Tag: น้องเมย
-
ความเห็นอีกด้านของ “อดีตนักเรียนเตรียมทหาร” กับเหตุการณ์น้องเมย ที่ชาวเน็ตต่างชื่นชม
จากประเด็นการเสียชีวิตของ “น้องเมย” ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วประเทศ จนศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าโรงเรียนดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ปกป้องสถานบันของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง แต่การปกป้องสถานบันที่เราเห็นในโซเชียลมักจะออกไปแนวทางที่ว่ารักสถาบัน จนเห็นการตายเป็นเรื่องปกติของคนที่จะเรียนสายนี้ อย่างเช่นโพสต์นี้ “เก่ง หล่อ แข็งแรง สุภาพบุรุษ” อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ออกมาปกป้องสถานบันโดยไม่คำนึงถึงคุณค่าชีวิตมนุษย์ เพราะศิษย์เก่าหลายๆ คนได้ออกมาเตือนสติเพื่อนๆ ร่วมสถาบันให้รักสถาบันอย่างมีสติ และนี่น่าจะเป็นความเห็นที่ดีสุดจาก “อดีตนักเรียนเตรียมทหาร” เกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องเมย โดยคุณ Thatpon Srisupunbut ระบุว่า… “อดทนต่อความเจ็บใจ”เป็นสิ่งที่พวกคุณควรจะมีมากที่สุดในตอนนี้ ก่อนที่คุณจะให้คนอื่นมีสติคุณควรจะมีสติเสียก่อน คุณต้องคิดก่อนว่าตอนนี้คุณกำลังคลั่งสถาบันรึเปล่า คุณกำลังนำเกียรติยศและศักดิ์ศรีในอาชีพมาข่มศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์หรือไม่ คุณกำลังดูหมิ่นอาชีพอื่นและคนธรรมดาอยู่รึเปล่า …คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าคุณกำลังปกป้องโรงเรียน ?… ผมก็คืออดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่56 ผมก็รักโรงเรียนเตรียมทหารไม่แพ้กับคุณ ผมได้skillต่างๆในการดำรงชีวิตให้ผมอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ก็มาจากเตรียมทหาร ที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมรักและเคารพเหมือนบ้านหลังที่สอง ผมอาจจะถือว่าโชคดีที่พี่ 54 และพี่ 55 และนายทหารนายตำรวจปกครองในสมัยนั้นไม่เคยซ้อมผม ถึงแม้ว่าผมจะมึนๆกว่าเพื่อนหน่อยก็เหอะ ถึงพวกพี่ๆจะโหดแค่ไหนยังไงพี่ก็เห็นผมเป็นน้อง ไม่เคยทำให้ผมต้องมีกระดูกหักหรือบาดเจ็บสาหัสเลยพวกพี่ๆมีมาตรฐานในการสอนดีผมขอนับถือครับ แต่มาวันนี้ทำไมมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มาตรฐานของระบบมันต่ำลงหรืออย่างไร… ? และการแสดงออกต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของนักเรียนเตรียมทหารมันแสดงให้เห็นถึงอะไร..? พวกคุณถูกสอนมาให้อดทนไม่ใช่เหรอครับ พวกคุณอดทนกันได้ทุกอย่าง แต่กลับอดทนไม่ได้แม้แต่คำพูดของใครก็ไม่รู้ การที่คุณจะเป็น “ผู้นำ” ได้นั่นหมายความว่าคุณต้องรับทั้งดอกไม้และก้อนหิน หากคุณคิดว่าคนอื่นจะให้แต่ดอกไม้ คุณคงไม่เหมาะกับการที่จะเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะมีคนด่ามีคนว่าให้โรงเรียนเตรียมทหารอย่างไรมันก็ไม่สำคัญ…
-
ชาวเน็ตต่างชาติคิดเห็นอย่างไร กับกรณี ‘น้องเมย’ เสียชีวิต และอวัยวะภายหายไปอย่างปริศนา
ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเกี่ยวกับ การรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของน้องเมย หรือนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาพร้อมกับอวัยวะบางส่วนที่หายไป และหลังจากที่สื่อจาก Dispatch จากประเทศเกาหลี และ Channel NewsAsia จากประเทศสิงคโปร์ที่ได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีสื่อต่างประเทศอื่นๆ ที่ให้ความสนใจอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น The Straits Times, ABC หรือสื่อชื่อดังอย่าง BBC เองก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เช่นกัน และแน่นอนว่าหลังจากที่สื่อต่างประเทศได้รายงานเรื่องนี้ออกไป ก็มีชาวต่างชาติจำนวนมากที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และนี่ก็คือความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตในต่างประเทศ “นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัว อวัยวะของเขาอาจจะถูกนำไปวางขายที่ไหนก็ได้” “บางทีอาจจะเอาไปใช้ทางไสยศาสตร์ก็ได้นะ!!” ส่วนชาวเน็ตท่านนี้ก็ได้ออกมาแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น “ประเทศไทยดูไร้กฎหมายไปเลย ตั้งแต่มีรัฐบาลทหารเข้ามา” ส่วนชายชาวสิงคโปร์คนนี้ก็บอกว่า เขาคงจะไม่ยอมแน่ๆ ถ้าหากว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับประเทศของเขา “นี่คงจะเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลของไทยจะอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้” “นักเรียนเตรียมทหารนั้นถูกฝึกเพื่อให้กลายเป็นทหารที่เข้มแข็ง และปกป้องประเทศ ไม่ใช่ต่อสู้กับคนที่ฝึกพวกเขา พวกเขายังหนุ่มและเป็นกำลังที่สำคัญในสนามรบ ได้โปรดให้เกียรติพวกเขา” ที่มา The Straits Times, Channel NewsAsia
-
‘น้องเมย’ นักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิตปริศนา ได้รับความสนใจจากสื่อเกาหลีและสิงคโปร์
หลังจากที่ข่าวการเสียชีวิตของการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่กำลังถูกพูดถึงกันอย่างมากถึงการเสียชีวิตอย่างปริศนา และการหายไปของอวัยวะภายในบางส่วน ล่าสุดทางสื่อชื่อดังของต่างประเทศอย่าง Dispatch จากประเทศเกาหลี และ Channel NewsAsia จากประเทศสิงคโปร์เองก็ให้ความสนใจกับประเด็นนี้เช่นกัน ทางด้านสื่อจากเกาหลีอย่าง Dispatch เองก็ได้รายงานข่าวนี้โดยขึ้นพาดหัวว่า “การตายอันน่าสงสัยของนักเรียนเตรียมทหาร” พร้อมกับรายงานว่าทางกองทัพเองก็ได้ออกมาแถลงการว่าการเสียชีวิตดังกล่าวเกิดจากโรคหัวใจ และไม่มีนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตแต่อย่างใด นอกจากนี้สื่อของเกาหลีเองก็ยังได้รายงานว่าแพทย์ได้ระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากสภาวะหัวใจล้มเหลว แต่เมื่อทางญาตินำศพกลับไปชันสูตรกลับพบว่าอวัยวะบางส่วนเช่น สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะนั้นได้หายไปซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่ชวนให้เกิดความสงสัยในสังคมไทยในขณะนี้ สื่อจากประเทศเกาหลีใต้ยังได้ระบุอีกว่าตัวของนักเรียนเตรียมทหารเองก็เคยบอกกับทางครอบครัวว่าตัวเขาเองโดนลงโทษทางวินัยอย่างหนักจากรุ่นพี่ พร้อมกับได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและหมดสติไป และไม่เพียงแค่สื่อจากประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ทางเว็บไซต์ Channel NewsAsia จากประเทศสิงคโปร์เองก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เช่นกัน โดยสื่อดังกล่าวได้พาดหัวว่า “กองทัพไทยกำลังถูกกดดัน ให้อธิบายถึงอวัยวะที่หายไปของนักเรียนนายร้อย” อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการรายงานถึงข่าวการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของน้องเมยแล้ว ทางสื่อจากสิงคโปร์ยังได้รายงานเพิ่มเติมอีกว่าทางกองทัพเองปฏิเสธขอกล่าวหาโดยอ้างว่าแพทย์เองได้ทำการนำอวัยวะของนักเรียนคนดังกล่าวออกมาเพื่อตรวจสอบ และไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทางครอบครัวทราบ เว็บไซต์ Channel NewsAsia ยังได้รายงานคำพูดของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณที่กล่าวถึงการลงโทษที่รุนแรงในการฝึกว่าเขาเองก็เคยผ่านการทำโทษแบบนี้เช่นกัน แต่เขาไม่ตาย ก่อนภายหลังจะออกมาขอโทษกับคำพูดดังกล่าว ที่มา channelnewsasia, dispatch
-
ทหารโพสต์โชว์ท่า “หัวปัก” อ้างว่าทำได้สบายๆ เจอกระแสตอกกลับจากชาวเน็ตเพียบ
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่าสลดของน้องเมย ภคพงศ์ นักเรียนเตรียมทหารที่เกิดการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมไทยอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทารุณกรรมร่างกาย รวมถึงเรื่องของอวัยวะภายในที่หายไปอีกด้วย และหนึ่งในเรื่องที่ถูกหยิบยกมาเป็นข้อสันนิษฐานการเสียชีวิตของ นรต.ภคพงศ์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 นั่นก็คือเรื่องของการทำโทษนั่นเอง เมื่อไม่นานมานี้ได้มีนายทหารท่านหนึ่งโพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับหลักการทำโทษพร้อมขอร้องให้ทุกคนอย่าเข้าใจผิดและสามัคคีกันไว้ ในใจความของโพสต์ของนายทหารท่านนี้ กล่าวว่าการทำโทษด้วยท่าหัวปักนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะทำให้ผู้ที่ไม่เคยฝึกมีอาการบาดเจ็บได้ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกมานั้นสามารถทำได้อย่างไม่เป็นปัญหา พร้อมกับบอกว่าพวกตนที่เคยผ่านการฝึกหน่วยรบพิเศษนั้นก็เคยทำโทษด้วยท่านี้และไม่เคยได้รับอันตรายแต่อย่างใด แต่การฝึกและอันตรายนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคล . เนื้อหาของโพสต์ดังกล่าว “คนไทยด้วยกันสามัคคีกันไว้ ในมุมมองทางการแพทย์ ย่อมมีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา เพราะท่า ‘หัวปัก’ อาจเป็นอันตรายกับคนที่มีโรคประจำตัว หรือ คนที่ไม่เคยฝึกอาจได้รับบาดเจ็บ กล้ามเนื้อหรือกระดูกต้นคอหากผิดพลาด ในมุมมองของผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมา ก็ถือว่าเป็นท่าปกติธรรมดา เพราะกล้ามเนื้อคอได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ใครๆก็ทำได้ นานเป็นชั่วโมงก็ยังได้ แล้วในระยะยาวพวกรุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ผ่านหลักสูตรรบพิเศษไม่ว่า ทบ. ทร. ทอ. ตร. ที่ผ่านการฝึกท่า หัวปัก มาอย่างโชกโชน จนอายุมาก หรือ เกษียณไปแล้ว ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีปัญหาสุขภาพจากท่านี้ แต่!ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% ในระยะยาว เพราะหากแก่ตัวไปกระดูกเริ่มเปราะบางอาจงานเข้าก็ได้ หรือ เริ่มมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน…