Tag: บริหาร
-
ลูกค้าคอมเพลนไม่อยากให้ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ เข้าร้าน ผู้บริหารโต้กลับ ‘อย่ามาที่นี่อีก’
โดยปกติทั่วไปตามห้างร้านหรือบริษัทต่างๆ มักจะมีกล่องรับความคิดเห็นจากลูกค้าวางไว้เสมอ ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้ออกความคิดเห็น เพื่อนำไปปรับปรุงการบริการที่ดียิ่งขึ้น ในบางครั้งก็เป็นคำติชมที่เกี่ยวข้องกับทางร้านโดยตรง แต่บางครั้งก็เป็นการติชมเพื่อเอาความรู้สึกส่วนตัวของลูกค้า หวังจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนไม่ชอบนอกเหนือจากการบริการของทางร้าน กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @Yuto_yumi_ ผู้ทำงานอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่ง และได้เห็นจดหมายตอบกลับจากฝ่ายบริหาร ที่มีต่อข้อเสนอแนะของลูกค้าเกี่ยวกับ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ หรือ LGBT ซึ่งข้อความตอบกลับแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะตอบลูกค้าที่ทางบริษัทเคารพได้ถึงขนาดนี้ รายละเอียดของลูกค้าที่แจ้งเข้ามา มีใจความคร่าวๆ ว่า “อย่าให้พวกกลุ่มรักร่วมเพศเข้ามาในร้าน ระยะหลังๆ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะมีสินค้าราคาถูกและหลากหลาย แต่รู้สึกแย่กับสิ่งที่เจอ อย่างเมื่อวานมาที่ร้านก็เห็นคู่เกย์เดินจับมือกันออกมาจากลานจอดรถชั้น 1… ปัจจุบันคนพวกนี้ยิ่งมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ห้างร้านไม่คิดจะจัดการกับคนเหล่านี้สักหน่อยเหรอ? เห็นมามากพอแล้ว ถ้าไม่จัดการอะไรก็จะไม่มาที่นี่อีก แล้วจะแฉบนอินเทอร์เน็ตให้ด้วย” จากคำคอมเพลนดังกล่าวนั้น ถือว่าดูรุนแรงพอสมควร อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าได้ หากมีคนเห็นพ้องคล้อยตามคำขู่ แต่ทว่าผู้บริหารกลับไม่คิดแบบนั้น…เพราะจดหมายจากสำนักงานใหญ่ชี้แจงชัดเจนว่า “จากข้อสรุปทั้งหมดทางบริษัทขอชี้แจงว่า “กรุณาอย่ามาที่ร้านแห่งนี้อีก” บริษัทของเราไม่ได้คำนึงว่าลูกค้าจะมีรสนิยมรักร่วมเพศหรือไม่ แต่ทุกคนคือลูกค้าของเรา และลูกค้าทุกคนมีความสำคัญ แต่ถ้าหากดูถูกผู้อื่นแล้ว เราจึงไม่อาจต้อนรับท่านได้อีก เพราะฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามาที่ร้านของเราอีก และที่สำคัญพนักงานของเราบางส่วนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มรักร่วมเพศ และเราไม่มีนโยบายไล่ออกจากกรณีนี้ หากท่านมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ ทางบริษัทไม่ได้ตั้งใจจะโต้แย้งท่าน… เพียงแค่ขอร้องว่าอย่าแสดงวาจาหรือกระทำการเหยียบย่ำผู้อื่นต่อหน้ากันแบบนี้ จึงขอความกรุณามาเพียงเท่านี้” …
-
‘ขมิบ’ เพื่อผ่านด่าน… Perifit อุปกรณ์เพื่อคุณแม่หลังคลอด บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แกร่ง!!
การดูแลสุขภาพร่างกายของคนเรานั้น ไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงอายุหนึ่งเท่านั้น แต่จะต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใดๆ ของชีวิต อาจจะไม่ถึงกับขั้นที่ว่าเฟอร์เฟ็กต์ทุกสัดส่วนขนาดนั้น แต่หมายถึงหมั่นเอาใจใส่ดูแลให้มีสุขภาพดีเสมอๆ ดั่งเช่นในเรื่องของกล้ามเนื้อที่มักจะหย่อน ย้วย ยาน ไปตามกาลเวลา นั่นก็เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าหากเราดูแลดีๆ มันก็กลับมาอยู่กับเราได้ตลอด แต่ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็จะย้วยไปอย่างนั้น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เมื่อกล่าวถึงกล้ามเนื้อแล้ว ผู้คนส่วนมากมักจะนึกถึงกล้ามแขน กล้ามหน้าท้อง เหล่ากล้ามที่จะเห็นเด่นชัดได้จากภายนอก แต่ #เหมียวเลเซอร์ ขอบอกเลยว่า กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ของผู้หญิงก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณแม่ที่กำลังจะคลอดและคลอดลูกไปเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในท่ากายบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ด้วยการยืนและย่อพิงกับกำแพง ทำไมกล้ามเนื้อส่วนนี้ถึงสำคัญ? นั่นก็เพราะว่ากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน มีหน้าที่ควบคุมการกลั้นปัสสาวะ อุจาระ และเป็นกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการคลอดบุตร และหลังจากการคลอดบุตรแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้เกิดอาการอ่อนแรงนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในภายหลัง จากเหตุดังกล่าว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงได้แนะนำวิธีการบริหารกล้ามเนื้อส่วนนี้ด้วยการ ‘ขมิบ’ ในการฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อหลังจากการคลอดลูก เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ รวมไปถึงเป็นการฟื้นฟูจากการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือไตด้วย Perifit อุปกรณ์ช่วยฝึกการขมิบ ที่จะทำให้การขมิบของคุณไม่รู้สึกน่าเบื่ออีกต่อไป ปัญหาที่ตามมาก็คือผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะต้องขมิบอย่างไรให้ถูกต้อง หรือจะต้องขมิบบ่อยแค่ไหนถึงจะเหมาะสม เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าอุปกรณ์ Perifit…
-
แนวคิดจาก CEO บริษัทคาลบี้ เพราะการพัฒนาบุคลากรสำคัญกว่า การให้ทำโอทีจึงไม่จำเป็น…
พูดถึงในเรื่องของการทำหน้าที่การงานภายในบริษัทเอกชนต่างๆ ผู้บริหาร นายจ้างหรือหัวหน้าใหญ่ มักจะมอบหมายงานให้บุคลากรแต่ละแผนกทำอย่างแข็งขัน แบบชนิดที่ว่ายิ่งทำงานให้บริษัทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงปริมาณงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำไปสู่การทำงานล่วงเวลา โดยในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทไหนๆ ก็มีระบบดังกล่าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นการทำงานที่เร่งด่วน หรืองานสะสมคั่งค้าง แต่มองในอีกมุมหนุึ่งของคนที่ต้องทำงานล่วงเวลา การทำงานแบบนี้ส่งผลดีหรือผลร้ายกับใครกันแน่ พวกเขาเต็มใจที่จะทำหรือไม่? บังคับให้ทำงานเกินเวลาโดยไม่นึกถึงจิตใจของพนักงานเลยรึเปล่า? ด้วยเหตุนี้เองทางด้านคุณ Akira Matsumoto ประธานบอร์ดบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทผลิตขนมในเครือคาลบี้ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวประเด็นการทำงานล่วงเวลาและมุมมองการบริหารงานของบริษัทไว้น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเขาเองนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากการบริหารงานบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะมองกัน นั่นก็คือการลงทุนกับปริมาณงานนั้น แทบจะเทียบกับการลงทุนพัฒนาศักยภาพของพนักงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่มักจะมีภาพติดตาของเหล่าพนักงานบริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกดื่นเพราะต้องทำงานล่วงเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณ Akira Matsumoto แล้วเขากลับแย้งว่า ‘เลิกซะเถอะ กับการทำงานล่วงเวลาเนี่ย’ มุมมองของเขานั้น เล็งเห็นว่าถ้าหากให้พนักงานใช้เวลาไปกับการทำงานล่วงเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาส่วนนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเลย เพราะนั่นคือเวลาว่างของพวกเขาหลังจากการเลิกทำงานตามเวลาปกติ คุณ Akira Matsumoto ไม่กังวลในเรื่องของการจ่ายค่าโอทีเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ถ้าให้พนักงานทำโอทีบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ…