Tag: บอกลา
-
โมเมนต์บอกลาครั้งสุดท้าย “ผมรู้คุณไม่ได้ยินผมแล้ว แต่ผมรักคุณนะ” ปิดฉากรัก 60 ปี
“รักแท้” มีรูปร่างหน้าตาและความรู้สึกเป็นอย่างไร หากจะให้นิยามเป็นรูปแบบที่ตายตัวคงจะไม่ได้ เพราะทุกคนต่างผ่านเส้นทางความรักที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างจากเรื่องราวของคุณตา Bobby Moore โดยบอกเล่าผ่านภาพถ่ายของช่างภาพสายข่าว April Yurcevic Shepperd ด้วยการเป็นพยานประจักษ์ถึงตำนานความรักแท้ในครั้งนี้ “ในวันนี้ฉันได้เจอกับชายคนหนึ่ง ชายผู้แหลกสลาย ยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต และนี่ก็คือความรักที่มีตัวตนของเขา เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้อง การย่างเท้าของเขาไม่มั่นคง แต่ความตั้งใจของเขายังแน่วแน่ ดวงตาจ้องมองมาที่ปลายทางใจกลางห้อง โลงศพเหล็กสีเทาวางอยู่ตรงนั้นภายใต้แสงสีนวลตา ครึ่งหนึ่งของโลกถูกเปิดเอาไว้ ตกแต่งไปด้วยโบและดอกไม้หลากสีสัน พร้อมกับเขียนคำว่า “ภรรยา” และ “แม่” เมื่อมาถึงปลายทางที่เขาตั้งใจ เขาก้มตัวและจูบริมฝีปากของเธอ ร่างกายอันอ่อนแอก็ยิ่งสั่นคลอน จนกระทั่งคำพูดอันสุภาพและอ่อนน้อมได้หลุดออกมาจากปากของเขา เขาพูดเพื่อให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว และถูกพูดนับครั้งไม่ถ้วนในห้วงเวลาอันแสนสั้น แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดกับเธอ… “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ยินผมอีกแล้ว แต่ผมรักคุณนะ” สิ้นสุดคำพูดของคุณตา น้ำตาก็เอ่อล้นไหลรินออกมา ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา คุณยายอยู่เคียงข้างคุณตามาโดยตลอด แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ยังไม่ใกล้เคียงเสียด้วยซ้ำ คุณตาจึงคว้าเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ โลง ในขณะที่ไม้ค้ำอยู่ทางด้านขวา และร่างของภรรยาอยู่ทางด้านซ้าย เขานั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานเกือบชั่วโมง เขาคว้ามือของภรรยาและลูบเบาๆ คล้ายกับว่าเขากำลังปลอบโยนเธออยู่…
-
เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดพิธีกรรมอำลาสุนัขตำรวจที่ป่วยหนักอย่างสุดซึ้ง ทำเอาน้ำตาซึม
สำหรับตำรวจแล้วสุนัขตำรวจก็เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่พนักงานทั่วไป มันเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี และยังเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาด้วย เวลาที่จะบอกลากันจึงต้องทำเหมือนกับตำรวจคนหนึ่งจะพ้นจากหน้าที่เลยทีเดียว สุนัขตำรวจ Pajti เริ่มปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2013 มันประจำการอยู่ที่เมือง Lonoke รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อไม่นานมานี้มันป่วยหนักมากจนจำเป็นต้องปลดมันออกจากหน้าที่ ทางตำรวจจึงจัดงานอำลาให้มันอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ สุนัขตำรวจแสนรู้ Pajti สัตวแพทย์ตรวจพบว่า Pajti เป็นโรค Osteosarcoma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกชนิกหนึ่ง มะเร็งที่ว่านี้แพร่กระจายไปทั่วตัวของมันอย่างรวดเร็วจนร่างกายของมันอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด นายอำเภอ John Staley จึงตัดสินใจปลดมันออกจากหน้าที่เสีย มันจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่อาการของมันก็แย่กว่าที่พวกเขาคิด พอดูอาการแล้วสัตวแพทย์ถึงกับแนะนำให้พวกเขาการุณยฆาตมันเสีย มันจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน เจ้าหน้าที่ Brooks Grabill คู่หูของเจ้าสุนัขตำรวจฟังแล้วก็ใจหายอย่างช่วยไม่ได้ Brooks Grabil คู่หูของสุนัขตำรวจที่ป่วย เจ้าหน้าที่ Rob Ruble เพื่อนของ Grabil บอกว่า “ในฐานะที่เขาเป็นคนดูแลมัน ก็จำเป็นต้องอยู่กับมันตลอด 24 ชั่วโมงเลย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาต้องรู้สึกผูกพันกันอย่างมาก” เขายังบอกอีกว่า “มันเหมือนกับเรากำลังเสียเพื่อนซี้ไปสักคนหนึ่ง คงจะเป็นแบบนั้นแหละ พวกเขากำลังจะเสียเพื่อนที่สนิทที่สุดคนหนึ่งไป” เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมายืนส่งมันอย่างสมศักดิ์ศรี…
-
นี่คือ 10 สิ่งที่เหล่าพนักงานร้านอาหารรู้สึก ‘รำคาญ’ มากที่สุด แต่ต้องเก็บให้ลึกสุดใจ…
สิ่งหนึ่งที่มักจะทำให้เหล่าพนักงานบริการรู้สึกปวดหัว และหมดกำลังใจในการทำงานมากที่สุด ก็คือการที่พวกเขาต้องเผชิญกับลูกค้าที่มาพร้อมกับทิฐิอันสูงส่งซะจนแทบจะลืมความเป็นมารยาททางสังคมไปซะแล้ว จากประเด็นถกเถียงบนเว็บไซต์ Quora เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้พนักงานร้านอาหารรู้สึกรำคาญใจมากที่สุด ก็ทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาระบายความในใจกันยกใหญ่ ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวม 10 พฤติกรรมที่เหล่าพนักงานร้านอาหารจากทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นี่คือพฤติกรรมที่พวกเขารังเกียจ และรำคาญมากที่สุด!!’ 1. ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหัววุ่นไปมา หากคุณเป็นคนจู้จี้จุกจิกละก็.. ทางที่ดีควรจะสั่งพนักงานในรอบเดียว เพราะหากมัวแต่ให้พนักงานวิ่งบริการคุณไปมามีหวังพวกเขาไม่ต้องไปบริการโต๊ะอื่นกันแล้วแน่ๆ ลองจินตนาการดูสิว่าคุณจะรู้สึกรำคาญใจขนาดไหนถ้ามีคนมาบอกให้คนเอานู้น เอานี้ เอานั่น มาให้ทีละอย่างสองอย่าง 2. ใช้น้ำเสียงคำพูดที่ไม่ให้เกียรติกัน ควรตระหนักไว้เสมอว่า ‘พนักงานเสิร์ฟ’ ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่มีความเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ในสังคม ที่ทำให้กลไกลเศรษฐกิจมันหมุนเวียนไปได้ ลึกๆ แล้วพวกเขาต่างก็อยากให้คุณได้รับการบริการที่ได้ จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ดังนั้นการเลือกใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ให้เกียรติกัน จะช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเราดูน่ารื่นรมย์กว่าเยอะเลย 3. ทำเป็นดีดนิ้วเพื่อเรียกพนักงานเสิร์ฟ คุณอาจจะไปจำจากมาดเท่ห์ๆ ของมาเฟียอิตาลีในหนังฮอลลีวู้ด หรือไปจำมาจากละครหลังข่าวที่มีพระเอกใส่สูทชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีมารยาทเอามากๆ เพราะฉะนั้นแล้วเราขอแนะนำว่าอย่าทำเลยนะ 4. ปล่อยให้ลูกที่น่ารักของคุณวิ่งป่วนไปทั่วร้าน จริงอยู่ที่เด็กเป็นวัยน่ารัก แต่ต้องไม่ลืมว่าลูกของเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน และร้านอาหารก็ไม่ใช่สนามเด็กเล่นด้วยเช่นกัน ลองนึกถึงภาพของพนักงานภายในร้านดูสิว่า หากเขาต้องเสิร์ฟอาหารจารโปรดของคุณให้ไวที่สุด พร้อมกับต้องคอยบริการลูกค้าคนอื่นๆ แล้วต้องมารับมือกับเด็กซนโดยที่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาอีก แหม่… หนักเลยนะนั่น…
-
ยายวัย 80 ปี ถูกโจรทำร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนพลาดโอกาสบอกลาสามีเป็นครั้งสุดท้าย…
หลายๆ คน ไม่ได้บอกลาคนที่รักเป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่รู้ล่วงหน้าหรือไม่มีโอกาส แต่สำหรับคุณยายคนนี้รู้ล่วงหน้า และมีโอกาส แต่ความโชคร้ายก็ดันมาพรากโอกาสนั้นไป คุณยาย Virginia วัย 82 ปี พลาดโอกาสบอกลาสามีเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถูกคนร้ายสองคนรุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในบ้านของตนเอง Deanna King-Poeling หลานสาวของคุณยายได้เล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่าเกิดขึ้นที่เมือง Central Heights รัฐแอริโซนา และเธอเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นคุณยายก่อนถูกทำร้าย เธอบอกว่า ได้ไปบ้านคุณยายตอนประมาณ 21.30 น. เพื่อช่วยหากุญแจรถให้เธอ ในระหว่างที่อยู่ในบ้าน คุณยาย หลานสาวและคุณลุง ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการจัดงานศพให้สามีของเธอในวันรุ่งขึ้น Deanna และคุณลุงอยู่จนถึงประมาณ 5 ทุ่ม จนคุณยายบอกว่าเหนื่อยและได้ขอไปนอนพัก จากนั้นหลานสาวก็กอดลาคุณยายก่อนจะแยกย้ายกัน หลังจากที่หลานสาวและลูกชายออกจากบ้านเพียงไม่นาน ก็มีโจรสองคนบุกเข้าไปในบ้านของคุณยาย จากนั้นก็ทุบไหล่ยายอย่างแรง ขณะที่เธอกำลังยืนล้างจาน เมื่อยายหันไปก็เจอผู้ชายตัวสูงใหญ่ใส่หน้ากากสีขาวปิดหน้า จากนั้นโจรก็ลงมือทุบตีคุณยาย ยายพยายามจับแขนโจรจนทำให้เล็บไปข่วนโดนโจรเข้า โจรคนนั้นร้สึกโมโหมาก จึงได้หยิบแก้วที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์แล้วตีเข้าที่ท้ายทอยของคุณยาย จากนั้นก็ใช้กำปั้นทุบต่อยคุณยายไม่ยั้ง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังแย่ลง เธอจึงตัดสินแกล้งตายและนอนจมกองเลือดนานกว่า 3 ชั่วโมง…
-
ชาวเมือง Aleppo บางส่วนเริ่มโพสต์ทวีต ‘ลาตาย’ หลังกองกำลังรัฐบาลซีเรียบุกเข้ายึด!!
ไม่เคยมีเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในสงคราม ไม่มีใครถูกหรือผิดที่แท้จริง เพราะทุกฝ่ายต่างผิดกันทั้งนั้น… จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศซีเรียอยู่ในขณะนี้ ทั้งโลกต่างจับตามองกันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศซีเรียเองนั้นก็ได้รับผลกระทบมากมาย ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย หรือแม้แต่เด็กกับผู้สูงอายุก็ด้วย เพราะทุกที่ที่มีสงครามเกิดขึ้นนั้นย่อมทำให้มีผู้คนล้มตาย และด้วยความโหดร้ายของทัศนคติของผู้ทำสงคราม ก็ทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกเสมือนชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย และล่าสุดสงครามการปะทะกันระหว่างกองกำลังต่อต้านรัฐบาล กับกลุ่มกองกำลังของรัฐบาล Assad ก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กับเมือง Aleppo ทุกที ชาวเมืองที่อยู่ที่นั่นก็เริ่มออกมาโพสต์ทวิตเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลาบุคคลอันเป็นที่รักและบอกลาโลกใบนี้ เพราะไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วยพวกเขา ที่ทำได้ก็มีแต่รอความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเพราะเหตุใดชาวเมืองถึงไม่อพยพหนีไปล่ะ? นั่นก็เพราะว่าในขณะนี้ไม่ว่าพื้นที่ไหนในประเทศซีเรียก็กำลังถูกกองกำลังฝั่งรัฐบาลยึดไว้หมดแล้ว เหลือแต่เมือง Aleppo เท่านั้นที่ยังคงเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกองกำลังต่อต้านรัฐบาล ซึ่งกลุ่ม Assad นั้นเป็นกลุ่มทหารของรัฐบาลซีเรียซึ่งเป็นเผด็จการและได้ปกครองประเทศซีเรียมาอย่างยาวนาน ส่วนฝ่ายกบฏนั้นก็เกิดจากกลุ่มประชาชนหัวรุนแรงที่นับถือนิกายซุนนีย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลจึงรวมตัวกันออกมาต่อต้าน แต่ภายหลังก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มกบฏดั้งเดิมกับกลุ่ม ISIS เพราะผู้นำมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่กลุ่ม ISIS ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการรบของ Assad และกลุ่มกองกำลังต่อต้านแต่อย่างใด แต่มีเป้าหมายในการขยายอิทธิพลขึ้นไปทางตุรกีเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังก่อสงครามและสร้างความรุนแรงให้กับทุกที่ที่แผ่อิทธิพลไปถึง นอกจากนี้ก็มีการยื่นมือเข้ามามีเอี่ยวของเหล่ากองกำลังจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิรัก รัสเซีย หรืออเมริกาก็ตาม ซึ่งทุกคนต่างก็มีเหตุผลที่จะเลือกสนับสนุนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันออกไป และนี่คือแผนผังความสัมพันธ์ของแต่ละประเทศที่อยู่ทางในแถบยุโรปตะวันออก…
-
20 ไอเดียเค้กบอกลาเพื่อนร่วมงานแบบดี๊ดี รับรองว่า จำจดไปถึงชาติหน้าเลยทีเดียว!!
สำหรับการใช้ชีวิตในวัยทำงานนั้น สิ่งหนึ่งที่เรามักจะเจออยู่เป็นประจำคือ การเปลี่ยนผ่านของเพื่อนร่วมงาน บางคนอาจจะเจอหนทางที่ดีกว่า หรือลาออกไปทำตามความฝันในวันที่พร้อม และการบอกลาด้วยขนมเค้ก ก็ถือว่าเป็นธรรมเนียมที่มักจะปฏิบัติกันไปทั่วโลกเช่นเดียวกัน และสำหรับใครที่ตอนนี้มีเพื่อนร่วมงานกำลังจะลาออก หรือกำลังจะเปลี่ยนงานในอีกไ่ม่ช้า เราขอแนะนำให้รู้จักกับสุดยอดไอเดียการแต่งหน้าเค้ก ที่รับประกันได้เลยว่า เพื่อนร่วมงานคนนั้นคงไม่อยากจะกลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สองอีกแน่นอน!! 1. ทำงานสายโปรแกรมเมอร์ อาจจะต้องเจอแบบนี้ เอาซะไปไม่ถวดเลย 2. ‘ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ไอ้คนทรยศ!!’ 3. ‘ทำไมเธอถึงเกลียดพวกเรามากนักนะ?’ 4. ‘แล้วเราจะคิดถึงเธอตลอดไป’ เดี๋ยวๆ นี้มันเค้กจริง หรือว่ากระบะทรายแมวของจริงกันแน่ละเนี่ย!! 5. ‘เบน นายตายจากเราไปแล้ว ต่อจากนี้ขอให้นายล้มเหลวนะ’ 6. ‘อย่าทิ้งเราไปนะโว้ยเจมส์ มันเป็นกับดัก!!!’ 7. GTFO = Get the fuck out แปลว่า ‘เอ็งออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!’ 8. ‘ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก บางทีเธออาจใช้เค้กนี้ไปสมัครงานที่ต่อไปนะ’ 9.…
-
‘Fault in Our Stars’ ในชีวิตจริง เธอบอกลาสามีเป็นครั้งสุดท้ายผ่าน FaceTime เพราะไม่อาจอยู่เคียงข้างเขาได้
หลายๆ คนอาจจะเคยดูภาพยนตร์เรื่อง The Fault in Our Stars กันมาบ้าง เรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักที่ต้องนับวันเวลาของพวกเขาที่น้อยลงเรื่องๆ ด้วยโรคภัยที่รุมเร้าพวกเขาทั้งสอง ทั้งสะเทือนใจคนดูและสอนให้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตอย่างมาก แต่นี่คือเรื่องราวที่คล้ายกัน และเป็นชีวิตจริงๆ… เรื่องราวของ Dalton Prager และ Katie Prager สองสามีภรรยาที่ป่วยเป็นโรค Cystic Fibrosis หรือ CF โรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลส่วนมากต่อระบบทางเดินหายใจซึ่งอันตรายถึงชีวิต โชคร้ายที่สามีของเธอนั้นต้องไปพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใน St. Louis ส่วนเธอก็ต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาลใกล้บ้านเกิดของเธอในรัฐ Kentucky ซึ่งอยู่ห่างกันไปราวๆ 650 กิโลเมตร ทำให้ทั้งสองมีโอกาสเจอกันไม่ค่อยบ่อยนัก ย้อนกลับไป ทั้งสองพบกันในปี 2009 ผ่านทางเฟซบุ๊ค ซ้ำร้ายกว่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะทำการผ่าตัดปลูกถ่ายปอดใหม่ แต่เขาก็ถูกโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรุมเร้าจนอาการร่อแร่ลงเรื่อยๆ ด้วยภาวะแทรกซ้อนนี้ แต่ด้านภรรยาของเขานั้นหลังจากผ่าตัดปลูกถ่ายปอดใหม่เหมือนกัน แต่เธอก็มีภาวะแทรกซ้อน จากแบคทีเรียที่เธอติดเชื้อมานั้นคือ โรคเมลิออยด์ ซึ่งมีผลต่อปอดแถมยังอันตรายมากๆ สามารถเสียชีวิตได้แม้จะอยู่ในความดูแลของหมอก็ตาม เรื่องที่น่าเศร้าก็คือเธอติดเชื้อโรคนี้มาจากคนไข้รายอื่นตอนไปเยี่ยมสามีของเธอ ถึงแม้หมอจะเตือนอย่างหนักว่าไม่ควรมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะอาจติดโรคได้ แต่เธอก็ไม่ฟังเพราะความรักและเป็นห่วงสามีของเธอ ‘เราต้อสู้กับโรคร้ายนี้ด้วยกัน เขาเป็นนักสู้ที่กล้าหาญอย่างมาก คำว่ายอมแพ้ไม่เคยมีในหัวของเขาเลยแม้แต่น้อย’ ภรรยากล่าว แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่นานที่จะได้มีชีวิตอยู่ ราวๆ 2 อาทิตย์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาต้องพักอยู่ในห้อง…
-
คำขอร้องจากสามีก่อนตาย ขอกุมมือภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะทำได้แค่นอนเตียงข้างกัน…
เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง เราอาจจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมามากมาย รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ต้องการจะทำ แต่ก็ไม่อาจย้อนเวลาไปได้…. Jim Minnini วัย 58 ปีก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้านที่ประสบกับโรคมะเร็งปอด แม้ว่าจะเข้ารับการรักษามากแค่ไหนแต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงทุกที และสิ่งสุดท้ายที่เขาขอก็คือเขาต้องการที่จะอยู่กับ Cindy ภรรยาสุดที่รักอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ย้อนกลับไปช่วงที่เขาเข้ารับการรักษามะเร็งใหม่ๆ ภายหลังเพียงแค่วันเดียว Cindy ก็ประสบกับอาการหัวใจวายจนต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Brockville รัฐ Ontario ประเทศแคนาดา เพื่อให้ทั้งสองได้มีช่วงเวลาด้วยกันอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย แพทย์ผู้รักษา Cindy จึงได้ทำการย้ายเธอมาที่ Kingston General Hospital โรงพยาบาลที่ Jim จะมีชีวิตอยู่เป็นวันสุดท้าย ถึงแม้ว่าเธอยังไม่รู้สึกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งของคู่รักที่ไม่อาจแยกจากกันได้ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่คำขอร้องของ Jim เป็นจริง เขากุมมือภรรยาไว้อย่างนั้นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเขาหมดลงภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ซึ่ง Cindy เองตอนนี้ก็กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว และ Chris ผู้เป็นลูกชายกล่าวเอาไว้ว่า ‘เหมือนพ่อพยายามที่จะยื้อร่างกายของตัวเองเอาไว้ เขาจะไม่ยอมจากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลาแม่เสียก่อน’…
-
เรื่องราวความสุขในวันสุดท้ายของเจ้าสุนัข Lena อันเป็นที่รัก ก่อนที่จะหมดลมหายใจ!!
ความจริงแล้วเหมียวก็ไม่ค่อยอยากจะแชร์เรื่องราวแบบนี้ซักเท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกเศร้า แต่ทว่ามันก็เป็นหนึ่งกลไกของชีวิต เมื่อมีเกิดก็ต้องมีวันจาก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ตาม ไม่มีใครสามารถหลีกหนีความจริงเช่นนี้ไปได้ ผู้ใช้จากเว็บไซต์ Imgur นามว่า NickCageMatch ได้ทำการแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการสูญเสียสุนัขอันเป็นที่รักที่มีชื่อว่าเจ้า Lena โดยทำการเล่าเรื่องผ่านมุมมองอันแสนสุขของมัน ‘สวัสดีจ๊ะ เราชื่อ Lena นะ ฉันเพิ่งจะหลับไหลไปตลอดกาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ แต่ไม่ต้องเศร้าไปนะ เพราะว่าฉันมีอายุถึง 15 ปีครึ่งแล้ว ฉันก็เลยอยากจะเล่าช่วงเวลา 24 ชั่วโมงสุดท้ายอันแสนสุขให้ฟัง’ ‘อย่างแรกเลยที่อยากจะบอกก็คือ สุขสันต์วันคริสต์มาส ฉันชอบวันหยุดแบบนี้มากๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันดีไปหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารเลิศรส และของเล่นชิ้นใหม่ แต่ฉันก็รู้สึกผิดหวังเล็กๆ ที่ว่าฉันจะอยู่ไม่ถึงคริสต์มาสปีนี้น่ะสิ แต่ฉันก็ชอบปีที่ผ่านๆ มานะ’ ‘ฉันทำกิจกรรมมากมายหลายอย่างในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากจะรอคอยให้มีเพื่อนๆ มาเยี่ยมที่บ้านแล้ว ฉันก็ชอบช่วงเวลาที่มีคนเดินเข้ามาที่บ้านนี่แหละ’ ‘ในวันสุดท้ายของฉัน คุณพ่อก็พาฉันออกไปข้างนอก ทำกิจกรรมต่างๆ เยอะแยะมากเลย อย่างเช่นออกไปเดินเล่นแถวๆ เนินเขา Moab’ …
-
โบกมือลาปัญหาแขนใหญ่ด้วย 5 วิธีลดต้นแขนแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้แน่นอน
นอกจากปัญหาความอ้วนที่มักจะชอบมากวนใจสาวๆ แล้ว อีกหนึ่งปัญญาที่กวนใจสาวๆ ไม่แพ้กัน ก็คงจะหนีไม่พ้น ‘ปัญหาแขนใหญ่’ ซึ่งสาวๆ บางคนก็ตามล่าหาวิธีที่จำกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป เพราะปัญหาแขนใหญ่ นอกจากจะทำให้สาวๆ หมดความมั่นใจแล้ว ยังอดใส่เสื้อโชว์แขนสวยๆ อีกด้วย ในวันนี้เหมียวเลยจะมาบอก 5 เคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยกำจัดปัญหาแขนใหญ่ที่สาวๆ เกลียดนักเกลียดหนาให้หมดไป ว่าแต่จะเป็นวิธีอะไรนั้น ตามมาดูกัน 1.กระโดดเชือก นอกจากการกระโดดเชือกจะช่วยลดในมันในตัวแล้ว ยังสามารถช่วยลดต้นแขนได้อีกด้วย เพราะการกระโดดเชือกจะทำให้กล้ามเนื้อแขนได้ทำงานโดยการหมุน และทำให้เกิดการเผาผลาญไขมัน หากทำเป็นประจำทุกวัน เตรียมโบกมือลาแขนใหญ่ได้เลย 2.ยืดเส้น บอกเลยว่าวิธีนี้ง่ายมากๆ แถมยังไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าหากยืดเส้นบ่อยๆ การยืดเส้นจะช่วยปรับกล้ามเนื้อให้เข้ารูปดียิ่งขึ้นยังไงละ ง่ายแบบนี้อย่าลืมไปลองทำกันดูนะสาวๆ 3.หมุนข้อมือ การที่สาวๆ ได้ถือของหนักๆ ในมือ จะช่วยให้ร่างกายได้ทำงาน โดยการใช้ที่ยกน้ำหนักยืดแขนออกไปให้นิ่ง จากนั้นก็เริ่มหมุนขึ้นลง และข้าออก เพียงเท่านี้แขนใหญ่ แขนย้วยก็ลาแล้วลาลับแล้วจ้า 4.โหนบาร์ การโหนบาร์จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ยิ่งโหนนานเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับร่างกายมากๆ เลยทีเดียว สาวๆ…
-
น้ำตาจะไหล เมื่อได้ชมชุดภาพถ่าย ‘ภาพแรก & ภาพสดท้าย’ ของเจ้าของและสัตว์เลี้ยง ก่อนบอกลากัน
ความผูกพันธ์ของเจ้าของและสัตว์เลี้ยงนั้นเริ่มก่อตัวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน ร่วมทุกข์และร่วมสุขด้วยกันทุกวัน แต่เมื่อพบก็ต้องมีจาก เมื่อถึงเวลาของเหล่าสัตว์เลี้ยงที่มีอายุขัยอันแสนสั้น จึงกลายมาเป็นรูปภาพที่ถ่ายร่วมกับเจ้าของเป็นครั้งสุดท้าย และทุกตัวจะอยู่ในความทรงจำของเจ้าของตลอดไป ‘จากการทักทายครั้งแรกนำไปสู่การบอกลาครั้งสุดท้าย เป็นสุนัขที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเลี้ยงมา’ ‘ด้วยความรักและความห่วงใยที่มีให้ตลอดช่วงเวลาดีๆ ที่ยังอยู่ด้วยกัน’ ‘เจ้าเหมียวขี้บ่น Cassie เสียไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เรายังคงคิดถึงเธออยู่เสมอ’ ‘ภาพแรกและภาสุดท้ายของสุนัขอันเป็นที่รักของผม’ ‘วันแรกและวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกัน’ ’14 ปีแห่งมิตรภาพอันสวยงาม ขอให้ไปสู่สุขตินะเจ้า Docker’ ‘ภาพแรกและภาพสุดท้ายของเจ้า Steve Holt แล้วฉันจะคิดถึงแกนะ’ ‘ภาพแรกและภาพสุดท้ายของฉันกับเจ้า Kilo ขอให้ไปสู่สุขคตินะสหายตัวน้อย’ ‘ภาพแรกของเราทางด้านซ้าย และมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป’ ‘เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ฉันรักเธอมาก และฉันจะคิดถึงเธอ’ ‘ภาพแรกและภาพสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน เจ้าเหมียว Mortimer’ ‘นี่คือภาพแรกและภาพสุดท้ายของเจ้าเหมียวของฉัน’ ‘นี่คือภาพแรกและภาพสุดท้ายที่เราได้เก็บเอาไว้ตลอดระยะเวลา 16…