Tag: นโยบาย
-
“ชิลี” กลายเป็นประเทศแรก ที่แบนถุงพลาสติกในเมืองติดทะเล เพื่อปกป้องทรัพยากรโลก..!!
นับว่าปัญหาขยะพลาสติกเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คอยทำลายทรัพยากรโลกมาแล้วหลายสิบปี อีกทั้งมันยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตของสัตว์โลก รวมทั้งระบบนิเวศน์ต่างๆ เช่นเดียวกับภาพที่เราเห็นตอนไปเที่ยวทะเล… ทว่าล่าสุด ‘ชิลี’ ได้ออกมาประกาศเป็นประเทศแรกในทวีปอเมริกา ถึงนโยบายที่จะยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกอย่างเด็ดขาดโดยจะมุ่งเน้นไปที่เมืองที่ติดชายหาดต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน ประธานาธิบดีแห่งชิลี Michelle Bachelet ได้ออกมาแถลงนโยบายแบนการใช้ถุงพลาสติกทุกชนิด ผ่านที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ครั้งที่ 72 ที่เมืองนิวยอร์ก “ภายใน 12 เดือนต่อจากนี้ เราจะมุ่งเน้นผลักดันให้มีกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง โดยจุดประสงค์ก็เพื่อปกป้องระบบนิเวศน์และทรัพยากรทางทะเลที่กำลังถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง…” Michelle Bachelet กล่าวผ่านที่ประชุม อ้างอิงข้อมูลจากการรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมประเทศชิลี พบว่ากว่า 90% ของนกทะเลมีถุงพลาสติกติดค้างอยู่ในร่างกายของพวกมัน ซึ่งถ้าหากไม่มีการแก้ปัญนี้เกิดขึ้นพวกเขาคาดว่าภายในปี 2050 สิ่งมีชีวิตและขยะในท้องทะเลอาจมีจำนวนไล่เลี่ยกัน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม Marcelo Mena ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมี 60 เมืองในประเทศชิลีที่เริ่มหันมาใช้นโยบายดังกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งตอนนี้กฎหมายยังอยู่ในขั้นตอนการส่งเข้าสภาเพื่อพิจารณาภายในเดือนตุลาคม “ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการป้องกันไม่ให้ระบบนิเวศทางทะเลถูกทำลายไปมากกว่านี้ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการควบคุมขยะที่ถือเป็นปัญหาระยะสั้นที่รัฐฯ ต้องคอยรับมืออยู่บ่อยๆ และเราก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเอาขยะพลาสติกมาทดแทนความหลากหลายทางชีวภาพของธรรมชาติได้แน่นอน” Marcelo Mena กล่าว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนโยบายรักษ์โลก…
-
พาทัวร์ระบบซูเปอร์มาร์เก็ตที่ “เกาหลีเหนือ” หลังท่านผู้นำคิม ประกาศนโยบายเศรษฐกิจใหม่
เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา หากใครที่ติดตามข่าวของประเทศเกาหลีเหนือ คุณจะรู้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศได้เติบโตขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ท่ามกลางการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐบาลจีน เพื่อหยุดยั้งโครงการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนอกจากการเติบโตของเศรษฐกิจ จะส่งผลทำให้เกาหลีเหนือมีทุนในการพัฒนาอาวุธต่อ ยังทำให้ชนชั้นการค้าขายเติบโตขึ้นตามไปด้วย ภายหลังจากทางผู้นำ Kim Jong Un ได้ประกาศนโยบายเศรษฐกิจใหม่อีกด้วย ในครั้งนี้ #เหมียวขี้อ้อน จะพาคุณมารับชมระบบซูเปอร์มาร์เก็ตของ “เกาหลีเหนือ” ที่ไม่ได้หาชมได้ง่ายๆ เลย และนี่จะถือเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงถึงสัญญาณการสร้างแบรนด์ และการสร้างยอดขายที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต ภาพวิวัฒนาการผู้บริโภคชาวเกาหลีเหนือที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ภายใต้การควบคุมของ Kim Jong Un หลังจากที่ผู้นำเกาหลีเหนือคนล่าสุด ได้ประกาศนโยบายเศรษฐกิจใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจภายใน 5 ปี ทำให้โรงงานในเกาหลีเหนือได้ให้ความสำคัญ กับการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันให้ดีมากขึ้น ร้านค้าต่างๆ เช่น ร้าน Potonggang ให้ลูกค้าสามารถชำระด้วยเงินสดหรือบัตรเดบิตธนาคารได้แล้ว ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในกรุงเปียงยาง ก็เริ่มกระจายเข้าสู่พื้นที่ชนบทของประเทศแล้ว ในทางกลับกัน แม้ว่ายังคงมีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐหรือหยวนของจีนประปรายในบางพื้นที่… แต่ก็มีผู้ใช้บัตรเติมเงินหรือตั๋วเงินในประเทศเพิ่มขึ้นที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น และเสถียรภาพของสกุลเงินในประเทศก็เพิ่มมากขึ้น …
-
ห้างในอังกฤษประกาศเพิ่ม “ช่วงเวลาพิเศษ” หวังสร้างความสุขให้ผู้ป่วยออทิสติก
สำหรับกลุ่มเด็กที่เกิดมาพร้อมอาการป่วยเป็นออทิสติกนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคของพวกเขาในการใช้ชีวิตประจำวันก็คือ.. ข้อมูลข่าวสารต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้เด็กๆ ผู้มีอาการผิดปกติ รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกออกจากสังคม เพื่อเป็นการแก้ไข รณรงค์ และให้ความรู้เกี่ยวกับผู้ป่วยออทิสติก รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายโดยตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม เป็นต้นไป ห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 14 แห่ง ทั่วสหราชอาณาจักร จะเพิ่มช่วงเวลา ‘Autistic Hour’ เข้าไปวันละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย โดยในช่วง Autistic Hour ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดจะต้องทำตามเงื่อนไขดังนี้… 1. ลดระดับเสียงดนตรีและเสียงรบกวนต่างๆ ทั้งหมดลง 2. หรี่ไฟลง.. เนื่องจากแสงไฟของหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่จ้าเกินไป อาจทำให้ผู้ป่วยออทิสติกรู้สึกกังวลได้ 3. ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยออทิสติกแก่พนักงานในห้างทุกคน เพื่อที่พวกเขาจะได้ปฏิบัติต่อกลุ่มลูกค้าใน ช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม The National Autistic Society เผยว่า ในปัจจุบันมีตัวเลขผู้ป่วยออทิสติกทั้งหมดในอังกฤษอยู่มากกว่า 700,000 คน และเมื่อเปรียบเทียบในระดับประชากรจะพบว่า…
-
สภาเมืองพอร์ตแลนด์ แก้ปัญหา “ขอทาน” ด้วยการว่าจ้างให้พวกเขาทำงาน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
เรียกได้ว่าปัญหาของกลุ่มคนไร้บ้าน เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานในหลายๆ ประเทศทางฝั่งตะวันตก (บ้านเราก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน) ไม่ว่าจะจากปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือปัญหาทางชีวิตของแต่ละคน ทว่าล่าสุดสภาเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ริเริ่มนโยบายที่จะช่วยเหลือกลุ่มคนที่เขาให้คำนิยามว่าเป็น ‘Beggers’ (นิยามนี้รวมทั้งคนไร้บ้านและขอทาน) ด้วยการว่าจ้างให้พวกเขาทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้เทศบาลเมืองพอร์ตแลนด์ เคยออกกฎหมายห้ามเดินเร่ขอทานตามถนนมาก่อนแล้ว โดยอ้างว่าอาจเป็นภัยต่อสาธารณะ รวมทั้งมีการรณรงค์ให้คนเลิกให้เงินขอทาน แต่ทว่าข้อห้ามและรณรงค์ดังกล่าวประสบกับความล้มเหลว ทางสภาเมืองจึงได้ออกนโยบายใหม่ ด้วยการจัดหน่วยรถออกลาดตระเวนไปหากลุ่มคนขอทานทั้งหลาย พร้อมทั้งเสนองานทำความสะอาดสวนสาธารณะและงานแรงงานทั่วไป โดยจะได้รับค่าจ้างเป็นจำนวน 10.68 เหรียญต่อชั่วโมง หรือราว 365 บาทต่อชั่วโมง Jon Jennings นายกเทศมนตรีได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เพราะเราเป็นเมืองที่พร้อมจะช่วยเหลือเหล่าผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา หากแต่บางทีคนเราต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตกันบ้าง” แน่นอนว่าจากนโยบายดังกล่าวช่วยเสริมสร้างอาชีพและโอกาส สำหรับการเริ่มต้นชีวิตครั้งใหม่ของกลุ่มคนขอทานและคนไร้บ้านได้จริง เพราะจากผลสำรวจค่าเฉลี่ยเงินบริจาคที่พวกเขาเคยได้รับ อยู่ที่ประมาณ 10 เหรียญต่อวันเท่านั้น ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนนโยบายจากการตระเวนจับ แต่เปลี่ยนเป็นตระเวนหาและมอบหมายงานให้พวกเขาทำ โดยก่อนหน้านี้มีหลายๆ รัฐที่เริ่มโครงการนี้เช่นที่ San Jose, California และ Chicago และจากรายงานพบว่าเมืองที่ประสบความสำเร็จจากการหันมาใช้นโยบายนี้มากที่สุด ก็คือเมือง Albuquerque…
-
บริษัทแท็กซี่ญี่ปุ่น ออกนโยบายห้ามไม่ให้คนขับคุยกับผู้โดยสาร ในระหว่างการเดินทาง
ต้องยอมรับเลยนะว่า “แท็กซี่” ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ในการเดินทาง ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมของคนขับ ระเบียบการจราจร รวมถึงยังมีการตั้งกฎระเบียบต่างๆ ขึ้นมา เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศอีกด้วย และล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ Rocketnews24 มีรายงานว่า Miyako Taxi บริษัทรถแท็กซี่ ในจังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มดำเนินการให้บริการ Silence Taxi โดยมีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้คนขับรถพูดคุยกับผู้โดยสารในขณะที่อยู่ระหว่างการเดินทาง จากการรายงานระบุว่า การบริการดังกล่าวได้มีการดำเนินการในเขตกรุงเกียวโตเป็นส่วนใหญ่ โดยภายในด้านหลังพนักพิงศีรษะของรถแท็กซี่ จะมีการแจ้งให้ลูกค้าได้ทราบว่า… นอกเหนือจากการทักทายหลังจากที่ผู้โดยสารได้เข้ามาในรถแล้ว คนขับรถแท็กซี่จะไม่สามารถพูดคุยกับพวกเขาระหว่างการเดินทางได้ ยกเว้นแต่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉินเท่านั้น “สำหรับการบริการดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงทดลอง โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศระหว่างการเดินทางให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลาย และมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด” ทางบริษัทกล่าว โดยปกติแล้วบริษัท Miyako Taxi จะไม่มีกฎ หรือนโยบายข้อบังคับเกี่ยวกับการขับออกมาเลย แต่ในตอนนี้ทางบริษัทกลับรู้สึกว่าในขณะที่ผู้โดยสารบางคนมักจะชอบฟัง และสอบถามเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเกียวโตอยู่บ่อยๆ แต่ในทางกลับกัน ผู้โดยสารบางคนโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองเกียวโตหรือบริเวณใกล้เคียง มักจะรู้สถานที่ต่างๆ อยู่แล้ว ดังนั้น…
-
แม้ “ทรัมป์” จะมีคำสั่งแบนผู้อพยพ แต่ Google เตรียมต่อต้านด้วยการบริจาค 140 ล้านให้ผู้ลี้ภัย
กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกเลยทีเดียว สำหรับนโยบายของประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐอเมริกา โดนัดล์ ทรัมป์ เมื่อเขาได้ลงนามคำสั่งห้ามผู้อพยพเข้าประเทศชั่วคราว รวมทั้งแบนไม่ให้ชาวมุสลิมจาก 7 ประเทศเข้าสหรัฐอเมริกา แม้พวกเขาเหล่านั้นจะมีกรีนการ์ดก็ตาม โดยช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาทรัมป์ได้ลงออกคำสั่งห้ามไม่ให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาอย่างน้อย 120 วัน และในอีกสามเดือนข้างหน้า พวกเขาจะแบนวีซ่าจาก 7 ประเทศมุสลิม ประเทศในลิสต์ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เพื่อคัดกรองและลดความเสี่ยงที่จะมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในประเทศ คำสั่งดังกล่างสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก เพราะคำสั่งแบนผู้อพยพดูจะขัดกับอุดมการณ์ของสหรัฐอเมริกาที่เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ รวมทั้งการแบนวีซ่า 7 ประเทศมุสลิมไม่เพียงส่งผลเฉพาะนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ผู้ที่เข้ามาพักอาศัยและทำงานในสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าทำงานก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ล่าสุด ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของบริษัท Google คนปัจจุบัน เตรียมบริจาคเงินกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (70 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือเหล่าผู้อพยพ และเขาเชื่อว่าพนักงานของบริษัท ก็จะช่วยบริจาคกันอีกราวๆ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พิชัยได้กล่าวอีกว่าจะมีพนักงานของ Google ราวๆ 200 คน ได้รับผลกระทบจากคำสั่งแบนวีซ่ามุสลิมครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาได้สั่งให้พนักงานเหล่านั้น กลับมาในสหรัฐอเมริกาทันทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
-
นโยบายระดับเทพของ Google ที่ให้พนักงานสามารถ ‘บริจาค’ วันหยุดให้คนอื่นๆ ได้!!!
ถ้าพูดว่าบริษัท Google นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทระดับโลก หลายๆ คนก็คงไม่มีใครกังขากันในเรื่องนี้ และแน่นอนกว่าจะก้าวมาเป็นบริษัทระดับโลกได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และถ้าทำเหมือนบริษัททั่วๆ ไปพวกเขาคงไม่ได้มายืนถึงจุดนี้ใช่รึเปล่า?? นโยบายวันหยุดของพนักงานที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากที่อื่น กล่าวคือตามอายุงาน พนักงานอายุงาน 1-3 ปีจะสามารถหยุดได้ 15 วัน พนักงานอายุงาน 4 ปีสามารถหยุดได้ 20 วัน และถ้าทำมากกว่า 6 ปีพวกเขาจะสามารถหยุดได้ถึง 25 วันเลยทีเดียว!!! เรียกได้ว่าเป็นวันหยุดที่มากพอสมควร แต่เพื่อนๆ เคยได้ยินเรื่องการบริจาควันหยุดระหว่างพนักงานรึเปล่า!? เรื่องของเรื่องคือระบบในรูปแบบนี้เข้ามาเมื่อพ่อแม่ของพนักงานคนหนึ่งป่วย แน่นอนเขาใช้วันลาของเขาหยุดลาไปเพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัว แต่เมื่อวันลาของเขาหมดอาการของพ่อแม่ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นเขาต้องเลือกระหว่างการถูกหักเงินหรือกลับมาทำงานทั้งๆ ที่พ่อแม่ยังป่วยอยู่… หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของเขาก็เกิดปิ๊งไอเดียเกี่ยวกับเรื่องการบริจาควันหยุดขึ้น และทำเรื่องขอฝ่ายบริหารเพื่อให้เพื่อนของเขาสามารถเอาวันหยุดของตัวเองไปได้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการบริจาควันหยุดในบริษัท Google ล่ะ!!! การบริจาควันหยุดในกลุ่มพนักงาน… Laszlo Bock หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทางบริษัท Google ได้พูดเรื่องนี้ในวันที่เหล่าพนักงานพาพ่อแม่มาเยี่ยมชมที่ทำงานของพวกเขา ‘หลังจากนั้นมาเราก็มีนโยบายมอบวันหยุดให้กับเพื่อนร่วมงาน สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือมันเป็นน้ำใจที่คุณสามารถให้เพื่อนร่วมงานของคุณได้’ เขากล่าว สิ่งหนึ่งที่ Google พยายามจะมอบให้กับเหล่าพนักงานของพวกเขาก็คือสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ที่สำคัญที่สุดคือการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และอิสระในการทำงานกับพวกเขา…
-
คุณพ่อเขียนจดหมายถึงบริษัท Apple ขอให้ช่วยปลดล็อค iPhone ของลูกที่จากไปด้วยโรคมะเร็ง
ความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ นั้นมีไว้ก็เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีมาล้วงข้อมูลอันมีค่าของเราไป แต่ถ้าหากว่าเจ้าของเครื่องจากไปแล้ว แต่เครื่องยังคงอยู่ จะมีใครที่สามารถช่วยปลดล็อคให้ได้หรือไม่? อย่างเช่นในเรื่องราวของคุณพ่อสถาปนิกชาวอิตาลี Leonardo Fabbretti ที่ได้ทำการเขียนจดหมายขอร้องให้บริษัท Apple ช่วยปลดล็อค iPhone ของลูกชายที่จากไปแล้ว เพื่อที่หวังว่าจะสามารถนำภายถ่ายความทรงจำดีๆ ที่มีอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าทาง Apple ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ ทางผู้ให้บริการโทรศัพท์จากอิสราเอลจะเข้ามาทำหน้าที่นี้ให้ทันที ที่เคยช่วยหน่วย FBI ทำการปลดล็อค iPhone ของผู้ต้องหาก่อคดีฆาตกรรมหมู่ใน San Bernadino มาแล้ว สำหรับลูกชายของ Leonardo ชื่อว่า Dama ได้รับอุปถัมภ์มาจากประเทศเอธิโอเปียเมื่อ ค.ศ. 2007 แต่ภายหลังไม่กี่ปีเขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระดูกรวมไปถึงได้รับอุบัติเหตุจากการเล่นสกีด้วย ถึงแม้จะได้รับการรักษาหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ Dama จึงจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 13 ปี ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 ‘ผมจะยอมแพ้ไม่ได้ จากการที่สูญเสีย Dama ไป ผมจะสู้เพื่อที่จะนำรูปสองเดือนสุดท้ายที่อยู่ในเครื่องนี้มาให้ได้ และผมคิดว่านโยบายความเป็นส่วนตัวแบบนี้ของบริษัทน่าจะได้รับการพิจารณาใหม่…
-
รัฐบาลแคนาดาประกาศโครงการนำร่อง ‘แจกเงินให้ประชาชนไปใช้ฟรี’ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
นับว่าเป็นข่าวที่ทำให้ชีวิตของประชาชนในประเทศดี๊ดีขึ้นมาทันที โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคราวว่าประเทศฟินแลนด์และเนเธอร์แลนด์ได้ออกโครงการแจกเงินให้ประชาชนไปแล้วแถมประสบความสำเร็จด้วย คราวนี้ก็มาเป็นตาของรัฐบาลของประเทศแคนาดาบ้าง!! แคนาดาเตรียมแผนแจกเงินให้ประชาชนฟรี!! รัฐบาลจากรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ได้วางแผนโครงการนำร่องเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยจะทำการแจกเงินให้กับประชาชนภายในรัฐนำไปใช้ได้ฟรีๆ โดยไม่มีการตอบคำถาม, สัมภาษณ์ หรือเงื่อนไขผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศแคนาดา เงินดังกล่าวเรียกว่ารายได้ขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมในเรื่องของค่าครองชีพต่างๆ เช่น ค่าอาหารการกิน, ค่าเดินทาง, ค่าเสื้อผ้า และค่าจิปาถะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยเงินจำนวนนี้จะจ่ายให้เป็นเช็ครายเดือนไม่ใช่ในรูปแบบของเงินสด ทั้งนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้ระบุว่าจะนำโครงการนี้มาใช้จริงเมื่อไหร่ หรือในพื้นที่ไหน และยังไม่ได้ระบุว่าจะได้รับเงินต่อคนเป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องพิจารณาในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายเหล่านี้อีกทีหนึ่ง ให้เงินประชาชนเอาไปนอนหนุนแทนหมอน!! แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ เลยนะเนี่ย เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ มีเงินเดือนใช้เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประเทศ แค่คิดก็ฟินแลนด์ เอ้ย!! ฟินแล้ว ที่มา : businessinsider, unilad
-
กฏหมายใหม่คุ้มครองสุนัขของกองทัพสหรัฐฯ จะไม่มีตูบตัวไหนถูกทิ้งหลังปฏิบัติหน้าที่แล้ว!!
เหมียวเคยนำเสนอเรื่องราวของสุนัขทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ให้กับกองทัพสหรัฐฯ ไปเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งหลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น ทางกองทัพไม่มีนโยบายที่จะนำตัวสุนัขกลับมายังประเทศสหรัฐฯ อีก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับทหารที่มีความผูกพันกับเพื่อนซี้สี่ขาของตนเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีสุนัขทหารทำหน้าที่เพื่อรับใช้ชาติสหรัฐฯ ประมาณ 2,000 ตัว ช่วยชีวิตทหารและพลเรือนมานับไม่ถ้วน ซึ่งจากนโยบายเก่าหลังจากที่ปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น สุนัขเหล่านี้ก็จะแปลงสภาพกลายมาเป็นพลเรือนทันที ไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นยานพาหนะของกองทัพได้อีกต่อไป และด้วยปัญหาเหล่านี้ที่ค้างคาใจมานาน ทางสภาสหรัฐฯ ก็ได้ร่างกฏหมายขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2558 ซึ่งเป็นการแก้ไขนโยบายสำหรับสุนัขทหารที่ปลดประจำการ โดยทหารที่เป็นคู่หูเจ้าตูบและครอบครัวจะมีสิทธิ์ในการรับสุนัขตัวนั้นไปเลี้ยงก่อนใคร เหล่าทหารผ่านศึกที่ได้กลับมายังบ้านเกิดของตนต่างรู้สึกอ้างว้าง ถึงแม้จะได้กลับมาอยู่ที่บ้านแต่ไม่มีคู่หูสี่ขาที่ร่วมรบเคียงบาเคียงไหล่ มันก็รู้สึกเหมือนกับขาดอะไรไปในชีวิต และด้วยนโยบายใหม่นี้จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไป เมื่อมีกันและกัน ทั้งทหารผ่านศึกปลดประจำการกับสุนัขปลดประจำการ คอยเป็นยารักษาใจซึ่งกันและกัน สำหรับกฏหมายคุ้มครองสุนัขปลดประจำการนี้ กำลังรออุนมัติเซ็นจากประธานาธิบดีอยู่ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ เหมียวขอเชียร์ให้กฏหมายนี้คลอดออกมาเร็วๆ ละกันน้าาาา ที่มา : thechive