมของเด็กให้ผู้ปกครองทราบ เขากลับยื่นบุหรี่ให้เด็กๆ ทั้งกลุ่มคนละหลายมวน แล้วสั่งให้จุดสูบให้ดู ชมคลิปวิดีโอ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมครูใหญ่ถึงมีการลงโทษเด็กแบบนี้ มันจะเป็นการยื่นสิ่งที่ไม่เหมาะสมให้กับเด็กหรือเปล่า? ทางครูใหญ่เองก็เผยออกมาว่า “ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่ามันจะช่วยเป็น เครื่องยับยั้ง ชั้นดีให้กับเด็กๆ เพราะเด็กจะรู้สึกแย่ที่ต้องสูบบุหรี่ รู้สึกว่าการสูบบุหรี่มันไม่สนุกและเป็นอันตราย ซึ่งถือว่าคุ้มมากทีเดียว” วิดีโอด้านบนถูกถ่ายโดยครูประจำชั้น ป.2 คนหนึ่ง ซึ่งเขาหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นว่าเด็กทำท่าไม่อยากสูบบุหรี่อีก อย่างไรก็ตามการลงโทษของครูใหญ่ในครั้งนี้ได้ทำให้ผู้ปกครองหลายคนเกิดความไม่พอใจจนต้องขอเข้าพบครูใหญ่คนนี้กันเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันหน่วยงานปกป้องเด็กในชุมชนรวมถึงตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐเองก็ออกมาต่อว่าการกระทำของครูใหญ่ในครั้งนี้เช่นกัน ที่มา: ladbible และ metro
-
ครูกวดวิชาในญี่ปุ่น ถูกจับกุมเพราะ “เลียหู” นักเรียน อ้างเป็นวิธีการจับโกหก!!
หลายครั้งที่เด็กนักเรียนมักโกหกคุณครูด้วยเหตุผลบางประการ นั่นทำให้ครูหลายคนต้องงัดมาตรการจับโกหกของตัวเองออกมาใช้ และครูคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็งัดไม้เด็ดออกมา เขาบอกว่าเขาสามารถจับโกหกเด็กนักเรียนได้เพียงแค่เขา เลียหู เด็กคนนั้น!!? คุณครูวัย 32 ปี Teruki Suira เป็นครูสอนในโรงเรียนกวดวิชา Shinsei ในจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น เขากล่าวกับนักเรียนชายคนหนึ่งว่า “ครูจะรู้ทันทีว่าเธอโกหกหรือเปล่า ถ้าครูเลียหูของเธอ” และจากนั้นเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างของเขาจับที่ไหล่ของนักเรียนชายวัย 14 ปีคนนี้แล้ว เริ่มเลียหูข้างขวาของนักเรียนทันที จากรายงาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นราวเวลา 16.50 น. ของวันที่ 14 สิงหาคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าจับกุมนาย Teruki ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา นาย Teruki กล่าวว่า… “ผมเลียหูเด็กก็จริง แต่นั่นเป็นหนึ่งวิธีการสอนเด็กให้อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องนะ” ล่าสุดคุณครูคนนี้ก็ยอมรับว่ามีการใช้วิธีเลียหูเด็กนักเรียนเพื่อจับโกหกจริง และกำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันชาวเน็ตที่รับรู้เรื่องราวดังกล่าวกลับเกิดอารมณ์ขันทันทีเมื่อรู้ว่าคุณครูคนนี้มีพฤติกรรมเลียนแบบตัวละครจากการ์ตูนเรื่อง JoJo’s Bizarre Adventure จินตนาการภาพได้จากคลิปการ์ตูนเรื่องนี้… วิธีจับโกหกของคุณครูคนนี้จะได้ผลจริงมั้ยไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือใครโดนเข้าไปเป็นต้องขนลุกกันแน่นอนเลยล่ะ……
-
คดีปริศนาของ Hazel เด็กหญิงวัย 13 ปีที่ “ละเมอ” ไปแขวนคอตัวเองตายในตู้เสื้อผ้า
กลายเป็นคดีปริศนาไปเลยทีเดียวเมื่อเด็กหญิงวัย 13 ปี เสียชีวิตหลัง “ละเมอ” เดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อแขวนคอตัวเอง Hazel Georgina Bradley เด็กหญิงชาวเวลส์วัย 13 ปีที่มีภาวะความ กลัวตู้เสื้อผ้า มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เธอได้ดูการ์ตูนเรื่อง Monster Inc. คืนหนึ่ง Hazel ก็เข้านอนตามปกติ แต่เช้ารุ่งขึ้นเธอกลับถูกพบว่าแขวนคอเสียชีวิตอยู่ในตู้เสื้อผ้า พร้อมสวมเครื่องแต่งกายเป็นชุดนักเรียน Hazel Georgina Bradley วัย 13 ปี จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อแม่ของ Hazel ยืนยันอย่างมั่นใจว่าลูกสาวของพวกเขาเกิดการ “เดินละเมอ” อย่างแน่นอน Rebecca วัย 43 ปีผู้เป็นแม่กล่าวว่าก่อนเข้านอนในคืนเกิดเหตุ เธอยังกอดและจูบเพื่อบอกราตรีสวัสดิ์กับลูกสาว ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนในช่วงเวลา 21.20 น. ของคืนวันที่ 23 พฤษภาคม 2018 แต่เมื่อเวลา 6.45 น. ของเช้าวันถัดมา Graham วัย 44 ปีผู้เป็นพ่อก็พบร่างลูกสาวตัวเองในชุดนักเรียน “แขวนคอ”…
-
นักเรียนนายร้อยอากาศจีน ขว้างระเบิดไม่พ้นกำแพง “เด้งกลับ” เกือบระเบิดโดนตัวเอง
ว่ากันว่าการเข้าเรียนเป็นนักเรียนนายร้อยนั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย เพราะต้องผ่านการฝึกฝนอันหฤโหดเพื่อเฟ้นหานายทหาร/ตำรวจที่แข็งแกร่ง การฝึกโหดขนาดไหนลองไปชมจากตัวอย่างเหตุการณ์ที่จะนำมาเสนอในวันนี้ นักเรียนนายร้อยอากาศของประเทศจีนเกือบระเบิดตัวเองหลัง ขว้างลูกระเบิดไม่พ้นกำแพง ทำให้ระเบิดเด้งกลับมาหาตัวเอง คลิปเหตุการณ์ คลิปวิดีโอของเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยรายการ China Central Television ของประเทศจีน แสดงให้เห็นว่านักเรียนนายร้อยอากาศคนหนึ่งถูกดึงตัวลงหลุมหลบระเบิดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนเกิดระเบิด เหตุเกิด ณ โรงเรียน People’s Liberation Army Air Force Harbin Flight Academy ในเมืองฮาร์บิน เมืองหลวงของมณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน ขณะที่ครูฝึกนามว่า Xu Hao กำลังสอนนักเรียนใหม่ถึงวิธีการขว้างระเบิดมือ ก็เกิดเหตุผิดพลาดขึ้นเมื่อนักเรียนคนหนึ่งไม่ประสงค์ออกนามขว้างระเบิดพลาด เขาขว้างไปชนกับกำแพงและกระดอนกลับมาใกล้ๆ กับบริเวณที่ผู้ขว้างยืนอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้น Hao จึงรีบคว้าตัวนักคนเรียนดังกล่าวลงหลุมหลบระเบิดอย่างรวดเร็วก่อนแรงระเบิดจะปะทุออกมา ครูฝีก Hao บอกว่า “เขาขว้างด้วยองศาของข้อมือที่ไม่ถูกต้อง จึงทำให้ลูกระเบิดที่ขว้างออกไปนั้นชนเข้ากับขอบกำแพง” ระเบิดชนิดดังกล่าวมีแรงระเบิดเป็นวงกว้างสามารถก่ออันตรายถึงชีวิตได้ในระยะ 6 เมตรเลยทีเดียว ทางการจึงเชยชมว่าเป็นเพราะ Hao ทั้งคู่ถึงได้รอดจากแรงระเบิดครั้งนี้ได้ เห็นไหมล่ะว่า การฝึกในโรงเรียนนายร้อยนั้นไม่ง่ายเลย…
-
สาวฮ่องกงข้ามถนนไม่ระวัง ถูก “แท็กซี่ชน” ไปกองกับพื้น แต่โชคดีที่ไม่เจ็บสาหัส
การจะข้ามถนนที่มีรถวิ่งอยู่ขวักไขว่นั้นจำเป็นจะต้องดูซ้ายขวาอย่างระมัดระวังและรอบคอบ มิฉะนั้นก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ และถ้าโชคไม่ช่วยก็อาจทำให้เราต้องบาดเจ็บสาหัส อย่างเช่นนักเรียนหญิงชาวฮ่องกงในเหตุการณ์ต่อไปนี้ เธอวิ่งข้ามถนนโดยไม่ระมัดระวังขณะที่รถแท็กซี่ก็พุ่งมาด้วยความเร็วเช่นกัน นั่นทำให้เธอถูกรถชนเข้าอย่างจังจนตัวเธอเกยขึ้นมาบนกระโปรงหน้ารถและกระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถ จากนั้นจึงร่วงไปนอนกองกับพื้น แต่ไม่นานนักเธอก็ลุกขึ้นอย่างใจเย็น และเดินออกไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชมคลิป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2018 ที่ถนน Po Tung บนเกาะฮ่องกง นักเรียนหญิงคนนี้เดินออกมาโดยไม่ระแวดระวังรถที่กำลังวิ่ง กล้องของรถแท็กซี่จึงถ่ายติดภาพที่พุ่งชนเข้ากับร่างของนักเรียนหญิงดังกล่าว แม้ว่าหลังจากนั้น นักเรียนหญิงในคลิปจะลุกเดินออกไปอย่างนิ่งๆ แต่ภายหลังมีรายงานว่าเด็กคนนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล Tseung Kwan O Hospital เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ขา เจ้าหน้าที่สืบสวนชั้นสูง Jacky Chan ก็ออกมากล่าวว่าให้คนขับแท็กซี่เพิ่มความระมัดระวังขณะขับผ่านย่านผู้คนและทางเดินข้ามถนน อาจกระทำได้โดยการลดความเร็วลง อีกทั้งยังกล่าวกับคนเดินเท้าด้วยว่าให้มีสติและระมัดระวังอยู่เสมอ พยายามมองไฟสัญญาณจราจรและที่สำคัญเลยก็คือ “อย่าเล่นโทรศัพท์มือถือหรือจดจ่อกับอะไรที่ไม่ใช่ถนน” ที่มา: The Straits Times, CAP9UCAM9U และ nextshark
-
คดีในโรงเรียน เมื่อนักเรียนนำคุกกี้ที่ผสม “เถ้ากระดูกคน” มาแบ่งให้เพื่อนร่วมห้องกิน!!
การกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนนั้นเกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มเป็นวัยรุ่นซึ่งต้องการความบันเทิงและการมีอำนาจเหนือผู้อื่น โดยส่วนมาก รูปแบบของการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนจะมาในลักษณะของการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งทางโรงเรียนก็มักจะมีวิธีรับมือกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ครั้งนี้กลับเป็นการกลั่นแกล้งในรูปแบบที่แปลกอย่างไม่มีใครคาดคิด เมื่อเด็กมัธยม 2 คนจากโรงเรียนมัธยม DaVinci Charter Academy ได้กลั่นแกล้งเพื่อนด้วย “ขนมคุกกี้” ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ที่จริงแล้วเบื้องหลังของขนมคุกกี้นี้แฝงการกลั่นแกล้งที่ “รุนแรง” เอาไว้ นักเรียน 2 คน (ไม่เผยชื่อ) จากโรงเรียนมัธยมในเมืองเดวิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้นำขนมคุกกี้ที่ตนทำขึ้นมาแบ่งให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้ทาน โดยที่คุกกี้เหล่านี้ถูกทำขึ้นจาก “เถ้ากระดูก” ของคุณยาย พวกเขาได้นำมาแบ่งให้กับเพื่อนร่วมห้องจำนวน 9 คนได้ทาน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับร่างกายของนักเรียนที่ทานเข้าไป ขณะนี้เรื่องได้ถูกส่งต่อถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคดี โดยหลักฐานมีเพียงคำให้การของเด็กๆ เท่านั้น “จู่ๆ หญิงคนนี้เที่ยวไปบอกทุกคนว่าคุกกี้ที่เธอนำมาให้ทุกคนกินนั้นมีส่วนผสมของ ‘เถ้ากระดูกมนุษย์’ อยู่ด้วย” นักเรียนชายคนหนึ่งกล่าวกับ KTXL ขณะที่ทางโรงเรียนไม่มีการตอบสนองใดๆ ต่อเรื่องดังกล่าว รายงานจาก Business Insider ก็ได้ระบุว่า การบริโภคชิ้นส่วนหรือเศษเหลือใดๆ ก็ตามของมนุษย์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่มีการกระทำดังกล่าวจะถูกเหมารวมว่าเป็น ฆาตกร…
-
เด็กสาว 4 ขวบ ปิ๊งไอเดีย สร้าง ‘ปุ่มกอด’ ขึ้นมา เพื่อคลาย ‘ความคิดถึงแม่’ เมื่ออยู่ห่างกัน
อย่างที่รู้กันดีว่า ‘การไปโรงเรียน’ ของเด็กๆ ในช่วงแรกๆ นั้นถือเป็นเรื่องที่ยากมาๆ เพราะจากเดิมที่พวกเขาต้องอยู่ติดกับพ่อแม่ตลอดเวลา แต่พอไปโรงเรียนแล้วจะต้องแยกกันย่อมเป็นความรู้สึกที่เด็กๆ จะรับมือได้ยากเป็นธรรมดา หรือฝั่งคนเป็นพ่อเป็นแม่เองก็อาจจะหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้เองแต่ละครอบครัวก็จะมีวิธีการในการจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกันกับครอบครัวนี้ ที่ใช้วิธีสุดแสนจะน่ารักเพื่อทำให้ลูกของตัวเองรู้สึกอบอุ่นหัวใจ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน Violet Orrick เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ที่เพิ่งจะได้เข้าโรงเรียน และได้เผชิญประสบการณ์ที่ต้องห่างจากคุณแม่ Leanne Orrick วัย 38 ปีเป็นครั้งแรก เธอก็เลยปิ๊งไอเดีย ‘ปุ่มกอด’ ขึ้นมา เป็นการวาดปุ่มรูปหัวใจเล็กๆ ติดไว้ที่แขนของทั้งคู่ และเมื่อกดเมื่อไหร่ก็จะจินตนาการถึงอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของกันและกัน เพื่อเยียวยาความเศร้าจากการอยู่ห่างกัน Violet กล่าวถึงปุ่มรูปหัวใจดังกล่าวว่า “หัวใจก็เปรียบเสมือนกับตัว M คือ Mummy ที่ตั้งอยู่บนตัว V คือ Violet” และทุกครั้งที่ Violet รู้สึกเหงาที่โรงเรียน เธอก็จะกด ‘ปุ่มกอด’ นี้ทุกครั้ง เพื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคุณพ่อกับคุณแม่ ช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลาที่อยู่โรงเรียนไปได้อย่างมีความสุข “ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่ฉันเห็นรูปที่วาดบนแขนของลูกสาวเป็นรูปหัวใจ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงวาดมัน…
-
คุณลุงภารโรงมหาลัย ได้พบปะครอบครัวเสียที หลังนศ. ร่วมใจระดมเงินให้เพื่อตอบแทน
คุณลุง Herman Gordon ภารโรงอันเป็นที่รักของเหล่านักเรียนใน มหาวิทยาลัย Bristol ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันได้ไปเที่ยวกับภรรยาสุดที่รักแล้ว หลังนักเรียนช่วยกันระดมเงินให้ลุงได้กลับไปเจอครอบครัว อ่านข่าวเก่าได้ >>> ที่นี่เลย! คุณลุงภารโรง Herman Gordon วัย 65 ปีและภรรยา หลังมีข่าวอันน่าประทับใจที่เด็กนักศึกษาราว 230 ชีวิตในมหาวิทยาลัย Bristol ร่วมใจกันระดมเงินให้กับคุณลุงภารโรง Herman Gordon เป็นจำนวนราว 64,000 บาท เพื่อตอบแทนสิ่งดีๆ ที่คุณลุงได้ทำไว้ให้กับพวกเขา พวกเขาจึงอยากมอบสิ่งดีๆ กลับคืนให้คุณลุง นั่นก็คือการนำเงินจำนวนหนึ่งมามอบให้คุณลุงเพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด ณ ประเทศจาเมกา เพื่อพบหน้าครอบครัวพร้อมกับภรรยาสุดที่รักของตนเอง และนั่นทำให้คุณลุงถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวเลยทีเดียว คลิปวิดีโอ ล่าสุด คุณลุงและภรรยานามว่า Denise ก็ได้เดินทางกลับไปยังประเทศจาเมกาเพื่อพบหน้าครอบครัวหลังย้ายมาทำงานอยู่ที่ประเทศอังกฤษอยู่นมนานและมีชื่อเสียงจากการที่คุณลุงกลายเป็นภารโรงที่ “เด็กๆ รักมากที่สุด” คนหนึ่ง ขณะเดินทางกลับบ้าน คุณลุง Herman และภรรยาก็ได้แวะพักที่แคริบเบียน ในรีสอร์ทสุดหรูบริเวณอ่าวมอนเตโก เพื่อฉลองครบรอบวันแต่งงานปีที่ 23 ของคุณลุงและภรรยา …
-
โรงเรียนจีนลงโทษ “นักเรียนแอบใช้มือถือ” โดยให้ออกมา ‘ขว้างลงพื้น’ จนกว่าจะแตก…
ภายในโรงเรียนแต่ละแห่งก็จะมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้นักเรียนมีการ ใช้โทรศัพท์มือถือขณะเรียน ที่แตกต่างกันไป โดยบางที่อาจจะตัดคะแนน หรือบางที่ก็อาจจะริบโทรศัพท์ไปเลย แต่สำหรับโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในประเทศจีน มีวิธีการป้องกันและลงโทษนักเรียนที่ถูกจับได้ว่าใช้โทรศัพท์มือถือในห้องเรียนที่หนักหน่วงและโหดกว่าที่เคยเจอจากที่ไหนๆ เพราะหากนักเรียนคนใดที่ถูกจับได้ว่าแอบใช้มือถือขณะเรียนจะต้องออกมาหน้าห้องแล้ว ปาโทรศัพท์มือถือ เครื่องนั้นลงพื้นด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2018 ได้มีคลิปวิดีโอหนึ่งถูกเผยแพร่ออกมาบนโลกออนไลน์ เป็นคลิปวิดีโอการทำโทษเด็กนักเรียนที่แอบเล่นโทรศัพท์มือถือขณะเรียน ทำเอาชาวเน็ตต่างวิจารณ์กันกระหน่ำเกี่ยวกับคลิปดังกล่าว ภายในคลิป เป็นภาพเหตุการณ์การลงโทษนักเรียนที่แอบใช้มือถือขณะเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในหยงเซ่า มณฑลหูหนาน ประเทศจีน โดยมีการให้นักเรียนที่ถูกจับได้ออกมาปาโทรศัพท์มือถือลงพื้นด้วยตนเอง คลิปวิดีโอ นักเรียนปาโทรศัพท์มือถือลงพื้นเพราะถูกจับได้ว่าแอบใช้ในห้องเรียน ตามรายงานจาก The Paper คุณครูในคลิปวิดีโอที่ภายหลังทราบว่าสกุล Xiong บอกว่าเด็กนักเรียนขอขว้างโทรศัพท์มือถือด้วยตนเองหลังพบว่าตนเองทำผิด แต่ตามรายงานแล้วพบว่าคุณครู Xiong เป็นผู้ที่ “บังคับ” ให้นักเรียนทำแบบนั้น ซึ่งกระทรวงการศึกษาก็ชื่นชมที่คุณครูพยายามรักษากฏโรงเรียน แต่การลงโทษในครั้งนี้มีความรุนแรงเกินไป คุณครู Xiong จึงได้รับโทษโดยการถูกลดเงินเดือน นักเรียนขว้างโทรศัพท์มือถือลงพื้นด้วยตนเอง จนกว่าจะเสียหายตามสมควร . นักเรียนอีกคนหนึ่งก็ต้องทำเช่นเดียวกัน . แม้ว่าโรงเรียนดังกล่าวจะมีมาตรการป้องการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างเรียนที่เข้มงวด แต่ก็มิได้มีบทลงโทษที่เหมาะสมชัดเจน หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางโรงเรียนจึงได้ประกาศว่าจะหาทางจัดการกับปัญหานี้ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วนชาวเน็ตที่พบเห็นเรื่องนี้ก็ต่างวิจารณ์กันไปหลากหลายความเห็น เช่น……
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
โรงเรียนศิลปะการต่อสู้อินโดฯ “ขับรถเหยียบนักเรียน” ฝึกความอดทน สุดท้ายไร้ปาฏิหาริย์
(บทความมีภาพและเนื้อหาสะเทือนใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู่แห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย ได้พยายามสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการ ขับรถบรรทุกขนาดกลางเหยียบลงบนร่างของนักเรียน จนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้น ในพิธีเลื่อนชั้นของนักเรียนศิลปะการต่อสู้ จากระดับต่ำไปสู่ระดับที่สูงกว่านั้นได้มีการแสดงซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นการ “แสดงปาฏิหาริย์” ก็คงจะไม่ผิดเท่าใดนัก เพราะว่าทางโรงเรียนได้มีการใช้รถบรรทุกที่หนักพอจะทับร่างคนจนเละได้ มาขับและเหยียบทับร่างของนักเรียน 6 คนซึ่งนอนคว่ำหน้ากับพื้น ถ้าไม่บาดเจ็บเลยก็ถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ เด็กนักเรียนนอนเรียงกัน รอรถขับขึ้นมาเหยียบบนร่าง รถบรรทุกดังกล่าวเหยียบและหยุดค้างเอาไว้บริเวณคนที่ 1 และ 2 เมื่อรถบรรทุกขับลงไปแล้วนักเรียน 4 คนลุกขึ้นได้ แต่ทีมงานต้องรีบเข้ามาดูอาการอีก 2 คนที่ยังลุกไม่ขึ้น คลิปวิดีโอการแสดงปาฏิหาริย์ “ขับรถเหยียบตัว” ภายในคลิปจะเห็นได้ว่า เด็กนักเรียนคนที่ 4 มีการลุกขึ้นหลบระหว่างการแสดง คาดว่าไม่สามารถรับน้ำหนักของรถได้ไหว ส่วนนักเรียน 2 คนที่ลุกไม่ขึ้นหลังจากการแสดงจบ ทางโค้ชและผู้ปกครองก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายพบว่า นักเรียนคนแรก (คนที่รถเหยียบค้างไว้) เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันเด็กนักเรียนคนที่สองบาดเจ็บสาหัส และยังอยู่ในอาการโคม่าอย่างมาก ความเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์หากต้องเสี่ยงกับชีวิตคนแบบนี้ก็น่านำมาคิดดีๆ…
-
คุณแม่ปฏิบัติการณ์แอบอัดเสียง พบหลักฐานมัดตัวครูด่าลูก ‘ไอ้ขี้แพ้’ เพราะฝนคำตอบไม่เป็น
เด็กในวัยกำลังเรียนรู้ ควรได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป คุณสมบัติของคุณครูผู้สอนนั้นจะต้องมีพื้นฐานที่ดี รักเด็ก และดูแลเอาใจใส่อย่างถูกวิธี ซึ่งจะส่งผลดีทั้งตัวคุณครูและเด็กด้วย ทว่าคุณสมบัติของความเป็นครูนั้นไม่ได้มีอยู่ในตัวทุกคน แม้จะมีหน้าที่มาสอนเด็กก็ตาม หากแต่เด็กไม่รู้หรือทำตามในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ได้ ก็ไม่ควรดุด่าและทำให้เด็กรู้สึกแย่ต่อหน้าเพื่อนๆ เด็กชาย Aaron Kandy Escotto ผู้เป็นแม่ของเด็กชาย Aaron สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของลูกชาย หลังจากที่ผลการเรียนของเขาเริ่มตกในเทอมที่ผ่านมา และมักจะกลับมาบ่นถึงเรื่องในโรงเรียน โดยโรงเรียนที่ว่านั้นก็คือ Banyan Elementary School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่มีความสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกชาย แต่เนื่องจากเธอได้เข้าไปเรียนกับลูกไม่ได้ จึงได้เลือกใช้วิธี “ซ่อนเครื่องอัดเสียง” ไว้ในกระเป๋าของลูกชายแทน และแล้วความจริงก็ปรากฏเมื่อเธอได้ลองฟังเสียงที่แอบอัดไว้ พบว่าคุณครูด่าลูกชายของเธอว่า ‘ไอ้ขี้แพ้’ จากการที่ไม่รู้วิธีการฝนกระดาษคำตอบ “ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่การฝน เธอเข้าใจมั้ยว่าการฝนคืออะไร อะไรคือการฝนคำตอบ การตอบแบบเขียนวงกลมคืออย่างหนึ่ง การตอบอีกอย่างคือการฝน” หนึ่งในประโยคที่คุณครูพูดกับเด็กชาย Aaron และจากคลิปเสียงนั้น พอจะเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กชายได้ว่า เขาถูกเรียกไปหน้าห้องเรียน และคุณครูก็ถามกับเพื่อนๆ ในห้องว่า…
-
หนุ่มเจอ ‘บัตรนักเรียน’ ของสาวหวังจะส่งคืน แล้วดูมันส่งรูปไปบอกเธอสิ เกรียนส๊าสสส!!
หลายๆ คนคงจะเคยผ่านการ ‘ทำเรื่องเกรียนๆ’ มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ขอบอกเลยว่า ความเกรียนของคุณจะต้องแพ้เมื่อเจอพ่อหนุ่มคนนี้!! เรื่องมีอยู่ว่านาย Nick Ward บังเอิญไปเจอบัตรนักเรียนของสาวคนหนึ่งในอพาร์ตเมนต์ของเพื่อน เขาต้องการที่จะนำมันไปคืนให้กับเจ้าของให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คืนแบบธรรมดาๆ โลกคงไม่จำ พี่แกเลยส่งภาพแปลกๆ ไปให้กับเจ้าของบัตร จนอาจจะทำให้เจ้าของบัตรกลัวจนไม่กล้ามาเอาคืนเลยก็เป็นได้ ถ้านึกภาพไม่ออกว่ามันแปลกแค่ไหนลองเลื่อนลงไปชมพร้อมๆ กันดูดีกว่า…. ใส่หน้ากากกันแก๊สพิษเงี้ยะ!? เป็นใคร ใครก็คิดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสิฟร๊ะ!! ละเอ็งเอาไข่มาวางบนตาทำม๊ายยยย!? “นั่นใช่ Lauren (เจ้าของบัตร) มั้ย?” “สวัสดี Lauren ฉันคิดว่าฉันเก็บบัตรนักเรียนของเธอได้ล่ะ” แล้วดูพี่แกทำสิ ส่งรูปแบบนี้ไป แล้วบอกให้วางใจได้ เพราะตอนนี้บัตรนักเรียนอยู่ที่เขาแล้ว บอกเลยถ้าตรูเป็น Lauren คงแจ้งตำรวจจับไปแล้ว แน่ะ มีการวิดีโอคอลไปหาซะด้วย ดูม๊านนนนน!! พ่อหนุ่ม Nick เล่าเหตการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “ผมเจอบัตรนักเรียนอยู่ที่หอของเพื่อนผม จริงๆ แล้วไอ้ภาพแรกที่ผมส่งไปเป็นรูปสวมหน้ากากนั้น มันเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะมือผมไปจิ้มโดนพอดี (ภาพแรกสุด)” “จากนั้นมันก็เลยกลายเป็นการส่งภาพแปลกๆ หลายภาพไปให้กับ Lauren…
-
กฎโรงเรียน!! นักเรียนสาวถูกสั่ง “ถอดเสื้อชั้นใน” ก่อนเข้าสอบ โวยโดนเจ้าหน้าที่จ้องหน้าอก
หลายโรงเรียนก็จะมีกฎและข้อห้ามไว้สำหรับให้นักเรียนปฏิบัติ เพื่อความสงบเรียบร้อยของโรงเรียนและผู้คนในโรงเรียน แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ กฎของโรงเรียนกลับทำให้เหล่านักเรียนหญิงต้องเดือดร้อน โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย มีกฎว่าห้ามนักเรียนมีโลหะติดตัวเข้าห้องสอบ นั่นหมายถึงโครงชุดชั้นในของนักเรียนหญิงด้วยเช่นกัน ทางโรงเรียนถึงกับจัดตั้งเครื่องสแกนตรวจหาโลหะพร้อมผู้คุมอีก 2 คนเพื่อคอยตรวจหาโลหะในร่างกายนักเรียนที่จะเข้าห้องสอบ แต่กฎดังกล่าวทำให้เด็กนักเรียนหญิงต้องผวาเมื่อนักเรียนสาววัย 17 ปีคนหนึ่งดันสวมชั้นในที่มีลวดทองแดงซึ่งทำให้เครื่องตรวจจับโลหะต้องส่งสัญญาณดัง เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้เธอถอดเสื้อชั้นในออก มิฉะนั้นจะไม่ได้เข้าห้องสอบ เมื่อเธอถอดออกแล้วกลับพบว่าเสื้อชีฟอง (ผ้าบางมองทะลุได้ง่าย) ของเธอทำให้มองเห็นถึงเนื้อหนัง และที่ยิ่งกว่านั้นเธอพบว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองเอาแต่จ้องมองที่หน้าอกของเธออย่าไม่ละสายตา นั่นทำให้เธอรู้สึกถูกคุกคาม เรื่องราวถูกแชร์ผ่านโลกโซเชียลโดยน้องสาวของนักเรียนหญิงผู้เสียหายได้นำไปเล่าผ่านเฟซบุ๊ก เธออัปโหลดภาพพร้อมคำบรรยายว่า “นักเรียนหญิงสมัยนี้นอกจากจะห้ามนำมือถือเข้าห้องสอบแล้ว ยังห้ามใส่เสื้อในอีกด้วยนะ” เธอเล่าต่อว่า “เจ้าหน้าที่สองคนตรวจร่างกายพี่สาวของฉัน แล้วบังคับให้ถอดชั้นในออก เมื่อถอดแล้วกลับมาตรวจอีกครั้งด้วยเสื้อซีทรูซึ่งมองเห็นยันเนื้อด้านใน เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนกลับเอาแต่มองหน้าอกพี่สาวฉัน” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งเมืองเนซนีกัมสก์ ซึ่งเป็นโรงเรียนอันดับ 10 ของสาธารณรัฐตาตาร์สถาน สหพันธรัฐรัสเซีย แต่ทางด้านนาย Ayziryak Ramazamova รองหัวหน้าหน่วยงานศึกษาธิการของเมืองเนซนีกัมสก์กลับออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ว่ามาทั้งหมด ขณะเดียวกัน Eduard Taymasov ผู้เป็นครูในโรงเรียนก็ชี้แจงว่าทางโรงเรียนมีกฎห้ามพกโลหะติดตัวอยู่แล้ว ซึ่งการถอดชุดชั้นในออกนั้นเป็นเรื่องปกติ แถมมีห้องแยกไว้สำหรับถอด ไม่ได้ถอดต่อหน้าผู้คน อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้เป็นแม่ของนักเรียนสาวผู้เสียหายก็ได้ทำการแจ้งและร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป …
-
ต้อนรับกระแสไหว้ครู เรื่องเล่าสุดฮา เมื่อครูตั้งใจ “แกะสลักพาน” ให้นักเรียน แต่ออกมาเฟล!!
ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลหนึ่งที่ทุกคนรอคอยกับ ‘วันไหว้ครู’ ที่เหล่านักเรียนทั้งหลายจะได้แสดงความขอบคุณต่อคุณครูที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ต่างๆ ให้ และไฮไลต์ของงานนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นกับ ‘พานไหว้ครู’ ที่เหล่าเด็กๆ จะได้ร่วมมือกันโชว์ฝี และความคิดสร้างสรรค์ ในการสร้างพานอันสวยสดงดงาม (และที่สำคัญจะได้หยุดเรียนไปทำพานด้วย!!) แต่หลายๆ ครั้งก็มักจะมีเรื่องราวสนุกสนาน ฮาๆ ออกมาให้เราได้เห็นกันมากมายในโลกโซเชียล เมื่อพานที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำให้มันออกมาสวยงาม แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้…. เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันไหว้ครูเมื่อสองปีก่อน และขอบอกเลยว่ามันเป็นกระแสไวรัลที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านชื่อว่า Nuttha Inthanin ได้โพสต์ภาพและข้อความเล่าเรื่องพานไหว้ครู ที่ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นแบบนี้ แต่พอทำจริงๆ กลับได้มาอีกแบบแทน!? ในโพสต์แคปชั่นไว้ว่า “เพื่อนเป็นคุณครู…งานวันครูถือพานต้องมา เด็กต้องภูมิใจ ได้ถือพานถือเป็นเกียรติของวงศ์ตระกูล นั่นแหละฮะ..ท่านผู้ชม!!!!!!!!!! โคตรพีค” ตั้งใจจะทำรูปนกฮูก แต่สิ่งที่ได้คือออออออออออออ!!?? เด็กๆ ถึงกับผิดหวังเลยทีเดียว วงวารน้องงงงงงง เพื่อนถึงกับแนะนำว่าให้ไปจ้างทำเถอะ 555+ ผ่ามมมมมม!! นกฮูก (เหรอ!?) น่ารักมั้ยล่าาาาา?? ยังมีอันที่พีคกว่านี้อีก!! พอๆ กันเลยนะเนี่ยย…
-
มาดูกันว่า… นักเรียนของโรงเรียนรัฐฯ ยากจน ประเทศฝรั่งเศส จะได้ทานอะไรเป็นมื้อกลางวัน?
ในขณะที่เมืองไทยกำลังถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นอาหารกลางวัน ของเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ต่างก็ต้องได้รับการแก้ไขกันให้ตรงจุดต่อไป แต่ด้วยสภาพอาหารกลางวันของเด็กๆ นั้นก็ทำให้รู้สึกแย่ได้ไม่น้อย หากมองออกไปข้างนอก ณ ต่างแดน คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่า ถ้าหากเป็นโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล มีความขัดสนทางด้านการเงินบ้าง เด็กนักเรียนภายใต้การดูแลจะได้รับอาหารการกินเป็นอย่างไร เหมือนหรือแย่กว่าเด็กไทยรึเปล่า? ในช่วงหนึ่งของภาพยนตร์สารคดี Where to Invade Next บุกให้แหลก แหกตาดูโลก ที่ออกฉายไปเมื่อปี 2015 นั้น มีฉากที่เกี่ยวกับเรื่องของ ‘อาหารกลางวันของเด็กๆ’ ด้วย โดยที่โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจอันย่ำแย่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ไปนั้น เด็กๆ ได้กินแกะย่างกับไก่ราดคูสคูส Michael Moore ผู้กำกับและผู้ดำเนินสารคดี ได้พาไปดูสภาพของโรงอาหารในโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ซึ่งจะเห็นได้ว่า อาหารการกินนั้นดูดีมากๆ โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเบื้องหลังของอาหารเหล่านี้ ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม โรงเรียนรัฐบาลแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านของคนรวย มีเงินใช้เหลือเฟือ นั่นหมายความว่าจะเป็นกลุ่มของประชาชนที่ยากจนเสียส่วนใหญ่ ที่ส่งลูกมาเรียน ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่ยากจนที่สุด ตั้งอยู่ในเมืองยากจนที่สุดของประเทศฝรั่งเศส เชฟผู้รับผิดชอบมื้ออาหารกลาววันก็ยังใช้เงินซื้อวัตถุดิบน้อยกว่าโรงเรียนในสหรัฐฯ เสียอีก…
-
ผู้ปกครองเดือด! ครูทำโทษตัดผมลูกสาวแหว่งจนไม่น่าดู นี่หรือทรงผมที่โรงเรียนต้องการ!!?
ปกติแล้ว ทางโรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะมีกฎเรื่องของเครื่องแบบนักเรียนรวมไปถึง “ทรงผม” ของนักเรียนด้วย ซึ่งหากว่านักเรียนคนใดไม่ปฏิบัติตามก็อาจจะถูกทำโทษด้วยวิธีต่างๆ ได้ ใครเคยพบเจอมาก็คงรู้ดีว่าบางครั้งหากนักเรียนไว้ผมผิดระเบียบ ครูและอาจารย์ก็จะนำตัวเด็กนักเรียนไปทำโทษด้วยการ กล้อนผมหรืออาจจะตัดผมให้เลยก็เป็นได้ ซึ่งถ้าการลงโทษครั้งนั้นทำให้เด็กถูกระเบียบก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ จากโพสต์ของทางเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ได้เผยภาพนักเรียนหญิงที่ถูกคุณครูทำโทษด้วยการตัดผมท้ายทอยออก ทว่าการทำโทษครั้งนี้ดูจะเกินเหตุไปหน่อย . . . เมื่อพบว่า ผมของเด็กหญิงคนนี้ถูกคุณครูตัดเสียจนแหว่งจนดูไม่เรียบร้อย และดูเกินเหตุไปกว่าการทำให้เด็กนักเรียนมีทรงผมที่ถูกระเบียบ ทางผู้ปกครองเองก็ไม่พอใจอย่างมากหวั่นใจว่าเด็กจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีฝังใจ ถึงแม้ในโพสต์ต้นฉบับทางผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ถูกก้อนผมแจ้งว่าได้ไปเจรจากับทางโรงเรียนและคุณครูมาเรียบร้อย และก็ได้รับคำขอโทษมาแล้ว แต่ชาวเน็ตที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ต่างก็หัวเสียกันเป็นจำนวนมาก . บ้างก็ว่าคุณครูทำเกินเหตุ ผู้ปกครองและเด็กควรได้รับมากกว่าคำขอโทษ บ้างก็ว่าทรงผมนั้นไม่ได้กำหนดผลการเรียนของเด็ก บ้างก็ว่าเด็กหญิงคนนี้ดูไม่น่าเป็นเด็กเกเรทำไมคุณครูถึงไม่เจรจาดีๆ ก่อน ในขณะเดียวกัน บางคนก็เห็นต่างว่า ทรงผมนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลการเรียน เพียงแต่ว่าการลงโทษในครั้งนี้ถือเป็นการสอนให้เด็กรู้จักอยู่ในกฎระเบียบในสังคม ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอยู่เสมอ สำหรับเรื่องทรงผมนักเรียน อยากรู้เหมือนกันนะว่า ผู้อ่านทุกท่านคิดอย่างไรกันบ้าง? ที่มา: เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return via kapook
-
แม่ร้องทุกข์ ครูโรงเรียนดังตีลูกขาเป็นแผลแตก เหตุเพราะ ‘ใส่ถุงเท้าผิดระเบียบ’!?
เรื่องของการลงโทษการทำผิดกฎระเบียบในโรงเรียนนั้น กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมบ้านเรา ณ ขณะนี้ ว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือรุนแรงเกินไปหรือไม่ การลงโทษแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของใคร ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายๆ กรณี และเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อไปนี้เองก็เช่นกัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Natthaphong Tansiri ได้ทำการโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ไทยรัฐ แจ้งข่าว-คลิป บอกเล่าเรื่องราวของเด็กนักเรียนที่สวมถุงเท้าผิดกฎจนเป็นเหตุให้ถูกลงโทษ ในโพสต์ผู้ปกครองของเด็กเล่าว่า “ฝ่ายปกครองของโรงเรียนทำโทษนักเรียนที่ทำผิดกฎ ใส่ถุงเท้าผิดระเบียบ อยากถามครูว่าตีเพื่อสั่งสอน หรือเอาอารมณ์ของครูเป็นที่ตั้ง ถึงได้ตีแตกขนาดนี้ ตีน่ะตีได้ไม่ว่าหรอก แต่แตกขนาดนี้เกินกว่าเหตุรึเปล่าคะ?” เรื่องราวต่อไปนี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มีคนเข้ามากดไลก์ถึง 861 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 145 ครั้งเลยทีเดียว แต่ละคนก็ให้ความเห็นกันไปต่างๆ นานา บ้างก็เห็นด้วยกับการกระทำของครู “แต่ก่อนผมยิ่งถูกตีหนักกว่านี้แค่นี้จิ๊บๆ ถ้าไม่ตีเด็กไม่รู้จำหรอก” “5555 ดูเหตุที่ตีก่อน ดูอายุที่โดนด้วย คนโพสไม่ระบุ ตอนผม ม.3 โดนหนักกว่านี้อีก ผิดคือผิด แม่บอก” บ้างก็บอกว่าคุณครูทำเกินกว่าเหตุ “เกินเหตุแล้ว…
-
คุณครูผู้น่ารัก นั่งทำอาหารเช้าหน้าห้องเรียน มอบให้กับนักเรียนที่ไม่มีอาหารพกติดตัวมา…
เรื่องราวเล็กๆ อันน่าประทับใจของคุณครูชาวต่างชาติ ที่มักจะมองในจุดที่ขาดสำหรับนักเรียนอยู่เสมอ อย่างในเรื่องของมื้ออาหารสำคัญที่สุดของวัน นาย Johnston คุณครูวิชาภาษาอังกฤษของโรงเรียน Clear Springs High School รัฐเท็กซัส ต้องการให้ลูกศิษย์ของเขาสามารถสอบผ่านโครงการ AP English ให้ได้ เขาจึงมอบอาหารตอนเช้าด้วยแซนด์วิชแยมเนยถั่ว คุณครูนำโต๊ะมาตั้งกลางโถงทางเดิน และมอบแซนด์วิชให้กับลูกศิษย์ที่ไม่ได้พก หรือลืมนำอาหารเช้าติดตัวมาในวันสำคัญเช่นนี้ Hannah ลูกศิษย์ผู้เก็บภาพอันน่าประทับใจของคุณครูเอาไว้ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า… “คุณครู Johnston มักจะคอยให้ความช่วยเหลือลูกศิษย์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้ลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ ทั้งทางด้านวิชาการและด้านอื่นๆ ในเช้าวันนั้นเขาทำแซนด์วิชให้นักเรียนในตอนเช้าก่อนเข้าสอบ และผลการสอบในครั้งนี้จะสามารถนำไปเป็นหน่วยกิตสำหรับเข้าเรียนในระดับวิทยาลัยได้ แถมการสอบก็กินเวลานานและน่าเบื่ออีกต่างหาก …ก่อนที่จะเริ่มสอบตอน 7 โมงเช้า คุณครูก็ตั้งโต๊ะและเก้าอี้ มีขนมปังทั้งหมด 3 ชนิด เนยถั่วสูตรธรรมชาติ และแยมองุ่น แน่นอนว่าเขาล้างมือมาก่อนทำแซนด์วิชให้นักเรียนด้วย เขาตั้งใจทำให้นักเรียนก่อนเข้าห้องสอบจริงๆ แถมอาหารที่เขาทำก็มีสารอาหารและพลังงานเพียงพอที่จะช่วยให้ทำข้อสอบได้อย่างเต็มที่ …ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าบุคลากรทางการศึกษาจะใส่ใจกับลูกศิษย์ได้มากขนาดนี้ และบ่อยครั้งก็มักจะถูกมองข้ามไป ฉันรู้สึกยินดีกับคุณครู…
-
นักเรียนชั้นม.ต้น ของอังกฤษ ถูกส่งตัวกลับบ้าน เพราะ ‘ทรงผมไม่เรียบร้อย’!?
อย่างที่ใครหลายๆ คนรู้กันดีว่า ‘ประเทศอังกฤษ’ ถือเป็นประเทศที่มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม เป็นแบบเป็นแผน ไม่แตกต่างจากบ้านเราเท่าไหร่นัก จึงไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงมีเหตุการณ์ที่คล้ายกับในบ้านเราเกิดขึ้น อย่างเช่นเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ คุณแม่ Charlotte Healy ถึงกับงงหลังจากที่ลูกชายถูกส่งตัวกลับมาที่บ้านจากโรงเรียน Thomas More Language College ในเมืองเชลซี ประเทศอังกฤษ เพราะ ‘ทรงผม’ ของเขาไม่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ทรงผมของเขาก็ไม่ได้ฉูดฉาดจี๊ดจ๊าด แบบว่าทำโมฮอว์กพร้อมกับย้อมสีรุ้ง หรือตัดเป็นลายรูปหรรมส์ แต่อย่างใด แต่เพียงเพราะว่า Casey Healy ลูกชายวัย 14 ปีของเธอนั้นมีทรงผมที่ไม่ตรงกับระเบียบของทางโรงเรียนเท่านั้นเอง!! “ทรงผมของเขาก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกนะ ด้านข้างก็ไถเกรียน ส่วนด้านบนก็ยาวกว่าหน่อยนึง แต่เขากลับมาที่บ้าน ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น เขาไม่ควรถูกแยกออกมา” “เขากลับมาที่บ้านพร้อมกับความรู้สึกกังวลเกี่ยวกับทรงผม ทั้งๆ ที่ตลอด 3 ปี ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ เขาไปเข้าเรียนตรงเวลาตลอด” “Casey ยังไม่ได้ไปที่โรงเรียนในวันนี้ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาขาดเรียน ซึ่งเขาไม่ควรโดนกระทำแบบนี้ด้วยซ้ำ” คุณแม่เล่า…
-
มหากาพย์คุณพ่อหรรษากับทริปทัศนศึกษานรก อาสาคุมเด็ก 60 คน บอกเลยเอาไม่อยู่!!
ในวัยเรียนสมัยละอ่อนน้อย สิ่งที่ปรารถนาที่สุดสำหรับเด็กๆ ก็คือการได้ออกไปทัศนศึกษานอกโรงเรียน เหมือนกับการได้ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ พร้อมกับเพื่อนเสียมากกว่าการไปหาความรู้นอกสถานที่ ฮร่าาาา และเป็นที่รู้กันดีว่าเด็กน้อยที่ได้ออกมาข้างนอก มักจะลุกลี้ลุกลนซนยิ่งกว่าลิงค่าง ซึ่งชะตากรรมของคุณพ่อ Simon Smith รายนี้ ที่ดันตกปากรับอาสามาช่วยคุมลูกและเด็กๆ อีก 59 ชีวิตไปทัศนศึกษาครั้งนี้ คงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต ในช่วงก่อนที่จะเดินทาง คุณพ่อ Simon นั้นอาสาอยากจะช่วยคุมลูกสาวออกไปศึกษาหาความรู้ ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และจะต้องช่วยคุณครูคุมเด็กอีก 59 คน รวมทั้งห้องเป็น 60 คน เขาถึงกับต้องรายงานสดผ่านทวิตเตอร์ว่าสภาพอันทุลักทุเลตลอดทริปเป็นอย่างไร กว่าจะรอดชีวิตในวันนั้นมาได้ ถึงกับกราบใจคุณครูเลยทีเดียว… เริ่มต้นการรายงาน 8.40 น. ได้งานเสี่ยงตายมาแล้ว ห้ามถ่ายรูป และเรากำลังจะไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์!! 8.47 น. เด็กๆ กำลังไปเข้าห้องน้ำ ทั้งๆ ที่ดูแล้วไม่มีใครอยากเข้าเลย… กลับมารวมตัวแยกกลุ่ม โอเคมีเด็ก 6 คนที่ต้องรับผิดชอบ หนึ่งในนั้นเรียกผมว่า “Bruv”…
-
“น้องโต๋” เด็ก ป.4 สู้ชีวิต เลิกเรียนปั่นจักรยาน 10 กิโล ขายน้ำช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่
วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องเรียนหนังสือเพื่อหาความรู้ใส่ตัว แต่ยังมีอีกหลายคนที่ขาดโอกาสในการเรียนรู้ ฉะนั้นพวกเขาจะต้องมีความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวนัก เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของเด็กชายที่เรียนอยู่ชั้น ป.4 คนนี้ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Montree Thammakit ได้แชร์เรื่องราวของ ‘น้องโต๋’ เด็กชายที่เรียนอยู่ชั้น ป.4 ในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต แต่ชีวิตของน้องโต๋นั้นไม่ได้สบายเหมือนกับคนอื่น เพราะหลังเลิกเรียนน้องจะต้องปั่นจักรยานขายน้ำเป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ น้องบอกว่าขายก่อนหนึ่งรอบแล้วก็ปั่นกลับไปพักที่บ้าน พอตกตอนค่ำก็ค่อยขายใหม่อีกรอบ นอกจากนี้เจ้าของโพสต์ก็ได้เชิญชวนให้ชาวภูเก็ตที่ขับรถผ่าน หากเจอน้องก็ให้ช่วยอุดหนุนด้วย เรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย จนมีคนเข้ามากดไลก์ 6,800 ครั้ง และแชร์ไปอีกกว่า 9,150 ครั้งเลยทีเดียว ชาวเน็ตทั้งหลายพอได้เห็นเรื่องราวของน้องโต๋แล้วต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ชื่นชม แต่ก็แสดงเป็นห่วง “เก่งมากน้องโต๋..ระวังรถนะคะ” บางคนก็ชื่นชมในความสุภาพของน้อง “เก่งมากเลย พูดจาก็สุภาพ หน้าตาน่าเอ็นดู ระวังอุบัติเหตุด้วยนะครับ หาไฟมาติดท้ายจักรยานจะดีมากๆเลย” บางคนก็เสนอให้มีการแก้ปัญหาด้วยต้นเหตุคือฐานะพื้นฐาน เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กๆ ดีกว่านี้ “อยากให้ ฐานะพื้นฐานคนไทยเราดีกว่านี้ เด็กจะอยู่แบบเด็กๆ ที่ควรเป็น…
-
หนุ่มพยายามหยอดคำหวานเพื่อชนะใจ นร. สาวแลกเปลี่ยน งัดทุกคำที่รู้ออกมาใช้ให้หมด!!
ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยนะ แม้ว่าการที่จะพยายามเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม หากเรามีความรู้สึกดีๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่าย ต่อให้เป็นการใช้ภาษาต่างประเทศก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการฝึกฝนเช่นกัน อย่างนักเรียนชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ต้องการจะใช้ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้เกิดประโยชน์ เพื่อหยอดคำหวานเกี้ยวสาวนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันที่มาอยู่ในคลาสเดียวกัน ฮร่าาาา เรื่องราวของ Carolin Marie ยูทูบเบอร์ ช่างภาพ และนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันวัย 18 ปี ได้มีโอกาสแวะไปในห้องเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น และแนะนำตัวให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้รู้จัก ซึ่งก็จะมีช่วงเวลาที่ให้เพื่อนๆ ได้ถามคำถามเธอด้วย แต่แล้วก็มีนักเรียนชายผู้กล้า ลุกขึ้นถามเธอในสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ใช้วิถีความเซียนในการเนียนจีบเธอแบบน่ารักสุดๆ “ผมขอถามคุณหน่อยได้มั้ย?” เขาเริ่มต้นบทสนทนา และเธอก็ตอบ “ได้สิ” จากนั้นก็เริ่มด้วยการบอกว่า “เนี่ย มีคนดีๆ อยู่นะ” พร้อมกับชี้ไปที่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนที่จะชี้กลับมาที่ตัวเองว่า “โดยเฉพาะตัวผม” แหม๊… หมอนี่มันร้ายกาจจริงๆ “แล้วถ้าคุณมีแฟนในห้องนี้ คนไหนจะเหมาะสมที่สุด?” . ด้วยความเขินก็ทำได้แค่เพียงบอกว่า “ทุกคนน่ารักมากๆ เลย ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเม้นท์น่ารักๆ จากประเทศญี่ปุ่น…
-
เหล่านักเรียนร่วมแรงร่วมใจเหวี่ยง จนกลายเป็นการ “กระโดดเชือก” พร้อมกัน 120 เส้น!!
การออกกำลังกายด้วยการ กระโดดเชือก เป็นทั้งเรื่องง่ายและเรื่องยากสำหรับแต่ละคน เพราะใช่ว่าเราจะมีทักษะในด้านนี้ติดตัวกันมาตั้งแต่แรก หากแต่มันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและการจับจังหวะของการกระโดดให้ดี ในขณะที่หลายๆ คนยังคิดว่าการกระโดดเชือกเป็นเรื่องยากอยู่ แต่สำหรับนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาโดยตลอด จนทำให้สามารถกระโดดหลบเชือกที่เหวี่ยงมาพร้อมกันถึง 120 เส้นได้เลยทีเดียว เด็กหนุ่มทำการกระโดดเชือกกว่า 120 เส้น ที่เพื่อนๆ เป็นคนเหวี่ยง นี่คือผลงานของโรงเรียนมัธยม Huaying ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ในวันที่ 13 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนจำนวน 240 คนร่วมกันเหวี่ยงเชือกจำนวน 240 เส้น โดยมีนักเรียนคนหนึ่งเป็นคนกระโดดหลบเชือกเหล่านั้น เด็กหนุ่มสวมหมวกนิรภัยพร้อมกับทำการกระโดดเชือก 120 เส้นได้มากถึง 158 ครั้ง ซึ่งในตอนแรกนักเรียนตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้ 200 ครั้ง และก่อนหน้านี้ในตอนที่ซ้อมกันก็ได้มากถึง 187 ครั้ง คลิปการกระโดดเชือก 120 เส้น คนโดดว่าเก่งแล้ว คนเหวี่ยงนี่เผลอๆ อาจจะยิ่งกว่า Shi Kaihong คุณครูพละศึกษาของโรงเรียน…
-
20 ภาพความเกรียน ของเหล่านักเรียนสุดแสบ ที่โหดมันฮาแสบซ่าไม่บันยะบันยังจริงๆ
โรงเรียนกับความเกรียน ห่างกันแค่เพียงนิดเดียว เด็กในวัยเรียนนั้นมักที่จะมีระบบความคิดที่กำลังอยากท้าทายสิ่งใหม่ๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจะเห็นเด็กๆ ในวัยเรียนทำอะไรที่แหกคอก แสบ และฮาสุดๆ ออกมาอยู่บ่อยๆ เหมือนกับเหล่าเด็กๆ ต่อไปนี้ ที่ไม่ใช่แค่แสบไม่บันยะบันยัง แต่กันเกรียนเทพจนอยากให้รางวัล InwZa555 กันเลยทีเดียว เด็กหนุ่มผู้โดนกักบริเวณเพราะ ขว้างโคมไฟใส่นักเรียนอีกคน และบอกว่าเอาหลอดไฟไปจะได้หายสมองทึบ เมื่อครูบอกให้ส่งงานย้อนหลัง บอกให้ขยายสมการก็ขยายให้แล้วไง ผิดตรงไหน อันนี้อาจจะได้คะแนนเต็มนะ… ถ้ามันเป็นวิชาภาษาไทย จะเป็นเซนติเมตรให้เป็นเมตรต้องทำอย่างไร ลบคำว่าเซนติออก ผมเอาลูกโป่งใส่ในเสื้อฮู้ด แล้วอาจารย์ก็คิดว่ามันเป็นนักเรียนจริงๆ แถมให้งานมาทำด้วยนะ โรงเรียนนี้ท่าทางจะหนักหนาแล้ว ทรงที่ท่านไม่ต้องการ คืองานของเรา Jakie นายจะลบโจทย์ที่ตอบไม่ได้ออกด้วยลิควิดไม่ได้นะ บางทีก็ไม่มั่นใจว่าเราหลับไปนาน หรืออาจารย์แกเขียนด้วยความเร็วแสงกันแน่ จงอธิบายสถานการณ์ที่คนเราแบ่งบันอะไรบางอย่างและทุกคนได้รับประโยชน์ ลัทธิคอมมิวนิสต์ แบบนี้ก็ได้เหรอ จะปลอมลายเซ็นแม่ก็เอาให้มันเนียนๆ หน่อย ถ้าจะลำบากขนาดนั้น ตรูยอมเปียกก็ได้ เขาให้ใส่เครื่องหมาย…
-
ปรับนานแล้ว? เปิดกฎกระทรวงฉบับปี 2515 ระบุชัด นักเรียนชายไม่ต้องตัด “ผมเกรียน”
ภาพของเด็กนักเรียนมัธยมที่มีทรงผมสั้นติ่งหู หรือผมเกรียน หรือการลงโทษเด็กที่ผมยาวจนถูกปัตตาเลี่ยนไถหัวจนกลายเป็นทรงแหว่งๆ ยังคงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในสังคมไทยเรา เนื่องจากมันเป็นกฎที่หลายๆ โรงเรียนตั้งเอาไว้เพื่อใช้ควบคุมการแต่งกายของเด็กนักเรียนให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีคำบอกเล่าจากเหล่าครูบาอาจารย์บางคนอีกว่าการไว้ผมเกรียนนั้น ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหาบนหัวนั่นเอง อีกทั้งเกรงว่าเด็กๆ จะทำทรงผมแบบแปลกประหลาดจนเกิดการเลียนแบบไปทั่ว ทำให้การไว้ผมสั้นยังคงถูกบังคับใช้ในโรงเรียนส่วนใหญ่ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราเริ่มจะได้เห็นการออกมาเคลื่อนไหวของเด็กรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการเรียกร้องเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบตรงนี้เสียใหม่ หรือให้มีการเปิดเสรีเกี่ยวกับทรงผม เนื่องจากมองว่าการบังคับให้เหล่านักเรียนตัดผมสั้นถึงติ่งหูหรือสั้นเกรียนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานเกินไป หนึ่งในนั้นที่บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาคือนาย เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ที่เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้วกับเว็บไซต์ประชาไท โดยบางช่วงบางตอนของบทสัมภาษณ์นั้นเนติวิทย์กล่าวว่า “เรื่องทรงผมไม่ใช่ว่าได้รองทรงแล้วจะจบ เราจะเรียกร้องไปถึงที่สุดเลยครับ คือจำเป็นเลยที่จะต้องยกเลิกกฎระเบียบเรื่องทรงผม” “เพราะว่าผมเชื่อเลยครับถ้าสมัยก่อนเขาให้รองทรง นักเรียนก็ต้องต่อสู้อยู่ดี ก็ต้องเรียกร้องสิ่งที่มากกว่า ไม่มีใครหรอกครับที่จะต้องการโดนจำกัดเสรีภาพ และเสรีภาพที่ทางกระทรวง (ศึกษาธิการ) ให้ เป็นเสรีภาพจอมปลอมเท่านั้นเอง ทำให้เราหลงเชื่อว่าเรามีอิสรภาพ มีเสรีภาพแล้ว เสรีภาพที่แท้จริง ต้องไม่ควบคุมกันครับ นี่เป็นสิ่งที่เราเรียกร้องไปให้ถึงที่สุด” ย้อนกลับไปในปี 2556 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้เคยออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของทรงผมนักเรียนที่เคยออกไว้ตั้งแต่ 22 เมษายน 2515 หรือราวๆ 46 ปีที่แล้ว โดยในกฎดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า 1. นักเรียนชายไว้ผมยาว…
-
แนะนำ 18 ทรงผมสุดเฟี้ยวสำหรับ “นักเรียนชาย” เผื่อวันหนึ่งไม่ต้องหัวเกรียนแล้ว…
ไหนๆ ตอนนี้ เรื่องของ “ทรงผม” ก็กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างร้อนระอุุ โดยเฉพาะทรงผมของนักเรียนที่ผู้คนต่างมีความคิดเห็นแย้งกันว่า ควรมีการบังคับทรงผมสำหรับนักเรียนหรือไม่ โดยเฉพาะนักเรียนชาย ที่หากว่าไม่มีการบังคับเรื่องของทรงผมแล้ว พวกเขาจะดูแปลกตาไปโดยสิ้นเชิง เพราะปกติโรงเรียนส่วนใหญ่จะบังคับให้นักเรียนชายตัดผมอยู่ทรงเดียว นั่นก็คือ… “ทรงนักเรียน” แบบด้านล่างนี้ อื้อหืม ไม่ไหวแล้ว คันมือออ ห้ามที!! สมมติว่าสุดท้ายแล้ว นักเรียนไทยไม่จำเป็นต้องตัดผมทรงนักเรียนอีก แล้วพวกเขาจะตัดผมทรงอะไรล่ะ ปล่อยผมรุงรังไปโรงเรียนงั้นเหรอ หรือว่าทำผมทรงตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบไปดีล่ะ? เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วันนี้ #เหมียวโลลิ จะขอถือโอกาสนำเสนอทรงผม 18 แบบสำหรับผู้ชาย ต้อนรับกระแสทรงผมนักเรียนกันหน่อย บทความนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการเลือกทรงผมสำหรับผู้ชายทุกวัย (ยกเว้นเด็กนักเรียนหัวเกรียน) จะมีทรงอะไรบ้างไปดูกันเลย… 1. ทรงยุ่งแบบธรรมชาติ (ใช้โพเมดแต่งนิดหน่อยขณะผมแห้ง) 2. ปัดข้างอย่างเรียบร้อย 3. หวีเสย (ผมสั้น) 4. หวีเสย (ผมยาว) 5. ป้ายข้างนิดหน่อย ให้ผมพอปรกหน้าผาก …
-
เมื่อชาวเน็ตขอให้หนุ่มน้อย “วาดรูปโปรไฟล์” ให้หน่อย เป็นมหกรรมความ “ฮา” ซะงั้น
เมื่อเราขอให้ใครวาดรูปให้ โดยเฉพาะเป็นรูปใบหน้าของเราด้วยแล้ว เรายิ่งคาดหวังให้มันออกมาละเอียดสวยงาม แต่ว่านักเรียนหนุ่มจากเท็กซัสคนหนึ่งถูกชาวเน็ตขอให้วาดรูปใบหน้าให้มากมายเนื่องด้วยฝีไม้ลายมืออันเป็น….อืม เอกลักษณ์มากๆ ของเขา บนโลก ทวิตเตอร์ นักเรียนหนุ่นคนนี้ได้โพสต์ว่า “กรุณากดถูกใจหรือว่ากดรีทวิตโพสต์นี้ หากใครต้องการให้เขาวาดรูปโปรไฟล์ให้” เท่านั้นแหละ มหกรรมความ “ฮา” ก็บังเกิดขึ้น ชาวเน็ตนับพันต่างเข้ามาให้นักเรียนหนุ่มคนนี้วาดรูปโปรไฟล์ให้พวกเขา ปัจจุบันวาดไปได้แค่ร้อยกว่ารูป ยังเหลือคำขออีกนับพันที่ยังไม่ได้วาดอีกด้วย เอาล่ะ วันนี้เราจะขอนำตัวอย่าง ภาพวาดโปรไฟล์สุดฮา ฝีมือหนุ่มน้อยคนนี้ มาให้ชมกัน ไปดูกันเลยว่ามันจะฮาขนาดไหน แล้วทำไมถึงได้มีคนไปขอให้เขาวาดมากมายเหลือเกิน… 1. เฮ้ เหมือนอยู่นะเนี่ย 2. โห… กล้ามใหญ่ดีจริงจริ๊งงง 3. ดูจะเน้นที่โครงหน้าเอามากๆ เลยนะเนี่ย 4. เจ๋งงง 5. เฮ้ยยย หูใหญ่ไปมั้ยล่ะ!!! 6. คนหรือยีราฟ!? 7. องค์ประกอบมันได้ 8. ทำได้ดีเลยสำหรับภาพนี้ 9.…
-
นักเรียนชาวอังกฤษถูกอาจารย์สั่งให้ไปย้อมสี ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ผมสีส้มไม่ใช่สีผมธรรมชาติ’
เหตุการณ์สุดงงที่เล่นเอาผู้ปกครองชาวอังกฤษถึงกับหัวร้อน หลังเธอได้รับแจ้งว่าอาจารย์ที่โรงเรียนของลูกเธอสั่งให้ลูกสาวไปย้อมผมเป็นสีดำ ทั้งที่เดิมทีลูกสาวนั้นเป็นคนที่มีผมสีส้มมาโดยธรรมชาติแต่กลับบอกว่ามันไม่ธรรมชาติ!? Nicola Lane คุณแม่วัย 31 ปีเล่าว่าลูกสาวของเธอ Paris วัย 12 ขวบ ถูกอาจารย์จากโรงเรียน Kearsley Academy ในเมืองโบลตัน ประเทศอังกฤษ เดินมาบอกให้ลูกสาวเปลี่ยนสีผมกลับให้ไวที่สุด โดยลูกสาวเล่าว่า ตนเองนั้นกำลังเดินไปเรียนตามปกติแต่กระทั่งเธอก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านหลังเป็นอาจารย์ชายท่านหนึ่ง อาจารย์คนดังกล่าวพูดกับ Paris ว่า “นี่เธอ! เธอจะต้องไปย้อมสีผมกลับนะ สีส้มมันไม่ใช่สีธรรมชาติ” ซึ่งจุดนั้นทิ้งไว้แต่ความสงสัยว่าสีผมธรรมชาติที่เป็นสีส้มของเธอมันมีปัญหาอะไรกัน เพราะนอกจากตัวอาจารย์แล้ว เธอยังมักจะถูกล้อจากเพื่อนในชั้นเรียนเกี่ยวกับสีผมของเธอด้วย Nicola ผู้เป็นแม่ได้เล่าเสริมว่า เธอนั้นได้ไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ของทางโรงเรียนแล้วว่า ผมสีส้มของลูกสาวเธอนั้นเป็นสีธรรมชาติ แน่นอนว่าเธอกับลูกสาวไม่มีปัญหาเรื่องการถูกสั่งย้อมสี แต่เธอไม่เข้าใจว่าการที่เกิดมาแล้วมีผมสีส้มมันเป็นปัญหาอะไรมากมาย เพราะทุกวันนี้ลูกสาวของเธอนั้นถูกล้อเพราะสีผมของเธอตลอดเวลามันไม่สนุกเลย ด้านเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนก็บอกว่า พวกเขาจะคุยกับหนูน้อย Paris เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน แต่ว่าเวลาผ่านไปก็ไม่มีการพูดคุยอะไรเกิดขึ้น และแม้ตัวโฆษกของโรงเรียนจะออกมาบอกว่า พวกเขาให้ความสำคัญการพัฒนาความสัมพันธ์กับเด็กๆ และสภาพแวดล้อมขนาดไหนก็ตามจนเกิดเป็นคำถามในสังคมว่า เร่ื่องราวแบบนี้มันจะต้องเกิดขึ้นต่อไปอีกนานแค่ไหนและยิ่งกับเด็กๆ ด้วยแล้วมันจะไม่กลายเป็นปัญหาใหญ่ไปกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ ที่มา unilad, dailymail
-
เด็กอึ้งครึ่งโรงเรียน หลังพบว่าครูคณิตฯ ในโรงเรียนนั้นเป็น “ดาราหนังโป๊ดาวรุ่ง”
จินตนาการไม่ออกเลยว่า เด็กๆ ในโรงเรียนจะอึ้งกันขนาดไหน เมื่อพวกเขาพบว่า คุณครูสอนคณิตศาสตร์ของพวกเขาเป็นดาราหนังโป๊!? เมื่อเด็กนักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งพบว่า Scott Sherwood ครูสอนคณิตศาสตร์วัย 50 ปีของพวกเขา แอบไปเป็นดาราหนังโป๊ Scott มีภาพถ่ายวาบหวิวออกมามากมาย อีกทั้งยังมีการแสดงหนังอย่างว่าด้วยฉายา Aaron Cage อีกด้วย เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งได้เข้าพบวิดีโอของ Aaron Cage ในเว็บไซต์ยูทูบ และเธอก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า “ชายคนนี้เป็นครูสอนคณิตฯ ของฉัน ชื่อจริงๆ ของเขาคือ Scott Sherwood กลัวแล้ววว” โรงเรียน Peacehaven ในเมือง Peacehaven มณฑล East Sussex ประเทศอังกฤษ หลังจากที่ Scott ออกมายอมรับว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น เด็กๆ ในโรงเรียนก็เริ่มเผยแพร่ภาพวาบหวิวของคุณครูคณิตศาสตร์ท่านนี้กันอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งฝ่ายผู้ปกครองนักเรียนเริ่มพากันเป็นกังวล เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตัวของ Scott เองก็ไม่ได้มาทำงานเลยตั้งแต่มีข้อกล่าวหานี้เกิดขึ้น ผู้เป็นแม่ของนักเรียนรายหนึ่งกล่าวว่า โรงเรียนห้ามนักเรียนในการพูดถึงเรื่องครูสอนคณิตฯ…
-
หวังอะไรกันอยู่!? 3 นักเรียนหญิงญี่ปุ่นโดนรวบ เนื่องจากเสนอให้จับหน้าอกฟรีในที่สาธารณะ
การตลาดที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะมีกลวิธีเด็ดๆ ในการดึงดูดลูกค้าเสมอ ซึ่งกลวิธีที่ส่วนใหญ่มักใช้ได้ผลคือการแจกของฟรี และอีกวิธีหนึ่งก็คือการใช้ความเซ็กซี่เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งก็มีกลุ่มคนจำนวน 5 คน ที่มีนักเรียนหญิง 3 คนรวมอยู่ในนั้นด้วย ได้นำทั้งสองวิธีมารวมกันโดยการเสนอให้จับหน้าอกฟรี ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม เด็กนักเรียนหญิงมัธยมปลายอายุ 16 ปี ทำการสร้างจุดสนใจให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ในละแวกสถานีรถไฟชิบูยะ ใกล้กับรูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ โดยแต่งตัวชุดบันนี่เกิร์ล พร้อมถือป้ายที่เขียนข้อความว่า “จับหน้าอกฟรี” และพูดกับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณนั้นว่า “จับหน้าอกของพวกเราได้ตามต้องการ” ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่สนใจข้อเสนอของเด็กนักเรียนเหล่านั้น แต่ทางสำนักงานตำรวจของโตเกียวนั้นรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก หลังจากสำนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษด้านความปลอดภัยชุมชน ได้มีการตรวจสอบประวัติของเด็กนักเรียนทั้ง 3 คน รวมไปถึงเด็กนักเรียนชายวัย 18 ปีและ 23 ปี ที่เป็นคนถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอ พวกเขาทั้งหมดนั้นโดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งที่ก่อให้เกิดความรำคาญหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับสาธารณะ แต่เนื่องจากไม่ได้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงิน จึงไม่สามารถตั้งข้อหาค้าประเวณีได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์… ชุดบันนี่เกิร์ลกับป้ายที่เขียนข้อความว่า “จับหน้าอกฟรี“ จากการสืบสวนพบว่าเด็กนักเรียนหญิงทั้ง 3 คนนั้น…
-
ครูสาววัย 26 ปี ถูกจับฐานส่งภาพนู้ดให้ลูกศิษย์ พร้อมเลี้ยงต้อยด้วยสมุนไพรมหัศจรรย์…
เป็นเรื่องเป็นราวที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ไม่น้อยเลย เมื่อกล่าวถึงคุณครูผู้มีหน้าที่บ่มเพาะสั่งสอนนักเรียนให้มีความรู้ตามระบบการศึกษา แต่ทว่าในกรณีนี้กลับเลยเถิดไปไกลกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก… เมื่อวันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 เว็บไซต์ Fox News และ Dailymail ได้รายงานข่าวการจับกุมตัวคุณครูสาว Stephanie Peterson วัย 26 ปี ในเมือง New Smyrna Beach รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา Stephanie Peterson วัย 26 ปี อดีตคุณครูสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมต้น โดยที่ต้นเหตุของเบาะแสของการเข้าจับกุมนั้น เริ่มต้นมาจากที่ลูกศิษย์ชั้นเกรด 8 (เทียบเท่าชั้น ม.2) ได้สารภาพกับพ่อแม่ว่าคุณครูสาวรายนี้จะแวะมารับที่บ้านช่วงเวลา 23.00 น. เป็นประจำ และจะใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบส่วนตัวร่วมชั่วโมง ก่อนจะส่งกลับบ้านในช่วงเวลา 01.00 น. หรือ 02.00 น. และนอกเหนือจากนั้น เธอก็ได้ส่งรูปภาพนู้ดของเธอเองให้กับลูกศิษย์ พร้อมกับจะส่งกัญชาให้เขาได้นำไปใช้เสพอีกด้วย ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงเอาไว้ว่า คุณครูวิทยาศาสตร์สาวรายนี้เริ่มมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017…
-
ดีไซน์เนอร์สาวออกแบบเสื้อผ้าจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงผิวสี
การออกแบบเสื้อผ้าดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ยากและไกลตัวพวกเราไปสักหน่อยนะว่าไหม!? แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบและมีความสนใจทางด้านนี้ล่ะก็ กิจกรรมที่ว่านี้อาจจะเปรียบเหมือนกับงานอดิเรกของคุณเลยก็ว่าได้ แถมเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างเครื่องพิมพ์สามมิติ ยังช่วยให้คุณสามารถสร้างชุดที่ออกแบบขึ้นมาได้ด้วยตัวเองอีกด้วย และ Shami Oshun สาวน้อยวัย 18 ปีจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้นี้เองก็ได้ใช้ความสามารถทางด้านการออกแบบ และเครื่องพิมพ์ 3 มิติ สร้างชุดสวยๆ ด้วยตัวเธอเอง!! Oshun เริ่มต้นการสร้างเสื้อผ้าที่เธอออกแบบด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติเมื่อประมาณปี 2017 ที่ผ่านมา เธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอเริ่มใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ หลังจากที่พบว่างานออกแบบของเธอนั้นไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยผ้า “เมื่อตอนที่ฉันรู้จักเครื่องพิมพ์สามมิติครั้งแรก มันเปิดโลกของฉันมากๆ มันทำให้สิ่งใหม่ๆ ในโลกสามารถเกิดขึ้นได้” หญิงสาวให้สัมภาษณ์กับ BuzzFeed หญิงสาวเล่าว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอคือคนที่ทำให้เธอรู้จักกับเครื่องพิมพ์สามมิติ และให้ความช่วยเหลือเธอในการทำงาน โดยผลงานการออกแบบของเธอนั้นมาจากสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง ธรรมชาติ และความทรงจำในวัยเด็กของเธอ Oshun อยากจะให้ผลงานการออกแบบของเธอได้รับการยอมรับมากขึ้น และดีไซน์เนอร์สาวหวังว่าการออกแบบเสื้อผ้าของเธอนั้นจะได้รับความสนใจจากแบรนด์แฟชั่นใหญ่ๆ นอกจากนี้เธอเองยังหวังอีกว่า ผลงานของเธอและความสามารถในการออกแบบเสื้อผ้านี้ จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงผิวสีคนอื่นๆ ได้ “ฉันเริ่มเรียนรู้การใช้เครื่องพิมพ์สามมิติด้วยตัวเองเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา และในทุกวันนี้ฉันคือเด็กหญิงผิวสีคนแรกที่ใช้เครื่องพิมพ์สามมิติสร้างผลงานแฟชั่น ฉันหวังว่าสิ่งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงผิวสีคนอื่นๆ ที่มีความมุ่งมั่นในด้านแฟชั่นและเทคโนโลยี #BlackHistoryMonth” ข้อความจากทวิตเตอร์ของ Oshun …
-
นร. เชื้อสายเอเชียถูกจับกุมตัว หลังนำปืนบรรจุกระสุนและมีด ติดตัวไปโรงเรียนด้วย…
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่และเป็นที่เป็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวนั่นก็คือข่าวการกราดยิงที่โรงเรียนมัธยม Marjory Stoneman Douglas เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 รายด้วยกัน และเพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนาย Alwin Chen เด็กนักเรียนชายชาวเอเชียรายหนึ่ง จากโรงเรียนมัธยม Clarksburg รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากพบว่าเด็กหนุ่มคนดังกล่าวได้พกปืนพร้อมลูกกระสุนขนาด 9 มม. ไว้ในกระเป๋าเป้ พร้อมกับมีดพกที่กระเป๋าเสื้อด้านหน้าของเขา นาย Alwin Chen เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ผู้ต้องหา เด็กหนุ่มคนดังกล่าวถูกควบคุมตัวเมื่อประมาณบ่าย 2 โมงของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา โดยทางด้านเจ้าหน้าตำรวจที่ได้รับแจ้งจากหน่วยรักษาความปลอดภัยของทางโรงเรียนว่านาย Chen นั้นอาจจะพกพาอาวุธปืนมาโรงเรียน หลังจากที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่พาตัวเด็กหนุ่มออกจากชั้นเรียน ก่อนที่เขาจะยอมรับว่ามีปืนสั้นขนาด 9 มม. ที่บรรจุกระสุนเรียบร้อยอยู่ในกระเป๋าเป้ และมีดพกอีก 1 ด้ามที่กระเป๋าเสื้อด้านหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวเด็กหนุ่มพร้อมกับตั้งข้อหา 3 ข้อหาด้วยกันคือ มีอาวุธปืนในครอบครอง ครอบครองอาวุธปืนในขณะที่อายุไม่ถึง 21 ปี…
-
โค้ชทีมฟุตบอลเอาตัวเข้าบัง เพื่อช่วยชีวิตเด็กนักเรียนจากเหตุกราดยิงในฟลอริด้า
ในวันวาเลนไทน์ที่เพิ่งผ่านมานี้มีเรื่องสะเทือนใจเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อดีตนักเรียน Nikolas Cruz ก่อเหตุใช้ปืนไรเฟิล AR-15 ยิงกราดในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School รัฐฟลอริด้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย ผู้เสียชีวิตไม่ได้มีแต่นักเรียนเท่านั้น แม้แต่คุณครูภายในโรงเรียนก็กลายเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นเองก็มีโค้ช Aaron Feis รวมอยู่ด้วย Aaron Feis ผู้เป็นทั้งโค้ชและผู้รักษาความปลอดภัย Feis เป็นโค้ชทีมฟุตบอลและผู้รักษาความปลอดภัยภายในโรงเรียน และเขาเองก็ถูกยิงในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน แต่จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ เขาไม่ได้ถูกยิง แต่ตั้งใจเอาตัวเองเข้าไปบังกระสุนปืนให้นักเรียนต่างหาก โดยขณะที่นักเรียนคนหนึ่งกำลังหนีจากหนุ่มที่ถือปืน เขาเห็นว่านักเรียนคนนั้นไม่สามารถหนีพ้นวิถีของปืนได้แน่ๆ ก็เลยใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อให้นักเรียนสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ตัวเขาเองนั้นต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่การเสียสละตัวเองของเขาได้เผยแพร่ออกไป คนจำนวนมากก็ทวีตเพื่อสรรเสริญถึงความดีและระลึกถึงการจากไปของเขา นี่คือโฉมหน้าของโค้ช Aaron Feis วีรบุรุษที่บาดเจ็บจากการเข้าปกป้องนักเรียนในเหตุยิงปืน เขาเป็นที่รักของนักเรียนที่รู้จักเขาทุกคน ขอให้ทุกคนช่วยส่งกำลังใจไปให้เขาด้วย โค้ช Aaron Feis เป็นคอยปกป้องผู้อื่นเสมอมา วันนี้เขาได้เสียสละร่างกายของตัวเองเพื่อปกป้องนักเรียน มันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากในการเผชิญหน้ากับมือปืนที่บ้าคลั่ง โค้ช Feis เป็นวีรบุรุษอเมริกัน แทนที่จะพูดถึงมือปืน เรามาให้เกียรติวีรบุรุษ…
-
ไทม์ไลน์อดีตนักเรียนใจเหี้ยม บุกยิงกราดในโรงเรียนฟลอริดา เสียชีวิต 17 บาดเจ็บอีก 50 ราย…
เกิดเหตุน่าสลดเมื่ออดีตนักเรียนหนุ่มพกอาวุธปืนและระเบิดควัน บุกเข้าไปในโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 หลังจากหน่วย SWAT เข้าควบคุมเหตุการณ์ได้แล้ว ผลประเมินความเสียหายมีผู้เสียชีวิต 17 คน บาดเจ็บอีก 50 คน เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 14.25 น. โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย นักเรียนในโรงเรียนได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น นักเรียนจึงเดินออกจากห้องเรียนไปยังจุดรวมตัวตามที่ได้ฝึกซ้อมมา แต่กลับพบว่ามีคนเข้ามากราดยิงปืนในทางเดิน และไล่เข้าไปยิงนักเรียนในห้องเรียนอื่นๆ นักเรียนบางส่วนเข้ามาหลบภัยในห้องเรียน นักเรียนบางส่วนถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือก็วิ่งหนีกันแบบไม่คิดชีวิต นักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามาซ่อนตัวภายในห้องเรียน บางคนก็เข้าไปซ่อนตัวในตู้ และอีกส่วนหนึ่งก็วิ่งหนีออกไปนอกโรงเรียนได้ทันเวลา แต่พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงยิงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนตื่นกลัวอย่างมาก นักเรียนจำนวนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนเริ่มติดต่อกับภายนอกผ่านทางการโทรศัพท์และทางโซเชียลมีเดียเพื่อให้ตนเองรู้สึกสบายใจ บ้างก็โพสต์ในทวิตเตอร์ และอีกส่วนก็ส่งข้อความคุยกับทางบ้านของตัวเอง นักเรียนอีกส่วนหนึ่งวิ่งหนีออกไปข้างนอกโรงเรียนได้ นักเรียนส่วนมากที่ติดอยู่ภายในโรงเรียนพยายามติดต่อโลกภายนอกผ่านทางโซเชียลมีเดีย นักเรียนคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ในห้องเรียนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตอนนั้นเอาไว้ จะเห็นได้ว่านักเรียนต่างก็หวาดกลัวจึงหมอบลงต่ำเพื่อหลบผู้ก่อเหตุร้าย แต่ก็ยังคงมีเสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่ในสนามรบอยู่ตลอดเวลา คลิปวิดีโอจากนักเรียนที่ติดอยู่ในโรงเรียน (หากชมคลิปวิดีโอไม่ได้ คลิกที่นี่) JUST IN…
-
กล้องวงจรปิดจับภาพศาสตราจารย์พยายามจูบหญิงสาวถึงสามครั้ง แถมทำในห้องเรียนด้วย
หนึ่งในเรื่องสุดฉาวบนโลกอินเตอร์ขณะนี้ เมื่อมีการเผยแพร่ภาพจากกล้อวงจรปิดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งในภาพนั้นเป็นภาพของอาจารย์ที่พยายามจะขืนใจนักเรียนของตัวเองด้วยการจูบ จนตอนนี้เรื่องดังกล่าวถูกพูดถึงกันหนาหูมากๆ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย Gabriel René Moreno University ในประเทศโบลิเวีย โดยในภาพนั้นเราจะเห็นว่านักเรียนหญิงกำลังตั้งใจอยู่กับการทำงานตรงหน้าและไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเท่าไหร่นัก จนกระทั่งตัวอาจารย์คนดังกล่าวที่มายืนอยู่ข้างๆ สังเกตแล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ และตัวนักเรียนก็ไม่ได้ระวังตัวด้วย เขาจึงจัดการใช้กำลังจับผมของหญิงสาวและจูบเธอทันที ตัวนักเรียนนั้นรีบพลักอาจารย์คนดังกล่าวออกทันทีด้วยท่าทางที่ดูแล้วอึดอัด ซึ่งทั้งคู่เหมือนจะมีการพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งซึ่งเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน จนกระทั่งอาจารย์คนดังกล่าวก็ทำการจูบนักเรียนคนเดิมอีกครั้งหนึ่ง หลังจากการจูบครั้งที่สอง เธอก็ยังคงปฎิเสธอาจารย์คนดังกล่าวเช่นครั้งแรก เพียงแต่ในครั้งนี้อาจารย์คนดังกล่าวได้หยิบกระเป๋าเงินออกมาพร้อมมอบเงินจำนวนหนึ่งให้ นักเรียนสาวได้ทำท่าเหมือนปาดน้ำตาหนึ่งทีและเธอก็รับเงินนั้นมา ซึ่งคาดว่ารับเพราะอาจจะทำให้อาจารย์คนนี้เดินจากไปเสียทีนั่นเอง… ปัญหามันติดตรงที่อาจารย์คนดังกล่าวไม่ได้เดินไปทันที เขากลับเลือกที่จะบังคับนักเรียนสาวให้จูบกันตนเป็นครั้งที่สามก่อนจะเดินจากไป หลังจากภาพเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวเน็ตก็มีกระแสตอบรับกลับมามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนจะเป็นการด่าทออาจารย์คนดังกล่าวว่าการกระทำของเขานั้นมันแย่มากๆ แถมด้วยตำแหน่งงานของเขาก็ไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ ซึ่งหลายคนก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตจะไม่มีภาพเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีกนั่นเอง เราควรจะจับตัวนายคนนี้ก่อนที่เขาจะข่มขืนแล้วจ่ายค่าตัวเธอนะ อาจารย์คนดังกล่าวควรจะถูกจับขังลืมไว้ในคุกซะ!! ตัดไข่ของเขาเหอะ ที่มา koreaboo
-
คุณครูเข้าถึงนักเรียน พยายามหาทางแก้ไขปัญหา ด้วยการใช้ ROV เป็นสื่อกลาง ที่สำคัญมันได้ผล!!
ถ้าให้พูดถึงเกมขวัญใจมหาชนในตอนนี้คงจะไม่มีเกมไหนที่เทียบเท่าได้กับ ROV อีกแล้ว แน่นอนว่า ROV นั้นไม่ใช่เกมที่ดีที่สุด แต่มันเป็นเกมที่ฮิตและเข้าถึงผู้คนได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเด็กเล็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือแม้แต่วินหน้าปากซอยก็ยังเล่น ด้วยความที่ตัวเกมเข้าใจง่ายๆ เล่นไม่ยากใครก็เล่นได้ แถมยังเล่นที่ไหนก็ได้เพราะมันคือเกมในโทรศัพท์มือถือจึงทำให้คนที่ไม่เล่นเกมหันมาเล่นกันเยอะมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนปัจจุบันที่ล้วนมีมือถือทุกคนก็มักจะหยิบมาเล่นช่วงพักกลางวันที่โรงเรียนกันเสมอๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเล่นเฉพาะเวลาพักหรือสามารถเล่นและแบ่งเวลาได้ ผู้ใหญ่หรือเด็กบางคนนั้นไม่สามารถที่จะแบ่งเวลาและจัดการกับปัญหาในการเล่นได้จนส่งผลให้งานและการเรียนต้องพังลง ซึ่งสำหรับนักเรียนแล้วมันเป็นปัญหาที่ส่งผลเป็นวงกว้างทั้งตัวนักเรียนเอง ตัวผู้ปกครองที่ไม่สบายใจและคุณครูผู้สอนที่อยากให้ลูกศิษย์ตั้งใจจึงต้องช่วยกันหาทางออก ซึ่งอาจารย์หรือผู้ปกครองท่านไหนที่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรลองให้เรื่องราวของคุณ Pawanrat Pasawongse เป็นตัวอย่างแก้ไขปัญหาดูสิ ซึ่งเธอได้ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาเด็กติด ROV จนเสียการเรียนอย่างเห็นผลสุดๆ เธอได้ยกตัวอย่างจากนักเรียนและคุณครูจากโครงการ Teach For Thailand กับวิธีการแก้ไขปัญหามาให้เราได้ดูกัน โดยปัญหาส่วนใหญ่ที่คุณครูหลายท่านจะต้องเจอคือ นักเรียนบางคนมักจะติด ร. ติด 0 จากผลของการติด ROV รวมถึงยังชอบแอบเล่นในเวลาเรียน ซึ่งตัวคุณครูที่ไม่อยากจะลงโทษด้วยวิธีการเก่าๆ แต่อยากจะเข้าใจถึงสิ่งที่นักเรียนของตัวเองชอบและนำมาปรับใช้ คุณครูที่ถูกยกตัวอย่างมาทั้งหมดจึงเริ่มศึกษาว่าเกม ROV นั้นคืออะไร พร้อมเตรียมการจัดแข่งกันขึ้นภายในโรงเรียนของตัวเอง แต่ว่าการที่นักเรียนจะลงแข่งขันในรายการที่คุณครูจัดขึ้นได้ นักเรียนจะต้องไม่ติด 0 และติด ร. เสียก่อนจึงจะลงแข่งได้ ของรางวัลของผู้ชนะก็ล่อตาล่อใจได้ดีพอสมควร…
-
คุณครูก๊อปปี้ทรงผมของนักเรียนหญิง เพราะว่ามันช่างน่าร้ากกกกกก ซะเหลือเกิน
เรื่องราวน่ารักๆ ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ กลายเป็นกระแสไวรัลยอดฮิตในทวิตเตอร์ที่มีผู้รีทวีตกว่า 43,000 ครั้ง มียอดกดชื่นชอบกว่า 148,000 ครั้ง เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนประถมศึกษา Lakeview ในชูการ์แลนด์ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาภาพของคุณครูสาวที่ทำผมทรงเดียวกับนักเรียนหญิงธรรมดาๆ นี้กลับกลายเป็นภาพสุดประทับใจให้แอบอมยิ้มตามกับความน่ารักนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @JArdoin_814 ทวีตว่า “คุณครูคนนี้ นางสาว Bishop จากโรงเรียน Lakeview แห่งเมืองชูการ์แลนด์ เธอชอบทรงผมของนักเรียนหญิงของเธอคนหนึ่งมากๆ แต่ไม่มีใครคิดว่าเธอจะชอบถึงขนาดไปทำทรงผมเหมือนนักเรียน พอทำมาแล้วก็เหมือนกันเป๊ะ น่ารักสุดๆ” Leigha Bishop คุณครูผู้อยู่ในภาพบอกว่า เธอชอบผมเปียของนักเรียนตัวน้อยของเธอมากๆ แต่นักเรียนของเธอไม่คิดว่าคุณครูจะชอบถึงขนาดก๊อปปี้ทรงผมของเธอมาแบบเป๊ะๆ “เด็กน้อยไม่เชื่อว่าฉันอยากจะทำมันจริงๆ แต่พอเธอกกลับบ้านเธอก็บอกให้กับแม่ของเธออย่างภูมิใจว่าคุณครูนั้นชอบทรงผมสุดเท่ของเธอ” Leigha กล่าว ความน่ารักของภาพนี้ถูกโฟกัสไปที่รอยยิ้มอันสดใสของเด็กน้อยที่ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ มันเป็นอีกหนึ่งความฝันของเด็กน้อยที่จะถูกคุณครูชื่นชม และคิดว่าใครหลายๆ คนคงจะเคยอยากให้คุณครูรักเราแบบนี้ คุณครูสาวกล่าวขอบคุณเจ้าของทวิตเตอร์ เธอไม่คิดว่าเรื่องราวเล็กๆ นี้จะเป็นที่ชื่นชอบของคนในทวิตเตอร์มากขนาดนี้ นอกจากยังมีคอมเมนต์อีมากมายที่กล่าวชื่นชมว่าคุณครูช่วยเติมเต็มให้เด็กหญิงได้มีความสุขผ่านยิ้มน่ารักๆ ของเธอ ที่มา distractify
-
สาวโดนหักคะแนนงาน เพราะ ‘ออสเตรเลีย’ ไม่ใช่ประเทศ!? งานนี้เถียงกันยาว
สำหรับนักศึกษาแล้วเกรดคือตัวตัดสินความเป็นความตายเลยทีเดียว ดังนั้นเราต้องทุ่มเทแรงที่มีทั้งหมดลงไปในงาน เพื่อทำให้อาจารย์เห็นถึงความสามารถแล้วให้เกรดที่ดีที่สุดกับเรา สาว Ashley Arnold เองก็ต้องการเกรดสวยๆ เช่นกัน เธอเลือกทำงานวิจัยด้านจิตวิทยาออนไลน์เกี่ยวกับประเทศออสเตรเลียส่งให้กับอาจารย์ ทว่าเธอโดนอาจารย์ถีบตกม้าตายตั้งแต่ต้น เพราะอาจารย์เข้าใจว่าออสเตรเลียมันไม่ใช่ประเทศ มันเป็นทวีปต่างหาก งานนี้สาวเลยต้องอธิบายกับอาจารย์กันยาวเลยว่ามันเป็นทั้งประเทศและก็ทวีปด้วย นักเรียนสาว Ashley Arnold Arnold สาวหน้าใสอายุ 27 ปีค่ะ กำลังเรียนออนไลน์จากที่บ้านในรัฐไอดาโฮ เพื่อคว้าปริญญาด้านจิตวิทยาออนไลน์ของมหาวิทยาลัย Southern New Hampshire University มาไว้ในมือให้ได้ และสำหรับวิชาสุดท้ายที่เธอจ่ายค่าเล่าเรียนไปเกือบ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31,000 บาท) เธอได้รับมอบหมายให้ส่งโครงร่างของงานซึ่งจะเปรียบเทียบวัฒนธรรมออนไลน์ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ อีกประเทศหนึ่ง สาวคนนี้จึงเลือกทำงานในหัวข้อการใช้โซเชียลมีเดียของคนในประเทศ โดยประเทศที่เธอจะใช้เปรียบเทียบก็คือประเทศออสเตรเลียนั่นเอง ทว่าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมานี้ อาจารย์ของเธอตีงานของเธอกลับมาพร้อมกับให้เกรด F กับเธอเพราะอาจารย์ของเธอเข้าใจว่าประเทศออสเตรเลียไม่ใช่ประเทศ มันเป็นทวีปจึงไม่ควรนำมาทำงานนี้แต่แรก Arnold เล่าว่า “ตอนแรกฉันคิดว่าอาจารย์แกล้งฉันเล่นอยู่แน่ๆ แต่หลังจากอ่านอีเมลไปเรื่อยๆ ฉันก็เริ่มแน่ใจว่าอาจารย์เข้าใจแบบนั้นจริงๆ” อาจารย์ของเธอจบการศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยามา เธอจึงแทบไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์จะไม่รู้ว่าจริงๆ…
-
คุณครูอาสารู้สึกผูกพันกับนักเรียนเจ้าปัญหา หลังหมดสัญญาสอน ก็รับเขาเป็นลูกบุญธรรม…
คุณครูและนักเรียนเป็นความสัมพันธ์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีความผูกพันกันมาก เพราะคุณครูหลายคนมักจะเอ็นดูลูกศิษย์เหมือนเป็นลูกแท้ๆ และนักเรียนเองก็รู้สึกว่าคุณครูเป็นผู้มีพระคุณของเขาเช่นกัน แต่คงมีครูน้อยคนนักที่จะมีสายใยลึกซึ้งกับลูกศิษย์ อย่างคุณครูสาว Chelsea Haley เธอรู้สึกถูกชะตากับนักเรียนที่ดูแลอยู่มากๆ ถึงขนาดที่ว่ารับเขามาเป็นลูกบุญธรรมเลยล่ะ… คุณครูสาว Chelsea Hailey และ Jerome Robinson นักเรียนเจ้าปัญหาของเธอ Haley เป็นคุณครูขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Teach For America ซึ่งจะส่งอาสาสมัครไปตามโรงเรียนที่มีค่าจ้างต่ำ เพื่อช่วยเหลือด้านการสอนในโรงเรียน โดยมีเป้าหมายให้นักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน เธอถูกส่งมาสอนที่โรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงแบตันรูซ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และที่นี่เองทำให้เธอได้พบกับนักเรียนเจ้าปัญหาชั้นเกรด 4 (เทียบเท่าป. 4) เป็นครั้งแรก และเขาก็คือหนุ่มน้อย Jerome Robinson Robinson เป็นนักเรียนที่มีปัญหามาก เขาไม่ตั้งใจเรียนและยังเคยถูกพักการเรียนด้วย ปัญหาของเขาน่าจะเกิดจากการที่ครอบครัวของเขายากจน และเพิ่งเสียคนในครอบครัวไปไม่นาน ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่บ้านกับตา ยาย คุณแม่ และน้องชาย Jace เธอเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Teach For America สอนหนังสือโดยไม่แสวงหาผลกำไร Haley เข้าร่วมโครงการในปี 2013…
-
20 สุดยอดเทคนิคพรีเซนต์หน้าชั้น สไลด์นำเสนอแบบขอไปที สาระไม่มีขอแค่ผ่านวิชานี้พอ…
ประสบการณ์การนำเสนองานหน้าชั้นเรียนเป็นสิ่งที่หลายคนคงเคยผ่านกันมาบ้างแล้ว ซึ่งแต่ละคนก็จะดีไซน์การนำเสนอออกมาตามสไตล์ของตัวเองอย่างเต็มที่ บางคนก็ทำออกมาได้น่าดูน่าชมสุดๆ เพราะมีทั้งความสวยงาม เนื้อหาที่ครบถ้วน และง่ายต่อการเข้าใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า บางคนก็ทำออกมาได้แหวกแนว หรือไม่ก็ห่วยสุดๆ แต่มองอีกแง่หนึ่งมันกลับสร้างเสียงหัวเราะให้เราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำภาพการนำเสนองานหน้าชั้นเรียนที่ห่วย ประหลาด แหวกแนว และฮา มาให้ได้รับชมกัน เอาล่ะ เชิญไปรับชมกันได้เลยว่ามันจะออกมาฮาขนาดไหน 1. ได้โปรด ให้ผมเกรด B เถอะนะ ผมจะได้กลับบ้านไปดื่มไวน์สบายใจ 2. ภาพประกอบการนำเสนอเรื่อง “พฤติกรรมไม่ปกติ” 3. The Rock Formation น่าจะแปลว่าการก่อตัวของหินนะ ไม่ใช่การก่อตัวขึ้นของเดอะร็อค 4. เดี๋ยวนะ John Cena กับ พระเยซู มันน่าเอามาเปรียบเทียบกันตรงไหน!? 5. Morgan Freeman ไม่ได้เป็น Nelson Mandela จริงๆ ซะหน่อย ปัดโถ่!! 6.…
-
เรื่องราวอบอุ่นหัวใจ เมื่อครูฝึกสอนช่วยให้นักเรียนขี้อาย ค้นพบตัวเองและมีความกล้ามากขึ้น
กลายเป็นเรื่องราวให้ชาวเน็ตได้อบอุ่นหัวใจกันเลยทีเดียว หลังจากที่ครูฝึกสอนชาวมาเลเซียผู้หนึ่ง ได้ช่วยให้นักเรียนคนหนึ่งของเธอ ได้พบกับโลกใบใหม่หลังจากที่เขาเป็นคนขี้อายเอามากๆ คุณ Amymistika ได้เล่าเรื่องราวของเธอผ่านทางทวิตเตอร์ ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นได้รับควานิยมจากชาวเน็ตอย่างมาก โดยมีคนรีทวีตมากกว่า 67,000 ครั้ง ครูฝึกสอนสาวเล่าว่าถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างเธอ และ Yip Kah Shzen นักเรียนขี้อายจากโรงเรียนที่เธอฝึกสอนนานกว่า 4 เดือนว่า “ในตอนแรกฉันได้ฝึกสอนนักเรียนห้องคิง ซึ่งฉันจำพวกเขาได้ไม่หมดหรอก และเด็กคนนี้ก็เป็นคนที่เงียบกว่านักเรียนคนอื่นมาก” คุณครูฝึกสอนเล่าผ่านทวิตเตอร์ของเธอ คุณครูฝึกสอน เริ่มให้นักเรียนในห้องของเธอแนะนำตัวทีละคน และ Kah Shzen ก็ทำให้เธอแปลกใจอย่างมาก หลังจากที่เขาไม่กล้าที่จะแนะนำตัว และเอาแต่ก้มมองที่พื้น และถึงแม้ว่าคุณครูฝึกสอนจะพยายามแค่ไหน เด็กหนุ่มก็ยังไม่ยอมแนะนำตัว จนทำให้คุณครูต้องถามชื่อของเขาจากเพื่อนร่วมชั้นแทน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเข้ามาสอนในชั้นเรียน คุณครูสาวก็จะพบว่า Kah Shzen นั้นเอาแต่นั่งเงียบๆ และจ้องไปที่โต๊ะของเขา คุณครูฝึกสอนได้ย้ายเด็กหนุ่มมานั่งหน้าชั้น เพื่อที่เธอจะได้ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด วันหนึ่งในชั่วโมงเรียนคณิตศาสตร์ Kah Shzen ลืมนำเครื่องคิดเลขและหนังสือเรียนมา แต่เมื่อถูกคุณครูถามเขาก็เอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดเหมือนเดิม “เขาเอาแต่จ้องโต๊ะ และอาจารย์คนอื่นก็ไม่สนใจเขาเลย เพราะเขาไม่พูดกับใคร” เพื่อนรวมโต๊ะของเด็กชายบอกกับคุณครู ครู Amy คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหากจะไม่สนใจเขาเหมือนคุณครูท่านอื่นๆ…
-
ชาวเน็ตญี่ปุ่นเผยเทคนิคการทำคะแนนสอบให้ได้ระดับท็อป ง่ายมาก..จดมันแมร่มให้หมด!!
เวลาพูดถึงเทคนิคการสอบ หลายคนก็มักจะมีเทคนิคที่เป็นแบบเฉพาะตัวเสมอ บางคนอาจจะเน้นความเข้าใจ บางคนอาจจะเน้นการท่องจำ แน่นอนว่าวิธีหลังนั้นเป็นวิธีที่เรามักจะฮิตมากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้มีแค่คนไทยที่ชอบทำหรอกนะ.. เพราะล่าสุดชาวเน็ตจากญี่ปุ่นนามว่า @yuusuke_suzuki ก็ได้ออกมาเผยภาพเทคนิคในแบบสายท่องจำของนักเรียนคนหนึ่งของเขา โดยนักเรียนคนนี้นั้นสามารถทำคะแนนได้ระดับท็อปของชั้น เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม เกริ่นมาขนาดนี้แล้วเราคงอยากรู้แล้วว่าเขาจดยังไง ท่องจำยังไงถึงได้คะแนนดี งั้นเราลองมาดูกัน… @yuusuke_suzuki นั้นได้บอกว่านักเรียนของเขา พยายามจดทุกอย่างที่เขาอ่านและเสริมความเข้าใจทั้งหมดลงไป และการจดทุกอย่างที่ว่าไม่ใช่จดเล็กๆ น้อยๆ แต่มันคือทุกอย่าง!! ถ้าพื้นที่ไม่พอก็เสริมกระดาษโน๊ตเข้าไปในจุดที่เกี่ยวข้องกัน เรียกว่าเอาให้แน่น อ่านทีต้องเข้าใจ ซึ่งกลับกันเมื่อมีการเสริมโน๊ตเข้าไปในหนังสือ สภาพมันก็จะดูยุ่งเหยิงพอสมควร แต่รับรองเข้าใจ!! ลองดูเนื้อหาข้างในเสียก่อน มีการโยงการวาด คือเสริมส่วนที่ช่วยเข้าไป งานนี้จำง่ายขึ้นแน่ๆ เยอะจริงๆ นะเนี่ย ยิิ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ การวาดแผนที่หรือวาดส่วนต่างๆ เข้าไปในแบบที่เราเข้าใจมันถือเป็นตัวช่วยชั้นดีเลย ดูตรงแผนที่ เหมือนมันจะแหว่งๆ เขาเลยวาดเพิ่มเข้าไปเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วก่อนหน้านั้นหนังสือของนักเรียนคนนี้มันมีหน้าตายังไง และนี่ก็คือหน้าตาของหนังสือประวัติศาสตร์โลก Ichimon Itto และนี่ก็คือสภาพหลังจากที่มันถูกนักเรียนคนดังกล่าวยัดความรู้เสริมลงไป สุดท้ายแล้วทางด้าน…
-
ผู้อำนวยการออกมาขอโทษ หลังจัดกิจกรรมแกล้งเด็กนักเรียนให้ไป “จูบ” กับพ่อแม่ของพวกเขา
การจูบกันถือว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงความรักอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำกับคนที่เรารักหรือรู้สึกพิเศษด้วย แล้วถ้าเราจูบกับพ่อแม่ของเราล่ะ ซึ่งแน่ล่ะเรารักพ่อแม่ของเราแน่ๆ แต่ว่ามันจะรู้สึกอย่างไร? ในสหรัฐอเมริกาได้มี ผู้อำนวยการของ Rosemount High School นั้นออกมาขอโทษในกรณีที่เขาจัดกิจกรรมพิเรนทร์ๆ ขึ้น โดยที่ได้ให้นักเรียนในโรงเรียนปิดตา และจะให้คนเข้ามาจูบ แล้วให้ทายว่าเป็นใคร ซึ่งแน่นอน คนที่เข้ามาจูบนั้นเป็นพ่อแม่ของพวกเขา กิจกรรมแผลงๆ นี้ถูกจัดขึ้นในเมื่ออาทิตย์ที่แล้วซึ่งถูกวางแผนมาโดยทีมงาน นักเรียนจะถูกปิดตาและให้พ่อแม่เข้ามาจูบ และเมื่อจบช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมแบบนั้น เหล่านักเรียนก็จะถูกถามให้เดาว่าริมฝีปากที่เพิ่งสัมผัสไปเมื่อกี้นั้นเป็นริมฝีปากของใคร โดยมีนักเรียนชายคนหนึ่งกล่าวถึงริมฝีปากที่เพิ่งสัมผัสไปว่า “อืม… เขามีฝีปากที่หวานฉ่ำเลยล่ะครับ” แต่พอเขาปลดผ้าปิดตาออก ก็ต้องช็อก เพราะว่าที่เห็นอยู่หน้าของเขา ไม่ใช่นักเรียนหญิง แต่เป็นแม่ของเขาที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้น ขณะที่ฝูงชนรอบๆ นั้นต่างหัวเราะ John Wollersheim ผู้อำนวยการโรงเรียน Rosemount เมือง Rosemount รัฐมินนิโซตาได้บอกว่าในวิดีโอมันแสดงเพียง 1 นาทีจาก 30 นาทีที่จัดกิจกรรมเท่านั้น แต่ว่าเขาไม่ได้แก้ตัวใดๆ เขาบอกว่ากิจกรรมตั้งใจให้นักเรียนรู้สึกฮึกเหิม ไม่ใช่ให้อับอาย Wollersheim กล่าวว่า “นี่ควรจะเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน และทำให้ทุกคนรู้สึกฮึกเหิม แต่ถ้ามันทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี รู้สึกอับอาย หรือรู้สึกเจ็บปวด แสดงว่ามันให้ผลตรงกันข้ามกับที่เราหวังเอาไว้” …
-
เด็กชาย Wang Fuman ที่เดินไปโรงเรียนจนน้ำแข็งเกาะหัว ได้รับเงินบริจาคกว่า 10 ล้านบาท
ไม่กี่วันที่ผ่านมา #เหมียวบู้บี้ ได้รายงานข่าวสุดประทับใจกับเรื่องราวของเด็กชายชาวจีนที่ไม่ละความพยายามในการเรียน อดทนเดินฝ่าความหนาวจากบ้านไปโรงเรียนระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตรจนผมกลายเป็นน้ำแข็งกลายเป็นเรื่องโด่งอังไปทั่วโลกออนไลน์ อ่านข่าวเก่า: เด็กชายเดินฝ่าหิมะท่ามกลางอุณหภูมิติดลบและระยะทางไกลกว่า 4.5 กม. เพื่อมาโรงเรียน เด็กชาย Wang Fuman ผู้ที่กลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตในชั่วข้ามคืน นับถือในความตั้งใจและเพียรพยายามของน้องเขาจริงๆ เลย เด็กชายเกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่แยกทางกัน แม่ทิ้งไป ส่วนพ่อก็ต้องไปทำงานหาเงินในตัวเมือง จำเป็นต้องฝากเขาและพี่สาวไว้กับคุณย่าที่อาศัยในบ้านดินเก่าๆ เด็กชายเป็นคนที่มีความกตัญญูมาก ช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระด้วยการทำงานช่วยเหลือครอบครัวอีกทางหนึ่งจนมือน้อยๆ แตกและหยาบกร้าน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ทิ้งการเรียนแต่อย่างใด ไม่ว่าจะสภาพอากาศแบบไหนก็ตั้งใจที่จะเดินไปโรงเรียนที่มีระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตรทุกๆ วัน แม้กระทั่งวันที่หิมะตกโปรยปรายอุณหภูมิติดลบกว่า -9 องศาเซลเซียส เขาก็ยังฝ่าความหนาวเดินมาจนผมกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหัว . ชาวเน็ตที่ได้ทราบเรื่องราวก็เกิดความประทับใจจึงได้ร่วมกันระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กชายผู้นี้ และแล้วสิ่งมหัศจรรย์รวมถึงผลของความดีของน้องทำให้ยอดเงินบริจาคเพิ่มขึ้นสูงเป็นจำนวนเงินกว่า 10.6 ล้านบาทในวันนี้ เงินบริจาคที่ได้มาเพื่อการช่วยเหลือมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กชาย Wang และเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียน Zhuanshanbao เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งถูกจัดสรรปันส่วนให้กับเด็กที่ยากไร้คนละ 500 หยวนหรือประมาณ 2,500 บาท …
-
นักเรียนฮ่องกงสรรค์สร้างผลงานศิลปะสุดเจ๋งฝากไว้บน ‘กระดานดำ’ แต่พอเช้ามาก็ต้องโดนลบ
Illusdreamer เป็นกลุ่มเด็กนักเรียนจากโรงเรียนมัธยม Senegal เกาะฮ่องกง กลุ่มเด็กนักเรียนผู้ที่ได้ใช้ฝีมือและความชอบทางด้านศิลปะ โดยการนำชอล์กสีสันต่างๆ มาวาดภาพบนกระดานดำหลังเลิกเรียน แต่ทว่าภาพที่กลุ่มนักเรียนกลุ่มนี้ได้วาดขึ้นมามันสวยมากกกกกก ศิลปินน้อยกลุ่มนี้ได้เริ่มวาดภาพมาตั้งแต่ปี 2016 ภาพวาดส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพตัวการ์ตูนจากเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาชอบ โดยใช้เวลาหลังเลิกเรียนวาดให้เสร็จในแต่ละวัน แต่ก็น่าเสียดายที่เช้ามาก็ต้องลบกระดานอยู่ดี มิเช่นนั้นจะโดนคุณครูดุเอาน่ะ ดูผลงานของพวกเขาสิ… Your Name Alice in Wonderland โตโตโร่เพื่อนรัก มินเนียน แม่มดน้อยกิกิ . สวยงามแค่ไหน ถึงเวลาครูมาก็ต้องลบ ม่าายยยยย!! เชื่อเลยว่าเด็กนักเรียนเค้ามีฝีมือจริงๆ นะเนี่ย แต่ละภาพกว่าจะวาดได้คงต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร ถ้าจะให้รับวาดตามสถานที่ต่างๆเลย พี่ว่ารุ่ง ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่อินสตาแกรม illusdreamer ที่มา boredpanda
-
ซี้ด!! คุณครูโดนตำรวจรวบ หลังโดนนักเรียนแอบถ่ายคลิป ตอนกำลังเสพโคเคนในห้องเรียน
ว่ากันว่าคุณครูคือพ่อแม่คนที่ 3 สำหรับเด็กๆ ทั้งหลาย เพราะว่าเด็กๆ เมื่อถึงวัยเข้าเรียนพวกเขาก็ต้องใช้เวลาที่โรงเรียนไปมากกว่าวันละหลายชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ดังนั้นคุณครูจึงเป็นส่วนสำคัญในการหล่อหลอมเด็กๆ ให้สามารถโตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นคนดีในสังคม แต่ว่ามีคุณครูคนหนึ่งที่ได้แสดงตัวอย่างที่ไม่ดีต่อหน้าเด็กๆ เพราะเธอดันไปสูบยาเสพติดในโรงเรียนซะอย่างงั้น เมื่อราวๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา Samantha Cox คุณครูภาษาอังกฤษในโรงเรียน Lake Central High School รัฐอินดีแอนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ถูกจับกุมตัวขณะที่เธอนั้นสูบโคเคนในห้องเรียน โดยมีหลักฐานคือภาพวิดีโอของนักเรียนชื่อว่า Will Rogers ที่ได้แอบถ่ายเธอขณะกำลังสูดอย่างได้อารมณ์ “คุณครูอยู่ที่มุมห้อง และหลบอยู่หลังเก้าอี้ตัวหนึ่ง ในมือของเธอมีหนังสือที่เหมือนจะมีโคเคนอยู่ข้างใน หลังจากนั้นเธอก็ใช้หลอดสูดจากหนังสือเล่มนั้น” Rogers เด็กนักเรียนผู้กล้าหาญให้สัมภาษณ์ หลังจากเด็กๆ ได้เห็นพฤติกรรมดังกล่าวของคุณครู พวกเขาก็ได้แจ้งต่อครูใหญ่ว่า คุณครู Cox ใช้ยาเสพติดในโรงเรียน ครูใหญ่จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา เมื่อตำรวจมาถึง พวกเขาก็ได้ใช้สุนัขดมกลิ่นตามหายาเสพติดที่ว่า และก็พบถุงใบหนึ่งที่ปิดอย่างมิดชิดและยังพบฟอยล์ กับกระดาษมวนคล้ายกับหลอดสำหรับดูดในห้องเรียนของเธอ ซึ่งตำรวจก็รู้ในทันทีว่าสิ่งเหล่านี้คืออุปกรณ์สำหรับเสพยาผ่านทางรูจมูก Cox ได้ให้รับการสารภาพอย่างรวดเร็วและยินยอมมอบกุญแจรถแก่ตำรวจแต่โดยดี เพื่อหาสารเสพติดอื่นเพิ่มเติม และเมื่อไปค้นที่รถของเธอก็พบสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการสูบยาอีกคือ บ้องแก้วสองอัน และหลอดสำหรับสูดอีกสองอัน ในภายหลัง เธอสารภาพว่าเธอซื้อโคเคนมาในราคา…
-
เด็กยากไร้ในอังกฤษ แอบนำอาหารกลางวันที่โรงเรียนใส่กระเป๋ากลับบ้าน เพื่อประทังความหิว
เด็กนักเรียนในประเทศอังกฤษ บางคนอาจเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้เพียบพร้อมเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ ต้องประสบปัญหาโดนทารุณหรือใช้ชีวิตอยู่กับความยากจน ทำให้ต้องเก็บเสื้อผ้าเอาไว้ในถุงขยะ ไม่มีข้าวกินจนถึงกับต้องแอบเก็บอาหารในโรงเรียนกลับบ้านไปเพื่อเอาไว้ประทังชีวิตตัวเองในวันหยุดสุดสัปดาห์ ปัญหาของเด็กยากไร้ในประเทศอังกฤษได้กระจายตัวออกไปในวงกว้างอย่างน่าเป็นห่วง ทางโรงเรียนหลายๆ แห่งจึงพยายามหาทางแก้ปัญหาให้กับเด็กเหล่านั้น เช่นเดียวกับ Helen Slack ครูใหญ่ในโรงเรียนประถม Twickenham ที่ได้คิดแนวทางการช่วยเหลือลูกศิษย์ในหลายๆ เรื่อง Helen ครูใหญ่ผู้พยายามช่วยเหลือลูกศิษย์ของเธอจากปัญหาความยากจน เธอได้สร้างนโยบายให้เด็กๆ ที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้ามาสามารถเข้ามากินอาหารได้ฟรีในครึ่งชั่วโมงแรกก่อนเรียน และในวันศุกร์ทางโรงเรียนก็จะห่ออาหารเอาไว้ให้สำหรับเด็กที่ต้องการอาหารประทังชีวิตในช่วงวันหยุด ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับชุดนักเรียน การออกไปทัศนศึกษา หรืออุปกรณ์ดนตรีและกีฬา ทุกอย่างล้วนเป็นความรับผิดชอบของทางโรงเรียนทั้งสิ้น Helen บอกว่า “โปรเจกต์ทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินมากกว่า 3,400,000 บาทต่อปี หากโปรเจกต์นี้ดำเนินไปถึงปี 2020 แต่ฉันคิดว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงช่วยเหลือให้ปัญหาครอบครัวยากไร้ให้หมดไป” ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยังคงมีให้เห็นอย่างชัดเจน แต่รัฐบาลอังกฤษกลับทำการตัดงบประมาณที่ใช้สำหรับช่วยเหลือในด้านการศึกษาลงไปกว่า 13,000 บาทต่อเด็กนักเรียนหนึ่งคน ทำให้งบประมาณที่แต่ละโรงเรียนได้รับอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือเด็กในครอบครัวยากไร้ได้ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2017 ผู้นำโรงเรียนกว่า 7 แห่งจึงได้ทำการเข้าพูดคุยกับเลขานุการกระทรวงการศึกษา Angela Raynor เพื่อโต้แย้งเกี่ยวกับการตัดงบประมาณและปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยยังไม่มีการพูดถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการพูดคุยของพวกเขา …
-
เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเครียดเรื่องสอบ จิตใจของคนเป็นแม่แทบสลาย
ในการสอบแต่ละครั้ง ผู้ที่เข้าสอบทั้งหลายก็ต้องพยายามอ่านหนังสือเพื่อให้เข้าใจในวิชานั้นๆ อย่างถ่องแท้ซึ่งบางครั้งอาจก่อให้เกิดเป็นความเครียดและความกังวลขึ้นมาจนอาจทำให้ใครบางคนคิดสั้นและตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะว่าจำเนื้อหาที่จะสอบไม่ได้ เหตุน่าเศร้านี้เกิดขึ้นที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ โดยผู้ที่ออกมาเล่าเหตุการณ์นี้คือ Emma Oliver อายุ 43 ปี แม่ของ Daniel Long นักเรียนคนหนึ่งที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะเครียดกับการเตรียมสอบ GCSE ซึ่งเป็นข้อสอบที่จะนำไปใช้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ที่มีกำหนดสอบในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คุณแม่ใจสลายคนนี้เล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2017 ที่ผ่านมา โดยเธอได้ลำดับเหตุการณ์ให้ฟังว่า “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ฉันได้ขึ้นไปห้องของ Daniel ก็เห็นเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ ฉันจึงลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมอาหาร” “แต่อีก 20 นาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากข้างบน ฉันจึงรีบวิ่งขึ้นไปและพบว่าลูกชายของฉันกำลังใกล้ตายแล้ว ตอนนั้นฉันได้แต่กรี๊ดและวิ่งไปหาเพื่อนบ้านให้โทรหาโรงพยาบาล จากนั้นฉันก็ได้ CPR เบื้องต้นให้แก่ลูกชาย” โดยเธอไม่ได้บอกแหล่งข่าวว่าลูกชายของเธอตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยวิธีใด หลังจากนั้นเธอก็พบว่า Daniel ยังหายใจอยู่จึงส่งไปที่โรงพยาบาลในเมือง Leeds และเขาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา “ฉันนั่งอยู่ข้างเตียงของเขาและหวังว่าเขาจะปลอดภัย” Emma กล่าว แต่ว่ามันกลับไม่เป็นไปอย่างที่เธอหวัง ทีมแพทย์ได้ออกมาบอกว่า Daniel ได้มีภาวะสมองตายวินาทีที่เธอได้ฟังนั้นเธอบอกว่าใจแทบสลายเลยทีเดียว และเขาได้เสียชีวิตในวันที่ 28 กุมภาพันธ์…
-
นักเรียนระดมเงินให้คุณครูผู้ทุ่มเทสอนตั้งแต่วัยหนุ่ม เพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาตัวของเขาและภรรยา
เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นกับคุณครู Walter Erickson อาจารย์ผู้ทุ่มเทให้กับการสอนอย่างเต็มเวลาและผันตัวมาเป็นอาจารย์ช่วยสอนหลังจากเกษียณอายุเป็นเวลามานานกว่า 25 ปี ชายวัย 80 ปีผู้เป็นที่รักของนักเรียนจากโรงเรียน Champlin Park High School ถึงแม้ว่าเขาจะถึงวัยเกษียณอายุไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่ในทุกๆ วันเขาก็ยังคงทำหน้าที่สอนหนังสืออย่างเต็มที่เพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัว คุณ Erickson นั้นรักในการสอนมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาต้องการเงินจากค่าจ้างในการสอนนั้นไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาภรรยาของเขา และเมื่อ Kelsy Breiter และ Katie Blodgett นักเรียนของเขาทั้ง 2 คนทราบเรื่องนี้ ทั้งคู่จึงพยายามหาทางที่จะช่วยคุณครูของพวกเขา ทั้งสองได้ระดมทุนผ่านเว็บไซต์ GoFundMe โดยตอนแรกพวกเขาตั้งเป้าของยอดบริจาคไว้ที่ 500 เหรียญหรือประมาณ 16,000 บาทเท่านั้น แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 9 วันยอดบริจาคกลับเพิ่มสูงขึ้นถึง 14,000 เหรียญหรือประมาณ 460,000 บาทเลยทีเดียว . การระดมทุนได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด คุณครูวัย 80 ปีได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย “มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก เขาเป็นครูช่วยสอนที่สนิทกับพวกเรา เขารักในสิ่งที่เขาทำและการสอนของเขานั้นก็ทำให้เราสนใจที่จะเรียนรู้มากขึ้นด้วย” Katie กล่าว ส่วนทางด้านคุณ Erickson นั้นก็รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณกับสิ่งที่นักเรียนทั้งสองและคนอื่นๆ ได้ทำให้เขา “ผมบอกเรื่องนี้กับภรรยาผมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เธอดีใจมากและรู้สึกชื่นชมพวกเด็กๆ จริงๆ “ คุณครูวัย 80…
-
นักเรียนญี่ปุ่นถีบ-กระชากคอเสื้ออาจารย์ หลังโดนยึดแท็บเลต กลายเป็นประเด็นร้อนแรง!!
สำหรับโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่นหลายๆ แห่งแล่ว พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแอบงีบหลับหรือการกลั่นแกล้งกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคลิปวิดีโอความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้องเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายฟุกุโอะกะ ถึงได้กำลังเป็นกระแสอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อโรงเรียนนี้อนุญาตให้นักเรียนใช้แท็บเล็ตเพื่อช่วยในการเรียนรู้ แต่มีเด็กคนหนึ่งกลับใช้มันเปิดหนังดูในห้องซึ่งเป็นสิ่งที่ออกจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เมื่ออาจารย์วัย 23 ปีที่กำลังทำการสอนอยู่เห็นเข้าจึงได้ตักเตือนเด็กคนนั้นอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเมื่อคำเตือนของเขาใช้ไม่ได้ผล ก็เลยยึดเอาแท็บเล็ตของเด็กคนนั้นมาแทน สิ่งที่เขาทำลงไปสร้างความไม่พอใจให้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างมาก เขาจึงเดินเข้าไปหาคุณครูเพื่อหวังจะเอาแท็บเล็ตคืนมา แต่อาจารย์คนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรและยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกโมโหมากยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าเขาถีบไปที่หลังครูคนนั้นถึง 4 ครั้งด้วยความแรงที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นกลับนั่งหัวราะและให้กำลังใจกับสิ่งที่เขาได้ทำ ปล่อยลูกถีบใส่อาจารย์ขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งหัวเราะกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อครู และอาจจะชกต่อยไปแล้วถ้าหากว่าอาจารย์คนนั้นไม่ได้ส่งเสียงร้องประท้วงออกมาซะก่อน กระชากคอเสื้อจนอาจารย์ต้องส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะถูกต่อย คลิปวิดีโอนักเรียนถีบอาจารย์ คลิปดังกล่าวมียอดวิวรวมกันกว่า 1.2 ล้านครั้งทั้งในญี่ปุ่นเองและจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก ถึงแม้ชื่อคลิปจะเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่เชื่อว่าชาวต่างชาติที่ไม่เข้าใจภาษานี้ก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้โรงเรียนเลือกที่จะไม่แจ้งความกับตำรวจ เพราะเห็นว่าครูคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายอะไร แต่การตัดสินใจของโรงเรียนและคลิปที่เผยแพร่ออกมาก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตอย่างมาก “เป็นความผิดของเด็กลงมือและนักเรียนคนอื่นที่นั่งหัวเราะอยู่ ทางโรงเรียนควรรายงานเรื่องนี้ให้กับตำรวจ” “ผู้ปกครองของเด็กคนนั้นคงจะเป็นยากูซ่า” “นี่ไม่ควรที่จะรายงานตำรวจหรอ? นักเรียนมัธยมควรได้เข้าใจว่าความรุนแรงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ปล่อยให้เด็กถูกจับไปเลย!!” “ลืมเรื่องที่ตำรวจจะมาจับเด็กคนนี้ไปเลย เพราะแม้แต่นักเรียนคนอื่นที่ไม่ลงมือทำอะไรก็สมควรถูกต่อว่าเหมือนกัน มันหมดยุคสมัยที่ลูกศิษย์จะเคารพอาจารย์ไปนานแล้ว” …
-
จัดไปครับ…ครูบอกสามารถนำโน้ตขนาด 3×5 เข้าสอบได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็น ‘นิ้ว’ หรือ ‘ฟุต’!!
ในบางวิชาที่จะต้องเจอกับสูตรตัวเลขเยอะๆ ชนิดที่ว่าเรียนซ้ำซัก 3 ปีก็คงจะจำไม่หมด ปัจจุบันผู้สอนทั้งหลายก็จะใจดีอนุญาตให้นักเรียนสามารถนำกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ จดข้อมูลบางส่วนเข้าห้องสอบได้ เช่นเดียวกับอาจารย์หนุ่มชื่อว่า Reb Beatty ที่ยอมให้นักเรียนในวิชาบัญชีการเงินของเขาสามารถนำกระดาษโน้ตขนาด 3×5 นิ้วเข้าไปในห้องสอบได้ แต่เมื่อถึงวันสอบเขาก็ต้องพบว่าเขาได้ลืมสิ่งสำคัญไปซะแล้ว เมื่อนักเรียนชายคนหนึ่งของเขาชื่อ Elijah Bowen ได้นำกระดาษโน้ตขนาด 3×5 ฟุตมาในวันสอบด้วย! นั่นมันมากกว่า 10 เท่าที่ควรจะเป็นในความคิดของเขาเลย โต๊ะยังไม่ใหญ่เท่าโน๊ตของไอ้หนุ่มนี่เลย เหตุผลที่นักเรียนคนนั้นทำอย่างนี้ก็เพราะว่าในตอนที่อาจารย์บอกให้นำโน้ตเข้าได้ พูดเพียงว่า “สามารถนำโน้ตขนาด 3×5 เข้าห้องสอบได้นะ” แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าใช่หน่วยวัดเท่ากับเท่าไหร่ ขนาดของกระดาษโน้ตอันมหึมาทำเอาอาจารย์หนุ่มต้องถึงกับกุมขมับ หลังจากนั้นก็รีบไปค้นหาแบบข้อมูลการเรียนการสอนที่แจกให้นักเรียนในต้นเทอมและพบว่าเขาไม่ได้เขียนบอกหน่วยวัดเอาไว้เลย เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงทำให้นักเรียนสุดแสบสามารถใช้โน้ตนั้นได้โดยไม่ผิดกฎ สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนภายในห้องโดยเฉพาะกับเจ้าหนุ่มคนนั้น นี่คือหน้าตาของอาจารย์หนุ่มกับลูกๆ ที่น่าร๊ากกก ครูคนนี้ได้สอนวิชานี้ในวิทยาลัย Anne Arundel รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกามานานหลายปีและอนุญาตให้เด็กสามารถนำโน้ตเข้าห้องสอบได้เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นนักเรียนมีความคิดเป็นของตัวเอง มีจินตนาการกล้าคิดนอกกรอบ และเขาก็บอกว่า “ผมชมเชยให้กับคนที่สามารถรับรู้ปัญหาที่มีอยู่ซ้ำๆ นี้ได้ และมีความกล้าที่จะทำสิ่งนั้นออกมาตรงๆ” นับว่าเป็นบทเรียนให้กับความรอบคอบของคุณครูทั้งหลายเลยนะ เพราะจุดเล็กจุดน้อยอาจตามมาด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าที่คิดไว้เลยก็ได้ ที่มา: buzzfeed
-
ครูสุดโหด ตบหน้านักเรียนกว่า 20 คนหน้าชั้นเรียน ทั้งที่เป็นวันเปิดเทอมวันแรก
การว่ากล่าวตักเตือนหรือลงโทษนักเรียน ก็ควรจะมีขอบเขตและกรอบที่เหมาะสม การกระทำเกินกว่าเหตุหรือการล่วงล้ำสิทธิในตัวของเด็กนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทำร้ายร่างกายเหมือนกับที่อาจารย์คนนี้ทำ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่งในเมืองหลวงของมณฑลอานฮุย ประเทศจีน กับคลิปวิดีโอที่อาจารย์คนหนึ่งตบหน้าเด็กถึง 20 คนในวันเปิดเทอมวันแรก คลิปวิดีโอคุณครูตบนักเรียนหน้าห้อง ว่ากันว่าเสียงที่เกิดจากการตบนั้นดังมากขนาดที่ว่านักเรียนที่อยู่ห้องข้างๆ ยังได้ยิน โดยจากการรายงานของสำนักข่าวปักกิ่งเล่าไว้ว่า คุณครูคนนี้เดินทางมาจากย่านชนบทและให้นักเรียนเขียนบทกวีเก่าแก่ที่อยู่ในความทรงจำมาส่ง ถ้าหากว่าเขียนผิดก็จะถูกตบหน้าห้องเรียนเหมือนในคลิปที่ได้เห็น เป็นการลงโทษที่ไม่ว่าใคร ก็ไม่สมควรที่จะได้รับ เพราะไม่ใช่เป็นเพียงการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่นี่คือการทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา กระแสของชาวเน็ตมากมายรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและออกมาคอมเม้นท์ถึงการศึกษาในจีนเอาไว้อย่างเช่น “ผู้ชายในจีนเป็นคนที่อ่อนแอ จึงเอาความก้าวร้าวมาลงกับเด็กที่ไม่มีทางสู้” “การปฏิวัติทางวัฒนธรรมที่ทำให้ครูฉลาดๆ หายไปกันหมด” “เฮ้อออ.. นี่แหละนะการศึกษาที่ดีในประเทศที่ดี” หลังจากคลิปเผยแพร่ออกไป เขาก็ถูกเชิญออกจากโรงเรียนทันที ปิดฉากอาชีพครูแต่เพียงเท่านี้ แน่นอนว่านั่นคือความรุนแรงที่ไม่สมเหตุสมผล จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว ดังนั้นหากจะทำอะไรก็อย่าลืมที่จะตระหนักถึงความเหมาะสม หรือหนทางที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงจะดีกว่า ที่มา: shanghaiist
-
ไปดูระบบการศึกษาของเนเธอร์แลนด์ อีกประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการปฏิรูปการศึกษา
ระบบการศึกษาแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้าง เพื่อทำให้ตนเองก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในการให้ความรู้กับเยาวชนทั้งหลาย ซึ่ง เนเธอร์แลนด์ ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับต้นๆ ของเรื่องนี้เลยทีเดียว ปัญหาในเรื่องของการเมืองที่ยาวนานไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศแต่อย่างใด เพราะหลังจากเรื่องนั้นจบลงรัฐบาลก็ได้มุ่งเป้ามาที่การสร้างความเท่าเทียมให้กับทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน เพื่อการศึกษาที่ดีในทุกที่ทั่วประเทศ การศึกษาที่ดีไม่ถือว่าเพียงพอ เพราะจุดประสงค์ของพวกเขาก็คือทำให้มันอยู่ในระดับดีเยี่ยม จึงใส่ใจให้กับทุกสิ่งที่เป็นส่วนประกอบของการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คุณครู หรือทางโรงเรียนเองก็ตาม ความเป็นอิสระถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นแกนหลักให้เด็กสามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ คุณครูสามารถใช้วิธีการสอนได้ตามที่ตนถนัด และเรื่องของการบริหารก็จะปล่อยให้ทางโรงเรียนเป็นคนจัดการโดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ถึงอย่างนั้นการพัฒนาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอาจารย์ที่จะจะต้องมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความรู้และทำให้เด็กมีแรงจูงใจกับการเรียนการสอน จึงได้เกิดวิธีการให้ครูผู้สอนสังเกตการณ์การเรียนการสอนของครูผู้สอนคนอื่นๆ และนำมาพัฒนาการเรียนการสอนของตัวเอง หรือแม้แต่การเข้าไปดูการสอนของอีกท่านเพื่อเป็นการชี้แนะและแนะนำให้เป็นไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นวิธีการที่สามารถสร้างได้ทั้งประสิทธิภาพและความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างดีเยี่ยม มองว่าคุณครูทุกคนก็เปรียบเสมือนทีมเดียวกันที่จะช่วยกันผลักดันให้ก้าวต่อไป ผู้อำนวยการวิทยาลัยไทลิงเกนในเนเธอร์แลนด์ ได้พูดว่า “แน่นอนว่าความสำคัญอย่างแรกของการเป็นครูคือความเชี่ยวชาญในเรื่องที่สอน และอย่างที่สองคือการเปิดรับเพื่อพัฒนาตนเองให้สามารถเข้าถึงนักเรียนได้ดีที่สุด เพราะว่าเรื่องที่สอนเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดทักษะความรู้” นอกจากนั้นกระทรวงศึกษาธิการของประเทศก็ได้จัดตั้งโปรแกรม School ann Zet ขึ้นเพื่อให้คุณครูในแต่ละภาควิชาที่แตกต่างกัน เข้ามาพูดถึงแผนการสองในอนาคตของตัวเองทุกเดือน และปรึกษาร่วมกันเพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์ทางสอนและการเรียนรู้อย่างแท้จริง และแม้ว่าวิชาจะแตกต่างกัน แต่วิธีการหรือแนวทางการสอนก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการสอนของตัวเองได้อีกด้วย เป็นทั้งการรับความรู้และการให้คำแนะนำในเวลาเดียวกัน คลิปวิดีโอที่มาและการจัดการระบบการศึกษาในเนเธอร์แลนด์ จากวิธีการของระบบดังกล่าวทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นสนใจที่จะพัฒนาศักยภาพในตัวบุคคลทั้งหมด เพราะว่าในขณะที่นักเรียนเป็นผู้รับ อาจารย์เองก็เป็นตัวกลางที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพอีกเช่นเดียวกัน และอิสระที่เท่าเทียมกับการช่วยเหลือกัน…
-
หนุ่มๆ ไม่ยอม เมื่อนร.หญิง ถูกไล่เพราะใส่เสื้อเปิดไหล่ นร.ชาย จึงออกมาประท้วงให้ซะเลย!!
เรียกได้ว่าปัญหาเรื่องการแต่งกายของนักเรียนหญิง จะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ถกเถียงกันมาน๊านนาน และก็กลายมาเป็นกระแสดราม่ามาให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดก็ได้เหตุการณ์ที่กลายเป็นความประทับใจไปทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2017 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนมัธยมซาน เบนิโต แห่งเมืองฮอลลิสเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนียร์ และได้มีการสั่งให้นักเรียนหญิงกว่า 50 คนกลับบ้าน โทษฐานที่พวกเธอใส่เสื้อเปิดหัวไหล่ ทางโรงเรียนให้เหตุผลว่า… เซ็กซี่เกินไป และเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายแก่พวกเธอด้วย แต่ในเรื่องร้ายๆ ก็ย่อมมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เมื่อเหล่านักเรียนชายในโรงเรียน ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดอะไรด้วยเลย รู้สึกว่าพวกเขาจะยอมให้โรงเรียนสั่งห้ามเรื่องการแต่งตัวไม่ได้เด็ดขาด งานนี้มันต้องประท้วง!! หลังจากนั้นหนุ่มๆ ในโรงเรียนต่างก็พากันใส่เสื้อเปิดไหล่ซะเลย หลังจากที่มีคนโพสต์ภาพกิจกรรมการประท้วงของนักเรียนลงบนโลกโซเชียล มันก็กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลก นักเรียนชาย Andryan Vladimirov ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าโรงเรียนจะอ้างถึงความปลอดภัย มันควรเป็นเรื่องของมาตรการการป้องกันคนร้าย ไม่ใช่การมาเพ่งเล็งกลุ่มคนที่เป็นเหยื่อ ผู้หญิงไม่ใช่ตัวปัญหาของการข่มขืน แต่เป็นคนที่ทำผิดเองต่างหาก” ท่ามกลางกระแสการประท้วง เหล่านักเรียนต่างรู้สึกสนุกสนานกันยกใหญ่ นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า “ชุดเปิดไหล่มันไม่เคยไปทำร้ายร่างกายใคร และไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร ครูใหญ่บอกว่าที่ต้องห้ามก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเราเอง แต่ขอพูดหน่อยเถอะนะว่า นี่เป็นการแก้ปัญหาที่ผิดจุด เรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศมันเป็นปัญหาที่คุณไม่ควรมองว่าการแต่งกายของผู้หญิงเราเป็นสาเหตุ และดูเหมือนทางโรงเรียนจะโฟกัสผิดจุดไปหน่อยนะ”…
-
โรงเรียนนำ ‘คติพจน์’ ของนักเรียนเกย์สองคนออกจากหนังสือรุ่น ส่งผลให้เกิดดราม่าตามมา
หนังสือรุ่นที่จะเก็บความทรงจำของเราไว้ เราก็อยากที่จะเขียนอะไรสักอย่างลงไปทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ในรุ่นได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ดูแล้วอิสระทางความคิดในหนังสือรุ่น ถ้าไม่ละเมิดกฎหมายก็ที่ไม่น่าถูกปิดกั้นกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาที่เรียกว่าเป็นประเทศเสรี และไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป… เพราะว่านักเรียนสองคนที่มีชื่อว่า Joey Slavinsky และ Thomas Swartz ศึกษาจบจากโรงเรียนมัธยม Kearney รัฐเนแบรสกา ประเทศอเมริกา ได้ทำการเขียนคติพจน์ทิ้งท้ายไว้ให้เพื่อนๆ ของเขาได้อ่านในหนังสือรุ่น คติพจน์ที่ Joey เขียนเอาไว้ก็คือ “แน่นอนว่าฉันแต่งตัวดี ฉันก็ไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในตู้เสื้อผ้าโดยที่ไม่ได้อะไรเลย” และของ Thomas คือ “ถ้า Harry Potter สอนอะไรบางอย่างให้กับเรา คงจะไม่มีใครควรได้ใช้ชีวิตอยู่ในตู้เสื้อผ้า” (ซึ่งข้อความดังกล่าวเหมือนการส่งข้อความของเหล่า LGBT ที่ไม่ควรจะต้องเก็บตัวเอาไว้ แต่ควรจะได้รับการยอมรับและสามารถเปิดตัวให้คนอื่นๆ รู้ได้ โดยที่เราภาคภูมิใจและคนอื่นไม่ควรรังเกียจ) คติพจน์ที่เขาคิดขึ้นมาและอยากให้คนอื่นได้อ่าน แต่เมื่อเขาทั้งสองลองเปิดหาสิ่งที่ตนเองได้เขียนไว้นั้นก็พบว่าในหนังสือตรงช่องของพวกเขานั้นมีเพียงรูปและความว่างเปล่า นั่นหมายความว่าทางโรงเรียนได้นำเอาคติพจน์ของทั้งคู่ออกไป คลิปวิดีโอข่าวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากประโยคที่ดูแปลกๆ นั้น คำว่าตู้เสื้อผ้าที่เขาต้องการสื่อก็คือสิ่งที่พวกเขาต้องปกปิดเอาไว้นั่นหมายถึงการที่พวกเขาเป็นเกย์นั่นเองซึ่งพวกเขาได้เสริมว่า “ฉันสบายใจที่ฉันเป็นอย่างนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกคือที่นี่ดึงสิ่งนั้นออกไปจากตัวฉัน” จากสิ่งที่เกิดขึ้นทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็ได้ออกมาบอกว่า “นั่นคือความพยายามในการปกป้องนักเรียนของเรา คติพจน์ที่เป็นการโจมตีนักเรียนคนอื่นหรือกลุ่มอื่นจะไม่ถูกเผยแพร่ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือการกระทำที่ผิดพลาดของโรงเรียนในการตักเตือน”…
-
เกินกว่าเหตุ? โซเชียลแชร์คลิปครูบังคับเด็กกราบรองเท้า หลังทำรองเท้าหน้าชั้นไม่เป็นระเบียบ
กลายเป็นกระแสให้โลกโซเชียลถกเถียงกันอย่างร้อนแรง เมื่อมีการแชร์คลิปวิดีโอของคุณครูรายหนึ่งขณะบังคับให้นักเรียนก้มลงกับพื้นเพื่อกราบรองเท้า!? เมื่อช่วงบ่ายสองของวันที่ 4 สิงหาคม เฟซบุ๊กเพจ DR.K v.3 ได้แชร์คลิปวิดีโอของคุณครูในอ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ขณะทำโทษนักเรียนเนื่องจากวางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ โดยการสั่งให้เด็กนั่งลงกับพื้นแล้วนำรองเท้ามาวางไว้บนหัว ก่อนจะสั่งให้เด็กนักเรียนก้มลงไปกราบรองเท้าต่อหน้าเพื่อนๆ นับสิบคน หลังจากที่คลิปวิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตามมา โดยบางความเห็นมองว่าการกระทำของคุณครูดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ ในขณะที่บางรายบอกว่าควรมองที่ต้นเหตุว่าเกิดจากอะไรมากกว่า ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย วุฒิภาวะขนาดนี้แต่ยังใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง…ยังไงก็ไม่สมควรทำแบบนี้กับเด็กว่ากล่าวตักเตือนก็ได้…ไปอารมณ์เสียมาจากไหนวะ #เเค่วางรองเท้าไม่เป็นระเบียบ #เหตุเกิดที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี โพสต์โดย DR.K v.3 บน 4 สิงหาคม 2017 ความเห็นบางส่วนจากโลกออนไลน์ ต่อกรณีคุณครูลงโทษเด็กนักเรียน เยลลี่ สีโซดา “นี่ไม่ใช่การสั่งสอนหรือสมควรที่จะได้รับบทลงโทษแบบนี้ ครูนี่ใส่อารมณ์อย่างฉุนเฉียวแบบรุนแรงเลย มีเตะมีเขี่ยรองเท้า กระทืบๆ รองเท้าคู่นั้นด้วย” Ning Neverdie “เด็กเขาอายเพื่อนนะนั้น สภาพจิตใจของเด็กจะเป็นยังไงน้อ คุณครูขาาา” Shaye Saint John “ต้องดูก่อนเด็กมันทำอะไร ครูมันอาจจะคิดไม่ออกว่าควรทำโทษอย่างไรให้เด็กมันสำนึกก็เลยทำแบบนี้” Olichika Wivien…
-
พาชม 13 ชุดนักเรียนจาก 13 ประเทศทั่วโลก แต่ละประเทศจะต่างกันแค่ไหนบ้าง!?
แน่นอนว่าการเข้าโรงเรียนในบ้านเราก็ต้องใส่ชุดนักเรียนที่โรงเรียนแต่ละโรงเรียนกำหนดไว้ให้ อาจมีสีที่แตกต่างกันไปบ้าง หรือที่ต่างกันแน่นอนก็คือชื่อย่อโรงเรียนที่มักจะปักติดอยู่กับเสื้อ เราลองมาดูของประเทศอื่นๆ กันบ้างนะ ว่าชุดนักเรียนในแต่ละประเทศจะเป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีกระโปรงกับเนคไทสีแดงตัดกับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ประเทศยูกันดา มาพร้อมกับเสื้อคอปก ทับด้วยแขนยาวสีแดงเด่นมาแต่ไกล เมืองอาบูดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับชุดคอปกดูเรียบง่าย เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและเนคไทสีน้ำเงินทับด้วยชุดเดรสสีเดียวกันของประเทศตองงา ประเทศคิวบา ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสั้นเหนือเข่าสะดวกต่อการเดินทางไปไหนมาไหน เสื้อคอปกหมวกปีกลักษณะคล้ายกับชุดลูกเสือสำรองบ้านเรา จากประเทศออสเตรเลีย น่ารักหวานแหววกับสีชมพูทั้งชุดที่ประเทศเฮติ โทนแดงขาวอีกหนึ่งประเทศในชุดเดรสสำหรับเด็กผู้หญิงจากประเทศเนปาล ประเทศโบลิเวีย ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์แล้วก็ผูกเนคไทซะหน่อย ชุดเดรสดูเรียบร้อยเป็นทางการในประเทศอินเดีย บางคนอาจจะคุ้นเคยกับชุดนักเรียนแบบนี้เป็นอย่างดี ซึ่งหาดูได้ในหนังหรือการ์ตูนกับชุดจากประเทศญี่ปุ่น ชุดของผู้ชายที่มีความคล้ายคลึงกับชุดนักศึกษาบ้านเราจากประเทศมาเลเซีย ภาพนี้ถ้าไม่ผ่านตาหรือหลงเหลือในความทรงจำเราอยู่บ้างก็คงจะแปลกๆ กับการนั่งสมาธิในตอนเช้าของประเทศไทย เห็นกันไปแล้วกับชุดนักเรียนจากหลากหลายประเทศ หากเพื่อนๆ ชอบอันไหนหรือมีที่เพิ่มเติมมาก็คอมเมนต์ไว้ได้เลย ที่มา: themindcircle, pixabay
-
โรงเรียนในอังกฤษออกกฎยิบย่อย แค่ดูนาฬิกาในห้องเรียน มีโทษหนักถึงขึ้นพักการเรียน!!
ใครที่เคยผ่านวัยเรียนมาคงจะคุ้นเคยกับกฎต่างๆ ของโรงเรียนเป็นอย่างดี ซึ่งแม้จะมีกฎมากมายแต่นั่นก็เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั่นเอง แต่สำหรับโรงเรียน Merchants’ Academy ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ กลับออกกฎใหม่ที่เข้มงวด เรียกว่า Behaviour for Learning ที่มีความยิบย่อยและมีบทลงโทษเกินกว่าเหตุ จนทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย กฎดังกล่าวมีข้อห้ามอย่างเช่น ห้ามเคาะโต๊ะ ห้ามใส่รองเท้าที่ขัดเงาเกินไป ห้ามใส่ที่คาดผมสีฉูดฉาด และห้ามดูนาฬิกาเวลาเรียน ไม่งั้นจะถูกทำโทษอย่างหนัก Petula Peacock หนึ่งในผู้ปกครองที่รับไม่ได้กับกฎเหล่านี้ ได้ออกมาแสงความคิดเห็นว่าเธอกังวลเรื่องการเรียนของลูกชาย หลังโดนพักการเรียนเพียงเพราะชวนเพื่อนเล่นในห้อง ตามกฎใหม่ระบุว่า ใครที่เล่นในห้องเรียนจะถูกจับแยกตัวจากเพื่อนๆ ในห้อง นั่นหมายความว่าต้องขาดเรียนถึง 5 บท ไม่ให้มีเวลาพักเที่ยง ไม่ได้เลิกเรียนก่อน 15 นาที ที่สำคัญอาจจะถูกสั่งพักการเรียนตั้งแต่ทำผิดครั้งแรก Peacock บอกว่า “มันยุติธรรมแล้วหรอ? เด็กต้องขาดเรียนบทเรียนที่สำคัญไป ฉันได้รับข้อความจากทางโรงเรียนแค่ครั้งเดียว และไม่มีคำอธิบายอื่นๆ เลย” เธอบอกอีกว่า “ฉันพยายามเลี้ยงลูกอย่างดีและเขาก็เป็นคนดี แต่การลงโทษแบบนี้เท่ากับว่าทางโรงเรียนตำหนิว่าฉันเลี้ยงลูกไม่ดีจนทำให้เกิดปัญหา” ไม่ใช่แค่ลูกชายของ Peacock เท่านั้น แต่มีข่าวว่านักเรียนกว่า 100 คน ก็ถูกพักการเรียนในสัปดาห์เดียวกันนี้เหมือนกัน ทาง Nick Short ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ปฏิเสธทุกคำเรียกร้องของผู้ปกครอง โดยอ้างว่าจำเป็นต้องลงโทษไปตามกฎที่ทางโรงเรียนเพิ่งจะเปลี่ยนใหม่นี้…
-
อดีตครูสาววัย 24 ปีถูกจับ หลังมีเซ็กส์กับนักเรียนชายวัย 17 ปีบ่อยครั้ง ทั้งในรถและในบ้าน…
เข้าใจว่าปัจจุบันนี้เซ็กส์มีหลากหลายรูปแบบ และสามารถทำกันได้ทุกเพศทุกวัย แต่บางทีก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและกฎหมายบ้านเมืองด้วย อย่างกรณีของ Loryn Barclay อดีตครูสาววัย 24 ปี จาก Washburn รัฐ Missouri ถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนชายวัย 17 ปี ในข่าวระบุว่าเธอกับลูกศิษย์ได้มีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้งบนรถของฝ่ายชาย ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2016 และในเดือนมกราคม 2017 ทั้งคู่ก็มีเซ็กส์กันที่บ้านของนักเรียนชายถึง 2 ครั้ง ในขณะที่เธอเป็นครูอัตราจ้างของโรงเรียน Monett High School ใน Lawrence County หลังจากที่ถูกสอบสวน Barclay ให้การสารภาพว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับนักเรียนจริงตามที่ถูกกล่าวหา ทางโรงเรียนจึงปลดเธอออกจากตำแหน่งหน้าที่การงาน และปล่อยให้เธอถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายหลังจากที่ถูกจับกุมแล้ว Barclay ก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากยื่นเงินประกันตัวเป็นจำนวน 800,000 บาท แต่ต้องกลับมาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีอีกในวันที่ 24 กรกฎาคม 2017 ส่วนข้อมูลของฝ่ายนักเรียนชายคนดังกล่าวนั้นสื่อไม่ได้ระบุเอาไว้แต่อย่างใด ที่มา dailymail
-
นักเรียนประดิษฐ์รถยนต์ 5 ที่นั่ง ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และยกย่องให้เป็นรถแห่งอนาคต!!
ทุกวันนี้พลังงานทดแทนได้รับความนิยมมากขึ้นเกือบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคอุสาหกรรมต่างๆ และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ล่าสุดที่มหาวิทยาลัย Eindhoven University of Technology ในประเทศเนเธอร์แลนด์ กลุ่มนักเรียนได้พัฒนารถพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อาจเปลี่ยนการขับขี่ของเราในอนาคตได้แล้ว นี่คือ Stella Vie เป็นรถพลังงานแสงอาทิตย์ที่มี 5 ที่นั่ง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 999 กิโลเมตรในแต่ละวันช่วงฤดูร้อน พวกเขาจึงเรียกมันว่า “รถแห่งอนาคต” นอกจากนี้ยังได้มีการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ที่จะทำให้คนขับเร่งความเร็วและเบรกได้อย่างราบรื่น เมื่อต้องการจอดระบบจะนำทางให้ไปจอดในตำแหน่งที่แสงอาทิตย์ตก เพื่อเป็นการชาร์จพลังงานในระหว่างจอด นอกจากนี้รถ Stella Vie ยังมีความสามารถในการวิเคราะห์การจราจร การแจ้งเตือนคนขับ และสามารถประหยัดพลังงานได้โดยการทำตามคำแนะนำของระบบที่ติดตั้งในรถ Stella Vie จะช่วยผู้ขับขี่ให้มีสมรรถนะในการขับขี่อย่างปลอดภัยมากที่สุดโดยการให้ข้อเสนอแนะที่ละเอียดผ่านระบบไฟในตัว มันจะขึ้นไฟเตือนสีแดงในกรณีที่คนขับเบรกกระทันหันหรือเหยียบคันเร่งเร็วเกินไป สำหรับรถคันดังกล่าวนี้ กลุ่มนักเรียนจะนำไปแข่งขันในเวที Bridgestone World Solar Challenge ที่ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และหวังว่าจะสามารถนำมาพัฒนากับระบบรถยนต์ในอนาคตได้จริงๆ เสียทีนะ เจ๋งโคตรๆ อะ ที่มา aplus
-
คุณครูคิดวิธีลงโทษนักเรียนชายทะเลาะวิวาท ให้ยืนกอด-ผลัดกันหอมแก้ม ดูสิว่าจะดีกันไหม!?
แน่นอนว่าเด็กนักเรียนวัยรุ่น โดยเฉพาะผู้ชายคงจะต้องเคยผ่านช่วงทะเลาะวิวาทกันภายในโรงเรียน ซึ่งหากถูกจับได้ก็จะต้องยอมรับการลงโทษจากทางโรงเรียน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของพฤติกรรมเด็กคนนั้นๆ เอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปการลงโทษเด็กๆ ด้วยความรุนแรงนั้นก็ดูจะไม่เป็นที่ยอมรับและถูกตั้งข้อสงสัยอย่างมากจากหลายๆ ฝ่าย ซึ่งทางคุณครูเองก็ได้มีการปรับเปลี่ยนการลงโทษให้ดูเบาๆ ลงไปบ้างแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีอีกหนึ่งการลงโทษที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เมื่อคุณครูได้ลงโทษเด็กนักเรียนสองคนหลังจากที่ทั้งคู่ทะเลาะวิวาทกัน โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นอย่างมาก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่คลิปของนักเรียนสองคนที่กำลังยืนกอดกันอย่าน่ารักพร้อมกับทั้งหอมแก้มกันอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตามเนื้อหาระบุว่าเด็กชายทั้งสองถูกคุณครูสั่งลงโทษหลังจากที่พวกเขาทะเลาะวิวาทกัน เมื่อสงบศึกจึงถูกนำมาลงโทษด้วยวิธีแปลกใหม่นี้นั่นเอง และนี่คือคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าชมกว่า 2 ครั้งแล้ว ทางสำนักข่าวเดลินิวส์รายงานว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ในระหว่างพิธีไหว้ครูของทางโรงเรียน เด็กนักเรียนทั้งสองได้เล่นซุกซนจนทำไปสู่การทะเลาะกันในที่สุด ทางคุณครูผู้ดูแลเห็นดังนั้นจึงได้สั่งทำโทษโดยการมให้ทั้งคู่กอดและหอมแก้มในกรอบสี่เหลี่ยม เพื่อเป็นการแสดงความรักแก่กันแทนการลงโทษด้วยการตีหรือวิธีอื่น และจากในคลิปจะเห็นว่าเด็กทั้งสองหัวเราะ ดูมีความสุขมากกว่าจะรู้สึกแย่กับการถูกลงโทษแบบนั้น แท้จริงแล้วพวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนกันและแค่ผิดใจกันเล็กน้อยก็ได้นะ… หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก บางคนนั้นเห็นด้วยกับการกระทำของคุณครูพร้อมทั้งบอกว่านี่เป็นการแก้ปัญหาที่ดีมาก หรือบางคนถึงกับแอบจิ้นกันเลยทีเดียว และนี่คือความเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตหลังจากได้ชมคลิปวิดีโอดังกล่าว . . . ส่วนบางคนก็เห็นด้วยกับการลงโทษของคุณครู แต่ก็หลายๆ คนก็แอบสงสัยเหมือนกับชาวเน็ตท่านี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?? แล้วเพื่อนๆ…
-
นักเรียนขี้เบื่อวาดรูป “อาจารย์” มาตลอดเทอม ในแต่ละคาบก็พัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดด!!
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์การเรียนในห้องเรียนที่แสนน่าเบื่อกันมาทั้งนั้น และหลายคนก็คงมีวิธีแก้เบื่อที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็แอบคุยกับเพื่อนในห้อง บางคนก็แอบส่งจดหมายไปคุยกับเพื่อนโต๊ะอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนน่าจะเคยผ่านมาก็คือการวาดรูปลงในสมุดหรือหนังสือนั่นเอง แต่สิ่งที่เราวาดก็มักจะเป็นภาพอะไรแปลกๆ หรือไม่ก็ไปเติมหนวดให้กับภาพคนในหนังสือเรียนเสียมากกว่า แต่สำหรับนักเรียนคนนี้ เขาได้วาดภาพอาจารย์คนหนึ่งมาตลอดทั้งเทอม แถมแต่ละภาพนั้นล้ำมากๆ เราไม่รู้ว่านักเรียนคนนี้คือใคร แต่เขาใช้ชื่อในเว็บไซต์ Imgur ว่า JTaber615 พร้อมกับได้เล่าเรื่องราวของเขา พร้อมกับภาพที่เขาได้วาดลงไปด้วย “ในเทอมนี้ ผมได้เรียนวิชาการจัดการธุรกิจ ซึ่งเป็นการสอนที่น่าเบื่อมาก” “ผมก็เลยต้องหาวิธีแก้เบื่อให้ตัวเองในห้องเรียนนี้” “วันหนึ่ง ผมได้ตัดสินใจวาดภาพอาจารย์ ดูซิว่าจะวาดได้เก่งแค่ไหน” “ผมไม่เก่งศิลปะเลย แต่ผมว่าก็วาดได้ใกล้เคียงมากๆ” “และเมื่อคาบนั้นมาถึง ผมก็จะพยายามใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในงานด้วย” “ขอให้สนุกนะ!” ช่วยด้วย หมากัดดด มอนโรว์ก็มา I CAME IN LIKE A WRECKING BALLLLLL ลุงเฟรดดี้ก็ยังได้ บอกเลยว่าแต่ละงานนี่สุดโต่งมากๆ ไม่รู้ว่าเอาไอเดียมาจากไหนเยอะแยะ และอีกอย่างคือตอนนี้อาจารย์รู้ตัวรึยัง ว่าโดนวาดซะกลายเป็นดาราดังขนาดนี้เนี่ย ที่มา imgur
-
ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด… รู้จักกับคุณตาชาวอิตาลีวัย 70 ผู้มีปริญญาบัตรเยอะที่สุดในโลก!!
จะว่าไปแล้ว…. แค่การเรียนให้จบปริญญาตรีซักใบ สำหรับคนทั่วไปก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะตอนทำวิทยานิพนธ์นี่แหละ หลังจากทำเสร็จแล้วหลายคนถึงกับบ่นในใจว่าชาตินี้ขออย่ามาเจอกันอีกเลยนะเธอจ๋า แต่สำหรับ ‘Luciano Baietti’ คุณตาชาวอิตาลี วัย 70 ปี อดีตครูใหญ่ผู้เกษียณอายุแล้วนั้น เขาเป็นผู้ที่หลงใหล และชื่นชอบการศึกษาเล่าเรียนมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่ว่าเจ้าตัวกวาดปริญญาบัตรมาแล้วทั้งหมด 15 ใบ และถูกบันทึกลงในกินเนสบุ๊ค ว่าเป็นคนที่สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมหา’ลัย มากที่สุดในโลก อู้วววหูววว!!! คุณตา Luciano Baietti สาเหตุที่ทำให้เขาได้ปริญญาบัตรมากขนาดนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะความรักในการแสวงหาความรู้ของตัวเขาเอง ทุกวันยามเช้าเขาจะทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ดี คอยดูแลงานบ้าน งานสวน เหมือนคนเกษียณอายุทั่วไป ทว่าทุกวันเวลาประมาณตี 3 เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่หลับใหล คุณตาเลือกที่จะใช้เวลาแห่งความเงียบสงบนี้ไปกับการอ่านตำราเรียน โดยคุณตาอ้างว่า การศึกษาเล่าเรียนเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้สมองของเขาทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะสาขาวิชาไหนก็ตาม… ย้อนกลับไปในช่วงปี 2002 ตอนนั้นคุณตาได้สำเร็จการศึกษาไปแล้วมากถึง 8 สาขาวิชา ประกอบไปด้วย พลศึกษา สังคมวิทยา วรรณกรรม กฏหมาย ปรัชญารัฐศาสตร์ และวิชาที่ว่าด้วยเรื่องทักษะการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แต่นั่นก็ยังไม่พอสำหรับคุณตาผู้มีใจรักในการเรียนรู้ เพราะ…
-
22 คำคมฮาๆ จากหนังสือรุ่น พิสูจน์ว่า “ความเกรียน” กับ “ความคิดสร้างสรรค์” มีเส้นบางๆ กั้นอยู่
หากย้อนกลับไปในช่วงมัธยมปลาย เพื่อนๆ ทุกคนคงจะเคยผ่านประสบการณ์การคิดคำคมใน ‘หนังสือรุ่น’ กันมาบ้างแล้ว แน่นอนว่าหลายๆ คนก็คงจะใส่คำคมที่ตรงกับทัศนคติในการดำเนินชีวิตของตัวเอง แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมคำคามในหนังสือรุ่นแบบฮาๆ ของเหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายต่างประเทศ ต้องขอบอกเลยว่าถ้าความคิดไม่สร้างสรรค์ และไม่เกรียนพอ คิดไม่ได้นะ ฮร่าๆ 1. เมื่อตรูไปตัดผมมา และไม่มีใครสังเกตเห็นเลย… 2. โรงเรียนมัธยมปลายนั้นเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ มันเหมือนกับการขี่รถมอเตอร์ไซค์ แต่เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ไฟกำลังลุกไหม้ และพื้นเองก็มีแต่ไฟ ทุกอย่างมีแต่ไฟเต็มไปหมด เพราะมันคือนรกยังไงล่ะ!! 3. ผมถูกไล่ออกจาก Hogwarts เพราะใช้เวทย์มนตร์จากศาสตร์มืด 4. ฉันอายุน้อยกว่าพี่สาว 3 นาทีครึ่ง…. ตอนที่ไม่มีน้อง มันเป็นช่วงเวลา 3 นาทีครึ่ง ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของฉันเลยล่ะ 5. ผมได้ยินทุกๆ อย่าง (อืมม์ เพราะหูเอ็งใหญ่สินะ) 6. มันยากมากที่จะเป็นซิงเกิ้ลมัม โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่มีลูกซักคน และพวกเขาก็เป็นวัยรุ่นผู้ชาย (เออละมันจะเป็นได้ไง!?)…
-
โรงเรียนจีนเปิด “ธนาคารเกรด” ปล่อยกู้ยืมเกรด ให้กับนักเรียนที่เกรดไม่ถึง (แต่มีดอกเบี้ยนะ)
เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเด็กนักเรียนในประเทศจีนต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการศึกษามากมาย ทุกคนต้องพยายามเรียนเพื่อให้ได้เกรดที่ดีที่สุดไม่เพียงเพื่อความพึงพอใจของสังคมเท่านั้น แต่นั่นยังหมายถึงอนาคตของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ล่าสุด โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองนานกิงได้เปิด “ธนาคารเกรด” ให้นักเรียนที่ประสบปัญหาเกรดน้อย เกรดไม่ถึง ได้กู้ยืมไปใช้งานก่อนได้ด้วย ธนาคารเกรด ถือกำเนิดแล้วในประเทศจีน… โดยธนาคาร จะปล่อยกู้เกรดให้กับนักเรียนที่สอบตกไม่ว่าจะวิชาใดก็ตามตามต้องการ ฟังดูดีใช่ไหม!? แต่แน่นอน เรื่องราวไม่ได้ง่ายแบบนั้น นักเรียนที่กู้ยืมจะต้องจ่ายดอกเบี้ย ด้วยการทำเกรดให้สูงขึ้นกว่าเดิมในเทอมถัดมา แต่อาจารย์หลายๆ ท่านอาจคิดดอกเบี้ยหรือการใช้หนี้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่นให้มาช่วยทำงานในแล็บวิทยาศาสตร์ หรือไม่ก็ให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ซึ่งนักเรียนคนไหนที่เบี้ยวหนี้ ก็จะถูกจับใส่แบล็กลิสต์เหมือนกับธนาคารจริงๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถกู้ได้ในอนาคต หรือจะมีสิทธิ์ถูกตัดเกรดน้อยลงไปอีก Mei Hong อาจารย์ฟิสิกส์จากโรงเรียนในนานกิงแห่งนี้กล่าวว่า ระบบกู้ยืมเกรดดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อมอบ “โอกาสครั้งที่สอง” ให้กับนักเรียน “คะแนน 59 กับ 60 แทบไม่ต่างกันเลย แต่ในการตัดคะแนน คนแรกคือคนที่สอบตก คนที่สองคือคนที่สอบผ่าน ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก ฉะนั้นพวกเขาสามารถกู้คะแนนไปใช้ก่อนได้ ตราบใดที่พวกเขายินดีจะจ่ายดอกเบี้ยภายหลัง” นักเรียนคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมป่วยช่วงก่อนสอบกลางภาคและผมก็ไม่ได้เข้าเรียนหลายคาบเลย ผมเลยสอบตก แต่ผมดีใจมากที่ระบบนี้มอบโอกาสให้ผมได้แก้ตัวอีกครั้ง” อย่างไรก็ตามแม้ทางโรงเรียนจะบอกว่าระบบดังกล่าวส่งผลด้านบวกมากกว่าด้านลบ…
-
ไม่ขำ!! คุณครูญี่ปุ่นขู่จะเขียนชื่อนักเรียนลงบนสมุด “Death Note” สร้างความหวาดกลัวให้เด็กๆ
เมื่อกล่าวถึงการ์ตูนเรื่อง ‘Death Note’ แล้ว คงเป็นเรื่องโปรดของใครหลายๆ คน เพราะเป็นการ์ตูนแนวสืบสวนที่มีเนื้อหาน่าติดตาม และสิ่งที่ผู้คนมักจะพูดถึงกันมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือสมุด Death Note สมุดมรณะที่ตัวเอกของเรื่องใช้เป็นอุปกรณ์ในการสังหารคน เพียงแค่เขียนชื่อพร้อมกับระบุรายละเอียดการตายก็จะทำให้คนที่ถูกเขียนชื่อลงไปเสียชีวิตในทันที จนทำให้มีการนำเรื่องนี้ไปใช้ในเหตุการณ์จริงในทางที่ผิดกัน อย่างเช่นเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ เรื่องมีอยู่ว่าคุณครูวัย 30 ปี จากโรงเรียนในจังหวัด Fukushima ได้ออกมากล่าวคำขอโทษต่อสื่อ หลังทำการขู่นักเรียนของตัวเองว่าจะเขียนชื่อของเขาลงไปในสมุด Death Note จากรายงานของเว็บไซต์ The Fukushima Minyu Shimbun เมื่อวันที่ 12 เดือนมกราคมที่ผ่านมา เล่าว่าคุณครูได้ทำการแสดงให้นักเรียนชั้นประถม 4 คนดูว่าตนเองนั้นมีแอพฯ Death Note อยู่ในแท็บเล็ต พร้อมพูดกับนักเรียนว่า “ฉันจะเขียนชื่อของพวกเธอทั้งหมดลงไปบน Death Note นี้” ตามรายงานไม่ได้ระบุถึงสาเหตุที่คุณครูท่านนี้ใช้ในการลงโทษเด็กๆ แต่เมื่อทางโรงเรียนทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้มีการจัดแถลงการณ์ขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คุณครูแสดงความรับผิดชอบด้วยการกล่าวขอโทษในที่ประชุม และทางผู้ปกครองเองก็ได้กล่าวว่าวิธีการเตือนเด็กๆ ของคุณครูนั้นมัน ‘ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง’ เพราะเป็นการสร้างความกลัวให้กับเด็กๆ …
-
หนูน้อยวัย 5 ขวบเป็นโรคผมร่วง ถูกครูบังคับให้ถอดวิกผมออก เพราะผิดกฎโรงเรียน
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยเรื่องราวของ Apryl Corbett หนูน้อยวัย 5 ขวบ ที่เป็นโรค อาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ (Areata alopcia) ถูกคุณครูที่โรงเรียน Broad Oak Community Primary ในเซนต์เฮเลนส์ ประเทศอังกฤษ บังคับให้ถอดวิกผม ด้วยสาเหตุที่ว่าเป็นการละเมิดกฎระเบียบของโรงเรียน และอาจจะเป็นอันตรายต่อเพื่อร่วมชั้นได้ ทางด้าน Lianne Corbett ผู้เป็นแม่ เมื่อได้ทราบเรื่องราวของลูกสาว เธอก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่ได้ซื้อวิกผมให้กับลูกสาว หนูน้อย Apryl ก็เริ่มถูกเยาะเย้ย และถูกรังแก เพราะว่าเธอหัวล้าน “ฉันรู้สึกโกรธในสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก พวกเขากำลังพยายามจะบอกว่า Apryl น่าจะมีความสุขมากกว่าถ้าหากถอดวิกออก แต่เมื่อมาถึงบ้านเธอกลับเศร้า เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นผมของเธอ และเธอก็ชอบที่จะใส่วิกผมมากกว่า” ผู้เป็นแม่กล่าว สำหรับ Areata alopcia เป็นโรคอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ ซึ่งจะมีลักษณะการร่วงเป็นวงกลมเดียว หรือหลายวงกลม จะเกิดได้จากความเครียด…
-
เด็กนับร้อยยืนเรียงแถว อำลาคุณครูผู้เกษียณ ไม่ต้องจัดพิธีใหญ่โต และไม่มีใครบังคับ!!
ตลอดช่วงชีวิตของการเป็นนักเรียนของทุกคน เราจะได้พบเจอกับคุณครูใจร้าย ที่มักจะคอยลงโทษเราเมื่อทำผิดระเบียบ และคุณครูใจดี ที่ให้ความรู้สึกเหมือน พ่อ-แม่ อีกหนึ่งคนที่เราสามารถปรึกษาได้อย่างเปิดอก ซึ่งทั้งสองต่างก็เป็นบุคคลที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตของเรานั่นแหละ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยม Paul Fort ประเทศฝรั่งเศส เมื่อคุณครูสอนวิชาพละ Alain Donnat วัย 63 ปี ผู้ทุ่มเทไปกับการสอนมาตลอด 38 ปี วันนี้ก็ได้ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเกษียณอายุตนเอง และออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข Alain Donnat ครูพละใจดี ผู้เป็นขวัญใจของเด็กนักเรียนมาหลายรุ่น และเราเชื่อว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้จะเป็นที่ติดตราตรึงใจคุณครูคนนี้ตลอดไป โดยวันศุกร์สุดท้ายของการสอน นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต่างร่วมใจกันทำเซอไพรส์เล็กๆ บางอย่างให้คุณครูคนนี้… นับตั้งแต่ที่เขาเดินออกมาจากห้องพักครู ก็พบว่ามีเด็กนักเรียนจำนวนมาก ยืนต่อแถวเป็นทางเดินให้เขาอยู่ ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือเพื่อเป็นเกียรติแก่การทำงานตลอดเวลา 38 ปีให้กับเขา แม้แต่เพื่อนร่วมงานด้วยกัน ต่างก็มาร่วมกันอำลา มีนักเรียนมากกว่า 700 ชีวิต ที่ช่วยกันเติมเต็มทางเดินของเขา จากห้องพักครู สู่ประตูโรงเรียน ให้เขาได้เดินออกไปอย่างสมเกียรติจากการทำงานที่ผ่านมา นักเรียนทุกคนตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า Donnat! Donnat! Donnat! …
-
โอม เพี้ยง!! ครูเคยบ่นอยากได้รองเท้าผ้าใบ เด็กๆ จึงรวมเงินซื้อ มอบเป็นของขวัญคริสต์มาส
กลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนอบอุ่นหัวใจเลยทีเดียว เมื่อนักเรียนในห้องรวบรวมเงินเพื่อซื้อรองเท้าให้เป็นของขวัญกับคุณครู หลังจากเขาเคยชมว่ารองเท้าคู่นี้สวย เล่นเอายิ้มแก้มปริไม่ยอมหุบเลยทีเดียว เรื่องราวเกิดขึ้นที่ โรงเรียนมัธยมปลายเอดจ์วู๊ด ในเมืองเวสคอบีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อนักเรียนห้องหนึ่งได้รวบรวมเงินซื้อรองเท้ายี่ห้อแวน สีแดง คู่หนึ่งให้กับคุณครูสอนจิตวิทยา เทย์เลอร์ เคอร์บี้ หลังจากที่เขาเคยออกปากชมว่าสวยครั้งหนึ่ง ขณะที่นักเรียนคนหนึ่งใส่มาเรียน ไออานี่ เฮราดี้ วัย 17 ปี หนึ่งในนักเรียนแกนนำในการซื้อรองเท้าครั้งนี้บอกว่า เธอเคยได้ยินเขาบอกว่าอยากได้รองเท้าคู่นี้ แต่คงไม่ซื้อหรอก ดังนั้นเธอกับเพื่อนๆ จึงปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา ซึ่งพวกเธอเก็บเงินคนในห้องคนละ 2 เหรียญ เคอร์บี้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบัซฟีดว่า เขารู้สึกประทับใจกับเหตุการณ์นี้มาก และเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้รับอะไรแบบนี้จากนักเรียน เอาจริงๆ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่านักเรียนจะ “ชอบ” เขา ตอนนี้คลิปวีดีโอขณะเปิดกล่องของเคอร์บี้กลายเป็นไวรัลบนอินเตอร์เน็ต จนมีผู้กดถูกใจแล้วกว่า 144,000 ครั้ง และมีการรีทวิตกว่า 52,000 ครั้ง “ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงชอบคลิปของผมนัก ก็แค่เด็กเนิร์ดคนหนึ่งเปิดกล่องรองเท้า แล้วด้วยเหตุผลบางอย่างก็มีคนเป็นแสนกดไลค์ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ถ้าคลิปของผมทำให้คุณครูหลายคนกลายเป็นครูที่ดีขึ้น ผมก็ดีใจนะ” เคอร์บี้กล่าว (ดูคลิปไม่ได้กดตรงนี้นะ) …
-
ฮาทั่วญี่ปุ่น นักเรียนเที่ยวพิพิธภันฑ์ เจอภาพเจ้าหญิงโบราณ ดั๊นหน้าเหมือนตัวเองเป๊ะ?!?!
กลายเป็นเรื่องสุดฮาบนอินเตอร์เน็ตไปเลยทีเดียว หลังจากนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้บังเอิญไปเจอรูปเจ้าหญิงโบราณในพิพิธภัณฑ์ที่หน้าเหมือนตัวเองเป๊ะ จนแอบสงสัยว่า นี่เป็นบรรพบุรุษกันหรือเปล่าเนี่ย โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นักเรียนหญิงชาวญีปุ่นคนหนึ่งได้เดินทางไปทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน และระหว่างที่เดินชมข้อมูลต่างๆ อยู่นั้น สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นภาพวาดเจ้าหญิงในสมัยราชวงศ์หยวนของประเทศจีนที่ติดอยู่บนผนัง ซึ่งมันคงไม่แปลกอะไร ถ้าเจ้าหญิงในภาพไม่ได้หน้าเหมือนเธออย่างกับแกะ!! เห็นดังนั้น เธอจึงถ่ายภาพและโพสลงทวิตเตอร์ส่วนตัวของเธอ จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วอินเตอร์เน็ตของญี่ปุ่นและมีผู้รีทวีตแล้วกว่า 50,000 ครั้ง แน่นอน เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาคอมเมนต์แบบฮาๆ มากมาย เช่น บอกว่าบางทีเจ้าหญิงในภาพอาจเป็นบรรพบุรุษของยูกิก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตบางคนได้ตัดต่อหน้าของยูกิใส่เข้าไปในภาพด้วย เรียกว่าเหมือนสุดๆ เลยทีเดียว ดูเหมือนว่ายูกิจะไม่ใช่เคสแรกที่มีคนหน้าเหมือนภาพวาดหรือรูปปั้นโบราณ อย่างเช่นนักกีฬาชาวจีนคนนี้ก็บังเอิญหน้าเหมือนรูปปั้นโบราณซะอย่างนั้น คุณผู้ชายท่านนี้ก็เช่นกัน นี่ก็ด้วย บางทีอาจจะต้องมีการเช็คญาติพี่น้องกันดีๆ ว่า มีใครอพยพมาจากประเทศจีนหรือไม่ เพราะอะไรมันจะเหมือนกันขนาดนี้ อิอิ ที่มา dailymail
-
5 เหตุผลที่ทำให้นักเรียน ในประเทศเดนมาร์ก เป็นนักเรียนที่มี ‘ความสุข’ มากที่สุดในโลก
เมื่อย้อนกลับไปในวัยเด็ก เพื่อนๆ คงจะเคยผ่านชีวิตวัยเรียนกันมาก่อน แน่นอนว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่น้อยเลยทีเดียว ต้องตื่นเช้ามาถึงโรงเรียนเคารพธงชาติ เข้าเรียนวันละ 8-9 ชั่วโมง อ่าหนังสือก่อนสอบอย่างขมักเขม้นเพื่อให้ได้เกรดดีๆ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าในโลกของเรานั้นไม่ได้มีระบบการศึกษาเพียงแบบเดียวเท่านั้นนะ และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปดูระบบการศึกษาของประเทศเดนมาร์ก ที่ถูกจัดเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก และนี่ก็คือ 5 เหตุผลว่าทำไมเหล่าเด็กนักเรียนในประเทศเดนมาร์ก ถึงเป็นนักเรียนที่มีความสุขมากที่สุดในโลก จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมกัน… 1. การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ส่วนใหญ่แล้วการดูแลเด็กนักเรียนในระบบการศึกษาของประเทศเดนมาร์กนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฝึกเหล่าเด็กๆ เพื่อให้สอบผ่านแต่อย่างใด แต่ผลักดันให้พวกเขาเกิดความอยากรู้อยากเห็น และฝึกไหวพริบ เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาความรู้ด้วยตนเอง โรงเรียนจะทำการส่งเสริมกระบวนการสร้างความเข้าใจให้กับเหล่านักเรียนว่าพวกเขานั้นจะถูกประเมินค่าจากคุณสมบัติส่วนตัว และความสามารถของแต่ละคน นั่นหมายความว่าทุกๆ คนจะไม่คำนึงถึงเกรดของตัวเอง ทำให้พวกเขาสามารถอยู่ในสังคมได้โดยไม่ต้องแคร์ว่าใครจะทำอาชีพอะไร โดยหลักสูตรนี้จะขึ้นอยู่กับความคิดที่ว่านักเรียนส่วนใหญ่จะสามารถที่จะเอาใจใส่กับการเรียนหรือไม่? และผลก็คือไม่มีเด็กนักเรียนคนไหนในประเทศเดนมาร์กที่ไม่ผ่านการประเมินเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งระบบนี้ไม่ได้มุ่งเน้นช่วยเหลือให้นักเรียนประสบความสูงสุดในชีวิต แต่เป็นการช่วยเหลือทุกๆ คน 2. การรู้จักตัวเองสำคัญพอๆ กับความสามารถในการเขียนได้และอ่านได้ ระบบการศึกษาของโรงเรียนในประเทศเดนมาร์กนั้นมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนในเรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพของแต่ละคน และพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้นโยบายนี้เป็นเพียงแค่ประโยคที่กล่าวมาลอยๆ เท่านั้น เขาระบุออกมาเป็นกฎเลยว่าระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นไม่ควรที่จะให้แค่ความรู้เบื้องต้นกับความสามารถเท่านั้น แต่ควรที่จะช่วยในเรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพอีกด้วย แม้กระทั่งในช่วงเตรียมพร้อมก่อนที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาด้วยก็เช่นกัน (โรงเรียนอนุบาล…
-
เด็กๆ รัสเซีย ต้องพกขวานระหว่างเดินไปโรงเรียน เพื่อป้องกันหมาป่าและหมีมาทำร้าย!!
รัสเซียนอกจากจะเป็นประเทศที่มีผู้นำที่เฉียบขาดอย่าง ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ แล้ว บ่อยครั้งที่ประชาชนในประเทศมักจะมีเรื่องราวที่มันทำให้เรารู้สึกว่า มันโหดสัสรัสเซีย และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศที่ความโหดสัสเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กๆที่นี่ต้องพกขวาน หรืออาวุธไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อป้องกันอันตรายจากหมาป่า หรือหมีป่า ที่อาจจะกำลังซุ่มโจมตีอยู่ระหว่างทางก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Verkhny Nugush เด็กๆทุกคนที่นี่ต้องไปเดินทางเท้าไปเรียนเป็นประจำทุกวันที่หมู่บ้านใกล้ๆกัน Galiakberovo เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลฯ ที่เด็กๆจะต้องเดินฝ่าป่าเขา และหิมะอันหนาวเหน็บ เพื่อไปโรงเรียนเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้มีจำนวนชาวบ้านอาศัยอยู่เพียงแค่ 60 ครัวเรือน ทำให้โรงเรียนประจำหมู่บ้านต้องถูกปิดตัวลงไป เด็กๆทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องเดินเท้าไปเรียนที่หมู่บ้านใกล้ๆแทน คุณแม่คนหนึ่งกล่าวว่า “โดยเฉพาะช่วงตอนเลิกเรียน เมื่อเด็กๆกำลังจะเดินกลับบ้าน มักจะมีหมาป่า ไม่ก็หมี โผล่มาให้เห็นอยู่เป็นประจำ มีครั้งหนึ่งพวกมันมากันเยอะมาก เด็กๆต่างก็กลัว มีแค่ฉันและผู้ปกครองคนอื่นๆที่ต้องช่วยกันไล่มันออกไป” และนั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมเด็กๆต้องพกอาวุธไปด้วยตลอดเวลา Rustam Sharipov ผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล Burzyansky ก็ได้ออกมากล่าวว่า ตนเคยขอร้องทางโรงเรียนให้ช่วยรองรับรถบัสสำหรับรับส่งเด็กๆมาแล้ว แต่เนื่องจากความห่างไกล และความทุรกันดาร ทำให้รถบัสไม่สามาถเข้ามาได้ ผู้ปกครองต่างก็หวังว่าเมื่อไหร่จะมีรถบัสคอยรับส่งซักที รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของรัสเซีย ก็ได้ออกมายืนยันเช่นเดียวกันว่า บริเวณหมู่บ้าน Bashkortostan นี้เองที่มีจำนวนประชากรหมาป่า มากกว่าพื้นที่ใดๆในประเทศ…
-
กฎแปลกๆ ของโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่น ที่บังคับให้นักเรียนสวม ‘กางเกงในสีขาว’ เท่านั้น!!?
เรื่องกฎเรื่องระเบียบต่างๆ ของสถานศึกษานั้น ในประเทศญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎเหล่านี้อยู่เยอะมากจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องกฎการแต่งกายเนี่ย!! แต่บางสถานศึกษาในประเทศญี่ปุ่นนั้น เคร่งครัดไปจนถึงเรื่องสีของกางเกงในเลยทีเดียว!! Atsuko Kaizu สมาชิกสภาเทศบาลแห่งกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมาเผยกฎที่ว่าของโรงเรียน (ที่ไม่ออกนาม) ในพื้นที่ของเขา เกี่ยวกับกฎการแต่งกาย ที่เขาเผอิญมาสะดุดตาอยู่ข้อหนึ่ง ‘เพื่อสุขอนามัยที่ดี ให้นักเรียนทุกคนสวมกางเกงในสีขาวเท่านั้น ห้ามมิให้สวมกางเกงในสีอื่นๆ หรือสีขาวแต่มีลายเด็ดขาด’ กฎให้สวมเฉพาะกางเกงในสีขาว!? เหตุผลที่ว่าให้ใส่บราสีขาวนั้นเป็นเรื่องที่พอรับได้ เพราะชุดส่วนบนของเครื่องแบบนักเรียนหญิงก็เป็นสีขาวอยู่แล้ว แต่ในส่วนของกางเกงในนั้นเป็นจุดที่ลับสายตาไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ทางโรงเรียนก็ได้ให้เหตุผลว่าถ้านักเรียนดูแลความสะอาดของกางเกงชั้นในไม่ดีก็จะเกิดคราบต่างๆ ทำให้นักเรียนสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง แต่กฎนี้มีผู้ที่เห็นต่างมาแย้งซะมากกว่า เช่นในกรณีของคนโรคจิตและพวกถ้ำมอง ที่ถ้าเห็นนักเรียนที่สวมเครื่องแบบอยู่ก็จะจินตนาการแล้วล่ะว่า เธอคนนี้จะต้องใส่ชุดชั้นในสีขาวอย่างแน่นอน เป็นการกระตุ้นให้เกิดความหื่นกระหายเข้าไปอีก แถมพอ Atsuko Kaizu สืบค้นเรื่องนี้เข้าไปอีกก็ยังพบว่ามีโรงเรียนในเขตที่เขาดูแลถึงกว่า 10 โรงเรียนด้วยกันที่ใช้กฎนี้กับนักเรียนกันอยู่ ทำให้ยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ ‘เอาจริงๆ นะ พวกเขาคิดว่าเรื่องนี้จะมีประโยชน์อะไรในเชิงวิชาการเหรอ?’ Atsuko กล่าว ก็เข้าใจเหตุผลของทั้งสองฝ่ายล่ะนะ แต่ก็แอบคิดเหมือนกันน่ะแหละว่ามีประโยชน์อะไรในเชิงวิชาการกันหน๊ออออ ที่มา: rocketnews24
-
กลุ่มนศ. รวมตัวกันเสนอให้มหาลัยฯ เลี้ยง “แมว” ต่อ เพราะมันคือความสุขของทุกคน!!
เชื่อว่าหลายๆ มหาวิทยาลัยต้องมีสัตว์ที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่ ซึ่งพอนานเข้ามันก็จะกลายเป็นที่รักของนักเรียนนักศึกษา จนบางครั้งเกิดความผูกพันธ์จนไม่อยากให้มันไปไหน เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย University of North Alabama เมื่อนักศึกษาได้ตั้งแคมเปญให้ทางมหาวิทยาลัยเลี้ยงแมวตัวหนึ่งไว้ หลังจากที่มันมาเดินอยู่แถวๆ หอพักจนใครๆ ต่างก็หลงรัก ทางมหาวิทยาลัยเล็งเห็นว่าแมวเทาขนยาวตัวนี้อยู่มานาน กลัวว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของนักศึกษา เลยจะนำไปไว้ที่อื่น แต่ทางนักศึกษาก็ไม่ยอม เลยรวมตัวกันปกป้องเจ้า Srat ซึ่งชื่อมาจากคำว่า Sorority cat (แมวประจำชมรม) นักศึกษาส่วนมากก็จะออกมาเล่นกับมัน และพามันไปเล่นอยู่บ่อยๆ เพราะผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนหรือการทำงาน เจ้าเหมียวก็แสนจะขี้อ้อน มันทั้งให้กอด ลูบ และขอความรักจากนักศึกษา บางคนก็คิดถึงสัตว์เลี้ยงที่บ้านก็จะมาเล่นกับมันด้วย ถือว่าเป็นแมวที่อยู่เพื่อนักศึกษาจริงๆ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ออกมาให้เหตุผลว่าแมวนั้นมีเห็บและหมัด อาจจส่งผลต่อสุขภาพนักศึกษาคนอื่นๆ ได้ จึงอยากจะนำแมวไปไว้ที่อื่น อาจจะให้ใครสักคนรับไปเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ทางนักศึกษาก็ได้เขียนข้อความถึงผู้อำนวยการเกี่ยวกับการขอเลี้ยงแมวตัวนี้ไว้ พร้อมกับสัญญาว่าจะไม่ให้แมวก่อเรื่องและจะเลี้ยงดูอย่างดี เพราะว่าแมวตัวนี้ได้มอบความสุขให้กับใครหลายคน ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะให้เลี้ยงต่อหรือไม่ แต่สามารถไปติดตามชีวิตของเจ้า Srat ได้ที่ ทวิตเตอร์ @dorm_kitty ที่มา lovemeow
-
นักเรียนโชว์ซึ้ง แอบเซอไพรส์ครูด้วย ‘รองเท้าผ้าใบ’ ที่ครูอยากได้มาตั้งแต่ 12 ขวบ..!!
สำหรับนักกีฬาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ โค้ช บุคคลที่เปรียบดั่งคุณครูทั้งใน และนอกสนามการแข่งขัน เพราะไม่ว่าผลจะแพ้ หรือ ชนะ ผู้เป็นโค้ชจะคอยอบรมสั่งสอนและอยู่เคียงข้างเราเสมอ เช่นเดียวกับคุณครูสอนพละ ชาวอเมริกันคนนี้ เขาเป็นมากกว่าครูสอนวิชาพละทั่วๆไปให้แก่นักเรียน แต่เขายังคอยเป็นที่ปรึกษา เป็นสะพานคอยเชื่อมความสัมพันธ์ ให้แก่นักเรียนทุกคน และคงไม่มีอะไรที่จะซาบซึ้งไปกว่าการตอบแทนคุณครูที่แสนดีคนนี้ซักครั้ง.. เรื่องราวเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยม Lubbock Coronado แห่งรัฐเท็กซัส คุณครู Thomas Walser เขาเป็นทั้งครูสอนพละ และโค้ชทีมอเมริกันฟุตบอลประจำโรงเรียน สำหรับนักกีฬาโรเรียนทุกคน เขาเปรียบได้ดั่งพ่อคนที่สอง ที่มักจะสร้างบรรยากาศการฝึกซ้อมที่ดี และคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่แล้วเรื่องราวดังคลิปต่อไปนี้ก็ได้เกิดขึ้น.. (หากคลิปไม่แสดง คลิกชมได้ที่นี่) Its good to give back to the man who’s always been by my side.?? @CoachWalser pic.twitter.com/W4Sb5tMPim — Hector Montez (@Augustine__09) September…
-
นักเรียนนิวซีแลนด์ ไปเรียนสาย กับเหตุผล ‘ช่วยคนจมน้ำมา’ จนได้รับการยกย่อง!!
หลายๆ คนตอนที่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา เชื่อว่าต้องเคยเบื่อกับการเข้าเรียนตอนเช้ามากแน่ๆ ก็แหงล่ะ ต้องตื่นเช้า แถมยังต้องรีบทำนู่นนี่นั่นให้เสร็จเพื่อที่จะไปเข้าเรียนให้ทันเวลา วันไหนที่เข้าสายละก็..เตรียมหาข้ออ้างได้เลย แต่สำหรับ 2 หนุ่มจากการรายงานข่าวของ OneNews พวกพี่แกน่ะโคตรหล่อขอบอกเลย เพราะถึงแม้ว่าจะไปเข้าเรียนสาย แต่ที่ช้าน่ะไม่ใช่เพราะทำตัวเกเรนะครับ แต่เป็นฮีโร่ไปช่วยชีวิตคนจมน้ำมาต่างหากล่ะ!! เป็นเรื่องราวของสองหนุ่มผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน Angus Pauley (ขวา) และ Jeremy (ซ้าย) ในเช้าวันหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นวันปกติที่แสนจะน่าเบื่อ สำหรับหนุ่ม Angus กับการที่เค้าต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน แถมวันนี้คุณแม่กลับติดธุระไปส่งไม่ได้ ทีนี้พี่แกก็เลยต้องเดินไปโรงเรียนด้วยตัวเอง พอเดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่ปกติก็ใช้มันเป็นทางผ่านในทุกๆ วันนั่นแหละ แต่วันนี้มันไม่ปกติเหมือนเดิม เพราะหนุ่ม Angus สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังทำท่าทางผลุบๆ โผล่ๆ อยู่กลางน้ำ ดูทีท่าเหมือนไม่ค่อยโอเค จุดเกิดเหตุ เห็นได้ว่าเป็นแม่น้ำขนาดกว้าง แถมน้ำยังไหลเชี่ยวอีกด้วย หนุ่ม Angus เลยตัดสินใจเข้าไปถาม “คุณโอเคมั้ยครับ?” และถึงแม้คำตอบของเธอจะเป็นประโยคสั้นห้วน “ใครก็ได้ช่วยเรียกแม่มาช่วยที”…
-
นักเรียนกว่า 400 คน ร่วมกันมาร้องเพลงให้กับ ‘คุณครู’ ที่ตัดใจยอมแพ้ให้กับโรคมะเร็ง!!
ว่ากันว่าการรักษาโรคนั้นไม่ได้มีแค่การใช้ยา หรือเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่การเยียวยาจิตใจเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยรกษาอาการป่วยได้ด้วยเช่นกัน ยิ่งเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ยาก การรักษาสภาพของจิตใจเองก็เป็นอะไรที่สำคัญเหมือนกันนะ และในวันนี้เอง #เหมียวหง่าว ก็มีเรื่องราวสุดประทับใจของคุณครูที่ตัดใจยอมแพ้ให้กับโรคมะเร็งร้ายไปแล้ว นักเรียนและคุณครูในโรงเรียนคนอื่นๆ กว่า 400 คน ก็เลยตัดสินใจที่จะออกมาร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเขาที่หน้าบ้านซะเลย คุณ Ben Ellis เป็นคุณครูสอนอยู่ที่โรงเรียน Christ Presbyterian Academy ในเมือง Nashville รัฐ Tennessee มาตั้งแต่ปี 2008 และเมื่อปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งร้าย และเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้เองเขาก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ ยกเลิกการรักษาไป และเมื่อคุณ Nate Morrow คุณครูใหญ่ของโรงเรียน Christ Presbyterian ได้ให้สัมภาษณ์กับ BuzzFeed News ว่า เมื่อผู้บริหารของโรงเรียน ท่านประธาน Parker Atman ได้ทราบข่าวนี้ เขาก็รีบไปประกาศเสียงตามสายและพูดว่า “เราจะไปร้องเพลงให้คุณครู Ellis กัน” คุณ Morrow ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คุณครู Ellis นั้นมักจะไปร้องเพลงขอบคุณพระเจ้าร่วมกับนักเรียนอยู่บ่อยๆ “เขาบอกว่าในช่วงเวลาเหล่านั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ…
-
สรุปประเด็นเหตุการณ์ ‘คุณครูปาแก้ว’ ให้อ่านเข้าใจง่ายๆ!! (อัพเดท 14 กันยายน)
หากเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวสาร หรือหน้านิวส์ฟีดเฟซบุ๊คในวันนี้ คงจะได้เห็นเรื่องราวของเด็กหญิงที่ถูกคุณครูปาแก้วน้ำใส่อย่างรุนแรงจนทำให้ปากเบี้ยวกันไปบ้างแล้ว… บางคนก็สงสัยว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมถึงมีคนแชร์กันมากมาย เดี๋ยว #เหมียวหง่าว จะมาสรุปเหตุการณ์ให้เพื่อนๆ อ่านกันเป็นข้อๆ ก็แล้วกันนะ ภาพถ่ายของน้อง ช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุ 1. เหตุการณ์เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 8 สิงหาคม ขณะที่ น.ส. นฤดี จอดสัน (น้องทราย) นักเรียนชั้นม. 5 ได้เข้าแถวเรียนวิชาพละศึกษา แต่แถวที่น้องได้ต่ออยู่นั้นมีแดดส่อง ก็เลยลุกขึ้นยืนเพื่อหลบแดด แต่พอคุณครูมาเห็นเข้าก็เลยปาแก้วเซรามิคเข้าใส่โดนที่กกหูข้างซ้ายของน้อง 2. ในตอนแรกน้องทรายเล่าว่าไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร แต่พอเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มรู้สึกว่าขยับใบหน้าด้านซ้ายไม่ได้เลย เวลายิ้มตาซ้ายไม่สามารถหลับได้สนิท และปากด้านซ้ายก็ไม่สามารถขยับได้เช่นกัน 3. ต่อมาคุณแม่ของน้องก็ได้พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอหนองบุณมาก ซึ่งคุณหมอเองก็วินิจฉัยว่าน่าจะเป็นเพราะกล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาท หรือกระดูกแตกทับเส้นประสาทกันแน่ ภาพของอาการบวมและดวงตา ใช้ภาพของน้องแบบไม่เซ็นเซอร์เพื่อให้เห็นอาการได้อย่างชัดเจน ตามที่น้องลงภาพไว้ 4. ทางคุณหมอก็เลยส่งตัวน้องทรายไปที่โรงพยาบาลมหาราช และหมอที่โรงพยาบาลมหาราชก็ได้บอกว่าตอนนี้ไม่มียารักษา ต้องให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพตัวเอง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน 5. และตอนนี้…
-
มีคลิปแล้ว… เผยโฉม Saya นักเรียนสาวน้อยแห่งโลก CG สวยเนียนจนนึกว่าเป็นคนจริงๆ
อัพเดท: เรื่องนี้เขียนเมื่อ 13 กันยายน และอัพเดทเพิ่มเติมคลิปของเธอไว้ด้านล่าง สำหรับใครที่อ่านแล้วเลื่อนลงไปได้เลยครับ นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีภาพเดี๋ยวนี้มันไปไกลเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้แล้ว เพราะว่าความสมจริงที่เรากำลังถวิลหากันอยู่นั้น ก็ใกล้ตัวเรามากในทุกขณะนี้แล้วล่ะ ถ้าหากใครยังจำกันได้ เมื่อปีที่แล้ว ได้มีการเผยภาพของนักเรียนสาวชาวญี่ปุ่นนามว่า Saya ไปทั่วโลกออนไลน์ ถ้ามองแบบผิวเผินก็คงจะนึกว่าเป็นภาพถ่ายของคนจริงๆ ภาพของ Saya ที่ประมวลผลขึ้นมา . แต่เนื้อแท้นั้นเธอไม่ได้มีตัวตนในโลกใบนี้ เพราะเธอเป็นโมเดลจำลอง 3 มิติ ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสามีภรรยาศิลปินนักออกแบบโมเดล 3 มิติ Yuka และ Teruyuki Ishikawa ด้วยความเนียนและสมจริงที่แทบจะแยกไม่ออก ชาวเน็ตต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน #เหมียวเลเซอร์ เองก็ยังตกใจเลย แต่กระนั้นด้วยระยะเวลาที่ผ่านมานานจนครบปีแล้ว ทางผู้สร้างก็ได้ทำการวางแผนสร้างเรื่องราวให้กับ Saya โดยจะให้เธอนั้นเป็นตัวละครดำเนินเรื่องนั่นเอง ที่ต้องใช้เวลานานกันหน่อยก็เป็นเพราะว่าด้วยงานที่จะต้องลงรายละเอียดเยอะ บวกกับงานประจำที่ต้องทำส่งลูกค้า โปรเจคของ Saya จึงเป็นเรื่องรองลงมาและจะสามารถสานงานต่อได้ก็ตอนที่มีเวลาว่าง จนกระทั่งพวกเขาก็พร้อมที่จะเผยโฉมของ Saya เวอร์ชั่น 2016 แล้ว …
-
คุณครูปิ๊งไอเดียติดตั้งเครื่องปั่นจักรยานไว้ใต้โต๊ะ เพื่อช่วยให้นักเรียนโฟกัสกับการเรียนมากยิ่งขึ้น!!
ปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปมากแล้ว ทั้งทางด้านเทคโนโลยี แฟชั่น แนวคิดต่างๆ และแน่นอนว่ารวมไปถึง ‘การศึกษา’ ด้วย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็มีพัฒนาการก้าวไกลไปมากแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่การพัฒนาเนื้อหาของการเรียนการสอนเท่านั้น เพราะการสอนก็ถูกพัฒนาควบคู่ไปด้วยเพื่อทำให้เด็กๆ หันมาสนใจเนื้อหาการเรียนเช่นกัน และนี่ก็คือวิธีการสอนแบบใหม่ ที่สุดแสนจะแปลกของคุณครู Bethany Lambeth โดยเธอได้ทำการติดตั้งเครื่องปั่นจักรยานไว้ที่ใต้โต๊ะของนักเรียน เพื่อทำให้เหล่านักเรียนทั้งหลายหันมาโฟกัสกับการเรียนมากยิ่งขึ้น “ปกติแล้วในวัยเด็กนักเรียนนั้นจะเป็นวัยที่มีพลังงานมากมายมหาศาล และเมื่อพวกเขานั่งเรียนอยู่เฉยๆ ก็หาวิธีที่จะใช้พลังงานเหล่านั้นออกมาทั้ง ทุบโต๊ะ แกล้งเพื่อน หรือหันหน้าคุยกัน มันจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะเท้าของพวกเขานั้นเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา นั่นจะทำให้สามารถเพิ่มคุณภาพงานของนักเรียนของเรา และลดความผิดพลาดในการทำงานได้เป็นอย่างมาก” คุณครู Lambeth กล่าว แล้วสิ่งที่ดีที่สุดของมันก็คือ เหล่านักเรียนนั้นชอบวิธีนี้มากๆ เลยล่ะ!! “มันช่วยให้ฉันได้ออกกำลังกาย และโฟกัสไปกับการเรียนมากยิ่งขึ้น” นักเรียนคนหนึ่งกล่าว ขณะเดียวกันเด็กอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่มีพลังงานเยอะมาก และนี่ก็ทำให้ผมได้ใช้พลังพลังงานเหล่านั้นออกไป ทำให้ผมสามารถหันมาสนใจกับการเรียนได้มากยิ่งขึ้น” เขาได้ทำการปั่นไปเป็นระยะทางกว่า เกือบ 9 กิโลเมตร และสามารถเผาผลาญพลังงานไปได้มากกว่า 133 แคลอรี่ ก่อนเวลา 10 โมงเช้าซะอีก!! แน่นอนว่าใครก็ตามที่อยากได้เจ้าเครื่องปั่นจักรยานติดโต๊ะนี้มาช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้ในเวลาทำงาน…
-
คุณครู ป.2 กับแนวคิดใหม่ ‘ไม่สั่งการบ้าน’ เพราะเห็นว่า การใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนสำคัญกว่า
สิ่งหนึ่งที่นักเรียนหลายๆ คนขยาดกันซะเหลือเกินในตอนที่เป็นเด็กๆ คงหนีไม่พ้นเจ้าสิ่งที่เรียกว่า ‘การบ้าน’ จะไม่ให้เบื่อก็คงแปลก เพราะหลังจากที่นั่งเรียนกันอย่างหนักทั้งวันแล้ว คงไม่มีใครอยากจะกลับบ้านไปแล้วต้องมาหมกมุ่นกับเรื่องเรียนอีกแน่ๆ และเชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ สมัยใหม่หลายๆ คนก็อาจไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก ที่ต้องเห็นลูกน้อยวัยกำลังซน ต้องมานั่งทำการบ้านอย่างเคร่งเครียด แทนที่จะได้ใช้เวลาไปกับการเล่นอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ให้เหมาะสมตามวัย และนี่คือวิธีการของคุณครูประจำชั้น ป.2 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งรัฐเท็กซัส ที่ต้องการจะลองวิธีการใหม่ๆ นั่นก็คือการ ‘ไม่สั่งการบ้าน’ และนี่คือจดหมายประกาศเกี่ยวกับนโยบายการสั่งการบ้านจากครูสาว Brandy Young โดยมีใจความสำคัญดังนี้… “ถึง ผู้ปกครองทุกท่าน หลังจากการทำวิจัยอย่างหนักในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ดิฉันขออนุญาติทดลองอะไรใหม่ๆ นั่นก็คือการกำหนดให้นักเรียนจะมีการบ้านก็ต่อเมื่อ พวกเขาทำงานชิ้นนั้นไม่เสร็จภายในชั่วโมงเรียน และจะไม่มีการสั่งงานนอกเหนือจากนี้ เนื่องจากเคยมีงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการบ้านไม่ได้ช่วยพัฒนาศักยภาพของนักเรียน ในทางกลับกันดิฉันขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองช่วยทำในสิ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จของนักเรียน นั่นก็คือ การทานอาหารเย็นร่วมกับครอบครัว อ่านหนังสือด้วยกัน ออกไปเล่นข้างนอก และพาบุตรหลานของท่านเข้านอนแต่หัวค่ำ จาก Brandy Young“ และวิธีการของคุณครูคนนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ปกครองทั้งหลาย มีการแชร์ต่อกันไปมากถึง 70,000 ครั้ง จากเหล่าผู้ปกครองที่เบื่อหน่ายกับการสั่งให้ลูกทำการบ้าน แทนที่จะได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน “นักเรียนทุกคนต่างเล่าเรียนกันมาหนักมากพอแล้วในหนึ่งวัน เมื่อถึงตอนที่พวกเขากลับบ้าน มันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เรียนรู้อะไรอย่างอื่นบ้าง ฉันพยายามพัฒนาศักยภาพโดยรวมทั้งหมดของนักเรียนค่ะ”…
-
ล้ำมากๆ!! และนี่คือ 18 คุณครูตัวอย่าง ที่ก้าวข้ามการสอนแบบเดิมๆ ไปสู่ระดับที่เจ๋งขึ้น
ต้องขอบอกเลยว่าทุกวันนี้ โลกของเรานั้นพัฒนาไปรวดเร็วมาก ทั้งทางด้านเทคโนโลยี และวัฒนธรรมต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีในเรื่องของการศึกษาที่ต้องเปลี่ยนบทเรียนและวิธีการสอนให้เข้ากันได้กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปด้วย แต่วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเหล่าคุณครูที่ต้องขอบอกเลยว่าพวกเขาได้ก้าวข้ามการสอนแบบเดิมๆ ไปสู่เลเวลใหม่แล้ว จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. คุณครูที่ทำรายชื่อมาให้นักเรียน แต่ช่างน่าสงสารคุณครูที่ชื่อก็จำย๊ากยาก เจเดน อายดีน ไอเดน ไอแดน 2. ตื่นเช้าเดินเข้าห้องมา ก็จะพบกับเหตุการณ์ประจำวันที่คุณครูวาดไว้บนกระดาน (เลิศ!!) 3. แต่งชุดไททันเพื่อสอนวิชาอนาโตมี 4. ให้นักเรียนนั่งถกกันไป ส่วนคุณครูเรอะ มานั่งถ่ายรูปกับไฟท้ายของนักเรียน ฮร่า (ดูเหมือนจะเป็นการเรียนการสอนของระดับปริญญาโทนะ) 5. ใช้มีมเป็นตัวช่วยในการสอน เอาซะฮาเลย (เมื่อพระอาทิตย์ถึงจุดจบจะเป็นอย่างไรน่ะเหรอ? ถ้าฉันตายฉันจะพาพวกเธอไปด้วยยย หึๆ) 6. ตื่นมาเรียนตอน 7 โมงเช้า แล้วพบว่าอาจารย์ใส่ชุดนอนมาสอนทุกวัน -*- 7. เป็นการออกข้อสอบที่ต้องขอบอกเลยว่านักเรียนทั้งหลายจะต้องร้องจ๊ากกก เลยทีเดียว…
-
แบบนี้ก็ได้เหรอ!! นักเรียนญี่ปุ่นฟ้องโรงเรียน 2 ล้าน เพราะถูกไล่ออกข้อหามีเซ็กส์กับแฟน
กลายเป็นข่าวดังในวงการศึกษาของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เมื่อนักเรียนคนหนึ่งเตรียมฟ้องโรงเรียนเป็นเงินกว่า 6 ล้านเยน หรือราว 2 ล้านบาท เนื่องจากไล่เขาออกจากโรงเรียนในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับสาวที่คุยกันอยู่ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนชายคนหนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลายเซวะกาคุเอ็ง ในเมืองเซนได ถูกโรงเรียนไล่ออกเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่กำลังคุยๆ กันอยู่ ซึ่งเป็นช่วงเพียง 1 สัปดาห์ก่อนจบการศึกษา อย่างไรก็ตาม โรงเรียนได้ยื่นข้อเสนอให้เขาลาออกเอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาเลือกที่จะลาออกเองแทนที่จะโดนไล่ออก แต่ผลก็คือเขาต้องออกจากโรงเรียนอยู่ดี เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กๆ ญี่ปุ่นส่วนมากถูกโรงเรียนกำหนดเส้นทางชีวิตไว้หมดแล้ว ว่าจะต้องไปเรียนต่อที่ไหนอะไรยังไง ฉะนั้นการต้องย้ายโรงเรียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตอย่างมัธยมปลาย อาจหมายถึงเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล แม้ตอนนี้เขาจะได้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมองย้อนกลับไปเขารู้สึกเสียดายกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก ทำให้เขาตัดสินใจฟ้องร้องโรงเรียนเก่าของเขาเป็นจำนวนเงิน 6 ล้านเยนหรือราว 2 ล้านบาทเนื่องจากทำให้เขาเสียโอกาสในชีวิต พิจารณาจากกฎระเบียบของกระทรวงการศึกษาแล้ว ไม่มีการระบุบทลงโทษที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร มีเพียงแค่ห้ามทำร้ายร่างกายเด็กเท่านั้น ส่วนโรงเรียนเอกชนสามารถกำหนดบทลงโทษได้เองตามวิจารณญาณ ส่วนครูใหญ่ของโรงเรียนเซวะ ได้กล่าวว่า พวกเขาเคยส่งจดหมายเตือนแก่นักเรียนทุกคนแล้วว่า จะไม่มีการปราณีต่อผู้ที่กระทำผิดทางเพศอย่างเด็ดขาด เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นที่โจษจันในสังคมเป็นอย่างมาก ชาวเน็ตหลายท่านแสดงความเห็นว่า นี่เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือเปล่า เพราะเรื่องเพศก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวฟ้องร้อง…
-
เหล่านักเรียนต้องมีเขินกันบ้างละ เมื่อได้สอบสัมภาษณ์กับอาจารย์นาวิน ต้าร์ สุดหล่อ
หลังจากที่ได้มีการประกาศผลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (Admission) ประจำปีการศึกษา 2559 เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันการศึกษาแต่ละที่ก็คงจะมีการเรียกให้ไปสอบสัมภาษณ์กันบ้างแล้ว เช่นเดียวกับทาง คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ได้มีการสอบสัมภาษณ์รับนิสิตใหม่ ประจำปีการศึกษา 2559 รอบ Admission ไปแล้วเช่นกัน และที่สำคัญสิ่งที่สร้างสีสันให้กับการสอบสัมภาษณ์ของคณะเศรษฐศาสตร์ในครั้งนี้ก็คือ อาจารย์สอบสัมภาษณ์โต๊ะที่ 23 ที่เห็นปั๊บก็ทำให้หลายคนถึงกับมองจนตาค้างไปในทันที เพราะเขาคนนี้คือ อาจารย์นาวิน เยาวพลกุล หรือหนุ่ม นาวิน ตาร์ นั่นเอง ให้ตายเถอะ!! เจออาจารย์หนุ่มสุดหล่อประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มาสอบสัมภาษณ์แบบนี้ น้องๆ ต้องตั้งสติกันให้ดีๆ หน่อยนะ อย่ามัวแต่เผลอมองหน้าอาจารย์ละ อิอิ!! และหลังจากที่ภาพบรรกาศการสอบสัมภาษณ์ได้ถูกนำไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊คเพจ Econnews_KU ก็ทำให้บรรดาชาวเน็ต รวมไปถึงรุ่นพี่สาวๆ พากันเข้ามากดไลค์ กดแชร์ และแสดงความคิดเห็นแบบชวนละเมอเพ้อฝันกันอย่างมากมาย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ…. แหมๆๆ เจอแบบนี้เป็นใครก็เขินเป็นธรรมดา ขนาดแค่นั่งดูรูปยังรู้สึกเขินตามเลย ถ้าเจอกับตัวคงไม่ไปเป็นแน่นอน อิอิ!! ที่มา : Econnews_KU, kapook
-
การทดลองสุดเจ๋งของ นักเรียน ม.ปลาย ญี่ปุ่น ‘ฟักไข่ไก่แบบไร้เปลือก’ และสำเร็จด้วย..!!
อื้อหืออออ เรื่องนี้คงไม่มีใครคิดกันมาก่อนอย่างแน่นอน แต่ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวเลยนะเนี่ย ก็อย่างที่เราเข้าใจกันว่าไข่ที่จะสามารถฟักเป็นตัวได้ก็คือไข่ที่อยู่ในเปลือกสมบูรณ์เท่านั้น น่าสงสารสำหรับไข่ที่ดันแตกและไม่ได้มีโอกาสได้ฟักเป็นตัวเหมือนกันเนาะ -*- แต่ก็นั่นแหละ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบฟักไข่แบบไม่ต้องมีเปลือกกันได้แล้ว จนกลายเป็นที่ฮือฮาในแวดวงการวิทยาศาสตร์เลยทีเดียว!!! ทำไมสิ่งประดิษฐ์นี้ถึงสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการได้ล่ะ!!? นั่นก็เพราะที่นี้เราจะสามารถสังเกตวิวัฒนาการของไก่ภายในไข่แบบเห็นกันได้ชัดๆ แถมยังสามารถฟักไข่ของนกใกล้สูญพันธุ์ที่เปลือกเสียหายได้แล้วนั่นเอง ซึ่งกรณีนี้มีให้พบเห็นกันอยู่บ่อยครั้งและน่าเสียดายอย่างยิ่ง คราวนี้กลุ่มนักเรียน โรงเรียนมัธยม Oihama ในจังหวัด Chiba ประเทศญี่ปุ่น เลยอยากจะทำการทดลองฟักไข่แบบไร้เปลือกบ้าง หลักการก็คือสร้างเปลือกเทียมขึ้นมาให้มัน และต้องแน่ใจว่ามีออกซิเจนไหลเข้าไปอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ และที่สำคัญอย่าลืมเติมสารอาหารจำพวกแคลเซียมและน้ำให้ตัวอ่อนด้วยล่ะ!!! สำหรับอัตราการประสบความสำเร็จในการฟักจะอยู่ที่ร้อยละ 60 เลยทีเดียว ถือว่ามากที่สุดเท่าที่มีการคิดค้นการฟักไข่แบบไร้เปลือกมา ใช้เวลาเพียง 3 วัน ก็สามารถเห็นหัวใจของไก่ตัวน้อยเต้นตึ๊บๆ แล้วล่ะ และภายใน 21 วัน เราก็จะสามารถเห็นตัวอ่อนเป็นตัวได้แบบนี้แล้ว!!! วิดีโอเวอร์ชั่นซับภาษาอังกฤษ สามารถรับชมได้ด้านล่าง (หรือคลิกที่นี่เลย) หลังจากที่วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่ในทีวีไปทั่วประเทศ เราที่ได้ชมก็คงจะรู้สินะว่าพวกน้องๆ ม.ปลาย เค้ามีความคิดและความตั้งใจอันสุดยอด และได้รับความสนใจจากวงการวิทยาศาสตร์อย่างมาก แน่นอนว่าในอนาคตน้องๆ อาจจะสามารถพัฒนาความสำเร็จให้ใกล้เคียง 100% และอาจจะนำไปต่อยอดใช้งานจริงในการอนุรักษ์สัตว์หายาก…
-
คุณครูเขียนจดหมายให้กำลังใจนักเรียน 130 คน หลังจากเกือบสูญเสียลูกศิษย์เพราะ ‘โรคซึมเศร้า’
ความเศร้าสามารถนำพาชีวิตของคนหนึ่งคนไปสู่การฆ่าตัวตายได้ อาจจะฟังเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ข้างๆ เราก็เป็นได้ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน คุณครู Brittni Darras ได้พบปะกับผู้ปกครองของนักเรียนภายใต้การดูแลของเธอในงานประชุมผู้ปกครอง และแล้วก็มีคุณแม่รายหนึ่งเข้ามาหาเธอเพื่อทำการบอกเล่าเหตุผลว่าทำไมลูกสาวของเธอถึงขาดเรียนเป็นประจำ คุณแม่เล่าว่าเหตุที่ลูกสาวของเธอนั้นขาดเรียนบ่อยๆ เป็นเพราะว่าลูกสาวของเธอเป็นโรคซึมเศร้า เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามายับยั้งเอาไว้ได้ โดยที่ลูกสาวของเธอพร้อมที่จะลาโลกนี้ไปด้วยการลบบัญชีสื่อโซเชียลทั้งหมดทิ้งพร้อมกับร่างจดหมายลาตายไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณครู Brittni Darras ก็เป็นห่วงมาก จึงเขียนจดหมายส่งไปให้ลูกศิษย์ผ่านคุณแม่ ใจความในจดหมายนั้นไม่ไดมีบอกโดยละเอียด แต่พอจะสรุปจากรูปที่เห็นได้คร่าวๆว่า ‘ถึงจะผ่านอดีตอันขมขื่นมา แต่เธอก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าประสบความสำเร็จ ครูชอบที่จะรับรู้เรื่องราวบ้าๆบอๆของพวกเธอ แล้เธอจะไปได้สวยแน่ในอนาคต ภูมิใจในตัวเธอมากนะ ทำดีต่อไปล่ะ ลงชื่อ คุณครู Darras’ เมื่อเธอได้รับจดหมายนั้น ทั้งคุณแม่และลูกสาวต่างร้องไห้ทันที ถึงกับพูดออกมาว่า ‘หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนห่วงใยหนูขนาดนี้ หนูไม่คิดเลยว่าจะมีใครคิดถึงหนูถ้าหากว่าหนูจากโลกนี้ไปแล้ว’ จากเหตุการณ์ที่เกือบจะสูญเสียลูกศิษย์ของเธอจากการฆ่าตัวตาย ด้วยความเป็นห่วง คุณครูก็เลยใช้เวลากว่า 2 เดือน เขียนจดหมายให้กับลูกศิษย์อีก 130…
-
แฟนแฮร์รี่คิดทฤษฎี เกี่ยวกับ “จำนวนนักเรียนในฮอกวอตส์” ว่าทำไมถึงมีน้อยเป็นพิเศษ..!!
สำหรับคนที่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือดูหนังมา มักจะมีหลายสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นหลายคนคิดเป็นทฤษฎีออกมามากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่ได้เอะใจเท่าไหร่ นั่นก็คือจำนวนนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนฮอกวอตส์นั่นเอง ก่อนหน้านี้ เจ.เค. โรว์ลิ่งเคยออกมาเผยว่าที่ฮอกวอตส์นั้นมีนักเรียนประมาณ 1,000 คน และถ้าคำนวนเป็นอย่างดีแล้วก็จะพบว่าในแต่ละปีนั้น บ้านทั้ง 4 หลังจะมีนักเรียนใหม่มาอยู่ 35 คนต่อปี แต่ทำไมปีที่แฮร์รี่มาอยู่นั้นถึงมีนักเรียนเข้าบ้านกริฟฟินดอร์แค่ 18 คนเท่านั้นเอง ได้มีผู้ใช้เว็บไซต์ Tumblr ชื่อว่า marauders4evr ได้คิดทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ขึ้นมาในโพสต์นี้ http://marauders4evr.tumblr.com/post/140524900827/oh-my-god-i-just-realized-something-for-years ใจความประมาณว่า ในปี 1998 ซึ่งเป็นปีที่แฮร์รี่เข้าฮอกวอตส์เป็นครั้งแรกนั้นมีเด็กนักเรียนน้อยก็เพราะว่าในช่วงปี 1979-1981 นั้นเป็นช่วงที่จอมมาร(โวลเดอร์มอร์) เถลิงอำนาจ ได้มีการเขียนบอกว่ามีผู้ใหญ่หลายคนที่เข้าร่วมกับภาคี หลายคนถูกฆ่าด้วยผู้คุมวิญญาณ อีกหลายคนไม่อยากให้ลูกเข้าสู่โลกเวทมนตร์ นั่นก็เลยอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ฮอกวอตส์ในปีนั้นมีนักเรียนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นทฤษฎีที่มีความสมเหตุสมผลอย่างมาก ทุกอย่างมันดูเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ถ้ามันเป็นจริงแสดงว่าเจ.เค. วางแผนมาอย่างดีในเรื่องนี้ มองทุกอย่างขาดมากๆ พออ่านแล้วก็นึกเรื่องราวออกเลย เท่าที่จำได้ก็คือพ่อแม่ของเนวิลก็ถูกทำให้เสียสติ รวมไปถึงพ่อแม่ของแฮร์รี่ก็ถูกฆ่าด้วยเช่นกัน เพราะว่าอยู่ในภาค T T ที่มา distractify
-
อย่าทำตามนะเด็กๆ!! นางงามวัยรุ่นถูกตำรวจจับ ข้อหา ‘ปลอมแปลงใบสั่งแพทย์’ เพื่อหนีเรียน
ว่ากันด้วยเรื่องของ ‘กฎหมาย’ แต่ละประเทศทั่วโลกก็จะมีกฎหมายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งบทลงโทษ และข้อห้ามว่าทำได้หรือไม่ได้ อย่างบางประเทศสามารถมีกัญชาไว้ในครอบครองได้ แต่บางประเทศห้ามทำ เป็นต้น อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องของสาวชาวอเมริกันวัย 17 ปีที่ทำการปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์เพื่อโดดเรียน จนทำให้เธอติดคุกในที่สุด!! Madison Cox นักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Duncan รัฐ South Carolina ถูกตำรวจจับกุมข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์เพื่อโดดเรียน เธอถูกจับและตั้งข้อหาว่าได้ทำการปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์จากคลีนิค Parris Family Chiropractic ในเมือง Greeville แต่พอตรวจสอบแล้วก็พบว่าวันที่ออกใบรับรองแพทย์นั้นตรงกับวันหยุดของคลีนิคพอดี จึงทำให้แผนการโดดเรียนของเธอโป๊ะแตก และเข้าไปนอนในคุกเล่นๆ เป็นเวลา 1 คืน และที่สำคัญเธอยังดำรงตำแหน่ง Miss Teen South Carolina International ในปี 2015 โดยเป็นตัวแทนของเมือง Spartanburg ส่งเข้าประกวด จึงทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวดังใหญ่โต ถึงกับลงในหนังสือพิมพ์ NewYork Daily News…
-
นักเรียนหญิงเซอร์ไพรส์คุณครูด้วยการ ‘ทำขนมเค้ก’ ไปมอบให้ หลังจากที่เข้าเรียนสายทุกวัน!!
ในช่วงชีวิตวัยเรียนเพื่อนๆ หลายคนคงเคยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องกันมาก่อน ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมากกว่าคนอื่นๆ ในชั้นเรียน และอาจทำให้ส่งผลต่อการเรียนไม่มากก็น้อย อย่างเช่นเด็กสาว Jenny Hudak วัย 17 ปี ที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าชั้นในโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ใน Miami เธอเข้าเรียนสายในวิชาแคลคูลัสในตอนบ่ายทุกๆ วัน ในปีการศึกษาที่ผ่านมา แต่ที่เธอเข้าเรียนสายนั้นไม่เป็นเพราะว่าเธอขี้เกียจ หรือเป็นเด็กมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเธอมีหน้าที่เป็นหัวหน้าชั้น และต้องรับหน้าที่ในการออกแบบและจัดทำหนังสือรุ่นให้กับเพื่อนๆ แต่อาจารย์ที่สอนวิชาแคลคูลัสก็ไม่เคยต่อว่าเธอแม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจว่าเหตุใดเธอถึงเข้าเรียนสาย Jenny ก็เลยต้องการที่จะแสดงความขอบคุณต่อคุณครูของเธอด้วยการเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เธอได้นำเค้กไปมอบให้กับคุณครูในวันสุดท้ายของการเรียนการสอนที่ห้องพักครู… พร้อมกับเขียนประโยคบนหน้าเค้กว่า “ขอโทษที่หนูเข้าเรียนสายในวิชาของอาจารย์ทุกวันนะคะ” คุณครูของเธอก็รู้สึกดีใจและยินดีเป็นอย่างมาก Jenny ยังเล่าให้ฟังอีกว่า คุณครูสอนวิชาแคลคูลัสนั้นเป็นคุณครูที่เป็นที่รักของนักเรียนทุกๆ คน ทั้งฉัน และนักเรียนคนอื่นๆก็ด้วย แหม่ สำหรับใครที่รู้สึกอยากจะตอบแทนคุณครูอันเป็นที่รักในชั้นเรียนของตัวเองก็ลองเอาวิธีเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปใช้กันดูนะ รับรองว่าจะช่วยให้พวกเขามีความสุขไม่มากก็น้อยเลยล่ะ ^^ ที่มา : buzzfeed
-
ไปกันใหญ่!? ชาวเน็ตแห่คอมเม้นรูปนักเรียนชาย ‘แท่งทอง’ จนดราม่าเรื่องการคุกคามทางเพศ
การแสดงความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถทำได้ตามอิสระ มีความคิดเห็นกับเรื่องดังกล่าวอย่างไรก็สามารถแสดงออกมาได้เต็มที่ แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าอาจจะเป็นการล่วงเกินมากไปหรือเปล่า ประเด็นมันเกิดขึ้นที่เฟสบุ๊กคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนได้โพสต์ภาพของนักเรียนชายคนหนึ่ง กำลังร่วมกิจกรรมละลายพฤติกรรมของนักเรียน ม.ปลาย ในสถาบันตามปกติ พร้อมกับป้ายชื่อ ‘แท่งทอง’ สืบทราบมาว่าเป็นชื่อจริงของน้องที่ปักอยู่บนเสื้อ เมื่อเห็นภาพปุ๊บ ตามประสาของชาวเน็ตไทยที่มักจะเฮฮากันประจำ ต่างก็แสดงความคิดเห็นไปในเชิงคุกคามทางเพศ ส่วนมากแล้วจะเป็นเพศหญิงและเพศอื่นๆ ปนเข้ามาเล็กน้อย จนเป็นคำถามที่ว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ อีกทั้งยังเป็นเพจทางการของสถาบันการศึกษาด้วย ถ้าหากมองแบบไม่คิดอะไรก็คือความสนุกสนานเฮฮาขำๆ ซึ่งส่วนมากจะมองเป็นเรื่องปกติ แต่มองอีกมุมคือความเหมาะสมของการแสดงความคิดเห็นบนพื้นที่สาธารณะ จนกลายมาเป็นการคุกคามทางเพศ ซึ่งถ้าลองเปลี่ยนเป็นภาพของนักเรียนหญิงแล้วผู้ชายเข้าไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะเดียวกัน จะถูกมองในแง่ร้ายทันที ไม่มีความขำๆ อย่างแน่นอน จากเรื่องราวทั้งหมดข้างต้น การแสดงความคิดบนพื้นที่สาธารณะสามารถทำได้อย่างอิสระ แต่ #เหมียวเลเซอร์ เองคิดว่าเราก็ควรที่จะมีขอบเขตบ้าง ควรให้เกียรติกับผู้อื่นด้วย ถ้าหากว่าเรากลายมาเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในเชิงคุกคามทางเพศก็ไม่น่าจะรู้สนุกซักเท่าไหร่หรอก ท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะ? ที่มา : คณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน, pantip
-
คุณครูเขียนคำบนโต๊ะ “ให้กำลังใจ” เด็กๆ ที่กำลังจะมาสอบ และลดความเครียด!!
การสอบเรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของนักเรียนทุกคนเลยก็ว่าได้ เพราะเราต้องทบทวนความรู้ทุกอย่างที่ได้เรียนมาตั้งแต่ต้นเทอมถึงท้ายเทอม เป็นอะไรที่หนักหนาเหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนเท่านั้น ครูก็กังวลไปด้วย เพราะการที่เด็กจะสอบได้หรือไม่ได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าครูจะสามารถถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนได้มากน้อยแค่ไหน เหมือนอย่างที่โรงเรียน Woodbury School System ในนิวเจอร์ซี่ คุณครู Chandni Langford ตั้งใจอยากให้เด็กๆ ทุกคนมีผลสอบที่ดี ก็เลยได้เขียนโน๊ตลงไปบนโต๊ะเพื่อให้กำลังใจเด็กๆ พร้อมกับโดนัทอีก 2 ชิ้น น่ารักมากกกก ที่นิวเจอร์ซี่นั้น ตอนป.5 จะมีการสอบวัดการเรียนที่ชื่อว่า PARCC ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เด็กๆ จะเครียดและกดดันเป็นอย่างมาก คุณครูก็เลยจัดการเขียนบนโต๊ะเด็กทุกคน ด้วยข้อความที่ไม่ซ้ำกันเลย ภาพเหล่านี้ถูกโพสต์ในเพจของโรงเรียน จนมียอดแชร์เกือบ 20,000 และผู้คนต่างก็ชื่นชมความเอาใจใส่ของคุณครูท่านนี้อีกด้วย ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น #เหมียวสามสี ก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นครูแจกลูกอมให้ทุกคน มันก็ทำให้เรารู้สึกลดความตึงเครียดลงไปได้เยอะเลย ที่มา distractify
-
ชาวเน็ตแห่แชร์ผลงานฉลุลายไม้เด็กมัธยม วิชาหน่วยกิต 0.5 ทำอย่างกับได้ 5.0!!
เชื่อว่าทุกคนที่เคยผ่านการศึกษาภาคบังคับภายในโรงเรียนรัฐบาลมา ต้องเคยเรียนวิชางานไม้งานประดิษฐ์ ซึ่งหลายๆ โรงเรียนก็จะมีการสั่งให้นักเรียนสร้างสิ่งของจากงานไม้อย่างน้อยๆ หนึ่งอย่าง ล่าสุดมีการแชร์ภาพผลงานวิชางานไม้ของน้องๆ โรงเรียนรัฐบาลโรงเรียนหนึ่ง ที่บอกได้คำเดียวว่างานละเอียดมาก จนนึกว่าวิชานี้มีน้ำหนัก 5.0 หน่วยกิตเลยทีเดียว จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย โอ้โห นี่ผลงานนักเรียนจริงเหรอเนี่ย เห็นแล้วนึกถึงสมัยยังเรียนมัธยมจริงๆ อย่างกับมาจากร้านทำเครื่องไม้เลย เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ทำไมเค้าทำกันยากจัง สมัย #เหมียวอ๊อดโด้ เป็นนักเรียนได้ทำแค่เก้าอี้ไม้เท่านั้นเอง ถ้าต้องมาทำแบบนี้ คงเรียนไม่จบแน่เลย ใครมีประสบการณ์การเรียนวิชานี้ช่วงมัธยม ลองเอามาแชร์กันได้นะฮะเหมียววว ที่มา ดีงาม
-
ไม่มีแปลกในจีน….แม้กระทั่งครูหนุ่มก็แก้ผ้าวิ่งปล้ำนักเรียนสาว กลางวันแสกๆ!!
เหตุการณ์แปลกๆ จากประเทศแผ่นดินใหญ่อย่างจีน มักจะมีเรื่องราวชวนช็อกมาให้คนดูทั่วโลกได้รับรู้กันอย่างต่อเนื่องจริงๆ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยว่า… นาย Huo ครูหนุ่มผู้ดูแลห้องแล็บวัย 30 ปี จากโรงเรียนมัธยม Taiping ในเขตปกครอง Guangxi ประเทศจีน ได้ทำเรื่องอนาจารขึ้นกลางวันแสกๆ ภายในโรงเรียน เพราะจู่ๆ เขาก็แก้ผ้าล่อนจ้อน วิ่งผ่านสนามเด็กเล่นเข้ามาจับนักเรียนหญิงคนหนึ่งไว้ จากนั้นก็พยายามฉุดลากตัวของเธอไปทำมิดีมิร้าย งานนี้ทำเอาเด็กๆ พากันมามุงดูด้วยความแตกตื่น อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยว่า นาย Huo เคยมีประวัติการป่วยอาการทางจิตมาก่อน ตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งทางแพทย์ได้บันทึกไว้ว่า ในช่วง 2 ปี หากอาการของเขาไม่กำเริบ ก็แสดงว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งนี้ หลังจากที่เขาได้ก่อเรื่องสุดช็อกภายในโรงเรียน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้ ส่วนนักเรียนหญิงผู้เคราะห์ร้าย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด หลังถูกส่งตัวเข้าไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล ที่มา : dailymail
-
สถานีรถไฟที่มีเด็กนักเรียนใช้คนเดียวที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ได้ปิดตัวลงแล้ว!!
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของสถานีรถไฟ Kyu-Shirataki Station ในประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดบริการไว้แม้ว่าจะมีคนใช้เพียงคนเดียว นั่นก็คือเด็กนักเรียนหญิงที่ต้องใช้สถานีรถไฟแห่งนี้ในการเดินทางไปโรงเรียนนั่นเอง ทาง JR ฮอกไกโดประกาศว่าจะยุบสถานีที่ไม่มีผู้ใช้บริการไปภายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ด้วยเสียงจากประชาชน ทำให้ JR ฮอกไกโดประกาศขยายเวลาให้สถานี Kyu-Shirataki อยู่ต่อไปจนกว่านักเรียนคนนี้จะเรียนจนจบ หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ทำให้คนสนใจเป็นจำนวนมาก จนทำให้สถานีรถไฟที่กำลังจะปิดตัวลงนี้ ถูกรบกวนโดยผู้คนเป็นจำนวนมาก จนต้องมีการรณรงค์ให้คนหยุดไปรบกวน และในที่สุดสถานีแห่งนี้ก็ได้ปิดตัวลงเรียบร้อยในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นระยะเวลากว่า 69 ปีแล้ว ในวันสุดท้ายที่เปิดให้บริการนั้นก็ได้เปิดให้คนมาเยี่ยมชม มีคนมารอขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายนี้เพื่อเป็นการเคารพต่อความรับผิดชอบในการทำงานเพื่อคนคนเดียว ถือเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการบริการสังคมของรถไฟญี่ปุ่นจริงๆ ที่มา rocketnews24
-
ตำรวจจีนโบกรถบัสนักเรียนท่าทางผิดปกติ ปรากฏมีเด็กอยู่ข้างในถึง 62 คน!!!
ปกติรถบัสคันหนึ่งต่อให้เป็นรถขนาดใหญ่ที่สุด มีผู้โดยสารซัก 30 คนก็ถือว่าแน่นแล้ว แต่ตำรวจจีนถึงกับเงิบไปเลย เมื่อเจอรถบัสนักเรียนขนาด 19 คนคันนี้ เพราะมีนักเรียนนั่งอยู่ภายในถึง 62 คน!! เรื่องราวมีอยู่ว่าตำรวจจากมณฑลอันฮุยคนหนึ่ง ได้สังเกตเห็นรถบัสนักเรียนคันหนึ่งท่าทางผิดปกติ เพราะบนรถมีเด็กนั่งอยู่เต็มไปหมด เขาจึงเข้าไปโบกรถบัสคนดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ ตอนแรกเขาคิดว่าจะมีเด็กนักเรียนประมาณ 40 คน แต่พอนับจริงๆ กลับมีเด็กถึง 62 คน!! ทั้งๆ ที่ความจุที่แท้จริงของรถมีเพียงแค่ 19 คนเท่านั้น! สุดท้ายตำรวจได้จับกุมคนขับรถ โทษฐานบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการเรียกรถบัสอีกหลายคันเพื่อมารับเด็กที่เหลือกลับบ้าน ปัญหารถนักเรียนบรรทุกนักเรียนเกินกำหนด เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในประเทศจีน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท อย่างเมื่อหลายปีก่อน ตำรวจสามารถจับกุมรถตู้คันหนึ่งที่บรรทุกเด็กกว่า 66 คนได้!! โอ้โห อัดกันไปได้ยังไงตั้ง 62 คน ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความสูญเสียกันขนาดไหนนะ ที่มา Shanghaiist
-
ทำไมโหดกันอย่างนี้!? กลุ่มนักเรียนจีนดักทำร้ายร่างกายอาจาร์ย เพียงเพราะโดนต่อว่าในห้องเรียน!?
ถือเป็นเรื่องราวชวนอึ้งไปเลย สำหรับกรณีของกลุ่มเด็กนักเรียนชาวจีน ที่แค้นอาจารย์ผู้สอนเพียงเพราะถูกตำหนิในห้องเรียน เลยพากันยกพวกไปดักทำร้ายร่างกายเขาซะอย่างงั้น!? เมื่อวันที่ 22 มีนาคม เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของ 2 เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมจากโรงเรียน มัธยมเป่าจี๊ ในมณฑลส่านซี ประเทศจีน ที่กำลังรุมทำร้ายร่างกายคุณครูภายในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ตามรายงานบอกว่านักเรียนทั้ง 2 คนได้เข้าทำร้ายร่างกายคุณครูสอนวิชาดนตรี ทั้งต่อยและเตะอย่างรุนแรง ในระหว่างนั้นมีชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ พบเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงเข้าไปห้ามปราม แต่เด็กนักเรียนพยายามกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปได้ จึงแอบถ่ายคลิปวิดีโอไว้และนำไปส่งให้ตำรวจท้องถิ่น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งก็รีบเดินทางมาที่เกิดเหตุและนำตัวคุณครูส่งโรงพยาบาลทันที และโทรเรียกให้พ่อแม่ของเด็กๆ มารับตัวพวกเขากลับบ้านหลังจากที่ได้ตำหนิและสั่งสอนทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากเด็กๆ ถูกคุณครูตำหนิในชั้นเรียนจนเกิดความแค้นส่วนตัว และเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว แต่เด็กนักเรียนทั้งสองกลับไม่ได้ถูกลงโทษร้านแรงอะไร มีเพียงการกล่าวตักเตือนเท่านั้น ส่วนคุณครูเมื่อทำการรักษาพยาบาลเสร็จก็กลับมาทำงานตามปกติ ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่านะนักเรียน ที่คุณครูเขาตำหนิหรือตักเตือนก็เพราะว่าพวกเขาพายามสอนให้เราเป็นคนดีนั่นเอง หากไม่มีคุณครู ไม่มีกฎระเบียบ นักเรียนจะเติบโตไปเป็นคนที่มีระเบียบวินัยได้ยังไงล่ะจริงไหม? ที่มา shanghaiist
-
นักเรียนญี่ปุ่น “พับจรวด” บินนานถึง 24 วินาทีแล้ววนกลับมาที่เดิม แถมทำได้รอบเดียวด้วย ฮร่าา!!
ถ้าใครเคยพับจรวด ก็คงจะรู้ว่าการพับให้มันบินนานๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะเทคนิคแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนก็พับแบบทรงหัวแหลม บางคนก็พับทรงปีกใหญ่ แต่สุดท้ายเวลาเราปาไป มันก็ตงลงสู่พื้นอยู่ดี แต่สำหรับนักเรียนญี่ปุ่นคนนี้มันไม่เหมือนใคร เพราะจรวดที่เขาพับนั้นเป็นจรวดที่บินได้นานมากๆ และสามารถวนกลับมาหาเขาได้ด้วย จนคนอึ้งกันไปหมด มียอดรีทวิตคลิปนี้เกือบ 5 หมื่นคนเข้าไปแล้ว เราไปชมกันเลย 紙飛行機飛ばしたら奇跡起きた笑笑 pic.twitter.com/Mz38gCfEyL — はら いくや (@ikuya_10969) March 10, 2016 จรวดอันนี้สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้นานถึง 24 วินาที ซึ่งถ้าเราดู มันเหมือนกับว่าทำท่าจะตก แต่ก็ไม่ตก จู่ๆมันก็กลับมาบินสูงขึ้น แล้วก็วนกลับมาที่เดิมได้แบบงงๆ หลายคนอาจจะมองว่า “เฮ้ย ฟลุ๊ครึเปล่า” ใช่แล้วครับ เขาฟลุ๊ค ฮ่าๆ เพราะเขาได้ลองปาจรวดอีกครั้งแล้วก็พบว่ามันไม่เหมือนเดิมเลย หักมุมสุดๆ @ikuya_10969 NG pic.twitter.com/ypLSIGQ2K6 — 高畑 太倫 (@Tairon_Takahata)…
-
เรื่องน่ารู้ของระบบโรงเรียนและนักเรียนญี่ปุ่น ที่อนิเมะมีส่วนคล้าย แต่ก็ไม่ได้เหมือนทั้งหมด!?
หากใครก็ตามที่ติดตามทั้งสื่อการ์ตูนมังงะและอนิเมะของญี่ปุ่น ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของตัวละครวัยนักเรียน มักจะเห็นได้ว่าชีวิตในโรงเรียนนั้นดูสดใส สมวัยการเรียนรู้ มีความสนุกสนานในห้องเรียน เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรม ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆ ในก๊วน แต่ในทางกลับกัน ชีวิตของนักเรียนญี่ปุ่นจริงๆ กลับตรงกันข้าม กิจกรรมต่างๆ ที่มีในการ์ตูนมังงะและอนิเมะ แทบจะไม่มีหรือมีน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนมากกว่า จึงทำให้มีเวลาบันเทิงเริงรมณ์น้อย อีกทั้งยังมีกฏข้อบังคับทั่วไปอีก 1. ห้ามขับรถไปโรงเรียน ที่ห้ามขับรถไปโรงเรียนก็อันเนื่องมาจากเหตุผลทางด้านความปลอดภัยของนักเรียน ส่วนใหญ่นักเรียนก็จะขี่จักรยานไปโรงเรียนหรือเดินเท้า ถ้าหากว่าระยะทางจากบ้านไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก หรือถ้าหากว่าไกลๆ หน่อย ก็อาศัยระบบขนส่งมวลชนเช่น รถบัสหรือรถไฟ อีกทั้งโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีนโยบายให้นักเรียนยืนอยู่บนขนส่งมวลชน เพื่อเว้นที่ว่างไว้ให้กับผู้อื่นที่ต้องการนั่งมากกว่า 2. ห้ามทำกิจกรรมบางอย่างในที่สาธารณะ เฉกเช่นเดียวกันกับประเทศไทย เมื่อใส่ชุดนักเรียนแล้วพฤติกรรมที่ไม่สุภาพจะส่งผลร้ายแรงต่อชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งพฤติกรรมที่ไม่สุภาพในญี่ปุ่นนั้นก็จะเป็น การอ่านหนังสือในขณะที่กำลังเดิน การเคี้ยวหมากฝรั่ง เป็นต้น 3. ต้องสวมใส่เครื่องแบบ เหมือนๆ กับโรงเรียนในประเทศไทย ที่นักเรียนทุกคนจะต้องสวมใส่เครื่องแบบตามที่โรงเรียนกำหนด แต่ของที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีหลายชุด ทั้งนี้ก็เพื่อให้เหมาะสมกับตามสภาพฤดูกาลมีครบ 3 แบบ คือ ชุดฤดูร้อน…
-
‘Damn Daniel’ คลิปปรากฏการณ์แจ้งเกิดของสองเด็กหนุ่ม ดังเป็นกระแสไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน!!
เดี๋ยวนี้ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นกลายมาเป็นกระแสได้ สืบเนื่องจากพลังของอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมคนทั้งโลกไว้ด้วยกัน หากมีอะไรที่ถูกอกถูกใจจนเกิดเป็นการแชร์ต่อไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้บุคคลผู้ให้กำเนิดกระแสเหล่านั้นดังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว Josh Holz วัย 15 (คนซ้าย ถ่ายคลิป) Daniel Lara วัย 14 (ผู้ที่ปรากฏตัวในทุกคลิป) อย่างในเรื่องราวของสองเด็กนักเรียนหนุ่ม Josh Holz วัย 15 ปี และหนุ่มน้อยหน้ามน Daniel Lara วัย 14 ปีที่ได้ให้กำเนิดวลีสุดฮิตติดลมบน ‘Damn Daniel’ เป็นการอัดคลิปสั้นๆ ทุกวันของ Josh ที่เอ่ยปากชมสไตล์การแต่งตัวของ Daniel ตอนที่พบเจอกันในโรงเรียน โดยมีเพียงแค่เสื้อยืด กางกางธรรมดา และรองเท้าผ้าใบ จากคลิปแจ้งเกิดของ Josh และ Daniel ที่เผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ @Josholzz เป็นการเอ่ยปากชมว่า ‘Damn Daniel’ (โอ้โห!! แดเนียล)…
-
วินาทีซึ้ง… หนูน้อยญี่ปุ่นกระโดดข้ามบอร์ดไม่ผ่าน เพื่อนๆช่วยรวบรวมกำลังใจ เห็นแล้วมันน่ารัก
ขึ้นชื่อว่าการสอบมันต้องหนักหนาและสาหัสอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงชั้นอนุบาลของประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีการทดสอบกระโดดข้ามเบาะอันสูงชัน ดูเป็นไปได้ยากสำหรับเด็กอนุบาล แต่เด็กๆ หลายคนก็สามารถผ่านไปได้ ยกเว้นเสียแต่ว่าน้องคนนี้ที่ทำยังไง ก็ไม่ผ่านซักที หนุ่มน้อยรายนี้ พยายามที่จะกระโดดข้ามเบาะไปให้ได้ พยายามกี่ครั้งก็ตามแต่ ผลที่ออกมาก็คือไม่ผ่าน เพราะตัวดันไปติดกับเบาะตลอด คุณครูก็ให้โอกาสทดสอบใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหวังให้หนุ่มน้อยสามารถกระโดดข้ามไปได้ แต่จนแล้วจนรอดพ่อหนุ่มน้อยของเราก็ยังไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้ซักที ถึงกับออกอาการท้อแท้ ร้องไห้ออกมาเลยล่ะ พอเพื่อนๆ เห็นปุ๊บก็คิดได้ว่าควรจะทำอะไรซักอย่างแล้ว เพื่อนๆ เห็นว่าเขากระโดดไม่ผ่านหลายรอบ จึงลุกขึ้นมาพร้อมกันและตั้งวงบูมให้ เพื่อเรียกพลัง ขวัญและกำลังใจ จนในที่สุดพ่อหนุ่มน้อยของเราก็สามารถกระโดดข้ามเบาะไปได้อย่างสวยงาม!! พลังสปิริตจากคนรอบข้างนี่รุนแรงจริงๆ 何度も涙を拭きながら、園児の挑戦 感動の10段跳び Posted by 有村吉孝 on Saturday, February 20, 2016 ที่มา : 有村吉孝
-
มันเจ็บจี๊ดดด!! เหมียวรวม 20 ประโยคเจ็บๆ ที่นักเรียน ม.6 ได้ยินแล้วเหนื่อยใจเป็นที่สุด!!
ในช่วงนี้#เหมียวฟิ้นคิดว่าโรงเรียนหลายๆ แห่งก็ใกล้จะปิดเทอมแล้ว (หรือบางที่ก็เริ่มปิดกันแล้ว) แต่คงจะไม่มีใครหนักใจเท่ากับเด็กๆ ชั้มม.6 อีกแล้วล่ะ เพราะว่าต้องพยายามสอบและหาที่เรียนใหม่ ซึ่งถ้ามองจากมุมของเด็กๆ นี่ก็ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ และวันนี้เองเหมียวก็ได้จับเอาเด็กๆ ม.ปลายบางคนมานั่งสัมภาษณ์ถึงความห่อเหี่ยว ความเครียด ที่ตัวเองนั้นยังสอบที่ไหนไม่ได้เลย มาคุยกันว่าพวกเขาเบื่อประโยคแบบไหนมากที่สุด หากคุณมีลูกๆ หรือหลานๆ อย่าไปพูดแบบนี้ให้พวกเขาได้ยินเด็ดขาดนะ 1. “แกๆ มีที่เรียนยัง” (อยากตอบคำถามนี้ได้เหลือเกิน) 2. “เข้าคณะนี้จะดีเหรอลูก?” (ดีซิแม่ ถ้าไม่ดีเขาจะเปิดสอนทำไมล่ะ ^^!) 3. “ยังไม่เลือกมหาลัย…อีกเหรอ” (ค่อยๆ ดูไปได้ไหมอะ) 4. “คะแนนแค่นี้จะเอาอะไรไปสู้กับเขา” (น้ำตาจะไหล) 5. “เรียนคณะนี้จบไปจะทำงานอะไร” (ทำงานได้หลายอย่างเลย บางทีเรียนคณะนี้ไม่ต้องไปทำงานตรงสายก็ได้นะ) 6. “รอยื่นแอดมิชชันถ้าไม่ได้จะทำยังไง ทำไมไม่เอาสอบตรงหรือสอบโควต้า” (บางทีมันได้คณะที่ไม่อยากเรียนอะ) 7. “ติดที่ไหนยัง” (ยังไม่ติดสักที่เลยจ้าาาา) 8. “พ่อ/แม่ว่า เรียนคณะนี้ดีกว่านะลูก”…
-
นักเรียนทำเซอร์ไพรส์ มอบ “เค้กวันเกิด” ให้อาจารย์หลังทราบว่าไม่ได้ฉลองมา 10 ปีแล้ว!!
อาชีพครูเป็นอาชีพแห่งการให้โดยแท้จริง นักเรียนอาจจะมองครูว่าสบาย แต่ความจริงแล้วมันเหนื่อยกว่าที่เราคิดมาก ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือ แต่ยังต้องทำคะแนน ถ้าคิดว่าการบ้านของนักเรียนเยอะแล้ว ของครูเยอะยิ่งกว่า ยิ่งเป็นครูที่อเมริกายิ่งเหนื่อยยิ่งกว่า ที่นู่นเขามองว่าครูกับนักเรียนเท่ากัน เราจึงจะเห็นว่านักเรียนกับครูจะโต้เถียงกันบ่อยๆ หรือถ้าครูคนไหนขี้เกียจสอนก็เคยมีกรณีที่นักเรียนเดินออกจากห้องไปเลยก็มี แต่สำหรับคุณครู Kyle Simpler วัย 56 ปี เขาเป็นครูอีกคนที่เป็นที่รักของนักเรียน คุณครูท่านนี้ประจำอยู่ที่โรงเรียน Burleson High School และเขาก็ไม่มีโอกาสได้จัดฉลองวันเกิดมานานกว่า 10 ปีแล้ว เด็กนักเรียนจึงติดสินใจที่จะจัดวันเกิดให้คุณครูท่านนี้ซะเลย ทำเอาพูดไม่ออก เราไปชมบรรยากาศจากในคลิปนี้เลย Threw our teacher a surprise party. He doesn’t remember the last time he has a bday cake pic.twitter.com/yR3jOGByTw — Sae (@Saeya8) February 11, 2016 คลิปนี้ถูกรีทวีตไปกว่า 5 หมื่นครั้ง…
-
มันใช่อะ!! พาไปดู 8 ภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ชีวิตการเป็นนักเรียน VS นักศึกษา
หากจะถามว่าตอนเป็นนักเรียน กับนักศึกษา ช่วงเวลาไหนที่คุณรู้สึกว่าชีวิตของคุณมีความสุขมากที่สุด แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ก็คงแตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบชีวิตการเป็นนักศึกษา เพราะมีอิสระมากกว่าการเป็นนักเรียน และในวันนี้เราก็จะขอนำเสนอภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างชีวิตตอนเป็นนักเรียน และนักศึกษา บอกเลยว่าบางข้อก็โดนสุดๆ และตรงใจเลยละ เรามาดูกันว่าจะมีข้อไหนบ้างที่ตรงกับชีวิตจริงของคุณมากที่สุด 1.สมัยเป็นนักเรียนมีวิชาเรียนหลากหลายวิชา แต่พอเป็นนักศึกษาต้องมัดรวมมาเลย 2.จำนวนคนมาเรียนที่ต่างกัน 3.สมัยเป็นนักเรียนเพื่อนเยอะไปไหนไปกัน แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ตัวใครตัวมันแล้วกันโน๊ะ 4.ตอนเป็นนักเรียนก็อยากเข้ามหาวิทยาลัย แต่พอมาเรียนในมหาวิทยาลัยจริงๆ กลับอยากกลับไปเป็นนักเรียนซะงั้น 5.เป็นนักเรียนต้องได้ A เท่านั้น พอเปลี่ยนมาเป็นนักศึกษา ขอแค่ C+ ก็อุ่นใจแล้ว 6.สัมภาระน้อยลงเมื่อเป็นนักศึกษา 7.แฟชั่นที่เปลี่ยนไป 8.เวลาตื่นและเวลานอนที่แตกต่าง อืม…มันเป็นเรื่องที่ตรงกับชีวิตความเป็นจริงของเพื่อนๆ มากเลยใช่ไหมละ ที่มา : wittyfeed
-
รวม 16 ข้อควรรู้ก่อนที่คุณจะจีบ ‘เด็กนิเทศ’ นี่เหมียวไปถามเด็กคณะนี้มาให้เองเลยนะ!!
เชื่อว่าเหล่านักศึกษาในคณะนิเทศนั้น คงจะเป็นที่หมายปองของหนุ่มสาวจากคณะอื่นๆ อยู่ไม่น้อย เพราะพวกเขาทั้งกล้าแสดงออก ดูเป็นมิตร เข้ากับคนง่าย ทำให้หลายๆ คนต่างพากันหลงเสน่ห์เด็กนิเทศศาสตร์ไปตามๆ กัน แต่ช้าก่อน!! ก่อนที่คุณจะหาญกล้าไปจีบพวกเขามาเป็นแฟนนั้น คุณอาจจะต้องศึกษาและเตรียมตัวให้ดีๆ ซะก่อน วันนี้ #เหมียวฟิ้น เลยไปเซอร์เวย์กับเด็กนิเทศศาสตร์ตัวจริงมา เราลองมาดูกันดีกว่าว่าเราควรจะรู้อะไรบ้างก่อนจะไปจีบพวกเขา? 1. เด็กนิเทศชอบอะไรที่เกี่ยวกับสื่อ (ก็เรียนนิเทศนี่) คุณอาจจะชวนเขาคุยเกี่ยวกับเพลงใหม่ๆ ละครใหม่ๆ หนังใหม่ๆ หนังสือใหม่ๆ (มันต้องโดนสักอันล่ะนะ!) นั่นอาจเป็นการเริ่มบทสนทนาที่ดีก็ได้ 2. เด็กนิเทศสายถ่ายภาพมีเยอะ หากเขาชอบถ่ายภาพ คุณลองชวนเขาไปถ่ายภาพที่ไหนสักที่ด้วยกันซิ (กลายเป็นเดทแบบเนียนๆ เลยนะเออ!) 3. เด็กนิเทศน์ไม่ได้ติ๊สไปซะทุกคน คนที่อ่านหนังสือ เป็นเนิร์ด (แบบเหมียว) เองก็มี ฉะนั้นอย่าไปกังวลว่าเขา/เธอ จะคุยไม่รู้เรื่อง 4. เด็กนิเทศเป็นคนลุยๆ บุกป่าฝ่าดงไปถ่ายรูป อดทนกับโลเคชั่นร้อนๆ ก็ทำมาแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าพวกเราจะอ่อนแอมากนัก (เราถึกนะเว้ย) 5. เด็กนิเทศจะมีความความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างสูง เพราะต้องใช้คิดงานต่างๆ ส่งอาจารย์ ฉะนั้นการใช้มุกจีบแบบทั่วๆ…
-
ครูสอนภาษามือให้เด็กทั้งห้อง เพื่อให้พวกเขาสามารถคุยกับเพื่อนที่หูหนวกได้
รสชาติของการไม่มีเพื่อนนั้นบางครั้งเจ็บปวดสุดหัวใจ โดยเฉพาะในเด็กวัยประถม ลองนึกภาพคุณนั่งอยู่ในห้องแต่ไม่มีใครคุยกับคุณสิ คุณจะรู้สึกอย่างไร เช่นเดียวกับ Zejd Coralic เด็กชายวัยหกขวบจากประเทศบอสเนียคนนี้ สาเหตุที่ไม่มีใครคุยกับเขาไม่ใช่เพราะว่าเขานิสัยไม่ดี แต่เป็นเพราะเขา “หูหนวก” ถึงแม้เขาจะมีอาการผิดปกติทางร่างกาย แต่แม่ของเขายืนยันว่าจะส่งเขาเข้าโรงเรียนปกติ อาจเป็นเพราะแม่ของเขา อยากให้เขา ได้ใช้ชีวิตแบบ “คนปกติ” มากที่สุด แต่ด้วยเหตุผลทางร่างกาย ทำให้เด็กทั้งห้องไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้เลย ด้วยเหตุนี้เอง Sanela Ljumanovic ครูประจำชั้นของ Zejd จึงได้สอน “ภาษามือ” ให้กับนักเรียนห้อง เพื่อพวกเขาจะได้สื่อสารกับ Zejd ได้ สามเดือนต่อมา เด็กนักเรียนห้องนี้ สามารถเรียนรู้ภาษามือเบื้องต้นได้ทั้งหมด และนั่นทำให้ Zejd มีความสุขในการเรียนยิ่งขึ้น แม่ของ Zejd กล่าวว่า “เดี๋ยวนี้ Zejd ท่าทางมีความสุขขึ้นมาก เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและ เขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะไปโรงเรียนทุกวัน” คุณครู Sanela กล่าวว่า “ฉันหวังว่าการเรียนภาษามือครั้งนี้ จะทำให้เด็กๆ ตระหนักถึงคนพิการที่มีอยู่ในสังคม และเป้าหมายต่อไปของเราคือสอนให้เขาอ่านริมฝีปากได้…
-
เด็กไทยเก่งมาก!! นักเรียน ม.1 นำเสนอ ‘นิราศภูเขาทอง’ โดยใช้เกม Minecraft เป็นสื่อ!!
ทุกวันนี้หากใครได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเกมและมีเด็กเป็นผู้เกี่ยวข้องตามสื่อต่างๆ มักจะเป็นข่าวคราวในด้านลบอยู่เสมอ จนเกมทุกวันนี้ในสายตาผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่ชั่วร้าย หล่อหลอมให้เยาวชนมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และปัญหาอื่นๆ ที่มักจะถูกเกี่ยวโยงไปด้วย แต่ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะด้านดีๆ ของเกมก็ยังมีอีกเยอะ เกมสามารถให้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์แก่ผู้เล่นได้ไม่รู้จบ สามารถนำไปต่อยอดได้อีกมากมาย อย่างเช่น เกม Minecraft ที่นักเรียนชั้น ม.1 เลือกใช้เป็นสื่อกลางทำการบ้านส่งคุณครู โดยในวิดีโอคลิปดังกล่าว เป็นคลิปตั้งแต่ปีพ.ศ. 2555 นำเสนอผ่านเกม Minecraft ที่สร้างสรรค์โลกในจินตนาการพร้อมกับการร่ายกลอนเรื่อง ‘นิราศภูเขาทอง’ ผลงานของสุนทรภู่ ที่สามารถเข้าใจได้ง่ายและเพลิดเพลินไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นผลงานของนักเรียนโรงเรียนใด แต่ต้องชื่นชมในความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของน้องๆ เลย ปรบมือให้รัวๆ เลยจ้า!! ที่มา : sry spice
-
เรื่องราวของนักเรียนสาวกับสถานีรถไฟที่กำลังจะปิดตัวลง ถูกรบกวนโดยผู้คนเป็นจำนวนมาก!!
เรื่องราวอันน่าประทับและอบอุ่นเป็นที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น ที่เหมียวเคยนำเสนอไปแล้วนั้น ตอนนี้ก็กลายมาเป็นกระแสที่ทุกคนต่างให้ความสนใจล้นหลามกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่นเอง ซึ่งหลายคนก็พยายามที่ค้นหาตัวตนของนักเรียนสาวผู้ใช้บริการสถานีรถไฟเพียงคนเดียว จนกลายเป็นการรบกวนชีวิตส่วนตัวของเธอในทันที!! ก่อนอื่นเลยต้องกล่าวถึงพฤติกรรมของคนที่ตื่นรถไฟกันซักหน่อย เรียกกันว่า โอตาคุรถไฟ ซึ่งมักจะทำการถ่ายภาพรถไฟญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ไม่สมควร รบกวนผู้อื่น และในส่วนของการพยายามถ่ายภาพนักเรียนสาวผู้โดยสารเพียงคนเดียวที่เดินทางด้วยรถไฟไปโรงเรียน ยิ่งกระตุ้นให้เหล่าโอตาคุรถไฟ อยากจะเก็บภาพของเธอที่อยู่บนรถไฟให้ได้ โดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม มีรายงานเข้ามาว่าจากสถานีที่เงียบสงบ กลับเต็มไปด้วยเหล่าโอตาคุรถไฟ ที่มารอการปรากฏตัวของนักเรียนสาวรายนี้ ดักถ่ายภาพ ‘ผู้โดยสารเพียงคนเดียวของสถานี’ รวมไปถึงการแอบติดตามตัวและครอบครัวของเด็กเพื่อที่จะถ่ายภาพมาให้ได้ Mint Jam บล็อกเกอร์ผู้ที่อาศัยอยู่ในท้องที่เดียวกันกับนักเรียนสาวคนดังกล่าว ได้ประกาศผ่านทางโลกออนไลน์ให้หยุดการกระทำแบบนี้ได้แล้ว เพราะพวกโอตาคุรถไฟเหล่านี้จะบังคับให้เธอโพสท่าถ่ายรูป ทั้งในสถานีและชานชาลา มันเป็นการรบกวนเวลาของเด็ก ทั้งๆ ที่เธอจะต้องรีบขึ้นรถไฟเพื่อไปเรียนให้ทันเวลา เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เหมือนจะเป็นการขอร้องอะไรที่ง่ายๆ แต่กลับเป็นการทำลายความเป็นส่วนตัวของเด็กหญิงคนหนึ่งไปเลย เธอไม่ได้เป็นนางแบบที่ถูกจ้างมาถ่ายภาพ เธอเป็นเพียงแค่นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่พยายามไปโรงเรียนให้ทันเวลา คล้ายๆ กับสื่อที่พยายามเก็บภาพที่ดีที่สุดโดยไม่คิดถึงความเหมาะสมเลยแม้แต่นิดเดียว ที่มา : rocketnews24
-
ศิลปินจีนเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ “จักรราศี” ให้กลายเป็นภาพวาดเด็กนักเรียน!!
ใครๆ ก็รู้จัก “จักรราศี” กันทั้งนั้น มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของราศีต่างๆ ซึ่งก็มีเอกลักษณ์ตามความหมายแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราก็คงพบเจอตามหนังสือทำนายอนาคตหรือพวกดูดวงอะไรทำนองนี้ แต่เดิมนั้นสัญลักษณ์ต่างๆ ถูกใช้ในรูปแบบเดิมๆ มาตลอด ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อๆได้ แต่วันนี้เหมียวจะพามาดูการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ที่จะทำให้ “จักรราศี” ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ศิลปินจีนท่านหนึ่งชื่อว่า Moss ได้ทำการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของทั้ง 12 ราศีใหม่ ให้กลายเป็นแนวเด็กนักเรียน ที่ดูแล้วย้อนวัยเอามากๆ ซึ่งแต่ละราศีก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ อยู่ เราไปชมกันเลยว่าจะดีงามแค่ไหน ราศีสิงห์ : Leo ราศีกันย์ : Virgo ราศีตุลย์ : Libra ราศีพิจิก : Scorpio ราศีมังกร : Capricorn ราศีธนู : Sagittarius ราศีมีน : Pisces ราศีกุมภ์ :…
-
โฆษณากระแทกจิตของมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น บอกเล่าความจริงว่าชีวิตนักศึกษามันไม่ง่ายเลย!!
เป็นที่ทราบกันมาบ้างแล้วว่าวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ชิว สโลว์ไลฟ์เหมือนคนไทย ตั้งแต่ชีวิตวัยเรียนยันวัยทำงาน ต่างก็มีความกดดันที่สูงมาก ไม่ว่าจะทั้งเรื่องของครอบครัว การเรียน และการทำงาน จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเครียด อย่างเช่นในระบบการศึกษาของญี่ปุ่น ความเข้มข้นของการเรียนในระดับอุดมศึกษานั้นไม่ได้สวยหรูเลย กว่าจะฝ่าฟันการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจากคู่แข่งนับร้อยพันคนมาได้ ได้เข้าเรียนตามสถาบันที่ฝันแล้วก็ใช่ว่าจะจบออกไปภายในสี่ปี เพราะจะต้องเจอกับการเรียนที่หนักกว่าระดับมัธยม ไหนจะมีกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการเล่นกีฬาอีก ทั้งนี้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็มักจะนำเสนอโฆษณารับนักศึกษาเข้าเรียนในด้านบวกเป็นส่วนใหญ่ ใช่แล้วล่ะ การโฆษณาใครๆ ก็ต้องเผยให้เห็นด้านที่ดีกันทั้งนั้น แต่ทว่ามหาวิทยาลัย Komazawa กลับเลือกที่จะบอกความจริงให้นักศึกษาหน้าใหม่ได้รับทราบว่าชีวิตมหาวิทยาลัยนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด โดยการบอกผ่านข้อความดังต่อไปนี้ ‘อาจารย์บอกว่าให้กลับไปเขียนรายงานใหม่ ทั้งๆ ที่ตั้งใจทำทั้งคืน ฉันถูกไล่ออกจากทีมกีฬาที่เคยร่วมซ้อมด้วย ส่วนแฟนของฉันก็บอกว่าเริ่มที่จะมองหาคนใหม่มาแทนแล้ว แต่วันนี้ก็เป็นวันที่ดี มันเป็นโอกาสที่จะได้รับมือกับความท้าทายเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกครั้ง สี่ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรเลยแต่ได้โตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มภาคภูมิ’ ถือว่าเป็นข้อความที่ทำให้ได้แง่คิดอีกด้าน กับการเข้ามาร่ำเรียนหาความรู้ในระดับมหาวิทยาลัย ที่ไม่ใช่การมองที่ใบปริญญา แต่เป็นการได้เรียนรู้ชีวิตเพื่อให้พร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม ที่มา : rocketnews24
-
ตำนานของสถานีรถไฟญี่ปุ่น ที่เปิดให้บริการ แก่นักเรียนเพียงแค่คนเดียว จนกว่าจะเรียนจบ!!
เรื่องราวนี้ถือว่าเป็นเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก กับความใส่ใจของบริษัทเดินรถไฟของญี่ปุ่น JR ฮอกไกโดที่ออกมาประกาศว่าจะยุติการให้บริการของสถานีรถไฟที่มีผู้ใช้บริการน้อย อยู่ในสภาวะขาดทุน 8 สถานี ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น โดยหนึ่งในสถานีนั้นก็คือ Kyu-Shirataki Station เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ ในชนบท ซึ่งไม่มีผู้ใช้บริการเลย เนื่องจากผู้คนหันไปใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้น เว้นเสียแต่ว่ามีนักเรียนสาววัยมัธยมปลายเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงใช้บริการรถไฟเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งหลังจากที่ทาง JR ฮอกไกโดประกาศว่าจะยุบสถานีที่ไม่มีผู้ใช้บริการไปภายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็กลายมาเป็นกระแสดราม่ายกใหญ่ เนื่องจากนักเรียนสาวรายนี้จำเป็นที่จะต้องขึ้นรถไฟไปและกลับจากโรงเรียน แม้ว่าจะเหลือผู้โดยสารเพียงแค่คนเดียว ด้วยเหตุนี้ทาง JR ฮอกไกโดจึงประกาศขยายเวลาให้สถานี Kyu-Shirataki อยู่ต่อไปจนกว่านักเรียนคนนี้จะเรียนจนจบ!! จะเห็นได้ว่าตารางเดินรถไฟของสถานีนี้มีเพียงแค่ 2 เที่ยวเท่านั้น นั่นก็คือเวลาไปโรงเรียนและเวลากลับบ้านของนักเรียนสาวมัธยมปลาย ผู้ใช้บริการเพียงคนเดียวและคนสุดท้ายของสถานีนี้ แตกต่างจากสถานีอื่นที่มีหลายเที่ยว หลายช่วงเวลา เมื่อเดือนมีนาคมมาถึงแล้ว นั่นก็คือเวลาที่เธอเรียนจบ และสถานีนี้จะปิดตัวลง กลายเป็นตำนานที่อบอุ่นหัวใจตลอดไป ญี่ปุ่นใส่ใจทุกเรื่องจริงๆ เลยนะเนี่ย ว่ามั้ย? ที่มา : anngle
-
ดราม่าร้อน!! ลูก ผอ. ถ่ายพรีเวดดิ้ง ใช้นักเรียนหมอบเป็นพรอพประกอบ จนรร.ต้องแถลง
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมามีผู้ใช้เว็บไซต์ dek-d ได้โพสต์เรื่องราวที่ได้ไปเจอมา เกี่ยวกับการถ่ายภาพงานแต่งงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นงานของลูกของผู้อำนวยการโรงเรียน โดยประเด็นที่กลายเป็นดราม่าก็คือมีการใช้นักเรียนเป็นพรอพในการถ่ายภาพ หลังจากนั้นก็ได้มีผู้ปกครองของเด็กออกมาโวยว่ามันสมควรหรือไม่ที่ให้ลูกของเขาไปทำอะไรแบบนี้ ภาพที่เผยแพร่ออกไปเป็นลักษณะเหมือนเด็กนักเรียนกำลังก้มกราบลูกผู้อำนวยการอยู่ หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ไปอย่างมาก ก็เกิดเป็นกระแสในทางลบขึ้นมา และมีคอมเม้นต์จำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย หลังจากนั้นทางโรงเรียน ก็ได้ออกแถลงการมาเพื่อชี้แจงในกรณีนี้ ซึ่งทางโรงเรียนบอกว่านี่ไม่ใช่การหมอบกราบ แต่เป็นการให้นักเรียนเรียงเป็นรูปหัวใจและดอกไม้เพื่อการถ่ายภาพให้เกิดความสวยงามเท่านั้น แต่สุดท้ายก็ยังมีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบออกมาเรื่อยๆเกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะว่ามันไม่อยู่ในการเรียนการสอน และไม่ทราบว่าการที่ให้นักเรียนออกมานั้นเป็นเวลาไหน ที่มา kapook, dek-d
-
แบบนี้ก็มี? นักเรียนเกาหลีคุกเข่ากราบหน้าสนามสอบ ให้กำลังใจรุ่นพี่ที่กำลังสอบ!?
เมื่อช่วงดึกของวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CCTVNews ได้เผยแพร่ภาพของนักเรียนชาวเกาหลีกลุ่มหนึ่ง ขณะคุกเข่าลงกับพื้นหน้าสนามใกล้กับอาคารสอบแอดมิชชั่นของรุ่นพี่ เพื่อกราบและให้กำลังใจแก่รุ่นพี่ที่กำลังสอบอยู่ ตามรายงานบอกว่าในขณะที่นักเรียนชาวเกาหลีชั้นม.6 กำลังสอบแอดมิชชั่นเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั้นเอง มีกลุ่มนักเรียนรุ่นน้องมาออกันที่หน้าประตูทางเข้า เพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และมีการบูมเพื่อส่งกำลังใจให้แก่รุ่นพี่ ทั้งนี้ในวันสอบแอดมิชชั่นของเด็กนักเรียนชั้นม.6 ของเกาหลี ทางบริษัทหรือห้างร้านต่างๆ ได้มีการเลื่อนเวลาการเข้างานออกไปเป็นช่วง 10 โมงเช้า เพื่อให้เด็กๆ สามารถเดินทางไปสอบได้ทันเวลา แถมยังเพิ่มรอบให้กับระบบขนส่งมวลชนอีกด้วย แม้ว่าประเพณีของชาวเกาหลีอาจจะดูแปลกไปสักหน่อยสำหรับชาวไทยอย่างเรา แต่เมื่อหันมามองดูประเพณีของเหล่านักศึกษาบ้านเราแล้ว ชาวต่างชาติเองก็อาจจะมองว่าแปลกเหมือนกันนะ ที่มา CCTVNews
-
ชมการแข่งขันบาสฯนักเรียนสุดช็อก เอาชนะวินาทีสุดท้าย เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับเซ็ง!!!
บาสเก็ตบอลถือว่าเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ด้วยวิธีการเล่นที่สนุกสนานและตืนเต้น เกมสามารถพลิกไปพลิกได้แทบทุกวินาที ทำให้กีฬาชนิดนี้ ครองใจคนแทบทุกวัยทั่วโลก และวันนี้เหมียวจะพาไปชมการแข่งขันบาสเก็ตบอลระดับนักเรียนสุดมัน ที่เกมพลิกแทบจะทุกวินาทีเลยทีเดียว จะสนุกขนาดไหน ไปชมกันเลย การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันระหว่างทีม Momochi SS (ขาว) กับทีม Wajirohigashi (ดำ) การแข่งขันก็ดำเนินไปอย่างสุดมัน ทั้งสองทีมกินกันไม่ลงจนต้องเล่นกันจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ในจังหวะที่เหลือเวลาเพียง 8 วินาที ทีม Wajirohigashi นำทีม Momochi SS อยู่ 48 ต่อ 47 แต้ม และทีม Momochi กำลังจะบุกครั้งสุดท้ายเพื่อพลิกสถานการณ์ และด้วยความพยายามและความทุ่มเท ทีม Momochi SS ได้ลูกจุดโทษในช่วงก่อนหมดเวลาเพียง 2 วินาที แน่นอน มือสังหารจุดโทษก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง เขาสามารถยิงลูกโทษพลิกสถานการณ์ทำให้ทีมกลับมานำเป็น 48-49 และเวลาเหลืออีกเพียง 2 วินาที ดูเหมือนเทพธิดาแห่งชัยชนะ จะอยู่ข้างพวกเขาแล้ว แม้จะเหลือเพียง 2 วินาที แต่ทีม Wajirohigashi ก็ไม่ยังหมดหวัง พอพวกเขาได้บอลมา พวกเขาก็ขว้างบอลขึ้นได้ให้เร็วที่สุด…
-
แฝดป่ะเนี่ย!? นักเรียนแลกเปลี่ยน หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ เจอกันโดยบังเอิญที่เยอรมนี!!
ชีวิตนี้มันต้องมีบ้างแหละที่จะต้องเจอเรื่องที่บังเอิ๊ญบังเอิญ ไม่ว่าจะบังเอิญไปกินร้านอาหารที่อยากกินมานานแต่ดันปิดซะงั้น บังเอิญเจอคนที่เราแอบชอบ แต่เขาดันเดินมากับแฟน พูดแล้วก็เจ็บ อะเฮื้ออออ แต่สำหรับ Cordelia Roberts และ Ciara Murphy เหมียวว่าเป็นการบังเอิญที่อลังการงานสร้างมากๆ เพราะทั้งคู่มีหน้าตาที่เหมือนกัน มาจากคนละประเทศ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาพบกันได้ Cordelia เป็นนักเรียนมาจากประเทศอังกฤษ ส่วน Ciara มาจากประเทศไอร์แลนด์ พวกเธอได้มาเรียนต่อที่เยอรมนีโดยลำพัง และไม่คิดว่าเรื่องราวแบบนี้จะเกิดขึ้น เมื่อหลายคนเริ่มถามพวกเธอว่ามีพี่หรือน้องสาวเรียนอยู่ที่นี่รึเปล่า แน่นอนว่าเจอคำถามแบบนี้ไป เป็นใครก็ต้องงง เพราะเธอมาคนเดียว จนทั่งคู่ได้พบกันแบบบังเอิญๆ แล้วก็ถึงกับเงิบ เพราะหน้าตาช่างเหมือนกันเหมือนเกิน แถมยังมาเรียนที่เดียวกัน มาจากคนละที่เหมือนกันอีกด้วย เวลาเธอไปเจอใคร ก็มักจะมีคนทักว่าเคยเจอคนหน้าแบบนี้มาก่อนแล้ว จนในที่สุด ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนหลายคนมองว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกันจริงๆเลย ที่มา wittyfeed
-
ชมคลิปครูฟุตบอล สอนเด็กที่กำลังทะเลาะต่อยตีกัน จนทั้งคู่ยอมฟังและคืนดี
ในวัยเด็ก โดยเฉพาะผู้ชาย การทะเลาะกันถือเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เพราะเด็กผู้ชายส่วนใหญ่มักจะเคร่งเรื่องศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้ ดังนั้นเวลามีเรื่อง ก็มักจะใช้กำลังซึ่งกันและกัน แต่มีน้อยครั้งที่จะมีใครมาสั่งสอนเราว่าการใช้กำลังนั้นมันมีผลอย่างไรบ้าง แต่วันนี้เหมียวมีคลิปที่น่าชื่นชมของครูสอนฟุตบอลท่านหนึ่ง ซึ่งถูกแชร์ในโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก เพราะคำสอนของครูนั้นช่างกินใจเหลือเกิน ดูเหมือนว่าเด็กทั้งคู่จะแย่งลูกฟุตบอลกัน และทำท่าว่าจะตีกัน ครูก็เลยยุให้เด็กทั้งสองลองได้ต่อยกันก่อน จากนั้นครูก็ได้นำทั้งคู่มาพูดคุยและได้ให้คำสั่งสอนไป ซึ่งเป็นข้อคิดที่ดีมากๆ เราไปชมคลิปอันน่าประทับใจนี้กันเลยดีกว่า ครูสอนเด็ก.. เมื่อทะเลาะกันครูสอนเด็ก.. เมื่อทะเลาะกัน Posted by 1,000,000 Clips รวมคลิปเด็ด on Monday, October 27, 2014 ที่มา 1,000,000 Clips รวมคลิปเด็ด
-
เด็กนักเรียนพิเรนทร์ โชว์ดึงข้อระหว่างโหนสองแถว ตกมาเกือบไม่รอด!!!
การเดินทางด้วยรถสองแถว ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันดีในประเทศไทย และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของรถสองแถวคือ เวลาที่นั่งเต็ม ผู้โดยสารจะออกยืนโหนตรงบริเวณท้ายรถ แน่นอนการโหนนั้นไม่ปลอดภัย เพราะหากรถออกตัวแรงๆ หรือเบรกกระทันหัน คนที่โหนอาจตกลงมาได้ อย่างเช่นสิ่งที่นักเรียนคนนี้ต้องประสบ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ถนนฉะเชิงเทรา-บางปะกง แยกไฟแดงเทพราช มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งพยายามโชว์เพื่อนๆที่นั่งอยู่บนรถสองแถว ด้วยการดึงข้อ โชคร้ายเขาพลาด ทำให้ตกลงมาบนถนน ไปชมคลิปเหตุการณ์กันเลย แต่โชคดีที่รถตามหลังสามารถเบรกได้ทัน ทำให้เด็กคนนี้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้ว ใครขึ้นรถสองแถวบ่อยๆ เป็นไปได้ก็อย่าโหนเลยนะ หรือถ้าต้องโหนจริงๆ ก็ขอให้ยืนนิ่งๆ ให้ปลอดภัยที่สุดนะเพื่อนๆ เหมียวเป็นห่วง ที่มา อยากรู้ต้องดูคลิป clips hit
-
โรงเรียนไทยกับการเช็คอิน ชื่อสถานที่สุดฮาที่ไม่ได้กล่าวของชื่อโรงเรียนโดยตรง จะเอาฮาไปไหน!!
จะว่าไปแล้วเนี่ยการเช็คอินตามสถานที่ต่างๆ เพื่อบอกให้เพื่อนๆ ของเราได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหนก็เป็นสิ่งที่ดีนะ จะได้ตามไปหากันได้ถูก แต่ทีนี้ถ้าให้พูดถึงการเช็คอินสถานที่เดิมบ่อยๆ ก็อาจจะรู้สึกเบื่อ มันไม่เร้าใจ อยากจะให้คนอื่นได้ทายชื่อสถานที่นั้นๆ ลองมาดูชื่อโรงเรียนกันเถอะ มันจะมีซักกี่ที่ที่เรารู้จัก!? มาเริ่มกันที่โรงเรียนรัฐบาลกันก่อนเลย จะเห็นได้ว่ามีการขึ้นต้นชื่อโรงเรียนรัฐบาลชื่อดังตามสถานที่ต่างๆ ตามมาด้วยลักษณะชี้เฉพาะของแต่ละโรงเรียน โรงเรียนรัฐบาลมีไปแล้ว จะขาดโรงเรียนเอกชนไปได้อย่างไร!? โรงเรียนมีเยอะแยะมากมาย ว่าแล้วก็ลองค้นหาสถานที่ด้วยคำว่า ‘โรงเรียนชื่อดัง’ ดูซิ คราวนี้ลองมาในส่วนของ โรงเรียนสตรีล้วน และ โรงเรียนชายล้วน กันบ้าง จะว่าไปโรงเรียนไทยก็ใช่ย่อยนะ ไปไกลและยกระดับเป็นโรงเรียนไฮโซเวิล์ดคลาสกันเลยทีเดียว แหม๊!! ก็ช่างจะคิดชื่อกันได้ จะเอาฮากันไปถึงไหนเนี่ย ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นคนในพื้นที่ก็คงจะเดาออก แต่บอกเลยว่าคนนอกพื้นที่เดาได้ยากมากกกก เรียบเรียงโดย CatDumb.com
-
ชาวเน็ตชื่นชม เด็กสาวซื้อน้ำให้หญิงชราขอทาน โดยไม่มีท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด…
ในยุคปัจจุบันที่ทุกคนทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่โหดร้าย ผู้คนต่างเมินเฉยซึ่งกัน น้ำใจอาจกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างเช่นเรื่องราวของเด็กสาวมากน้ำใจคนหนึ่ง ที่ถูกเล่าบนเฟสบุ๊คของคุณ Pound Nutthakrit ที่เหมียวรับรองว่าถ้าใครได้อ่าน จะได้ชื่นชมในความดีงามของเธอแน่นอน โดยเจ้าของเฟสบุ๊คเล่าว่า ขณะที่พวกเขาไปหาเงินบริจาคทำค่ายจิตอาสาที่บริเวณห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต เขาได้เห็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ซื้อน้ำเปล่าไปมอบให้กับขอทานหญิงชราที่นั่งอยู่บริเวณนั้น พร้อมทั้งพูดคุยอย่างไม่รังเกียจ จนทำให้เขาต้องนำความดีของเธอนั้น มาเล่าต่อบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค นอกจากหน้าตาดีแล้ว จิตใจยังดีมากอีกนะครับเนี่ย เหมียวขอชื่นชมจากใจเลย เห็นมั้ยละการทำดีไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดหรอก ขอแค่ทำสิ่งเล็กๆน้อยๆ เหมียวว่าซักวัน ความดีนั้นจะต้องการเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ^^ ที่มา Pound Nutthakrit
-
ชมคลิปการเต้นใน “ค่ายลูกเสือ” ของโรงเรียนสากลศึกษา บอกเลยว่าน่ารักทั้งครูและนักเรียน!!
เหมียวเชื่อว่าทุกคนคงเคยมีประสบการณ์การเข้าค่ายลูกเสือกันมาบ้าง แต่ผู้หญิงบางคนอาจจะไม่เคย เพราะบางโรงเรียนไม่มีเนตรนารี แต่เป็นยุวกาชาดแทน ค่ายลูกเสือของแต่ละที่ก็จะแตกต่างกันออกไป บางโรงเรียนอาจจะพานักเรียนไปผจญภัยในป่าเขา เดินทางสำรวจนู่นนั่นนี่ไปเรื่อยๆ บางโรงเรียนอาจจะให้เดินทางไกล แต่เป็นบนถนน แต่สุดท้ายแล้วจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือกิจกรรมรอบกองไฟที่ทุกคนจะมาพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งหมู่เสือ สิงห์ กระทิง แรด แต่ที่ค่ายลูกเสือของโรงเรียนสากลศึกษามีสิ่งที่พิเศษกว่านั้น นั่นก็คือกิจกรรมเต้นหมู่(ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร) ซึ่งจะมีทั้งคุณครูและนักเรียนพากันเต้นประกอบเพลงสุดแสนน่ารัก ทำเอาคลิปนี้คนแชร์ไปเกือบ 2 หมื่นครั้งแล้ว เราไปดูความน่ารักของโรงเรียนนี้กันเลยดีกว่า มิขุ…ร.ร.สากลศึกษา Posted by Navee Thai on Sunday, September 20, 2015 แต่เหมียวขอเดาปิดท้ายต้องมีเพลงสามัคคีชุมนุมแน่นอน อิอิ ที่มา Navee Thai
-
นักเรียนสาวโพสต์ข้อความ เลิกเป็นอาสาสมัครกู้ภัย เหตุเพราะโรงเรียนกลัวเสียภาพลักษณ์!?
กลายเป็นประเด็นดราม่าในโลกออนไลน์อีกแล้ว สำหรับประเด็นของนักเรียนสาวที่ออกมาทำงานอาสาสมัครกู้ภัย แต่กลับถูกทางโรงเรียนสั่งห้าม เพราะคิดว่านักเรียนจะออกไปมั่วสุมกันจนเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของโรงเรียน เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊คเพจ กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand เป็นภาพของวัยรุ่นสาวคนหนึ่งในชุดกู้ภัย พร้อมกับข้อความว่า “ลาแล้วกู้ภัยขมิ้น ถึงแม้วันนี้จะไม่ได้ทำอีกแล้ว แต่กู้ภัยขมิ้นก็ยังคงอยู่ในใจเสมอไม่เปลี่ยนนะ” “ขอบคุณกู้ภัยขมิ้นที่ทำให้รู้ถึงมิตรภาพของกู้ภัยหน่วยอื่นๆ ผู้ใหญ่ดีๆ ทุกท่านที่ให้ความรู้แก่เด็กน้อยคนนี้จากที่ไม่เคยทำก็ได้ทำจนทำให้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตที่อุทิศเพื่อสังคม” อีกทั้งยังมีข้อความจากเฟซบุ๊คของผู้ที่คาดว่าจะเป็นผู้ปกครองของวัยรุ่นสาว ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยว่า การที่เด็กออกมาช่วยงานเพื่อสังคมนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าเสื่อมเสียอะไร ผู้ใหญ่ควรให้เสรีภาพกับเด็กมากกว่านี้ วอนผู้ใหญ่ช่วยพิจารณาใหม่อีกครั้ง ส่วนตัวเหมียวมองว่าการใช้เวลาว่าง ไม่ว่าจะเรียนพิเศษเพิ่ม เล่นกีฬา เล่นดนตรี หรือออกไปหางานทำ มันจะช่วยเพิ่มทักษะด้านต่างๆให้กับเรานะ แม้แต่การออกไปทำหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยก็ตาม ยังไงแล้วฝากผู้ใหญ่ช่วยพิจารณาถึงภาพลักษณ์ที่ว่านั่นอีกทีนะ ที่มา กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand
-
นักเรียนพิการคนหนึ่งเปลี่ยนวีลแชร์ให้กลายเป็นคอสเพลย์หนัง Mad Max ได้แบบอลังการ!!
เด็กนักเรียนคนนี้มีชื่อว่า Ben Carpenter จากฟลอริด้า เขาเรียนอยู่สาขาวิศวะ และยังเป็นคนที่หลงไหลในการแต่งคอสเพลย์อีกต่างหาก ซึ่งผลงานชิ้นนี้ถือเป็นเป็นชิ้นเอกเลยก็ว่าได้เพราะเขาได้คอสเพลย์เป็น Mad Max พร้อมกับวีลแชร์ของเขาเอง Ben เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเดินได้ แต่เขาก็เหมือนคนทั่วไปที่มีความชอบในสิ่งต่างๆ และเมื่อไม่นานก็ได้มีหนังเรื่อง Mad Max เขาโรงไป ซึ่งเขาก็ได้แต่งตัวเป็นพระเอกที่ถูกมัดติดกับรถโดยมีวอร์บอยเป็นคนบังคับรถนั้น ส่วนประกอบต่างๆเขาเป็นคนประดิษฐ์เองแทบทั้งสิ้น นี่ก็เป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่เขาได้ทำขึ้นมา รูปของเขาและวอร์เกิร์ลเพื่อนสาว Amy เท่สุดไปเลยใช่มั้ยล่ะ ที่มา boredpanda
-
ผู้ปกครองเงิบ ลูกของตนโดนครูลงโทษ เพราะใส่กางเกงนักเรียนสีดำผิดเฉด!?!?!
การลงโทษแบบมึนๆของครูบาอาจารย์ สงสัยจะไม่ได้เกิดขึ้นแต่ที่ประเทศไทยซะแล้ว หลังจากโรงเรียนมัธยมในอังกฤษลงโทษนักเรียน เนื่องจากใส่กางเกงผิดเฉด!!! เหล่าผู้ปกครองถึงกับเงิบไปเลย เมื่อได้ยินข่าวว่า ลูกๆของพวกเขาที่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน Prestatyn High School ถูกลงโทษเนื่องจากใส่กางเกงสีดำผิด”เฉด” โดยผู้ปกครองของเด็กคนหนึ่งกล่าวว่า “วันหนึ่งลูกชายฉันส่งข้อความมาบอกว่า ‘ผมโดนกักบริเวณ’ ฉันสงสัยว่าเขาโดนลงโทษเรื่องอะไร และเขาบอกว่าเรื่องสีกางเกง” “ตอนแรกก็ไม่มีใครว่าอะไรเกี่ยวกับเครื่องแบบของเขา ครูคนอื่นก็ให้ผ่าน จนกระทั่งครูคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วบอกว่า สีแบบนี้ไม่ได้” “ฉันเลยโทรไปคุยกับคนในโรงเรียน เขาบอกว่า สีกางเกงลูกชายของฉันไม่ดำพอ ฉันคงพอเข้าใจได้นะ ถ้าหากมันเป็นสีเทา เพราะมันอาจมีหลายเฉด แต่สีดำมันจะไปมีปัญหาได้ยังไง” แบบนี้ก็มีด้วยแฮะ อย่างน้อยเราก็พอดีใจได้ว่า ประเทศเราไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีการลงโทษแบบแปลกๆนะฮะ 555 ที่มา metro
-
คุณครูสุดโหด ใช้ “ถังดับเพลิง” ฉีดใส่นักเรียนที่แอบหลับในชั่วโมงเรียนของเขา
เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศฮอลแลนด์ได้เกิดเหตุการณ์คุณครูใช้ถังดับเพลิงฉีดใส่เด็กที่กำลังแอบหลับในคาบเรียนของเขา ทำเอาเด็กทั้งห้องวงแตกเนื่องจากฝุ่นผงจากถังดับเพลิงลอยไปทั่วห้อง ในตอนเริ่มคลิปนั้นเพื่อนพยายามที่จะปลุกเขา ทั้งโยนกระดาษใส่ หรือจะสะกิด แต่เขาก็ไม่ยอมตื่น จนกระทั่งคุณครูมองเห็นเขาแล้วพยายามที่จะตะโกนปลุก แต่ก็ไม่ตื่น ก็เลยจัดการฉีดซะเลย พร้อมกับไล่เขาออกไปนอกห้อง เราไปดูคลิปกันเลย หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนก็คอมเม้นต์ในทำนองว่า “นี่คือวิธีที่จะทำให้คุณถูกไล่ออกที่ง่ายที่สุด” เพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย ที่มา ViralHog
-
เคลิ้มกันไปข้าง!! เหมียวพาชมความน่ารักสดใสของเหล่านักเรียนสาวจากรัสเซีย เด็ดแค่ไนหมาชม
หลายๆครั้งเรามักจะได้เห็นภาพแปลกๆหรือภาพโหดสึดจากประเทศรัสเซีย ซึ่งบางทีก็ชวนงงว่าพวกเขาทำแบบนั้นไปได้ไง แต่เชื่อหรือไม่ว่าในความแปลกแหวกแนวของประเทศนี้ ยังมีอะไรน่ารักมุ้งมิ้งๆซ่อนอยู่นะ สิ่งเล็กๆที่น่ารักที่เหมียวพูดถึงนั่นก็คือเหล่านักเรียนสาวจากรัสเซียนี่แหละ แม้พวกเธอจะมีภาพของชาวรัสเซียที่ดูแหวกแนวจากชนชาติอื่นไปบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเธอน่ารักจริงๆ!! จะเป็นดั่งที่เหมียวโม้ไหมต้องไปชมกัน อื้อหืออออ คิขุอาโนเน๊ะ เดินตามต้อยๆ ขอเหมียวเล่นด้วยคนน้าาาา เซ็กซี่อย่าบอกใคร!! ทดลองอะไรกันหว่า? ไงล่ะ บอกแล้วว่าน่ารักแบบโหดสัสรัสเซียจริงๆ ที่มา po-kaki-to
-
ตบนี้ถึงสรยู๊ทธ!! ชาวเน็ตแห่แชร์คลิป รอง ผอ. ตบหัวเด็กนักเรียนกลางสนาม เพราะประท้วงค่า SMS
เรื่องของวงการศึกษา ครูและนักเรียนมีดราม่ากันให้เห็นบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องนำมาเป็นข่าวเนื่องจากเหตุการณ์รุนแรงจนถึงทำร้ายร่างกายกลางที่สาธารณะเลยล่ะ เมื่อชาวเน็ตแชร์คลิปประธานนักเรียนออกมาเป็นตัวแทนเพื่อประท้วงค่า SMS ที่โรงเรียนเรียกเก็บ เพื่อนำไปใช้ในการทำระบบแจ้งเตือนทางโทรศัพท์ เด็กนักเรียนหลายคนสงสัยว่าทำไมมีการเก็บเงินเยอะนัก และเดือดร้อนถึงทางนักเรียนกับผู้ปกครอง ทางเด็กนักเรียนจึงรวมตัวประท้วงขอคำชี้แจง และเกิดเหตุการณ์แบบในคลิปนี้…. #รองผอตบกระบาลลั่น นักเรียนโคราชประท้วงค่า SMS !!!โรงเรียนเสิงสาง บ้านบัวหลวง ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสางจังหวัดนครราชสีมาCREDIT : www.facebook.com/PagPratchayanon********************************************************ขอบคุณคลิปแนะนำจาก Peak Newworld(วันศุกร์ 21 สิงหาคม 2558)อยากดู คลิปอีก คลิก Like ===> เจ้าพ่อ คลิปเด็ด <=== Posted by เจ้าพ่อ คลิปเด็ด on Friday, August 21, 2015 ล่าสุด มีคำอธิบายจากสมาชิกเฟซบุ๊คบางคนที่ช่วยออกมาเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น… หวังว่าเรื่องนี้จะออกไปถึงสื่อใหญ่โดยเร็ว และทางเหมียวจะคอยติดตามหาข้อมูลเพิ่มเติมมาลงให้ทุกคนได้รับทราบหากมีอะไรคืบหน้าครับ…
-
ขำหนักมาก!!! คุณครูไอเดียเจ๋ง “ออกโปรหลับแรง” เอาใจนศ. ชอบหลับในห้องเรียน
หลายๆคนคงเคยเป็นใช่ไหมคะ เวลาเรียนทีไรชอบง่วงตลอด แต่เวลาเลิกเรียนกลับดีด้า ความง่วงหายไปทันที เป็นเพราะการเรียนการสอนมันน่าเบื่อหรือเปล่านะ บรรดาคุณครูอาจารย์ท่านก็รู้ดี แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไงไม่ให้เด็กนักเรียนแอบหลับในห้อง หักคะแนนก็แล้ว ลงโทษก็แล้ว ก็ยังคงหลับกันอยู่ดี ครูท่านนี้เขาเลยมีไอเดียดี อยากหลับกันนักใช่ไหม จัดให้เลย ออกโปรโมชั่นให้ได้หลับกันเต็มที่ โปรโมชั่นของครูท่านนี้ถูกโพสต์ขึ้นโดย คุณGolf’Fer Supanut ได้โพสต์ภาพ “โปรหลับแรง” นักเรียนมีสิทธิ์หลับในห้องเรียน วันละ 15 นาที ต่อคน หลับเกินปรับนาทีละ 15 บาท ซึ่งโปรโมชั่นนี้มีราคา 399 บาท!! ชาวโซเชียลต่างชอบใจพากันแชร์จำนวนมาก โปรหลับแรงโอ้ยยยกูฮาแปป 5555555555 Posted by Golf’Fer Supanut on 19 สิงหาคม 2015 งานนี้ไม่รู้ว่าเด็กนักเรียนยังจะกล้าหลับอยู่หรือเปล่า ถ้าอยากหลับก็จ่ายไปเลย 399 บาท ต่อวัน!! ฮ่าาา เหมียวคิดว่าคุณครูท่านทำขึ้นมาเพื่อเป็นมาตรการในการปราบนักเรียนที่ชอบหลับนะจ้ะ อย่าคิดมากน๊าาาา ที่มา Golf’Fer Supanut
-
พาไปดูภาพถ่ายติดบัตรทั้ง 22 ใบ ที่ฮาและเกรียนที่สุด ถ้าใครไม่กล้าจริงทำไม่ได้นะเนี่ย!!
เวลาที่เราถ่ายรูปติดบัตรประชาชน ใบขับขี่ หรือบัตรอื่นๆ ที่สำคัญๆ แน่นอนว่าภาพที่ได้นั้น จะต้องเป็นรูปยืนตัวตรง และทำหน้าให้ดูปกติมากที่สุดใช่ไหมละ แต่สำหรับวัยรุ่นบางคนกลับทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง โดยการถ่ายรูปติดบัตรนักเรียน นักศึกษาให้มีใบหน้าสุดโคตรเกรียน ชนิดที่ว่าใครเห็นเป็นต้องกุมขมับกันเลยทีเดียว เรามาดูกันว่าแต่ละภาพจะเกรียนขนาดไหน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 …
-
เด็กนักเรียนแอบดู “คลิปโป๊” ระหว่างเรียน แต่ดันลืมเสียบหูฟัง ร้องอ่าห์.. ดังทั้งห้อง!!
สมัยนี้เหมียวเชื่อว่าทุกคนก็คงใช้เทคโนโลยีต่างๆในการเรียนมากขึ้น อย่างเช่นเอามือถือมาอัดเสียงของครูไว้ หรือไม่ก็เอาคอมเข้ามาเลคเชอร์สิ่งที่อาจารย์สอนเลย ซึ่งถือเป็นการใช่เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์อย่างมาก แต่บางทีมันก็มีวูบหนึ่งที่อยากจะเช็คเฟซบ้างอะไรบ้าง ก็ไม่ว่ากัน ถือเป็นการแวะข้างทางระหว่างเรียน แต่ดูเหมือนว่าหนุ่มคนนี้ไม่ใช่จะแวะข้างทางธรรมดา แต่เหมือนว่าทางที่เขาแวะนั้นเต็มไปด้วยความเสียวที่อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ร่วมทางด้วยแบบไม่รู้ตัว เพราะนักเรียนหนุ่มคนนี้ได้แอบดูหนังโป๊ระหว่างเรียน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น้อยคนนักจะทำ และที่พีคไปกว่านั้นคือ เขาใส่หูฟังครอบหูอยู่ แต่เขาดันลืมเสียบสายหูฟัง แล้วกำลังคิดว่าเสียงที่ตัวเองได้ยินมาจากหูฟัง แล้วก็คิดว่าเสียงทำไมมันเบาจังแว้ เร่งให้ดังๆซิ เท่านั้นแหละ ได้ยินกันไปทั่วห้อง เราไปดูคลิปสุดฮานี้กันเลย เหตุการณ์แบบนี้เชื่อว่าหลายคนคงเกิดขึ้นบ่อยตอนอยู่ในที่สาธารณะ เวลาเราอยากจะฟังเพลง ใส่หูฟังเรียบร้อย เปิดเพลงปุ๊บ เอ๊ะ ทำไมคนมองเราหว่า ที่แท้ก็ลืมเสียบหูฟัง แต่สำหรับรายนี้มันเลวร้ายกว่ามาก อยากรู้จริงๆว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง แต่หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ไปจำนวนมาก หลายคนก็ออกมาบอกว่าคลิปนี้เป็นการจัดฉากขึ้นมา แบบนี้ก็ต้องคิดหนักหน่อยก็แล้วกัน ที่มา ViralNews
-
และนี่คือจดหมาย ‘ลาโรงเรียน’ จากเด็กนักเรียนตัวน้อยๆ ที่ใครอ่านแล้วต้องเผลอยิ้มแน่ๆ
มีเรื่องราวน่ารักๆในแวดวงการศึกษาไทยมาอีกแล้ว เมื่อล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพในเฟซบุ๊คกลุ่ม ชมรมครู ค.ศ.1 แห่งประเทศไทย ถึงจดหมายลาของเด็กนักเรียน ที่เขียนออกมาได้อย่างจริงใจเป็นที่สุด เนื้อความคร่าวๆก็คือ…. เด็กจำเป็นต้องลาเพื่อไปดูแลยายป่วย จนกว่าป้าจะกลับมาจากต่างประเทศ จึงกลับมาเรียนอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้น่ารักก็ลองอ่านดูสิครับ . อย่างไรก็ตาม กลับมีคอมเมนท์ออกมาถึงความ เหมาะสม vs ไม่เหมาะสม ในจดหมายลาฉบับนี้ ตัวอย่างเช่น… – ภาษาดูซื่อและจริงใจมากเลยค่ะ แต่ไม่ถูกแบบแผน – เด็กก็คือเด็กครับอาจารย์ ฝึกบ่อยๆเดียวก็ดีเองครับ ยังดีที่ยังเขียนมาบอกให้รู้สื่อสารได้ใจความครับ – ในความเป็นจริงของชีวิตเด็กซื่อใสบริสุทธิ์ ดีแล้วที่เขียนเป็นบทความมา ถ้าสมมุติไปว่าเด็กเขียนไม่มีรูปแบบ เด็กจะไม่เขียนอีกเลย …ความคิดเห็นส่วนตัวครับ – 555 ภาษาหนอ ภาษาไทยมันยากไปใช่ไหม ลูกถึงเขียนผิดเขียนถูก แฟนเว็บเหมียวล่ะครับ อ่านจดหมายของเด็กนักเรียนคนนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง คิดว่าน่ารักดี หรือไม่เหมาะสมไปหน่อย คอมเมนท์กันมาได้จ๊ะ ที่มา: Ruangrote Glinhom
-
เบาหน่อยแม่คุณ!! ตามส่อง 10 สาวจีน ผู้แต่งตัวไปเรียนได้หวิวขยี้ใจ จนจะไม่มีสมาธิเรียน
***แก้ไข น่าจะเป็นจีนมากกว่า เพราะมีแฟนเพจท้วงติงมาว่าภาษาในสไลด์ที่สอนเป็นภาษาจีน ตอนแรกที่ลงข่าวว่าเกาหลีเพราะต้นฉบับจากเว็บจีน บอกว่าเป็นนักเรียนเกาหลีนั่นเองค๊าาาา มารยาททางสังคมเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรปฏิบัติตาม เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติต่อบุคคลหรือสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงกิริยาต่างๆ หรือแม้กระทั่งการแต่งกายที่สุภาพถูกต้องตามกาลเทศะ ซึ่งโดยปกติแล้วสำหรับเมืองไทย ถ้าไปเรียนก็ต้องแต่งตัวตามเครื่องแบบที่โรงเรียนกำหนด หรือไม่ก็ต้องแต่งกายสุภาพไว้ก่อนใช่มะ!? แต่เหมียวดันไปเจอสาวเกาหลีเค้าแต่งแบบนี้น่ะสิ เปิดมาก็ขาว เอ้ย.. ก็ผ่าหลังเลย ไม่หนาวขาเหยออ -”- ทีหลังใส่เสื้อยาวๆนะ เย้ยยยย!! นี่เตรียมจะไปเล่นโดดยางชิป้ะ!? โอวววว… โต๊ะแบบนี้ก็ถือว่ารอดไป หูยยย.. บางจัง (เอวนะ เอวๆ) เสมอหูว์จุงเบย นี่เสื้อสีเนื้อ ใช่ป้ะแกร!? เอ๊ะๆๆๆ แต่ประเทศเกาหลีเค้าก็มีชุดนักเรียนที่เป็นยูนิฟอร์มเหมือนเมืองไทยนี่นา ภาพพวกนี้มาจากโรงเรียนไหนล่ะเนี่ย เหมียวจะได้หาผ้าไปปิดกันโป๊ให้น้องๆเค้า แฮ่กๆๆๆ ที่มา ck101
-
แคร์ทำไม? วัยรุ่นหนุ่มจูงมือแฟนสาวเดินห้าง แม้จะโดนแซวว่าแฟนไม่สวย
จริงอยู่ว่าความรักนั้นเป็นเรื่องของคนสองคน แต่เมื่อเราเติบโตขึ้นเราจะพบว่าความรักมันประกอบรวมกันด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะพ่อแม่เขา พ่อแม่เรา การเงิน อาชีพ ความอดทน หรือแม้แต่เพื่อนๆเองก็เป็นส่วนหนึ่งของความรักเช่นกัน แต่หากความรักของคุณเจออุปสรรคเป็นคนรอบข้างแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องลองมาดูวัยรุ่นสองคนนี้เป็นตัวอย่างสักหน่อยแล้ว เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ค Mean Vespa ได้โพสต์ภาพของคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งขณะจับมือเดินห้างพร้อมกับข้อความว่า “ชอบรูปนี้ ประทับใจโคตร เดินเซ็นกับแม่เจอคู่นี้ไปโคตรชอบเลย ไอ่แก๊งค์เพื่อนผู้ชายเดินผ่าน มันก็แซวๆว่าแฟนมันไม่สวย ไอ้ผู้หญิงก็จะปล่อยมือ ไอ้ผู้ชายจับมือแน่นกว่าเดิมแล้วแกว่งไปมา ชอบว่ะ แมนอ่ะ” “เออ รักก็รักข้างใน มึงอยู่กับใครโอเค มึงก็ไม่ต้องแคร์อะไรแล้ว แค่มึงมีความสุข #อยากจะเห็นหน้าจริงๆผชงี้แม่งหายาก :))” หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ออกไปได้ไม่นาน ก็กลายเป็นภาพที่ผู้คนต่างพากันส่งต่อเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีสมาชิกในเฟซบุ๊คกดแชร์ไปแล้วกว่า 2,3000 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนอื่นๆเข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมเด็กหนุ่ม ที่มีความจริงใจไม่มองคนแต่เพียงภายนอก ยังไงแล้วแอดเหมียวขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ตั้งใจเรียน และช่วยเหลือกันจนประสบความสำเร็จนะจ๊ะ ที่มา Mean Vespa
-
นักเรียนทั้งห้อง “แกล้งตาย” ขณะที่ครูสอน แต่ครูกลับหัวเราะออกมาซะงั้น!!
อีกหนึ่งการแกล้งอีกอย่างหนึ่งที่คนไม่ค่อยจะกล้าทำสักเท่าไหร่ก็คือการแกล้งครูนั่นเอง ถ้าเป็นบ้านเราอาจารย์ถือเป็นของสูงที่เราไม่กล้าแตะ แต่ที่เมืองนอกนั้นคุณครูก็เหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง วันนี้เหมียวจะพาไปดูการแกล้งครูแบบสามัคคีโดยการแกล้งตาย จนทำให้ครูถึงกับหัวเราะก๊ากกก เริ่มจากทุกคนกำลังนั่นเรียน รอสัญญาณไอจากเพื่อน แล้วทุกคนก็ล้มลงไป ไปดูปฏิกิริยาของคุณครูกันเลยดีกว่า ที่มา xBaseHead
-
อุทาหรณ์สังคม ครูสาวมีเซ็กส์กับนักเรียน 3 คนจนตั้งท้อง สุดท้ายศาลสั่งจำคุก 22 ปี!!!
เรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าต้องอาศัยวิจารณญาณอย่างหนักหน่วงจริงๆ โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณครูสาวที่สอนภาษาอังกฤษ ที่ถูกตัดสินจำคุกกว่า 22 ปีจากเหตุการณ์มีสัมพันธ์ชู้สาวกับนักเรียนของตน Jennifer Fichter ครูสาววัย 30 ปี ได้หลับนอนกับนักเรียนวัย 17 ปีของเธอกว่า 3 คน และในที่สุดเธอก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นตั้งครรภ์ โดยเด็กคนหนึ่งที่เธอได้หลับนอนด้วย!!! Jennifer Fichter ซึ่งในศาลเจ้าตัวก็ได้ปล่อยโฮเลยทีเดียว ซึ่งเธอหวังว่าเธอจะสามารถย้อนเวลาและไปแก้ไขในเรื่องที่ผิดพลาดได้ เธอเสียใจจริงๆ โดยความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเธอและบรรดาลูกศิษย์นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2011 – 2014 เลยทีเดียว หลังจากที่เธอพบพวกเขาในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง พาพวกเขากลับบ้าน และมีเซ็กส์กับพวกเขา และเธอก็ได้สารภาพต่อแม่ของหนึ่งในเด็กชายว่าเธอรักเขาจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไร เธอถูกตัดสินจำคุกเทียบเท่าคดีที่ผู้ชายกระทำเลยล่ะ คลิปวิดีโอการพิพากษา เหมียวก็เห็นใจทั้งสองฝ่ายอยู่นะเออ แถมอยู่ด้วยกันมาไม่รู้กี่ปี อย่างนี้ก็คงเรียกว่ารู้เท่าไม่ถึงการไม่ได้แน่ๆ ทั้งสองฝ่ายน่ะแหละ ก็อย่างว่าล่ะเนาะ ทำอะไรก็ต้องตามเนื้อผ้าเขาไป แต่ที่ต้องคิดหนักที่สุดก็คือ ลูกที่จะเกิดมาน่ะสิ… ที่มา: Metro
-
นักเรียนจีนนับพัน “หนีร้อน” ไปนอนในสนามกีฬากันตอนกลางคืน
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนหนึ่งในวันที่ 29 มิถุนายน อากาศในเมือง Wuhan ในประเทศจีนนั้นพุ่งสูงถึง 35 องศาเซลเซียส สเตเดียมในมหาลัย Central China Normal University จึงเปิดให้นักเรียนได้มาใช้เป็นที่หนีร้อนในคืนนั้น ความจริงแล้วเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว แอร์ในสนามกีฬาจะเปิดตอนประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อให้นักศึกษากว่า 1,000 คนได้มา ซุ่งทุกคนก็หอบผ้าห่มหอบฟูกมาเต็มที่ พร้อมทั้งอุปกรณ์สำหรับการเล่นอะไรเป็นหมู่คณะราวกับว่ามาเข้าค่าย โดยพวกเขาจะใช้โต๊ะในการแบ่งชายและหญิงและนอนไปที่นี่ซักพักเพื่อรอวันที่ 20 กรกฎาคม ที่หอของเขาจะได้รับการติดแอร์แล้ว เราไปชมภาพบรรยากาศกันเลย ที่มา boredpanda