Tag: นิวเคลียร์
-
เรื่องราวของเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีที่สร้าง “เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์” ขึ้นได้ด้วยตัวคนเดียว!
เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องราวจากปี 1994 ของ David Charles Hahn ที่มีแล็บทดลองวิทยาศาสตร์ลับๆ อยู่หลังบ้านเพื่อสร้างเป็น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในโรงเก็บของเล็กๆ หลังบ้าน David เด็กหนุ่มวัย 17 ปีได้ใช้เป็นพื้นที่สร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ จากแบตเตอรี นาฬิกาเก่าๆ ตะเกียง ยูเรเนียม และเทปกาว David เริ่มการทดลองทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ซึ่งขณะนั้นเขาชื่นชอบศาสตร์เคมีอย่างมาก แถมเป็นช่วงที่พ่อแม่ของเขาแยกทางกัน ทำให้เขาได้มีเวลาทำการทดลองได้มากขึ้น David ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ The Golden Book of Chemistry Experiments ที่คุณปู่ของเขาให้มาเป็นของขวัญตอนอายุ 10 ขวบ David มักอยู่ลำพัง พอโตขึ้นเขาก็เริ่มทำงานหาเงินมาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการทดลอง หลายครั้งเขาและเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ตั้งแคมป์กันยามค่ำคืน เขาและเพื่อนมักจุดไฟเพื่อสร้างดอกไม้ไฟ แต่ไฟก็ได้ลามไปติดกองแม็กนีเซียมเข้าและเกิดการระเบิดหลายครั้งจนพ่อแม่เขาได้ยิน แต่ที่แย่ที่สุดคือ ครั้งหนึ่ง David เคยทำให้เกิดระเบิดรุนแรงชนิดที่ว่าทำลายห้องแล็บชั้นใต้ดินของบ้านเขาจนเละ ตัวเขาต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล มันเกิดจากการที่เขานำฟอสฟอรัสสีแดงบรรจุเอาไว้ในขวด…
-
หนุ่มสำรวจฐานทัพนิวเคลียร์เก่า พบ “ปุ่มนิวเคลียร์” ทำลายโลกได้เพียงนิ้วสัมผัส…
Drew Scanlon เกมเมอร์และยูทูบเบอร์หนุ่มเจ้าของแชแนลยูทูบ Cloth Map ในคลิปวิดีโอท่องเที่ยวของเขา เขาได้ลงไปสำรวจยังสถานที่ซึ่งเคยเป็นฐานทัพนิวเคลียร์ในประเทศยูเครน และพบกับปุ่มๆ หนึ่งที่ว่ากันว่ามันคือ ปุ่มทำลายโลก ฐานทัพนิวเคลียร์ในยูเครนแห่งนี้ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 2001 และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยว ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์และสิ่งของต่างๆ ภายในจะยังคงดูสะอาดและอยู่ในสภาพที่ดี เขาเดินสำรวจลึกลงไปภายในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยความมืด ผนังสองด้านของทางเดินนั้นเรียงรายไปด้วยท่อต่างๆ และประตูที่มีความหนาเป็นสองเท่าของปกติ สุดท้าย ณ กลางห้องเขาก็พบ สิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น “ปุ่มกด” ชมคลิปการเดินชมฐานทัพนิวเคลียร์ของยูเครนกันเลย หลังจากทั้งคู่เดินเข้ามายังห้องควบคุม Dmytro ผู้ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวบอกกับ Drew ว่าขณะนี้เข้าได้ยืนอยู่ในห้องที่ใช้ “ทำลายโลก” เป็นที่เรียบร้อย Dmytro ยังบอกต่ออีกว่าปกติที่เราเห็นในภาพยนตร์จะเป็นปุ่มใหญ่ๆ สีแดง แต่ของจริงมันก็มีรูปร่างเหมือนปุ่มธรรมดาสีเทาๆ แต่หากกดลงไปเพียงครั้งเดียวมันก็สามารถทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เลยทีเดียว ผู้นำเที่ยวอธิบายว่า ภายในฐานทัพแห่งนี้จะมีอาหาร น้ำ และยาเพียงพอสำหรับ 45 วันของการอาศัยหลบภัยหลังกดปุ่มยิงระเบิดนิวเคลียร์ Dmytro อธิบายต่อว่า หากกดปุ่มลงไปแล้วจะมีเสียงเตือนดังออกมาทันที และจะมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นขณะที่ยิงระเบิดนิวเคลียร์ จากนั้นจะมีแสงอีกสีหนึ่งปรากฏขึ้นเพื่อบอกว่านิวเคลียร์ได้ถูกยิงออกไปเรียบร้อยแล้ว “คุณลองนับดู จากนี้…
-
สาวรักสัตว์เสี่ยงชีวิตตนเอง เพื่อดูแลวัวที่ถูกทอดทิ้ง ในพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี…
ผู้ที่อุทิศและทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากจะต้องฝ่าฟันอันตรายที่อาจจะหมายถึงชีวิตก็ตาม พวกเขาก็ยอมที่จะเสี่ยงเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ดั่งหญิงสาวชาวญี่ปุ่นผู้นี้ ที่ยอมสละเวลาส่วนตัวในทุกๆ วัน เดินทางมายังเขตอันตรายในจังหวัดฟุกุชิมะ เพื่อมาป้อนน้ำป้อนอาหาร คอยดูแลเหล่าวัวทั้ง 11 ตัวที่ถูกทอดทิ้งจากเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ภัยพิบัติในปี 2011 นั้น พรากชีวิตผู้คนไปร่วม 20,000 ราย และผู้คนอีกจำนวน 160,000 ราย จำเป็นจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ภูมิลำเนาไปสู่พื้นที่ปลอดภัย เหลือเพียงแต่สัตว์น้อยใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ปศุสัตว์ในเขตกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ เป็นวัวจำนวน 3,500 ตัว และกลายเป็นวัวนิวเคลียร์แห่งฟุกุชิมะไปโดยปริยาย ได้รับการปนเปื้อนจนส่วนใหญ่ล้มตายไปตามๆ กัน รวมไปถึงอดตายและถูกการุณยฆาต Tani Sakiyuki หญิงสาวผู้อุทิศตนเดินทางมายังเขตปนเปื้อน เพื่อมาดูแลวัวจำนวนที่เหลืออยู่ ตามปกติแล้วเธอทำงานอยู่ในกรุงโตเกียวเมื่อ 7 ปีก่อน แต่หลังเกิดเหตุภัยพิบัติ เธอก็ได้ย้ายมาทำงานในสาขาที่ใกล้กับเขตอันตรายและเปลี่ยนมาทำงานกะกลางคืนแทน เพื่อที่จะสามารถมาดูแลวัวทั้ง 11 ตัวได้ในทุกๆ วัน เธอให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากรายงานข่าวเกี่ยวกับสัตว์ที่อดอยาก และชาวไร่ชาวนาก็พยายามช่วยเหลือพวกมัน แม้ว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปก็ตาม เธอจึงรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ “ถ้าฉันไม่ทำ…
-
นักวิทยาศาสตร์ วางแผนเปลี่ยนเส้นทางอุกกาบาตที่อาจจะชนโลกในปี 2135 ด้วยนิวเคลียร์
ในวันที่ 21 กันยายน ปี ค.ศ. 2135 นั้น มีโอกาส 1 ใน 2,700 ที่จะมีอุกกาบาต ขนาดราวๆ หมู่บ้านหนึ่งหมู่บ้าน พุ่งชนโลกด้วยความเร็วราวๆ 100,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อุกกาบาตลูกนี้มีชื่อว่า Bennu ซึ่งในปัจจุบันอยู่ห่างจากโลกไปราวๆ 87,000,000 กิโลเมตร แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่แลดูห่างใกล้จากชีวิตของเรา แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้เตรียมการรับมือกับอุกกาบาตลูกนี้ไว้แล้วเป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบยานอวกาศที่จะสามารถขนขีปนาวุธนิวเคลียร์ขึ้นไปโจมตีอุกกาบาตใดๆ ก็ตามที่เข้ามาใกล้โลกของเรา ฝนดาวตกจำนวนมากเคยมองเห็นได้จากภาคกลางของรัสเซียในปี 2013 โปรเจ็กต์นี้มีชื่อว่า The Hypervelocity Asteroid Mitigation Mission for Emergency Response (ภารกิจการลดความรุนแรงของอุกกาบาตสำหรับการตอบสนองในภาวะฉุกเฉิน) หรือ HAMMER ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ NASA และ ห้องทดลองอาวุธแสงแห่งของกรมพลังงาน โดยแนวคิดการส่งยานอวกาศออกไปยังอวกาศในโปรเจ็กต์นี้ แบ่งออกเป็น 2 แบบที่จะนำยานอวกาศที่หนักราวๆ 8.8 ตันเข้าชนอุกกาบาตโดยตรง และแบบที่มีการขนขีปนาวุธนิวเคลียร์ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกส์ David Dearborn จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Livermore กล่าวว่า “การใช้การพุ่งชนนั้นไม่ยืดหยุ่นเท่านิวเคลียร์เมื่อเราต้องการเปลี่ยนความเร็วและทิศทางของอุกกาบาตในเวลาสั้นๆ” ต้นแบบจรวด HAMMER และจรวดส่งตัว จากการวิจัย การที่จะเปลี่ยนทิศทางของอุกกาบาต Bennu…
-
ทหาร US กล่าว สงครามเกาหลีเหนือจะทำให้คนตายมากกว่าที่อิรักและอัฟกานิสถานรวมกัน
หัวหน้ากองทหารสหรัฐกล่าวว่าการทำสงครามกับเกาหลีเหนืออาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของนักรบชาวอเมริกันประมาณ 10,000 คนในช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานรวมกันถึง 3,000 คน พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลอันน่ากังวลนี่หลังจากเข้าร่วมการประชุมลับที่ฮาวาย โดยมีจุดประสงค์หลักที่การคาดคะแนสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีอยู่ โดยการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ ซึ่งได้ทำการศึกษาสถานการณ์หลายๆ รูปแบบ โดยมีเสนาธิการทหารบกนายพล Mark Milley และผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษนายพล Raymond Thomas เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย พวกเขายังได้สรุปอีกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตของพลเรือนทั้งสองฝ่ายอาจจะมีจำนวนนับแสน หรือมากกว่านั้น ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีทหารประมาณ 28,500 นายประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ ในขณะที่ขณะเมืองหลวงของเกาหลีใต้หรือกรุงโซลซึ่งอยู่ในระยะยิงปืนใหญ่ของ Kim Jong un มีประชากรอยู่ราวๆ 24 ล้านคน จากข้อมูลทั้งหมด นายพล Milley กล่าวว่า “ความโหดร้ายป่าเถื่อนของเรื่องที่อาจจะเกินขึ้น มันรุนแรงเกินกว่าประสบการณ์ทั้งชีวิตของทหารคนหนึ่งเสียอีก” ทหารเกาหลีเหนือที่ร่วมเดินสวนสนามที่เมืองเปียงยาง ตามรายงานระบุว่าผู้นำกองทัพยังมองอีกว่าจะต้องใช้หน่วยรบพิเศษจำนวนมากเพียงใดในการจู่โจมเป้าหมายพื้นที่ปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ นอกจากนั้นยังมีสถานการณ์อื่นๆ เช่นโอกาสที่กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องทำการต่อสู้ในอุโมงค์เช่นเดียวกับที่เคยทำในสงครามเวียดนาม แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ดูเหมือนจะลดลงในช่วงหลายสัปดาห์หลังการเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ในเกาหลีใต้ แต่เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมานั้น Kim Jong un ได้กล่าวหาสหรัฐฯ และญี่ปุ่นว่า “จะทำให้เกิดสงครามรุนแรงขึ้น”…
-
ทางการรัสเซียจับกุมนักวิทยาศาสตร์หลังจากที่พยายามใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขุด Bitcoin
ในปัจจุบันสกุลเงินดิจิตัลหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Bitcoin นั้น เป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเจ้าสิ่งนี้มันสามารถที่จะนำมาแลกเป็นเงินในชีวิตจริงได้ เราจึงอาจจะเคยได้ยินคำว่าขุดเหมืองหรือว่าขุด Bitcoin ที่ใช้เรียกสำหรับการหาสกุลเงินดังกล่าวมาใช้ แต่เนื่องจากว่าการขุดเหมืองจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง นั่นจึงทำให้ประเทศรัสเซียเกิดการจับกุมกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ขึ้น หลังจากที่พวกเขาพยายามจะใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในโรงงานผลิตหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซียในการขุดหา Bitcoin เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเมือง Sarov เขตหวงห้ามทางตะวันตกของประเทศรัสเซีย สถานที่ตั้งของศูนย์หัวรบนิวเคลียร์แห่งชาติ โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ก็คือคนที่ทำงานอยู่ในสถานที่แห่งนั้น จากการรายงานบอกว่า มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งจากทั้งหมด 20,000 คนที่ทำงานอยู่ในศูนย์ดังกล่าว พยายามจะใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีไว้สำหรับการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ มาขุด Bitcoin ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นั้นไม่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อป้องกันการถูกบุกรุกจากภายนอก แต่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้กลับพยายามเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และนั่นจึงทำให้มีการแจ้งเตือนดังขึ้น ส่งผลให้ศูนย์ความปลอดภัยแห่งชาติรีบส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบโดยด่วน กลายเป็นเหตุอาชญกรรมระดับประเทศเลยทีเดียว เหล่านักวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีการระบุว่ามีกี่คนนั้นจึงถูกจับในข้อหา “พยายามใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อเหตุผลส่วนตัว” และตอนนี้ก็ยังไม่มีการรายงานเกี่ยวกับโทษที่พวกเขาจะได้รับ ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพิเศษของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไว้อีกว่า มันมีประสิทธิภาพสูงถึง 1 Petaflop หรือก็คือสามารถประมวลผลได้ถึง 1,000 ล้านล้านจุดต่อวินาที เรียกว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดคอมพิวเตอร์ของรัสเซียจริงๆ เรื่องของเงินๆ ทองๆ นี่คงเป็นสิ่งที่แทบทุกคนล้วนแต่ยังคงต้องการมันมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ควรจะคิดทำอะไรให้รอบคอบ และควรจะหามันมาอย่างสุจริตจะดีกว่านะ ที่มา: bbc
-
ท่านผู้นำคิมพาภรรยาปรากฎตัวต่อหน้าสื่อ พร้อมทัวร์โรงงานเครื่องสำอางในกรุงเปียงยาง
แม้ว่าส่วนใหญ่เวลาเราได้ยินข่าวเกี่ยวกับประเทศเกาหลีเหนือนั้นมักจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะสบายใจชาวโลกมากสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมรบ หรือการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ท่านผู้นำคิมกลับพักเรื่องราวหนักๆ เอาไว้ก่อน หลังจากที่เขาได้เข้าชมโรงงานผลิตเครื่องสำอาง พร้อมกับสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีเหนือ นาย Kim Jong-un ได้เข้าชมโรงงานผลิตเครื่องสำอางในกรุงเปียงยางพร้อมกับภริยาของเขานาง Ri Sol-ju และมีข่าวว่าเธอนั้นได้ให้กำเนิดบุตรคนที่ 3 ของท่านผู้นำด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทั้งสองได้ปรกฏตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในงานฉลองการประสบความสำเร็จในทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปหรือ ICBM และนอกจากนี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเธอยังได้เข้าร่วมงานเลี้ยงให้กับเหล่าช่างเทคนิคที่ทำการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์อีกด้วย ทั้งสองแต่งงานกันในปี 2009 และจากการรายงานของสื่อเกาหลีใต้กล่าวว่านาง Ri นั้นเติบโตมาจากครอบครัวธรรมดาโดยพ่อของเธอเป็นนักวิชาการส่วนแม่ของเธอนั้นมีอาชีพเป็นแพทย์ นอกจากนี้นาง Ri ยังเคยไปเยือนประเทศเกาหลีใต้เมื่อปี 2005 ในฐานะผู้นำเชียร์ของทัพนักกีฬาเกาหลีเหนือในการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชียอีกด้วย ทางสำนักข่าวนักข่าวแห่งชาติของเกาหลีหรือ KCNA ยังได้รายงานเพิ่มเติมว่ามีผู้ติดตามอื่นๆ นอกเหนือจากสตีหมายเลขหนึ่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นนาย An Jong-su รองประธานกรรมการพรรคกรรมกรแห่งเกาหลีเหนือ และผู้นำคนอื่นๆ ในพรรค รวมถึงนาง Kim Yo-jong น้องสาวของท่าผู้นำด้วยเช่นกัน คณะกรรมการทั้งหมดได้เข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าวหลังจากที่ได้มีการปรับปรุงโรงงาน จากการรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่น นาย Kim ได้กล่าวว่า “ที่นี่มีเครื่องสำอางที่มากมายและเต็มไปด้วยคุณภาพ แต่ไม่เพียงแค่นั้นยังมีการบรรจุผลิตภัณฑ์ที่สวยงามน่าใช้อีกด้วย มันเป็นเหมือนความฝันของผู้หญิงทุกคนที่ต้องการความสวยความงาม” ผู้นำคิมและน้องสาวของเขา กับผู้นำในพรรคกรรมกรแห่งเกาหลีเหนือ…
-
รัสเซียไม่น้อยหน้า ทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพทำลายประเทศได้ในพริบตา
ก่อนหน้านี้หลายคนคงได้ยินข่าวประเทศเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์กันไปบ้างแล้ว ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียจึงไม่ยอมน้อยหน้า ทำการทดสอบขีปนาวุธของตัวเองบ้างซะเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อทางรัสเซียได้ทดสอบขีปนาวุธไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ RS-28 Sarmat หรือรู้จักกันในชื่อ Satan 2 เป็นมิสไซล์นำวิถีที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากจุดปล่อยจรวดที่ชื่อว่า Plestek Cosmodrome ตั้งอยู่ในเมือง Mirny หลังจากนั้นมันก็ได้พุ่งออกไปไกลกว่า 5,700 กิโลเมตรเพื่อไปยังเป้าหมายพื้นที่ทดสอบขีปนาวุธที่ชื่อว่า Kura ในครั้งนี้เป็นการปล่อยจรวดมิสไซล์นำวิถีเป็นครั้งที่ 3 ของปี เพราะก่อนหน้านี้รัสเซียเคยทดสอบขีปนาวุธชื่อว่า Topol กองกำลังทหารของรัสเซียได้ออกมาบอกว่า ขีปนาวุธ Satan 2 นี้มีอานุภาพร้ายแรงขนาดที่ว่าชนะทุกการป้องกันและสามารถลบประเทศหนึ่งให้หายไปได้ในพริบตา เพราะมันได้บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้ภายในถึง 12 อัน ซึ่งคาดว่ามันจะพร้อมใช้งานได้จริงในปี 2019 – 2020 Satan 2 หนักกว่า 100 ตัน และอานุภาพของมันรุนแรงกว่าระเบิดที่ถูกทิ้งในฮิโรชิม่าและนางาซากิ เมื่อปี 1945 กว่า 2,000…
-
ชมภาพ “ห้องควบคุมโรงไฟฟ้า” ของโซเวียต ที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟย้อนยุค
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงยุคสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต โลกตกอยู่ในความตึงเครียดเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สองมหาอำนาจจะเปิดฉากสงครามต่อกัน แต่ถึงแม้จะไม่มีสงครามจริงๆ แต่ทั้งสองประเทศก็พยายามแข่งขันกันในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานนิวเคลียร์ที่พวกเขาก้าวล้ำกว่าใครๆ จนเราคาดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้นห้องควบคุมโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ของพวกเขาก็มีแผงวงจรและไฟกระพริบต่างๆ เยอะแยะไปหมดราวกับหลุดมาจากหนังไซไฟอย่าง Star Wars หรือ Star Trek เลยทีเดียว ยิ่งพูดถึงก็ยิ่งน่าสนใจว่าสมัยก่อนที่เราจะมีคอมพิวเตอร์ล้ำๆ แบบปัจจุบัน การควมคุมสิ่งต่างๆ ผ่านหน้าปัดเล็กๆ ไฟกระพริบหลายๆ ดวงเต็มไปหมด กับเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คน พวกเขาทำได้ยังไง แล้วห้องพวกนั้นมันจะต้องมีแผงควบคุมเยอะขนาดไหน ฉะนั้นเราก็เลยจะมาลองดูห้องควบคุมต่างๆ ในสมัยก่อนของโซเวียตกันว่าก่อนที่ประเทศอื่นจะก้าวหน้า ห้องควบคุมในโซเวียตเคยล้ำและเจ๋งแค่ไหน… เห็นแล้วคิดถึงหอควบคุมเดธสตาร์ ตอนสั่งยิงดาวอัลเดอรานในภาคนิวโฮปเลยนะเนี่ย . . แต่พอเจอลุงใส่แว่นคนนี้กลับคิดถึงด็อกเตอร์โซล่าในกัปตันอเมริกา ภาควินเธอร์โซเยอร์มากกว่า . แต่ละตู้ก็จะมีมาตรวัดอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด . พร้อมกับไฟที่กะพริบอยู่ตลอดเวลา ที่แปลกกว่าคือ หน้าปัดเยอะแบบนี้ แต่พวกเขามักจะใช้คนจำนวนไม่มากในการดูแล . . เป็นแผงควบคุมที่ดูเก่าจริงๆ แต่ถึงจะเปลี่ยนไปยังไง ในปัจจุบันก็ยังมีอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ . …
-
รัสเซียออกโรงเหน็บ “ทรัมป์” ทะเลาะ “คิม จ็อง-อึน” เหมือนเด็กอนุบาลตีกันในสนามเด็กเล่น!!
จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-เกาหลีเหนือ และเรื่องที่เกาหลีเหนือออกมาพูดถึงการทดสอบขีปนาวุธของตนเอง ทำให้ทั่วโลกไม่สามารถอยู่เฉยได้ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถึงกับออกมาบอกว่า อาจต้องมีสงครามกันเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อเขาได้ขึ้นพูดที่องค์การสหประชาชาติเอาไว้ว่า พร้อมจะทำลายเกาหลีเหนือทั้งหมด หากตกอยู่ในสถานการณ์บังคับที่ต้องปกป้องตัวเองและพันธมิตรของตน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือเอาไว้ว่า เป็น “คนปล่อยจรวดที่กำลังอยู่ในภารกิจฆ่าตัวตาย” นับว่าเป็นการดูถูกและแสดงถึงความไม่เกรงกลัวใดๆ โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คลิปวิดีโอการออกมาพูดของเขา ที่องค์การสหประชาชาติ สิ่งนั้นทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จ็อง-อึน ออกมาตราหน้าว่าทรัมป์คือ “ผู้วิกลจริต” และมีสติเลอะเลือน และกล่าวสุนทรพจน์ในเชิงว่า เกาหลีเหนือมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาอาวุธอยู่แล้ว เขาบอกว่าประธานาธิบดีสหรัฐออกมาดูถูกประเทศของตนต่อหน้าสายตาของทุกคนทั่วโลก และพยายามบีบให้ทุกคนเชื่อไปตามสิ่งที่ตัวเองพูด ยัง ยังไม่จบ.. คิมยังเสริมอีกว่าทรัมป์จะต้องเจอกับบทเรียนราคาแพงอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากคำพูดของตัวทรัมป์เองที่บอกว่า “เป็นความรุนแรงที่ไร้สาระในประวัติการณ์” และนี่คือการออกมาพูดต่อหน้าสื่อมวลชนต่างชาติโดยตรงเป็นครั้งแรกของชายคนนี้ เรื่องที่เขาพูดจึงควรเก็บไปคิดและพิจารณาอย่างมาก เพราะการตัดสินใจในวันข้างหน้าอาจตามมาด้วยความรุนแรงที่เกินคาดอย่างที่เขาบอกไว้ ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้นำประเทศเท่านั้น เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือก็ได้ออกมาเตือนอีกว่า พวกเขาสามารถที่จะทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ได้ เพื่อตอบโต้การถูกคุกคามจากผู้นำสหรัฐ ภาพในวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ของผู้นำเกาหลีเหนือตอบโต้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่……
-
เรื่องราวของ Stanislav Petrov นายทหารผู้หยุดยั้งไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อปี 1983
ทหารผู้ปกป้องประเทศทั้งหลาย นอกจากการที่ต้องออกไปรบกับข้าศึกโดยตรงแล้ว ภายในห้องสั่งการเองก็ยังต้องพบกับความตึงเครียดต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องการวางแผนการรบและการบริหารจัดการกองทัพของตนเอง และสิ่งที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดและรอบคอบ เพราะไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาอาจเลวร้ายมากไปกว่าเดิมก็ได้ เหมือนกับชายคนนี้ที่มีชื่อว่า Stanislav Petrov ผู้ที่สามารถหยุดยั้งไม่ให้เรื่องราวบานปลายจนอาจเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ เขาคือหนึ่งในทหารอากาศแห่งสหภาพโซเวียต ซึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เขาได้ทำลงไปก็คือ ในวันที่ 26 กันยายน 1983 เรื่องราวที่อาจทำให้มหาอำนาจอย่างโซเวียตและอเมริกาในขณะนั้น ต้องห่ำหั่นกันจนเกิดเป็นสงครามได้ ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ดาวเทียมของโซเวียตสามารถจับสัญญาณเจอขีปนาวุธจำนวนมาก ที่ถูกยิงมาจากฝั่งอเมริกา ทำให้เกิดความแตกตื่นและโกลาหลเป็นอย่างมาก ตอนนั้นเขาสงสัยว่าระบบคอมพิวเตอร์อาจมีความบกพร่อง ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน 100 เปอร์เซนต์ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจมีการยิงมาจริง จะทำให้โซเวียตต้องถูกโจมตีก่อนและเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อีกทั้งเชื่อว่าถ้าหากยิงสวนกลับไป ขีปนาวุธมากมายอีกหลายร้อยลูกจะต้องตามมาจากฝั่งโน้นแน่นอน เพราะอย่างนั้นจึงทำให้การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สร้างความกดดันให้กับตัวเขาเองเป็นอย่างมาก เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ในปี 2013 ว่า “สิ่งที่ผมต้องทำทั้งหมดตอนนั้นมีเพียงแค่ โทรหาผู้บัญชาการสูงสุดโดยตรง ทว่าผมกลับไม่สามารถขยับตัวได้เลย ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนกระทะร้อน” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจโทรไปเพื่อแจ้งเรื่องความผิดปกติของระบบ หลังจากนั้นผ่านไป 23 นาทีเขาก็ยังคงไม่ได้รับข่าวสารใดเพิ่มเติม ซึ่งหากมีการโจมตีกันจริง พวกเขาที่อยู่ที่นั่นจะต้องรับรู้ได้แล้ว สุดท้ายจึงพบว่าสัญญาณที่เจอเข้านั้นเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดของดาวเทียม ที่เห็นเงาสะท้อนบนก้อนเมฆเป็นขีปนาวุธ แสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในระบบเตือนภัยล่วงหน้าของโซเวียต และถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำลงไปนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ต้องถูกตำหนิเพราะไม่สามารถบันทึกอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ลงในรายงานได้…
-
บริษัทด้านพลังงานผุดไอเดีย ‘อยากฝึกงานกับพี่… ใส่บิกินี่สิจ๊ะ’ เพื่อคัดเลือกนศ. ฝึกงาน!!
ถือว่าเป็นไอเดียที่แปลกใหม่ และอาจเสี่ยงต่อการเป็นประเด็นดราม่าบนโลกออนไลน์เลยก็ว่าได้ เมื่อบริษัทพลังงานนิวเคลียร์ CEZ จากประเทศสาธารณรัฐเช็ก ผุดไอเดียคัดเลือกนักศึกษาฝึกงานสาว จากการประกวดบิกินี่!! โดยบริษัทได้เผยแพร่ภาพของนักศึกษาสาวงามผู้เข้าประกวดรายการ ‘Miss Energy 2017’ ทั้ง 10 คน ซึ่งผู้ชนะได้เข้าไปฝึกงานกับบริษัทแห่งนี้เป็นเวลา 14 วัน ภาพจากการประกวดส่วนใหญ่ จะเป็นภาพสาวงามใส่ชุดบิกินี่ สวมหมวกนิรภัยให้ถูกต้องตามกฎ และโพสท่าสวยๆ คู่กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการชี้แจงว่านักศึกษาสาวทุกคนที่เข้ามาประกวดในรายการนี้ ต่างมีความสุขและยินดีที่จะยอมรับเงื่อนไขของการประกวด แต่ทว่าเรื่องราวดังกล่าวก็แอบกลายเป็นประเด็นดราม่าเล็กๆ เมื่อมีชาวเน็ตหลายๆ คน ให้ความเห็นว่า ‘จะเหลือพนักงานผู้ชายซักกี่คนเชียว ถ้าหากพวกเขาต้องถูกคัดเลือกจากเรือนร่างแบบนี้บ้าง?’ บริษัทได้โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า “เราคิดว่าเป็นภาพที่มีรสนิยมดีมาก เป็นการผสานความงามและบรรยากาศแบบอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน” แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายกระแสดราม่าบนโลกออนไลน์ที่พูดถึงเรื่องของการคัดเลือกอันไม่เหมาะสม ทำให้บริษัทด้านพลังงานแห่งนี้ต้องออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ‘จุดประสงค์ของการจัดประกวดในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการโปรโมทการศึกษาในด้านนี้ให้มีคนเข้าถึงมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจเกิดความไม่สบายใจ ทางเราจึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย’ และล่าสุดทางบริษัทก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า นักศึกษาสาวทั้ง 10 คนจะได้เข้าไปฝึกงานกับบริษัทเป็นเวลา 14 วันตามสัญญาทุกประการ …
-
เรื่องราวของ “Chang” ชายผู้ยับยั้งการสร้างนิวเคลียร์ในไต้หวัน และถูกตราหน้าเป็นกบฎ!!
อะแฮ่ม… วันนี้เราจะขอทำตัวมีสาระกันบ้าง โดยเราจะพาไปรู้จักกับเบื้องหลังเรื่องราวของ Chang Hsien-yi นักวิทยาศาสตร์ชาวไต้หวัน ผู้ยับยั้งการสร้างนิวเคลียร์ในประเทศไต้หวันได้สำเร็จ แต่ทว่าเขากลับถูกทางการตราหน้าว่าเป็นกบฎ!! ย้อนกลับไปเมื่อปี 1949 ได้เกิดเหตุที่ทำให้ไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่ ต้องแยกตัวออกจากกัน แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือการแข่งขันทั้งทางการทหารและเศรษฐกิจ Chang Hsien-yi จนกระทั่งในช่วงปี 1960 จีนแผ่นดินใหญ่มีโครงการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลทำให้รัฐบาลไต้หวันตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ Hau Pei-tsun ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำแห่งเกาะไต้หวัน ทำให้ไต้หวันมีโครงการที่จะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน ท่ามกลางยุคสงครามเย็นเช่นนี้ มีหลายฝ่ายที่เห็นด้วยกับการสร้างนิวเคลียร์ ทว่ากลับมี Chang Hsien-yi นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้านหัวชนฝา และเชื่อว่านิวเคลียร์ไม่อาจนำมาซึ่งสันติภาพที่แท้จริงได้อย่างที่หลายคนคิด โรงงาน 221 เชื่อว่าเป็นสถานที่ทำการวิจัย และทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของจีน Chang เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกคัดเลือกให้เป็นหัวหน้าประจำสถาบันศูนย์วิจัยพลังงานนิวเคลียร์แห่งไต้หวัน ในช่วงแรกเขามีความสุขกับการได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าที่ได้รับการคัดเลือกจากทางการไต้หวัน ทว่าต่อมา… เจ้าตัวก็เริ่มตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วเกาะไต้หวันต้องการนิวเคลียร์จริงๆ หรือ? บวกกับเหตุการณ์ระเบิดหายนะที่เชอร์โนบิล ประเทศรัสเซีย ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า การไม่มีนิวเคลียร์จะเป็นผลดีต่อทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน มากกว่า ด้วยอุดมการณ์ที่ค้านอย่างหัวชนฝา ทำให้ Chang…
-
ภายในพื้นที่รกร้าง Chernobyl ไร้ผู้คนอาศัยกว่า 30 ปี บัดนี้เหลือเพียงแต่วิถีแห่งธรรมชาติ
หลังจากที่เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl ขัดข้องในปี 1986 และมีสารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาในปริมาณมหาศาล จนผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้กว่า 116,000 คนได้ถูกสั่งอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน และพื้นที่แห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเมื่อมนุษย์ผู้รุกรานได้ย้ายออกไป การทวงคืนของธรรมชาติก็ได้เริ่มต้นขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ ฝูงสัตว์ป่าที่เข้ามายึดพื้นที่ของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เป็นบ้านหลังใหม่ของพวกมันกัน ฝูงควายไบซันที่อาศัยอยู่นอกเขตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กล้องที่ถูกติดไว้ภายในพื้นที่ จับภาพของหมาป่าได้ ซึ่งในพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ร้างแห่งนี้ มีพวกมันและสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่มาก นักวิทยาศาสตร์พบว่า สิ่งที่ทำให้พวกมันต้องอพยพเข้ามาภายในโรงไฟฟ้า ก็คือการรุกรานของมนุษย์ กวางเรนเดียร์กำลังมีความสุขกับที่อยู่ใหม่ของมัน ไร้การรบกวนจากมนุษย์ ถึงแม้ว่าในพื้นที่แห่งนี้ยังคงมีปริมาณรังสีตกค้างอยู่ และอาจเป็นอันตรายต่อพวกมัน แต่การถูกล่าโดยมนุษย์ภายนอกนั้น น่ากลัวยิ่งกว่า เรามักพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ เช่น ไบรซัน มากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก นกเป็นประชากรส่วนใหญ่ของที่นี่ นกอินทรีย์หางขาวกับที่อยู่ใหม่ของมัน เราสามารถพบสุนัขจิ้งจอกได้ทั่วไปในพื้นที่โรงงานนิวเคลียร้างแห่งนี้ ตัวนากกำลังว่ายน้ำอย่างมีความสุขในบ้านหลังใหม่ พื้นที่รกร้างแห่งนี้ ดูมีชีวิตอีกครั้งเมื่อมีฝูงสัตว์เข้ามาอาศัยอยู่ ถึงแม้จะมีพวกสัตว์เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้เป็นจำนวนมาก แต่ปริมาณกัมมันตภาพรังสี ใน Chernobyl ยังคงมีปริมาณที่สูงและเป็นอันตรายต่อพวกมันเช่นกัน …
-
สภาพของเมือง ‘ฟูกุชิมะ’ 5 ปีผ่านไป สถานที่กาลเวลาหยุดนิ่ง ทุกอย่างยังคงอยู่ตรงนั้น…
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เมืองฟุกุชิมะเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2011 ที่ผ่านมา หรือเมื่อราวๆ 6 ปีก่อน จนเกิดเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์เชอร์โนบิลเลยทีเดียว แม้จะไม่มีรายงานว่ามีการเสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีในระยะสั้นที่มากเกินไป แต่ก็มีผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิมากกว่า 18,500 คน เลยทีเดียว จากความเสียหายครั้งใหญ่ในคราวนั้น ก็ผ่านแล้วเป็นเวลา 5 ปี เมืองที่เคยคึกคักกลับถูกทิ้งร้างให้ว่างเปล่า แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมบรรยากาศภายในเมืองฟุกุชิมะกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ลองไปชมผลงานของช่างภาพ Arkadiusz Podniesinski ชาวโปแลนด์ ที่เข้าไปเก็บภาพในเมืองมาให้พวกเราได้ชมกัน 1. เจ้าหน้าที่ทำการตรวจผู้มาเยือน เพื่อเช็คการปนเปื้อนแม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปีก็ตาม 2. ร้านขายแผ่นเสียงที่เงียบงัน ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย 3. มีแต่แมงมุมที่เข้ามาสร้างรังอาศัยอยู่ 4. ไปทางไหนก็มีแต่ต้นหญ้าขึ้นสูงเต็มไปหมด 5. ถนนตอนกลางคืนที่ยังคงส่องสว่าง แม้จะไม่มีใครอยู่อาศัยแล้วก็ตาม 6. แหล่งทิ้งขยะเรียงรายนับล้านถุง 7. ขบวนรถที่จอดอยู่มากมาย ทำให้เราเห็นว่าในอดีตก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นบนท้องถนนเคยคึกคักมากแค่ไหน …
-
เด็กสาว ม.ต้น เขียนเรียงความสุดซึ้ง ‘ปฏิเสธคนจังหวัดฟุกุชิมะ’ ชนะใจคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ
ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์อันน่าเศร้าภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ณ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมา และถือว่าเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เชอร์โนบิลในปี 1986 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาต่อจากนั้นก็คือ ความเกลียดชังของผู้คนรอบข้างที่มีต่อจังหวัดฟุกุชิมะและชาวบ้านที่อยู่อาศัยเติบโตภายในจังหวัดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลือกให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และไม่อยากให้เกิดความหายนะเช่นนี้ด้วย เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในใจของชาวญี่ปุ่น Ruzo Maoma อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปี 3 ได้ส่งเรียงความเรื่อง ‘ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ’ เข้าประกวดในงาน การเขียนเรียงความสิทธิมนุษยชนจากนักเรียนชั้นมัธยมต้นทั่วประเทศครั้งที่ 36 โดยมีใจความดังต่อไปนี้ ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันช็อคมาก สำหรับการเป็นคนจังหวัดฟุกุชิมะอย่างฉัน ฉันเกิดและเติบโตในเมืองมินะมิโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ จนถึงกระทั่งชั้น ป. 3 เมื่อพูดถึงเมืองมินะมิโซมะ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านเทศกาลและวัฒนธรรม ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในอดีตมาอย่างช้านาน ฉันรักผู้คนและเมืองมินะมิโซมะในแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้… แต่ทว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสารกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เมืองมินะมิโซมะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนอยู่อาศัยไม่ได้อีกต่อไป และตัวฉันเองก็ต้องย้ายหลบภัยไปอยู่กับญาติพร้อมกับครอบครัวที่จังหวัดโทะชิงิแทน เมื่อไปถึงที่นั่น ก็พบกับข้อความสติ๊กเกอร์บนรถยนต์คันหนึ่ง ในลานจอดรถร้านค้าที่แวะข้างทางว่า…
-
ใครเคยสงสัยกันบ้าง…ว่าหน้าตาของ ‘ปุ่มกดนิวเคลียร์’ จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร!!?
เรามาพูดกันถึงเรื่องของสงครามกันบ้าง เพราะมนุษย์เรารบราฆ่าฟันกันมาไม่เคยหยุดหย่อนเลยจริงๆ ตั้งแต่สมัยโบราณพัฒนามาจนยุคปัจจุบันที่แต่ละประเทศต่างแข่งขันกันทำอาวุธที่มีการทำลายล้างสูงมาข่มกันอยู่เสมอ และถ้าพูดถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘ระเบิดนิวเคลียร์’ ที่ว่ากันว่าประเทศไหนมีย่อมได้เปรียบเพราะมันสามารถทำลายล้างเมืองให้ราบเป็นหน้ากลองได้เลย (แถมเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ก็สอนให้เราได้รู้อยู่แล้วว่าจะมีผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบมากมายขนาดไหน) ไม่ว่าจะทั้งในหนังดังอย่าง สายลับเจมส์ บอนด์ หรือการ์ตูนตั้งแต่ ลูนี่ย์ ตูนส์ ยัน ครอบครัวซิมซัน เราต่างก็ต้องเคยเห็นอาวุธนิวเคลียร์มันโผล่เข้าไปอยู่บ่อยๆ แล้วเคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่าจริงๆแล้วมันรูปร่างเป็นยังไง? การจะกดนิวเคลียร์แต่ละทีมันยากมั้ย? และเชื่อว่าใครๆ ต่างก็มีภาพคอนเซ็ปในหัวว่ามันต้องเป็นปุ่มสีแดงอันใหญ่ๆ วางอยู่กลางห้องแถมกดเพียงครั้งเดียวโลกนี้ถึงกับเกิดสงครามขึ้นแน่นอน.. แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องขอบคุณบทความจาก The Times ที่ออกมาเผยแพร่ให้เราได้เห็นกันว่าที่แท้แล้วปุ่มกดนิวเคลียร์มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง เพียงแค่ด้ามจับสีแดงๆ และปุ่มกดที่ดูเหมือนไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย….แต่ถ้าเผลอกดทีละมีเฮแน่นอนครับพี่น้อง ตามบทความระบุว่า: เมื่อไหร่ก็ตามที่ประธานาธิบดีได้ออกคำสั่งผ่านคลื่นวิทยุที่เป็นความลับสุดยอดให้มีการใช้ขีปนาวุธที่บรรจุอยู่ในเรือดำน้ำ กองทัพเรือจะเป็นผู้ที่ประจำการอยู่ตรงที่ทำการและมีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบถึงสถานที่ตั้งของมัน แต่ก็ใช่ว่าถ้ากดแล้วมันจะระเบิดทันทีหรอกนะ เพราะเมื่อกดแล้วจะมีการแจ้งรหัส Code ไปยังหัวหน้าผู้ควบคุมทั้งหลายและต้องมาหารือกันก่อนส่งคำขออนุมัติไปยังประธาณาธิบดีของประเทศนั้นๆเพื่อยืนยันเป้าหมายให้แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ก็หมดความสงสัยไปอีกหนึ่งเรื่อง.. อย่าลืมติดตาม แก๊งเหมียว ไว้ล่ะกันรับรองว่าเราจะหาแต่เรื่องแปลกๆเจ๋งๆ มาให้ได้สนุกกันแน่นอน…. ที่มา: TheLadBible
-
นี่คือหมู่เกาะ Marshall ที่ถูกทดลองบอมบ์นิวเคลียร์ 67 ครั้ง จนกลายเป็นเขตอันตราย..!!
ถึงจะผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว หลังจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา ประชากรของประเทศแห่งนี้ก็ยังไม่สามารถกลับไปยังประเทศของตัวเองได้… เพราะค่ากัมมันตรังสียังถือว่าสูงอยู่มาก จากการเก็บข้อมูลและสำรวจของ Columbia University พบว่าค่าที่พบยังสูงอยู่เกือบสองเท่าจากระดับที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้แบบปลอดภัย วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับหมู่เกาะ Marshall สถานที่ๆ สหรัฐอเมริกาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์กว่า 67 ครั้ง จนกลายเป็นเกาะร้างไม่มีใครสามารถที่จะเข้าไปอยู่ได้… หมู่เกาะ Marshall แห่งมหาสมุทรแปซิฟิก สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้มีประชากรราวๆ 52,000 คนด้วยกัน แน่นอนว่าทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเกาะสถานที่ทดสอบนั้น ถูกย้ายออกก่อนที่เกาะจะกลายเป็นสถานที่ทดสอบอาวุธในช่วงปี 1946-1958 ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างช่วงปีนั้นระเบิดปรมาณูกว่า 67 ลูกได้ถูกนำมาทดสอบกันที่นี่ แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ‘Bravo Shot’ ระเบิดปรมาณูที่มีอานุภาพรุนแรงกว่าลูกที่อเมริกาทิ้งใส่ฮิโรชิม่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 กว่า 1,000 เท่า!!! ตอนนี้เกาะแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเพราะมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เพราะความเข้มของกัมมันตรังสีที่อาจเรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่หลายเท่าตัว แถมการลดลงของมันก็ยังช้ากว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้อย่างมาก Bikini หนึ่งในเกาะของหมู่เกาะ Marshall สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์กว่า 67 ครั้ง จากการคาดการณ์โดยเหล่านักวิทยาศาสตร์ (Science News) คิดว่าตอนนี้ค่ากัมมันตรังสีจะอยู่ที่ 16 millirems ต่อปี…
-
ที่มาของมหานคร Las Vegas และทัวร์ ‘นิวเคลียร์’ ในอดีตของสหรัฐฯ ที่คุณอาจไม่เคยรู้…
ถ้าจะพูดถึงระเบิดนิวเคลียร์หรือการใช้ปรมาณูในสงครามล่ะก็ เหตุการณ์ที่คงลืมไม่ได้ก็คงจะเป็นฮิโรชิม่าในประเทศญี่ปุ่นนี่แหละ ที่ฝ่ายสหรัฐฯ ได้ทำการทิ้งหัวรบเพื่อหยุดสงคราม ถึงจะส่งผลและมีประสิทธิภาพสุดๆ แต่แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในวิธีการที่โหดร้ายยิ่งนัก และถึงอำนาจการทำลายล้างของมันจะยิ่งใหญ่และน่าดูชมขนาดไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าคุณได้ไปเมือง Las Vegas ในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปี 1950 แล้วล่ะก็ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว เพราะคนที่นี่เห็นเป็นเรื่องรื่นเริง ราวกับงานฉลองเลยทีเดียว เพราะในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ และโซเวียตกำลังร้อนระอุ ประธานาธิบดี Truman ของสหรัฐฯ เลยอนุญาตให้ทดลองนิวเคลียร์กันได้อย่างโจ่งแจ้งในทะเลทรายของรัฐเนวาด้า ซึ่งก็คือบริเวณลาส เวกัส ในปัจจุบันนี่แหละ!!! กลายเป็นว่าการทดสอบหัวรบนิวเคลียร์ที่นี่นั้นได้ก่อให้เกิดทัวร์นิวเคลียร์ เป็นการท่องเที่ยวแบบใหม่ขึ้นซะเลย ผู้คนต่างหลั่งไหลมาที่นี่ นั่งชิวๆ จิบกาแฟจิบเบียร์เพื่อดูหัวรบลูกแล้วลูกเล่าถูกยิงทดสอบไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าถึงตอนนั้นที่นี่ยังจะไม่มีอะไร แต่ก็มีเหล่านักลงทุนหัวใสมาเปิดบาร์เปิดผับกันที่นี่มากมาย ถึงขั้นมีคอกเทลสูตรปรมาณูขายกันเลยทีเดียว ถ้ามองย้อนกลับไปตอนนี้คงเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่แปลกมากๆ นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหล่านี้ ยังมีการจัดประกวบสาวงามปรมาณู Miss Atomic Bomb ด้วยนะจ๊ะ ใครที่ชนะการประกวดก็จะได้มงกุฎไปตามระเบียบ ถือว่าเป็นเรื่องที่ฮือฮามาก จากนั้นคาสิโน และสถานบริการต่างๆ ก็เริ่มเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ ในแถบนี้ ตลอด 12 ปีของการทดลองหัวรบนิวเคลียร์ของรัฐบาล …
-
รวมภาพกราฟิค แสดงให้เห็นว่า “ฮิโรชิม่า” จากวันโดนนิวเคลียร์ถึงปัจจุบัน เปลี่ยนไปแค่ไหน…
วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ระเบิดปรมาณูของกองทัพสหรัฐฯ “ลิตเติ้ลบอย” ได้ถูกนำมาทิ้งที่เมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ประชาชนกว่า 80,000 คนเสียชีวิตในทันที นั่นคือครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับอาวุธมหาประลัยชนิดใหม่ และระเบิดลูกนั้นเองคือสิ่งที่ดับความฝันของกองทัพญี่ปุ่นที่จะตีโต้กองทัพอเมริกา หลังจากวันนั้น ประชาชนญี่ปุ่นที่มีชีวิตรอด ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวท่ามกลางซากปรักหักพัง ล้มลุกคลุกคลานหลายครั้ง เผชิญความยากลำบากมากมาย จนปัจจุบัน พวกเขาคือชาติที่มีเศรษฐกิจและประชาธิปไตยที่เข้มแข็งที่สุดประเทศหนึ่งของโลก วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพที่แสดงให้เห็นว่า “เมืองฮิโรชิม่า” ในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนจากวันที่ถูกทิ้งระเบิดปรมาณู เชิญทัศนากันได้เลย จุดศูนย์กลางของระเบิด ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ป่าใกล้ๆ กับปราสาทฮิโรชิม่า รถรางภายในเมืองถ่ายทันทีในวันถัดมาหลังจากระเบิดลง ปัจจุบันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว อดีคเคยเป็นธนาคารเทโกกุ ปัจจุบันเป็นร้านขนมปังชื่อดัง สะพานอิมาริบาชิ สถานีรถไฟประจำเมือง คนญี่ปุ่นเขาสุดยอดจริงๆ เลยเนอะ โดนไปขนาดนั้นยังกลับมาผงาดกลายเป็นมหาอำนาจของโลกได้ ต้องนับถือใจพวกเขาจริงๆ ขอนับถือจากใจเลยครับ ที่มา huffingtonpost
-
เบื้องหลังการทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ กับ ‘ระเบิดปรมาณูลูก 3’ ซึ่งไม่เคยได้ใช้งาน!!
เหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู “แฟตแมน” และ “ลิตเติ้ลบอย” ที่เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ ที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1945 ถือว่าเป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับอาวุธมหาประลัยชนิดใหม่ ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลก การระเบิดครั้งนั้นได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 250,000 รายในทันที ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากผลกระทบของกัมมันตรังสีที่ปล่อยออกมาขณะเกิดการระเบิด การทิ้งระเบิดครั้งนั้นถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการจบสงครามโลกกับญี่ปุ่นให้เร็วที่สุด โดยพวกเขาได้จับมือกับประเทศแคนาดาในการพัฒนาโครงการ “แมนฮัตตัน” ขึ้นมา ซึ่งหลังจากพัฒนาระเบิดสองลูกแรกเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มมองหาสถานที่เป้าหมายในการทิ้งระเบิดทันที โดยปกติแล้วการตัดสินใจในการรบแบบนี้ ประเทศส่วนมากจะมอบอำนาจในการตัดสินใจให้กับทหาร แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา พวกเขากลับมอบหน้าที่เหล่านี้ให้กับนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีการคิดคำนวนถึงผลกระทบอย่างดี ว่าทิ้งลงที่ไหนจะทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้เร็วที่สุด สุดท้ายเป้าหมายก็คือเมืองฮิโรชิม่าที่เป็นเป็นท่าเรือและจุดศูนย์การอุตสาหกรรม ส่วนลูกที่สองตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะไปทิ้งที่เมืองโยโกฮาม่า แต่โชคไม่ดีวันนั้นเกิดมีเมฆมากปกคลุมน่านฟ้า ทำให้หวยไปออกที่เมืองนางาซากิแทน หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมสหรัฐอเมริกาถึงไม่ทิ้งระเบิดที่กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น สาเหตุก็เพราะว่าสหรัฐฯ เพียงต้องการบีบให้ญี่ปุ่นยอมแพ้เท่านั้น หากนำไปทิ้งที่โตเกียวซึ่งเป็นศูนย์รวมกองบัญชาการทั้งหมดแล้วล่ะก็ ประเทศทั้งหมดก็จะอยู่ในสภาพสับสนเพราะขาดผู้บังคับบัญชา และการทำให้ยอมแพ้ก็จะเป็นเรื่องยากขึ้นนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น กรุงโตเกียวยังเป็นที่ตั้งของมหาราชวังขององค์จักรพรรดิญี่ปุ่นอีกด้วย หากมีการฆ่าองค์จักรพรรดิอาจทำให้ประชาชนที่อยู่ในประเทศสู้ตายโดยไม่ยอมแพ้ก็เป็นได้ ซึ่งหลังจากทิ้งระเบิดที่เมืองนางาซากิได้ 6 วัน ทางองค์จักรพรรดิของญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขในทันที ท่ามกลางความไม่พอใจของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในขณะนั้น …
-
ส่งตรงจาก Chernobyl ดินแดนรกร้างผสานความหลอน จากเหตุหายนะนิวเคลียร์ในรอบ 30 ปี
แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานแค่ไหนก็ตาม เหตุภัยพิบัติ Chernobyl ยังคงเป็นที่จดจำได้มากที่สุด อันเนื่องมาจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1986 ส่งผลทำให้สารกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ผู้คนต่างต้องอพยพเพื่อเอาชีวิตรอด บางส่วนได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิต แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านมาได้ 30 ปี แล้ว แต่ด้วยสภาพความเสียหายของเมือง สารกัมมันตภาพรังสียังคงหลงเหลืออยู่ จึงทำให้ทั้งเมืองกลายเป็นดินแดนที่รกร้าง ไม่เหมาะกับการใช้เป็นถิ่นอาศัย สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คืออดีตอันแสนเศร้าและความหลอนชวนขนหัวลุก สภาพภายในโรงเรียนอนุบาลที่ตั้งอยู่ในเมือง Pripyat ของยูเครน ใกล้ๆ กับบริเวณนิคม Chernobyl การเข้าไปสำรวจสภาพในเมืองรกร้างแห่งนี้ เก็บภาพโดย Gleb Garanich จากสำนักข่าว Reuters เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติรุนแรง เมือง Pripyat และนิคม Chernobyl เคยรุ่งโรจน์มากๆ ซึ่งในช่วงนั้นก็เป็นขาขึ้นของสหภาพโซเวียตด้วย สวนสนุกที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง …
-
พี่จีนโชว์เก๋า เตรียมสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่ไม่มีวัน “ละลาย” เด็ดขาด!!
พลังงานนิวเคลียร์ถือว่าเป็นพลังงานสะอาดอีกทางเลือกหนึ่ง ที่คุ้มค่าและใช้ประโยชน์ได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงเช่นกัน ดังเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เชอร์โนบิลและฟุกุชิมะ ที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เกิดอุบัติเหตุ จนแกนกลางหลอมละลายและมีกัมมันตรังสีรั่วออกมา ทำให้พื้นที่รอบๆ หลายสิบกิโลเมตร กลายเป็นที่ที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่อาศัยได้ แต่อย่างไรก็ตามล่าสุด ทางบริษัท Nuclear Engineering Construction Corporation ได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขากำลังจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ที่ไม่มีวัน “ละลาย” ในมณฑลฉางตง ประเทศจีน พวกเขากล่าวว่า พวกเขาได้พัฒนาเทคโนโลยีการสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ โดยใช้แร่แกรไฟต์เป็นส่วนประกอบ และใช้แก๊สฮีเลียมในการระบายความร้อน ซึ่งพวกเขาอ้างว่า มันจะไม่มีวันละลายเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังวางแผนให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ชุดใหม่ของเขานี้ กลายเป็นสินค้าส่งออกทำเงินให้กับบริษัทอีกด้วย เยี่ยมไปเลย ถ้าทำได้แบบนี้จริงๆ พลังงานนิวเคลียร์จะกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเลยล่ะ แต่เอ.. ทำไมพอเป็นพี่จีนคอนเฟิร์มแบบนี้ เหมียวไม่ค่อยรู้สึกมั่นใจเท่าไหร่เลย ฮาาาา ที่มา Shanghaiist
-
เปิดภาพโรงงานผลิต “เชื้อเพลิงนิวเคลียร์” ในประเทศรัสเซีย เค้าทำกันแบบนี้หรอกหรือ!!
พลังงานนิวเคลียร์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งพลังงานที่คุ้มค่าที่สุดที่เคยปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่ถึงแม้พลังงานนิวเคลียร์จะให้ประโยชน์มากมาย แต่มันก็มีโทษและความเสี่ยงมากมายเช่นกัน ทำให้หลายๆ ประเทศต่างพากันทะยอยปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และแม้เราจะรู้จักพลังงานนิวเคลียร์มานาน แต่มีใครเคยเห็นหรือเปล่า ว่าเชื้อเพลิงของพลังงานนิวเคลียร์นั้น หน้าตาเป็นอย่างไร ถ้ายังไม่เคยล่ะก็ ตาม #เหมียวอ๊อดโด้ ไปชมโรงงานผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จากประเทศรัสเซียนี้กันเลย โรงงานแห่งนี้มีชื่อว่า Novosibirsk Chemical Concentrates Plant ตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย ถือว่าเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ชั้นนำของโลกในปัจจุบันเลยทีเดียว พนักงานที่ทำงานในโรงงานทุกคน ต้องสวมเสื้อผ้า หมวก และผ้าปิดปากที่มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสี ป้ายสัญลักษณ์กัมมันตรังสีในตึกหลัก ป้ายอธิบายข้อมูลแบบคร่าวๆ ของโรงงานแห่งนี้ เครื่องมือทั่วไป กรวยขนาดใหญ่นี่ คือที่บรรจุแร่ยูเรเนียมและสารเติมแต่ง กล่องใส่แร่ยูเรเนียมแบบเม็ด โดยเจ้าเม็ดยูเรเนียมพวกนี้ จะถูกนำไปเผาด้วยไฟ Oxyhydrogen ที่ความร้อน 1,750 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 ชั่วโมง เมื่อผ่านกระบวนการเผาแล้ว เม็ดยูเรเนียมเหล่านี้จะถูกนำไปขัดและขึ้นรูปให้พอดี โดยแต่ละชิ้นจะมีน้ำหนัก 4.5 กรัม แต่สามารถให้พลังงานเท่ากับน้ำมัน 2 บาร์เรล…
-
สภาพฐานลับของ NASA ถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นทศวรรษ น้อยคนที่จะเห็นและไม่มีใครกลับไปอีก!!
NASA หนึ่งในองค์กรที่มีความก้าวหน้าในด้านของเทคโนโลยีอวกาศ ที่มักจะแสดงให้ชาวโลกได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลก และสำรวจดาวดวงอื่นๆ รวมไปถึงการส่งนักบินอวกาศไปสำรวจดาวเคราะห์อันห่างไกล ภาพที่เราได้เห็น ได้รับรู้ และได้สัมผัสนั้นคือความสำเร็จขององค์กร NASA ที่มีเยอะแยะมากมายหลายโครงการ แต่ก็ใช่ว่าทุกโครงการที่เกิดขึ้นจะสำเร็จเสมอไป ถ้าหากเกิดความล้มเหลว ทางองค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องละทิ้งโครงการเหล่านั้นที่เคยคาดหวังว่ามันจะลุล่วงไป ซึ่งแต่ละอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย อย่างเช่น Santa Susana Field Laboratory โครงการขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 7,208 ไร่ ห่างจากย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง Los Angeles ไป 48 กิโลเมตร เป็นฐานลับที่เคยยิ่งใหญ่ที่ช่วงค.ศ. 1948 ภายหลังในปีค.ศ. 1959 มันได้กลายมาเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งแรกและครั้งที่ร้ายแรงที่สุดของอเมริกา ความล้มเหลวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ประสบกับปัญหาไฟกระชากอย่างรุนแรงในชั่วข้ามคืนละปล่อยก๊าซกัมมันตรังสีออกสู่ชั้นบรรยากาศ เจ้าหน้าที่ก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถตลอดสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ไขก็ยิ่งทำให้มันแย่ลง เพราะเป็นการเพิ่มปริมาณสารกัมมันตรังสีให้มากขึ้นไปอีก . . ทางด้านเจ้าหน้าที่ Atomic Energy Commission เผยว่าองค์ประกอบของพลังงานล้มเหลวใน…
-
Elon Musk แนะตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารด่วน ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 3 จะล้างบางมนุษย์
ในแวดวงเทคโนโลยีล้ำๆ หนึ่งในบุคคลที่มักจะถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ Elon Musk ผู้บริหารบริษัท SpaceX รวมไปถึงบริษัทในเครือทางด้านเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เขาคนนี้ก็คือ Tony Stark ในชีวิตจริง (แต่ไม่มีชุด Iron Man) ล่าสุดนี้เขาก็ได้ให้การสัมภาษณ์กับทางนิตยสาร GQ เอาไว้ได้น่าสนใจมากๆ เป็นประเด็นเกี่ยวกับแนวโน้มความขัดแย้งของโลกในอนาคต และเรื่องการอพยพย้ายถิ่นฐานจากโลกไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร ซึ่งเขาก็ได้แนะเอาไว้ว่าควรที่จะสร้างเมืองที่อาศัยอยู่ได้บนดาวอังคารให้เร็วที่สุด ก่อนที่มนุษย์จะล้างบางและทำลายโลกที่เราอาศัยอยู่ด้วยน้ำมือของตัวเอง ภาพจำลองอาณานิคมบนดาวอังคาร ‘คุณทำการสำรองข้อมูลในฮาร์ดไดร์ฟได้ แล้วทำไมเราไม่สำรองที่อยู่อาศัยสำหรับการใช้ชีวิตบ้างล่ะ?’ Elon Musk กล่าว โดยทางบริษัท SpaceX เองก็ได้มีแผนการที่จะสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารเอาไว้แล้ว และเมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะส่งมนุษย์อวกาศไปในทันที!! ไม่ใช่ว่าเขาเป็นพวกกระต่ายตื่นตูม เพียงแต่ว่าเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปมากแล้ว ก็จงทำในสิ่งที่พอจะทำได้และเป็นไปได้ โดยเขาก็ทำได้แค่เพียงคาดเดาจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ความขัดแย้งของมนุษย์ที่จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ประเทศมหาอำนาจที่สะสมหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้ ก็จะนำมาใช้ล้างบางฝ่ายตรงข้ามแน่นอน และอย่างที่ในประวัติศาสตร์ได้จารึกเอาไว้ มนุษย์ก็จะไม่เหลืออะไรเลย นอกจากความสูญเสียมหาศาล แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของสงครามนิวเคลียร์อะไร แต่อย่างน้อยการตระหนักของเขานั้นก็เป็นเพื่อการอนุรักษ์และรักษาสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่บนโลก ให้มันอยู่รอดต่อไป…
-
วิดีโอลับทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในอดีต ที่เหล่าทหารต้องวิ่งเข้าใส่โดยไม่รู้ชะตากรรม…
เคยมีการพูดถึงผลกระทบของการทดลองนิวเคลียร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบ Nevada ในช่วงปี 1950 แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล่าวถึงเหล่าทหารที่อยู่ในสถานที่ทดสอบแม้แต่น้อย… ที่ Camp Desert Rock สถานที่ทดสอบในตอนนั้น เหล่าทหารไม่ได้เพียงแค่ถูกบังคับให้ดูการระเบิดเท่านั้น แต่ยังต้องวิ่งเข้าใส่ระเบิดด้วย โดยไม่มีใครทราบถึงผลร้ายของรังสีแม้แต่น้อย!!! ในคลิปวิดีโอมีทหารที่รอดชีวิตมาได้เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ ทหารเหล่านี้ รวมถึงผู้เข้าชม จะได้รับพิษจากปรมาณู ทำให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย ที่สำคัญคือโรคมะเร็งนั้นเอง จากรังสีของการระเบิด!!! ลองมาชมคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายทำไว้ได้กันที่นี่ นี่ละหนอ ในความไม่รู้ ทำให้เหล่าทหารและผู้คนต้องเสียชีวิตโดยได้รับผลกระทบมากมาย ในเหตุการณ์นี้ มีผลกระทบต่อผู้คน และส่งผลให้พวกเขาเสียชีวิตจากการรับคำสั่งที่ไร้สาระ…เป็นจำนวนมาก ที่มา: Viralnova
-
ดราม่าดิ…เมื่อ Disney Japan ทวิตว่าวันครบรอบการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ “ไม่มีอะไรสำคัญ”
หากให้ยกตัวอย่างหนึ่งในบริษัทที่มีภาพลักษณ์และการตลาดที่ดีอันดับต้นๆของโลก เชื่อว่า Disney ต้องโผล่เข้ามาในหัวเป็นอันดับต้นๆแน่นอน เพราะพวกเขาขึ้นชื่อเรื่องการทำตลาดเอาใจเด็กๆ รวมถึงบริการลูกค้าดุจพระเจ้าอีกด้วย แต่ว่าบริษัทอย่าง Disney ก็สามารถสร้างความผิดพลาดได้เช่นกัน อย่างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองนางาซากิ ทางแอคเคาท์ Twitter ของ Disney ได้โพสสิ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างมากลงไป โดยพวกเขาได้ทวีตว่า “สวัสดีวันที่ไม่มีอะไรสำคัญ” ทันทีที่ทวีตนี้ออกสู่สาธารณชน พวกเขาก็ได้รับเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างมากมาย เพราะวันที่ 9 สิงหาคม เมื่อ 70 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ประชนชนชาวญี่ปุ่นต้องสังเวยชีวิตให้กับระเบิดมหาประลัยกว่า 39,000 คน จนต้องลบทวีตนี้ทิ้งไป สุดท้ายทาง Disney Japan ก็ต้องออกมาทวิตขอโทษโดยมีเนื้อหาดังนี้ 【お詫び】8月9日のディズニーTwitterアカウントからのツイートについて、皆様にご不快な思いをさせてしまう不適切な表現がありましたことを深くお詫び申し上げます。今後につきましては細心の注意を払ってアカウント運営を行ってまいります。 — ディズニー公式 (@disneyjp) August 9, 2015 “ด้วยความเคารพ พวกเราอยากจะขออภัยเป็นอย่างยิ่งหลังจากมีการทวีตถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมลงไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ในอนาคต เราจะระมัดระวังการทวีตยิ่งขึ้น และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก” แหม เกือบทำลายชื่อเสียงที่สร้างมาเกือบร้อยปีซะแล้ว โลกออนไลน์สามารถสร้างชื่อเสียงให้ได้…
-
สุดสะเทือนใจ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ครบ 70 ปี ที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ฮิโรชิม่า…
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 1945 หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง ทางสหรัฐอเมริกาได้ยื่นข้อเสนอให้กับทางประเทศญี่ปุ่น ให้ยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข แต่กระนั้นทางรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นก็ตอบปฏิเสธข้อเสนอ อย่างที่เราๆ รู้กัน ต่อจากนั้นมาไม่นาน เมืองฮิโรชิม่าของญี่ปุ่น ถูกระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกถล่ม นั่นทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และบ้านเรือนเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้กว่า 70,000 คนเลยทีเดียว ส่วนครั้งที่สองทีนางาซากิ เลวร้ายกว่ามาก เพราะมีคนได้รับผลกระทบกว่า 340,000 คนเลยล่ะ และในเดือนนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้สงคราม ทำให้สงครามโลกครั้งที่สอง จบลง…. และนี่คือจดหมายจากนักฟิสิกส์ชื่อดัง ไอน์สไตน์ ที่เขียนถึงประธานาธิบดีรูสเวลท์ ซึ่งไอน์สไตน์ได้เขียนถึงเขาเล่าประมาณว่าสิ่งที่เขาค้นพบนั้น สามารถนำไปสร้างเป็นอาวุธได้ ซึ่งเยอรมนีก็กำลังพยายามสร้างอยู่ ทำให้ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ สั่งเปิดโครงการ “Manhattan Project.” เพื่อสร้างอาวุธชนิดที่ว่าขึ้นอย่างเร่งด่วน ในวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 ระเบิดปรมาณูลูกแรกของสหรัฐฯ ได้ถูกทดสอบที่ พื้นที่ทดสอบชื่อว่า White Sands โดยรหัสลับของโครงการนี้ใช้ชื่อว่า “Trinity” และจะว่าไปแล้วมันเป็นการระเบิดของอาวุธปรมาณูครั้งแรกของโลก และการระเบิดก็เหมือนจะเป็นรูปดอกเห็ดดังภาพ ภาพซูมใกล้ๆ ของพื้นที่ถูกระเบิด ความร้อนได้ละลายทั้งพืช และทรายเข้าด้วยกัน…